851-855

   ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ

นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน

บทที่ 851ถึง 855

“มาแล้ว ร่างเดิมคือตัวอะไร? แมวน้อยสีขาวตัวหนึ่งที่วิวัฒนาการไม่หยุดหรือ…”



เซียนปีศาจเก้าหางแหงนสายตามอง ไม่ธรรมดาจริง ๆ มองปราดเดียวก็เห็นถึงแก่นกำเนิดของลั่วสุ่ยเลยหรือ



ลั่วสุ่ยมิใช่แมวน้อยสีขาวอย่างเคยแล้ว สายเลือดเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้งหลายครา จากแมวขาวกลายเป็นเสือขาว แล้ววิวัฒนาการจากเสือขาวไปอีก



ร่างอสูรของลั่วสุ่ยในยามนี้อัศจรรย์อย่างแท้จริง เหนือกว่าอสูรทั้งปวง



ลั่วสุ่ยไม่รู้สึกแปลกใจ นางเคยประจักษ์ถึงฝีมือของเซียนปีศาจเก้าหางมาแล้ว นี่คือกุหลาบมีหนามที่ตำมืออย่างยิ่ง ยากจะต่อกรด้วย



“เจ้ากลับมาพร้อมกับจิ้งจอกสองตัวนี้หรือ คงเป็นเขาที่ส่งเจ้ามาใช่หรือไม่ น่าสนใจดีนี่ หลี่จิ่วเต้าคงมิได้คิดว่าเจ้าจะจัดการข้าได้กระมัง”



เซียนปีศาจเก้าหางหันมองลั่วสุ่ยอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งเกียจคร้านทั้งเย้ายวน สมเป็นนางกุหลาบจริง ๆ พราวเสน่ห์ยิ่งนัก



นางสั่งให้หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ส่งข่าวให้จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวกลับมา ลั่วสุ่ยกลับตามมาด้วย นางรู้สึกว่าเป็นเพราะหลี่จิ่วเต้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่แล้ว ถึงได้ส่งอีกฝ่ายมาพร้อมจิ้งจอกทั้งสองตัวนี้ด้วย



“มิใช่กระมัง เจ้าคงมิได้คิดว่าข้าไม่สามารถจัดการเจ้าได้ใช่หรือไม่”



ลั่วสุ่ยยอกย้อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย



เซียนปีศาจเก้าหางเป็นกุหลาบมีหนามแล้วอย่างไร ทำร้ายนางมิได้เสียหน่อย นางสังหารเซียนปีศาจเก้าหางได้ง่ายดาย



แม้ว่าสีหน้าของนางจะราบเรียบ แต่วาจานั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความท้าทาย มิได้เกรงใจเซียนปีศาจเก้าหางสักนิด!



เกรงใจได้อย่างไรกันเล่า!



เซียนปีศาจเก้าหางเห็นคุณชายเป็นสัตว์เลี้ยง แล้วยังจะให้คุณชายกลายเป็น…ทาสใต้กระโปรงอีก!



นางทนได้ที่ไหน จิตใจเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะ



“ฮ่า ๆ ช่างมั่นใจเหลือเกิน เป็นแค่สัตว์เลี้ยงในมือผู้อื่นแล้วยังมั่นใจเพียงนี้ได้อยู่อีกหรือ”



เซียนปีศาจเก้าหางหัวเราะ วาจานั้นเต็มไปด้วยความดูแคลนลั่วสุ่ย



นางกล่าวต่อ “กลับไปเสีย บอกให้เจ้านายของเจ้ามา เดิมข้าอยากรออีกหน่อยค่อยไปกำราบเขา ในเมื่อเขารู้ตัวแล้ว ก็ขอกำราบเสียตอนนี้เลยแล้วกัน”



ต้องยอมรับว่านางมีความมั่นใจสูง แม้จะยำเกรงในตัวหลี่จิ่วเต้าอยู่บ้าง แต่ก็มิได้มากมาย กล้าต่อสู้กับหลี่จิ่วเต้าเสียตอนนี้



“เจ้าช่างปากกล้ายิ่ง มิกลัวลิ้นเคล็ดบ้างหรือ!”



ลั่วสุ่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “บารมีของคุณชายเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้! ริอ่านกระโดดโลดเต้นอยู่ที่นี่ สิ่งที่รอเจ้าอยู่มีเพียงความตายเท่านั้น!”



“เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ”



เซียนปีศาจเก้าหางหัวเราะอีกครั้ง นางถูกสิ่งมีชีวิตหน้าฉากข่มขู่หรือนี่ ซ้ำยังมิใช่หลี่จิ่วเต้าอีกด้วย หากแต่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งข้างกายหลี่จิ่วเต้าเท่านั้น!



คิดแล้ว แม้แต่ในโลกหลังฉากยังมิมีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าขู่นางสักตน!



นางกลับถูกลั่วสุ่ยข่มขู่เอาเสียนี่ ไม่อยากขำยังยาก



“เหตุใดต้องเดือดดาลปานนั้นด้วยเล่า เป็นเพราะเมื่อครู่เจ้าได้ยินข้าเอ่ยว่าจะกำราบเจ้านายของเจ้ามาเป็นทาสใต้กระโปรง ถึงได้หัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่เช่นนี้หรือ”



เซียนปีศาจเก้าหางหันมองลั่วสุ่ย เอ่ยด้วยท่าทางเย้ายวนไร้ใดเปรียบ “หยุดก่อเรื่องเถิด บุรุษใดในใต้หล้านี้ไม่ต้องการเป็นทาสใต้กระโปรงข้าบ้าง เจ้านายของเจ้าย่อมมิใช่ข้อยกเว้น! หากว่าเจ้านายของเจ้ารู้ว่าเจ้าขัดขวางมิให้เขากลายมาเป็นทาสใต้กระโปรงของข้า น่ากลัวว่าเจ้านายของเจ้าคงโกรธจนต้องฟาดก้นเจ้ากระมัง!”



ชื่อเสียงด้านหว่านเสน่ห์ของนางแซ่ซ้องแม้กระทั่งในโลกหลังฉาก ยอดฝีมือระดับเดียวกันที่หลงเสน่ห์นางก็มีไม่น้อย



และหากนางเอ่ยปากเองว่าอยากรับทาสใต้กระโปรง ไม่รู้ว่าจะมีบุรุษสักเพียงใดที่แย่งกันเข้ามา



“มีกระจกหรือไม่ รบกวนส่องดูตัวเองหน่อยเถอะ!”



สีหน้าลั่วสุ่ยเย็นยะเยือกยิ่งขึ้น



คุณชายไฉนเลยจะเป็นเฉกเช่นบุรุษอื่น



เซียนปีศาจเก้าหางยกตนเกินไปแล้ว



เซียนปีศาจเก้าหางนั้นงดงามและพราวเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ กระนั้นคิดจะทำให้คุณชายติดบ่วงเสน่ห์ยังห่างชั้นอีกมาก ไม่มีทางเป็นจริงได้เลย



ทว่าการกระทำต่อมาของเซียนปีศาจเก้าหางกลับเป็นผลให้ลั่วสุ่ยอิดหนาระอาใจอย่างที่สุด



เซียนปีศาจเก้าหางหลอมกระจกออกมาบานหนึ่งเพื่อส่องตนเอง



“งดงามมาก มีปัญหาอันใดหรือ”



หลังเซียนปีศาจเก้าหางส่องกระจกแล้ว ก็หันมาบอกกับลั่วสุ่ยเช่นนี้



“!!!”



จิ้งจอกน้อยยังหมดคำพูด เซียนปีศาจเก้าหางผู้นี้มั่นใจในตนเองเกินไปจริง ๆ!



จิ้งจอกขาวเย็นชาผู้รักษาความสุขุมไว้ตลอดยังกลั้นไม่อยู่ในตอนนี้ นางมิเคยเห็นคนเช่นนี้มาก่อน! ไม่สิ จิ้งจอก!



“หยุดลูกไม้ของเจ้าเสีย มันไม่มีผลกับข้า”



เวลานั้นเอง จู่ ๆ ลั่วสุ่ยก็เอ่ยกับเซียนปีศาจเก้าหาง



เซียนปีศาจเก้าหางนั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง บทสนทนาก่อนหน้านี้เป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น ลับหลังกลับลอบใช้วิชามารยาเพื่อควบคุมจิตใจของนาง!



เมื่อครู่นี้นางเกือบเสียท่าแล้ว ดีที่จี้เพชรถ่ายทอดพลังบางอย่างเข้าสู่ร่างกาย ทลายพลังมารยาที่รุกรานเข้ามาในวิญญาณของนางโดยไม่รู้ตัว นางถึงได้สติ!



ลั่วสุ่ยนึกกลัวไม่น้อย สิ่งมีชีวิตหลังฉากไม่ธรรมดากันเลยจริง ๆ



หากมิได้จี้เพชรที่คุณชายมอบให้นาง นางคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว!



น่ากลัวเหลือเกิน ก่อนหน้านี้ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด พลังมารยาของเซียนปีศาจเก้าหางเข้ามายังส่วนลึกของวิญญาณนางโดยไมรู้ตัวได้ง่ายดาย อีกเพียงนิดเดียวก็สามารถควบคุมวิญญาณของนางได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว!



ลั่วสุ่ยระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที เร่งพลังอาวุธลับทั้งหมดที่นำมาด้วย มิยอมเปิดโอกาสเช่นนี้ให้เซียนปีศาจเก้าหางอีก



“ที่นี่น่าสนใจจริง ๆ!”



เซียนปีศาจเก้าหางหรี่ตาลงกึ่งหนึ่ง สายตาทอประกายประหลาดใจ



พลังมารยาที่ทะลวงเข้าไปยังส่วนลึกของวิญญาณลั่วสุ่ยถูกทำลายลง นางย่อมรู้ได้ในบัดดล



นับว่าเหนือความคาดหมายไปมากจนนางมิอาจทำใจเชื่อได้ลง



ขอบเขตลั่วสุ่ยต่ำต้อยปานใด นางไฉนเลยจะล้มเหลว ทว่าผลสุดท้ายคือนางล้มเหลวจริง ๆ!



“มิน่า หลี่จิ่วเต้าถึงส่งเจ้ามา! ก่อนมา เขาคงประทานของวิเศษให้เจ้าจำนวนหนึ่งแล้วใช่หรือไม่”



นางหันมองลั่วสุ่ย มีหรือจะยังไม่เข้าใจอีก



ลำพังพลังจากตัวลั่วสุ่ยเอง ไม่มีทางทลายพลังมารยาของนางได้เลย และไม่มีทางรับรู้ถึงพลังมารยาของนางที่รุกรานเข้าไปด้วย



เห็นได้ชัดว่าลั่วสุ่ยมียอดสมบัติในตัว และเป็นพลังยอดสมบัติเหล่านั้นที่ทลายพลังมารยาของนาง



“นี่หรือคือความมั่นใจของเจ้า ท้ายสุดแล้วก็ไม่ไหวอยู่ดี!”



เซียนปีศาจเก้าหางพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ไม่เหลือเค้าพราวเสน่ห์ ฝ่ามือขาวผ่องดุจหยกยื่นออกไป อักขระโบราณเปล่งแสงเจิดจ้าขณะถล่มไปหาลั่วสุ่ย!



หากหวังพึ่งเพียงเสน่ห์มารยา ไม่มีทางมีที่ยืนในโลกหลังฉาก อย่าว่าแต่เปลี่ยนสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนอื่น ๆ มาเป็นของเล่นในมือเลย ตัวนางเองต่างหากที่จะกลายเป็นของเล่นให้สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนอื่น ๆ



นางมีกำลังรบกล้าแกร่ง มิอาจสบประมาทได้เลย สามารถต่อสู้อย่างทัดเทียมกับว่านเซวียน เหยียบผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันไว้ใต้เท้า!



เสียงดังฟึ่บ ลำแสงพาดผ่านตัวลั่วสุ่ย ระงับอักขระโบราณที่ถล่มเข้ามา



นางกระโจนตัวขึ้นให้ห่างจากดินแดนเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ มายังอวกาศนอกอาณาจักร เตรียมต่อสู้กับเซียนปีศาจเก้าหางที่นี่



แววตาเซียนปีศาจเก้าหางทอประกายประหลาด การโจมตีของนางถูกหยุดยั้งไหวอย่างนั้นหรือ เรื่องนี้ออกจะเกิดความคาดหมายของนางไปหน่อย



ทว่านางมิมีทางยอมถอดใจง่าย ๆ อาภรณ์สีแดงพลิ้วไหว เพริศพริ้งระคนวาบหวาม บุกไปยังอวกาศนอกอาณาจักรพร้อมด้วยม่านแสงสีแดง



ทว่าทันทีที่นางออกมาถึงอวกาศก็ถูกถล่ม ดาราดารดาษเข้าบดขยี้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน!



