741-745

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 741ถึง 745

ภพเซียนอยู่ในช่วงจลาจลที่สุด


ขณะที่ต้องทำตามแผนกวาดล้าง ก็เป็นจุดเริ่มต้นของศึกแย่งชิงทรัพยากรครั้งใหญ่


ภพเซียนปิดสนิท มิอาจออกไปได้ จากนี้ไป ทรัพยากรมีแต่จะน้อยลงเรื่อย ๆ ทุกคนต่างอยากได้ทรัพยากรมากขึ้น เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตต่อไปได้นานขึ้น


เวลานี้ คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการช่วงชิงทรัพยากรอย่างไม่ต้องสงสัย แผนกวาดล้างจะกำจัดสิ่งมีชีวิตออกไปได้จำนวนมาก และจำนวนทรัพยากรจะเพิ่มขึ้น


การแย่งชิงตามลำพังนั้นยังดีไม่พออย่างเห็นได้ชัด กองกำลังนับคณามีการจับมือเป็นพันธมิตร หวังจะแย่งชิงทรัพยากรได้มากขึ้นในช่วงเวลานี้


ตระกูลเฟ่ยก็เลือกเป็นพันธมิตรกับตระกูลเซียวภายใต้สถานการณ์เช่นนี้


และบัดนี้ การปรากฏตัวของซียิ่งเป็นผลให้ผู้นำตระกูลเฟ่ยปีติยินดีจนต้องอุทานออกมา


พลังในกล่องสี่เหลี่ยมนั้นน่าอัศจรรย์เกินไป หากพวกเขาได้มาไว้ในครอบครอง ภพเซียนจะไม่สามารถกักขังพวกเขาไว้ได้อีก ถึงครานั้น พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องรอความตายอยู่ในภพเซียนแห่งนี้


ทว่าซีกลับเอ่ยว่าตาเขาไม่ดี สีหน้าผู้นำตระกูลเฟ่ยเย็นยะเยือกลงทันใด


เขากล่าวต่อผู้นำตระกูลเซียว “พวกเราจะเอาแต่ผลประโยชน์คงมิได้ เอาอย่างนี้ พวกเราจะลงมือกำราบนางเอง ถือว่าเป็นแรงกำลังให้พวกท่าน”


ผู้นำตระกูลเซียวคลี่ยิ้ม “ได้สิ”


หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่มีทางเอ่ยว่าจะแบ่งปันพลังในกล่องสี่เหลี่ยมกับตระกูลเฟ่ย ทว่าบัดนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป


ทรัพยากรในภพเซียนลดฮวบลงมาก ตระกูลต่าง ๆ ลัทธิต่าง ๆ ล้วนตระหนักถึงหายนะนี้ และยินดีใช้แผนกวาดล้าง ต่อให้พวกเขาได้กล่องสี่เหลี่ยมมาแล้วก็ใช่ว่าจะหายห่วง ตระกูลต่าง ๆ ลัทธิต่าง ๆ ไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่


เขาในยามนี้ จำต้องแบ่งปันพลังในกล่องสี่เหลี่ยมให้กับตระกูลเฟ่ย


และท้ายที่สุด เขาอาจต้องเป็นพันธมิตรกับกองกำลังอื่น ๆ เพิ่มด้วย


หากไม่ทำเช่นนั้น พวกเขาไม่มีทางรักษากล่องสี่เหลี่ยมไว้ได้


“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า เจ้า…แน่ใจหรือว่าต้องการแทรกแซง”


ซีมองผู้นำตระกูลเฟ่ยพลางกล่าว


“ไม่เกี่ยวได้อย่างไร บัดนี้ตระกูลเฟ่ยของเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตระกูลเซียว!”


ผู้นำตระกูลเฟ่ยตวาด


“กำราบนางเสีย!”


เขาออกคำสั่งแก่ยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยด้านหลัง


บรรดายอดฝีมือตระกูลเฟ่ยที่ติดตามมาที่นี่กับเขาล้วนมีฐานะไม่ธรรมดา มีสถานะสูงส่งในตระกูลเฟ่ย มิฉะนั้น คงไม่มีสิทธิ์ตามเขามาหารือในการเป็นพันธมิตรกับตระกูลเซียว


แน่นอนว่า ขอบเขตพลังของยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนสูงส่ง แต่ละคนเป็นเซียนจวินกันแล้วทั้งสิ้น!


พริบตาที่พวกเขาลงมือ แสงเซียนสาดส่อง คลื่นพลังน่ากลัวโถมทับออกไปทั่วทุกที่ วิชาเซียนต่าง ๆ ถูกสำแดงออกมาพร้อมเพรียง ถล่มไปหาซี


“อันหนึ่งอันเดียวกันอย่างนั้นหรือ ข้าจะจำไว้”


ซีเอ่ยเสียงเบา น้ำเสียงนุ่มนวลประหนึ่งสายลมยามวสันต์ที่โชยพัดอย่างอบอุ่น


ทว่าลมหายใจต่อมา ความรู้สึกสายลมยามวสันต์ที่โชยพัดอย่างอบอุ่นก็หายเป็นปลิดทิ้ง ผู้คนในนี้ต่างรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระดูก ขนลุกขนชันทั้งตัว ศีรษะชาวาบ!


พวกเขาตื่นกลัวจนตัวสั่นระริก สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ!


ซีผู้ดูเยาว์วัยถึงเพียงนั้น ทั้งยังบอบบางอ้อนแอ้น พลังที่มีกลับน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้!


ยอดฝีมือระดับเซียนจวินทั้งหลายจากตระกูลเฟ่ยจู่โจมไปหาซี แต่ซีเพียงโบกมือเบา ๆ เท่านั้น เหล่าเซียนจวินแห่งตระกูลเฟ่ยก็กระเด็นออกไปด้วยพลังที่มองไม่เห็น ปากกระอักเลือดไม่หยุด แต่ละคนล้มระเนระนาดกับพื้น ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต่อสู้ได้อีก!


“อะไรกัน!”


ผู้นำตระกูลเฟ่ยตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าซีจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!


ซีเพียงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจก็จัดการยอดฝีมือระดับเซียนจวินไปได้ตั้งหลายคน ซีอยู่ขอบเขตระดับใดกัน?!


จักรพรรดิเซียนตนหนึ่งอย่างนั้นหรือ?!


ว่าที่จักรพรรดิเซียนยังไม่ดุดันเช่นนี้เลย!


ซีต้องบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเซียนแล้วแน่ ๆ!


ผู้นำตระกูลเซียวก็ตกตะลึงเช่นกัน ม่านตาหรี่ลงรุนแรง


ทว่าไม่นาน เขาก็สงบใจลงได้


จักรพรรดิเซียนแล้วอย่างไร?


ตระกูลของเขาหาได้ขาดแคลนจักรพรรดิเซียนไม่!


ทั้งจักรพรรดิเซียนผู้เพิ่งบรรลุใหม่ ทั้งจักรพรรดิเซียนอาวุโส รวมแล้วสิบกว่าตน!


มิหนำซ้ำ ที่นี่ยังเป็นดินแดนตระกูลเซียวของพวกเขา มีกลไกลหลายชั้น ต่อให้ซีอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตจักรพรรดิเซียนแล้วก็เท่านั้น ต้องถูกพวกเขาปราบปรามลงอยู่ดี!


“พลังของกล่องสี่เหลี่ยมนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ช่วยให้เจ้าฝึกฝนจนมาถึงระดับนี้เชียวหรือ!”


ตาของเขาเป็นประกาย สายตาฉายแววละโมบยิ่งขึ้น


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ซีฝึกฝนจนมาอยู่ในระดับนี้ได้เพราะพลังในกล่องสี่เหลี่ยม มิฉะนั้น ซีไม่มีทางมาถึงขั้นนี้ได้!


เป็นผลให้เขายิ่งอยากได้กล่องสี่เหลี่ยมมากขึ้น!


“ให้ช่วยหรือไม่”


ผู้นำตระกูลเฟ่ยกล่าวต่อผู้นำตระกูลเซียว “ข้าขอให้จักรพรรดิเซียนในตระกูลข้ามาเป็นกำลังเสริมที่นี่ได้!”


“พี่เฟ่ย นี่ท่านดูแคลนตระกูลเซียวของเราหรือ”


ผู้นำตระกูลเซียวเอ่ย “ไม่ต้อง นางไม่มีทางก่อกรรมทำเข็ญอันใดได้อยู่แล้ว!”


“ให้จักรพรรดิเซียนของตระกูลเรามาเถิด ต่อจากนี้ต้องเอิกเกริกไม่น้อย จะได้ป้องกันมิให้กองกำลังอื่นเข้ามาแย่งชิงกับเรา…”


ผู้นำตระกูลเฟ่ยครุ่นคิดพลางกล่าว


เมื่อครู่ ยามบรรดาเซียนจวินตระกูลเฟ่ยลงมือก็อึกทึกครึกโครมไม่เบา หากต่อไปเปิดศึกจักรพรรดิเซียน สุ้มเสียงคงไม่เบาแน่


เป็นไปได้ว่าอาจดึงให้ตระกูลอื่น ๆ และลัทธิอื่น ๆ มายังที่นี่ด้วย


หากไม่เตรียมพร้อมไว้ก่อน เป็นไปได้ว่าอาจต้องเกิดเรื่อง


“ได้!”


ผู้นำตระกูลเซียวพยักหน้า ที่ผู้นำตระกูลเฟ่ยว่ามาก็ไม่ผิด จักรพรรดิเซียนจากตระกูลเฟ่ยรีบมาอยู่ที่นี่ ก็เป็นหลักประกันได้มากกว่า


จากนั้น เขาหันมองซีพร้อมหัวเราะเย็น ๆ


“ดูเอาเถิด นี่คือจุดจบของผู้ด้อยปัญญา! สิ่งใดหรือคือมหาตระกูล เจ้าไม่เข้าใจเลยสักนิด! เจ้าทึกทักเอาเองว่าก้าวสู่ขอบเขตจักรพรรดิเซียนแล้วจะแกร่งกล้าไร้เทียมทาน ล้างแค้นให้ตระกูลเจ้าได้ หารู้ไม่ นั่นเป็นเพียงความอวดดีของเจ้าเท่านั้น! ความแข็งแกร่งของมหาตระกูลเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการออก!”


เขากล่าวต่อ น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความทะนงศักดิ์และภาคภูมิ “ตระกูลเซียวของเรามิเคยขาดแคลนจักรพรรดิเซียน! ลำพังตัวเจ้าไม่อาจกำแหงในตระกูลเซียวของเราได้!”


สิ้นเสียงเขา ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลเซียวสำแดงฤทธิ์ออกมาเต็มที่ คลื่นริ้วค่ายกลโลดแล่นเป็นชั้น คลื่นพลังสยดสยองคืบคลานออกมา!


ดินแดนตระกูลคือรากฐาน ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา ตระกูลเซียวเสริมพลังให้กับค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลไม่หยุดหย่อน เมื่อค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลเช่นนี้คลี่แผ่ออกไป ต่อให้เป็นจักรพรรดิเซียนอาวุโสเหล่านั้นก็ไม่อาจแผ้วพาน!


ถ้าหากจักรพรรดิเซียนอาวุโสเข้าไปติดในนั้น ค่ายกลใหญ่นี้มีพลังพอสังหารคนผู้นั้นได้เลย


ซีทึกทักเอาเองว่าสามารถทำตามอำเภอใจในตระกูลเซียว ล้างแค้นให้ตระกูลของนาง แท้จริงแล้วเป็นเพียงฝันกลางวัน ไม่มีทางเป็นจริงได้!


นอกจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิด เขาส่งข่าวให้จักรพรรดิเซียนทั้งหมดในตระกูล ให้จักรพรรดิเซียนในตระกูลมาเป็นกำลังหนุน


ผ่านไปไม่นาน แทบจะในลมหายใจต่อมา จักรพรรดิเซียนในตระกูลเซียวทั้งหลาย ทั้งผู้ที่บรรลุและผู้อาวุโสต่างมาอยู่ที่นี่กันทั้งหมด


จักรพรรดิเซียนสิบแปดตน ตระกูลเซียวสมเป็นมหาตระกูล รากฐานหนาแน่นยิ่งนัก


ระหว่างนี้ ซีมีท่าทีราบเรียบเรื่อยมา สีหน้ามิได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด


“มากันครบแล้วหรือ”


นางเอ่ยเสียงเบา มิได้แตกตื่นลนลานเพราะความกลัว แต่กลับถามประโยคนี้ออกมา จนผู้นำตระกูลเซียวและจักรพรรดิเซียนต่างผิดคาดกันหมด


“ผยองยิ่งนัก!”


“เจ้าอวดดีได้แค่เท่านี้แล้ว!”


จักรพรรดิเซียนทั้งสิบแปดตนหัวเราะเย็น ๆ ออกโรงพร้อมเพรียง เริ่มบดขยี้ซีจากทั่วสารทิศ ซีให้ความรู้สึกมองไม่ออก พวกเขามิกล้าชะล่าใจ ลงมือด้วยกำลังทั้งหมดที่มี!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลเซียวส่งเสียงอื้ออึง คลื่นริ้วค่ายกลระดับจักรพรรดิเซียนโลดแล่นไม่หยุด ลำแสงน่ากลัวลำแล้วลำเล่าจู่โจมไปหาซี!


ชั่วพริบตานั้น แสงอันเจิดจ้าท่วมท้นออกมา ศึกใหญ่ระดับจักรพรรดิเซียนปะทุในบัดดล!


คลื่นพลังระดับนี้ไม่อาจปิดบัง ภพเซียนสั่นสะเทือนไปทั้งปฐพี ประหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จักรพรรดิเซียนสิบแปดตนลงมือเต็มกำลัง ประกอบกับอานุภาพของค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลปะทุเต็มที่ พลังเช่นนี้น่าครั่นคร้ามเกินไป ไม่มีทางปกปิดไว้ได้เลย!


“เกิดอันใดขึ้น!”


“ตระกูลเซียว!”


สิ่งมีชีวิตนานัปการในภพเซียนต่างเพ่งมองไปยังตระกูลเซียว พวกเขารู้สึกถึงคลื่นพลังสยดสยองแห่งศึกจักรพรรดิเซียนกันได้ทั้งสิ้น


“ผู้ใดก่อศึกในตระกูลเซียวกัน”


“ไปเถิด เข้าไปดูกันหน่อย!”


ยอดฝีมือจากตระกูลและลัทธิต่าง ๆ มิได้ลังเล พากันเคลื่อนไหวมุ่งหน้าไปยังดินแดนตระกูลเซียว


ผู้นำตระกูลเฟ่ยส่งข่าวให้เหล่าจักรพรรดิเซียนในตระกูลไว้แล้ว จักรพรรดิเซียนเหล่านั้นจึงเคลื่อนไหวก่อน!


อีกด้าน ซีอยู่ในอาภรณ์สีขาวดุจหิมะ พลิ้วไสวตามลม สูงส่งไร้มลทินจนมิอาจบรรยาย!


นางบุกสังหารไปข้างหน้า มิได้ใช้พลังระดับบรรพจารย์เซียน นางไม่ได้ต่อสู้มานานแล้ว หนนี้จึงตัดสินใจสู้ให้หนำใจ จึงควบคุมพลังของตนให้อยู่ในระดับจักรพรรดิเซียน


ลำแสงจากค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลถล่มมาถึงก่อน ซีฟาดฝ่ามือออกไป แม้จะมีพลังเพียงระดับจักรพรรดิเซียน กระนั้นก็น่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด ลำแสงเหล่านั้นถูกลบล้างจนหมด ไม่เหลือแม้สักเศษเสี้ยว!


ประกายวาววามล้อมรอบตัวนาง นางบุกเข้าไปในหมู่จักรพรรดิเซียนสิบแปดตน แม้นกำลังต่อสู้ดุเดือด กระนั้นนางยังงดงามเฉิดฉัน ทุกอากัปกิริยาล้วนแฝงไว้ด้วยความโสภา


“สะคราญเหลือเกิน!”


เด็กหนุ่มตระกูลเซียวจ้องมองซีผู้งดงามไร้ที่ติแล้วเอ่ยออกมาอย่างอดมิได้


“อยากตายหรือ!”


“บังอาจกล่าวชมศัตรูเชียวหรือ!”


ผลสุดท้าย เขาได้รับสายตาพิฆาตมากมายจนต้องรีบหุบปากด้วยความกลัว มิกล้าเอ่ยวาจาใดอีก


ทว่านางงดงามจริง ๆ!


ถ้าหากมิใช่ศัตรูคงดี!


ดวงหน้าล่มเมืองของซีเหนือกว่าสตรีทุกนางในภพเซียน!


สมาชิกตระกูลเซียวที่พากันถลึงตาใส่เด็กหนุ่มคิดในใจ


พรวดดด!


เลือดสาดกระเซ็นประหนึ่งฝนโลหิต ซีไม่เพียงแต่เพริศพริ้งไร้ใดเปรียบ กำลังรบของนางยิ่งน่าทึ่ง เพียงพริบตาเดียวที่บุกไปถึงจักรพรรดิเซียนทั้งสิบแปดตน พวกเขาก็ต้านทานมิไหว บาดเจ็บสาหัสกันถ้วนหน้า บาดแผลชวนผวาเต็มตัวไปหมด!


“เป็นไป…ได้อย่างไรกัน!”


ผู้นำตระกูลเซียวกลัวจนแทบปัสสาวะราด จักรพรรดิเซียนสิบแปดตนออกโรงพร้อมเพรียง ซ้ำยังมีค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลจู่โจมเรื่อย ๆ ซีกลับแกร่งกล้าไร้เทียมทาน บดขยี้จักรพรรดิเซียนทั้งสิบแปดตนได้ ซีมีกำลังรบน่าประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!


นึกถึงตัวเขาที่เมื่อครู่ยังเย้ยหยันในความด้อยปัญญาของซี เขาต่างหากคือผู้ที่ด้อยปัญญา!


มิน่า ซีถึงกล้าบุกเข้ามาถึงตระกูลเซียวของพวกเขา ซีมีพลังที่จะทำเช่นนั้นได้จริง ๆ!


“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป! จักรพรรดิเซียนตระกูลเรามาถึงแล้ว!”


ผู้นำตระกูลเฟ่ยกล่าว


ทันทีที่สิ้นเสียงเขา เหล่าจักรพรรดิเซียนแห่งตระกูลเฟ่ยก็ปรากฏตัวที่นี่ พวกเขามิได้ลังเล บุกโจมตีไปหาซีกันถ้วนหน้า!


“ฆ่า!”


จักรพรรดิเซียนแห่งตระกูลเซียวกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในบัดดล ปะทุพลังออกมาเต็มที่ ร่วมถล่มซีกับเหล่าจักรพรรดิเซียนแห่งตระกูลเฟ่ย


จักรพรรดิเซียนสิบแปดตนไม่ไหว แล้วถ้าเพิ่มมาอีกเท่าตัวเล่า!?


พวกเขาไม่เชื่อว่าจะกำราบซีมิได้!


“ท่านผู้มาก่อนกาล ท่านผู้มาก่อนกาลจริง ๆ!”


ผู้นำตระกูลเซียวโล่งอก ในที่สุดก็เบาใจลงได้บ้าง และซาบซึ้งในตัวผู้นำตระกูลเฟ่ยอย่างยิ่งยวด


“วางใจเถิด! ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดคิด! ซีผู้นี้ต้องถูกเราปราบปรามลงในที่สุด!”


ผู้นำตระกูลเฟ่ยกล่าว


จักรพรรดิเซียนออกโรงพร้อมกันกว่าสามสิบตน ต้องเป็นพลังที่สยดสยองปานใด ซีต้องพ่ายแพ้ลงอย่างแน่นอน!

“นั่นคือผู้ใดกัน!?”


“งดงามมาก อีกทั้ง...แข็งแกร่งยิ่งนัก!”


สิ่งมีชีวิตในภพเซียนอุทานออกมา ซีและจักรพรรดิเซียนกว่าสิบคนกำลังต่อสู้กันบนท้องฟ้าเหนือดินแดนตระกูลเซียว การต่อสู้ครั้งนี้มองให้ทั้วภพเซียนก็อาจพบเห็นได้เพียงแค่ที่นี่!


พวกเขาตื่นตะลึงจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ จะมีสตรีที่งดงามสมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้อย่างไร?


ไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงามไม่อาจหาที่เปรียบ ด้านพลังเองก็แข็งแกร่งเกินกว่าจะจินตนาการได้!


จักรพรรดิเซียนกว่าสามสิบคนลงมือพร้อมกัน เกรงว่ากระทั่งทั้งภพเซียนก็สามารถทำลายลงได้ จะมีผู้ใดกันที่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเซียนเหล่านี้ได้เพียงลำพัง?


พวกเขาสามารถตอบออกมาด้วยความมั่นใจ ในภพเซียนของพวกเขาไม่มีตัวตนเช่นนี้ดำรงอยู่แน่นอน!


ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในภพเซียนสามารถต่อกรกับจักรพรรดิเซียนสามสิบกว่าคนได้ด้วยตัวคนเดียว!


ทว่าในตอนนี้ซีกลับทำได้ สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเซียนสามสิบกว่าคนโดยลำพัง พวกเขาตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด ภายในใจประหนึ่งมีคลื่นนับหมื่นนับพันโหมซัด แม้ผ่านไประยะหนึ่งก็ยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้!


ไม่ว่าผลการต่อสู้จะออกมาเป็นเช่นไร ซีก็สามารถจารึกชื่อตัวเองทิ้งเอาไว้ในภพเซียนเป็นที่เรียบร้อย นี่นับว่าแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ!


“นั่นมัน...ซี!?”


“ซี ตระกูลเซียว นางมาเพื่อแก้แค้น!”


มหาตระกูลอีกเจ็ดตระกูลจดจำซีขึ้นมาได้ หลังจากขบคิดดูแล้วก็เข้าใจในสิ่งที่ซีต้องการจะทำ!


“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!? นางจะต้องได้รับการช่วยเหลือจากพลังภายในกล่องอย่างแน่นอน!”


“พวกเราต้องลงมือหรือไม่?”


ยอดฝีมือจากมหาตระกูลทั้งเจ็ดเตรียมเคลื่อนไหว พวกเขาต่างก็รู้สึกการดำรงอยู่ของกล่องสี่เหลี่ยม ทั้งยังเคยส่งยอดฝีมือออกไปเพื่อตามหาซีด้านนอกภพเซียน


ตอนนี้ซีปรากฏตัวที่ภพเซียน ส่วนคนของพวกเขาต่างไม่กลับมา เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านั้นล้วนประสบความล้มเหลว


ยามนี้พวกเขาต่างก็ต้องการจะลงมือต่อสู้กับซี หลังจากที่ได้กล่องสี่เหลี่ยมอันแสนสำคัญมาแล้ว พวกเขาก็อาจออกจากภพเซียนได้


สุดท้ายพวกเขาก็เคลื่อนไหว จักรพรรดิเซียนของทุกตระกูลออกมาเพื่อต่อสู้กับซี!


