ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 776ถึง 780
วัตถุดิบอาหาร?
หลังสัตว์อสูรจากแดนบรรพโกลาหลได้ยินคำนี้ ต่างมีสายตาดุดันขึ้น จิตสังหารพลุ่งพล่าน
หมายความว่าอย่างไร คนกลุ่มนี้คิดจะกินพวกมันหรือ?
พวกมันส่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังกึกก้อง บารมีดุดันซัดสาด บุกนำออกไปหมายจะฉีกหลี่จิ่วเต้าเป็นชิ้น ๆ
สุนัขดำแค่นเสียงเย็น ย่างออกไปทีละก้าว มันยังคงอยู่ในร่างพิการ จนเป็นที่จับตามองของสัตว์อสูรและมนุษย์คนอื่น ๆ จากแดนบรรพโกลาหล
รู้สึก…คุ้นเคยนิดหน่อย!
ม่านตาพวกเขาหรี่ลง ต่างรู้สึกว่ารูปลักษณ์สุนัขดำช่างดูคล้ายราชันสุนัขผู้เป็นตำนานในแดนบรรพโกลาหลยิ่งนัก
ทว่าพวกเขาปัดความคิดนั้นตกไปในเวลาต่อมา
ราชันสุนัขแข็งแกร่งปานใด มิฉะนั้นคงมิได้รับการกล่าวขานว่าเป็นตำนาน และผู้ที่ราชันสุนัขชิงชังที่สุดก็คือเผ่ามนุษย์ แล้วไฉนเลยจะสวามิภักดิ์ใต้บัญชาหลี่จิ่วเต้า
สุนัขดำตัวนี้ไม่มีทางเป็นราชันสุนัข
“ฆ่า!”
ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์จากแดนบรรพโกลาหลพากันเคลื่อนไหวเช่นกัน พวกเขารู้สึกถึงอันตรายจากตัวสุนัขดำ แม้จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ กระนั้นพวกเขาก็มิกล้าชะล่าใจแม้แต่น้อย ลุยด้วยกำลังทั้งหมดที่มี!
ห้วงมิติสั่นไหว ดวงอาทิตย์สิ้นแสง อาณาจักรทั้งผืนสั่นคลอนรุนแรง พวกเขาออกโรงกันพร้อมเพรียง สำแดงวิชาบรรพโกลาหลออกมามากมาย หมายจะทำลายอาณาจักรทั้งผืนให้แหลกลาญ!
“โฮ่ง!”
สุนัขดำมีสีหน้าเย็นชา มิได้ลนลานแตกตื่น มันแหงนหน้าคำราม คลื่นแสงไร้ลักษณ์แผ่ขยาย อภินิหารและพลังทั้งหมดถูกลบล้างในบัดดล!
ยอดฝีมือสัตว์อสูรและเผ่ามนุษย์จากแดนบรรพโกลาหลล้มหน้าคะมำกับพื้น สภาพยับเยินเป็นที่สุด!
“ว่าอะไร!”
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร!?”
ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวา อย่างไรก็เชื่อไม่ลง แม้กระทั่งราชันสุนัขในแดนบรรพโกลาหลยังมิได้ดุดันผิดมนุษย์มนาเช่นนี้ สุนัขดำตัวนี้อยู่ในขอบเขตใดกัน!?
คำรามเสียงเดียวก็ลบล้างการโจมตีและพลังทั้งหมดของพวกเขาลงได้ น่ากลัวเกินไปแล้ว! พวกเขาต่างมีเหงื่อเย็นไหลโซมออกมาตามสันหลัง สั่นสะท้านไปทั้งดวงวิญญาณ
“หา!?”
พระเก้าประทีปพุทธเจ้ากลัวจนแทบปัสสาวะราด ความรู้สึกประเดประดังเข้ามาในใจ รู้สึกแย่เป็นที่สุด
หรือว่าหนนี้เขาต้องล้มเหลวอีกแล้ว!?
ภาพตรงหน้านี้ช่างคล้ายกับประสบการณ์ในอดีตของเขาเหลือเกิน ก่อนนี้ หลายครั้งที่เขาคิดว่าเอาชนะต้าเต๋อได้แน่ แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงความเพ้อฝันของเขา แต่ละครั้งต้องถูกต้าเต๋อกำราบอยู่ร่ำไป ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้
สุนัขดำเดินแหงนศีรษะเข้ามา ขนสีดำของมันส่องประกายวาววาม แม้จะเดินกะเผลก ทว่าบรรดายอดฝีมือสัตว์อสูรและเผ่ามนุษย์จากแดนบรรพโกลาหลต่างรู้สึกตื่นตระหนก หวาดผวาเหลือแสน
พรวด!
มันตัดปีกของนกใหญ่ตัวนั้น นี่คือของที่คุณชายออกปากจะเอา
หากมิใช่ว่าคุณชายขอให้อย่าหนักมือไป มันจึงต้องควบคุมพลัง ด้วยเสียงคำรามเมื่อครู่ของมันก็เพียงพอจะคร่าชีวิตของเหล่าสัตว์อสูรและเผ่ามนุษย์จากแดนบรรพโกลาหลแล้ว
“ขาแพะตัวนี้ก็ไม่เลว”
หลี่จิ่วเต้าก้าวเข้ามาด้วยสายตาเป็นประกาย ตั้งใจเลือกวัตถุดิบอาหาร
สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายแพะตัวหนึ่งถูกเขาหมายตา สุนัขดำตัดเท้าสี่ข้างของมันทันที
จากนั้น หลี่จิ่วเต้าเลือกอีกสามสี่อย่าง สุนัขดำลงมือฉะฉาน ตัดทุกสิ่งที่คุณชายต้องการลงมาหมด
“อามิตาพุทธ! ที่พวกเจ้าทำอยู่เป็นบาปหนา!”
“พวกเจ้าฆ่าพวกเราจนเกลี้ยงได้ แต่หัวใจของเราจะติดตามอยู่ข้างกายพระอมิตาภะพุทธเจ้าเสมอ พวกเจ้ามิอาจลบล้างพลังศรัทธาของพวกเรา!”
สมาชิกพุทธศาสนามากมายนั่งขัดสมาธิ ปากบริกรรมพระธรรม สีหน้าเลื่อมใสเป็นที่สุด
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้ว นี่เขากำลังมองอะไรอยู่?
ในสายตาของเขา สมาชิกพุทธศาสนาเหล่านี้ต่างหากคือ ‘มารร้าย’ อย่างแท้จริง ไม่เหลือความรู้สึก แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ รู้เพียงรับฟังคำสั่ง
อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเอ่ยว่าต้าเต๋อคือความชั่วร้าย ต้องกำจัดให้สิ้นซาก สมาชิกพุทธศาสนาเหล่านี้ต่างร่ำร้องว่าจะกำจัดต้าเต๋อ ไร้ซึ่งการวิเคราะห์แยกแยะของตัวเอง
ธรรมะจริง ๆ ไม่มีทางเป็นเช่นนี้
การบำเพ็ญธรรมด้วยความเลื่อมใสก็สามารถรักษาหัวใจจริงแท้ของตน แยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ มิใช่การเชื่อฟังเพียงลูกเดียว
“มีความศรัทธาในใจถือเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรสูญเสียหัวใจจริงแท้ของตนเพราะความศรัทธา จนถูกความศรัทธาควบคุม! ไม่ว่าเมื่อไร ไม่ว่าที่ไหน จะต้องปฏิบัติตามหัวใจจริงแท้ของตน แยกแยะความดีความชั่วให้ออก!”
หลี่จิ่วเต้าเรียกก้านหลิวก้านหนึ่งออกมา ก่อนจะโยนออกไป จากนั้น ก้านหลิวก้านนั้นลอยขึ้นไปบนฟ้า แสงสว่างสาดส่องลงไปเป็นผืน ราวกับมีฝนแสงโปรยปราย
นี่คือก้านหลิวชะล้าง มีพลังแห่งการชะล้าง ช่วยชะล้างวิญญาณให้หัวใจจริงแท้กลับมา
เขาเคยใช้ก้านหลิวท่อนนี้ชะล้างความมืดมิดในใจสุนัขดำ ช่วยให้สุนัขดำได้หัวใจจริงแท้กลับมา
แสงสว่างมากมายสาดส่องลงมา พร้อมด้วยพลังพิเศษบางอย่าง พุทธสาวกทั้งหมดในที่นี้สีหน้าเปลี่ยนกันหมด สายตาพวกเขาที่เคยไร้ชีวิตชีวากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“เหตุใด…พวกเราถึงมาอยู่ที่นี่!?”
“ช่วงที่ผ่านมาข้าทรมานเหลือเกิน! ต้องนั่งสวดมนต์ทุกวี่ทุกวัน ซ้ำยังต้องศรัทธาในพระอมิตาภะพุทธเจ้า ช่างน่าเจ็บปวดยิ่งนัก!”
สิ่งมีชีวิตไม่น้อยพากันปริปาก แต่เดิมพวกเขามิได้ศรัทธาในพระพุทธอยู่แล้ว ต่อมาถูกพระอมิตาภะพุทธเจ้ากำราบ ได้ฟังเทศนาบทหนึ่ง แล้วถึงก้าวสู่เส้นทางบำเพ็ญธรรม
อันที่จริง พวกเขามิได้ถูกขู่เข็ญให้บำเพ็ญธรรม
หลักธรรมนั้นพิเศษมาก พวกเขาก็ไม่เข้าใจในสถานการณ์จริง ๆ หลังได้ยินพระอมิตาภะพุทธเจ้าเทศนาธรรม พวกเขาก็ก้าวสู่เส้นทางบำเพ็ญธรรมอย่างอดมิได้
และในระหว่างการบำเพ็ญธรรม พวกเขาเริ่มสูญเสียตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว ไม่เหลือความรู้สึก บูชาแต่เพียงพระอมิตาภะพุทธเจ้า
คิดจะลบผลกระทบนี้และตื่นขึ้นจากหลักธรรมหาใช่เรื่องง่าย แม้แต่สุนัขดำยังห่างชั้นจากก้าวนั้นอีกไกล
หากมิใช่หลี่จิ่วเต้าลงมือ พวกเขาไม่มีทางคืนสภาพกลับมาแน่นอน
“น่ากลัวเหลือเกิน นั่นคือพระอมิตาภะพุทธเจ้าจริง ๆ หรือ”
พระสังฆราชได้สติก็ผวาในใจเป็นที่สุด พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่ปรากฏตัวในครานี้เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก หลักธรรมที่ใช้เทศนาก็ต่างจากที่เขาเคยบำเพ็ญสุด ๆ
หลักธรรมเช่นนี้ เมื่อบำเพ็ญจนถึงท้ายที่สุดจะกลายเป็น ‘ความบริสุทธิ์’ ถูกลบล้างจิตใต้สำนึกไปอย่างสมบูรณ์!
ทว่าหลักธรรมที่เขาเคยบำเพ็ญก่อนหน้านี้มิใช่เช่นนั้น จิตใต้สำนึกของตนจะยังคงอยู่ ยังรู้จักปฏิเสธ รู้จักตั้งข้อกังขา
พระเวทโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์องค์อื่นต่างนึกกลัวขึ้นมา จุดประสงค์ของหลักธรรมมิใช่เช่นนั้นแน่นอน เกิดอันใดขึ้นกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่หวนคืนมาครานี้ เหตุใดถึงเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ ต่างกันเกินไปแล้ว!