ลั่วสุ่ยหยิบพู่กันออกมาวาดภาพ พริบตาเดียวก็ร่างภาพวาดเอกภพเสร็จ สถานที่ที่เซียนปีศาจเก้าหางเข้าไปก็คือภาพวาดเอกภพนี้



“ลูกไม้ตื้น ๆ!”



หมอกแดงรายล้อมรอบตัวเซียนปีศาจเก้าหาง กำลังรบล้นฟ้า พริบตาเดียวนางก็ฝ่าออกมาจากภาพวาดเอกภพ ไม่มีทางพันธนาการนางไว้ได้เลย



ลั่วสุ่ยถอนหายใจ ความห่างชั้นของขอบเขตมากเกินไปจริง ๆ วิชาของนางยากจะเกิดผลกับเซียนปีศาจเก้าหาง



“นี่หรือคือของวิเศษในตัวเจ้า ทรงพลังมากจริง ๆ แต่ว่า…เจ้าไม่อาจสำแดงพลังของมันออกมาได้”



เซียนปีศาจเก้าหางมองพู่กันในมือลั่วสุ่ยด้วยความประหลาดใจ



นี่หรือคือรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉาก



นางรับรู้ได้ว่าพู่กันด้ามนี้วิเศษวิโสเพียงใด เป็นยอดศาสตราในยอดศาสตรา



ทว่าเป็นเช่นที่นางว่า นี่มิใช่ของวิเศษเพียงหนึ่งเดียวในตัวลั่วสุ่ยแน่ ลั่วสุ่ยต้องมีของวิเศษชิ้นอื่นอีก



“เจ้าคือผู้ที่หลับเคียงหมอนกับเขาหรือ หืม ไม่สิ แมวที่หลับเคียงหมอนเขาหรือ เขาถึงดีกับเจ้าเพียงนี้ ประทานของวิเศษให้เจ้านานัปการ”



เซียนปีศาจเก้าหางเอ่ยยิ้ม ๆ



“บัดซบ!”



ลั่วสุ่ยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เซียนปีศาจเก้าหางผู้นี้ใช้ถ้อยคำได้ระคายหูยิ่ง



“เช่นนี้ดูแล้ว เจ้าคงสำคัญต่อเขามาก และคงรู้จักเขาเป็นอย่างดี! ประเสริฐ หลังจับตัวเจ้าได้แล้ว ข้าขอดูหน่อยเถิดว่าบุรุษผู้เล่นกับไฟคนนี้เป็นเช่นไรกันแน่!”



เซียนปีศาจเก้าหางหัวเราะร่วน ตระหง่านอยู่เหนืออวกาศ มั่นใจเต็มเปี่ยม



‘อยากอัดนางให้ยับจริง ๆ!’



ลั่วสุ่ยเห็นท่าทางหัวเราะด้วยความผยองของเซียนปีศาจเก้าหางแล้วโกรธจนขบกรามแน่น นึกอยากลากคอเซียนปีศาจเก้าหางมาสั่งสอนให้รู้ดำรู้ดีสักครา!



‘หากขอบเขตของนางพอ ๆ กับข้าก็คงดี เช่นนั้น ข้าคงเล่นงานนางให้ยับได้!’



นางคิดในใจ



เวลานั้นเอง เสียงดังฟึ่บ จี้เพชรบนคอนางส่องแสงเจิดจรัส



นี่คือจี้รูปหัวใจที่ประดิษฐ์ด้วยความพิถีพิถันไร้ที่ติ วาววามทอประกาย



เทียบกับแหวนเพชรบนมือของสือเฟิงและฉินซิน รวมถึงชุดเครื่องประดับเพชรของฉินซิน ล้วนมิอาจสู้จี้เพชรที่ลั่วสุ่ยสวมใส่อยู่นี้



จี้เพชรชิ้นนี้ใช้วัสดุดีกว่า และงดงามกว่า!



“นี่หรือคือของวิเศษชิ้นนั้น”



ดวงตาของเซียนปีศาจเก้าหางวาวโรจน์ สัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของจี้เพชรรูปหัวใจ พลังที่เจืออยู่ในนั้นน่าทึ่งยิ่งนัก!



นางแน่ใจได้ทันทีว่าจี้นี้คือของวิเศษที่ทลายพลังมารยาของนางเมื่อก่อนหน้า



“จี้รูปหัวใจ ดูท่าหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นมองเจ้าเป็นคนสำคัญจริง ๆ!”



นางปริปาก ยื่นฝ่ามือขาวผ่องข้างหนึ่งออกไป



จากนั้นร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่ก็ปรากฏอยู่ในฝ่ามือของนาง



นางจริงจังอย่างยิ่งยวด รับรู้ถึงความน่ากลัวของจี้รูปหัวใจ มิกล้าประมาทแม้แต่น้อย เรียกอาวุธชิ้นที่ทรงพลังที่สุดของนางออกมา



ร่มกระดาษมันสีแดงคันนี้ได้ทั้งรุกทั้งรับ วัสดุสูงส่งไม่ธรรมดา แม้แต่ในโลกหลังฉากก็ติดอันดับได้แน่นอน เป็นที่เกรงขามของยอดฝีมือหลังฉากจำนวนมาก



“เขาชอบเจ้าหรือ ถึงได้มอบจี้รูปหัวใจให้เจ้า ฮ่า ๆ หากจับตัวเจ้าได้ เขาคงปวดใจมากเลยใช่หรือไม่”



เซียนปีศาจเก้าหางเอ่ยยิ้ม ๆ คงท่าทีมั่นใจเหลือล้น “เช่นนั้นหลังจับเจ้าได้แล้ว มิเท่ากับบงการหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นได้ตามใจชอบเลยหรือ”



ชอบ?



หลังได้ยินคำนี้ หัวใจของลั่วสุ่ยพลันกระตุกอย่างแรง



เป็นเช่นนั้นจริงหรือ



ครานั้นคุณชายมิได้เอ่ยคำนี้ เพียงแต่เอ่ยว่าสตรีวัยละอ่อนล้วนชื่นชอบลายหัวใจ จึงตีจี้ห้อยรูปหัวใจให้นาง



“มาเถิด ขอข้าดูหน่อยว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้มีตื้นลึกหนาบางอย่างไร ถึงได้กล้าส่งคนที่ตนชอบมานี่!”



มือข้างหนึ่งของเซียนปีศาจเก้าหางค้ำร่มกระดาษมัน เยื้องย่างไปหาลั่วสุ่ยอย่างแช่มช้า



ภาพนี้ช่างเฉิดฉันงามงด ดวงหน้าและบุคลิกของเซียนปีศาจเก้าหางมิอาจจาบจ้วง ชวนให้ใจเต้นและคิดไปไกล



“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว!”



ลั่วสุ่ยมีสีหน้าเย็นชา แม้มิรู้ว่าจี้รูปหัวใจมีพลังเช่นไร



กระนั้นนางเชื่อในตัวคุณชาย



เซียนปีศาจเก้าหางต้องถูกนางเล่นงานได้แน่!


“ข้าจะกำราบเจ้าลงเสียตอนนี้!”



เซียนปีศาจเก้าหางมาพร้อมร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่ ระเบิดพลังปราณเต็มที่โดยไม่ยั้ง



ร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่เล่มนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ กฎระเบียบบางอย่างโลดแล่น พลังปราณของเซียนปีศาจเก้าหางพุ่งทะยานอีกครั้ง กำลังมากขึ้นเป็นทวีคูณ!



นางมั่นใจเหลือแสน คิดจะบังคับจับกุมลั่วสุ่ย



เสียงดังฟึ่บ ลำแสงลำหนึ่งพุ่งออกจากจี้ห้อยรูปหัวใจบนคอของลั่วสุ่ย เซียนปีศาจเก้าหางมีสีหน้าคร่ำเครียด ราวกับเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ



นางมิได้ลังเลแม้แต่น้อย เหวี่ยงร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่มาบังตรงหน้าด้วยปฏิภาณอันฉับไว ขวางกั้นลำแสงที่พวยพุ่งเข้ามา



แต่เรื่องที่เหนือความคาดหมายของนางคือ แม้นมีร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่สามารถระงับลำแสงที่พวยพุ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย มิได้เกิดเรื่องราวใหญ่โตอันใด



“เท่านี้เองหรือ?!”



นางหัวเราะออกมาอย่างอดมิได้ ก็นึกว่าจะแข็งแกร่งมากมาย สุดท้ายกลับเปราะบางต้านมิได้แม้แต่การโจมตีเดียว



ทว่าลมหายใจต่อมาสีหน้าของนางก็ต้องเปลี่ยนไป รอยยิ้มที่เคยมีพลันแข็งทื่อ



“เป็นไปไม่ได้!”



ดวงหน้าของนางมืดครึ้ม ปะทุพลังเต็มรูปแบบ เพราะสัมผัสได้ว่าขอบเขตของตนกำลังลดต่ำลง พลังบางอย่างกำลังข่มขอบเขตพลังของนางอยู่!



นางเชื่อไม่ลง จี้รูปหัวใจบนคอของลั่วสุ่ยน่าสะพรึงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ถึงกับระงับขอบเขตพลังของนางได้?!



นางไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ จึงพยายามต้านสุดชีวิตด้วยทุกวิชาที่มีโดยมิกักเก็บ ทว่าไม่อาจยับยั้งได้เลย พลังมวลนั้นเหนือชั้นกว่ามาก!



ไม่นาน เพียงพริบตาเดียวขอบเขตพลังของเซียนปีศาจเก้าหางก็ลดฮวบลงจนถึงขอบเขตนิรันดร์ แล้วลดลงไปที่ขอบเขตผู้บงการ สุดท้ายชะลอไว้ที่ขอบเขตลอยชาย



“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”



แม้กระทั่งลั่วสุ่ยยังสะท้อนใจอย่างอดมิได้ นางเข้าใจแล้วว่าจี้รูปหัวใจมีพลังอย่างไร!



ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก สามารถเคลื่อนไหวได้ตามความต้องการในใจนางหรือนี่!



ก่อนนี้คิดไปว่า หากเซียนปีศาจเก้าหางอยู่ในขอบเขตเดียวกับนางก็คงดี หลังจากนั้น พลังของเซียนปีศาจเก้าหางก็ถูกข่มลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกับนาง



“เท่านี้เจ้าก็กำแหงมิได้แล้ว!”



ลั่วสุ่ยตาเป็นประกาย ในเมื่ออยู่ในระดับเดียวกันแล้ว นางจะเล่นงานเซียนปีศาจเก้าหางให้หนัก



นางเก็บพู่กันในมือ การต่อสู้ของผู้ที่อยู่ในขอบเขตเดียวกัน นางไม่ยี่หระที่จะใช้พลังจากพู่กัน ลำพังตัวนางเองก็พอจะอัดเซียนปีศาจเก้าหางให้แหลกลาญ



เสียงดังตู้ม นางขยับตัว ประกายบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์วนอยู่รอบตัว ปล่อยหมัดใส่เซียนปีศาจเก้าหาง



สายตาของเซียนปีศาจเก้าหางทอประกายโหดเหี้ยม นางหุบร่มกระดาษมันสีแดงขนาดใหญ่ ปลายร่มคมดุจมีดดาบ แทงใส่ลั่วสุ่ยที่ปรี่เข้ามา!



นั่นมันจี้ห้อยอันใดกัน น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!



แม้แต่พลังของร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่ยังถูกข่มลง ห่างชั้นจากพลังสูงสุดของมันมากนัก



“มวยไทเก๊ก!”



ลั่วสุ่ยขยับแขนขา สำแดงปรมัตถ์แห่งมวยไทเก๊ก หมัดที่ดูนุ่มนวลบอบบางกลับแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล หยุดยั้งร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่ที่แทงเข้ามาได้



ประกายประหลาดบางอย่างส่องลงอยู่บนตัวเซียนปีศาจเก้าหาง นี่มันวิชามวยอันใด ปรมัตถ์ของมันเกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของนางไปมากโข!



นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าลั่วสุ่ยนั้นมีวิชามวยระดับนี้อยู่! หลี่จิ่วเต้าเป็นผู้ถ่ายทอดให้ลั่วสุ่ยหรือ วิชานี้มาจากรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉากหรือ



ทว่านางเองก็มิได้ธรรมดา เมื่อคราวอยู่ที่โลกหลังฉาก นางนั้นดุดันเหี้ยมโหด ปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม มากด้วยประสบการณ์การต่อสู้



นางสำแดงฝีมือออกมา เป็นมหาวิชาสะท้านโลกันตร์ทั้งสิ้น เสียงกระหึ่มดังอยู่นอกอาณาจักรไม่หยุด ดวงดาราเสื่อมสลายไปดวงแล้วดวงเล่า



“รุนแรงปานนี้เชียว!”



