นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 856ถึง 860
ณ ดินแดนฮวง
บนเกาะกลางทะเลขนาดไม่ใหญ่นัก
“ฮัดชิ่ว!”
เวลานั้น บรรพจารย์ฝูอดมิได้ที่จะจามออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยเสียงขมขื่น “มาอีกแล้ว! ดูท่าคงหนีไม่พ้นแล้วจริง ๆ หรือ”
เขาอยากร้องไห้จริง ๆ สังหรณ์ไม่ดีในใจรุนแรงยิ่งนัก น่ากลัวว่าเขาคงซ่อนตัวต่อไปมิได้แล้ว!
...
บนทะเลทราย
“บรรพจารย์ฝู?”
แมงมุมยักษ์สีดำหัวเราะพรืด “ข้าไม่สนบรรพจารย์อะไรทั้งนั้น ยามอยู่ต่อหน้าข้าล้วนไร้น้ำยา!”
มันมาจากจักรวาลโกลาหลแห่งอื่น เป็นตัวตนระดับจ้าวผู้ยิ่งใหญ่ในนั้น ระดับพลังสูงถึงขอบเขตลอยชายขั้นเจ็ด
แน่นอนว่าเป็นขอบเขตก่อนมันมายังอาณาจักรนี้
บัดนี้ขอบเขตของมันสูงยิ่งขึ้น เหนือกว่าขอบเขตลอยชาย ก้าวสู่ขอบเขตผู้บงการแล้ว
สิ่งแวดล้อมในปฐพีผืนนี้เปลี่ยนไปมหันต์ สสารระดับสูงพวยพุ่งไม่หยุด มันเป็นกลุ่มแรกที่มาถึงอาณาจักรนี้ และหลังมันมาถึงก็ง่วนอยู่กับการฝึกฝน
นี่อย่างไร มันเพิ่งตื่นจากการนิทราลึก จนก้าวข้ามขอบเขตไปแล้ว
มันไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกเลยสักนิด จดจ่ออยู่กับการฝึกฝนเท่านั้น
หากมิใช่ว่าหลี่จิ่วเต้าตวัดกระบี่ฉุนจวินที่นี่จนสะเทือนไปถึงมัน มันคงยังไม่ตื่นมาและฝึกฝนขั้นลึกต่อ
นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความน่าทึ่งของสสารระดับสูงที่พวยพุ่งไม่หยุดในอาณาจักรนี้
มันเพิ่งมาอยู่อาณาจักรนี้ได้นานเท่าใดเอง สองสามปีไม่เกินเท่านั้น แต่กลับยกระดับพลังได้อย่างถี่กระชั้น ซ้ำยังก้าวข้ามขอบเขตใหญ่ไปได้ สสารระดับสูงนี้มหัศจรรย์เหลือเกิน!
สิ่งมีชีวิตจักรวาลโกลาหลตนอื่นที่ง่วนอยู่แต่กับการฝึกฝนเฉกเช่นแมงมุมมีอยู่นับคณา ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าสสารระดับสูงนี้มีวันหายไปหรือไม่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงเห็นค่าเวลาอย่างยิ่งยวด ไม่ต้องการเสียไปแม้แต่น้อย มุ่งมั่นอยู่แต่กับการฝึกฝน
แมงมุมดำก้าวสู่ขอบเขตผู้บงการ กำลังรบเพิ่มพูนทวีคูณ มันไม่แยแสบรรพจารย์ฝูอะไรนั่นเลยสักนิด
ต่อให้บรรพจารย์ฝูคือยอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลอื่น มันก็ไม่ยี่หระ
ใช่ว่าจักรวาลโกลาหลทุกผืนเหมือนกันหมด
จักรวาลโกลาหลมีทั้งที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ ผืนของมันคือสุดยอดจักรวาลโกลาหล เหนือชั้นกว่าจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ ไปมาก
มันผู้เป็นถึงตัวตนระดับจ้าวผู้ยิ่งใหญ่ในสุดยอดจักรวาลโกลาหลเช่นนี้ย่อมทะนงตน ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ ในสายตา
โดยเฉพาะตอนนี้ที่มันบรรลุขอบเขตผู้บงการ ยิ่งไม่ต้องเห็นอยู่ในสายตา
‘หากข้าออกไปในเวลานี้ คงกวาดล้างได้ทุกสิ่ง!’
มันคิดในใจ มั่นใจเต็มเปี่ยม ทึกทักว่ามันในยามนี้ไร้เทียมทาน มิมีผู้ใดเป็นคู่มือของมัน
“ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของบรรพจารย์ฝูมาก่อนหรือ ดูท่าเจ้าเองคงไม่เท่าไหร่”
หลี่จิ่วเต้ามองแมงมุมดำขึ้น ๆ ลง ๆ รู้สึกว่าแมงมุมดำคงมิได้แข็งแกร่งแน่ ๆ ถือเป็นตัวละครต่ำต้อย ถึงไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของบรรพจารย์ฝู
เขารู้ดีว่าบรรพจารย์ฝูแข็งแกร่งเพียงใด หากแมงมุมดำเก่งกาจพอ ไม่มีทางไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของบรรพจารย์ฝูมาก่อน
“ไม่เท่าไรหรือ?!”
หลังแมงมุมดำได้ยินก็อยากหัวเราะให้ตายชัก
มันเป็นถึงผู้บงการ กลับถูกกล่าวหาว่าไม่เท่าไรรึ หลี่จิ่วเต้าคิดจะทำให้เขาตายเพราะการขำ แล้วรอดจากเคราะห์ร้ายคราวนี้ไปได้อย่างนั้นหรือ
“เช่นนั้นข้าผู้มีฝีมือไม่เท่าไรจักจบชีวิตเจ้าเสียที่นี่!”
ขาแมงมุมข้างหนึ่งของมันฟาดฟันไปหาหลี่จิ่วเต้า คมกริบเสียยิ่งกว่าปลายมีด พร้อมด้วยเรี่ยวแรงไร้เทียมทานสามารถตัดได้ทุกสิ่ง
หลี่จิ่วเต้ายกมือ ตั้งจิตหนึ่งครั้ง กระบี่ฉุนจวินพุ่งออกจากมือเขาทันทีและฟันลงไปที่ขาแมงมุม
กระบี่ฉุนจวินต่างหากที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จจริง เสียงดังพรวด ขาแมงมุมข้างนั้นโดนฟันขาด ตัวกระบี่มิมีโลหิตเปรอะเปื้อนสักหยด
‘เป็นพวกตัวละครต่ำต้อยจริงด้วย!’
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะในใจ การต่อสู้นี้กดดันหรือ? ไม่เลยสักนิด!
“อะไรกัน!”
แมงมุมดำตกใจแทบแย่ เป็นไปได้อย่างไร นั่นมันกระบี่อันใดกัน น่ากลัวเกินไปแล้ว! ตัดขามันได้ง่ายดายราวกับตัดเต้าหู้!
กายเนื้อขอบเขตผู้บงการของมันประหนึ่งของตั้งวาง ไม่อาจป้องกันได้เลย!
เช่นนี้แล้วมันไฉนเลยจะไม่เข้าใจอีก มันเจอกับคนโหดเข้าแล้ว หลี่จิ่วเต้าน่าพรั่นพรึงกว่าที่มันคิดมาก!
“บรรพจารย์ฝู! บรรพจารย์ฝูผู้นั้นน่ะหรือ ข้านึกออกแล้ว ช่างเป็นบุคคลไร้เทียมทานจริง ๆ! ข้าเคยมีวาสนาพบกับบรรพจารย์ฝูผู้นี้ ทรงพลังสุด ๆ!”
มันรีบบอก และประจบประแจงบรรพจารย์ฝู แม้ว่ามันไม่รู้จักบรรพจารย์ฝูที่ว่าและไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ประจบไปก่อนย่อมไม่เสียเปรียบ!
ตามคาด มันเห็นสีหน้าของหลี่จิ่วเต้าผ่อนลง ทั้งยังเก็บกระบี่ฉุนจวินกลับไป
“ฝึกฝนโดยไม่รู้จักบรรพจารย์ฝู ต่อให้ขอบเขตพลังสูงส่งเพียงใดก็ไร้ความหมาย!”
หลี่จิ่วเต้าหันมองแมงมุมดำพลางกล่าว “จำชื่อบรรพจารย์ฝูให้แม่น แล้วมีใจเคารพต่อบรรพจารย์ฝู วันหน้าอาจช่วยชีวิตเจ้าได้”
“เข้าใจแล้ว ข้าจะจำชื่อบรรพจารย์ฝูให้ขึ้นใจ!”
แมงมุมดำรีบบอก
มันนึกไปว่าบรรพจารย์ฝูผู้นี้เป็นตัวตนระดับใดกัน กระทั่งหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ยังนับถือปานนี้!
‘จำไว้ จากนี้ไปหากเจอปัญหาเข้าจริง ๆ สามารถกล่าวอ้างถึงบรรพจารย์ฝูผู้นี้! บางทีอาจข่มขวัญศัตรูได้จริง ๆ!’
มันคิดในใจ
“เอาล่ะ จงอยู่อย่างสงบเจียมตัว อย่าได้กระทำความชั่ว มิฉะนั้น ข้าจะมาหาเจ้าเป็นคนแรก!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย ก่อนจะไปจากที่นี่พร้อมกิเลนไฟ
แน่นอนว่าเขามิได้ขี่หลังกิเลนไฟ หากแต่ยืนอยู่บนกระบี่ฉุนจวินและเหิน
‘กระบี่นี่ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือที่ใดมีปีศาจอยู่บ้าง ท่องยุทธภพพร้อมอาวุธคู่ใจ ตวัดฟาดฟันปีศาจมารร้ายต่างหากคือความฝันสูงสุดของข้า!’
หลี่จิ่วเต้าตาลุกวาวขณะคิดในใจ
“ค่อย ๆ ไป พวกเราวนให้ทั่ว ๆ…”
เขาบอกกับกิเลนไฟ อยากดูว่าที่ใดมีความไม่สงบบ้าง เขาจะได้ตวัดกระบี่ขจัดความอยุติธรรม!
...
บนยอดเขาที่กระบี่ฉุนจวินเคยปักอยู่
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงบางอย่างดังขึ้นจากใต้พสุธาอีกครั้งประดุจเสียงเต้นของหัวใจ พร้อมกับเสียงหายใจที่ดังขึ้น
ที่นี่เคยมีเสียงหัวใจเต้นดังมาก่อน ทว่ามิได้รุนแรงชัดเจนเฉกเช่นครานี้ สิ่งมีชีวิตใต้ดินกำลังจะฟื้นสภาพออกมาแล้วหรือ?!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งมีชีวิตใต้ดินย่อมต้องสยดสยองถึงขีดสุด กระทั่งกระบี่ฉุนจวินยังมิอาจสะกดได้อีก ถูกไล่ต้อนออกไป!
มิหนำซ้ำ กระบี่ฉุนจวินยังได้รับผลกระทบใหญ่หลวง พลานุภาพลดฮวบ มีทีท่าว่าจะถูกดูดกลืนให้กลายเป็นพวกเดียวกัน!
ครานั้นกระบี่ฉุนจวินถูกไล่ต้อนออกมา ซ้ำยังอยากหนีไปจากไปที่นี่ สิ่งมีชีวิตใต้ดินน่ากลัวเกินไป ใกล้จะควบคุมมันได้เต็มรูปแบบแล้ว
อนิจจา กระบี่ฉุนจวินหนีไม่พ้น ถูกพลังจากสิ่งมีชีวิตใต้ดินดูดดึงไป ถึงได้ปักอยู่บนยอดเขา
ถ้าหากหลี่จิ่วเต้ามิได้นำกระบี่ฉุนจวินไปด้วย กระบี่ฉุนจวินต้องตกเป็นศาสตราของสิ่งมีชีวิตใต้ดินเป็นแน่!
เวลานั้นเอง คล้อยตามเสียงเต้นของหัวใจและเสียงหายใจที่ดังออกมาไม่หยุด ที่นี่เริ่มมีม่านหมอกสีเลือดแผ่ซ่านออกไปรอบ ๆ
ม่านหมอกสีเลือดเหล่านี้พิศวงน่าสะพรึงอย่างยิ่งยวด คล้ายว่าสนอกสนใจในสิ่งมีชีวิตผู้ทรงพลัง ยามเดินทางผ่านสิ่งมีชีวิตที่มิได้มีฝีมือเท่าใดจึงไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ทว่าเมื่อได้พบสิ่งมีชีวิตความสามารถกล้าแกร่ง ม่านหมอกสีเลือดเหล่านี้เริ่มขยับตัว บุกไปหาสิ่งมีชีวิตทรงพลังเหล่านั้น!
“นี่มันอะไรกัน?!”
“ไสหัวไปเสีย!”