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าตัวสั่นระริก เขาต่างจากสิ่งมีชีวิตตนอื่น เขามิได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างใด
เขาไม่รู้จักต่อต้านพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่หวนคืนมาเลยสักนิด ยอมสวามิภักดิ์ทั้งใจ คล้ายว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าเล็งเห็นข้อนี้ของเขา ถึงได้แต่งตั้งเขาเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดของเขายังอยู่ มิได้มีพลังหลักธรรมพิเศษในตัว
สิ่งที่ก้านหลิวชะล้างขจัดออกไปคือพลังหลักธรรมพิเศษ ในกายเขาไม่มี จึงมิได้เปลี่ยนแปลงไป
ต้าเต๋อมองเรื่องนี้ออกเช่นกัน
เขาก้าวไปอยู่ตรงหน้าพระเก้าประทีปพุทธเจ้าพร้อมกล่าว “มนุษย์เราต้องรู้จักเอาชนะความกลัว อีกอย่าง วัวออกจะยอดเยี่ยม เหตุใดเจ้าต้องต่อต้านวัวถึงปานนั้นด้วย”
“มิใช่แค่วัว เหมือนว่าเขามีท่าทีเช่นนี้กับหมูด้วย ทั้งยังเคยออกคำสั่งให้เชือดหมูทุกตัว!”
พระสังฆราชเดินเข้ามาพลางบอก
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ต้าเต๋อเอ่ยตอบพระสังฆราช “ต้องรบกวนพระสังฆราชแล้ว ช่วยหาวัวและหมูมาอย่างละตัว แล้วให้พวกมันอยู่กับเก้าประทีปทุกวี่วัน จวบจนเก้าประทีปไม่เหลือความหวาดกลัวและความคิดอื่นอีก”
“อย่านะ!”
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าหน้าเขียว ให้เขาอยู่กับวัวกับหมู เขายอมตายเสียดีกว่า!
ได้ยินคำว่าวัวและหมูแล้ว เขารู้สึกปวดก้นขึ้นมาราง ๆ เรื่องราวในอดีตอนาถเกินกว่าจะย้อนรำลึก
“เช่นนี้เรียกว่าจัดยาให้สอดคล้องกับอาการ ที่ทำไปก็เพื่อประโยชน์ของเจ้า!”
ต้าเต๋อกล่าว ลงมือสะกดพลังในตัวพระเก้าประทีปพุทธเจ้า ขอให้พระสังฆราชพาตัวออกไป
“หากพวกเจ้าต้องการอยู่ในพุทธศาสนาของเราต่อย่อมอยู่ต่อได้ แต่หากไม่ต้องการ ข้าจะไม่บังคับพวกเจ้า การบำเพ็ญธรรมนั้นอยู่ที่วาสนา เหนือกว่านั้นคืออยู่ที่จิตใจ ไม่ว่าจะฝึกตนด้วยทางใด ก็เป็นสิทธิที่สิ่งมีชีวิตทุกตนพึงมี พวกเราจะไม่บังคับจิตใจผู้ใด”
ต้าเต๋อมองเหล่าสิ่งมีชีวิตที่เข้าร่วมพุทธศาสนาในภายหลังขณะกล่าว
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มิได้ต้องการบำเพ็ญธรรมอย่างแท้จริง เพียงแต่ถูกหลักธรรมเทศนาของพระอมิตาภะพุทธเจ้าล้างสมองเท่านั้น ถึงได้เลือกเข้าร่วมพุทธศาสนา
“ข้าไม่อยากเป็นคนหัวโล้น! มันน่าเกลียดเกินไป!”
“ลาก่อน!”
หลังได้ยินคำกล่าวของต้าเต๋อ สิ่งมีชีวิตจำนวนมากไปจากเขาญาณทันที
หลักธรรมนั้นพิศวงเกินไป มีโอกาสเกิดปัญหาสูง พวกเขาไม่ต้องการเกี่ยวพันกับหลักธรรมจากใจจริง
สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลเหล่านั้นก็พากันเอ่ย ‘คำลา’ แล้วรีบร้อนไปจากที่นี่
ให้ตายสิ ไม่หนีแล้วให้รอลงหม้อหรืออย่างไร
“ไยพวกเจ้าต้องรีบหนีไวปานนั้นด้วย! ข้าไม่กินมนุษย์! ผู้ที่อยู่ในรูปลักษณ์มนุษย์ข้าก็ไม่กิน!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยอย่างจนใจ
บรรดาสัตว์อสูรหนีไปอย่างรวดเร็วนั้นเขายังพอเข้าใจได้ แต่พวกมนุษย์กลับหนีเร็วยิ่งกว่าสัตว์อสูร เพราะเหตุใดกันเล่า!
“ทำได้ไม่เลว วันหน้า เจ้าจะกลายเป็นพระพุทธอย่างแท้จริง!”
ชายหนุ่มก้าวไปอยู่ข้างกายต้าเต๋อและตบไหล่เขาเบา ๆ พึงพอใจในวิธีการเมื่อครู่ของต้าเต๋อมาก แม้ต้าเต๋อจะยังเล็ก กระนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่ในหลาย ๆ ด้าน
“ขอบคุณคุณชายที่ชม!”
ต้าเต๋อลูบหัวโล้นน้อย ๆ นั่นพลางเอ่ยตอบแย้มยิ้ม
“ไปเถิด ไม่ต้องให้เจ้าคอยรับรองแล้ว ขืนให้เจ้ารับรอง น่ากลัวว่าพวกเราคงได้กินแต่อาหารเจ ได้ดื่มแต่น้ำเปล่า”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ
ที่นี่คือพุทธศาสนา ต้าเต๋อจะรับรองด้วยสิ่งใดกันเล่า พวกเขากลับไปยังที่พำนัก เตรียมทำปิ้งย่าง
หลังกลิ่นหอมจากเนื้อย่างโชยชายออกมา เสียงท่องพระนามอามิตาพุทธดังสะท้อนไปทั่วเขาญาณ รวมถึงเสียงกลืนน้ำลายอย่างบ้าคลั่งด้วย
พระภิกษุในเขาญาณเคยได้กลิ่นหอมเนื้อย่างขนาดนี้ที่ไหน พวกเขาต่างสะกดกลั้นอย่างสุดฤทธิ์ บริกรรมพระธรรม เบนความสนใจออกไป
“ไม่ต้องอดทนหรอก การบำเพ็ญธรรมนั้นบำเพ็ญที่ใด มิใช่ที่ศีลข้อห้าม!”
ต้าเต๋อลากพระสังฆราช พระเวทโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ มาด้วย เริ่มแรก พระสังฆราช พระเวทโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ ต่อต้านเป็นที่สุด แต่หลังจากพวกเขาได้กินเนื้อเข้าไปชิ้นหนึ่ง ดื่มสุราเข้าไปหนึ่งอึก ก็ปลดปล่อยตัวเองอย่างสิ้นเชิง สวาปามอย่างดุเดือด ประหนึ่งว่าเป็นวิญญาณตายอดตายอยากกลับชาติมาเกิด
หลายวันผ่านไป จู่ ๆ แสงพุทธะก็ส่องสว่างในเขาญาณ เสียงพุทธะดังกังวานอยู่ในปฐพี พระอมิตาภะพุทธเจ้ากลับมาแล้ว!
เขานั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ เปล่งประกายสีทองอร่าม ใต้ที่นั่งมีบงกชทองรองอยู่ ยิ่งใหญ่อลังการ ศักดิ์สิทธิ์เหลือแสน มองเห็นกันทั้งใต้หล้า!
“อามิตาพุทธ!”
เขาท่องพระนาม ก่อนจะเริ่มเทศนาธรรม แสงพุทธะสาดส่องทาบทับ เสียงบริกรรมบทสวดดังกึกก้องไปยังทุกระเบียดนิ้วในอาณาจักรนี้
เขาต้องการโปรดสรรพชีวิตทั้งปวง ให้สรรพชีวิตทั้งหลายเข้าร่วมพุทธศาสนา เลื่อมใสต่อเขา
ชั่วพริบตานั้น สิ่งมีชีวิตมากมายในอาณาจักรนี้ต่างหยุดทุกอย่างที่ทำอยู่ สองมือประนมอย่างอดมิได้ บริกรรมบทสวดตาม
ภาพนี้น่าสะท้านอย่างยิ่งยวด!
“สรรพชีวิตล้วนต้องเข้าร่วมพุทธศาสนา มิมีผู้ใดได้รับข้อยกเว้น ทั้งหมดจักต้องบูชาอาตมาเป็นนาย!”
พระอมิตาภะพุทธเจ้ามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่กลับมา แตกต่างจากเมื่อครั้งอดีตจริง ๆ เขามีท่าทางสง่างามน่าเกรงขาม ดูศักดิ์สิทธิ์เหนือชั้น ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยความเฉยเมยต่อโลกหล้า ไร้ซึ่งความเมตตากรุณา
“อามิตาพุทธ!”
เขายังคงสวดมนต์ต่อ ยิ่งผ่านไปเสียงยิ่งแผ่วงกว้างออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้านหลังของเขาปรากฏทิวทัศน์เป็นพุทธภูมิอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ทั่วทั้งอาณาจักรพลันมีสิ่งมีชีวิตแปรเปลี่ยนเป็นผู้ศรัทธามากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากบนท้องถนนประสานมือเข้าหากัน ปากท่องบทสวดออกมา จากนั้นก็มุ่งหน้ามาทางเขาหลิงซาน
อีกทั้งยังไม่หยุดอยู่เพียงอาณาจักรแห่งนี้เท่านั้น เสียงสวดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าแผ่จากอาณาจักรแห่งนี้ไปยังอาณาจักรต่าง ๆ มากมาย ผู้ใดก็ตามที่ได้ยินเสียงสวด ต่างก็เริ่มศรัทธาอย่างแรงกล้าขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีข้อยกเว้น จากนั้นก็พากันสวดมนต์
กระทั่งแดนเซียน หรือภายในภพเซียนก็เช่นกัน พระอมิตาภะพุทธเจ้าในยามนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเกินไป เสียงพุทธะดังกึกก้องไปทั่วทั้งจักรวาลหมื่นโกลาหลอย่างแท้จริง
“อามิตาพุทธ!”
“อามิตาพุทธ!”
เสียงดังขึ้นมาจากทุกอาณาจักร ผู้ใดได้ฟังเสียงพุทธะ แม้จะเป็นเทียนตี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ต่างเกิดจิตศรัทธา ต้องการจะเข้าร่วมพระพุทธศาสนา
เรื่องน่ากลัวที่สุดคือการที่สิ่งมีชีวิตภายในนครพิศวงเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หลังจากฟังเสียงพุทธะแล้ว กระทั่งพลังพิศวงในร่างของพวกมันก็ล้วนไม่สามารถต้านทานได้ พากันประนมมือนั่งคุกเข่าลง กู่ร้องคำว่า ‘อามิตาพุทธ’ ออกมา
“อามิตาพุทธ พระพุทธองค์ทรงเปี่ยมเมตตา!”
ภายในนครพิศวง เจ้าหลวงเองก็สวดมนต์ออกมาด้วยสีหน้าเคารพเลื่อมใส
“ตื่น!”
บรรพจารย์เหยียนที่อยู่ด้านข้างตะโกนออกมาเสียงดัง พลังพิศวงแผ่ออกจากตัวเขาปลุกเจ้าหลวงให้ตื่นขึ้น
“ท่านพ่อบุญธรรมเกิดอันใดขึ้นหรือ!?”
ใบหน้าของเจ้าหลวงเต็มไปด้วยความตกตะลึง เหงื่อเย็นเยียบไหลออกมาทั่วร่างจนขนพิศวงยาว ๆ นั่นเปียกชุ่ม
ทันทีที่ได้ยินเสียงพุทธะ มันก็สูญสิ้นสติ นี่นับว่าน่าหวาดกลัวเกินไปเล้ว!
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน...”
บรรพจารย์เหยียนทอดมองไปยังสถานที่ห่างออกไปไกลลิบด้วยสีหน้าจริงจังอย่างถึงที่สุด ยังดีที่มันเพิ่งฟื้นคืนพลังกลับมาไม่น้อย ทั้งยังได้สมบัติพิศวงจำนวนมากมาเสริมความแข็งแกร่งของพลังพิศวงได้ อีกทั้งเสียงพุทธะยังอยู่ห่างไกลออกไป ทำให้พลังลดทอนลงมา มันจึงสามารถปลุกเจ้าหลวงขึ้นมาได้
หากอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดเสียงพุทธะมากกว่านี้ แม้กระทั่งตัวมันเองก็จะต้องสูญเสียสติไปทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่อาจหลบเลี่ยงได้เช่นนี้
...
