นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 731ถึง 735
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ห้วงมิติแหลกลาญ หนวดยักษ์ของปลาหมึกฉวัดเฉวียนไปทั่ว หวดตรงไปหาหลี่จิ่วเต้า มันเป็นถึงผู้กุมอำนาจดินแดนหนึ่งในแดนบรรพโกลาหล เคยถูกหมิ่นเกียรติปานนี้ที่ไหน?
จิตสังหารของมันพลุ่งพล่าน หมายจะฉีกหลี่จิ่วเต้าเป็นชิ้น ๆ!
ภาพนี้น่ากลัวเหลือคณา ฟ้าดินมืดมัว ดวงตะวันสิ้นแสง แรงกดดันน่าประหวั่นพรั่นพรึงถาโถมฟ้าดิน แม้ว่าพวกลั่วสุ่ยมียอดศาสตราที่คุณชายประทานให้ก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันนั้นนิดหน่อย ลมหายใจเริ่มหนักหน่วง
ปลาหมึกตัวนี้น่าครั่นคร้ามจริง ๆ!
“เป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตไหนกัน!”
ชางเหยาตัวสั่นขวัญผวา ยังดีที่ลั่วสุ่ยและเซี่ยเหยียนอยู่ข้างกายนาง ช่วยบดบังแรงกดดันน่าประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้ไว้ให้ หากมิใช่เช่นนั้น นางคงต้องตายอยู่ตรงนี้ในอึดใจเดียว!
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้ายืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ อาภรณ์พลิ้วไสวตามลม เมื่อเผชิญกับการจู่โจมสังหารอันสยดสยองจากปลาหมึก เขามีท่าทีราบเรียบนิ่งเฉย มิได้ลนลานแต่อย่างใด
“เข้ามาเลย!”
ชายหนุ่มหยิบขวดแก้วออกมา จ่อปากขวดไปที่ปลาหมึก แสงสว่างเจิดจ้าพวยพุ่ง ทั้งยังมีกฎระเบียบสูงส่งโลดแล่นตามออกมา!
ปลาหมึกตัวนั้นรู้สึกถึงแรงสูบมหาศาลที่เล็งมาหามัน ร่างมหึมาของมันปลิวไปทางขวดแก้วด้วยแรงสูบนี้!
“ไม่!”
ปลาหมึกคำรามกราดเกรี้ยว เปล่งพลังเต็มที่ พลังโกลาหลท่วมท้นซัดสาดออกมา ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าแรงสูบเช่นนี้ การเปล่งพลังของมันไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด สุดท้าย ร่างของมันหดเล็กลง ถูกสูบเข้าไปในขวดแก้วนั้น
มันตาค้างไป คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ล้วนเกินคาดของมันไปไกล มันยังบังอาจกำแหงต่อหน้าหลี่จิ่วเต้าอีกหรือ ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!
พลังของขวดแก้วเหนือกว่ามันมากนัก อย่าว่าแต่มันเลย มันคิดว่าแม้กระทั่งผู้มีอำนาจระดับจ้าวแห่งตงชิวก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าขวดแก้วใบนี้!
ไม่สิ!
น่ากลัวว่าแม้แต่บรรพจารย์แห่งแดนอย่างบรรพจารย์ตงชิวก็สู้ไม่ไหว!
“ประเสริฐ!”
หลี่จิ่วเต้าพึงพอใจ เขาได้กินปลาหมึกกระทะร้อนแล้ว!
สิ่งมีชีวิตที่ถูกดูดเข้าไปในขวดแก้วจะถูกพลังในขวดแก้วหลอมละลายกำจัดอย่างรวดเร็ว หลี่จิ่วเต้าไม่คิดจะฆ่าปลาหมึกตัวนี้ เขายังอยากเลี้ยงไว้กินเนื้อสด ๆ!
เขาตั้งจิต พลังหลอมละลายในขวดแก้วหายไป เหลือไว้เพียงพลังพันธนาการ
จากนั้น เขาเหินกลับมาที่รถลาก
“ฮ่า ๆ นี่เป็นอาหารจานโอชะ อร่อยแน่นอน!” หลี่จิ่วเต้าเอ่ยพร้อมแย้มยิ้ม
เขาวางขวดแก้วไว้ด้านหนึ่ง จัดการเหยื่อที่ล่ามาได้ก่อนหน้านี้ต่อ
พวกต้าเต๋อก็จัดเก็บอุปกรณ์ตกปลาให้เรียบร้อย และพากันกลับมาที่รถลาก
ของแบบนี้กินได้หรือ?