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังออกมาจากสถานที่ต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตยอดฝีมือที่ถูกม่านหมอกสีเลือดจู่โจมล้วนปัดป้องสุดกำลัง ไม่ยอมให้ม่านหลอกสีเลือดประชิดตัว
ทว่าม่านหมอกสีเลือดเหล่านี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด สิ่งมีชีวิตยอดฝีมือเหล่านั้นไม่อาจหยุดยั้งได้เลย พลังและการโจมตีต่างไม่เป็นผลเลยสักนิด!
ไม่นานนัก ม่านหมอกสีเลือดเหล่านี้ก็คลี่แผ่ปกคลุมบรรดาสิ่งมีชีวิตยอดฝีมือ และกลืนกินพวกเขาไปในเสี้ยวลมหายใจ!
จากนั้น ภาพแสนพิศวงเกิดขึ้น ม่านหมอกสีเลือดที่กลืนกินเหล่าสิ่งมีชีวิตยอดฝีมือเข้าไปมีลำตัวและศีรษะงอกออกมา กลายเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างพิลึก!
โฮกกกก!
พวกมันส่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยว บ้างคล้ายเสียงอสูร บ้างคล้ายเสียงครวญครางของวิญญาณร้ายที่สิงสถิตมานับหมื่นปี พวกมันกระจายตัวกันไปตามหาเป้าหมายใหม่!
ในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีสสารระดับสูงอยู่มาก สรรพสิ่งในพื้นที่นี้ล้วนเปลี่ยนไปอย่างพลิกผัน ต้นไม้กลายเป็นพฤกษาวิเศษสูงส่ง เหล่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยและพวกแมลงก็แกร่งกล้าขึ้นอย่างยิ่งยวด
แม้แต่ยอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลอื่นยังไม่สามารถเข้ามาได้ง่าย ๆ ขืนผลีผลามได้จบชีวิตแน่
และสถานที่แห่งนี้มิใช่สถานที่ในภาพวาดของหลี่จิ่วเต้า เพียงแต่อยู่ในละแวกใกล้เคียงเท่านั้น สถานที่ในภาพวาดหลี่จิ่วเต้ามหัศจรรย์น่าทึ่งยิ่งกว่า เป็นแหล่งกำเนิดของสสารระดับสูงที่พวยพุ่งอยู่ สิ่งที่อยู่ในนั้นวิเศษสูงส่งยิ่งกว่า!
พื้นที่นั้นยิ่งไม่สามารถเข้าไปได้ง่าย ๆ ยอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลอื่นไม่อาจเข้าใกล้ด้วยซ้ำ ทันทีที่เข้าใกล้ต้องจ่ายด้วยชีวิต!
ปีศาจที่หลอมร่างจากม่านหมอกสีเลือดบุกเข้ามา น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นหนักหนา ไม่นานนักก็กวาดล้างเข้ามาในพื้นที่ซึ่งมีสสารระดับสูงอยู่อย่างเข้มข้น กลืนกินพฤกษาและสัตว์น้อยใหญ่เข้าไปทั้งหมด!
พวกมันทวีความแข็งแกร่งขึ้นในพริบตา ม่านหมอกสีเลือดน่าสะพรึงกลัวรายล้อมอยู่รอบ ๆ ทุกอิริยาบถล้วนมีพลังซึ่งสามารถทำลายล้างปฐพีไหลเวียน!
จุดที่ถูกกวาดล้างมิได้มีเพียงที่เดียว ยังมีอีกหลากหลายพื้นที่ จำนวนปีศาจสีเลือดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ปีศาจจำนวนหนึ่งในพวกมันหมายตาสถานที่ในภาพวาดของหลี่จิ่วเต้า หมายจะกลืนกินทุกสิ่งในนั้น ทว่าสถานที่ในภาพวาดของหลี่จิ่วเต้ามิได้ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด!
ปีศาจจำนวนหนึ่งสูญสลายทันทีที่บุกเข้าไป ถูกลบล้างอย่างสมบูรณ์!
โฮก!
สถานที่ในภาพวาดเหล่านี้มีอสูรร้ายที่พัฒนาขึ้นจนสะท้านโลกันตร์อยู่ พวกมันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวหมายจะพุ่งออกไป ยังมีพฤกษาบุปผาน่าพรั่นพรึงจำนวนหนึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วราวกับต้องการบุกออกไปเช่นกัน
ทว่าพวกมันล้มเหลวกันหมด ราวกับมีผนึกบางอย่างในสถานที่ในภาพวาดที่สะกดพวกมันไว้ มีเพียงสสารระดับสูงเท่านั้นถึงพวยพุ่งออกไปได้ พฤกษาบุปผา รวมถึงสัตว์น้อยใหญ่ในนี้ล้วนมิอาจออกไป
ปีศาจสีเลือดเสียเปรียบในสถานที่ในภาพวาดเหล่านี้ จนดูเหมือนมิกล้าเข้าไปยังสถานที่ในภาพวาดอีก พวกเขาเบนสายตาไปยังที่อื่น!
หลังยอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลอื่นจำนวนหนึ่งมาถึงอาณาจักรนี้ ก็พำนักอยู่ตามพื้นที่ซึ่งมีสสารระดับสูงเข้มข้น และกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของปีศาจสีเลือดเหล่านั้น!
“พวกนี้เป็นตัวบ้าอะไรกัน!”
“สมควรตายนัก!”
พวกเขาประสบกับการจู่โจมจากสัตว์ประหลาดสีเลือด อเนจอนาถกันถ้วนหน้าโดยมิมีข้อยกเว้น พวกเขาไม่มีพลังจะโต้กลับเลยสักนิด พริบตาเดียวก็ถูกสัตว์ประหลาดสีเลือดเหล่านี้กลืนกินและสังหารอย่างสิ้นเชิง
และสัตว์ประหลาดสีเลือดเหล่านี้แยกร่างสัตว์ประหลาดออกมาอีกนับคณา สีแดงอันน่าพิศวงเพิ่มจำนวนขึ้นบนแผ่นดิน ดูน่าสะพรึงอย่างยิ่งยวด!
“พวกนี้เป็นตัวอะไร?!”
บนนภา หลี่จิ่วเต้ามองเห็นภาพการณ์สัตว์ประหลาดสีเลือดกลืนกินสิ่งมีชีวิตตนอื่น คิ้วพลันขมวดมุ่น
เขารีบดิ่งลงไปเตรียมกำจัดสัตว์ประหวาดสีเลือดเหล่านี้!
มีสัตว์ประหลาดสีเลือดบางตนหันไปเห็นหลี่จิ่วเต้า จึงอ้าปากกว้างบุกเข้ามา หมายจะกลืนกินเขา
“ฆ่า!”
ชายหนุ่มตวาดเสียงลั่น กระบี่ฉุนจวินพุ่งออกไปทันที ผ่าร่างปีศาจสีเลือดตัวนี้เป็นสองท่อนในกระบี่เดียว!
ขณะเดียวกัน คลื่นแสงพิเศษบางอย่างซัดสาดออกจากกระบี่ฉุนจวิน ปลิดชีพสัตว์ประหลาดสีเลือดตัวนี้ลงอย่างสมบูรณ์!
“ฆ่าให้หมด!”
หลี่จิ่วเต้ามีสีหน้าเย็นชา กระบี่ฉุนจวินเหินออกไปอย่างรวดเร็ว กำจัดสัตว์ประหลาดสีเลือดที่เหลืออยู่ในสถานที่นี้จนเกลี้ยง!
“ไป!”
เขากระโดดขึ้นไปบนหลังกิเลนไฟ กระบี่ฉุนจวินบินวนอยู่รอบ ๆ ก่อนนี้เขาเห็นเงาสีเลือดมามาก คิดแล้วคงเป็นสัตว์ประหลาดสีเลือดเช่นนี้กันหมด
เขาจะไม่ปล่อยไปแม้แต่ตนเดียว!
ท่องยุทธภพตวัดกระบี่กำจัดเหล่าตัวร้าย วันนี้หลี่จิ่วเต้าทำได้แล้ว!
ทว่าเขากลัวและไม่นึกดีใจแม้แต่น้อย มันตรงกันข้าม เพราะเขารู้สึกหนักอึ้งในใจนิดหน่อย
เขายอมไม่พบเจอปีศาจร้ายยังดีกว่าให้สัตว์ประหลาดสีเลือดเช่นนี้ปรากฏ
สัตว์ประหลาดสีเลือดเหล่านี้ดุดันโหดเหี้ยมกันทั้งหมด ทันทีที่อ้าปากก็สามารถกลืนกินสิ่งมีชีวิตไปได้จำนวนมาก ไม่มีแม้แต่กระดูกคายออกมา เขาเห็นแล้วรู้สึกแย่เป็นหนักหนา
“ฆ่า!”
จิตสังหารของชายหนุ่มพลุ่งพล่าน ขี่อยู่บนหลังกิเลนไฟ กระบี่ฉุนจวินเคลื่อนไหวตามกระแสจิตของตนเอง
แสงกระบี่เจิดจ้า วิถีกระบี่มหาศาลพวยพุ่ง สัตว์ประหลาดสีเลือดตนใดที่เขาหมายหัวล้วนหนีไม่พ้น ต้องถูกกระบี่ฉุนจวินสังหารทั้งสิ้น
จากนั้นหลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้าระดับสูงพลางก้มมองลงไป ดูว่ายังเหลือปีศาจสีเลือดอยู่อีกหรือไม่
“ยังมีอีก!”
เขาเจออีกจำนวนหนึ่ง จึงควบกิเลนไฟรุดหน้าไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมปล่อยสัตว์ประหลาดสีเลือดแม้แต่ตัวเดียว
...
ตู้ม!
ขณะเดียวกัน ใครบางคนกำลังต่อสู้ดุเดือดอยู่กับสัตว์ประหลาดสีเลือด ปะทะกันจนห้วงมิติบิดเบี้ยว ปริภูมิเวลาขาดสะบั้น
เขานั้นดุดันอย่างยิ่ง พลังกล้าแกร่ง สัตว์ประหลาดสีเลือดผู้ไร้เทียมทานยังต้องปราชัยให้กับเขา ผ่านไปไม่นาน เขาก็สังหารสัตว์ประหลาดสีเลือดตัวนี้ลงได้อย่างสิ้นเชิง!
“สิ่งเหล่านี้คือ…”
เขามีสีหน้าเคร่งเครียด หัวใจหนักอึ้ง สัตว์ประหลาดสีเลือดเหล่านี้ชวนให้เขานึกถึงเรื่องราวบางอย่าง
“หรือจะเป็นศพโลหิตร่างนั้น!”
เขาเงยหน้าฉับพลัน สายตาทอประกายหวาดผวา หากสิ่งที่เขาคิดเป็นจริง เช่นนั้นใต้หล้านี้ต้องเกิดหายนะครั้งใหญ่แน่!
ก่อนกาลเวลาอันยาวนานเริ่มขึ้น โลกหลังฉากเคยเกิดการจลาจลใหญ่อยู่ครั้งหนึ่ง ศพโลหิตร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาฉับพลัน สยดสยองเป็นพิเศษ บรรดายอดฝีมือหลังฉากล้วนมิใช่คู่มือของศพโลหิต
ครานั้น มีสัตว์ประหลาดสีเลือดปรากฏตัวเช่นกัน ก่อเกิดขึ้นจากปราณศพในศพโลหิต พลังของยอดฝีมือผู้ถูกกลืนกินจะถูกส่งไปยังศพโลหิต
ไม่มีผู้ใดรู้ภูมิหลังและที่มาที่ไปของศพโลหิตร่างนี้ ครานั้น สิ่งมีชีวิตในโลกหลังฉากปวดหัวแทบแย่
ประมุขแห่งสรวงสวรรค์นำกองทัพสวรรค์เข้าบดขยี้ศพโลหิต สุดท้าย กองทัพสวรรค์ถูกศพโลหิตกลืนกินตายไปกว่าครึ่ง
พระอมิตาภะพุทธเจ้านำทัพเหล่าพระอรหันต์ต่าง ๆ แห่งพุทธศาสนากางค่ายกลพุทธะสะท้านโลกันตร์ เชื่อมต่อกับพลังพุทธภูมิอันมากมายนับไม่ถ้วน บริกรรมบทสวดทุกคืนวันหมายจะกำราบศพโลหิต ทว่าก็ไม่สำเร็จ
ค่ายกลพุทธะสะท้านโลกันตร์แหลกลาญ กระทั่งพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังเลือดไหลไม่หยุด พระอรหันต์ต่าง ๆ มรณภาพ
บรรพจารย์เต๋าผู้ทรงพลังออกโรงกันถ้วนหน้าพร้อมกับศาสตราเต๋าไร้เทียมทานนับคณา แต่ยังไม่ไหว ศาสตราเต๋านั้นมิอาจแผ้วพานศพโลหิตได้เลย
ช่างเป็นศพแสนน่าสะพรึงจริง ๆ สิ่งมีชีวิตหลังฉากมากมายรู้สึกสิ้นหวัง มองไม่เห็นโอกาสชนะเลย
“ข้าเองก็ออกโรงเช่นกัน กระบี่มรกตเกือบแหลกเหลวเพราะการนี้!”
