ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 846ถึง 850
โลงโลหิตสั่นไหว สิ่งมีชีวิตในที่นั้นตกตะลึงเช่นกัน ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น ลำพังภาพวาดทั้งสองในมือสือเฟิงก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง น่าทึ่งเหลือแสน
“บุ่มบ่ามมิได้จริง ๆ!”
มันเอ่ยเสียงขึงขัง รำพันไปว่าที่มันกับมารกระดูกมิได้ตรงไปหาหลี่จิ่วเต้าเลยนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่ง
เพราะดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หลี่จิ่วเต้าน่าพรั่นพรึงและทรงพลังกว่าที่พวกมันคิดมาก!
“รีบจับกุมพวกเขาเอาไว้!”
มันบอกกับมารกระดูก
หลี่จิ่วเต้ายกสองภาพวาดระดับนี้ให้สือเฟิงได้ง่าย ๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงต่อการด้วยยากสุด ๆ พวกเขาจำต้องหารือกันอีกยาว ไม่ควรผลีผลามทำการใด
“ได้!”
มารกระดูกพยักหน้า ขณะที่รู้สึกตื่นเต้นยังมิลืมความน่าพรั่นพรึงของหลี่จิ่วเต้าที่สะท้อนให้เห็นจากการนี้
พวกมันจำต้องหารือกันอีกยาวจริง ๆ!
เสียงดังตู้ม มันลงมือโดยยื่นกรงเล็บกระดูกข้างหนึ่งออกไปจับตัวสือเฟิง หมายจะเปิดกะโหลกของสือเฟิง แล้วขุดสมองเขาออกมา
พวกมันจะได้คำตอบที่พวกมันต้องการจากสมองของสือเฟิง
“ฆ่า!”
สือเฟิงบุกออกไป แม้นรู้ดีว่ามันมิใช่คู่มือของมารกระดูก ทว่าเขามิอาจอยู่รอความตายเฉย ๆ!
ภาพวาดหยินหยางส่องประกาย แต่กลับถูกกรงเล็บกระดูกของมารกระดูกกำราบลง หม่นหมองสิ้นประกายในพริบตา
“เอาสมองของเจ้ามาเสีย!”
มารกระดูกหัวเราะเสียงเย็น กรงเล็บกระดูกข้างนั้นทลายขีดจำกัด ปรี่มาอยู่เหนือศีรษะสือเฟิงในเสี้ยวลมหายใจ สือเฟิงก็รู้สึกถึงกรงเล็บกระดูกที่กดทับบนหัวของตนเช่นกัน!
ไอเย็นพุ่งพรวดขึ้นจากฝ่าเท้าของสือเฟิง สือเฟิงรู้สึกว่าเขานั้นจบสิ้นแล้ว ต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
ทว่าเวลานั้นเอง แหวนเพชรบนมือสือเฟิงเปล่งแสงเจิดจ้าออกมาฉับพลัน กฎระเบียบอันน่าครั่นคร้ามโลดแล่นไม่หยุด กรงเล็บกระดูกของมารกระดูกถูกบดขยี้จนแหลกลาญอย่างสิ้นเชิง!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป มารกระดูกไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ
และหลังมันตั้งสติได้แล้วก็มีสีหน้าเหลือเชื่อ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
มันมิอาจเชื่อได้ลง แหวนเพชรวงเล็ก ๆ นี่ไยจึงน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ มีพลังสยดสยองมากมายปานนี้
สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตก็ตะลึงเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยสักนิด หลี่จิ่วเต้ามีของวิเศษมากขนาดไหนกัน ถึงได้ยกสมบัติให้สือเฟิงตั้งหลายชิ้นเยี่ยงนี้
“จริงสิ นี่คือของขวัญแต่งงานที่คุณชายมอบให้พวกเรา!”
ดวงตาของฉินซินวาวโรจน์ขณะเอ่ยกับสือเฟิง “ท่านพี่ ข้าจะช่วยท่านเอง!”
นางบุกไปหามารกระดูกด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม นางไม่เพียงแต่มีแหวนเพชรเท่านั้น คุณชายยังมอบเครื่องประดับเพชรให้นางครบชุดอีกด้วย!
นางที่เป็นเช่นนี้ ทรงพลังยิ่งกว่าสือเฟิงเสียอีก!
“ฆ่า!”
สือเฟิงหัวเราะร่วน หัวใจเบิกบานเปี่ยมล้น ความกังวลก่อนหน้ามลายสิ้น
นอกจากนี้ มันเองก็สะท้อนใจอย่างยิ่งยวด คุณชายก็คือคุณชาย คราใดได้ลงมือล้วนไม่ธรรมดา ของขวัญแต่งงานที่มอบให้พวกเขาแกร่งกล้าน่าทึ่งเป็นที่สุด!
“บังอาจนัก!”
มารกระดูกเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “อาหารก็คืออาหาร มียอดศาสตราในครอบครองแล้วอย่างไร ลงท้ายก็ต้องถูกสังหารอยู่ดี!”
มันสำแดงฝีมืออันทรงพลัง หมอกไอมุ่งร้ายแผ่ซ่านออกไป ภาพในปฐพีนี้สับเปลี่ยนเป็นสมรภูมิโบราณ ซากศพเปื้อนเลือดและโครงกระดูกมหาศาลตะเกียกตะกายออกมา บุกไปหาสือเฟิงและฉินซิน!
แหวนเพชรในมือสือเฟิงส่องประกาย ลำแสงน่าสะพรึงพวยพุ่ง ปรากฏการณ์ประหลาดอย่างสมรภูมิโบราณแหลกลาญ ซากศพเปื้อนเลือดและโครงกระดูกเหล่านั้นสลายกลายเป็นจุณกันหมด สลายไปอย่างสิ้นเชิง!
โครม!
โครงกระดูกสั่นไหว สิ่งมีชีวิตในนั้นเคลื่อนไหว อสนีบาตสีเลือดพาดผ่านนภา หนามดินนับคณาพุ่งขึ้นจากธรณี ประกบสังหารสือเฟิงและฉินซินจากทั้งสองด้าน
“ท่านพี่จัดการโครงกะโหลกนั่น ข้าจะจัดการโลงศพนี้เอง”
ฉินซินเอ่ย ส่องแสงไปทั่วร่าง แหวนเพชรและเครื่องประดับของนางต่างต้องประกาย พลังอันยิ่งใหญ่ไหลเวียน พริบตาเดียวก็ลบล้างอสนีบาตสีเลือดและหนามดินได้หมด!
“ได้!”
สือเฟิงเล็งเป้าไปที่มารกระดูก สร้างการเชื่อมต่อพิเศษบางอย่างกับแหวนเพชร เขาสามารถต่อสู้โดยควบคุมพลังในแหวนเพชร!
เสียงดังฟึ่บ เขาดึงทวนยาวเล่มหนึ่งซึ่งหลอมรวมจากพลังแหวนเพชรออกมาจากแหวน ควงทวนบุกไปหามารกระดูก
อีกด้าน ฉินซินก็สร้างการเชื่อมต่อพิเศษบางอย่างกับแหวนเพชร นางตั้งจิต พลังของแหวนเพชรและเครื่องประดับไหลเวียน กลายเป็นเกราะที่ห่อหุ้มตัวนางไว้
จากนั้น หญิงสาวแบมือ กระบี่วิเชียรเล่มหนึ่งพลันปรากฏอยู่ในมือนาง
มือตวัดกระบี่ด้วยท่วงท่าสง่าอาจหาญ บุกไปหาโลงโลหิตด้วยความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นเหลือคณา
มารกระดูกคำรามเสียงยาว กระดูกทุกท่อนในตัวต่างมีอักขระลึกล้ำประหลาดปรากฏขึ้นมาเพื่อเสริมกำลัง ช่วยให้กระดูกของมันยากจะแตกดับ
มันดึงกระดูกช่วงอกออกมาหนึ่งท่อน เข้าต่อสู้ดุเดือดกับสือเฟิง
โลงโลหิตนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า สายเลือดแดงฉานไหลรินลงจากโลงศพ ชวนผวาอย่างยิ่งยวด สั่นเพียงเบา ๆ ก็มีพลังมหาศาลทะลักออกมา สะเทือนถึงผืนฟ้า!
ฉินซินตวัดกระบี่วิเชียรในมือ ทลายพลังที่โจมตีออกจากโลงโลหิตได้ในทันใด มิหนำซ้ำแสงกระบี่ยังถล่มลงบนโลงโลหิต ทิ้งรอยลึกเอาไว้ โลงโลหิตยังเกือบถูกผ่าออก!
“ไอ้ระยำ!”
สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตคำรามเสียงต่ำ มิเคยคาดคิดเลยว่ามันจะถูกบีบคั้นถึงขั้นนี้ เจ้าตัวกระจอกเยี่ยงนี้กลับไล่ต้อนมันจนอยู่ในสถานการณ์เกือบจนตรอก!
เสียงดังตึง ฝาโลงเปิดออก เด็กอ้วนตนหนึ่งพุ่งออกมา มันจักสำแดงพลังพิฆาต ร่างจริงบุกออกมาแล้ว!
นี่คือเด็กอ้วนตัวขาวนวลอมชมพู ตุ้ยนุ้ยน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพริบตาที่ลงมือกลับสยดสยองน่าครั่นคร้ามเหลือแสน!
มืออ้วน ๆ สองข้างของมันโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว พลังกฎระเบียบพิเศษบางอย่างถักทอออกมา หลอมรวมเป็นภูเขาลูกใหญ่ ถล่มออกไปด้านหน้า!
การโจมตีนี้น่าสะพรึงสุด ๆ หากปะทุในเทวโลก ทั่วทั้งเทวโลกย่อมต้องย่อยยับไม่เหลือซาก!
ทว่าฉินซินมิได้เกรงกลัว กระบี่วิเชียรในมือฟาดฟันออกไปอย่างรวดเร็ว แสงกระบี่ลำแล้วลำเล่าปรี่เข้าไป บดขยี้ภูเขาลูกใหญ่ซึ่งหลอมขึ้นด้วยพลังกฎระเบียบบางอย่างนี้จนแหลกลาญ
เด็กอ้วนคำราม ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผิวทั้งตัวกลายเป็นสีดำคล้ำซ้ำยังแห้งเหี่ยว ดูมิมีความอมน้ำแม้แต่น้อย
มิหนำซ้ำมันยังมีหางงอกออกมา รวมถึงเขาเดี่ยวและปีกสีดำ ตาสองข้างแดงก่ำเหลือแสน!
“ไล่ต้อนข้าจนต้องอยู่ในสภาวะนี้ก่อนกำหนด เจ้าไม่มีทางรอดแน่!”
จิตสังหารของสิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตพวยพุ่ง โกรธแค้นอย่างยิ่งยวด
มันต้องใช้กายภาพทรงพลังที่สุดอย่างไม่เต็มใจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการฝึกฝนในภายหน้าของมันมหาศาล
เสียงดังตู้ม โลงโลหิตระเบิด เศษโลงศพปลิวเข้ามาบนตัวหมอน หลอมรวมกับเลือดเนื้อของมันกลายเป็นเกราะ
มันบุกออกไปข้างหน้า กล้าแกร่งขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ ถึงกับหยุดยั้งแสงกระบี่ที่กระบี่วิเชียรฟาดฟันเข้ามาได้!
เสียงดังฟิ้ว ปีกสีดำบนแผ่นหลังของมันสยาย พริบตาเดียวก็ปรี่มาอยู่ตรงหน้าฉินซิน ไวเสียจนตั้งตัวมิทัน!
เขาเดี่ยวบนศีรษะของมันกระแทกไปหาฉินซินอย่างแรง พลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงไหลเวียน ท่าทางไร้เทียมทาน!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ฉินซินตั้งตัวไม่ทันเลย และหลังนางตั้งสติได้แล้ว เขาเดี่ยวบนศีรษะสิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตก็โหม่งเข้ามาแล้ว
นางทำอันใดไม่ทัน เขาเดี่ยวของสิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตกระแทกกับตัวนาง!
เสียงดังตึง เสียงแตกกระจายดังออกมา ทว่ามิใช่ร่างของฉินซินที่ระเบิด หากแต่เป็นเขาเดี่ยวซึ่งกระแทกกับร่างของฉินซินที่แหลกลาญกลายเป็นผุยผง!
“อะไรกัน!”
สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตตกตะลึง ทั้งยังปวดใจเหลือคณา
นี่มิใช่เขาเดี่ยวธรรมดา หากแต่เป็นจุดที่ขุมปราณชีวิตทั้งตัวของมันหลอมรวมอยู่ หลังแตกสลายแล้วยากจะก่อกำเนิดใหม่ขึ้นอีก สร้างความเสียหายต่อมันตั้งไม่รู้เท่าไหร่!
ตึง! ตึง! ตึง!
อีกด้าน สือเฟิงผู้มีทวนวิเชียรในมือเกรียงไกรน่าครั่นคร้ามไม่แพ้กัน
มารกระดูกสำแดงวิชาลับบางอย่างเพื่อเสริมกำลังให้ตนเอง เปลี่ยนกระดูกของมันให้แข็งกล้าไร้เทียมทาน ทว่า เมื่ออยู่ใต้ทวนวิเชียรเล่มนี้ กระดูกของมันเรียกว่าทนทานมิได้เลย!
สู้กันได้ไม่เท่าไร โครงกระดูกของมันก็พังทลาย ท่อนกระดูกถูกทำลายไปมากมาย!
ผลกระทบต่อมันจากความเสียหายนี้มหาศาลเช่นกัน กระดูกเหล่านี้ล้วนเป็น ‘กระดูกจริง’ ของมัน หลังถูกทำลายไปขนาดนี้ ยากจะงอกเงยขึ้นใหม่อีก
“ไป!”
มันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เจ็บใจเป็นที่สุด ต้องมาถูกอาหารในสายตามันทำร้ายถึงปานนี้ มันโมโหจนอกแทบระเบิด
กระนั้นมันก็มิมีหนทาง ไม่ไปไม่ได้ ขืนอยู่ห้ำหั่นกับสือเฟิงที่นี่ต่อ เป็นไปได้ว่าชีวิตของมันอาจต้องจบสิ้นลงที่นี่ด้วย!
จากนั้น มันกัดฟันต้านการโจมตี แล้วสำแดงวิชาลับบางอย่างเพื่อหนีจากที่นี่
สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง หลังเขาเดี่ยวบนหัวมันแหลกลาญ มันก็ไม่เหลือความคิดอยากต่อสู้อีก เผ่นไปในทันที!
ทว่าการหลบหนีเช่นนี้หาได้ง่ายดาย มันต้องยอมจ่ายด้วยราคาสูง ร่างกายถูกฟันขาดไปครึ่งท่อนถึงหนีจากที่นั่นมาได้!
“ตัวบ้าอะไร บังอาจหมายหัวคุณชาย!”
สือเฟิงเอ่ยด้วยดวงตาวาวโรจน์ “หากได้พบกันอีก ข้าจะต้องกำจัดให้หมด!”
...
ขณะเดียวกัน ว่านเซวียนมาถึงสำนักไท่หัว ซึ่งตั้งอยู่ในแดนบูรพาทิศแห่งเหยียนโจว
นางเองก็มิกล้าบุกไปหาหลี่จิ่วเต้าโดยตรง คิดจะรู้เรื่องหลี่จิ่วเต้าให้มากกว่านี้ก่อน
และนางหมายหัวเซี่ยเหยียนไว้
เซี่ยเหยียนสนิทชิดเชื้อกับหลี่จิ่วเต้าที่สุด เรื่องนี้เป็นที่รู้กันทั่วของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ หากนางกำราบเซี่ยเหยียนได้ ย่อมได้รู้เรื่องราวของหลี่จิ่วเต้าจากเซี่ยเหยียนอีกมาก
“เซี่ยเหยียนยังไม่กลับมาอีกหรือ ไม่เป็นไร ข้าจะรอนางกลับมาอยู่ที่นี่”
สีหน้าของนางราบเรียบ พริบตาเดียวก็ปราบทั้งสำนักไท่หัวลง ก้าวเดินอยู่ในสำนักไท่หัวได้อย่างไร้อุปสรรค มิมีผู้ใดสามารถหยุดยั้ง
ระหว่างนั้น ภาพวาดภาพหนึ่งในสำนักไท่หัวส่องแสง เปล่งประกายออกมาสังหารว่านเซวียน แต่กลับถูกซ่านเซวียนลบล้างไปได้ง่ายดาย
นั่นคือภาพวาดเขาไท่หัว เป็นภาพที่หลี่จิ่วเต้ามอบให้บรรพจารย์แห่งสำนักไท่หัว เวิงอู๋โยว ต่อมา เวิงอู๋โยวนำมาแขวนไว้ในสำนัก
“ภาพนี้น่าสนใจยิ่ง…หลี่จิ่วเต้าเอ๋ยหลี่จิ่วเต้า เจ้าเป็นใครกันแน่ แล้วมีไพ่ตายในมืออีกกี่ใบเชียว”
นางไพล่มือสองข้างไว้ด้านหลัง พึมพำเสียงเบากับตนอยู่หน้าภาพวาดไท่หัวขณะจ้องมองมัน
...
อีกด้าน ในแดนบูรพาทิศแห่งเหยียนโจวเช่นกัน เซียนปีศาจเก้าหางก็มาที่นี่ด้วย
นางสังเกตเห็นจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงที่หลี่จิ่วเต้าอุ้มไว้ในอ้อมอก จึงหมายหัวจิ้งจอกน้อย คิดจะสืบเสาะเรื่องราวของเขาจากมัน
ร่องรอยทุกอย่างบ่งบอกว่าหลี่จิ่วเต้ามิอาจจัดการได้ง่าย ๆ นางเองก็รอบคอบมากเช่นกัน มิได้บุกเข้าไปยังเมืองชิงซาน
“ที่นั่นเป็นฐานทัพใหญ่ของเขา หากไม่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่ควรเข้าไปง่าย ๆ”
นางรู้ว่าหลี่จิ่วเต้าพำนักอยู่ในเมืองชิงซาน ทว่ามิกล้าตรงเข้าไป
บุรุษผู้เล่นกับไฟคนนี้น่าชิงชังยิ่งนัก กระนั้นก็มิอาจดูแคลน
ตั้งจิตเพียงครั้งเดียว นางก็จับพิกัดของเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ได้ นี่คือเผ่าของจิ้งจอกน้อย ขอบเขตของนางสูงจนมิต้องพยากรณ์หรือจับสัมผัสอันใด ก็รับรู้ความเชื่อมโยงทางสายเลือดระหว่างเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์กับจิ้งจอกน้อยได้
ลมหายใจต่อมา นางมาถึงเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ สยบนารีจิ้งจอกสวรรค์ลงทั้งหมด
“ส่งข้อความไปหาจิ้งจอกน้อยของพวกเจ้า ให้นางกลับมาที่นี่”
นางเอ่ยกับหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ด้วยสีหน้าราบเรียบ
จ้าวอสนีบาต อสูรยักษ์ และข่งอวิ๋นจับมือรวมกลุ่มกัน พวกเขารู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อยยามเข้าไปในเขาหลิงซานของพระพุทธศาสนา แต่ก็ต้องการรู้เรื่องราวสถานการณ์ของหลี่จิ่วเต้าจากต้าเต๋อ
“พวกเราต้องตระหนักเอาไว้ หากสถานการณ์ไม่ดีต้องรีบถอยทันที!”
“ไม่อาจกระทำการโดยประมาท!”
“พุทธศาสนาหาใช่สถานที่ธรรมดาแต่อย่างใด ยังดีที่ร่างจริงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ พระพุทธศาสนาในหน้าฉากถูกสร้างขึ้นจากความคิดของพระอมิตาภะพุทฑเจ้า แทบไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับร่างจริงของพระอมิตาภะพุทธเจ้า!”
เมื่อพวกเขาทั้งหมดร่วมมือกันก็ทำให้ได้รับความมั่นใจขึ้นมาบ้าง หากมีเพียงคนใดคนหนึ่ง พวกเขาคงไม่กล้าทำเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต่างอันใดกับการรนหาที่ตายและไม่มีจุดจบอื่นใดอีก
เขาหลิงซานสูงตระหง่าน แสงพุทธะแผ่ขจรขจาย ภายในใจของทั้งสามเปี่ยมด้วยอารมณ์มากมาย พระอมิตาภะพุทธเจ้าในโลกฉากหลังคือผู้ที่แข็งแกร่งบนจุดสูงสุดอย่างแน่นอน พวกเขาตระหนักในเรื่องนี้ ย่อมไม่กล้าลงมืออันใดกับพุทธศาสนา
พระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นต่อสู้อยู่ในแนวหน้าของสมรภูมิความมืด เช่นนั้นจะมีเวลาไปดูแลเรื่องอื่นได้อย่างใด มีข่าวว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นห้าวหาญเป็นพิเศษ เคยพุ่งเข้าไปสังหารศัตรูถึงส่วนลึกของสมรภูมิความมืด จัดการสิ่งมีชีวิตมืดมิดไปจำนวนมาก
แต่ก็เป็นเพราะเหตุนี้เอง จึงเกิดเรื่องขึ้นกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า เคยมียอดฝีมือจากโลกฉากหลังเห็นลมหายใจมืดมิดรอบล้อมพระอมิตาภะพุทธเจ้า ราวกับถูกความมืดกัดกร่อน
ทว่าลมหายใจมืดมิดก็ถูกพระอมิตาภะพุทธเจ้าชำระล้างไปในทันที เหล่ายอดฝีมือในฉากหลังไม่อาจทราบได้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าเป็นเช่นไร
แต่สิ่งหนึ่งที่มันใจได้ ก็คือพระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือวางแผนการอันใดกับหน้าฉาก
พระพุทธศาสนาในฉากหลัง สาวกทุกคนต่างอยู่ในสมรภูมิความมืด พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ละทิ้งทางเหลือรอดเอาไว้ให้ตัวเอง ใช้แสงพุทธะของตนส่องผ่านความมืด ตั้งมั่นรักษาสมรภูมิแห่งความมืดเอาไว้ เช่นนั้นจะยังสามารถมาวางแผนการอันใดในฉากหน้าได้อย่างไร?
ไม่มีทาง!
ทว่าถึงกระนั้น จ้าวอสนีบาต อสูรยักษ์ และข่งอวิ๋นก็ไม่กล้าก่อเรื่องที่เขาหลิงซาน
พวกเขาสุภาพเป็นอย่างมากเมื่อเข้าพบพระอมิตาภะพุทธเจ้า ขอให้พระอมิตาภะพุทธเจ้าช่วยเรียกต้าเต๋อกลับมา
“นี่...ผิดปกติอย่างแท้จริง! ร่างแยกความคิดหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้า กลับถูกขับไล่จนต้องหนีไป!”
สีหน้าของจ้าวอสนีบาตจริงจังเป็นอย่างยิ่ง เขารับรู้ถึงเศษเสี้ยวของความคิดพระอมิตาภะพุทธเจ้า ยามแรกเขาคิดจะพูดคุยกับความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าความคิดนั้นจะถูกบีบจนต้องถอยรนไปแล้ว
เหตุใดจึงทำเช่นนี้ได้?
เขาไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า ทว่าความคิดของเขาก็ไม่ได้ธรรมดาแต่อย่างใด กลับถูกสิ่งมีชีวิตหน้าฉากยับยั้งและขับไล่ไปได้ ช่างน่าตื่นตะลึงไปแล้ว!
ดูเหมือนว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้จะพิเศษอย่างแท้จริง
ต้าเต๋อติดตามหลี่จิ่วเต้า ดังนั้นเขาจะต้องยื่นมือช่วยเหลืออย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์คงไม่ออกมาเป็นเช่นดังกล่าว
“อามิตาพุทธ!”
พระอมิตาพุทธเจ้าท่องออกมา ทำตามคำพูดของจ้าวอัสนีบาตโดยไม่เอ่ยอันใดมากมาย เขาหยิบศาสตราสื่อสารออกมาติดต่อให้ต้าเต๋อรีบกลับ
เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของพวกจ้าวอสนีบาต ทั้งสามคนอยู่ไกลเกินกว่าระดับที่เขาจะสามารถรับมือได้ หากไม่ทำตาม เกรงว่าเขาหลิงซานจะต้องสูญสิ้น
เขาไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของต้าเต๋อแม้แต่น้อย
กลับกัน เขาแทบจะทนรอต้าเต๋อให้มาถึงไม่ไหวแล้วเสียด้วยซ้ำ
ร่างของต้าเต๋อทั้งหมดคือสมบัติ ไม่ว่าพวกจ้าวอสนีบาตจะน่ากลัวแค่ไหนก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้
เขาเคยเห็นความสามารถของคุณชายด้วยตาตัวเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกจ้าวอสนีบาตจะรับมือได้อย่างแน่นอน
...
