นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 816ถึง 820
บนหลังกิเลนไฟ หลี่จิ่วเต้าทรมานใจเป็นหนักหนา ซึ่งทางลั่วสุ่ยก็เช่นกัน
นางรู้สึกอ่อนระทวย ไม่มีเรี่ยวแรงสักนิดราวกับถูกพิษบางอย่าง มือใหญ่ของคุณชายราวกับต้องมนตร์
แต่จะว่าไปแล้ว ความรู้สึกนั้นช่าง… ดีเหลือเกิน!
ระหว่างทาง หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยเงียบไม่พูดจา กิเลนไฟมุ่งหน้าไปในความเงียบเชียบ เหินต่อไปบนฟ้าด้วยความเร็วสูงสุด
บรรยากาศกระอักกระอ่วนระคนอ้อยอิ่งอบอวลอยู่ทั่ว…
…..
นอกเมืองชิงซาน
เมิ่งจีมาแล้ว ตั้งใจมาเยี่ยมเยียนต้นหลิวและก้อนหินโดยเฉพาะ
“เสี่ยวสือแต่งงาน ข้าอยากเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขา ทว่าตรึกตรองไปมาก็มิมีสิ่งดี ๆ อันใดจะมอบให้ได้ ผู้อาวุโสทั้งสองท่านเก่งกาจถึงเพียงนี้ ย่อมพบเห็นมามาก ขอถามผู้อาวุโสทั้งสองท่านหน่อยว่าพอจะหาของดีจากที่ใดได้บ้าง”
บอกตามตรง เขากับสือเฟิงค่อนข้างสนิทชิดเชื้อ งานมงคลของสือเฟิงในครานี้ เขาตั้งใจมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้สือเฟิง
“ลองไปที่เทวโลกได้ ที่นั่นมีของดี ๆ ค่อนข้างเยอะ”
ต้นหลิวกล่าว “เสี่ยวสือแต่งงาน พวกเราก็ควรมีของขวัญเช่นกัน พอดีเลย ไปเทวโลกด้วยกันเพื่อตามหาของขวัญให้เขากันเถิด”
“เทวโลกหรือ วิเศษยิ่ง!”
ยอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลต่าง ๆ มายังอาณาจักรนี้ เมิ่งจีจึงได้ทราบถึงการมีอยู่ของเทวโลก ได้ทราบถึงความมหัศจรรย์ของเทวโลก มันคือแหล่งกำเนิดของทุกสิ่ง จักรวาลโกลาหลทั้งหลายล้วนถือกำเนิดขึ้นจากที่นั่น
“ขอให้เขาเป็นผู้นำทางให้พวกเจ้าได้!”
ต้นหลิวหัวเราะเบา ๆ เรียกหนานฉงเข้ามา หนานฉงถูกพวกมันพามายังอาณาจักรนี้ คอยฝึกฝนอยู่ที่อื่น
ไม่นานนักหนานฉงก็มาถึง และเอ่ยว่าไม่มีปัญหา เขาคุ้นเคยกับเทวโลกชั้นหนึ่งเป็นอย่างดี รู้จักของดีนับคณา สามารถพาไปที่นั่นได้ และบางทีอาจได้ของขวัญที่ถูกใจ
เขาจะไม่คุ้นเคยได้อย่างไรล่ะ เล่นถูกไล่ล่าจนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปทั่ว เรียกได้ว่าคุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นเคยกว่านี้ได้แล้ว!
“พวกเจ้าไปกันก่อน หากยังไม่ได้ของขวัญที่เหมาะสม ข้าพาพวกเจ้าไปตามหาบนชั้นที่สูงกว่านั้นได้”
ต้นหลิวกล่าว
“ขอบคุณ ๆ!”
เมิ่งจีกล่าวขอบคุณรัว นึกในใจว่าเขาคิดถูกจริง ๆ ที่มา ต้นหลิวเชื่อถือได้เสมอ ทรงพลังยิ่งนัก มิเคยทำให้ผิดหวังเลย!
“ผู้อาวุโสเมิ่งก็อยู่ด้วยหรือ!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมาที่นี่เช่นกัน เขาเองก็กลัดกลุ้มเพราะเรื่องของขวัญ จึงมาที่นี่เพื่อขอคำชี้แนะจากต้นหลิวและก้อนหิน
เช่นนี้ดูแล้ว เขากับเมิ่งจีดูจะใจตรงกัน!
“สวัสดีผู้อาวุโสทั้งสอง!”
เขาทักทายต้นหลิวและก้อนหินด้วยความนอบน้อม รู้ดีว่าทั้งคู่เก่งกาจเพียงใด จึงเคารพยำเกรงต่อต้นหลิวและก้อนหินมาก
“พอดีเลย เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”
ต้นหลิวหัวเราะเบา ๆ ก้านหลิวก้านหนึ่งลอยลงมาหาเมิ่งจี “มีก้านหลิวท่อนนี้อยู่ รับประกันความปลอดภัยของพวกเจ้าได้!”
จากนั้น มันเปิดเส้นทางเส้นหนึ่งซึ่งเชื่อมตรงขึ้นไปยังเทวโลก และพาพวกเมิ่งจีเข้าไป
“พวกเจ้าลองหาที่นี่ดูก่อน ข้ากับก้อนหินจะขึ้นไปดูที่เบื้องบนเทวโลก”
ต้นหลิวส่งพวกเมิ่งจีไว้ที่เทวโลกชั้นหนึ่ง ส่วนมันและก้อนหินขึ้นไปยังเบื้องบนเทวโลก
ต่อให้พวกมันไม่อาจไปร่วมงานแต่งงานของสือเฟิงด้วยตนเอง กระนั้นก็มิอาจบกพร่องในเรื่องของขวัญ
พวกมันก็ต้องเตรียมของขวัญงานแต่งให้สือเฟิงเช่นกัน
..
สำนักไท่หัว
จักรพรรดินีและหยวนอีมาถึง ได้พบกับเซี่ยเหยียน
“ให้สิ่งใดดี?”
พวกนางเองก็กลัดกลุ้มไม่ต่าง จึงมาหารือกับเซี่ยเหยียน
แม้ว่าพวกนางมิได้ข้องแวะกับสือเฟิงมากนัก กระนั้นก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเช่นกัน ตั้งใจมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้
“บังเอิญจริง พวกเราก็กำลังหารือกันอยู่”
เซี่ยเหยียนคลี่ยิ้มน้อย ๆ พวกหลิงอิน เสี่ยวหยาก็อยู่กับนาง หารือกันอยู่ว่าจะให้ของขวัญกระไรดี
“ไปที่เทวโลกเถิด ที่นั่นน่าจะมีของดีอยู่!”
หลิงอินกล่าว นางเองก็หมายตาเทวโลกไว้เช่นกัน
“แต่พวกเราจะไปอย่างไรกันดี พวกเราไม่รู้เลยว่าเทวโลกอยู่ที่ใด…”
เซี่ยเหยียนขมวดคิ้ว แม้ตนจะพอรู้เรื่องเทวโลกอยู่บ้าง ถึงกระนั้นก็มิเคยไปเยือนมาก่อน ไม่รู้ว่าเทวโลกตั้งอยู่ที่ใด และจะเข้าไปอย่างไร
“ข้าส่งพวกเจ้าไปเอง!”
เวลานั้น แท็บเล็ตมาถึง ผู้ที่ตามมันมาด้วยยังมีเหล่าของวิเศษในลาน
สุนัขดำ มัจฉาสัตมายา ชางเหยา ตงฟางเวิ่น แม้กระทั่งจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็อยู่ด้วย
“มอ สวัสดีพี่สาวทั้งหลาย!”
ลูกวัวน้อยก็มาด้วย มันว่าง่ายมีมารยาทอย่างมาก และเอ่ยว่าต้องการมอบของขวัญแต่งงานให้สือเฟิงเช่นกัน
“พวกเราอาจเข้าร่วมมิได้ ทว่าของขวัญนั้นจะขาดไม่ได้! ต้องมอบของขวัญของพวกเราให้ด้วย!”
“ใช่แล้ว ๆ!”
เหล่าของวิเศษพากันสำทับ
พวกมันหารือกันในลานแล้วว่าต้องการไปยังเทวโลก ที่มาหาเซี่ยเหยียนครานี้ ก็เพื่อถามพวกเซี่ยเหยียนว่าต้องการไปด้วยหรือไม่
พอดีกับที่พวกเซี่ยเหยียนก็เตรียมตัวไปกัน
“ฮ่า ๆ ถ้าพวกเราไปกันหมด เทวโลกจะถูกพวกเราปล้นเสียเกลี้ยงเลยหรือไม่!”
องค์หญิงอาณาจักรเซี่ยเอ่ยเชิงหยอกล้อ “ในเมื่อพวกเราไปกันหมด ลองถามพวกอ้ายฉาน ต้าเต๋อดีกว่าว่าอยากไปด้วยหรือไม่ จะได้ออกเดินทางด้วยกัน”
“ไม่มีปัญหา!”
แท็บเล็ตตอบ พริบตาเดียวก็พาพวกเซี่ยเหยียนไปจากที่นี่ รอจนพวกเขาปรากฏกายอีกครั้ง ก็มาอยู่ที่ที่พำนักของอ้ายฉานแล้ว
“ไปสิ ๆ พวกเราก็กลุ้มใจกันอยู่พอดี!”
พวกอ้ายฉานตกลงด้วยความยินดี ช่วยคลี่คลายโจทย์ยากของพวกเขาได้พอดี!
พวกเขาไปหาต้าเต๋อ ซึ่งอีกฝ่ายก็ตกลงทันที
“อามิ… ข้าต้าเต๋อฝอไร้เกศา งานมงคลสมรสเชียวนะ ร่างกายย่อมต้องอ่อนแรง หลังข้าได้รับเทียบเชิญจากสือเฟิงก็ตั้งหน้าอ่านตำราโบราณต่าง ๆ เพื่อเสาะหาตำรับลับชูกำลังให้สือเฟิง!”
