861-865

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 861ถึง 865

หอมเกินไปแล้ว!


กลิ่นสุราหอมเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ดื่มสุราหรือไม่ชื่นชอบสุรา ก็ล้วนไม่อาจทนกลิ่นสุราได้ ต้องการจะลองสักจิบ


“อึก!”


กระทั่งพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ไม่อาจรักษาความสงบเอาไว้ได้ ลูกประคำในมือถูกหมุนไม่หยุด หัวใจพุทธปั่นปวน


“จ้าวชิงบ้าไปแล้วหรือ?!”


“ได้ยินมาว่าจ้าวชิงใช้สมบัติหายากเหนือชั้นอย่างถึงที่สุดทุกชนิดมากลั่นเป็นสุราชั้นดีหนึ่งกา กระทั่งยามตนเองจะจิบกินยังไม่อาจตัดใจ เมื่ออยากก็ได้แค่หยิบออกมาดมกลิ่นหอมสุรา ครั้งนี้กลับยอมนำสุราชั้นเลิศทั้งกาออกมา?”


“หรือพวกเราจะเข้าใจจ้าวชิงผิดไป?!”


เหล่ายอดฝีมือจับจ้อง ได้ยินมานานแล้วว่าจ้าวชิงมีสุราดีอยู่ในมือ เป็นสมบัติที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้


เมื่อได้กลิ่นสุราหอมกรุ่น พวกเขาทุกคนจึงคิดว่าจ้าวชิงนำสุราดีออกมาแล้ว!


“ข้าผิดไปแล้ว จ้าวชิงช่างมีคุณธรรมยิ่งนัก เพื่อให้พวกเราสามารถสู้รบได้ดียิ่งขึ้น ถึงกับนำสุราดีออกมาจากก้นกล่อง! ข้าละอายใจยิ่งนักที่เข้าใจจ้าวชิงผิดไป!”


“ใช่แล้ว จ้าวชิงช่างเปี่ยมคุณธรรม เป็นพวกข้าที่เข้าใจจ้าวชิงผิดไป พวกเราจะไปร่วมดื่มสุรากับท่าน!”


เหล่ายอดฝีมือพากันกล่าวออกมา จากนั้นก็รีบตรงไปทางฝั่งจ้าวชิง


พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันข้างจ้าวชิงอย่างรวดเร็ว


“พระอมิตาภะพุทธเจ้า ท่านเองก็มาหรือ?”


ยอดฝีมือเผ่าอสูรผู้หนึ่งรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาได้เห็นพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่ที่นี่ด้วย


เกิดอันใดขึ้น?


พระอมิตาภะพุทธเจ้าจะผิดศีลอย่างนั้นหรือ?


“จ้าวชิงมีคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับนำสุราที่ยามปกติตนไม่อาจตัดใจดื่มลงออกมา เช่นนั้นแล้วข้าจะหักหาญน้ำใจของจ้าวชิงได้อย่างไร?”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าส่ายหัวกล่าวออกมา “เรื่องใจดำเช่นนั้น ข้าไม่อาจทำได้ลง! หากข้าไม่เข้าสู่นรกภูมิ เช่นนั้นผู้ใดกันจะเข้าสู่นรกภูมิ? นี่คือสัจธรรมที่ข้าสอน”


หลังจากได้ยินคำพูดของพระอมิตาภะพุทธเจ้า มุมปากทุกคนก็อดกระตุกไม่ได้


อยากดื่มก็คืออยากดื่ม ยังจะเอ่ยวาจาชอบธรรมอันใดอีก!


พระอมิตาภะพุทธเจ้าก็สมกับเป็นพระอมิตาพุทธเจ้าจริง ๆ


ในฐานะผู้ชักชวน จ้าวชิงควรจะต้อนรับทุกคน ทว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น กลับนั่งขัดสมาธิบนก้อนหิน ร่างกายเปล่งแสงไหลเวียนด้วยจังหวะเต๋าอันพิเศษ ทำให้ตอนนี้ดูแล้วไม่ธรรมดายิ่ง!


เขากำลังกลั่นหลอมสุราที่ดื่มไป!


เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าจ้าวชิงกำลังฝึกฝนอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รบกวนจ้าวชิง เพียงรอคอยอย่างเงียบ ๆ ด้านข้าง


ทว่าแม้จะรอคอยอย่างเงียบงัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้สงบแต่อย่างใด ภายในใจผันผวนเป็นอย่างมาก แววตาเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึง


นี่มันอันใดกัน?!


พวกเขาอดตื่นตกใจไม่ได้ สัมผัสได้ว่าจ้าวชิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว


เป็นไปได้อย่างไร?!


พวกเขามองหน้ากัน เห็นความไม่อย่างจะเชื่อในสายตาของกันและกัน


เมื่อความแข็งแกร่งมาถึงระดับพวกเขาแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างง่ายดาย?


นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้!


ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างง่าย กระทั่งให้เวลาพวกเขาหลายร้อยล้านปี ก็นับเป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาขึ้น!


“นี่เป็นเพราะสุราในกานั่นใช่หรือไม่?”


ดวงตาของพวกเขาต่างเปล่งประกาย มองไปทางกาสุราที่วางเอาไว้ข้างกายจ้าวชิง


ตอนนี้กาสุราถูกปิดลงไปแล้ว พวกเขาไม่ได้กลิ่นหอมสุราอีกต่อไป ทว่าพวกเขาเองก็พอรู้สึกได้ว่าสาเหตุที่ทำให้จ้าวชิงแข็งแกร่งขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับสุรา


“มันทรงพลังถึงเพียงนั้นจริงหรือ? ไม่มีทางเป็นไปได้! แม้ว่าจะเป็นโอสถสวรรค์ สำหรับพวกเราแล้วนับว่าได้ผลเพียงจำกัด ถึงจ้าวชิงจะใช้โอสถสวรรค์แทบทุกชนิดมาทำเป็นสุรา ก็ไม่อาจส่งผลมากมายถึงเพียงนี้!”


ยอดฝีมือจากสรวงสวรรค์ผู้หนึ่งเอ่ยออกมา


พวกเขาทั้งหมดต่างรู้ดีว่าสุราของจ้าวชิงพิเศษมากเพียงใด มันถูกกลั่นขึ้นมาด้วยความทุ่มเทอย่างถึงที่สุดของจ้าวชิง


อีกทั้งพวกเขายังมาที่นี่ก็เพราะต้องการลิ้มลองสุราสักเล็กน้อย เพื่อให้ตนเองได้รับผลประโยชน์


ทว่าพวกเขาเองก็กระจ่างแจ้งเป็นอย่างดี ขอบเขตของพวกเขาสูงเกินไป วัตถุภายนอกมีผลต่อพวกเขาเพียงน้อยนิดจริง ๆ หากคิดอยากให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น


เรื่องหลังจากดื่มสุราไปแล้วพลังจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด พวกเขาล้วนไม่มีความคิดนั้นแต่อย่างใด


ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันของจ้าวชิง กลับเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกลลิบ!


เห็นได้ชัดว่าจ้าวชิงพัฒนาขึ้นมาก รอจนฝึกฝนเสร็จ พลังจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน!


พวกเขาสับสนยิ่ง ไม่มีผู้ใดคาดเดาความจริงออกมาได้


อย่างไรมันก็ยากเกินไปที่ผู้แข็งแกร่งในระดับพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น


จากนั้นเพียงชั่วครู่สั้น ๆ พวกเขาก็หยุดการคาดเดา รอให้ชิงจ้าวฝึกฝนเสร็จ พวกเขาก็จะได้รับคำตอบเอง


ผ่านไปอีกชั่วขณะหนึ่ง จ้าวชิงก็เสร็จสิ้นการฝึกฝนแล้วลืมตาขึ้น


ยอดฝีมือทุกคนเข้ามาล้อมรอบเขาทันที ต่างสัมผัสได้ว่าพลังของจ้าวชิงแข็งแกร่งขึ้น ทั้งยังเหนือกว่าก่อนหน้านี้มาก!


“โอ้ เหตุใดทุกท่านถึงมากัน? มิใช่บอกว่าจะไม่มาหรือ?”


จ้าวชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“เหตุใดจึงจะไม่มา! ก่อนหน้านี้ที่ข้าพูดล้วนเป็นเรื่องล้อเล่น จ้าวชิง ท่านจริงจังกับวาจาเหล่านั้นหรือ?”


“จ้าวชิงเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ พวกเราจะไม่ไว้หน้าจ้าวชิงได้อย่างไร!”


บนใบหน้าของยอดฝีมือทั้งหมดเต็มไปด้วยรอยยิ้ม


“ไอ้หยา ทุกท่านอย่าพูดเช่นนั้นเลย ให้ความใส่ใจกับข้ามากเกินไปแล้ว!”


จ้าวชิงกล่าวออกมา “การชวนทุกท่านร่ำสุราก่อนสงคราม นับเป็นเรื่องผิดยิ่ง ข้าตระหนักได้ถึงความผิดนี้แล้ว ทุกท่านโปรดอย่ามาทำให้ข้าอับอายเลย”


ยามที่กล่าวออกมา เขาก็จงใจมองไปทางประมุขแห่งสรวงสวรรค์เป็นพิเศษ


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์เป็นผู้แรกที่เอ่ยประณามเขา


“อย่าได้ล้อเล่นเลย พวกข้าทุกคนต่างรู้ว่าคิดผิดไปแล้ว คำขอโทษยังไม่เพียงพอสำหรับเจ้าหรือ?”


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์เอ่ยอย่างจำใจ เขามองจ้าวชิงออก


จ้าวชิงจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าจะต้องกลับมาขอร้องข้า”


เขากล่าวต่อ “ข้าไม่เล่นแล้ว พวกเจ้าก็เตรียมตัวเถิด ข้าจะแบ่งสุราให้คนละหยด”


จากนั้นเขาก็เปิดฝากาสุราออก ดวงตาของทุกคนพลันเปล่งประกายขึ้นเมื่อเห็นสุราในกา


ขอบเขตของทุกคนต่างสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง พวกเขามองออกทันทีว่าสุราในกามีความพิเศษมากเพียงใด สามารถมอบผลประโยชน์ให้พวกเขาได้มากมายแค่ไหน


“นี่คือสุราที่เจ้ากลั่นขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”


ปรมาจารย์เต๋าผู้หนึ่งอดหันไปมองจ้าวชิงไม่ได้


“ข้าจะทรงพลังปานนั้นได้อย่างไร! สหายยกย่องข้าเกินไปแล้ว”


จ้าวชิงส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่กล้ารับความดีความชอบ “สุราที่ข้ากลั่นเองไม่อาจเทียบได้กระทั่งหนึ่งในหมื่น ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าความต่างชั้นมีมากเท่าใด! สุรานี้เป็นสิ่งที่คุณชายท่านหนึ่งมอบให้ข้า”


“คุณชาย?”


“คุณชายไหนกัน?”


เหล่ายอดฝีมือเกิดความอยากรู้ขึ้นมา จึงเอ่ยถามจ้าวชิงทันที


“เป็นคุณชายที่ทรงพลังอย่างยิ่ง...ช่างเรื่องนี้เถิด ข้าไม่อาจพูดได้มากกว่านี้ ทุกท่านโปรดอย่าถามอีกเลย”


จ้าวชิงกล่าว “ทุกท่านรู้ว่าสิ่งนี้เป็นของที่คุณชายส่งมาช่วยเหลือพวกเราก็พอ”


เขาไม่กล้าพูดอันใดออกมามากเกินไป เกรงว่าแผนการที่คุณชายวางไว้จะได้รับผลกระทบ


แม้เขาจะเชื่อใจยอดฝีมือทั้งหมดที่นี่ ทว่าปลอดภัยไว้ก่อนย่อมดีกว่า


ยอดฝีมือเหล่านี้เองก็ไม่มีผู้ใดธรรมดา พวกเขาต่างกระจ่างแจ้งดีว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างทำให้จ้าวชิงไม่อาจพูดอันใดออกมาได้ พวกเขาจึงไม่ซักไซ้ แต่ละคนต่างควบแน่นจอกขึ้นมาด้วยพลัง เตรียมพรัอมสำหรับสุรา


พระอมิตาภะพุทธเจ้าเองก็อยู่ ทั้งยังเตรียมจอกพร้อมสำหรับสุรา


เมื่อเห็นสายตาของจ้าวชิงมองมา เขาก็พูดทันที “อย่าได้มองข้าเช่นนี้ ข้ากำลังเสียสละตัวเองเพื่อผู้คน เพื่อให้สามารถต่อกรกับพลังมืดมิดได้ ข้ายินดีจะสังเวยตน!“


“เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว!”