ณ แดนบรรพโกลาหล
กระทั่งสถานที่แห่งนี้ก็ยังไม่รอดพ้น เสียงพุทธะอันล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึงแผ่เข้าไปด้านใน หลังจากที่สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลหลาหลได้ยินแล้ว ก็พากันประนมมือท่องบทสวดออกมา แสดงท่าทางศรัทธาอย่างแรงกล้า
“นั่นคือเสียงอันใดกัน!?”
จ้าวแห่งตงชิวและคนอื่น ๆ ตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ทันทีที่เสียงพุทธะแผ่กระจาย สิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลจำนวนไม่ถ้วนก็พากันสูญเสียตัวตน พากันเอ่ย ‘อามิตาพุทธ’
‘อามิตาพุทธ’ ผู้นี้เป็นใครกันแน่!?
พวกเขายังดีที่พอจะต้านทานได้ แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ไม่สามารถฝืนอยู่ได้นาน
...
ณ แดนหยิน
“อามิตาพุทธ!”
จักรพรรดินีเองก็ได้ยินเสียงพุทธะเช่นเดียวกัน เพียงพริบตาเดียวสติของนางก็เริ่มเลือนหาย จักรพรรดินีตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบนำอักษรที่คุณชายเคยให้ออกมา พลันปรากฏแสงสว่างปิดกั้นเสียงพุทธะเอาไว้ ทำให้จักรพรรดินีฟื้นกลับมาอยู่ในสภาพปกติ
“นั่นคือผู้ใดกัน!?”
จักรพรรดินีมองไปทางพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่ปรากฏออกมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล
แม้นางจะไม่เป็นอันใด แต่ก็เห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่พากันไปชุมนุมกันเบื้องหน้าพระอมิตาภะพุทธเจ้าด้วยความศรัทธา
“น่าชิงชังนัก!”
หยวนอีขบฟันแน่น ใช้พลังทั้งหมดถ่ายเทไปยังสี่กระบี่ประหารเซียน พร้อมกับพลังจากอักษรของจักรพรรดินี เพื่อช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตให้ได้มากที่สุด แต่ทว่าพวกนางก็สามารถช่วยเหลือได้อย่างจำกัด ไม่มีทางช่วยเหลือทั้งหมดเอาไว้ได้
...
“เขาคิดจะทำสิ่งใด!?”
“ทรงพลังถึงเพียงนี้เชียว!?”
เมิ่งจี ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน และสือเฟิงกำลังอยู่ด้วยกัน ขณะที่เสียงพุทธดังขึ้น สมบัติบนร่างกายพวกเขาส่องแสง ปิดกั้นเสียงพุทธะทั้งหมดเอาไว้
พวกเขาต่างลงมือช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงอย่างไม่ลังเล แต่จำนวนสิ่งที่มีชีวิตก็มากเกินกว่าที่พวกเขาจะช่วยเหลือ ทำได้แต่เฝ้ามองสิ่งมีชีวิตที่เหลือพุ่งไปตามทิศทางเสียงของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
...
ณ เมืองชิงซาน
เสียงพุทธะเองก็แผ่มาถึงที่แห่งนี้ด้วย
“รนหาที่ตาย!”
ต้นหลิวตวาด กิ่งหลิวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งสยายกลายเป็นเกราะกำบังทั่วทั้งเมืองชิงซาน ไม่ปล่อยให้เสียงพุทธะหลุดเข้าไปภายในเมืองชิงซานแม้แต่น้อย
แม้ว่ามันกำลังฝึกฝนอยู่ในเทวโลก ทว่าก็ยังทิ้งจิตสำนึกส่วนหนึ่งเอาไว้ที่นี่ ทันทีที่ได้ยินเสียงพุทธะก็รีบตรงกลับมาโดยพลัน
“พี่หลิว!”
“เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นไม่ได้มีเจตนาดี พวกเราควรจัดการเขาหรือไม่!?”
เหล่าสมบัติพุ่งเข้ามา จากนั้นก็จับจ้องไปทางร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้าด้วยจิตสังหาร
เมื่อเสียงพุทธดังขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็สูญสิ้นตัวตนทันที นี่จะนับว่าเป็นคนดีได้อย่างไร นับว่าเป็นภัยอันตรายมากเกินไป
“ไม่ต้องกังวล พวกคุณชายอยู่ที่นั่นแล้ว”
ต้นหลิวมองพระอมิตาภะพุทธเจ้าแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นชา “ถึงกับเล่นลูกไม้ตรงสถานที่ที่คุณชายอยู่ เขาคิดว่าชีวิตของตนเองยืนยาวไปอย่างนั้นหรือ!?”
...
มัจฉาสัตมายาและชางเหยากำลังเดินเล่นเที่ยวชมไปรอบ ๆ ทว่าเมื่อเสียงพุทธะดังขึ้น มัจฉาสัตมายาก็สูญสิ้นสติไปในทันที เริ่มเอ่ยสวดมนต์ออกมา
“ตื่น!”
ชางเหยารีบเรียกม้วนอักษรที่คุณชายเขียนให้นางออกมาอย่างรวดเร็ว อักษร ‘สมดั่งปรารถนา’ เปล่งประกายเจิดจ้า ปกป้องนางและมัจฉาสัตมายาเอาไว้ ทำให้มัจฉาสัตมายาได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
ทว่าตอนที่เขาได้สติกลับคืนมา ก็พลันเห็นฝ่ามือชางเหยาที่พุ่งเข้ามาทันที
เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง ชางเหยาก็ตบหน้าเขาเข้าอย่างแรงเสียแล้ว
เสียงเพียะดังขึ้น เขาแทบจะปลิวกระเด็นออกไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมเปล่ง
“เจ้าทำสิ่งใด!”
มัจฉาสัตมายาตะโกนด้วยความโกรธ
“ข้าคิดว่าท่านสิ้นสติไปแล้ว จึงคิดจะปลุกท่านให้ตื่น!”
ชางเหยาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม
“เจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้กับข้าอย่างนั้นหรือ! คิดว่าข้ายังไม่รู้จักเจ้าดีอย่างนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะข้าเพิ่งทะเลาะกับเจ้าเมื่อสักครู่ เจ้าจึงตั้งใจตบข้า!”
มัจฉาสัตมายาจับจ้องชางเหยาด้วยความโกรธ “อักษรของคุณชายก็ทำงานแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่ฟื้นสติกลับมาได้อย่างไร!”
“เจ้าก็ยังรู้ตัวนี่ว่าทะเลาะกับข้าอยู่!”
ชางเหยาเก็บสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรมกลับไป ก่อนจะจิกลงแขนของมัจฉาสัตมายาอย่างแรง
“อ๊าก! เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ! หลังจากนี้ข้าจะไม่ทะเลาะกับเจ้าอีกแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยทั้งน้ำตา
ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ก่อนหน้าที่พวกเขาจะยืนยันความสัมพันธ์กัน ชางเหยาน่ารักอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้เล่า? ดุยิ่งนัก ดุเสียยิ่งกว่าแม่เสือ!
เฮ้อ ข้าช่างน่าเวทนายิ่งนัก! เห็นได้ชัดว่าอยู่กับคุณชายมาตั้งนานแล้ว แต่คุณชายกลับไม่ได้ให้สมบัติใดกับข้าเลย! ส่วนชางเหยากลับได้รับม้วนอักษรของคุณชายตั้งแต่แรกที่พบ ทั้งยังเป็นอักษร ‘สมดั่งปรารถนา’ แม้เขาคิดสู้ก็ไม่อาจสู้ได้!
มัจฉาสัตมายาคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดในใจ รำพึงว่าเมื่อใดกันที่คุณชายจะมอบสมบัติให้เขาบ้าง ทำให้เขาสามารถสยบชางเหยา ฟื้นฟูเกียรติของตนเองกลับมาบ้าง!
...
บนท้องฟ้าเหนือเขาหลิงซาน แดนฝอ
พระอมิตาภะพุทธเจ้าพึงพอใจอย่างมากเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่มุ่งเข้ามา
“ข้าตื่นขึ้นมาช้าเกินไปแล้ว ไม่เช่นนั้นตอนนี้ทั้งจักรวาลโกลาหลคงจะกลายเป็นพุทธภูมิไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนบรรพโกลาหลจะกลายเป็นสาวกของข้า”
เขาเอ่ยขึ้นภายในใจ เขาไม่ใช่พระอามิตาพระพุทธเจ้าคนก่อนหน้าอย่างแท้จริง
ในตอนแรกเขาไม่เข้าใจและก็ไม่ได้ตระหนักธรรม ทว่าหลังจากนั้นอยู่ ๆ ก็สามารถตื่นรู้ขึ้นมาได้ พร้อมทั้งมีนาม ‘พระอมิตาภะพุทธเจ้า’ ปรากฏขึ้นมาในใจ
เขาไม่ได้ตระหนักรู้ด้วยตนเอง แต่เป็นพระอมิตภะพุทธเจ้าที่ส่งต่อมาให้เขา
ความจริงแล้ว เขาเป็นความคิดหนึ่งของพระอมิตภาะพุทธเจ้าที่เข้ามายังจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ และพระอมิตาภะพุทธก็ไม่ได้มีเพียงความคิดเดียว ยังมีความคิดอีกมากมายในจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ
เพียงแต่ว่า ดูเหมือนจะมีบางสิ่งผิดปกติกับความคิดในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ เมื่อเข้ามาถึงจักรวาลโกลาหลเขาก็ตกอยู่ในสภาพหลับลึกโดยทันทีจนกระทั่งถึงตอนนี้
“มีเพียงแค่ข้าที่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน หรือว่าความคิดอื่น ๆ ก็เกิดเรื่องเช่นเดียวกัน?”
เขารำพึงกับตนเอง ไม่แน่ใจว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เขาเป็นเพียงแค่ความคิดหนึ่งที่แยกออกมาเพื่อเผยแพร่ธรรมให้หยั่งรากลึกไปทั่วจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ สำหรับความคิดอื่น ๆ เขาล้วนแยกจากไม่เข้าใจสถานการณ์ซึ่งกันและกัน
“คนที่ข้าเลือกไว้ก็ไม่เลว มีความเข้าใจธรรมะของข้าเป็นอย่างดี นับเป็นต้นกล้าที่ดีต้นหนึ่ง ในอนาคตสามารถกลายเป็นผู้นำของพระพุทธศาสนาได้”
เขาเอ่ยต่อ
“เพียงแต่น่าเสียดายยิ่งหนัก ข้าหลับลึกมานานเกินไป ทำให้เริ่มต้นได้ช้าเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างล้วนไม่สามารถดำเนินการไปทีละขั้นตอนได้...”
เขาหรี่ตาลง “แม้ว่านี่จะไม่ใช่หนทางการเผยแพร่ธรรมที่ถูกต้องมากนัก แต่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนจำเป็นต้องเร่งรีบ ข้าทำได้แต่เพียงให้พวกเขาเข้าพระพุทธศาสนาโดยหนทางนี้ไปก่อน ตอนนี้ไม่มีเวลามาเผยแพร่ธรรมะอย่างค่อยเป็ยค่อยไป”
เห็นได้อย่างชัดเจน ตัวเขาเองก็รู้ว่าวิธีนี้ไม่ถูกต้อง ขัดกับแก่นแท้ของพุทธศาสนา ทว่าเขาก็ไม่สนใจ บางทีแล้วความคิดนี้ของพระอมิตาภะพุทธเจ้าอาจมีปัญหาจริง ๆ
“มา มาเร็วเข้า มารวมตัวกันที่ข้า ฟังธรรมของข้าแล้วกลับตัวกลับใจมาศรัทธาในพุทธศาสนาเสีย!”
เขาหรี่ตาลง ในแววตาฉายให้เห็นถึงความละโมบโลภมาก เช่นนี้แล้วจะไม่มีปัญหาได้อย่างไร นี่เป็นหนึ่งความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าอันเป็นตัวตนสูงส่ง จะมีความโลภฉายชัดถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
“หือ!?”