ต้าเต๋อคลี่ยิ้ม “และข้าก็หาเจอจริง ๆ ยาที่ว่าคือยาลูกกลอนไห่โก่ว มีฤทธิ์เดชสุดยอด บำรุงสมรรถภาพทางเพศโดยเฉพาะ เมื่อมีมันในครอบครอง สือเฟิงก็ไม่ต้องกังวลปัญหาสุขภาพอีก!”
ยาลูกกลอนไห่โก่วนั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือ บำรุงสมรรถภาพทางเพศโดยเฉพาะ เพียงแต่ตำรับการกลั่นยานั้นหายาก ต้าเต๋อทุ่มแรงไปไม่น้อยกว่าจะเจอ
“ข้ารู้สึกว่าสือเฟิงและภรรยาของเขาต้องขอบคุณข้าแน่ ถึงอย่างไร เมื่อมียาลูกกลอนไห่โก่ว พวกเขาจักมีความสุขีกันทั้งสองฝ่าย!”
ต้าเต๋อหัวเราะพลางกล่าว ไม่ดำรงตนอยู่ในธรรมแต่เล็กแต่น้อย หาสาระมิได้เลย!
พระสังฆราชและคนอื่น ๆ ด้านข้างต่างพูดไม่ออก นี่ใช่วาจาที่พุทธศาสนิกชนกล่าวได้หรือ
พวกเขาต่างรู้สึกกระดาก หน้าแดงแทบทนไม่ไหวจนอยากไปจากที่นี่
“ไปกันเถิด!”
หลิงอินเอ่ย ภาพบนแท็บเล็ตสับเปลี่ยนไปยังเทวโลก ก่อนจะส่งพวกหลิงอินเข้าไป
….
บนท้องฟ้า กิเลนไฟเหินต่อไปด้วยความเร็วสูง มันออกจากดินแดนหยิน มาถึงเทือกเขาแห่งหนึ่งในดินแดนฮวง
หลี่จิ่วเต้าตั้งใจมาขุดเหมืองที่นี่!
เขาคิดไว้แล้วว่าจะมอบของขวัญชิ้นใดให้สือเฟิง
นั่นคือแหวนเพชรคู่หนึ่ง!
แล้วจะตีเครื่องประดับเพชรให้ฉินซินหนึ่งชุด!
คราวก่อนที่เขาผ่านเทือกเขาแห่งนี้ก็ค้นพบแล้วว่าอาจมีเพชรอยู่ในนี้ ทว่าครานั้น เขามีธุระอื่นจนมิได้จัดการทันที และต่อมาก็หลงลืมไปเสียสนิท
จนกระทั่งสือเฟิงส่งเทียบเชิญมาให้ เขาถึงนึกถึงเพชรที่นี่ขึ้นได้
ในดาวเคราะห์สีฟ้า เพชรเป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ยืนยาว เหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญให้สือเฟิงยิ่ง ที่เขามาครานี้ก็ตั้งใจจะนำเพชรกลับไป แล้วค่อยตีทีหลัง
“ที่นี่…”
หลังจากลั่วสุ่ยมา ก็ค้นพบว่าเทือกเขาแห่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง สสารฝึกฝนระดับสูงหนาแน่นเข้มข้นกว่าที่อื่นมากนัก
“นึกออกแล้ว ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คุณชายวาด…”
ลั่วสุ่ยเอ่ยในใจ มิน่า ที่นี่ถึงวิเศษกว่าที่อื่นมากนัก สถานที่ที่คุณชายวาดถึงย่อมไม่ธรรมดา เป็นแหล่งกำเนิดที่มีสสารระดับสูงปะทุ
“สถานที่อัศจรรย์เยี่ยงนี้ เหตุใดถึงเงียบสงบขนาดนี้”
ยอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลต่าง ๆ มาถึง แต่ละตนล้วนมีขอบเขตสูงส่ง เหตุใดถึงมิมีผู้ใดค้นพบแดนวิเศษเช่นนี้?
เป็นไปมิได้
ลั่วสุ่ยรู้ดีว่า ที่นี่คงถูกยอดฝีมือบางคนยึดครองไว้แล้ว
ตามคาด ทันทีที่นางคิดออก ก็มีผู้เฒ่าตนหนึ่งเดินออกมาจากที่ไม่ไกล
“กลางเป่ากลางเขาอย่างนี้ เหตุใดทุกท่านถึงมาที่นี่ได้ ข้าต้องขอเตือนทุกท่านสักประโยค ที่นี่พิลึกพิลั่นมาก มีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง!”
ผู้เฒ่าเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
‘จักรวาลโกลาหลทั้งหลายไม่ธรรมดาจริง ๆ… นี่คือโอรสสวรรค์จากจักรวาลโกลาหลแห่งใดกัน ข้ามองไม่ออกเลยสักนิด!’
เขาคิดในใจ
‘ไม่น่าเป็นเพราะขอบเขตพลังแกร่งกล้า พวกเขายังเยาว์วัยนัก คงเพราะมียอดศาสตราบางอย่างกับตัวมากกว่า ข้าถึงได้มองไม่ออก!’
ชายชราหัวเราะในใจ
‘ทว่าไม่เป็นไร เด็กอมมือไม่กี่คนเท่านั้น จะมีเล่ห์เหลี่ยมสักเพียงใด ข้าจัดการพวกเขาได้สบาย!’
เขามีแผนอยู่แล้ว จัดการพวกหลี่จิ่วเต้าได้ง่ายดายแน่นอน!
ผู้เฒ่าผู้นี้ไม่ธรรมดา เป็นถึงยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์ในจักรวาลโกลาหลผืนหนึ่ง หลังมาถึงอาณาจักรก็หมายตาที่นี่เอาไว้ ระหว่างนั้นมียอดฝีมือจากจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ มาหาเขาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ถูกเล่นงานจนล่าถอยกันหมด
สถานที่แห่งนี้วิเศษเกินไป ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยสสารระดับสูง ซ้ำยังมีเหมืองผลึกในเทือกเขามากมาย ทำให้การฝึกฝนในสถานที่แห่งนี้ได้ผลยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
เขาฝึกฝนที่นี่ได้ไม่นานก็ได้รับประโยชน์มหาศาล ทลายขีดจำกัดของขอบเขตตนเอง และก้าวจากขอบเขตลอยชายขั้นหกขึ้นไปยังขั้นเจ็ด
ซึ่งชายชราศึกษาเหมืองผลึกเหล่านั้นดูแล้ว ผลึกขนาดเท่าเล็บในเหมืองยังเป็นสมบัติล้ำเลิศที่ประเมินค่ามิได้ สามารถนำไปตีเป็นศาสตราวิเศษหายาก มีพลานุภาพสะท้านฟ้า
ครานั้น เขาสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด ที่นี่เป็นอาณาจักรเช่นไรกันแน่ มีของวิเศษอยู่ถมเถ ซ้ำยังเป็นของวิเศษชนิดที่จินตนาการแทบไม่ออก!
“หืม ที่นี่น่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนั้นเลยหรือ”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “คราวก่อนที่มา เหตุใดข้าถึงไม่รู้เลยว่าที่นี่น่ากลัวเยี่ยงนี้! แต่จะว่าไป ที่นี่เปลี่ยนไปมากจริง ๆ ต้นไม้เขียวขจีขึ้น ยอดเขาสูงใหญ่ขึ้น…”
“โอ้ ที่นี่ต้องอันตรายอยู่แล้ว ผู้ที่ร่วมทางมากับข้ามีทั้งหมดเก้าคน ต่างคนต่างไม่รู้ถึงความสยดสยอง จึงมีหกคนตายอยู่ตรงนี้ ที่เหลืออยู่ก็กระจัดกระจายออกไป…”
ผู้เฒ่าถอนหายใจ “หากมิใช่ว่าต้องตามหาอีกสองที่เหลือให้พบ ข้าคงไปจากที่นี่นานแล้ว! ที่นี่เต็มไปด้วยภยันตราย เสียชีวิตได้ทุกเมื่อ…”
เขามิได้เอ่ยอันใดอีก เพียงแต่กล่าวว่า “พวกเจ้ารีบไปจากที่นี่เสียเถิด ข้าต้องไปหาลูกศิษย์ของข้าแล้ว!”
พูดจบ เขาก็ไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง
ไปง่าย ๆ เช่นนี้เลยรึ?
ลั่วสุ่ยรู้สึกว่าเรื่องราวมิได้มีเพียงเท่านี้
อันตรายปานนั้นจริงหรือ
หลี่จิ่วเต้าลอบเตรียมตัวไว้แล้ว หากมีอันตรายจริง เขาจักเรียกยอดศาสตราที่นำมาด้วยออกมาทันที
“พวกเราไปกันเถิด”
เขามิได้หวาดกลัวเท่าใด ถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าศาสตราในมือเขาทรงพลังเพียงใด คงไม่เป็นอะไรแน่นอน
ทว่า พวกเขาเดินห่างออกไปได้ไม่ไกลก็พบกับสตรีตัวโชกเลือด เดินโซซัดโซเซนางหนึ่ง
ดูเหมือนสตรีนางนั้นอยู่ในความหวาดกลัว ไม่อาจก้าวเท้าได้อย่างมั่นคงจนล้มตึงลงกับพื้น
“เป็นอันใดหรือไม่แม่นาง”
หลี่จิ่วเต้าเห็นดังนั้นแล้วรีบเข้าไปประกองสตรีนางนั้นให้ลุกขึ้น
“น่ากลัวเหลือเกิน มีสัตว์อสูรสยดสยองปรากฏออกมา กินศิษย์พี่ทั้งห้าของข้า และท่านอาจารย์อาของข้าไป! ข้า…ข้าต้องลำบากไม่น้อยกว่าจะหนีออกมาได้”
สตรีผู้นั้นใบหน้าซีดเซียว เอ่ยด้วยตัวสั่นเทา
“ศิษย์พี่ห้าคน อาจารย์อาหนึ่งคน?”