จ้าวชิงเอ่ยชื่นชม “การกระทำของพระผู้เป็นเจ้าช่างชวนให้คนตื้นตันใจยิ่ง! เช่นนี้ข้าจะทำตัวใจจืดใจดำได้อย่างไร? จะหักใจทำลายการฝึกให้ท่านต้องเสียสละตัวเองทำผิดศีลได้เช่นไร!”


เขากล่าวต่อ “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะมอบสุราส่วนของพระผู้เป็นเจ้าให้กับสหายคนอื่น!”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้เอ่ยอันใด ทำเพียงจ้องจ้าวชิง ก่อนจะหยิบกามาเทสุราหนึ่งหยดให้ตนเอง แล้วดื่มลงไปในคราวเดียว


หลังจากนั้นก็ยื่นกาสุราคืนให้จ้าวชิง


ทันทีที่สุราไหลลงไปในท้อง เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ขอบเขตทันที นี่คือสุราใดกัน? ผลลัพธ์เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก!


ยอดฝีมือทั้งหมดต่างพากันดื่มสุราทีละหยดตามไป และนั่งลงขัดสมาธิ ฝึนฝนหล่อหลอมกันที่นี่


“พอดีเลยหรือ? คุณชายผู้นั้นช่างน่าทึ่งยิ่งนัก...”


จ้าวชิงคว่ำกา ด้านในไม่เหลือสุราสักหยด ปรากฏว่าคนผู้นั้นไม่เพียงต้องการมอบสุราให้แก่เขาเท่านั้น ทว่ายังต้องการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเหล่ายอดฝีมือให้แข็งแกร่งขึ้น


เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือที่ดื่มสุราเข้าไปมีแสงเจิดจ้าออกมาจากร่างกาย ลมหายใจของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากการฝึนฝนและกลั่นพลังเสร็จสิ้น ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก


“จะไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายในการต่อสู้ครั้งนี้!”


ดวงตาของจ้าวชิงเปล่งประกายเต็มไปด้วยความมั่นใจ


การต่อสู้ครั้งก่อน ๆ ฝั่งพวกเขาล้วนแต่มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ทว่าคราวนี้จะต่างออกไป พวกเขาจะไม่มีผู้ต้องตายจากไป!


หลังจากพลังแข็งแกร่งขึ้นแล้ว พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะสิ่งมีชีวิตมืดมิดได้อย่างง่ายดาย!


...


อีกด้านหนึ่งของสนามรบ ฝั่งความมืดมิด


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากรวบตัวกัน พวกมันล้วนดุร้ายน่าสะพรึงกลัว บนร่างเต็มไปด้วยหมอกสีดำชวนให้หวาดหวั่นทะลักออกมา ลมหายใจน่าครั้นคร้ามเป็นอย่างยิ่ง


“นายท่านตงเซิงมาแล้ว ครั้งนี้พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกสังหาร!”


“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว!”


“เจ้าลาแก่หัวล้านนั้นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก ท่องบทสวดอันใดก็ไม่รู้ ฟังแล้วทำให้ข้าคลื่นเหียนเสียทุกครั้ง หวังว่านายท่านตงเซิงจะสังหารมันเป็นผู้แรก!”


...


สิ่งมีชีวิตที่นี่ยังคงส่งเสียงต่อไป


ไม่มีเหตุผลอื่นใด ที่สำคัญสุดก็คือทางฝั่งพวกมันมีนายท่านอยู่ ทั้งยังเป็นนายท่านจากแดนบูชายัญอันธการ!


แดนบูชายัญอันธการคือสถานที่ที่พวกมันรับใช้ เบื้องลึกเบื้องหลังของสถานที่แห่งนี้คือสิ่งใดพวกมันเองก็ไม่อาจกระจ่างแจ้ง ทว่าพลังของพวกมันล้วนมีต้นกำเนิดมาจากแดนบูชายัญอันธการ


หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เงามืดสายหนึ่งก็ตรงเข้ามา


เขามีรูปร่างสูงใหญ่ สวมใส่เสื้อคลุมสีดำ เป็นเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่ง ดวงตาของเขาดำขลับ ไม่มีตาขาว จ้องลงไปแล้วประหนึ่งหุบเหวไร้ก้นบึ้ง


ด้านข้างของเขามีสิงโตสีดำอยู่ตัวหนึ่งทำหน้าตาดุร้าย ลมหายใจอันดุดันล้นทะลัก มันเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา


หลังจากที่เขามา ทั่วทั้งบริเวณก็พลันเงียบลง ไม่มีเสียงสนทนาอันใดอีก สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้น


“เริ่มสงครามได้”


เขาไม่เอ่ยอันใดมากมาย เปี่ยมด้วยความยิ่งใหญ่ สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มสงครามทันที


เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งรองลงมาจากยอดฝีมือของแดนบูชายัญอันธการ ทั้งยังเป็นนายท่านตงเซิงที่สิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้เอ่ยถึง


“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แทบจะกล่าวได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน นี่นับเป็นเรื่องดี หมายความว่าพวกเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากำลังจะปรากฏตัวขึ้น”


เขาเอ่ยกับตนเอง


ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังไม่ถึงเวลาของพวกเขา จึงไม่อาจเยื้องกรายเข้ามาได้อย่างเต็มกำลัง ไม่เช่นนั้นแล้วหลังฉากจะหยุดยั้งพวกเขาได้อย่างไร?


ไม่มีทางเป็นไปได้!


แต่บัดนี้เวลาที่พวกเขาทั้งหมดจะสามารถเยื้องกรายขยับมาถึงเร็วขึ้น คนผู้นั้นไม่อาจปล่อยไปได้ จำต้องถูกกำราบลงอย่างสมบูรณ์


“หากไปยังหน้าฉากแล้วครอบครองสิ่งเหล่านั้นได้ ก็จะสามารถย่นเวลาลง ทั้งยังทำให้ทุกอย่างมั่นคง ไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอีกตอ่ไป!”


เขาเอ่ยต่อด้วยเสียงลุ่มลึก


แม้มองดูแล้วสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขาจะดีเป็นอย่างยิ่ง แต่แท้จริงแล้วมันยังไม่มั่นคง สามารถเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นได้ทุกเมื่อ


สิ่งที่อยู่หน้าฉากเป็นกุญแจสำคัญ หากได้รับมาแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใดอีก


ทุกอย่างล้วนสามารถจัดการได้!


“ความผิดปกติที่อยู่โลกหน้าฉากนั่น คือเป้าหมายหลักของข้า”


ภายในดวงตาดำขลับของตงเซิงราวกับมีดอกไม้ไฟแล่นวาบระหว่างเอ่ยออกมา “ยังมี...ซี นี่ก็สำคัญ จำต้องนำกลับมา”


เขาออกมาจากแดนบูชายัญอันธการ ไม่ใช่เพียงเพื่อจัดการเหล่ายอดฝีมือจากโลกหลังฉาก เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือกำจัดความผิดปกติเช่นหลี่จิ่วเต้า และนำตัวซีกลับไป


“ซีคือใคร? มีสิ่งใดพิเศษอยู่! จ้าวแห่งความมืดมิดถึงได้เห็นความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง กล่าวว่าแม้จะไม่สามารถสังหารหลี่จิ่วเต้าได้ ก็ต้องนำตัวซีกลับมาให้ได้...”


เขารำพึงกับตัวเอง


จ้าวแห่งความมืดมิดไม่ได้บอกเรื่องราวของซีให้เขาฟังมากนัก ทำให้เขาไม่รู้เรื่องนี้เท่าใดนัก


“ไป ก่อนอื่นต้องกำจัดเหล่าคนน่ารำคาญจากโลกหลังฉากเสียก่อน พวกมันล้วนไม่มีสิ่งใด แต่กลับวิ่งเต้นยิ่งกว่าใคร!”


เขาหัวเราะเย้ยออกมาหลายครั้งด้วยความดูหมิ่นยอดฝีมือจากหลังฉาก


ในสายตาของเขา ยอดฝีมือโลกหลังฉากเหล่านั้นไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ แต่กลับกล้าออกมาขัดขวางพวกเขาทุกหนทาง ช่างสมควรตายยิ่งนัก!


หากไม่ใช่เพราะผลกระทบของคนผู้นั้นยังอยู่ ทำให้ผู้แข็งแกร่งเช่นพวกเขาไม่สามารถออกจากแดนบูชายัญอันธการได้ตามต้องการ พวกเขาคงออกมาสังหารยอดฝีมือโลกหลังฉากเหล่านั้นไปนานแล้ว


ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี


การที่เขาสามารถออกจากแดนบูชายัญอันธการได้ ทั้งยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม พลังอยู่ในจุดสูงสุด นับเป็นตัวอย่างและสัญญาณที่ดียิ่ง


ก่อนหน้านี้การออกมาในสภาพสมบูรณ์ไม่อาจเป็นไปได้


แม้จะเป็นจ้าวแห่งความมืดมิดที่ได้รับพลังจากด้านในของแดนบูชายัญอันธการ ก็ยังได้รับผลกระทบ พลังลดลงเป็นอย่างมาก


ไม่เช่นนั้นการสังหารตัวแปรผิดแปลกเช่นหลี่จิ่วเต้าคงเป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากมายังสนามรบ ตงเซิงพร้อมสิงโตดำก็มาด้วย


เสียงแตรรบดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามรบในทันที


“เริ่มแล้วอย่างนั้นหรือ!?”


จ้าวชิงจ้องมองไปทางสนามรบ ภายในใจเอ่ยว่าคุณชายช่างเก่งกาจเสียจริง เกรงว่าเพราะล่วงรู้ถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เป็นเหตุให้เปลี่ยนใจเป็นฝ่ายมาหาร่างอวตารของเขาด้วยตนเอง พร้อมกับส่งมอบกาสุราให้


ก่อนหน้านี้ร่างอวตารตาเฒ่าขี้เมาของเขาไม่อาจพบกับหลี่จิ่วเต้าได้ เนื่องด้วยอีกฝ่ายไม่มีความต้องการจะพบกับเขา


“ยังทันเวลา!”


เขามองไปทางเหล่ายอดฝีมือด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝนของยอดฝีมือเหล่านั้นใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ย่อมสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ทันเวลา ไม่มีผลกระทบอันใด


“ข้าจะออกไปสู้ก่อน”


เขาออกจากสถานที่แห่งนี้ตรงไปยังสนามรบ ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตหลังฉากจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น


สิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านี้ประจำการอยู่ในสนามรบ พร้อมเข้าร่วมการต่อสู้ตลอดเวลา


“มีเพียงเจ้าผู้เดียว? คนอื่นเล่า?”


ทางฝั่งสิ่งมีชีวิตมืดมิดมีร่างหลายร่างทะยานออกมา


พวกมันเป็นคู่ปรับเก่าแก่ของจ้าวชิงและยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก่อนที่ตงเซิงจะมา พวกมันนับได้ว่าเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของฝั่งความมืดมิด


“เจ้าลาแก่หัวโล้นนั่นเล่า? หรือว่ากลัวจนไม่กล้าร่วมสงครามแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดเยาะเย้ย ลาแก่หัวโล้นที่เขาพูดถึงก็คือพระอมิตาภะพุทธเจ้า


มันเกลียดชังพระอมิตาภะพุทธเจ้า เพราะครั้งหนึ่งเคยประสบเคราะห์ครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ถูกบาตรทองคำม่วงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าจับเอาไว้ จากนั้นก็ต้องฟังบทสวดนับครั้งไม่ถ้วนจนหัวเกือบระเบิด


“น่าขัน พวกข้าไม่เคยกลัว อย่าได้ประเมินตนเองสูงไปนัก!” จ้าวชิงเอ่ย


กลัว?