ต้าเต๋อคิดในใจ เขารู้สึกว่าเจ้านี่กินไม่ได้ หน้าตาประหลาดเกินไป
ทว่าเขาเชื่อใจคุณชาย คุณชายเอ่ยว่าเป็นอาหารจานโอชะและอร่อยมาก ย่อมต้องอร่อยมากจริง ๆ เขาตั้งตารออาหารโอชะจานนี้
ผ่านไปไม่นาน หลี่จิ่วเต้าจัดการเหยื่อที่ล่ามาเสร็จสิ้น หั่นเนื้อของสัตว์เหล่านั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนจะเริ่มการหมักดอง หลังจากหมักดองแล้วเสร็จ เขาใช้ไม้ยาวเสียบไว้ด้วยกัน
ภายในขวดแก้ว ปลาหมึกสามารถมองเห็นภาพการณ์ด้านนอกได้ชัดเจน
มันตกตะลึงแทบแย่ โมโหกับความโอหังและความโง่เขลาของตนเองเป็นที่สุด!
มันคิดว่ามันมาจากแดนบรรพโกลาหล ซ้ำยังเป็นผู้มีอำนาจเจ้าดินแดนหนึ่ง เมื่อมาอยู่ที่โลกภายนอกย่อมต้องเก่งกล้าไร้เทียมทาน ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดหยุดยั้งมันได้
นอกจากนี้ มันยังคิดว่าหลี่จิ่วเต้านั้นไร้น้ำยา เพียงแต่หวังพึ่งพลังจากยอดศาสตราในมือเท่านั้น
แต่หลังมันได้เห็นภาพหลี่จิ่วเต้าหั่นเนื้อ ถึงกระจ่างแจ้งว่ามันนั้นโง่เขลาปานใด!
หวังพึ่งพลังจากยอดศาสตราถึงมีฤทธิ์เดชเช่นนี้ที่ไหน พลังของชายผู้นี้อยู่ในระดับไม่อาจวัดไปนานแล้ว!
ทุกท่วงท่าหั่นเนื้อล้วนมีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียนอยู่ แม้กระทั่งตัวมันยังรู้สึกต่ำต้อย จังหวะแห่งเต๋านั้นเหนือกว่าขอบเขตความเข้าใจของมันไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!
และสิ่งเหล่านี้ยังไม่เท่าไร ที่มันรู้สึกหวาดกลัวที่สุดและเหลือเชื่อที่สุดเห็นจะเป็นไม้ที่ใช้เสียบเนื้อ!
ไม้เหล่านั้นมิได้อยู่ในรูปทรงนั้นแต่แรก หากแต่ถูกเหลาด้วยมีดของหลี่จิ่วเต้าทีละแท่ง!
ของพวกนั้นเป็นเพียงกิ่งไม้ธรรมดานะ แต่หลังผ่านมือของหลี่จิ่วเต้า ถูกเหลาจนกลายเป็นแท่งไม้ แม้แต่ตัวมันยังต้องอกสั่นขวัญผวา แท่งไม้เหล่านั้นกลายเป็นยอดศาสตราขอบเขตสูงส่งอย่างสิ้นเชิง มันไม่นึกแคลงใจเลยว่า หากแท่งไม้เหล่านี้กระแทกใส่มัน มันจะถูกแทงทะลุในบัดดล ยับยั้งไม่ได้เลย!
“ท่าน…ท่านผู้นี้เป็นบรรพจารย์เต๋าโกลาหลหรืออย่างไร?!”
มันเอ่ยด้วยหัวใจสั่นสะท้าน
บรรพจารย์เต๋าโกลาหล เป็นตัวตนเหนือทั้งเก้าขั้นแห่งขอบเขตโกลาหลขึ้นไป อยู่ในระดับที่บันดาลทุกอย่างได้ตามใจนึก มองข้ามกฎระเบียบได้ทั้งปวง เป็นบุคคลที่ทำได้ทุกอย่าง!
หลี่จิ่วเต้าเปลี่ยนกิ่งไม้ธรรมดาเป็นยอดศาสตราได้ง่าย ๆ ฝีมือระดับนี้พลันทำให้มันนึกไปถึงบรรพจารย์เต๋าโกลาหล!
นอกจากบรรพจารย์เต๋าโกลาหล มันไม่รู้จริง ๆ ว่าขอบเขตเช่นไรถึงมีฝีมือน่าพรั่นพรึงขนาดที่เนรมิตได้ทุกอย่าง!