หลี่จิ่วเต้าตาเป็นประกายขึ้นมาฉับพลัน “เจ้ายังมีอาจารย์ท่านหนึ่งอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่”
ผู้เฒ่าเมื่อครู่เอ่ยว่าผู้ร่วมทางตายไปแล้วหกคน สอดคล้องกับที่สตรีผู้นี้กล่าวมาพอดี!
“เอ๋ ท่านได้พบท่านอาจารย์ของข้ามาแล้วใช่หรือไม่?!”
เด็กสาวอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “ท่านช่วยพาข้าไปหาท่านอาจารย์ทีได้หรือไม่”
ลั่วสุ่ยได้เห็นภาพนี้ก็ลอบหัวเราะในใจ
ตาเฒ่านี่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวจริงเชียว
รู้จักปลอมตัวเป็นสตรีวัยเยาว์เพื่อให้คุณชายสงสารด้วย
อนิจจา ตาเฒ่าผู้นี้ไม่รู้ว่าคุณชายเก่งกาจเพียงใด!
ช่วงที่ผ่านมานางเองก็ก้าวหน้าขึ้นมาก จากขอบเขตบรรพจารย์เต๋าโกลาหลในคราแรก ยกระดับขึ้นมาถึงขอบเขตลอยชายขั้นห้า
นางมองตื้นลึกหนาบางของสตรีตรงหน้าออกในปราดเดียว
สามารถบรรลุขอบเขตบรรพจารย์เต๋าโกลาหลได้ เป็นการลิขิตแล้วว่านางไม่ธรรมดา แม้ว่าตาเฒ่ามีระดับสูงกว่านางหนึ่งขั้น กระนั้นก็ไม่อาจอำพรางสิ่งใดเมื่ออยู่ตรงหน้านาง
“เช่นนี้หรือ… ได้สิ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าจะพาเจ้าไปหาอาจารย์ของเจ้า!”
หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าสตรีผู้นี้บาดเจ็บหนัก จึงยอมรับปาก
“ขอบคุณ ขอบคุณ! พี่ชายช่างเป็นคนดีจริง ๆ!”
สตรีนางนั้นเอ่ยด้วยสายตาซาบซึ้ง
พี่ชายรึ?!
ตาเฒ่านี่หน้าไม่อายยิ่งนัก!
หลังลั่วสุ่ยได้ยินก็ขนลุกไปทั้งตัว นางสงสัยอย่างมากว่าตาเฒ่าผู้นี้มีความเพ้อฝัน อยากเป็นสาวน้อยนางหนึ่งหรือไม่
ไม่อย่างนั้น ไยจึงเรียกพี่ชายได้คล่องปากเยี่ยงนี้!
แน่นอนว่านางมิได้เอ่ยอันใดออกไป
นางยังดูออก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคุณชาย
“เจ้าอยากปลอมตัวก็จงทำต่อไป ข้าสงบราบเรียบได้ดั่งแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนบนผืนน้ำลำธาร…ตัวข้าไร้เทียมทาน เจ้าเอาที่สบายใจ!”
ลั่วสุ่ยนึกขบขำในใจ
ใช้ลูกไม้กับคุณชายมีประโยชน์ด้วยรึ?
ไม่เลยสักนิด!
คุณชายคิดจะวางท่าให้เห็นถึงความ ‘ตัวข้าไร้เทียมทาน เจ้าเอาที่สบายใจ’ ด้วยตนเอง!
“ได้ เช่นนั้นเราไปกันเถิด เมื่อครู่อาจารย์ของเจ้ามุ่งหน้าไปทิศนี้…”
หลี่จิ่วเต้าเดินอยู่ข้างหน้าสุด มุ่งหน้าไปยังทิศที่ผู้เฒ่าเมื่อครู่จากไป
“หลอกง่ายนัก! ลูกไม้ง่าย ๆ ก็ติดกับเสียแล้ว!”
สตรีนางนั้นหัวเราะในใจ
อย่างที่คิด คนเยาว์วัยเหล่านี้ยังมิสู้จะเจนโลกเท่าใด จิตใจใสซื่อเป็นที่สุด ไม่อาจเทียบกับเขาได้เลย
ทิศที่อีกฝ่ายจากไปเมื่อครู่เป็นทางมรณะ มีพืชสยดสยองมากมายขึ้นอยู่ที่นั่น อีกทั้งยังมีปีศาจน่าสะพรึงอีกคณานับ แม้แต่เขาเองยังหวาดกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้
พืชและปีศาจเหล่านั้นล้วนเปลี่ยนแปลงไปเพราะการมีสสารระดับสูงปะทุ แต่ละตนล้วนดุดันทรงพลัง เขาเคยเห็นยอดฝีมือที่เข้าไปที่นั่น และถูกพวกวัชพืชที่ขึ้นอยู่เต็มพื้นสังหารในพริบตา!
นอกจากนี้ ผู้เฒ่ายังเคยเห็นยอดฝีมือที่ถูกยุงในนั้นดูดเลือดจนแห้งเหือด น่าสยดสยองอย่างถึงที่สุด
ตนจงใจล่ออีกฝ่ายไปที่นั่นก็เพื่อยืมพลังทางนั้นสังหารพวกหลี่จิ่วเต้า
ไม่นานนัก พวกหลี่จิ่วเต้าก็มาถึงที่นั่น
เขาเริ่มวิตกจนแทบจะได้ยินเสียงยุงดูดเลือดอยู่ข้างหู หวาดระแวงไปทั้งกายและใจ หากมีความไม่ชอบมาพากลเมื่อใด ก็จะล่าถอยออกไปทันที!
“นี่มัน… เรื่องอะไรกัน?!”
ทว่า หลังจากนั้นผู้เฒ่าก็ต้องชะงักงัน… ที่นี่มันจะสงบเกินไปหรือไม่? อันตรายที่เขาจินตนาการไว้ไม่ปรากฏออกมาสักอย่าง!
พืชน่าพรั่นพรึงเหล่านั้นบัดนี้อ่อนโยนเหลือแสน ราวกับเป็นเพียงพืชพันธุ์ธรรมดา มิได้แฝงไว้ด้วยอันตราย
เขาเด็ดดอกไม้ดอกหนึ่งลงมาอย่างระมัดระวังด้วยความสงสัย และพบว่าไม่เป็นไรจริง ๆ
เรื่องนี้เป็นผลให้ผู้เฒ่าตื่นเต้นขึ้นมา พืชที่นี่ล้วนไม่ธรรมดา อย่างเช่นดอกไม้ที่เด็ดลงมานี้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าทึ่งที่แฝงอยู่ข้างใน หากได้หลอมแล้ว เขาต้องยกระดับขึ้นอีกมหาศาลแน่
“ยุงก็หายไปหมด…”
เขาฉงน นี่ก็เดินทางมาได้ระยะหนึ่งแล้ว กลับไม่ได้พบยุงสักตัว รวมถึงผึ้งและผีเสื้อก็มิได้ปรากฏออกมาให้เห็น ราวกับทั้งหมดได้อันตรธานไปแล้ว
“เกิดอันใดขึ้นกันนี่?!”
ผู้เฒ่าคิดไม่ตก ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่
ทว่าในไม่ช้า เขาก็เข้าใจขึ้นมา
“ข้าจะไปคิดตกได้อย่างไรเล่า เดิมทีอาณาจักรนี้ก็เต็มไปด้วยความพิสดารอยู่แล้ว นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหัน! บางทีพืชและปีศาจที่เปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างอาจไปจากที่นี่แล้ว…”
ผู้เฒ่าคิดในใจ มิได้ใคร่ครวญไปมากกว่านี้
ถึงอย่างไรก็คิดไปก็เปล่าประโยชน์ อาณาจักรนี้มีสิ่งที่เขาไม่เข้าใจอยู่มากมาย
“เอ๋ เหตุใดถึงไม่พบอาจารย์ของเจ้ากัน…”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย “ไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย เมื่อครู่อาจารย์ของเจ้ามายังทิศทางนี้เห็น ๆ”
พวกเขาออกเดินทางไปไกล แต่กลับไม่เห็นวี่แววของผู้เฒ่าแม้แต่น้อย
“ที่นี่กว้างใหญ่เกินไป บางทีท่านอาจารย์อาจเปลี่ยนทิศทางกะทันหันกระมัง!”
สตรีผู้นั้นกล่าว
“เป็นไปได้”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า “เอาอย่างนี้ เจ้าคอยติดตามพวกเราก่อนแล้วกัน พวกเราจะไปขุดเหมือง เสร็จแล้วค่อยไปตามหาอาจารย์ของเจ้า”
เขาเอ่ยว่าภูเขาข้างหน้านี้มีเหมือง ในเมื่อเดินมาถึงนี่แล้ว ขอขุดเหมืองก่อนแล้วกัน
ทรัพยากรในเหมืองนี้อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง ซ้ำยังมิได้มีอยู่ในภูเขาลูกเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าที่นี่คือเทือกเขาแห่งเหมือง
“ขุดเหมืองหรือ”
สตรีนางนั้นเอ่ย “ไม่ล่ะ พวกท่านไปกันเถิด ข้าขอรอพวกท่านอยู่ที่นี่! จะได้รักษาอาการของข้าด้วย”
พับผ่าสิ ให้เขากล้ากว่านี้อีกร้อยเท่าก็มิกล้าเข้าไปในภูเขาลูกนั้น
เหมืองในภูเขาลูกนั้นกลายเป็นภูตกันหมดแล้ว เขาเห็นภูตเหมืองผลึกปรากฏตัวอยู่เนือง ๆ เพียงยกมือก็มีพลังมหาศาล เทียบกับเขาแล้วไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าตั้งกี่เท่า!
ขืนเขาเข้าไปจริง ๆ น่ากลัวว่าจะหนีไม่พ้น ต้องถูกสังหารในเสี้ยวลมหายใจ!
