ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 841ถึง 845
กระบี่ปักอยู่บนยอดเขาสาดประกายวาววับ ด้ามจับสลักด้วยอักขระซับซ้อน ยิ่งหลี่จิ่วเต้ามองดูก็ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้น สอดคล้องกับมุมมองความงามของเขาอย่างสมบูรณ์ เป็นกระบี่ที่หาที่เปรียบไม่ได้ในใจของเขา
ตู้ม!
ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงดังสนั่น จากนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตออกมาจากความว่างเปล่า
มันเป็นอสูรขนาดใหญ่โตมโหฬาร หัวเป็นมังกรตัวเป็นเสือ เกล็ดร้อยเรียงกันอย่างแน่นหนา ด้านหลังมีอยู่แปดปีก หางเรียวคมอย่างถึงที่สุดสะท้อนประกายเย็นเยียบ
หลังจากมันก้าวออกมา ทั่วทั้งฟ้าดินพลันถูกปกคลุมไปด้วยลมหายอันดุร้ายนองเลือด สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนตัวสั่นสะท้าน สะเทือนไปจนถึงจิตวิญญาณ
“ได้ยินมาว่ากระบี่ฉุนจวินอยู่ที่นี่!”
มันรำพึงด้วยเสียงแผ่วเบา ดวงตามังกรเปล่งประกายวาววับ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโลภ คิดครอบครองกระบี่ที่ปักอยู่บนยอดเขา
ทว่ามันก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างหุนหันพลันแล่น ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่ากระบี่ฉุนจวินนั้นน่ากลัวถึงเพียงใด!
เล่ากันว่ากระบี่ฉุนจวินอยู่เหนือกระบี่ทั้งปวง เป็นอันดับหนึ่งในหมู่กระบี่ เป็นสมบัติสะท้านฟ้า หากได้รับมันมา การสังหารสิ่งมีชีวิตในระดับเดียวกันก็จะเป็นเรื่องง่ายดาย
ทว่ามันก็ไม่รู้ข้อมูลอันใดเกี่ยวกับกระบี่ฉุนจวินมากนัก มีเรื่องมากมายที่มันไม่เข้าใจ กระบี่ฉุนจวินนั้นลึกลับเป็นอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตระดับมันไม่อาจสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
“พวกข้าสืบเสาะตามฝีเท้าคนผู้นั้นไปถึงสถานที่แห่งนั้น นึกว่าที่แห่งนั้นจะเป็นจุดสิ้นสุด ทว่าผู้ใดจะรู้ว่ามันไม่ใช่จุดสิ้นจุด แต่กลับเป็นที่นี่!”
มันเอ่ยต่อ ในน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากมาย
พวกมันละทิ้งสถานที่แห่งนี้ไปแล้ว ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าจะต้องหวนกลับมายังสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง!
สถานที่แห่งนั้นคือโลกหลังฉาก ส่วนสถานที่แห่งนี้ถูกพวกมันรียกว่าโลกหน้าฉาก
‘เมฆหมอกลอยปกคลุมอาณาจักร ไม่อาจมองเห็นความจริงได้อย่างชัดเจน หลังฉากที่คิดว่าจริง เมื่อมองย้อนกลับไปอีกครา ก็ไม่อาจมองได้กระจ่าง หรือจริงกลายเป็นเท็จ?’
มันเอ่ยขึ้นมาในใจ ความจริงทุกอย่างช่างยุ่งยากเหลือเกิน
ตอนนี้โลกเบื้องหลังกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง ความจริงที่ไม่มีผู้ล่วงรู้มาก่อนค่อย ๆ เผยออกมา สิ่งมีชีวิตในระดับพวกเขายากจะสามารถแยกแยะจริงเท็จได้
ใช่แล้ว มันมาจากหลังฉาก ทว่าหลังฉากเกิดความวุ่นวายไม่หยุด ทำให้มันเคลื่อนมายังหน้าฉาก
ขณะนั้นเอง มันสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แผ่ออกมาจากกระบี่ฉุนจวิน ทำให้ถูกดึงดูดความสนใจเข้าให้
ครืนนน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน ส่งอสนีบาตออกมาไม่หยุด เมฆสีดำทะมึน ประหนึ่งมีทะเลอสนีบาตปรากฏขึ้นกลางนภา ตามด้วยสิ่งมีชีวิตที่มาเพิ่ม!
นั่นเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์คนหนึ่งที่อยู่ใจกลางเหล่าอสนีบาต รูปร่างสูงใหญ่ ดวงตามีประกายวาววับเป็นพิเศษ รอบกายมีสายฟ้าแล่นผ่าน ราวกับผู้เป็นจ้าวผู้บงการอสนีบาต!
“จ้าวอสนีบาต!”
อสูรตัวใหญ่มหึมาเอ่ยทักทายผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์คนนั้น พวกเขารู้จักกันดี เพราะต่างก็มาจากฉากหลัง ความสัมพันธ์นับได้ว่าไม่เลว
จ้าวอสนีบาตพยักหน้า กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเราตามหาร่องรอยเท่าใดก็ไม่อาจพบกระบี่ฉุนจวิน ผู้ใดกันจะคาดคิดว่ากระบี่ฉุนจวินจะมาอยู่หน้าฉากกัน?”
นี่มันเกินกว่าความคาดหมายจริง ๆ อย่างไรเสียกระบี่ฉุนจวินก็เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของฉากหลัง มีพลังอันไร้ขอบเขต สามารถใช้สังหารผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
อีกทั้งฉากหน้ายังเป็นสถานที่ที่พวกเขาละทิ้งไปนานแล้ว
ฟิ้ว!
ขณะนั้นเอง ก็มีสายรุ้งทอดยาวมาจากแสนไกล มีชายท่าทางสง่างามผู้หนึ่งยืนอยู่บนรุ้งที่พุ่งเข้ามา เป็นชายรูปงามท่าทางภูมิฐาน ถือพัดด้ามจิ้วพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
เขาผงกหัวให้กับจ้าวอสนีบาตและอสูรขนาดมหึมา ตัวเขาเองก็มาจากฉากหลังเช่นเดียวกัน
…
ด้านนอกเมืองชิงซาน
สายตาของต้นหลิวเองก็ถูกกระบี่ฉุนจวินดึงดูดให้จับจ้อง
เมื่อมันเห็นชายภูมิฐานก็พลันเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เป็นเขา! จ้าวแห่งแดนลับอาทึก ข่งอวิ๋น!”
“กระบี่นั่นมีความเป็นมาเช่นใดกันแน่! จึงได้มีคนน่ากลัวจำนวนไม่น้อยมาเพื่อมัน!”
เจ้าก้อนหินที่อยู่ด้านข้างอดเอ่ยออกมาไม่ได้
ไม่ต้องสงสัยเลย กระบี่เล่มนี้จะต้องน่าตื่นตะลึงอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นคงมิอาจดึงดูดคนน่ากลัวจำนวนมากเช่นนี้มาได้
...
ไม่เพียงแต่อสูรขนาดมหึมา จ้าวอสนีบาต และข่งอวิ๋นเท่านั้นที่มา ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันอีกจำนวนไม่น้อยที่ตรงมายังสถานที่แห่งนี้ด้วย กระบี่ฉุนจวินนั้นพิเศษมากจนพวกเขาล้วนแล้วแต่ต้องการจะได้รับมา
ชายชราวิปลาสผู้หนึ่งเองก็มาที่นี่ เสื้อผ้าที่สวมซ่อมซ่อขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูไม่ใส่ใจภาพลักษณ์แต่อย่างใด
ในมือของเขาถือน้ำเต้าสุราขนาดใหญ่ เดินโซซัดโซเซประหนึ่งตาเฒ่าขี้เมา ใบหน้าแดงก่ำเป็นที่เรียบร้อย
แม้ท่าทางราวกับชายชราขี้เมา แต่กระทั่งผู้แข็งแกร่งอย่างอสูรขนาดมหึมายังอดยำเกรงในตัวเขาไม่ได้ สีหน้าของมันเริ่มจริงจังขึ้นมา ไม่ได้ผ่อนคลายอีกต่อไป
นี่คือตัวตนอันน่ากลัวในฉากหลัง แม้พวกมันจะอยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าก็มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ ตัวของตาเฒ่าขี้เมานั้นถูกจัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มผู้แข็งแกร่ง!
“สวัสดีทุกคน มา...มาร่ำสุราด้วยกันเถิด!”
ตาเฒ่าขี้เมาประหนึ่งไม่เห็นมีสิ่งใดต้องจริงจัง ถือขวดสุราตรงเข้าไปทางพวกอสูรขนาดมหึมา ก่อนกรอกเหล้าอึกใหญ่เข้าปากหลายครั้ง จากนั้นก็ยื่นส่งให้กับจ้าวอสนีบาต
จ้าวอสนีบาตรู้สึกแขยง ปากขวดนั้นเปื้อนไปด้วยนำลายของตาเฒ่าขี้เมา เขาไม่ต้องการจะรับมันไปดื่ม
“ขอบคุณผู้อาวุโส ทว่าข้าไม่ดื่มสุรา!”
จ้าวอสนีบาติโบกมือปฏิเสธ
โฮกกก
ตอนนั้นเอง พลันเกิดลมโหมอย่างบ้าคลั่งพัดมาจากบริเวณห่างไกล ทุกหนแห่งที่ผ่านไปล้วนไม่มีใบไม้ใดหลงเหลือ ฟ้าดินเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
เพียงพริบตาเดียวสายลมอันบ้าคลั่งก็มาถึงที่แห่งนี้ มีหมอกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนลอยกระจายออกมาด้านใน แสงแปลกประหลาดสว่างวาบ พร้อมกับเสียงหัวเราะน่าสยดสยองที่ดังมาจากด้านใน
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเดินออกมาจากหมอกดำ ร่างกายของมันเต็มไปด้วยปุ่มกระดูก รูปร่างใหญ่โตน่าเกลียด
“มารกระดูก!”
ใบหน้าของพวกอสูรขนาดมหึมาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตที่เพิ่งมาคือมารกระดูก เป็นมารร้ายอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด โหดเหี้ยมอำมหิตจนทำให้สิ่งมีชีวิตฉากหลังจำนวนไม่น้อยที่เกิดความยำเกรง
“คิดถึงชีวิตเมื่อครั้งอยู่หน้าฉากเสียจริง วันวานที่สามารถกินเลือดได้มากเท่าต้องการ เมื่ออยู่ฉากหลังก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ สามารถกินได้น้อยเกินไป!”