ตอนนี้ มันรู้สึกแย่เป็นหนักหนา
หากรู้อย่างนี้แต่แรก ไม่ว่าอย่างไรมันก็คงไม่ออกจากแดนบรรพโกลาหล แม้ว่าการอยู่ในแดนบรรพโกลาหล ต้องมุ่งหน้าไปยังเมืองเก่าแก่เพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ กระนั้นก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง
บัดนี้เล่า?
เหลือความหวังที่ไหน!
เมื่ออยู่เบื้องหน้าบรรพจารย์เต๋าโกลาหลเฉกเช่นหลี่จิ่วเต้า มันไม่เหลือความหวังเลยสักนิด อีกฝ่ายเล่นงานมันได้ตามต้องการ
“จบสิ้นแล้ว ข้าคิดว่าได้ก้าวสู่เส้นทางอิสระอันสว่างสดใส หารู้ไม่ ข้านั้นมาหาที่ตายแท้ ๆ…”
ปลาหมึกหลั่งน้ำตาด้วยความช้ำใจในขวดแก้ว
อนิจจา โลกนี้ไม่มียารักษาความเสียใจ ทุกอย่างไม่อาจย้อนคืน มันได้แต่ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น
อีกด้าน หลังหลี่จิ่วเต้าเสียบเนื้อย่างเรียบร้อย ก็บอกให้ลั่วสุ่ยไปนำผักสดจากรถลากมาจำนวนหนึ่ง กินแต่เนื้อย่างคงเลี่ยนมาก ให้ดีที่สุด ปิ้งย่างควรกินคู่กับผักสด เช่นนี้จึงจะลดความเลี่ยนได้
“ผักอะไรกัน!”
ปลาหมึกพูดไม่ออกแล้วจริง ๆ ลำพังผักที่ถูกนำออกมาก็มิใช่ของธรรมดา เหนือกว่าสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่มันเคยพบเห็น!
มันเป็นถึงผู้กุมอำนาจแห่งแดนหนึ่งในแดนบรรพโกลาหล เคยพบเห็นสิ่งต่าง ๆ มามาก แม้แต่โอสถสวรรค์โกลาหลซึ่งเลอค่าที่สุดในแดนบรรพโกลาหล มันก็เคยเห็นมาก่อน!
แต่ต่อให้เป็นโอสถสวรรค์โกลาหล ก็ไม่มีทางเทียบกับผักสดเหล่านี้ได้เลย…
และหลังจากนั้น มันก็สะท้านใจได้ไม่พัก และเข้าใจในความน่ากลัวของฝีมือคุณชายได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น!
หลังเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน หลี่จิ่วเต้ากลับไปอยู่ที่ริมลำธาร เลือกแผ่นหินขึ้นมาหนึ่งแผ่น
ปลาหมึกกระทะร้อน เขาไม่มีกระทะเหล็ก จึงคิดใช้แผ่นหินแทน
อันที่จริง กระทะเหล็กก็แค่สะดวกในการใช้เมื่อครั้งอยู่ที่ดาวเคราะห์สีฟ้าเท่านั้น ถ้าให้เทียบกันจริง ๆ แผ่นหินย่อมดีกว่ากระทะเหล็ก
“มาเถิด เจ้าปลาหมึกน้อย ยืมหนวดเจ้าข้างหนึ่งมาทำปิ้งย่างหน่อย”
หลี่จิ่วเต้าเดินไปตรงขวดแก้ว เคาะสองสามทีแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ
“ได้…ได้เลย!”
ยามนี้ปลาหมึกรู้แจ้งแล้วว่าหลี่จิ่วเต้านั้นน่าครั่นคร้ามเพียงใด มันไฉนเลยจะกล้าขัดขืน รีบยื่นหนวดข้างหนึ่งไต่ขึ้นไปตามปากขวด
บัดนี้ พลังที่พันธนาการมันไว้หายไปแล้ว มันสามารถเหินหนีออกจากขวดแก้วได้
ทว่ามันมิกล้า!
บรรพจารย์เต๋าโกลาหลท่านหนึ่งเชียวนะ ให้มันหนีได้อย่างไร ไม่มีทางสำเร็จด้วยซ้ำ! ทำเช่นนั้นรังแต่จะยิ่งทำให้มันต้องอเนจอนาถกว่าเดิม!
