811-815

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 811ถึง 815

เทียนหมิงรีบไปติดต่อยอดฝีมือจากกองกำลังอื่น เขาอยากให้รีบฆ่าซีเสีย ไม่อย่างนั้น มีโอกาสสูงว่าจะเกิดเรื่องกับตนแทน!


ความเร็วในการหลอมรวมขุมปราณชีวิตในฟ้าดินของเจดีย์เวหาว่องไวเกินไป ซีทำอันใดอยู่


เขาไม่เชื่อเช่นกันว่าซีสามารถดูดกลืนขุมปราณชีวิตมากมายขนาดนั้นในฟ้าดิน ซีต้องทำเรื่องอื่นอยู่ด้วยแน่!


เรื่องนี้สร้างความไม่สบายใจอย่างมาก สังหรณ์ไม่ดีนั้นรุนแรงเกินไป ทันทีที่ซีออกจากเจดีย์เวหา อาจอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน!


“ห้องคลังเปิดแล้ว ทุกท่านสามารถเลือกของวิเศษหนึ่งชิ้นในห้องคลังตระกูลเทียนของเราเป็นค่าตอบแทน โดยมีข้อแม้คือต้องเปิดเจดีย์เวหาให้ออก แล้วสังหารสตรีผู้นั้นเสีย!”


เทียนหมิงเอื้อเฟื้อสุด ๆ หลังติดต่อยอดฝีมือตนอื่นได้แล้วก็ให้ค่าตอบแทนอย่างใจกว้าง ยามนี้ไม่ใช่เวลามามัวพิรี้พิไร


“จริงหรือ?”


“พวกเราเข้าไปดูหน่อยก็ได้…”


ยอดฝีมือจากกองกำลังอื่น ๆ หวั่นไหว พากันรุดหน้าไปยังดินแดนตระกูลเทียน ตระกูลเทียนมีรากฐานหนาแน่น เมื่อเปิดห้องคลังให้เลือกสรรได้ตามใจชอบ นับเป็นแรงดึงดูดที่ไม่น้อยเลย


พวกเขาเดินทางมาถึงแล้ว ไม่มีคนใดในนั้นอ่อนแอ ในเมื่อตระกูลเทียนมีน้ำใจปานนี้ ไม่ต้องคิดให้มากความก็รู้ว่าซีคงต่อกรด้วยยากยิ่ง มิฉะนั้น ตระกูลเทียนไม่มีทางยอมขนาดนี้


“ค่ายกลนี้เก่งกาจไม่เบา!”


“เป็นค่ายกลใหญ่ฝีมือนางหรือ ดูแล้ว นางต้องเป็นผู้มีฝีมือโดดเด่นในด้านค่ายกลอย่างแน่นอน!”


ยอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ มีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ได้ลงมือในทันที


ลำพังความสามารถของคนคนเดียวบำเพ็ญจนมีวิชาค่ายกลสูงส่งได้เพียงนี้เชียวหรือ


พวกเขาชักกังวล กลัวว่าเบื้องหลังซีมีสิ่งที่น่าครั่นคร้ามอยู่


“จู่ ๆ ก็นึกได้ว่าข้ามีธุระที่บ้าน ไปก่อนล่ะ!”


“ข้าก็ด้วย ภรรยาที่บ้านกำลังจะคลอด ข้าต้องกลับไปปรนนิบัติ”


พวกเขาต่างฉลาดหลักแหลม ไหนเลยจะยอมเอาตัวเข้าเสี่ยงง่าย ๆ จึงพากันแยกย้าย เตรียมไปจากตระกูลเทียน เพราะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้


แม้ว่าสิ่งที่อยู่ในห้องคลังตระกูลเทียนนั้นเยี่ยมยอด ทว่าจะยอมรับมั่วซั่วไม่ได้ หากรับไปมีโอกาสเกิดเรื่องสูง


ภรรยาที่บ้านจะคลอด?


ข้ออ้างเยี่ยงนี้กล้าเอ่ยออกมาด้วยหรือ?


บรรพจารย์ทั้งหลายในตระกูลเทียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตาเฒ่านี้หน้าไม่อายจริง แก่หงำเหงือกปานนี้ มียันเหลนยันโหลน ยังกล้าเอ่ยว่าภรรยาจะคลอดอีกหรือ!


“ทุกท่านอย่าเพิ่งรีบไป! วันนี้คือวันวิปโยคของตระกูลเทียนเรา ทว่า ทุกท่านรับประกันได้หรือว่าความวิปโยคนี้จะไม่เกิดขึ้นกับพวกท่านในวันหน้า”


“ลองไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนเถิด ถึงครานั้น นางนำเอาเจดีย์เวหาไปพำนักตามดินแดนตระกูลของพวกท่าน มีผู้ใดในพวกท่านต่อกรกับนางไหวหรือ”


“เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนย่อมไม่ต้องยุ่งหรือ ทุกท่านอยากซ้ำรอยตระกูลเทียนของเรา เผชิญกับสถานการณ์ของตระกูลเทียนเราอย่างวันนี้?”


พวกเขารีบเอ่ยรั้งยอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ ไว้ โดยรู้ว่ายอดฝีมือเหล่านี้เกรงกลัวสิ่งใดที่สุด


ตามคาด สิ้นคำ สีหน้ายอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ เปลี่ยนไปในทันใด ฝีเท้าที่กำลังจะเยื้องย่างออกไปชะงักงัน


คำกล่าวของบรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายมีโอกาสเกิดขึ้นจริง พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งกว่าตระกูลเทียนเท่าใด หากคนผู้นี้นำเจดีย์เวหาเข้าไปยังดินแดนตระกูลของพวกตนจริง สถานการณ์ที่ต้องเผชิญในเวลานั้นย่อมไม่ต่างจากตระกูลเทียน


สำหรับพวกเขา ซีถือเป็นภัยคุกคาม จำต้องกำจัด!


“ข้าจะเชิญบรรพจารย์ตระกูลเรามา!”


“ลงมือเปล่า ๆ ปลี้ ๆ ไม่ได้ ตระกูลเทียนจงจำคำมั่นของพวกท่านก่อนหน้านี้ไว้ด้วย!”


พวกเขาพากันติตต่อตระกูล บ้างขอให้บรรพจารย์ในตระกูลเดินทางมา บ้างขอให้คนในตระกูลนำยอดศาสตรามา พวกเขาเตรียมตัวลงมือกันแล้ว


ส่วนจำเป็นต้องไม่ตายไม่เลิกราหรือไม่ค่อยว่ากันทีหลัง พวกเขาต้องเจรจาให้ได้ก่อน


ผ่านไประยะหนึ่ง บรรพจารย์ในตระกูลบางคนมาถึง และบางคนได้รับยอดศาสตราจากคนในตระกูล


“ลงมือเถิด!”


บรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายเรียกยอดศาสตราออกมา ก้าวเดินอยู่ด้านหน้า ปรับพลังให้อยู่ในจุดสูงสุดก่อนจะลงมือโจมตี ยอดศาสตราทั้งหลายเปล่งแสงเจิดจ้าอันสยดสยอง ทาบทับนภา ถล่มไปข้างหน้า


พวกเขาลงมือเต็มกำลัง พากันปล่อยการโจมตีรุนแรงที่สุด ห้วงมิติดับสูญพังครืน!


“หนึ่งกระบี่ตัดสวรรค์!”


บรรพจารย์จากนิกายหนึ่งสำแดงเคล็ดวิชากระบี่พิทักษ์นิกาย เสียงกู่ร้องของกระบี่ดังสะท้อนไปถึงโบราณกาล ราวกับฟาดฟันมาจากลำธารแห่งกาลเวลาอันยาวนาน น่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุด!


ฟึ่บ!


กงล้อโลหิตเปล่งประกายสีชาด ประดุจสุริยันสีเลือด ถล่มใส่เจดีย์เวหา!


นี่คือยอดศาสตราของมารเฒ่าบำเพ็ญโลหิตตนหนึ่ง เวลานี้ได้โจมตีเต็มกำลังเช่นกัน!


โฮก!


สัตว์อสูรสีทองตนหนึ่งคำราม ม่านโลหิตชั่วร้ายทะยานนภา มันใช้อภินิหารในสายเลือด ดุดันไร้ใดเปรียบ คลื่นพลังอันน่ากลัวฉีกกระชากทุกอย่างออกจากกัน ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้!


บรรพจารย์ต่างเผ่าตนหนึ่งฟาดฟันเป็นรูปไม้กางเขน ความเป็นโลหะของทองคำไหลเวียน ธารปริภูมิเวลาถูกตัดสะบั้น กฎแห่งสวรรค์และโลกแหลกเหลว!


กำลังรบบรรพจารย์ในชั้นสองมาอยู่ที่นี่กันเกือบหมด พวกเขารู้ดีว่าค่ายกลในเจดีย์เวหานั้นวิเศษและน่าพรั่นพรึงเพียงใด จึงพากันลงมือสุดกำลัง!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ฟ้าดินสั่นสะเทือนตาม ภาพการณ์นั้นยิ่งกว่าคำว่าสยดสยอง สมาชิกในตระกูลเทียนต่างตะลึงงัน กำลังรบบรรพจารย์ในชั้นสองออกโรงพร้อมหน้า เกรงว่าชีวิตนี้พวกเขาคงได้เห็นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวกระมัง!


“หากขนาดนี้แล้วยังทลายไม่ได้ ก็คงผิดธรรมชาติเกินไปแล้ว!”


“พูดอันใด ไหนเลยจะทลายไม่ได้!”


พลังสยดสยองน่ากลัวมากมายปานนี้ออกจู่โจม อย่าว่าแต่ทลายค่ายกลในเจดีย์เวหาเลย น่ากลัวว่าทั้งเจดีย์แห่งนี้ก็ต้องพังครืนทันที!