“ได้ เช่นนั้นพวกเราขอตัวไปขุดเหมืองก่อน เสร็จแล้วจะมาหาเจ้า”
หลี่จิ่วเต้าบอก สตรีนางนี้อยู่ในสภาพสะบักสะบอมจริง ๆ จำต้องได้รับการรักษา ทางนี้พวกเขาเดินผ่านมาแล้ว มิได้มีอันตรายแต่อย่างใด ปล่อยให้นางอยู่รักษาตัวข้างนอกได้ไม่มีปัญหา
จากนั้น เขากับลั่วสุ่ยและกิเลนไฟเข้าไปในภูเขาลูกนั้นเพื่อเตรียมขุดเหมือง
“รนหาที่ตาย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย!”
สตรีวัยเยาว์จ้องมองภูเขาลูกนั้นและต้องตกตะลึงไปในบัดดล เขาเห็นภูตเหมืองผลึกนับคณาอยู่ราง ๆ แต่ละตนล้วนสยดสยองน่าครั่นคร้าม หลังพวกหลี่จิ่วเต้าเข้าไปแล้วจะไม่มีวันได้กลับออกมาอีก!
เสียงดังฟึ่บ เขาคืนกลับสภาพผู้เฒ่า เมื่อได้เห็นพวกหลี่จิ่วเต้าเข้าไปในภูเขากับตา บัดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องปลอมตัวอีก
“ฮ่า ๆ คิดไม่ถึงเลย ข้าจะได้รับความโชคดีอย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้!”
ตาเขาเป็นประกายวาววาม อย่าให้เอ่ยเลยว่าปีติตื้นตันปานใด
หนนี้ หากมิใช่ว่าเขาต้องการยืมพลังจากพื้นที่นี้ในการฆ่าพวกหลี่จิ่วเต้า เขาคงไม่รู้ว่าภยันตรายในพื้นที่นี้หายไปแล้ว!
“ของดีทั้งนั้น! ต้องเก็บ! ต้องเก็บให้หมด!”
เขารีบย้อนกลับไป เตรียมขุดพืชในพื้นที่นั้นออกให้หมด!
มิฉะนั้น หากมีสิ่งมีชีวิตซึ่งแข็งแกร่งกว่านี้มาที่นี่คงแย่แน่
สู้เก็บเข้ากระเป๋าตัวเขาเองดีกว่า!
ตาเฒ่ากลับไปแล้ว ดวงตาชราภาพคู่นั้นสว่างไสวยิ่งกว่าไข่มุกราตรี พืชพรรณประหลาดทุกต้นล้วนเป็นสมบัติอันประเมินค่ามิได้ หากได้ใช้ในการฝึกฝนย่อมช่วยให้ก้าวสู่ระดับสูงขึ้นได้แน่!
“ยามบุปผาผลิบานขอจงเด็ด ยามร่วงโรยคงเหลือเพียงก้านกิ่ง…”
เขาหัวเราะออกมาด้วยความเบิกบาน ทั้งยังท่องบทกวีอีกด้วย มิมีช่วงเวลาใดงดงามกว่ายามนี้แล้ว
บุปผาสดใหม่เฉิดฉันแวววาวสีสันฉูดฉาดขึ้นอยู่ดอกแล้วดอกเล่า ตาเฒ่ายื่นมือเข้าไปหมายจะเด็ดดอกไม้
พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น ความเจ็บปวดถาโถมขึ้นสู่สมอง บุปผาเฉิดฉันนี้กัดกินมือข้างนั้นของผู้เฒ่าไปทันที!
“อ๊ากกก เรื่องบ้ากระไรนี่!”
เขาอึ้งงัน ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต ไหนว่าเงียบสงบปลอดภัยอย่างไร เหตุใดเขาถึงถูกโจมตีเข้าให้?!
งึงงึงงึง!
เวลานั้นเอง ผู้เฒ่าได้ยินเสียงกระพือปีกพึ่บพั่บของยุงจำนวนมาก จึงหันมองตามเสียง แล้วก็ต้องตกตะลึงจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง!
“สวรรค์ทรงโปรด!”
ยุงกลุ่มใหญ่ยั้วเยี้ยบินมาหาเขา หากถูกกลุ่มก้อนนี้โถมทับ คงถูกดูดเลือดจนแห้งเหี่ยว ไม่เหลือเลือดแม้สักหยด!
ผู้เฒ่ารีบโยนหินผลึกออกไปหลายก้อนโดยไม่สนแล้วว่าจะเสียดายหรือไม่ และยังจุดระเบิดหินผลึกเหล่านั้นทันทีอีกด้วย!
หินผลึกนี้ขุดได้ยากยิ่ง เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมหาศาลถึงขุดขึ้นมาจากมุมหลืบได้จำนวนหนึ่ง และบัดนี้ก็โยนมันออกไปหมดแล้ว
แม้ว่าหินผลึกเหล่านี้เป็นเพียงของริมขอบ กระนั้นก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง มันแฝงไว้ด้วยพลังอันมากล้น และมีพลังทำลายล้างสูงจนน่าทึ่ง!
ตู้มตู้มตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นออกมาในเสี้ยวลมหายใจ พลังอันน่าสยดสยองทะยานสู่ฟ้า ประหนึ่งคลื่นพลังพร้อมทำลายทั้งพิภพกำลังซัดสาด พลังระดับนี้สามารถสังหารได้แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายขั้นหก!
ทว่า ยุงเหล่านั้นกลับไร้รอยขีดข่วน ขาสักข้างยังไม่มีหลุด พวกมันยังจะฝ่าออกมาจากพลังอันน่าสะพรึงนั่นเพื่อบินไปหาตาเฒ่า
“มารดาเจ้าเถอะ ข้าไม่ต้องการกายเนื้อนี้แล้ว ยกให้พวกเจ้าแล้วกัน!”
สีหน้าตาเฒ่าเปลี่ยนไปอย่างมาก วิญญาณของเขาเหินออกจากร่างกายทันทีด้วยความเด็ดขาด มิมีลังเล
ก่อนไปเขาชำเลืองดูแล้ว พับผ่าสิ ยุงพวกนั้นน่ากลัวเหลือเกิน พริบตาเดียวก็ดูดเลือดในร่างกายเขาออกจนหมด!
ผู้เฒ่าหนีไปไกลมากกว่าจะหยุดลง นึกโชคดีอยู่เต็มหัวใจ
ยังดีที่เขาละทิ้งกายเนื้อโดยไม่ลังเล มิฉะนั้น คงไม่มีทางรอดมาได้ และต้องตายลงที่นั่นอย่างสมบูรณ์
ยุงเหล่านั้นมิได้ไล่ตามมา คล้ายว่าเคลื่อนไหวแต่ในพื้นที่นั้นเท่านั้น เขารีดเร้นกำลังหลอมกายเนื้อขึ้นใหม่
“ช่างพิศดาร… เหลือเกิน!”
ผู้เฒ่าสบถ อย่างไรก็คิดไม่ตกเลยว่าเหตุใดเมื่อครู่ยังไม่เป็นไร คราวเขาย้อนกลับมาดันเกิดเรื่องขึ้นได้
“ช่างเถิด ไปฝึกฝนดีกว่า! ใช่ว่าเรื่องทุกเรื่องนั้นจะมีคำตอบ แต่เดิมอาณาจักรนี้ก็พิลึกกึกกืออยู่แล้ว!”
เขาไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้อีก หากแต่กลับไปยังจวนที่เขาสร้างขึ้นในสถานที่แห่งนี้แล้วรีบเร่งฝึกฝนรักษาตน
การละทิ้งร่างกายเดิมสร้างความเสียหายต่อตัวเขาไม่น้อย ถึงอย่างไรกายเนื้อใหม่นี้ก็สู้กายเนื้อเดิมมิได้
…..
ภายในขุนเขา
ครั้นพวกหลี่จิ่วเต้าก้าวเข้าไป ภูตหินผลึกที่เดิมสยดสยองสงบลงทันที มิกล้าโผล่หัวออกมาแม้แต่น้อย!
“ไม่เลวเลย…”
ชายนหุ่มหัวเราะเบา ๆ เขาพึงพอใจในเหมืองเพชรของภูเขานี้มาก ยังมิได้ขุดจริงจังนักก็ค้นพบเพชรจำนวนไม่น้อยแล้ว ซ้ำยังน้ำงามกันถ้วนหน้า
“ตีเครื่องประดับวันแต่งงานให้พวกเขาหนึ่งชุด เสร็จแล้วจะตีให้เจ้าอีกหนึ่งชุด”
เขาบอกกับลั่วสุ่ย เพชรที่ผ่านการเจียระไนแล้วเจิดจรัสอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าหากลั่วสุ่ยได้ใส่ คงยิ่งทวีความงดงามของนางขึ้นไปอีก
ลั่วสุ่ยยิ้มหวานหยดย้อย “ขอบคุณคุณชาย”
“พวกเราหาได้รีบกลับไม่ ยังมีเวลาพอ ลำพังพื้นที่ชายขอบยังมีเพชรน้ำงามเยี่ยงนี้ คิดแล้วด้านในคงยิ่งดีกว่านี้อีก”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “มิหนำซ้ำ มิได้มีเพียงภูเขาลูกนี้ที่มีเพชร ยังมีภูเขาอีกหลายลูกที่มีเช่นกัน พวกเราคงขุดพบเหมืองเพชรน้ำงามกว่านี้ได้แน่”
วันแต่งงานของสือเฟิงคืออีกหนึ่งเดือนให้หลัง มีเวลาเพียงพออย่างที่ว่า ไม่จำเป็นต้องรีบกลับ
…
เทวโลกชั้นหนึ่ง
หนานฉงกลับมาที่เดิมอีกครั้งอย่างนึกสะท้อนใจไม่น้อย
หวนนึกถึงเมื่อคราวก่อน เขาใช้ชีวิตอย่างลำบากแร้นแค้น ถูกไล่ล่าไปทุกวี่วัน ไม่มีช่วงเวลาสุขสงบแม้แต่น้อยต้องหนีเอาชีวิตรอดอยู่ตลอด
ทว่าหนนี้ต่างออกไป เขามีพลังเพิ่มพูนเป็นเท่าตัว ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับนิกายนั้นอีกครั้งก็หาได้หวั่นเกรง ด้วยมีความสามารถพอจะต้านทาน
นอกจากนี้ เมิ่งจีและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็มากับเขาด้วย อีกทั้งมีก้านหลิวที่พี่หลิวมอบให้ด้วยตนเองในมือ เขายิ่งไม่จำเป็นต้องวิตกหวาดกลัวแต่อย่างใด
“ไปดูที่นิกายนั้นหน่อย ข้าอยากเห็นว่าชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง!”