หนวดนั้นดูไม่ใหญ่เท่าใดเมื่ออยู่ในขวดแก้ว ขนาดไม่ต่างจากนิ้วมือเท่าไร ทว่าหลังออกมาแล้ว พลันใหญ่ยักษ์ไร้ใดเปรียบขึ้นมา
หลี่จิ่วเต้าหั่นมีดลงไปอย่างรวดเร็ว ตัดลงมาท่อนหนึ่ง ท่อนนี้มีขนาดพอ ๆ กับถังน้ำ พอสำหรับพวกเขาแล้ว
“จะเริ่มปรุงปลาหมึกกระทะร้อนรสโอชะแล้ว!”
เขาเอ่ยยิ้ม ๆ จัดการล้างหนวดท่อนนั้น และหลังล้างเสร็จก็นำไปไว้บนแผ่นหิน
ไฟนั้นก่อไว้นานแล้ว รวมถึงไฟด้านปิ้งย่างก็ด้วย เขาปรุงทั้งสองอย่างพร้อมกันได้ไม่มีปัญหา เวลาเหลือเฟือ ไม่ว่าอย่างไหนก็ปรุงได้เต็มที่
ลั่วสุ่ยน้ำโต๊ะเก้าอี้ ถ้วยชามตะเกียบมาจัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว และบัดนี้ พวกเสี่ยวหยาที่ออกไปข้างนอกก็ทยอยกันกลับมาแล้ว
“ครั้งนี้เตือนไว้ก่อนนะว่าห้ามดื่มสุราอีก!”
หลี่จิ่วเต้าชิงเอ่ยขึ้นก่อน
ประสบการณ์จากการดื่มสุราเมื่อครั้งก่อน ๆ เขายังจำได้ติดตา มิกล้าร่วมดื่มกับพวกลั่วสุ่ยอีกแล้ว หากเมาขึ้นมาอีกจริง ๆ ไม่แน่ว่าหนนี้อาจทำอะไรลงไปจริง ๆ ก็ได้!
“ได้…”
“มะ…ไม่ดื่มแล้ว”
ได้ยินคุณชายเอ่ยเช่นนี้ ลั่วสุ่ย หลิงอิน และเซี่ยเหยียนสามคนต่างหน้าแดงก่ำ พวกนางก็จำได้ชัดเจนเช่นกัน หลังจากเมามาสามครั้ง พวกนางทั้งสามต่างขึ้นไปนอนทับบนตัวคุณชาย…
“ดื่มน้ำผลไม้แล้วกัน”
หลี่จิ่วเต้าบอกลั่วสุ่ย “จริง ๆ นำเบียร์ออกมาด้วย”
ลั่วสุ่ยชะงัก ไหนว่าไม่ดื่มสุราแล้วมิใช่หรือ
หลี่จิ่วเต้ามองปุ๊บก็รู้ว่าลั่วสุ่ยคิดอันใดอยู่ เขากล่าว “พวกเจ้าคุมความเมาตัวเองไม่ได้ ข้าคุมได้! เบียร์นั่นข้าจะดื่มเอง”
กินปิ้งย่างแล้วจะไม่ดื่มเบียร์ได้อย่างไร
และเบียร์ก็ไม่ทำให้เกิดอาการเมาค้างมากด้วย เขาคุมตัวเองได้อยู่
“ได้เลย!” ลั่วสุ่ยตอบ ไปนำน้ำผลไม้และเบียร์จากรถลาก
กลิ่นหอมปิ้งย่างค่อย ๆ ขจรขจาย แม้ว่าพวกลั่วสุ่ยมิได้เพิ่งเคยกินครั้งแรก กระนั้นเมื่อได้กลิ่นหอมปิ้งย่างเช่นนี้ ก็ยังกลืนน้ำลายอย่างอดมิได้
ส่วนชางเหยา นางยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่ น้ำลายไหลออกมาตามมุมปาก กลืนกลับเข้าไปไม่ไหวแล้ว อาภรณ์ช่วงอกเปียกชุ่มไปหมด
“หอมเช่นนี้เลยหรือ?!”
ภายในขวดแก้ว ปลาหมึกได้กลิ่นหอมปิ้งย่างเช่นกัน มันอยากจะพุ่งออกไปจากขวดแก้วนี้นัก แล้วขอกินสักไม้!
น่าเสียดาย พลังพันธนาการปรากฏขึ้นใหม่ ผนึกมันไว้ในขวดแก้ว ออกมามิได้
ทว่าไม่นาน กลิ่นหอมอีกอย่างก็กลบกลิ่นหอมปิ้งย่าง กลิ่นหอมจากปลาหมึกกระทะร้อนโชยชายออกมาแล้ว!