มารกระดูกแลบลิ้นขนาดใหญ่เลียกวาดไปมา ระหว่างหันกลับมามองเหล่าสิ่งมีชีวิตจากจักวาลโกลาหลอื่น ๆ
ฉากหลังนั้นต่างออกไป สิ่งมีชีวิตที่สามารถอาศัยอยู่เบื้องหลังได้ล้วนไม่มีผู้ใดธรรมดาสามัญ หากไม่มีพลังอันแข็งแกร่งก็ต้องมีผู้คอยหนุนหลัง
แม้ว่ามันจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่กล้าลงมือกำเริบเสิบสานในฉากหลังตามใจชอบ สามารถกินเลือดเป็นอาหารได้เพียงจำนวนน้อย
หลังจากมันกลับมายังหน้าฉากแล้ว มันก็ไม่ต้องพะว้าพะวังสิ่งใดแม้แต่น้อย ถึงกับกินสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในสองอาณาจักรไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
สิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลที่ตกเป็นเป้าหมายของมารกระดูกต่างหวาดกลัวขึ้นมา รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจากความตาย ต้องการจะรีบหนีออกไปจากที่นี่
ทว่าพวกเขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ถูกพลังบางอย่างกักขังเอาไว้อย่างสมบูรณ์
“กินก่อนค่อยว่ากัน!”
ดวงตาของมารกระดูกลุกโชนด้วยไฟสีเขียว มันเปิดปากอันใหญ่โตออก ต้องการจะกลืนกินสิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลทั้งหมด
พวกอสูรขนาดมหึมาที่อยู่ด้านข้างไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
ในสายตาของพวกเขา สิ่งมีชีวิตหน้าฉากไม่มีค่าแต่อย่างใด พวกเขาไม่คิดจะขัดแย้งกับมารกระดูกเพราะสิ่งมีชีวิตหน้าฉากเหล่านี้
อย่างไรเสียมารกระดูกก็ไม่ได้อ่อนแอ จัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มผู้แข็งแกร่ง!
เพื่อสิ่งมีชีวิตหน้าฉากแล้ว มันไม่คุ้มค่าแม้แต่น้อยที่จะมีเรื่องบาดหมางกับมารกระดูก
“ไม่นะ!”
“ใครก็ได้ช่วยพวกเราด้วย!”
สิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลร้องเสียงดังลั่น พวกมันไม่สามารถเคลื่อนไหวอันใดได้ ถูกกังขังเอาไว้อย่างสมบูรณ์
หากไม่มีผู้ใดยื่นมือช่วยเหลือ พวกมันจะต้องถูกมารกระดูกกินเข้าไปแน่!
“ผู้ใดจะช่วยเหลืออาหารอย่างพวกเจ้าได้กัน? น่าขันเสียจริง”
มารกระดูกเยาะเย้ย ด้วยตัวตนของมันแล้ว จะมีผู้ใดกล้ามีปัญหากับมันเพียงเพื่ออาหารตัวจ้อยเหล่านี้กัน?
สถานการณ์กล่าวได้ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้ว มารกระดูกนี่ไม่ใช่สิ่งดีแต่อย่างใด ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เตรียมพร้อมจะลงมือทันที เพราะไม่สามารถทนมองมารกระดูกกลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมดลงไปได้
ทว่าในตอนที่เขากำลังจะลงมือ ก็มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นทางฝั่งมารกระดูก
อ้วกกก!
มีกองอาเจียนตกลงมาจากท้องฟ้าราดลงบนหัวของมารกระดูก ทำให้มารกระดูกที่กำลังจะลงมือหยุดทุกสิ่งลงทันที!
จิตสังหารของมันพุ่งเสียดฟ้า น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว ผู้ใดกันที่หาญกล้าบังอาจถึงเพียงนี้?!
สำหรับมันแล้ว นี่นับเป็นความอัปยศดูหมิ่นอย่างถึงที่สุด!
“เอิ๊ก ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าดื่มเยอะไปจนอนกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ หากเจ้าไม่ชอบ ข้าจะช่วยเช็ดให้เอง”
เหนือฟ้าสูงขึ้นไป ตาเฒ่าขี้เมาพูดเสียงอ้อแอ้
เขาซวนเซไปมาระหว่างถอดถุงเท้าตนเองออกมา ต้องการนำไปช่วยเช็ดให้มารกระดูก!
นี่มันอันใดกัน!
สีหน้าของอสูรขนาดมหึมาและคนอื่น ๆ แปรเปลี่ยนทันที เวรเอ๊ย เท้าของตาเฒ่าขี้เมาที่เพิ่งถอดออกมามีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวลอยหึ่ง
ไม่ได้ซักถุงเท้านั่นมากี่วันแล้ว?
บนถุงเท้าเริ่มมีน้ำมันซึมออกมาสะท้อนแสงมันแผลบเสียด้วยซ้ำ!
อย่าพูดถึงการนำมาใช้เช็ดหัวเลย กระทั่งให้มองพวกเขายังไม่อาจทนได้!
ตาเฒ่าขี้เมายังสุดยอดเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้ไม่ได้เห็นมารกระดูกอยู่ในสายตาเลย เห็นได้ชัดว่าจงใจหยามหน้ามารกระดูก ก่อนหน้านี้การอาเจียนก็เป็นเรื่องจงใจด้วย
“เจ้า!”
มารกระดูกโกรธเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกถูกหมิ่นเกียรติอย่างถึงที่สุด ตาเฒ่าขี้เมายั่วยุมันโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย!
มันพุ่งเข้าไปต้องการสังหาร!
“หือ เหตุใดยังโกรธเคืองอีกเล่า? มารดาของเจ้าไม่เคยสั่งสอนหรืออย่างไร เมื่อผู้อื่นกล่าวขอโทษแล้วก็ควรให้อภัยอีกฝ่าย”
ตาเฒ่าขี้เมาส่ายหัว ทั้งยังสะอึกออกมา “ข้าขอโทษเจ้าแล้ว เจ้าก็ควรยอมรับเสีย!”
เอ่ยวาจาไร้สาระอันใด!
มารกระดูกโกรธยิ่งกว่าเดิม!
“ผู้อื่นกลัวเจ้า แต่ข้าไม่กลัวเจ้า!”
จิตสังหารของมันล้นทะลักระหว่างที่หางของมันฟาดออกไป ตาเฒ่าขี้เมามีชื่อเสียงอย่างมากในฉากหลัง สิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยหวาดเกรงในตัวของเขา
ทว่าไยมันจะต้องเป็นเช่นนั้น?
มันไม่หวาดเกรงในตัวตาเฒ่าขี้เมาแม้แต่น้อย!
ตาเฒ่าขี้เมาก็มีฝีมืออยู่บ้าง ร่างกายของเขาเซไปมาอย่างแรง ดูแล้วราวกับจะล้มลงไปบนพื้นได้ทุกเมื่อ
แต่เมื่อหางของมารกระดูกพุ่งเข้ามา เขาเพียงใช้หมัดต่อยออกมาอย่างสบาย ๆ ปะทะเข้ากับหางของมารกระดูก ทำให้หางของมารกระดูกกระเด็นถอยออกไป!
กระทั่งร่างของมารกระดูกยังปลิวถอยรนไปหลายจั้ง
ทว่าตาเฒ่าขี้เมาก็ไม่ได้ทำสิ่งใดต่อแม้แต่น้อย ทำเพียงแค่หยิบน้ำเต้าขึ้นมาดื่มสุราอีกอึกใหญ่
“รสเลิศ รสเลิศยิ่งนัก!”
ตาเฒ่าขี้เมาส่งเสียงชื่นชมครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าลืมไปเสียแล้วว่ากำลังต่อสู้กับมารกระดูกอยู่
สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนก็คือ มารกระดูกทำเพียงแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ไม่ได้ทำสิ่งใดต่อ เก็บลมหายใจกลับไป ออกจากบริเวณนี้ไปอยู่ตรงจุดที่ไกลออกไป
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
มารกระดูกมีนิสัยโหดเหี้ยมดุร้าย เป็นตาเฒ่าขี้เมาที่อาเจียนรดหัวมารกระดูกก่อน หลังจากนั้นยังถอดถุงเท้ากลิ่นเหม็นของตนจะมาเช็ดศีรษะของมารกระดูก เช่นนั้นแล้วมารกระดูกจะสามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้เช่นไร?
ตามนิสัยของมารกระดูกแล้ว มันควรจะต่อสู้กับตาเฒ่าขี้เมาถึงขั้นไม่ตายไม่เลิกลา แต่เหตุใดมารกระดูกเพียงแค่ใช้หางโจมตีก่อนจะปล่อยไป?
ดูเหมือนว่าเมื่อครู่มารกระดูกจะได้รับผลครั้งใหญ่จากการปัดหาง!
แน่นอนว่าต้องเป็นผลครั้งใหญ่ ไม่ใช่เพียงแค่เล็กน้อย ไม่เช่นนั้นมารกระดูกคงไม่มีทางย่อมปล่อยไปเพียงแค่นี้
อสูรขนาดมหึมาและคนอื่น ๆ คิดขึ้นในใจ
ความจริงแล้ว สิ่งที่พวกเขาคิดนั้นไม่ผิด มารกระดูกประสบผลครั้งใหญ่ ทั้งยังเป็นผลเสียครั้งใหญ่!
เมื่อครู่ที่มันฟาดออกไปปะทะกับตาเฒ่าขี้เมา ผลคือเพียงพริบตาเดียวกระดูกหางทั้งหมดของมันพลันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ภายในพริบตาเดียว!
มันใช้กระดูกเดินบนทางเต๋า สามารถกล่าวได้ว่ากระดูกเป็นบ่อเกิดของมัน กระดูกภายในร่างทุกชิ้นแข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการถึงได้ แม้ว่าจะปล่อยให้ผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวโจมตีตามต้องการ กระดูกของมันก็ไม่อาจหักลงได้โดยง่าย
การแตกละเอียดเช่นนี้ ยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้
ทว่าตาเฒ่าขี้เมากลับทำได้!
ไม่ต้องสงสัยเลย ตาเฒ่าขี้เมาจะต้องเป็นศัตรูที่มันไม่อาจเทียบได้อย่างแน่นอน น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
มันไม่ต้องการจะสู้กับตาเฒ่ากระดูก
“รอพันธมิตรของข้ามาถึงก่อนเถิด หลังจากได้รับกระบี่ฉุนจวินมาแล้ว ข้าจะทดสอบกับเจ้าเป็นคนแรก!”
มารกระดูกเอ่ยขึ้นมาในใจอย่างเย็นชา
มันทั้งโกรธและเสียหน้าอย่างถึงที่สุด แม้ว่ามันจะใช้พลังเพื่อคงสภาพรูปร่างของหางเอาไว้ ทว่าที่นี่ก็เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกัน เช่นนั้นจะสามารถซ่อนเรื่องนี้ได้อย่างไร ย่อมไม่มีทาง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ระดับเดียวกันจะต้องสามารถคาดเดารับรู้ได้
ตู้ม!
ฟ้าสั่นสะเทือน มีโลงศพสีชาดขนาดใหญ่ลอยออกมาจากความว่างเปล่า สีหน้าของอสูรขนาดมหึมากับคนอื่น ๆ พลันแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง เหตุใดโลงโลหิตจึงมาที่นี่ได้?