ทว่า ไม่นานนักพวกเขาก็ต้องอึ้งงัน!


หลังการจู่โจมอันสยดสยองมากมายปานนั้นถล่มลงไป แม้ค่ายกลในเจดีย์เวหาได้รับแรงกระเทือนไปไม่น้อย คลื่นริ้วค่ายกลบางแห่งอ่อนบางลง ทว่าพลังสยดสยองเหล่านั้นกลับถูกระงับได้ทั้งหมด!


และที่น่าพรั่นพรึงจนผิดเพี้ยนยิ่งกว่านั้นคือ คลื่นริ้วค่ายกลที่เดิมจางลงแล้วสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับคลื่นพลังน่ากลัวซัดสาดออกมา!


สถานการณ์เช่นนี้เรียกได้ว่าไร้หนทางคลี่คลาย!


“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!”


“ฝีมือด้านค่ายกลของนางสูงส่งเยี่ยงนั้นได้อย่างไร!?”


บรรพจารย์ตะลึงกันหมด สะท้านใจอย่างยิ่งยวด ไม่อาจทำใจเชื่อได้เลย


พวกเขาลงมือกันพร้อมเพรียง พลังที่ออกมานั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ไหว ห่างชั้นกันตั้งไม่รู้เท่าใด!


ชั่วขณะนั้น พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเหลือแสน ซีผู้มีฝีมือด้านค่ายกลน่าครั่นคร้ามเพียงนี้มีหรือจะไม่มีผู้ใดคอยชี้แนะอยู่เบื้องหลัง!


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เบื้องหลังของซีมีรากฐานสะท้านโลกันตร์อยู่แน่นอน หรืออาจเป็นบุคคลจากเทวโลกชั้นสูงขึ้นไป!


นี่ไม่ใช่ผู้ที่พวกเขาควรท้าทายด้วยได้!


“ตระกูลเทียน จงทำตามคำมั่นของพวกท่านเสีย!”

“เร็วเข้า พวกเราต้องไปแล้ว!”


บรรพจารย์จำนวนหนึ่งล้อมบรรพจารย์ตระกูลเทียนไว้ ต้องการให้ตระกูลเทียนเปิดห้องคลังและจ่ายค่าลงมือของพวกเขาในครานี้


“ทุกท่านมีเหตุผลหน่อยเถิด! พวกเรากล่าวว่าต้องเปิดเจดีย์เวหาและสังหารผู้ที่อยู่ข้างในให้ได้ก่อน!”


“ต่อให้ฆ่านางมิได้ แค่เปิดเจดีย์เวหาออกก็ยังดี นี่แม้แต่เจดีย์เวหายังเปิดไม่ออกเลย…”


บรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายแทบร่ำไห้


บรรพจารย์กลุ่มนี้ใจดำเกินไปแล้ว ช่วยกระไรพวกเขามิได้ ยังจะหวังให้พวกเขาเปิดห้องคลัง นำสมบัติไปได้ตามใจชอบอีกหรือ


มีอย่างนี้ที่ไหน!


“หยุดพูดเรื่องไร้สาระเสียที! พวกเราต้องซวยก็เพราะพวกท่าน อาจต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบ่วงกรรมครั้งใหญ่ มิได้ขอให้พวกท่านชดเชยให้เราก็ดีเท่าไรแล้ว!”


“ภูมิหลังของคนผู้นั้นไม่แน่ว่าจะสยดสยองปานใด พวกเราถูกพวกท่านลากไปติดร่างแหด้วย วันหน้าท่านจะต้องชดใช้อย่างใหญ่หลวง! แล้วพวกท่านยังจะพิรี้พิไรกับพวกเราอีกหรือ อยากตายหรือไร?!”


เหล่าบรรพจารย์เอ่ยเสียงโหดเหี้ยม


อะไรนะ?


นี่ยังอยากได้…ค่าชดเชยอีกหรือ


นี่มันฝูงโจรชัด ๆ!


เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนอยากร้องไห้นัก อัญเชิญเทพนั้นง่าย ลาเทพนั้นยาก เสียทั้งฮูหยินและไพร่พล!


“สยดสยองอย่างที่พวกท่านพูดเสียเมื่อไร หากนางมีภูมิหลังยิ่งใหญ่เยี่ยงนั้นจริง ไยต้องยึดดินแดนตระกูลเทียนของเราในการฝึกฝนด้วย ไปฝึกบนชั้นที่สูงขึ้นไปไม่ดีกว่าหรือ”


“ถูกต้อง! อย่างมากนางก็แค่ได้วาสนาการเปลี่ยนแปลงบางอย่างมาเท่านั้น เพราะเหตุนี้ ถึงได้มีฝีมือด้านค่ายกลสูงส่งเช่นนี้! ส่วนกองกำลังน่าพรั่นพรึงที่อยู่เบื้องหลังนั่น นางไม่มีแน่นอน!”


บรรพจารย์บรรพจารย์ตระกูลเทียนเอ่ย


“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว อย่างไรเสียพวกเราก็ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ของพวกท่าน! รีบเปิดห้องคลังออกแล้วทำตามคำมั่นของพวกท่านเสีย!”


“ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัด อย่าบีบบังคับให้เราต้องลงมือ!”


เหล่าบรรพจารย์ทั้งหลายไม่ยอมฟังอีกต่อไป


พวกเขารู้สึกว่าเรื่องราวนี้ลึกล้ำเกินไป ไม่ต้องการดำเนินการต่อ อยากขอดูอยู่ห่าง ๆ ไปก่อน


เมื่อเหล่าบรรพจารย์จากกองกำลังอื่น ๆ พากันไล่ต้อน บรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายไม่อาจขัดขืน ได้แต่เปิดห้องคลังตระกูลเทียน ปล่อยให้บรรพจารย์ตนอื่นเข้าไปเลือกสรร


บรรพจารย์ตนอื่นแทบขนห้องคลังตระกูลเทียนไปจนเกลี้ยง กระนั้นพวกเขาก็ทำอันใดไม่ได้ ไม่มีหนทางสักนิด


สุดท้าย บรรพจารย์เหล่านั้นพายอดฝีมือในกองกำลังพวกตนไปจากตระกูลเทียน


“ท่านบรรพจารย์ เราจะทำอย่างไรกันดี ถอนกำลังดีหรือไม่”


เทียนหมิงเอ่ยถามบรรพจารย์ทั้งหลาย


เขารู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี จึงอยากเสนอให้ย้ายออกไปก่อน กลัวว่าหลังซีออกจากเจดีย์เวหาได้แล้วจะเกิดเรื่องใหญ่


“ไปหรือ จะให้ไปที่ไหน กองกำลังต่าง ๆ หมายหัวพวกเราไว้แล้ว! ต่อให้ไป พวกเราก็ไม่สามารถไปอย่างเปิดเผย จำต้องค่อย ๆ ไปอย่างเงียบเชียบ!”


“กองกำลังเหล่านั้นไว้ใจไม่ได้เลย หากเราล่าถอยกันเช่นนี้จริง เป็นไปได้ว่าจะถูกพวกมันซุ่มโจมตี!”


“นางคงไม่กล้าออกจากเจดีย์เวหาในเร็ว ๆ นี้แน่ นี่คือโอกาสของเรา! พวกเราต้องเร่งเตรียมการถอนกำลังในช่วงนี้ให้พร้อม!”


บรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายเอ่ยเสียงเข้ม


แผนของพวกเขาล่มแล้ว ไม่คิดเลยว่าค่ายกลในเจดีย์เวหาจะทลายยากเยี่ยงนี้ เรื่องนี้ยิ่งทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบากกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย!


“ชั้นสองไม่มีที่ยืนของพวกเราแล้ว พวกเราเตรียมล่าถอยไปยังชั้นหนึ่งเถิด…”


“รากฐานที่อุตส่าห์ก่อร่างขึ้นมาต้องพังทลายในพริบตา น่าเจ็บใจยิ่งนัก! ทว่าทั้งหมดนี้ก็ช่วยไม่ได้! เทียนหมิง เจ้าไปจัดแจงเสีย พยายามทำให้ลับตาคนที่สุด!”


พวกเขาถอนหายใจหนักหน่วง คล้ายว่าดูชราลงไปหลายปี


กองกำลังอื่น ๆ มีแต่จะยิ่งอยู่ยิ่งก้าวหน้า พวกเขาสิยิ่งอยู่ยิ่งตกต่ำ แม้กระทั่งดินแดนในชั้นสองยังรักษาไว้ไม่ได้ จำต้องย้ายไปพำนักที่ชั้นหนึ่ง


เทียนหมิงยิ่งนึกเจ็บใจ ผิดเพียงก้าวเดียว ก้าวหลังจากนั้นเพี้ยนไปหมด หากเขาไม่ล่อลวงซีเข้าไปในเจดีย์เวหา ไหนเลยจะตกที่นั่งเช่นนี้


ทว่า ต่อให้เขาเจ็บใจก็ทำอันใดไม่ได้ ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่อาจย้อนคืนได้อีกแล้ว!


จากนั้น เขาไปจากที่นี่ เตรียมทำภารกิจล่าถอย


อย่างที่คิด คำกล่าวของเหล่าบรรพจารย์ไม่ผิดเพี้ยน กองกำลังเหล่านั้นไว้ใจไม่ได้ เขาพบว่ามียอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ ซ่อนตัวอยู่นอกตระกูลเทียนไม่น้อย คอยจับตาดูตระกูลเทียนทุกฝีก้าว


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การถอนกำลังคราวนี้ไม่ง่ายเลย


แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังต้องไป ขืนอยู่ต่อรังแต่จะยิ่งแย่!


เวลาล่วงเลยอย่างรวดเร็ว ครึ่งเดือนผ่านไป ตระกูลเทียนเตรียมการถอนกำลังเสร็จสิ้น กำลังจะออกเดินทาง


ทว่าในเวลานั้นเอง ก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่เจดีย์เวหา!