“หอมเกินไปแล้ว!”
คราวนี้ แม้แต่พวกลั่วสุ่ยก็คุมตัวเองไม่อยู่ เริ่มมีน้ำลายใสแจ๋วไหลลงมาตามมุมปาก
ด้านชางเหยายิ่งน้ำลายหยด ‘ติ๋ง ๆ’ เข้าไปใหญ่ อาภรณ์ช่วงอกเปียกชื้นทุกตารางนิ้ว!
“เนื้อของข้า…อร่อยได้ขนาดนี้เชียวหรือ?!”
ภายในขวดแก้ว ปลาหมึกได้กลิ่นหอมจากปลาหมึกกระทะร้อนเช่นกัน มันมองหนวดทั้งหลายของตัวเองอย่างอดมิได้
รู้สึกวู่วามขึ้นมาในใจ นึกอยากกินหนวดของตัวเอง!
หอมเกินไปแล้ว มันจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว!
“อามิ…ข้าต้าเต๋อฝอ! ข้าขอสำนึกผิดต่อวาจาที่ข้าได้กล่าวไว้ก่อนหน้า!”
ต้าเต๋อพร่ำในใจ เขาช่างเขลาเบาปัญญานัก ก่อนหน้านี้ถึงริอ่านเอ่ยว่าปลาหมึกนั้นกินไม่ได้!
นี่คืออาหารเลิศรสในใต้หล้านี้แท้ ๆ!
ไม่ทันได้เริ่มกิน ลำพังกลิ่นหอมนี้ก็ทำเอาเขาแทบทนไม่ไหวแล้ว หากได้กินจริง ๆ คงมีความสุขจนล้นแน่ ๆ!
“รสชาตินี้แหละ!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะในใจ เขาไม่ได้กลิ่นหอมของปลาหมึกมานานมากแล้ว เป็นกลิ่นที่ชวนให้ถวิลหาอย่างยิ่งยวด
“กินกันเลย กินกันเลย!”
ผ่านไปไม่นาน ปลาหมึกกระทะร้อนกับปิ้งย่างก็สุกได้ที่ทั้งคู่ หลี่จิ่วเต้านำไปวางบนจานเปล่าที่โต๊ะ แล้วเริ่มกินพร้อมกับพวกลั่วสุ่ย
ระหว่างกิน เขาจิบเบียร์เป็นครั้งคราว แล้วยังเป็นเบียร์เย็นอีกด้วย ความรู้สึกนั้นอย่าให้เอ่ยเลยว่าหนำใจเพียงใด!
มนุษย์เราควรสำราญเมื่อครั้งยังมีชีวิต ชีวิตเช่นนี้จึงจะมีความสุข!
พวกลั่วสุ่ยต่างกินกันจนปากมันไปหมด จากนั้น พวกเขากินผักอีกจำนวนหนึ่งเพื่อแก้เลี่ยน ตอนนี้ พวกเขาต่างรู้สึกว่าชีวิตนี้คุ้มค่ายิ่งนัก มิได้เกิดมาเสียเปล่า!
“โอ๊ย เจ็บจะตายแล้ว!”
อีกด้าน ภายในขวดแก้ว หลังปลาหมึกเห็นพวกหลี่จิ่วเต้าเริ่มกิน ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป กัดเข้าที่หนวดของตัวเอง
มันกัดลงไปอย่างแรงจนเจ็บเจียนตาย เจ็บจนไปถึงขั้วหัวใจ!
ด้านพวกหลี่จิ่วเต้ากินกันอย่างสาแก่ใจ ด้านปลาหมึกสิน่าสังเวชนัก
ต่อให้มันสะกดประสาทสัมผัสของตนก็เปล่าประโยชน์ กลิ่นหอมโชยชายเข้าไปในส่วนลึกของวิญญาณมัน มันทุกข์ทรมานจนทนแทบไม่ไหว
“น่าพอใจจริง ๆ!”
ชางเหยากินอย่างเอร็ดอร่อย นางไม่เคยลิ้มรสอาหารโอชะเช่นนี้มาก่อน ขณะเดียวกัน นางก็สัมผัสได้ว่าในตัวนางมีพลังสั่งสมอยู่มหาศาล ขอเพียงนางหลอมละลายอีกนิดหน่อย ขอบเขตของนางก็จะยกระดับอย่างบ้าคลั่ง!