เซียนปีศาจเก้าหางอึ้งงันเป็นที่สุด วิชามวยของลั่วสุ่ยทรงพลังยิ่งนัก นางสำแดงมหาวิชาสะท้านโลกันตร์ไปนับคณายังไม่ไหว ยังดีที่มีร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่อยู่ มิฉะนั้นนางคงพ่ายแพ้ไปแล้ว



มวยไทเก๊กค่อย ๆ แผลงฤทธิ์ด้วยมือลั่วสุ่ย พลังที่ปะทุออกมากล้าแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนนี้เซียนปีศาจเก้าหางยังอาศัยร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่คอยปกป้องแล้วต่อสู้ได้บ้าง



ทว่าต่อมานางมิอาจสู้ได้อีกเลย ร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่ถูกโจมตีจนแทบแหลกเหลว หน้าร่มเต็มไปด้วยรอยร้าว เซียนปีศาจเก้าหางเจ็บใจและหมดหนทาง



นี่คือยอดศาสตรา ไม่ว่าความเสียหายใดล้วนยากจะฟื้นสภาพให้ดีดังเดิม แต่นางกลับจนปัญญาจะทำอันใด มวยไทเก๊กของลั่วสุ่ยทรงพลังเกินไป!



เสียงดังตึง ลั่วสุ่ยต่อยเข้าตัวนาง ร่างของเซียนปีศาจเก้าหางสั่นสะท้าน พลังในกายแตกพล่าน นางพ่ายแพ้แล้วอย่างสิ้นเชิง มิอาจต่อกรกับลั่วสุ่ยได้



นางถูกลั่วสุ่ยกำราบ ลากคอตั้งแต่นอกอาณาจักรกลับมายังดินแดนเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ ก่อนจะถูกเหวี่ยงกระแทกพื้น



เซียนปีศาจเก้าหางมิได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด



หนนี้นางพ่ายแพ้ราบคาบ มิมีคำใดให้ต้องกล่าวไปมากกว่านี้ การต่อสู้ในระดับเดียวกันเป็นการห้ำหั่นกันอย่างถึงพริกถึงขิง ต่อให้นางเจ็บใจปานใดก็ต้องยอมรับว่านางสู้ลั่วสุ่ยมิได้จริง ๆ



นอกจากนี้ นางยังผวากับความน่ากลัวของหลี่จิ่วเต้า



เขาได้รับสิ่งใดในโลกหน้าฉากมากันแน่ ช่างน่าสยดสยองเหลือเกิน



ลำพังจี้ห้อยชิ้นหนึ่งของลั่วสุ่ยยังมีอานุภาพน่าครั่นคร้ามปานนี้ ข่มขอบเขตนางลงได้อย่างง่ายดาย แล้วในมือหลี่จิ่วเต้าจะยังมีของวิเศษชิ้นอื่นใดอยู่อีก?



ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในมือเขาย่อมต้องมีของวิเศษน่าประหวั่นพรั่นพรึงกว่านี้อยู่เป็นแน่



นางลอบถอนหายใจ ครานั้นหลี่จิ่วเต้าเพียงปั่นหัวพวกเขาไปอย่างนั้นจริงหรือ เกรงว่าไม่ยี่หระที่จะลงมือกับพวกเขามากกว่ากระมัง…



หากเป็นไปตามการคาดการณ์ของนาง หลี่จิ่วเต้าสามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้ง่ายดายด้วยยอดศาสตราในมือแน่ ๆ



“จิ้งจอกนั้นพราวเสน่ห์มาแต่กำเนิด นี่คือข้อได้เปรียบ และเป็นพรจากสวรรค์ แต่มิใช่ลูกไม้ให้เจ้าเล่นงานสิ่งมีชีวิตตนอื่น”



ลั่วสุ่ยหันมองเซียนปีศาจเก้าหาง “เจ้าอยู่ที่นี่แล้วกัน เรียนรู้จักบรรดานารีจิ้งจอกสวรรค์ในที่แห่งนี้ว่าจิ้งจอกที่ดีนั้นเป็นอย่างไร”



จากนั้น นางคิดในใจว่าต้องการข่มพลังของเซียนปีศาจเก้าหางลงเพื่อมิให้เซียนปีศาจเก้าหางทำร้ายเหล่านารีจิ้งจอกสวรรค์ได้อีก



จี้ห้อยรูปหัวใจบนคอนางเคลื่อนไหวตามความปรารถนาของนางจริง ๆ หลังนางผุดความคิดนี้ ก็มีแสงลำหนึ่งพุ่งออกจากจี้ห้อยรูปหัวใจ สาดส่องบนตัวเซียนปีศาจเก้าหาง



ต่อมา กฎระเบียบพิเศษลึกล้ำบางอย่างปรากฏ แทรกซึมเข้าไปในร่างของเซียนปีศาจเก้าหาง ระงับขอบเขตพลังของเซียนปีศาจเก้าหางลงทั้งหมด!



เซียนปีศาจเก้าหางหน้าเขียว นางต้องอาศัยอยู่กับนารีจิ้งจอกสวรรค์เหล่านี้หรือ!



สวรรค์! นางอยากจะบ้าตาย นางเป็นตัวตนระดับใดกัน ยอดฝีมือหลังฉากยังต้องยำเกรงต่อนาง สุดท้ายกลับต้องร่วมพำนักกับบรรดานารีจิ้งจอกสวรรค์ที่พลังอ่อนแอจนแทบทนดูมิไหวหรือ



นางทนมิได้จริง ๆ!



แต่ลั่วสุ่ยไม่สนใจนางเลยสักนิด เพียงหันไปกำชับหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ต่อ



...



ขณะเดียวกัน ตาเฒ่าขี้เมาเดินโซซัดโซเซตามถนนมาถึงนอกเมืองชิงซาน



“มาแล้ว!”



ก้านของต้นหลิวส่ายไปมา พลังพิเศษบางอย่างแผ่ขยาย พาตัวตาเฒ่าขี้เมาเข้าไปในมิติพิเศษแห่งหนึ่ง



มันสังเกตเห็นตาเฒ่าขี้เมามานานแล้ว และรอคอยการมาถึงของตาเฒ่าขี้เมาอยู่ที่นี่ตลอด



มันย่อมรู้ว่าตาเฒ่าขี้เมาเป็นใคร เมื่อคราวกระบี่ฉุนจวินปรากฏออกมา มันก็ถูกดึงดูดสายตาไปเช่นกัน รู้ว่าตาเฒ่าขี้เมามาจากโลกหลังฉาก เข้าร่วมการช่วงชิงกระบี่ฉุนจวิน



บัดนี้ตาเฒ่าขี้เมารุดหน้ามายังเมืองชิงซาน ไม่ต้องสงสัยเลย เขามาเพราะคุณชายเป็นแน่



ตาเฒ่าขี้เมาผู้นี้ใจกล้ายิ่งนัก ถึงขั้นกล้าตรงมาหาคุณชายที่เมืองชิงซานเชียวหรือ ยอดฝีมือหลังฉากตนอื่นมิมีผู้ใดกล้าทำเช่นนี้เลย



“สุรานี่ดียิ่งนัก!”



ตาเฒ่าขี้เมาดื่มสุราไปอีกหลายอึกใหญ่ ก่อนจะเดินโซเซไปข้างหน้า และพ้นออกมาจากมิติพิเศษแห่งนั้น!



เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของต้นหลิวไปจริง ๆ!



มันคอยพิทักษ์อยู่นอกเมืองชิงซาน สิ่งมีชีวิตที่ถูกพาเข้าไปยังมิติพิเศษมิเคยมีตนใดกลับออกมาได้ แต่ตาเฒ่าขี้เมากลับทำได้!



“พี่หลิวไยจึงปล่อยเขาออกมา ข้างนอกนี่เต็มไปด้วยปุถุชน รับการต่อสู้มิไหวหรอก!”



อีกด้าน ก้อนหินถามต้นหลิวด้วยความฉงน



มันเชื่อในพลังของต้นหลิว คิดว่าต้นหลิวเป็นฝ่ายปล่อยตาเฒ่าขี้เมาออกมาเอง มิได้คิดว่าตาเฒ่าขี้เมาออกมาได้ด้วยพลังของตน



“ข้าปล่อยที่ไหน!”



ต้นหลิวหวดก้านใส่ก้อนหินจนก้อนหินร้องลั่น



“ยังดูไม่ออกอีกหรือว่าคนผู้นี้เป็นศัตรูตัวฉกาจ เขาออกมาได้เอง!”



ต้นหลิวกล่าว



“หา? ทรงพลังปานนั้นเชียว?”



ก้อนหินหยุดโหวกเหวก ผิดคาดไปจริง ๆ



คนขี้เมาที่ชราภาพไม่ได้ความผู้นี้ทรงพลังกล้าแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ?!



ต้นหลิวมิได้สนใจก้อนหิน มันบอกกับตาเฒ่าขี้เมา “ที่นี่มีแต่ปุถุชน รับการต่อสู้ระหว่างเรามิไหว ไปสู้กันนอกอาณาจักรได้หรือไม่”



“ได้ ไม่มีปัญหา สู้กันนอกอาณาจักร!”



ตาเฒ่าขี้เมารับปากโดยไม่อิดออด



“ไป!”



ต้นหลิวและก้อนหินกลายเป็นลำแสงสองลำ พุ่งออกไปนอกอาณาจักร



ทว่าตาเฒ่าขี้เมากลับมิได้ขยับตัว



“สู้อะไรเล่า ข้ามิได้มาหาพวกเจ้าเสียหน่อย!”



เขาคลี่ยิ้มพลางเอ่ย เผยให้เห็นฟันเหลืองเต็มปาก ไม่มีจรรยาบรรณแห่งยุทธภพแม้แต่น้อย ก่อนนี้รับปากว่าจะไปต่อสู้นอกอาณาจักร แท้จริงกลับมิได้มีความตั้งใจจะไปเลยสักนิด!



เสียงดังฟึ่บ เขาเองก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในเมืองชิงซาน!



ก้านหลิวร่ายรำ ขวางทางไปของเขาไว้ทันที ต้นหลิวหวนคืน มิได้เชื่อถ้อยคำของตาเฒ่าขี้เมาเต็มร้อย วางอุบายเผื่อตาเฒ่าขี้เมาผิดคำพูดไว้แล้ว



“เจ้านี่ไร้คุณธรรมจริง ๆ รับปากแล้วว่าจะไปต่อสู้นอกอาณาจักร แต่เจ้ากลับคิดจะลอบเข้าไปในเมืองชิงซาน!”



ก้อนหินก็กลับมาแล้ว พร้อมเอ่ยด้วยเสียงโกรธขึง



“ศึกไม่หน่ายเล่ห์ พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ”



ตาเฒ่าขี้เมาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ดื่มสุราไปอีกหลายอึก



“ข้ากลับรู้สึกคุ้นหน้าเจ้ายิ่งนัก…”



เขามองก้อนหินพลางกล่าว “เจ้าดูคล้ายก้อนหินไร้คุณธรรมก้อนหนึ่งที่ข้ารู้จักมาก!”



“เจ้าว่าผู้ใด! เจ้าต่างหากที่ไร้คุณธรรม!”



ก้อนหินเอ่ยเสียงเดือดดาล “อย่ามาฉวยโอกาสด่าข้า ท่านสือ*[1]ผู้นี้ไม่ถูกหลอกหรอก!”



“คล้ายจริง ๆ ยามต่อว่าผู้อื่นยิ่งคล้าย!”



ตาเฒ่าขี้เมาเอ่ย “นั่นเป็นก้อนหินไร้คุณธรรมที่สิ่งมีชีวิตหลังฉากโกรธแค้นกันหมด ชอบทุบท้ายทอย ลงมืออย่างเหี้ยมเกรียม!”



ยามเอ่ยวาจา เขายังลูบท้ายทอยอย่างอดมิได้ เห็นได้ชัดว่าเคยโดนทุบมาก่อน



“คงมิใช่เรื่องจริงกระมัง”



ก้อนหินเริ่มมีอารมณ์พลุ่งพล่าน



ครานั้นยามมันได้รู้ว่าต้นหลิวมีรากฐานเป็นอื่น มันอิจฉาแทบแย่ ทั้งยังโวยวายว่าตัวมันก็ต้องมีภูมิหลังยิ่งใหญ่แน่นอน มีฐานะสูงส่งไม่ธรรมดา เพียงแต่ความทรงจำยังไม่ตื่นขึ้นเท่านั้น



“คิดอะไรอยู่ วาจาของตาเฒ่านี่เชื่อได้ที่ไหน นึกถึงพฤติกรรมของเขาเมื่อครู่สิ!”



ต้นหลิวกล่าวต่อก้อนหิน เตือนมันไม่ให้ติดกับ ตาเฒ่าผู้นี้คงโป้ปดเสียมากกว่า



“ใช่แล้ว!”