เจดีย์เวหาส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่น ลำแสงขนาดใหญ่พุ่งทะยาน สว่างเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าดวงตะวัน ส่องไปทั่วผืนดิน สมาชิกของตระกูลทเทียนทั้งหมดต่างถูกดึงดูดความสนใจ เหล่าบรรพจารย์พากันหัวหดอย่างรวดเร็ว ซีกำลังจะออกมาแล้วหรือ?!


“แจ้งบรรพจารย์ในตระกูลโดยด่วน ผู้ที่อยู่ในเจดีย์เวหาอาจกำลังออกมา!”


“เร็วเข้า!”


ภายนอกตระกูลเทียน เหล่าคนจากกองกำลังอันแข็งแกร่งต่าง ๆ ที่ประจำการอยู่ต่างรีบติดต่อไปยังตระกูลของตน เพื่อแจ้งสถานการณ์ของที่นี่


แทบจะในพริบตาเดียว ความว่างเปล่าพลันบิดเบี้ยว บรรพจารย์จากกองกำลังต่าง ๆ พากันมายังสถานที่แห่งนี้


พวกเขาไม่กล้าเข้าไปด้านในตระกูลเทียน ยืนอยู่ด้านนอก ดวงตาเปล่งประกาย สีหน้าจริงจัง จับจ้องไปทางด้านในตระกูลเทียน!


ฉากภายในตระกูลเทียนสับสนอลหม่าน พวกเขากำลังเตรียมการอพยพ ทว่าซีกลับจะออกมายามนี้ ทำให้ภายในใจของพวกเขาไม่สงบ เต็มไปด้วยความกังวล


อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างให้เห็น พวกเขาล้วนหวาดเกรงในตัวซี คนผู้นี้สามารถเปลี่ยนแปลงค่ายกลของเจดีย์เวหาได้ กระทั่งเหล่าบรรพจารย์ทั้งหมดร่วมมือกันก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ความแข็งแกร่งนับว่าน่ากลัวเกินไป!


“บัดซบ! พวกข้ากำลังจะไปแล้ว ออกมาช้ากว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ?!”


เทียนหมิงสบถสาปแช่ง ภายในใจก็ไม่สงบเช่นเดียวกัน ซีไม่เพียงแต่มีความสามารถทางด้านค่ายกลอันน่ากลัวผิดปกติเท่านั้น พลังที่คอยปกป้องนางอยู่ก็น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย!


จะสามารถหยุดยั้งได้หรือไม่?


ภายในใจของเขาไม่มีความคิดเช่นนั้นอยู่เลย!


“บนบานอันใดกัน เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน นางจะสามารถทะยานขึ้นฟ้าได้เชียวหรือ?!”


“อย่าตื่นตูมไป!”


บรรพจารย์ตระกูลเทียนตำหนิให้สมาชิกในตระกูลสงบลง ความตื่นตระหนกลนลานมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเท่านั้น


ทว่าแม้พวกเขาเอ่ยออกมาเช่นนั้น แต่ภายในใจของพวกเขาก็ไม่ได้คิดแบบเดียวกันแต่อย่างใด!


พวกเขาไม่กลัวว่าซีจะมีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด ระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน ไม่ว่าซีจะฝึกฝนเช่นไรก็ไม่อาจไปยังขอบเขตที่สูงกว่าเดิมได้


พวกเขากังวลว่าซีจะไม่ได้ฝึกฝนในเจดีย์เวหา แต่ใช้ระยะเวลาครึ่งเดือนในการวางค่ายกลสังหาร!


หากเป็นเช่นนั้นจริง ระดับความอันตรายของซีจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย!


อย่างไรเสียค่ายกลเจดีย์เวหาที่ซีได้ดัดแปลงก็ทรงพลังน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ค่ายกลสังหารที่ถูกวางขึ้นมาก็จะต้องน่ากลัวไม่แพ้กัน!


ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!


ขณะนั้นเอง แสงนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากเจดีย์เวหา กฎเกณฑ์สะเทือนเลือนลั่น อักขระตวัดพันร้อยเรียง พร้อมร่างหนึ่งทะยานออกมา


“ท่านปู่เต่าผู้นี้ออกมาแล้ว!”


เต่าชรายืนตัวตรงอยู่บนหมู่เมฆ ทอดสายตามองลงมาด้วยความฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง


ซีได้ช่วยมันขจัดพิษในร่างทิ้งไปหมดสิ้น อีกทั้งมันยังได้รับการปรับปรุงอย่างก้าวกระโดดในเจดีย์เวหา จากขั้นสี่ขอบเขตลอยชาย พุ่งไปยังขั้นหกขอบเขตลอยชาย


สำหรับซีนั้นก้าวกระโดดเร็วเสียยิ่งกว่า จากขั้นเก้าขอบเขตลอยชาย บรรลุขั้นสามขอบเขตผู้บงการ!


ร่างกายของซีนั้นพิเศษ ไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาตัดสินได้ ภายใต้สถานการณ์ที่เจดีย์เวหารวบรวมแก่นปราณของฟ้าดินเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งทำให้ซีพัฒนารวดเร็วกว่าเดิมมาก!


อีกด้านหนึ่ง วิชาต่าง ๆ ของนางก็ได้รับการปรับปรุงจนน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ความเร็วในการดูดซับรวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะสามารถขึ้นไปถึงยังขั้นสามของขอบเขตผู้บงการได้


“พวกเจ้ากำลังจะย้ายบ้านหรือ?”


อาภรณ์สีขาวของซีสะบัดไหว ให้อารมณ์เหนือชั้นไม่ธรรมดา นางออกจากเจดีย์เวหามาในยามที่ตระกูลเทียนเตรียมอพยพ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด นางให้ความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในตระกูลเทียนมาโดยตลอด


“ขั้นสามขอบเขตผู้บงการ!”


“เป็นไปได้อย่างไร!?”


สีหน้าของบรรพจารย์ตระกูลเทียนแปรเปลี่ยนอย่างมาก อดตื่นตะลึงไม่ได้ ซีผู้นี้ฝืนฟ้าสวรรค์เกินไปหรือไม่? เพียงแค่ครึ่งเดือน ก็สามารถเลื่อนจากขั้นเก้าขอบเขตลอยชายไปสู่ขั้นสามขอบเขตผู้บงการ!


สิ่งนี้ทำลายสามัญสำนึกของพวกเขาโดยสิ้นเชิง ล้มล้างความรู้ความเข้าใจดั้งเดิม เกรงว่าต่อให้เป็นเทวโลกเบื้องบนขึ้นไป ก็ไม่อาจก้าวกระโดดได้ไกลขนาดนี้ในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือน ไม่เคยมีตัวอย่างให้เห็นมาก่อน!


“นางยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?!”


“ขอบเขตผู้บงการ นี่ไม่ได้เป็นขอบเขตเล็ก ๆ แต่อย่างใด!”


ด้านนอกตระกูลเทียน บรรพจารย์จากกองกำลังต่าง ๆ พากันตื่นกลัว สีหน้าของพวกเขาดูแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง


พวกเขาต่างรู้เรื่องเกี่ยวกับซีอยู่บ้าง ก่อนหน้าจะเข้าไปยังเจดีย์เวหา ซีนั้นอยู่ขั้นเก้าขอบเขตลอยชาย


นี่มันยิ่งกว่าคำว่าสะท้านฟ้า เพียงแค่ครึ่งเดือนกลับก้าวกระโดดได้ถึงเพียงนี้ กระทั่งฝันพวกเขายังไม่กล้าด้วยซ้ำ!


“เหตุใดข้าถึงไปยั่วยุคนเช่นนี้กัน!”


เทียนหมิงรู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง คราวนี้มีโอกาสอย่างมากที่เขาจะจบสิ้นลง ซีนั้นวิปริตจนเกินไป เขาไม่ควรยั่วยุคนผู้นี้ตั้งแต่แรก


ทว่าตอนนี้จะเอ่ยสิ่งใดไปก็ไม่มีประโยชน์ ซีจะต้องไม่ยอมปล่อยเขาไปโดยง่าย!


‘ตกอยู่ภายในสถานการณ์บีบบังคับเช่นนี้แล้ว มีเพียงแค่ต้องทำเท่านั้น!’


เขาเอ่ยขึ้นมาในใจ เลือกหนทางอย่างแน่วแน่ เขาไม่ได้ไร้ทางออกเสียทีเดียว ยังมีหนทางอยู่ เพียงแต่หนทางนี้ไม่ค่อยจะดีนัก หากเลือกแล้วไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป


“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?!”


มีบรรพจารย์ตระกูลเทียนเอ่ยถามซีด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก


“ไม่ต้องการทำสิ่งใด เพียงแค่จะฝึกฝน พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตึงเครียดไป”


ซีเอ่ยออกมาเสียงเรียบ น้ำเสียงฟังชวนสั่นสะท้าน “เทียนลู่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? พาเขามาพบข้า...”


เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนอดกริ่งเกรงในตัวซีไม่ได้ สั่งให้คนไปพาเทียนลู่ขึ้นมาทันที


เทียนลู่อยู่ในสภาพน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งสองไร้ประกาย ลมหายใจแผ่วเบา คล้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากเทียนหมิงต้องการแสดงความเมตตากรุณาของตน จึงยังไม่ได้สังหารเทียนลู่ทิ้ง


ไม่เช่นนั้นเทียนลู่คงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้!


เทียนหมิงไม่ต้องการจะแบกรับมลทินว่าสังหารพี่ชายของตนเอง


อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไม่ใช่เรื่องที่เปิดเผยให้ผู้อื่นรู้


“ข้า… ข้าไม่คู่ควรกับความไว้ใจของท่านเลย!”