คนผู้นั้นเอ่ย เขาก็คือตาเฒ่าขี้เมานั่นเอง
เขามิได้ไปจากอาณาจักรนี้ หากแต่มาพบกับสัตว์ประหลาดสีเลือด เริ่มแรกเขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับสัตว์ประหลาดสีเลือดชนิดนี้ บัดนี้เขาแน่ใจได้แล้วจริง ๆ
“ต่อมาจู่ ๆ ศพโลหิตร่างนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่ในโลกหน้าฉาก!”
เขาหลับตา คลี่แผ่ญาณสัมผัส ในเมื่อมีสัตว์ประหลาดสีแดงอยู่ที่นี่ เช่นนั้นศพโลหิตก็ต้องอยู่ในอาณาจักรนี้แน่นอน
“ที่นั่น…เองหรือ!”
เขาลืมตา จับพลังปราณของศพโลหิตได้จริง ๆ มันอยู่ในยอดเขาซึ่งกระบี่ฉุนจวินปรากฏ!
‘ศพโลหิตมิได้หายไปกะทันหัน หากแต่ถูกกระบี่ฉุนจวินสะกดไว้ในโลกหน้าฉาก!’
เขาครุ่นคิด มีเพียงอาวุธในตำนานอย่างกระบี่ฉุนจวินเท่านั้นที่ต่อกรกับศพโลหิตได้
‘กระบี่ฉุนจวินปรากฏ น่ากลัวว่าคงเพราะไม่อาจกำราบศพโลหิตไว้ได้อีกแล้ว ถึงต้องโผล่ออกมาเพราะความจำยอม!’
เขาคิดต่อ
ก่อนนี้เขาก็คิดแล้วว่ากระบี่ฉุนจวินคงมิได้ปรากฏออกมาโดยไร้สาเหตุ บัดนี้ดูเหมือนเขาได้รู้ความจริงแล้ว
“ที่กระบี่ฉุนจวินมีปัญหาก็คงเกี่ยวข้องกับศพโลหิตเช่นกัน!”
เขาถอนหายใจ รู้สึกถึงความลำเค็ญ
ข้างนอกนั่นมีพลังมืดมิดหมายหัวที่นี่อยู่ ข้างในยังมีศพโลหิตปรากฏ!
ภัยแฝงจากทั้งในและนอก ไม่ว่าภัยใดล้วนต่อกรด้วยยาก หากแยกกันบุกมายังดี แต่นี่กลับโผล่มาพร้อมกัน ช่างน่าสิ้นหวังยิ่งนัก มองไม่เห็นแสงสว่างเลย!
“นั่นคือ…หลี่จิ่วเต้า!”
เขาแหงนสายตามองก็พบว่าใครบางคนกำลังห้ำหั่นกับสัตว์ประหลาดสีเลือด หลี่จิ่วเต้านั่นเอง!
เจตจำนงกระบี่สูงส่งไหลเวียนอยู่บนกระบี่ฉุนจวิน ฟาดฟันปลิดชีพสัตว์ประหลาดสีเลือดไปหลายตน
ตู้ม!
เวลานั้นเอง เสียงระเบิดอันน่าพรั่นพรึงดังขึ้นในปฐพีนี้ ฟ้าดินสั่นสะท้านไปทั้งผืน สุริยันจันทราเอนไหวไม่มั่นคง แสงโลหิตพวยพุ่งกระจาย ราวกับปฐพีนี้กำลังหลั่งเลือด
“ศพโลหิตออกมาแล้ว!”
ตาเฒ่าขี้เมามีสีหน้าคร่ำเครียด มิได้ดื่มสุราอีกต่อไป
ศพโลหิตเหินออกจากยอดเขา เขาจำได้ในทันทีว่าเป็นศพที่เคยฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตไปมากมายในโลกหลังฉาก!
“ศพโลหิตเกิดใหม่ ดวงจิตฟื้นคืน นี่มัน…ลำบากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!”
เขาได้ยินเสียงหัวใจของศพโลหิต และได้ยินเสียงลมหายใจจากจมูกของมัน หัวใจพลันหล่นไปอยู่ที่ก้นเหว
ครานั้น ทันทีที่ศพโลหิตปรากฏออกมาในโลกหลังฉากยังพอจัดการได้ง่าย เป็นเพียงศพร่างหนึ่งเท่านั้น ฝีมือของพวกเขายังพอส่งผลต่อศพโลหิต
ทว่าต่อมาศพโลหิตเริ่มมีดวงจิต พลังรบยกระดับขึ้นหลายเท่าตัว ฝีมือของพวกเขายากจะส่งผลอันใด
เดิมเขาคิดว่าศพโลหิตเพิ่งทลายผนึกออกมา คงมิได้กล้าแกร่งเท่าใด แต่บัดนี้ดูแล้ว เขาคิดผิดไปอย่างเห็นได้ชัด ศพโลหิตมีสติสัมปชัญญะทันทีที่ทลายผนึกออกมา!
“หลี่จิ่วเต้า…เขาไหวหรือ”
เขาจ้องมองร่างของหลี่จิ่วเต้า หลังศพโลหิตโผล่ออกมาก็ทอดสายตาไปที่หลี่จิ่วเต้าทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลังจากนี้ระหว่างชายหนุ่มกับศพโลหิตต้องมีศึกกันแน่นอน
อีกอย่างต่อให้ศพโลหิตไม่มาหาหลี่จิ่วเต้า หลี่จิ่วเต้าก็ต้องไปหาศพโลหิต
หลี่จิ่วเต้าสังหารสัตว์ประหลาดสีเลือดไปจำนวนมาก ไฉนเลยจะปล่อยแหล่งกำเนิดอย่างศพโลหิต คิดแล้วคงเป็นไปมิได้
“ข้าคงไม่ไหว!”
เขาเอ่ยเสียงเบา นึกอยากเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย ทว่าเขาเป็นเพียงร่างแยก หากมีกระบี่มรกตอยู่ด้วยยังพอจะเข้าปะทะได้บ้าง
เขาในยามนี้ไม่ไหวเลย
กระบี่มรกตถูกเขาส่งกลับไปแล้ว ร่างต้นผู้ต่อสู้ในสมรภูมิมืดมิดต้องการกระบี่มรกตมากกว่า
ครืน!
ผืนฟ้าขาดสะบั้น อสนีบาตสีเลือดผ่าลงมาหาหลี่จิ่วเต้า ศพโลหิตลงมือแล้ว!
มันห่างไกลเป็นหมื่นลี้ กระนั้นยังเล็งเป้าไปที่หลี่จิ่วเต้าได้
คนที่บังอาจขัดขวางมันผู้นี้ไม่มีทางรอดไปได้
เสียงดังเคร้ง กระบี่ฉุนจวินทะยานขึ้นไปปะทะกับอสนีบาตสีเลือดกลางอากาศจนกลายเป็นระเบิดครั้งใหญ่ เสียงกึกก้องดังกังวานอยู่ในฟ้าดินไม่หยุด
ศพโลหิตย่างเท้าออกไป ทะลุข้ามมาเป็นหมื่นลี้ในอึดใจเดียวจนมาอยู่ที่เดียวกับหลี่จิ่วเต้า
นี่คือร่างมนุษย์ร่างหนึ่ง เนื้อตัวเน่าเปื่อยจนดูมิได้ มองไม่เห็นรูปโฉม ที่พิลึกคือท่ามกลางเนื้อเปื่อยบางจุดมีเนื้อสดใหม่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาถูกห่อหุ้มไว้
“มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว นี่จะกลายร่างจากศพเป็นมนุษย์แล้วหรือ?!”
ห่างออกไปไกล ๆ ตาเฒ่าขี้เมามองเห็นเลือดเนื้อสดใหม่ที่ห่อหุ้มอยู่ในเนื้อเปื่อยของศพโลหิต หน้าตาทอประกายหนักอึ้ง
ศพก็คือศพ ต่อให้บรรลุวิถีด้วยศพจนมีดวงจิตก็ยังเป็นศพ ไม่มีทางเป็นเฉกเช่นผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่
ทว่าศพโลหิตร่างนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังฝืนสวรรค์ ทลายขีดจำกัดระหว่างหยินและหยาง บิดเบือนความเป็นความตาย ได้รับชีวิตท่ามกลางความตาย!
หากสำเร็จได้จริง ๆ ศพโลหิตย่อมต้องน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่านี้แน่!
“เจ้าเองหรือ...แหล่งกำเนิด!”
หลี่จิ่วเต้ากระโจนลงจากกิเลนไฟ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา กระบี่ฉุนจวินพลันลอยเข้ามาที่มือเขา
หลังศพโลหิตมาถึงที่นี่ สัตว์ประหลาดสีเลือดเหล่านั้นพลันกลายเป็นหมอกโลหิต ลอยกลับไปบนตัวศพโลหิต ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ศพโลหิตคือแหล่งกำเนิด หมอกโลหิตเหล่านี้ล้วนมาจากตัวศพโลหิต
ใบหน้าของศพโลหิตเต็มไปด้วยก้อนเนื้อเน่าเปื่อย มันมิได้เอ่ยวาจา ปรายตามองหลี่จิ่วเต้าแวบหนึ่ง
เสียงดังตู้ม มันฟาดฝ่ามือเข้าไป ฟ้าดินพลันกลายเป็นสีแดงฉาน ประกายโลหิตมากมายถาโถมเข้าใส่หลี่จิ่วเต้าตามหลังฝ่ามือนั้น!
ตาเฒ่าขี้เมาเห็นแล้วพลันใจระทึก หากฝ่ามือนี้ฟาดมาใส่เขา เขาย่อมไม่มีทางต้านทานอยู่ ต้องถูกฆ่าในพริบตา!
ต่อให้เป็นร่างต้นของเขาอยากระงับก็มิได้ง่ายนัก
‘มีกระบี่ฉุนจวินในมือ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้คงมิได้อ่อนแอมากกระมัง’
เขาคิดในใจ
“พูดยาก ถึงอย่างไรแม้แต่กระบี่ฉุนจวินยังสะกดศพโลหิตไม่อยู่ ถูกศพโลหิตไล่ต้อนออกไป!”
เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง มิได้มีความหวังนัก น่ากลัวว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้มิใช่คู่มือของศพโลหิต
ฝ่ามือของศพโลหิตฟาดเข้ามา กลิ่นเหม็นคาวเตะจมูก หลี่จิ่วเต้าตวัดกระบี่ทอประกายขาววาวระยิบระยับ ฟันฝ่ามือข้างนั้นของศพโลหิตขาดในบัดดล!
“ฮึ่ม!”
ศพโลหิตแค่นเสียง ดูเหมือนโมโหขึ้นมานิดหน่อย มันกระทืบเท้าหนึ่งข้าง ภาพการณ์ในฟ้าดินสับเปลี่ยนไปในพริบตา!
ประกายโลหิตทะลวงนภา ที่นี่กลายเป็นสมรภูมิสีเลือด ศพน่าสะพรึงมากมายทลายดินขึ้นมา บุกไปหาหลี่จิ่วเต้า
ศพเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายลงที่นี่และถูกศพโลหิตลากออกมา หมอกโลหิตมากมายจรดลงบนศพเหล่านั้น เพิ่มพลังให้พวกมันเป็นทวีคูณ!
“เมื่อสิ้นสุดย่อมหวนคืนสู่เถ้าธุลี พวกท่านไม่ควรถูกรบกวน!”
หลี่จิ่วเต้ายกมือเรียกก้านหลิวชะล้างออกมา ม่านแสงจรัสปรากฏ ก่อนจะแตกออกเป็นประกายเล็ก ๆ โปรยปรายลงมา
พลังชะล้างปรากฏ ม่านโลหิตบนตัวศพเหล่านี้ถูกขจัดออกไปจนสิ้น ศพแล้วศพเล่าสงบลง จมลงไปใต้ดินอีกครั้ง
ศพโลหิตอ้าปากกว้าง พ่นก้อนแสงสีเลือดออกมาก้อนแล้วก้อนเล่า จากนั้นแสงสีเลือดกลายเป็นใบหน้าผีมากมาย บุกไปหาหลี่จิ่วเต้า
ใบหน้าเหล่านี้ล้วนเป็นวิญญาณพยาบาทผู้ถูกมันเข่นฆ่า ยามนี้มันปลดปล่อยออกไปจนหมด!
