831-835

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 831ถึง 835

ทุกคนสับสนมึนงงขณะสายลมพัดโชย ความคิดของหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ช่าง…แปลกแยกเหลือเกิน!


สัตว์อสูรน่าพรั่นพรึงปานนั้นบุกเข้ามา หลี่จิ่วเต้าไม่คิดหาทางต่อกร หากแต่คิดหาวิธีกิน ซ้ำยังกลุ้มใจเพราะขนาดตัวใหญ่เกินไปแล้วจะกินจนเลี่ยน?


นี่มัน…


พวกเขาหมดคำจะพูดจากใจจริง หลี่จิ่วเต้าพลิกโลกทัศน์ของพวกเขาอีกครั้ง!


โฮก!


บนนภา สัตว์อสูรมหึมาตัวนั้นคำราม ยุคสมัยนานัปการเดือดพล่าน เห็นได้ชัดว่าพลังของมันถาโถมเข้าไปในยุคสมัยเหล่านั้น ส่งผลกระทบต่อยุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า!


มันอ้าปากพ่นอสนีบาต ส่องแสงสว่างเจิดจ้าจนสิ่งมีชีวิตทั้งหลายตาแทบบอด!


สายฟ้าผ่าลงมา แผ่นดินสั่นไหว ภาพการณ์นั้นใช่เพียงสยดสยองที่ไหน!


กฎแห่งสวรรค์และโลกแหลกลาญในบัดดล มันก้าวข้ามขอบเขตนิรันดร์แล้ว อยู่ในระดับที่เนรมิตทุกอย่างได้ตามต้องการอย่างแท้จริง สายฟ้านี้พอจะทำลายทั้งอาณาจักรนี้จนพินาศ!


สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนต้องหวาดผวา รับรู้ถึงวันโลกาวินาศได้อย่างแท้จริง พวกเขาหนาวสะท้านไปทั้งร่าง เฝ้าหวังอยู่เต็มหัวใจว่าหลี่จิ่วเต้าจะต้านทานการโจมตีนี้ได้ มิฉะนั้น พวกเขาต้องถูกสายฟ้านี้คร่าชีวิตไปแน่!


อาณาจักรแห่งนี้มีสสารระดับสูงพวยพุ่ง ไม่เหมือนกับในอดีตอีกแล้ว ต่อให้เทียบกับเบื้องบนเทวโลกก็ยังแข็งแกร่งกว่ามาก


ขณะเดียวกัน กฎแห่งสวรรค์และโลกก็สมบูรณ์ขึ้น แม้จะยังไม่สมบูรณ์ไร้ที่ติ กระนั้นก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทรงพลังว่าเบื้องบนเทวโลกแล้ว


ทว่าหลังอสนีบาตนั้นผ่าลงมา อาณาจักรนี้กลับดูต่ำต้อยอ่อนแอประหนึ่งแพในพายุฝน สามารถพลิกคว่ำได้ง่ายดาย


“เปล่าประโยชน์! ภายใต้อานุภาพของต้นวิเศษสัตตะ ไม่ว่าพลังเช่นไรล้วนเปล่าประโยชน์!”


หลี่จิ่วเต้าคำราม โบกสะบัดต้นวิเศษสัตตะอีกครั้ง ม่านแสงเจ็ดสีไหลเวียน สายฟ้านั้นถูกลบหายไปในพริบตา!


สัตว์อสูรมหึมาบนนภาตกตะลึง ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหลี่จิ่วเต้าจะพิสดารปานนี้ ลบล้างได้กระทั่งการโจมตีจากมัน!


หลี่จิ่วเต้าเป็นใครกันแน่


สิ่งมีชีวิตที่ก้าวข้ามขอบเขตนิรันดร์แล้วจะเข้าแทนที่สิ่งมีชีวิตเดิมในขอบเขตนั้น หลี่จิ่วเต้าเพิ่งบรรลุหรืออย่างไร


มันคิดในใจอย่างอดมิได้ เพราะสิ่งมีชีวิตระดับพวกมันไม่มีทางดับสูญ


นั่นบ่งบอกว่าหลี่จิ่วเต้าเพิ่งบรรลุขอบเขตนี้ได้ไม่นาน มิฉะนั้น ต้องมีสิ่งมีชีวิตในระดับเดียวกันดับสูญแน่


ตู้ม!


เสียงระเบิดดังขึ้น ด้านปรโลกมีสิ่งมีชีวิตพุ่งออกมาอีกครั้ง


คราวนี้มากันทั้งหมดห้าตน ฟ้าดินพลันมืดมัว พลังปราณมืดครึ้มสยดสยองแผ่ขยาย บุกเข้าไปหาหลี่จิ่วเต้า


“ราชาภูตผีเบญจทิศ!”


หลี่จิ่วเต้าหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาจำห้าร่างนี้ได้ คนเหล่านี้คือราชาภูตผีเบญจทิศ อันประกอบด้วยทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศกลาง อยู่เหนือยมราชแห่งสิบขุมนรก!


สัตว์อสูรมหึมาตัวนั้นตะลึงเช่นกัน ปรโลกนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ ลึกล้ำเกินหยั่งจนน่ากลัว ราชาทั้งห้าตนนี้ล้วนอยู่เหนือขอบเขตนิรันดร์!


“ดูท่าปรโลกจะคิดเหมือนกับเรา…”


มันรำพันเสียงเบากับตัวเอง มิได้รู้เรื่องของปรโลกเท่าใด กองกำลังนี้ลึกลับมาก เกี่ยวพันเป็นวงกว้าง ผู้ที่ล่วงรู้รากฐานทั้งหมดของกองกำลังนี้มีไม่มาก


“พวกเขาก็ค้นพบความจริงแล้วหรือ ระหว่างความเป็นจริงและภาพมายา ตกลงว่าพวกเราดำรงตนในความเป็นจริงหรือภาพมายากันแน่ ความมืดมิดจุติ นิมิตหมายนี้ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ กองกำลังต่าง ๆ พากันออกโรง หมายจะแย่งกันหลุดพ้นออกไป…”


มันรำพึงรำพันอีกครั้ง พร้อมเอื้อนเอ่ยความลับชวนผวาบางอย่าง


สิ่งมีชีวิตระดับพวกเขามิได้ดำรงตนอยู่ในสถานที่เช่นนี้นานแล้ว ซ้ำยังลบร่อยรอยของพวกเขาทิ้ง เป็นผลให้สิ่งมีชีวิตที่นี่ไม่อาจก้าวข้ามขอบเขตนิรันดร์ ปิดผนึกขีดจำกัด


พวกเขาดำรงตนในมิติอีกแห่งซึ่งอยู่ในสถานที่สูงส่งนอกอาณาจักร พวกเขาขนานนามที่นั่นว่าโลกหลังฉาก


‘คิดแล้วคงใช่ พวกเรายังจับสัมผัสบางอย่างได้ ปรโลกไฉนเลยจะไม่รู้ตัวก่อน…’


พวกมันวางหมากในสถานที่แห่งนี้ไว้นานแล้ว ทุกอาณาจักรมีกฎแห่งปริภูมิเวลาปกคลุมอยู่ ปรโลกก็พอ ๆ กับพวกมัน วางหมากไว้ในสถานที่นี้ตั้งแต่ก่อนกาล


‘พุทธศาสนาก็เช่นกัน พระอมิตาภะพุทธเจ้าในโลกหลังฉากน่ายำเกรง! ที่นี่ก็มีพระอมิตาภะพุทธเจ้าและพุทธศาสนาเช่นกัน คิดแล้วคงมีความเกี่ยวข้องกันอยู่’


ตาของมันเป็นประกาย คิดไปมากมาย โลกหลังฉากนั้นซับซ้อนยุ่งเหยิงยิ่งนัก กองกำลังมากมายลึกล้ำเกินหยั่ง อย่างเช่นสรวงสวรรค์ กองกำลังเหล่านี้ได้วางหมากในสถานที่นี้ด้วยหรือไม่


‘ผู้ใดเล่าจะคิด โลกหน้าฉากที่พวกเราทอดทิ้งต่างหากที่สำคัญที่สุด!’


