นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 836ถึง 840
ความรักทำให้ผู้คนเสียสติ กระนั้นก็มิควรเสียสติถึงปานนี้!?
ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยเอ่ยคำใดไม่ออกจริง ๆ!
ผู้อาวุโสหญิงในตระกูลพวกเขาถ่ายทอดสุดยอดวิชาที่สงวนการถ่ายทอดของตระกูลให้กับคนเช่นซ่างกวนอิ๋งหรือ แล้วปล่อยให้ซ่างกวนอิ๋งใช้สุดยอดวิชานี้จัดการพวกเขารึ
สวรรค์ พวกเขาสับสนมึนงง ยากจะอธิบายความรู้สึกในใจ!
ซ่างกวนอิ๋งมิใช่ศัตรูธรรมดา แต่เคยสร้างความกระวนกระวายให้กับทั้งตระกูลเฟ่ย ไม่มีทางที่ผู้อาวุโสหญิงท่านนั้นจะไม่ทราบ
ทว่าในเมื่อทราบแล้วไยยังต้องถ่ายทอดสุดยอดวิชาที่สงวนการถ่ายทอดเช่นนี้ให้ซ่างกวนอิ๋งด้วย ซ้ำยังชี้แนะสอนสั่งเป็นอย่างดี?!
ทั้งหมดนี้เหลือเชื่อเกินไป!
“สุดยอด อย่างนี้เรียกว่ากุมผู้อื่นไว้ในกำมือได้อย่างสมบูรณ์!”
“ฝีมือและเสน่ห์ของท่านบรรพจารย์น่านับถือยิ่งนัก!”
ผู้อาวุโสนิกายเสวียนเทียนยอมศิโรราบแล้ว ท่านบรรพจารย์พิชิตใจผู้อาวุโสหญิงตระกูลเฟ่ยผู้นั้นได้ด้วยหรือ สุดยอด กล้าเก่งเกินไปแล้ว!
เลือดสาดกระเซ็น ซ่างกวนอิ๋งไม่สนใจเรื่องนั้น ยังคงปล่อยสุดยอดวิชาสะท้านโลกันตร์ออกไป จนผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยตนนั้นต้านมิได้เลย เขาบาดเจ็บสาหัสและล้มลงกับพื้น
นางตวัดดาบฟาดฟันเข้าไป หมายจะปลิดชีพผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยลงที่นี่
ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง กระบี่สวรรค์ฟาดฟันเข้ามากลางอากาศ ยอดฝีมือพรรคกระบี่เซียนลงมือจัดการซ่างกวนอิ๋งแทน!
ยอดฝีมือราชวงศ์เฉียนหยวนก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เข้ารุมโจมตีซ่างกวนอิ๋ง!
จากนั้น ยอดฝีมือจากกองกำลังชั้นเยี่ยมอื่น ๆ ก็พากันลงมือโจมตี โดยเล็งไปที่เป้าหมายเดียวกันคือซ่างกวนอิ๋ง!
“บอกมานะ เจ้าได้สุดยอดวิชาที่สงวนการถ่ายทอดในตระกูลเราไปได้อย่างไร?!”
“ผู้ใดคอยชี้แนะเจ้า!”
ยอดฝีมือจากกองกำลังเหล่านี้มิได้โง่ บัดนี้ได้สติแล้วว่าความจริงต้องมิใช่เช่นนั้น ต่อให้บรรพจารย์นิกายเสวียนเทียนเก่งกาจเพียงใดก็ไม่ถึงขั้นนี้!
“พวกเจ้าเองก็มีส่วนในแผนกวาดล้าง มือเปื้อนเลือดเช่นกัน วันนี้ พวกเจ้าก็ต้องชดใช้!”
สีหน้าซ่างกวนอิ๋งเย็นชา รับรู้ความจริงเบื้องหลังตระกูลของนางที่ถูกล้างบางแล้ว
กองกำลังชั้นนำในภพเซียนร่วมวางแผนกวาดล้าง ไม่เพียงแต่ตระกูลของนางที่ถูกฆ่าล้าง ยังมีกองกำลังอ่อนแอไม่น้อยที่ถูกล้างบางเช่นกัน
ที่นางมาที่นี่ในวันนี้ ด้านหนึ่งต้องการให้ตระกูลเฟ่ยชดใช้ อีกด้านก็เพื่อให้กองกำลังชั้นนำที่เข้าร่วมแผนกวาดล้างได้ชดใช้เช่นกัน!
สีหน้ายอดฝีมือทั้งหลายในภพเซียนประหลาดไป เชื่อไม่ลงเลยว่าสุดยอดวิชาที่สงวนการสืบทอดในกองกำลังพวกเขาจะรั่วไหลออกไป ความจริงเป็นเช่นไรกันแน่?!
“จับตัวนางไว้!”
“ต้องรู้ความจริงให้ได้!”
พวกเขาลงมือพร้อมเพรียง หมายจะกำราบซ่างกวนอิ๋ง
ทันทีที่จับซ่างกวนอิ๋งไว้ได้ ปริศนาทุกอย่างก็จะคลี่คลายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ปฐพีเอ๋ย ขอข้ายืมพลังต่อสู้หน่อย!”
สองมือซ่างกวนอิ๋งประสานมืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะสำแดงวิชาลับแขนงหนึ่ง ซึ่งเป็นมหาวิชาพิทักษ์ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง เพื่อยืมพลังจากปฐพีในการต่อสู้
ขอบเขตของนางนั้นยังไม่อาจกำราบคนพวกนั้นได้ การคิดจะกำราบยอดฝีมือทั้งหมดในที่นี้ ไม่มีทางเลย
และตัวนางเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี ที่กล้ามาคิดบัญชีกับยอดฝีมือที่นี่ นางก็มีไพ่ตายบางอย่างในมือเหมือนกัน
วิชานี้เป็นวิชาลับที่สามารถรวบรวมพลังปฐพีเพื่อต่อสู้ และเป็นเหตุผลที่นางมั่นใจ
นางคุ้นเคยกับฟ้าดิน ชิดเชื้อกับมหาเต๋า วิชาลับที่สำแดงออกมานี้สามารถยืมพลังได้มหาศาลไร้ขีดจำกัด!
โดยเฉพาะในยามที่สสารระดับสูงพวยพุ่ง พลังปฐพีเพิ่มทวี นางย่อมแข็งแกร่งขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย!
“มหาวิถีธรรมชาติ!”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งใช้สุดยอดวิชาในระดับเดียวกัน หมายจะแย่งชิงพลังปฐพีจากซ่างกวนอิ๋ง
ทว่าเรื่องที่ทำให้เขาต้องกระอักเลือดคือ ทั้งที่นี่เป็นวิชาลับพิทักษ์ตระกูลของเขา แต่เขากลับสู้มิไหว ห่างชั้นจากซ่างกวนอิ๋งมากโข!
พลังปฐพีหลั่งไหลไปหาซ่างกวนอิ๋งอย่างบ้าคลั่ง ด้านเขามิมีพลังใดหลั่งไหลเข้ามาเลย วิชาลับที่เขาปล่อยออกไปราวกับสิ้นฤทธิ์ ไม่ส่งผลอันใดเลยสักนิด!
“ฆ่า!”
ซ่างกวนอิ๋งชูกระบี่ ดุดันเหลือคณา พลังปฐพีหลั่งไหลเข้ามาในร่างนางอย่างบ้าคลั่ง ตัวนางเจิดจ้าจนมิอาจทนมองตรง ๆ ทุกอิริยาบถล้วนเปี่ยมไปด้วยพลัง!
พรวด! พรวด! พรวด!
นางฟันดาบออกไป มิมีผู้ใดตั้งรับดาบของนางได้ โลหิตกระจายอยู่ทั่วฟ้า เศษเนื้อปลิวว่อน!
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?!”
ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยคำรามเสียงกราดเกรี้ยว สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บใจ
ก่อนนี้เขาเยาะเย้ยซ่างกวนอิ๋งที่คิดเลียนแบบซี เอ่ยว่าซ่างกวนอิ๋งนั้นเพ้อเจ้อ สุดท้ายซ่างกวนอิ๋งกลับทำได้อย่างซีจริง ๆ เผยความไร้เทียมทานออกมาเต็มเปี่ยม!
ยอดฝีมือมากมายล่าถอย มิกล้าออกไปหยุดยั้งนางอีก หยุดยั้งได้ที่ไหน เอาชีวิตเข้าแลกหรือ? ซ่างกวนอิ๋งผู้ผสานกับพลังปฐพีน่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไป!
ขณะที่พวกเขาตะลึงในใจก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายระคนสะท้อนใจ เริ่มจากซี ต่อมายังมีซ่างกวนอิ๋ง เดิมพวกเขาดำรงตนในจุดสูงสุด ตระหง่านอยู่บนหมู่เมฆแห่งภพเซียน สุดท้ายกลับต้องกลายเป็นตัวประกอบขึ้นเรื่อย ๆ ไร้ซึ่งน้ำยา!
“อย่าฆ่าพวกเรา พวกเรายอมชดใช้ให้! พวกเราจะส่งตัวผู้ที่ฆ่าล้างตระกูลของเจ้าให้เจ้าจัดการ!”
ยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยผู้หนึ่งรีบร้อนเอ่ยขึ้น ไม่อยากตายอยู่ที่นี่
ซ่างกวนอิ๋งมิได้พูดจา สิ่งที่ตอบรับยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยผู้นั้นมีเพียงคมดาบ ดาบใหญ่สีเลือดฟันฉับลงไป ยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยผู้นั้นวิญญาณสลายในบัดดล ถูกสังหารอย่างสิ้นเชิง!