อึก อึก!
ตาเฒ่าขี้เมายกน้ำเต้าสุราขึ้นกระดกอึกใหญ่ พวกเขาเองก็เริ่มเคลื่อนไหว ตรงมาถึงบูรพาทิศของเหยียนโจว
เขามุทะลุดุดันอย่างแท้จริง ไม่ได้มีความตั้งใจจะสืบเสาะเรื่องของหลี่จิ่วเต้าจากคนรอบตัวแม้แต่น้อย และวางแผนจะไปพบหลี่จิ่วเต้าที่เมืองชิงซานโดยตรง
นั่นคือฐานที่มั่นของหลี่จิ่วเต้า เขานับว่ากล้าหาญเป็นอย่างมาก ไม่มีความกลัวเกรงแต่อย่างใด
“ก็เพียงแค่ร่างอวตาร ไม่มีเรื่องอันใดต้องกลัว...”
เขาเรอสุราแล้วเอ่ยออกมา
ผู้ที่เคยสำแดงฝีมือสะท้านฟ้าออกมา แท้จริงเป็นเพียงแค่ร่างอวตาร? กระทั่งมารกระดูกและโลงโลหิตก็ไม่รู้เรื่องนี้!
ชายชราผู้นี้นับว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!
“พลังมืดมิดหลั่งไหลเข้ามา กระทั่งดาบโลหิตและกระโปรงสีขาวแห่งความตายก็ปรากฏที่นี่เพื่อจัดการกับตัวแปรผิดแผก”
เขารำพึงกับตัวเอง ดวงตาของเขาไม่ได้เลอะเลือน มีสติแจ่มชัดเป็นอย่างยิ่ง
“หรือว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นคือตัวแปรผิดแผก?”
ตัวเขาเองไม่ได้ธรรมดาแต่อย่างใด ร่างจริงนั้นคอยปักหลักอยู่ในสมรภูมิมืดมิด ทั้งยังเคยต่อกรกับกระโปรงสีขาวแห่งความตายมาก่อน รู้ดีว่ากระโปรงสีขาวแห่งความตายน่ากลัวมากเพียงใด
“หากเขาคือตัวแปรผิดแผกนั้นจริง ข้าก็สามารถชี้แนะบางอย่างให้เขาสักหน่อยได้”
เขาเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
ตัวแปรผิดแผกหรือ เห็นได้ชัดว่ายังไม่เติบโตขึ้นดี หากเติบโตขึ้นดีแล้ว เช่นนั้นจะเรียกว่าผิดปกติได้อย่างไร แต่จะกลายเป็นตัวตนพิเศษต่างหาก
...
ยอดเขาที่กระบี่ฉุนจวินเคยปักอยู่
เมื่อครั้งเกิดการต่อสู้ มารกระดูก โลงโลหิต และเหล่าผู้แข็งแกร่งจากโลกฉากหลังปะทะกันอย่างดุเดือด ทำให้มีเลือดจำนวนไม่น้อยหลั่งรินออกมา
เลือดของปีศาจกระดูก โลงโลหิตและผู้แข็งแกร่งจากโลกหลังฉากล้วนไม่สลายตามกาล อยู่ไปชั่วนิรันดร์ ทั้งยังคงพลังอันอนันต์เอาไว้ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่อาจเข้าใกล้ได้ ไม่ต้องพูดถึงการเก็บรวบรวมเลย
อย่างไรก็ตามตอนนั้นเอง เลือดก็ไหลซึมลงสู่พื้นทีละนิดราวกับว่ากำลังถูกสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่อยู่ใต้ดินดูดซับไป!
ครืดดด!
ใต้ดินมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่จริง เสียงหายใจที่ดังขึ้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก กระทั่งกฎแห่งสวรรค์และโลกยังถูกรบกวนจนบิดเบี้ยว!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้วที่กระบี่ฉุนจวินอยู่ที่นี่เพื่อสะกดสิ่งมีชีวิตนี้เอาไว้ใช่หรือไม่?
หากเป็นเรื่องจริง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ดินจะต้องน่าหวาดหวั่นมากถึงเพียงใดกัน? ถึงจำเป็นต้องใช้กระบี่ฉุนจวินในการกำราบ!
ยามนั้นเมื่อหลี่จิ่วเต้านำกระบี่ฉุนจวินออกมา เป็นผลให้กระบี่ฉุนจวินในตอนนั้นระเบิดแสงกระบี่สะท้านฟ้าหมายสังหารหลี่จิ่วเต้า
ผลกลับกลายเป็นว่าแสงกระบี่สลายหายไปอย่างกะทันหัน ทำให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากกระทั่งหลี่จิ่วเต้าคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับกระบี่ฉุนจวิน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้ดินงั้นหรือ?
เป็นสิ่งมีชีวิตใต้ดินที่ลงมือขัดขวางกระบี่ฉุนจวินใช่หรือไม่?
ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ดินจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
...
ณ เมืองชิงซาน
ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
พวกเขากลับมาถึงนานแล้ว เมิ่งจี ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน และคนอื่น ๆ ต่างแยกย้ายกลับไประหว่างทาง ส่วนเซี่ยเหยียน ต้าเต๋อ และพวกอ้ายฉานต่างตามหลี่จิ่วเต้ากลับมา
“กลับมาเถิด ภายในสำนักมีเรื่องบางอย่างต้องหารือกับเจ้า”
ศาสตราสื่อสารบนร่างของเซี่ยเหยียนสว่างขึ้น เป็นเวิงอู๋โยวที่ติดต่อมา
“เป็นผู้เฒ่าเวิงนี่เอง ในเมื่อมีเรื่องจนต้องตามเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถิด”
หลี่จิ่วเต้าที่อยู่ด้านข้างได้ยินเสียงของเวิงอู๋โยว ก็กล่าวกับเซี่ยเหยียนด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง”
เซี่ยเหยียนพยักหน้า กล่าวอำลาคุณชายและพวกลั่วสุ่ย ก่อนจะจากไปโดยไม่คิดอันใดมากมาย
“พวกเจ้าอยู่เล่นที่นี่ไปก่อนก็ได้ ข้าจะไปพักผ่อนเสียหน่อย”
หลี่จิ่วเต้าบิดขี้เกียจ เอ่ยกับพวกต้าเต๋อ และขอตัวเข้าบ้านไปพักผ่อน
ไม่นานหลังจากนั้น ต้าเต๋อก็ได้รับการติดต่อจากพระอมิตาภะพุทธเจ้า บอกให้เขารีบกลับไปยังเขาหลิงซาน
“คุณชายไปพักผ่อนแล้ว ข้าไม่อาจไปกล่าวลาได้ เพราะไม่อยากจะรบกวนการพักผ่อนของคุณชาย”
ต้าเต๋อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ฝากให้ลั่วสุ่ยช่วยบอกกล่าวกับคุณชายในภายหลังว่าเขากลับไปแล้ว
“ตกลง”
ลั่วสุ่ยพยักหน้า หลังจากนั้นต้าเต๋อก็จากไป
เมื่อต้าเต๋อไปแล้ว ทางด้านจิ้งจอกน้อยก็ได้รับการติดต่อจากหัวหน้าเผ่าให้กลับไป
“ตกลง”
จิ้งจอกน้อยไม่ได้สงสัยแต่อย่างใด เตรียมจากไปพร้อมจิ้งจอกขาว
“นี่ไม่ถูกต้อง!”
ในตอนนั้นเอง ลั่วสุ่ยพลันขมวดคิ้ว หยุดสุนัขจิ้งจอกทั้งสองไว้
“เหตุใดจึงเกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหันกับทุกคนกัน?”
ลั่วสุ่ยสังหรณ์ขึ้นมาว่ามีบางอย่างผิดแผกไป นี่มันดูแปลกประหลาดเกินไป
‘หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับพวกมารกระดูกเหล่านั้น?’
นางคิดในใจ
พวกมารกระดูกต่างก็ล้วนไม่ธรรมดา เมื่อกระบี่ฉุนจวินถูกคุณชายนำมา นางรู้สึกว่าพวกมารกระดูกจะไม่มีวันยอมปล่อยไป
‘ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นไปที่สำนักไท่หัว พุทธศาสนา และเผ่าของจิ้งจอกน้อยหรอกกระมัง?’
นางรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้อย่างมาก ไม่เช่นนั้นจะเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
นางเอ่ยกับจิ้งจอกน้อย
ด้านเซี่ยเหยียนกับต้าเต๋อ นางไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย คุณชายได้มอบสมบัติจำนวนมากให้เซี่ยเหยียนกับต้าเต๋อ ไม่ว่าพวกมารกระดูกจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจคุกคามต้าเต๋อและเซี่ยเหยียนได้
แต่พวกจิ้งจอกน้อยไม่ได้เป็นเช่นนั้น
พวกนางไม่มีสมบัติอันใดติดตัว หากเป็นพวกมารกระดูกจริง เกรงว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับพวกนางเป็นแน่
หลังจากนั้นนางก็ออกจากลานเล็ก ๆ ไปพร้อมกับจิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาว
“ผู้อาวโสหลิว ผู้อาวุโสก้อนหิน!”
“ผู้อาวุโสทั้งสอง!”
เมื่อออกจากเมืองซิงชานมาจนถึงข้างแม่น้ำสายเล็ก ลั่วสุ่ยและพวกจิ้งจอกก็เอ่ยทักทายต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน
“อืม”
ต้นหลิวกล่าว “พวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย ข้าไม่คิดว่าเรื่องราวจะเรียบง่ายเพียงนั้น”
เซี่ยเหยียนกับต้าเต๋อก่อนจากไปก็มาทักทายพวกมันเช่นกัน มันจึงรู้ว่าทั้งสองคนล้วนได้รับการติดต่อ และจำเป็นต้องกลับไป
ตอนนี้จิ้งจอกน้อยเองก็เป็นเช่นเดียวกัน
มันคิดเหมือนกับลั่วสุ่ย รู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เรียบง่าย
“พวกเราไม่ไปดูหน่อยหรือ?”
เจ้าก้อนหินเอ่ยขึ้นมา
ต้นหลิวไม่ได้เอ่ยอันใด ทว่ากิ่งหลิวขยับไหวอย่างรุนแรง
“อย่าเพิ่ง พวกเรายังมีเรื่องที่จำเป็นต้องทำ”
เสียงของต้นหลิวเย็นชา “มีคนกําเริบเสิบสานกำลังมุ่งตรงมา ไม่แน่ว่าต้องการลงมือกับคุณชาย”
“จริงหรือ?”
เจ้าก้อนหินตกตะลึง กระตุ้นญาณสัมผัสเต็มที่ ทว่ากลับไม่อาจสัมผัสสิ่งใดได้
“คนอยู่ที่ใด?”
มันอดถามออกมาไม่ได้
“ไม่ต้องรีบ กำลังมาแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ก็ได้”
ต้นหลิวกล่าว เห็นได้ชัดว่ามันแข็งแกร่งกว่าเจ้าก้อนหิน จึงสามารถสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง
“ผู้อาวุโสทั้งสองโปรดระวังตัวด้วย!”
ลั่วสุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน จากนั้นก็รีบตรงไปยังเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กับพวกจิ้งจอกน้อย
...
ณ สำนักไท่หัว
เพียงไม่นานเซี่ยเหยียนก็กลับมาถึงภายในสำนัก
ยามนี้นางเติบโตขึ้นแล้ว มีความคิดและจิตใจที่รอบคอบมากขึ้น ทันทีที่มาถึงภายในนิกาย นางก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ สีหน้าของเหล่าศิษย์ในนิกายนั้นไม่ปกติ!
“ผู้ใด?”
นางเอ่ยถามเสียงเย็นชา แน่ใจได้ในทันทีว่ามีตัวตนบางอย่างมายังสำนักไท่หัว
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าเพียงแค่มาเพื่อสอบถามเรื่องบางอย่างจากเจ้า”
ว่านเซวียนเดินออกมา ด้วยอาภรณ์สีขาวทำให้นางดูบริสุทธิ์ไร้มลทินไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลีแต่อย่างใด
ผมของนางเงาขลับ รูปร่างสมบูรณ์แบบ หน้าตางดงาม ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกยากที่จะไม่เคารพ
สิ่งที่แปลกเป็นอย่างมากก็คือเห็นได้ชัดว่านางอยู่เบื้องหน้าเซี่ยเหยียน ทว่าเซี่ยเหยียนกลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจของว่านเซวียนแม้แต่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขอบเขตของว่านเซวียนจะต้องสูงกว่านางมาก
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะสอบถามเรื่องอันใด แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คือ อย่าได้คิดฝันไปเลย ข้าไม่มีทางบอกอันใดกับเจ้า!”