ก้อนหินใจเย็นลงทันที ไม่คิดมากอีกต่อไป ตาเฒ่าผู้นี้มิใช่คนดีจริง ๆ เมื่อครู่ก็เพิ่งหลอกพวกมันไป



“คล้ายมาก คล้ายจริง ๆ แต่ไม่ควรเป็นเช่นนั้นเลย หินก้อนนั้นเป็นที่ชิงชังไปทั่วฟ้าดินและมวลมนุษย์ เห็นว่าถูกกำราบลงในบ่ออุจจาระ กลายเป็นหินพิทักษ์สุขาไปแล้วมิใช่หรือ”



ตาเฒ่าขี้เมามองก้อนหินพร้อมรำพันเสียงแผ่ว



“พูดบ้าอะไรไอ้ระยำ!”



ก้อนหินเดือดดาล ตาเฒ่านี่พูดอะไรออกมา



ที่แท้ภูมิหลังแท้จริงของมันคือก้อนหินในบ่ออุจจาระหรือนี่



ถุย ๆๆ!



เป็นไปได้อย่างไร!



มันไม่เชื่อแน่นอน ตาเฒ่านี่จงใจว่าร้ายมัน!





[1] สือ แปลว่า ก้อนหิน

ก้อนหินพิทักษ์สุขา?



หลังต้นหลิวได้ยินดังนั้นก็เขยิบออกห่างอย่างอดมิได้ กลัวจะต้องสัมผัสกับก้อนหิน



ก้อนหินเห็นท่าทางเช่นนี้ของต้นหลิวก็ยิ่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าไปใหญ่ “พี่หลิว ท่านคงมิได้เชื่อวาจาเหลวไหลของตาเฒ่านี่จริง ๆ ใช่หรือไม่!?”



“เปล่าเลย เป็นไปได้อย่างไร! ข้าไม่มีทางเชื่อเขาหรอก!”



ต้นหลิวปฏิเสธรัว



“ท่านไม่เชื่อเขาแล้วเหตุใดต้องขยับออกห่างจากข้าด้วย!”



ก้อนหินเอ่ยเสียงเดือดดาล



อะไรกัน!



ต้นหลิวปากไม่ตรงกับใจเห็น ๆ ไม่ยอมพูดความจริง!



ปากบอกไม่เชื่อตาเฒ่าขี้เมา แต่กลับออกห่างจากมันมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็น ๆ อยู่ว่ามองมันเป็นก้อนหินพิทักษ์สุขา เป็นหินในบ่ออุจจาระถึงได้รังเกียจมัน



ตู้ม!



เวลานั้นเองจู่ ๆ ต้นหลิวก็ลงมือโจมตี ก้านหลิวร่ายรำตวัดไปมา ถล่มไปหาตาเฒ่าขี้เมา



กฎระเบียบถักทอประสาน กลายเป็นม่านพลังพิเศษบางอย่างผนึกที่นี่ไว้ ป้องกันมิให้พลังรั่วไหลจนส่งผลกระทบต่อเมืองชิงซาน



เห็นได้ชัดว่าต้นหลิวมิได้ปากไม่ตรงกับใจ มันมิได้รังเกียจก้อนหินจริง ๆ ที่ออกห่างจากก้อนหินก็เพื่อหาตำแหน่งโจมตีอันเหมาะเจาะ!



ขณะเดียวกันก็อยากเล่นงานตาเฒ่าขี้เมาโดยมิให้ตั้งตัว!



น่าเสียดาย ตาเฒ่าขี้เมามิใช่คนธรรมดา เขามีปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม น้ำเต้าในมือโบกสะบัด พลังแสนน่ากลัวหลั่งไหลออกมาหยุดยั้งก้านหลิวที่บุกเข้ามา



เสียงดังโครม ก้อนหินเข้าทุบจากด้านหลัง ต่อสู้เข้าขากันอย่างรู้ใจ มันฉวยโอกาสที่ตาเฒ่าขี้เมากำลังต่อกรกับต้นหลิวเล็งไปที่ท้ายทอยของตาเฒ่าขี้เมา



หากเป็นสิ่งมีชีวิตตนอื่น เมื่อถูกประกบหน้าหลังเช่นนี้ทั้งยังถูกจู่โจมพร้อมกัน ย่อมป้องกันตนได้ยาก จักต้องบาดเจ็บหนัก



รวมถึงกำลังรบระดับเซียนปีศาจเก้าหางก็ด้วย



ทว่าตาเฒ่าขี้เมาผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ทันทีที่โต้กลับก้านหลิวจนล่าถอย และก้อนหินกำลังจะกระแทกเข้าท้ายทอย เขาก็ตอบโต้ได้ทัน!



เขาเอียงหัวเล็กน้อย เหวี่ยงกำปั้นออกไปปะทะกับก้อนหิน จนมันต้องล่าถอย



“ท้ายทอยหรือ เจ้าคือก้อนหินในบ่ออุจจาระจริง ๆ ด้วย นี่เจ้าหนีมาจากสุขาแล้วหรือ”



ตาเฒ่าขี้เมามองก้อนหินพลางเอ่ย



“เหลวไหล!”



ก้อนหินไม่เชื่อเลยสักนิด



มันจะเชื่อได้อย่างไร



หากมันเป็นก้อนหินในบ่ออุจจาระจริง มีหรือคุณชายจะไม่รู้ แล้วจะโปรดปรานมันปานนั้นได้อย่างไร ถึงกับพามันไปด้วยยามออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว!



ตาเฒ่าขี้เมาปั้นเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย คิดจะก่อกวนจิตใจมันด้วยเรื่องนี้



“ข้าก็ไม่เชื่อ!”



ต้นหลิวเอ่ย มีเหตุผลเดียวกับก้อนหิน



มิมีเรื่องใดปิดบังคุณชายได้ คุณชายไม่มีทางนั่งอยู่บนก้อนหินพิทักษ์สุขาอยู่เป็นนิตย์ ตาเฒ่าขี้เมานี่โป้ปดแน่นอน



“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ”



ตาเฒ่าขี้เมามิได้เอ่ยอันใดไปมากกว่านี้



หินพิทักษ์สุขาเป็นเรื่องแต่งจริงอย่างที่พวกมันคิด ทว่าเขาคุ้นตากับก้อนหินจริง ๆ ราวกับได้เห็นก้อนหินไร้คุณธรรมในโลกหลังฉาก



มันโกรธแค้นหินไร้คุณธรรมหลังฉากก้อนนั้น เคยเสียเปรียบให้เจ้าก้อนหินไร้คุณธรรมนั่นอย่างมาก ที่ว่าหินพิทักษ์สุขาอะไรนั่นก็เพียงเพื่อว่าร้ายหินไร้คุณธรรมหลังฉากก้อนนั้นเท่านั้น



“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะขวางทางข้า”



ตาเฒ่าขี้เมาคลี่ยิ้มกว้างพลางเอ่ย เผยให้เห็นฟันเหลืองเต็มปากก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าไม่เหมือนพวกเจ้า ไม่แยแสชีวิตของปุถุชนในเมืองนี้ หากต้องสู้กันจริง ๆ พวกเจ้าไม่มีทางสะกดได้ทุกสิ่ง ย่อมต้องมีพลังรั่วไหลออกไป ถึงคราวนั้น ชีวิตของปุถุชนทั้งเมืองนี้ต้องจบสิ้นลง ไม่มีทางรอดต่อไปได้!”



เขาข่มขู่ต้นหลิวและก้อนหินด้วยชีวิตของปุถุชนในเมืองชิงซาน เพื่อบีบบังคับให้ก้อนหินและต้นหลิวยอมจำนน เลิกขวางทางมิให้เขาเข้าเมือง



“ต่ำช้า!”



ก้อนหินพิโรธ ตาเฒ่านี้ไร้ศีลธรรมสิ้นดี บังอาจใช้เรื่องนี้มาขู่พวกมัน นับว่าชั่วช้ายิ่งนัก



“ข้ามาจากโลกหลังฉาก ทั้งโลกหน้าฉากแห่งนี้ไม่อยู่ในสายตาของข้า ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงปุถุชนเหล่านี้”



ตาเฒ่าขี้เมากล่าว “พวกเจ้ารีบรามือไปเสียดีกว่า มิฉะนั้น ข้าจะลงมือกับเหล่าปุถุชนโดยตรง เข่นฆ่าปุถุชนพวกนั้นก่อน!”



“เจ้าลองดูสิ!”



ก้อนหินโมโหโทโส ไม่มีทางยอมให้ตาเฒ่าขี้เมาแผ้วพานปุถุชนในเมืองชิงซาน



“อย่าได้ติดกับเขาเชียว เขาไม่ทำเช่นนั้นแน่ ที่เอ่ยเช่นนี้ก็เพื่อขู่ให้เรากลัวเท่านั้น”



ต้นหลิวกล่าว “ในที่ที่กระบี่ฉุนจวินปรากฏ มารกระดูกตั้งใจก่อการอุกฉกรรจ์ เขาผู้นี้แหละที่ออกโรงห้ามมารกระดูก แม้ว่าดูแล้วครานั้นเขาทำไปโดยมิตั้งใจ ทว่าแท้จริงแล้วเป็นความตั้งใจของเขาจริง ๆ เจตนาเพื่อช่วยสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น”



ยามนั้นมันมองเห็นอย่างชัดเจน



ยอดฝีมือระดับผู้เฒ่าขี้เมาไฉนเลยจะคุมตัวเองไม่อยู่ อาเจียนเป็นการใหญ่



ซ้ำยังจงใจอาเจียนใส่ตัวมารกระดูกเสียเต็มกาย



เสร็จแล้วยังถอดถุงเท้าสกปรกลงมาเพื่อเช็ดหน้ามารกระดูก ท้าทายมารกระดูกโดยไม่ปิดบัง



เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้มิใช่อุบัติเหตุ หากแต่เป็นความตั้งใจของตาเฒ่าขี้เมา



แท้จริงแล้วตาเฒ่าขี้เมานั้นจิตใจดี มิอาจทนเห็นสิ่งมีชีวิตผู้บริสุทธิ์ต้องถูกมารกระดูกฆ่า



“โดนมองออกแล้วหรือนี่ คำขู่ไม่ได้ผล ช่างเถิด ๆ เลิกเล่นลูกไม้กันดีกว่า”



ตาเฒ่าขี้เมาย่างเท้าออกไปอยู่นอกอาณาจักร เขาไม่ต้องการทำร้ายปุถุชนในเมืองชิงซานจริง ๆ



ต้นหลิวและก้อนหินตามหลังมาถึงนอกอาณาจักรติด ๆ พลันการปะทะก็เปิดฉาก



เสียงกระหึ่มดังไม่หยุด อวกาศนอกอาณาจักรแหลกลาญในบัดดล ตาเฒ่าขี้เมาสุดยอดจริง ๆ ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าพวกข่งอวิ๋นตั้งเท่าไร ทันทีที่เริ่มต่อสู้ก็สำแดงกำลังรบสุดกล้าแกร่งออกมา



“พวกเจ้าทำได้อย่างไร ไม่เพียงแต่ทลายขีดจำกัด ทั้งยังยกระดับขึ้นจนมีกำลังรบขั้นนี้”



ตาเฒ่าขี้เมาปริปากด้วยความตะลึง



สิ่งมีชีวิตหน้าฉากแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ช่างเหนือความคาดหมายของตาเฒ่าขี้เมายิ่งนัก



ในความคิดของเขา ต้นหลิวและก้อนหินบรรลุขอบเขตนิรันดร์ขึ้นมานับว่าน่าทึ่งมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าต้นหลิวและก้อนหินมิได้มีฝีมือแค่นั้น กำลังรบของพวกมันแกร่งกล้ากว่าคนเก่าคนแก่อย่างพวกข่งอวิ๋นเสียอีก



“หลี่จิ่วเต้าแบ่งปันรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉากกับพวกเจ้าหรือ”



ดวงตาของเขาเปล่งประกาย ในโลกหน้าฉากมีสิ่งใดอยู่กันแน่ กระทั่งคนระดับเขายังต้องไตร่ตรองอย่างอดมิได้



ตู้ม!



ก้านหลิวปรี่เข้ามาหลายก้าน ผสานกันเป็นหอกยาวสีเขียวเล่มหนึ่ง บุกไปสังหารตาเฒ่าขี้เมากลางอากาศ ต้นหลิวมิได้ตอบคำถามใดของตาเฒ่าขี้เมา



เสียงดังตู้ม ตาเฒ่าขี้เมาปล่อยออกไปทั้งสองหมัด ปะทะกับหอกยาวสีเขียว สำแดงพลังน่าครั่นคร้ามออกมา อักขระน่าสะพรึงพวยพุ่งออกมาตีกลับการโจมตีของต้นหลิวจนต้องล่าถอย



ก้อนหินคำรามลั่น กลายเป็นยักษ์ศิลาย่างเท้าไปเหยียบตาเฒ่าขี้เมา



หารู้ไม่ ตาเฒ่าขี้เมานั้นดุดันผิดปกติ เขาเตะเสยขึ้นไปปะทะกับเท้าของก้อนหินที่ย่ำลงมา!