“สิ่งแวดล้อมในภพเซียนเปลี่ยนไปอย่างมหันต์ สสารระดับสูงพวยพุ่งไม่หยุด มียอดฝีมือไม่ทราบที่มาจากข้างนอกเข้ามาในภพเซียน คนเหล่านั้นคือยอดฝีมือที่ก้าวสู่ขอบเขตสูงกว่านี้แล้ว เกินกว่าเจ้าจะรับมือไหว! ต่อให้เจ้าได้ผสานกับพลังปฐพีแล้วก็เท่านั้น!”
ยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยอีกคนกล่าว “ภายในตระกูลเราก็มียอดฝีมือเช่นนี้ ซ้ำยังมิได้มีเพียงท่านเดียว!”
พรวด!
ซ่างกวนอิ๋งมิได้เอ่ยวาจาเช่นเดิม ตอบรับด้วยดาบใหญ่สีเลือดอย่างเคย สังหารยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยลง ณ ที่นี้
ยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยที่เหลืออยากปริปากเอื้อนเอ่ยบางอย่าง ทว่าซ่างกวนอิ๋งไม่ให้โอกาสนั้นกับยอดฝีมือตระกูลเฟ่ย พริบตาที่ฟันดาบลงไป นางก็สังหารยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยทั้งหมดในที่นี้ลง!
นางมีหนี้แค้นใหญ่หลวง ไฉนเลยจะยอมรามือง่าย ๆ ยามนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้ นางจะบุกเข้าไปในดินแดนตระกูลเฟ่ย
“สุดยอด!”
เจ้าอ้วนตาโต สะท้านใจอย่างยิ่งยวด
เดิมเขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่แล้ว สุดท้ายซ่างกวนอิ๋งกลับปรากฏกายออกมา เผยให้เห็นถึงความไร้เทียมทาน มิมีผู้ใดหยุดยั้งนางได้!
บรรดายอดฝีมือในภพเซียนเย็นวาบในใจ เหตุใดถึงมีผู้ที่เก่งกาจจนผิดเพี้ยนอย่างซ่างกวนอิ๋งโผล่มา พวกเขาลอบรำพันในใจว่าแย่แล้ว เมื่อครู่ซ่างกวนอิ๋งลั่นวาจาไว้ว่าพวกเขาก็เข้าร่วมแผนการกวาดล้างด้วย และจะไม่ปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ
ตามคาด ลมหายใจต่อมา ซ่างกวนอิ๋งชูกระบี่บุกเข้ามา มิได้คิดปล่อยพวกเขาไป ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพวกน่าขยะแขยง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว พวกเขาไม่เห็นชีวิตผู้อื่นอยู่ในสายตา ฆ่าล้างตามอำเภอใจ
โฮก!
สัตว์อสูรตัวหนึ่งคำราม ต้องเข้าร่วมอย่างจนใจ พวกเขาไร้หนทางอื่น การโจมตีของซ่างกวนอิ๋งครอบคลุมถึงพวกมันด้วย
กองกำลังในที่นี้ล้วนเป็นชั้นนำทั้งนั้น และเข้าร่วมแผนการกวาดล้างกันหมด รวมถึงสัตว์อสูรเหล่านั้นก็เข้าร่วมด้วย สังหารสิ่งมีชีวิตเผ่าอื่นไปมาก
เลือดสาดกระเซ็น พสุธาถูกย้อมไปด้วยสีชาด ซ่างกวนอิ๋งสังหารยอดฝีมือในภพเซียนจนเกลี้ยง
“นี่คือราคาที่พวกเจ้าต้องจ่าย!”
ซ่างกวนอิ๋งไปจากที่นี่ด้วยสีหน้าเย็นชา รุดหน้ามาถึงดินแดนตระกูลเฟ่ย
นางมาเพื่อล้างแค้น บุกตรงเข้าไปในดินแดนตระกูลเฟ่ยโดยมิต้องเอ่ยอันใดให้มากความ
“อยากตายหรือ!”
ร่างชราพุ่งตัวออกมาเป็นจำนวนมาก บรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยจำนวนหนึ่งรักษาการณ์ในดินแดน มิได้ไปหาเจ้าอ้วน
สายตาพวกเขาเย็นยะเยือก จิตสังหารพลุ่งพล่าน ซ่างกวนอิ๋งริอ่านบุกเข้ามาในดินแดนตระกูลของพวกเขาจริง ๆ พวกเขาต่างบันดาลโทสะ หมายมั่นอยากจะเชือดเฉือนซ่างกวนอิ๋งเป็นพันเป็นหมื่นที!
สุ้มเสียงที่นั่นเอิกเกริกเกินไป ต่อให้พวกเขาไม่อยากรู้ยังยาก พวกเขาทราบแล้วว่าซ่างกวนอิ๋งคร่าชีวิตคนที่นั่นเป็นการใหญ่ สังหารยอดฝีมือทุกตนในสถานที่นั้นลง
“ตระกูลของเรามีค่ายกลใหญ่ สามารถผนึกพื้นที่ไว้ได้ทั้งหมด ข้าขอดูหน่อยเถิดว่าเจ้าจะขอยืมพลังปฐพีอีกได้อย่างไร!”
“เจ้ารนหาที่เอง วันนี้เจ้าจักอยู่อย่างทรมานยิ่งกว่าตาย!”
“ฆ่า!”
บรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยบุกเข้าไปกันถ้วนหน้า ทั้งยังใช้พลังจากค่ายกลใหญ่ในทันทีเพื่อปิดผนึกดินแดินทั้งผืนไว้
ความแข็งแกร่งของซ่างกวนอิ๋งอยู่ที่สามารถยืมพลังปฐพีได้
หากซ่างกวนอิ๋งยืมพลังปฐพีมิได้อีก นางก็จะเป็นเพียงคนดาษดื่นเท่านั้น!
สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งปฐพี!
ทั้งภพเซียนเดือดพล่านกันหมด!
ซ่างกวนอิ๋งปะทะเหล่ายอดฝีมือแห่งภพเซียน เป็นที่สะท้านไปทั่วทั้งภพเซียน สิ่งมีชีวิตทุกตนในภพเซียนต่างได้เห็นศึกนี้กันถ้วนหน้า
“ฆ่าได้ดี!”
“พวกเขาสมควรตายกันให้หมด! มือเปื้อนเลือดมากเกินไปแล้ว!”
สิ่งมีชีวิตในภพเซียนร้องไชโยอย่างลิงโลดกันนับไม่ถ้วน ต่างเห็นดีเห็นงามกับซ่างกวนอิ๋ง นับแต่แผนการกวาดล้างเริ่มขึ้น พวกเขาต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความหวาดกลัวเรื่อยมา
เพราะไม่รู้เลยว่าเมื่อใดบรรดากองกำลังชั้นเยี่ยมในภพเซียนจะตวัดดาบมาตัดศีรษะพวกเขา!
พวกเขาเห็นสิ่งมีชีวิตจากตระกูลต่ำต้อยมากมายที่ถูกจัดการไปอย่างน่าสังเวช ชีวิตพวกเขาเสมือนผักปลา ที่กองกำลังชั้นเยี่ยมในภพเซียนสามารถริดรอนไปได้ตามอำเภอใจ
พวกเขาก็เคยคิดขัดขืน ทว่าสู้มิได้เลย กองกำลังชั้นเยี่ยมในภพเซียนแข็งแกร่งเกินไป การขัดขืนของพวกเขาเปรียบเหมือนกระเทาะหินด้วยเปลือกไข่ ตั๊กแตนห้ามรถ ซึ่งไม่อาจส่งผลกระทบใดได้เลย
บัดนี้ ซ่างกวนอิ๋งก้าวออกมา ทำให้กองกำลังชั้นเยี่ยมเหล่านั้นต้องชดใช้อย่างสาสม จะมิให้พวกเขาส่งเสียงสรรเสริญซ่างกวนอิ๋งได้อย่างไร!
ซ่างกวนอิ๋งได้ทำสิ่งที่สาแก่ใจยิ่งนัก!
ในใจพวกเขา ซ่างกวนอิ๋งถือเป็นวีรชนไปแล้ว!
“แย่แล้ว! อาจเกิดเรื่องกับนาง!”
“ตระกูลเฟ่ยเปิดใช้ค่ายกลใหญ่ ผนึกดินแดนตระกูลไว้ทั้งหมด นางอาจไม่สามารถยืมพลังปฐพีได้จริง น่ากลัวว่าจะวิกฤตแล้ว!”
“พวกเราต้องไปช่วยนาง! กระหน่ำโจมตีค่ายกลใหญ่ตระกูลเฟ่ยจากด้านนอก!”
พวกเขาจับตาดูซ่างกวนอิ๋งอยู่ตลอด ได้เห็นสถานการณ์ของซ่างกวนอิ๋งในดินแดนตระกูลเฟ่ย พวกเขามิได้ลังเล บุกไปยังดินแดนตระกูลเฟ่ยกันทั้งหมด
พวกเขามีกันยั้วเยี้ยเรียงรายเหนือฟ้าจรดแผ่นดิน ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตในภพเซียน เกินกว่าจะนับไหว!
พวกเขาโจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่งเพื่อทำลายค่ายกลใหญ่ตระกูลเฟ่ย ด้วยต้องการช่วยซ่างกวนอิ๋ง
หากซ่างกวนอิ๋งมิได้ก้าวออกมา พวกเขาย่อมเป็นได้เพียงลูกแกะรอเชือด ชะตาชีวิตอยู่ในกำมือของกองกำลังชั้นเยี่ยมทั้งหลาย
พวกเขาต่างมิได้ยั้งมือ เปล่งพลังฝีมือทั้งหมดที่มีออกไป ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องการช่วยซ่างกวนอิ๋งให้ได้!
“เจ้าพวกเดนตาย! พวกเจ้าต้องตายกันทั้งหมด!”
“บังอาจช่วยนางหรือ พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
กองกำลังชั้นเยี่ยมมาถึงกันหมดแล้ว ไฉนเลยจะปล่อยให้สิ่งมีชีวิตในภพเซียนช่วยเกื้อหนุนซ่างกวนอิ๋ง
ซ่างกวนอิ๋งสังหารยอดฝีมือเหนือขอบเขตโกลาหลส่วนใหญ่ของพวกเขาไป เป็นผลให้อำนาจของพวกเขาบั่นทอนลงอย่างไม่ต้องสงสัย จิตสังหารของพวกเขาพลุ่งพล่าน ไม่มีทางยอมปล่อยซ่างกวนอิ๋งไป!
พวกเขานั้นโหดเหี้ยมอำมหิต คิดจะสังหารสิ่งมีชีวิตภพเซียนในที่แห่งนี้จนเกลี้ยง ซ่างกวนอิ๋งถูกกักขังไว้ในดินแดนตระกูลเฟ่ย นี่คือโอกาสอันดีในการฆ่าซ่างกวนอิ๋ง พวกเขาไม่มีทางยอมให้สิ่งมีชีวิตภพเซียนเหล่านี้ทำลายค่ายกลใหญ่ตระกูลเฟ่ยลง
“พวกเจ้า…สมควรตาย!”
ภายในดินแดนตระกูลเฟ่ย ซ่างกวนอิ๋งได้เห็นสถานการณ์ด้านนอก จิตสังหารพุ่งพรวดขึ้นมาในบัดดล
เดิมนางคิดไปว่าฆ่ายอดฝีมือเหล่านี้ก็พอ ไม่คิดถือสาหาความไปมากกว่านี้
หารู้ไม่ว่ายอดฝีมือจากกองกำลังชั้นเยี่ยมเหล่านี้ไม่มีความสำนึกสักนิด ยังบังอาจรุดหน้ามาก่อกรรมทำเข็ญเช่นนี้อยู่ด้านนอก!
อย่างที่คิด กองกำลังชั้นเยี่ยมเหล่านี้เป็นพวกเห็นแก่ตัวในกมลสันดาน!
“วันนี้พวกเจ้าต้องตายกันหมด!”
สีหน้าของนางเย็นชา ยอดฝีมือตนใดที่ฆ่าล้างผู้อื่นอยู่ด้านนอกล้วนไม่พ้นมือนาง นางจะสังหารให้สิ้น!
“ยังมัวฝันกลางวันอยู่อีกหรือ พูดจาเพ้อเจ้ออยู่ได้!”
“เจ้าไม่ดูสถานการณ์ของตัวเจ้าเองในยามนี้บ้างเลย! เจ้าเอาตัวไม่รอดด้วยซ้ำ!”
“ยังคิดจะช่วยเหล่าคนข้างนอกนั่นอีกหรือ น่าขันจริง!”
“ฆ่า!”
บรรดาบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยระเบิดพลัง มิได้ยั้งมือแต่อย่างใด โอกาสเช่นนี้หายาก พวกเขาอยากรีบประหารซ่างกวนอิ๋งเสีย กลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดอีก!
“พวกเจ้าคิดจริงหรือว่าสามารถตัดการเชื่อมต่อระหว่างข้ากับฟ้าดินได้ พวกเจ้าต่างหากที่น่าขัน!”
ซ่างกวนอิ๋งแค่นเสียงเย็น สำแดงวิชาลับที่ช่วยยืมพลังจากปฐพีผืนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างนางและฟ้าดินนั้นใกล้ชิดอย่างยิ่ง ลำพังค่ายกลหนึ่งของตระกูลเฟ่ยไม่มีทางกีดขวางได้
วิชาลับแผลงฤทธิ์ ฉับพลันนั้น ด้านนอกพายุโหม พลังในปฐพีหลั่งไหลไปหาซ่างกวนอิ๋งอย่างบ้าคลั่ง!
นี่คือความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางตัดได้ขาด เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยต่างหากที่เพ้อพก!
เสียงดังตู้ม ค่ายกลผนึกของตระกูลเฟ่ยทลายในบัดดล มิอาจหยุดยั้งพลังปฐพีที่หลั่งไหลไปหาซ่างกวนอิ๋งได้!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
“นางเป็นใครกันแน่!”
บรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยทั้งหลายสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าในสถานการณ์ที่ดินแดนของตระกูลถูกผนึก ซ่างกวนอิ๋งก็ยังเชื่อมต่อกับฟ้าดินได้!
สวรรค์ นางเป็นคนระดับใดกันแน่ แล้วมีสัมพันธ์เช่นไรกับฟ้าดิน?!
“แย่แล้ว!”
“พวกเราไป!”
ด้านนอก เหล่ายอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ หวาดผวาเหลือแสน พวกเขามิได้ลังเล แหวกมิติหนีไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
ซ่างกวนอิ๋งผู้ผสานกับพลังปฐพีแล้ว มิใช่ระดับที่พวกเขาต่อกรไหว!
“พวกเจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”
ซ่างกวนอิ๋งเอ่ยเสียงเย็น พลังมากล้นพลันเล็งไปที่ยอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ เหล่านั้น
ท่ามกลางเสียงระเบิดมากมาย ยอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ เหล่านี้กลายเป็นหมอกเลือดกันหมด ถูกสังหารจนสิ้นโดยไม่มีข้อยกเว้น!
“ผู้ไม่ประสงค์ดี ย่อมไม่มีทางรอด!”
นัยน์ตาซ่างกวนอิ๋งเย็นเยียบ หากมิใช่ว่านางมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับฟ้าดิน ยังยืมพลังปฐพีมาใช้ได้ บรรดาสิ่งมีชีวิตภพเซียนที่เดินทางมาช่วยนางในคราวนี้ต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาถแน่ จักต้องถูกยอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ เหล่านี้เข่นฆ่าไปทีละคน
“ท่านรีบออกมาช่วยพวกเราทีเถิด!”
“ท่านจ้าวเฉิน!!!”
เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยร้องเรียกเสียงฟูมฟาย ขอร้องให้ท่านจ้าวเฉินผู้พำนักอยู่ในดินแดนตระกูลของพวกเขายื่นมือช่วยเหลือ
ท่านจ้าวเฉินผู้นี้คือสิ่งมีชีวิตจากนอกอาณาจักร เคยสำแดงขอบเขตพลังที่เหนือชั้นกว่าพวกเขามากให้เห็น
“ช่วยพวกเจ้าหรือ?”
เสียงหนึ่งดังออกมาจากส่วนลึก ช่างเป็นเสียงที่เกียจคร้านอย่างยิ่ง “เหตุใดข้าต้องช่วยพวกเจ้าด้วย”
เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยชะงัก คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจ้าวเฉินจะตอบกลับพวกเขาเช่นนี้!
พวกเขาเคารพนับถือท่านจ้าวเฉินผู้นี้ถึงเพียงนั้น ปรนนิบัติท่านจ้าวเฉินอย่างสุดความสามารถ สุดท้ายแล้ว ท่านจ้าวเฉินกลับไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด!
“เห็นแก่ที่พวกเราทุ่มเทกายใจรับใช้ท่าน ช่วยพวกเราด้วยเถิด!”
บรพจารย์ตระกูลเฟ่ยตนหนึ่งตะโกน
เวลานั้นร่างหนึ่งก้าวออกจากส่วนลึก เป็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง
เขาตบบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยผู้นั้นร่วงลงกับพื้น โลหิตหลั่งริน เละไปครึ่งร่าง!
“ได้รับใช้ข้าถือเป็นวาสนาสูงสุดของทาสชั้นต่ำอย่างพวกเจ้า เจ้ายังบังอาจขอให้ข้าช่วยพวกเจ้าอีกหรือ”
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นก็คือจ้าวเฉิน เขาหัวเราะพรืดพลางกล่าว “พวกเจ้าจะเป็นหรือตายเกี่ยวอันใดกับข้า เป็นเพียงทาสชั้นต่ำจำนวนหนึ่งเท่านั้น ตายไป ก็แค่เปลี่ยนชุดใหม่”
เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยหัวใจเย็นวาบ ท่านจ้าวเฉินที่พวกเขาหวังพึ่งมิได้แยแสพวกเขาแม้แต่น้อย!