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว มื้ออาหารของพวกเขาจบลง
หลี่จิ่วเต้าขอให้ชางเหยาค้างคืนที่นี่ ทั้งยังเอ่ยว่าหากชางเหยาไม่เป็นไร เที่ยวเล่นกับพวกเขาต่ออีกสองสามวันก็ได้
จากนั้น เขาจึงไปพักผ่อนอย่างสบายใจ
คราวนี้ พวกลั่วสุ่ยมิได้ดื่มสุรา ส่วนเขาก็ดื่มไปเพียงน้อยนิด มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่มีทางเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีก
เขาทอดกายนอนหลับไปบนเตียง
...
ภายในแดนบรรพโกลาหล
ซีฝึกฝนเสร็จสิ้น
สิ่งใดหรือคือยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง?!
จ้าวแห่งตงชิวและจ้าวแห่งดินแดนอื่น ๆ ได้ประจักษ์แล้วจากตัวซี!
พรสวรรค์ของซีสูงส่งเกินไปจนพวกเขาต้องตะลึง
เริ่มแรกมีเพียงจ้าวแห่งตงชิวเท่านั้น
ซีอยู่ฝึกฝนในตำหนักตงชิว จ้าวแห่งตงชิวสอนสั่งการฝึกฝนของซีสุดความสามารถ ทว่าซีนั้นไม่จำเป็นต้องให้นางสอนเลย!
คัมภีร์อภินิหารที่นางมอบให้ซี ซีสามารถเรียนรู้ได้ทั้งเล่มโดยไม่ต้องรอให้นางเริ่มอธิบาย!
ใช่แล้ว!
ซีเพียงอ่านดูหนึ่งรอบ ก็ตระหนักถึงปรมัตถ์ใจความสำคัญของคัมภีร์อภินิหาร ซ้ำแล้วนางยังเหนือชั้นขึ้นไปกว่านั้น พบจุดด่างพร้อย จุดที่ขาดอยู่ในคัมภีร์อภินิหารและทำการแก้ไข!
ทำให้คัมภีร์อภินิหารที่ซีแก้ไขแล้วนั้น เหนือชั้นกว่าคัมภีร์อภินิหารดั้งเดิมมาก เรื่องนี้ทำให้จ้าวแห่งตงชิวสะท้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เจอกับยอดอัจฉริยะอย่างซี นางมีสิทธิ์ชี้แนะได้ที่ไหน ซีต้องชี้แนะนางสิไม่ว่า!
นางมอบคัมภีร์อภินิหารทั้งหมดในตำหนักตงชิวให้ซีดูจนครบ ซีเข้าใจถ่องแท้ได้ทั้งครบถ้วน ซ้ำยังปรับปรุงแก้ไขอีกด้วย!
สุดท้าย นางไม่เหลือคัมภีร์อภินิหารให้ซีได้ฝึกฝนได้อีก จึงวอนขอให้จ้าวแห่งดินแดนอื่นช่วยเหลือเกื้อกูล
จ้าวแห่งดินแดนอื่นต่างรู้ดีว่าฐานะของซีนั้นไม่ธรรมดาปานใด คล้ายว่ามีผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งคอยพิทักษ์นางอยู่เบื้องหลัง ได้ข้องแวะกับคนระดับซี พวกเขาย่อมเต็มใจ!
เริ่มแรกพวกเขายังสงสัยว่าซีอ่านรอบเดียวแล้วเข้าใจเลยได้อย่างไร!
แต่ต่อมา พวกเขาต้องอึ้งงัน!
ซีอ่านรอบเดียวก็เข้าใจจริง ๆ!
คัมภีร์อภินิหารที่พวกเขานำออกมา ไม่ว่าจะซับซ้อนหรือยากเพียงใด ซีก็เข้าใจได้ในรอบเดียว ซ้ำยังเจอจุดบกพร่องและจุดที่ยังขาดอยู่แล้วแก้ไขให้สมบูรณ์แบบได้ด้วย!
“ตระกูลเซียว…พวกเราใกล้ได้พบกันแล้ว!”
สีหน้าของซีเย็นชา นางแหงนมองนภา ขอบเขตพลังของนางยกระดับอย่างรวดเร็วเรื่อยมา อีกเพียงไม่นาน นางก็สามารถบุกเข้าไปในภพเซียน ล้างแค้นแทนคนในตระกูลของนางที่ตายไปแล้ว!
นี่เป็นหนี้แค้นที่นางจำต้องสะสาง!