ทว่าสีหน้าของเขาก็ต้องแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร้ว
ทั่วทั้งอาณาจักร รวมกระทั่งอาณาจักรอื่น ๆ ล้วนเต็มไปด้วยเสียงสวดของเขา ทว่าตรงจุดที่เขาอยู่อย่างเขาหลิงซาน กลับไม่ได้ยินเสียงสวดแม้แต่คำเดียว!
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?
ไม่ควร เรื่องนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง!
สิ่งที่เขาทำหลังตื่นจากการหลับลึกคือ การกลับไปยังเขาหลิงซานเพื่อสวดมนต์ เขาต้องการจะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่มั่นหลักภายในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้
สิ่งมีชีวิตที่นี่ล้วนจำนนต่อเขานานแล้ว
หากเป็นไปตามสถานการณ์ปกติ เมื่อเขาเริ่มสวดมนต์ออกมา สิ่งมีชีวิตในเขาหลิงซานควรเป็นพวกแรกที่ตอบสนอง อีกทั้งเสียงพุทธก็ควรจะเริ่มต้นจากที่นี่ด้วย!
ทว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ สิ่งมีชีวิตทั่วทั้งหมื่นอาณาจักรต่างตอบสนอง แต่เขาหลิงซานกลับไม่ตอบสนองแต่อย่างใด นี่จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
“ยามที่ข้าไม่อยู่ ที่มั่นหลักถูกคนยึดไปอย่างนั้นหรือ?”
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“นี่น่าสนใจอยู่บ้าง...”
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏที่มุมปากของเขา เขาต้องการจะรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ก็ล้วนต้องยอมจำนนต่อข้า!”
เขาท่องบทสวดออกมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเย็นชา คราวนี้เขามุ่งเป้าไปที่เขาหลิงซานเป็นหลัก!
แสงพุทธะขนาดใหญ่โตสาดทอลงมายังร่างความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้า กระทั่งสิ่งมีชีวิตในเทวโลกก็แทบไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงจักรวาลโกลาหลเล็ก ๆ ที่อยู่เบื้องนอกเทวโลกเลย
“น่ารำคาญนัก อยากหลับดี ๆ ก็ไม่อาจทำได้...”
ภายในตำหนักบนเขาหลิงซาน หลี่จิ่วเต้ายืดตัวด้วยความเหนื่อยล้า
เขาต้องการจะหลับดี ๆ ก็ไม่อาจทำได้ ด้านนอกเสียงเอะอะมากเกินไป
เสียงพุทธะกว้างใหญ่อย่างถึงที่สุด เปี่ยมด้วยพลังพิเศษอันไม่อาจอธิบายได้ พระอมิตาภะพุทธเจ้ามุ่งเป้าหมายไปที่เขาหลิงซานด้วยรอยยิ้มเริงร่าบนใบหน้า เขานั้นมั่นใจเป็นอย่างมาก
“ดูเสีย คราวนี้ยังจะไม่มีคนตอบรับอีกหรือไม่...”
เขาหัวเราะอย่างแผ่วเบา ได้ยินคนเริ่มเอ่ยออกมาว่า ‘อามิ…’
แต่แล้วสีหน้าของเขาก็ต้องแปรเปลี่ยนไปทันที คนผู้นั้นไม่ได้ท่อง ‘อามิตาพุทธ’ แต่ท่องออกมาว่า ‘อามิ...ต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา!’
“นี่มันอันใดกัน!”
แววตาของเขามืดครึ้มลง สีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแล้ว แม้จะมุ่งเป้าที่เขาหลิงซานก็ไม่ได้ผลอย่างนั้นหรือ? สิ่งนี้เกินกว่าความคาดหมายของเขามาก
นี่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
ความแข็งแกร่งของพระอมิตาพระพุทธเจ้าถึงระดับลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งถึงได้แล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่ความคิดหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้า แต่เขาก็ยังทรงพลังเป็นอย่างมาก
ด้วยพลังของเขาแล้ว แม้กระทั่งเทวโลกชั้นหนึ่งถึงสามก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ จะต้องสิ้นสติไปภายใต้เสียงพุทธของเขา
ทว่าเขากลับประสบความล้มเหลวที่นี่ เขาจะเคยคาดคิดเรื่องนี้มาก่อนได้อย่างไร
ภายในเขาหลิงซาน เมื่อเสียงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าดังขึ้นมา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ภายในก็มองไปทางพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างใด
พวกเขาตระหนักได้อย่างชัดเจน ว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าผู้นี้มีปัญหาใหญ่ยิ่ง และก็ไม่ใช่พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่พวกเขาศรัทธา
“นี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นหรือไม่?”
“หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่งจริง ๆ”
พวกเขาอดถอนหายใจด้วยความรู้สึกมากมายไม่ได้ สามารถฟังเสียงสวดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าโดยไม่ได้รับผลกระทบใด เรื่องนี้ทำให้พวกเขานึกถึงหลี่จิ่วเต้าขึ้นมาทันที
นอกจากหลี่จิ่วเต้าแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถคิดหาเหตุผลอื่นได้
ความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริง
พวกเขาได้รับการชำระจากกิ่งหลิ่วชะล้าง ทำให้มี ‘ภูมิคุ้มกัน’ ต่อเสียงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าเป็นที่เรียบร้อย อย่าว่าแต่นี่เป็นเพียงความคิดหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้าเลย กระทั่งตัวของพระอมิตาภะพุทธเจ้ามาด้วยตนเองก็ไม่สามารถกระทำได้
อีกด้านหนึ่ง หลี่จิ่วเต้าเดินออกมาจากห้องก็มองเห็นพระอมิตภะพุทธเจ้าที่ประทับอยู่บนดอกบัวทองคำตรงฟ้าสูง
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่คือพระอมิตาภะพุทธเจ้าอย่างนั้นหรือ? หน้าตาเหมือนกับพระพุทธรูปทองคำที่ประดิษฐานเอาไว้ในวิหารต้าสยงไม่ผิด
เพียงแค่ดูเหมือนว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าผู้นี้จะมีสิ่งใดผิดแปลกไป เขาเห็นความดุร้ายโหดเหี้ยมในสายตาของพระอมิตาภะพุทธเจ้าผู้นี้
พระอมิตาภะพุทธเจ้าเปี่ยมด้วยความเมตตาโอบอ้อมอารี ยึดถือการพาสรรพสัตว์หลุดพ้นจากความทุกข์เป็นหน้าที่ตน เช่นนั้นแล้วจะมีแววตาดุร้ายเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้อย่างไร จะต้องมีสิ่งผิดปกติกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าอย่างแน่นอน อีกทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในเขาหลิงซานก่อนหน้านี้ก็น่าจะมาจากปัญหาเดียวกัน
“อามิ...ต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา พระผู้เป็นเจ้า เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านกัน!?”
ต้าเต๋อเอ่ย
เมื่อเขาเห็นพระอมิตาภะพุทธเจ้า ก็พลันรู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ลมหายใจของพระอมิตาภะพุทธเจ้าแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาได้พานพบอย่างสิ้นเชิง เขาสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า!
“ผู้ใดให้สิทธิ์เจ้าเรียกตนเองว่าฝอ?”
พระอมิตาภะพุทธเจ้ามองต้าเต๋อด้วยดวงตาที่ไร้ความเมตตาแม้เพียงนิด “เหตุที่เขาหลิงซานกลายเป็นเช่นนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
เขารู้จักต้าเต๋อ ตระหนักอย่างชัดเจนว่าคนรอบกายต้าเต๋อล้วนไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
หรือจะเป็นคนผู้นั้นกัน?
เขามองไปทางหลี่จิ่วเต้า รู้สึกได้ว่าชายผู้นี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถมองอีกฝ่ายออกแม้แต่น้อย หลี่จิ่วเต้าให้ความรู้สึกลึกลับเป็นอย่างมาก
เสียงตู้มดังขึ้น เขาตบฝ่ามือลงไปทันทีโดยไม่พูดจาอันใดให้มากความ เขาต้องการจะดูว่าหลี่จิ่วเต้านั้นมีความสามารถมากเพียงใด
หลี่จิ่วเต้าให้ความสนใจกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่เช่นกัน เมื่อเขาเห็นว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้ามองมาทางเขา ก็รู้ได้ทันทีว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้มีเจตนาดีแต่อย่างใด
เขาเรียกหินห้าประภาออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ขว้างออกไปทันที
หินห้าประภาเปล่งแสงเจิดจ้า รวดเร็วจนไม่อาจจินตนาการถึง กระทั่งพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังไม่อาจทันตอบสนอง เกิดเสียงปังขึ้นมา พร้อมกับหินห้าประภาที่กระแทกเข้าใส่ใบหน้าของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
อั่ก!
พระอมิตาภะพุทธเจ้ากระอักเลือดออกมา ถูกหินห้าประภากระแทกจนร่วงลงจากท้องนภา กระแทกลงบนยอดเขาจนพังทลายลง!
“สมกับเป็นสมบัติสะท้านฟ้า...”
หลี่จิ่วเต้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก ทันทีที่เขายกมือขึ้น หินห้าประภาก็บินกลับเข้าไปในมือของเขาทันที
ดูเหมือนบรรพจารย์ฝูจะแข็งแกร่งมากจริง ๆ ทุกสิ่งที่นำออกมาล้วนทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้เขายังขาดความมั่นใจอยู่บ้าง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นถึงพระอมิตาภะพุทธเจ้า เป็นดั่งตำนานอันอยู่เหนือสรรพสิ่งในดาวเคราะห์สีฟ้า เขาจึงเกิดความกลัวว่าหินห้าประภาจะไม่สามารถจัดการกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าได้
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้ทรงพลังมากเท่าที่เขาจินตนาการ หินห้าประภายังคงสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับพระอมิตาภะพุทธเจ้าได้
“หากข้าได้พบกับบรรพจารย์ฝูอีกครั้ง ข้าจะต้องกล่าวขอบคุณบรรพจารย์ฝูให้ดี!”
เขาถอนหายใจภายในใจ คิดว่าตนเองโชคดีเป็นอย่างยิ่ง สามารถแลกเปลี่ยนสมบัติกับผู้ยิ่งใหญ่เช่นบรรพจารย์ฝู นี่ทำให้เขามีวิธีใช้ปกป้องตนเองได้ดียิ่งขึ้น
“แต่...นี่คือพระอมิตาภะพุทธเจ้าจริงหรือ?”
เขาคิดขึ้นมาในใจอีกครั้ง รู้สึกว่าหากพระอมิตาภะพุทธเจ้าผู้นี้คือพระอมิตาภะพุทธเจ้าในตำนานของดาวเคราะห์สีฟ้าจริง ก็น่าจะแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่ควรพ่ายแพ้ต่อสมบัติเช่นนี้
“สมควรหรือไม่? หลักศานาพุทธถูกนำไปให้สุนัขกินหมดแล้วหรือ? กับข้าที่เป็นเพียงปุถุชนยังกล้าลงมือ ไม่ละอายใจบ้างหรืออย่างไร!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยพร้อมมองไปยังพระอมิตาภะพุทธเจ้า สำหรับพระอมิตาภะพุทธเจ้าผู้นี้ เขารู้สึกดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นการเลือกกำจัดผู้อ่อนแอก่อนใช่หรือไม่? เห็นเขาเป็นเพียงแค่ปุถุชนธรรมดา จึงคิดจะลงมือกับเขาก่อน?
หน้าไม่อายเสียจริง!
ปุถุชน!?
ปุถุชนบ้าบออันใด!
พระอมิตาภะพุทธเจ้าได้ยินสิ่งที่หลี่จิ่เต้าพูดแล้ว ภายในดวงตาก็ถึงกับเต็มไปด้วยความอาฆาต
เขาไม่เชื่อว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นปุถุชนแต่อย่างใด จะเป็นไปได้เช่นไร! เขาคิดว่าหลี่จิ่วเต้ากำลังทำให้เขาอับอาย และอัปยศอย่างถึงที่สุด!