โลงโลหิตนั้นไม่ธรรมดา ลึกลับเป็นอย่างมาก ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดรู้ว่าด้านในโลงมีสิ่งใดอยู่ รู้เพียงแค่ว่ามันจะต้องน่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด
ครั้งหนึ่งเคยมีความขัดแย้งระหว่างสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกันกับโลงโลหิต เป็นผลให้เกือบถูกโลงโลหิตสังหารสิ้น ยามนั้นถึงกับทำให้คนจำนวนไม่น้อยตื่นตกใจ
ตัวตนเช่นพวกมันแล้ว ต่างก็ทรงพลังเป็นอย่างมากจนไม่อาจดับสลายได้โดยง่าย ทว่าโลงโลหิตเกือบจะทำสำเร็จ แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของโลงโลหิตทันที โลงโลหิตสามารถสร้างแรงกดดันอันหนักหน่วงให้กับพวกเขาได้!
“มาแล้ว!”
มารกระดูกเอ่ยกับโลงโลหิต
“อืม”
มีเสียงลึกล้ำดังขึ้นมาจากโลงโลหิต เสียงนั้นไม่อาจแยกออกได้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี ยามอยู่หลังฉาก มารกระดูกชิดเชื้อกับโลงโลหิตเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะมาที่นี่ พวกมันยังได้กลายมาเป็นพันธมิตรร่วมมือกันเพื่อคว้ากระบี่ฮุนจวิน
มารกระดูกมองไปทางตาเฒ่าขี้เมา ต้องการจะร่วมมือกับโลงโลหิตเพื่อสังหารตาเฒ่าขี้เมา
แต่สุดท้ายหลังมันขบคิด ก็ตัดสินใจปล่อยไปเสียก่อน
การแย่งชิงกระบี่ฉุนจวินต่างหากที่นับได้ว่าสำคัญที่สุด เรื่องตาเฒ่าขี้เมารอไปก่อนค่อยสะสางภายหลังก็ได้
อย่างไรเสีย ตาเฒ่าขี้เมาก็ไม่ได้ธรรมดา มันเกรงว่าหากพวกมันทุ่มแรงต่อสู้ จะส่งผลต่อการแย่งชิงกระบี่ฉุนจวิน
สิ่งมีชีวิตอีกจำนวนไม่น้อยค่อย ๆ ทยอยมาถึง ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตจากฉากหลัง
พวกเขาหลายคนเป็นถึงที่สุดในยุคสมัย ตัวอย่างเช่นผู้ฝึกตนหญิงแสนงดงาม แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาว ดูสูงส่งเหนือสามัญประหนึ่งดอกบัวขาว
คนงามอันเป็นที่สุดแห่งยุคนี้เชี่ยวชาญในวิถีดาบ วิชาดาบของนางสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตในฉากหลังรู้สึกหวาดกลัว
นอกจากนี้ยังมีจิ้งจอกเก้าหางในชุดวาบวิวสีแดง ปกปิดไว้เพียงแค่เฉพาะส่วนสำคัญ ผิวขาวราวหิมะส่วนมากปรากฏออกสู่สายตา ดึดดูดให้ผู้คนคิดฝันถึง
นี่เองก็เป็นอีกหนึ่งผู้สุดยอดแห่งยุค รูปร่างที่แท้จริงคือจิ้งจอกเก้าหาง ฝีมือชวนให้กริ่งเกรงและตื่นตะลึง อีกทั้งยังเปี่ยมเสน่ห์อย่างถึงที่สุด กระทั่งสิ่งมีชีวิตในระดับเดียวกันยังไม่อาจรับมือได้
“สวัสดีทุกท่าน”
นางส่งเสียงหัวเราะดังกังวาน ทักทายเหล่าผู้แข็งแกร่งจากฉากหลังจำนวนมาก เสน่ห์เปี่ยมล้นแผ่ซ่าน สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้ที่มาจากหลังฉากหวาดเกรงเป็นอย่างยิ่ง เกิดความกลัวว่าหากไม่ระวังจะต้องตกหลุมพรางของนาง
โลกหลังฉากนั้นวุ่นวายอย่างแท้จริง ทำให้เห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จำนวนมากมายปรากฏยังสถานที่แห่งนี้
หากหลังฉากไม่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้พบสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จำนวนมากในหน้าฉาก!
กระบี่ฉุนจวินยังคงปักอยู่บนยอดเขา เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาไม่หยุด สิ่งมีชีวิตจากเบื้องหลังจำนวนมากต่างร้อนใจ ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวอย่างหุนหันพลันแล่น
แสงกระบี่ที่รายล้อมรอบกระบี่ฉุนจวินนั้นน่ากลัวเกินไป พวกเขาล้วนไม่แน่ใจว่าจะรับมือได้ กระบี่ฉุนจวินนั้นไม่ง่ายที่จะจัดการ!
นอกจากนี้พวกเขายังไม่กล้าลงมือก่อน อย่างไรเสียหากมีคนลงมือ ก็จะต้องตกเป็นเป้าหมายของทุกคนเป็นแน่
ทว่าตอนนั้นเอง สตรีงามบริสุทธิ์ไร้มลทินก็เป็นผู้เริ่มเคลื่อนไหว
นอกจากนางจะงามจนหาที่เปรียบไม่ได้ ก็ยังคงมีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก กล้าที่จะลงมือเป็นคนแรก!
การลงมือเป็นคนแรกย่อมเป็นการสะท้อนถึงความมั่นใจในตนเองอย่างยิ่งยวด สตรีโฉมสะคราญเป็นเช่นนั้น
นางมีรูปร่างสูงโปร่งสะโอดสะอง เส้นผมดกดำพลิ้วไหว ดวงหน้างามสง่าสะคราญเมือง บุคลิกสูงส่งไม่ธรรมดา มิมีมลทินแปดเปื้อน อาภรณ์ขาวสะอาดบริสุทธิ์
“กระบี่ฉุนจวินหรือ…”
เสียงของนางแผ่วเบารื่นหู ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายสุกสกาวขณะเข้ามาอยู่ตรงหน้ายอดเขา เพื่อเก็บกระบี่ฉุนจวิน
นางบำเพ็ญวิถีกระบี่เป็นหลัก ในใจของนาง กระบี่ฉุนจวินคือกระบี่สูงสุด เป็นกระบี่ที่นางใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครอง!
เมื่อครั้งยังอยู่หลังฉาก นางเคยเฝ้าตามหาเบาะแสของกระบี่ฉุนจวินมาอย่างยาวนาน สุดท้ายกลับมิได้อันใดเลย ทว่าวันนี้ นางกลับได้เห็นกระบี่ฉุนจวินกับตาตนเอง นางให้คำสาบานในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยึดกระบี่ฉุนจวินมาไว้ในครอบครองให้ได้!
“วิชาพินิตกระบี่!”
สีหน้าของนางขึงขังขณะลงมือ ภายนอกของนางเปล่งแสงไปทั่วร่าง สองมือประสานอิน เจตจำนงกระบี่น่าพรั่นพรึง หมายจะใช้วิชาพินิตกระบี่เพื่อพิชิตกระบี่ฉุนจวิน
วิชาพินิตกระบี่นี้อานุภาพกล้าแกร่งมาก ด้วยวิชานี้ นางสามารถพินิตกระบี่ได้ทั่วใต้หล้า!
หลี่จิ่วเต้ามิได้ลงมือ เขาดูออกแต่แรกแล้วว่ากระบี่ฉุนจวินนั้นใช่ว่าพิชิตได้ง่าย ๆ มิฉะนั้น สิ่งมีชีวิตอย่างพวกมารกระดูกก็คงไม่สงวนท่าทีมิมีเคลื่อนไหว
เขาจึงอยากเฝ้าดูไปก่อน
วิชาพินิตกระบี่สำแดงออกมา ฤทธิ์เดชน่าทึ่งอย่างแท้จริง แสงกระบี่ที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่รอบ ๆ กระบี่ฉุนจวินถูกว่านเซวียน สตรีโฉมสะคราญผู้นี้ควบคุมไว้ได้หมด
เดิมทีแสงกระบี่นั้นโลดแล่นรุนแรง ทว่าหลังควบคุมได้แล้ว กลับหยุดการโลดแล่นลงทั้งหมด และกระบี่ฉุนจวินก็มีทีท่าแปลกไป มันยื่นออกจากยอดเขาที่ปักอยู่มากขึ้น!
สุดยอดจริง ๆ!
สีหน้าของพวกมารกระดูกเปลี่ยนไปกันหมด ว่านเซวียนผู้นี้เก่งกาจน่าทึ่งจริง ๆ นางอาจทำสำเร็จก็ได้ อย่างน้อยก็เชื่อมต่อกับกระบี่ฉุนจวินได้แล้ว!
ม่านตาพวกเขาหรี่ลง สิ่งมีชีวิตไม่น้อยกำอาวุธสังหารในมือ พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้ว่านเซวียนนำกระบี่ฉุนจวินไปจริง ๆ ย่อมต้องหยุดยั้งนางไว้ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน
ฟึ่บ!
ทว่าเวลานั้นเอง บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น แสงกระบี่ที่เคยถูกควบคุมสลัดออกจากการบงการได้ฉับพลัน ทั้งยังฟาดฟันใส่ว่านเซวียน!
สีหน้าว่านเซวียนเปลี่ยนไป มิกล้าหยุดยั้งแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ นางรีบเอี๊ยวตัวไปจากที่นั่น แสงกระบี่นี้น่ากลัวเกินไป นางรู้สึกว่าหากถูกฟันละก็อาจโดนสังหารไปจริง ๆ!
เสียงดังพรวด โลหิตสีแดงฉานหลั่งริน แม้ว่าว่านเซวียนหลบหลีกก็ยังไม่ไหว ถูกแสงของกระบี่ถากเอาจนร่างกายกลายเป็นหมอกเลือดไปครึ่งท่อน
กระบี่ฉุนจวินที่ยื่นออกมานิดหน่อยปักลึกกลับไปในยอดเขาอีกครั้ง
ว่านเซวียนยังไม่หายกลัว หลังกายเนื้องอกเงยขึ้นใหม่ก็รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว ดวงตาจ้องมองกระบี่ฉุนจวิน มิได้มีความเคลื่อนไหวใดอีก
จะให้พิชิตอย่างไรไหว มองไม่เห็นความหวังสักนิด ว่านเซวียนช้ำใจเหลือแสน สมแล้วที่กระบี่ฉุนจวินคือกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ต่อให้ได้พบก็ทำอันใดมิได้อยู่ดี!
คิ้วของหลี่จิ่วเต้ากระตุกเบา ๆ กระบี่เล่มนี้ได้มาไม่ง่ายเลยจริง ๆ!
เขาจะครอบครองได้หรือไม่นั้น ในใจยังต้องประเมินอยู่เหมือนกัน ดูว่าของวิเศษในมือพอจะกำราบแสงกระบี่แล้วนำกระบี่ฉุนจวินกลับไปด้วยได้หรือไม่
“น้องหญิงเซวียนไม่ไหวเลย บำเพ็ญวิถีกระบี่เป็นหลักแล้วยังอเนจอนาถเช่นนี้!”