ฝั่งพวกเขาล้วนไม่มีคำนี้อยู่


ไม่ว่าการต่อสู้จะเป็นเช่นไร พวกเขาก็ไม่เคยกลัว มีความหาญกล้าพอจะเข้าสู่สนามรบ


“พวกเขาไม่มา เช่นนั้นก็สังหารเจ้าก่อนเสีย!”


เสียงระเบิดดังขึ้น สิ่งมีชีวิตมืดมิดพุ่งเข้ามา หมอกสีดำไร้ขอบเขตหมุนวนราวกระแสน้ำ หมายสังหารจ้าวชิง


นี่เป็นอสูรขนาดมหึมาตัวหนึง มันอ้าปากออกมาพ่นสายฟ้าสีดำ ดุร้ายอย่างถึงที่สุด มันเป็นสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เคยสังหารยอดฝีมือจากโลกหลังฉากไปไม่น้อย ทำให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากอดเกิดความกริ่งเกรงไม่ได้


กระทั่งภรรยาของจ้าวชิงเองก็ถูกอสูรร้ายตนนี้สังหาร


จ้าวชิงพยายามจะสังหารอสูรร้ายตนนี้มาหลายครั้งเพื่อล้างแค้นให้กับภรรยาของเขา ทว่าก็ล้วนล้มเหลว อสูรร้ายตนนี้แข็งแกร่งเกินไป


“มาก็ดี!”


เมื่อจ้าวชิงเห็นอสูรร้ายที่พุ่งเข้ามา เขาพลันหัวเราะออกมาทันที ทว่าเสียงหัวเราะนั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก


เขาเรียกกระบี่มรกตขึ้นมาในมือ พุ่งตรงขึ้นไปบนผืนนภา กระบี่มรกตกวัดแกว่งเปล่งแสงเจิดจ้าทั่วฟ้าดิน ปัดเป่าความมืดมิด เข้าปะทะกับอสูรร้ายตนนั้น


“อันใดกัน ต้องการแก้แค้นให้กับภรรยาของเจ้าหรือ? ก็ต้องลองดูว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่!”


อสูรร้ายยิ้มเย้ย “หากไม่ใช่เพราะหลายครั้งก่อนหน้ามีคนยื่นมือช่วยเหลือ เจ้าคงถูกข้าสังหารไปนานแล้ว!”


มันอ้าปากพ่นสายฟ้าสีดำออกมาพุ่งตรงไปทางจ้าวชิงด้วยต้องการสังหาร จ้าวชิงกวัดแกว่งกระบี่ในมือทำลายม่านสายฟ้าสีดำทิ้ง


ตอนนั้นเอง อสูรร้ายพลันปรากฏขึ้นด้านหลังจ้าวชิงอย่างกะทันหัน ต้องการจะกลืนเขาลงไปในคำเดียว!


เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนทำให้ผู้คนไม่อาจตอบสนองได้ทัน


อสูรร้ายรวดเร็วอย่างถึงที่สุด ยากแก่การจัดการ ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งจากโลกหลังฉากต่างอดปวดหัวไม่ได้


ก่อนหน้านี้ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จ้าวชิงจะสามารถตอบสนอง ความเร็วเช่นนี้เกินกว่าความสามารถของจ้าวชิงที่จะจัดการได้


ทว่าในตอนนี้จ้าวชิงนั้นไม่เหมือนเดิม หลังจากหลอมกลั่นสุราหนึ่งหยด ความแข็งแกร่งของเขาก็ทวีคูณขึ้นมาก!


มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ กระบี่พุ่งตรงเข้าไปในตำแหน่งของอสูรร้ายด้วยความสงบนิ่ง


เขาแทงกระบี่จากด้านหลัง ทะลุปากของอสูรร้ายมิดด้ามทันที!


“อ๊ากกก!”


อสูรร้ายร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจ้าวชิงจะตอบสนองได้ทัน จึงถูกกระบี่แทงจนได้รับบาดเจ็บไม่เบา


จ้าวชิงลงมืออย่างเด็ดขาด ไม่มอบโอกาสให้กับอสูรร้าย กระบี่มรกตระเบิดพลังออกอย่างแรงผ่าร่างของอสูรร้ายออกเป็นสองท่อน!


ขณะเดียวกันเขาก็ใช้วิชากระบี่ขั้นสูงสุด ปล่อยแสงกระบี่นับไม่ถ้วนระเบิดออกมา ทำลายร่างเนื้อทั้งหมดของอสูรร้ายเป็นชิ้น ๆ!


โฮก!


อสูรร้ายกู่ร้อง มันยังไม่ตาย ด้วยระดับพลังเช่นมันแล้ว ไม่มีทางตายได้โดยง่าย ทว่าการโจมตีของจ้าวชิงก็สร้างความเสียหายอย่างนัก พลังของมันลดลงไปเป็นอย่างมาก


หมอกสีดำไหลทะลัก ควบแน่นกลายเป็นร่างใหม่อย่างรวดเร็ว พร้อมใช้มหาวิชามืดมิดโจมตีเข้าใส่จ้าวชิง


จ้าวชิงยกยิ้มเย็น กระทั่งอสูรร้ายยามอยู่ในสภาพสูงสุดก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงอสูรร้ายยามที่พลังลดลงอย่างมากเลย


เขาวาดกระบี่ออกไป ทำลายมหาวิชาความมืดทันที พร้อมทั้งบดขยี้ร่างของอสูรร้ายออกเป็นชิ้น ๆ ทำให้อสูรร้ายได้รับบาดเจ็บอีกครั้งจนแสงของดวงวิญญาณหม่นลง


“หยุดมือ!”


“ฆ่า!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากพุ่งเข้ามา หากเป็นเช่นนี้อีกครั้ง อสูรร้ายจะต้องตายอย่างแน่นอน!


ภายในใจพวกมันเกิดความสงสัยขึ้นมา พวกมันได้สู้กับพวกจ้าวชิงอยู่บ่อยครั้ง รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ก่อนหน้าจ้าวชิงอยู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตอิสระ แต่เหตุใดตอนนี้พวกมันจึงสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายถึงขั้นที่หกของขอบเขตอิสระแล้วล่ะ?


ขอบเขตอิสระ นี่คือขอบเขตที่อยู่เหนือกว่านิรันดร์ จ้าวชิง พระอมิตาภะพุทธเจ้า ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ และยอดฝีมืออื่น ๆ ก็ต่างล้วนอยู่ในขั้นที่ห้าของขอบเขตอิสระ


เมื่อเข้าสู่ขอบเขตนี้แล้ว หากคิดจะพัฒนาขึ้นขั้นหนึ่งนับเป็นเรื่องยากยิ่ง นับร้อยล้านปีก็ไม่เห็นหนทางก้าวหน้า ยากลำบากจนไม่อาจจินตนาการได้


“เข้าสู่ขั้นที่หกแล้วจริง ๆ!”


“เป็นไปได้อย่างไร?!”


พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ หลังจากพุ่งเข้าไปแล้ว พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าจ้าวชิงก้าวสู่ขั้นที่หกแล้ว พลังที่สำแดงออกมาได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขามาก!


“หืม?!”


กระทั่งสีหน้าของตงเซิงก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าจ้าวชิงนั้นจะอยู่ในขั้นเดียวกับเขา!


ทว่าไม่นานสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว


แม้จะอยู่ในขั้นเดียวกัน แต่เขาก็ไม่กังวลสักนิด จ้าวชิงยังคงไม่มีพลังมากพอจะต่อกรกับเขา


ในหนึ่งขั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก การอยู่ขั้นเดียวกันไม่ได้หมายความว่าพลังจะใกล้เคียงกัน


กล่าวอย่างชัดเจนก็คือ ภายในขั้นก็ยังคงมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก


เพราะการฝึกฝนในแต่ละขึ้นยากลำบากเกินไป หากคิดจะก้าวขึ้นไปขั้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาหลายร้อยล้านปี เช่นนั้นจะไม่ให้เกิดความแตกต่างได้อย่างไร


ตัวอย่างเช่นสิงโตดำที่อยู่ข้างกายเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา มันเองก็อยู่ในขั้นที่หกเช่นเดียวกัน ทว่าก็ไม่อาจเทียบเขาได้ พลังนับได้ว่าแตกต่างกันเป็นอย่างมาก


“เจ้าสิงโต ไปเสีย ข้ามอบเขาให้เป็นรางวัลอาหารกับเจ้า”


เขาพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจจะออกไปต่อกรกับจ้าวชิงเสียด้วยซ้ำ


“ขอบคุณนายท่าน!”


สิงโตดำแยกเขี้ยวเอ่ยขอบคุณตงเซิง


หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งเข้าใส่จ้าวชิง


จ้าวชิงก้าวเข้าสู่ขั้นที่หกขอบเขตอิสระแล้ว สิ่งมีชีวิตมืดมิดอื่น ๆ ย่อมไม่อาจต่อกรได้อย่างแน่นอน


มันดุร้ายน่าสะพรึงกลัว ยามมันพุ่งเข้าไป ทั่วทั้งสนามรบก็สั่นสะเทือน หมอกสีดำแผ่ปกคลุมทั่วฟ้าดิน ทำให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากทั้งหมดรู้สึกหนักอึ้งจนไม่อาจหายใจ


สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่ต่อสู้กับจ้าวชิงถอยกลับทันที การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งพี่พวกมันจะสามารถมีส่วนร่วมได้อีกต่อไป


สีหน้าของจ้าวชิงจริงจังขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิงโตดำ และก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตงเซิงด้วย!


เขาถอนหายใจออกมา เบื้องหลังกองกำลังมืดมิดล้ำลึกไม่อาจหยั่งถึงจริง ๆ ในตอนนี้มีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปรากฏออกมาแล้ว


เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสิงโตดำ และยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่าหวั่นเกรงของตงเซิงมากยิ่งขึ้น ยังดีที่หลี่จิ่วเต้ามอบกาสุรามาให้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่มีพลังมากพอจะต้านทาน


ไม่ต้องเอ่ยถึงตงเซิงเลย กระทั่งสิงโตดำ หากเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาย่อมไม่มีทางต่อกรกับสิงโตดำได้ สามารถถูกมันกวาดล้างทิ้งไปอย่างง่ายดาย


“ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว!”


ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า กระบี่มรกตในมือระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาพุ่งตรงไปทางสิงโตดำเพื่อสังหาร


ยังดีที่เป็นสิงโตดำ เขาจึงยังมีความมั่นใจที่จะต่อสู้ หากเปลี่ยนเป็นตงเซิง เขาคงไม่มีความมั่นใจมากเพียงนี้


ทว่าเขานั้นไม่ได้มีตัวคนเดียว


พระอมิตาภะพุทธเจ้า ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ และยอดฝีมือคนอื่น ๆ ต่างก็ได้ดื่มสุราพัฒนาความแข็งแกร่ง!


ยอดฝีมือเหล่านั้นกำลังฝึกฝน และใกล้จะเสร็จสิ้นในเร็ว ๆ นี้


เมื่อถึงเวลานั้น หากพวกเขาร่วมมืดกันต่อกรกับตงเซิง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะชนะ!


เขาและสิงโตดำเข้าปะทะกันครั้งใหญ่ เพียงพริบตาเดียวก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปนับพันครั้ง!


“เขาเพิ่งบรรลุขั้นที่หกอย่างนั้นหรือ?”


ตงเซิงขมวดคิ้วมองไปที่จ้าวชิงแล้วรำพึงกับตัวเอง


จ้าวชิงดูไม่เหมือนผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นที่หก พลังความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าผู้ที่เพิ่งบรรลุขั้นที่หกเป็นอย่างมาก


สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย


ตามปกติแล้ว จ้าวชิงสมควรจะเพิ่งก้าวสู่ขั้นที่หก


หากจ้าวชิงบรรลุขั้นที่หกนานแล้ว สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดที่นี่คงถูกกำจัดไปนานแล้ว


ความเป็นไปได้ที่ก่อนหน้านี้จ้าวชิงจะปกปิดพลังตนเองก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในการต่อสู้ก่อนหน้า ฝั่งโลกหลังฉากปรากฏความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก


หากจ้าวชิงได้บรรลุขั้นที่หกเป็นที่เรียบร้อย คงไม่ยอมปล่อยให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากล้มตายไปมากมายเพียงนั้นอย่างแน่นอน


เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจ้าวชิงเพิ่งบรรลุขั้นที่หกเมื่อไม่นานมานี้


“เพิ่งก้าวสู่ขั้นหกก็มีพลังแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ? นี่น่าสนใจอยู่บ้าง...”