“น่าชิงชังยิ่งนัก!”


ประมุขตระกูลเซียวกัดฟัน เดิมทีเขาคิดว่าด้วยจักรพรรดิเซียนที่มากกว่าสามสิบคนร่วมมือกันโจมตี พวกเขาจะสามารถโค่นซีได้ก่อนที่ตระกูลอื่น ๆ จะมา


ทว่าซีนั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งจักรพรรดิเซียนกว่าสามสิบคนลงมือพร้อมกันก็ยังประสบความล้มเหลวในการปราบปรามซีลงทันที ตอนนี้อีกเจ็ดตระกูลมาแล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็กลายเป็นยุ่งยากขึ้นมา


หากสามารถสยบซีได้ตั้งแต่แรก พวกเขาก็จะมีสิทธิ์ขาด แต่ถ้าหากพวกเขาจัดการซีไม่ได้ พวกเขาก็จะไม่มีสิทธิ์ขาดแต่อย่างใด นับว่าเป็นช่องว่างที่ใหญ่ยิ่ง


สีหน้าของประมุขตระกูลเฟ่ยเองก็มีสีหน้าน่าเกลียดไม่น้อย สิ่งต่าง ๆ เริ่มอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเขา


ก่อนหน้านี้ เขายังบอกกับประมุขตระกูลเซียวเลยว่าไม่เป็นอันใด พวกเขาจะต้องสามารถจัดการซีลงได้ ทว่าผลที่ออกมาเป็นเขาที่ถูกตบหน้าภายในพริบตา ซีนั้นแข็งแกร่งเกินไป!


ตู้ม!


จักรพรรดิเซียนจากอีกทั้งเจ็ดตระกูลพุ่งเข้ามา ทั่วทั้งภพเซียนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ท้องฟ้าถึงกับแปรเปลี่ยนสี ประหนึ่งวันโลกาวินาศได้มาเยือน ภพเซียนใกล้ถึงคราวล่มสลาย


“สวรรค์! การต่อสู้ครั้งใหญ่ของจักรพรรดิเซียน!”


“จักรพรรดิเซียนเกือบร้อย!”


สิ่งมีชีวิตภพเซียนต่างตื่นตกใจกลัว ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้าน สิ่งมีชีวิตจำนวนมากล้มนิ่งอยู่บนพื้น ไม่อาจแม้กระทั่งจะลุกขึ้นได้!


ภูเขาและแม่น้ำพังทลายลง สุริยันจันทราดับแสง ผืนดินเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ กลายเป็นหลุมลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งหลุมแล้วหลุมเล่า พลังกดดันของจักรพรรดิเซียนพลุ่งพล่านไปทั่วทุกหย่อมหญ้าของภพเซียน


การต่อสู้ของจักรพรรดิเซียนเกือบร้อยคนในคราเดียว นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และก็ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดการต่อสู้เช่นนี้ขึ้นมาได้!


ซีเป็นใครกันแน่?


คำถามนี้ปรากฏขึ้นภายในใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในภพเซียน!


“จักรพรรดิเซียนของมหาตระกูลทั้งเก้าลงมือพร้อมกันเพียงเพื่อสตรีคนนี้ผู้เดียว? สตรีผู้นี้มีคุณค่าอันใดให้มหาตระกูลทั้งเก้าทุ่มสุดแรงต่อกรด้วยเช่นนี้?”


“พวกเราควรลงมือบ้างหรือไม่...”


จักรพรรดิเซียนตระกูลอื่น ๆ รำพึงกับตัวเอง


พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ไม่รู้เกี่ยวกับความเป็นมาของซี มีเพียงแค่เก้ามหาตระกูลเท่านั้นที่รู้ว่าบนตัวของซีมีกล่องสี่เหลี่ยมอยู่


ทว่าพวกเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง


ซีจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน บนตัวของนางต้องมีความลับบางอย่างอยู่ ไม่เช่นนี้เก้ามหาตระกูลคงไม่ทุ่มสุดตัวเพื่อต่อกรกับนางเช่นนี้


พวกเขาเองก็ต้องการจะลงมือ ไม่ว่าบนตัวของซีจะมีสิ่งใดอยู่ก็ตาม พวกเขาล้วนไม่ต้องการจะให้ตระกูลของตนถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง


ทว่าในตอนนั้นเอง สีหน้าของพวกเขาก็ต้องแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ความคิดที่จะลงมือถูกหยุดลง


ซี...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!


ความจริงของสตรีงดงามไร้ผู้ใดเทียบ พวกเขาไม่ต้องการใช้คำว่า ‘ดุร้าย’ มาบรรยายถึง แต่ซีนั้นดุร้ายจริง ๆ ดุร้ายจนแทบทำให้คนตกใจตายได้!


หลังจากที่จักรพรรดิเซียนของอีกเจ็ดมหาตระกูลเข้าร่วม การต่อสู้ก็พลันชุลมุนขึ้นมาทันที แต่ละตระกูลต่อสู้กันเองไปพร้อมกับการต่อกรกับซี


แต่ซีนั้นเริ่มลงมือเคลื่อนไหว นางใช้วิชาลับบางอย่างออกมา ห่อหุ้มร่างของจักรพรรดิเซียนทั้งหมดเอาไว้ภายใน ต้องการจะต่อกรกับจักรพรรดิเซียนเกือบร้อยด้วยตนเองเพียงลำพัง


ที่สำคัญคือนางสามารถทำได้จริง ๆ วิชาลับที่สำแดงออกมา จักรพรรดิเซียนเกือบร้อยคนล้วนไม่อาจรอดพ้น จำเป็นต้องหยุดการสู้กันเองเอาไว้ก่อนเพื่อต้านทานวิชาลับ!


วิชาลับที่ซีใช้ออกมา ล้วนส่งผลถึงจักรพรรดิเซียนทุกคน!


แข็งแกร่งอันใดถึงเพียงนี้!?


จักรพรรดิจากตระกูลอื่น ๆ พลันหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาเต็มแผ่นหลัง ความสามารถของซีช่างสะท้านฟ้าอย่างแท้จริง!


ดุร้ายเกิดกว่าที่จินตนาการเอาไว้!


พวกเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม เกรงว่าการไปยั่วยุจะทำให้เกิดหายนะ!


“อย่าได้ตีกันชุลมุน คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าก็คือข้า จงร่วมมือกันต่อสู้กับข้าเสีย”


ซีลอยตัวสูง ชายผ้าสะบัดไหว บนร่างเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศความมั่นใจ เชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดการจักรพรรดิเซียนเกือบร้อยคนได้!


นางยังไม่ได้ใช้พลังขั้นบรรพจารย์เซียนแต่อย่างใด ใช้เพียงแค่พลังของจักรพรรดิเซียน แต่นางก็ยังคงทรงพลังไร้เทียมทานอย่างถึงที่สุด!


นางแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเซียนเหล่านี้ในทุกด้าน แม้จะต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเซียนเกือบร้อยคนก็ยังคงดูผ่อนคลาย รู้สึกกดดันแค่เพียงเล็กน้อย คนเหล่านี้ยังไม่คุ้มค่าพอให้นางใช้พลังของบรรพจารย์เซียน


“น่าชิงชังยิ่งนัก!”


“เจ้าหยิ่งผยองเกินไปแล้ว!“


จักรพรรดิเซียนเกือบร้อยคนแทบคลั่ง รู้สึกอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่ง การกระทำของซีในสายตาของพวกเขาแล้ว ไม่ต่างอันใดกับการยั่วยุอย่างรุนแรง ทำให้พวกเขาไม่อาจทนรับไหว


ขณะเดียวกัน พวกเขาเองก็สามารถตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของซี เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถต่อสู้กันเองได้ ถ้าหากยังตะลุมบอนกันเช่นนี้ต่อไป ในท้ายที่สุดซีจะต้องเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์อย่างแน่นอน และพวกเขาทั้งหมดก็อาจถูกซีจัดการลงได้!


จักรพรรดิเซียนลงมือทันที ร่วมกันโจมตีไปทางซี แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนทนาอันใดกัน ทว่าในยามนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนตัดสินใจจะจัดการซีก่อน จากนั้นค่อยมาสู้กันเองเพื่อแย่งชิงตัวซี


เมื่อจักรพรรดิเซียนเกือบร้อยร่วมมือกันโจมตีซี ภาพฉากนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งมีชีวิตภพเซียนทั้งหลายล้วนไม่รู้ว่าควรจะต้องเอ่ยสิ่งใดออกมา


พวกเขาตั้งมั่น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องบันทึกการต่อสู้ครั้งนี้เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู แม้ว่าคนรุ่นหลังอาจจะไม่เชื่อบันทึกของพวกเขาก็ตาม!


อย่างไรเสียการต่อสู้ครั้งนี้ก็ดูน่าเหลือเชื่อมากเกินไป ประหนึ่งเป็นเพียงความฝัน แม้ตัวพวกเขาเองจะเป็นพยาน ได้มองเห็นด้วยสองตาของตนเองก็ยังเกิดความรู้สึกยากจะเชื่อ!


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนรุ่นหลังเลย!


ซีสำแดงวิชาลับบางอย่างออกมาอีกครั้ง อากาศหนาวเหน็บแผ่กระจาย ฟ้าดินล้วนถูกแช่แข็ง เกล็ดหิมะตกลงมาอย่างหนัก ประหนึ่งว่าถึงเดือนสิบสองยามเหมันตฤดูแล้ว ทุกอย่างล้วนถูกย้อมจนเป็นสีขาวโพลน!


เกล็ดน้ำแข็งร่วงโรยลงจากฟ้าสูง ปกคลุมจักรพรรดิเซียนเกือบร้อยคนอย่างหนาแน่น เพียงแค่ซีสะบัดมือครั้งเดียว เกล็ดน้ำแข็งเหล่านั้นก็กลายเป็นหอกน้ำแข็ง พุ่งเข้าโจมตีไปยังเบื้องหน้า!


เผละ!


หยาดโลหิตสีชาดกระเซ็นลงบนหิมะขาวละลานตา ชวนให้ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด เลือดทั้งหมดล้วนเป็นของจักรพรรดิเซียน มีจักรพรรดิเซียนจำนวนมากที่ไม่สามารถหยุดยั้งหอกน้ำแข็งเอาไว้ได้แม้แต่น้อย ถูกปลายแหลมแทงจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่บนร่าง โลหิตไหลพรั่งพรูออกมา!


ซียิ่งดูทรงพลังไร้เทียมทานมากกว่าเดิม นางถือหอกน้ำแข็งมุ่งไปเบื้องหน้า ไร้ผู้ใดสามารถหยุดยั้ง ประหนึ่งสายลมในสารทฤดูที่พัดพาใบไม้ให้ร่วงหล่น จักรพรรดิเซียนคนแล้วคนเล่าถูกหอกน้ำแข็งในมือของนางจัดการลง!


“เป็นไปได้อย่างไร!!!”


“ไม่มีทาง!”


เสียงร้องอุทานดังขึ้นมาทั่วทั้งภพเซียน แค่ซีคนเดียวต่อหน้าจักรพรรดิเซียนเกือบร้อยคน ก็ยังคงไร้เทียมทานได้ถึงเพียงนี้ พวกเขาเบิกตากว้างจนแทบจะถลนถึงพื้น!


“ประเดี๋ยวก่อน ต้องใช้หมอนเช่นใดกันถึงสามารถทำให้หลับฝันได้เพียงนี้!”