ฟิ้ว!
แสงพุทธส่องสะท้อนลงมาจากผืนฟ้าส่องลงมาทางเขาที่กำลังลุกขึ้นจากพื้น แสงสว่างเจิดจ้ามากเสียจนไม่อาจมองได้โดยตรง ตอนนี้เขาโกรธเป็นอย่างมาก วันนี้เขาจะต้องสังหารหลี่จิ่วเต้าให้ได้
เห็นได้ชัดว่ามีแสงบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ลอยเข้าไปในร่างของเขา ทำให้พลังของเขายิ่งแข็งแกร่งน่าตื่นตะลึงมากขึ้นเรื่อย ๆ!
ร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้นจนแทบทะลุท้องฟ้า เบื้องหลังปรากฏภาพนิมิตอย่างต่อเนื่อง เขาใช้พลังความศรัทธาจากเหล่าบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ตกอยู่ใต้เสียงพุทธะ พลังบางอย่างที่ลอยออกจากร่างของพวกเขาตรงเข้าไปในร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ไม่เพียงแต่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้เท่านั้น กระทั่งหมื่นอาณาจักรและแดนบรรพโกลาหลเองก็ไม่เว้น พลังบางอย่างถูกดึงออกจากสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน มาเสริมพลังความแข็งแกร่งให้กับพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ฟ้าดินพลันแปรเปลี่ยนสีทันใด ส่งเสียงร้องกึกก้องอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งวันโลกาวินาศได้มาเยือนแล้ว ทว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ยังเพิ่มสูงขึ้น จนกระทั่งสามารถฉีกความว่างเปล่าออกเป็นรอยแยกขนาดใหญ่!
สุนัขสีดำตื่นตกใจเป็นอย่างมาก เดิมทีพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็แข็งแกร่งมากแล้ว ทว่าตอนนี้ไปถึงระดับที่น่ากลัวไกลเกินกว่าจินตนาการ ยามนี้พระอมิตาภะพุทธเจ้าก้าวไปถึงขอบเขตใดแล้วกันแน่? เกรงว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าเพียงแค่กระทืบเท้าเบา ๆ ก็สามารถกวาดล้างทุกสิ่งไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“สมควรตาย!”
ต้าเต๋อสบถด้วยความโกรธ สีหน้าน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง
มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าจริง ๆ ทั้งยังเป็นปัญหาใหญ่ การดึงพลังศรัทธาเช่นนี้ออกมานับว่าเป็นการดึงแก่นชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นมาด้วย และจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อบรรดาสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น
เขามองไปยังพระอมิตาภะพุทธเจ้าในตอนนี้ ไม่สามารถเห็นถึงความเมตตาใดแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอย่างมาก
“วันนี้ข้าจะสวด ‘อมิตาพุทธสูตร’ เพียงเพื่อเปลี่ยนเจ้าเพียงผู้เดียวเอง!”
พระอมิตาภะพุทธเจ้ามองไปทางหลี่จิ่วเต้าด้วยสีหน้าเย็นชา
อมิตาพุทธสูตร เป็นพระสูตรสูงสุดที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าสร้างขึ้นมา สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่งบนโลกได้ เขาโกรธมากจริง ๆ ถึงกับหยิบเอาวิชาก้นหีบออกมาใช้
ด้วยพลัง ‘ศรัทธา’ จากสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อรวมกับ ‘อมิตาพุทธสูตร’ แล้ว ไม่ว่าหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไร้ค่า ล้วนถูกกำหนดให้ถูกเขาเปลี่ยนแปลง ยอมฟังคำสั่งของเขา
“อย่าเอ่ยให้ขบขันเลย เจ้ายังไม่อาจเอาชนะข้าได้ ต่อให้เปลี่ยนเป็นพระตถาคต*[1]ก็ไม่ต่าง”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม
“พระตถาคต!”
รูม่านตาของพระอมิตาภะพุทธเจ้าหดแคบลง ไม่คาดคิดเลยว่าหลี่จิ่วเต้าจะเอ่ยชื่อพระตถาคตออกมา หลี่จิ่วเต้ารู้จักพระตถาคตได้อย่างไร!?
แม้กระทั่งในเทวโลก ก็มีสิ่งมีชีวิตเพียงน้อยนิดที่รู้ถึงตัวตนของพระตถาคต นี่นับเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา
“เรื่องไม่คาดฝันของข้าเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้าผู้นี้หรือไม่?”
เขาหรี่ตาลงครุ่นคิดกับตนเอง
ไม่ต้องสงสัยเลย หลี่จิ่วเต้าสามารถเอ่ยคำว่าพระตถาคตออกมาเช่นนี้ได้ ย่อมจะต้องมีความเข้าใจเรื่องพระพุทธศาสนาของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เขาอดเกิดความแคลงใจขึ้นมาไม่ได้ว่าเรื่องไม่คาดฝันที่เขาเผชิญ มีโอกาสอย่างมากที่หลี่จิ่วเต้าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง
“ลองดูแล้วจึงรู้!”
เขานั่งขัดสมาธิลง จากนั้นก็เริ่มท่อง ‘อมิตาพุทธสูตร’ ออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลงหลี่จิ่วเต้า
หากเขาสามารถเปลี่ยนหลี่จิ่วเต้าได้แล้ว เขาอยากทราบสิ่งใดก็สามารถรู้ได้ทุกเรื่อง
เขาสวด ‘อมิตาพุทธสูตร’ สัญลักษณ์สวัสดิกะของพระพุทธศาสนาก็ปรากฏออกมา ภาพเสมือนพุทธภูมิเองก็โผล่ออกมา ร่างของเขาเปล่งแสงเจิดจ้า ราวกับเป็นหนึ่งในโลกหล้า
“กล่าวตามตรงแล้ว ช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย เอาเถิด ให้ข้าบรรเลงสักบทเพลงให้ฟัง”
หลี่จิ่วเต้าส่ายหัวแล้วนำปี่สั่วน่าออกมา
ใช่แล้ว มันคือปี่สั่วน่า นี่ก็นับเป็นหนึ่งในสมบัติที่เขาแลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝูด้วย ยามนั้นเขาเองก็แปลกประหลาดใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงเลยว่าผู้ฝึกตนเองก็ใช้ปี่สั่วน่าเพื่อส่งผู้สิ้นชีวีด้วยหรือ?
แต่ภายหลังเขาก็คิดขึ้นมาได้
ผู้ฝึกตนเองก็ฝึกฝนมาจากปุถุชนเช่นกัน ย่อมไม่อาจตัดขาดจากปุถุชนได้โดยสิ้นเชิง การมีปี่สั่วน่าก็เป็นเรื่องปกติ
ทว่าอันที่จริงแล้ว เมื่อตอนที่บรรพจารย์ฝูกำลังเตรียมตัวจะวางหลุมพรางใส่หลี่จิ่วเต้า เขาบังเอิญไปพบพิธีศพของปุถุชนเข้า ทำให้เขาได้ปี่สั่วน่ามา
หลังจากนำออกมาแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็เริ่มเล่นปี่สั่วน่า
พันปีผีผา หมื่นปีกู่เจิง เอ้อร์หู*[2]ชั่วชีวิต จบสิ้นด้วยปี่สั่วน่า*[3]!
ไม่เคยได้ยินเสียงปี่สั่วน่า ได้ฟังอีกทีคนก็อยู่ในโลงแล้ว!
สรรพเครื่องดนตรี ปี่สั่วน่านับเป็นจ้าว!
เมื่อเสียงปี่สั่วน่าดังขึ้น ทุกสิ่งมีชีวิตในเขาหลิงซานก็ต่างขนลุกชันขึ้นมาทันทีด้วยความสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง เสียงปี่สั่วน่าก้องกังวานเข้าไปถึงจิตวิญญาณของพวกเขาโดยตรง!
“นี่มันอันใดกัน!”
บทสวดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าถูกขัดจังหวะทันที ไม่สามารถสวดต่อไปได้ เสียงปี่สั่วน่าแทรกซึมเข้ามาแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่อาจรวบรวมสมาธิ ได้รับผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้น เขาก็ราวกับได้ยังเสียงร้องไห้ไว้ทุกข์ ประหนึ่งว่านี่เป็นงานศพของเขา ถึงกระทั่งรู้สึกเหมือนตนเองกำลังนอนอยู่บนแผ่นกระดาน มีผ้าสีขาวคลุมปกปิดร่างของเขาเอาไว้
นี่เป็นพิธีฝังศพอย่างชัดเจน!
“มารดามันเถิด!”
เขาตื่นตกใจกลัว ไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นเลย เพียงแค่เสียงปี่สั่วน่าของหลี่จิ่วเต้าก็สมควรให้เขาหนีแล้ว!
ความคิดส่วนนั้นของพระอมิตาภะพุทธเจ้าพุ่งออกจากร่างเนื้อ รีบหนีไปจากสถานที่แห่งนี้!
ร่างเนื้อของพระอมิตภะพุทธเจ้าร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
ต้าเต๋อรีบพุ่งเข้าไปรับร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้าเอาไว้ เขาเห็นบางสิ่งพุ่งออกไปจากร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้า คาดว่านั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ควบคุมร่างกายพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่
“ยังสามารถไล่วิญญาณได้อีกด้วย!”
หลี่จิ่วเต้าเล่นเสร็จแล้ว ก็อดมองปี่สั่วน่าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เขาเองก็เห็นบางสิ่งลอยออกไปจากร่างเนื้อของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
‘สมกับเป็นปี่สั่วน่า กระทั่ง ‘วิญญาณร้าย’ ก็ไม่อาจทานทน ช่างทรงพลังนัก!’
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยขึ้นมาภายในใจ
[1] ตถาคต (如来) เป็นหนึ่งในนามของพระพุทธเจ้า และเป็นคำเรียกที่พระพุทธเจ้าใช้เรียกแทนตัวเอง
[2] เอ้อร์หู (二胡) คือ ซอสองสาย
[3] อธิบายความหมายของประโยคดังนี้ ปี่สั่วน่าเป็นที่นิยมใช้ในงานศพพื้นบ้านใช้ส่งคนที่จากไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีไหนก่อนหน้า สุดท้ายก็จบที่ปี่สั่วน่า
เมื่อพระอมิตภะพุทธเจ้าตื่นขึ้นมา ภายในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตื่นตกใจ
หลี่จิ่วเต้าผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป
แม้จิตสำนึกของเขาจะถูกกดข่มเอาไว้ แต่เขาเองก็รับรู้เรื่องราวได้ไม่น้อย รู้ว่าความคิดที่กดข่มตัวเขานั้นเป็นความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริง
ขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ว่า พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริงน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นใด เกือบจะก้าวไปถึงจุดสูงสุดของการฝึกตนแล้ว เป็นตัวตนที่นับได้ว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง
ความคิดหนึ่งของตัวตนไร้เทียมทาน ย่อมน่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้าแล้ว กระทั่งคุณสมบัติจะผยองยังไม่มี ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้แม้แต่น้อย ความต่างชั้นมีมากเท่าใดก็ไม่อาจทราบ!
เขาเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้จะต้องเทียบได้กับพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย อาจกระทั่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียด้วยซ้ำ!
‘เข้าใจแล้ว หลี่จิ่วเต้าผู้นี้จะต้องเป็นผู้สูงศักดิ์ที่อยู่เบื้องหลังของพวกลั่วสุ่ยและต้าเต๋ออย่างแน่นอน!’
เขาคิดขึ้นมาในใจ
พวกลั่วสุ่ยและต้าเต๋อเคยไปยังภพเซียนมาแล้ว ยามนั้นพลังที่ลั่วสุ่ยสำแดงออกมา แม้กระทั้งระดับสูงสุดของจักรพรรดิเซียนก็ไม่อาจเทียบได้ เขาในครั้งนั้นยังสงสัยว่าเหตุใดลั่วสุ่ยจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่ตอนนี้เมื่อได้มาพบเจอหลี่จิ่วเต้าแล้ว เขาก็พลันเข้าใจทุกอย่าง
“พระผู้เป็นเจ้า เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่าน?”