“หลู่เหิง!”
ตาเฒ่าขี้เมาใจกระตุกวูบ หน้าตาโศกศัลย์หลังได้เห็นวิญญาณพยาบาทอันคุ้นเคยตนหนึ่ง
นั่นคือสหายคนสนิทของเขา เคยร่วมต่อสู้กับศพโลหิตเคียงบ่าเคียงไหล่เขา สุดท้ายถูกศพโลหิตกลืนกินเข้าไป!
ใบหน้าอันคุ้นเคยมิได้มีเพียงตนเดียว ยอดฝีมือหลังฉากที่เคยถูกศพโลหิตกลืนกินไปมีอยู่ไม่น้อย
เขายังได้พบกับขุนพลสวรรค์จากสรวงสวรรค์ พระอรหันต์ต่าง ๆ จากพุทธศาสนา ผู้ทรงพลังจากศาสนาเต๋า และมารร้ายสะท้านโลกา!
“ตายไปแล้วยังมิอาจเป็นสุข เฮ้อ…”
หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ “ข้าจะช่วยคืนความสงบให้พวกท่านเอง!”
เขาสะบัดก้านหลิวชะล้างในมืออีกครั้ง ประกายระยิบระยับโปรยปรายลงมาทั่วนภาเพื่อช่วยให้วิญญาณพยาบาทเหล่านี้หลุดพ้น คืนความเป็นสุขให้วิญญาณพยาบาทเหล่านี้
เห็นได้ชัดว่ามีวิญญาณพยาบาทไม่น้อยที่ไม่ธรรมดา หลังพลังชะล้างจรดลงไปก็มิอาจหลุดพ้นในฉับพลัน ยังมีพลังต่อต้านอยู่
ทว่าต่อมาก็ค่อย ๆ ถูกชำระในที่สุด จนสลายไปอย่างสิ้นเชิง
และศพโลหิตนั่นก็คาดไม่ถึง ดวงตาสองข้างลึกล้ำขึ้นมาเหลือแสน ประกายสีเลือดพิศวงวาวโรจน์อยู่ในส่วนลึก
“ครานั้น เจ้าเป็นผู้สะกดข้าหรือ”
มันส่งเสียง จิตสังหารมหาศาลปะทุออกจากตัว นี่มัน...ได้เจอตัวการแล้วหรือนี่!
ครานั้นมันถูกกระบี่ฉุนจวินกำราบ ทว่ามิใช่เพียงพลังจากกระบี่ฉุนจวินเท่านั้นที่ปราบมันลงได้ สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งตวัดกระบี่ฉุนจวินเข้ามาสะกดมันไว้
สิ่งมีชีวิตตนนั้นมีม่านหมอกรายล้อม กระทั่งมันเองยังมองไม่ออก ทรงพลังกล้าแกร่งยิ่งนัก
“เป็นไปได้อย่างไร”
หลี่จิ่วเต้าส่ายหัว “หากเป็นข้า ข้าไฉนเลยจะเลือกสะกดเจ้า ข้าจะกำจัดเจ้าอย่างสมบูรณ์ ไม่มีทางเก็บเจ้าไว้เป็นแน่”
“เจ้าช่างปากกล้ายิ่งนัก…”
ศพโลหิตหัวเราะเสียงเย็น
กำจัดมันอย่างสมบูรณ์หรือ? ผู้ใดเล่าจะทำได้!
คนตรงหน้าผู้นี้ปากกล้าเกินไปแล้ว
“ไม่ว่าใช่เจ้าหรือไม่ วันนี้เจ้าไม่รอดแน่!”
จิตสังหารของศพโลหิตพลุ่งพล่าน ออกโจมตีอีกครั้ง ทะเลเลือดอันไพศาลเดือดพล่านอยู่ด้านหลังมัน ฝ่ามือที่ถูกตัดไปคืนสภาพดังเดิม การบาดเจ็บระดับนี้มิใช่เรื่องใหญ่สำหรับมันเลยสักนิด
มันสำแดงวิชาบางอย่าง สยดสยองเหลือแสน ทะเลเลือดท่วมท้นนภาประดุจอสูรเหี้ยมเกรียมตนหนึ่ง หมายจะกลืนหลี่จิ่วเต้าเข้าไป
สุริยันจันทรามัวหมอง นี่มิใช่ทะเลเลือดธรรมดา โลหิตแต่ละหยดล้วนน่าสะพรึงถึงขีดสุด หากไหลลงมาจะทำลายจักรวาลโกลาหลได้นับคณา!
ตาเฒ่าขี้เมาเห็นแล้วพลันกังวลเหลือแสน ลมหายใจติดขัด ศพโลหิตแข็งแกร่งขึ้นจริง ๆ วิชาที่สำแดงออกมานี้ แม้แต่ร่างต้นของเขาก็ใช่ว่าจะต้านอยู่!
เขารู้สึกอยากติดต่อร่างต้นขึ้นมา ขอให้ร่างต้นผู้พิทักษ์อยู่ในสมรภูมิมืดมิดแจ้งต่อยอดฝีมือสูงส่งอย่างประมุขแห่งสรวงสวรรค์ พระอมิตาภะพุทธเจ้า และบรรพจารย์เต๋าผู้ทรงพลัง ให้ผนึกกำลังมาช่วยหลี่จิ่วเต้า
ศพโลหิตสยดสยองเกินไป เขารู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าไม่มีโอกาสชนะเลย!
ทว่าสุดท้าย เขากลั้นเอาไว้ได้ มิได้ติดต่อร่างต้น
หากร่างต้นของเขา ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ พระอมิตาภะพุทธเจ้า และบรรพจารย์เต๋ามาที่นี่กันหมด ด้านสมรภูมิมืดมิดคงแย่แน่ พลังมืดมิดก็จะจู่โจมเข้ามาเต็มกำลัง
ถึงครานั้น สถานการณ์รังแต่จะเลวร้ายลง!
‘หวังว่าจะต้านทานไว้ได้!’
เขาหวังในใจ แม้รู้สึกว่าไม่น่าเป็นจริง ทว่ายามนี้มีแต่ต้องฝากความหวังไว้กับหลี่จิ่วเต้าเท่านั้น
‘น่ากลัวเหลือเกิน!’
กิเลนไฟสั่นไปทั้งตัว ศพบ้าอะไรกัน สยดสยองสุด ๆ อย่าว่าแต่ทะเลเลือดท่วมท้นนภาเลย ลำพังหยดเดียวมันยังรู้สึกกลัวเหลือแสน สามารถลบล้างมันได้ง่ายดาย!
ทว่าเมื่อเห็นแผ่นหลังที่แม้ไม่ใหญ่แต่องอาจอย่างยิ่งยวดของคุณชาย มันก็หยุดสั่น ไม่เหลือความกลัวในใจอีก
มันเชื่อในตัวคุณชาย!
‘สนุกส่วนสนุก อย่าได้ผยองยามพบคุณชาย!’
มันเอ่ยในใจ
ไม่ว่าศพโลหิตร่างนี้เป็นปีศาจจากแห่งหนใด มันก็แน่ใจว่าต้องถูกคุณชายกำจัดแน่!
“หนึ่งกระบี่ส่องสะท้อนเก้าโจว หนี่งกระบี่สยบทะเลเลือด…”
หลี่จิ่วเต้าพึมพำเสียงเบา ชูกระบี่ฉุนจวินในมือและฟันลงไป!
หนี่งกระบี่ส่องสะท้อนเก้าโจว เรื่องนั้นเป็นไปได้
ทว่า...หนึ่งกระบี่สยบทะเลเลือด?
คิดอันใดอยู่!
ศพโลหิตอยากหัวร่อ บัดนี้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเก่า หลังปล่อยทะเลเลือดออกไป ไฉนเลยจะถูกสยบได้ง่ายดาย!
ต่อให้เห็นสิ่งมีชีวิตผู้สะกดมันในอดีตก็ทำมิได้!
ฟึ่บ!
หลี่จิ่วเต้าฟันกระบี่ออกไป แสงกระบี่ทะยานขึ้นผืนฟ้าราวกับตัดแยกนภาและธรณีออกจากกัน ตัดแยกกาลเวลาออกจากกัน สีหน้าศพโลหิตแปรเปลี่ยนไปในบัดดล
“มิใช่กระมัง!”
หัวใจของตาเฒ่าขี้เมาเต้น ‘โครมคราม’ ต้องเป็นกระบี่เช่นไรกันแน่ ไม่อาจพรรณนาด้วยถ้อยคำได้เลย!
ความสำเร็จด้านวิถีกระบี่ของเขาสูงส่งเพียงใด เรียกว่าเป็นเพดานแห่งวิถียังไม่เกินไปนัก หากแต่ใต้คมกระบี่นี้เขากลับรู้สึกต้อยต่ำอย่างลึกซึ้ง ห่างชั้นกันตั้งไม่รู้เท่าไหร่!
“เขาได้รากฐานหน้าฉากเช่นไรไปกันแน่!”
ชายชราเอ่ยออกมาอย่างอดมิได้ ยิ่งรู้สึกว่าลุ่มน้ำในโลกหน้าฉากนี้ลึกเกินหยั่ง ที่นี่มีความลับอันใด? น่าพรั่นพรึงเหลือเกิน!
“ปริภูมิเวลาและปรโลกริอ่านหมายหัวเขา กล้าดีอย่างไร!”
ต่อให้ปริภูมิเวลาและปรโลกลึกลับน่ากลัวปานใด เขาก็ไม่คิดว่าจะทานกำลังกับหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ไหว!
ชายผู้นี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไป สามารถเดินทแยงในโลกหลังฉากด้วยกระบี่นี้กระบี่เดียว มิมีผู้ใดต่อกรด้วยได้!
“พูดยาก…”
ทว่าผ่านไปไม่นาน เขาก็กลับคำ มิได้คิดเช่นนั้นแล้ว
ปริภูมิเวลาและปรโลกลึกล้ำเช่นกัน กระทั่งตัวตนระดับเขายังมิอาจล่วงรู้รากฐานที่แท้จริง
พระอมิตาภะพุทธเจ้าทรงพลังสยดสยองอย่างแท้จริง ถือเป็นตัวตนไร้เทียมทานในโลกหลังฉาก ทว่ายามต้องเผชิญกับปรโลกเล่า สุดท้ายก็น้ำท่วมปาก ยอมเสียเปรียบอยู่ดี!
ปรโลกเคยดึงตัวยอดฝีมือในพุทธศาสนาไปไม่น้อย อย่างเช่นพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ทว่าท้ายที่สุดพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็มิได้ว่าอันใด
ไหนจะปริภูมิเวลาที่เคยดึงตัวยอดฝีมือจากสรวงสวรรค์ไปจำนวนหนึ่ง สุดท้ายสรวงสวรรค์ก็มิได้มีความเคลื่อนไหวอันใด มิเคยประกาศศึกต่อปริภูมิเวลา
นอกจากนี้ ปรโลกและปริภูมิเวลายังเป็นกองกำลังกลุ่มแรกที่รับรู้ถึงความไม่ธรรมดาของโลกหน้าฉาก ไม่รู้ว่าพวกเขาวางหมากไว้ในโลกหน้าฉากล่วงหน้าตั้งนานเท่าไหร่
และอุบายของยอดฝีมือหลังฉากตนอื่น ๆ หลังจากนั้นเป็นการลอกเลียนแบบเสียส่วนใหญ่ หาได้จับสัมผัสบางอย่างได้จริง ๆ
ปรโลกและปริภูมิเวลาไม่ธรรมดาจริง ๆ!
หากมิเคยเปิดเผยรากฐานที่แท้จริง ก็ยากจะยืนยันว่าพวกมันทรงพลังปานใด
‘ภาพมายาและความถ่องแท้ ความจริงกำลังเปิดเผยแล้ว…’
เขาเอ่ยในใจ ตลอดเวลาเนิ่นนานที่ผ่านมา พวกเขาล้วนไล่ตามหาความจริงโดยก้าวไปตามเส้นทางบางอย่าง ทว่าความจริงกลับมิเคยถูกเปิดเผย
ความวุ่นวายอย่างในเวลานี้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย เขารู้สึกว่าความจริงเปิดเผยออกมาทีละอย่างแล้ว
ความจริงเกี่ยวกับภาพมายาและความถ่องแท้!
ความจริงเกี่ยวกับ…ท่านผู้นั้น!
...
หนึ่งกระบี่ทะยานออกไปในอากาศด้วยความเจิดจ้าเหลือคณา ทลายสีโลหิตทั่วฟ้า คืนทัศนียภาพสว่างไสวสู่ฟ้าดิน!
ราวกับกระบี่นี้คือความเป็นหนึ่งเดียว วาจาของหลี่จิ่วเต้าสัมฤทธิ์ผล หนี่งกระบี่ของเขาสยบทะเลเลือดได้จริง ๆ!