เพียงพริบตาแรก เซี่ยเหยียนก็รู้ได้ทันทีว่าเหตุใดว่านเซวียนจึงมาที่นี่
ว่านเซวียนพุ่งเป้าไปที่คุณชาย ต้องการจะทราบสถานการณ์ของคุณชายจากนาง
“น้องสาวอย่าได้เอ่ยวาจาเด็ดขาดเช่นนั้นเลย”
ว่านเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแส “หากทำให้ข้าโกรธขึ้นมา เกรงว่าน้องสาวคงรับมือไม่ไหว!”
นางมั่นใจเป็นอย่างมากยามเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมา เตือนเซี่ยเหยียนให้พูดออกมาดี ๆ
อย่าได้ยั่วยุข้า เจ้าไม่อาจรับมือข้าได้!
เซี่ยเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ว่านเซวียนที่อยู่เบื้องหน้านางมีความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก!
แม้เป็นความจริงที่ขอบเขตของนางไม่อาจเอาไปเปรียบเทียบกับว่านเซวียนได้ แต่บางเรื่องก็ไม่อาจตัดสินจากเพียงขอบเขตเท่านั้น!
“หากเจ้ากล้าก็เข้ามา!”
สีหน้าของเซี่ยเหยียนเรียบเฉย นางออกจากสำนักและทะยานไปอยู่เหนือฟ้าทันที
หลังจากนี้จะต้องเกิดการปะทะขึ้นอย่างแน่นอน นางไม่มีทางควบคุมขอบเขตความเสียหายและตัดความกังวลเรื่องที่จะเกิดผลกระทบต่อสำนักไท่หัวได้
เมื่อออกไปด้านนอกอาณาจักรแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป
“หืม?”
สิ่งที่เซี่ยเหยียนเอ่ยทำให้ว่านเซวียนเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย
นี่คืออันใดกัน? คำพูดราวกับว่านางเป็นผู้ไร้เทียมทาน!
นางส่งเสียงหัวเราะออกมา ตนจะไม่กล้ารับคำท้าได้อย่างไร ดอกบัวพลันเบ่งบานใต้ฝ่าเท้า พานางออกมาด้านนอกอาณาจักร
เซี่ยเหยียนรั้งคันศรขึ้น ลูกศรทะยานผ่านจักรวาลอันเปี่ยมด้วยดวงดาราด้านนอกอาณาจักรเข้าใส่ว่านเซวียน
นางรู้ว่าว่านเซวียนนั้นรับมือได้ยาก ด้วยเหตุนี้จึงเตรียมเปิดใช้งานพลังทั้งหมดของคันศรราชันเท่าที่นางทำได้ไว้ล่วงหน้า
“หืม เป็นศันศรที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
ว่านเซวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เกิดความสนใจในคันศรของเซี่ยเหยียน นี่นับได้ว่าเป็นสมบัติชั้นยอด แม้จะเทียบกับเหล่าสมบัติในฉากหลัง ก็ยังนับว่าแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย
“น่าเสียดาย เจ้าไม่อาจใช้พลังของมันออกมาได้อย่างเต็มความสามารถ”
ว่านเซวียนโบกมือ แสงสีขาวหลั่งไหลออกมา ลูกศรถูกทำลายจนสลายหายไปภายในพริบตา
“นี่คือสิ่งที่หลี่จิ่วเต้ามอบให้เจ้าอย่างนั้นหรือ? เขามีเบื้องหลังความเป็นมาเช่นไร? มีเส้นสนกลในมากน้อยเพียงใดที่เจ้ารู้?”
ว่านเซวียนเอ่ย น้ำเสียงของนางเปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ให้ความรู้สึกไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ ทั่วร่างถูกปกคลุมด้วยประกายแสง แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ
เซี่ยเหยียนคิดแล้วไม่แปลกใจ นางเคยเห็นความแข็งแกร่งของว่านเซวียนมาก่อน ย่อมเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่อาจจัดการได้ด้วยคันศรราชัน
นางนำของชิ้นอื่นออกมา มันคือจี้หยกวิหคเพลิงที่คุณชายเคยให้นางไว้นานแล้ว
เมื่อครั้งที่ขอบเขตของนางยังต่ำ นางไม่อาจเปิดใช้งานจี้หยกวิหคเพลิงได้ มันจะระเบิดพลังออกมาเองก็ต่อเมื่อนางเผชิญหน้ากับอันตราย ช่วยเหลือนางจากวิกฤติ
ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เมื่อขอบเขตของนางสูงขึ้น นางก็ค่อย ๆ สร้างความเชื่อโยงกับจี้หยกวิหคเพลิง สามารถเปิดใช้งานพลังที่อยู่ด้านในจี้หยกวิหคเพลิงได้
เสียงวิหคกู่ร้องดังออกมา จี้หยกวิหคเพลิงส่องแสงเจิดจ้า สายลมผันผวน พริบตาเดียวก็กลายเป็นวิหคขนาดใหญ่นำพลังสะท้านฟ้าพุ่งเข้าหาว่านเซวียน
“ยังมีสมบัติอีกหรือ?!”
ม่านตาของว่านเซวียนหดลง ไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าบนร่างของเซี่ยเหยียนจะมีสมบัติชิ้นอื่น ๆ อยู่อีก!
อย่างไรเสียเพียงแค่คันศรราชันบนร่างของนางก็ชวนทำให้ผู้คนตื่นตะลึงแล้ว!
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากจี้หยกวิหคเพลิง สีหน้าของนางพลันจริงจัง สูญเสียความไม่แยแสในตอนแรกไปแล้ว
นางเรียกกระบี่ สำแดงสุดยอดวิชากระบี่ออกมา แสงกระบี่พร่างพรายทั่วนภา ดาวดวงแล้วดวงเล่าระเบิดออกด้วยแสงกระบี่
แสงกระบี่เต็มท้องนภาเข้าปะทะกับจี้หยกวิหคเพลิง เกิดเป็นแสงสว่างโชติอย่างถึงที่สุดระเบิดออกมา ประหนึ่งจักรวาลโกลาหลจะทลาย ภายนอกอาณาจักรเต็มไปด้วยความสว่างไสวไร้ซึ่งความมืด
ต้องกล่าวว่าว่านเซวียนแข็งแกร่งมากอย่างแท้จริง นางสามารถสะกัดพลังที่จี้หยกวิหคเพลิงปะทุออกมาได้!
แข็งแกร่งถึงเพียงนี้?
เซี่ยเหยียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
จี้หยกวิหคเพลิงนั้นแตกต่างจากคันศรราชัน พลังความแข็งแกร่งที่คันศรราชันสามารถระเบิดออกมาได้ ขึ้นอยู่กับว่านางประสบความสำเร็จบนเส้นทางคันศรมากเพียงใด
ทว่าจี้หยกวิหคเพลิงนั้นต่างออกไป เมื่อเปิดใช้งานพลังทั้งหมดก็สามารถสำแดงออกมาได้ การที่ว่านเซวียนสามารถสกัดกั้นการโจมตีของจี้หยกวิหคเพลิงได้ นับว่าไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง!
แต่นางก็หาได้กังวล
“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น”
เซี่ยเหยียนโบกมือ จี้หยกวิหคเพลิงลอยกลับไปในทันที
แม้จี้หยกวิหคเพลิงจะเป็นผลงานที่คุณชายทำขึ้นเองกับมือ แต่ก็ยังด้อยกว่าสมบัติชิ้นอื่น ๆ ของคุณชายอยู่มาก
กล่าวได้ว่าไม่ใช่เพียงแค่จี้หยกวิหคเพลิงเท่านั้น กระทั่งหยกแกะสลัก อักษร และภาพวาดในร้านของคุณชาย หลังจากที่นางได้รู้จักกับคุณชายมาเป็นเวลานาน จึงทราบว่าของเหล่านั้นเป็นเพียงผลงานที่ทำขึ้นมาเล่น ๆ
สิ่งที่คุณชายทำขึ้นมาด้วยความตั้งใจจริงนั้น ห่างชั้นกว่าของภายในร้านเป็นอย่างมาก
“เพิ่งเริ่ม?”
สีหน้าของว่านเซวียนแปรเปลี่ยน นางอดเอ่ยออกมาไม่ได้ว่า “บนตัวเจ้ายังมีสมบัติอีกหรือ?”
“ย่อมมี!”
สีหน้าของเซี่ยเหยียนสงบนิ่ง ก้าวออกมาด้านหน้าอย่างแผ่วเบา ทั้งอาภรณ์เต็มไปด้วยจังหวะเต๋าสูงสุด เปล่งแสงเจิดจ้า เต๋าและกฎเกณฑ์อันไม่อาจจินตนาการถึง
นี่คือชุดที่คุณชายตัดเองกับมือเพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดนาง!
หลังจากนั้นนางก็ดึงปิ่นหยกออกมาจากบนศีรษะ พริบตาเดียวมันก็กลายเป็นทวน!
ยามที่นางเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วกับคุณชาย ครั้งหนึ่งคุณชายบังเอิญพบเจอหยกบนภูเขาเข้า จึงนำมาทำเป็นปิ่นหยกมอบให้นาง
แน่นอนว่านางไม่ใช่ผู้เดียวที่ได้รับเครื่องประดับหยก ทั้งลั่วสุ่ย หลิงอิน และพวกอ้ายฉานเองก็ต่างได้รับ
‘คุณชายยังคงเอ็นดูลั่วสุ่ยมากอยู่ดี!’
นางเอ่ยในใจด้วยความอิจฉา
คุณชายมักจะปฏิบัติมอบความเอ็นดูอย่างเท่าเทียม ของส่วนใหญ่ล้วนมอบให้กับทุกคน น้อยชิ้นนักจะมอบให้เพียงผู้เดียว
ลั่วสุ่ยนั้นต่างออกไป
ชุดเครื่องเพชรที่ลั่วสุ่ยมีอยู่ นางนั้นไม่มี กระทั่งหลิงอินเองก็ไม่มี
เห็นได้ชัดว่าลั่วสุ่ยนั้นใกล้ชิดกับคุณชายมากที่สุด
“หอคอยใกล้น้ำย่อมได้ยลจันทร์ก่อน*[1] ลั่วสุ่ยอยู่กับคุณชายตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้ แต่ข้าไม่มีวันยอมแพ้!”
นางเอ่ยขึ้นมาในใจ แม้ว่าตอนนี้ลั่วสุ่ยจะใกล้ชิดกับคุณชายมากกว่า ทว่าเวลาหลังจากนี้ยังอีกยาวนาน!
“!!!”
อีกด้านหนึ่ง ว่านเซวียนรู้สึกตื่นตะลึงยิ่ง
ของพวกนั้นมันคืออันใดกัน บนตัวของเซี่ยเหยียนยามนี้สามารถกล่าวได้เลยว่าเต็มไปด้วยสมบัติ!
สมบัติมากมายเหล่านี้มาจากที่ใดกัน!
พริบตานั้นเอง นางก็ตระหนักได้ทันทีว่าหลี่จิ่วเต้าจะต้องน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าที่นางคิดเอาไว้!
‘โลกฉากหน้าช่างลึกล้ำยิ่ง!’
นางคิดในใจอย่างอดไม่ได้ เพราะไม่เชื่อว่าสมบัติเหล่านี้เป็นหลี่จิ่วเต้าที่สร้างขึ้นมา และคิดว่าสมบัติเหล่านี้ล้วนมาจากเส้นสนกลในอันแสนไม่ธรรมของโลกหน้าฉาก
ไม่น่าแปลกใจเลยที่กระทั่งปรโลกและปริภูมิเวลาต้องการจะวางกฎเกณฑ์เอาไว้ที่หน้าฉาก!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พลังมืดมิดต้องการบุกเข้ามาในหน้าฉาก และใช้หลังฉากเป็นแค่ทางผ่าน
แท้จริงแล้วหน้าฉากน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้!
“ค่ายกลกระบี่!”