มันถอนหายใจ สะท้อนใจเป็นนักหนา


ที่นี่ถูกพวกเขาเรียกว่าโลกหน้าฉาก พวกเขาย้ายจากหน้าฉากไปอยู่หลังฉาก และบัดนี้กลับต้องย้อนคืนมาทีละตน จะมิให้สะท้อนใจได้อย่างไร


กองกำลังใหญ่ ๆ ในโลกหลังฉากรู้ตัวล่วงหน้ากันเกือบหมด ถึงได้วางหมากไว้ในสถานที่นี้ เพียงแต่กองกำลังใหญ่ ๆ เหล่านั้นซ่อนเร้นไว้ให้ลับตา ไม่เป็นที่ล่วงรู้ของผู้อื่น


‘หลังความมืดมิดจุติ สิ่งมีชีวิตจำนวนมากหวนคืน ทว่าส่วนใหญ่คงยังไม่รู้ความจริง จึงมิได้มีการวางหมาก…’


มันทรมานใจเป็นอย่างยิ่ง ความจริงช่างโหดร้ายเหลือแสน การได้รู้ความจริงหาใช่เรื่องดี


ความมืดมิดเป็นเพียงมุมหนึ่งเท่านั้น วันหน้าย่อมต้องมีพายุโหมกระหน่ำ โลกหน้าฉากจะเป็นที่หลบซ่อนสุดท้ายให้ได้จริงหรือไม่ แม้ว่าพอมีความหวังอยู่เพียงเศษเสี้ยว ทว่าก็ดูจะไม่เป็นไปในทางที่ดีเลย


‘สสารระดับสูงพวยพุ่งในอาณาจักรนี้ หรือว่านี่คือการสะท้อนถึงความไม่ธรรมดาของที่นี่ ถือเป็นความหวังในการต่อกรกับความมืดมิด’


มันคิดต่อไปอีกมาก ยามนี้มีปริศนาอยู่มาก กระทั่งสิ่งมีชีวิตระดับพวกมันยังมองไม่ออก ยุ่งเหยิงเกินไป


ทว่าไม่นาน มันก็สงบจิตใจ ไม่ไปใคร่ครวญเรื่องพวกนี้อีก ยามนี้มิใช่เวลามาพินิจพิเคราะห์


ราชาทั้งห้าบุกเข้ามาพร้อมวิชาสังหาร ส่วนมันนั้นปล่อยมหาวิชาพิฆาตออกไปทันที เพื่อสนับสนุนการโจมตีของราชาทั้งห้าในการสังหารหลี่จิ่วเต้า


โลกหลังฉากเป็นอย่างไรนั้นค่อยว่ากันทีหลัง สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจัดการ ‘หินขวางทาง’ อย่างหลี่จิ่วเต้าให้ได้ก่อน มิฉะนั้น พวกเขายากจะล่วงรู้ความจริงทั้งหมด


ฟึ่บ!


หลี่จิ่วเต้าสะบัดใบหญ้าในมือ ฉับพลันนั้นแสงกระบี่ตวัดไปหาราชาทั้งห้า


แสงกระบี่ลำนี้น่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด แบ่งแยกฟ้าดิน แบ่งแยกปริภูมิเวลา ราชาทั้งห้าหัวใจเต้นตึกตัก รู้สึกผวาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จนไม่กล้าเข้าปะทะกับกระบี่นี้ พากันหลบหลีกคมกระบี่ของมัน


ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น พวกเขากลับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายแหลกเหลวกันหมด โลหิตหลั่งริน!


ส่วนสัตว์อสูรตัวนั้น หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ใช้ใบหญ้า หากแต่ใช้ต้นวิเศษสัตตะอีกครั้งเพื่อลบล้างพลังโจมตีทั้งหมดของสัตว์อสูรตัวนี้


สัตว์อสูรตัวนี้ไม่เหมือนกับราชาทั้งห้า นี่คือวัตถุดิบอาหาร จะทำให้เสียหายมิได้


ราชาทั้งห้ามองสัตว์อสูรด้วยสายตาประหลาด ราวกับต้องการบอกว่าเหตุใดเจ้าถึงโชคดีเช่นนี้ ไม่ต้องถูกฟันด้วยกระบี่!


หลังสัตว์อสูรเห็นสายตาชอบกลของราชาทั้งห้าก็แทบกระอักเลือด


เรื่องเช่นนี้ต้องอิจฉากันด้วยหรือ


เหลวไหลชะมัด!


มันไม่ถูกฟันด้วยกระบี่ก็จริง แต่ในภายหลังไม่แน่ว่ามันอาจกลายเป็นอาหารกับแกล้มบนโต๊ะก็ได้!


“ขอตัวแล้ว!”


มันไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อ หลี่จิ่วเต้าน่ากลัวเกินไป เพิ่งบรรลุใหม่ก็น่าครั่นคร้ามปานนี้เชียวหรือ เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของมันจริง ๆ!


“คราวหน้าคราวหลังหากลงมือ จะส่งเผ่าอสูรมาไม่ได้แล้ว หลี่จิ่วเต้าผู้นี้เป็นปีศาจจอมเขมือบอสูรชัด ๆ! มากี่ตน ๆ เขาก็กินได้หมด!”


มันรีบหนีหัวซุกหัวซุน มิกล้าโอ้เอ้แม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ


ทว่ามันหนีพ้นจริงหรือ?

สัตว์อสูรคิดหนี ทว่าง่ายดายเช่นนั้นที่ไหน หลี่จิ่วเต้าหมายหัวมันไว้แต่แรก เห็นมันเป็นวัตถุดิบอาหาร ย่อมไม่มีทางปล่อยไป


เขาสะบัดใบหญ้าในมือพร้อมตวัดออกไป แสงกระบี่เร็วจนทะลุขีดจำกัด ฟาดฟันลงบนตัวสัตว์อสูรในพริบตา


สัตว์อสูรตกตะลึง กลัวจนวิญญาณแทบสลาย พลังที่แฝงอยู่ในกระบี่นี้น่าพรั่นพรึงเกินไป หากโดนตัวมันจริง ๆ มันต้องสิ้นชีพลงอย่างแน่นอน!


เป็นไปได้อย่างไร?


มันเชื่อไม่ลงเลย ระดับผู้เป็นนิรันดร์อย่างมันจะตายได้อย่างไร นอกเสียจากมีผู้บรรลุใหม่เข้าแทนที่มันถึงจะดับสูญลง


ปัจจัยภายนอกอย่างอื่นไม่มีทางกำจัดมันได้


ต่อให้ฟ้าดินสลาย สรรพสิ่งล่มจม ระดับอย่างมันก็ไม่มีวันตาย


ทว่าหลังกระบี่นี้ฟาดฟันเข้ามา มันรับรู้ถึงภัยคุกคามจากความตายได้จริง ๆ กระบี่นี้สามารถปลิดชีพมันได้!


มันมิกล้าเคลื่อนไหวอีก ขนทั้งตัวชื้นไปด้วยเหงื่อเย็น มันมิเคยมีความรู้สึกผวาเช่นนี้มานานเท่าใดแล้ว แต่บัดนี้กลับถูกความกลัวเกาะกุมจิตใจ!


“เจ้ามานี่เสีย!”


หลี่จิ่วเต้าโบกต้นวิเศษสัตตะ ทันใดนั้น ม่านแสงมงคลเจ็ดสีก็ทาบทับลงบนสัตว์อสูรตัวนี้ ลบล้างพลังทั้งหมดของมันออกไป


“ไป!”


ราชาทั้งห้าเด็ดขาดมาก ทันทีที่หลี่จิ่วเต้าลงมือจัดการสัตว์อสูรตัวนั้น พวกเขาก็ร่วมมือโจมตีหินห้าประภา ไล่ต้อนมันจนต้องล่าถอยและช่วยยมราชแห่งสิบขุมนรกไว้ ก่อนจะพากลับไปยังปรโลก


จากนั้น ปรโลกหายไปอย่างรวดเร็ว


ด้านวิหารโบราณปริภูมิเวลา ธารปริภูมิเวลาไหลหลากเชี่ยวกราก สิ่งมีชีวิตน่าประหวั่นพรั่นพรึงบางคนลืมตาตื่นขึ้นมา


ทว่ามันมิได้ลงมือ เพียงแต่ชำเลืองหลี่จิ่วเต้าแวบหนึ่ง จากนั้นวิหารโบราณปริภูมิเวลาก็หายไปจากที่นี่ด้วย


แผนการของสองกองกำลังใหญ่อย่างปรโลกและปริภูมิเวลาต้องเสียเปล่า!


“ไม่ฆ่าข้าได้หรือไม่”


สัตว์อสูรเอ่ยขอความเมตตา ว่ามันยอมสยบให้กับหลี่จิ่วเต้า รับใช้หลี่จิ่วเต้าเช่นวัวเช่นควาย


ขอบเขตระดับมันนั้นบรรลุได้ยากยิ่ง มันไม่อยากตายไปทั้งอย่างนี้จริง ๆ ต้องการมีชีวิตรอดต่อไป


“ไว้ค่อยว่ากัน ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าในระยะอันสั้นนี้ เลือดเนื้อสด ๆ จึงจะยอดเยี่ยมที่สุด”


หลี่จิ่วเต้าต้องการหั่นสด ๆ ยามอยากกินเฉกเช่นปลาหมึกตัวนั้น เช่นนั้นจึงจะถือว่าสดใหม่


อย่าให้เอ่ยเลยว่าสัตว์อสูรระทมปานใด มันคือตัวตนเหนือขอบเขตนิรันดร์ขึ้นไปเชียวนะ ระดับขอบเขตเช่นนี้ ไม่ว่าในอาณาจักรใดล้วนเป็นกำลังสูงสุด เป็นที่ยกย่องของทุกเผ่าทุกตระกูล


แต่มันกลับตกต่ำถึงเพียงนี้…


นับแต่ประวัติศาสตร์เริ่มต้นขึ้น น่ากลัวว่าคงมิมีสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับมันตนใดน่าเวทนาเท่ามันแล้วกระมัง!