เขาจับจ้องไปทางจ้าวชิงที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด


สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเขา


บนตัวของจ้าวชิงจะต้องมีความลับบางอย่างอยู่ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจทำได้ถึงเพียงนี้!


โฮก!


สิงโตดำคำรามออกมาด้วยแววตาดุร้าย มันไม่คาดคิดเลยว่าจ้าวชิงจะสามารถต่อกรกับมันได้ถึงเพียงนี้


หลังพันกว่ากระบวนท่าผ่านไป มันกับจ้าวชิงก็สู้กันต่อไม่น้อยกว่าอีกหมื่นกระบวนท่า ผลออกมาคือมันไม่อาจทำอะไรจ้าวชิงได้ ทั้งยังไม่อาจกดดันจ้าวชิงได้สำเร็จ


จ้าวชิงเพิ่งจะบรรลุขั้นที่หกจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?!


หมอกสีดำระเบิดออกมา มันไม่อาจทนรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้ ตัวมันนั้นไม่ได้เพิ่งบรรลุขึ้นที่หก แต่กลับใช้เวลานานแล้วยังไม่อาจสยบจ้าวชิงลงได้ มันรู้สึกอับอายขายหน้ายิ่ง!


พลังของมันพุ่งสูงขึ้น ระเบิดการโจมตีอย่างดุเดือด พลังมืดมิดถล่มฟ้าทลายดิน ทั่วทั้งสนามรบถูกปกคลุมไปด้วยพลังมืดมิดอันไร้ขอบเขต


ทุกวิชาลับถูกใช้ออกมาอย่างดุดัน ฝีมือนับว่าแข็งแกร่งยิ่ง


จ้าวชิงพร่างพรายสง่างาม ส่องสว่างผ่าความมืด กระบี่มรกตวาดแสงออกไปนับไม่ถ้วน ทำลายการโจมตีของสิงโตดำครั้งแล้วครั้งเล่า


ยิ่งต่อสู้มากเท่าใดเขาก็ยิ่งดุดันมากขึ้นเท่านั้น เกินยิ่งกว่าความคาดหมายของสิงโตดำ


ยามเพิ่งเข้าสู่ขั้นที่หก พลังของของเขายังนับได้ว่าไม่เสถียรอยู่บ้าง


ทว่าหลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือด การควบคุมพลังก็ยิ่งเสถียรมากขึ้น พลังที่สำแดงออกมาแข็งแกร่งกว่าเดิมเรื่อย ๆ!


เสียงฉึบดังขึ้น อุ้งเท้าหน้าคู่หนึ่งของสิงโตดำถูกตัดออก เลือดสีดำสาดกระเซ็นหยดลงบนพื้น เกิดเป็นควันดำ เผยให้เห็นถึงพลังกัดกร่อนอันรุนแรง


“สมควรตาย!”


สิงโตดำคำรามออกมา มันระเบิดพลังโจมตีรุนแรง พยายามจัดการจ้าวชิงลง ทว่าก็ล้มเหลวอีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันไม่อาจทำอันใดจ้าวชิงได้ กระทั่งอุ้งเท้าหน้าของมันยังถูกตัด นี่ยิ่งทำให้มันไม่อาจทนไหว!


มันเปิดปากพ่นลำแสงสีดำออกมา นี่คือพลังมืดมิดที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกาย น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด นับได้ว่าเป็นการโจมตีอันทรงพลังสุดของมัน


“ไร้ประโยชน์!”


สีหน้าของจ้าวชิงไม่แยแส ตอนนี้เขาเชี่ยวชาญการใช้พลังของขั้นที่หกอย่างถึงแก่นแท้


มือกวัดแกว่งกระบี่หยกครั้งแล้วครั้งเล่า แสงกระบี่ถักทอกลายเป็นตาข่าย พุ่งทำลายแสงสีดำ


แสงสีดำถูกทำลาย สิงโตดำที่มีความเชื่อมโยงกับมันร่างกายสั่นสะท้าน กระอักโลหิตสีดำออกจากปาก


จ้าวชิงลงมืออย่างเด็ดขาด ไม่ให้โอกาสใดกับสิงโตดำ ตรงเข้าไปพร้อมกระบี่มรกตด้วยต้องการจะสังหารสิงโตดำ


ขณะนั้นเองตงเซิงก็หยุดการเฝ้าดูแล้วลงมือทันที


ครั้นชี้นิ้วออกมา ก็พลันมีลำแสงดูราวกับแสงเหนืออันน่าสะพรึงกลัวพุ่งตรงเข้าใส่!


จ้าวชิงสัมผัสได้ถึงแรงคุกคามมหาศาลก่อนที่มันจะเข้าใกล้เสียอีก


เขาล้มเลิกการโจมตีสิงโตดำทันที ขยับกระบี่อย่างว่องไว ใช้กระบี่มรกตต้านทานลำแสงที่พุ่งเข้ามา


ตู้ม!


จ้าวชิงถูกกระแทกจนกระเด็นถอยหลังไปทันที เลือดลมในร่างวิ่งพล่านอย่างดุเดือด ใบหน้าซีดเซียว ร่างสั่นสะท้านจนเกือบล้มลงไปกับกองที่พื้น


กระทั่งกระบี่มรกตในมือยังสูญเสียแสงที่เปล่งประกาย สุดท้ายก็จางหายไปโดยสิ้นเชิง


มือที่ถือกระบี่มรกตอ่อนยวบ ไม่สามารถจับกระบี่เอาไว้ได้อีก กระบี่มรกตร่วงลงบนพื้นส่งเสียงเคร้ง


“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”


เขาสูดลมหายใจเย็นเยียบ แม้จะรู้แต่แรกว่าตงเซิงนั้นน่ากลัว ทว่าก็ไม่คาดคิดว่าจะน่ากลัวถึงเพียงนี้!


กระทั่งการโจมตีครั้งเดียวเขาก็ไม่อาจหยุดยั้ง ช่องว่างมีมากเกินไป!


สีหน้าของสิ่งมีชีวิตหลังฉากเริ่มคล้ำลง


เดิมทีเมื่อพวกเขาเห็นว่าจ้าวชิงทรงพลังเป็นอย่างมาก ต่างก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้


ทว่าตอนนี้หลังตงเซิงลงมือ พวกเขาพลันรู้สึกสิ้นหวัง อารมณ์ดิ่งลงในทันที


ยังจะ...ต่อกรได้อย่างไรอีก?


มองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย!


“นายท่านตงเซิงไร้เทียมทาน!”


“เพียงแค่แมลงตัวจ้อยไร้ค่ากลุ่มหนึ่ง คิดอยากจะต่อกรกับนายท่านตงเซิงเช่นนั้นหรือ? ช่างน่าขันเสียจริง! นายท่านตงเซิงเพียงแค่ลงมือครั้งเดียวก็สามารถสังหารพวกเจ้าทั้งหมดได้!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากส่งเสียงกู่ร้องออกมา


นายท่านตงเซิงสมแล้วที่มาจากแดนบูชายัญอันธการ ช่างแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!


“ให้ข้าดูเสียว่าเจ้ามีความลับอันใดอยู่”


สีหน้าตงเซิงสงบนิ่ง เขาก้าวออกไปเบื้องหน้าอย่างแช่มช้า


“อามิตาพุทธ!”


ตอนนั้นเองพลันมีเสียงสวดดังขึ้นมา แสงพุทธะส่องสว่างปัดเป่าความมืดมิด


“เจ้าลาแก่หัวโล้นน่าตายนั้น!”


“แมลงหวี่น่ารำคาญมาแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดเต็มไปด้วยความชิงชัง เมื่อเทียบในหมู่ยอดฝีมือจากโลกหลังฉากแล้ว พวกมันเกลียดพระอมิตาภะพุทธเจ้ามากที่สุด


ไม่มีเหตุผลอื่น สาเหตุหลักคือการที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าแตกต่างจากยอดฝีมือหลังฉากคนอื่น ๆ


สำหรับยอดฝีมือหลังฉากคนอื่น ๆ พวกมันพ่ายแพ้ก็พ่ายแพ้เถิด อย่างมากสุดก็แค่ตาย ทว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นแตกต่างออกไป


พระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นจะไม่ลงมือสังหาร!


เมื่อพวกมันพ่ายแพ้ และถูกพระอมิตาภะพุทธเจ้าจัดการ พวกมันจะต้องฟังเสียงสวดตลอดเวลา พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่คิดจะปล่อยพวกมันไปจนกว่าพวกมันจะกลับตัวกลับใจ เดินเข้าสู่เส้นทางแสงสว่าง


กลับไปสู่แสงสว่างไร้สาระอันใด!


พวกมันถือกำเนิดขึ้นมาจากความมืด แล้วจะยังมีแสงสว่างอันใดให้กลับ


การฟังบทสวดของพระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นเลวร้ายเสียยิ่งกว่าการสังหารพวกเขาโดยตรง!


ในหมู่สิ่งมีชีวิตมืดมิด พระอมิตาภะพุทธเจ้าคือผู้ที่พวกมันจงเกลียดจงชังอย่างถึงที่สุดไม่มีสิ่งอื่นใดเปรียบ!


“นายท่านตงเซิงได้โปรดสังหารลาแก่หัวโล้นนั่นด้วย อย่าปล่อยให้ลาแก่หัวโล้นได้ท่องบทสวดอีก!”


“ไม่อาจทนได้อีกต่อไปแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนนับไม่ถ้วนขอร้องตงเซิง หวังว่าตงเซิงจะสังหารพระอมิตาภะพุทธเจ้าโดยเร็วที่สุด


อย่าว่าแต่บทสวดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าเลย กระทั่งพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่ยังไม่ได้สวด พวกมันยังรู้สึกขยาดเป็นอย่างมากเพียงแค่ได้ยินเสียงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าเอ่ยขึ้น


ทว่าตงเซิงไม่ได้ใส่ใจอันใดกับสิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้


เขามองไปทางพระอมิตาภะพุทธเจ้า ดวงตาเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย


“เจ้าคือพระอมิตาภะพุทธเจ้าหรือ? ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ พลังมืดมิดเข้าสู่ร่างกายกัดกร่อนอย่างสมบูรณ์แล้ว ทว่าเจ้ากลับสามารถทำลายพลังมืดมิดขับมันออกมาได้!”


เขาเอ่ยปากขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยได้ยินสิ่งมีชีวิตมืดมิดเอ่ยถึงพระอมิตาภะพุทธเจ้า


ยามนั้นสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนประดังห้อมล้อมพระอมิตาภะพุทธเจ้า จนสุดท้ายมีสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนหนึ่งระเบิดตนเองจุดพลังมืดมิดออกมาอย่างเต็มที่ ส่งพลังเข้าไปในร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ต้องการจะลากพระอมิตาภะพุทธเจ้าลงสู่ความมืดมิด กลายมาเป็นฝ่ายของพวกมัน


ทว่าผลกลับออกมาล้มเหลว


พลังมืดมิดที่ถูกจุดออกมาอย่างเต็มที่นั้นน่ากลัวถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเป็นยอดฝีมือเช่นพระอมิตาภะพุทธเจ้า เมื่อโดนพลังมืดมิดนั่นพุ่งเข้าไปในร่าง ก็พลันลุกลามไปทั่วทันที


ยามนั้นกระทั่งดวงวิญญาณของพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ถูกพลังมืดมิดกลืนกิน กลายเป็นสถานการณ์ที่แทบไม่อาจแก้ไขได้ พระอมิตาภะพุทธเจ้าจะต้องจมลงสู่ความมืดมิดอย่างแน่นอน


ทว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้ากลับน่าเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด สามารถก้าวข้ามสถานการณ์ดังกล่าวมาได้โดยไม่จมลงไปสู่ความมืด


หัวใจพุทธะเช่นนี้ กระทั่งตงเซิงเองก็อดแปลกใจไม่ได้ ฝึกฝนมาเช่นใดกัน? พระอมิตาภะพุทธเจ้าถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้


“หาใช่ถึงเพียงนั้น จิตส่วนมากถูกกลืนกินไปแล้ว ไม่อาจกำจัดความมืดมิด ทำได้เพียงแค่ละทิ้ง”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่ปรากฏกายออกมาส่ายหน้าเอ่ย


นับเป็นประสบการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง เขาห่างจากการถูกครอบงำอย่างสมบูรณ์เพียงแค่ก้าวเดียว ทว่าด้วยหัวใจพุทธะอันมั่นคง สุดท้ายก็ยังสามารถเค้นแรงต่อต้านได้


น่าเสียดายที่ความคิดจำนวนมากของเขาถูกกลืนกินไปแล้ว ไม่อาจหวนกลับมาได้


“ละทิ้งความคิดจำนวนมาก ทว่าเจ้าก็ยังสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นที่หกได้ ดูท่า...บนร่างของเจ้าเองก็มีความลับเช่นกัน!”