นางไม่อาจล่าถอยไปกลางทางเช่นนี้ได้ สองมือรีบผนึกเข้าหากัน สร้างขึ้นเป็นค่ายกลกระบี่โจมตีพุ่งออกไปด้านหน้า
นี่คือมหาค่ายกลกระบี่ที่เกือบจะครอบคลุมทั้งบริเวณภายนอกอาณาจักร กระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา แผ่พลังอันเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวกวัดแกว่งเข้าใส่!
นี่เป็นวิชาสังหารของนาง ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังในระดับเดียวกันยังอดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้ สามารถคุกคามสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างแท้จริง!
ดาราบนผืนนภาพังทลาย กลายเป็นหมู่ละอองดาว กระบี่ทุกเล่มเปี่ยมด้วยพลังน่าพรั่นพรึงยิ่ง สามารถทำลายทุกสิ่งให้สลายสิ้นได้
เซี่ยเหยียนกวัดแกว่งทวนในมือ พลังอันน่าหวาดหวั่นระเบิดออกมา ทำลายกระบี่จำนวนมากทิ้งไป!
มีกระบี่อีกจำนวนไม่น้อยที่แทงใส่ด้านหลังของเซี่ยเหยียน ทว่าเมื่อกระบี่เหล่านั้นสัมผัสเสื้อผ้าของเซี่ยเหยียนก็ถูกพลังด้านในนั้นบดขยี้จนหมดสิ้น ไม่อาจแม้กระทั่งทิ้งร่องรอยไว้บนร่างของเซี่ยเหยียนได้!
“เป็นไปได้อย่างไร?!”
ว่านเซวียนอุทาน ใบหน้าซีดเผือดลง ไม่คาดคิดมาก่อนแม้แต่น้อยว่าค่ายกลกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของนางยังไม่อาจกระทั่งทิ้งร่องรอยบนเสื้อผ้าของเซี่ยเหยียนได้!
ครั้งนี้นางนับว่าพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง!
“ในเมื่อเจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ไม่ได้ก่อการสังหารในสำนักไท่หัว เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป”
เซี่ยเหยียนหยุดมือ มองว่านเซวียนพลางเอ่ยออกมาว่า “เก็บความคิดทั้งหมดของเจ้าเสีย และอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับคุณชายอีก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว!”
ว่านเซวียนรู้สึกอัดอั้นตันใจ นางยังจะคิดอันใดกับหลี่จิ่วเต้าได้อีก กระทั่งคนรอบกายหลี่จิ่วเต้านางยังไม่อาจจัดการได้!
ช่างน่าอัดอั้นตันใจเกินไปแล้ว!
“ขอถามได้หรือไม่ว่าคุณชายผู้นี้เป็นใครกันแน่?!”
นางอดถามเซี่ยเหยียนไม่ได้
“ปุถุชนธรรมดาผู้หนึ่งในเมืองชิงซาน”
เซี่ยเหยียนตอบกลับ ก่อนจะหันหลังจากไป ทิ้งว่านเซวียนที่กำลังสับสนเอาไว้เบื้องหลัง
ปุถุชนธรรมดา?
นี่หมายความว่าอย่างไร?
ปากของว่านเซวียนกระตุกอย่างอดไม่ได้ นี่คือคำตอบแบบใดกัน?
...
ณ พุทธศาสนา เขาหลิงซาน
ต้าเต๋อกลับมาแล้ว อย่างไรเสียเขาก็ยังอายุน้อยนัก ความคิดอ่านไม่ได้ลึกซึ้งอันใดมากมาย จึงไม่ได้สงสัยแม้แต่น้อย
เขาเดินตรงเข้าไปในวิหารต้าสยง ต้องการจะสอบถามพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ทว่าเมื่อเข้าไปแล้วก็ต้องตกตะลึง
จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์กำลังนั่งจิบชาอยู่ในวิหารต้าสยง
“กลับมาแล้วหรือ?”
จ้าวอสนีบาตค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางต้าเต๋อ
“พวกเจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของต้าเต๋อเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาย่อมจำจ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ได้ คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งจากหลังฉากที่เข้าร่วมในการต่อสู้แย่งชิงกระบี่ฉุนจวิน
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าติดต่อให้เขากลับมาอย่างกะทันหัน พระอมิตาพุทธจะต้องถูกพวกจ้าวอสนีบาตกดดันอย่างแน่นอน
“เด็กน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องเครียดไป พวกข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด”
ข่งอวิ๋นกล่าว “ขอเพียงแค่เจ้าตอบคำถามสักหน่อย พวกข้าก็จะออกไปจากที่นี่เอง ไม่ลงมือทำร้ายเจ้าแต่อย่างใด”
เขากล่าวต่อ “วางใจได้ พวกข้าไม่ได้ให้เจ้าตอบคำถามเหล่านี้โดยเปล่า ย่อมมีของตอบแทนจะให้เจ้า”
จากนั้นเขาก็โบกมือ พลันมีบางสิ่งปรากฏออกมาเบื้องหน้าต้าเต๋อ
“พวกข้ารู้ว่าเจ้าชื่นชอบการกินเนื้อดื่มสุรา ดังนั้นจึงเตรียมของเหล่านี้มาให้เจ้าเป็นพิเศษ นี่คือสุราและเนื้อชั้นเลิศที่มาจากโลกหลังฉาก สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่อาจกินดื่มได้”
พวกเขาได้ตรวจสอบดูข้อมูลของต้าเต๋อก่อนที่จะมา
ต้าเต๋อเป็นสาวกในพุทธศาสนาที่ไม่ได้เคร่งครัดมานัก ไม่ถือตนปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อันเข้มงวด
“เจ้าก็เพียงแค่อาศัยพึ่งพาบารมี แม้ว่าพุทธศาสนาที่นี่จะไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าในฉากหลังมากนัก แต่พวกเราก็ยังไม่อยากผูกเหตุต้นผลกรรม หวังว่าเจ้าจะรู้จักแยกแยะดีชั่ว!”
ดวงตาของอสูรยักษ์เปล่งประกายดุร้ายระหว่างพูดกับต้าเต๋อ
มันไม่ได้โกหก หากแต่พูดเรื่องจริง ถ้าต้าเต๋อไม่ได้เป็นคนของพุทธศาสนา พวกเขาไยจึงต้องทำเช่นนี้ เพียงแค่เด็กเหลือขอคนหนึ่ง แค่ยกมือก็สามารถกำราบได้แล้ว
หากไม่ถึงยามจำเป็นจริง ๆ พวกเขาก็ไม่ต้องการจะลงมือกับคนของพุทธศาสนา
นี่คืออันใด?
คนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ หน้าขาวร้องก่อน หน้าแดงร้องตาม*[2]?
ต้าเต๋อยิ้มขึ้นมาภายในใจ ทำเช่นนี้คิดว่าจะได้ผลหรือ?
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม! อามิ...ต้าเต๋อฝอ ข้าต้าเต๋อฝอรู้จักแยกแยะชั่วดีเป็นที่สุด!”
ต้าเต๋อแย้มยิ้มแล้วกล่าวออกมา
“อืม ยังนับว่าเจ้าฉลาดอยู่!”
สีหน้าของอสูรยักษ์คลายลงเล็กน้อย สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง แค่ขู่ให้หวาดกลัวก็เป็นอันใช้ได้
พวกเขาเลือกต้าเต๋อเป็นทางผ่าน นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
“สุราและเนื้อชั้นยอด สิ่งที่ข้าต้าเต๋อไม่อาจทนได้มากที่สุดคือการมีสุราและเนื้อชั้นยอดวางอยู่ด้านหน้า แต่ไม่อาจกินหรือดื่มได้!”
ต้าเต๋อเอ่ย “ทุกท่านช่วยรอข้ากินเสร็จได้หรือไม่?”
ช่างเป็นเด็กน้อยเหลือขอเสียจริง!
รู้เพียงแต่กินและดื่ม
จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์มองหน้าก่อน จากนั้นข่งอวิ๋นก็กล่าวออกมา “ตกลง รอเจ้ากินดื่มเสร็จพวกเราค่อยมาคุยกัน”
พวกเขาไม่ใส่ใจ สิ่งนี้ไม่อาจนับเป็นสิ่งใด
“ยอดเยี่ยม!”
ต้าเต๋อแย้มยิ้มหวานมากกว่าเดิม
[1] หอคอยใกล้น้ำย่อมได้ยลจันทร์ก่อน หมายถึง อยู่ใกล้กว่าก็ได้เปรียบกว่า
[2] หน้าขาวร้องก่อน หน้าแดงร้องตาม มาจากงิ้วที่นักแสดงจะแต่งหน้าด้วยสีต่าง ๆ เพื่อบอกบทบาทการแสดง ภายหลังนำมาอุปมาหมายถึงคนสองคนที่เล่นบทบาทต่างกัน คนหนึ่งเล่นไม้อ่อนอีกคนเล่นไม้แข็ง เพื่อแก้ไข้หรือจัดการสถานการณ์ให้คลี่คลายด้วยดี
‘อามิตาพุทธ!’
พระอมิตาภะพุทธเจ้าท่องออกมาภายในใจ ทอดถอนใจให้กับพวกจ้าวอสนีบาต
เขารู้จักต้าเต๋อเป็นอย่างดี ต้าเต๋อจะยอมง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่มีทางเป็นไปได้! ซ้ำยังมีโอกาสเป็นไปได้มากที่ต้าเต๋อจะได้ดื่มกินสุราและเนื้อเหล่านี้ไปเปล่า ๆ
นอกจากนี้ภายในใจของเขาก็พลันสงบลง
ต้าเต๋อกล้าทำเช่นนี้ แสดงว่าจะต้องมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นจะกล้าเล่นเล่ห์กับจ้าวอสนีบาตได้อย่างไร
สุราและอาหารชั้นยอด ข่งอวิ๋นไม่ได้หลอกหลวงต้าเต๋อ สุราและอาหารเหล่านี้ต่างก็ไม่ธรรมดา หาได้ยากยิ่งในโลกฉากหลัง
นี่คือสิ่งที่ข่งอวิ๋นเก็บรักษาทะนุถนอมเอาไว้ด้วยตนเอง!
ผู้แข็งแกร่งเช่นข่งอวิ๋น ย่อมไม่จำเป็นต้องกินดื่ม ทว่าตัวเขาเองก็ยังไม่อาจละความอยากกินอยากดื่มได้ สิ่งที่เขาชื่นชอบที่สุดคือการกินดื่ม
อย่างเช่นสุรานั่น ก็เป็นสุราชั้นยอดที่ข่งอวิ๋นบ่มจากต้นยี่โถ่อายุนับร้อยล้านปี ด้วยวัตถุดิบที่พิเศษเช่นนี้ กระทั่งสิ่งมีชีวิตขอบเขตนิรันดร์จิบเข้าไปเพียงหนึ่งคำยังได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก
อาหารเหล่านั้นก็ไม่ธรรมดา วัตถุดิบทั้งหมดอยู่ในขอบเขตนิรันดร์ ผ่านการปรุงอย่างตั้งใจและระมัดระวังของข่งอวิ๋น ทั้งอร่อยล้ำและยังให้ประโยชน์มหาศาลแก่ผู้กิน
เพราะเขามีความหวั่นเกรงในพระพุทธศาสนา ดังนั้นจึงได้นำของชั้นยอดมาให้ต้าเต๋อจริง ๆ หวังว่าจะสามารถทำให้ไม่เกิดความบาดหมาง
ต้าเต๋อเริ่มขยับ รอยยิ้มบนใบหน้าข่งอวิ๋นปรากฏชัดยิ่งขึ้น
“มันอร่อยมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารและสุราชั้นยอดที่เจ้าไม่เคยลิ้มลองมาก่อนอย่างแน่นอน หากเจ้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากนี้ข้าสามารถมอบให้เจ้าเพิ่มอีกสักนิดได้”
เขายิ้มด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเขานำอาหารและสุราเหล่านี้ออกมา อย่าว่าแต่เด็กเหลือขออย่างต้าเต๋อเลย กระทั่งผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกับเขายังต้องประจบประแจงต้องการจะกินอย่างแน่นอน
ทว่าเพียงพริบตาเดียวสีหน้าของเขาก็พลันแปรเปลี่ยน
เขาได้ยินสิ่งใดกัน? คำประจบประแจงอย่างที่คิดไม่ปรากฏออกมา กลับกันต้าเต๋อยังพ่นคำตำหนิออกมา
“นี่คือเนื้อย่างอันใดกัน? ย่างนานเกินไปแล้ว ด้านนอกก็ดูไหม้ รสชาติแย่ยิ่งนัก”
“หมูตุ๋นน้ำแดงอย่างนั้นหรือ? อืม ก็ดูไม่เลว ทว่าเลี่ยนเกินไป ไม่ได้นำไขมันด้านในออกมาแม้แต่น้อย”
“ยังมีสุราอีก นี่เรียกว่าสุราหรือ? ไม่มีกลิ่นสุราเลยสักนิด!”