เมื่อกระบี่นี้ฟาดฟันลงไป ทะเลเลือดระเหยในฉับพลัน เพียงพริบตาเดียวก็ไม่เหลือสักหยด สลายหายไปจากปฐพีนี้!
สายตาศพโลหิตลึกล้ำยิ่งขึ้น หลี่จิ่วเต้าผู้นี้เป็นใครกันแน่
พลานุภาพที่กระบี่ฉุนจวินแสดงออกมาด้วยมือหลี่จิ่วเต้าเหนือชั้นกว่าสิ่งมีชีวิตที่เคยสะกดมันในอดีตมากโข!
หากสิ่งมีชีวิตตนนั้นมีพลังน่าพรั่นพรึงเพียงนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น มันไม่มีทางทลายผนึกของกระบี่ฉุนจวินออกมาได้ ต้องถูกสะกดไปชั่วกัปชั่วกัลป์!
“สุดท้ายก็ไม่ไหว ข้ายังคืนชีพไม่สมบูรณ์ หากคืนชีพสมบูรณ์เมื่อใด ผู้ใดจะทัดเทียมข้าได้อีก?!”
เสียงของมันเย็นยะเยือก มีปูมหลังยิ่งใหญ่ ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ บิดเบือนหยินหยางและความเป็นความตาย คืนชีพจากศพ
“รอให้ปราณศพมวลนั้นของข้ากลับคืนมาและผสานเข้าด้วยกันแล้ว ข้าจักคืนชีพอย่างสมบูรณ์เสียที!”
มันในยามนี้ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์
ครานั้นสิ่งมีชีวิตผู้มีกระบี่ฉุนจวินในมือสะกดมัน และเพื่อป้องกันมิให้มันทลายผนึกออกมา จึงยึดปราณศพสำคัญที่สุดมวลหนึ่งในตัวมันไป
หากมิใช่เช่นนั้น ป่านนี้มันคืนชีพได้สมบูรณ์แล้ว ซ้ำยังทลายผนึกออกมาได้ไวขึ้นด้วย
ทว่าต่อให้มันยังไม่สมบูรณ์ มีเพียงร่างศพ ก็ยังน่าพรั่นพรึงและสะท้านโลกาเหลือแสน ค่อย ๆ ทลายแรงสะกดของกระบี่ฉุนจวินจนท้ายที่สุด กระบี่ฉุนจวินยังถูกมันไล่ต้อนอยากหนีไป!
“ช่างเถิด ค่อยสู้กันวันหลัง!”
มันจ้องหลี่จิ่วเต้าด้วยแววตามุ่งร้าย
หลี่จิ่วเต้าค่อนข้างตึงมือ ต่อกรด้วยยาก มันไม่ต้องการเปลืองแรงอยู่ตรงนี้มาก คิดไว้ว่ารอจนปราณศพของมันประสานกลับมาจนคืนชีพสมบูรณ์แล้วค่อยมาจัดการหลี่จิ่วเต้า
คืนชีพเป็นการยกระดับถึงแก่น มีความหมายต่อมันมาก ทันทีที่คืนชีพสมบูรณ์มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไร้เทียมทานในใต้หล้านี้!
“พลังมืดมิดเริ่มปรากฏออกมาแล้ว บ่งบอกว่าท่านผู้นั้นใกล้ไม่ไหวแล้ว ข้ามัวชักช้ามิได้แล้ว!”
แม้ว่ามันเพิ่งคืนชีพกลับมา กระนั้นก็จับสัมผัสพลังมืดมิดที่ปรากฏออกมาได้
สิ่งที่ต่างจากยอดฝีมือหลังฉากเหล่านั้นคือ มันรู้จักพลังมืดมิดมากกว่า รู้ที่มาที่ไปและภูมิหลังของมัน
พลังมืดมิดนี้มิได้ปรากฏออกมากะทันหัน หากแต่มีแหล่งกำเนิดให้สาวความกลับไป!
“ไปละ!”
มันต้องการไปจากที่นี่ หมอกโลหิตไหลเวียนอยู่รอบตัวไม่หยุด ลบล้างการตั้งเป้าจากกระบี่ฉุนจวิน
พลังปราณของกระบี่ฉุนจวินเล็งมันไว้ตลอด
หลังจากนั้น มันกลายเป็นแสงโลหิตลำหนึ่งออกจากที่นี่
“เดี๋ยวสิ!”
ห่างออกไปไกล ๆ ตาเฒ่าขี้เมาร้องออกมาอย่างอดมิได้
ศพโลหิตน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มีเลือดเนื้อสดใหม่งอกเงยขึ้นท่ามกลางเศษเนื้อเน่าเปื่อย ทันทีที่ศพโลหิตเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ย่อมจัดการมันยากขึ้นกว่านี้
นอกจากนี้ หากศพโลหิตเข้าร่วมพลังมืดมิด รังแต่จะยิ่งอันตราย!
ยามนี้คือโอกาสอันดีที่สุดในการกำจัดศพโลหิต ปล่อยศพโลหิตไปมิได้เด็ดขาด มิฉะนั้นต้องมีภัยคุกคามตามมาอีกมากแน่นอน!
ทว่าหลี่จิ่วเต้ามิได้เคลื่อนไหวอันใดอีก
“เหตุใดถึงไม่ทำอะไรสักอย่าง”
ตาเฒ่าขี้เมาร้อนรนแทบทนไม่ไหว หลี่จิ่วเต้าไม่รู้หรือว่าหากปล่อยศพโลหิตไปจะกลายเป็นภัยร้ายมหาศาล
เขาอยากเข้าไปเตือนหลี่จิ่วเต้าด้วยซ้ำ ทว่าเขาทำมิได้
จนบัดนี้ที่นั่นยังมีคลื่นพลังน่าครั่นคร้ามคั่งค้างอยู่ อย่าว่าแต่เข้าไปเลย แค่เฉียดใกล้ก็จะถูกปลิดชีพอย่างสมบูรณ์!
ปัง!
เวลานั้นเสียงกระแทกดังกึกก้อง ศพโลหิตผู้กลายเป็นแสงโลหิตจากไปคล้ายว่าชนกับตอบางอย่างบนน่านฟ้า ก่อนจะตกลงมา!
“ข้าก็ว่า! ท่านผู้นั้นน่าพรั่นพรึงทรงพลังปานนี้ ไฉนเลยจะไม่รู้ว่าเวลานี้เป็นโอกาสกำจัดศพโลหิตที่ดีที่สุด! นอกจากนี้ ก่อนนี้ท่านผู้นี้ได้กล่าวไว้ว่าจักกำจัดศพโลหิต”
ตาเฒ่าขี้เมาได้เห็นภาพนี้ก็ไม่เหลือความกังวลอีกต่อไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพื้นที่นั้นถูกผนึก ศพโลหิตไม่อาจหนีไปไหนได้เลย!
มิน่าก่อนนี้หลี่จิ่วเต้าถึงไม่มีท่าทีใด ๆ ที่แท้เขาผนึกพื้นที่นั้นไว้นานแล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าศพโลหิตจะหนีไป
“ทำได้อย่างไร เหลือเชื่อจริง ๆ!”
เขาเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้ สะท้านใจเป็นหนักหนา
หลี่จิ่วเต้าผนึกพื้นที่นั้นไว้ตั้งแต่เมื่อใด
ตัวเขาไม่รู้ไม่เข้าใจยังไม่เท่าไหร่ ทว่าแม้แต่ศพโลหิตยังไม่รู้ นับว่าน่าตกใจยิ่งนัก!
เห็นได้ชัดว่าก่อนนี้ศพโลหิตก็ไม่ทราบ หากทราบก็คงไม่ ‘เจอตอ’ เข้าให้
สะกดพื้นที่นั้นโดยศพโลหิตไม่รู้ตัว ต้องเป็นฝีมือระดับใดกัน เขาขนลุกขนชันไปทั้งตัว
‘เจ้าศพโง่ เผชิญหน้ากับคุณชายแล้วยังคิดหนีอีกหรือ เหอะ ๆ ข้าบอกได้เพียงว่าเจ้าโง่งมน่าเอ็นดูจริง ๆ!’
กิเลนไฟคิดในใจ
ขณะเดียวกัน ศพโลหิตตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นด้วยใบหน้าขุ่นเคือง
มันถลึงตาใส่หลี่จิ่วเต้าอย่างโกรธเกรี้ยว โมโหยิ่งนัก เมื่อครู่หัวของมันเกือบกระแทกจนระเบิด มันไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด!
“จะหนีหรือ ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าหากข้าลงมือ ย่อมต้องกำจัดเจ้าอย่างสิ้นเชิง ไม่แม้แต่จะสะกด…”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้มให้ศพโลหิต
ชายหนุ่มหยิบธงค่ายกลก้านหนึ่งออกมา ธงค่ายกลนี้เองที่ผนึกพื้นที่นี้ไว้ เป็นของวิเศษที่เขาแลกมาจากบรรพจารย์ฝู
นั่นมันธงอะไรกัน?
ศพโลหิตมีสีหน้าแปลกไป เหตุใดธงก้านนั้นถึงพิลึกปานนี้!
ก้านของธงดูเหมือนกิ่งไม้ที่หักจากต้นไม้อย่างขอไปที ส่วนธงผืนนั้นก็ดูเหมือนฉีกออกจากอาภรณ์อย่างไม่ใส่ใจ
ธงเช่นนี้มีแสนยานุภาพน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้เชียวหรือ สามารถสะกดพื้นที่นี้ไว้โดยที่มันไม่รู้ตัวเลย?!
แท้จริงแล้ว ก้านธงและธงผืนนั้นมิใช่แค่ดูเหมือนเท่านั้น หากแต่เป็นกิ่งไม้ที่หักจากต้นอย่างขอไปที และเป็นผ้าที่ฉีกออกจากอาภรณ์อย่างไม่ใส่ใจจริง ๆ
นั่นเป็นความจงใจของบรรพจารย์ฝูเมื่อครั้งอดีต ต้นไม้เป็นต้นไม้ดาษดื่น อาภรณ์นั้นเป็นเสื้อผ้าดิบที่ปุถุชนใส่กันเกลื่อน
ทว่าหลังอยู่ในมือหลี่จิ่วเต้า ธงนี้ก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป
“เมื่อสิ้นสุดย่อมหวนคืนสู่เถ้าธุลี สุดท้ายศพก็ต้องถูกฝังลงใต้ดิน มาเถิด ข้าจะส่งเจ้าไปที่ชอบ ที่ชอบเอง!”
หลี่จิ่วเต้ายกกระบี่ฉุนจวินในมือขึ้น
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
ศพโลหิตเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ข้าต้องลำบาก เจ้าเองก็ต้องลำบากไม่แพ้กัน! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มาสู้ชี้ชะตากันไปเลย!”
ไปไม่ได้แล้ว มันจึงตัดสินใจเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ต่อให้ต้องเสียหายมหันต์เพราะการนี้ มันก็ยอม!
ช่วยไม่ได้ เรื่องมาถึงขั้นนี้ มันไม่มีทางเลือกแล้ว
“ต่อสู้ชี้ชะตาไปก็มีเพียงผลลัพธ์เดียว นั่นคือข้าอยู่ เจ้าตาย!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “อ้อ ไม่สิ เจ้าตายไปแล้ว เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าตายอีกครั้งแล้วกัน…”
เขาสะบัดกระบี่ฉุนจวินในมือ เตรียมสังหารศพโลหิต!
ตู้ม!
ศพโลหิตเคลื่อนไหวเปิดฉากโจมตีก่อน มันรู้ดีว่าตราบใดที่ยังโค่นหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ มันก็ไม่อาจไปจากที่นี่
ทุกระเบียดนิ้วในพื้นที่นี้เดือดพล่าน กฎระเบียบต่าง ๆ แหลกสลายในพริบตา ปริภูมิเวลาเริ่มสั่นคลอน พลังสยดสยองซัดสาด
นับแต่กระบี่ที่หลี่จิ่วเต้าตวัดมาเมื่อครู่ ศพโลหิตก็รู้ได้เลยว่าคนผู้นี้จัดการได้ยากยิ่ง เป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดในศัตรูทั้งปวง
มันไม่ได้ยั้งฝีมือ แต่ระเบิดพลังเต็มที่จนรัศมีสีเลือดกระเพื่อมออกจากตัวมันไม่หยุด!
นี่คือเขตแดนซากผีของมัน
เมื่ออยู่ในเขตแดนซากผี พลังแต่ละด้านของมันจะทวีคูณ ขณะเดียวกันพลังการโจมตีต่าง ๆ ที่รุกรานเข้ามาก็จะถูกเขตแดนของมันลดทอนกำลัง!
“ฆ่า!”