“แม่นางฝีมือเก่งกาจยิ่ง คนเหล่านี้เจ้าฆ่าได้ตามใจชอบ ข้าไม่ยื่นมือกีดขวางแม่นางหรอก”
จ้าวเฉินหันมองซ่างกวนอิ๋งพลางเอ่ยยิ้ม ๆ
เขามาอยู่ที่ภพเซียนได้ระยะหนึ่งแล้ว เริ่มแรกยังมิกล้าบุ่มบ่าม กลัวว่าภพเซียนอาจมีรากฐานน่าสะพรึงบางอย่างดำรงอยู่ ทว่าบัดนี้ เขาไม่มีความเกรงกลัวเช่นนั้นอีกแล้ว
ระหว่างนี้ เขาล่วงรู้สถานการณ์ในภพเซียนได้หมดแล้ว ภพเซียนเป็นเพียงอาณาจักรปิดสนิทแห่งหนึ่งเท่านั้น จุดกำเนิดของสสารระดับสูงที่พวยพุ่งอยู่ก็มิใช่ที่นี่ ซ้ำภพเซียนก็มิมีรากฐานน่าสะพรึงกลัวแต่อย่างใด
ยอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ยามมาถึงภพเซียนต่างทำตัวกลมกลืนมิกล้าสร้างความวุ่นวาย ต่างเข้าไปที่กองกำลังต่าง ๆ ในภพเซียนด้วยท่าทีเป็นมิตร
ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ยอดฝีมือเหล่านี้ล่วงรู้ตื้นลึกหนาบางของภพเซียนกันหมดแล้ว ไม่มีทางอยู่อย่างเงียบเชียบอีกต่อไป หลังจากนี้ ย่อมต้องลงมือในภพเซียนอย่างยิ่งใหญ่ ช่วงชิงสถานที่ซึ่งมีสสารระดับสูงที่สุด
“เพียงแต่ ข้าหวังว่าหลังแม่นางฆ่าพวกเขาแล้วจะมาเป็นทาสของข้าแทนพวกเขา”
จ้าวเฉินเอ่ยยิ้ม ๆ “ข้าเล็งเห็นอนาคตจากตัวแม่นาง มองว่าแม่นางมีศักยภาพมหาศาล ข้าจะตั้งใจสั่งสอนเจ้า ให้เจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
“ไม่จำเป็น!”
ซ่างกวนอิ๋งปฏิเสธทันควัน ไม่มีทางตอบตกลง
“อย่าได้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้! ข้าหวังว่าเจ้าจะถนอมโอกาสตอนที่ข้ายังยอมสนทนากับเจ้าดี ๆ อย่ายั่วโมโหข้า!”
จ้าวเฉินเอ่ยเสียงเรียบ
จิตใจของซ่างกวนอิ๋งหนักอึ้ง คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยกล่าวมาคือความจริง!
มียอดฝีมือซึ่งมีขอบเขตสูงส่งจากภายนอกจริง ๆ!
เมื่อมีพลังปฐพีผนึกในร่าง นางแข็งแกร่งขึ้นเหลือแสน สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลขั้นหกขั้นเจ็ดได้สบาย
ทว่าเมื่อเผชิญกับจ้าวเฉิน นางกลับไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย!
จ้าวเฉินมิได้ปลดปล่อยพลังปราณออกมาแต่อย่างใด ลำพังลมปราณที่แผ่ซ่านออกมาตามธรรมชาติก็สร้างความตะลึงให้กับซ่างกวนอิ๋งอย่างมาก เป็นลมปราณที่เหนือขอบเขตโกลาหลขึ้นไป!
จ้าวเฉินเหนือชั้นขอบเขตโกลาหลขึ้นไปแล้วจริง ๆ!
และยังมียอดฝีมืออีกนับคณาที่อยู่ในระดับเดียวกับจ้าวเฉินด้วยหรือ?
ซ่างกวนอิ๋งยิ่งรู้สึกกลัดกลุ้ม ภพเซียนกลับตาลปัตรไปแล้วจริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปแล้วอย่างมหันต์!
มาเพราะสสารระดับสูงหรือ
ยากเหลือเกิน ก่อนนี้นางสัมผัสมิได้เลยสักนิด ยอดฝีมือระดับจ้าวเฉินอำพรางได้แนบเนียนยิ่งนัก!
‘เฮ้อ…’
นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ในใจ
เดิมทีสถานการณ์ของนางนั้นเป็นต่อ เป็นที่แน่ชัดว่าไร้เทียมทาน สามารถกวาดล้างภพเซียนได้โดยมิมีผู้ใดขัดขวาง ทว่าบัดนี้มิใช่เลย สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก
จ้าวเฉินผู้อยู่เหนือขอบเขตโกลาหลมิใช่ผู้ที่นางต่อกรด้วยได้
“ทว่านี่ก็คุ้มแล้ว ตระกูลเฟ่ยได้ชดใช้ให้ความผิดแล้ว กองกำลังชั้นเยี่ยมอื่น ๆ ก็จ่ายราคามาแล้วเช่นกัน ต่อให้ข้าต้องตาย ก็ไม่นึกเสียใจแล้ว!”
ซ่างกวนอิ๋งตาเป็นประกาย ความปรารถนาที่จะแก้แค้นของนางสมดั่งใจแล้ว ต่อให้ต้องตายไปในตอนนี้ก็ไม่เป็นไร
เรื่องเดียวที่นางรู้สึกเสียใจคือ นางมิมีโอกาสตอบแทนบุญคุณของคุณชายแล้ว
หากมิมีคุณชาย นางไฉนเลยจะมีวันนี้ อย่าว่าแต่บุกเข้าไปในดินแดนตระกูลเฟ่ยเลย นางคงถูกยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยสังหารไปนานแล้ว
“เจ้ายังต้องใคร่ครวญอะไรอีก มีอันใดให้ต้องคิดด้วยหรือ! เจ้าน่าจะรู้ดีว่าข้าทรงพลังเพียงใด!”
จ้าวเฉินเห็นซ่างกวนอิ๋งไม่พูดจาจึงกล่าวต่อ “ข้ารับรู้สถานการณ์ของพวกเจ้าแล้ว ขอบเขตโกลาหลคือขีดจำกัดสูงสุด ขอบเขตที่เหนือขึ้นไปกว่านั้น พวกเจ้าไม่มีเบาะแส ได้แค่คลำทางด้วยตนเองไปทีละนิด”
เขาเอ่ย “ได้เป็นทาสของข้า มีข้าเป็นเจ้านาย ข้าสามารถชี้แนะและช่วยให้เจ้าก้าวสู่ขอบเขตที่สูงกว่านี้ได้ นี่คือวาสนาสูงสุดของเจ้า พลาดไปก็ย่อมไม่มีอีกแล้ว”
ซ่างกวนอิ๋งมิได้สนใจในคำกล่าวของอีกฝ่าย นางไม่มีทางยอมยกจ้าวเฉินเป็นนาย และกลายเป็นทาสของเขา
นางปริปาก “หนี้แค้นใหญ่หลวงนี้ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้อีก ข้าในยามนี้ เพียงอยากฆ่าพวกเขาให้ได้ก่อนเท่านั้น!”
นางไม่มีทางยอมจำนน อย่างไรก็ต้องต่อสู้ดุเดือดกับจ้าวเฉิน และผลสุดท้าย นางอาจต้องตายในมือเขา
เพราะอย่างนั้น นางจึงอยากฆ่าเหล่าบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยให้ได้ก่อน!
เช่นนี้นางจะได้ตายไปอย่างสบายใจ
“อย่านะ!”
“ท่านจ้าวเฉินอย่ารับปากนางนะ ท่านให้พวกเราทำอะไรก็ได้! พวกเรายินดีรับใช้ท่านไปตลอดชีวิต!”
หลังเหล่าบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยได้ยินวาจาของซ่างกวนอิ๋งก็ผวากันหมด พากันอ้อนวอนจ้าวเฉิน
“ได้ เจ้าฆ่าพวกเขาเลย”
จ้าวเฉินตอบซ่างกวนอิ๋ง มิได้เก็บเหล่าบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยมาใส่ใจเลยสักนิด
บรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยเหล่านี้ไร้ซึ่งศักยภาพ ไม่อาจเทียบกับซ่างกวนอิ๋งได้เลย ซ่างกวนอิ๋งบรรลุขอบเขตระดับนี้ได้ในวัยเท่านี้ มีพลังแฝงมหาศาลยิ่งนัก
ต่อให้เป็นจักรวาลโกลาหลที่เขาอยู่ ซ่างกวนอิ๋งก็อยู่ในระดับต้น ๆ มีความสามารถเหนือกว่าบุตรแห่งสวรรค์ในระดับเดียวกัน
ส่วนจะใช้บรรพจารย์เหล่านี้ไปขู่ซ่างกวนอิ๋งนั้น เขาไม่แม้แต่จะคิด
เพราะไม่มีความจำเป็นเลย
เขามีความสามารถอันทรงพลัง จัดการซ่างกวนอิ๋งได้ตามใจชอบ ไม่จำเป็นต้องใช้เหล่าบรรพจารย์ในการข่มขู่ซ่างกวนอิ๋ง
ซ่างกวนอิ๋งชูดาบ ออกลวดลายอย่างคล่องแคล่วเฉียบขาด เมื่อมีพลังปฐพีผนึกในตัว นางมีพลังพอจะสังหารบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยทั้งหลายในพริบตา
พรวด! พรวด! พรวด!
เพียงครู่เดียว นางก็สังหารบรรพจารย์ตระกูลเฟ่ยในที่แห่งนี้ได้หมด!
รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้าของจ้าวเฉิน เขายืนอยู่ด้านข้างโดยมิมีท่าทีจะลงมือแต่อย่างใด คิดไปว่า หลังจากนี้ ซ่างกวนอิ๋งน่าจะจำยอมเทิดทูนเขาเป็นเจ้านายแล้วกระมัง
ทว่าเรื่องที่คิดไม่ถึงก็คือ ซ่างกวนอิ๋งกลับตวัดดาบมาหาเขา!