หนานฉงพาเมิ่งจีและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมายังนิกายนั้น
ครานั้น เป็นเพราะเขาบังเอิญไปเจอภรรยาเจ้านิกายเล่นชู้กับศิษย์คนโตแล้วถูกปรักปรำว่าเป็นโจรขโมยอาภรณ์ชั้นใน ถึงถูกไล่ฆ่าอย่างน่าอนาถ
หากมิใช่ว่าต้นหลิวและก้อนหินไปถึงทันเวลา เขาคงถูกผู้อาวุโสที่เป็นภรรยาเจ้านิกายลวงฆ่าไปแล้ว
ครานั้น เพื่อแก้แค้นให้เขา ก้อนหินย้อมผมของภรรยาเจ้านิกายและศิษย์คนโตผู้นั้นเป็นสีเขียวทั้งคู่ และส่งกลับไปยังนิกายนั้น
เขาอยากไปดูว่าหลังจากนั้นเกิดอันใดขึ้นบ้าง
“ท่านมาแล้วหรือ เชิญเข้ามาก่อน!”
ลูกศิษย์ผู้เฝ้าทางเข้าภูเขาของนิกายนั้นจำหนานฉงได้ คลี่ยิ้มกว้างออกมาในบัดดลแล้วเอ่ยเชิญหนานฉงเข้าไป
ต้นหลิวเคยต่อสู้กับกระโปรงสีขาวแห่งความตายที่นอกอาณาจักร เผยให้เห็นถึงกำลังอันเหนือจินตนาการ สิ่งมีชีวิตในเทวโลกต่างเคารพนับถือต้นหลิวกันอย่างยิ่งยวด!
หนานฉงมีความเกี่ยวข้องกับต้นหลิวไร้เทียมทานท่านนั้น เขาไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาท
ไม่กล้าเลยสักนิด!
พวกหนานฉงเข้าไปในนิกาย ไม่นานนักเจ้านิกายก็มาถึง
“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ท่านต้องลำบากแล้ว! นี่คือของกำนัลแทนคำขอโทษจากข้า ขอท่านโปรดจงรับไว้!”
เจ้านิกายมิได้มามือเปล่า หากแต่นำวัตถุดิบล้ำค่ามาด้วยอีกนับคณา เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษต่อหนานฉง
ถึงอย่างไร หนานฉงก็ต้องลำบากมาไม่น้อยเพราะนิกายของพวกเขา ที่หนานฉงมาเยือนนิกายเขาในครานี้ บอกตามตรงว่าหัวใจเขาตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลัวหนานฉงมาคิดบัญชีกับพวกเขา
“เรื่องที่ผ่านไปแล้วปล่อยให้สยายไปตามลมเถิด อีกอย่าง เจ้านิกายเองก็เป็นผู้เสียหาย เป็นผู้ถูกหลอก”
หนานฉงโบกมือไปมา ปฏิเสธที่จะรับวัตถุดิบล้ำค่าเหล่านี้ “ข้ามิเคยโกรธแค้นเจ้านิกาย ที่มาคราวนี้ก็เพราะอยากเห็นว่าชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
ทว่า ยามเขาเอ่ยวาจา แหวนบรรจุบนมือเขากลับร่วงลงพื้นกะทันหัน
“เอ๊ะ เหตุใดแหวนข้าถึงหล่นได้…”
หนานฉงเอ่ย ทว่ามิมีท่าทีอยากเก็บแหวนขึ้นมาแม้แต่น้อย
เจ้านิกายอยู่มานานย่อมมีความหลักแหลม ไฉนเลยจะไม่เข้าใจ เขาตระหนักถึงความหมายทันทีและรีบเก็บแหวนบรรจุขึ้นจากพื้น พร้อมทั้งยัดวัตถุดิบล้ำค่าที่เขามอบให้เพื่อเป็นการขอโทษเข้าไปทั้งหมด
“โอ๊ย ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่เอา! เจ้านิกาย ท่านทำเช่นนี้มิได้!” หนานฉงเอ่ย
“ผิดก็ต้องยอมรับ นี่คือน้ำใจจากข้า!”
เจ้านิกายยื่นแหวนบรรจุให้หนานฉงด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“เจ้าแหวนไม่เอาไหน ทำข้าขายหน้าอยู่ได้!”
หนานฉงสบถ โทษว่าแหวนวงนี้ทำให้เขาต้องอับอาย
เมิ่งจีและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเห็นแล้วนึกขัน ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?!
แหวนที่ใส่อยู่ดี ๆ จู่ ๆ จะหลุดได้อย่างไร ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นความตั้งใจของหนานฉง เขาอยากให้เจ้านิกายเก็บวัตถุดิบล้ำค่าเหล่านั้นเข้าแหวนบรรจุ!
ปากบอกไม่เอา แต่แท้จริงแล้วกลับกระทำอีกแบบ เจ้าหนานฉงนี่เหลือเกิน!
“เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว เราจะไม่กล่าวถึงอีก ท่านจัดการชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นอย่างไรหรือ คงมิได้ปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ ใช่หรือไม่” หนานฉงถาม
เจ้านิกายเอ่ยอย่างมีน้ำโห “จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไรเล่า! ข้าตาบอดไป พวกเขาบังอาจทำเรื่องเยี่ยงนี้ใต้จมูกข้า! ข้าฆ่าทิ้งแล้วทั้งคู่!”
สวมหมวกเขียวให้เขาแล้วยังคบชู้กับศิษย์ที่เขาโปรดปรานที่สุด ยามเขาได้รู้เรื่องนี้ก็บันดาลโทสะ มิได้ปล่อยไปสักคน สังหารทั้งคู่!
“ดี คนเช่นนี้สมควรต้องฆ่า มิฉะนั้น เก็บไว้ก็รังแต่จะเป็นภัย”
หนานฉงพยักหน้า ก่อนจะถามเจ้านิกาย “ท่านรู้เรื่องแดนลับอาทึกมากน้อยเพียงใด มีเบาะแสบ้างหรือไม่”
เมื่อครั้งเขาเพิ่งมาถึงชั้นหนึ่ง ก็ได้รู้ว่าในชั้นหนึ่งมีแดนลับอยู่หนึ่งแห่งซึ่งลึกลับเกินหยั่ง ภายในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า
ครานั้นเขาอยากเข้าไปในแดนลับนี้ดูสักรอบ
เพียงแต่ตำแหน่งของแดนลับนี้ไม่แน่นอน สับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ หาทางเข้ายากยิ่ง
หนนี้ที่เขามายังนิกายนี้มีจุดประสงค์หลักคือต้องการล้วงข้อมูลของแดนลับนั้นจากนิกายนี้ พวกเขาต้องเตรียมของขวัญแต่งงานให้สือเฟิง หากเป็นไปได้เขาอยากเข้าไปในแดนลับนั้น
“ท่านมาได้พอดี! พวกเรากำลังเตรียมตัวเข้าแดนลับอาทึกกันอยู่เลย!”
เจ้านิกายกล่าว มิได้ปิดบังแต่อย่างใด บอกข้อมูลทั้งหมดที่เขารู้ไปหมด
พวกเขาจับร่องรอยแดนลับอาทึกได้พอดี และยืนยันพิกัดแดนลับอาทึกได้แล้ว
“บัดนี้มีกองกำลังเพียงน้อยนิดที่รู้ เรื่องที่ยังไม่เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน”
เจ้านิกายกล่าว แดนลับอาทึกหยุดการเดินทางชั่วคราว และพวกเขาสัมผัสได้ ต่อไปก็คงมีสิ่งมีชีวิตสัมผัสได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“เช่นนั้นมัวรอกระไรอยู่ รีบไปกันเถิด!”
หนานฉงตาเป็นประกาย พวกเขามาได้จังหวะเหมาะเจาะจริงเชียว!
“ไป ๆ ๆ!”
เจ้านิกายรีบนำทาง โดยตามผู้อาวุโสในนิกายไปด้วยเพียงไม่กี่คน ไม่ทันได้เรียกสมาชิกไปด้วยให้มากกว่านี้
หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาย่อมไม่มีทางไปทั้งอย่างนี้ หลังเข้าไปในแดนลับอาทึก การแย่งชิงย่อมดุเดือดเหลือแสน
ทว่าบัดนี้ต่างออกไป
เขาได้เกาะบารมีของหนานฉง หากได้ร่วมทางกับคนผู้นี้ เจ้านิกายย่อมไม่เหลือความวิตกกังวลใดอีก
หนานฉงเป็นถึงคนข้างกายต้นหลิว เขายังต้องกังวลอันใดอีกเล่า!