ร่างอันเย้ายวนของเซียนปีศาจเก้าหางส่ายไปมา ขณะเอ่ยด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
ว่านเซวียนมิได้สนใจเซียนปีศาจเก้าหาง เมื่อคราวพวกนางยังอยู่ที่หลังฉากก็มิสู้จะถูกกันเท่าใด เคยปะทะกันหลายครั้งหลายครา ทว่าต่างคนต่างทำอันใดอีกฝ่ายมิได้
หลี่จิ่วเต้าหันมองเซียนปีศาจเก้าหาง ช่างงดงามและวาบหวามจริง ๆ ผิวขาวดุจหิมะนั่นดูนุ่มลื่นเป็นที่สุด สายตาเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน เรียกได้ว่าเป็นรูปโฉมที่เลิศล้ำหายาก
เขาก้มมองจิ้งจอกสีแดงเพลิงในอ้อมอก นึกไปว่าหลังจิ้งจอกน้อยกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว จะงดงามวาบหวามเช่นนี้ด้วยหรือไม่
‘พอใช้ได้แล้วกระมัง กลับไปแล้วให้ลั่วสุ่ยดูทีว่าพอจะนำพาจิ้งจอกน้อยก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้หรือไม่’
เขาคิดในใจ ‘รวมถึงจิ้งจอกขาวด้วย พากันก้าวสู่เส้นทางฝึกตนด้วยกันเลย จริงสิ มัจฉาสัตมายาตัวที่ลั่วสุ่ยโปรดปรานก็ดูมีพลังวิญญาณไม่น้อย หากเป็นไปได้ ให้ลั่วสุ่ยพาไปยังเส้นทางฝึกตนด้วยกันเลยแล้วกัน’
ลั่วสุ่ยคือปีศาจฝึกตน ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนไปนานแล้ว หากว่าจิ้งจอกน้อย จิ้งจอกขาว และมัจฉาสัตมายาเหมาะแก่การฝึกฝน ลั่วสุ่ยย่อมพาพวกมันก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้
“น้องหญิงเซวียนอย่าได้เย็นชานักเลย ขืนเย็นชาอยู่เช่นนี้ วันหน้าจะหาคู่บำเพ็ญเพียรได้อย่างไรกัน!”
เซียนปีศาจเก้าหางเอ่ยยิ้ม ๆ “มีเพียงพี่หญิงผู้นี้ที่ห่วงใยเจ้า ช่วงนี้ข้าช่วยตามหาสามีที่เหมาะสมกับเจ้าอยู่ตลอด ผู้ที่สามารถอยู่เคียงข้างน้องหญิงเซวียนไปตลอดชีวิต”
ปราณกระบี่ซัดสาดออกจากตัวว่านเซวียน นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองเซียนปีศาจเก้าหางราวกับคมมีดสองเล่ม
นางไฉนเลยต้องให้เซียนปีศาจเก้าหางช่วยนางหาคู่บำเพ็ญเพียร
อีกอย่าง คู่บำเพ็ญเพียรที่เซียนปีศาจเก้าหางหามาใช้ได้ที่ไหน บุรุษที่เข้าตาเซียนปีศาจเก้าหาง ย่อมถูกเซียนปีศาจเก้าหางกินเรียบไปแล้ว!
โครม!
โลงโลหิตสั่นไหว มันและมารกระดูกผนึกกำลัง ลงมือพิชิต มารกระดูกแหงนหน้าคำรามสู่ฟ้า กระดูกทั่วร่างส่องแสงวาววาม ความเป็นโลหิตไหลเวียนออกมา เห็นได้ชัดว่าร่างกระดูกของมันแข็งแกร่งขึ้น!
ข้างกายของมัน บนโลงโลหิตมีประกายเลือดสาดส่องรุนแรง อักขระโบราณน่าสะพรึงถักทอประสาน พลังนั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึง บุกออกไปข้างหน้าพร้อมมารกระดูก!
แสงกระบี่ที่แวววาวอยู่รอบ ๆ กระบี่ฉุนจวินโจมตีกลับทันควัน กล้าแกร่งไร้เทียมทาน ร่างกระดูกของมารกระดูกนั้นแข็งทนทานปานใด ทว่าเมื่อเผชิญกับแสงกระบี่ก็แหลกลาญง่าย ๆ ประหนึ่งเต้าหู้!
มารกระดูกตกตะลึง โชคดีที่ถอยกลับมาได้ทัน มิฉะนั้น มันได้จบชีวิตลงแน่ ไม่มีทางรอดกลับมาได้!
โลงโลหิตเห็นทีจะดุดันกว่า มันระงับการโจมของแสงกระบี่ไว้ได้ แต่หลังจากนั้นก็สู้ไม่ไหว ยามแสงกระบี่โจมตีเข้ามาอีกครั้ง โลงโลหิตพลันแหลกออกในบัดดล!
สิ่งมีชีวิตภายในโลงหวาดผวาจนวิญญาณแทบออกจากร่าง รีบร้อนถอยหนี สิ่งมีชีวิตบางตนอาศัยช่วงที่โลงโลหิตขาดออกจากกัน จ้องมองสิ่งที่อยู่ภายในโลงโลหิต
“เด็กอ้วน…ผู้หนึ่งหรือนี่?!”
สิ่งชีวิตมากมายหน้าตาตกตะลึง คิดไม่ถึงเลย
โลงโลหิตแสนลึกลับจากโลกหลังฉากทั้งอำมหิตโหดเหี้ยม มิมีผู้ใดรู้ว่าในโลงโลหิตมีสิ่งใดอยู่ สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏ ภายในนั้นกลับเป็นเด็กอ้วนตัวขาวนวลเนียน!
เรื่องนี้ออกจะเกินคาด ผิดจากที่คิดไว้มาก!
ตู้ม!
โลงโลหิตแหลกออก หมอกดำพุ่งออกมาซ่อมแซมโลงโลหิตให้กลับมาดีดังเดิมได้อย่างรวดเร็ว มิมีสิ่งมีชีวิตตนใดมองเห็นภาพในโลงโลหิตได้อีก
“ยากจริง ๆ!”
สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตพึมพำเสียงเบา นี่คือหรือความน่ากลัวของกระบี่ฉุนจวิน มันเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว!
ตึง! ตึง! ตึง!
เวลานั้นตาเฒ่าขี้เมาเหินเข้ามาเคาะโลงโลหิต “เจ้าเป็นเด็กอ้วนจริงหรือ หย่านมหรือยัง เมื่อครั้งยังอยู่ที่โลกหลังฉาก ข้าเคยได้ยินว่ามีอสูรเพศเมียมากมายครวญครางด้วยความทุกข์ระทมกลางดึก ใช่เจ้าหรือไม่ที่เข้าไปขโมยนมอสูรของอสูรเพศเมียไปกิน”
สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตโมโหมาก มันไฉนเลยจะทำเรื่องเช่นนั้น!
ที่อสูรเพศเมียครวญครางด้วยความเจ็บปวดในเวลากลางคืนหาได้เกี่ยวข้องกับมันไม่!
มันแค่อยู่ในสถานการณ์พิเศษชั่วคราวเท่านั้น!
“เหอะ!”
มันแค่นเสียงเย็น มิได้ทำอันใดกับตาเฒ่าขี้เมา คุมโลงโลหิตไปจากที่นี่
เมื่อครู่มันได้รับบาดเจ็บ ไม่สะดวกต่อสู้กับตาเฒ่าขี้เมา มิฉะนั้น มันย่อมไม่ยอมจบเรื่องง่าย ๆ ต้องสู้กับตาเฒ่าขี้เมา ไม่ตายไม่เลิกรา ไม่มีทางยอมให้ตาเฒ่าขี้เมาทำลายชื่อเสียงของมันเช่นนี้!
ยอดฝีมือจากโลกหลังฉากต่างมีจิตใจหนักอึ้ง กระบี่ฉุนจวินน่ากลัวเหลือเกิน ไม่แปลกที่มีตำนานเล่าขานว่า ผู้ใดครอบครองกระบี่ฉุนจวินผู้นั้นไร้เทียมทาน
ว่านเซวียน มารกระดูก โลงโลหิตต่างหมดท่า พวกเขาได้แต่จ้องมองกระบี่ฉุนจวินพลางถอยหายใจ ไม่มีวิธีได้กระบี่ฉุนจวินมาไว้ในครอบครองเลยหรือ?
“พวกเราลองร่วมมือกันดูเถิด!”
จ้าวอสนีบาตเสนอ คิดจะผนึกกำลังกำราบกระบี่ฉุนจวินให้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยตัดสินใจในภายหลัง
“ได้”
“หากไม่ยอมร่วมมือกัน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจได้กระบี่ฉุนจวินมาครอบครอง”
ยอดฝีมือจากโลกหลังฉากพากันตอบตกลง ตัดสินใจยอมร่วมมือ
เห็นได้ชัดว่าลุยเดี่ยวไม่ไหว มีแต่ต้องผนึกกำลังเท่านั้นจึงจะเห็นความหวังบ้าง
‘ลงมือดีหรือไม่’
หลี่จิ่วเต้าครุ่นคิดในใจ เขาชักอยากลงมือแล้ว
หากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ผนึกกำลังโจมตี เป็นไปได้ว่ากระบี่ฉุนจวินอาจถูกกำราบลงจริง ๆ ทว่าสุดท้าย เขาก็ตัดสินใจรอต่ออีกหน่อย
‘เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีแผนในใจกันทั้งสิ้น ทุกคนล้วนปรารถนากระบี่ฉุนจวิน มิสู้รอรั้งท้าย ใช้อุบายตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นรออยู่ด้านหลัง’
เขาอดทนขณะคิดในใจ
ต่อมา สิ่งมีชีวิตจากโลกหลังฉากผนึกกำลังลงมือ บุกไปหากระบี่ฉุนจวินพร้อมกัน
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
แสงกระบี่นับไม่ถ้วนทิ่มแทงออกจากกระบี่ฉุนจวิน ถล่มใส่สิ่งมีชีวิตจากโลกหลังฉาก
สิ่งมีชีวิตจากโลกหลังฉากผนึกกำลัง พลานุภาพนั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึง พวกเขาต้านทานการถล่มจากแสงกระบี่ได้ เข้าใกล้กระบี่ฉุนจวินขึ้นอีกหนึ่งก้าว
ทว่าหลังกระบี่ฉุนจวินเปล่งแสงออกมาอีกครั้ง พวกเขาก็สู้ไม่ไหวอีกต่อไป ต้านมิได้อย่างสิ้นเชิง แต่ละคนพากันล่าถอยอย่างรวดเร็วให้ไกลห่างจากที่นี่!
แสงกระบี่เหล่านั้นสยดสยองกว่าเก่ามากนัก หากพวกเขาช้ากว่านี้อีกเพียงก้าวเดียวก็อาจจบชีวิตลงที่นั่น!
“ทั้งที่กระบี่ฉุนจวินอยู่ตรงหน้าแต่กลับมิอาจได้มา น่าเจ็บใจยิ่งนัก!”
“อ๊ากกก!”