ต้าเต๋อวิจารณ์ไม่หยุด คล้ายว่าไม่พอใจสักสิ่งใดเลย
ข่งอวิ๋นถลึงตา นี่มันปากแบบใดกัน? ช่างสับปลับเกินไปแล้ว!
เขากล่าวออกมาอย่างชิงชัง “ไม่อร่อยแต่เจ้าก็ยังกินดื่มอย่างบ้าคลั่งถึงเพียงนี้? หยุดพูดไปสักครู่ไม่ดีกว่าหรือ?”
ปากของต้าเต๋อเต็มไปด้วยเนื้อระหว่างเอ่ยออกมาเสียงอู้อี้ “ไม่มีทางเลือก เป็นเพราะข้าหิวมาก ดังนั้นข้าจำต้องกิน กล่าวตามตรงแล้วสุราและอาหารเหล่านี้ก็ไม่ดีจริง ๆ”
ข่งอวิ๋นพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างแรง นี่เป็นผลงานที่เขาภาคภูมิใจที่สุด เดิมทีตามความคิดของเขา สิ่งที่เขาสมควรได้รับคือคำชื่นชมสรรเสริญ
ทว่าเขากลับได้ยินคำวิจารณ์ย่ำแย่มากมาย เช่นนั้นเขาจะไม่โมโหได้อย่างไร!
เขาโกรธขึ้นมาจริง ๆ!
‘ต้าเต๋อไม่ได้พูดปด…’
พระอมิตาภะพุทธเจ้ากล่าวขึ้นมาในใจ
ไม่อาจกล่าวว่าต้าเต๋อเอ่ยวาจาสับปลับได้ อย่างไรเสียต้าเต๋อก็กินอาหารที่คุณชายทำขึ้นมาอยู่เสมอ สุราที่ดื่มบ่อยก็เป็นสุราที่คุณชายบ่มขึ้น เช่นนั้นแล้วปากเขาจะกลับกลอกสับปลับได้อย่างไร?
ความสามารถของคุณชายยอดเยี่ยมถึงที่สุดอย่างแท้จริง ทำให้เขาอดเลื่อมใสศรัทธาอย่างถึงที่สุดไม่ได้ กระทั่งเขาที่มีจิตใจมั่นคงในพระพุทธศาสนา เมื่ออยู่ต่อหน้าอาหารอันโอชะของคุณชายยังแทบอดทนไม่ไหว ไม่อาจปกปักหัวใจพุทธะเอาไว้ ทำได้แต่เพียงรีบจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ารั้งอยู่นาน
หากอยู่ต่อไป เกรงว่าเขาจะต้องไม่อาจควบคุมตนเองได้จนทำผิดศีลอย่างแน่นอน!
อาหารและสุราที่ข่งอวิ๋นนำออกมา แม้จะดูน่าดึงดูดใจ แต่เขาก็ยังคงสามารถต้านทาน รักษาหัวใจพุทธะเอาไว้ได้
ความต่างชั้นเผยออกมาให้เห็นได้ในทันที
เพียงไม่นาน ต้าเต๋อก็จัดการกินดื่มอาหารและสุราเหล่านั้นจนหมด เขาถูกฝึกฝนจากการดื่มสุราของคุณชายมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นเพียงแค่นี้ย่อมไม่เมา!
ข่งอวิ๋นก็ไม่ได้คาดคิดในสิ่งนี้
สุราหนึ่งไหก็เพียงพอจะทำให้ขอบเขตนิรันดร์เมามายได้ เขาเองก็ดื่มไปได้เพียงครึ่งหนึ่งก็เมาเรียบร้อย ต้าเต๋อกลับดื่มทั้งหมดเข้าไปแล้วเมาเพียงแค่เล็กน้อย นับเป็นเรื่องที่เขาไม่คาดฝันมาก่อน!
“เณรน้อยไยจึงคอแข็งเพียงนี้กัน!”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ต้าเต๋อเอ่ยว่าสุราของเขาไม่มีกลิ่นสุรา เดิมทีเขาคิดว้าต้าเต๋อจงใจดูหมิ่นเขา ทว่าตอนนี้ดูแล้วเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น!
เห็นได้ชัดว้าต้าเต๋อเคยดื่มสุราที่ดีกว่าของเขา อีกทั้งยังต้องเคยดื่มหลายครั้ง จึงได้พัฒนาความสามารถในการดื่มสุรา ทำให้ต้าเต๋อสามารถดื่มสุราของเขาทั้งหมดแล้วเมาเพียงเล็กน้อย
‘หรือเป็นสุราที่หลี่จิ่วเต้ามอบให้?’
ดวงตาของเขาเปล่งประกาย คิดถึงหลี่จิ่วเต้าขึ้นมาทันที
หากต้าเต๋อเคยได้ดื่มสุราที่ดีกว่านี้ นั่นก็ย่อมมาจากหลี่จิ่วเต้า ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและเฝ้ารออยู่เล็กน้อย
สุราเหล่านั้นของหลี่จิ่วเต้าดีกว่าของเขา นี่เกี่ยวข้องกับความลับอันไม่ธรรมดาของฉากหน้าหรือไม่?
“เจ้ายังมีสุราที่ดีกว่านี้อยู่กับตัวหรือ?”
เขาอดถามต้าเต๋อขึ้นมาไม่ได้ ลิ้นของเขาแลบออกมาเลียริมฝีปาก เขานั้นชื่นชอบการกินดื่ม ย่อมต้องการลิ้มรสสุราที่ดียิ่งกว่า
“มีสิ”
ต้าเต๋อนำเอาสุราออกมา กระดกเข้าปากหลายอึกใหญ่ ก่อนกล่าวออกมาอย่างมีความสุขและถึงอกถึงใจ “นี่สิถึงจะเป็นสุราดี เทียบกับสุราอะไรนั้นของเจ้าแล้ว ก็เป็นได้แค่เพียงน้ำผลไม้!”
ดวงตาของข่งอวิ๋นเบิกกว้าง นั้นคือสุราใดกัน? ทันทีที่ต้าเต๋อนำออกมา เขาก็ได้กลิ่นสุราหอมกรุ่น ช่างยั่วยวนใจยิ่งนัก เขาต้องการจะลองจิบสักจิบจริง ๆ!
เมื่อเทียบกับสุราที่ต้าเต๋อนำออกมา สุราของเขาก็เป็นได้แค่เพียงน้ำผลไม้จริง ๆ!
“ข้าลองสักจิบได้หรือไม่?”
เขาอดถามต้าเต๋อไม่ได้
หลังจากเอ่ยออกมาแล้ว จ้าวอสนีบาตและอสูรยักษ์ต่างตกตะลึงจนนิ่งค้าง
อันใดกัน!
พวกเขาอยากจะเอ่ยออกมาจริง ๆ น้องชาย พวกเราใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อล่อลวงต้าเต๋อและเป็นของตอบแทน เหตุใดกลับกลายเป็นเจ้าที่ถูกล่อลวงเสียเอง?
นี่กลับตาลปัตรไปหมดแล้ว!
ทว่าพวกเขาเองก็อดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ สุราที่ต้าเต๋อนำออกมามีกลิ่นหอมเสียจนกระทั่งพวกเขาที่ปกติไม่ดื่มสุรายังทนไม่ไหว ต้องการจะลิ้มรส
“สุราก็ดื่มแล้ว อาหารก็กินแล้ว ตอนนี้เจ้าจะตอบคำถามของพวกข้าได้หรือยัง?!”
จ้าวอสนีบาตรีบเอ่ยกับต้าเต๋อ
ไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้ หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะทนไม่ไหวกันทั้งหมด สุรานั่นชวนดึงดูดใจเกินไป!
“อย่าริอ่านสร้างปัญหา สุราอาหารเหล่านั้นล้วนไม่อร่อย พวกเจ้าเอาหน้าที่ไหนมากล้าให้ข้าตอบคำถามพวกเจ้ากัน?”
ต้าเต๋อเชิดหน้าเยาะเย้ย “พวกเจ้าไม่มีความจริงใจตั้งแต่แรก กล่าวว่านำของชั้นยอดมาฝาก! ไม่ต้องพูดอันใดเลย เทียบกันแล้วสุราของข้ายังดีกว่า”
กล่าวจบเขาก็นำเนื้อย่างออกมา กัดเข้าไปคำโตก่อนเอ่ยไปกินไป “อืม อาหารจานนั้นก็อร่อยไม่เท่าเนื้อย่างในมือข้า ใช่หรือไม่?”
หลังจากนำเนื้อย่างออกมาแล้ว สีหน้าของจ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษณ์ก็พลันแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องสุราแล้ว อาหารที่ดีกว่าเนื้อย่างของต้าเต๋อ พวกเขาจะนำออกมาได้อย่างไร?
พวกเขาสามารถจดจำมันได้ในพริบตา นั่นคือเนื้อของอสูรร้ายที่อยู่ในขั้นเดียวกับพวกเขา!
“อสูรปริภูมิเวลา!”
พวกเขาต่างคิดถึงอสูรปริภูมิเวลาแสนโชคร้ายที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาอย่างอดไม่ได้ มันถูกหลี่จิ่วเต้านำไปจองจำ เลี้ยงไว้เป็นอาหารสด
“บัดซบ พวกเจ้ามองข้าเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร? ต้องการจะตัดเนื้อข้าอย่างนั้นหรือ!”
อสูรยักษ์ฉุนเฉียวขึ้นมา ทั้งจ้าวอสนีบาตและข่งอวิ๋นต่างจ้องมาทางมันไม่หยุด
“ไม่ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว!”
“พวกเราเป็นพันธมิตรกัน! พวกข้าย่อมไม่ทำเช่นนั้น!”
ข่งอวิ๋นและจ้าวอสนีบาตเก็บสายตากลับไปทันที
อันที่จริง พวกเขาแอบเกิดความคิดต้องการจะตัดเนื้อของอสูรยักษ์ออกมาในชั่วพริบตา แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบล้มเลิกความคิดนั้นไป
พวกเขาไม่อาจแตกแยกภายในได้!
“เจ้าไม่ได้อยากจะให้ความร่วมมือกับพวกข้าตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่เล่นเล่ห์อย่างนั้นหรือ?!”
จ้าวอสนีบาตตอบสนอง ดวงตาจับจ้องไปที่ต้าเต๋อด้วยโทสะพวยพุ่ง
จนถึงตอนนี้เขาจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไร บนร่างของต้าเต๋อนั้นมีทั้งสุราและเนื้อชั้นยอดเช่นนี้แล้ว จะถูกล่อลวงโดยสุราและอาหารที่ข่งอวิ๋นนำออกมาได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าต้าเต๋อวางแผนจะเล่นเล่ห์กับพวกเขาตั้งแต่ต้น!
“ไม่ ข้าเพียงแค่อยากลิ้มลองว่าสุราและอาหารเหล่านั้นย่ำแย่เพียงใด ผลออกมาคือย่ำแย่เป็นอย่างมาก”
ต้าเต๋อแย้มรอยยิ้มไร้เดียงสาออกมา
เขาจะให้ความร่วมมือได้อย่างไร อย่าแม้แต่จะคิดเลย!
“เจ้า...รนหาที่ตาย!”
จ้าวอสนีบาตโกรธจนไม่อาจยั้งเอาไว้ได้ บนร่างเต็มไปด้วยสายฟ้าส่งเสียงร้องคำราม ไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะถูกเด็กเหลือขอเช่นต้าเต๋อเล่นงานเข้า จิตสังหารของเขาพุ่งทะยานฟ้า
สีหน้าของข่งอวิ๋นและอสูรยักษ์ก็ไม่เป็นมิตรอย่างมาก
ในฐานะสิ่งมีชีวิตระดับพวกเขา นับว่ามีเกียรติและสูงส่งอย่างยิ่ง ทว่ากลับถูกสิ่งมีชีวิตในโลกฉากหน้าเล่นเล่ห์เช่นนี้ พวกเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร ต่างมีจิตสังหารล้นทะลักออกมา
“ออกไปสู้ด้านนอก!”