ทว่าตายดีปานใดมิสู้อยู่อย่างลำเค็ญ ถึงอย่างไรมันก็รักษาชีวิตไว้ได้แล้ว เรื่องวันหน้าค่อยว่ากันวันหน้าแล้วกัน


“เส้นทางสู่ความสุขมักเต็มไปด้วยอุปสรรค วันนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย กระนั้นก็ถือเป็นประสบการณ์อันน่าจดจำ เพิ่มสีสันให้กับงานมงคลของพวกเจ้า”


หลี่จิ่วเต้าเข้ามาอยู่ข้างกายสือเฟิงพร้อมเอ่ยยิ้ม ๆ “มิหนำซ้ำ พวกมันยังส่งตัวเองมาเป็นของขวัญแต่งงานให้เจ้า”


ราบเรียบมิมีกระโตกกระตาก คุณชายก็คือคุณชาย!


ศึกนี้ดุดันสยดสยองนักหนา ฝ่ายปรโลกและฝ่ายปริภูมิเวลาต่างส่งกำลังรบระดับเกินจินตนาการออกมาต่อสู้ สุดท้ายคุณชายกลับมิได้เก็บมาใส่ใจเลยสักนิด


สือเฟิงสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด นึกโชคดีที่เขาได้พบคุณชาย เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาให้ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์นับคณาที่เดิมเขามิเคยมีโอกาสได้สัมผัส


“ดำเนินงานแต่งต่อเถิด อาศัยช่วงทำความสะอาดสถานที่ ให้พ่อครัวปรุงอาหารให้ทุกคนเพิ่มได้พอดี”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ


สิ่งมีชีวิตจำนวนมากเดือดพล่าน หนนี้พวกเขามาไม่เสียเที่ยวจริง ๆ ได้กินเลือดเนื้อของสัตว์อสูรระดับนี้สักคำ ต่อให้ต้องมอบของขวัญล้ำค่าเพียงใดก็นับว่าคุ้มแล้ว!


ผ่านไประยะหนึ่ง พ่อครัวปรุงเสร็จเรียบร้อยก็ยกเนื้ออสูรที่ตุ๋นจนสุกแล้วไปยังโต๊ะแต่ละโต๊ะ งานแต่งเริ่มดำเนินต่อ


เป็นเช่นที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้คิด สัตว์อสูรเหล่านี้คือเนื้อวิเศษเสมือนโอสถสวรรค์ที่มิมีสิ่งใดเทียบเทียม เพียงได้สูดดมก็ช่วยให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล การรีดเร้นวิชาในร่างทวีความเร็ว


โต๊ะของหลี่จิ่วเต้ามิได้กินเนื้อของสัตว์อสูรชนิดนี้ เขาลงมือด้วยตนเอง หั่นเนื้อชิ้นหนึ่งลงจากตัวสัตว์อสูรผู้อยู่เหนือขอบเขตนิรันดร์ นำไปตุ๋นต้มแล้วยกมากินกับพวกลั่วสุ่ย


เสียงหัวเราะสนุกสนานหวนคืนสู่ที่นี่อีกครั้ง สิ่งมีชีวิตทุกตนที่มาเข้าร่วมงานแต่งต่างปีติยินดี และงานแต่งก็จบลงไปท่ามกลางบรรยากาศแช่มชื่นเช่นนี้


รัตติกาลโรยตัว หลังสือเฟิงรับรองแขกเหรื่อเรียบร้อยแล้วก็รีบร้อนกลับไปที่ห้องเพื่อเข้าหอ


ฉินซินนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยความประหม่านิดหน่อย สองมือกำเข้าด้วยกัน สือเฟิงเลิกผ้าคลุมศีรษะของฉินซินขึ้น ท่ามกลางแสงสะท้อนจากเปลวเทียน เขาอดมองค้างด้วยความหลงใหลมิได้


งดงามเหลือเกิน สะพรั่งยิ่งกว่าวันปกติเสียอีก สือเฟิงเรียกน้องหญิงอย่างห้ามใจไม่อยู่ ก่อนจะก้มจุมพิตนาง


พวกเขาสองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงพร้อมเอนกายลงเตียง นี่เป็นครั้งแรกของทั้งคู่ หัวใจจึงต่างเต้นระรัว


“เดี๋ยวก่อน”


เวลานั้น คล้ายว่าสือเฟิงนึกบางอย่างขึ้นมาได้และหยุดสิ่งที่ทำอยู่


“เป็นอันใดไปหรือท่านพี่”


ฉินซินถามด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความเอียงอาย ไยต้องหยุดในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มด้วย


“ต้าเต๋อนำยาลูกกลอนมาให้ข้าจำนวนหนึ่ง เอ่ยว่าให้ข้ากินก่อนเข้าหอ จะมีประโยชน์ต่อข้ามาก”


สือเฟิงนำกล่องไม้ออกมาหนึ่งกล่อง ด้านในมียาลูกกลอนกลมหกเม็ด ทันทีที่เปิดออกก็มีกลิ่นหอมของยาโชยชาย


“ต้าเต๋อไม่ทำร้ายพวกเราหรอก ท่านพี่ลองกินดูเถิด อย่าให้เสียน้ำใจต้าเต๋อเลย” ฉินซินเอ่ย


“ได้!”


สือเฟิงหยิบออกมาหนึ่งเม็ด กลืนกินลงไปพร้อมหลอมละลายในร่าง พริบตาเดียว เขาก็ร้อนเร่าขึ้นมา เปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา แม้แต่สายตาก็เปลี่ยนไปด้วย!


ฉินซินเห็นท่าทางของสือเฟิงแล้วไฉนเลยจะยังไม่รู้ว่ายาลูกกลอนของต้าเต๋อคือสิ่งใด!


นางสบถด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ “ต้าเต๋อเป็นเพียงเด็กอมมือแท้ ๆ กลับรู้เรื่องพวกนี้มากกว่าเราเสียอีก! ทว่า…เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกของพวกเราทั้งคู่ มีมันคอยช่วยคงดียิ่งขึ้น”


“เช่นนั้นก็กินเพิ่มอีกหลาย ๆ เม็ดเลยแล้วกัน!”


สือเฟิงกินห้าเม็ดที่เหลือรวดเดียวจดหมด จากนั้น คนทั้งคนเสมือนลุกเป็นไฟ ฤทธิ์ยารุนแรงยิ่งนัก!


“!!!”


คราวนี้ ฉินซินแค้นใจต้าเต๋อเหลือแสน!


ยาลูกกลอนที่เป็นประโยชน์อันใดกัน ยาลูกกลอนที่เป็นผลเสียชัด ๆ!


ภายในห้องหนึ่ง


ต้าเต๋อกำลังสวดมนต์ ทันใดนั้น เขาพลันสังหรณ์ใจขึ้นมาก่อนจะหัวเราะฮ่า ๆ “สือเฟิงคงได้ลิ้มรสความยอดเยี่ยมของยาลูกกลอนไห่โก่วแล้วสิท่า! ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าเข้าอกเข้าใจผู้อื่น!”


ภายในห้องของสือเฟิง เสียงวาบหวามนั้นดังต่อเนื่องตลอดทั้งคืน กระทั่งฟ้าสว่างแล้วก็ยังไม่หยุด


“เพิ่งแต่งงานใหม่ เข้าใจได้”


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ เมื่อรู้ว่าสือเฟิงยังไม่ออกจากห้องก็เอ่ยว่าเข้าใจได้


...


ณ ดินแดนฮวง


สายลมเย็นเยียบพัดโชย ในสถานที่หนาวเหน็บแห่งหนึ่งซึ่งมีหิมะขาวโพลนปกคลุม ทุกสิ่งในทัศนวิสัยล้วนเป็นสีขาว


ที่นี่พิศวงอยู่นิดหน่อย มีความแตกต่างจากที่อื่น ในส่วนลึกสุดของธารน้ำแข็งมีน้ำวนกำลังก่อตัว ซ้ำยังกำลังดูดกลืนสสารระดับสูงที่พวยพุ่งอยู่ในปฐพี


ขณะเดียวกัน ที่นี่มีอักขระลึกลับเข้าใจยากบางอย่างไหลเวียน บุปผาเหมันต์บานสะพรั่งราวกับมีบางสิ่งอยู่ข้างใต้กำลังโลดแล่นรุนแรง!