เมื่อเทียนลู่เห็นซี บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความละอายใจ ยามนั้นเมื่อซีส่งมอบตัวเทียนหมิงให้ เขากลับทำทุกอย่างพัง เขาประเมินหมากที่เทียนหมิงวางเอาไว้ในตระกูลต่ำไป คนส่วนใหญ่ในตระกูลล้วนเป็นคนของเทียนหมิง


“เจ้าไม่สามารถเปรียบเทียบได้ก็นับเป็นเรื่องปกติ เขาเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่มีสามัญสำนึก ไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนสามารถกระทำได้ แต่หลังจากวันนี้เจ้าจะไม่พบกับเรื่องชวนปวดหัวเช่นนี้อีก ข้าจะสังหารเขาให้สิ้น!”


ซีเอ่ยออกมา


จากนั้นนางก็หันไปมองเทียนหมิง “วันนี้ข้าจะตัดรากถอนโคนเจ้าเสีย!”


หลังจากนั้นนางก็ลงมือทันที เรียกใช้วิชากระบี่ออกมา สร้างกระบี่ขึ้นบนอากาศฟันใส่ไปทางเทียนหมิงโดยตรง!


“ท่านบรรพจารย์ช่วยข้าด้วย!”


เทียนหมิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบไปหลบอยู่ด้านหลังเหล่าบรรพจารย์ทันที


มีบรรพจารย์ผู้หนึ่งลงมือต้องการจะหยุดยั้งการโจมตีของซี


ทว่าร่างกายของเขาพลันสะท้านอย่างหนัก ปะทะเข้ากับการโจมตีอย่างรุนแรง!


“รุนแรงถึงเพียงนี้?!”


เหล่าสิ่งมีชีวิตที่เห็นภาพนี้ ถึงกับรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาอย่างไม่อาจบรรยายออกมาได้


บรรพจารย์ตระกูลเทียนที่ลงมือเป็นถึงขอบเขตผู้บงการผู้มากประสบการณ์ อยู่ถึงขั้นห้าของขอบเขตผู้บงการ สูงกว่าซีถึงสองขั้น ทว่าสุดท้ายกลับต้านการโจมตีนี้ด้วยความยากเย็น?!


นี่นับว่าน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!


ขอบเขตผู้บงการนั้นกว้างใหญ่ ความแตกต่างขั้นหนึ่งนับว่ามหาศาล ซีตามหลังอยู่ถึงสองขั้น แต่เหตุใดกลับสามารถโจมตีใส่บรรพจารย์ตระกูลเทียนเช่นนั้นได้?!


ทว่าซีกลับทำได้จริง ๆ!


“เขาเป็นเพียงคนจอมปลอม แท้จริงแล้วเป็นคนร้ายกาจ พวกเจ้าอย่าได้หลงกลเขา ความจริงแล้วเขาต้องการสังหารเทียนลู่ผู้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด!”


ซีเปิดปาก เล่าเหตุการณ์ในยามนั้นทั้งหมดออกมา


“อันใดกัน!”


“สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือ?!”


เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนต่างจับจ้องไปทางเทียนหมิงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง พวกตนถูกหลอกหรือ? เทียนหมิงต่างหากที่เป็นคนสารเลวที่แท้จริง?


“เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังสิ่งใดอีกต่อไป”


เทียนหมิงเปลี่ยนท่าทางเป็นสงบนิ่งแล้วกล่าวออกมา “ใช่แล้ว ทุกสิ่งที่นางเอ่ยล้วนเป็นความจริง ยามนั้นข้าต้องการจะยืมมือนางสังหารเทียนลู่ อีกทั้งท่านพ่อเองก็เป็นข้าที่ลงมือสังหาร!”


ด้วยสถานการณ์ในยามนี้ ไม่ว่าเขาต้องการจะปิดบังอันใดไว้ก็ล้วนไม่อาจทำได้ ความจริงถูกกำหนดให้เปิดเผยออกมา


เขาจึงไม่มีความตั้งใจจะปิดบังอีกต่อไป!


“เจ้ามันโหดเหี้ยมอำมหิต! สังหารพี่น้องสังหารบิดา เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่?!”


“เหตุใดจึงมีคนเช่นเจ้าอยู่บนโลกด้วย!”


เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนส่งเสียงกู่ร้อง ยกมือขึ้นต้องการจะโจมตีปลิดชีพเทียนหมิง แต่ทันทีที่ลงมือ พวกเขาทั้งหมดต่างก็พากันล้มลงทีละคน!


พวกเขาถูกวางยา! เพียงแค่พิษเพิ่งกระจายไปทั่วร่าง อีกทั้งยังเกือบเอาชีวิตของพวกเขาไปเสียแล้ว!


“เจ้าวางยาพิษพวกข้า!?”


“น่ารังเกียจยิ่งนัก!”


เหล่าบรรพจารย์จับจ้องเทียนหมิงด้วยความแค้น เหตุใดพวกเขาจะยังไม่เข้าใจอยู่อีก ต้องเป็นเทียนหมิงที่วางยาพิษอย่างแน่นอน ก่อนจะระเบิดพิษในร่างกายของพวกตนเมื่อครู่


“แน่นอน! พวกเจ้าเป็นหมากของข้า ข้าย่อมต้องวางยาพิษพวกเจ้าเอาไว้...”


เทียนหมิงมองดูเหล่าบรรพจารย์ด้วยสีหน้าเฉยเมย “พวกเจ้าเงียบเสียดีกว่า ยิ่งขยับ พิษยิ่งแพร่กระจายเร็วขึ้น มีแต่ทำให้พวกเจ้าตายไว้ขึ้นเท่านั้น!”


หลังจากนั้น เขาเรียกของบางสิ่งออกมาทันที เกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หลุมดำขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขา


เสียงคำรามทุ้มต่ำของสัตว์ร้ายที่ดังออกมาจากหลุมดำ ตามมาด้วยสิ่งมีชีวิตก้าวออกมา


“สิ่งมีชีวิตในแดนมฤตยูซากอัมพร!”


“เจ้าทำข้อแลกเปลี่ยนกับพวกมันหรือ?!”


เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนต่างรู้ที่มาของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากแดนมฤตยูซากอัมพร


ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในแดนมฤตยูซากอัมพรใกล้เคียงคำว่าดี ต่างดุร้ายโหดเหี้ยม ไม่คิดเลยว่า เทียนหมิงจะมีความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตในแดนมฤตยูซากอัมพร!


ใช่แล้ว เทียนหมิงมีข้อตกลงแลกเปลี่ยนเหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนกับแดนมฤตยูซากอัมพร


สิ่งมีชีวิตแดนซากอัมพรต้องการกลืนกินและดูดซับพลังของเหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียน ดังนั้นพวกมันจึงมอบยาพิษให้เทียนหมิงและทำข้อตกลง


เรื่องทั้งหมดควรดำเนินอย่างเป็นความลับ เทียนหมิงจะต้องจัดการบรรพจารย์ตระกูลเทียนแล้วมอบให้กับแดนมฤตยูซากอัมพรโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้


แต่ตอนนี้สถานการณ์วิกฤตแล้ว เทียนหมิงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ จำต้องเรียกสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรออกมา


“ดีมาก เจ้าทำได้ไม่เลว!”


สิ่งมีชีวิตจากแดนมฤตยูซากอัมพรกล่าวชื่นชมเทียนหมิง


หากไม่ใช่เพราะเทียนหมิง พวกมันก็คงไม่อาจจัดการกับบรรพจารย์ตระกูลเทียนได้โดยง่าย อย่างไรเสียเหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนก็แทบไม่ได้ออกไปไหน ฝึกฝนอยู่ในตระกูลเสียส่วนใหญ่ ตัวพวกมันเองก็ไม่สามารถเข้ามายังดินแดนของตระกูลเทียนได้


“มีคนที่ดียิ่งกว่าอยู่ที่นี่!”


เทียนหมิงแย้มยิ้มบนใบหน้า จากนั้นก็ชี้ไปที่ซีและเอ่ยกับสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพร “นางไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แม้ขอบเขตของนางจะต่ำสักเล็กน้อย แต่พลังก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นสามารถต่อกรกับบรรพจารย์ตระกูลข้าได้!”


สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรมองตามทิศทางที่เทียนหมิงไปชี้ เมื่อเห็นซี ดวงตาของพวกมันก็สว่างวาบทันที


ซีนับได้ว่าดีมากจริง ๆ มันสามารถสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดา เพียงแค่พริบตาเดียวพวกมันก็เกิดความคิดต้องการจะจัดการซีด้วย


“ทำตัวว่าง่ายแล้วไปกับพวกข้าเสีย พวกข้าสามารถมอบความสุขให้กับเจ้าได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะต้องสัมผัสกับความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด!”


“คนงามเช่นนี้ อย่าได้คิดทำสิ่งโง่เขลาเลย ควรรู้จักประเมินสถานการณ์ บางทีพวกเราอาจสามารถไว้ชีวิตเจ้าได้!”


พวกมันเอ่ยออกมาอย่างสงบนิ่ง วางท่าทางสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง ถือว่าซีเป็นสิ่งที่หยิบจับได้ตามต้องการ


หากซีไม่ยอมฟังคำ พวกมันก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงความร้ายกาจออกมา!


คิ้วเรียวของซีขมวดลงเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตเหล่านี้กำลังพูดอันใดอยู่กัน? คิดจริงหรือว่าสามารถหยิบจับนางได้ตามต้องการ?


นางลงมือทันทีโดยไม่เอ่ยวาจาใด สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนแต่ไม่มีสิ่งดีแต่อย่างใด


พวกที่สามารถร่วมมือกระทำความชั่วกับเทียนหมิงได้ จะนับว่าดีได้อย่างไร?