เมื่อครู่ตนยอมบอกข้อมูลของแดนลับอาทึกให้หนานฉงรู้ทั้งหมดก็เพราะมีความคิดจะเกาะบารมีด้วย
หลังผ่านไปแล้วระยะหนึ่ง พวกเขาไปถึงที่นั่น ทางเข้าแดนลับอาทึกส่องประกายวาววามแยงตา กฎระเบียบลึกลับบางอย่างไหลเวียน สามารถมองเห็นภาพการณ์ด้านในได้
ภายในนั้นเป็นมิติเล็ก ๆ แสนมหัศจรรย์ มีสมบัติล้ำค่าอยู่คับคั่ง มองเพียงปราดเดียวก็ชวนให้หวั่นไหวอย่างยิ่ง
“ไม่เลวจริง ๆ! ยามนี้แม้ว่าอาณาจักรของเราก็เต็มไปด้วยสมบัติ กระนั้นยังไม่ถึงเวลาสุกงอม อยู่ในช่วงวิวัฒนาการ ต้องผ่านไปอีกระยะหนึ่งจึงจะเสถียร…”
เมิ่งจีหรี่ตาพลางกล่าว
สสารระดับสูงพวยพุ่งอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่คุณชายลงมือวาด กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์
ทว่าเป็นดั่งที่ว่ามาจริง ครั้นการเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ต่อให้มีสมบัติก็ยังไม่เสถียรนัก จำต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง
หากมิใช่เช่นนั้น เขาคงไม่คิดขอความช่วยเหลือจากต้นหลิว แล้วตรงดิ่งไปยังสถานที่เหล่านั้นก็พอ
“ที่นี่ดีมาก แต่ข้ากลับรู้สึกว่าที่นี่มิได้ธรรมดาอย่างที่เห็น…”
เมิ่งจีกล่าวต่อ ไม่รู้เพราะเหตุใด ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง สังหรณ์ว่าในแดนลับนี้อาจมีความลับใหญ่หลวงซ่อนอยู่!
แดนลับอาทึก นับเป็นสถานที่ลึกลับเปี่ยมด้วยปริศนา ไม่มีใครสามารถกระจ่างชัดว่าสถานการณ์ด้านในเป็นเช่นใด
มันไม่เพียงแต่อยู่ในเทวโลกชั้นที่หนึ่งเท่านั้น ยังเคยปรากฏขึ้นในเทวโลกชั้นอื่น ๆ รวมกระทั่งเบื้องบนเทวโลกด้วย
ตำนานเกี่ยวกับมันได้แผ่กระจายไปยังทุกชั้น
เล่ากันว่าหลังจากเข้าไปยังแดนลึกลับแห่งนี้แล้ว ก็จะสามารถเกิดการตระหนักรู้ครั้งใหญ่ ได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงมหาศาล กระทั่งสิ่งมีชีวิตเหนือเทวโลกยังให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นหนึ่งในแดนลับที่มีอยู่น้อยนิด
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
แสงตะวันสาดส่อง สิ่งมีชีวิตจำนวนมากมาถึงยังสถานที่แห่งนี้ ทุกคนล้วนเป็นหญิงงามทรงเสน่ห์ รูปร่างอิ่มเอิบ แต่งกายด้วยอาภรณ์พลิ้วไหว ผิวสีขาวราวหิมะส่วนใหญ่ปรากฏให้เห็น เส้นโค้งเว้าเย้ายวนชวนให้คนอดใจกลืนน้ำลายลงไปไม่ไหว
พวกนางมาจากหุบเขาสุขาวดี เป็นหนี่งในกองกำลังแนวหน้าของเทวโลกชั้นหนี่ง ความแข็งแกร่งนั้นชวนให้คนตื่นตะลึง
“สหายไม่ได้พบพานกันเสียนาน...”
หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมาด้านหน้าพร้อมรอยยิ้ม ดูมีเสน่ห์อย่างถึงที่สุด ก่อนเอ่ยกล่าวทักทายเจ้านิกายชิงหยาง
นางเป็นจ้าวหุบเขาของหุบเขาสุขาวดี นำกำลังคนมาด้วยตนเองเพื่อเตรียมการเข้าสู่แดนลับ
“สวัสดี จ้าวหุบเขาไป๋”
เจ้านิกายเซี่ยงพยักหน้าตอบรับหญิงวัยกลางคนที่ไม่ธรรมดาสามัญ นางมีนามว่าไป๋เหวิน
“สหายอย่าได้หาว่าข้าไม่เตือนเลย ข้าเคยบอกเจ้าไปตั้งนานแล้วว่าภรรยาของเจ้าไม่ใช่คนดีแต่อย่างใด ทว่าเจ้ากลับไม่เชื่อ คิดว่าข้ามีเจตนาพูดยุแยง ยามนั้นเจ้าเกือบจะแตกหักกับข้าเสียด้วยซ้ำ!”
ไป๋เหวินส่งเสียงหัวเราะออกมา “สหาย เจ้าเองก็รู้ว่าข้าฝึนฝนด้านใดเป็นหลัก จะมองผ่านในเรื่องนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้สหายคงรู้ว่าแล้วสิ่งที่ข้าเคยเอ่ยเตือนนั้นไม่ใช่การยุแยง แต่มาจากใจจริงของข้า!”
กองกำลังใหญ่ล้วนไม่ธรรมดา มีความสามารถใช้มือปิดบังผืนฟ้า แม้เจ้านิกายจะพยายามปิดปังทุกเรื่องเกี่ยวกับภรรยาของเขา ก็ยังถูกกองกำลังใหญ่อื่น ๆ ล่วงรู้ได้
ภรรยาคบชู้กับลูกศิษย์ในนิกาย เรื่องนี้น่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง เจ้านิกายถึงกับไม่กล้าออกไปข้างนอกเป็นระยะเวลานาน
หากครั้งนี้ไม่ใช่เพราะแดนลับอาทึกปรากฏออกมา เขาก็ยังคงจะเก็บตัวอยู่ในนิกาย ไม่ออกมาข้างนอก
สีหน้าของเจ้านิกายมืดครึ้มลง ทว่าไม่ได้พูดอันใด
จะให้พูดอันใดอีก?
เป็นเรื่องจริงที่ภรรยาของเขาไปคบชู้กับลูกศิษย์ การพูดเรื่องนี้มีแต่ยิ่งทำให้อับอายมากขึ้นเท่านั้น
“ฮ่าฮ่า จ้าวหุบเขาไป๋กล่าวผิดแล้ว! หากเขาดีจริงในทุกสิ่ง เช่นนั้นแล้วภรรยาของเขาจะคบชู้ได้อย่างไร? เห็นชัดว่าเขาจะต้องมีบางอย่างบกพร่อง!”
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับคนจากกองกำลังอื่นมาถึง นี่คือพรรคกระบี่เจินหยวนอันเป็นหนึ่งในกองกำลังแนวหน้าของชั้นหนึ่งเช่นเดียวกัน และผู้ที่พูดออกมาเมื่อครู่คือหัวหน้าพรรคกระบี่เจินหยวน
“ข้าคิดว่าเขาจะต้องไม่เอาไหนในด้านนั้นอย่างแน่นอน จึงไม่สามารถเติมเต็มภรรยาของเข้าได้ ไม่เช่นนั้นภรรยาของเขาจะยังทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
วาจาของเขาไร้ความสุภาพ มุ่งเป้าไปที่เจ้านิกายด้วยท่าทางที่ดูไม่เป็นมิตรนัก
“วันนี้จ้าวหุบเขาไป๋ก็มาที่นี่แลว เหตุใดเจ้ายังไม่รีบไปขอคำแนะนำอีก? จ้าวหุบเขาไป๋นับได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้! สามารถสอนเคล็ดลับสักสองสามประการให้ได้ เจ้าก็จะได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง!”
เขามองเจ้านิกายเซี่ยงพร้อมหัวเราะออกมา “ไม่ต้องเขินอายไป ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังแต่อย่างใด!”
“เจี้ยนอู่ เจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก!”
ดวงตาของเจ้านิกายทอประกายเย็นเยียบ พรรคกระบี่เจินหยวนมักตั้งตนเป็นศัตรูกับนิกายชิงหยางมาโดยตลอด เช่นเดียวกับเขาและเจี้ยนอู่ที่เป็นศัตรูกันไม่อาจอยู่รวมโลกกันได้ ตั้งแต่เล็กจนโตล้วนต่อสู้ประชันกัน ความสัมผัสเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“อ่า ข้าหวังดีกับเจ้าแท้ ๆ! นี่สินะที่ว่าคนดีไม่ได้ดี ข้าคิดเพื่อเจ้า แต่เจ้ากลับยังแสดงท่าทางเช่นนี้กับข้า!”
เจี้ยนอู่ถอนหายใจเอ่ยออกมา “ทว่าข้าเองก็เข้าใจ ตัวเจ้านั้นว้าวุ่นไม่สงบ จะเที่ยวกัดคนก็ไม่แปลก! แต่ให้ข้าพูดหน่อยเถิด บางทียาของจ้าวหุบเขาไป๋อาจสามารถช่วยเจ้าได้มาก!”
โฮก!
ขุนเขาและธารน้ำสั่นสะเทือน มีอสูรร้ายมาถึงยังสถานที่แห่งนี้ ตัวของมันใหญ่ราวกับบรรพต ประหนึ่งปิดฟ้าบังตะวัน
มันคือกิเลนสีทองตัวหนึ่ง ใต้เท้าทั้งสี่ข้างมีไฟสีทองลอยเวียนวน แววตาเย็นเยียบหนาวเหน็บจนถึงกระดูก ทำให้ผู้มองตื่นตกใจกลัว
มันปรายตามองมาทางนี้อย่างเรียบเฉย ก่อนทะยานตรงเข้าไปแดนลับอาทึกโดยไม่หยุด
หลังจากนั้นก็มีวิหคเก้าหัวบินตามไป ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยขนสีดำ และพุ่งตรงเข้าแดนลับอาทึกราวกับลำแสงสีดำ
นอกจากนี้ยังมีวิหคสีทองอีกตัวบินผ่าน มันเปล่งประกายเจิดจ้าสว่างไสวเสียยิ่งกว่าดวงตะวัน มุ่งเข้าไปยังเส้นทางเดียวกันโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ราชวงศ์โบราณเองก็มาถึง จักรพรรดิเป็นผู้นำทัพด้วยตนเอง พาแม่ทัพและกำลังพลอีกจำนวนไม่ถ้วนเข้าไปยังแดนลับอาทึกด้วยความยิ่งใหญ่
นอกจากนั้นยังมีเผ่าต่าง ๆ อีกมากมายที่เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อเข้าสู่แดนลับอาทึก
“ข้าจะไม่เสียเวลากับเจ้าที่นี่แล้ว ไปกัน!”
เจี้ยนอู่โบกมือ นำยอดฝีมือจากพรรคกระบี่เจินหยวนเร่งเข้าไปในแดนลับอาทึก
“สหายจะเข้าไปในแดนลับอาทึกเช่นนี้หรือ? ด้วยคนเพียง...ไม่กี่คน!”