ดาบใหญ่สีเลือดเปล่งประกายสีชาด ซ่างกวนอิ๋งรีดเร้นพลังทั้งหมดไว้บนดาบนี้ ห้วงมิติระเบิดไม่หยุดหย่อน พลังอันไร้ขอบเขตซัดสาด ดาบนี้สามารถปลิดชีพสิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลขั้นแปดได้ในเสี้ยวลมหายใจแน่นอน
สีหน้าจ้าวเฉินเยียบเย็นลงในบัดดล เขายื่นมือข้างหนึ่งหยุดยั้งดาบที่ฟาดฟันลงมา!
เสียงดังตึง ดาบใหญ่สีเลือดแหลกลาญตามเสียง ซ่างกวนอิ๋งกระเด็นออกไปด้วยแรงสะเทือน ปากกระอักเลือดไม่หยุด จนอาภรณ์ถูกย้อมเป็นสีแดง
หน้าตาของนางซีดเผือดขณะกระแทกกับยอดเขาลูกหนึ่ง จนยอดเขาลูกนั้นถล่ม หินยักษ์กลิ้งไปทั่ว
นางจมลงไปในกองหิน ตะเกียกตะกายอยู่นานกว่าจะคลานออกมาได้ โลหิตชุ่มไปทั้งตัวดูน่าสะท้านใจยิ่งนัก!
จ้าวเฉินแข็งแกร่งมากจริง ๆ ต่อให้นางโจมตีสุดกำลังก็มิใช่คู่มือของจ้าวเฉิน ห่างชั้นกันเกินไป
“รนหาที่ตาย!”
สายตาจ้าวเฉินหนาวเสียดไปถึงกระดูก “ก่อนนี้ข้าดูเป็นคนเจรจาง่ายไปหรือไร”
เขายกมือขึ้นข้างหนึ่ง ทันใดนั้น พลังซึ่งมองไม่เห็นก็โถมทับใส่ซ่างกวนอิ๋ง จับซ่างกวนอิ๋งห้อยกลางอากาศ
“ข้าพูดกับเจ้าดี ๆ เจ้าไม่ฟัง แล้วอย่ามาหาว่าข้าไร้ความปรานีแล้วกัน!”
สีหน้าของเขาเย็นชา ฉับพลันนั้นแส้เส้นหนึ่งก็ปรากฏในมือ หวดใส่ซ่างกวนอิ๋งจากระยะไกล
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
หมอกเลือดลอยขึ้น ทันทีที่แส้ฟาดโดนตัวซ่างกวนอิ๋งก็ทิ้งร่องรอยไว้ เลือดเนื้อปลิ้นออกมา เผยให้เห็นกระดูกสีขาวด้านใน
ซ่างกวนอิ๋งเจ็บปวดเหลือแสน แส้นี้ไม่เพียงแต่หวดลงบนร่างนาง ทว่ายังหวดลงบนวิญญาณของนางอีกด้วย นางเจ็บจนใบหน้าบิดเบี้ยว ไม่เหลือเค้าโครงหน้าเดิม
“เจ้า…ฆ่าข้าเสีย! ตัวข้า…ไม่มีทางยอมจำนนต่อเจ้า!”
นางตะโกนออกมาด้วยเสียงทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อแสดงเจตจำนงของนาง และร้องขอความตายจากจ้าวเฉิน
“คนชั้นต่ำก็คือคนชั้นต่ำ ไม่สั่งสอนให้ดีไม่ได้!”
จ้าวเฉินแค่นเสียงเย็น ไม่มีทางยอมให้ซ่างกวนอิ๋งจบชีวิตลง
เขามีลูกไม้จัดการซ่างกวนอิ๋งอยู่อีกมาก หมายมาดสอนสั่งให้ซ่างกวนอิ๋งเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ที่สุด
จ้าวเฉินสะบัดมือใหญ่ มดลอยออกมามหาศาล พุ่งไปเกาะตามตัวซ่างกวนอิ๋งและกัดกินร่างของนาง
“เดิมข้าเปลี่ยนเจ้าเป็นทาสของข้าได้เลยเพื่อจบทุกสิ่ง ทว่าเจ้าทำให้ข้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ฉะนั้นข้าจึงตัดสินใจจะให้บทเรียนกับเจ้าก่อน!”
จ้าวเฉินเอ่ยเสียงเย็นชา “จงเพลิดเพลินไปกับมันเสียเถิด นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น!”
“อ๊ากก! เจ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ ถึงได้ทรมานเด็กสาวนางหนึ่งเช่นนี้!”
“เจ้าไม่ตายดีแน่!”
สิ่งมีชีวิตภพเซียนโกรธแค้นเหลือแสน ดวงตาแต่ละคนราวกับมีเปลวเพลิงพ่นออกมา
จ้าวเฉินระยำยิ่งนัก พวกเขาบุกเข้าไปสังหารจ้าวเฉินทันที!
“มดปลวกไฉนเลยจะแผ้วพานนภาได้”
จ้าวเฉินมีสีหน้าดูแคลน ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตภพเซียนเหล่านี้อยู่ในสายตาสักนิด
เขากล่าวต่อ “ในสายตาของข้า พวกเจ้าเป็นเพียงแมลงอ่อนแอชั้นต่ำ มิได้เป็นอะไรมากไปกว่านั้น!”
เขาสะบัดมือเบา ๆ ทันใดนั้น สิ่งมีชีวิตภพเซียนมากมายระเบิดแหลกลาญ กลายเป็นหมอกเลือดและตายลงอย่างสิ้นเชิง
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น สิ่งมีชีวิตภพเซียนที่เหลือก็มิได้เกรงกลัว พวกเขายังคงถาโถมเข้าไปหาจ้าวเฉิน
“ในเมื่อพวกเจ้าอยากตายนัก ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้ ที่นี่ไม่มีแมลงอย่างพวกเจ้าก็คงเยี่ยมยอด”
สีหน้าจ้าวเฉินราบเรียบ หมายจะฆ่าล้างยกใหญ่ สังหารสิ่งมีชีวิตทุกตนในภพเซียนลง
เลือดสาดกระเซ็น ฝนโลหิตโปรยปรายอยู่ทั่วฟ้า จ้าวเฉินเย็นชาไร้ความปรานี ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตภพเซียนในสายตาสักนิด พริบตาเดียวก็สังหารไปจำนวนมาก!
พื้นดินถูกย้อมเป็นสีแดงแล้ว เศษเนื้อและท่อนกระดูกกองเป็นภูเขาลูกแล้วลูกเล่า ต้นไม้ยอดเขาอันสูงใหญ่ต่างกลายเป็นต้นโลหิตและเขาโลหิต ทุกสิ่งที่มองเห็นล้วนเป็นสีชาด!
สิ่งมีชีวิตอีกจำนวนไม่น้อยในภพเซียนพากันมองมาที่นี่
พวกเขาเป็นเช่นเดียวกับจ้าวเฉิน ล้วนมาจากจักรวาลโกลาหลอื่น อยู่ในขอบเขตลอยชาย
กับการฆ่าล้างอันอำมหิตของจ้าวเฉิน พวกเขามิได้รู้สึกรู้สาอะไร แต่ละคนต่างมีสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก
แมลงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น หาใช่เรื่องใหญ่ไม่
ต่อให้จ้าวเฉินไม่ฆ่า วันหน้าพวกเขาก็ต้องลงมืออยู่ดี
ภพเซียนวิเศษถึงเพียงนี้ สสารระดับสูงพวยพุ่งไม่หยุด เหนือกว่าจักรวาลโกลาหลที่พวกเขาอยู่มามากนัก พวกเขาตัดสินใจไว้นานแล้วว่าจะรับสมาชิกในกองกำลังของพวกเขาแต่ละคนมาที่นี่ และสร้างดินแดนตระกูลขึ้นใหม่
เก็บแมลงต่ำต้อยเหล่านี้ไปรั้งแต่จะขวางมือขวางเท้า
“ภาพนี้ควรเกิดขึ้นนานแล้ว หากจะโทษก็ต้องโทษตัวพวกเขาเองที่อ่อนแอเกินไป ไม่มีวาสนาแบกรับวาสนาการเปลี่ยนแปลงอันสะท้านโลกันตร์นี้”
อสูรปีกมหึมาตนหนึ่งเอ่ยเสียงเย็น
ก่อนนี้พวกเขายังมิรู้ตื้นลึกหนบางของภพเซียน จึงมิกล้าผลีผลามด้วยกลัวจะเกิดเรื่อง
ต่อมา พวกเขาได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาคิดมากไปเท่านั้น ในภพเซียนนี้มิมีสิ่งใดอยู่เลย เพียงแค่ได้รับผลดีไปด้วยเฉย ๆ ไม่จำเป็นต้องกลัวเกรงสิ่งใดอีก
หลังจากนั้น อสูรปีกตนนี้อ้าปากกว้าง แรงดูดมหาศาลปรากฏออกมาทันที สิ่งมีชีวิตในที่นี้ถูกอสูรปีกตนนี้กลืนกินท่ามกลางเสียงร้องด้วยความหวาดผวา
อสูรปีกตนนี้มาจากเผ่าพันธุ์อันดับต้น ๆ เริ่มแรกมันได้เข้ามาด้วยท่าทีเป็นมิตรเช่นกัน บัดนี้มันปลดปล่อยตัวเอง ไม่นึกยำเกรงต่อสิ่งใดอีก กลืนกินเผ่าอสูรเหล่านี้จนหมดเกลี้ยง
เหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นอีกมากมายในพื้นที่ต่าง ๆ
บรรดาสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลอื่นที่เคยเข้าร่วมพวกเขาด้วยท่าทีเป็นมิตรต่างก่อกรรมทำเข็ญอยู่ในเวลานี้ ฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตในกองกำลังที่ตนพำนักอยู่ เสียงร้องโหยหวนดังระงมอยู่ทั่วทุกหนแห่งในภพเซียน
สำหรับพวกเขา สิ่งมีชีวิตภพเซียนเป็นเพียงแมลงต่ำต้อยเท่านั้น พวกเขาไม่นึกแยแสสักนิด สังหารได้ในพริบตา
…
ณ ดินแดนตระกูลเฟ่ย
“อ๊ากกกกก!”