เสียงฟิ้วดังขึ้น มีบางสิ่งทะยานออกมาจากร่างของนาง เกิดความผันผวนพิเศษที่ไม่อาจอธิบายได้พุ่งทะยานขึ้นฟ้า


มันคือผังค่ายกลอันหนึ่ง หลังจากที่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ผังนั้นพลันคลี่ตัวออกกลายเป็นค่ายกลเต็มพื้นที่ อักขระอันน่าตื่นตะลึงขยับเคลื่อน ปกคลุมสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรเหล่านั้นเอาไว้


“ค่ายกลหรือ?”


“แม่นางน้อยคนงามไม่คิดพูดจาหรือ? เพิ่งจะไม่ทันไรก็คิดจะสู้ตายกับพวกเราเสียแล้ว”


เพื่อเผชิญหน้ากับค่ายกลที่ปกคลุมตนเองไว้ สิ่งมีชีวิตจากแดนมฤตยูซากอัมพรก็ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งเป็นอย่างมาก ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด


“พวกท่านโปรดระวัง นางมีความสามารถด้านค่ายกลสูงเป็นอย่างมาก!” เทียนหมิงตะโกน เตือนเหล่าสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรไม่ให้ประมาท


“สูงเป็นอย่างมากหรือ? จะสูงได้สักเพียงใดกัน?”


“พูดถึงเรื่องค่ายกลแล้ว นางยังนับว่าห่างชั้นนัก!”


สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรเปี่ยมด้วยความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่เห็นค่ายกลนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย พวกมันมีไพ่ตายเอาไว้ทำลายค่ายกลโดยเฉพาะอยู่ในมือ


ตู้ม!


ความว่างเปล่าระเบิดออก ค่ายกลสำแดงพลัง นี่เป็นค่ายกลที่ซีสร้างขึ้นมาตอนอยู่ภายในเจดีย์เวหา เผื่อเอาไว้ใช้งาน


“ดูข้าทำลายค่ายกลทิ้งเสีย!”


สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรตนนั้นมั่นใจเป็นอย่างมาก มือหยิบบางสิ่งขึ้นมา นั่นคือหินก้อนหนึ่ง ด้านบนเต็มไปด้วยอักขระเหนือล้ำมากมาย ดูแล้วไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง


นี่เป็นสิ่งที่มันได้มาจากแดนอันตรายในชั้นสาม ไม่รู้แน่ชัดว่ามีที่มาเช่นไร มันเกือบต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ในแดนอันตรายเพื่อจะได้รับหินก้อนนี้มา


ต่อมาหลังจากที่มันได้ทดสอบความสามารถของหินก้อนนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลใดก็ล้วนสามารถทำลายได้ นับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง มันจึงตั้งนามให้หินก้อนนี้ว่าศิลาทลายค่าย


หินก้อนนี้พิเศษจริง ๆ อักขระเหนือชั้นด้านบนส่องแสง เป็นดังกระจกสะท้อนรูปแบบค่ายกลออกมา อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบค่ายกลนั้นได้ด้วย!


ทว่ามันก็ถูกตอบโต้กลับมาอย่างรวดเร็ว!


ระดับความเข้าใจลึกซึ้งในค่ายกลของซีนั้นสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง เช่นนั้นแล้วจะถูกทำลายโดยง่ายได้อย่างไร?



เสียงสนั่นดังลั่น พลังงานในค่ายกลระดมโจมตีเข้าใส่ก้อนหิน กระแทกชนก้อนที่ลอยสูงอยู่บนอากาศให้ร่วงหล่นลงมา


“เวรเอ้ย! นี่มันผ้าพันแผลพันก้น*[1] แต่ข้ากลับลงมือพลาด!”


สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรร้องออกมาด้วยถ้อยคำแปลกประหลาด เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ กระทั่งศิลาทลายค่ายยังไม่อาจทำสิ่งใดได้ ความเข้าใจด้านค่ายกลของซีนั้นลึกล้ำสูงส่งถึงเพียงใดกัน?!


“ฆ่า!”


สิ่งมีชีวิตแดนซากอัมภรพลันเกิดความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ร่างกายเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า พวกมันต่างลงมือพุ่งเข้าใส่ทันที!


พวกมันนับได้ว่าทรงพลังมากจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตในชั้นสองหวาดกลัวกริ่งเกรงได้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ขั้นหกขอบเขตผู้บงการ!


ภายใต้ค่ายกลนี้ พวกมันไม่อาจนับเป็นสิ่งใด ค่ายกลนี้สามารถสังหารพวกมันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย!


เมื่อเห็นฉากดังกล่าว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ต่างพากันอ้าปากค้าง


สิ่งมีชีวิตขั้นหกขอบเขตผู้บงการ กลับถูกสังหารอย่างง่ายดาย ความสามารถด้านค่ายกลนับว่าถึงขั้นสามารถทำให้คนตกใจตายได้!


“ยังดีที่พวกเราไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย!”


“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถต่อกรด้วยได้จริง ๆ!”


เหล่าบรรพจารย์จากกองกำลังต่าง ๆ รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เหงื่อเย็นเยียบไหลทะลัก ยังดีที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปในตระกูลเทียนเพื่อต่อกรกับซี ไม่เช่นนั้นจุดจบอาจน่าสังเวชอย่างแน่นอน!


“ข้าก็หลงคิดว่าพวกเจ้าทรงพลังมากมาย! ทว่ากลับได้เพียงแค่นี้! นับเป็นการรนหาที่ตายแล้ว!”


เทียนหมิงสบถสาปแช่ง ใบหน้าซีดเซียวอัปลักษณ์ สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรล้วนทรงพลังและทรงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง เขายังหลงคิดว่าสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรจะสามารถจัดการกับซีได้อย่างง่ายดาย


ผลคือกลับถูกซีสังหารสิ้น!


“ให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด!”


เขาร้องไห้พร้อมก้าวออกมาคุกเข่าลงเบื้องหน้าซี เอ่ยอ้อนวอน หวังให้ซียอมปล่อยตนไป


ทว่าซีจะยอมปล่อยเทียนหมิงไปได้อย่างไร นางได้เห็นธาตุแท้ของเทียนหมิงมานานแล้ว หากปล่อยให้คนผู้นี้มีชีวิตอยู่ต่อ สุดท้ายย่อมจะต้องกลายเป็นภัยอย่างแน่นอน


ค่ายกลเปล่งแสง พุ่งเข้าสังหารเทียนหมิงจนดับสิ้น!


จากนั้นซีก็เดินไปทางเทียนลู่ เพียงแค่โบกมือ ก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์ส่องลงมาบนร่างของอีกฝ่าย นางใช้วิชาเยียวยาเพื่อรักษาเทียนลู่


แก่นกำเนิดของเทียนลู่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เกือบจะกลายเป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่อาจรักษาได้ ทว่าภายใต้วิชาเยียวยาของซี เทียนลู่กลับสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ แก่นกำเนิดบางส่วนกลับมารวมกันอีกครั้ง


แม้ว่าจะไม่อาจทำให้ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ในทันที แต่นับว่าสามารถมอบความหวังให้กับเทียนลู่ วันข้างหน้าเทียนลู่สามารถพึ่งพาแก่นกำเนิดที่กลับมาหลอมรวมกันบางส่วนเพื่อค่อย ๆ ฟื้นฟูทีละนิด


“ขอบคุณ ขอบคุณ!”


น้ำตาไหลอาบใบหน้าของเทียนลู่ เขาเกิดความรู้สึกซาบซึ้งต่อซีมากจนไม่อาจบรรยายออกมา นี่นับเป็นบุญคุณล้นฟ้า ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจตอบแทนได้หมด


กองกำลังที่อยู่ภายนอกต่างตกตะลึง วิชาเยียวยาของซีนั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง กระทั่งแก่นชีวิตยังสามารถรักษาได้ นี่มันวิชาล้ำค่าสะท้านฟ้าแบบใดกัน?


ซีและเต่าชราไม่ได้รั้งอยู่ในตระกูลเทียนนาน หลังจบเรื่องพวกเขาก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ชั้นสาม


สำหรับซีแล้ว แม้จะยังสามารถฝึกฝนต่อไปในชั้นนี้ได้ แต่ผลลัพธ์ก็จะไม่ได้ระดับเดิมอีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ฝึกฝนที่ชั้นนี้ต่อ การไปชั้นสามน่าจะดีกว่า


……


เวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือน ทุกอาณาจักรต่างเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา มีสิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลจำนวนมากมุ่งหน้ามายังจักรวาลโกลาหลแห่งนี้


“นี่คือสสารอันใดกัน? ช่างทรงพลังเกินไปแล้ว!”


“ข้าไม่เคยสัมผัสสสารเช่นนี้มาก่อน! เกรงว่าในเทวโลกตามข่าวลือก็จะไม่อาจเทียบชั้นได้กระมัง”


พวกเขาทอดถอนใจ หลังจากเข้ามายังจักรวาลโกลาหลแห่งนี้จริง ๆ แล้ว พวกเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าสสารเหล่านี้พิเศษเหนือชั้นมากเพียงใด แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้


“อาณาจักรแห่งนั้นทรงพลังยิ่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าอาณาจักรใด ๆ!”


“อาณาจักรแห่งนั้นคือใจกลางหรือ?”


พวกเขาสังเกตเห็นว่ามีหนึ่งอาณาจักรที่พิเศษโดนเด่นอย่างถึงที่สุด เปี่ยมด้วยสสารกับกฎแห่งสวรรค์และโลกอันเหนือชั้นกว่าอาณาจักรอื่นเป็นอย่างมาก


เพียงพริบตาเดียว สิ่งมีชีวิตจำนวนมากในหมู่ของพวกเขาก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา ก่อนเร่งรีบไปยังอาณาจักรแห่งนั้น


“จงรู้จักพึงพอใจ อย่าได้โลภมากเกิน! อาณาจักรอื่น ๆ ก็ดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อไปยังอาณาจักรแห่งนั้น...”