สิ่งมีชีวิตจากโลกหลังฉากพากันคำรามเสียงต่ำ แต่ละคนล้วนโมโหโทโส
ทว่าต่อให้เจ็บใจเพียงใดพวกเขาก็ไร้ซึ่งหนทาง ผนึกกำลังแล้วก็ยังไม่ไหว ให้ทำอย่างไรได้อีกเล่า
น้ำเต้าของตาเฒ่าขี้เมาแตกไปแล้ว มีสุราหยดลงมาไม่หยุด ตาเฒ่าขี้เมาผู้ปวดใจรีบใช้ปากรับเหล้า มิให้หกรดพื้น
“ต้องลองดูแล้ว…”
หลี่จิ่วเต้าตาเป็นประกาย ตัดสินใจลองลงมือดู
เขาเรียกใบหญ้าและต้นวิเศษสัตตะออกมา ขึ้นขี่บนหลังกิเลนไฟ บินไปยังยอดเขาเพื่อพิชิตกระบี่ฉุนจวิน
“นั่นกระไร? เป็นเพียงอาหารริอ่านพิชิตกระบี่ฉุนจวินหรือ”
หลังมารกระดูกเห็นหลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟบินขึ้นจากพื้นก็มีสายตาดูแคลน อาหารเหล่านี้ช่างไม่รู้จักประเมินตนเอาเสียเลย!
พวกเขายังมิไหว สิ่งมีชีวิตหน้าฉากไฉนเลยจะทำสำเร็จ?
หยุดล้อเล่นเสียที!
“อยากตายก็มิเห็นต้องทำเช่นนี้!”
“น่าขันจริง!”
สายตาที่บรรดายอดฝีมือหลังฉากทอดมองหลี่จิ่วเต้าต่างเปี่ยมไปด้วยความดูถูกเย้ยหยัน
สิ่งมีชีวิตหน้าฉากนี่ยอมทิ้งชีวิตเพื่อของวิเศษอย่างนั้นหรือ ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวว่าตนมีน้ำยาแค่ไหน ตลกสิ้นดี!
‘โง่เขลานัก!’
ลั่วสุ่ยหัวเราะเย็น ๆ ในใจ สิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านี้บังอาจหมิ่นประมาทคุณชายปานนี้ ทัศนวิสัยคับแคบจนน่าสงสาร
คุณชายลงมือ มีสิ่งใดกำราบมิได้บ้าง
แม้นางไม่รู้ว่ากระบี่ฉุนจวินเล่มนี้มีภูมิหลังอย่างไร แต่นางเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าคุณชายสามารถกำราบกระบี่ฉุนจวินได้ง่ายดาย!
ตึง! ตึง! ตึง!
เวลานั้น จู่ ๆ กระบี่ฉุนจวินก็สั่นสะเทือนรุนแรง แสงกระบี่สาดส่องออกมาเป็นวงกว้างจนแทบเต็มนภา ภาพการณ์นั้นน่ากลัวกว่าเดิมตั้งไม่รู้กี่เท่า!
“ฮ่า ๆ อาหารชิ้นนี้โชคร้ายยิ่งนัก คิดแล้วคงเพราะที่พวกเราลงมือกันก่อนหน้านี้ไปยั่วโมโหกระบี่ฉุนจวินเข้า นี่ประไร กระบี่ฉุนจวินระเบิดพลังที่แกร่งกล้ายิ่งขึ้นออกมา!”
มารกระดูกส่งเสียงหัวเราะเยาะ “คราวนี้ เขาจะไม่เหลือแม้แต่ศพ ต้องสลายกลายเป็นจุณอย่างสมบูรณ์!”
พลังสยดสยองถึงเพียงนี้ แม้แต่พวกเขาเองหากเข้าไปก็ต้องถูกสังหารในเสี้ยวลมหายใจ สิ่งมีชีวิตหน้าฉากอย่างหลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะยับยั้งได้ไหว
เป็นไปไม่ได้เลย!
แสงกระบี่สาดส่องนภา คงเพราะกระบี่ฉุนจวินรับรู้ถึงความน่าพรั่นพรึงของหลี่จิ่วเต้า พลังที่ปะทุออกมาจึงยิ่งทวีความน่ากลัว!
สิ่งมีชีวิตหลังฉากทุกคนมีทีท่าราวกับรอดูเรื่องขำขัน รอให้หลี่จิ่วเต้าถูกแสงกระบี่ที่สาดออกมาสังหาร
ทว่าต่อมา เรื่องเหนือความคาดหมายพวกเขาก็บังเกิดขึ้น!
แสงกระบี่ที่ปะทุออกจากตัวกระบี่ฉุนจวินพังทลาย กระบี่ฉุนจวินก็สูญเสียความมั่นคง ส่ายโอนเอนอยู่ตรงนั้น!
“เกิดอันใดขึ้น?!”
หลี่จิ่วเต้าตั้งตัวไม่ทันแม้แต่น้อย
เดิมทีเขาตั้งใจใช้ใบหญ้าและต้นสัตตะวิเศษเข้าต่อกรกับแสงกระบี่ฉุนจวิน แต่สุดท้าย แสงกระบี่เหล่านี้กลับมลายไปจนสิ้น!
ไม่นานนัก เขาก็ตระหนักได้ว่าคงเกิดปัญหาบางอย่างกับกระบี่ฉุนจวิน!
มิฉะนั้น แสงกระบี่ที่ปะทุออกจากกระบี่ฉุนจวินย่อมไม่มีทางพังทลายกะทันหันเช่นนี้!
“อย่างที่คิด! กระบี่ฉุนจวินเจอปัญหาบางอย่าง มิฉะนั้น มีหรือมันจะปรากฏออกมาในใต้หล้านี้?!”
ว่านเซวียนตาลุกวาว ไฉนเลยจะไม่เข้าใจอีก
กระบี่ฉุนจวินมิเคยปรากฏออกมาในใต้หล้ามาก่อน บัดนี้กลับมาอยู่ที่นี่ นางคาดการณ์ไว้แต่แรกว่าต้องมีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้กระบี่ฉุนจวินโผล่ออกมา
บัดนี้ดูแล้ว นางคิดถูก กระบี่ฉุนจวินพบเจอปัญหาบางอย่างจริง ๆ!
นางมิได้ลังเล บุกเข้าไปหมายจะชิงกระบี่ฉุนจวินมา
ยามนี้เกิดปัญหากับกระบี่ฉุนจวิน นับเป็นโอกาสอันดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย หากพลาดครั้งนี้ไป น่ากลัวว่าคงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว!
“ฆ่า!”
มารกระดูกและโลงโลหิตเคลื่อนไหว สร้างเหตุนองเลือดครั้งใหญ่ พวกมันผนึกกำลังเพื่อชิงกระบี่ฉุนจวิน
อสูรยักษ์ จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และยอดฝีมือหลังฉากทั้งหลายพากันออกโรงกันหมด พริบตาเดียว การต่อสู้อันดุเดือดก็อุบัติขึ้นในที่แห่งนี้ ยอดฝีมือทั้งหลายต่างสู้สุดชีวิต มิมีผู้ใดยอมถอย
เซียนปีศาจเก้าหางเย้ายวนพราวเสน่ห์ สายลมหอมฟุ้งโชยชายออกมาจากตัวนาง ทั้งงดงาม ทั้งแข็งแกร่ง นางฟาดฝ่ามือออกไปเบา ๆ หนึ่งครั้ง ยอดฝีมือหลังฉากตนหนึ่งก็กระเด็นออกไป กระอักเลือดออกมาไม่หยุด!
ตาเฒ่าขี้เมายิ่งดุดันเข้าไปใหญ่ ราวกับกำลังร่ายรำหมัดเมาอย่างนั้น ร่างโซเซของเขาแฝงไว้ซึ่งพลังมหาศาล ฉับพลันนั้น ยอดฝีมือหลังฉากหลายตนต้องล่าถอยเพราะเขา โลหิตสาดกระเซ็นเต็มพื้น
ศึกอันยุ่งเหยิงปะทุ น่าครั่นคร้ามเป็นที่สุด ทว่ามิมีผู้ใดสนใจหลี่จิ่วเต้า ชายหนุ่มขี่อยู่บนหลังกิเลนไฟในพื้นที่อันเงียบสงบ
เพราะมิมียอดฝีมือหลังฉากตนใดมองว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นภัย ทุกคนต่างมองข้ามเขา จดจ่ออยู่กับยอดฝีมือหลังฉากตนอื่น
“เช่นนั้น…พวกเจ้าสู้กันไป ข้า…ไปเก็บของวิเศษก่อน”
หลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟบินไปยังยอดเขา มือข้างหนึ่งของเขาจับกระบี่ฉุนจวินก็แล้ว ยังไม่มียอดฝีมือหลังฉากตนใดสนใจเขา
จะสนใจได้อย่างไรเล่า
ในสายตายอดฝีมือหลังฉากเหล่านี้ หลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงแมลงต้อยต่ำตัวหนึ่งเท่านั้น ต่อให้เขาได้กระบี่ฉุนจวินไปแล้วอย่างไร ทันทีที่พวกเขาผละจากตรงนี้ได้ ก็จัดการหลี่จิ่วเต้าได้ตามต้องการ
เสียงดังฟึ่บ ชายหนุ่มดึงกระบี่ฉุนจวินออกจากยอดเขา
กระบี่ฉุนจวินมีปฏิกิริยาต่อต้านรุนแรง ราวกับทนมิได้ที่ต้องอยู่ในมือของหลี่จิ่วเต้า เริ่มมีพลังหลอมรวมอยู่ภายใน หมายจะสังหารชายหนุ่ม
ทว่าในไม่ช้า มันก็ตกตะลึง สัมผัสถึงภยันตรายถึงชีวิตอันรุนแรง มือข้างนั้นของหลี่จิ่วเต้าราวกับเป็นมือที่สยดสยองที่สุดในใต้หล้านี้ มันไม่อาจเกิดความคิดต่อต้านขึ้นมาได้เลย!
สุดท้าย มันว่านอนสอนง่ายลง หดพลังทั้งหมดกลับเข้าไป
“ดีมาก”
หลี่จิ่วเต้าพึงพอใจมาก ยกมือเก็บกระบี่ฉุนจวินเข้าแหวนบรรจุ
อาจเกิดปัญหาบางอย่างกับกระบี่ฉุนจวินจริง ทว่าความทรงพลังของมันนั้นไม่จำเป็นต้องกังขา ก่อนนี้พวกมารกระดูกผนึกกำลังต่อสู้ยังมิไหว ถูกอัดจนหนีอุตลุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือยอดศาสตราชิ้นหนึ่ง
“ฝันที่อยากเป็นผู้ฝึกกระบี่ใกล้เป็นจริงแล้ว!”