ซ่างกวนอิ๋งร้องครวญครางอย่างน่าเวทนา นางถูกมดกัดทั้งตัว และมดเหล่านี้ล้วนมิใช่มดธรรมดา ยามกัดกินตัวนางได้กัดกินวิญญาณของนางไปด้วย!
วิญญาณของนางแหว่งหายไป ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดที่ผู้อื่นทนมิไหว
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นนางก็มิได้ยอมจำนน สายตาเด็ดเดี่ยววาวโรจน์เป็นที่สุด
“สายตาของเจ้าชวนให้ข้าไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก!”
จ้าวเฉินหรี่ตากึ่งหนึ่ง จิตมุ่งร้ายเดือดพล่านในตัว เขาไม่สนสิ่งมีชีวิตภพเซียนที่บุกเข้ามาอีกต่อไป หากแต่หวดแส้ยาวในมือเพื่อเฆี่ยนซ่างกวนอิ๋งอีกครั้ง
เขาขุ่นเคืองกับสายตาแน่วแน่เช่นนี้ของซ่างกวนอิ๋ง ไม่ว่าอย่างไร ก็จะบดขยี้แรงศรัทธาที่นางยึดมั่นในใจให้ได้
ซ่างกวนอิ๋งถูกแส้ยาวเฆี่ยนตีจนเนื้อตัวแหลกเหลว กระดูกหักไปหมด เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย
“ข้าไม่มีทางยอมจำนนต่อเจ้า!”
นางรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อตะโกนประโยคนี้ออกมา สายตายังคงเด็ดเดี่ยว
“เรื่องนั้นเจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสิน!”
หน้าตาจ้าวเฉินเหี้ยมเกรียม ไฉนเลยจะยอมให้แมลงต่ำต้อยเช่นซ่างกวนอิ๋งท้าทายบารมีของเขา
เขาหวดเร็วขึ้น แรงขึ้น
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง ฟ้าดินพลันเดือดพล่านขึ้นมา กฎระเบียบเกินจินตนาการปรากฏ รายล้อมอยู่รอบตัวซ่างกวนอิ๋ง
“เกิดอะไรขึ้น!”
สีหน้าจ้าวเฉินเปลี่ยนไปอย่างมากในพริบตา กฎระเบียบเหล่านั้นชวนให้เขาตกตะลึง อดรู้สึกหวาดกลัวมิได้ เป็นพลังที่เหนือขอบเขตความเข้าใจของเขาไปมาก!
ขณะที่กฎระเบียบห้อมล้อม พลังมหาศาลจรดลงบนตัวซ่างกวนอิ๋ง บาดแผลในตัวซ่างกวนอิ๋งหายไปในบัดดล คืนสภาพดั่งเก่า!
ลมหายใจรวยรินของนางพลันทรงพลังแข็งแกร่งขึ้นมาเหลือแสน ทุกอิริยาบถล้วนมีพลังที่จินตนาการไม่ออกไหลเวียนอยู่!
‘คุณชาย!’
ซ่างกวนอิ๋งน้ำตาไหลนอง ร้องตะโกนในใจ นางไฉนเลยจะไม่รู้ว่ากฎระเบียบเช่นนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับคุณชาย
คุณชายนั้นปากร้ายใจดี ทั้งที่เคยเอ่ยว่าจะไม่สนชีวิตนางอีก บอกให้นางพึ่งพาตนเองหลังจากนี้
ทว่าคุณชายก็ยังลงมือในช่วงเวลาจวนตัวของนาง จุติพลังกฎระเบียบลงมาปกป้องนาง!
อันที่จริง นางคิดไม่ผิด นี่คือพลังกฎระเบียบที่หลี่จิ่วเต้าทิ้งไว้ให้จริง ๆ
ซ่างกวนอิ๋งนั้นไม่เลวเลย หลี่จิ่วเต้าชมชอบนางมาก
แม้เขาจะเคยกล่าวเสียงขึงขังว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของซ่างกวนอิ๋งอีก ต่อให้นางต้องพบเจอวิกฤตชีวิตก็ไม่มีทางแทรกแซงอีกแล้ว
กระนั้น ลงท้ายเขาก็มิได้ทำเช่นนั้น
ก่อนจากไปได้ทิ้งพลังไว้กระแสหนึ่งเพื่อปกป้องซ่างกวนอิ๋ง
ยามซ่างกวนอิ๋งประสบกับอันตรายที่มิอาจต่อต้าน พลังกระแสนี้จะปรากฏออกมาช่วยซ่างกวนอิ๋งไว้
สีหน้าจ้าวเฉินเปลี่ยนไปมหันต์ ในใจผวาเหลือคณา เขามิกล้าอยู่ที่นี่ต่อ หนีอุตลุดไปอย่างรวดเร็ว!
กฎระเบียบนี้น่าสะพรึงเกินไป เขาไม่มั่นใจเลยว่าจะต่อกรกับซ่างกวนอิ๋งไหว
นอกจากนี้ เขายังสบถในใจไปว่า เหตุใดแมลงต่ำต้อยอย่างซ่างกวนอิ๋งถึงมีพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้อยู่เบื้องหลัง?!
“จะไปไหน!”
ซ่างกวนอิ๋งตวาดเสียงเย็น ฟ้าดินส่งเสียงกู่ร้องไม่หยุด ฉับพลันนั้น พลังซึ่งมองไม่เห็นเล็งไปที่จ้าวเฉิน!
จ้าวเฉินตกตะลึงแทบแย่ นี่คือพลังเช่นไรกัน?
น่ากลัวเหลือเกิน!
เขารีดเร้นพลังทั้งหมดในกายก็ยังต้านมิไหว ร่างกายถูกสะกดอยู่ที่ตรงนั้น ไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลย!
“ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด! ขอโอกาสให้ข้าสักครา! ข้ายินดีรับใช้ท่าน!”
จ้าวเฉินร่ำไห้ขอความเมตตา เขาไม่อยากตายอยู่ที่นี่
สสารระดับสูงพวยพุ่งอยู่ในภพเซียน การที่เขาได้ฝึกฝนที่นี่ย่อมมีอนาคตสดใส สามารถบรรลุขอบเขตซึ่งสูงกว่านี้ได้
แต่บัดนี้ ทุกอย่างได้จบสิ้นแล้ว เขาเจ็บใจยิ่งนัก!
“ไม่จำเป็น!”
สีหน้าของซ่างกวนอิ๋งเย็นชา ฟาดฝ่ามือกลางอากาศ จ้าวเฉินกระเด็นในบัดดล กลายเป็นหมอกเลือด
ทว่าจ้าวเฉินยังไม่ตาย หลอมร่างขึ้นมาใหม่
ซ่างกวนอิ๋งยั้งมือไว้ มิได้ปลิดชีพจ้าวเฉิน เพราะจ้าวเฉินสังหารสิ่งมีชีวิตภพเซียนไปจำนวนมาก นางไม่ต้องการฆ่าจ้าวเฉินไปง่าย ๆ อย่างนี้
นางตั้งใจส่งตัวจ้าวเฉินไปให้สิ่งมีชีวิตภพเซียนที่ยังเหลืออยู่จัดการ
พรวด! พรวด! พรวด!
นางกระหน่ำลงมือจนจ้าวเฉินเหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้าย ก่อนจะส่งมอบจ้าวเฉินให้สิ่งมีชีวิตภพเซียนที่เหลือจัดการ
หากไม่อัดจ้าวเฉินจนเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย สิ่งมีชีวิตภพเซียนคงเล่นงานจ้าวเฉินมิได้
“แมลงต่ำต้อยอย่างพวกเจ้าจงหลีกไปเสีย ผู้ใดบังอาจแตะต้องตัวข้าแม้แต่ครั้งเดียว ข้าย่อมไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”
สิ่งมีชีวิตภพเซียนมากมายกรูไปหาจ้าวเฉิน จ้าวเฉินส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง
เขายอมตายในมือซ่างกวนอิ๋งยังดีเสียกว่าตายในมือสิ่งมีชีวิตภพเซียนเหล่านี้
ในสายตาของเขา สิ่งมีชีวิตภพเซียนเหล่านี้เป็นเพียงแมลงต่ำต้อยเท่านั้น เขาไม่อนุญาตให้แมลงต่ำต้อยเหล่านี้แตะต้องตัวเขา
และเขายิ่งไม่อยากตายในมือของแมลงต่ำต้อยเหล่านี้ นับเป็นความอัปยศอันใหญ่หลวง!