มีคนผู้หนึ่งเอ่ยถามออกมาอย่างโง่งม


น่าตื่นตะลึงสะท้านขวัญเกินไปแล้ว ต่อให้เป็นเพียงแค่ความฝัน พวกเขายังไม่กล้าจะฝันถึง!


“อ๊ากกก! ลงมือเร็วเข้า นางมีกล่องสี่เหลี่ยมอยู่กับตัว! กล่องสี่เหลี่ยมนั้นคือต้นกำเนิดพลังนั่นที่พวกเราตามหา!”


“จัดการนางเสีย หลังจากนั้นพวกเราก็จะสามารถออกจากภพเซียนได้!”


จักรพรรดิเซียนตระกูลเซียวตะโกนเสียงดังลั่น เปิดเผยความลับของซีออกมา ต้องการกองกำลังทั้งหมดในภพเซียนเข้าร่วมการปราบปรามซี


ตระกูลของพวกเขานั้นไม่เหมือนกับตระกูลอื่น ๆ


ตระกูลอื่น ๆ อาจพ่ายแพ้ได้ แต่ตระกูลของพวกเขาพ่ายแพ้ไม่ได้!


เป็นตระกูลของพวกเขาที่กวาดล้างตระกูลซี การมาเยือนของซีในครั้งนี้ก็เพื่อการแก้แค้น หากไม่สามารถหยุดยั้งซีเอาไว้ได้ ตระกูลพวกเขาจะต้องถูกซีทำลายทิ้งโดยตรง!


ดังนั้น พวกเขาจึงเปิดเผยความลับของซี ต้องการจะดึงดูดตระกูลอื่น ๆ ในภพเซียนให้ลงมือ


“อันใดนะ!”


“ต้นกำเนิดของพลังนั่นอยู่บนร่างของนาง!?”


กองกำลังต่าง ๆ ถูกสั่นคลอนอย่างแรง แววตาที่พวกเขามองซีเกิดการเปลี่ยนแปลง


จนกระทั่งถึงตอนนี้เวลาก็ได้ล่วงผ่านมานานแล้ว ทว่าพวกเขาก็ยังคงจดจำพลังนั่นได้ดี!


ทันใดนั้นเอง ประกายตาของพวกเขาก็พลันร้อนแรงขึ้นมา


พวกเขารู้ดีว่าพลังนั่นมีความหมายว่าอย่างไร หากพวกเขาสามารถได้รับมันมาก็จะสามารถทำลายพลังที่ปิดตายของภพเซียนและออกจากภพเซียนได้!


สิ่งนี้ทำให้พวกเขากระสับกระส่ายขึ้นมาในพริบตา ตระกูลของพวกเขารวมกันแล้วก็มีจักรพรรดิเซียนอยู่จำนวนไม่น้อย จึงคิดลองสู้ดูสักตั้ง!


หากพวกเขาไม่สู้ สุดท้ายพวกเขาก็ต้องค่อย ๆ สูญสิ้นลงไปในภพเซียน!


“แม่นางช่วยนำกล่องสี่เหลี่ยมออกมาได้หรือไม่?”


“พวกข้าไม่ได้ต้องการจะเป็นศัตรูกับแม่นาง และก็ไม่ต้องการลงมืออันใดกับแม่นาง พวกข้าเพียงแค่ต้องการจะใช้พลังจากกล่องสี่เหลี่ยมเพื่อออกจากภพเซียน!”


อสูรขั้นจักรพรรดิเซียนบางตนเอ่ยปากพูดกับซี


“ไม่มีทางทำเช่นนั้นได้” ซีกล่าวเสียงเรียบ


กล่องสี่เหลี่ยมไม่ได้อยู่กับตัวของนาง อีกทั้งนางเองก็หากล่องสี่เหลี่ยมนั่นไม่พบ น่าเสียดายยิ่งนักที่นางไม่รู้อันใดเกี่ยวกับกล่องสี่เหลี่ยมแม้แต่น้อย


สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกอับจนหนทาง


กล่องสี่เหลี่ยมนั่นอยู่ที่ใดกันแน่?


นางต้องการจะตามหาและไขความลับของกล่องสี่เหลี่ยม ต้องการจะรู้ว่าเหตุใดของสิ่งนั้นจึงปรากฏขึ้นในตระกูลของพวกนาง


“เจ้ามั่นใจในตนเองถึงเพียงนี้?”


“จักรพรรดิในภพเซียนทั้งหมดล้วนออกมา เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถต้านทานได้?”


จักรพรรดิเซียนจากทุกตระกูลเริ่มเคลื่อนไหว


เพื่อกล่องสี่เหลี่ยมแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องชนะ ไม่มีท่างยอมแพ้ไปโดยเช่นนี้ แม้ว่าพลังของซีที่แสดงออกมาจะชวนตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ต้องการจะลองสู้ดูสักตั้ง!


“พวกเจ้าตัดสินใจที่จะลงมือ?”


ซีเอ่ยออกมา “ผู้ที่ลงมือกับข้า ล้วนต้องจ่ายค่าชดใช้ พวกเจ้าควรจะตระหนักในจุดนี้ได้”


คนโลภต้องจ่ายค่าชดใช้ ทุกคนที่ลงมือกับนาง นางล้วนจดจำไว้หมดสิ้น


หลังจากปิดฉากเรื่องนี้แล้ว นางจะต้องไปไล่สะสางบัญชีกับคนทั้งหมด


“ไม่จำเป็นต้องคิด พวกเราล้วนกระจ่างแจ้งดี!”


“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมมอบกล่องสี่เหลี่ยมออกมา เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดต้องพูดกันอีก การต่อสู้ครั้งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!”


จักรพรรดิจากตระกูลต่าง ๆ เอ่ย


พวกเขาต้องการจะลงมือ!

โฮก!


มีอสูรคำรามพร้อมพุ่งเข้าใส่ทันที อสูรตนนี้คือจักรพรรดิเซียนของเผ่าถาวอู้ ความสามารถในการต่อสู้แบบเดี่ยวนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ในบรรดาจักรพรรดิเซียนทั้งหมดเขานับได้ว่าอยู่ลำดับต้น ๆ


พริบตาต่อมา จักรพรรดิเซียนจากเผ่าเทาเที่ยก็พุ่งตรงเข้ามา ความแข็งแกร่งดุร้ายนั้นมีไม่แพ้กัน!


ยังมีจักรพรรดิเซียนจากเผ่าอื่น ๆ พุ่งตรงออกมายังแนวหน้าสุด


จักรพรรดิเซียนต้นเทียนทะมึน เผ่าเงินจันทร์และเผ่าอื่น ๆ ต่างก็พุ่งเข้ามา เมื่อเทียบกับจักรพรรดิเซียนเผ่ามนุษย์แล้ว พวกเขาล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่า


สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือ พวกมันมีจำนวนสมาชิกน้อยเกินไป


หากเผ่าเหล่านี้มีจำนวนสมาชิกมากเท่าเผ่ามนุษย์ จะต้องกลายเป็นมหาตระกูลอย่างไม่ต้องสงสัย สามารถกดดันเหล่ามหาตระกูลของเผ่ามนุษย์ได้


อีกด้านหนึ่ง พรรคกระบี่เซียน ราชวงศ์เฉียนหยวน และกองกำลังเผ่ามนุษย์อื่น ๆ ภายในภพเซียนก็ต่างพุ่งเข้ามาเช่นกัน


เห็นได้ชัดว่า กองกำลังระดับจักรพรรดิเซียนนั้น ฝั่งของพวกเขามีจำนวนมากกว่าเผ่าอสูรไปไกล


ในยามนี้ไม่มีกองกำลังใดเฝ้ามองดูแล้ว กองกำลังใดที่จักรพรรดิเซียนล้วนเข้าร่วม ดูแล้วน่าตื่นตกใจเสียยิ่งกว่ายามที่จักรพรรดิเซียนจำนวนเกือบร้อยต่อสู้พร้อมกันเสียอีก!


“ฆ่า!”


“จัดการนางเสีย!”


จักรพรรดิเซียนเกือบร้อยคนก่อนหน้าที่เผชิญการโจมตีอย่างหนักต่างระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกอย่างเต็มที่ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ซีอีกครั้ง


เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในภพเซียน กฎเกณฑ์ทั้งหมดพังทลายลง กลายเป็นความว่างเปล่าเกิดหลุมดำขนาดใหญ่หลุมแล้วหลุมเล่า ทั้งยังเกิดเป็นคลื่นพลังอันสับสนพลุ่งพล่าน!


ผู้ใดจะคาดคิดกันว่า วันหนึ่งจักรพรรดิเซียนทั่วทั้งภพเซียนจะต้องระเบิดพลังร่วมกัน จัดการเด็กสาวที่อายุเพียงประมาณยี่สิบปี!?


ภายในใจของสิ่งมีชีวิตภพเซียนต่างอยู่ในสภาพซับซ้อน เกิดความรู้สึกอันยากจะเข้าใจ!


“อามิตาพุทธ!”


บนภูเขาใหญ่แห่งหนึ่ง พระอมิตาภะพุทธเจ้าทอดถอนใจเอ่ยออกมา “ความโลภครอบงำจิตใจ ประหนึ่งไฟโลกันต์ เผาผลาญซึ่งชีวิต เปรียบดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก จมทุกสรรพสิ่งลงไปอย่างไร้ความปรานี...”


ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตา เขารู้ว่าเหตุใดจักรพรรดิเซียนเหล่านั้นจึงโจมตีซีอย่างบ้าคลั่ง ก่อนหน้านี้ยามอยู่ตระกูลกู่ ตัวเขาเองก็เคยเกือบถูกส่งออกไปให้ตามหาซี ทว่าประมุขตระกูลกู่ก็ได้หยุดเรื่องนี้เอาไว้


“บาปหนอ บาปหนอ...”


“อามิตาพุทธ!”


ด้านหลังของเขามีพุทธสาวกจำนวนมากรำพึงสวดมนต์ออกมา


พระอมิตาภะพุทธเจ้าเลือกจะรั้งอยู่ต่อในภพเซียนก็เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา ตอนนี้เป็นที่เห็นผลแล้ว มีผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่จำนวนไม่น้อย


สาเหตุหลักเป็นเพราะการมายังภพเซียนครั้งล่าสุดของพวกลั่วสุ่ย ร่างเงาของหลี่จิ่วเต้าที่ปรากฏตัวออกมาทำให้กองกำลังและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนสวรรค์เกิดความสั่นสะเทือนหวั่นไหว พวกเขาต่างไม่กล้าลงมืออันใดกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า ทั้งยังเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส


หากไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว เกรงว่าการเผยแพร่ศาสนาพุทธของพระอมิตาภะพุทธเจ้าจะไม่มีทางราบรื่นเช่นนี้


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้กองกำลังต่าง ๆ ในภพเซียนไม่ยอมให้มีกองกำลังใหม่ปรากฏขึ้น


‘เมื่อเร็ว ๆ มานี้ข้าได้ยินเสียงพุทธะราวกับกำลังร้องเรียก เป็นหลักธรรมที่ร้องเรียกข้าอย่างนั้นหรือ?’


พระอมิตาภะพุทธเจ้ารำพึงกับตนเอง


ในช่วงเวลานี้ ภายในใจของเขาปรากฏเสียงพุทธะบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ออกมาหลายครั้ง ให้ความรู้สึกราวกับเป็นเสียงเรียกหา


“เมื่อใดข้าจึงจะสามารถแข็งแกร่งได้เท่านางกัน! จะได้สังหารพวกสารเลวเห็นแก่ตัวพวกนี้ทิ้งเสีย!”