ตู้ม!



ก้อนหินถอยไปด้วยแรงกระเทือน สู้ตาเฒ่าขี้เมาไม่ไหว เท้าที่ปะทะกันเต็มไปด้วยรอยร้าว เจ็บจนร้องครวญคราง



ต้นหลิวจำแลงกายเป็นมนุษย์แล้วบุกเข้าไปอีกครั้ง มันสำแดงวิชามวยไทเก๊กเข้าห้ำหั่นกับตาเฒ่าขี้เมาอย่างดุเดือด



“วิชามวยอันใดกันนี่ สุดยอดจริง ๆ! เป็นหนึ่งในรากฐานพิเศษของโลกหน้าฉากหรือ”



ตาเฒ่าขี้เมาเอ่ยเสียงตะลึง



ทว่าเขาเองก็ไม่ธรรมดาอย่างสุดซึ้ง หลังได้ดื่มสุราไปอีกหลายอึก ก็เริ่มใช้หมัดเมา!



ต้นหลิวสะท้าน ตาเฒ่าผู้นี้มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ ดุดันเหลือเกิน แม้แต่มวยไทเก๊กยังทำอันใดตาเฒ่าขี้เมามิได้อีกหรือ มันอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง



“ข้ามาแล้ว!”



ก้อนหินบุกเข้ามาอีกครั้ง ดาบศิลามหึมาเล่มหนึ่งพุ่งออกมาฟาดฟันตาเฒ่าขี้เมาจากกลางอากาศ!



ปลายดาบนั้นคมกล้าเหลือแสน ตัดได้แม้กระทั่งปริภูมิเวลา ห้วงมิติขาดช่วง



ตาเฒ่าขี้เมาอ้าปากพ่นอสนีบาตซึ่งมีม่านแสงจรัสไหลเวียนล้อมรอบออกมาปะทะกับดาบศิลา!



ตึง!



ดาบศิลาแหลกลาญ แตกเป็นเสี่ยง ๆ มิอาจหยุดยั้งอสนีบาตนี้ได้!



ต้นหลิวสำแดงวิชาบางอย่าง ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นไม่หยุด ภาพการณ์น่าสะพรึงสับเปลี่ยนไปมา หากได้ปะทะกับระดับข่งอวิ๋น พวกเขาย่อมมิอาจหยุดยั้ง ถูกถล่มจนแพ้พ่าย!



ทว่าตาเฒ่าขี้เมานั้นทรงพลังยิ่งกว่า เขาฟาดฝ่ามือข้างหนึ่งออกไปอย่างแรง พลังหมื่นวิถีพวยพุ่ง กฎระเบียบนับล้านปะทุ ทลายวิชาต่าง ๆ ของต้นหลิวลง!



นี่คือศัตรูตัวฉกาจระดับใดกัน?!



ต้นหลิวรู้สึกหนักอึ้งเหลือแสน ตาเฒ่าขี้เมาดุดันจนงุนงงไปหมด พลังและฝีมือที่แสดงออกมานั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างยิ่งยวด!



“ตาเฒ่าอย่าได้โอหังนัก ข้าจะส่งเจ้าไปที่ชอบ ๆ เดี๋ยวนี้!”



ก้อนหินแผดเสียง หลอมปี่สั่วน่าออกมาด้วยพลังและเริ่มเป่าบรรเลง



กระดาษเงินกระดาษทองโปรยปรายลงจากนภาไม่หยุด เสียงของปี่สั่วน่าทะลุทะลวงอย่างมาก ก้อนหินเป่าบรรเลงลำนำส่งวิญญาณ เงาดำสี่ร่างยกโลงศพมาถึง หมายจะจับตาเฒ่าขี้เมาเข้าไปในโลง!



ต้นหลิวระเบิดพลัง หอกยาวสีเขียวแทงออกมาไม่หยุดควบคู่กับลำนำส่งวิญญาณของก้อนหิน สร้างแรงรบกวนต่อตาเฒ่าขี้เมา หมายจะกำราบมันลงโลง!



เงาดำทั้งสี่ยกโลงศพมาถึง เสียงดังตู้ม ฝาโลงเปิดออก เงาดำทั้งสี่แผลงฤทธิ์ พลังกล้าแกร่งพุ่งทะยานออกไปถล่มตาเฒ่าขี้เมา



ลำนำส่งวิญญาณนั้นไม่ธรรมดา ทรงพลังยิ่งนัก ทั้งยังทะลุทะลวงวิญญาณได้ดีเยี่ยม ตาเฒ่าขี้เมาได้รับผลกระทบมหันต์ การรีดเร้นพลังในกายเริ่มติดขัด มิได้ราบรื่นอย่างเก่า



“คล้ายว่าข้าเคยได้ยินบทเพลงนี้มาก่อน…!”



แววตาของตาเฒ่าขี้เมาไหวระริก เขารำลึกความ เคยได้ยินลำนำนี้จากที่ไหนสักแห่งจริง ๆ



‘สมรภูมิความมืดมิด!’



เขาเงยหน้าฉับพลัน นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคราวอยู่ที่สมรภูมิมืดมิด เคยมีสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนหนึ่งเป่าบรรเลงบทเพลงนี้!



ครานั้นยอดฝีมือหลังฉากจำนวนมากต้องจบชีวิตลงด้วยบทเพลงนี้!



‘ความมืดมิดเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกหน้าฉากกันแน่?!’



เขาคิดในใจอย่างอดมิได้



ที่ก้อนหินเป่าลำนำส่งวิญญาณนี้ได้ต้องมาจากรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉากแน่ และไม่ว่าอย่างไรพลังมืดมิดก็คิดจะเข้ามายังโลกหน้าฉากให้ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพื่ออะไร?



แล้วมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร?!



ต้นหลิวระเบิดพลังไม่หยุด หอกยาวสีเขียวดุดันขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้แรงรบกวนจากลำนำส่งวิญญาณ และพลังของเงาดำยกร่างทั้งสี่ที่ถล่มเข้ามาเรื่อย ๆ ลงท้ายตาเฒ่าขี้เมาก็สู้มิไหว ถูกกำราบลงโลง



เสียงดังปึง ฝาโลงปิดสนิทอย่างสิ้นเชิง



“ต่อกรด้วยยากจริง ๆ!”



ต้นหลิวถอนหายใจโล่งอก ตาเฒ่าขี้เมาแข็งแกร่งมากจริง ๆ กำลังรบสูงส่งยิ่งนัก



“ส่งไปเสีย”



ต้นหลิวบอกกับก้อนหิน แน่นอนว่ามิได้จะฆ่าตาเฒ่าขี้เมา



ก้อนหินเป่าบรรเลงลำนำส่งวิญญาณ เงาดำทั้งสี่ยกโลงขึ้นหมายจะส่งตัวตาเฒ่าขี้เมาออกจากที่นี่!



ตู้ม!



เวลานั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงประหลาดดังออกจากโลง เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง!



ตาเฒ่าขี้เมาแกร่งกล้าอย่างแท้จริง เขาสามารถฝ่าออกมาจากโลงศพ ซ้ำยังบีบบังคับให้ก้อนหินผู้บรรเลงลำนำส่งวิญญาณให้หยุด



เขาดื่มสุราอึกใหญ่ ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเหลืองทั้งปาก



“ข้าเพิ่งเริ่ม อุ่นเครื่องเสร็จพอดี พวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง”



เขาเอ่ยยิ้ม ๆ



ว่าอะไรนะ?



ตาเฒ่าขี้เมาเก่งกาจปานนี้เชียวหรือ สู้มาจวบจนบัดนี้แล้วเป็นเพียงการอุ่นเครื่องเท่านั้น



ต้นหลิวและก้อนหินมองหน้ากัน ตาเฒ่าขี้เมาผู้นี้มิได้น่าพรั่นพรึงธรรมดา!



“พวกเจ้าหมดลูกไม้แล้วใช่หรือไม่ เอาล่ะ หลังจากนี้ พวกเจ้าคอยดูฝีมือของข้าแล้วกัน!”



ตาเฒ่าขี้เมาเอ่ยพลางหัวเราะร่วน


ตาเฒ่าขี้เมายกกาสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม



สู้กันถึงตอนนี้ เขายังมิได้ทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีจริง ต้นหลิวและก้อนหินยังมิอาจกำราบเขาได้



เขาเรียกน้ำเต้าขนาดเล็กกว่าฝ่ามือออกมาด้วยความเคร่งเครียดระมัดระวัง ก่อนจะยกขึ้นมาจ่อปาก รินของเหลวแวววาวเข้าปากหนึ่งหยด ก่อนจะกลืนลงไป



ชั่วพริบตานั้น ทั้งตัวเขาเปล่งประกายเจิดจ้า พลังปราณพุ่งพรวด กำลังรบยกระดับขึ้นไปไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด!



“ฮ่า ๆ สาแก่ใจนัก!”



เขาหัวเราะร่วนราวกับเมามาย คนทั้งคนฮึกเหิมเหลือแสน เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง



น้ำเต้าเล็กนั่นเป็นน้ำเต้าสุราเช่นกัน ของเหลวในนั้นก็คือสุรา



แน่นอนว่า สุราในนั้นต่างจากสุราในน้ำเต้าใหญ่ที่เขาพกอยู่ตลอด ห่างชั้นกันมากทีเดียว มิอาจนำมาเทียบกันได้เลย



นี่คือเหล้าวิเศษอย่างแท้จริง ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ เป็นสุราที่เขาหมักด้วยโอสถวิเศษต่าง ๆ ของโลกหลังฉาก ปกติเขามิกล้าดื่มเลย มีเพียงยามอยากจริง ๆ จึงจะนำออกมาดื่มสักหยด



และร่างแยกของเขาร่างนี้ก็นำติดตัวมาด้วยแค่สามหยดเท่านั้น!



เขาอดทนไม่ดื่มมาตลอด บัดนี้ดื่มไปแล้วหนึ่งหยดเพื่อกำราบต้นหลิวและก้อนหิน!



‘อีกสองหยดเก็บไว้ดื่มยามต่อกรกับหลี่จิ่วเต้า มีโอกาสสูงว่าเขาจะจัดการได้ยากยิ่ง!’



เขาคิดในใจ



ทว่าเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขาคือ ต้นหลิวและก้อนหินมิได้มีท่าทีเกรงกลัวสักนิด ซ้ำเขายังได้ยินเสียงหัวเราะของต้นหลิวและก้อนหินอีกด้วย



เกิดอันใดขึ้น?



ต้นหลิวและก้อนหินมีไม้ตายก้นหีบอันใดยังมิได้ใช้อีกหรือ



ชั่วพริบตานั้น เขารอบคอบขึ้นมาก



“ใช้ได้นี่ ก้อนหิน เจ้าลุยเลย ให้เขาได้เห็นฝีมือของเจ้าหน่อย”



ต้นหลิวเอ่ยกลั้วหัวเราะ “เขาบังอาจเอ่ยว่าพวกเราสิ้นฝีมือแล้ว ใช่เช่นนั้นจริงหรือ”



“น่าขันนัก ไฉนเลยจะสิ้นฝีมือได้”



ก้อนหินหัวเราะร่วน “เส้นผมยาวปัญญาสั้น ประโยคนี้ใช้กับบุรุษได้ด้วย! ท่านดูสิ ผมของเขายาวเหยียด ปัญญานั้นสั้นยิ่ง”



มันก้าวออกไป ประกายน่าสะพรึงปะทุ เจิดจ้าแยงตาเสียยิ่งกว่าตาเฒ่าขี้เมา!



นอกจากนี้ บนตัวมันยังมีคลื่นริ้วมากมายปรากฏ จรัสงดงาม ไหลเวียนไปตามจุดต่าง ๆ



นี่คือลวดลายที่คุณชายวาดบนตัวมันเมื่อช่วงก่อนยามตกปลา ครานั้น มันมิรู้ว่าเหตุใดคุณชายถึงต้องวาดลวดลายบนตัวมัน



บัดนี้ มันเข้าใจแล้ว



นี่คือพลังที่คุณชายมอบให้มันไว้ต่อกรกับตาเฒ่าขี้เมา!



แท้จริงแล้วมันคิดผิด ครานั้นหลี่จิ่วเต้าเพียงต้องการให้ก้อนหินดูดีขึ้นเท่านั้น



ทว่าพลังที่ก้อนหินได้จากภาพวาดคือของจริง!