เปลวไฟสีดำขลับลุกโชนในดวงตาตงเซิงขณะจับจ้องไปทางพระอมิตาภะพุทธเจ้า


เมื่อแยกความคิดจำนวนมากออกไป พระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ไม่อาจรักษาพลังเอาไว้คงเดิมได้ การที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าสามารถบรรลุขั้นที่หกได้ นับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ


ไม่ต้องสงสัยเลย บนร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้ามีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่!


สีหน้าของพระอมิตาภะพุทธเจ้าจริงจัง ไม่เอ่ยอันใด


กระทั่งตัวของเขาเองก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ สุราเพียงแค่หนึ่งหยด ไม่เพียงแต่สามารถทำให้เขากลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แต่ยังทำให้เขาบรรลุไปสู่ขั้นถัดไปได้ ภายในใจของเขาตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก


คุณชายผู้นั้นคือใครกัน?


ช่างแข็งแกร่งจนมิอาจจินตนาการได้!


“ความลับเช่นใดกันที่สามารถทำให้พวกเจ้าทั้งสองก้าวหน้าขึ้นมาได้ ข้าอยากรู้เสียจริง”


เปลวไฟสีดำในดวงตาของตงเซิงขยับไหวแรงยิ่งขึ้น


“เจ้าผิดแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่สองคน!”


“พวกข้าเองก็บรรลุขั้นใหม่เช่นเดียวกัน!”


ร่างแล้วร่างเหล่าปรากฏตัวออกมายังที่แห่งนี้ ลมหายใจต่างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ ปรมาจารย์เต๋า ยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์ และยอดฝีมือคนอื่น ๆ ล้วนมายังสถานที่แห่งนี้


“จำนวนมากเพียงนี้?!”


สีหน้าของตงเซิงแปรเปลี่ยน เกิดอันใดขึ้น?! ยอดฝีมือฉากหลังกลุ่มนี้ล้วนบรรลุขั้นที่หกแล้ว!


เมื่อใดกันที่ขั้นระดับพลังสามารถก้าวข้ามได้ง่ายดายเช่นนี้?!


สิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้สามารถก้าวข้ามได้พร้อมกันหรือ?!


นี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่เห็นด้วยตาของตนเองจริง ๆ เขาคงจะไม่เชื่อ


“ให้ข้าดูเสียว่าพวกเจ้ามีความลับอันใดอยู่!”


เขาพุ่งตรงเข้าไป ไม่ต้องสงสัย บนตัวของสิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านี้จะต้องมีความลับอันน่าตื่นตะลึงอยู่!


พระอมิตาภะพุทธเจ้าลงมือก่อน ตบฝ่ามือลงไป


นี่คือมหาวิชาของพระพุทธศาสนา ดูเหมือนเพียงแค่ฝ่ามือเดียว แต่แท้จริงแล้วมันรวบรวมพลังศรัทธาจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งหมดในพุทธภูมิ น่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด และเคยทำให้สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากหวาดกลัวมาแล้ว ไม่กล้าต้านรับโดยตรง


แสงสีทองสว่างไสว เสียงพุทธะกึกก้องทั่วท้องนภา หนึ่งฝ่ามือกดลงมา ปรากฏภาพนิมิตมากมาย สามารถเห็นพุทธภูมิปรากฏขึ้น พุทธสาวกจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังสวดมนต์ ศักดิ์สิทธิ์เหนือชั้นยิ่ง!


“วิชาปัญจอสนีบาต!”


หลังจากนั้นพลังของปรมาจารย์เต๋าก็ถูกส่งออกมา บนฝ่ามือปรากฏสายฟ้าห้าสี ประกอบด้วยอสนีทอง อสนีไม้ อสนีน้ำ อสนีเพลิง และอัสนีดิน!


นี่คือวิชาขั้นสูงสุดของปรมาจารย์เต๋า อสนีทอง พุ่งสังหาร ปรากฏทหารเต๋าทั้งหลายออกมา อานุภาพร้ายแรงเป็นอย่างมาก!


อสนีไม้ประกอบด้วยพืชพรรณหลากหลายชนิด เถาวัลย์ปรากฏออกมา พุ่งตรงไปเบื้องหน้า ตามรัดพันก่อกวน


อสนีบาตน้ำระเบิดออก บนท้องฟ้าเบื้องบนพลันปรากฏลูกเห็บจำนวนนับไม่ถ้วนขนาดใหญ่เทียบเท่าดวงดาวตกลงมาจากท้องฟ้า ขณะเดียวกันก็มีสารพัดพิษหลั่งไหลออกมาราวกับสายฝน พลังนี้ยากจะต้านทาน


อสนีบาตเพลิงทำให้เกิดผืนทะเลอัคคีอันกว้างใหญ่ไพศาล แผดเผานภา ส่งสายฟ้าฟาดลงมาด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ขอบเขต!


อสนีบาตดินปรากฏออกมาเป็นขุนเขาหลายลูก แต่ละลูกล้วนหนักอึ้งจนไม่อาจจินตนาการได้ สามารถทลายปริภูมิเวลา หรือกระทั่งท้องฟ้าเหนือจักรวาลได้


พลังทำลายล้างของวิชาปัจญอสนีบาตน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง น้อยครั้งนักจึงจะสำแดงออกมาพร้อมกัน


ปรมาจารย์เต๋าตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของตงเซิง อสนีบาตทั้งห้าจึงถูกใช้ออกมาพร้อมกันโดยไม่เก็บออมเอาไว้


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์สูงใหญ่ทรงพลัง ทั่วทั้งร่างกายสว่างไสวอย่างถึงที่สุด เขาต่อยหมัดออกมา ด้านหลังพลันปรากฏเงาสูงนับร้อยล้านจั้งทอดสายตาลงมองโลกหล้า ภายในหมัดเปี่ยมด้วยพลังสูงสุดของประมุขแห่งสรวงสวรรค์!


เขายังไม่ทันได้ออกวิชามวย เป็นเพียงแค่การตั้งท่า พลังอันไร้ขอบเขตก็ทะลักออกมา ทำให้สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากที่เห็นเกิดความหวาดหวั่น ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว หวนกลับไปนึกถึงเรื่องราวอันเลวร้าย


ครั้งหนึ่งประมุขสวรรค์เคยใช้วิชานี้ออกมา ทำลายกองทัพสูงสุดของพวกมันทิ้งได้ในทันที!


โฮก!


ยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์แหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วคำรามออกมา แสงทั่วร่างเปล่งประกายเจิดจ้าฉายขึ้นไปบนฟ้า ร่างของมันส่องสว่างราวกับจะยึดครองทั่วทั้งสนามรบฝั่งความมืดมิดทั้งหมด ดวงตาคู่หนึ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าดวงดารา


ทั่วทั้งร่างเปี่ยมด้วยเกล็ดเย็นเยียบ บนศีรษะมีเขาอยู่ ด้วยความตระหนักได้ว่าตงเซิงยากแก่การต่อกร จึงใช้วิชาที่แข็งแกร่งสุดของมันออกมา!


เขาบนหัวของมันหลุดออกไป ถักทอด้วยพลังและกฎเกณฑ์พิเศษ พุ่งเข้าใส่ตงเซิงด้วยความเร็วสูงสุด


นี่คือวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน เขานั้นเหนือชั้น ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งได้


กระทั่งสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่อาจหยุดยั้ง ร่างกายถูกเจาะทะลุ!


“ฆ่า!”


จ้าวชิงกัดฟัน หยิบกระบี่ที่ตกลงบนพื้นออกมาสำแดงวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งสุด!


ยังมียอดฝีมือที่บรรลุเข้าขั้นที่หก พวกเขาต่างระเบิดพลังออกมาอย่างเต็มที่โดยไม่มีการเก็บออมเอาไว้!


ภาพดังกล่าวน่ากลัวเกินจินตนาการ ทั่วทั้งสนามรบมืดมิดแทบจะระเบิดออก!


“ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งไกลเกินกว่าผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นหก เดิมทีคิดว่าสามารถจัดการกับพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ดูแล้วข้าคงต้องจริงจังยิ่งขึ้น”


ประกายไฟในดวงตาสีดำของตงเซิงลุกโชน เขาเรียกทวนออกมาไว้ในมือก่อนจะพุ่งตรงไปเบื้องหน้า


ใจเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง ว่าเพียงแค่ตัวเขาผู้เดียวก็สามารถสยบทั้งหมดลงได้!


“มหาไวโรจนพุทธ!”


ในพุทธศาสนา มิได้มีเพียงพระอมิตาภะพุทธเจ้าเท่านั้นที่ก้าวสู่ขั้นที่หกแล้ว หากแต่ยังมีอีกผู้หนึ่ง เขาคือพระตถาคต ทรงพลังกล้าแกร่งไร้ผู้ใดทัดเทียมเฉกเช่นเดียวกัน แสงพุทธะนับล้านสาดส่องเจิดจ้าจนมิอาจจ้องมองตรง ๆ


เขาสำแดงมหาวิชา พลานุภาพมิได้ด้อยไปกว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้า ธารปริภูมิเวลาสั่นสะท้าน


“หนึ่งปราณผลัดตรีวิสุทธิ์!”


ศาสนาเต๋าไม่ธรรมดาเช่นกัน มิได้มียอดฝีมือเพียงตนเดียวที่ก้าวสู่ขั้นหก


ผู้เฒ่าผมขาวท่านหนึ่งจำแลงร่างแยกออกมาสามร่าง โดยมีของวิเศษอย่างแผนผังไท่จี๋ แผนผังฟ้าดินในมือขณะบุกออกไป


ร่างแยกทั้งสามนี้ไม่ธรรมดากันทั้งสิ้น เปี่ยมไปด้วยพลัง!


เขาคือเล่าจื๊อ หนึ่งในยอดฝีมือสูงสุดแห่งศาสนาเต๋า!


สรวงสวรรค์ เผ่าปีศาจก็เช่นกัน มิได้มีผู้ก้าวสู่ขั้นหกเพียงตนเดียว เวลานี้พากันสำแดงฝีมือ บุกออกไปข้างหน้า


หมอกดำรายล้อมอยู่รอบตัวตงเซิง ทวนยาวสีดำแฝงไว้ด้วยพลังเกินหยั่ง เขาน่าพรั่นพรึงเกินไป ทวนที่แทงออกไป ฝ่ามือของพระอมิตาภะพุทธเจ้าและภาพพุทธภูมินับล้านถูกกำจัดในพริบตา!


กระทั่งฝ่ามือของพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังถูกแทงทะลุอีกด้วย โลหิตพระพุทธรินไหลไม่หยุด เสียงบริกรรมบทสวดซึ่งดังกึกก้องไปทั่วเอกภพก็หยุดชะงัก!


วิชาปัญจอสนีบาตจากยอดฝีมือศาสนาเต๋าผู้นั้นก็ถูกกำราบบดขยี้ไม่เหลือซากด้วยฝ่ามือของตงเซิง ไม่อาจส่งผลอันใดได้เลย!


ซ้ำร้ายตัวเขาเองยังกระอักเลือดไม่หยุด ถูกพลังสะท้อนกลับรุนแรง บาดเจ็บสาหัส!


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์บุกเข้ามาพร้อมด้วยพลังหมัดสะท้านโลกา อวตารสูงนับล้านด้านหลังคล้ายว่าอยู่เหนือทุกสิ่ง เปี่ยมด้วยกำลังเหลือล้น!