อีกสถานที่แห่งหนึ่ง มีเด็กสาวกำลังจับจ้องมองไปทางร่างของซีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและหดหู่


นางคือชางกวนอิ๋น แม้ว่าขอบเขตการฝึกฝนของนางจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่ช่องว่างระหว่างนางกับมหาตระกูลก็ยังคงห่างไกลเป็นอย่างมาก ยิ่งไม่มีทางเทียบซีได้เลยแม้แต่น้อย


ซีนั้นไร้เทียมทาน อาภรณ์สีขาวพลิ้วไสว นางกลายมาเป็นจุดรวมความสนใจแห่งเดียวในภพเซียน งดงามหาที่เปรียบไม่ได้ ชวนน่าตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด


เลือดและเนื้อสาดกระเซ็นไปทั่ว ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับซีได้ แม้จะเป็นถาวอู้ เทาเที่ยที่ดุร้ายทรงพลังที่สุดในหมู่จักรพรรดิเซียนก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ ร่างเนื้อของมันถูกบดขยี้ วิญญาณอสูรถูกสยบเอาไว้


นางราวกับหลุดออกมาจากตำนาน เป็นราชันผู้อยู่เหนือชั้นอย่างแท้จริง จักพรรดิเซียนจำนวนมากแพ้พ่ายอย่างต่อเนื่อง โลหิตจักรพรรดิเซียนหลั่งรินรวมกันจนเกือบกลายเป็นธารน้ำสายเล็ก


“ข้าจะเก็บ ข้าจะเก็บ!”


มีร่างอ้วนท้วมร่างหนึ่งกำลังวิ่งต้านแรงกดดันเพื่อเก็บรวบรวมเลือดของจักรพรรดิเซียน


“โลหิตจักพรรดิเซียนล้ำค่าเสียยิ่งกว่าของเหลวใด ๆ! ไม่รู้เลยว่าหากใช้โลหิตเซียนเหล่านี้ปลูกผักจะได้ผลลัพธ์เช่นไร!”


ขอบเขตของเขานั้นไม่สูง เป็นเพียงแค่ขั้นยอดเซียนผู้หนึ่ง ระหว่างเก็บรวบรวมโลหิตจักรพรรดิเซียน ทั่วทั้งร่างของเขาก็ปริร้าว ขุมพลังในโลหิตจักรพรรดิเซียนนั้นยากอย่างยิ่งสำหรับเขาที่จะต้านทานได้


ทว่าเขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ หยิบแตงกวาขึ้นมาแทะ ก่อนค่อย ๆ เก็บโลหิตจักรพรรดิเซียนทีละนิด


งานอดิเรกที่เขาชื่นชอบที่สุดคือการปลูกผักทุกชนิด ก่อนจะเข้ามายังภพเซียน ตัวของเขานั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่ยอดฝีมือมักจะมาวิงวอนขอทานผักที่เขาปลูกขึ้นมา


ครั้งนี้ตัวเขาทุ่มเทหมดทุกสิ่งจริง ๆ เพื่อความต้องการจะดูว่าโลหิตจักรพรรดิเซียนจะสามารถปลูกผักแบบใดขึ้นมาได้ แม้กระทั่งชีวิตของตนเองเขาก็ไม่สนใจ


หากสือเฟิงกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องรู้จักตัวตนของชายอ้วนผู้นี้อย่างแน่นอน นี่คือเซียนอ้วนไม่ใช่หรือ? เมล็ดผักที่พวกเขาเคยมอบให้คุณชายก็เป็นสิ่งที่ชายอ้วนผู้นี้ทิ้งเอาไว้


“ใช้โลหิตจักรพรรดิเซียนปลูกผัก?”


ซีที่แม้จะกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอย่างถึงที่สุด ก็เบนความสนใจมาทางสถาการณ์เบื้องล่าง สาเหตุหลักเป็นเพราะนางได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ใช้โลหิตจักรพรรดิเซียนปลูกผัก’ ทำให้ถูกดึงดูดความสนใจให้มอง


สำหรับนางแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้กดดันอันใดมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจักรพรรดิเซียนจำนวนมากแพ้พ่ายไปแล้ว แรงกดดันที่มีต่อนางก็ยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ


“ความคิดไม่เลว...”


นางแย้มยิ้มเล็กน้อย ชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้นก็พลันเกิดละอองแสงอ่อน ๆ โปรยลงมาบนร่างอ้วนท้วม ทำให้รอยปริแตกทั้งหมดในร่างนั้นหายไปทันที อีกทั้งขุมพลังในโลหิตจักรพรรดิเซียนก็ไม่ส่งผลอันใดต่อเขาอีกต่อไป


“เจ้าเก็บได้อย่างสบายใจ ข้าสนับสนุนเจ้าอยู่”


นางเอ่ยกับชายอ้วน


เพียงแค่ถูกซีสังเกตเห็น ชายอ้วนก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หลังจากได้ยินซีพูดว่า กำลังสนับสนุนเขาอยู่ เขาก็ยิ่งดีใจกระโดดโลดเต้นไปมา


“ขอบคุณ ขอบคุณ! ท่านช่างงดงามและมีจิตใจดี เป็นผู้ที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดในโลก!”


เขารีบเอ่ยขอบคุณซี


หลังจากนั้นชายอ้วนก็เริ่มเก็บรวบรวมโลหิตจักรพรรดิเซียนจำนวนมาก


ซียังคงต่อสู้ต่อไป ยิ่งจำนวนจักรพรรดิเซียนน้อยลง ซียิ่งผ่อนคลายมากขึ้น สุดท้ายใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถยุติการต่อสู้ครั้งนี้ลงได้


จักรพรรดิเซียนทั้งหมดของภพเซียนทรุดลงบนพื้น ต่างก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้


“ลงมือก็ย่อมต้องจ่ายค่าชดใช้ ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับพวกเจ้าไปแลว”


ซีกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่คิดสังหารพวกเจ้า แล้วก็ไม่ได้คิดอยากได้สิ่งใดจากพวกเจ้า เพียงแค่ต้องการให้พวกเจ้าช่วยเขา”


นางโบกมือ ทันใดนั้นร่างของชายอ้วนก็มาปรากฏตรงจุดนี้


ชายอ้วนยังคงมึนงงอยู่ เมื่อครู่เขากำลังรวบรวมเลือดของจักรพรรดิเซียน ทว่าจู่ ๆ กลับโผล่มายังจุดนี้


ฝีมือของซีนั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง!


“ช่วยเขา?”


“ช่วยเช่นไร?”


“ช่วยเขาฝึกฝนใช่หรือไม่? ย่อมได้ ไม่มีปัญหา!”


เหล่าจักรพรรดิเซียนตอบกลับอย่างรวดเร็ว คิดว่าซีต้องการให้พวกเขาช่วยชายอ้วนฝึกฝน นี่นับเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด


“ช่วยเขาปลูกผัก อืม ใช้โลหิตจักรพรรดิเซียนของพวกเจ้าช่วยเขารดน้ำผัก...” ซีเอ่ย


“อันใดนะ!?”


“ไม่มีทาง!”


ใบหน้าของจักรพรรดิเซียนทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว นี่มันคืออันใดกัน ต้องการให้พวกเขาใช้โลหิตจักรพรรดิเซียนรดน้ำผัก!


นี่นับเป็นเรื่องอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่ง!


โลหิตของจักรพรรดิเซียนมีค่ามากมายเพียงใด เพียงแค่หยดเดียวก็ให้ประโยชน์ได้ไม่รู้จบ นี่คือผลตกผลึกของการฝึกฝน ทว่ากลับจะนำไป...รดผัก!!!


สวรรค์ นี่มันชวนให้อึดอัดคับข้องใจเสียยิ่งกว่าการให้พวกเขานำโลหิตจักรพรรดิ ไปช่วยขัดเกลาฝึกฝนเสียอีก!


“ขอบคุณ! จะหาคนที่ดีกว่าท่านไม่มีอีกแล้ว!”


ชายอ้วนดีใจอย่างถึงที่สุด ดวงตาทั้งสองเปล่งประกาย “ข้าอยากปลูกผักดี ๆ ในภพเซียนมากนานแล้ว ตอนนี้ ในที่สุดความฝันของข้าก็สามารถเป็นจริง! ข้าสามารถปลูกผักจำนวนมาก ทำให้สามารถเห็นผักได้ในทุกที่ของภพเซียน กลายเป็นทิวทัศน์ที่งดงามอย่างถึงที่สุด!”


“อย่า!”


“จะทำเช่นนั้นไม่ได้!”


เหล่าจักรพรรดิเซียนต่างตื่นตกใจกลัวขึ้นมา


บัดซบ ภพเซียนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล หากต้องการจะปลูกผักให้ทั่ว โลหิตจักรพรรดิเซียนทั้งหมดของพวกเขาก็คงไม่พอ!


ชายอ้วนขบคิดขึ้นมา หากอยากปลูกผักให้เต็มภพเซียนจริง ก็นับเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง


นอกจากนี้ ความงดงามยังมีหลายรูปแบบ ไม่สามารถทำให้เป็นแบบเดียวโดยเต็มไปด้วยผักได้


“เช่นนั้นก็เต็มครึ่งหนึ่งของภพเซียน”


สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจ


“ใช่ เจ้าสามารถให้พวกเขาช่วยเจ้าได้”


ซีเปิดปากเอ่ยออกมา


หลังจากนั้น นางก็ตรงไปทางตระกูลเซียว


หญิงสาวไม่กล่าวอันใดมากมาย เลือดต้องจ่ายด้วยเลือด สมาชิกตระกูลเซียวทุกคนที่มีส่วนร่วม นางไม่ปล่อยให้รอดชีวิตไปได้แม้เพียงหนึ่ง สังหารพวกเขาจนสิ้น ทั้งประมุขตระกูลเซียวและจักรพรรดิเซียนอาวุโสอีกหลายคน


“กรรมดีกรรมชั่วย่อมย้อนคืน ทดสอบเช่นไรผลก็ไม่เปลี่ยนแปลง พวกเจ้าก็ทำดีไว้เถิด อย่าได้ทำผิดเช่นนี้อีก ไม่เช่นนั้นครั้งหน้าพวกเจ้าจะต้องสูญสิ้นทั้งตระกูลของจริง!”


นางเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา ก่อนออกจากตระกูลเซียว


ทว่านางยังคงไม่ได้ออกไปจากภพเซียน แต่กลับไปยังดินแดนของตระกูลนาง


สถานที่แห่งนี้หลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง สูญสิ้นชีวิตชีวาอันผ่านกาลมาอย่างยาวนาน ซีไม่เอ่ยวาจา เพียงเดินเข้าไปยังพื้นที่ตระกูลทิ้งรอยเท้าเอาไว้เป็นเส้นทาง


นางได้แก้แค้นแล้ว แก้แค้นให้กับบิดามารดาและสมาชิกในตระกูลที่ตายไป แต่แล้วเช่นไรต่อ? บิดามารดาและสมาชิกในตระกูลก็มิอาจหวนคืนกลับมา...


สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำของนาง หยาดน้ำตาไหลรินลงมาจากหางตาอย่างไม่อาจข่มกลั้น ใจคิดถึงบิดามารดาและคนในตระกูลยิ่งนัก!


“ข้าต้องการให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าและคนในตระกูลฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง!“


นางกู่ร้องออกมาเสียงต่ำ ลมหายใจขั้นบรรพจารย์เซียนแผ่กระจาย นางต้องการจะย้อนเวลาพลิกหยินหยาง ทำให้บิดามารดาและคนในตระกูลของนางฟื้นคืนชีพกลับมา!


ตู้ม!