“ยิ่งสถานที่ดีเท่าใดก็ยิ่งน่าหวาดหวั่น!”


นอกจากนั้นยังมีสิ่งมีชีวิตอีกจำนวนมาก เลือกจะรั้งอยู่ที่อื่น ไม่ได้ตรงไปยังอาณาจักรแห่งนั้น ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น


……


อาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอาศัยอยู่


สิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลจำนวนมากพากันเข้ามา ดึงดูดความสนใจให้อาณาจักรแห่งนี้เกิดความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เหล่าสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นต่างตื่นตะลึง ทอดถอนใจว่าตนก็เคยนั่งชมท้องฟ้ามามาก แต่กลับไม่รู้ว่าโลกหล้ากว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงนี้!


แข็งแกร่งเกินไปแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่ายอดฝีมือจากต่างจักรวาลโกลาหลอยู่ขอบเขตขั้นใดกัน นี่มันเหนือเกินกว่าสามัญสำนึกของพวกเขามาก!


ยังดีที่สิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลแห่งนั้นไม่กล้าก่อความวุ่นวาย นิ่งสงบเป็นอย่างมาก อย่างไรเสียโลกนี้ก็อัศจรรย์และลึกลับเกินไป จนกว่าจะทำความเข้าใจได้เพียงพอ พวกเขาก็ไม่กล้าก่อเรื่องอันใด


“ดี”


เมิ่งจีหยุดมือ จักรพรรดินีเองก็เก็บทวนกลับไป


หากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นกล้ามาก่อความวุ่นวายในอาณาจักรแห่งนี้ พวกเขาย่อมไม่มีทางปล่อยไปโดยง่าย!


……


เมืองชิงซาน


ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า


สือเฟิงมาเยือนพร้อมกับจดหมายเชิญสีแดงในมือ พร้อมบอกกล่าวกับคุณชายว่าเขากำลังจะแต่งงาน


“นับเป็นเรื่องดี! ยินดีด้วย!”


หลี่จิ่วเต้ารับจดหมายเชิญด้วยรอยยิ้ม “งานแต่งใกล้มาถึงแล้ว ช่วงนี้เจ้าคงต้องยุ่งเป็นอย่างมาก เหตุใดจึงยังมาส่งจดหมายเชิญด้วยตนเองอีก? ไม่สู้ให้ผู้อื่นมาส่งให้!”


“สำหรับคุณชายแล้ว ข้าย่อมต้องมาส่งด้วยตนเองแน่นอน!”


สือเฟิงเอ่ย จากนั้นก็ถามออกมาด้วยความระมัดระวัง “ไม่ทราบว่าคุณชายจะมีเวลาไปหรือไม่?”


“แน่นอน! เมื่อถึงเวลาช้าย่อมต้องไป!”


หลี่จิ่วเต้ายิ้ม


“เช่นนั้นข้าจะรอคอยคุณชายมาเป็นแขก!”


สือเฟิงกล่าวลาคุณชายด้วยความตื่นเต้น ก่อนจากไป




[1] ผ้าพันแผลพันก้น (纱布擦屁股) หมายถึง แสดงความสามารถหรือทักษะด้านใดด้านหนึ่งออกมา


สือเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมีความสุขเป็นอย่างมาก สำหรับงานสำคัญเช่นการแต่งงาน การที่มีคุณชายมาร่วมงานนับเป็นวาสนาครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้เขากังวลเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะสามารถเชิญคุณชายมาได้หรือไม่


อย่างไรเสียสถานการณ์ในปัจจุบันก็ปั่นป่วนเป็นอย่างยิ่ง แปรเปลี่ยนไปได้ทุกวัน อนาคตก็ยังไม่ดูเป็นที่น่าพึงพอใจ จะต้องมีความวุ่นวายครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เกรงว่าคุณชายจะต้องยุ่งยากเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้จึงไม่รู้ว่าคุณชายจะตอบรับหรือไม่


หลังจากออกจกาลานเล็ก เขาก็ไปยังบ้านของหลิงอิน เพื่อส่งจดหมายเชิญต่อ


จากนั้นก็ไปบ้านของตงฟางเวิ่นเพื่อมอบจดหมายเชิญเช่นกัน


“พี่ต้นหลิวกับพี่ก้อนหินก็อย่าลืมไปเชียว!”


ถัดจากนั้นหลังออกจากเมืองชิงซาน เขาก็ไปยังริมแม่น้ำสายเล็ก ก่อนส่งคำเชิญไปให้ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินด้วย


“เรื่องนี้ค่อยว่ากันภายหลัง ล้วนขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณชาย เจ้าก็น่าจะเข้าใจดีว่าพวกเราไม่อาจแปลงกายต่อหน้าคุณชายได้ เนื่องจากคุณชายไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพวกเรามาก่อน ตอนนี้ต่อหน้าคุณชายแล้วพวกเราเป็นเพียงแค่ต้นหลิวและก้อนหินธรรมดาทั่วไป...”


ต้นหลิวกล่าว “ทว่าข้าก็ยังต้องกล่าวแสดงความยินดีและขอให้เจ้ามีความสุขกับการแต่งงานล่วงหน้า!”


“ใช่แล้ว ๆ ขอแสดงความยินดีและขอให้เจ้ามีความสุขกับการแต่งงานล่วงหน้า!”


เจ้าก้อนหินที่อยู่ด้านข้างเองก็เอ่ยออกมาเช่นกัน


“ข้าเข้าใจ ขอบคุณพี่หลิวและพี่ก้อนหินสำหรับคำอวยพร!”


สือเฟิงบอกลาต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน จากนั้นก็ตรงไปยังตำหนักไท่หัวเพื่อแจ้งข่าวให้เซี่ยเหยียนทราบ คนเหล่านี้ล้วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เขาจำเป็นต้องไปบอกกล่าวด้วยตนเอง


“แต่งงานนับเป็นเรื่องมงคล ไม่ควรปล่อยให้ฉินซินรอนานไปมากกว่านี้แล้ว ที่ผ่านมานับว่าไม่ง่ายสำหรับนาง...”


เซี่ยเหยียนยิ้ม ตอนนี้นางเติบโตขึ้นมากแล้ว กระจ่างแจ้งในเรื่องราวความรักระหว่างสือเฟิงและฉินซิน


ยามนั้นเมื่อสือเฟิงร่วงหล่นจากแท่นบุตรแห่งสวรรค์ ฉินซินก็ไม่เคยตีตัวออกห่างจากสือเฟิง ทั้งยังช่วยดูแลเขาเป็นอย่างดี นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


สามารถยืนหยัดเคียงข้างสือเฟิงที่ตกต่ำเช่นนั้นได้ แสดงให้เห็นว่าฉินซินรักสือเฟิงจริง ๆ


“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น! อนาคตต้องเผชิญกับสงครามครั้งใหญ่สะท้านฟ้าอย่างแน่นอน ข้าจึงอยากแต่งงานกับนาง เพื่อที่จะได้ต่อสู้อย่างไม่เหลือสิ่งใดติดค้างให้รู้สึกเสียใจ”


สือเฟิงพยักหน้า


คุณชายลงมือ ทำให้ทั่วทั้งจักรวาลโกลาหลได้รับการปรับปรุงพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก เขาตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องราวต่าง ๆ ย่อมไม่เรียบง่าย เช่นเดียวกับลั่วสุ่ยที่คิดว่าคุณชายกำลังเตรียมการวางหมากไว้อยู่


กระทั่งคุณชายยังจำเป็นต้องเตรียมการล่วงหน้า อนาคตจะต้องเผชิญกับเรื่องร้ายแรงอย่างถึงที่สุด เมื่อคิดถึงสถานการณ์ในยามนั้นแล้ว เขาจึงคิดจะแต่งงานกับฉินซิน เพื่อไม่ให้ต้องมีเรื่องติดค้างหลงเหลือไว้


ไม่เช่นนั้นเขาก็คงรู้สึกผิดต่อฉินซินเป็นอย่างมาก


หลังจากนั้นเขาก็อำลาเซี่ยเหยียน ออกเดินทางต่อไปแจ้งให้คนอื่นทราบ


คนรอบกายคุณชาย เขาย่อมต้องแจ้งเรื่องนี้ด้วยตนเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง เมิ่งจี และจักรพรรดินี เป็นต้น หลังจากแจ้งทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับไปยังนิกายอวี้ซวี


นิกายอวี้ซวี เป็นนิกายที่ตนสังกัด ในอดีตไม่ถือว่าเป็นนิกายทรงอำนาจแต่อย่างใด ทว่าตอนนี้แปรเปลี่ยนไปมา ถือเป็นหนึ่งในที่สุดของอาณาจักรแห่งนี้


ยามที่ทุกอาณาจักรมารวมตัวกันที่อาณาจักรแห่งนี้ แดนเซียนเคยคิดตั้งตนเป็นใหญ่ ก่อปัญหาสังหารผู้บริสุทธิ์ เขาจึงออกมาจัดการผู้แข็งแกร่งจากแดนเซียนด้วยตัวเอง ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในอาณาจักรแห่งนี้ต่างรับรู้ว่าเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด


หลังจากนั้น เมื่อผนึกแดนบรรพโกลาหลคลายออก คนจากชายขอบออกมาก่อการสังหาร ครั้งนั้นเขาเองก็ลงมือ สำแดงพลังอันแข็งแกร่งเหนือชั้น ทำให้บารมีเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น


ดังนั้นนิกายอวี้ซวี จึงได้รับสถานะสูงส่ง กลายเป็นที่เคารพเลื่อมใส


งานแต่งงานใกล้จะมาถึง ภายในนิกายอวี้ซวีล้วนยุ่งวุ่นวายอยู่กับการตกแต่ง สือเฟิงไม่ต้องการป่าวประกาศงานแต่งของตนอย่างใหญ่โต ทว่าเรื่องที่เขากำลังจะแต่งงานก็ยังคงแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักร


อย่างไรเสียนิกายอวี้ซวีก็ได้รับความเคารพเลื่อมใสจากทุกหนแห่ง อีกทั้งยังเป็นนิกายสูงสุดที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนทั้งอาณาจักรได้ ตัวสือเฟิงก็โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ข่าวดังกล่าวหากคิดไม่ให้เผยแพร่ก็เป็นเรื่องยาก!