นางไม่มีวันลืมว่าตระกูลเซียวฆ่าล้างคนในตระกูลนางอย่างไร และไม่มีวันลืมว่าคนในตระกูลนางถูกสังหารด้วยความหฤโหดปานใด พวกเขาล้มลงไปต่อหน้านางทีละคน ทีละคน!
แรงกระตุ้นให้นางพยายามฝึกตนก็เพื่อฆ่าล้างตระกูลเซียว ล้างแค้นแทนตระกูลของนาง!
“กล่องสี่เหลี่ยม…”
นางพึมพำเสียงเบา ไหว้วานจ้าวแห่งตงชิวให้ช่วยตามหาไว้แล้วแต่แรก ตามหาเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมใบนั้น
นางรู้เรื่องกล่องสี่เหลี่ยมไม่มากนัก รู้เพียงว่าตระกูลของพวกนางปกปักษ์รักษากล่องสี่เหลี่ยมนี้มาหลายชั่วอายุคน ทว่าในกล่องสี่เหลี่ยมนั้นบรรจุสิ่งใด นางไม่อาจทราบได้
บิดาของนางไม่เคยบอกนาง ตัวนางก็ไม่ทันได้เปิดกล่องสี่เหลี่ยมก็ทำหายไปเสียก่อน
กล่องสี่เหลี่ยมนี้มีความหมายต่อนางอย่างยิ่งยวด กล่องสี่เหลี่ยมที่ตระกูลพวกนางปกปักษ์รักษามาหลายชั่วอายุคน อย่างไรก็ไม่ควรหายไปด้วยน้ำมือนาง ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะหากล่องสี่เหลี่ยมใบนั้นให้เจอ
ทว่าเรื่องที่เหนือความคาดหมายของนางคือ แม้ว่าจ้าวแห่งตงชิวให้ความช่วยเหลือแล้วก็ยังไร้ผล!
กล่องสี่เหลี่ยมใบนั้นมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ รากฐานน่าประหวั่นพรั่นพรึง จ้าวแห่งตงชิวคิดจะใช้วิชาพยากรณ์เพื่อคำนวณหาเบาะแสของกล่องสี่เหลี่ยม ผลสุดท้ายกลับถูกพลังบางอย่างปิดกั้น ไม่อาจทำนายได้เลย!
นอกจากนี้ จ้าวแห่งตงชิวยังขอความช่วยเหลือจากจ้าวแห่งดินแดนอื่น ขอให้บรรพจารย์ตงชิวช่วย สุดท้ายก็จบลงด้วยความล้มเหลวเช่นกัน!
บรรพจารย์จากดินแดนอื่นก็ให้ความช่วยเหลือเช่นกัน กระนั้นก็ยังไม่ไหว ไม่อาจทำนายได้เลย
อย่าว่าแต่ซีเลย แม้แต่บรรพจารย์จากดินแดนต่าง ๆ ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเป็นเช่นนี้!
วัตถุชิ้นหนึ่งจากภพเซียน เหตุไฉนพวกเขาถึงทำนายมิได้?!
พึงรู้ว่า พวกเขาอยู่ในขั้นที่เก้าซึ่งเป็นขั้นสูงสุดแห่งขอบเขตโกลาหล อย่าว่าแต่วัตถุจากภพเซียนเลย ต่อให้เห็นวัตถุในแดนบรรพโกลาหล พวกเขาก็ทำนายได้ทั้งนั้น!
แต่พวกเขาร่วมมือกันทำนายก็ยังล้มเหลว เรื่องนี้ช่างพิสดารเกินไปแล้ว!
“เป็นไปได้สูงว่ากล่องสี่เหลี่ยมนี้เป็นวัตถุที่อยู่เหนือความโกลาหล!”
สุดท้าย พวกเขาลงความเห็นไว้เช่นนี้ กล่องสี่เหลี่ยมอยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของพวกเขา!