จิตสังหารของมันพลุ่งพล่าน ทันทีที่เขตแดนแผ่ออกไปก็โจมตีหลี่จิ่วเต้าอย่างบ้าคลั่ง!
ลำแสงสีเลือดพวยพุ่งออกไปไม่หยุด สยดสยองเหลือคณา สามารถทำลายล้างฟ้าดิน เข่นฆ่าศัตรูทั้งปวง!
หลี่จิ่วเต้าตวัดกระบี่ฉุนจวินกวาดออกไป ประกายกระบี่บดขยี้ทุกสิ่ง ลำแสงสีเลือดสูญสลายลงทั้งหมด!
ศพโลหิตสำแดงวิชาอีกครั้ง ปล่อยอินออกไปซึ่งเป็นอินศพโลหิต อินนี้มิอาจป้องกัน สามารถแทรกซึมเข้าร่างศัตรูโดยไม่รู้ตัว และดูดกลืนพลังกับขุมปราณชีวิตทั้งหมดของศัตรูไป!
ห่างออกไปไกล ๆ ตาเฒ่าขี้เมาเห็นแล้วใจลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
อินศพโลหิตนี้น่าสะพรึงยิ่งนัก เขาเคยเห็นกับตาว่ายอดปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนหนึ่งในโลกหลังฉากถูกวิชานี้เล่นงานโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะตายลงอย่างอเนจอนาถ พลังและขุมปราณชีวิตในตัวถูกดูดกลืนไปหมด!
หลี่จิ่วเต้าต้านทานได้หรือไม่
เขาอดเป็นห่วงมิได้!
อินศพโลหิตที่โจมตีออกมานั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง มิมีร่องรอยอันใด ราวกับไม่มีอยู่ มิอาจป้องกันได้เลยสักนิด!
และหลังจากนั้น ศพโลหิตคลี่ยิ้ม
อินศพโลหิตนั้นไม่อาจมองเห็น แต่มันแน่ชัดว่า อินศพโลหิตของมันสัมผัสกับตัวหลี่จิ่วเต้าแล้ว
“มีฝีมือเท่านี้เอง!”
มันหัวเราะ เดิมคิดว่าหลี่จิ่วเต้ามีฝีมือเกรียงไกร ต่อกรด้วยยาก ที่แท้ก็มีน้ำยาเท่านี้เองหรือ
หลังอินศพโลหิตถูกส่งออกไป หลี่จิ่วเต้าไม่ทันรู้ตัวเลยสักนิด อินศพโลหิตเข้าไปในตัวเขาได้อย่างง่ายดาย
เรียกได้ว่าการต่อสู้จบลงแล้ว
จากนี้อินศพโลหิตจะดูดกลืนพลังและขุมปราณชีวิตทั้งหมดในกายหลี่จิ่วเต้า จนเขากลายเป็นซากศพตากแห้งอย่างสิ้นเชิง!
ต่อให้เขาทรงพลังปานใดก็มิอาจเอาตัวรอดได้ หากหยุดยั้งอินศพโลหิตได้ก่อนยังดี ทันทีที่ศพโลหิตแทรกซึมเข้าไปในร่างก็เหลือเพียงความตายเท่านั้น อินศพโลหิตจะทำลายล้างจากภายใน ทำให้ไม่อาจขัดขืนได้เลย
“แย่แล้ว!”
แน่นอนว่าตาเฒ่าขี้เมามองไม่เห็นอินศพโลหิต
แต่เขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของศพโลหิต รวมถึงหลี่จิ่วเต้าที่มิได้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ระหว่างนี้
เขารู้ว่าหลี่จิ่วเต้าโดนเล่นงานแล้ว อินศพโลหิตเข้าร่างชายหนุ่มสำเร็จ
“จบสิ้นแล้ว!”
เขาร้อนรนแทบทนไม่ไหว เดิมคิดว่าหลี่จิ่วเต้าสามารถกำจัดศพโลหิตได้อย่างสิ้นซากจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มจะถูกอินศพโลหิตแทรกซึม เสียท่าอย่างน่าเวทนา
“อินศพโลหิตต่อกรด้วยลำบากจริง ๆ!”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
อินศพโลหิตนั้นชวนปวดหัวยิ่งนัก ไม่มีทางจับสัมผัสได้เลย ซ้ำยังพิสดารสุด ๆ ไม่ว่าวิชาป้องกันอันใดก็ไม่เกิดผล
ยอดปีศาจสะท้านโลกันตร์ที่เขาเคยพบก็เป็นเฉกเช่นนี้ หลังใช้ศาสตราป้องกันแล้วยังไม่ไหว แม้จะตัดขาดตนเองกับโลกภายนอกก็ยังเสียท่า ถูกอินศพโลหิตแทรกซึมเข้าไปในกาย
และที่พิสดารน่าสะพรึงยิ่งกว่านั้นคือ ก่อนหน้านี้มิมีวี่แววสักนิด ยอดปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนั้นไม่รู้เลยว่าตนเองเสียท่า อินศพโลหิตเข้าไปในร่างแล้ว
ยามอินศพโลหิตเริ่มดูดกลืนพลังและขุมปราณชีวิตในกายเขาแล้วถึงรู้ตัวว่าถูกเล่นงาน สุดท้ายก็มิอาจเปลี่ยนแปลงอันใด!
ทว่าในไม่ช้า สีหน้าของศพโลหิตก็พลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง รอยยิ้มแข็งทื่อ
อินศพโลหิตเข้าร่างไปแล้ว แต่หลี่จิ่วเต้ากลับดูไม่เป็นอันใดสักนิด ยังสามารถตวัดกระบี่บุกมาหามัน พริบตาที่กระบี่ฉุนจวินฟาดฟัน เขตแดนซากผีของมันก็ต้านไม่อยู่ เริ่มพังทลาย
“เป็นไปได้อย่างไร!”
ศพโลหิตรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก หลี่จิ่วเต้าดุดันเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าอินศพโลหิตไม่สัมฤทธิ์ผล
นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน
อินศพโลหิตเข้าร่างไปแล้ว มันเห็นกับตา เหตุใดถึงไม่สัมฤทธิ์ผล?
ชั่วขณะนั้นมันก็ตระหนักขึ้นได้ ในตัวหลี่จิ่วเต้าจะต้องมียอดศาสตราบางอย่างอยู่เป็นแน่ ทันทีที่อินศพโลหิตเข้าร่างก็ถูกจัดการไป!
ยอดศาสตราอันใดกัน จัดการอินศพโลหิตได้ง่ายดายเชียวหรือ มันรู้สึกว่าต่อให้มันประเมินหลี่จิ่วเต้าว่าไม่ธรรมดา ก็ยังต่ำเกินไป!
ตู้ม!
เขตแดนซากผีย่อยยับ ศพโลหิตคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลี่จิ่วเต้านั้นดุดันปานนี้ เมื่อกระบี่ฉุนจวินได้อยู่ในมือเขาเรียกได้ว่ามิมีสิ่งใดต้านทาน ไร้เทียมทานยิ่งนัก!
ศพโลหิตแหงนหน้าคำราม แน่นอนว่าไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ ปราณโลหิตซัดสาดออกจากทั่วตัวของมัน เนื้อเน่าเปื่อยสันระริกไม่หยุด มันเอาชีวิตเข้าแลก ไม่สนสิ่งอื่นใดแล้วจริง ๆ!
ไม่เดิมพันด้วยชีวิตก็ต้องตายเท่านั้น มันมิมีทางเลือกอื่น
เผละ!
ชิ้นเนื้อเน่าเปื่อยบนตัวมันร่วงหล่นลงมาไม่หยุด เลือดเนื้อสดใหม่ปรากฏแทนที่ การที่มันฝืนการคืนชีพส่งผลกระทบต่อตัวมันเองอย่างใหญ่หลวง!
มีเพียงประสานเป็นหนึ่งกับปราณศพ มันจึงจะสมบูรณ์ การคืนชีพด้วยวิธีนั้นถึงไร้ที่ติ และเปลี่ยนไปถึงแก่น ปลดเปลื้องกลิ่นอายความตายไปจากตัวมันอย่างสิ้นเชิง ต้อนรับชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้น
สถานการณ์ยามนี้ มันเริ่มการคืนชีพโดยมิได้ประสานเป็นหนึ่งกับปราณศพย่อมไม่เป็นผลดีในอนาคต อาจเกิดเหตุการณ์มิอาจแก้ไข อย่างเช่นมันไม่สามารถปลดเปลื้องกลิ่นอายความตายได้อย่างสิ้นเชิง ตราบชั่วชีวิตเป็นได้เพียงครึ่งมนุษย์ครึ่งศพ การฝึกตนก็มิอาจบริบูรณ์ ไม่มีทางบรรลุจุดสูงสุด
ทว่ามันไม่ทำเช่นนี้มิได้ หากไม่ฝืนคืนชีพ มันย่อมมิใช่คู่มือของหลี่จิ่วเต้า ถึงคราวนั้น ต้องถูกอีกฝ่ายทำลายศพนี้ไปอย่างสิ้นเชิง!
สถานการณ์เช่นนั้นย่อมต้องอนาถกว่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังชิ้นเนื้อเน่าเปื่อยหลุดร่วงไป เนื้อสดใหม่ปรากฏแทนที่ ศพโลหิตได้กลายเป็นบุรุษวัยกลางคนรูปโฉมหล่อเหล่าผู้หนึ่ง จังหวะแห่งความมหัศจรรย์ไหลเวียนไปทั่วร่าง โฉมหน้าที่แท้จริงเผยออกมา
“เขา…นั่นเอง!”
หลังตาเฒ่าขี้เมาได้เห็นใบหน้าของศพโลหิตก็ตกตะลึง เขารู้จักใบหน้านี้!
นี่คือผู้ติดตามข้างกายท่านผู้นั้น!
พวกเขาไม่รู้จักชื่อท่านผู้นั้น และไม่รู้ปูมหลัง พวกเขาเรียกขานท่านว่าผู้ชักนำ ผู้เบิกทาง!
ท่านผู้นั้นคือคนที่ทิ้งเส้นทางการฝึกตนไว้ให้ โปรยปรายวิชาต่าง ๆ ไว้ทั่ว ช่วยให้พวกเขาได้มีเส้นทางก้าวต่อ มีเค้าเงื่อนให้เดินตาม สามารถบรรลุมหาขอบเขตแห่งการฝึกตนระดับแล้วระดับเล่า
พวกเขาล้วนไม่เคยเห็นท่านผู้นั้น ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา พวกเขาต่างมุ่งหน้าบนเส้นทางฝึกตนที่ท่านผู้นั้นเหลือไว้ ด้วยหวังว่าจะได้พบท่านผู้นั้น
พวกเขาไล่ตามจากโลกหน้าฉากไปยังโลกหลังฉาก เดิมคิดว่าท่านผู้นั้นอยู่ในโลกหลังฉาก ทว่าท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้รู้ว่ามิใช่เช่นนั้น
โลกหน้าฉากต่างหากคือจุดสำคัญ เกี่ยวข้องลึกซึ้งกับท่านผู้นั้น!
ในโลกหน้าฉากอาจมีรากฐานพิเศษที่ท่านผู้นั้นทิ้งไว้ หรืออาจได้เข้าใกล้ท่านผู้นั้นมากขึ้น!
“หนึ่งในผู้ติดตาม ฉินอี้!”
เขาเอ่ยชื่อของบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นออกมา
ฉินอี้ คือผู้วิสามัญ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่ก้าวสู่เส้นทางฝึกตน และเป็นผู้ที่ใกล้ชิดท่านผู้นั้นที่สุด เคยติดตามอยู่เบื้องหลังท่านผู้นั้น!
พวกเขามิเคยเห็นท่านผู้นั้น ทว่าในร่องรอยที่ท่านผู้นั้นทิ้งไว้ มีฉินอี้และสิ่งมีชีวิตผู้ติดตามท่านผู้นั้นเป็นกลุ่มแรกให้เห็น
แน่นอนว่า สิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่ติดตามท่านผู้นั้นอย่างฉินอี้หายสาบสูญไปแล้วในภายหลัง พวกเขาต่างคิดว่าฉินอี้กับสิ่งมีชีวิตตนอื่นไล่ตามท่านผู้นั้นไปแล้วจริง ๆ และได้อยู่ข้างกายท่านผู้นั้น
ทว่าสิ่งที่ได้เห็นในวันนี้ทำลายความเชื่อนั้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย!
ฉินอี้เปล่าเลย!
ไม่ใช่แค่มิได้ติดตามไปเท่านั้น หากแต่ยังตายไปแล้วด้วย!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? พวกฉินอี้ประสบกับสิ่งใดในภายหลังหรือ เหตุใดถึงตายลงได้!?”