“สือเฟิงกำลังจะแต่งงานหรือ? เร็วเข้า ๆ รีบเตรียมของขวัญที่ดีที่สุดมา! ข้าจะไปเข้าร่วมด้วยตนเอง!”


“เปิดคลังสมบัติ จากนั้นก็เอาไข่มุกแสนปีมาให้ข้า! ข้าจะส่งมอบมันเพื่อเป็นของขวัญ!”


มีเสียงเช่นนี้เกิดขึ้นทุกหนแห่ง แม้พวกเขาจะไม่ได้รับจดหมายเชิญ ทว่าก็ยังคงต้องการจะไปส่งมอบของขวัญอวยพร


พวกเขาต่างเตรียมของขวัญที่ดีที่สุดออกมา ไม่มีผู้ใดกล้าละเลยแม้แต่น้อย สามารถกล่าวได้ว่าสือเฟิงนั้นมีบุญคุณครั้งใหญ่ต่อคนทั้งอาณาจักร สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้อย่างแท้จริง!


เมื่ออาณาจักรมากมายมาถึงก็ไม่ได้ทำตัวสงบเสงี่ยมแต่อย่างใด สิ่งมีชีวิตแดนเซียนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากไม่มีสือเฟิงแล้ว พวกเขาจะสามารถหยุดยั้งสิ่งมีชีวิตจากแดนเซียนได้อย่างไร ย่อมต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก


ยังมีสิ่งมีชีวิตจากชายขอบแดนบรรพโกลาหลที่โหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่า ไม่เห็นชีวิตของพวกเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย หากพวกสือเฟิงไม่ได้ออกมาต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตชายขอบแดนบรรพโกลาหล จุดจบของพวกเขานั้นก็ไม่น่าคิดถึง!


“กลับไป เตรียมของขวัญ!”


“พวกเราเองก็กลับ!”


สิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเองก็ตั้งใจจะเข้าร่วมและส่งของขวัญอวยพร


พวกเขาเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด ต้องการจะกลับไปยังอาณาจักรของตนเองเพื่อเลือกดูของขวัญที่ดีที่สุด!


“สือเฟิงกำลังจะแต่งงานหรือ?!”


“นี่คือผู้ที่อยู่ข้างกายคนผู้นั้น!”


ดินแดนบรรพโกลาหลเชื่อมต่อผสานเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาจักรแห่งนี้แล้ว ข่าวการแต่งงานของสือเฟิงย่อมกระจายไปทั่วแดนบรรพโกลาหล


หลี่จิ่วเต้าเคยปรากฏตัวขึ้นมาในสนามรบกับความพิศวง จากนั้นก็ทำลายโลกกระดูกที่อยู่เบื้องหลังความพิศวง พวกเขาล้วนแล้วแต่เคยเห็นฉากการต่อสู้ครั้งนั้น


หลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อย ๆ ได้รู้ว่า พวกสือเฟิงกับหลี่จิ่วเต้านั้นมีความเกี่ยวข้องกัน สือเฟิงนั้นเคยติดตามหลี่จิ่วเต้า


“เตรียมของขวัญ! ข้าต้องไป!”


“นำของขวัญที่ดีที่สุดออกมา!”


บรรพจารย์ทุกดินแดนต่างให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คัดเลือกของขวัญด้วยตัวเองเพื่อเตรียมไปมอบให้


คนที่อยู่ข้างกายหลี่จิ่วเต้า พวกเขาไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย แม้จะไม่ได้รับคำเชิญ ทว่าพวกเขาก็ยังต้องการส่งคำอวยพร!




“สือเฟิงผู้นี้มีความเป็นมาเช่นไร? จึงเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้?”


“ลองไปดูเสีย นี่เป็นโอกาสที่ดีในการรับรู้เรื่องราวของอาณาจักรแห่งนี้!”


ภายในอาณาจักร สิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ ต่างเริ่มเกิดความสนใจขึ้นมาเช่นเดียวกัน


เพียงแค่งานแต่งงานของคนผู้หนึ่ง แต่กลับดึงดูดให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน พวกเขาจึงต้องการจะไปลองดู


……


แดนฮวง


ณ บริเวรแห่งนี้ ความว่างเปล่าเกิดการบิดเบี้ยวอย่างถึงที่สุด สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวออกมา


เพียงแค่พวกเขาคิด ก็สามารถรับรู้เรื่องราวจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นบนใบหน้าของพวกเขาก็พลันมีรอยยิ้มประดับขึ้นมา


“งานแต่งที่ทุกคนจับจ้อง ดีมาก ดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราเองก็จะไปเช่นเดียวกัน ‘ของขวัญชิ้นใหญ่’ จะประกาศการมาถึงของปริภูมิเวลาของพวกเรา จากนั้นก็สร้างกฎเกณฑ์ปริภูมิเวลาของพวกเราขึ้นมาใหม่!”


พวกเขาคือทัพหน้าที่ล่วงหน้ามายังอาณาจักรแห่งนี้


……


ณ สถานที่อีกแห่ง ความว่างเปล่าเองก็บิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก ก่อนจะปรากฏสิ่งมีชีวิตออกมาเช่นเดียวกัน


พวกเขาเองก็ได้รับรู้เรื่องราวมากมายของอาณาจักรแห่งนี้


“ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาน่าจะเป็นคนผู้นั้น...”


มีสิ่งมีชีวิตเหยียดยิ้มขึ้นมาหลังได้รับรู้ข้อมูลอย่างละเอียดของสถานการณ์สือเฟิง มีข่าวลือว่าเบื้องหลังสือเฟิงนั้นได้รับการสนับสนุนจากผู้ยิ่งใหญ่ทำให้พลังทยานขึ้นอย่างฉับพลัน ทันทีที่พวกเขาทราบเช่นนั้นก็นึกถึงหลี่จิ่วเต้าขึ้นมาทันที


นอกจากหลี่จิ่วเต้าแล้ว ยังจะมีผู้ใดอีกที่สามารถทำให้สือเฟิงก้าวกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้?


ย่อมเป็นไปไม่ได้!


“ส่งของขวัญ พวกเราเองก็ไปเถิด มอบของขวัญพิเศษจากพวกเราอย่างโลงศพให้เสีย!”


เขาหัวเราะออกมา “ข้าจะไปเลือกโลงศพให้กับเขาเอง...”


ทัพหน้าของปรโลกก็มาถึงเช่นกัน!


ไม่ว่าสือเฟิงจะเต็มใจหรือไม่ งานแต่งของเขาย่อมไม่มีทางเงียบสงบ ทั้งอาณาจักรต่างเคลื่อนไหวเพื่องานแต่งของเขา มีทั้งประสงค์ดี และประสงค์ร้าย…


จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า ถึงคราวงานแต่งของเขาจักต้องครึกครื้นเหลือแสนอย่างแน่นอน


ถึงครานั้น ย่อมต้องเกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนเลือนลั่น คงมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นเป็นแน่!


…..


เมืองชิงซาน


ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า


“ลั่วสุ่ยออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนข้าที”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยต่อลั่วสุ่ยด้วยรอยยิ้มเบาบาง “สือเฟิงกำลังจะแต่งงาน พวกเราคงไปมือเปล่ามิได้ ต้องเตรียมของขวัญไปให้เขาสักหน่อย”


“ได้เลยคุณชาย!”


นางพยักหน้าอันงดงามและเย้ายวน หลี่จิ่วเต้าเรียกกิเลนไฟเข้ามาพร้อมขึ้นขี่บนหลัง แล้วยื่นแขนข้างหนึ่งให้อีกฝ่าย “ขึ้นมาสิ”


แน่นอนว่ากิเลนไฟมิได้อยู่ในร่างเดิม มันคงร่างม้ามังกรไว้เรื่อยมาตั้งแต่ได้หลี่จิ่วเต้าคอยเลี้ยงไว้ในลานเล็ก


“หา?”


ใบหน้างดงามขาวผ่องของลั่วสุ่ยแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย คุณชายคิดจะขึ้นขี่ม้าตัวเดียวกับนางหรือ


ทำเช่นนี้คงหลีกเลี่ยงความใกล้ชิดของทั้งสองมิได้!


มาคิดดูแล้ว นอกจากยามนางเมาสุรา นางยังมิเคยได้สัมผัสคุณชายใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย!


แน่นอนว่าต้องยกเว้นเมื่อคราวนางอยู่ในร่างแมวด้วย ร่างแมวกับร่างมนุษย์แตกต่างกันมากทีเดียว!


“สมองแค่นี้มัวคิดฟุ้งซ่านกระไรอยู่ ระยะทางตั้งไกล คุณชายกลัวว่าเจ้าเหินไปเองไม่ไหว”


หลี่จิ่วเต้าเห็นใบหน้าแดงก่ำของลั่วสุ่ยก็รู้ว่าลั่วสุ่ยคิดไปไกลอีกแล้ว


เขามิได้มีความคิดล่วงเกินอันใด เพียงแต่สถานที่ที่ต้องไปนั้นห่างไกลจริง ๆ จึงกลัวว่าลั่วสุ่ยจะเหนื่อย ถึงได้ชวนลั่วสุ่ยขึ้นขี่ม้าตัวเดียวกัน


“ฮ่า ๆ…”


ลั่วสุ่ยหัวเราะเสียงหวาน จับมือหลี่จิ่วเต้ากระโดดขึ้นไปบนหลังกิเลนไฟ


หัวใจของชายหนุ่มดัง ‘ตึกตัก’ เขาไม่มีความคิดล่วงเกินก็จริง แต่ไม่แน่ว่านางอาจมีความคิดล่วงเกินเขาก็เป็นได้!