นั่นคือหัวใจสีขาวหิมะดวงหนึ่ง แต่เดิมนั้นเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ต่อมา เพราะได้ดูดกลืนสสารระดับสูงเข้าไปมาก จึงทลายความเงียบเชียบและเต้นโครมครามขึ้น


หลังมันเริ่มเต้นตึกตัก น้ำวนก็ขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด แล้วยังดูดกลืนสสารระดับสูงเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วย ไวกว่าก่อนนี้หลายเท่าตัว!


เห็นได้ชัดว่านี่มิใช่หัวใจธรรมดา

หัวใจสีขาวหิมะดวงหนึ่งที่ดูมิออกว่าเป็นของเผ่าพันธุ์ใด ระหว่างที่เต้นตึกตักก็มีอักขระพิเศษบางอย่างเผยออกมาที่ผิวนอกไม่หยุด อีกทั้งยังมีเงามายาล่องลอยออกมาด้วย


และสถานการณ์เช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงที่นี่เท่านั้น


อวกาศนอกอาณาจักร มีอาณาจักรอีกหนึ่งแห่งเกิดเหตุการณ์ประหลาดเช่นกัน วังวนอุบัติ หลอมรวมสสารระดับสูงในปฐพีไว้จำนวนมาก


ยอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ ผู้อยู่ใกล้เคียงเมื่อจับสัมผัสสถานการณ์ที่นั่นได้ ก็รีบรุดหน้าเข้าไปตรวจสอบ


สุดท้าย ไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ถูกบั่นจนละเอียด เลือดสาดกระเซ็น สิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายตนหนึ่งสิ้นชีพลงอย่างสมบูรณ์!


เพียงแต่ยากจะยืนยันได้ว่าสิ่งที่อยู่ที่นั่นก็เป็นหัวใจเช่นกัน ที่นั่นมีม่านหมอกบางอย่างรายล้อมไว้ จนมิอาจมองเห็นถึงภายในว่ามีสิ่งใดอยู่!


ยังมีอีกหลายอาณาจักรที่พบเจอกับสถานการณ์เดียวกันนี้ ปรากฏการณ์ประหลาดอุบัติ เผยให้เห็นวังวนซึ่งหลอมรวมสสารระดับสูงในปฐพีเป็นจำนวนมาก


...


ณ ภพเซียน


สสารระดับสูงพวยพุ่ง ภพเซียนก็เช่นกัน วิวัฒนาการกันทั้งปวงอย่างบ้าคลั่ง น่าทึ่งยิ่งกว่ายุคทองแห่งการฝึกฝนเสียอีก


พลังอำนาจของแต่ละตระกูล แต่ละเผ่าล้วนทวีคูณ จักรพรรดิเซียนอาวุโสจำนวนหนึ่งทลายขั้นจักรพรรดิเซียนที่พวกเขาติดอยู่นาน ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหล ซ้ำยังกระโดดข้ามไปอีกหลายขั้น


ก่อนหน้านี้พวกเขาสั่งสมพลังมานานเกินไป เมื่อมีสสารระดับสูงปะทุเช่นนี้ พวกเขาจึงเลื่อนขั้นกันติด ๆ มิได้น่าแปลกใจสักนิด นับว่าปกติมาก


และพลังที่ห้อมล้อมอยู่นอกภพเซียนก็ไม่อาจกีดขวางพวกเขาอีกต่อไป สำหรับพวกเขา พลังนั่นเสมือนของตั้งวาง พวกเขาก้าวออกจากภพเซียนได้ง่ายดาย


“ยุคสมัยยอดเยี่ยมเช่นนี้ น่าเสียดายแทนตระกูลเซียว…”


“ใช่แล้ว หากตระกูลเซียวมิได้ถูกล้างบาง บัดนี้คงทรงพลังยิ่งขึ้น ยังเป็นมหาตระกูลอยู่ตามเดิม!”


สิ่งมีชีวิตไม่น้อยส่งเสียงสะท้อนใจด้วยความเสียดาย


ตระกูลเซียวเป็นถึงมหาตระกูลซึ่งดำรงอยู่มานาน สุดท้ายกลับถูกล้างบางเพราะซีคนเดียว คิดดูแล้วราวกับฝันไป


เมื่อนึกถึงซี พวกเขาก็ผวาขึ้นมาอย่างอดมิได้ พลังรบที่ซีเคยสำแดงให้เห็นน่าทึ่งยิ่งนัก ครานั้นจักรพรรดิเซียนแทบทุกตนในภพเซียนออกโรงกันหมด สุดท้ายก็ยังมิใช่คู่มือของซี ถูกอัดอย่างอเนจอนาถ ซีช่างไร้เทียมทานจริง ๆ!


“นั่นคืออดีต! บัดนี้หากนางปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง พวกท่านคิดหรือว่านางยังสู้ไหว อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย วันนี้ไม่เหมือนในอดีตอีกแล้ว!”


“ถูกต้อง! จักรพรรดิเซียนอาวุโสทั้งหลายบรรลุแล้ว วันนี้ไม่เหมือนในอดีต นางกลายเป็นอดีตไปแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตมากมายแค่นเสียงเย็น ดูแคลนซีเป็นอย่างมาก ยามนี้ ภพเซียนยกระดับพลังขึ้นมหาศาล ซีสู้ไม่ไหวแล้ว!


“การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นเพราะสาเหตุใดกัน”


“สสารระดับสูงเช่นนี้มาจากที่ใด!?”


สิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยพากันถกถึงสสารระดับสูงที่โผล่ออกมากะทันหัน มหัศจรรย์เหลือเกิน พวกเขารู้สึกว่าสสารนี้วิเศษกว่าสสารโกลาหลเสียอีก


“ไม่รู้!”


“อาณาจักรอื่นก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันหรือไม่”


พวกเขาไม่เคยไปจากภพเซียน จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไร


สสารระดับสูงพวยพุ่งอยู่ในภพเซียน ผู้ใดอยากไปจากภพเซียนกันเล่า มิมีผู้ใดเลย ทั้งหมดต่างฝึกฝนกันอย่างบ้าคลั่ง กลัวเหลือเกินว่าสสารระดับสูงเช่นนี้จะหายไป


ถึงอย่างไร สสารระดับสูงนี้ก็ไม่รู้ที่มา จู่ ๆ ก็ปรากฏออกมาและมีโอกาสสูงว่าอาจหายไปกะทันหัน


“เหอะ ถึงคราวซวยของเจ้าอ้วนนั่นแล้ว!”


“ครานั้นเขาโลดแล่นถึงปานนั้น ริอ่านสะสมเลือดของจักรพรรดิเซียนเพื่อเพาะเลี้ยง…ผักอะไรนั่น! มิหนำซ้ำสุดท้ายยังอยู่ฝ่ายเดียวกับซี นางยังสั่งให้เหล่าจักรพรรดิเซียนปล่อยเลือดช่วยเขาอีกด้วย!”


“ใช่แล้ว หลังจากนั้น เขาขอให้จักรพรรดิเซียนปล่อยเลือดให้บ่อย ๆ เหล่าจักรพรรดิเซียนแค้นเคืองตัวเขามานานแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งส่งเสียงวิจารณ์


เจ้าอ้วนคือเซียนอ้วน ผักและเมล็ดพันธุ์ที่สือเฟิงและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ไปในครานั้นก็เป็นของเจ้าอ้วนที่ทำหล่นไว้ในอาณาจักร


ตอนนั้น ซีต่อสู้ห้ำหั่นกับบรรดาจักรพรรดิเซียน อัดบรรดาจักรพรรดิเซียนจนโลหิตหลั่งรินไม่หยุด เจ้าอ้วนยอมเสี่ยงตามเก็บสะสมเลือดจักรพรรดิเซียนไปทั่วทุกที่ ต่อมาถูกซีสังเกตเห็นเข้า


นางรู้สึกว่าเขาน่าสนใจ และเพื่อลงโทษเหล่าจักรพรรดิเซียนที่ลงมือกับนาง จึงสั่งให้เหล่าจักรพรรดิเซียนปล่อยเลือดเพื่อช่วยเจ้าอ้วนเพาะเลี้ยงพันธุ์ผัก


ก่อนนี้ด้วยความกลัวที่มีต่อซี เหล่าจักรพรรดิเซียนมิกล้าขัดคำสั่ง จึงคอยช่วยเจ้าอ้วนมาตลอด มิเคยมีผู้ใดปฏิเสธคำขอของเจ้าอ้วน หากเขาขอให้ปล่อยเลือดก็จะปล่อยเลือดให้


ทว่าบัดนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว


บัดนี้ จักรพรรดิเซียนทั้งหลายยกระดับกันถ้วนหน้า ไม่เหลือความเกรงกลัวต่อซีอีก พวกเขาเตรียมลงมือกับเจ้าอ้วนแล้ว!