เขาปลื้มปีติอย่างยิ่ง ราวกับมองเห็นชีวิตที่ได้ท่องยุทธภพในอนาคตแล้ว ตั้งหน้าตั้งตารอสุด ๆ
ศึกชุลมุนที่นั่นยังคงดำเนินต่อ ยอดฝีมือหลังฉากทั้งหลายเห็นแต่แรกว่าหลี่จิ่วเต้าเก็บกระบี่ฉุนจวินไปแล้ว กระนั้นพวกเขายังไม่คิดใส่ใจ
ศัตรูของพวกเขาคือยอดฝีมือหลังฉากเหล่านั้น หาใช่หลี่จิ่วเต้า
หลี่จิ่วเต้ายังไม่มีสิทธิ์เป็นศัตรูของพวกเขา
“ยังมิมีผู้ใดสนใจข้าอีกหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าควบกิเลนไฟไปรวมตัวกับพวกลั่วสุ่ยก็แล้ว ยังมิมีสิ่งมีชีวิตหลังฉากตนใดสนใจเขา
“ไปกันเถิด”
เขาบอกกับพวกลั่วสุ่ย และไปจากที่นี่
ไม่สนใจเขายิ่งดี ถึงอย่างไร เขาก็ได้กระบี่ฉุนจวินมาแล้ว
ไม่นานนัก พวกเขาก็ไปไกลจากที่นั่น มิมีสิ่งมีชีวิตหลังฉากตนใดไล่ตามมา
“ยกนี้หรือ…ยกนี้เรียกว่าความประมาทเป็นหนทางแห่งการสูญเสีย!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ
สิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านั้นหยิ่งยโสเกินไป แต่ละตนล้วนไม่เห็นเขาในสายตา มองว่าเขานั้นไม่เป็นภัย กลับเป็นผลให้เขาได้กระบี่ฉุนจวินมาครอบครองง่าย ๆ
เขาก็พอเข้าใจได้ คนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ฝึกตนกล้าแกร่ง ก่อนเขาใช้ยอดศาสตราอย่างใบหน้า เขาเป็นเพียงปุถุชนผู้หนึ่งที่เหินมิได้ด้วยซ้ำ ต้องคอยพึ่งกิเลนไฟ ผู้ฝึกตนเหล่านี้ไฉนเลยจะเห็นเขาในสายตาเล่า
ขณะเดียวกัน ศึกชุลมุนดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้น ยอดฝีมือหลังฉากแต่ละตนราวกับคลุ้มคลั่ง สำแดงอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดที่มี!
พวกเขามิได้เก็บหลี่จิ่วเต้ามาใส่ใจจริง ๆ ต่อให้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายนำกระบี่ฉุนจวินไปจากที่นี่แล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจ
ด้วยพลังของพวกเขา เพียงคลี่แผ่จิตสัมผัสออกไปก็พบร่องรอยของหลี่จิ่วเต้าได้ทันที
หลี่จิ่วเต้าหนีไปได้จริงหรือ?
ไม่ได้
เขาอยู่ห่างออกไปไกลโพ้นก็ไม่ต่างจากอยู่ที่นี่
สถานที่แห่งนี้ระเบิดแหลกลาญไปหมดแล้ว โลหิตกระเซ็นไปทั่ว สิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ หนีไปนานแล้ว มิฉะนั้นพวกเขาต้องตายอยู่ที่นี่กันหมด
ก่อนนี้มารกระดูกตั้งใจจะฆ่าพวกเขา ต่อมาได้ตาเฒ่าขี้เมาห้ามไว้ พวกเขาก็ไปจากที่นี่ทันที มิกล้ารั้งอยู่ต่อแม้แต่น้อย
“เกิดอันใดขึ้น ข้าสัมผัสถึงการดำรงตนของคนผู้นั้นมิได้เลย!”
เวลานั้นเอง จู่ ๆ มารกระดูกก็ร้องเสียงหลงขึ้นมา
มันคิดจะแอบชิ่งออกไปจากศึกชุลมุนนี้ ตรงไปสังหารหลี่จิ่วเต้าแล้วแย่งกระบี่ฉุนจวินมา
ทว่าหลังมันคลี่แผ่จิตสัมผัสออกไปก็ตื่นตระหนก ไม่สามารถจับสัมผัสตำแหน่งของหลี่จิ่วเต้าได้เลย!
“ข้าก็ด้วย!”
“เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย!”
ยอดฝีมือหลังฉากตนอื่นสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหันต์ แต่ละตนหน้าตาย่ำแย่ หลังพวกหลี่จิ่วเต้าหายไปจากที่นี่ก็หายไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาจับร่องรอยหลี่จิ่วเต้ามิได้เลย!
“พวกเราถูกหลอกแล้ว! คนผู้นั้นซ่อนเร้นพลังที่แท้จริง มิได้ธรรมดาเช่นนั้น!”
จ้าวอสนีบาตคำรามเสียงต่ำ เรื่องอะไรกันนี่ กระบี่ฉุนจวินถูกหลี่จิ่วเต้าเอาไปด้วยง่าย ๆ เช่นนี้เชียวหรือ?
“พวกเราดูถูกเขา มองว่าเขาไม่เป็นภัย สุดท้ายเขากลับแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ นำกระบี่ฉุนจวินไปต่อหน้าต่อตาเรา แล้วเรายังสู้กันวุ่นวายประหนึ่งคนโง่”
ข่งอวิ๋นถลึงตา รู้สึกแย่เป็นที่สุด โกรธจนจมูกเบี้ยว!
ยอดฝีมือหลังฉากตนอื่นก็เช่นกัน โทสะอัดแน่นอยู่เต็มอก เคียดแค้นจนอยากจับหลี่จิ่วเต้ามาถลกหนัง โมโหจนอกแทบระเบิด!
หลี่จิ่วเต้าหลอกปั่นหัวพวกเขามาตั้งแต่แรก!
เซียนปีศาจเก้าหางเผยสีหน้าเย็นชาอย่างมิเคยเห็นมาก่อน แต่ไหนแต่ไร นางปั้นหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอ มิเคยมีสีหน้าเยียบเย็นเช่นนี้แม้แต่นิด
“ใช้ได้นี่! ข้าเป็นฝ่ายปั่นหัวบุรุษมาเสมอ วันนี้ข้ากลับถูกบุรุษปั่นหัวแทน!”
นางมีสีหน้าเย็นยะเยือก ไม่อาจยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้
“บุรุษเอ๋ย…เจ้ากำลังเล่นกับไฟ!”
แววตาของนางหนาวสะท้าน เรื่องในคราวนี้สร้างความรู้สึกพ่ายแพ้ให้กับนางอย่างมหันต์ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เป้าหมายของนางคือการกำราบว่านเซวียน ทำให้ว่านเซวียนต้องกลายมาเป็นสาวใช้ของนาง
บัดนี้ นางเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว
นางจักกำราบหลี่จิ่วเต้า ให้เขาเป็นทาสของนาง คุกเข่าอยู่แทบเท้านาง!
“นี่หรือคือจุดจบของการยโสโอหัง”
ดวงหน้างามหมดจดของว่านเซวียนทอประกายเย้ยหยันตนเอง พวกเขาทั้งหมดทะนงเกินไปและต้องชดใช้ให้กับเรื่องนั้น
“น่าสนใจดีนี่ คนผู้นี้ไม่เลวเลย!”
ตาเฒ่าขี้เมาเหยียดยิ้ม เผยให้เห็นฟันเหลืองเต็มปาก
เขาซ่อมน้ำเต้าเสร็จแล้ว ซดไปอีกหลายอึกใหญ่ นึกสนใจในตัวหลี่จิ่วเต้าขึ้นมาอย่างมาก รู้สึกว่าถูกชะตากับหลี่จิ่วเต้ายิ่งนัก
ปั่นหัวยอดฝีมือหลังฉากไปตั้งมากมาย หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ใจกล้าไม่น้อยเลย!
“ยังดีที่เกิดปัญหากับกระบี่ฉุนจวิน มิฉะนั้นเขาคงกลายเป็นภัยคุกคามที่มิอาจต่อกรด้วยได้!”
สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตเอ่ยเสียงเย็น
เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้านั้นไม่ธรรมดา พลังมิได้อ่อนแอ หากว่ากระบี่ฉุนจวินมิได้เป็นปัญหาอันใด หลี่จิ่วเต้าผู้มีกระบี่ฉุนจวินในครอบครองย่อมมิใช่ผู้ที่พวกเขาต่อกรด้วยได้เลย
“พวกเราไปกันเถิด ลากคอเขาออกมา! ไม่มีทางที่เขาจะหนีไปได้!”
เสียงเย็นยะเยือกของมารกระดูกดังขึ้น ไปจากที่แห่งนี้พร้อมกับโลงโลหิต ตามหาร่องรอยของหลี่จิ่วเต้า
ยอดฝีมือหลังฉากตนอื่นก็พากันไปจากที่นี่เพื่อตามหาหลี่จิ่วเต้า
“เขาคือผู้บรรลุใหม่หรือ บรรลุขอบเขตนิรันดร์ในอาณาจักรนี้อย่างนั้นหรือ ไม่เคยเห็นเขาที่หลังฉากมาก่อนเลย!”
ว่านเซวียนเอ่ยเสียงเบา
ที่ก่อนนี้พวกเขามิได้สนใจหลี่จิ่วเต้ามากนักก็เพราะไม่เคยเห็นหลี่จิ่วเต้าที่โลกหลังฉากมาก่อน มองว่าชายหนุ่มเป็นสิ่งมีชีวิตในโลกหน้าฉาก
พวกเขาปิดผนึกโลกหน้าฉากไปนานแล้ว ไม่มีทางมีสิ่งมีชีวิตตนใดทลายเพดานของขอบเขตนิรันดร์ขึ้นมาได้ เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงมิเคยให้ความสำคัญกับหลี่จิ่วเต้า
‘ปฐพีเปลี่ยนแปลง สสารระดับสูงพวยพุ่งไม่หยุด ความจริงในหน้าฉากค่อย ๆ เผยออกมา ดูท่า เขาคงทลายเพดานได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ถึงยืนตระหง่านอยู่เหนือความเป็นนิรันดร์ได้’
ว่านเซวียนครุ่นคิด
‘ในเมื่อเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าฉาก ก็ง่ายขึ้นเยอะ!’
นางคิดต่อ
การที่จับร่องรอยหลี่จิ่วเต้าไม่ได้มิใช่ปัญหา นางแน่ใจว่าหลี่จิ่วเต้าคือสิ่งมีชีวิตหน้าฉากแล้ว ก็ตามหาได้ไม่ยาก ยังสามารถสืบเสาะหาเขาในโลกหน้าฉากจากผู้อื่นได้
หลี่จิ่วเต้าผู้อาศัยอยู่ในโลกหน้าฉาก ไม่มีทางที่จะไม่ทิ้งร่องรอย ย่อมต้องพบเบาะแสบ้าง จวบจนยืนยันพิกัดของหลี่จิ่วเต้าได้!
“เริ่มจากอาณาจักรนี้ก่อนแล้วกัน!”