ถึงอย่างไร เมื่อใดที่ลั่วสุ่ยเมาจักต้องเข้ามาพะเน้าพะนอเขาทุกครั้งไป ว่ากันว่า คนเมามักสนทนาด้วยความจริงใจและแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา น่ากลัวว่านางจะหมายตาเขามานานแล้ว


“อยากขี้เหร่จริง!”


ชายหนุ่มขมขื่นใจเป็นที่สุด เดิมเขาเพียงอยากไปกับลั่วสุ่ย เพราะระยะทางไกลเช่นนี้ ระหว่างทางจะเหงาเกินไป ที่ชวนนางขึ้นม้าก็มิได้คิดเป็นอื่นใด


แต่ดูจากบัดนี้แล้ว ชายหนุ่มเองก็ประเมินตนเองสูงไปเช่นกัน


ครั้นลั่วสุ่ยขึ้นขี่ม้ามานั่งอยู่ด้านหน้าของเขา ชั่วพริบตานั้น เขาก็เริ่มระส่ำระสาย กลิ่นหอมจากตัวนางน่าสูดดมยิ่งนัก ซ้ำเรือนร่างของเขายังแนบชิดกับผิวพรรณขาวผ่องของลั่วสุ่ย นี่ยังไม่ทันเริ่มออกเดินทาง เขาก็ชักห้ามใจไม่อยู่เสียแล้ว


เขาคิดว่าตนนั้นมีจิตใจแน่วแน่ไม่หวั่นไหว ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าลั่วสุ่ย ดูจะเปราะบางเหลือเกิน…


นี่มันเหมือนยกหินทุ่มใส่เท้าตนเองจริง ๆ!


“ไม่ไปหรือคุณชาย”


เวลานั้น ลั่วสุ่ยหันกลับมาถามด้วยความฉงน เหตุใดคุณชายถึงยังไม่ออกเดินทางอีก


“เอ๋ ไปสิ ๆ ๆ!”


หลี่จิ่วเต้าได้สติ รีบบอกออกไป ก่อนจะขี่กิเลนไฟไปจากลานเล็ก


ลั่วสุ่ยลอบยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว ดูเหมือนคุณชายก็ต้านเสน่ห์ของนางไม่อยู่…


“คุณชายหลี่และแม่นางลั่วสุ่ยเป็นคู่สร้างคู่สมกันจริง ๆ!”


ทันทีที่หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยออกจากลานเล็ก ก็มีเสียงเช่นนี้เอ่ยขึ้น


“ใช่แล้ว โฉมสะคราญกันทั้งสองฝ่าย เหมาะสมกันยิ่งนัก!”


ใครคนหนึ่งด้านข้างกล่าว


ทว่าเพียงไม่นาน นางก็ได้สติ รีบกลับคำ “ถุย ๆ ๆ หาได้เหมาะสมกันไม่ หลิงอินต่างหากคือคู่สร้างคู่สมของคุณชายหลี่!”


นางคือป้าหวังข้างบ้าน มุ่งหวังให้หลี่จิ่วเต้าได้สมรสกับหลิงอิน


“ไม่ได้การ ข้าต้องไปหารือกับมารดาหลิงอิน ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ หลิงอินได้หมดหวังแน่!”


นางรีบร้อนออกจากร้านโดยไม่สนลูกค้า เรื่องแต่งงานระหว่างหลินอินกับหลี่จิ่วเต้า นางใส่ใจเหนือผู้ใด!


ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยขี่กิเลนไฟออกจากเมืองชิงซาน


เมื่อมาถึงสถานที่ห่างผู้คน หลี่จิ่วเต้าสั่งให้กิเลนไฟเหินขึ้นฟ้า เดินทางท่ามกลางชั้นเมฆ


กิเลนไฟอยู่ในลานมานาน มิได้ออกมาเที่ยวเล่นเลย หลังได้ยินคำสั่งโผบินของคุณชายมันก็ออกวิ่งอย่างปีติทันที


มันเหินยกระดับเร็วเกินไป หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยก็ใจลอยด้วยกันทั้งคู่ เพราะถึงอย่างไรทั้งสองก็แนบชิดเกินไปจนชวนให้ว้าวุ่นใจ มิได้มีสมาธิเท่าที่ควร เป็นผลให้ลั่วสุ่ยเซถลาเข้าอ้อมอกหลี่จิ่วเต้า ชายหนุ่มก็รั้งร่างของนางไว้ด้วยสัญชาตญาณ ด้วยกลัวอีกฝ่ายจะหล่นลงไป


“กรี๊ด!”


ลั่วสุ่ยร้องเสียงหลง ราวกับร่างกายอ่อนแรงไปในบัดดล นางหมอบอยู่บนตัวหลี่จิ่วเต้าคล้ายว่าสูญเสียพละกำลังไปทั้งหมด


เป็นเพราะความตกใจหรือ?


หลี่จิ่วเต้าตะลึงระคนฉงน ทว่าใคร่ครวญดูแล้วก็ไม่น่าใช่


ลั่วสุ่ยเป็นปีศาจฝึกตน ก้าวสู่เส้นทางการฝึกตนแล้ว อย่าว่าแต่ทางลาดชันเล็กน้อยเช่นนี้เลย ต่อให้นางหล่นลงจากหลังกิเลนไฟก็ไม่มีทางเป็นอันใดไป ลั่วสุ่ยเหาะเหินเดินอากาศได้


“หืม?”


จู่ ๆ เขาก็รู้สึกแปลก ๆ กับมือข้างที่โอบลั่วสุ่ยไว้ ราวกับจับบางอย่างไว้ได้


นี่มันอะไรกัน?


เขาสับสนมึนงง ทั้งยังใคร่รู้อย่างมาก มือข้างนั้นจึงออกแรงบีบโดยไม่รู้ตัว


“คุณชาย…!”


เวลานั้น ใบหน้าลั่วสุ่ยแดงก่ำ เสียงอ่อนเปลี้ยราวกับละลายเป็นน้ำ ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป หมอบราบอยู่ในอ้อมอกของหลี่จิ่วเต้า


“อ๊ะ แย่แล้ว!”


เวลานี้ หลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะไม่เข้าใจอีก เขาชักมือกลับทันที คนทั้งคนกระอักกระอ่วนเหลือแสน ใบหน้าแดงระเรื่อ ที่เขาบีบอยู่คือ… ของลั่วสุ่ย


“เป็นอันใดไป มิได้เหินนานจนลืมวิธีเหินไปหรือไร?!”


หลี่จิ่วเต้ารีบใช้มือเคาะศีรษะกิเลนไฟเพื่อเบี่ยงประเด็นคลายความอึดอัดนี้


“ขืนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ข้าจักย่างเจ้าเสีย!”


เขาบอกกับกิเลนไฟ


“ขอรับคุณชาย ข้ารับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก!”


กิเลนไฟรีบบอก…


ทว่า มันรู้ดีแก่ใจ คุณชายใช้มันเพื่อเบี่ยงประเด็น มิได้ตำหนิมันจริง ๆ


มันมิได้โง่!


กระทั่งมันยังคำนวณในใจว่า ทำเช่นนี้อีกสักรอบดีหรือไม่


มันรู้สึกว่าคุณชายชอบ!


แน่นอนว่ามันได้แค่คิดเท่านั้น คุณชายลั่นวาจาไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไร มันก็มิกล้าปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก


หากมันคิดผิดแล้วล่วงเกินคุณชายเข้า อีกฝ่ายมิลอกหนัง ดึงเอ็นมันออก แล้วจับมันไปย่างกินรึ!


มันอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวดีกว่า!


อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าไม่มีแก่จิตแก่ใจสนใจกิเลนไฟนัก


จนป่านนี้ลั่วสุ่ยยังไม่ดีขึ้น หมดแรงในอ้อมอกเขาประดุจสายน้ำอ่อนเปลี้ย ไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย


ความนุ่มนวลหอมหวานอยู่ในอ้อมอกเยี่ยงนี้ ซ้ำยังเป็นปีศาจแสนเย้ายวน อย่าให้เอ่ยเลยว่าชายหนุ่มว้าวุ่นเพียงใด!


“บาปกรรม บาปกรรม ดั่งที่ข้าได้ยินมาว่า รูปคือว่างเปล่าโดยแม่นมั่น ว่างเปล่าโดยแม่นมั่นคือรูป…”


หลี่จิ่วเต้าท่องพระธรรมในใจ คงสมาธิของตนไว้ ทว่ายิ่งเขาท่องเท่าไรก็ยิ่งวุ่นวายใจ ท่องไปท่องมา ก็ท่องถึงคัมภีร์เต้าเต๋อจิงแห่งศาสนาเต๋า!


“เต๋าที่อธิบายได้ มิใช่เต๋าอันอมตะ ชื่อที่ตั้งให้กันได้ ก็มิใช่ชื่ออันสูงส่ง… อะไรกันนี่ ไม่ท่องแล้ว!”


เขาสบถในใจ เลิกท่องไปเสียหมด หลักธรรมและหลักเต๋าที่ว่านั่นเมื่อเทียบกับลั่วสุ่ยในอ้อมอกแล้ว ไร้ประโยชน์สิ้นดี!


ไม่สามารถทำลายความฟุ้งซ่านในใจเขาได้เลย!


“ทุกข์ทน ทุกข์ทนเหลือเกิน!”


เขาร่ำร้องในใจ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอาการเจ็บปวดระคนสุขใจได้ชัดเจนที่สุด!

ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