พลังของก้อนหินยกระดับขึ้นอย่างบ้าคลั่ง รุนแรงกว่าก่อนตั้งไม่รู้กี่เท่า ตาเฒ่าขี้เมาเห็นแล้วต้องตาค้าง มองน้ำเต้าน้อยในมืออย่างอดมิได้ นึกในใจว่าหรือเขาต้องดื่มสุราสองหยดที่เหลือ?



เสียงดังตู้ม ก้อนหินบุกเข้ามา กำปั้นมหึมายิ่งกว่าดวงดารา ตาเฒ่าขี้เมาหวดกำปั้นปะทะ!



พรวด!



ตาเฒ่าขี้เมากระอักเลือดพร้อมกระเด็นออกไป สู้มิได้เลย กายแหลกไปครึ่งร่าง!



ก้อนหินมาดมั่นเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมให้โอกาสตาเฒ่าขี้เมาตั้งตัว มันบุกเข้ามาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คลื่นริ้วไหลเวียนอยู่บนหมัดทั้งสองข้าง เปี่ยมไปด้วยความไร้เทียมทาน!



ตาเฒ่าขี้เมาอเนจอนาถเหลือคณา เป็นฝ่ายถูกอัดอย่างเดียวโดยตอบโต้มิได้เลย!



เขาไม่มีแก่จิตแก่ใจสนเรื่องอื่น ดื่มสุราสองหยดในน้ำเต้าน้อยลงไป พลันนั้นแสงสว่างบนตัวทวีคูณ พลังพุ่งพรวด!



“ข้าจะอัดเจ้าให้แหลกลาญ!”



ตาเฒ่าขี้เมาเคืองแค้นเป็นที่สุด เคยอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้ที่ไหน เขาต้องเล่นงานก้อนหินให้ได้!



ทว่าดื่มสุราสองหยดที่เหลือลงไปแล้วก็มิอาจเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขา



ชายชราแผดเสียงกึกก้องปานนั้น องอาจปานนั้น สุดท้ายถึงคราวปรี่ไปหาก้อนหินกลับถูกก้อนหินถล่มอย่างหนักหน่วง!



เฉกเช่นที่ประโยคนั้นว่าไว้ เอ่ยวาจาผยองที่สุด โดนเล่นงานจนย่อยยับที่สุด!



“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”



ตาเฒ่าขี้เมาแทบเชื่อไม่ลงเลย นั่นคือลวดลายคลื่นริ้วอันใด น่ากลัวเหลือเกิน ถึงกับมองพลังแกร่งกล้าถึงเพียงนั้นให้ก้อนหินได้!



รากฐานของโลกหน้าฉากนี่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินหยั่งจริง ๆ!



“กระบี่จงมา!”



เขาตะโกน ห้วงมิติระเบิด หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏ คลื่นพลังปราณแสนสยดสยองแผ่ซ่านออกจากภายใน ก้อนหินยังอดใจกระตุกมิได้ ต้องรีบเอี๊ยวตัวหลบ



เสียงดังตู้ม กระบี่คมสีเขียวเล่มหนึ่งพุ่งออกจากหลุมดำ แสงกระบี่ส่องสะท้อนไปทั่วทั้งนภา ราวกับทะลุผ่านปริภูมิเวลานานัปการเข้ามา พร้อมด้วยพลังล้นฟ้า!



ร่างต้นของเขาที่พิทักษ์อยู่ในสมรภูมิมืดมิดส่งกระบี่คมสีเขียวเล่มนี้มาให้



เมื่อมีกระบี่คมสีเขียวเล่มนี้ในมือ รัศมีของเขาเปลี่ยนไปมหันต์ เพียงตวัดกระบี่คมสีเขียวเบา ๆ ก็มีแสงกระบี่นับล้านพวยพุ่ง บดขยี้ดวงดาราที่ดารดาษอยู่บนท้องฟ้า!



หากมียอดฝีมือหลังฉากอยู่ที่นี่ หลังได้เห็นกระบี่คมสีเขียวเล่มนี้ย่อมต้องตกตะลึง



นี่คือกระบี่มรกต อาวุธของจ้าวชิง หนึ่งในสิบสุดยอดศาสตราแห่งโลกหลังฉาก สยดสยองเป็นที่สุด!



จ้าวชิงคือยอดฝีมือผู้ทรงพลังที่สุดเฉกเช่นเดียวกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ และยอดฝีมือไร้เทียมทานตนอื่น ๆ ในโลกหลังฉาก ตัวตนที่แท้จริงของตาเฒ่าขี้เมาคือจ้าวชิงอย่างนั้นหรือ



มิน่า ตาเฒ่าขี้เมาถึงทำตามอำเภอใจในโลกหลังฉากได้โดยมิมีความกังวล ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งมีชีวิตตนใดทั้งสิ้น



เพียงแต่ความแตกต่างมิมากไปหน่อยหรือ!



จ้าวชิงเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน มิเคยเปรอะเปื้อนฝุ่นผงแม้แต่น้อย ไม่ว่าปรากฏตัวเมื่อใด ล้วนแต่งกายเรียบร้อยอยู่เสมอ



ทว่าตาเฒ่าขี้เมากลับซกมกดูมิได้ เนื้อตัวโสมม ไม่รู้จักรักษาภาพพจน์ของตนเลยสักนิด เหมือนเป็นคนละขั้วกับจ้าวชิง



ต่อให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากคิดจนสมองระเบิดก็คิดไม่ออกว่าตาเฒ่าขี้เมาก็คือจ้าวชิง!



“เมื่อครู่อัดข้าได้สะใจมากเลยใช่หรือไม่ ตอนนี้ข้าจะสับเจ้าให้เละเป็นผุยผง!”



ตาเฒ่าขี้เมาตวัดกระบี่มรกตบุกไปหาก้อนหิน เขาเดือดดาลมากที่เมื่อครู่ถูกก้อนหินทำร้ายถึงขั้นนั้น!



“เหตุใดข้าถึงคุ้นหูกับประโยคนี้ยิ่งนัก”



ก้อนหินไม่นึกเกรงกลัว ซ้ำยังยอกย้อนกลับ “ข้าจะเล่นงานเจ้าต่อ!”



ลวดลายบนตัวมันระเบิดพลังเต็มที่ ไม่มีกักเก็บอีกต่อไป มันสัมผัสได้ว่ากระบี่มรกตในมือตาเฒ่าขี้เมาทรงพลังเพียงใด



เสียงดังฟึ่บ กระบี่มรกตฟาดฟันลงมา พลังมหาศาลซัดสาด ตัดแยกทุกสิ่งออกจากกัน!



หากเป็นพวกข่งอวิ๋น ยามกระบี่นี้ฟันลงมาคงถูกฆ่าได้ง่าย ๆ



กระทั่งก้อนหินยังมิกล้าต้านรับ หลบหลีกกระบี่นี้อย่างรวดเร็ว กระบี่มรกตนี้ไม่ธรรมดา สมเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดศาสตราแห่งโลกหลังฉาก!



สิ่งที่ร่างต้นตาเฒ่าขี้เมาส่งมานั้นมิใช่ภาพสะท้อนของกระบี่มรกต หากแต่เป็นกระบี่มรกตจริง ๆ พลังลึกล้ำเกินหยั่ง น่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด!



แน่นอนว่า หากเทียบกับกระบี่ฉุนจวิน กระบี่มรกตยังด้อยกว่ามาก



กระบี่ฉุนจวินถือเป็นกระบี่ในตำนาน อย่าว่าแต่กระบี่มรกตเลย ต่อให้เป็นอันดับหนึ่งของสิบสุดยอดศาสตราแห่งโลกหลังฉากก็มิอาจทัดเทียม!



ครานั้นยามตาเฒ่าขี้เมาพบกระบี่ฉุนจวิน ร่างต้นของเขาก็คิดอยากรุดหน้ามาจากสมรภูมิมืดมิดเพื่อช่วงชิงกระบี่ฉุนจวิน ทว่าน่าเสียดาย สมรภูมิมืดมิดนั้นใช่ว่าออกมาได้ง่าย ๆ ศัตรูมีอยู่เต็มไปหมด!



ต่อให้ส่งเพียงกระบี่มรกตมา ก็นับว่าลำบากยิ่งนัก ร่างต้นของเขาเปลืองแรงไปมากกว่าจะสำเร็จ



และที่ร่างต้นของเขาส่งกระบี่มรกตมาย่อมมิใช่เพียงเพื่อต่อกรกับต้นหลิวและก้อนหินเท่านั้น



หากเพียงเพื่อต่อกรกับต้นหลิวและก้อนหิน มิควรค่าให้ร่างต้นของเขาเสียแรงตั้งมากมายเพื่อส่งกระบี่มรกตมา เหตุผลที่สำคัญคือหลี่จิ่วเต้า


เขาต้องการสนทนากับหลี่จิ่วเต้า ขอให้หลี่จิ่วเต้าเข้าร่วมสมรภูมิรบมืดมิด



บัดนี้ สมรภูมิมืดมิดน่าพรั่นพรึงและอันตรายขึ้นเรื่อย ๆ บรรดาผู้พิทักษ์อย่างพวกเขาใกล้ต้านมิไหวแล้ว



หากว่าหลี่จิ่วเต้ายอมเข้าร่วมสมรภูมิรบพร้อมด้วยรากฐานของโลกหน้าฉากและกระบี่ฉุนจวิน ย่อมต้องเป็นกำลังเสริมได้ยอดเยี่ยม



นอกจากนี้ ต่อให้หลี่จิ่วเต้าไม่อยากไปยังสมรภูมิมืดมิด เขาก็ยังอยากสนทนากับหลี่จิ่วเต้าดูว่าพอจะให้เขายืมกระบี่ฉุนจวินได้หรือไม่



หากหลี่จิ่วเต้าไม่ยอมไปสมรภูมิมืดมิดแล้วยังไม่ยอมให้เขายืมกระบี่ฉุนจวินอีก เช่นนั้นเขาจะใช้ไม้แข็ง บังคับนำกระบี่ฉุนจวินไปด้วย!



ที่ส่งกระบี่มรกตมาก็เพื่อใช้จัดการหลี่จิ่วเต้า!



ตาเฒ่าขี้เมาตวัดกระบี่บุกเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน หมายใจจะกำราบก้อนหินในคราเดียว



ทว่าเขาประเมินก้อนหินต่ำไป



ไม่สิ พูดให้ถูกคือเขาประเมินลวดลายที่หลี่จิ่วเต้าทิ้งไว้บนตัวก้อนหินต่ำไป!



ก้อนหินส่องแสงทั่วร่าง พลังลวดลายไหลเวียนไปทั่วกาย นี่คือพลังมิอาจหยั่ง ก้อนหินสำแดงมวยไทเก๊ก แผลงฤทธิ์เดชสูงสุดของลวดลายออกมา!



ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!



เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว สองหมัดของก้อนหินปะทะกับกระบี่มรกตไม่หยุด จนกระบี่มรกตสั่นสะท้านรุนแรง



หากมิใช่ว่ากระบี่มรกตสูงส่งพอ คงถูกกำปั้นทั้งสองของก้อนหินอัดจนแหลกลาญไปแล้ว!



ตาเฒ่าขี้เมาเบิกตากว้าง ลำพังลวดลายแค่นี้สยดสยองได้ถึงเพียงนี้จริงหรือ



เขารู้สึกว่า ก้อนหินผู้มีพลังลวดลายเสริมความแข็งแกร่งสามารถต่อสู้กับร่างต้นของเขาได้ด้วยซ้ำ!



แน่นอนว่าหากร่างต้นของเขาได้ต่อสู้ด้วยกระบี่มรกต เขามั่นใจว่าก้อนหินสู้มิได้แน่นอน!



“หยุด ข้าไม่สู้ด้วยแล้ว!”