จากนั้นนางก็ไปจากที่นี่ เริ่มการสืบสวนเรื่องราวของหลี่จิ่วเต้า
หากว่าสืบไม่พบข้อมูลของหลี่จิ่วเต้าในอาณาจักรนี้ นางจะไปสืบที่อาณาจักรอื่น
มิใช่แค่นางที่คิดได้ ยอดฝีมือหลังฉากคิดได้กันหมด
พวกเขาเองก็พากันออกตามหา สืบเสาะข้อมูลของหลี่จิ่วเต้าตามสถานที่ต่าง ๆ ในอาณาจักรนี้
หลี่จิ่วเต้ามิใช่พวกปลายแถวไร้นามอย่างอดีตอีกแล้ว บัดนี้ ชื่อเสียงของเขาระบือนามแซ่ซ้อง ยอดฝีมือหลังฉากเหล่านี้สืบเจอข้อมูลของหลี่จิ่วเต้าได้ในเวลาไม่นาน
“ไม่ธรรมดาจริง ๆ แม้แต่สองกองกำลังใหญ่อย่างปรโลกและปริภูมิเวลายังต้องล่าถอยเพราะเขา!”
“โดนเขาหลอกแล้วจริง ๆ!”
สิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านั้นต่างสะท้านใจ สองกองกำลังใหญ่อย่างปรโลกและปริภูมิเวลานั้นไม่ธรรมดา น่าครั่นคร้ามอย่างยิ่งในโลกหลังฉาก ทั้งยังวางหมากไว้ในโลกหน้าฉากล่วงหน้า มิอาจสบประมาทได้เลย
ชั่วขณะนั้น สิ่งมีชีวิตมากมายในหมู่พวกเขาเริ่มปอดแหก กลัวว่าจะสู้หลี่จิ่วเต้ามิไหว
ทว่ายังมียอดฝีมือหลังฉากอีกไม่น้อยที่มิได้ถอดใจ ต้องการลุยต่อ
“เฮอะ ๆ บุรุษผู้ชอบเล่นกับไฟ รอก่อนเถิด ไฟอย่างข้ากำลังไปหาเจ้าแล้ว เจ้าจะต้านทานไฟอย่างข้าไหวหรือไม่นะ”
เซียนปีศาจเก้าหางเผยรอยยิ้มยวนใจ
บุรุษนามหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ นางต้องกินให้ได้!
ทั้งปรโลกและปริภูมิเวลาต่างเป็นกองกำลังที่กล้าแกร่งมากในโลกหลังฉาก ผู้ก่อตั้งที่แท้จริงนั้นยังมิทราบ
สิ่งมีชีวิตหน้าฉากอย่างหลี่จิ่วเต้าถึงกับปะทะกับการจู่โจมของสองกองกำลังใหญ่อย่างปรโลกและปริภูมิเวลาจนอีกฝ่ายยอมล่าถอย นับว่าเหนือความคาดหมายของยอดฝีมือหลังฉากไปมาก
“โลกหน้าฉากน่าครั่นคร้ามยิ่งนัก เพิ่งเปิดฉากรากฐานอันวิเศษออกมาก็น่ากลัวปานนี้เชียวหรือ!”
“ใช่แล้ว มิฉะนั้น สิ่งมีชีวิตหน้าฉากไฉนเลยจะทรงพลังเยี่ยงนั้น ไม่มีทางเลย!”
สิ่งมีชีวิตหลังฉากพากันวิพากษ์วิจารณ์
การที่มีชีวิตอยู่หน้าฉาก หลี่จิ่วเต้าย่อมไม่อาจเทียบเทียมพวกเขา แต่ชายหนุ่มกลับทรงพลังถึงเพียงนี้ โค่นได้แม้กระทั่งห้าราชาแห่งปรโลก จับกุมอสูรปริภูมิเวลามาเป็นวัตถุดิบอาหาร บัดนี้ยังมิรู้ว่าเป็นหรือตาย เรื่องนี้น่าตกใจอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย แม้แต่ในโลกหลังฉากก็ใช่ว่าจะทำเช่นนี้กันได้ง่าย ๆ
พวกเขาพลันนึกไปถึงว่าหลี่จิ่วเต้าอาจได้สัมผัสกับรากฐานพิเศษบางอย่างในโลกหน้าฉาก ถึงได้แข็งแกร่งสยดสยองถึงปานนี้
“เขาคิดว่าตนเองทำอะไรอยู่ เพียงได้สัมผัสกับรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉากแล้วจะต่อกรกับทั้งหลังฉากได้อย่างนั้นหรือ”
“ขัดขวางมิให้สองกองกำลังใหญ่อย่างปรโลกและปริภูมิเวลาจัดระเบียบที่นี่ ทั้งยังหลอกปั่นหัวยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์ทั้งหลาย เขาบังอาจเกินไปแล้ว ไม่มีทางจบดีแน่!”
สิ่งมีชีวิตหลังฉากพากันหัวเราะเสียงเย็น
ถึงอย่างไรหลี่จิ่วเต้าก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตหน้าฉาก มิสู้จะรู้เรื่องโลกหลังฉากเท่าใด หลังฉากนั้นหาได้ธรรมดา ลุ่มน้ำลึกล้ำยิ่ง
ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น ลำพังกองกำลังและยอดฝีมือที่เคยข้องแวะกับหลี่จิ่วเต้าก็ไม่ธรรมดาแน่นอน
ปรโลกและปริภูมิเวลาเป็นสองกองกำลังใหญ่แสนลึกลับ มิเคยเปิดเผยพลังที่แท้จริง บรรดายอดฝีมือที่ออกหน้าปะทะกับหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงมุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
มารกระดูก โลงโลหิต ว่านเซวียน ตาเฒ่าขี้เมา และเซียนปีศาจเก้าหางล้วนมิใช่พวกดาษดื่น ภูมิหลังพวกเขาล้วนลึกล้ำ จุดจบของหลี่จิ่วเต้าไม่ดีแน่!
ที่สำคัญที่สุดคือ หลี่จิ่วเต้าเอิกเกริกเกินไป ไม่รู้จักสำรวมท่าทีสักนิด เป็นปฏิปักษ์กับยอดฝีมือหลังฉากเช่นนี้ ยโสโอหังเกินไปแล้ว
ได้สัมผัสความจริงของรากฐานแสนพิเศษในหน้าฉากแล้วยังชิงกระบี่ฉุนจวินไปอีก ไม่ว่าอย่างไหนก็เป็นผลให้หลี่จิ่วเต้าเป็นที่โจษจัน ยอดฝีมือหลังฉากย่อมต้องหมายหัวหลี่จิ่วเต้ากันหมด
ทั้งสองอย่างนี้ล้วนมหัศจรรย์อย่างยิ่งยวด เป็นที่ต้องการของยอดฝีมือหลังฉาก พวกเขาไม่มีทางปล่อยหลี่จิ่วเต้าไปง่าย ๆ ต้องมีการวางหมากไล่ฆ่าหลี่จิ่วเต้าแน่นอน
คาดการณ์ได้เลยว่า อีกไม่นานต้องมีการตามล่าหลี่จิ่วเต้ากันมหาศาล ชายผู้นี้เหลือเวลาไม่มากแล้ว!
“พวกเราคอยดูอยู่เฉย ๆ ก็พอ นี่มิใช่เรื่องที่พวกเราสามารถเข้าร่วมได้แล้ว!”
“เฮ้อ น่าเสียดายเหลือเกิน!”
สิ่งมีชีวิตหลังฉากถอนหายใจ พวกเขามีหรือจะไม่อยากได้กระบี่ฉุนจวิน และไม่อยากรู้ความจริงของรากฐานแสนพิเศษของโลกหน้าฉาก
ทว่าพวกเขาต่างรู้ดี อนาคตนั้นโกลาหลแน่นอน หากพวกเขาเข้าไปพัวพันด้วย ย่อมพบจุดจบไม่ดีแน่
“สรวงสวรรค์นี่อำมหิตจริง กระนั้นก็เป็นที่น่านับถือ! พวกเขาหาญกล้าหยุดยั้งพลังมืดมิดมิให้โจมตี มิให้พลังมืดมิดสามารถจุติลงมาเป็นการใหญ่ นับว่าน่าเกรงขามยิ่งนัก!”
“พุทธศาสนาก็มิได้แตกต่าง พระอมิตาภะพุทธเจ้าลงมือด้วยพระองค์เอง ต่อสู้อยู่แนวหน้าสุด ว่ากันว่าเพราะเหตุนี้ พระอมิตาภะพุทธเจ้าถึงประสบปัญหานิดหน่อย พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่ปรากฏตัวในโลกหน้าฉากล้วนมีปัญหากันหมด!”
“บรรดายอดฝีมือในศาสนาเต๋าก็พากันออกโรงต่อกรกับความมืดมิด หากมิได้พวกเขา น่ากลัวว่าโลกหลังฉากคงย่อยยับไปนานแล้วกระมัง!”
พวกเขาสะท้อนใจนักหนา หารือถึงเรื่องราวของพลังมืดมิดต่อ
พลังมืดมิดนั้นมีแหล่งกำเนิดจากที่ใดกัน
ช่างสยดสยองน่าสะพรึงยิ่งนัก!
พวกมันปรากฏตัวออกมากะทันหัน ทรงพลังไร้เทียมทาน ต่อให้ยอดฝีมือจากสรวงสวรรค์ พุทธศาสนา ศาสนาเต๋าออกโรงหยุดยั้งกันพร้อมหน้าก็มิอาจขวางไว้ได้เต็มที่ ยังมีพลังมืดมิดจำนวนหนึ่งหลั่งไหลเข้าไปในโลกหลังฉาก สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ในโลกหลังฉาก
และหลังพลังมืดมิดปรากฏออกมาแล้ว พวกเขาถึงรับรู้ความพิเศษของโลกหน้าฉาก
เพราะเป้าหมายของพลังมืดมิดนี้คือโลกหน้าฉาก!
พวกเขาแทบเชื่อเรื่องนี้ไม่ลง หลังพลังมืดมิดหลั่งไหลเข้ามาในโลกหลังฉากก็หาได้ทำการใดไม่ เพียงแต่ต้องการขอยืมโลกหลังฉากเป็นทางผ่านเพื่อเข้าไปยังโลกหน้าฉาก
เพราะเหตุใด
พวกเขาคิดไม่ตก!
โลกหลังฉากนั้นอัศจรรย์ยิ่งกว่าโลกหน้าฉาก ทว่าพลังมืดมิดกลับมิได้ยี่หระ เป้าหมายแจ่มแจ้งว่ามาเพื่อโลกหน้าฉาก!
ทว่าแม้นพวกเขาคิดไม่ตก กระนั้นก็เข้าใจว่าโลกหน้าฉากมิได้ตื้นเขินอย่างที่พวกเขาคิด ต้องมีความลับใหญ่หลวงบางอย่างซ่อนไว้แน่นอน!
พวกเขาถึงได้พากันเข้ามายังโลกหน้าฉาก คิดจะล้วงความจริงของโลกหน้าฉากแล้วหลุดพ้นจากจลาจลมืดมิดครานี้
“ปรโลกและปริภูมิเวลา รวมถึงกองกำลังอีกจำนวนหนึ่งล้วนวางหมากในโลกหน้าฉากไว้ล่วงหน้าแล้ว อย่างไรพวกเขาก็ไม่ธรรมดา รับรู้หลายอย่างก่อนเรานานมาก!”