เมื่อต้าเต๋อเห็นว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าได้สติกลับมาแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมา
พระอมิตาภะพุทธเจ้าเล่าขึ้นมา “ข้าไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้า และก็ไม่ใช่พระอมิตาภะพุทธเจ้า ข้าเพียงแค่นำนาม ‘พระอมิตาภะพุทธเจ้า’ มาใช้ หลักธรรมเองก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสร้างขึ้น!”
เขาเอ่ยต่อ “ยามนั้นนาม ‘พระอมิตาภะพุทธเจ้า’ ปรากฏขึ้นในหัวข้าอย่างกะทันหัน พระพุทธศานาจึงเกิดขึ้นมาเช่นนี้ อันที่จริงแล้ว นั่นก็เป็นความคิดหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริงซึ่งฝังเอาไว้ในร่างของข้า พร้อมกับหลักธรรม”
หลังจากนั้นเขาก็อธิบายต่อ “หลังจากนั้นความคิดนี้ก็ตื่นขึ้นมา สยบจิตสำนึกของตัวข้าเอาไว้ จากนั้นก็กลับมายังอาณาจักรแห่งนี้”
‘เป็นเช่นนี้ ข้าคิดไว้แล้ว พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่แท้จริงจะอ่อนแอเช่นนี้ได้อย่างไร!’
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยขึ้นมาในใจ ที่แท้นี่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
‘ความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าสามารถปรากฏขึ้นในสถานที่แห่งนี้ได้ ดังนั่นย่อมสามารถปรากฏในดาวเคราะห์สีฟ้าได้เช่นกัน…’
เขาคิดเรื่องนี้ขึ้นมาในใจ
ดูเหมือนว่าตำนานในดาวเคราะห์สีฟ้าจะไม่ได้ไร้มูลความจริงไปเสียทีเดียว ยังคงมีบางส่วนที่อาจเป็นเรื่องจริง
หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง หลี่จิ่วเต้าก็พักอยู่ที่เขาหลิงซานสักระยะ ก่อนจะจากไปพร้อมกับพวกลั่วสุ่ย ออกเดินทางชมทั่วแดนฝอ
...
“อ๊ากกก น่าชิงชังยิ่งนัก!”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าหนีออกจากเขาหลิงซานแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ต่อ เนื่องจากเกรงว่าเขาจะถูกหลี่จิ่วเต้าไล่สังหาร ดังนั้นเขาจึงหนีออกไปด้านนอกจักรวาลโกลาหล
“ตามหาความคิดอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ!”
เขาไม่เต็มใจจะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้จริง ๆ อีกทั้งนี่ยังเป็นภารกิจเพียงหนึ่งเดียวของเขา ถ้าทำไม่สำเร็จ เช่นนั้นเขาจะกลับไปได้อย่างไร?
หากความคิดอื่น ๆ ไม่เกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมาย เช่นนั้นแล้วจะต้องพัฒนาขึ้นได้รวดเร็วเป็นอย่างมาก ตอนนี้น่าจะล้วนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา หากได้รับความช่วยเหลือจากความคิดอื่น ๆ แล้ว การทวงจักรวาลโกลาหลทั้งหมดกลับมาก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ข้ารู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นไม่อาจจัดการได้โดยง่าย จำต้องรวบรวมความคิดจำนวนมากก่อนลงมืออีกครั้ง!”
เขาเอ่ยด้วยดวงตาวาววับ
จุดประสงค์ที่พระอมิตาภะพุทธแบ่งแยกความคิดออกมามากมายเพียงนี้ ก็เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองไปในจักรวาลโกลาหลจำนวนมาก
หากเขาขอความช่วยเหลือไปยังความคิดอื่น ๆ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอันใด ความคิดอื่น ๆ น่าจะสามารถช่วยเหลือเขาได้
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มลงมือทันที
อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นความคิดเหมือนกัน สามารถรับรู้ตำแหน่งกันได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหาความคิดอื่น ๆ
...
อีกจักรวาลโกลาหล ภายในลานเต๋าของเต่าชรา
ขอบเขตของซีพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เต่าชราที่มองอยู่ถึงกับตกตะลึง นี่มันสัตว์ประหลาดสะท้านฟ้าแบบใดกัน!
เหตุใดจึงฝึกฝนง่ายประหนึ่งเพียงแค่ดื่มน้ำธรรมดา ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ก้าวขึ้นมาสองขั้นติดต่อกัน จากขั้นที่สามขอบเขตโกลาหลไปถึงขั้นที่ห้าขอบเขตโกลาหล!
มันตกใจขวัญสะท้าน ไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่ท้าทายสวรรค์ได้ถึงเพียงนี้มาก่อน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ซีสามารถเข้าใจวิชาได้อย่างถ่องแท้จากการมองเพียงแค่ครั้งเดียว ทั้งยังสามารถแก้ไข้ลบจุดบกพร่อง ทำให้สมบูรณ์แบบได้
สำหรับตัวเต่าชราเองนั้นก็ประสบความก้าวหน้าเช่นเดียวกัน ในที่สุดก็สลายทลายขอบเขตโกลาหลได้ ก้าวเข้าสู่ขอบเขตลอยชาย!
ก่อนหน้านี้มันมีคุณสมบัติเพียงพอแล้ว เพียงแค่คาดการตระหนักรู้ถึงขอบเขตลอยชาย ทว่าหลังจากซีช่วยแก้ไขวิชาให้แล้ว มันก็สามารถสัมผัสได้ถึงขอบเขตลอยชาย สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตลอยชายได้อย่างง่ายดาย
“ข้าจะไปในอีกไม่เกินสองวัน...”
ขณะนั้นเอง ซีก็ลืมตาแล้วเอ่ยออกมา
ขอบเขตของนางพัฒนาขั้นมากแล้ว จักรวาลโกลาหลแห่งนี้ไม่อาจช่วยเหลืออันใดนางได้อีกมากนัก หากยังอยู่ต่อที่นี่เพื่อฝึกฝน ความเร็วจะต้องช้าลงอย่างแน่นอน ไม่ก้าวหน้าเร็วเท่าหลายวันที่ผ่านมา
ดังนั้นนางจึงตัดสินใจจะจากไป
เส้นทางที่นางมุ่งหน้าไปมีจักรวาลโกลาหลอยู่จำนวนไม่น้อย จำนวนมากในนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ เช่นนั้นแล้วนางจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่
“ท่านต้องการจะจากไปหรือ?”
หลังจากฟังคำพูดของซีแล้ว เต่าชราก็เอ่ยออกมาด้วยความระมัดระวัง “ข้าไปกับท่านด้วยได้หรือไม่? ข้าสามารถเป็นพาหนะให้กับท่านได้! อย่าได้ดูแคลนว่าข้าเป็นเพียงแค่เต่าชรา ข้าสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วยิ่ง!”
ซีน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ทั้งมันก็ไม่ได้เป็นเต่าที่เลวร้ายอันใด มันจึงคิดต้องการอยู่กับซี ดีกว่าออกไปร่อนเรฝึกฝนอย่างไม่มีหลักอันใดเป็นอย่างมาก
“เรื่องพาหนะช่างมันเถิด ถ้าหากท่านอยากจะไปกับข้า ก็ย่อมไปได้ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”
ซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ปฏิเสธ
ก่อนหน้านี้เมื่อเทียนลู่มาที่นี่ เต่าชราเคยต้องการจะพานางหนีออกไปด้วยอย่างไม่คิดชีวิตตนเอง สิ่งนี้ทำให้นางซาบซึ้งเป็นอย่างมาก จึงคิดจะช่วยเหลือเต่าชราเท่าที่ทำได้
ระหว่างเส้นทางที่นางจะไป ต้องผ่านจักรวาลโกลาหลที่เหนือชั้นกว่าตำนวนมาก สามารถช่วยเรื่องการฝึกฝนของเต่าชราได้เป็นอย่างมากเช่นกัน
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
เต่าชราเอ่ยขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า “ทว่าข้าก็แน่ใจว่ายังต้องการจะเป็นพาหนะของท่าน ข้าไม่สามารถอยู่เคืองข้างท่านโดยเปล่า ๆ ข้าจะต้องทำบางสิ่งเพื่อท่านบ้าง! ไม่เช่นนั้นข้าคงรู้สึกไม่สบายใจ!”
ซีปฏิเสธอีกครั้ง ทว่าเต่าชรายังคงยืนกราน สุดท้ายซีก็ทำได้แค่เพียงเห็นด้วย
...
ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสเซินก็มาสมทบกับเทียนหมิงและเทียนลู่
“รบกวนผู้อาวุโสเซินแล้ว!”
เทียนลู่เอ่ยกับผู้อาวุโสเซินด้วยความสุภาพ
ผู้อาวุโสเซินมีฐานะสูงส่งอย่างยิ่งในตระกูลเทียน ขอบเขตการฝึกฝนของเขาเองก็ย่อมต้องสูงมาก มีผู้อาวุโสเซินลงมือเองเช่นนี้แล้ว จะต้องสามารถเอาชนะซีในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาเขาฟื้นฟูทั้งจิตใจและร่างกายของตนเอง ทุกด้านกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดเรียบร้อย
“ไม่รบกวนแต่อย่างใด! คนผู้นั้นถึงกับกล้าลงมือใส่นายน้อยเทียนลู่ นางจะต้องไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ จะต้องชดใช้อย่างสาสม!”
ผู้อาวุโสเซินแย้มยิ้มเย็นชา
“ใช่แล้ว เดิมทีข้าคิดว่าจะปล่อยนางไป เพราะนางอาจไม่รู้ว่าเผลอยั่วยุตระกูลเทียน ไม่ได้วางแผนจะลงมืออันใดกับนาง ทว่านางกลับลงมือกับพี่ใหญ่อย่างรุนแรง ข้าไม่อาจทนได้!”
เทียนหมิงกล่าวขึ้นมา
“ขอบคุณ น้องห้า!”
เทียนลู่ยิ้มพร้อมตบไหล่เทียนหมิง
“พี่ใหญ่ท่านพูดสิ่งใดอยู่ พวกเราเป็นพี่น้องกันสายเลือดก็ย่อมต้องข้นกว่าน้ำ ยังจำเป็นต้องเอ่ยขอบคุณอันใดอีก! ไม่ว่าใครก็ตามที่มาดูหมิ่นพี่ใหญ่ข้าล้วนไม่อาจทนรับได้!”
เทียนหมิงกล่าวอย่างจริงจัง
“ถูกแล้ว ถูกแล้ว พวกเราพี่น้องสายเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ระหว่างพวกเราย่อมไม่จำเป็นต้องมีคำว่าขอบคุณ เป็นพี่ชายที่ผิดเอง”
เทียนลู่เอ่ย
“ไป ไปล้างแค้นให้พี่ใหญ่!”
เทียนหมิงพูดขึ้นมา “นางช่างหยิ่งผยอง มั่นใจในตัวเองเสียจริง ข้าส่งคนไปที่นั่นเพื่อจับตาดู เนื่องจากเกรงว่านางจะหนีไป ใครจะคาดคิดเล่าว่านางไม่ไปไหนแม้แต่น้อย ยังคงอยู่ที่เดิม! นี่หมายความว่าตระกูลเทียนของพวกเราไม่อยู่ในสายตาของนางอย่างนั้นหรือ?”
“นางไม่รู้ว่าตระกูลเทียนของพวกเราแข็งแกร่งเพียงใด!”
เทียนลู่เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “นางคิดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังสามารถปกป้องนางได้ ดังนั้นนางจึงไม่เกรงกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับตระกูลเทียน ไม่รู้เลยว่าการกระทำนี้จะนำพานางไปสู่ความตาย!”
“เป็นเรื่องจริงที่นางหยิ่งผยองและมั่นใจเกินไป ลงมือทำให้คุณชายเทียนลู่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังคงกล้าอยู่ที่นั่น นับว่าเป็นการยั่วยุตระกูลเทียนของเราอย่างร้ายแรง!”