“ก่อนนี้ตระกูลต่าง ๆ ยุ่งอยู่กับการฝึกฝน จึงมิได้เคลื่อนไหวอันใด บัดนี้เคลื่อนไหวไม่หยุด ดูท่าคงคิดจะลงมือแล้ว!”


“ใช่แล้ว ข้าเห็นมียอดฝีมือจำนวนมากรุดหน้าไปหาเจ้าอ้วน คราวนี้เจ้าอ้วนหนีไม่พ้นแน่!”


พวกเขากล่าว


จริงดังที่ว่า ตระกูลต่าง ๆ เคลื่อนไหวกันหมด จักรพรรดิเซียนอาวุโสก็พากันก้าวออกมา เตรียมสังหารเจ้าอ้วนเพื่อล้างความอัปยศก่อนหน้านี้!


ขณะเดียวกัน ภายในไร่ผักแห่งหนึ่ง เจ้าอ้วนร้อนใจจนเหงื่อไหลโซมกาย


“ทำอย่างไรดี?!”


เขาเดินวนไปมา ไขมันบนตัวกระเพื่อมขึ้นลง เขารู้อยู่แล้วว่าไร่ของเขาถูกล้อม ต่อให้อยากหนีก็หนีไม่ได้


เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภพเซียน นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่คาดฝัน และเป็นเรื่องที่ทำให้เขาต้องเคราะห์ร้าย บารมีของซีไม่เหลืออีกแล้ว จักรพรรดิเซียนอาวุโสเหล่านั้นไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่


“น่าเสียดายเหลือเกิน!”


หน้าตาเขาเต็มไปด้วยความเจ็บใจ ผักที่เพาะเลี้ยงด้วยเลือดของจักรพรรดิเซียนล้วนอัศจรรย์กันทั้งนั้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สสารระดับสูงพวยพุ่งเช่นนี้ ผักเหล่านี้มีแต่จะยิ่งทวีความอัศจรรย์!


นี่คือความฝันชั่วชีวิตของเขา เห็นอยู่ว่าใกล้จะสำเร็จเต็มที กลับต้องจบสิ้นง่าย ๆ เช่นนี้ มิให้เขาเจ็บใจได้อย่างไร?!


เขาเริ่มบำเพ็ญจากร่างปุถุชน เมื่อคราวเขาเป็นเพียงปุถุชน ได้เกิดมาในครอบครัวชาวนาอันแร้นแค้น ดำรงชีวิตด้วยการปลูกผัก ความฝันของเขาในเวลานั้นคือสามารถปลูกผักชั้นดีออกมามากมาย แล้วขายได้ราคาดี ๆ


และหลังจากก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้วก็ใช้ชีวิตมาด้วยความลำเค็ญ เมื่อไร้ซึ่งภูมิหลังรากฐาน ย่อมขาดแคลนทรัพยากรฝึกฝน ยาวิเศษเหล่านั้น เขาทำได้แค่มอง เพราะไม่มีทางได้มา


ต่อมา เขาเริ่มปลูกผัก หวังว่าจะปลูกผักวิเศษออกมาแทนที่ยาวิเศษเหล่านั้น


เขาทำสำเร็จ แม้ว่ากระบวนการนั้นจะไม่ง่าย แต่เขาก็ทำสำเร็จ ปลูกผักวิเศษออกมาได้จริง แล้วยังแทนที่ยาวิเศษเหล่านั้นได้ด้วย


จากนั้น เขาก็ก้าวเดินบนเส้นทางปลูกผักไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ เพราะชื่นชอบการปลูกผัก ความฝันของเขาก็คือได้ปลูกผัก!


ความภาคภูมิใจจากการปลูกผักชั้นดีออกมาได้ ชวนให้ปลื้มปีติยิ่งกว่าการบรรลุขอบเขตเสียอีก


ทว่าบัดนี้ ความพยายามทั้งหมดของเขากำลังจะเสียเปล่าหรือ


“ท่านซี ท่านยังจะกลับมาอีกหรือไม่”


เขาเริ่มฝากความหวังไว้กับซี ยามนี้ น่ากลัวว่านอกจากซี คงมิมีผู้ใดช่วยเขาได้อีก


“ช่างเถิด หากกลับมาเจอเรื่องเช่นนี้ ท่านซีไม่ต้องกลับมาดีกว่า!”


เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่


สสารระดับสูงพวยพุ่งอยู่ในภพเซียน ซีไปจากภพเซียนนานแล้ว มิเคยได้รับสสารระดับสูงนี้ ถึงกลับมาก็เกรงว่าจะมิใช่คู่มือของเจ้าพวกนั้นในภพเซียน


นอกเสียจากว่านอกภพเซียนก็มีสสารระดับสูงเช่นนี้พวยพุ่งด้วย และซีก็ได้รับสสารระดับสูงเหล่านี้ ทว่าคิดแล้วความเป็นไปได้มีน้อยมาก ถึงอย่างไร จะไปมีสสารระดับสูงอยู่ทุกที่ได้อย่างไรเล่า!


“ตายก็ตาย ได้ตายในไร่ผักแสนรักของข้า ข้าไม่มีเรื่องใดให้เสียใจอีกแล้ว!”


ดวงตาของเขาวาวโรจน์ ไม่เหลือเค้าทอดถอนใจอย่างก่อน ในเมื่อไม่อาจหนีจากเรื่องนี้ไปได้ ก็เผชิญหน้าด้วยความกล้าหาญแล้วกัน!


ถึงอย่างไรเขาก็หนีไม่พ้นอยู่ดี!


ผ่านไปไม่นาน สิ่งมีชีวิตจำนวนมากปรากฏกายที่นี่ บรรดาจักรพรรดิเซียนในภพเซียนมาเกือบหมด!


ภาพการณ์เช่นนี้หาดูได้ยากยิ่ง คราวก่อนที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อร่วมต่อกรกับซี


“เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”


“ปล่อยเลือดจากตัวเขาให้หมดทุกหยด!”


จักรพรรดิเซียนทั้งหลายจิตสังหารพลุ่งพล่าน หมายใจจะแก้แค้นแล้ว!

จิตสังหารของเหล่าจักรพรรดิพลุ่งพล่าน ประชิดฐานที่มั่นของเจ้าอ้วน ความแค้นทั้งปวงจักต้องถูกสะสางในวันนี้


โฮก!


สัตว์อสูรตัวหนึ่งคำราม มันก้าวพ้นขั้นจักรพรรดิเซียนไปนานแล้ว บัดนี้อยู่ที่ขอบเขตโกลาหลขั้นสาม


มันคือถาวอู้ นัยน์ตาส่องแสงน่าครั่นคร้าม ทะลวงยอดเขาแห่งหนึ่งในฐานที่มั่นของเจ้าอ้วน เป็นผลให้ก้อนหินกลิ้งกันระนาว


“ท้ายที่สุด พวกตัวตลกก็ต้องถูกกำจัด! บังอาจสั่งให้พวกเราปล่อยเลือด วันนี้ข้าจักปล่อยเลือดในตัวเจ้าจนหมด!”


ผู้อาวุโสผมขาวแห่งตระกูลเฟ่ยตนหนึ่งก้าวออกมาอยู่ด้านหน้าสุด จิตสังหารลุกโชน


เขาฟาดมือใหญ่ออกไป คลื่นพลังน่าสะพรึงซัดสาด สถานที่อยู่ของเจ้าอ้วนกลายเป็นซากปรักหักพังในพริบตา!


เจ้าอ้วนพุ่งออกมาทั้งที่ตัวโชกเลือด การโจมตีเมื่อครู่ของผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยเกือบคร่าชีวิตเขา


ร่างกายของเขาแหลกเหลว เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ชวนสะท้าน ผู้อาวุโสผมขาวตระกูลเฟ่ยผู้นี้ก็ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลนานแล้วเช่นกัน เกินกว่าที่เขาจะต่อกรด้วยไหว


“ปล่อยเลือดเขาจนหมดเรื่องนี้ก็ยังไม่จบ! ลอกหนัง เลาะเอ็น หักกระดูก แล้วดึงวิญญาณไปจุดตะเกียงสวรรค์!”


จิตสังหารของผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยรุนแรงที่สุด ครานั้น พวกเขาเลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับตระกูลเซียว ซ้ำยังประกาศศักดาให้ซีรู้ว่าพวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตระกูลเซียว จึงเป็นตระกูลที่อนาถที่สุดในภายหลัง


พวกเขาหาซีไม่พบ ยามนี้จึงโยกความแค้นทั้งหมดมาลงที่เจ้าอ้วน พวกเขาอยากจะทำให้เจ้าอ้วนอยู่อย่างทรมาน!


เจ้าอ้วนมีสีหน้าเฉยชา แม้ว่าเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลก็มิเคยโอดครวญว่าเจ็บสักครา เขามิได้เอ่ยวาจาใดทั้งสิ้น รู้ดีว่าบัดนี้ต่อให้เอื้อนเอ่ยคำใดก็เปล่าประโยชน์ เจ้าพวกนี้ไม่มีทางปล่อยเขาไป


“ตระกูลเฟ่ยเก่งกาจถึงเพียงนี้เลยหรือ”


เวลานั้นเอง เด็กสาวนางหนึ่งเยื้องย่างออกมาจากฟากฟ้าอย่างแช่มช้า นางดูอายุอานามยังไม่เท่าไหร่ กลิ่นอายเย็นเยียบแผ่กำจายอยู่รอบตัว


นางมีดาบใหญ่สีเลือดไพล่ไว้ที่หลัง น้ำเสียงไม่ดังมาก กระนั้นกลับดังกังวานอยู่ในที่แห่งนี้


“ก็จริง ตระกูลเฟ่ยเก่งกาจปานนี้มาตลอด มิเคยเห็นชีวิตผู้อื่นอยู่ในสายตา นึกจะฆ่าก็ฆ่า การฆ่าล้างตระกูลสักตระกูลหนึ่งมิใช่เรื่องใหญ่อันใด…”


นางปริปากอีกครั้งด้วยเสียงอันราบเรียบ และเข้าใกล้ที่นี่ขึ้นเรื่อย ๆ


“สาวน้อยจากแห่งหนใดกัน รีบไปจากที่นี่เสีย ที่นี่หาใช่กงการของเจ้าไม่!”


สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งแค่นเสียงเย็น นัยน์ตาทอประกายดุดัน พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่เหนือขอบเขตโกลาหลไปแล้ว ไฉนเลยจะยอมให้เด็กสาวผู้หนึ่งเข้ามาก่อความวุ่นวาย


“ที่นี่หาใช่กงการของเจ้าจึงจะถูก! ข้ามาเพราะตระกูลเฟ่ย ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า”


เสียงของเด็กสาวเย็นยะเยือก ก้าวต่อมาเบื้องหน้า


“บังอาจนัก!”


สิ่งมีชีวิตตนนั้นพิโรธ เด็กสาวนางหนึ่งริอ่านใช้วาจาเช่นนี้กับมันรึ


มันคือพญาอินทรีตนหนึ่ง ยามนี้สยายปีกบุกเข้าไปสังหารเด็กสาว


เด็กสาวลงมือด้วยความเฉียบขาด ชักดาบใหญ่สีเลือดที่หลังออกมาทันควันและฟันลงไป!


พรวด!


เลือดสาดกระเซ็น มิมีผู้ใดนึกถึงเลยว่า เด็กสาวอายุอานามไม่เท่าไหร่ผู้นี้จะผ่าร่างพญาอินทรีเป็นสองส่วนในดาบเดียว!


สายตาของสิ่งมีชีวิตทุกตนในที่นี้เปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวผู้นี้จะดุดันปานนี้! แม้ว่าพญาอินทรีจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็มิได้อ่อนแอ อยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นหนึ่ง กลับถูกเด็กสาวผ่าครึ่งในดาบเดียว!


“เจ้าเป็นใครกันแน่?!”


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยหรี่ตาลง ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาไปแหยมกับศัตรูทรงพลังเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?


“เจ้าไม่รู้จักข้าหรือ ก็จริง ตระกูลเฟ่ยของพวกเจ้าสังหารสิ่งมีชีวิตไปตั้งไม่รู้เท่าใด พวกเจ้าไฉนเลยจะจำข้าได้”


เด็กสาวหัวเราะเสียงเย็น “ข้ามีนามว่าซ่างกวนอิ๋ง มาจากตระกูลซ่างกวน!”


“ตระกูลซ่างกวน? ตระกูลอะไร มิเคยได้ยินมาก่อน!”


“ข้าก็ไม่เคยได้ยิน”


สิ่งมีชีวิตไม่น้อยมีสายตาฉงน เด็กสาวผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไม่มีทางอยู่โดยไร้ภูมิหลัง ตระกูลซ่างกวนควรเป็นมหาตระกูลจึงจะถูก ทว่าพวกเขากลับมิเคยได้ยินชื่อเสียงตระกูลซ่างกวนมาก่อน


“ตระกูลซ่างกวนหรือ?”


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยมีแววตาสงสัยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าจำตระกูลซ่างกวนมิได้


ทว่าต่อมาเขานึกขึ้นได้ สายตาพลันโหดเหี้ยมขึ้นมา “เจ้าเองหรือ พลพรรคที่หลงเหลืออยู่ของตระกูลซ่างกวน!”


หลายปีก่อน สถานการณ์ในภพเซียนตึงเครียด สสารฝึกฝนทั้งหลายน้อยลงเรื่อย ๆ กองกำลังชั้นนำในภพเซียนจึงตัดสินใจดำเนินแผนกวาดล้าง กำจัดตระกูลเล็ก ๆ และกองกำลังเล็ก ๆ เพื่อลดการเผาผลาญของสสารฝึกฝน


ตระกูลซ่างกวนคือหนึ่งในตระกูลเล็ก ๆ ที่ถูกพวกเขาตระกูลเฟ่ยกำจัด ตอนนั้นซ่างกวนอิ๋งหนีไปได้ ยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยของพวกเขาไล่ตามเข้าไป


สุดท้ายกลับพานพบกับยอดฝีมือนิรนาม ช่วยซ่างกวนอิ๋งไว้


ช่วงเวลานั้นพวกเขาวิตกกังวลเรื่อยมา กลัวว่ายอดฝีมือผู้นั้นจะพาซ่างกวนอิ๋งกลับมาล้างแค้นตระกูลเฟ่ยของพวกเขา


และเพราะเหตุนี้ พวกเขาถึงจับมือเป็นพันธมิตรกับตระกูลเซียว หวังจะต่อกรกับยอดฝีมือนิรนามผู้นี้ร่วมกับตระกูลเซียว


ทว่าหลังจากนั้น ยอดฝีมือนิรนามผู้นี้ก็มิเคยปรากฏออกมาเสียที จนพวกเขาแทบลืมเลือนเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าซ่างกวนอิ๋งจะมาหาในวันนี้


ยอดฝีมือนิรนามผู้นั้นก็คือหลี่จิ่วเต้า ต่อมาหลี่จิ่วเต้ายังพาซ่างกวนอิ๋งไปยังกองกำลังชั้นนำต่าง ๆ เพื่อยืมวิชาฝึกฝนและประสบการณ์ฝึกฝนมาให้ซ่างกวนอิ๋ง


แน่นอนว่ากองกำลังทั้งหลายไม่รู้เรื่องนี้


หลังหลี่จิ่วเต้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ย้อนเวลากลับไป กองกำลังต่าง ๆ ก็สูญเสียความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้


หลายปีที่ผ่านมา ซ่างกวนอิ๋งพากเพียรฝึกฝนมาโดยตลอด คัมภีร์วิชาและประสบการณ์ฝึกฝนของแต่ละตระกูลมีประโยชน์ต่อนางมหาศาล


ถึงอย่างไร ที่ที่หลี่จิ่วเต้าพาไปล้วนเป็นกองกำลังฝึกฝนชั้นเลิศที่สุดในภพเซียน


นอกจากนี้ คัมภีร์วิชาและประสบการณ์ฝึกฝนเหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่าที่สุดแห่งกองกำลังต่าง ๆ


ในสถานการณ์เช่นนี้ ซ่างกวนอิ๋งอยากพัฒนาตนช้ายังยาก


และที่สำคัญคือไม่รู้เพราะเหตุใด นางจึงฝึกฝนได้ราบรื่นเหลือแสน ไม่มีอุปสรรคหรือความลำบากสักนิด


ต่อให้เป็นคัมภีร์วิชาและหลักเต๋าที่ยากเย็นเพียงใด นางก็เข้าใจได้ในทันที ขณะเดียวกัน ดูเหมือนนางจะคุ้นเคยกับฟ้าดินเป็นพิเศษ ยามบำเพ็ญเหนื่อยเพียงครึ่งเดียวของปกติ กลับได้ผลเป็นทวีคูณ


โดยเฉพาะหลังสสารระดับสูงพวยพุ่ง ความคุ้นเคยนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น และนางก็ยกระดับพลังได้ไวขึ้นด้วย


นางรู้สึกเหมือนสสารระดับสูงเหล่านั้นกำลังพะเน้าพะนอเอาใจนาง นางไม่เพียงแต่ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลได้นานแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นที่สามแล้วด้วย!