ต้าเต๋อทะยานออกไปจากวิหารต้าสยงจนถึงด้านนอกอาณาจักร เขาเกรงว่าวิหารต้าสยงและสาวกพระพุทธศาสนาจะโดนลูกหลง
“ไป!”
จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ต่างตามออกไปภายในพริบตา ร่างทั้งสามประหนึ่งดาวตก สว่างไสวน่าหวาดหวั่น!
“อามิตาพุทธ”
พระอมิตาภะพุทธเจ้าพนมมือท่องออกมา ทำได้แต่เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ การต่อสู้ระดับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างสิ้นเชิง
ด้านนอกอาณาจักร
ต้าเต๋อเริ่มลงมือก่อน ส่งลูกประคำออกไป ลูกประคำทุกลูกต่างสว่างไสวด้วยแสงพุทธะ ฉายกลายเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หน้าตาเหมือนกับต้าเต๋อไม่มีผิด!
นี่คือลูกประคำที่คุณชายมอบให้ เขาเคยใช้มันเพื่อสังหารศัตรูไปจำนวนมาก
ตู้ม!
จ้าวอสนีบาตสำแดงฝีมือ เกิดเสียงฟ้าร้องอย่างต่อเนื่องนอกอาณาจักร สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าทำลายแสงพุทธะเหล่านั้น
“ลูกประคำนั่นมาจากที่ใดกัน? เห็นได้ชัดว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้อง!”
สีหน้าจ้าวอสนีบาตจริงจัง เพราะสัมผัสได้ถึงความพิเศษเหนือชั้นของลูกประคำ
เขาเกิดความงุนงงสงสัยขึ้นมา บรรพจารย์ของหลักธรรมก็คือพระอมิตาภะพุทธเจ้า ดังนั้นนี่เป็นลูกประคำที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าทิ้งไว้ใช่หรือไม่? ทว่าดูไม่เหมือนเป็นเช่นนั้นเลย
หลักธรรมที่ปรากฏดูลึกซึ้งเสียยิ่งกว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้า!
“เป็นไปได้อย่างไร?!”
เขาไม่อยากจะเชื่อ ม่านตาหดลงทันที ยังมีตัวตนที่อยู่เหนือกว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าหรือ?
“หน้าฉากมีความลับไม่ธรรมดา! จะต้องเป็นหลี่จิ่วเต้าที่ได้รับมันมา! จากนั้นก็มอบลูกประคำเหล่านี้ให้ต้าเต๋อ!”
ข่งอวิ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงล้ำลึก
“หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นเข้าถึงความลับอันไม่ธรรมดาของหน้าฉากได้มากน้อยเพียงใดกัน? ความลับเหล่านี้คือสิ่งใดกันแน่? ถึงกลับสามารถเหนือยิ่งกว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้า!”
อสูรยักษ์เองก็ตกตะลึง คิดว่าหลี่จิ่วเต้านั้นจะต้องเป็นผู้ที่กอบโกยไปอย่างเต็มที่แล้วแน่นอน
“ทำเช่นไรต่อ ควรไปหรือไม่?”
มันเอ่ยถามจ้าวอสนีบาตและข่งอวิ๋น
ดูจากตอนนี้แล้ว หลี่จิ่วเต้าจะต้องน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าที่พวกมันคาดเอาไว้ เกรงว่าบางทีอาจอยู่เหนือขอบเขตที่พวกมันสามารถรับรู้ได้
“ยังต้องถามอีกหรือ? เจ้าก็ควรจะรู้คำตอบเป็นอย่างดี”
จ้าวอสนีบาตกล่าว “ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่ถามพวกเราเช่นนี้!”
“ไม่ผิด”
ข่งอวิ๋นพยักหน้า คิดเช่นเดียวกับจ้าวอสนีบาต
อสูรยักษ์เองก็มีความคิดเช่นดียวกับพวกเขา ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ถามพวกเขา แต่จากไปโดยตรงแล้ว
“ตกลง!”
ดวงตาของอสูรยักษ์เปล่งประกายดุร้ายระหว่างจับจ้องไปที่ต้าเต๋อ “บนร่างของเขาควรมีความลับของฉากหน้าอยู่ไม่น้อย แม้ไม่อาจจัดการหลี่จิ่วเต้าได้ แต่พวกเราสามารถจัดการเขาได้!”
มันไม่ต้องการจากไปและคิดจะจัดการต้าเต๋อ
ส่วนเรื่องว่าจัดการต้าเต๋อแล้วจะเป็นการผูกความแค้นหลี่จิ่วเต้าให้ไล่ล่าพวกเขาหรือไม่นั้น มันไม่ได้สนใจ
สถานการณ์ปัจจุบันหลี่จิ่วเต้านั้นกลายเป็นเป้าหมายของคนของจำนวนมาก ผู้แข็งแกร่งจากฉากหลังล้วนมุ่งเป้าไปที่หลี่จิ่วเต้า
ตอนนี้หลี่จิ่วเต้ากระทั่งปกป้องตนเองยังลำบาก!
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ แม้พวกเขาจัดการต้าเต๋อได้ ก็ไม่ต้องกังวลอันใดกับการแก้แค้นของหลี่จิ่วเต้า
“ฆ่า!”
อสูรยักษ์คำราม ร่างกายขยายใหญ่ในฉับพลัน มันได้ย่อร่างลงก่อนเข้ามาในเขาญาณ มิฉะนั้น มันมิอาจเข้ามายังวิหารต้าสยงได้
วิหารต้าสยงไม่สามารถบรรจุร่างเดิมของมันได้ลง
จ้าวอสนีบาตและข่งอวิ๋นเคลื่อนไหวเช่นกัน ด้วยกลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดจึงอยากจับตัวต้าเต๋อให้ได้โดยไว
การต่อสู้อันยิ่งใหญ่อุบัติขึ้นนอกอาณาจักร พระอมิตาภะพุทธเจ้าในเขาญาณเห็นแล้วสะท้อนใจเป็นหนักหนา
ขอบเขตของเขาต่ำเกินไป อย่าว่าแต่เข้าร่วมเลย เขาไม่มีสิทธิ์รับชมด้วยซ้ำ
ที่นั่นถูกพลังสยดสยองมากมายห่อหุ้ม กฎระเบียบน่าครั่นคร้ามถักทอประสาน สายตาของเขามิอาจมองทะลุเข้าไป ทำให้ไม่เห็นภาพการต่อสู้ภายในนั้น
ยังดีที่ต้าเต๋อย้ายไปต่อสู้นอกอาณาจักร หากศึกนี้ปะทุในเขาญาณ ไม่ต้องคิดให้มากความก็รู้ว่าทั่วทั้งเขาญาณย่อมต้องถูกลบล้างในพริบตา สิ่งมีชีวิตในนั้นรวมถึงตัวเขาก็ไม่มีทางรอด ต้องจบชีวิตกันทั้งหมด
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
พระเถระมหึมาหนึ่งร้อยแปดองค์ผนึกกำลังโจมตี ปล่อยแสงพุทธะอันสะท้านโลกาออกไป นอกอาณาจักรนั้นเดือดพล่านขึ้นมา ปริภูมิเวลาบิดเบี้ยว!
นี่ก็เพราะพลังของปริภูมิเวลาไม่อยู่ กฎแห่งปริภูมิเวลามิเคยมีการบัญญัติที่นี่ มิฉะนั้น การที่ห้วงมิติบิดเบี้ยวเช่นนี้ไม่มีทางที่ฝ่ายปริภูมิเวลาจะนิ่งดูดาย ย่อมต้องมารักษากฎระเบียบที่นี่
พวกเขาไม่ยอมให้ปริภูมิเวลาบิดเบี้ยวเป็นอันขาด
ตู้ม!
จ้าวอสนีบาตโจมตี ยกมือปล่อยสายฟ้าถล่มออกไป บดขยี้แสงพุทธะไปจำนวนมาก
อสูรยักษ์อ้าปากพ่นลำแสงสีเลือด แดงฉานเหลือคณา น่าประหวั่นพรั่นพรึงไม่แพ้กัน แสงพุทธะถูกลบล้างไปจำนวนมาก
ข่งอวิ๋นเรียกหอกยาวออกมาหนึ่งเล่ม เจตจำนงรบไร้ใดเปรียบ หอกยาวโบกสะบัดพร้อมด้วยประกายน่าครั่นคร้าม กำจัดแสงพุทธะไปได้จำนวนมากเช่นกัน
พวกเขาแข็งแกร่งมากจริง ๆ เมื่อผนึกกำลังแล้ว สามารถลบล้างการโจมตีจากลูกประคำทั้งหนึ่งร้อยแปดเม็ดนี้ได้
ทว่าต้าเต๋อมิได้กังวล
เขามีวาจาประกาศิตของคุณชายคุ้มครอง ผู้ใดเล่าจะปลิดชีพเขาได้?
เป็นไปมิได้เลย!
นอกเสียจากว่าเป็นตัวตนซึ่งอยู่เหนือคุณชาย สามารถทลายกฎระเบียบที่เกิดขึ้นด้วยวาจาของคุณชาย ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางเกิดเรื่องกับเขา
ส่วนจ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น อสูรยักษ์นั้นใช้ไม่ได้เห็น ๆ ไม่รู้ว่าห่างชั้นจากคุณชายตั้งเท่าไร
“มาเถิด ข้าจะท่องพระสูตรให้พวกเจ้าฟัง ชะล้างจิตใจโสมมของพวกเจ้า ให้พวกเจ้ากลับมางดงามโอบอ้อมอารีอีกครั้ง!”
ต้าเต๋อคลี่ยิ้ม ฝีมือของเขามีเพียงลูกประคำเส้นนี้เสียเมื่อไหร่
คุณชายเคยมอบของวิเศษชิ้นอื่นให้เขาด้วย
นั่นเป็นเมื่อคราวเขาตามคุณชายท่องเที่ยวไปทั่ว คุณชายพบไม้ชั้นดีท่อนหนึ่งจึงตีเป็นมู่อวี๋ให้เขา
เขาหยิบไม้ตีมู่อวี๋ขึ้นมาและเริ่มเคาะ ปากบริกรรมบทสวด
“นี่มันอะไรกัน?!”
“อ๊ากกกก!”
ยามเสียงมู่อวี๋ดังขึ้น จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์พลันรู้สึกฟ้าดินกลับตาลปัตร นี่มันของวิเศษอันใดกัน น่ากลัวเหลือเกิน!
เสียงมู่อวี๋ทะลวงเข้าไปถึงวิญญาณของพวกเขา ดังอยู่ในส่วนลึกของดวงวิญญาณ พวกเขามิอาจป้องกันได้เลย และมิมีทางแก้สักนิด!
หทัยเต๋าของพวกเขาถูกก่อกวนให้ว้าวุ่นขึ้นมาทันควัน เสียงมู่อวี๋ดังก้องในหัวพวกเขาไม่หยุด พวกเขาสะกดประสาทสัมผัสการได้ยิน และประสาทสัมผัสญาณแล้วก็ยังไม่ได้ผล เสียงเคาะมู่อวี๋เป็นผลให้พวกเขาวิงเวียน งุ่นง่านใจเหลือคณา!
โดยเฉพาะเมื่อประสานกับเสียงบริกรรมบทสวดของต้าเต๋อ พวกเขาอยากจะบ้าตาย ทรมานเหลือเกิน!
“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“หยุด!”
พวกเขาคลุ้มคลั่ง ในเมื่อหยุดยั้งต้าเต๋อมิได้ พวกเขาตัดสินใจจัดการต้าเต๋อผู้เคาะมู่อวี๋อยู่
อนิจจา ความคิดนั้นแสนประเสริฐ ความจริงนั้นแสนโหดร้าย!
เสียงมู่อวี๋ส่งผลกระทบต่อพวกเขามากเกินไป พวกเขาไม่สามารถรีดเร้นพลังในตัวได้เลย ทันทีที่หลอมรวมพลังไว้ได้ก็แตกกระเซิงเพราะเสียงรบกวนจากมู่อวี๋!
พวกเขาขนลุกขนชัน เย็นวาบในใจ มู่อวี๋นี้ชวนขนลุกเกินไปแล้ว?!