“เจ้ายังมีหน้าวางมาดโอหังอีกหรือ! ป่านนี้แล้วยังทำทีสูงส่งเหนือผู้ใดอยู่อีก!”
“พวกเรามิได้จะแตะต้องตัวเจ้าครั้งเดียว เพราะพวกเราจะแยกร่างเจ้าเสีย!”
สิ่งมีชีวิตภพเซียนเอ่ยเสียงเคียดแค้น
จ้าวเฉินนั้นไร้ความเป็นมนุษย์ เพียงครู่เดียวก็สังหารสิ่งมีชีวิตภพเซียนไปแล้วตั้งไม่รู้เท่าใด
ในบรรดาสิ่งมีชีวิตภพเซียนที่ถูกฆ่า มีครอบครัวของพวกเขา มีศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเขา พวกเขาต่างเคียดแค้นจ้าวเฉินเข้ากระดูกดำ!
จากนั้น พวกเขาพุ่งออกไปอย่างพร้อมเพรียง จ้าวเฉินคำรามด้วยความเจ็บปวดราวกับจะขาดใจตาย
ขณะเดียวกัน ยอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ ต่างตกอกตกใจ
“มิใช่กระมัง?!”
อสูรปีกผู้กลืนกินทั้งเผ่าพันธุ์เข้าไปในคำเดียวกลัวจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
แหวะ ๆๆ!
มันรีบอ้าปากอาเจียน หมายจะขย้อนเอาอสูรที่กินเข้าไปออกมาให้หมด
ทว่าอสูรเหล่านั้นถูกมันย่อยไปหมดแล้ว ไฉนเลยจะอาเจียนออกมาได้อีก
มันไม่สามารถขย้อนสิ่งใดออกมาได้ทั้งสิ้น!
“จบเห่แล้ว!”
มันนั่งก้นจำเบ้ากับพื้น ร้องไห้เสียงดัง
ซ่างกวนอิ๋งอยู่ฝ่ายเดียวกับสิ่งมีชีวิตภพเซียน มันก่อกรรมทำเข็ญเช่นนี้ ซ่างกวนอิ๋งย่อมไม่มีทางปล่อยมันไป สิ่งที่รอมันอยู่มีเพียงความตายเท่านั้น!
“เหตุใดข้าถึงมือบอนเช่นนี้?!”
“อยากตบตัวเองให้ตายนัก!”
บรรดายอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลอื่นที่ฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตในที่พำนักของตนต่างมีสีหน้าซีดเผือด ไม่เหลือเลือดฝาดแม้แต่น้อย
ซ่างกวนอิ๋งไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปเช่นกัน!
พวกเขาสำนึกเสียใจเหลือแสน!
อย่างที่คิด ลมหายใจต่อมา พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าถูกพลังบางอย่างเพ่งเล็ง ซ่างกวนอิ๋งไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปจริง ๆ!
พรวด! พรวด! พรวด!
เลือดสาดกระจาย พวกเขาล้วนถูกพลังนั้นสังหาร ไม่มีพลังพอจะขัดขืนได้แม้แต่น้อย!
“กงเกวียนกำเกวียน ผู้ทำชั่วย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย!”
ซ่างกวนอิ๋งเอ่ยเสียงเย็น
หลังจัดการเรียบร้อยแล้ว พลังกฎระเบียบที่รายล้อมอยู่รอบตัวนางหายไป นางคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะไปยังทิศทางหนึ่งเสียงดัง
‘ขอบคุณคุณชาย!’
นางเอ่ยเสียงขึงขังในใจ
วันหน้าหากมีโอกาส นางจักตอบแทนบุญคุณของคุณชายด้วยชีวิต
...
ภายในนิกายอวี้ซวี
“นี่ก็ผ่านไปห้าวันแล้ว เหตุใดสือเฟิงยังไม่ออกมาอีก แม้ว่าข้าวใหม่ปลามันนั้นยอดเยี่ยม กระนั้นก็ต้องหักห้ามใจบ้าง…”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาอย่างอดมิได้
เดิมเขาอยากรอสือเฟิงออกมาเพื่อบอกลาแล้วกลับ
ทว่านี่ก็ถัดจากคืนวิวาห์มาห้าวันแล้ว สือเฟิงยังไม่ยอมออกมาอีก!
“คนหนุ่มสาวนี่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังจริง ๆ!”
หลี่จิ่วเต้าสะท้อนใจ “โดยเฉพาะผู้ฝึกตนวัยหนุ่มสาว! นี่ถ้าหากเป็นปุถุชนธรรมดา ไฉนเลยจะทนไหว!”
ห้าวันเชียวนะ นานเกินไปแล้ว!
“ต้าเต๋อ ยาลูกกลอนไห่โก่วของเจ้าให้ผลมากเกินไปหรือไม่?”
สีหน้าของสุนัขสีดำแปลกประหลาด นี่ก็เป็นเวลาห้าวันแล้ว ทว่ายังคงไม่ออกมา มันจึงเกิดความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
“ควรเป็นเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่ค่อย...แน่ใจเท่าใดนัก!”
ต้าเต๋อกล่าวออกมาอย่างเขินอาย “อย่างไรเสียวัตถุดิบที่ใช้ก็ดียิ่ง บางทีข้าอาจใส่วัตถุดิบเหล่านั้นมากเกินไป!”
“เจ้าพึ่งพาไม่ได้เกินไปแล้ว!”
สุนัขสีดำถลึงตา ยิ่งวัตถุดิบดีเท่าใด ยิ่งกลั่นยาได้ประสิทธิ์ภาพดีเท่านั้น ทว่าทุกอย่างก็ต้องมีระดับพอประมาณด้วย!
สิ่งใดที่มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี!
มันคิดในใจ หากวันข้างหน้าต้าเต๋อมอบสิ่งของให้ ตัวมันจำต้องระมัดระวัง ไม่รับมาโดยง่ายอย่างไร้ความใส่ใจ
ไม่เช่นนั้นอาจถึงแก่ชีวิตคน ไม่สิ ชีวิตสุนัขได้จริง ๆ!
“จำเอาไว้ หลังจากพวกเราแต่งงาน หากต้าเต๋อให้ยาไห่โก่วมา เจ้าต้องยืนกรานปฏิเสธไม่รับมัน! แม้ว่าจะรับมาก็ไม่อาจใช้ได้!”
ชางเหยาเอ่ยกับมัจฉาสัตมายาในอ่างปลาที่นางถืออยู่
คราวนี้นางพามัจฉาสัตมายามาด้วย
นางเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมา หากแต่งงานกันแล้วมัจฉาสัตมายากินยาไห่โก่วเข้าไป นางยังจะสามารถลุกขึ้นจากเตียงได้หรือไม่?
เกรงว่านางคงไม่อาจลุกจากเตียงได้ทั้งเดือน!
“เข้าใจแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาตอบรับ เขาเองก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา ระยะเวลานานถึงเพียงนี้ ร่างกายของเขาคงจะว่างเปล่าไม่เหลือสิ่งใดแล้ว!
มันเองก็เพิ่มต้าเต๋อลงในรายชื่อต้องเฝ้าระวังเช่นกัน
หลังจากนั้นสองวัน ในที่สุดสือเฟิงก็ออกมาจากห้อง เขาดูอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าเพียงแค่ถูกลมพัดก็สามารถล้มได้!
“ต้าเต๋อ!”
เขาขบฟันแน่นเอ่ยออกมาด้วยความชิงชัง ตัวเขาช่างน่าเวทนาเกินไปแล้ว เมื่อกินยาลูกกลอนไห่โกวทั้งหกเม็ดเข้าไป ก็ไม่อาจหยุดยั้งตนเองได้เลย!
ต้าเต๋อหนีไปตั้งนานแล้ว เดิมทีเขาต้องการจะรอสือเฟิงออกมาจากห้อง จากนั้นก็ทวงถามหาความดีความชอบ
ทว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เขายังจะเอาความกล้าที่ใดมาทวงถามหาความดีความชอบ หลังจากได้ยินว่าสือเฟิงออกมาแล้ว เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงอยู่ต่อ กลัวว่าสือเฟิงจะระเบิดหัวเข้าให้!
“สือเฟิง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ไม่จำต้องเป็นรีบร้อนถึงเพียงนี้!”
หลี่จิ่วเต้าที่เห็นท่าทางอ่อนแอและอ่อนเพลียของสือเฟิง ก็ตรงเข้าไปตบไหล่แล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง “ควบคุมตัวเองเถิด อย่าได้ทำร้ายร่างกายเช่นนี้”
“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณชาย ข้าทราบแล้ว!”
สือเฟิงพยักหน้า น้ำตาไหลรินออกมาเล็กน้อย เขาเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี ทว่าไม่อาจควบคุมตนเองได้จริง ๆ!
หลี่จิ่วเต้ากล่าวอำลาสือเฟิง แสดงความต้องการจะจากไป
“ทราบแล้วคุณชาย โปรดอย่าถือสาที่ฉินซินไม่อาจกล่าวคำอำลากับท่านได้...” สือเฟิงเอ่ย
โชคดีที่เขาสามารถลุกขึ้นมาเดินได้ ส่วนฉินซินนั้น...ไม่ได้อย่างแท้จริง กระทั่งไม่อาจขยับตัว ตอนนี้ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียง
“เข้าใจได้ เข้าใจได้!”