กระนั้นเขาก็ยังสู้มิได้ ตงเซิงอ้าปากพ่นลำแสงสีดำออกมา กระหน่ำใส่เขาจนต้องล่าถอย ร่างอวตารสูงนับล้านจั้งด้านหลังเริ่มสั่นคลอน มีวี่แววสูญสลาย


เขาเดี่ยวของปีศาจสะท้านโลกันตร์ผู้นั้นบุกเข้ามาด้วยความเร็วอันทลายขีดจำกัด ถล่มใส่ตัวตงเซิงในอึดใจเดียว


ทว่าไม่อาจทะลุผ่านร่างของตงเซิงได้


หมอกดำห้อมล้อมอยู่รอบตัวตงเซิง กฎแห่งความมืดมิดถักทอประสาน เขาเดี่ยวไร้เทียมทานทะลวงได้ทุกสิ่ง ฉับพลันเจอตอ กระแทกเข้าจนร่วงหล่นลงมา


ขณะเดียวกัน บนเขาเดี่ยวยังมีรอยร้าวเล็ก ๆ ปรากฏ!


จ้าวชิงฟันกระบี่ทรงอานุภาพที่สุดออกไป แสงกระบี่เจิดจ้า ตงเซิงแหงนสายตามอง เปลวเพลิงสีดำลุกโชนพวยพุ่ง แผดเผากระบี่นี้จนสิ้นซาก


การโจมตีทรงพลังที่สุดของพระตถาคต เล่าจื๊อ และยอดฝีมือตนอื่น ๆ ก็ไม่มีผลเช่นกัน


ตงเซิงสยดสยองจนตายด้วยความหวาดกลัวได้ สยบทั้งหมดด้วยกำลังเพียงหนึ่ง ลบล้างการโจมตีและพลังทุกอย่าง เผยให้เห็นถึงความไร้เทียมทานอย่างเต็มที่!


“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”


“ห่างกันเกินไปแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตหลังฉากมากมายตกใจจนหน้าซีดเซียว เลือดปราณพร่องลง มิอาจเชื่อผลลัพธ์ที่ปรากฏสู่สายตาพวกเขา


ทั้งที่อยู่ขั้นหกเหมือน ๆ กัน ทว่าความห่างชั้นนั้นมิใช่น้อย ๆ แทบไม่อาจเทียบกันได้เลย ตงเซิงแข็งแกร่งจนพวกเขามองไม่เห็นความหวัง!


“นี่แหละคือท่านตงเซิง!”


“พวกเจ้าคิดอะไรอยู่ คงมิได้คิดว่าเอาชนะท่านตงเซิงได้จริง ๆ กระมัง!”


เสียงหัวเราะร่วนดังมาจากทางด้านสิ่งมีชีวิตมืดมิดระลอกแล้วระลอกเล่า


เดิมพวกมันเห็นยอดฝีมือหลังฉากมีการก้าวสู่ขั้นหกแล้วนับคณายังรู้สึกวิตกอยู่บ้าง ทว่าบัดนี้ พวกมันไม่เหลือความกังวลใดอีก!


ท่านตงเซิงกำราบได้ทั้งหมด!


“เจ้าพวกโง่งม นายท่านของข้าหาใช่ผู้ที่พวกเจ้าเทียบเทียมได้?! ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย!”


สิงโตทมิฬหลอมร่างใหม่ขึ้นมา แหงนศีรษะพลางแค่นเสียง


“ฮ่า ๆ สวะจ้าวชิง เจ้าอยากฆ่าข้ามิใช่หรือ อยากล้างแค้นให้ภรรยาเจ้ามิใช่หรือ มาสิ มาฆ่าข้าสิ!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เคยสังหารภรรยาจ้าวชิงถูกจ้าวชิงฟันไปหลายที กระนั้นยังไม่ตาย เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่


มันไม่สามารถหลอมร่างใหม่ขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ ได้เพียงคงรูปลักษณ์หมอกดำไว้


ทว่ามันยังคงหัวเราะอย่างโอหัง สาแก่ใจเป็นหนักหนา!


พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นต่างหนักอึ้งในใจ แม้นเคยคิดไว้นานแล้วว่าตงเซิงนั้นต่อกรด้วยยากยิ่ง กระนั้นก็ไม่คิดเลยว่ายากปานนี้!


พวกเขาต่างโจมตีรุนแรงที่สุดออกไปแล้ว สุดท้ายกลับแผ้วพานตงเซิงมิได้เลย!


ความห่างชั้นนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง พวกเขามิใช่คู่มือของตงเซิง


“ได้ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ทุกท่านจนบัดนี้ อาตมารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง วันนี้น่ากลัวว่าพวกเราคงจบไม่ดีแล้ว ต้องตายอยู่ที่นี่ แต่กระนั้น อาตมาก็ไม่รู้สึกเสียใจ!”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าปริปาก


“มาเถิดทุกท่าน จุดประกายพวกเราเองให้เจิดจ้า แล้วต่อสู้ครั้งสุดท้ายกันเถิด!”


เขาเอ่ยต่อเสียงดัง ไม่มีทางยอมจำนน พร้อมใช้ชีวิตของเขาเพื่อหยุดยั้งความมืดมิด


“มาเลย!”


“ข้าเตรียมพร้อมเพื่อลมหายใจนี้อยู่แล้ว ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว หากความมืดมิดคิดผ่านเข้าไป มีเพียงเส้นทางเดียวคือต้องย่ำศพเราไปเท่านั้น!”


เหล่ายอดฝีมือตวาด เตรียมใจตายแล้วเช่นกัน


“ไม่ถูก…ไม่ถูก!”


อีกด้าน จ้าวชิงลุกลี้ลุกลน รู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง


ทว่าไม่ถูกต้องตรงไหน เขากลับบอกไม่ถูก


เขาร้อนรนอยากรู้ว่าผิดพลาดตรงไหน บางทีอาจเปลี่ยนแปลงจุดจบของพวกเขาได้


“พวกเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ต่อหน้าข้า พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์เลือกความตายของตนเองด้วยซ้ำ”


ตงเซิงควงทวนดำพลางเอ่ยเสียงเรียบ


เขาแข็งแกร่งเกินไป มีพลังเบ็ดเสร็จที่สามารถควบคุมพระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่น


เป็นดั่งที่เขาว่า ต่อหน้าเขา พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นไม่อาจตายได้ด้วยซ้ำ


“ขอข้าดูหน่อยเถิดว่าพวกเจ้ามีความลับอันใด!”


เขาก้าวไปข้างหน้า หมายจะผ่าส่วนลึกวิญญาณของพระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นออก เพื่อล่วงรู้เรื่องที่เขาอยากรู้


“ไม่มีทาง!”


ปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนหนึ่งคำราม จุดประกายพลังในตัวอย่างบ้าคลั่งพร้อมบุกไปหาตงเซิงหมายจะระเบิดตัวเอง แล้วลากตงเซิงตายไปด้วยกัน


ต่อให้ฆ่าตงเซิงมิได้ มันก็ต้องพยายามสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้ตงเซิง


มันไม่ยอมให้ตงเซิงสมปรารถนา ให้ตายก็ไม่ยอม!


“เรื่องนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสิน”


ตงเซิงมีสีหน้าราบเรียบ ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป ขยายใหญ่ตามลม กุมปีศาจสะท้านโลกันตร์ไว้ในกำมือ


ขณะเดียวกันพลังมืดมิดไหลเวียนอยู่ในฝ่ามือของเขา ก่อนจะพุ่งเข้าไปในร่างของปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนั้น ทลายพลังที่มันจุดประกายขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จนปีศาจสะท้านโลกันตร์ไม่อาจระเบิดตัวเองได้อีกต่อไป


เขานั้นสยดสยองอย่างแท้จริง มีพลังที่สามารถกำกับทุกสิ่ง บรรดายอดฝีมือหลังฉากแม้แต่จะตายยังมิได้


“เช่นนั้นเริ่มจากเจ้าแล้วกัน”


เขาเอ่ยเสียงเบา ลำแสงสีดำพุ่งออกจากหน้าผาก หายลับเข้าไปในร่างของปีศาจสะท้านโลกันตร์ หมายจะแหวกส่วนลึกวิญญาณของปีศาจสะท้านโลกันตร์ออกเพื่อสืบหาข้อมูล


“อ๊ากกก!”


ปีศาจสะท้านโลกันตร์ครวญครางเสียงปวดร้าว มันพยายามขัดขืนสุดแรงแล้วยังมิไหว วิญญาณถูกแหวกออกทีละน้อย เจ็บปวดจนทนมิได้


เมื่อวิญญาณของมันถูกแหวกออกอย่างสิ้นเชิง ทุกสิ่งทุกอย่างของมันย่อมต้องถูกเปิดเผยอย่างไม่ต้องสงสัย


เวลานั้นเอง จ้าวชิงเงยหน้าฉับพลัน


“กาสุราที่บรรจุสุรามา!”


ในที่สุดเขาก็รับรู้แล้วว่าผิดตรงไหน


ในความรู้สึกของเขา คุณชายหลี่ผู้นั้นเล็งเห็นศึกนี้ไว้ก่อนแล้วแน่นอน ถึงได้ส่งสุรามาเป็นกำลังหนุนพวกเขา ช่วยให้พวกเขามีพลังพอจะต่อสู้กับตงเซิง


มิฉะนั้น เหตุใดสุราถึงแบ่งได้คนละหยดพอดี!


เห็นได้ชัดว่าสุราหยดที่เขาเหลือไว้ให้ตาเฒ่าขี้เมาก็อยู่ในการคาดการณ์ของคุณชายหลี่


นอกจากนี้ ช่วงเวลานั้นไม่บังเอิญไปหรือ!


พอดีกับช่วงก่อนตงเซิงปรากฏตัวในสมรภูมิมืดมิด!


ใต้หล้านี้มีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นที่ไหน คุณชายหลี่ผู้นี้ย่อมต้องใช้วิชาบางอย่างซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉาก จนมองเห็นทุกอย่างนี้ล่วงหน้า


ทว่าพวกเขากลับไม่อาจต่อสู้ทัดเทียมกับตงเซิง ห่างชั้นกันไกลโข!


แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง!


ในเมื่อคุณชายหลี่ผู้นั้นมองเห็นทุกอย่างนี้ล่วงหน้าแล้ว ซ้ำยังตัดสินใจช่วยพวกเขา ไฉนเลยจะปล่อยให้พวกเขาไร้กำลังพอให้ต่อสู้กับตงเซิง


ไม่น่าเป็นไปได้


เขารู้สึกว่ามีบางอย่างตกหล่นไปแน่นอน


บัดนี้เขานึกได้แล้ว!


นอกจากสุราแล้วยังมีกาสุราอยู่!


กาสุรานี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพวกเขาในการต่อกรกับตงเซิง!


“เจ้าอย่าได้ลำพองใจนัก คอยดูนี่!”


เขาตวาดใส่ตงเซิง เรียกกาสุราออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมเปิดฝาออก


นี่คือน้ำเต้าสุราลักษณะพิถีพิถัน หลี่จิ่วเต้าหลอมด้วยฝีมือตนเอง


“เจ้าเมาแล้วหรือ กระทั่งน้ำเต้าสุรายังโยนออกมาได้”


ตงเซิงหันมองจ้าวชิง


เขาหรือก็นึกว่าจ้าวชิงมีลูกไม้อันใด ที่แท้แค่เรียกน้ำเต้าสุราออกมาชิ้นหนึ่ง


เรื่องนี้เป็นผลให้เขาหัวเราะออกมาอย่างอดมิได้


ทว่าไม่นาน เขาก็หัวเราะไม่ออก


น้ำเต้าสุราลอยขึ้นไปบนอากาศ นิ่งงันอยู่ตรงนั้น ประกายพิเศษบางอย่างไหลเวียนไปตามพวยกา ทั้งยังมีพลังซึ่งจินตนาการไม่ออกกำลังหลอมรวม ขณะเดียวกัน กฎระเบียบสูงส่งวิเศษเริ่มโลดแล่นอยู่บนน้ำเต้าสุรา


สีหน้าตงเซิงเปลี่ยนไป ยกมือเหวี่ยงปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนั้นไปอีกด้าน


น้ำเต้าสุรานี้สร้างความคุกคามต่อเขาได้ จนเขาไม่มีแก่จิตแก่ใจจัดการปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนี้


พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นรีบเข้าไปรับปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนี้ พร้อมถ่ายทอดพลังเข้าไปในตัวเขา เพื่อช่วยฟื้นพลังให้ปีศาจสะท้านโลกันตร์


วิญญาณของปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนี้เกือบถูกสะบั้น บาดเจ็บสาหัส ยังดีที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นถ่ายทอดพลังเข้าไปในตัวมัน มันถึงค่อย ๆ อาการดีขึ้น ใบหน้ากลับมาเลือดฝาดอีกครั้ง


“น้ำเต้าสุราจากที่ใดกัน…”


ตงเซิงมีสีหน้าเคร่งเครียด คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าวันหนึ่งมันจะรู้สึกคุกคามเพราะน้ำเต้าสุรา!