ผู้อาวุโสเซินกล่าวออกมาด้วยแววตาเย็นเยียบ
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอันใดให้มากความแล้ว พวกเราตรงไปจัดการนางเลยเถิด!”
เทียนหมิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเย็น
เขาแทบทนรอไม่ไหวแล้ว แทบทนรอไม่ไหวที่จะได้กำจัด...พี่ใหญ่ของเขา!
คราวนี้เขาเรียกผู้อาวุโสเซินมา ไม่ได้เพื่อจะจัดการกับซี แต่เขาต้องการให้ผู้อาวุโสเซินจัดการพี่ใหญ่ของเขาทิ้งเสีย จากนั้นก็โยนความผิดทั้งหมดให้ซีรับผิดชอบ
“ไป!”
พวกเขาออกเดินทาง มุ่งตรงไปยังจักรวาลโกลาหลที่ซีอยู่
ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงยังจักรวาลโกลาหลแห่งนั้น ตรงไปยังลานเต๋า
“ยังฝึกฝนอยู่อีกหรือ!?”
เทียนลู่สามารถสัมผัสได้ถึงสถาการณ์ของซี นางดูไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะไม่กังวลหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย ยังกล้าฝึกฝนอย่างสบายใจอยู่ในที่แห่งนั้น
สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธจนจิตสังหารทวีมากขึ้น!
“เต่าชรา เจ้าเองก็ต้องตาย! ข้าจะสับเจ้าเป็นพัน ๆ ชิ้น!”
เขากัดฟันแน่นยามพูดออกมา น้ำเสียงเปี่ยมด้วยจิตสังหารที่มีต่อเต่าชรา
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงเต่าชราเช่นกัน และก็รับรู้ว่ามันกำลังทำสิ่งใด
ในขณะนี้เต่าชรากำลังกินโอสถล้ำค่าที่อยู่ในมือ ระหว่างกินก็บ่นไปด้วย “รสชาติย่ำแย่ยิ่งนัก ไม่อร่อยสักนิด ทว่าเพื่อการฝึกฝน ก็ทำได้แต่เพียงทนกินเท่านั้น”
รสชาติย่ำแย่ ไม่อร่อย?
โทสะของเทียนลู่ใกล้จะระเบิดออกมาแล้ว นั่นเป็นโอสถล้ำค่าที่ท่านพ่อมอบให้กับเขา ตัวเขาเองยังไม่เต็มใจที่กินมัน เต่าชรานั่นกินไปแล้วก็แล้วไปเถิด ทว่ายังมาบ่นรังเกียจเช่นนี้อีก!”
เขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!
โดยเฉพาะเมื่อหวนนึกถึงตอนที่เต่าชรารีดไถ่เขาจนถึงที่สุด จิตสังหารภายในใจก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้น
“พวกเจ้าทั้งหมดไสหัวออกมาเดียวนี้!”
เขาตวาดออกมาเสียงดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เต่าชราตกใจเสียจนโอสถล้ำค่าภายในมือตกลงบนพื้น
ซีเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน นางลืมตาขึ้นมาทันที
นางขมวดคิ้ว ย่อมฟังออกว่าเป็นเสียงของผู้ใด สุนัขเปลี่ยนนิสัยกินอาจมไม่ได้หรอกหรือ? ครั้งก่อนนางปล่อยเทียนลู่ไปโดยไม่ได้สังหาร ไม่คาดคิดว่าเทียนลู่ยังจะกล้ากลับมาอีก
“ครั้งนี้ก็อย่าได้จากไปเลย...”
นางลุกขึ้น จากนั้นก็ออกไปด้านนอกพร้อมกับเต่าชรา
“รับมือได้หรือไม่?”
เต่าชราไม่มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย มันสัมผัสได้ว่าผู้เฒ่าเซินนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก เหนือยิ่งกว่าจนเทียนลู่และเทียนหมิงไม่อาจเทียบได้
“ไม่มีปัญหา”
ซีไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย เชื่อใจในตัวคนผู้นั้นอย่างมาก
“โอหังเกินไปแล้ว”
เทียนลู่ย่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างซีกับเต่าชรา สีหน้าของเขาเย็นยะเยือกลง
“วันนี้ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นเองว่าตระกูลเทียนทรงพลังมากเพียงใด ผู้อาวุโสจากตระกูลของพวกเราสามารถสังหารพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม!”
เขาเอ่ยออกมาอย่างดุร้าย
“ถูกแล้ว! บังอาจทำร้ายนายน้อยเทียนลู่ พวกเจ้าทั้งหมดจักต้องตาย!”
ผู้เฒ่าเซินที่อยู่ด้านหลังเทียนลู่ยิ้มเย็น ก่อนจะเรียกทวนยาวเอาไว้ในมือ “ข้าจะสังหารพวกเจ้าเสียบัดเดี๋ยวนี้!”
หลังจากนั้นเขาก็พุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับทวนในมือ
เพียงแต่ว่าเป้าหมายของเขานั้นไม่ใช่ซีและเต่าชรา ทว่าเป็นเทียนลู่!
“ผู้อาวุโสเซินออกโรง พวกเจ้าต้องถูกสังหารลงทั้งหมด!”
เทียนลู่หัวเราะลั่น มั่นใจในตัวผู้อาวุโสเซินมาก นี่คือผู้อาวุโสผู้อยู่ในขอบเขตลอยชายขั้นเก้าตอนปลายท่านหนึ่ง เป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ในตระกูลเทียนของพวกเขา ทรงพลังแกร่งกล้าแน่นอน
ทว่าลมหายใจต่อมา รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าเขาก็ต้องแข็งทื่อไป กลายเป็นสีหน้าเหลือเชื่อ
พรวด!
ทวนยาวที่ผู้อาวุโสเซินเรียกออกมาแทงทะลุหน้าอกของเขา!
“ผู้อาวุโสเซิน ท่านมือลื่นหรืออย่างไร!?”
เขาหันกลับไปถามด้วยสีหน้าตะลึง นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดถึงแทงถูกตัวเขาได้?
“มือลื่นหรือ พี่ใหญ่ อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย ท่านคิดว่าตัวตนระดับผู้อาวุโสเซิน มือลื่นได้ด้วยหรือ”
เทียนหมิงส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เหตุใดพี่ใหญ่ของเขาถึงไร้เดียงสาเช่นนี้!
“ถูกต้อง!”
ผู้อาวุโสเซินยกเทียนลู่ขึ้นด้วยทวน “เจ้าคิดว่าข้ามาที่นี่เพื่อการใดเล่า ข้ามาเพื่อส่งเจ้าไปที่ชอบ ที่ชอบ!”
“โอ้โห ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ!”
เต่าชราหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขามองเทียนลู่พลางเอ่ย “ผู้ที่เจ้าเรียกมาฆ่าเรา ฆ่าเจ้า? เจ้าตั้งใจมาเล่นตลกให้เราดูหรือ หากเป็นเช่นนี้จริง ข้าเอ่ยได้เพียงว่า ‘สุดยอด!’ เล่นตลกด้วยชีวิตของตน เจ้าคือคนแรกนับแต่โลกใบนี้อุบัติขึ้น!”
ซีเองก็นิ่งอึ้งไป มีเรื่องราวเช่นนี้ด้วยหรือ
“อ๊ากกก!! พราะเหตุใด”
เทียนลู่คำรามกราดเกรี้ยว คิดไม่ตกเลยว่าไยจึงกลายเป็นเช่นนี้ เขากับผู้อาวุโสเซินมิมีความแค้น เหตุใดผู้อาวุโสเซินต้องคิดฆ่าเขาด้วย
“เพราะเหตุใดหรือ ลำพังประโยคที่ท่านถามนี้ ท่านก็สมควรตายแล้ว”
ผู้อาวุโสเซินเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “คนไร้สมองไฉนเลยจะเป็นผู้นำตระกูลเทียนได้ ทำเช่นนั้น รังแต่จะนำพาตระกูลเทียนลงเหว ก้าวสู่ความล่มสลาย!”
“พี่ใหญ่ พวกเราคือพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียว เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ท่านควรต้องรักใคร่เอ็นดูพี่น้องใช่หรือไม่ น้องห้าคิดว่า ตราบใดที่พี่ใหญ่ไม่ตาย น้องห้าก็ไม่อาจสบายใจได้ ถึงอย่างไร น้องห้าก็อยากเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปของพวกเราตระกูลเทียนนี่นา”
เทียนหมิงคลี่ยิ้มสดใส จิตใจอำมหิตโดยแท้ “เพราะฉะนั้น พี่ใหญ่ตายด้วยความรักที่มีต่อน้องห้าคงไม่เกินไปใช่หรือไม่”
“ที่เจ้าพูดมานั่นยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่!?”
เทียนลู่เบิกตากว้าง คิดไม่ถึงว่าเทียนหมิงจะเป็นคนเช่นนี้ แต่เล็กจนโต ภาพพจน์ของเทียนหมิงเป็นคนว่านอนสอนง่าย โอบอ้อมอารีมีคุณธรรมมาโดยตลอด เขาเองก็นึกว่าสายใยพี่น้องของพวกเขานั้นแน่นแฟ้น ทว่าบัดนี้ เขาเพิ่งเข้าใจขึ้นมาว่า ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเท็จ เป็นการแสดงของเทียนหมิง
นิสัยใจคอที่แท้จริงของเทียนหมิงนั้นเป็นคนเลือดเย็นไร้ความรู้สึก โหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่าผู้ใด
นาทีนี้ เขาถึงตระหนักได้ว่า ก่อนนี้ที่อูถง บริวารของเทียนหมิงแอบนำเรื่องซีมาบอกเขา น่ากลัวว่าเป็นแผนของเทียนหมิงที่หวังให้เขาตายด้วยมือซีเหมือนกัน
ทว่าซีมิได้เอาชีวิตเขา มิได้ฆ่าเขา เทียนหมิงถึงจงใจเอ่ยถึงผู้อาวุโสเซินออกมา และเสนอให้ผู้อาวุโสเซินเดินทางมาช่วยพวกเขาที่นี่
ลองไตร่ตรองดูแล้ว ก่อนนี้เกรงว่าผู้อาวุโสเซินยังมิได้ออกจากเทวโลกด้วยซ้ำ เป็นเทียนหมิงที่ติดต่อผู้อาวุโสเซินไปในยามนั้น ผู้อาวุโสเซินถึงออกมา
“น่าแค้นใจนัก!”
เขาเคียดแค้นสุดขีด ตำหนิตัวเองที่ไม่เคยระแวงเทียนหมิง เมื่อคราวเทียนหมิงติดต่อผู้อาวุโสเซินเขามิได้อยู่ด้วย เทียนหมิงมาบอกเขาในภายหลังว่าตนได้บอกผู้อาวุโสเซินแล้ว
“ไปสู่สุคติเถิดพี่ใหญ่ หากชาติหน้ามีจริง หวังว่าท่านจะมีสมองมากกว่านี้!”
เทียนหมิงหัวเราะร่วน อารมณ์เบิกบานเป็นพิเศษ หลังกำจัดพี่ใหญ่ของเขา จะไม่มีผู้ใดแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลกับเขาอีก
“ฆ่า!”
ผู้อาวุโสเซินลงมือ ทวนยาวเปล่งประกายสยดสยอง หมายจะปลิดชีพเทียนลู่ลง ณ ที่นี่
ทว่าเวลานั้นเอง ซีลงมือ!
ท่วงท่าของนางสง่าคล่องแคล่วประดุจลำแสงลำหนึ่ง พริบตาที่ยกมือก็เรียกกระบี่ยาวออกมาหนึ่งเล่ม แทงใส่ผู้อาวุโสเซิน
“หา”
เต่าชรางุนงง มันไม่เข้าใจ นี่ซีจะช่วยเทียนลู่หรือ
“ไสหัวไปเสีย!”