ภพเซียนสั่นสะเทือนเลือนลั่น ลมหายใจอันเศร้าโศกแผ่กระจายไปทั่วทั้งภพเซียน บนท้องฟ้าเกิดหยาดพิรุณโปรยลงมา ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดพลันรู้สึกเศร้าและมองขึ้นไปอย่างอดไม่ได้


ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิม


นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซีอย่างนั้นหรือ!?


น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เหนือยิ่งกว่าจักรพรรดิเซียนไปไกลจนไม่ได้อยู่ในขั้นเดียวกันแม้แต่น้อย!


ซีระเบิดพลังทั้งหมดของตนเองออกมา ต้องการจะย้อนเวลา ณ ที่แห่งนี้กลับไป ทำให้ทุกอย่างกลับมาเช่นเดิม!


แต่น่าเสียดาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่บรรพจารย์เซียนสามารทำได้


ใบหน้าของนางซีดขาว ประสบความล้มเหลวในการย้อนเวลา เรื่องเช่นนี้อย่าว่าแต่บรรพจารย์เซียนเลย เกรงว่ากระทั่งบรรพจารย์เต๋าโกลาหลเองก็ไม่อาจทำได้!


ปริภูมิเวลานั้นไม่ใช่สิ่งใดที่เรียบง่าย ขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง คิดอยากจะย้อนเวลา นับเป็นเรื่องยากอย่างถึงที่สุด


“ข้า...”


นางร้องไห้ออกมา หยาดน้ำตาไม่อาจหยุดริน นางปรารถนาจะได้พบหน้าบิดามารดาอีกสักครั้งจริง ๆ!


ครืน!


กฎบรรพจารย์เซียนแล่นพล่านพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า นางไม่คิดจะย้อนเวลาอีกต่อไป แต่ใช้พลังอันยิ่งใหญ่ดึงภาพในอดีตให้ฉายออกมาอีกครั้ง!


นี่ไม่ใช่การย้อนเวลา เป็นเพียงแค่ภาพสะท้อน ด้วยขอบเขตบรรพจารย์เซียนของนางย่อมสามารถทำเรื่องนี้ได้


แต่สิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายกลับปรากฏขึ้น ครั้งนี้นางก็ล้มเหลวเช่นเดียวกัน!


มืดสนิท!


ความมืดมิดไร้ขอบเขตปรากฏเบื้องหน้าของนาง!


ภาพของบิดามารดาและคนในตระกูลไม่ได้ปรากฏออกมา กลับมีเพียงความมืดมิดฉากหนึ่งเท่านั้น!


นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!?

ความมืดมิด!


มีเพียงความมืดมิดอย่างถึงที่สุด!


มองสิ่งใดก็ไม่เห็น แล้วก็ไม่มีสิ่งใดอยู่


ซีเพียงแค่ต้องการจะสะท้อนภาพบิดามารดาและคนในตระกูลเมื่อครั้งอดีตออกมา เพื่อให้ได้เห็นหน้าพวกเขาอีกสักครั้ง เหตุใดภาพที่สะท้อนออกมาจึงมีเพียงแค่ความมืดมินหนึ่งฉาก!?


เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?


ซีคิดไม่ออก ตอนนี้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความคาดหมายของนาง


นางหันมองไปรอบ ๆ ก่อนจะต้องตกใจอย่างถึงขีดสุด นางอยู่ภายในความมืดอย่างไม่รู้ตัว รอบตัวมีเพียงความมืดมิด!


ภพเซียนเล่า!?


ซีมองไม่เห็นสิ่งใด มีเพียงความมืดมิดรายล้อมกาย นางรู้สึกราวกับว่าตนเองตาบอด แม้จะกระตุ้นพลังภายในร่างให้ทำงาน แต่ก็ยังคงไม่เห็นสิ่งใด มีเพียงแค่ความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด!


เกิดอันใดขึ้น?


นี่มันคือพลังอันใดกันแน่!?


ใบหน้าของซีเคร่งขรึม นางเรียกทวนทองคำอันเป็นสมบัติโกลาหลที่จ้าวแห่งตงชิวมอบให้ออกมา


ทว่าเมื่ออยู่ในที่แห่งนี้ ทวนทองคำอันแข็งแกร่งก็ถูกแรงกัดดันมหาศาลทับเอาไว้ ไม่อาจกระทั่งจะเปล่งแสงทะลุผ่านความมืดออกมาได้แม้แต่น้อย


ทันใดนั้นเอง ร่างกายของนางซวนเซอย่างกะทันหันด้วยความตื่นกลัว ฉับพลันก็สบเข้ากับดวงตาสีแดงคู่หนึ่งที่โผล่ขึ้นมาจากความมืด จับจ้องมองมาทางนาง


นี่คือสิ่งใดกัน!


หนังศีรษะของนางชาหนึบ นางไม่เคยประสบเรื่องเช่นนี้มาก่อน หัวใจของนางเต้นเป็นจังหวะระทึก


ทว่านางก็ยังสามารถสงบสติอารมณ์ลงได้อย่างรวดเร็ว ทวนทองคำในมือถูกกำเอาไว้แน่น นางรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะกลัว ความกลัวทำเพียงแค่ให้นางเป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น


“พวกเจ้าเป็นใครกัน!?”


นางตะโกนถามออกมาเสียงดัง พยายามขบคิดถึงเจ้าของดวงตาเหล่านั้นที่อยู่เบื้องหลังความมืด


ทว่านางก็ไม่รับการตอบกลับแต่อย่างใด


แต่จำนวนของดวงตาภายในความมืดกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มแน่นขนัดเกือบจะเต็มพื้นที่ความมืดมิด


ซีกำทวนทองคำในมือของนาง พลังขั้นบรรพจารย์เซียนปะทุออกมา ต้องการจะตรงออกจากสถานที่แห่งนี้


ทว่าสิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น พลังทั้งหมดของนางถูกระงับเอาไว้โดยสิ้นเชิง นางไม่อาจปะทุพลังออกมาได้!


หัวใจของซีจมดิ่งลง ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!


นางเพียงแค่ส่องสะท้อนภาพอดีตออกมา เหตุใดถึงดึงดูดความมืดเหล่านี้ออกมาได้กัน!?


ความมืดนี้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลของนาง!?


หญิงสาวคิดไตร่ตรองอย่างละเอียด รู้สึกว่าความมืดเหล่านี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับดินแดนของตระกูลนางเป็นอย่างมาก เพราะนางไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน การสะท้อนภาพอดีตของนางออกมาจึงเป็นการดึงพลังความมืดเหล่านี้ออกมาด้วย!


“ดินแดนของตระกูลไปเกี่ยวข้องกับความมืดนี้ได้อย่างไร!?”


นางไม่อาจทำความเข้าใจได้ ความมืดนี้อยู่เหนือไกลเกินกว่าความเข้าใจของนางอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งพลังในแดนบรรพโกลาหลก็ยังไม่อาจเทียบพลังความมืดนี้ได้


ตระกูลของนางเป็นเพียงแค่ตระกูลเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่ง เหตุใดจึงเกี่ยวพันกับพลังความมืดเช่นนี้ได้!?


“หรือว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกล่องสี่เหลี่ยม!?”


นางนึกถึงกล่องสี่เหลี่ยมขึ้นมา


หากมีสิ่งใดในตระกูลที่ผิดแผกออกไป ทั้งยังสามารถมีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังความมืดเหล่านี้ได้ นั่นก็จะต้องเป็นกล่องสี่เหลี่ยมอย่างแน่นอน!


กล่องสี่เหลี่ยมไม่อาจถูกพยากรณ์ถึงได้ กระทั่งพวกจ้าวแห่งตงชิวร่วมมือกันก็ไม่อาจทำได้ กล่องสี่เหลี่ยมจะต้องมีความลับอันชวนตื่นตะลึงสะท้านฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย!


“สาเหตุที่ไม่อาจหากล่องสี่เหลี่ยมได้พบก็เพราะพลังความมืดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่?”


นางขบคิดขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกว่าที่ตนไม่อาจหากล่องสี่เหลี่ยมได้พบ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังความมืดนี้


ทันใดนั้นเองพลันมีลมพัดโหมแรง ความหนาวเหน็บเสียดกระดูก ขนบนแขนของซีลุกชัน แผ่นหลังเย็นเยียบ!


ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงจำนวนมากดังขึ้นมา ประหนึ่งวิญญาณนับหมื่นส่งเสียงกรีดร้อง ซีที่ได้ยินถึงกับพรั่นพรึง หัวใจสั่นสะท้านขึ้นมา!


“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? ต้องการจะทำสิ่งใด!”


ซีรีบสงบใจลง นางไม่อาจตื่นกลัวเช่นนี้ได้ จึงรีบเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง


ทว่าครั้งนี้ก็ยังคงไม่มีการตอบกลับใด ๆ มีเพียงเสียงของวิญญาณร้าย ทั้งยังดังขั้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ากำลังจะมีผีออกมา!


พรึ่บ!


มีผีปรากฏออกมาจริง ๆ มันแย้มยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเปื้อนเลือดเต็มปาก!


อีกทั้งยังไม่ใช่เพียงแค่หนึ่ง นางเห็นฟันเปื้อนเลือดอีกจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่ามีผีโผล่ออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ นางกำทวนทองคำในมือเอาไว้แน่นก่อนจะยกขึ้นมา!


“มาเถิด...มาเถิด...”


มีภาษาแปลกประหลาดที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้น แต่นางยังพอเข้าใจความหมายของคำพูดได้อย่างชัดเจน


“ไปที่ใด!?”


นางถาม ผีเหล่านี้ต้องการจะพานางไปที่ใดกัน!?


“ความมืด...เจ้า...ควรไปสถานที่แห่งนั้น...”


เสียงแปลกประหลาดังขึ้นอีกครั้ง ซีตกอยู่ในความสับสน อันใดคือการบอกว่านางควรไปยังสถานที่แห่งนั้น?


สถานที่ที่นางควรจะไป...คือความมืดหรือ!?


“ไป...ไป...”


เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นเป็นระยะ ๆ แววตาของซีเริ่มหม่นลง นางอดก้าวออกไปเบื้องหน้าไม่ได้


ขณะที่ก้าวออกไปเบื้องหน้า ด้านหลังของนางพลันปรากฏร่างเงาสีดำค่อย ๆ เผยออกมาให้ ร่างนั้นดูผิดปกติกำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน หน้าตาดุร้ายอัปลักษณ์อย่างถึงที่สุด ราวกับกำลังเข้าทาบทับร่างของซีทีละน้อย ๆ!


ตู้ม!


ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงอสนีบาตระเบิดขึ้น ลำแสงสาดส่องลงมาเส้นแล้วเล้นเล่า ทำลายซึ่งความมืด เหล่าผีที่เผยตัวออกมาส่งเสียงร้องโหยหวยด้วยความเจ็บปวด ความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดถูกจำกัดขอบเขตลง!


เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏออกมา สยบสิ้นทุกสิ่ง ผีจำนวนมากถูกระเบิดทิ้ง!


เงาดำอันดุร้ายอัปลักษณ์ก็พลันสลายหายไป ส่วนซีนั้นฟื้นสติกลับคืนมา!


“เป็นท่าน!”


หัวใจของซีเริ่มเต้นกระหน่ำระรัวเร็ว นางจดจำร่างเงานี้ได้


ภายในใจของนางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ร่างเงานี้ราวกับว่าคอยปกป้องนางอยู่ตลอดเวลา


ความมืดมลายหาย แสงสว่างปรากฏขึ้นอีกครั้ง นางกลับมามองเห็นทุกสิ่ง ที่มุมมืดแห่งหนึ่งมีผีจำนวนมากกำลังขดตัวหลบอยู่ด้วยความหวาดกลัว


ตู้ม!