นอกจากนี้ พวกเขาเจ็บใจนักหนา แข็งแกร่งระดับพวกเขากลับไม่อาจจัดการกับเด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างต้าเต๋อได้เลยเชียวหรือ
พวกเขาน่าสังเวชเกินไปแล้ว!
ป๊อก ๆๆ!
ต้าเต๋อเคาะมู่อวี๋ไม่หยุด ปากบริกรรมบทสวดไปเรื่อย ๆ จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ทุกข์ระทมแสนสาหัส
ความรู้สึกนั้นราวกับมีแมลงวันหนึ่งหมื่นตัวบินวนอยู่ข้างหูพวกเขา เสียงหึ่ง ๆ ดังซ้ำ ๆ หทัยเต๋าของพวกเขาใกล้ระเบิดเต็มที!
“ขอร้องล่ะ อย่าท่องอีกเลย!”
“พวกเราผิดไปแล้ว!”
จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดร้าวราน พวกเขาใกล้สติแตกแล้วจริง ๆ ไม่อยากได้ยินเสียงของมู่อวี๋และเสียงบริกรรมบทสวดอีกแล้ว
พวกเขาอ้อนวอนต้าเต๋อให้หยุดเสียที
“อามิ…ข้าต้าเต๋อฝอ ข้าต้าเต๋อฝอเปี่ยมเมตตาที่สุด! ข้าต้าเต๋อฝอยังสัมผัสไม่ได้ถึงความสำนึกผิดอย่างแท้จริงจากพวกเจ้าเลย”
ต้าเต๋อมีท่าทีน่าเกรงขาม ดูศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ เขากล่าวต่อ “ข้าจะบริกรรมบทสวดให้พวกเจ้าฟังอีกครั้ง เพื่อชะล้างจิตใจพวกเจ้าให้สมบูรณ์ ช่วยให้พวกเจ้ากลับสู่ความงดงามโอบอ้อมอารีอย่างแท้จริง!”
คล้ายว่าเขานึกบางอย่างขึ้นได้อีกครั้ง “จริงสิ ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเช่นนี้แหละ! อีกอย่าง พุทธศาสนานั้นถือคติมีเมตตา ข้าต้าเต๋อฝอยิ่งเต็มไปด้วยความเมตตา”
ถุย!
ช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นกับผีน่ะสิ!
เมตตาหรือ?
นี่น่ะหรือเมตตา?
นี่คือการทรมานชัด ๆ!
จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ร้องไห้ปานจะขาดใจ พวกเขาเสียใจเหลือเกิน เหตุใดต้องเลือกต้าเต๋อเป็นจุดทะลวงด้วย
พวกเขาควรไปหาเซี่ยเหยียนถึงจะถูก สตรีงามงดบอบบางปานนั้น คงอ่อนโยนต่อกรด้วยง่ายกว่าต้าเต๋อมากเลยกระมัง?!
ป๊อก ๆๆ!
ต้าเต๋อเคาะมู่อวี๋อีกครั้ง พร้อมทั้งบริกรรมบทสวด จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ร้องไห้จนขี้มูกโป่ง ความรู้สึกนี้ระทมเหลือเกิน!
ราวกับมีแมลงวันนับไม่ถ้วนบินเข้ามาในหัวพวกเขา พวกเขานึกอยากผ่าสมองตัวเองแล้วลากคอแมลงวันด้านในออกมา แหวกท้องแมลงวันพวกนั้นแล้วดึงไส้พวกมันมามัดคอพวกมันเองให้ตาย!
“ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว! พวกเราผิดไปแล้วจริง ๆ!”
“ปล่อยพวกเราไปเถิด!”
จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ร่ำไห้ขอความเมตตา ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทำเช่นนี้ทรมานกว่าปลิดชีพพวกเขาเสียอีก
“ก็ได้”
ต้าเต๋อรามือ ก่อนจะบอกกับจ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ “ขืนบังอาจหมายหัวคุณชายอีก ข้าจักจองจำตัวพวกเจ้าไว้ข้างกาย เคาะมู่อวี๋บริกรรมบทสวดให้พวกเจ้าฟังทุกคืนวัน!”
“ไม่แล้ว! ไม่อีกแล้ว!”
“วางใจเถิด ให้ตายพวกเราก็ไม่กล้าอีกแล้ว!”
จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ตอบรับระนาว ไฉนเลยจะกล้ามีคราวหน้า!
หากต้องถูกต้าเต๋อจองจำไว้ข้างกายจริง ๆ ฟังเสียงมู่อวี๋และเสียงบริกรรมบทสวดทุกคืนวัน แค่คิดพวกเขาก็ทนมิได้ ทุกข์ระทมไปหมดแล้ว!
หลังจากนั้น พวกเขาเร่งรีบถอนกำลัง ต้องการไปจากที่นี่
“ช้าก่อน”
เวลานั้นเอง จู่ ๆ ต้าเต๋อก็เรียกพวกจ้าวอสนีบาตไว้ พวกเขาหวาดผวาจนปัสสาวะแทบราด เด้งตัวขึ้นจากตรงนั้น
“ชาพุทธะของพวกเราศาสนาพุทธรสชาติดีใช่หรือไม่”
ต้าเต๋อมองพวกอสนีบาต “จะดื่มไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ คงมิได้กระมัง อืม พวกเจ้าเข้าใจความหมายของข้าใช่หรือไม่”
อะไรกันนี่!
พวกจ้าวอสนีบาตอยากร่ำไห้นัก เหตุใดต้าเต๋อถึงใจแคบเช่นนี้ ก่อนนี้พวกเขาดื่มชาถ้วยหนึ่งในวิหารต้าสยงไป ต้าเต๋อยังจำได้แม่นยำเพียงนี้เชียวหรือ
“เข้าใจ!”
“แน่นอนว่าจะดื่มเฉย ๆ มิได้!”
พวกเขารีบบอก ไฉนเลยจะไม่เข้าใจความหมายในคำกล่าวของต้าเต๋อ พวกเขาเข้าใจแจ่มแจ้ง ต้าเต๋อกำลังรีดไถพวกเขาอยู่
พวกเขาไฉนเลยจะกล้าขัดขืน ต่างยกทุกอย่างในตัวให้ไปหมด
แม้ว่าของเหล่านี้นั้นล้ำเลิศ ทว่าชีวิตสำคัญกว่า!
ที่สำคัญคือ พวกเขาไม่อยากได้ยินต้าเต๋อเคาะมู่อวี๋บริกรรมบทสวดอีกแล้ว!
“พอแล้วล่ะ พวกเจ้าไปได้!”
ต้าเต๋อเก็บของเหล่านั้นไว้ด้วยความพึงพอใจ พร้อมโบกมือให้พวกจ้าวอสนีบาตไปเสีย
พวกจ้าวอสนีบาตรีบไปจากที่นี่อย่างเร่งรีบ คลานได้คลาน กลิ้งได้กลิ้ง มิกล้าอยู่ต่อแม้แต่เสี้ยวลมหายใจ
จนกระทั่งห่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว พวกเขาถึงหยุดฝีเท้า
“นี่มันอะไรกัน!”
พวกเขามองหน้ากันและกัน อยากร้องไห้เหลือเกิน
พวกเขาจะอนาถเกินไปแล้ว ไม่ได้อะไรมาเลยไม่ว่า แต่ซ้ำร้ายกลับถูกปล้นไปหมดตัว!
“หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ต้องเก่งกาจปานใดเชียว!”
พวกเขาเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้
บุรุษผู้นี้ทรงพลังจริง ๆ แม้แต่เด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายยังไร้เทียมทานถึงเพียงนี้ ต่อกรด้วยยากยิ่ง ทรงพลังเหลือเกิน!
...
แดนบูรพาทิศ เหยียนโจว
ณ เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์
“ข้าเศร้าใจแทนพวกเจ้าเหลือเกิน ถึงกับยอมให้สมาชิกเผ่าตกต่ำไปเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้อื่นเชียวหรือ ซ้ำเผ่าพวกเจ้ายังลำพองใจเพราะเหตุนี้ ไม่มียางอายบ้างเลยหรือไร!”
เซียนปีศาจเก้าหางหน้าตาเย็นชา อาภรณ์สีแดงที่อากาศถ่ายเทสะดวกแลดูวาบหวามเปล่งประกาย
นางต่อว่าหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ ไม่พอใจอย่างยิ่งที่จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของหลี่จิ่วเต้า
แม้ว่านางมิได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ กระนั้นก็ถือเป็นจิ้งจอกด้วยกัน นางมิชอบใจกับเหตุการณ์เช่นนี้
หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์มิได้เอ่ยวาจา มิได้โต้แย้งอันใดกับเซียนปีศาจเก้าหาง
โต้แย้งอย่างไรไหว
เซียนปีศาจเก้าหางมีพลังแข็งแกร่งเบ็ดเสร็จ โต้แย้งไปรังแต่จะยั่วยุให้เซียนปีศาจเก้าหางบันดาลโทสะ สร้างภยันตรายแก่ตัวพวกนางเอง
แน่นอนว่า นางมิได้เห็นด้วยกับวาจาที่เซียนปีศาจเก้าหางได้เอื้อนเอ่ย
นางไม่มีวันลืมประสบการณ์รันทดที่เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ต้องเผชิญในอาณาจักรอวี้ซวี ทั่วทั้งเผ่าต้องกลายเป็นเหยื่อให้สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนอื่น ๆ ล่า แต่ละวันต้องใช้ชีวิตท่ามกลางการหนีอุตลุด ไม่รู้ว่าวันพรุ่งจะรอดต่อไปได้หรือไม่
หลิงอินและเสี่ยวหยาช่วยพวกนางไว้ พาพวกนางออกจากเปลวเพลิงแห่งความทุกข์ทน ช่วยให้เผ่าของพวกนางได้ใช้ชีวิตในอาณาจักรนี้อย่างสุขสงบ
ด้วยอิทธิพลของหลิงอิน เผ่าต่าง ๆ ในอาณาจักรนี้ต่างเคารพพวกนางมาก ช่วยเหลือพวกนางไว้ไม่น้อย
ส่วนที่จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวไปเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณชายนั้น
ถือเป็นเกียรติของพวกนาง มิใช่ความอัปยศ และเป็นวิธีตอบแทบพระคุณของพวกนางด้วย
จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชายโดยมิได้รับความอยุติธรรมเลยสักนิด ตรงกันข้าม พวกนางได้รับผลประโยชน์มหาศาล แล้วยังพาให้เผ่าของพวกนางได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า!
ในสายตาคุณชาย จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวมิเคยเป็นสัตว์เลี้ยง คุณชายดีกับจิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวตั้งไม่รู้เท่าใด มีของดีอันใดมิเคยงกกับพวกนาง
บางครั้งจิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวจะกลับมาที่เผ่า มอบสิ่งของจำนวนหนึ่งให้พวกนาง ซึ่งเป็นผลไม้และผักอันแสนวิเศษเกินจินตนาการทั้งหมด จนพลังอำนาจของเผ่าพวกนางเพิ่มพูนมหาศาล
สมาชิกเผ่าพวกนางอีกตั้งไม่รู้เท่าใดอยากติดตามอยู่ข้างกายคุณชายเช่นนี้!
“ผู้ฝึกตนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ล้วนเป็นของเล่นในกำมือเรา! พวกเจ้าต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย!”
เซียนปีศาจเก้าหางเอ่ย “พวกเราต่างหากคือผู้บงการ! ผู้ฝึกตนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มิอาจเทียบกับพวกเราได้!”
นางมีสีหน้าเย็นยะเยือกยามนึกถึงบุรุษผู้เล่นกับไฟคนนั้น หลี่จิ่วเต้า
“รวมถึงหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นก็ด้วย เขาเป็นของเล่น ควรอยู่ในการควบคุมของเรา เป็นทาสใต้กระโปรงของเรา!”
นางทั้งโอหังและเฉิดฉัน นัยน์ตาเปล่งประกาย สุ้มเสียงดังกังวาน
“เจ้าว่าอะไรนะ?!”
เวลานั้นเอง ลั่วสุ่ย จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวกลับมาถึง
และลั่วสุ่ยก็ได้ยินวาจาของเซียนปีศาจเก้าหางแล้วด้วย
ของเล่น?
ทาสใต้กระโปรง?!
กล้าดีอย่างไร!
เซียนปีศาจเก้าหางผู้นี้อาจหาญเช่นนี้มาตลอดเลยหรือ?!
สีหน้าลั่วสุ่ยเย็นเยียบลง
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