‘คงเกี่ยวข้องกับคุณชายเป็นแน่!’


หลังเกิดความรู้สึกเช่นนี้ นางก็นึกถึงคุณชายขึ้นมา


คิดแล้วตัวนางเองหรือจะมีความสามารถขนาดนี้ที่ไหน ต้องเกี่ยวข้องกับคุณชายเป็นแน่ นางเคยเห็นกับตาว่าคุณชายเก่งกาจปานใด เคยบิดเบือนปริภูมิเวลาด้วยถ้อยคำเดียว แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ!


“วันนี้เจ้าโผล่ออกมายิ่งดี จะได้กำจัดภัยร้ายแอบแฝงในคราเดียว!”


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยยิ้มเย็นพลางเอ่ย “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าเล่า เลิกซ่อนตัวได้แล้ว ออกมาด้วยกันเถิด! มิฉะนั้น ลำพังเจ้ายังสู้ไม่ไหว!”


บัดนี้ ยอดฝีมือมากมายในตระกูลเฟ่ยของพวกเขาก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลแล้ว พวกเขาไม่นึกเกรงกลัวสิ่งใดอีก!


ที่สำคัญที่สุดคือ ตระกูลเฟ่ยของพวกเขามีตัวตนที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้อยู่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด!


“ไยจะไม่ไหว?”


ซ่างกวนอิ๋งชูดาบใหญ่สีเลือดในมือ ชี้ไปยังผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว!”


“น่าขัน! ลำพังเจ้าคนเดียวยังคิดจะล้างบางตระกูลเฟ่ยของเราหรือ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดกัน”


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยหัวเราะร่วน “เจ้าอยากเลียนแบบซีผู้นั้นหรือไร น่าขันสิ้นดี บัดนี้ต่อให้เป็นซีก็ไม่ไหว! นับประสาอะไรกับเจ้า!”


จิตสังหารของเขาทะยานขึ้นฟ้า พร้อมเรียกทวนยาวออกมาหนึ่งเล่ม คลื่นพลังสยดสยองโถมทับ เขาตั้งใจจะฆ่าซ่างกวนอิ๋งกับมือตนเอง!

“โง่เขลานัก! ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! ซีใช่ผู้ที่เจ้าหยามเหยียดได้ที่ไหน!”


สีหน้าของซ่างกวนอิ๋งเย็นชา มิได้เอ่ยอันใดให้มากความ ดาบใหญ่สีเลือดในมือส่องแสงสีชาด บุกไปหาตระกูลเฟ่ย


ตระกูลเฟ่ยทึกทักเอาว่าพลังอำนาจของตนยกระดับขึ้นแล้วจะดูถูกดูแคลนซีได้ น่าขันสิ้นดี!


ซีมีพลังของคุณชายคอยคุ้มครอง ดูก็รู้ว่าซีสำคัญต่อคุณชายมาก นางไม่อาจเทียบกับซีได้ยังได้รับผลประโยชน์มหาศาลเพียงนี้ ซีผู้สำคัญต่อคุณชายย่อมต้องเก่งกาจกว่าแน่นอน!


ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่ายามนี้ซีเป็นอย่างไร แต่นางแน่ใจได้ว่า ต่อให้ซีหวนคืนมาในตอนนี้ ก็สามารถกวาดล้างทั้งภพเซียนได้แน่นอน!


“เจ้าต่างหากที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”


ผู้อาวุโสเฟ่ยกระตุกทวนยาวในมือ บุกไปหาซ่างกวนอิ๋ง


เขารอบคอบรัดกุมมาก มิได้ประมาทแม้แต่น้อย กำลังรบที่ซ่างกวนอิ๋งสำแดงออกมาเมื่อครู่ไม่ธรรมดา เขามิได้ประเมินซ่างกวนอิ๋งต่ำ


ทวนยาวถูกแทงออกไปหลายคราประหนึ่งมังกรร่ายรำ เสียงกู่ร้องดังไม่หยุดในห้วงมิติ เขามิได้ยับยั้งพลัง ระเบิดกำลังรบระดับโกลาหลขั้นสามออกมาเต็มที่!


ซ่างกวนอิ๋งไม่มีสิ่งใดให้ต้องกริ่งเกรง นางฟาดฟันดาบยาวสีเลือดออกไปถี่ ๆ สำแดงเพลงดาบแกร่งกล้าแขนงหนึ่ง แสงดาบสาดกระทบออกไปนับหมื่นลี้ สะท้อนกับนภาจนสว่างไสว!


“ตัดเสวียนเทียน!”


ผู้เฒ่าตนหนึ่งสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก จำเพลงดาบที่ซ่างกวนอิ๋งใช้อยู่ได้ เป็นไปได้อย่างไรกัน เขาไม่อาจทำใจเชื่อลงได้เลย!


ตัดเสวียนเทียนเป็นวิชาอภินิหารพิทักษ์นิกายของพวกเขา วิเศษล้ำค่าอย่างยิ่งยวด มีสมาชิกเพียงหยิบมือที่ได้ฝึกฝน ซ่างกวนอิ๋งเรียนรู้มาจากแห่งหนใดกัน


และดูจากตัดเสวียนเทียนที่ซ่างกวนอิ๋งฟาดฟันออกมา คล่องแคล่วเชี่ยวชาญยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเคี่ยวกรำฝีมือจนอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว ซ้ำยังกล้าแกร่งยิ่งกว่าเจ้านิกายของพวกเขาเสียอีก!


จะให้เขาเชื่อลงได้อย่างไร


ตัดเสวียนเทียนเชียวนะ วิชาในนิกายของเขาที่สงวนในการสืบทอด ไฉนเลยจะหลุดรั่วไปนอกนิกายได้!


หรือว่าซ่างกวนอิ๋งมีสัมพันธ์กับบรรพจารย์ในนิกายของเขา


เขาคิดอย่างอดมิได้ รู้สึกว่าไม่น่าใช่การรั่วไหล ตัดเสวียนเทียนของซ่างกวนอิ๋งอยู่ในระดับสูงส่งเกินไป หากมิได้ผู้แตกฉานเพลงดาบคอยชี้แนะ ซ่างกวนอิ๋งไม่มีทางฝึกฝนจนเก่งกล้าได้ปานนี้!


‘ได้ยินมาว่าท่านบรรพจารย์นั้นเจ้าสำราญมากรัก มีคู่บำเพ็ญเพียรอยู่หลายคน ซ่างกวนอิ๋งผู้นี้คงมิใช่บุตรสาวนอกสมรสของท่านบรรพจารย์กระมัง!’


เขาใคร่ครวญในใจ รู้สึกว่าเป็นไปได้จริง ๆ ซ่างกวนอิ๋งฝึกท่าตัดเสวียนเทียนจนอยู่ในระดับนี้ในวัยแค่นี้ได้ นอกจากบรรพจารย์แล้ว ผู้อื่นไม่มีทางทำได้เลย


“นิกายเสวียนเทียน พวกท่านต้องการอันใด!”


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยคำรามเสียงกราดเกรี้ยว เขาจำตัดเสวียนเทียนที่ซ่างกวนอิ๋งใช้ได้ นี่คือวิชาพิทักษ์นิกายเสวียนเทียน ซ่างกวนอิ๋งต้องมีความเกี่ยวข้องกับนิกายเสวียนเทียนแน่


ตัดเสวียนเทียนนั้นน่าครั่นคร้ามอย่างแท้จริง หักได้แม้แต่ทวนยาวในมือเขา ซ้ำร้ายหน้าอกของเขายังโดนฟันไปด้วย โลหิตหลั่งรินไม่หยุด เผยให้เห็นกระดูกสีขาวข้างใน


“หยุดทีเถิด นางอาจ…เกี่ยวข้องกับท่านบรรพจารย์ของเรา!”


ผู้อาวุโสนิกายเสวียนเทียนก้าวออกมาพร้อมเอ่ย


“เหลวไหล! ไม่ว่านางมีความเกี่ยวข้องกับผู้ใด วันนี้นางก็ต้องตายอยู่ที่นี่!”


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยจิตสังหารพลุ่งพล่าน สสารระดับสูงพวยพุ่ง โครงสร้างภพเซียนต้องเปลี่ยนผันอีกครั้ง เขาไม่มีทางยอมถอย ต่อให้ซ่างกวนอิ๋งมีความเกี่ยวข้องกับนิกายเสวียนเทียนจริง วันนี้เขาก็ต้องสังหารนาง


เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงศึกแย่งชิงในภายภาคหน้า


“หนุนหลังนาง!”