ร่างเงาตบฝ่ามือออกไปยังมุมมืด ราวกับต้องการจะกวาดล้างผีทั้งหมด!


ขณะเดียวกัน ความมืดก็แผ่เข้าปกคลุมอีกครั้ง ดาบสีเลือดขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากความว่างเปล่า สกัดกั้นฝ่ามือของร่างเงาเอาไว้


“เป็นเจ้าอีกแล้ว!”


มีเสียงดังออกมาจากภายในดาบสีเลือด เสียงนั้นราวกับเสียงของสตรี แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง


หากต้นหลิวและเจ้าก้อนหินอยู่ที่นี่ พวกมันจะต้องจดจำเสียงนี้ได้อย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่เสียงที่เคยได้ยินจากกระโปรงสีขาวแห่งความตายหรอกหรือ!?


“เหตุใดจึงมีเจ้าอยู่ทุกที่!”


กระบี่สีเลือดสาดประกายเจิดจ้าพุ่งเข้าฟาดฟันเงาร่างที่ปรากฏขึ้น มันโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง ร่างเงานี้ต้องการจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับมันทุกหนแห่งเลยหรืออย่างไร!?


มันถูกดึงดูดให้มาที่นี่ ไม่ง่ายเลยที่มันจะรับรู้ถึงตัวตนของซีได้ ทว่าผลลัพธ์กลับเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมาย ถูกร่างเงานี้ยับยั้งเอาไว้!


ฝ่ามือของร่างเงาปะทะเข้ากับดาบสีเลือด พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา เหล่าผีทั้งหมดถูกทำลายสิ้นภายใต้ผลกระทบจากการปะทะครั้งนี้!


“คราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่ภาพสะท้อนแต่เป็นของจริง เจ้าไม่อาจหยุดยั้งได้!”


มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้งจากดาบสีเลือด ดาบสีเลือดแตกต่างจากกระโปรงสีขาวแห่งความตาย ร่างนั้นเป็นเพียงแค่ภาพสะท้อน ทว่าดาบสีเลือดนั้นไม่เหมือนกัน มันเป็นร่างแท้จริง!


หากไม่ใช่เช่นนั้นแล้วละก็ กระโปรงสีขาวแห่งความตายคราวที่แล้วคงจะไม่ระเบิดออกเช่นนั้น ร่างที่แท้จริงของกระโปรงสีขาวแห่งความตายไม่อาจหยั่งถึง แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!


แม้กระทั่งดาบสีเลือดก็ยังไม่อาจเทียบได้ มีช่องว่างห่างไกลเกินไป!


ดาบสีเลือดตัดผ่านผืนนภาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในภพเซียนอีกต่อไป แต่เป็นพื้นที่พิเศษ หากไม่เป็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าเพียงแค่ดาบถูกฟันออกครั้งเดียว ทั่วทั้งภพเซียนจะต้องถูกทำลายลงอย่างแน่นอน!


ร่างเงายกมือขึ้นชกออกไป ทว่าถูกดาบสกัดกั้นเอาไว้ เมื่อถูกดาบเล่มนี้เฉือนลงไปแล้ว ร่างเงาก็เริ่มเกิดความไม่เสถียร ให้ความรู้สึกไม่มั่นคง!


ภายในใจของซีตื่นตะลึง คนผู้นี้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของความไร้เทียมทาน สามารถสยบได้ทุกสรรพสิ่ง ทว่าคราวนี้กลับถูกต้านทานเอาไว้ได้ นางไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลย!


ดาบสีเลือดมีที่มาเช่นไรกัน!


สิ่งที่สำคัญสุดคือ สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับนาง?


เหตุใดกัน!


กล่องสี่เหลี่ยมไม่ได้อยู่บนร่างของนาง เช่นนั้นแล้ว นางจะยังคงมีความเกี่ยวพันอันใดกับความมืด?


ดาบสีเลือดมาที่แห่งนี้ ก็เพื่อตัวนางเท่านั้นหรือ?


“เป็นเพียงแค่ภาพสะท้อน แต่กลับกล้าจะขัดขวางข้า? ร่างจริงของเจ้าก็ไม่มา หลังจากร่างเงานี่ถูกลบล้างแล้ว สุดท้ายตัวเจ้าเองก็ไม่อาจหนีพ้น!”


ดาบสีเลือดส่งเสียงออกมา “เจ้าเป็นใครกัน? เหตุใดถึงได้รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง! เคยต่อสู้เคียงข้างข้ามาก่อนหรือไม่? นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าทิ้งภาพสะท้อนเอาไว้บนร่างของนาง ก็เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ข้าพานางกลับไปอย่างนั้นหรือ!?”


มันเอ่ยออกมาอีกครั้ง คิดจะจัดการร่างเงานี้ลงไปอย่างสมบูรณ์


ที่แท้นางก็มีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ ด้วย!


ซีตื่นตะลึง หรือว่าบนร่างของนางจะมีความลับที่แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้กัน?


หรือว่า…การที่กล่องสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นมาในตระกูล ก็มีต้นเหตุมาจากตัวนาง!?


ตู้ม!


ร่างเงาไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับ ร่างนั้นเริ่มร่ายท่ามวยบางอย่างออกมา ร่างที่ไม่มั่นคงพลันเสถียรขึ้นทันที นี่คือมวยไทเก๊ก มันสร้างแรงกดดันมหาศาล ทำให้ดาบสีเลือดสั่นสะท้านเกิดรอยแยกแตกร้าวอย่างหนัก!



“เจ้าไม่อาจหยุดยั้งข้าได้ พลังที่สามารถสำแดงออกมาได้ก็มีอยู่อย่างจำกัดเป็นอย่างยิ่ง ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด แม้จะเป็นคนรู้จักของข้าก็ตาม สุดท้ายเจ้าก็จะต้องกลายมาเป็นข้ารับใช้แห่งความมืด!”


ดาบสีเลือดถูกโจมตีจนต้องล่าถอย หายตัวออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ส่วนตัวซีนั้นกลับไปยังดินแดนของตระกูลอีกครั้ง


ตอนนั้นเอง ภาพสะท้อนอดีตก็พลันปะทุออกมา ภาพแต่ละฉากฉายผ่านไปอย่างรวดเร็ว


ด้านในเมื่อภาพสะท้อนแล่นผ่านไปช่วงหนึ่ง พลันปรากฏพลังต่อต้านอย่างชัดเจน ภาพด้านในเลือนรางประหนึ่งจะพังทลายลง!


ยามนั้นร่างเงาก็ยื่นมือออกไป ขจัดแรงต้านทิ้ง ทำให้ภาพฟื้นกลับมาในสภาพปกติ


ภาพพลันหยุดนิ่งลง สิ่งที่เห็นทำให้น้ำตาของนางรินไหลออกมา ดวงตาเห็นซากศพเกลื่อนกลาดเต็มพื้น ชัดเจนว่าเวลาล่วงผ่านไปนานนับตั้งแต่ที่ตระกูลของนางถูกฆ่าล้าง


ศพจำนวนมากกำลังเน่าสลาย!


แม้ว่าตระกูลของนางจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ยังคงมีผู้ที่อยู่เหนือขอบเขตเซียนไม่น้อย พวกเขาเหล่านั้นถึงแม้จะตายตก แต่ศพจะไม่เน่าสลายภายในระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน กว่าจะเริ่มเน่าเปื่อยก็กินเวลานานกว่านี้เป็นอย่างมาก!


“ท่านพ่อ...ท่านแม่…!”


ซีร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าโศกเมื่อเห็นศพเน่าเปื่อยของบิดามารดา บนร่างเต็มไปด้วยศาสตราแทบทุกชนิด บิดามารดาของนางล้วนตายลงอย่างน่าสังเวช!


อีกทั้งสิ่งที่ทำให้นางโศกเศร้ายิ่งกว่าก็คือ ร่างของบิดามารดาและคนในตระกูลที่ตายไปแล้ว ต่างเน่าเปื่อยไปทีละน้อย ไม่มีการเก็บร่างหรือฝังดินแต่อย่างใด


หัวใจของนางคล้ายกับถูกบีบรัด ความเศร้าโศกเกินกว่าจะบรรยายได้ หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงพื้นราวกับสายฝน


“เรื่องเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!!!”


เมื่อภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง นางก็เห็นเข้ากับภาพอันน่าเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด ทำให้นางอดร้องอุทานออกมาไม่ได้ สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปมาก!


ภาพที่เห็นไกลเกินกว่าจินตนาการของนางโดยสิ้นเชิง!

กล่องสี่เหลี่ยม!


นางได้เห็นกล่องสี่เหลี่ยมแล้วหรือนี่!


ยามค้นหาในอาณาจักรนั้นก็ไร้ผล ในแดนบรรพโกลาหลก็ปราศจากเบาะแส แต่กลับได้เห็นกล่องสี่เหลี่ยมจากภาพสะท้อนอดีต!


ในภายหลัง กล่องสี่เหลี่ยมกลับไปอยู่ที่ภพเซียน!


สิ่งนั้นคือกล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ภายในกล่องไม้ทั้งสี่ด้านล้วนมีลายสลักอันยากจะเข้าใจ ดูคล้ายอักขระจำนวนหนึ่ง และดูคล้ายอสูรรูปร่างประหลาด พิลึกพิลั่นเป็นที่สุด


กล่องสี่เหลี่ยมลอยกลับมาอย่างเงียบเชียบ มิได้สร้างความแตกตื่นให้กับสิ่งมีชีวิตตนใดในภพเซียน


หลังซีได้เห็นประกายทะมึนมากมายที่ส่องสว่างออกจากลายสลักบนกล่องสี่เหลี่ยม จนกล่องทั้งกล่องแทบกลายเป็นสีดำ


จากนั้น ภายใต้แสงสีดำที่ทาบทับลงมา ศพของบิดามารดา และคนในตระกูลของนางก็ลุกยืนกันหมด!


จากนั้น นางเห็นเส้นทางหนึ่งยืดออกจากกล่องสี่เหลี่ยม นำพาร่างของบิดามารดา และคนในตระกูลของนางก้าวขึ้นไปยังเส้นทางนั้น และจากภพเซียนไป!


“ไปไหนแล้ว?!”


นางอยากรู้ยิ่ง ทว่าหลังเส้นทางนั้นจากภพเซียนไปก็ไม่เหลือร่องรอยให้เห็นอีก!


ฟึ่บ!


เวลานั้น ภาพร่างเลือนรางชี้ไปทางที่ส่องแสงเจิดจ้า กฎระเบียบไหลเวียน เส้นทางแต่เดิมที่มองไม่เห็น บัดนี้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าซีอย่างแจ่มชัด!