“พวกเขาวางหมากไว้แต่แรก ย่อมไม่มีทางมือเปล่า บางทีอาจล่วงรู้ความจริงบางส่วนแล้ว จนน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งขึ้น!”
“จริงด้วย ก่อนนี้พวกเขาก็รู้อะไรมิอะไรมากกว่าเรา เป็นไปได้ว่าล่วงรู้ความจริงจำนวนหนึ่งแล้วจริง ๆ!”
สิ่งมีชีวิตหลังฉากพึมพำเสียงเบา ปรโลกและปริภูมิเวลาในยามนี้น่ากลัวว่ายิ่งทวีความน่าครั่นคร้าม
เพียงแต่ไม่รู้ว่ายามปรโลกและปริภูมิเวลาได้ร่วมต่อกรกับความมืดมิดหรือไม่ พวกเขามิเคยได้ยินเรื่องด้านนั้นมาก่อนเลย
“วุ่นวายเหลือเกิน การไม่ทำตัวโดดเด่นสำคัญกว่าทั้งหมดทั้งมวล!”
“ปริศนาเยอะเกินไป พวกเราทำตัวเงียบเชียบไว้ดีกว่า!”
พวกเขาพากันล่าถอย เร้นกายในที่ลับ สถานการณ์ในยามนี้ซับซ้อนเกินไป ทะเล่อทะล่าโผล่หัวออกไปอาจเกิดเรื่องได้ง่าย ๆ
ทว่าสิ่งมีชีวิตหลังฉากจำนวนหนึ่งมิได้เลือกซ่อนตัว
พวกเขามั่นใจในพลังของตน คิดจะเข้าไปเสี่ยงดวงช่วงชิง!
“นิกายอวี้ซวี สือเฟิง!”
อย่างเช่นมารกระดูกและโลงโลหิต หลังได้ล่วงรู้ข้อมูลของหลี่จิ่วเต้า ก็เพ่งเล็งสือเฟิงแห่งนิกายอวี้ซวีเป็นอันดับแรก
งานวิวาห์ของสือเฟิง หลี่จิ่วเต้าเดินทางเข้ามาอวยพรด้วยตนเอง เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างสือเฟิงและหลี่จิ่วเต้าไม่ธรรมดา พวกเขาต้องการล้วงข้อมูลของหลี่จิ่วเต้าให้ได้มากกว่านี้
หลี่จิ่วเต้านั้นไม่ธรรมดา พวกมันมิกล้าผลีผลาม คิดจะรู้เรื่องหลี่จิ่วเต้าให้ได้มากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยลงมือ
ไม่นานนัก พวกมันก็มาถึงนิกายอวี้ซวี
หมอกดำปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน นิกายอวี้ซวีพลันมัวหมองลงอย่างเหลือแสน มารกระดูกและโลงโลหิตตระหง่านอยู่บนนภา ก้มมองลงมา
ทั่วทั้งนิกายอวี้ซวีตื่นตระหนกกันหมด พลังปราณที่แผ่ซ่านออกจากตัวมารกระดูกและโลงโลหิตสยดสยองเกินไป เทียบกับปรโลกและปริภูมิเวลาแล้วมีแต่จะทวีความกล้าแกร่งกว่า จนวิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างอดมิได้
“ไม่ต้องแตกตื่น!”
สือเฟิงก้าวออกไปทันทีเพื่อปลอบประโลมสมาชิกในนิกายอวี้ซวี เขาออกมาด้านนอก เผชิญหน้ากับมารกระดูกและโลงโลหิต
“ท่านพี่!”
ฉินซินมาถึง ยืนอยู่ข้างกายสือเฟิง เทียบกับก่อนนี้ นางดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จากเด็กสาวบัดนี้เติบโตเป็นสตรีเต็มวัยแล้ว
“รีบกลับไปพักผ่อนเสีย!”
สือเฟิงมองฉินซินด้วยความสงสาร เหนื่อยมาตั้งนาน ฉินซินยังมิทันได้ฟื้นตัว ร่างทั้งร่างแลดูโอนเอนล้มได้ทุกเมื่อ
เขาเองก็มิต่าง ขาสองข้างปราศจากเรี่ยวแรง ที่มานี่ก็เป็นการฝืนสังขาร
“ข้าอยากอยู่กับท่านพี่…”
ฉินซินมองสือเฟิงด้วยความลึกซึ้ง สัมผัสถึงความน่าประหวั่นพรั่นพรึงของมารกระดูกและโลงโลหิตได้แต่แรก นางกลัวจะเกิดเรื่องกับสือเฟิง จึงอยากอยู่ข้างกายสือเฟิง ถึงได้ฝืนสังขารมาอยู่ที่นี่
“ดี! ไม่ว่าพบเจอเรื่องใด มีท่านอยู่ข้างกายข้า ข้าก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีกแล้ว!”
สือเฟิงเอ่ยยิ้ม ๆ มีคนรักที่ร่วมเป็นร่วมตายกับตนเองคอยเคียงข้าง ชีวิตนี้ของเขานับว่าคุ้มค่าแล้ว!
“น้ำเน่าน่าสะอิดสะเอียนสิ้นดี ความบันเทิงชั้นต่ำของพวกอาหารนี่น่าเบื่อจริง ๆ”
มารกระดูกมีสีหน้าคลื่นเหียน เอาแต่เรียกพวกเขาว่าอาหาร ความทะนงตนว่าดีเด่นกว่านั้นยังคงมีอยู่ เขาไม่เห็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ในสายตา
“พวกเจ้าคิดจะทำอันใด”
สายตาสือเฟิงเย็นยะเยือก ไม่สนใจวาจา ‘ไร้ประโยชน์’ ของมารกระดูก เขาอยากรู้ว่ามารกระดูกและโลงโลหิตต้องการสิ่งใด
ตึง!
โลงโลหิตสั่นไหว เสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านใน “เล่าทุกอย่างที่พวกเจ้ารู้เกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้ามา”
อย่างที่คิด!
นัยน์ตาสือเฟิงไหวระริก คิดไว้แล้วว่ามารกระดูกและโลงโลหิตมาเพราะคุณชาย ถึงอย่างไร ตัวเขามิเคยข้องแวะกับมารกระดูกและโลงโลหิตสักครั้ง
“ไม่มีทาง!”
เขาปฏิเสธทันควัน ไม่มีทางยอมบอกเรื่องของคุณชาย ต่อให้มารกระดูกและโลงโลหิตฆ่าเขาก็เหมือนเดิม
พลังหยินมกุฎและพลังหยางมกุฎไหลเวียน เขาเรียกภาพวาดหยินหยางออกมาทันที นี่คือภาพที่คุณชายประทานแก่เขา และเขาก็จัดการศัตรูไปมากมายด้วยภาพวาดหยินหยางนี้
ทว่าเวลานี้ เขาไม่มั่นใจเลยสักนิด
แม้ว่าขอบเขตของเขานั้นสูงกว่าเก่ามาก ฝีมือด้านเต๋าแห่งหยินหยางก็น่าทึ่งกว่าผู้ใด ย่อมสามารถสำแดงพลานุภาพของภาพวาดหยินหยางได้รุนแรงยิ่งขึ้น
ทว่ามารกระดูกและโลงโลหิตสร้างความรู้สึกพรั่นพรึงต่อเขาอย่างยิ่งยวด เขารู้สึกว่าภาพวาดหยินหยางมิอาจแผ้วพานมารกระดูกและโลงโลหิต
“เจ้าอาหารเอ๋ย ให้โอกาสเจ้าแล้วแต่เจ้าไม่เห็นค่า เช่นนั้นข้าจักเปิดกะโหลกเจ้าแล้วขุดสมองเจ้าออกมา จักได้รู้ในสิ่งที่ข้าอยากรู้!”
มารกระดูกเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น
สิ่งมีชีวิตหน้าฉากกล้าหาญกันจริง ๆ หรือต้องเอ่ยว่า สิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้าล้วนกล้าหาญชาญชัย
สือเฟิงยังคิดต่อสู้กับพวกมันอยู่หรือ น่าขันสิ้นดี!
“ฆ่า!”
สือเฟิงโจมตี ประกายสยดสยองพวยพุ่งออกจากภาพวาดหยินหยาง การโจมตีระดับนี้ แม้แต่กำลังรบระดับผู้บงการยังต้านทานมิไหว
ประดุจหยาดน้ำฝนที่หยดลงในมหาสมุทร มารกระดูกมิได้เป็นอันใดแม้แต่น้อย ไม่ได้รับผลกระทบสักนิด
“น่าเสียดาย สองภาพวาดนี้เดิมเป็นยอดศาสตราสูงส่ง นับว่าเสียของเมื่ออยู่ในมืออาหารเช่นเจ้า!”
มารกระดูกมองภาพวาดหยินหยางในมือสือเฟิงและให้การยอมรับ
นี่มิใช่ภาพวาดดาษดื่น ยามรีดเร้นมิได้เกี่ยวข้องกับพลัง หากแต่เกี่ยวข้องกับความสามารถของผู้ใช้ในวิถีนั้น ๆ หากมาอยู่ในมือของยอดฝีมือระดับมัน ย่อมต้องกลายเป็นอาวุธพิฆาตชิ้นใหญ่ได้แน่!
ในเบ้าตาว่างเปล่าของมันมีเปลวเพลิงสีเขียวลุกโชน
บัดนี้ มันยิ่งมั่นใจว่าหลี่จิ่วเต้าล่วงรู้ความจริงของรากฐานอันพิเศษในโลกหน้าฉาก ภาพวาดทั้งสองนี้น่ากลัวว่าเป็นเพียงหนึ่งในรากฐานพิเศษของโลกหน้าฉากเท่านั้น หลังหลี่จิ่วเต้าได้มาจึงยกให้สือเฟิง!
‘ให้กันง่าย ๆ เช่นนี้ หลี่จิ่วเต้ามีของดีในตัวกี่ชิ้นกันแน่?!’
หัวใจของมันยิ่งสะท้านขึ้น
บัดนี้ดูแล้ว หลี่จิ่วเต้ามีของดีในตัวไม่น้อยแน่ มิฉะนั้น ชายผู้นี้ไฉนเลยจะยอมยกยอดศาสตราให้กับสือเฟิงง่าย ๆ
แน่นอนว่าเป็นไปมิได้
น่ากลัวว่าหลี่จิ่วเต้าคงได้ของวิเศษของโลกหน้าฉากไปมหาศาล!
“ไม่ได้ผล…จริงด้วย!”
สือเฟิงหนักอึ้งในใจ ภาพวาดหยินหยางคือไพ่ตายทรงพลังที่สุดของเขา สุดท้ายกลับไม่ส่งผลต่อมารกระดูกสักนิด พวกเขาจะผ่านเคราะห์ร้ายคราวนี้ไปได้หรือไม่
น่ากลัวว่าคงยาก…!
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