“กำราบก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”


เขาเคลื่อนไหว ตวัดทวนดำบุกไปหาน้ำเต้าสุรา


น้ำเต้าสุรากำลังรวบรวมพลัง เขาไม่มีทางเมินเฉย ภัยคุกคามนั้นเป็นความจริง หากปล่อยไปจนน้ำเต้าสุราสั่งสมพลังเสร็จแล้ว เขาอาจต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่!


หมอกดำรายล้อมรอบตัว พริบตาเดียวเขาก็ปรี่มาถึงด้านน้ำเต้าสุรา แล้วแทงด้วยทวนดำ!


ตู้ม!


อสนีบาตสีทองถล่มออกจากน้ำเต้าสุรา หยุดยั้งทวนดำที่แทงเข้ามา!


คิ้วของตงเซิงกระตุก น้ำเต้าสุรานี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างแท้จริง มิน่า แม้นยังรวบรวมพลังไม่เสร็จแต่ยังสร้างความคุกคามต่อเขาได้!


หากรอให้น้ำเต้าสุรานี้รวบรวมพลังเสร็จ ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นบ้าง!


“ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทำสำเร็จ!”


เขาเอ่ยเสียงเย็น สำแดงมหาวิชาออกมา


นี่คือวิชาที่จ้าวแห่งความมืดมิดประทานแก่เขา กล้าแกร่งเหลือแสนซ้ำยังสยดสยอง เขาไม่เชื่อว่าจะกำราบน้ำเต้าสุราลงมิได้!


ความมืดมิดจุติ แสงสว่างอันตรธาน พลังปราณพิศวงชวนผวาคืบคลาน ใช่แค่น่าสะพรึงที่ไหน


กระทั่งแสงจากน้ำเต้าสุรายังถูกความมืดมิดกลืนกินไปจนสิ้น เร้นกายอยู่ในความมืดมิด ไม่อาจมองเห็น


ในตอนนี้ สิ่งมีชีวิตหลังฉากทั้งปวงเสมือนตาบอด ทัศนวิสัยดำมืด มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้นรวมถึงญาณสัมผัสด้วย


พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นก็ต้านมิไหว ดวงตาสูญเสียการมองเห็น ทุกอย่างดำสนิท!


จิตใจพวกเขาหนักอึ้ง หายใจลำบาก กดดันเหลือแสน ถูกปกคลุมไปด้วยความผวา ความมืดมนไร้ที่สิ้นสุดเช่นนี้เป็นผลให้พวกเขาไม่มีความรู้สึกปลอดภัยเลยสักนิด!


“ผนึกฟ้าดิน ความมืดมิดกำราบทุกสิ่ง เตรียมต้อนรับความมืดมิดได้เลย!”


ตงเซิงหัวเราะเสียงเย็น นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น


หลังจากนั้น มหาวิชามืดมิดนี้จะสำแดงอานุภาพรุนแรงไร้ที่สิ้นสุด บดขยี้น้ำเต้าสุราให้แหลกเหลว!


มืด มืดสนิท นอกจากความดำทะมึนแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีกเลย


สิ่งมีชีวิตหลังฉากพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ไฉนเลยจะแค่กลัวเท่านั้น! พวกเขาตัวสั่นไม่หยุด หวาดผวาอยู่เต็มหัวใจ


หากมีผู้ใดโจมตีพวกเขา พวกเขาไม่อาจป้องกันตัวได้เลย ในเมื่อมองไม่เห็นสิ่งใด และสัมผัสอันใดไม่ได้ทั้งนั้น


นับแต่ฝึกฝนจนอยู่ในขอบเขตระดับนี้ พวกเขายังไม่เคยประสบสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ไม่มีความปลอดภัยเลยสักนิด ไม่รู้ชะตาว่าจะเป็นหรือตาย อาจต้องจบชีวิตท่ามกลางความมืดมิดทุกเมื่อ ซ้ำยังไม่อาจปัดป้อง


ความรู้สึกเช่นนี้เลวร้ายยิ่งนัก พวกเขาชุลมุนขึ้นมาในพริบตา เสียงชนกระแทกดังขึ้น สิ่งมีชีวิตหลายตนวิ่งพล่านไปทั่ว จนชนกับสิ่งมีชีวิตหลังฉากตนอื่น


สิ่งมีชีวิตบางตนคิดว่าเจอเข้ากับศัตรูก็ระเบิดพลังในกายทันใด โจมตีสะเปะสะปะ จนมีสิ่งมีชีวิตอีกไม่น้อยต้องหลั่งเลือดและบาดเจ็บสาหัส


“ทุกท่านอย่าเพิ่งแตกตื่น!”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าแผดเสียง เสียงพุทธะดังสะท้อน เขาคิดจะเปล่งแสงพุทธะเจิดจ้าเพื่อขับไล่ความมืดมิด ทว่าไม่อาจทำได้เลย แสงพุทธะบนตัวถูกความมืดมิดกลืนกินทันทีที่สว่างขึ้น


“อามิตาพุทธ ทุกท่านใจเย็น ๆ อยู่ที่เดิมอย่าขยับ ขืนเพ่นพ่านอยู่เช่นนี้รังแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์ของเราแย่ลง!”


พระตถาคตผู้เคร่งขรึมเอ่ยตาม


เขามิได้ด้อยไปกว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้า หรืออาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ


พระอมิตาภะพุทธเจ้าก่อตั้งพุทธศาสนา ส่วนเขาเผยแผ่พุทธศาสนาออกไปให้เป็นที่รู้จักยอมรับ มีบารมีความน่าเชื่อถือสูงส่งอยู่ในพุทธศาสนา


“ถูกต้อง! สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมของเรา พวกเราไม่ควรลงมือมั่ว ๆ!”


เล่าจื๊อปริปากเช่นกัน


หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ต้องให้ตงเซิงลงมือ พวกเขาสู้กันเองก็บาดเจ็บล้มตายกันจนหมดกองทัพแล้ว แม้จะอยู่ที่เดิมไม่ขยับก็ยังมิใช่แผนดี กระนั้นยังดีกว่าเคลื่อนไหวโดยไร้ทิศทาง


สิ่งมีชีวิตหลังฉากล้วนมิใช่คนธรรมดา ก่อนนี้เป็นเพราะความมืดมนปกคลุมกะทันหันถึงเป็นผลให้พวกเขาลนลานเหลือคณา บัดนี้พวกเขาสงบลงแล้ว แต่ละคนล้วนนิ่งงันอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนอีก


“ไหว…หรือ?!”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าถอนหายใจ ลำพังน้ำเต้าสุราจะจัดการตงเซิงได้จริงหรือ


เขาไม่มั่นใจเลย


ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงน้ำเต้าบรรจุสุรา ส่วนตงเซิงนั้นแกร่งกล้าไร้เทียมทานออกปานนั้น


ที่สำคัญแม้แต่ประกายจากน้ำเต้าสุรายังถูกความมืดมิดกลืนกิน จนบัดนี้ยังมิเคยสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง เขายิ่งไม่มั่นใจเข้าไปใหญ่


บรรดายอดฝีมืออย่างเล่าจื๊อถอนหายใจเช่นกัน ต่างไม่มั่นใจในน้ำเต้าสุรา


ทว่านอกจากฝากความหวังไว้กับน้ำเต้าสุราให้มันปราบปรามตงเซิง ก็มิมีหนทางใดอีก


พวกเขาเองก็เปรียบเสมือนคนตาบอด มองไม่เห็นอะไรเลย ญาณสัมผัสยังถูกขวางกั้น สิ่งที่รับรู้ได้มีเพียงความมืดมน ไม่อาจต่อสู้ได้อีก


“ไม่เอาน่า เราต้องมีความมั่นใจ!”


จ้าวชิงกล่าว “คิดสิว่าในน้ำเต้านี้บรรจุสุราใดไว้ สิ่งนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน สามารถคลี่คลายภยันตรายครานี้ได้!”


แม้จะเอ่ยเช่นนั้น แต่ตัวเขาเองก็มิได้มั่นใจ


ถึงอย่างไรทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น น้ำเต้าสุราเก่งกาจถึงเพียงนั้นหรือไม่ เขาก็ไม่ทราบ


ตู้ม!


เสียงสยดสยองดังขึ้นท่ามกลางความดำทะมึนไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งขับให้น่ากลัวเข้าไปใหญ่


สิ่งมีชีวิตหลังฉากใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มกันหมด กังวลว่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดจะฉวยโอกาสลงมือกับพวกเขาในยามนี้


กระทั่งยอดฝีมืออย่างพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังไม่อาจรักษาความเยือกเย็นไว้ สีหน้าหนักอึ้งกันถ้วนหน้า


หากสิ่งมีชีวิตมืดมิดเลือกลงมือตอนนี้ พวกเขาต้องพบจุดจบอันอนาถแน่นอน


ทว่ามิมีสิ่งมีชีวิตมืดมิดลงมือกับสิ่งมีชีวิตหลังฉาก บัดนี้ตงเซิงไม่มีแก่จิตแก่ใจแยแสสิ่งมีชีวิตหลังฉาก จดจ่ออยู่แต่กับน้ำเต้า


น้ำเต้าสุราต่างหากคือตัวการ สิ่งมีชีวิตหลังฉากมิมีสิ่งใดต้องเกรงกลัว จัดการน้ำเต้าสุราให้ได้ก่อนต่างหากคือเรื่องสำคัญที่สุด!


ขอเพียงจัดการน้ำเต้าสุราได้ สิ่งมีชีวิตหลังฉากก็จะอยู่ในกำมือ ไม่เป็นภัยคุกคามอีก


ท่ามกลางความมืดมิดไร้ขีดจำกัด อักขระทะมึนพิเศษมากมายโลดแล่นออกมา ก่อเป็นกองไฟและบุกไปหาน้ำเต้าสุรา เปลวเพลิงสีดำลุกโชติเพื่อแผดเผาน้ำเต้าสุรา


นี่คือมหาวิชาที่จ้าวแห่งความมืดมิดคิดค้นขึ้นเอง โดยการรวบรวมสสารมืดมิดพิเศษมากมายจนกลายเป็นกองเพลิง แผดเผาได้ทุกสิ่ง!


แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ สิ่งมีชีวิตหลังฉากไม่เห็น


มีเพียงตงเซิงและสิ่งมีชีวิตมืดมิดเท่านั้นที่เห็น


เปลวเพลิงสีดำที่โลดแล่นอยู่นั้น กระทั่งสิ่งมีชีวิตมืดมิดขั้นห้ายังผวาเหลือแสน


อย่าว่าแต่ถูกเปลวเพลิงสีดำเช่นนี้แผดเผาเลย ลำพังพวกมันเข้าใกล้ยังรู้สึกใกล้หลอมละลายเต็มที อาจหายไปจากโลก มิได้ดำรงอยู่อีก


“นี่มันน้ำเต้าสุราอะไรกัน”


ตงเซิงพึมพำเสียงเบา สีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


กองไฟปรากฏ เปลวเพลิงสีดำลุกโชติช่วงเพื่อแผดเผา ทว่าน้ำเต้าสุรากลับมิได้รับความเสียหายเลย ไม่ถูกแผ้วพานแม้แต่น้อย!


และมิใช่แค่ไม่ได้รับผลกระทบ แม้น้ำเต้าสุราจะยังไร้ซึ่งแสงสว่าง กระนั้นก็กำลังรวบรวมพลังอย่างรวดเร็ว กฎระเบียบวิเศษสูงส่งค่อย ๆ ก่อเกิดขึ้นทีละน้อย


“ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้!”