เขาควงกระบี่มรกตล่าถอยกับไป ไม่ต้องการต่อสู้แล้ว



ต่อสู้มิไหวแล้วจริง ๆ ขืนสู้กันต่อ เขาต้องถูกก้อนหินเล่นงานอย่างหนักหน่วงอีกครั้งเป็นแน่



“ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกเจ้า และไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับหลี่จิ่วเต้า ที่มานี่เพียงต้องการสนทนากับเขาเท่านั้น”



ชายชราปริปากเอ่ย “พลังมืดมิดจุติ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าคงรู้มาบ้าง การต่อสู้ที่นั่นได้เริ่มต้นขึ้นนานแล้ว ยามนี้ยังพอทานไหว ทว่าก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น พลังมืดมิดแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ข้าเพียงอยากหารือกับหลี่จิ่วเต้าดูว่าเขาพอจะไปเข้าร่วมการต่อสู้ที่สมรภูมิมืดมิดเป็นกำลังเสริมให้พวกเราได้หรือไม่”



“รอให้ข้าอัดเจ้าให้เละก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”



ก้อนหินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่อยากฟังวาจาของตาเฒ่าขี้เมา



“รอก่อนก้อนหิน”



ต้นหลิวหยุดก้อนหินไว้



ก้อนหินหันมองต้นหลิว แล้วสลายพลังทั้งหมดทันทีอย่างเชื่อฟัง



เห็นมันมีพลังลวดลายเช่นนี้ ก็ยังมิกล้าไม่เชื่อฟังต้นหลิว มันแข็งแกร่งขึ้น ต้นหลิวก็แข็งแกร่งขึ้น คุณชายเคยทิ้งบางอย่างไว้ให้ต้นหลิวเหมือนกัน ต้นหลิวยังมิได้ใช้พลังฝีมือที่แท้จริงเลย



หากต้นหลิวสำแดงทุกอย่าง มันก็มิใช่คู่มือของต้นหลิว



“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ”



ต้นหลิวทอดสายตามองตาเฒ่าขี้เมาพลางเอ่ย “เจ้าคิดว่าคุณชายมีหรือจะไม่รับรู้สถานการณ์ของเราที่นี่”



ตาเฒ่าขี้เมามิได้เอ่ยวาจา



จริงสิ



หลี่จิ่วเต้ามีความแข็งแกร่งเบ็ดเสร็จอันน่าพรั่นพรึง ไฉนเลยจะไม่รู้เรื่องราวที่นี่



น่ากลัวว่าพริบตาที่มันปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ หลี่จิ่วเต้าก็สัมผัสได้แล้ว



“คุณชายมิเคยปรากฏตัว เท่านี้ก็สะท้อนถึงท่าทีของคุณชายแล้ว เจ้าไปเถิด หากคุณชายอยากพบเจ้า เจ้าต้องได้พบแน่”



ต้นหลิวเอ่ย



ตาเฒ่าขี้เมาถอนหายใจ เป็นเช่นนั้นจริง



หากหลี่จิ่วเต้าต้องการพบเขา คงปรากฏออกมานานแล้วเป็นแน่แท้ ทว่าอีกฝ่ายกลับมิเคยโผล่มา บ่งบอกว่าชายหนุ่มไม่ต้องการพบเขา



“พลังมืดมิดอันตรายมาก ข้ายังอยากพบหน้าเขาสักครา ได้สนทนากับเขาให้รู้เรื่อง”



ตาเฒ่าขี้เมาไม่อยากยอมแพ้ง่าย ๆ



อุตส่าห์ส่งกระบี่มรกตมาที่นี่ได้แล้ว เขาต้องกลับไปทั้งที่ล้มเหลวอย่างนั้นหรือ



เขาเจ็บใจนัก



“เจ้าวางใจได้ คุณชายไม่มีทางเพิกเฉยต่อพลังมืดมิด คุณชายย่อมมีแผนของตัวเอง”



ต้นหลิวกล่าว



คุณชายจิตใจเปี่ยมเมตตา แม้แต่ปุถุชนถูกเข่นฆ่ายังมิอาจมองข้าม ไฉนเลยจะไม่สนใจพลังมืดมิด



คิดแล้วเป็นไปมิได้!



นอกจากนี้ กระโปรงสีขาวแห่งความตายเคยมาเพื่อปลิดชีพคุณชาย คุณชายยิ่งไม่มีทางเพิกเฉยต่อพลังมืดมิด



ที่เขาไม่ได้ไปยังสมรภูมิมืดมิด ไม่ได้ปะทะซึ่งหน้ากับพลังมืดมิดเห็นได้ชัดว่ายังไม่ถึงเวลา คุณชายกำลังวางหมากบางอย่างอยู่



ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือความเปลี่ยนแปลงของจักรวาลโกลาหลผืนนี้!



สสารระดับสูงพวยพุ่งออกมาไม่หยุดหย่อน กระทั่งเทวโลกยังแทบสู้ไม่ได้แล้ว คุณชายกำลังวางอุบายอย่างชัดเจน!



ตาเฒ่าขี้เมามิได้เอ่ยวาจา เขาเงียบไปครู่หนึ่ง



สุดท้ายเขาก็ไปจากที่นี่



...



ณ เมืองชิงซาน



ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า



เขานอนพักไปหลายชั่วยามและตื่นขึ้นมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า



“เซียนกระบี่เอ๋ย ข้ามาแล้ว!”



เขาตื่นเต้นเหลือแสน เตรียมออกไปทดลองกระบี่เล่มนี้ ดูว่าปัญหาของกระบี่ฉุนจวินใหญ่หลวงหรือไม่



‘กระบี่วิเศษที่ได้มาอย่างยากลำบาก เอ่อ จะว่าไปก็มิได้ลำบากเท่าใด ง่ายดายสุด ๆ…’



หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ



ขั้นตอนการได้มาซึ่งกระบี่ฉุนจวินของเขาเรียกได้ว่าสบายอย่างยิ่ง มิได้ลำบากอันใด



‘ช่างเถิด ไม่ว่ายากหรือง่าย ขอเพียงกระบี่วิเศษเล่มนี้ไม่ทำให้ข้าผิดหวังก็พอ!’



เขาคิดในใจอีกครั้ง



‘ขี่กิเลนไฟไปหาพื้นที่ปลอดคนเพื่อลองกระบี่หน่อยดีกว่า ประเดี๋ยวจะทำลายเมืองชิงซานและทำร้ายคนในเมืองเอา’



ชายหนุ่มเปิดประตูห้อง ตั้งใจจะศึกษากระบี่ฉุนจวินให้ดี

พวกลั่วสุ่ยกลับมานานแล้ว ยามหลี่จิ่วเต้าก้าวออกมาจากห้อง แสงแดดส่องกำลังดี สายลมพัดโชยเบา ๆ หมู่เมฆลอยละล่อง



“พวกเจ้าคอยอยู่บ้านแล้วกัน”



หลี่จิ่วเต้าบอกลั่วสุ่ย “จริงสิ ข้ารู้สึกว่าปลาน้อยเจ็ดสีตัวนั้นฉลาดเฉลียว จิ้งจอกน้อยสีแดงและจิ้งจอกขาวก็ไม่เลว ลั่วสุ่ย เจ้าช่วยดูทีว่าพาพวกเขาก้าวสู่เส้นทางฝึกตน เริ่มการฝึกฝนด้วยได้หรือไม่”



“ได้เจ้าค่ะ”



ลั่วสุ่ยเอ่ยยิ้ม ๆ งดงามเฉิดฉัน



นางติดตามคุณชายมานาน ไฉนเลยจะไม่เข้าใจความหมายของคุณชาย



คุณชายอนุญาตให้มัจฉาสัตมายา จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิง และจิ้งจอกขาวจำแลงกายเป็นมนุษย์แล้ว!



นางในอดีตก็เป็นเช่นเดียวกัน หลังได้รับอนุญาตจากคุณชาย ก็จำแลงเป็นมนุษย์ภายใต้การ ‘ชี้นำ’ ของเซี่ยเหยียน



“ข้าขอออกไปลองกระบี่หน่อย…”



หลี่จิ่วเต้าเอ่ยจบก็เรียกกิเลนไฟมา ขี้นขี่บนหลังและออกจากลานเล็ก



“ประเสริฐ!”



หลังคุณชายออกจากลาน มัจฉาสัตมายาก็กระโจนขึ้นจากน้ำด้วยความตื่นเต้นยินดี



เมื่อไม่สามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ มันจำต้องอยู่แต่ในน้ำ ซ้ำยังไม่สามารถแสดงความผิดปกติต่อหน้าคุณชาย ทว่าหลังจำแลงเป็นมนุษย์แล้ว มันย่อมสะดวกขึ้นมาก!



สิ่งสำคัญที่สุดคือ มันสามารถพูดคุยกับคุณชาย ทั้งยังสามารถลิ้มรสอาหารเลิศรสต่าง ๆ ฝีมือคุณชาย ไม่ต้องถูกชางเหยาขู่กรรโชกอีกแล้ว!



“เห็นหรือไม่ คุณชายยังทนดูไม่ไหว คอยช่วยข้าอยู่!”



มันเอ่ยต่อชางเหยาด้วยความลำพอง “จากนี้ไป เจ้าไม่อาจยั่วน้ำลายข้าด้วยอาหารรสเลิศของคุณชายอีกแล้ว!”



ชางเหยาร้ายกาจมาก ทุกครั้งหลังคุณชายปรุงอาหารอันโอชะเสร็จ ชางเหยาจะนำอาหารจำนวนหนึ่งมายั่วให้มันน้ำลายสอ หลังจากนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว มันเองก็มีสิทธิ์กินข้าวบนโต๊ะ!



“เหอะ!”



ชางเหยาแค่นเสียงด้วยความขุ่นเคือง แก้มกลม ๆ นั้นดูน่ารักเป็นพิเศษ เห็นแล้วชวนให้หยิกสักครา



“สหาย ขอบคุณเจ้ามาก! ขอบคุณการมาเยือนของเจ้า ช่วยให้ข้าไม่ต้องโดนมีดเฉือนมาหลายวันแล้ว!”



ภายในบ่อน้ำ ปลาหมึกโผล่หัวขึ้นมา เอ่ยกับอสูรปริภูมิเวลาซึ่งถูกโซ่ตรวนอยู่ในมุมหนึ่ง



ก่อนนี้หลังหลี่จิ่วเต้าจบการเดินทางและกลับมายังลานเล็ก ก็ได้ปล่อยปลาหมึกออกจากขวดหยกพิสุทธิ์ นำมาเลี้ยงไว้ในบ่อ



เขาไม่กลัวปลาหมึกจะเพ่นพ่านหนีไปที่อื่น เพราะเคยให้สุนัขดำคอยจับตาดูปลาหมึกไว้



ความสามารถของสุนัขดำแข็งแกร่งกว่าปลาหมึกมากนัก



และระหว่างนี้อย่าให้เอ่ยเลยว่าชีวิตของปลาหมึกสดชื่นปานใด น้ำในบ่อมิใช่น้ำธรรมดา เหลือเชื่ออย่างยิ่ง!



มันใช้ชีวิตในบ่อน้ำ เป็นผลให้ขอบเขตพลังยกระดับขึ้นอย่างว่องไว



โดยเฉพาะหลังคุณชายพาอสูรปริภูมิเวลากลับมา มันยิ่งกระปรี้กระเปร่าเข้าไปใหญ่ ไม่ถูกมีดเฉือนมานมนาน ผู้ที่ต้องโดนกลับกลายเป็นอสูรปริภูมิเวลา



โฮก!



อสูรปริภูมิเวลาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถลึงตาใส่ปลาหมึกพลางเอ่ยเสียงเคียดแค้น “อย่าได้ผยองเกินไปนัก วันหน้าพวกเจ้าได้มีวันร่ำไห้แน่! รากฐานปริภูมิเวลาของเรามิได้ดาษดื่นอย่างที่พวกเจ้าคิด! อย่านึกว่าหวังพึ่งหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นแล้วจะต่อกรกับปริภูมิเวลาของเราได้ น่าขัน!”



มันเป็นตัวตนระดับใด เหนือขอบเขตนิรันดร์ขึ้นไปแล้ว สุดท้ายกลับถูกหลี่จิ่วเต้าจับตัวมาขังไว้ในลานเล็ก กลายเป็นวัตถุดิบสดใหม่



คราวหลี่จิ่วเต้าอยากกินเนื้อก็จะมาเฉือนมัน แม้ว่าสำหรับยอดฝีมือระดับมันการถูกเฉือนเนื้อจะมิใช่เรื่องใหญ่ ไม่อันตรายถึงชีวิต และไม่ทำให้มันรู้สึกเจ็บด้วย



แต่นี่เป็นเรื่องน่าอดสูยิ่งนัก!



“วางมาดอะไร! เจียมตัวหน่อย!”



สุนัขดำก้าวเข้ามา ตบศีรษะอสูรปริภูมิเวลาด้วยกรงเล็บ “สมบัติอันน้อยนิดของพวกเจ้าปริภูมิเวลาน่ะหรือ พอให้เหลียวมองที่ไหน!”



อสูรปริภูมิเวลาโมโหโทโส



ก่อนนี้มีปลาหมึกเรียกมันว่าสหาย ต่อมามีสุนัขดำตบหัวมัน มันอยากฉีกปลาหมึกและสุนัขดำเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหลือเกิน!



ตัวบ้าอะไรกัน!



เมื่ออยู่ต่อหน้ามัน ปลาหมึกและสุนัขดำต้อยต่ำยิ่งกว่าแมลงอ่อนแอ แต่กลับกล้าปฏิบัติต่อมันเช่นนี้ พยัคฆ์ตกอับถูกสุนัขรังแก โมโหจริง ๆ!