ไป๋เหวินเอ่ยกับเจ้านิกาย จำนวนคนของนิกายชิงหยางนำมามีเพียงประมาณสิบคน เมื่อเทียบกับกองกำลังอื่น ๆ แล้ว นับว่าน้อยนิดเป็นอย่างยิ่ง
“สหายต้องการจะเดินทางร่วมกับพวกเราหรือไม่?”
นางเอ่ยเชิญชวน แสดงท่าทางว่าสามารถจับมือเป็นพันธมิตรกับนิกายชิงหยางร่วมมือกันแบ่งปันวาสนาได้
“ขอบคุณจ้าวหุบเขาไป๋ ทว่าไม่เป็นอันใด!”
เจ้านิกายปฏิเสธ อันที่จริงแล้วเขาเองก็ต้องการเข้าร่วมกับหุบเขาสุขาวดี ทว่าเขาไม่ได้ต้องการจะพึ่งพิงพลังของหุบเขาสุขาวดี มีพวกหนานฉงอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลอันใดเกี่ยวกับกองกำลังอื่น ๆ
เขารู้สึกซาบซึ้งในตัวจ้าวหุบเขาไป่ จึงต้องการเข้าร่วมกับหุบเขาสุขาวดี เพื่อให้จ้าวหุบเขาไป๋ได้รับผลประโยชน์จากการติดตามพวกเขา
ทว่าเขาก็ไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ อย่างไรเสียเขาเองก็เป็นเพียงคนกอดต้นขา ย่อมไม่กล้าให้หุบเขาสุขาวดีเข้าร่วมตามใจชอบ
“ไปเถิด”
เมิ่งจีเอ่ย ก่อนเดินนำหน้าสุด พาพวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในแดนลับอาทึก
แดนลับอาทึกนั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง มีสสารเหนือชั้นวิ่งพล่าน ดีกว่าด้านนอกเป็นอย่างมาก เหมาะสมกับการฝึกฝนอย่างถึงที่สุด ทันทีที่เข้าไปก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังทุกด้านที่เริ่มพัฒนาเพิ่มขึ้น
“สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นลานเต๋าอย่างนั้นหรือ?!”
สีหน้าของเมิ่งจีจริงจัง สถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนกับแดนลับทั่วไป มีร่องรอยการฝึกฝนจำนวนมากอยู่ทั่วบริเวณ
ตัวอย่างเช่นภายในป่าเขียวขจี มีถนนหินสายหนึ่งมุ่งตรงเข้าไปยังส่วนลึก
นอกจากนี้ด้านที่มีเสียงน้ำตกสูงนับหมื่นจั้งดังอย่างต่อเนื่อง ก็มีศาลาแห่งหนึ่งตั้งเอาไว้ ด้านในมีโต๊ะและเก้าอี้หินตั้งอยู่ บนโต๊ะยังตั้งเอาไว้ด้วยชุดน้ำชา
เมื่อมองลึกเข้าไปด้านใน จะสามารถเห็นลานเต๋าอันปกคลุมไปด้วยรุ้งมงคล ประหนึ่งวังสวรรค์ กระเพื่อมด้วยจังหวะเต๋าที่ไม่อาจอธิบายได้ ดูแล้วเหนือชั้นไม่ธรรมดา!
โอ้ว!
อีกาทองคำโบยบินเหนือท้องนภามุ่งตรงไปยังศาลา พยายามโฉบเอาชุดน้ำชาด้านบนโต๊ะหินไป
ชุดน้ำชานี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ผสานกับอัขระอันสลับซับซ้อนน่าอัศจรรย์ นับได้ว่าเป็นสมบัติในหมู่สมบัติอย่างไม่ต้องสงสัย
เปรี้ยง!
มีสิ่งมีชีวิตบางชนิดพุ่งออกมาจากน้ำตก ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน มันอ้าปากออกพ่นสายฟ้าพุ่งเข้าใส่อีกาทองคำ!
ทว่าอีกาทองคำก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด มันเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วส่งเสียงร้อง ปลดปล่อยทะเลเพลิงอันไร้ขอบเขตเข้าต้านทาน
ทว่ากลับไม่ได้ผลแม้แต่น้อย สายฟ้าพุ่งผ่าทะเลเพลิง ระเบิดใส่ร่างอีกาทองคำจนร่างครึ่งหนึ่งถูกทำลาย เลือดและเนื้อสาดกระเซ็นไปทั่ว อีกาทองคำร่วงลงบนพื้นอย่างแรง
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่เห็นต่างหวาดผวา อีกาทองคำไม่ใช่ผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม นับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งโดดเด่นในชั้นที่หนึ่ง ทว่ากลับถูกจัดการลงภายในการโจมตีครั้งเดียว สถานที่แห่งนี้นับว่าน่ากลัวจริง ๆ!
เมิ่งจีขมวดคิ้ว สถานที่แห่งนี้แตกต่างจากที่เขาคิดก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าแดนลับอาทึกเป็นสถานที่ไร้เจ้าของ ทว่าเมื่อดูจากตอนนี้แล้ว แดนลับอาทึกน่าจะเป็นดินแดนที่มีเจ้าของ สิ่งมีชีวิตที่เพิ่งโจมตีอีกาทองคำเมื่อครู่ ก็เพื่อปกป้องชุดน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะหิน
“พวกเราไปกันเถิด...”
เขาเอ่ยขึ้นมา ต้องการออกจากสถานที่แห่งนี้
เนื่องจากแดนลับอาทึกมีเจ้าของแล้ว พวกเขาไม่มีความจำเป็นจะต้องรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาจะไม่ปล้นชิงสิ่งของของผู้อื่น
แม้ว่าของในสถานที่แห่งนี้จะดีมากก็ตาม
“อืม”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเหิงพยักหน้า เขาเองก็จะไม่กระทำเรื่องปล้นชิง
ทว่าตอนนั้นเอง พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวพลันปรากฏออกมาจากฟ้าดินและจับตัวพวกเขาเอาไว้
“ข้ารู้สึกแล้วเชียวว่าเรื่องราวจะไม่เรียบง่ายปานนั้น...”
เมิ่งจีเหยียดยิ้ม “ดูเหมือว่าพวกเราจะไม่อาจหลบเลี่ยงได้ สถานที่แห่งนี้เป็นกับดักที่ห่อหุ้มด้วยภาพลักษณ์อันงดงาม พวกเราล้วนแล้วแต่เป็นเหยื่อที่ถูกดึงดูดความสนใจ!”
ดูเหมือนว่าทุกสิ่งเป็นเพียงของปลอม วาสนาการเปลี่ยนแปลงและสมบัติล้วนเป็นเหยื่อล่อ!
พวกเขาถูกหย่อนเบ็ดล่อให้มา
โฮก!
กิเลนสีทองส่งเสียงร้องคำรามด้วยรับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และต้องการจะหนีออกไป ลมหายใจที่แผ่ออกมาน่ากลัวอย่างถึงที่สุด มันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลและความตาย
หากไม่ถอย เกรงว่าคงจะมีเรื่องนอกความคาดหมายเกิดขึ้น!
“จะไปที่ใด!”
มีร่างจำนวนมากพุ่งออกมาจากป่า ทั้งหมดล้วนยังเป็นคนรุ่นเยาว์ มีชายหนุ่มผู้หนึ่งวิ่งไล่ตามกิเลนสีทองไป
ร่างเยาว์วัยอื่น ๆ ก็กระจายตัว จัดการกับเหล่าสิ่งมีชีวิตตนอื่น ๆ ที่เข้ามา
บนท้องฟ้ามีร่างชราหลายร่างยืนอยู่ในหมู่เมฆด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด ทว่าลมหายใจและความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่มีที่มาจากร่างของพวกเขา
พวกเขาราวกับกำลังคุมสถานการณ์โดยรวม ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตเยาว์วัยเหล่านั้นลงมือ
กิเลนทองถูกไล่ถึงตัว เด็กหนุ่มผู้นั้นลงมืออย่างดุดันน่าหวาดกลัว กิเลนทองร่วงลงกระแทกพื้น เลือดหลั่งรินออกมาจากทั่วร่าง เต็มไปด้วยบาดแผลน่าหวาดหวั่น
“พวกเจ้าต้องการทำสิ่งใด!”
วิหคเก้าหัวตะโกน มันถูกเด็กสาวผู้หนึ่งไล่ล่าจนสภาพน่าเวทนาอย่างยิ่งไม่ต่างจากของไร้ค่า ทันทีที่เพิ่งประมือ มันก็ถูกโจมตีอย่างแรงจนขนกระจายลงพื้น
อีกาทองคำยิ่งน่าสังเวช ก่อนหน้านี้มันได้รับบาดเจ็บหนักจากสิ่งมีชีวิตในน้ำตก ตอนนี้จึงถูกสยบลงอย่างง่ายดาย ถูกชายผู้หนึ่งเยียบเอาไว้
“อ๊ากกก!”
อีกาทองคำส่งเสียงคำรามอย่างขัดขืน
มันเป็นถึงตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด ไร้เทียมทานในขึ้นที่หนึ่ง จนยากจะสามารถหาคู่ต่อกร ผู้ใดเห็นจะมีหน้าไหนกล้าไม่เคารพมัน? ทว่ามันกลับถูกเหยียบลงไปเช่นนี้ จะให้อดทนไม่ขุ่นเคืองได้อย่างไร!
“ทำตัวดี ๆ หน่อย!”
ชายผู้หนึ่งตะคอกเสียงเย็นชา ก่อนกระทืบขาลงไปบนปีกอีกาทองคำ “เป็นแค่เผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ จะตะโกนร้องหาสิ่งใด? หากยังกล้าส่งเสียงร้องอีก ข้าจะกระทืบหัวเจ้าเสีย!”