ผู้อาวุโสเซินแค่นเสียงเย็น มิเคยเห็นซีในสายตา เขาเตะเท้าออกไปพร้อมด้วยพลังอันน่ากลัว ห้วงมิติพังครืนลงมาแถบใหญ่
ตู้ม!
เวลานั้นเอง อสนีบาตสีทองผ่าลงมาจากท้องฟ้าฉับพลัน ไวเสียจนผู้อาวุโสเซินตั้งตัวไม่ทัน ถูกสายฟ้าผ่าใส่เต็ม ๆ
ผู้อาวุโสล้มตึงลงกับพื้น บาดเจ็บจากอสนีบาตนี้ไม่เบา ตัวเขาชักกระตุก น้ำลายฟูมปาก ไม่อาจรับมือได้ทัน
เขามั่นใจในตัวเองเกินไป แม้ว่าเทียนลู่เคยกล่าวถึงสถานการณ์นี้กับเขามาแล้ว ว่ามีพลังบางอย่างคอยคุ้มครองซีอยู่ กระนั้นเขาก็มิได้ใส่ใจนัก เทียนลู่ไฉนเลยจะเทียบกับเขาได้
ผลที่ตามมาคือเขามิได้ป้องกัน นำไปสู่การบาดเจ็บหนัก!
ทวนยาวที่เคยกำอยู่ในมือก็พลันร่วงหล่น ตรึงเทียนลู่ไว้ที่พื้น เทียนลู่คิดหนีไปจากที่นี่ กลับพบว่าทำมิได้ พลังในทวนยาวพันธนาการเขาไว้อย่างแน่นหนา
นัยน์ตาเทียนหมิงไหวระริก คิดไม่ถึงอย่างยิ่งว่า ต่อให้ผู้อาวุโสเซินมิได้ตั้งรับด้วยกำลังทั้งหมด ก็มิควรอยู่ในสภาพอนาถเช่นนี้
พลังที่คอยคุ้มครองซีไม่ธรรมดามาก!
“ผู้อาวุโสเซิน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฆ่านางให้ได้!”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายดุดัน ซีบังอาจเลือกช่วยเทียนลู่ ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ปล่อยซีไปมิได้ มิฉะนั้น หากเทียนลู่มีชีวิตต่อไปได้ พวกเขาต้องจบเห่กันหมด
“เข้าใจแล้ว!”
ผู้อาวุโสเซินคืนสภาพ เด้งตัวขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว เขาเองก็ตระหนักดีว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด วันนี้ ทั้งซีทั้งเทียนลู่จะต้องตายอยู่ที่นี่ ปล่อยไปมิได้แม้แต่คนเดียว!
มิฉะนั้น พวกเขาต้องตายกันหมด
เขาเรียกระฆังลูกใหญ่ออกมา เคาะลงไปอย่างแรง เสียงระฆังเสมือนอาวุธคมกล้าไร้เทียมทานบุกสังหารใส่ซีอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เสียงระฆังไปถึงซี ซีต้องตายแน่นอน!
ทว่าเสียงระฆังนั้นไม่มีทางไปถึงซี
ครืนคราน!
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นทันที ก่อนที่อสนีบาตสีทองจะถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว ทำลายพลังที่แฝงไว้กับเสียงระฆังจนราบคาบ
“ฆ่า!”
ผู้อาวุโสเซินมีสีหน้าเย็นชา ระเบิดพลังในกายออกมาเต็มรูปแบบ ลำแสงเจิดจ้านับล้านปะทุ ส่องสว่างไปทั้งจักรวาล ความมืดมิดอันตรธานจนสิ้น
นี่มิใช่ระฆังใหญ่ธรรมดา หากแต่เป็นสมบัติล้ำค่าแห่งตระกูลเทียนของพวกเขา เขาถึงยังมั่นใจว่าสามารถสังหารซีได้ หากปราศจากระฆังลูกนี้ เขาไม่มั่นใจจริง ๆ ว่าจะสังหารซีได้หรือไม่
หง่าง!
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ปฐพีพังทลาย จักรวาลโกลาหลทั้งผืนนี้สั่นคลอนใกล้แตกสลายเต็มที ราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ผู้อาวุโสเซินเร่งพลานุภาพระฆังใหญ่นี้เต็มที่ พลังที่สำแดงออกมาสามารถสู้กับขอบเขตผู้บงการซึ่งอยู่เหนือขอบเขตลอยชายได้เลยทีเดียว เขาไม่เชื่อว่าขนาดนี้แล้วยังฆ่าซีมิได้!
อีกด้าน เทียนหมิงเคลื่อนไหว เขาเป็นคนแยบคายมาแต่ไหนแต่ไร จึงคิดจะถือโอกาสที่ผู้อาวุโสเซินกับซีกำลังสู้กันดุเดือดเพื่อปลิดชีพเทียนลู่
ซีตายหรือไม่นั้นเป็นเรื่องรองลงมา สิ่งสำคัญคือเทียนลู่ต้องตาย มิฉะนั้น พวกเขาไม่มีทางรอดเลย
“เจ้าช่างเป็นน้องชายแสนดีของข้าจริง ๆ!”
เมื่อเทียนลู่เห็นเทียนหมิงบุกเข้ามา เขาทั้งโกรธทั้งเดือดดาล
ทว่าทวนยาวแทงทะลุหน้าอกของเขา พลังในนั้นสะกดพลังของเขา กับการบุกเข้ามาของเทียนหมิง เขาทำได้เพียงมองดู ไร้ซึ่งหนทาง
“เจ้าฆ่าเขาไม่ได้!”
ตัวของซีสูงส่งไร้มลทิน ไม่แยแสการโจมตีจากผู้อาวุโสเซินสักนิด ปรี่เข้ามาอยู่เบื้องหน้าเทียนลู่ เข้าปัดป้องการโจมตีจากเทียนหมิง
ครืนคราน!
อสนีบาตผ่าลงจากฟากฟ้าสองสาย สายหนึ่งทลายการโจมตีจากระฆังใหญ่ สายหนึ่งผ่าลงบนตัวเทียนหมิง จนเทียนหมิงเนื้อหนังปริออก
ผู้อาวุโสเซินขบฟันแน่น มิได้ยอมแพ้ ควงระฆังใหญ่บุกไปสังหารซีอีกครั้ง
ซีจะรอดมิได้ มิฉะนั้น พวกเขาต้องตายกันหมด!
ตู้ม!
อสนีบาตสีทองสายหนึ่งผ่าลงมาใส่ระฆังใหญ่ในมือผู้อาวุโสเซินจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
ผู้อาวุโสเซินเชื่อไม่ลง นี่คือสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งเชียวนะ กำลังรบขอบเขตผู้บงการยังทำลายมิได้ กลับถูกทำลายด้วยอสนีบาตสายเดียวอย่างนั้นหรือ!?
เสี้ยวลมหายใจนั้น เขาหนาวสะท้านไปทั้งร่าง นี่มิใช่พลังที่เขาต่อกรด้วยได้เลย!
เวลานั้น อสนีบาตสีทองผ่าลงมาอีกสาย มุ่งเป้ามาที่เขาโดยตรง เร็วจนจินตนาการไม่ออก ถล่มใส่ตัวเขาในพริบตาเดียว
พรวด! พรวด! พรวด!
เศษเนื้ออันมีโลหิตปนอยู่กระจัดกระจาย ร่างของเขาระเบิดแหลกลาญในบัดดล พลังปราณลดฮวบ อสนีบาตเพียงสายเดียวเท่านั้นก็เกือบเอาชีวิตเขาได้ บัดนี้เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!!!”
เทียนหมิงหน้าเขียว สภาพของเขาก็มิได้ดีไปกว่ากันนัก อสนีบาตเมื่อครู่เกือบคร่าชีวิตเขาได้แล้ว เขาเองก็เหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้ายเท่านั้น
เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นเช่นนี้!
แผนนี้วิเศษยิ่งนัก กำจัดพี่ใหญ่ของเขา แล้วโบ้ยทุกอย่างให้ซี แล้วค่อยกำจัดซีทิ้ง เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
ทว่าพลังที่คอยคุ้มครองซีอยู่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไป ผู้อาวุโสเซินสู้ด้วยสมบัติล้ำค่ายังมิไหว แผนของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
“อย่าฆ่าข้า พวกเราเจรจากันได้!”
ถึงอย่างไรเขาก็มีจิตใจแยบคายต่างจากคนทั่ว ๆ ไป หลังแน่ใจแล้วว่าต่อกรกับซีไม่ไหว ก็ตัดสินใจเจรจากับซี
“ระหว่างเรานั้นมิมีหนี้แค้น ก่อนนี้ระหว่างเราก็จากกันด้วยดี ข้ามิได้ลงมือต่อเจ้า ตรงกันข้าม พี่ใหญ่ของข้าต้องการกำจัดเจ้ามาตลอด!”
เขารีบเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ขอเพียงวันนี้เจ้าปล่อยข้าไป และยอมให้ข้าฆ่าพี่ใหญ่ของข้า ข้ารับประกันได้เลย ทั้งยังสาบานต่อเจ้าด้วยว่า ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าจะหามาให้เจ้าทั้งหมด!”
ซีมิได้ตอบ นางหรี่ตาลง เทียนหมิงผู้นี้อำมหิตใช้ได้ จวบจนบัดนี้ยังมิมีท่าทีแตกตื่น คงไว้ซึ่งความเยือกเย็น สามารถเจรจากับนางต่อ
คนผู้นี้ใจคดยิ่งนัก!
“เชื่อข้าเถิด ขอเพียงพี่ชายข้าตายไป จากนี้ข้าจะได้เป็นผู้นำตระกูลเทียนแน่นอน รากฐานตระกูลเทียนลึกล้ำเกินหยั่ง ย่อมช่วยให้เจ้าสมปรารถได้ทุกอย่าง”
เทียนหมิงมองซีพลางเอ่ย “นอกจากนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องปกป้องพี่ชายของข้า เขาคิดจะฆ่าเจ้าถึงสองครา ไม่ควรเก็บไว้อย่างยิ่งยวด”
“ขออภัย ข้าเพียงแต่ไม่ถูกชะตากับเจ้า จึงไม่อยากร่วมมือกับเจ้า”
ซีเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
“เดี๋ยว! พวกเราไม่จำเป็นต้องหันหลังให้ผลประโยชน์!”
เทียนหมิงขบกราม จิตใจเหี้ยมเกรียมอย่างแท้จริง ตัดสิ่งที่ควรตัดได้เสมอ เขาเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว “หากเจ้าไม่พอใจในเงื่อนไขที่ข้ากล่าวไปเมื่อครู่ ข้าจะปฏิญาณตนว่าจะสวามิภักดิ์ต่อเจ้า เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าตลอดไป! เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าย่อมได้ผลประโยชน์มหาศาล เพราะทั้งตระกูลเทียนจะอยู่ใต้บัญชาของเจ้า!”
เพื่อให้ได้ร่วมมือกับซี เขายอมเป็นบริวารของซีไปตลอดกาล เขานั้นเด็ดขาดฉะฉานอย่างแท้จริง
สีหน้าของซีเย็นชา หลังได้ประจักษ์ถึงความเหี้ยมเกรี้ยมอำมหิตของเทียนหมิง ก็ยิ่งไม่มีทางร่วมมือกับอีกฝ่าย
ผู้ที่โหดร้ายกับตนเองได้ปานนั้น ขืนได้ร่วมมือกันคงเต็มไปด้วยภยันตรายในภายหลัง
นอกจากนี้ นางไม่เคยเห็นเทียนหมิงอยู่ในสายตาแต่แรก
เทียนหมิงสังหารพี่ชายแท้ ๆ ได้โดยไม่ลังเล คนเช่นนี้ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ เก็บไว้มิได้เด็ดขาด
“เจ้าอยากเข้าไปที่เทวโลกมิใช่หรือ ตระกูลเทียนมีฐานะสูงส่งในเทวโลก ปล่อยข้าไป เจ้าไม่เสียหายแน่ มีแต่จะได้รับผลประโยชน์มากมาย!”
เทียนหมิงโน้มน้าวต่อ
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