ทว่าโมโหส่วนโมโห มันกลับทำอะไรมิได้ พลังของมันถูกสะกดไว้หมด ไม่อาจสำแดงฤทธิ์ออกมาเลยสักนิด!



‘ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น ถึงเวลาเมื่อใด ยามกองทัพปริภูมิเวลาของมันบุกมา พวกเจ้าต้องตายกันหมด!’



มันคำรามกราดเกรี้ยวในใจ



เรื่องนี้ไม่มีทางจบง่าย ๆ แน่ ถึงคราวกองทัพปริภูมิเวลารุกรานมาเต็มกำลัง มันจักต้องให้หลี่จิ่วเต้า ปลาหมึก สุนัขดำ และสิ่งมีชีวิตตนอื่น ๆ ได้ชดใช้อย่างสาสมแน่!



...



หลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟออกจากเมืองชิงซาน มาอยู่ที่ริมลำธาร



ต้นหลิวและก้อนหินกลับมานานแล้ว เขามองลวดลายที่เคยวาดให้ก้อนหินด้วยความพึงใจ น่ามองกว่าก่อนนี้ที่โล้น ๆ มาก



สุดท้าย เขาขี่กิเลนไฟจากไป มาอยู่ยังสถานที่ปลอดคน กิเลนไฟพุ่งทะยานขึ้นฟ้า เผยร่างจริงออกมาในชั้นเมฆ



ก่อนนี้ กิเลนไฟคงรูปลักษ์ม้ามังกรเรื่อยมา



กิเลนไฟบินทะยานอยู่บนหมู่เมฆด้วยความเร็วสูง ก่อนนี้หลี่จิ่วเต้าท่องไปทั่วอาณาจักร จึงคุ้นเคยกับสถานที่ต่าง ๆ มาก



เขาสั่งให้กิเลนไฟมายังทะเลทรายแห่งหนึ่ง



ที่นี่มีทรายเหลืองเต็มไปหมด มองออกไปไม่เห็นที่สิ้นสุด ถือเป็นสถานที่ปลอดคน มองมิเห็นร่องรอยมนุษย์สักนิด



เหมือนว่ากระบี่ฉุนจวินมีปัญหาบางอย่าง เขากลัวจะเกิดอุบัติเหตุเกินการควบคุมจนมีการบาดเจ็บล้มตาย ถึงได้พยายามออกห่างจากมวลมนุษย์ให้ไกลที่สุด



หากเป็นที่นี่ ย่อมไม่มีปัญหา



ทะเลทรายแห่งนี้ใหญ่มาก ต่อให้เกิดอุบัติเหตุเกินควบคุมจริง ๆ ก็มิมีการบาดเจ็บล้มตาย



เขานำกระบี่ฉุนจวินออกมา สะท้อนใจไปว่ากระบี่เล่มนี้ช่างประณีตงดงามยิ่งนัก ก่อนจะตวัดเบา ๆ แสงกระบี่นับคณาพลันปะทุออกมา



‘เหมือนว่ามิมีปัญหาอันใด สามารถใช้ได้ปกติ…’



หลี่จิ่วเต้าตาเป็นประกายและคิดในใจ



เขากระชับกระบี่แล้วฟาดฟันออกไป แสงกระบี่เจิดจ้าลำหนึ่งพุ่งออกไป พสุธาแยกออกจากกัน ทรายเหลืองลอยฟุ้งเดือดพล่าน รอยแยกลึกมองไม่เห็นที่สิ้นสุดปรากฏ แบ่งทะเลทรายแห่งนี้เป็นสอง!



“ทรงพลังจริง ๆ!”



เขาสะท้อนใจ กระบี่เล่มนี้ไม่เลวเลย เมื่อครู่เขาเพียงตวัดกระบี่ฉุนจวินเบา ๆ เท่านั้นยังมีพลังน่าพรั่นพรึงปานนี้ หากเขาออกแรงฟาดฟัน ไม่รู้ว่าจะน่ากลัวขนาดไหน!



“ไม่มีปัญหานี่…”



ชายหนุ่มขมวดคิ้วน้อย ๆ คิดไม่ตกนิดหน่อย ยามนี้ดูแล้วกระบี่ฉุนจวินมิได้มีปัญหาสักนิด ปกติสุด ๆ



ทว่าเมื่อครั้งอยู่บนยอดเขาแห่งนั้น เหตุใดการโจมตีจากกระบี่ฉุนจวินถึงแตกพ่ายในพริบตา คล้ายว่าเกิดปัญหาบางอย่าง



‘หรือเพราะเกี่ยวข้องกับบรรพจารย์ฝู’



เขานึกถึงบรรพจารย์ฝูขึ้นมา



เขากับบรรพจารย์ฝูมีวาสนาต่อกัน และเกี่ยวพันกันด้วยบ่วงกรรมบางอย่าง ได้ยินมาว่าผู้ฝึกตนต่างให้ความสำคัญกับบ่วงกรรมเช่นนี้ ยิ่งเป็นผู้ฝึกตนที่เก่งกาจเพียงใดก็ยิ่งให้ความสำคัญ ยำเกรงต่อบ่วงกรรมเป็นหนักหนา



บางทีอาจเพราะกระบี่ฉุนจวินเล่มนี้สัมผัสถึงบ่วงกรรมระหว่างเขาและบรรพจารย์ฝูถึงมิกล้าทำร้ายเขา กลัวจะกระทบไปถึงบรรพจารย์ฝู แล้วกลายเป็นปัญหาใหญ่!



‘คงเป็นเช่นนั้นแน่!’



หลี่จิ่วเต้าใคร่ครวญดูอย่างละเอียด ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าความจริงต้องเป็นเช่นนี้



‘บรรพจารย์ฝูเก่งกาจจริง ๆ ไร้เทียมทานในใต้หล้า!’



เขาเอ่ยในใจด้วยความสะท้อนใจเหลือแสน



เพียงเพราะเขามีบ่วงกรรมเกี่ยวพันกับบรรพจารย์ฝูนิดหน่อยเท่านั้น กระบี่ฉุนจวินยังยำเกรงปานนี้ มิกล้าแตะต้องเขา บรรพจารย์ฝูช่างกล้าแกร่งเหลือเกิน!



‘จากนี้ไป หากได้เจอศัตรูที่สู้มิได้ แล้วข้าตะโกนว่าข้ามีความเกี่ยวข้องกับบรรพจารย์ฝูจะทำให้ศัตรูกลัวจนขี้หดตดหายได้หรือไม่?!’



หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ



เขารู้สึกว่าบรรพจารย์ฝูเก่งกาจอย่างยิ่ง ต้องมีชื่อเสียงระบือนามเป็นแน่



หากเผชิญกับศัตรูที่มิอาจต่อกร ก็สามารถลองดูได้



...



ณ ดินแดนฮวง



บนเกาะกระจิริดกลางทะเลแห่งหนึ่ง



ที่นี่มีค่ายกลอำพรางสลักไว้ชั้นแล้วชั้นเล่า ไม่อาจมองเห็นเกาะแห่งนี้จากข้างนอกได้เลย นอกเสียจากเป็นยอดฝีมือขอบเขตสูงส่งเท่านั้นจึงจะจับสัมผัสได้



ริมทะเล บนหินยักษ์ก้อนหนึ่ง บรรพจารย์ฝูกำลังเอนกายอาบแดดอย่างสบายอุรา



“ฮัดชิ่ว!”



ทันใดนั้น เขาจามอย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นนั่ง



“ผู้ใดบ่นถึงข้ากัน”



เขาลูบจมูกไปมาด้วยสังหรณ์ใจไม่ดี คล้ายว่ามีบ่วงกรรมบางอย่างตกกระทบหัวเขา



“อย่าเล่นงานข้าอีกเลยพี่ชาย!”



เขาอยากร่ำไห้ ลางสังหรณ์ที่ผุดขึ้นในใจเลวร้ายจริง ๆ



หากมีบ่วงกรรมตกกระทบหัวเขา ย่อมต้องมิใช่บ่วงกรรมดี ๆ แน่



“ข้าปกปิดชื่อเสียงเรียงนาม ซ่อนตัวอยู่บนเกาะนี้มานมนาน ผู้ใดหมายหัวข้าอยู่กันนี่”



เขาเอ่ยด้วยความอยากร้องไห้



หลังจากเสียท่าหลายต่อหลายครั้งเมื่อก่อนหน้า เขาหมดอาลัยตายอยากแล้วอย่างแท้จริง ไม่เหลือความมุ่งมั่นอันใดอีก คิดแต่อยากซ่อนตัว ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวภายนอกอีก



ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าชะตากรรมยังไม่ยอมปล่อยเขาไป…



“ข้าเหนื่อยแล้วจริง ๆ อย่าเล่นงานข้าอีกเลย ปล่อยข้าไปเถิด!”



เขาเอ่ยอย่างน่าเวทนา ปรารถนาเพียงบ่วงกรรมใด ๆ อย่ามาข้องแวะกับเขาอีก



...



ณ ดินแดนหยิน ทะเลทราย



หลี่จิ่วเต้าทดลองอีกหลายครา พบว่ากระบี่ฉุนจวินเล่มนี้ไม่มีปัญหาจริง ๆ และมีประสิทธิภาพเป็นปกติ



“บรรพจารย์ฝูทรงพลังยิ่ง!”



เขายิ่งมั่นใจว่าบรรพจารย์ฝูผู้นี้เก่งกล้าอย่างแท้จริง กระบี่ฉุนจวินมิกล้าลงมือกับเขาเพราะบ่วงกรรมที่เชื่อมโยงเขาและบรรพจารย์ฝูไว้จริง ๆ



“ลองเหินดูหน่อย!”



ดวงตาเขาวาวโรจน์ ฉากสำคัญมาแล้ว



ที่เขาปรารถนากระบี่ฉุนจวินถึงเพียงนี้ เพราะอยากเหินกระบี่เฉกเช่นเซียนกระบี่ ทะลุทะลวงอยู่บนหมู่เมฆตามที่ต้องการ!



จากนั้นเขาปล่อยมือจากกระบี่ฉุนจวิน ให้กระบี่ฉุนจวินค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ



สมเป็นกระบี่วิเศษ สามารถเคลื่อนไหวได้ตามห้วงนึกคิดของเขา กระบี่ฉุนจวินค้างเติ่งอยู่กลางอากาศจริง ๆ



จากนั้น หลี่จิ่วเต้าตั้งจิตให้กระบี่ฉุนจวินโรยตัวลงมา แล้วก้าวขึ้นไปบนนั้น



“ไปเลย!”



ชายหนุ่มตื่นเต้นนิดหน่อย ความฝันในอดีตกำลังเป็นจริง เขาได้เหินกระบี่แล้ว!



ขณะควบคุมด้วยกระแสจิต กระบี่ฉุนจวินก็พาเขาเหินขึ้นไป!



เริ่มแรกเขายังมิได้ใจกล้าเท่าใด ขอให้กระบี่ฉุนจวินพาเขาเหินในความสูงระดับล่างเท่านั้น เขาเหินอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้รอบแล้วรอบเล่า



กระบี่ฉุนจวินมั่นคงอย่างยิ่ง เขาคุ้นเคยขึ้นเรื่อย ๆ และใจกล้ามากขึ้น ลองเหินบนท้องฟ้าระดับสูงแล้ว



รอบแล้วรอบเล่า เขาตื่นเต้นจนหยุดมิได้เลย การเหินกระบี่อภิรมย์ยิ่งนัก เปรมปรีดิ์กว่าการขี่บนหลังกิเลนไฟท่องชั้นเมฆเสียอีก!



สุดท้ายเขาเหินจนหนำใจแล้ว ถึงกลับลงมายังทะเลทรายอีกครั้ง



เขาต้องบอกกิเลนไฟก่อนว่าจะกลับบ้านแล้ว



ทว่าเวลานั้นเอง ในร่องลึกที่เขาฟันไว้กลับมีสุ้มเสียงประหลาดดังออกมา เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นหนักหนา



จากนั้น สิ่งมีชีวิตมโหฬารตนหนึ่งพุ่งออกจากร่องลึก



นี่คือแมงมุมตัวยักษ์ใหญ่ดำทะมึนทั้งตัว กลิ่นอายชั่วร้ายแผ่ขยายอยู่รอบ ๆ



“เจ้ามนุษย์เดนตาย เจ้ารบกวนการนอนของข้า!”



มันจ้องมองหลี่จิ่วเต้าด้วยสายตามุ่งร้าย



“เจ้ารู้จักบรรพจารย์ฝูหรือไม่”



หลี่จิ่วเต้ามองแมงมุมตัวนั้นพลางเอ่ยปากถาม



เขากล่าวถึงชื่อบรรพจารย์ฝู เพื่อดูว่าบรรพจารย์ฝูมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ปานใด!


ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย

ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