หลี่จิ่วเต้าย่อมเข้าใจว่าเหตุใดฉินซินไม่สามารถออกมาได้ หลังจากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับพวกลั่วสุ่ย
ก่อนออกเดินทาง ต้าเต๋อก็ปรากฏตัวออกมากล่าวขอโทษสือเฟิงกับความหวังดีของเขาที่กลายเป็นเรื่องร้าย
“ข้าเองก็ผิดเช่นกัน กินไปหนึ่งเม็ดก็ดีแล้ว ทว่าข้ากลับกินทั้งหมด”
สือเฟิงรู้ว่าต้าเต๋อมีเจตนาดี จึงไม่ได้ตำหนิเขา
“หกเม็ด! พี่เฟิงช่างดุดันเกินไปแล้ว! ข้าก็ว่าเหตุใดจึงใช้เวลานานถึงเพียงนี้ พี่เฟิงช่างอาจหาญเกินไปแล้ว!”
ต้าเต๋อเบิกตากว้าง เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย
“คราวหน้าท่านอย่าได้ทานจำนวนมากถึงเพียงนี้ เมื่อมีเวลาข้าจะกลั่นขึ้นมาใหม่แล้วส่งให้ท่าน”
เขาเอ่ยต่อ ก่อนจะลาจากไปพร้อมกับพวกคุณชาย
กิเลนไฟทะยานบนฟ้า หลี่จิ่วเต้านั่งอยู่ด้านบนตัวมัน ไม่ได้นั่งอยู่ด้านในรถม้าเช่นเคย ส่วนพวกลั่วสุ่ยนั้นต่างนั่งอยู่ในรถม้า
“หืม อันใดอยู่ตรงนั้น?”
ท่ามกลางหมู่เมฆ ดวงตาของหลี่จิ่วเต้าพลันเปล่งประกายขึ้นมา เขาเห็นแสงเจิดจ้าสว่างขึ้นฟ้าจากสถานที่อันห่างไกล แสงนั้นหักเหจนเปล่งประกายงดงามตา
“ไปดูสักหน่อยเถิด ไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรอก”
หลี่จิ่วเต้าบอกให้กิเลนไฟตรงไปยังสถานที่แห่งนั้น
อสูรทั้งเก้าลากรถม้าตามไปติด ๆ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นก็มีผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยที่สังเกตเห็น ต่างถูกเหตุการณ์แปลกประหลาดดึงดูดเช่นเดียวกัน ต้องการจะลองไปตรวจสอบดู
“คารวะคุณชาย!”
“คุณชายหลี่!”
หลังจากผู้ฝึกตนเหล่านั้นเห็นหลี่จิ่วเต้า ก็ต่างพากันแสดงความสุภาพ พวกเขาเคารพยำเกรงหลี่จิ่วเต้าเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาจะไม่สุภาพหรือไร้ความยำเกรงต่อหลี่จิ่วเต้าได้อย่างไร
กองกำลังลึกลับอันแข็งแกร่ง น่าสะพรึงกลัวทั้งสองอย่างปรโลกและปริภูมิเวลา กลับไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า แสดงให้เห็นว่าชายผู้นี้เป็นตัวตนที่อยู่สูงส่งเกินกว่าจินตนาการโดยสิ้นเชิง!
“สวัสดีทุกท่าน”
หลิ่จิ่วเต้าเองก็สุภาพเป็นอย่างมากเช่นกัน ตอบรับการทักทายจากผู้ฝึกตนเหล่านั้นทีละคน
ใช้เวลาเพียงไม่นาน พวกเขาก็ไปถึงสถานที่แห่งนั้น
เพียงแค่พริบตาเดียว หลี่จิ่วเต้าก็ถูกดึงดูดสายตาให้จ้องมอง
ด้านบนทิวเขาสลับทับซ้อน บนยอดเขาสูงสุดมีกระบี่เล่มหนึ่งปักเอาไว้
กระบี่ยาวเล่มนั้นละเอียดประณีตงดงามอย่างถึงที่สุด หลี่จิ่วเต้าเห็นกระบี่เล่มนี้แล้วพลันมีหนึ่งความคิดแล่นเข้ามาในใจ
สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาใฝ่หามากที่สุดก็คือกระบี่เซียน ขี่กระบี่เหาะเหินไปทั่วใต้หล้า ปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย!
กระบี่เล่มนี้เต็มไปด้วยแสงอาบไล้เปล่งประกายสว่างไสวเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าดวงตะวันบนสวรรค์เก้าชั้น มองเพียงแวบแรก ก็สามารถรู้ได้ว่าเป็นสมบัติที่พิเศษยิ่ง
หลี่จิ่วเต้าคิดขึ้นมาในใจ หากเขาได้รับกระบี่เล่มนี้ ความฝันในการบรรลุเป็นเซียนของเขาจะกลายเป็นความจริงหรือไม่? สามารถใช้กระบี่เหาะเหินไปทั่วใต้หล้า ปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย?!
แม้ว่าในมือของเขาจะมีใบหญ้าอยู่ ทั้งยังได้รับการขนานว่าเหนือกว่ากระบี่สวรรค์ มีพลังไร้ขีดจำกัด เพียงฟันออกไปเบา ๆ ก็สามารถตัดท้องนภาได้ แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์เหมือนกระบี่ ทำให้เขาอยากได้กระบี่เล่มนี้เสียยิ่งกว่าเดิม
“สมกับเป็นคุณชายหลี่!”
“ทรงพลังเกินไปแล้ว!”
ตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากมารวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว ล้วนไม่มีผู้ใดอ่อนแอ พวกมันมาจากจักรวาลโกลาหลแห่งอื่น อยู่ขอบเขตลอยชายเป็นอย่างน้อย
แต่ถึงกระนั่น พวกเขาก็ไม่อาจเข้าใกล้กระบี่เล่มนั้นได้ ต่างถูกบังคับให้หยุดมองจากสถานที่ห่างไกล
กระบี่เล่มนั้นน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง มีประกายแสงวาววับอยู่รอบ ๆ พวกเขาไม่สงสัยเลย หากพวกเขายังคงก้าวไปด้านหน้าแม้เพียงก้าวเดียวจะต้องประสบกับเรื่องใหญ่ ถูกกระบี่สังหารทิ้งในทันทีอย่างแน่นอน
ทว่าคุณชายหลี่กลับสามารถเดินเข้าไปได้โดยไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ช่องว่างความแข็งแกร่งนั้นมีมากเกินไปแล้ว!
“กระบี่นี้คือสิ่งใดกันแน่?”
พวกลั่วสุ่ยเดินออกมาจากรถม้า สีหน้าแต่ละคนล้วนจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
แม้พวกเขาจะนับว่าแข็งแกร่ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่เล่มนั้น ก็ต้องเผชิญแรงกดดันมากจนไม่รู้เท่าใด!
พวกเขาต่างรู้แจ้งเป็นอย่างดี เป็นเพราะคุณชายอยู่กับพวกเขาถึงได้ไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น หากคุณชายไม่อยู่ เกรงว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเขาอย่างแน่นอน!
แสงกระบี่ที่สาดประกายออกมาทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นระรัวขึ้นมาได้ทุกครั้ง หากอาศัยเพียงกำลังของพวกเขาแล้วก็ไม่มีทางต่อต้านได้อย่างสิ้นเชิง เพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถถูกสังหารลงได้!
‘สสารระดับสูงไหลบ่า สภาพแวดล้อมฟ้าดินแปรเปลี่ยนอย่างมาก หลายสิ่งเริ่มค่อย ๆ เผยออกมา’
ลั่วสุ่ยคิดในใจด้วยความจริงจัง
ปรโลกและปรภูมิเวลา สองกองกำลังอันน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนั้นยังให้ความสำคัญกับอาณาจักรแห่งนี้เป็นอย่างมาก ต้องการจะสร้างกฎเกณฑ์ของตนขึ้นมา
บางทีอาณาจักรแห่งนี้อาจไม่ได้เรียบง่ายแต่อย่างใด!
‘จะเรียบง่ายได้อย่างไร! ความจริงของอาณาจักรแห่งนี้ยังไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน!’
ลั่วสุ่ยคิดในใจขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อลองทบทวนดูแล้ว หากอาณาจักรแห่งนี้เรียบง่ายปานนั้น แล้วเหตุใดคุณชายจึงปรากฏตัวขึ้นในอาณาจักรแห่งนี้?
อาณาจักรนับหมื่น ดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วน เหตุใดคุณชายจึงเลือกปักหลักอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้?
อีกทั้งเมื่อคุณชายลงมือทำให้สสารระดับสูงหลั่งไหลออกมา สสารระดับสูงเหล่านั้นมาจากหนแห่งใด?
ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า หรือว่า...มีอยู่แล้วตั้งแต่แรก คุณชายเพียงแค่ทำให้สสารระดับสูงที่มีอยู่แล้วตั้งแต่แรกหลั่งไหลออกมา?
ทุกเรื่องราวล้วนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอาณาจักรแห่งนี้ไม่ธรรมดา
การปรากฏของกระบี่สวรรค์ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความจริงอันแสนไม่ธรรมดาของอาณาจักรแห่งนี้!
“ช่างเป็นกระบี่อันไร้ที่เปรียบ...”
หลี่จิ่วเต้ามองไปทางกระบี่เล่มนั้นด้วยแววตาที่เพิ่มพูนความชื่นชอบมากกว่าเดิม
เขาตัดสินใจต้องการจะนำกระบี่เล่มนี้มา
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