“ฆ่า!”


ผู้อาวุโสนิกายเสวียนเทียนออกโรงพร้อมเพรียง บุกสังหารไปข้างหน้า


ซ่างกวนอิ๋งต้องมีความเกี่ยวข้องกับบรรพจารย์ในนิกายของเขาแน่นอน ที่ซ่างกวนอิ๋งมาที่นี่ในวันนี้ หมายมั่นจะล้างบางตระกูลเฟ่ย บางทีอาจเป็นประสงค์ของบรรพจารย์ในนิกายของเขา!


ตระกูลเฟ่ยมิได้มีผู้อาวุโสตนนี้เพียงตนเดียว ยังมีอีกหลายตนที่มาด้วยกัน พวกเขาเข้าต่อสู้กับผู้อาวุโสนิกายเสวียนเทียนอย่างดุเดือด!


ทว่าเวลานั้นเอง ซ่างกวนอิ๋งสำแดงวิชาลับออกมา เจตจำนงกระบี่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร กระบี่สวรรค์นับคณาฟาดฟันลงมาก ภาพการณ์น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด!


“วิชากระบี่สวรรค์!”


ผู้อาวุโสแห่งพรรคกระบี่เซียนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก นี่คือวิชาลับซึ่งสงวนการสืบทอดแห่งพวกเขาพรรคกระบี่เซียน มีเพียงคนส่วนน้อยที่ได้ฝึก เหตุใดซ่างกวนอิ๋งถึงใช้ได้?


มิหนำซ้ำ วิชากระบี่สวรรค์ที่ซ่างกวนอิ๋งสำแดงนั้นอยู่ในระดับสูงส่ง เก่งกาจกว่าหัวหน้าพรรคของพวกเขาเสียอีก!


“ได้ยินมาว่า บรรพจารย์อวิ๋นเคยมีสัมพันธ์ปฏิพัทธ์กับบรรพจารย์ท่านหนึ่งแห่งนิกายเสวียนเทียน คงมิใช่เรื่องจริงกระมัง!”


พวกเขาคิดขึ้นมาอย่างอดมิได้ รู้สึกว่าซ่างกวนอิ๋งอาจเป็นบุตรสาวนอกสมรสของบรรพจารย์อวิ๋นและบรรพจารย์แห่งนิกายเสวียนเทียนท่านนั้น!


มิฉะนั้น เหตุใดซ่างกวนอิ๋งถึงมีทั้งวิชาตัดเสวียนเทียนและวิชากระบี่สวรรค์ แล้วยังฝึกฝนจนอยู่ในระดับสูงสุดอีกด้วย?!


“จะปล่อยให้เกิดเรื่องกับนางมิได้!”


ผู้อาวุโสพรรคกระบี่เซียนออกโรงบ้าง บุกไปหาตระกูลเฟ่ย


ทว่าไม่นานพวกเขาก็ต้องอึ้งงัน ซ่างกวนอิ๋งสำแดงสุดยอดวิชาออกมาอีกแขนง นั่นคือวิชาราชันที่สงวนการสืบทอดแห่งราชวงศ์เฉียนหยวน!


“นี่มันเรื่องอะไรกัน”


พวกเขาคิดไม่ตก เหตุใดซ่างกวนอิ๋งถึงมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เฉียนหยวน


“พับผ่าสิ คงมิใช่ว่าท่านบรรพจารย์พิชิตใจองค์หญิงรัชสมัยก่อนได้ด้วยกระมัง!”


ผู้อาวุโสนิกายเสวียนเทียนร้องออกมาอย่างอดมิได้ วิชาราชันที่สงวนการสืบทอดของซ่างกวนอิ๋งก็อยู่ในระดับสูงสุด เห็นได้ชัดว่ามียอดฝีมือผู้แตกฉานในวิชานี้คอยชี้แนะถึงทำได้


พวกเขานึกไปถึงองค์หญิงรัชสมัยก่อนแห่งราชวงศ์เฉียนหยวนขึ้นมาทันที!


“ปกป้องนาง!”


ยอดฝีมือจากราชวงศ์เฉียนหยวนก็เคลื่อนไหวเช่นกัน คอยคุ้มกันซ่างกวนอิ๋ง


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนนี้มีนิกายเสวียนเทียนและพรรคกระบี่เซียนยังนับว่าไม่เท่าไหร่ แต่บัดนี้…กลับเพิ่มราชวงศ์เฉียนหยวนเข้ามาด้วยหรือ


นี่พวกเขากำลังต่อสู้กับสามกองกำลัง?


ลำบากเกินไปแล้ว!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เวลานั้นเอง ซ่างกวนอิ๋งสำแดงอภินิหารอีกครั้ง และเป็นสุดยอดวิชาที่สงวนการสืบทอดในกองกำลังชั้นเลิศเช่นกัน จนผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยกระอักเลือดไม่หยุด


“สุดยอด! ท่านบรรพจารย์ของนิกายเราแข็งแกร่งไร้เทียมทาน!”


ผู้อาวุโสนิกายเสวียนเทียนตื่นเต้นยินดีกันถ้วนหน้า บรรพจารย์ของพวกเขานับเป็นบุคคลตัวอย่างของพวกเขาจริง ๆ พิชิตใจคู่บำเพ็ญเพียรได้ตั้งมากมายปานนี้!


มิหนำซ้ำคู่บำเพ็ญเพียรเหล่านี้มิมีผู้ใดธรรมดา ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับบรรพจารย์!


“สี่กองกำลัง?!”


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยเริ่มอยากตาย เหตุใดซ่างกวนอิ๋งผู้นี้ถึงมีความเกี่ยวพันเป็นวงกว้างเช่นนี้!


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ตระกูลเฟ่ยของพวกเขามียอดฝีมือมากมายเพียงใดก็ไม่พอ!


เท่าที่พวกเขาทราบ กองกำลังอื่น ๆ ก็มียอดฝีมือเช่นกัน ความสามารถลึกล้ำเกินหยั่ง เหนือกว่าพวกเขาไปมาก


ทว่าพวกเขาคิดผิด มิใช่เพียงสี่กองกำลัง!


ซ่างกวนอิ๋งสำแดงอภินิหารไปอีกหลายวิชา ล้วนเป็นสุดยอดวิชาที่สงวนการสืบทอดจากนิกายและตระกูลใหญ่ต่าง ๆ ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยนิ่งอึ้งไปในบัดดล


นี่มัน…สิบกว่ากองกำลังแล้วนะ!


กองกำลังชั้นเลิศแห่งเผ่ามนุษย์แทบมีความเกี่ยวข้องกับซ่างกวนอิ๋งทั้งหมด!


“แข็งแกร่งเกินขีดจำกัดไปแล้ว! เมื่อใดท่านบรรพจารย์จะถ่ายทอดฝีมือนี้ให้พวกเราบ้าง! สุดยอดจริง ๆ!”


“ยอดเยี่ยมนัก พิชิตใจได้หมดเลยหรือ ทั้งหมดนี้คือคู่บำเพ็ญเพียรของบรรพจารย์พวกเราหมดเลยหรือ บรรพจารย์ของเราช่างเปรมปรีดิ์จนน่าอิจฉาจริง ๆ!”


ผู้อาวุโสนิกายเสวียนเทียนเต็มตื้นจนแทบบ้ากันหมด บรรพจารย์ของพวกเขาจะเก่งกาจเกินไปแล้ว กองกำลังชั้นเลิศของเผ่ามนุษย์โดนบรรพจารย์ของพวกเขาพิชิตเกือบหมดแล้ว!


นอกจากนี้ เห็นได้ชัดว่าบรรพจารย์ของพวกเขามีสิทธิ์มีเสียงอย่างมาก ถึงทำให้คู่บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ยอมถ่ายทอดสุดยอดวิชาที่สงวนการถ่ายทอดในแต่ละกองกำลังให้กับซ่างกวนอิ๋ง บรรพจารย์ของพวกเขาเป็นตำนานอันไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!


“ไม่จริงกระมัง?! ตระกูลของเราก็โดนพิชิตด้วยหรือ”


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยประสาทจะกินแล้ว


เรื่องบ้าอะไรกันนี่!


ซ่างกวนอิ๋งสำแดงสุดยอดวิชาลับที่สงวนการสืบทอดของตระกูลเฟ่ยพวกเขาออกมาด้วย!


บรรพจารย์นิกายเสวียนเทียนพิชิตใจผู้อาวุโสหญิงท่านนั้นของพวกเขาตระกูลเฟ่ยไปด้วยหรือ?!


เรื่องบัดซบอะไรกัน!

ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