เส้นทางนั้นยาวเหยียด ทะลวงผ่านระบบดวงดาวมากมาย ซีมองอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายนางเห็นกล่องสี่เหลี่ยมพาร่างของบิดามารดา และคนในตระกูลของนางหยุดฝีเท้าในดาราดวงหนึ่ง


ต่อมา แสงสีดำบนกล่องสี่เหลี่ยมหายไปจนหมด กลับมาอยู่ในสภาพราบเรียบไม่โดดเด่นดังเดิม ตกลงไปท่ามกลางซากศพ


ภาพเหตุการณ์จบลงตรงนี้


ภาพร่างเลือนรางก็หายไปจากข้างกายซี


ซีเห็นแล้วหัวใจไหวหวั่น ภาพที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ติดอยู่ในหัวนาง เนิ่นนานไม่ยอมจางหาย ไม่สามารถสงบใจได้เลย


กล่องสี่เหลี่ยมกลับมาแล้ว เหตุใดถึงกลับมา


แล้วเหตุใดถึงต้องพาร่างของบิดามารดา และคนในตระกูลนางไปด้วย


หรือที่กล่องสี่เหลี่ยมกลับมาก็เพื่อนำร่างของบิดามารดา และคนในตระกูลนางไปโดยเฉพาะเลยหรือ


แล้วเหตุใดท้ายที่สุดถึงต้องหยุดลงในดาวดวงนั้นด้วย


นอกจากนี้ แสงสีดำที่ปะทุออกจากกล่องสี่เหลี่ยมนั่นคือพลังอันใด กล่องสี่เหลี่ยมถูกย้อมเป็นสีดำทั้งหมด พลังเช่นนั้นมีความเกี่ยวข้องกับพลังมืดมิดซึ่งอยู่เบื้องหลังดาบใหญ่สีโลหิตนั่นหรือไม่


แล้วในตัวนางมีสิ่งใดอยู่ ถึงดึงดูดดาบใหญ่สีโลหิตเข้ามา


ปริศนาเยอะเกินไป หัวนางในตอนนี้ว้าวุ่นไปหมด ว้าวุ่นอย่างยิ่งยวด ไม่เคยว้าวุ่นเช่นนี้มาก่อน!


เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของนางไปเสียส่วนใหญ่ จนนางรับรู้ไม่ไหว

“ใจเย็นก่อน!”


นางพยายามสงบอารมณ์ ตรึกตรองในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเรียบเรียงความคิด


ก่อนอื่น กล่องสี่เหลี่ยมมีความเกี่ยวข้องกับพลังมืดมิดเบื้องหลังดาบใหญ่โลหิตแน่นอน น่ากลัวว่าคงเพราะแสงสีดำที่ปะทุออกมาเมื่อครั้งกล่องสี่เหลี่ยมนำร่างของบิดามารดา และคนในตระกูลนางไปด้วยได้ดึงดูดพลังมืดมิดเข้ามา หรืออาจเป็นพลังมืดมิดที่เหลือค้างไว้


ข้อนี้อาจเป็นสาเหตุที่นางฉายภาพอดีตล้มเหลวก่อนหน้านี้ก็ได้


ต่อมา หากมิได้ภาพร่างเลือนรางคอยช่วย นางไม่มีทางมองเห็นภาพในอดีตเหล่านั้นแน่นอน


ที่กล่องสี่เหลี่ยมกลับมานำร่างของบิดามารดา และคนในตระกูลนางไปก็คงมิใช่เรื่องธรรมดา มิฉะนั้น กล่องสี่เหลี่ยมมิได้มีความจำเป็นต้องนำร่างของพวกเขาไปเลย ซ้ำยังต้องรุดหน้าไปยังระบบดวงดาวที่ห่างไกลปานนั้น…


ไกลเหลือเกิน นางรู้สึกเหมือนพ้นจากจักรวาลโกลาหลผืนนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ


และสิ่งสำคัญที่สุดคือ นางได้เห็นดวงดาวที่มีสสารฝึกฝนจากภาพนั้นไม่น้อย เทียบกับสสารในแดนบรรพโกลาหลแล้วรังแต่จะยิ่งมหัศจรรย์กว่า!


นี่คือเหตุผลที่นางรู้สึกว่าดวงดาวที่กล่องสี่เหลี่ยมลงไปอยู่นั้น มันอยู่นอกจักรวาลโกลาหล


ในจักรวาลโกลาหลผืนนี้ ไม่มีอาณาจักรดวงดาวไหนมีสสารที่มหัศจรรย์ไปกว่าแดนบรรพโกลาหล!


ครานั้น ต้นบรรพจารย์จากแดนกำเนิดอันแท้จริงของความพิศวงลางร้ายบุกมาถึงแดนบรรพโกลาหล จนพวกเขาได้รู้ว่าในใต้หล้านี้หาได้มีจักรวาลโกลาหลเพียงผืนเดียว นอกจักรวาลโกลาหลก็ยังมีอาณาจักรอื่นอยู่


และแดนกำเนิดอันแท้จริงของความพิศวงลางร้ายก็อยู่นอกจักรวาลโกลาหลของพวกเขา


เรื่องนี้เข้าใจได้โดยไม่ต้องคิดให้มากความ


หากว่าแดนกำเนิดอันแท้จริงของความพิศวงลางร้ายอยู่ในจักรวาลโกลาหลของพวกเขาจริง ๆ เช่นนั้น จักรวาลโกลาหลของพวกเขาย่อมต้องตกอยู่ใต้อาณัติ ถูกความพิศวงลางร้ายยึดครอง


“ข้าต้องไปดูที่นั่นหน่อย!”


ซีครุ่นคิดเป็นเวลานาน จนตัดสินใจจะไปดูดวงดาวที่กล่องสี่เหลี่ยมหยุดอยู่ที่นั่น


ศพของบิดามารดา และคนในตระกูลของนางล้วนอยู่ที่นั่น เรื่องนี้คิดอย่างไรก็ไม่ธรรมดาแน่ นางต้องการล่วงรู้ความจริง


ส่วนเรื่องการฝึกฝน นางฝึกบนดวงดาวระหว่างทางได้เลย ดวงดาวเหล่านั้นสูงส่งกว่าแดนบรรพโกลาหล นางฝึกฝนด้วยดาวเหล่านั้นย่อมดีกว่าอยู่ต่อที่แดนบรรพโกลาหล และก้าวหน้าได้ไวกว่า


“ต้องไปแล้ว!” หญิงสาวเอ่ยเสียงเข้ม


บนตัวนางมีความลับยิ่งใหญ่บางอย่างอยู่ด้วย ซึ่งเกี่ยวข้องกับพลังมืดมิด นางจำต้องก้าวหน้าให้ไวที่สุด เช่นนี้จึงจะต่อกรกับพลังมืดมิดได้!


‘ท่านผู้นั้นคอยคุ้มครองอยู่ข้างกายข้า เปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายของข้า ก็คงเพราะต้องการให้ข้าก้าวหน้าขึ้นไว ๆ กระมัง…’ นางคิดต่อ


ท้ายที่สุด นางก็ตัดสินใจว่าจะไปจากจักรวาลโกลาหลผืนนี้ มุ่งหน้าไปยังดาราที่กล่องสี่เหลี่ยมอยู่


เช่นนี้ นางไม่เพียงแต่จะก้าวหน้าได้ไวขึ้น แต่ยังได้รับรู้ความลับของกล่องสี่เหลี่ยม และแน่ใจในสาเหตุที่กล่องสี่เหลี่ยมพาร่างของบิดามารดา และคนในตระกูลของนางไป


ซีรู้สึกได้ราง ๆ ว่าบิดามารดา และคนในตระกูลอาจฟื้นคืนชีพมาใหม่ สาเหตุที่กล่องสี่เหลี่ยมพาร่างของบิดามารดา และคนในตระกูลไปก็คงเพราะการนี้


มิฉะนั้น เหตุใดกล่องสี่เหลี่ยมถึงต้องลำบากลำบนถึงเพียงนี้?!


แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความรู้สึกของนาง ความจริงเป็นเช่นไร นางจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อไปถึงที่นั่น


“ไปเถิด”


หลังตัดสินใจได้ นางออกจากภพเซียน ติดต่อจ้าวแห่งตงชิวเพื่อบอกว่านางกำลังจะกลับไปแล้ว


จ้าวแห่งตงชิวติดต่อจ้าวแห่งดินแดนอื่น เปิดเส้นทางขึ้นในไม่ช้าจนซีได้กลับมายังแดนบรรพโกลาหล


นางบอกลาจ้าวแห่งตงชิวและจ้าวแห่งดินแดนอื่น ไปคราวนี้ ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร และเมื่อครั้งได้อยู่ในแดนบรรพโกลาหล จ้าวแห่งตงชิวและจ้าวแห่งดินแดนอื่นดูแลนางเป็นอย่างดี นางไปโดยไม่ลามิได้


“ระวังตัวด้วย!”


“แม้ว่ามีท่านผู้นั้นคอยคุ้มครองเจ้า แต่เจ้าก็ต้องระมัดระวัง อย่าได้หุนหันพลันแล่น!”


“สถานการณ์นอกจักรวาลโกลาหลเป็นอย่างไรยังไม่รู้ กอปรกับมีพลังมืดมิดที่เจ้าว่าอยู่ หากเจอเรื่องไม่ดี ห้ามนำตัวเองไปเสี่ยงภัยเด็ดขาด จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อน!”


จ้าวแห่งตงชิวและจ้าวแห่งดินแดนอื่นพากันกำชับซี


ได้อยู่กันมาระยะหนึ่ง พวกเขาต่างชื่นชอบในตัวซีมาก ซีนิสัยดี เป็นที่เอ็นดู


พวกเขาต่างนำยอดศาสตราโกลาหลและยาลูกกลอนอันล้ำค่าออกมากันนับคณา ให้ซีนำติดตัวไว้ เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น


ซีซาบซึ้งใจเหลือแสน อย่างไรก็ไม่ยอมรับสิ่งที่จ้าวแห่งตงชิวและจ้าวแห่งดินแดนอื่นมอบให้ ก่อนหน้านี้ จ้าวแห่งตงชิวและจ้าวแห่งดินแดนอื่นช่วยนางไว้มากแล้ว


ทว่าจ้าวแห่งตงชิวและจ้าวแห่งดินแดนอื่นก็ยังยืนกรานให้ซีรับไว้


“ขอบคุณ!”


ถ้อยคำนับหมื่นต่างตกผลึกอยู่ในคำขอบคุณของซี สุดท้าย นางไปจากแดนบรรพโกลาหล


“ไปคราวนี้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะได้กลับมาเมื่อไร…”


ในการเดินทางข้างหน้านี้ นางจะได้สัมผัสกับพลังมืดมิดซึ่งสยดสยองเป็นที่สุด และต้องต่อกรกับมัน นี่มิใช่เรื่องง่ายเลย


และถึงคราวนางได้กลับมาจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเมื่อไร…


“ความทรงจำช่วงหนึ่งของข้าถูกผนึก ควรคลายออกหรือไม่…”

ซีพึมพำเสียงเบา อยากจะคลายผนึกความทรงจำช่วงนั้น


นางกำลังจะไปแล้ว ซ้ำยังเป็นการเดินทางไกลแสนไกล นางไม่อยากมีเรื่องต้องเสียใจ จึงคิดอยู่ว่าควรจัดการก่อนไปดีหรือไม่


แต่นางมิกล้า นี่คือความทรงจำที่นางผนึกด้วยตนเอง รู้ดีว่ามิใช่เรื่องที่จัดการได้ง่าย ๆ มิฉะนั้น นางก็คงไม่ต้องผนึกความทรงจำตัวเองเช่นนี้


“ต้องคลาย มิฉะนั้น ข้าต้องเสียใจไปตลอดกาลแน่ ๆ…”


สุดท้าย นางตัดสินใจ คลายผนึกในช่วงเวลานี้


หากไม่คลายในยามนี้ รอจนคลายออกในภายหลัง เป็นไปได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว จนกลายเป็นเรื่องให้ต้องเสียใจไปตลอดกาล…


นางเค้นพลัง คลายผนึกความทรงจำ ปล่อยให้ความทรงจำช่วงนั้นกลับคืนมา!


หลี่จิ่วเต้า!


ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในใจนาง!
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