ตาเฒ่าขี้เมาหัวใจเย็นวาบ หวาดผวาสุดขีด
ฉินอี้ก้าวเดินอยู่แนวหน้าสุดของการฝึกตน ใกล้ท่านผู้นั้นที่สุด ปรากฏขึ้นในเงาเบื้องหลังท่านผู้นั้นแล้วเหตุใดถึงเกิดเรื่องได้ ซ้ำยังจบชีวิตลงแล้วด้วย!
เขาตระหนักได้ในทันทีว่าเส้นทางที่ไล่ตามท่านผู้นั้นไปมิได้ก้าวเดินโดยง่าย ภายหลังอาจต้องประสบกับภยันตรายใหญ่หลวง!
“มิน่า ศพโลหิตถึงน่าประหวั่นพรั่นพรึงเพียงนี้!”
เขาเข้าใจแล้วอย่างสิ้นเชิง
ศพโลหิตคือศพของฉินอี้ ไฉนเลยจะไม่น่ากลัว ฉินอี้นั้นทรงพลังอย่างมาก!
“บิดเบือนหยินหยาง ทลายความเป็นความตาย เขาตั้งใจได้มาซึ่งร่างใหม่แล้วกลายเป็นฉินอี้คนใหม่งั้นหรือ?!”
เขาเอ่ยด้วยตัวสั่นเทา นี่หรือคือความน่ากลัวของผู้ล่วงหน้าอย่างฉินอี้
ลำพังศพยังมีพลังมากล้นเกินหยั่ง!
ม่านแสงทอประกายไม่หยุด ศพโลหิตผู้เสร็จสิ้นการคืนชีพแล้วเจิดจ้าเหลือคณา มันยื่นมือข้างหนึ่งออกไป ชิ้นเนื้อเน่าเปื่อยที่ร่วงหล่นลงไปพลันหลอมเข้าด้วยกันเป็นดาบใหญ่ เข้ามาอยู่ในมือของมัน!
มันตวัดดาบใหญ่ไปข้างหน้า กำลังอันน่าสะพรึงพวยพุ่ง พร้อมด้วยพลังกัดกร่อนรุนแรง กระทั่งปริภูมิเวลายังสึกหรอ กาลเวลาหยุดเวียนผ่าน
ตาเฒ่าขี้เมาเห็นแล้วชาไปทั้งหนังศีรษะ น่ากลัวเหลือเกิน พลังกัดกร่อนระดับนี้น่ากลัวว่าแม้แต่กระบี่มรกตยังต้องผุพังเมื่อได้สัมผัส!
นั่นเป็นความจริง
ดาบเนื้อฟอนเฟะเล่มนี้สยดสยองอย่างแท้จริง สามารถหยุดยั้งกระบี่ฉุนจวินได้!
ศพโลหิตตวัดดาบเนื้อฟอนเฟะปะทะกับกระบี่ฉุนจวินไม่หยุด แล้วไม่เพียงแต่ไม่ถูกทำลาย ซ้ำยังไม่ได้รับความเสียหายอีกด้วย!
“ฆ่า!”
ศพโลหิตเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมา ระเบิดพลังในกายเต็มที่เพื่อเสริมลงไปบนดาบเนื้อฟอนเฟะ หมายจะทำลายกระบี่ฉุนจวินให้ได้ก่อน!
บนดาบเนื้อฟอนเฟะมีประกายพิศวงส่องสะท้อน รยางค์งอกเงยออกมายั้วเยี้ย รัดพันกระบี่ฉุนจวินเพื่อกลืนกินลงไปให้สึกกร่อน!
“กระบี่เล่มนี้ยอดเยี่ยมนัก ปล่อยให้เจ้าทำให้เปื้อนมลทินมิได้”
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วน้อย ๆ มือที่กำกระบี่ฉุนจวินอยู่เปล่งพลัง พลันนั้นแสงกระบี่เจิดจ้าพวยพุ่งออกมา รยางค์เนื้อฟอนเฟะเหล่านั้นถูกกำจัดจนเกลี้ยง!
เขาตวัดกระบี่ฉุนจวินบุกเข้าไป โจมตีด้วยท่วงท่าดุดันระคนสง่างาม
เดิมทีดาบเนื้อฟอนเฟะยังต้านทานกระบี่ฉุนจวินไหว แต่ต่อมาก็ยับยั้งมิได้อีกต่อไป ถูกกระบี่ฉุนจวินตัดเป็นหลายท่อน!
ศพโลหิตสีหน้าอึมครึม ไฉนเลยจะไม่เข้าใจอีก
ก่อนนี้หลี่จิ่วเต้ามิได้สำแดงพลังกล้าแกร่งเท่าใด และบัดนี้เขาเพิ่มพูนพลังขึ้น!
เดิมมันคิดว่านั่นคือพลังทั้งหมดของหลี่จิ่วเต้าแล้ว แท้จริงแล้วมิใช่เลย!
เรื่องนี้เป็นผลให้มันสะเทือนใจหนักหนา หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งขนาดไหนกันนี่!
“บัดซบ!”
มันเคียดแค้นเหลือแสน เจ็บใจอย่างยิ่งยวด หากมิใช่ว่าปราณศพถูกพรากจากมันไปจนมันไม่สมบูรณ์ ไฉนเลยจะเป็นต่อเช่นนี้!
“ขอสู้ตายกับเจ้า!”
พลังในตัวมันลุกโชนทั้งหมด ปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง มันต้องการลากหลี่จิ่วเต้าไปตายด้วยกัน!
ทว่าทั้งหมดนั้นเปล่าประโยชน์
ภายใต้กระบี่ฉุนจวินที่ตวัดไปมา ต่อให้มันปะทุบ้าคลั่งเพียงใดก็เท่านั้น ห่างชั้นกันเกินไป คล้อยตามโลหิตที่สาดกระจาย มันล้มลงกับพื้น ถูกหลี่จิ่วเต้าปลิดชีพอย่างสิ้นเชิง!
“ดุดัน…เหลือเกิน!”
ตาเฒ่าขี้เมากลืนน้ำลาย หัวใจสะท้านเหลือแสน
ศพของฉินอี้ถูกกำจัดง่าย ๆ ปานนี้เชียวหรือ
และดูจากทีท่าของหลี่จิ่วเต้าแล้ว เห็นได้ชัดว่ายังมีกำลังเหลือ มิได้ใช้พลังทั้งหมด!
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
“ข้าพอจะสนทนากับเขาสักคราได้หรือไม่!”
เขามองภาพร่างของชายหนุ่ม นึกอยากพูดคุยกับหลี่จิ่วเต้าผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ได้สัมผัสกับรากฐานในโลกหน้าฉากลึกซึ้งอย่างมาก เห็น ๆ ว่าเขาน่าจะได้ประโยชน์มามหาศาล ซ้ำยังเป็นไปได้ว่าอาจติดต่อกับท่านผู้นั้นแล้ว!
ตาเฒ่าขี้เมาจ้องมองร่างของหลี่จิ่วเต้า อยากสนทนากับเขาเหลือเกิน สนทนาเกี่ยวกับท่านผู้นั้น!
เพียงแต่... เขามิกล้าเป็นฝ่ายเข้าหา
แน่นอนว่าเขายังมิได้ลืมเลือนเรื่องก่อนหน้านี้ หลี่จิ่วเต้าแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ต้องการพบเขา
“เฮ้อ…”
เขาถอนหายใจหนักหน่วง
ตัวตนแข็งแกร่งระดับหลี่จิ่วเต้า หากไม่อยากพบเขาต่อให้เขาปราดเข้าไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีทางได้พบ
ทว่าเวลานั้นเอง เขาพบว่าหลี่จิ่วเต้าเหินกระบี่มาทางเขา!
“ท่านผู้นี้ต้องการพบข้าหรือ?!”
เขายินดีปรีดาขึ้นมาในบัดดล
ตามคาดหลี่จิ่วเต้ามาหาเขาจริง ๆ และลมหายใจต่อมาชายหนุ่มก็โรยตัวลงมาตรงหน้าเขา
“เจ้าไม่เลวเลย ไม่เหมือนกับผู้ฝึกตนอื่น จิตใจดีและกระทำความดี”
หลี่จิ่วเต้าปริปาก “เจ้าเคยหยุดยั้งมารกระดูก ทั้งยังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดสีเลือด ไม่เลวจริง ๆ”
ครานั้นตาเฒ่าขี้เมาจงใจอาเจียนใส่มารกระดูก แน่นอนว่าภาพเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของเขาจึงรู้ดีว่าตาเฒ่าขี้เมาทำเพื่อช่วยผู้อื่น
ครานั้นพฤติกรรมของมารกระดูกน่าโมโหยิ่งนัก แม้แต่เขายังนึกอยากลงมือ
เช่นเดียวกัน เรื่องที่ตาเฒ่าขี้เมาเข่นฆ่าสัตว์ประหลาดสีเลือดก็อยู่ในสายตาเขาเช่นกัน
“เป็นเรื่องสมควรแล้ว!”
ตาเฒ่าขี้เมาตอบ
“ดูออกว่าเจ้าชอบดื่มสุรา ข้ามีสุราหมักเองอยู่จำนวนหนึ่ง หากไม่รังเกียจก็ลองชิมดูหน่อยเถิด”
หลี่จิ่วเต้าหยิบสุรากาหนึ่งออกจากมิติบรรจุของ พลางยื่นไปให้ตาเฒ่าขี้เมา
ตาเฒ่าขี้เมาตาเป็นประกาย ท่านผู้นี้ก็ชอบดื่มสุราหรือ
เขารับกาสุราที่หลี่จิ่วเต้ายื่นมาให้
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยเช่นนี้แล้ว หากเขาไม่รับจะดูเหมือนรังเกียจ
“ข้าเองก็มีสุราชั้นดีในตัว น่าเสียดายที่ข้าดื่มหมดแล้ว! ไม่อย่างนั้นคงยกให้คุณชายหลี่ลิ้มรสได้เหมือนกัน”
เขาส่ายหน้ารัวด้วยความเสียดาย
เหล้าวิเศษสามหยดถูกเขาดื่มจนหมดเกลี้ยงเมื่อครั้งต่อสู้กับต้นหลิวและก้อนหิน กระนั้นก็มิอาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ถูกก้อนหินเล่นงานจนอ่วมเหมือนเดิม
หากมิใช่เช่นนั้น เขาอยากให้หลี่จิ่วเต้าลองชิมสุราของเขาดูจริง ๆ นั่นเป็นผลงานชิ้นเอกของเขา แม้จะล้ำค่าเหลือแสน กระทั่งเขาเองยังมิกล้าดื่มเท่าใด
แต่หากให้หลี่จิ่วเต้าดื่ม เขาเต็มใจเป็นที่สุด
“อ้อ อย่างนั้นเองหรือ”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม “ไม่เป็นไร คราวหน้าเจ้าค่อยนำสุราชั้นดีของเจ้ามาหาข้า”
หลังจากนั้น เขากล่าวลาตาเฒ่าขี้เมาและไปจากที่นี่
ตาเฒ่าขี้เมาอยากเรียกหลี่จิ่วเต้าไว้ก่อนเขาจากไป อยากถามให้รู้ว่ารากฐานโลกหน้าฉากมีอะไรอยู่กันแน่ เกี่ยวข้องลึกซึ้งกับท่านผู้นั้นจริงหรือไม่
ทว่าท้ายที่สุดเขาก็มิอาจเอ่ยถามออกไปได้
หลี่จิ่วเต้ามิได้เอื้อนเอ่ยอันใดกับเขาก็บอกลาไปก่อน เผยให้เห็นถึงท่าทีของเขาแล้วว่าไม่ต้องการอธิบาย
หากเขาเรียกหลี่จิ่วเต้าไว้เพื่อถาม ออกจะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่มีขอบเขตไปหน่อย
“ช่างเถิด หนนี้ก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ได้พูดคุยกับเขาแล้ว เขาเอ่ยไว้มิใช่หรือ คราวหน้าไปร่วมดื่มสุรากับเขาได้”
ตาเฒ่าขี้เมานับว่าพึงพอใจอยู่ มิได้คิดไปมากกว่านี้
“ขอชิมสุรานี้หน่อย”
เขารักสุราดุจชีวิต อดรนทนไม่ไหวอยากรู้ว่าหลี่จิ่วเต้ามอบสุราเช่นไรให้เขา
ในความคิดของเขา หลี่จิ่วเต้าผู้นี้แข็งแกร่งเหลือแสน สุราที่ยกให้นี้คงไม่แย่กระมัง เขาตั้งตารออย่างยิ่งยวด
“!!!”
เมื่อเขาเปิดฝากาสุรา กลิ่นหอมด้านในขจรขจาย
เขาตกตะลึงในบัดดล!