ร่างวัยเยาว์ทั้งหมดต่างก็ดุร้ายอย่างถึงที่สุด
ราชวงศ์โบราณทั้งหมดถูกสยบ ร่างเนื้อจักรพรรดิแห่งราชวงศ์โบราณระเบิด และถูกจองจำวิญญาณเอาไว้
พรรคกระบี่เจินหยวนและกองกำลังอื่นเองก็ถูกจัดการจนราบคาบ พวกอสูรเผ่าและเผ่าต่าง ๆ ล้วนถูกสยบเช่นเดียวกัน!
“เหตุใดจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?!”
“พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นเพียงกลุ่มคนรุ่นเยาว์จริงหรือ?”
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างตื่นกลัว กลุ่มรุ่นเยาว์นี้น่าหวาดเกรงเกินไป ทุกคนล้วนอยู่ในขอบเขตผู้บงการ อีกทั้งยังมีวิชาและพลังอันแข็งแกร่งจนน่าอัศจรรย์ ห่างไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถต่อกรได้!
พวกเขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งเบื้องบนเทวโลก ก็ไม่มีทางปรากฏกลุ่มรุ่นเยาว์ขอบเขตผู้บงการจำนวนมากออกมา!
ฟิ้ว!
ขณะเดียวกัน ก็มีรุ่นเยาว์คนหนึ่งปลิวกระเด็นออกไป หนานฉงเป็นผู้สำแดงพลัง จักการรุ่นเยาว์ที่พุ่งเข้ามา ทางฝั่งของพวกเขาเป็นกลุ่มเดียวที่ยังคงไม่ถูกสยบลง
ตอนนี้หนานฉงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง บรรลุถึงขอบเขตผู้บงการแล้ว
หลังจากต้นหลิวพาเขากลับไป ก็ให้ความดูแล ไม่เพียงแต่มอบสมบัติล้ำค่าให้เขาใช้ฝึกฝน แต่ยังคอยชี้แนะเขาอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ขอบเขตกับพลังของเขาได้รับการปรับปรุงพัฒนาเป็นอย่างมาก
“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้?!”
“เขาทำได้เช่นไร!”
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากต่างแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาต่างก็รู้เรื่องของหนานฉง ก่อนหน้านี้หนานฉงถูกนิกายชิงหยางหมายหัวเอาไว้ พลังของเขาอยู่เพียงขั้นสามขอบเขตลอยชายเท่านั้น
เหตุใดตอนนี้หนานฉงจึงทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง เป็นถึงขอบเขตผู้บงการ!
ยิ่งไปกว่านั้น พลังที่หนานฉงครอบครองอยู่มีความเหนือชั้นพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้!
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่นิกายชิงหยางนำคนมาด้วยเพียงน้อยนิด! ที่แท้พวกเขาก็สามารถเกาะต้นขาใหญ่เอาไว้ได้!”
“เป็นต้นขาใหญ่จริง ๆ เบื้องหลังหนานฉงจะต้องมีผู้แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดอยู่!”
พวกเขาอดเอ่ยออกมาไม่ได้ มั่นใจว่าเบื้องหลังของหนานฉงจะต้องมีผู้แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดอยู่
ไม่เช่นนั้นหนานฉงคงไม่มีทางพัฒนาก้าวกระโดดได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งยังชำนาญวิชาอันเหนือชั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก!
พวกเขาต่างไม่รู้ว่าหนานฉงมีความเกี่ยวข้องกับต้นหลิว ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ประหลาดใจถึงเพียงนี้
ต้นหลิวแข็งแกร่งทรงพลังถึงเพียงนั้น ย่อมสามารถผลักดันให้หนานฉงก้าวมาถึงจุดนี้ได้อย่างง่ายดาย
“อันใดคือแข็งแกร่งเหนือชั้น ในสายตาของพวกเราแล้ว นั่นก็เป็นเพียงแค่แมลงที่แข็งแกร่งกว่าแมลงตัวอื่นเล็กน้อย!”
“ใช่แล้ว”
คนรุ่นเยาว์พุ่งเข้าใส่
“ผู้อาวุโสเมิ่งช่วยข้าด้วย!”
หนานฉงหวาดกลัวจนถอยกลับไปในทันที ก่อนร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสเมิ่ง
ตอนนี้แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ความแข็งแกร่งนั้นก็มีจำกัด หากตัวต่อตัวก็ยังได้ แต่หากหนึ่งต่อกลุ่ม กล่าวตามตรงแล้ว ย่อมสามารถเอาชีวิตเขาได้!
“กลัวแล้วหรือ?”
“น่าขันยิ่งนัก ถึงกับเอ่ยขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ในขอบเขตลอยชาย?”
เหล่าคนรุ่นเยาว์ที่พุ่งเข้ามาอดหัวเราะไม่ได้ หนานฉงเป็นคนที่หากเกิดความกระวนกระวายใจแล้วจะทำอันใดมั่วซั่วไปหมด คว้าฟางเอาไว้ราวกับเป็นเชือกช่วยชีวิต ขอบเขตลอยชายนั้นอยู่ต่ำกว่าขอบเขตผู้บงการ เช่นนั้นแล้วเมิ่งจีจะสามารถลงมือช่วยเหลือหนานฉงได้อย่างไร?
ช่างน่าขันเกินไปแล้ว!
แต่ภายในไม่ช้าพวกเขาก็ไม่สามารถหัวเราะออกมาได้อีกต่อไป เมิ่งจีเพียงยกมือขึ้น ส่งกิ่งหลิวออกไปพุ่งใส่สิ่งมีชีวิตรุ่นเยาว์กลุ่มนั้นอย่างรวดเร็ว!
ตูม!
หยาดเลือดสาดกระเซ็น ร่างของคนรุ่นเยาว์เหล่านั้นระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตทันที
“อ๊ะ?!”
บนท้องฟ้า สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสโบราณแปรเปลี่ยนไปจากเดิม พวกเขาคาดไม่ถึงมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการพลิกผันเช่นนี้ขึ้น
ผู้อาวุโสโบราณผู้หนึ่งลงมือทันที ตบฝ่ามือออกไปด้วยต้องการจะทำลายกิ่งหลิว
กิ่งหลิวเปล่งแสง คลื่นพิเศษกระเพื่อมออกมา ทำลายฝ่ามือที่ร่างผู้อาวุโสโบราณส่งมาอย่างง่ายดาย แตกกระจายไปในทันที!
ขณะเดียวกัน กิ่งหลิวก็พุ่งตรงไปยังเหล่าร่างผู้อาวุโสโบราณ
“บังอาจ!”
“ที่นี่ไม่มีโอกาสให้แกกำแหง!”
เหล่าผู้อาวุโสโบราณลงมือพร้อมกันเพื่อต้านทานกิ่งหลิว สำแดงอานุภาพอันยิ่งใหญ่ พวกเขาต่างทรงพลังเป็นอย่างมาก ล้วนอยู่ในขอบเขตนิรันดร์อันเหนือกว่าขอบเขตผู้บงการ!
ทว่ากิ่งหลิวก็แสดงให้เห็นถึงความห่างชั้น กระทั่งพลังของขอบเขตนิรันดร์ยังไร้ผล ร่างอาวุโสโบราณทั้งหมดต่างปลิวกระเด็นร่วงลงบนพื้น!
“เป็นไปได้อย่างไร?! ที่แห่งนั้นยังมีตัวตนที่แข็งแกร่งเพียงนี้อยู่หรือ?!”
ผู้อาวุโสโบราณเหล่านี้ต่างกระอักเลือดออกมา ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขอบเขตนิรันดร์คือเพดานของเทวโลก ไม่อาจฝ่าขึ้นต่อไปได้ แล้วเหตุใดจึงมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือยิ่งกว่าขอบเขตนิรันดร์?
เพียงแค่หนึ่งกิ่งหลิวก็สามารถทำให้พวกเขาทั้งหมดปลิวกระเด็นได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างของกิ่งหลิวนี้จะต้องอยู่เหนือกว่าขอบเขตนิรันดร์อย่างแน่นอน!
พวกเขาไม่อาจเชื่อได้ลง เทวโลกถูกคุมขังผนึกเอาไว้แล้ว เส้นทางเหนือขอบเขตนิรันดร์เองก็ถูกตัดขาดเป็นที่เรียบร้อย เช่นนั้นจะสามารถมีสิ่งมีชีวิตกระโดดออกมาได้อย่างไร?!
เสียงฟิ้วดังขึ้น มีร่างทะยานจากพระราชวังในส่วนลึกตรงมายังสถานที่แห่งนี้
นี่เป็นชายวัยกลางคนผู้ดูมีภูมิฐานและใบหน้าหล่อเหลาผู้หนึ่ง อีกทั้งบรรยากาศรอบกายยังให้ความพิเศษอย่างไม่อาจอธิบายได้
“ไม่ทราบว่าสหายพอจะมาสนทนากันได้หรือไม่?”
เขามองไปทางกิ่งหลิว ต้องการจะพูดคุยกับต้นหลิว
เขาเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ ทั้งยังเป็นตัวตนที่เหนือกว่าขอบเขตนิรันดร์อีกด้วย
ต้นหลิวสามารถสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ในสถานที่แห่งนี้ เพียงแค่หนึ่งความคิดมันก็มาถึงในทันที
“พวกเจ้าต้องการจะทำสิ่งใด?”
ต้นหลิวกลายร่างเป็นมนุษย์ ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าวออกมา “เหตุใดข้าจึงสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจความมืดที่นี่?”
ที่แห่งนี้มีลมหายใจความมืดอยู่ คล้ายกับลมหายใจความมืดบนร่างของกระโปรงสีขาวแห่งความตาย มีที่มาจากแหล่งเดียวกัน
ข้อแตกต่างคือลมหายใจที่นี่อ่อนแอกว่ามาก ไม่อาจนำไปเทียบได้กับลมหายใจความมืดบนร่างของกระโปรงสีขาวแห่งความตาย
สถานที่แห่งนี้เกี่ยวของกับพลังความมืดหรือไม่?!
ต้นหลิวเผยจิตสังหารทันที!
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