เขาคำรามเสียงต่ำ รีดเร้นพลังมืดมิดทั้งหมดในกายเพื่อเสริมลงไปในกองเพลิง ช่วยโหมเปลวเพลิงสีดำให้รุนแรงยิ่งขึ้น


หากไม่สามารถทำลายน้ำเต้าสุราในตอนนี้ และรอให้น้ำเต้าสุราสั่งสมพลังได้ที่จนกฎระเบียบวิเศษสูงส่งเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เขายิ่งหมดหนทางทำลายน้ำเต้าสุรา


เปลวเพลิงสีดำทวีความน่าพรั่นพรึงขึ้นในเสี้ยวลมหายใจ แม้แต่เหล่ายอดฝีมืออย่างพวกพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังไม่อาจเข้าใกล้ ทันทีที่เข้าใกล้จะต้องถูกแผดเผาเป็นจุณ!


ทว่าต่อให้เป็นเปลวเพลิงสีดำที่ทวีความน่ากลัวแล้วก็ยังไม่เกิดผลอันใด ไม่อาจทำลายได้แม้แต่เปลือกนอกของน้ำเต้าสุรา มันยังรวบรวมพลังอย่างรวดเร็วต่อไป


สีหน้าตงเซิงมืดครึ้ม อารมณ์งุ่นง่านเป็นที่สุด


ก่อนนี้เขายังเย้ยหยันจ้าวชิงว่ากลัวจนสติฟั่นเฟือน ไม่ว่าสิ่งใดล้วนหยิบยกมาใช้เสมือนความหวังสุดท้าย กระทั่งน้ำเต้าสุรายังเรียกออกมาได้


สุดท้ายเขาสำแดงมหาวิชามืดมิดแล้วยังมิอาจแผ้วพานน้ำเต้าสุรา!


“จงมอบพลังของพวกเจ้ามา!”


เขาหันกลับไปมองสิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหลาย


สิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้ล้วนตะลึงกับคำกล่าวของตงเซิง


หมายความว่าอย่างไร?


ตงเซิงต้องการริบพลังของพวกมันหรือ?


จากนั้น ตงเซิงยื่นมือข้างหนึ่งออกไป สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากกลายเป็นหมอกดำ ระเหยเป็นไอพลังมืดมิดอันบริสุทธิ์ที่สุด และถูกเขาดูดกลืนเข้าร่าง


สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เหลือตกตะลึง วิญญาณแทบออกจากร่าง ตงเซิงอำมหิตยิ่งนัก ริบพลังก็ริบพลังเถิด อย่างน้อยไว้ชีวิตให้กันหน่อย


สุดท้ายเปล่าเลย


ตงเซิงดูดกลืนพลังจนหมด ไม่เหลือกำลังสักเสี้ยวให้สิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้!


“รีบกำจัดน้ำเต้าสุรานี้ให้ได้เถิด!”


“ขืนยังจัดการมิได้ พวกเราต้องตายกันหมด!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เหลือคิดอย่างร้อนใจ


ตงเซิงเหี้ยมโหดปานนี้ หากยังกำจัดน้ำเต้าสุรามิได้ พวกมันก็คงหนีไม่พ้นความตาย ต้องถูกตงเซิงริบพลังทั้งหมดไป


ต่อมา ตงเซิงถ่ายเทพลังมืดมิดที่ดูดกลืนเข้ามาลงไปยังกองไฟ


ในกองไฟมีกฎแห่งความมืดมิดอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงลุกโชน เปลวเพลิงโชติช่วงยิ่งขึ้น กระนั้นยังอาจแผ้วพานน้ำเต้าสุรา!


น้ำเต้าสุราไม่ได้รับผลกระทบหรือเสียหายเลยสักนิด!


“บัดซบ!”


ตงเซิงหน้าเขียวคล้ำ สีหน้าย่ำแย่สุดขีด


แค่น้ำเต้าสุราเส็งเคร็งเหตุใดถึงจัดการยากเช่นนี้! เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก!


“ต้องใช้พลังที่จ้าวแห่งความมืดมิดประทานแก่ข้าแล้วหรือ?!”


เขาคำรามเสียงต่ำ เจ็บใจเป็นหนักหนา


ก่อนจากแดนบูชายัญอันธการมา จ้าวแห่งความมืดมิดได้มอบลูกแก้วอันธการให้เขาลูกหนึ่ง ซึ่งมีพลังของจ้าวแห่งความมืดมิดอยู่ในนั้น


ยามเค้นพลังของมัน จะปล่อยการโจมตีของจ้าวแห่งความมืดมิดออกไปได้ครั้งหนึ่ง!


จ้าวแห่งความมืดมิดกลัวว่าเขาไม่อาจต่อกรกับตัวแปรผิดเพี้ยนอย่างหลี่จิ่วเต้าได้ จึงตั้งใจประทานลูกแก้วอันธการให้ใช้จัดการหลี่จิ่วเต้า


หากใช้เสียที่นี่ เขารู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก!


ตู้ม!


เวลานั้นเอง น้ำเต้าสุราเปล่งแสงเจิดจ้า ขับไล่ความมืดมิดทั้งปวงออกไป ความสว่างกลับสู่ฟ้าดินอีกครั้ง ตัวน้ำเต้าส่องแสงวาววามราวกับเป็นความพิเศษเพียงหนึ่งเดียวในปฐพี กฎระเบียบวิเศษสูงส่งรายล้อมรอบ ๆ จังหวะแห่งเต๋าสูงสุดไหลเวียน


เปลวเพลิงสีดำซึ่งลุกไหม้เป็นกองไฟดับวูบในพริบตา ตงเซิงถูกพลังนั้นสะท้อนกลับจนร่างสั่นระริก โลหิตสีดำไหลซึมออกจากมุมปาก


“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”


“นี่มันน้ำเต้าสุราอะไรกัน!”


แสงสว่างหวนคืน พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่น ๆ ฟื้นพลังเป็นปกติ มองเห็นภาพการณ์ด้านนั้นแล้ว


น้ำเต้าสุราเจิดจรัสไร้ใดเปรียบ จังหวะแห่งเต๋าสูงสุดไหลเวียน ม่านแสงสาดส่องลงมาผืนใหญ่ ไม่ว่าความมืดมิดใดล้วนมิอาจเข้าใกล้!


พวกเขาตะลึงกันหมด แม้แต่มหาวิชามืดมิดของตงเซิงยังไม่ไหว ไม่อาจแผ้วพานน้ำเต้าสุรา มันคือยอดศาสตราล้ำเลิศอย่างแท้จริง!


ขณะเดียวกัน พวกเขาก็รู้สึกปีติยินดีเหลือแสน


ตงเซิงไม่อาจแผ้วพานน้ำเต้าสุรา จากนี้ไป ได้เวลา ‘ไล่ล่า’ ของน้ำเต้าสุราแล้ว!


“ไม่ใช่กระมัง!”


สิงโตทมิฬหุบปากทันที ขนตั้งชันทั้งตัว ขนาดนี้แล้วยังพลิกสถานการณ์ได้อีกหรือ มันนึกอยากด่ากราดออกไป เหตุใดน้ำเต้าสุราถึงสยดสยองไร้เทียมทานได้เพียงนี้!


“หา?!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดผู้สังหารภรรยาจ้าวชิงตกใจจนนิ่งค้าง


ก่อนนี้มันคิดว่าตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว ถึงได้เหยียดหยามจ้าวชิงอย่างบ้าคลั่ง วอนให้จ้าวชิงเข้ามาฆ่ามันเพื่อแก้แค้นให้ภรรยา


สุดท้ายตอนนี้ เหมือนว่ากำลังจะ…เป็นจริงแล้ว!


ตู้ม!


เวลานั้นเองแสงลำหนึ่งพุ่งออกจากน้ำเต้าสุรา เล็งไปที่ตงเซิง


ตงเซิงสำแดงวิชาลับหายตัวจากตรงนั้นมาในอึดใจเดียว กระนั้นก็ยังไม่ไหว ถูกลำแสงนั้นถาโถมเข้าใส่ ร่างทั้งร่างระเบิดแหลกลาญ โลหิตสีดำกระเด็นไปทั่วพร้อมกับเศษเนื้อ


“ระยำนัก!”


เขาเดือดดาลเหลือแสน หมอกดำหลอมรวมเข้ามาสร้างร่างใหม่ขึ้นอย่างรวดเร็ว


เขาผู้มาจากแดนบูชายัญอันธการครอบครองพลังซึ่งสามารถทำลายทุกสิ่งให้ย่อยยับ ไร้เทียมทานไปทุกอาณาจักร


ทว่าเขากลับถูกน้ำเต้าสุราซัดจนกายเนื้อแหลกลาญ ทำเอาพิโรธถึงขีดสุด!


“ฆ่า!”


ดวงตาของเขาทอประกายดุดัน ไม่เหลือความลังเลอีกต่อไป เรียกลูกแก้วอันธการออกมาและรีดเร้นพลัง


น้ำเต้าสุราหมายหัวมันไว้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถหลีกหนีได้เลย หากไม่ใช้ลูกแก้วอันธการ เขาต้องถูกน้ำเต้าสุราสังหารแน่!


ชั่วขณะนั้น หมอกดำมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดแผ่ขยาย ร่างทะมึนร่างหนึ่งค่อย ๆ กลั่นตัวจากม่านหมอกสีดำ!


นี่คือภาพร่างมหึมาร่างหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นใบหน้า ทว่ายังพอเห็นเพศสภาพของร่างนี้ออก


หมอกดำรายล้อม ร่างนี้มีรูปร่างสะโอดสะอง เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพร่างของสตรี


“หุ่นดียิ่ง! ร่างต้นต้องเป็นสตรีโฉมสะคราญแน่ ๆ!”


ปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนหนึ่งเอ่ยด้วยแววตาเร่าร้อน “แม้นเห็นเพียงเสี้ยวสะท้อนสรรพางค์กาย นางต้องงดงามมากแน่ ๆ อยากเห็นรูปโฉมของนางเหลือเกิน…”


“พูดเหลวไหลกระไร!”


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ถลึงตาใส่ปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนี้


ปีศาจสะท้านโลกันตร์นี่เสียสติไปแล้วหรือ ยามนี้ใช่เวลามาคิดเรื่องเช่นนี้รึ?!


แต่หากว่ากันตามท้องเรื่อง ภาพร่างที่เผยออกมาสมบูรณ์แบบมากจริง ๆ ไม่มีที่ติสักนิด ชวนให้ใจเต้น


ทว่าไม่นานพวกเขาก็ไม่เหลือความคิดเช่นนี้อีก


คล้อยตามการปรากฏตัวของภาพร่างสตรีมืดมิด แรงกดดันมหาศาลพลันโถมทับเข้ามา พวกเขารู้สึกราวกับถูกใครบางคนบีบคอ หน้าตาซีดเผือด หายใจไม่ออก คล้ายว่ากำลังจะตาย!


“ไม่ใช่คล้ายกำลังจะตาย แต่…กำลังจะตายแล้วจริง ๆ!”


ยอดฝีมือศาสนาเต๋าตนหนึ่งเอ่ยอย่างยากลำบาก


ภาพร่างสตรีมืดมิดนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!


ขุมปราณชีวิตในตัวพวกเขาสูญสลายไปเป็นจำนวนมาก วิชาและหลักเต๋าที่เฝ้าบำเพ็ญมาก็กำลังอันตรธาน ความตายกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้วจริง ๆ!


พวกเขาไม่อาจเชื่อได้เลย!


ภาพร่างสตรีมืดมิดเพียงแค่เผยพลังปราณออกมาเท่านั้น ขุมปราณชีวิตในตัวพวกเขาก็รั่วไหลเสียแล้ว วิชาและหลักเต๋าที่บำเพ็ญก็พลันอันตรธาน เหลือเชื่อมากจริง ๆ!


ที่สำคัญคือพวกเขาไม่อาจตอบโต้ได้เลย!


พวกเขาสำแดงพลังวิชาทุกอย่างที่มี ยังมิอาจหยุดยั้งการรั่วไหลของขุมปราณชีวิตในตัว และการอันตรธานของวิชาหลักเต๋าที่บำเพ็ญมา!


ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ อีกไม่นานพวกเขาคงตายสนิท ร่องรอยทุกอย่างหายไปอย่างสิ้นเชิง!


นี่นาง…เป็นใครกันแน่!

ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