กลิ่นหอมเกินไปแล้ว! หอมกรุ่นกว่าสุราใด ๆ ที่เขาเคยดื่มมา เขามิเคยได้กลิ่นหอมระดับนี้จากสุรามาก่อน ชั่วขณะนั้น น้ำลายเขาสอออกมาหมด!
มือข้างที่จับกาสุราอยู่สั่นเทาเพราะความตื้นตัน เขารีบใช้มืออีกข้างกุมกาสุราราวกับกลัวมันจะตกพื้น จนสุราภายในหกออกมา
ก่อนนี้ เขาคิดเพียงว่าสุราจากหลี่จิ่วเต้าคงไม่แย่นัก บัดนี้เขาเพียงอยากเอ่ยว่า ใช่เพียงไม่แย่ที่ไหน เรียกได้ว่าล้ำเลิศอย่างยิ่ง!
เขาขอเรียกมันว่าเป็นสุราอันดับหนึ่งในใต้หล้า!
“หมักด้วยกรรมวิธีใดกันนี่!”
เขาจ้องมองสุราในกา สะท้านใจเป็นหนักหนา
สุรานี้มิใช่แค่หอมกรุ่นเท่านั้น ภายในยังแฝงไว้ด้วยสสารสูงส่งมากมาย เขาไม่นึกเคลือบแคลงเลยว่าขอเพียงหยดเดียวที่ได้ดื่ม เขาก็จะได้รับประโยชน์มหาศาล พลังเพิ่มพูนคูณทวี!
เขาแทบไม่อาจเชื่อได้เลย
ต้องรู้ว่ายอดฝีมือระดับอย่างเขาคิดจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์นั้นลำบากยิ่ง ต่อให้เป็นโอสถสวรรค์สูงสุดก็ส่งผลต่อพวกเขาเพียงจำกัด!
“แม้ว่าท่านผู้นี้มิชอบพูดจา กระนั้นกลับมือเติบยิ่ง!”
เขาสะท้อนใจอย่างอดมิได้
เขาสนทนากับหลี่จิ่วเต้าได้รวมแล้วไม่กี่ประโยค ก็ได้รับผลดีมากมายปานนี้ เหนือความคาดหมายของเขาอย่างมาก!
“วาจาก่อนหน้านี้ของข้าน่าอายจริง ๆ!”
ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อเมื่อนึกถึงคำกล่าวของเขาเมื่อครู่
ก่อนนี้เขาทำทีเสียดายต่อหน้าหลี่จิ่วเต้าไม่หยุด เอ่ยว่าตัวเขาก็เคยมีสุราชั้นดี แต่ถูกเขาดื่มหมดไปแล้ว
ซ้ำยังเอ่ยว่าจะให้หลี่จิ่วเต้าได้ลิ้มรสดู!
ยังดีที่มิได้ทำเช่นนั้น เขาดื่มหมดไปก่อน มิฉะนั้นคงขายหน้าแย่!
เขามีอยู่ทั้งหมดสามหยด ต่อให้ไม่ดื่มเลยก็ยกให้หลี่จิ่วเต้าได้เพียงสามหยดเท่านั้น
พับผ่าสิ เลี้ยงสุราผู้อื่นเพียงสามหยด ที่สำคัญหากหลี่จิ่วเต้าไม่มีสุราชั้นดีในตัวยังไม่เท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายดันมีสุราล้ำเลิศเช่นนี้บนตัว!
หากเขาเลี้ยงสุราหลี่จิ่วเต้าเพียงสามหยดจริง น่ากลัวว่าอีกฝ่ายได้ขำตายแน่!
สุรากานี้ดีกว่าของเขามาก เรียกได้ว่าเทียบมิได้เลย!
“ต้นหลิวต้นนั้นพูดไว้ไม่ผิด คุณชายหลี่มีคุณธรรมสูงส่ง ไม่เพียงแต่กำจัดศพโลหิต อีกทั้งมิได้เพิกเฉยต่อพลังมืดมิด…”
หลี่จิ่วเต้ายกสุราชั้นดีให้เขาหนึ่งกาโดยไร้สาเหตุจริงหรือ
เขาครุ่นคิด รู้สึกว่ามิได้ไร้สาเหตุ
อีกฝ่ายมอบสุราชั้นดีเช่นนี้ให้เขา คงเป็นแรงหนุนบางอย่างกับพวกเขา ให้พวกเขาจัดการกับพลังมืดมิดได้ดีขึ้น!
สุราในกานี้ไม่น้อยทีเดียว ต่อให้แบ่งกับประมุขแห่งสรวงสวรรค์ พระอมิตาภะพุทธเจ้า ผู้มีฝีมือแห่งศาสนาเต๋า รวมถึงยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์อื่น ๆ ก็ยังพอ
ช่วยให้พวกเขายกระดับพลังได้ทุกด้าน!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะต่อกรกับพลังมืดมิดได้ดีขึ้น!
“ที่คุณชายหลี่ไม่ไปยังสมรภูมิมืดมิด ดูท่าคงกำลังวางอุบายบางอย่างอยู่จริง ๆ…”
สายตาของเขาลึกล้ำ พลังมืดมิดมิได้มีเท่าที่แสดงตนออกมาแน่นอน เรื่องนั้นพวกเขาตระหนักเป็นอย่างดี สิ่งที่อยู่เบื้องหลังพลังมืดมิดน่าพรั่นพรึงอย่างแน่แท้ พวกเขาเพียงแต่กีดขวางพลังมืดมิดได้ชั่วคราวเท่านั้น
ส่วนจะหยุดยั้งพลังมืดมิดให้ได้ตลอด กำจัดความมืดมิดอย่างสิ้นเชิงนั้น ไม่ต้องคิดเลย
หลี่จิ่วเต้ายังไม่ออกโรงในตอนนี้ คงกำลังวางหมากในกองกำลังเบื้องหลังความมืดมิดอยู่!
“เลิกคิดเรื่องพวกนี้ดีกว่า รีบส่งสุรากานี้ไปดีกว่า! ด้านสมรภูมิมืดมิดจลาจลขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!”
เขารีบติดต่อร่างต้น ขอให้ร่างต้นใช้พลังนำสุรากานี้กลับไป
สุรากานี้มาได้ทันท่วงที ด้านสมรภูมิมืดมิดสถานการณ์ตึงเครียด เห็นได้ชัดว่าศึกใหญ่กำลังจะปะทุ เมื่อมีสุรากานี้ พลังฝ่ายพวกเขาย่อมต้องเพิ่มพูนมหาศาล
ถึงครานั้น พวกเขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวต่อสงครามระหว่างพลังมืดมิดอีก
ไม่นานนัก ร่างต้นของเขาก็เคลื่อนไหว มีพลังคืบคลานเข้ามานำสุรากานี้ไป
ร่างต้นของเขามิได้เอาไปทั้งหมด เหลือไว้ให้หนึ่งหยด
“ดี ๆ ต่อให้ข้าไม่ดื่ม ลำพังได้ดมกลิ่นหอมสุรานี้ทุกวี่วันก็นับว่าสาแก่ใจยิ่งนัก!”
เขาคลี่ยิ้มกว้างพลางเอ่ย พึงพอใจอย่างมาก เห็นสุราหยดนี้เสมือนสมบัติล้ำค่า
...
โลกหลังฉาก
สมรภูมิมืดมิด
จ้าวชิงได้รับสุรา
เขามิได้ลังเล รีบติดต่อประมุขแห่งสรวงสวรรค์ พระอมิตาภะพุทธเจ้า ผู้มีฝีมือศาสนาเต๋า และยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์ทั้งหลาย ชวนพวกเขามาร่วมดื่มสุราด้วยกัน
“หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ยังมีแก่จิตแก่ใจดื่มสุราอีก! จ้าวชิง ท่านดื่มเองเถิด ยามนี้ข้ามิมีอารมณ์ดื่มสุรา!”
ประมุขแห่งสรวงสวรรค์รูปร่างสูงใหญ่องอาจ เปี่ยมด้วยบารมี หลังได้รับแจ้งจากจ้าวชิงก็ปฏิเสธทันควัน
เขามิมีอารมณ์ดื่มสุราจริง ๆ ยามนี้กำลังกลัดกลุ้ม ฝ่ายพลังมืดมิดเคลื่อนไหวถี่กระชั้นมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นการลงมือก่อนศึกใหญ่เปิดฉาก
เขาในเวลานี้ คิดแต่เพียงต้องรับมือศึกนี้อย่างไร
ฝ่ายพลังมืดมิดน่ากลัวเกินไป ศึกใหญ่แต่ละครั้งไม่อาจสบประมาทได้เลย มิฉะนั้นต้องเสียหายหนักหนาแน่นอน และหากชะล่าใจ อาจถูกรุกรานเข้ามาจากทุกทิศทางก็เป็นได้!
“ข้าเองก็ไม่มีแก่จิตแก่ใจดื่มสุรา ยามนี้มิใช่เวลามาดื่มสุรา! รอให้จบศึกนี้ก่อนเถิด…”
ผู้มีฝีมือศาสนาเต๋าตนหนึ่งก็ปฏิเสธเช่นกัน
จิตใจของเขาหนักอึ้งไม่ต่างกัน ไม่อยากเผชิญหน้ากับศึกใหญ่เช่นนี้ ทุกครั้งที่ต้องประสบกับสงครามดุเดือด สหายและลูกศิษย์จำนวนหนึ่งของเขาจักต้องตายในสนามรบทุกครั้งไป
“จ้าวชิงดื่มสุราจนเลอะเลือนไปแล้วหรือ! ผู้ใดมีอารมณ์ดื่มกับท่านกัน!”
ปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนหนึ่งเอ่ย “ท่านเองก็อย่าดื่มเลย สงครามปะทุได้ทุกเมื่อ ถึงคราวนั้นท่านจะเมาจนสู้ไม่ไหวเอา!”
“...”
หลังพระอมิตาภะพุทธเจ้าได้รับคำเชิญก็หมดคำพูดในบัดดล
เขาไม่เคยดื่มสุรา ไม่แตะเหล้าสักหยด เหตุใดจ้าวชิงถึงเชื้อเชิญเขาเสียอย่างนั้น
“อาตมาก็รู้สึกว่าจ้าวชิงเมาแล้ว…”
แน่นอนว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้ามิได้เดินทางไป ปฏิเสธจ้าวชิงทันที
“พวกท่านนี่นะ มองไม่เห็นความหวังดีกันเสียเลย!”
จ้าวชิงขุ่นเคืองนักหนา ผู้ที่เชิญมาไม่มาเสียส่วนใหญ่ ปฏิเสธเขากันหมด ซ้ำยังกล่าวว่าเขาเมาแล้วหรือไม่!
เขาไฉนเลยจะไม่โมโห
สุราชั้นดีเช่นนี้ หากมิใช่ว่าเขาทำเพื่อการใหญ่ ต้องการให้ยอดฝีมือทั้งหลายยกระดับพลังกันถ้วนหน้าเพื่อต่อกรกับพลังมืดมิดได้ดีขึ้น เขาไม่มีทางนำออกมาแม้แต่หยดเดียว ต้องเก็บไว้อย่างดีเพื่อดื่มเองแน่นอน!
“ไม่มาก็ไม่ต้องมา! ข้าขอเตือนพวกท่าน หลังจากนี้อย่าได้มาขอร้องข้า!”
เขาเอ่ย ก่อนจะเปิดฝากาสุราออก ซ้ำยังจงใจใช้พลังขับให้กลิ่นของสุราแผ่กระจายออกไป ให้ประมุขแห่งสรวงสวรรค์และยอดฝีมืออื่น ๆ ได้กลิ่นกันหมด
นอกจากนี้เขายังรินออกมาหนึ่งหยดแล้วดื่มเข้าไป ก่อนจะดูดกลืนหลอมละลายพลังในสุราหยดนี้
เขาคร้านจะอธิบายให้ประมุขแห่งสรวงสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่น ๆ ฟัง ตั้งใจพิสูจน์ด้วยการกระทำ
“ผู้ใดใคร่ดื่มสุรากัน! มีเพียงท่านเท่านั้น!”
“พวกเรามิได้ติดสุรา และมิได้ชื่นชอบ ผู้ใดจะไปขอร้องท่านกัน!”
“จ้าวชิงเมาแล้วจริง ๆ ข้าขอเตือนให้ท่านสร่างเมาให้ได้ก่อนเถิด ศึกใหญ่ใกล้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ประเดี๋ยวถึงเวลาห้ำหั่นจะโดนเชือดเอา!”
...
ยอดฝีมือทั้งหลายพากันส่งเสียง
พวกเขามิได้ดื่มสุราเป็นงานอดิเรกจริง ๆ แล้วไยต้องไปขอร้องจ้าวชิง เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เลย!
ทว่าหลังกลิ่นหอมสุราขจรขจายด้วยพลังของจ้าวชิงและส่งมาถึงพวกเขา
สีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปกันหมด!
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