เมื่อซีได้ยินคำตัดสินเช่นนี้ ก็ตกตะลึงไปหมด
ตระกูลของนางมิใช่ตระกูลทรงพลังอันใดในภพเซียน ไฉนเลยจะได้สัมผัสวัตถุล้ำเลิศเช่นนี้
“รู้หรือไม่ว่าได้มาได้อย่างไร” บรรพจารย์ตงชิวถาม
ทุกสิ่งทุกอย่างของกล่องสี่เหลี่ยมถูกพลังบางอย่างปิดกั้น พวกเขาไม่อาจทำนายอันใดได้เลยสักนิด
“ไม่รู้”
ซีไม่รู้จริง ๆ หากมิใช่ว่าตระกูลเซียวบุกมาสังหารตระกูลของนาง นางคงไม่รู้ว่าในตระกูลของตัวเองมีกล่องสี่เหลี่ยมแบบนี้อยู่
ก่อนหน้านี้ บิดาของนาง และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ มิเคยกล่าวถึงการมีอยู่ของกล่องสี่เหลี่ยมมาก่อน
“กล่องสี่เหลี่ยมใบนั้นเป็นมาอย่างไรกันแน่”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กล่องสี่เหลี่ยมนั้นมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่แน่นอน นั่นยิ่งเพิ่มทวีความแน่วแน่ของซีที่จะตามหากล่องสี่เหลี่ยมนี้่ให้เจอ
นางเชื่อว่า วันหนึ่งนางจะได้เจอกล่องสี่เหลี่ยมใบนั้นแน่นอน!
...
ฟ้าเพิ่งสว่าง หลี่จิ่วเต้าก็ตื่นขึ้นด้วยความกระปรี้กระเปร่า พวกลั่วสุ่ยก็ตื่นกันแต่เช้า
พวกเขาออกมารำมวยไทเก๊ก หลี่จิ่วเต้าให้ชางเหยาเข้าร่วมด้วย ทั้งยังชี้แนะใจความสำคัญของมวยไทเก๊กให้ชางเหยาทราบ
ชางเหยาปีติยินดีอย่างยิ่งยวด นางรับรู้ถึงความทรงพลังของมวยไทเก๊ก พับผ่าสิ หลังนางเรียนรู้มวยไทเก๊ก ยังต้องกลัวจะกำราบท่านพี่ชวนมิได้อีกหรือ
นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!
หลังรับมื้อเช้ากันแล้ว สัตว์อสูรทั้งเก้าลากรถมุ่งหน้าต่อ
หลี่จิ่วเต้ายังคงขี่กิเลนไฟ เดินทางเหนือเมฆอยู่ด้านนอก
ชางเหยาติดตามไปด้วยตลอด หลายวันมานี้ นางได้ประจักษ์ถึงความเก่งกล้าสามารถของคุณชาย นับวันก็ยิ่งเลื่อมใสในตัวคุณชาย
“เจ้าก็ชอบการเขียนพู่กันหรือ”
หลายวันมานี้ หลี่จิ่วเต้าเกิดอารมณ์สุนทรีย์อยากเขียนภาพอักษรขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว เขาพบว่ายามเขาเขียนอักษร ชางเหยาจะคอยดูอย่างตั้งใจ
“ชอบสิ!”
ชางเหยาเอ่ยจากใจจริง
ฝีมือเขียนพู่กันของคุณชายวิเศษสูงส่ง ผู้ใดบ้างที่ได้เห็นภาพอักษรเช่นนี้แล้วจะไม่ชอบ นางชอบเหลือเกิน นึกอยากเรียนเขียนพู่กันด้วย
“หากชอบ ข้าจะมอบให้เจ้าสักหนึ่งภาพ!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะร่วน สะบัดมือไปมา เขียนอักษรตัวใหญ่สี่ตัวแล้วมอบให้ชางเหยา
สมดั่งปรารถนา
นี่คืออักษรที่หลี่จิ่วเต้าเขียนให้
หลังชางเหยาเห็นอักษรที่คุณชายเขียนให้นาง ก็หมดข้อกังขาในใจ คุณชายช่วยนางอยู่จริง ๆ!
‘สมดั่งปรารถนา ฮ่า ๆ เรื่องนี้สำเร็จได้แน่!’
ลั่วสุ่ยก็อยู่ข้าง ๆ หลังนางได้เห็นอักษรที่คุณชายเขียนให้ชางเหยา ก็คิดขึ้นในใจทันที
คุณชายเขียนออกมาขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้ไฉนเลยจะไม่สำเร็จ เป็นเรื่องที่แน่เสียยิ่งกว่าแน่!
“ขอบคุณคุณชาย!”
ชางเหยากล่าวขอบคุณรัว เก็บภาพอักษรที่คุณชายเขียนให้นางไว้
นางติดตามพวกเขาต่ออีกหลายวัน สุดท้าย นางบอกลาคุณชายและพวกลั่วสุ่ย เตรียมเดินทางไปยังเมืองชิงซาน
ลั่วสุ่ยเล่าสถานการณ์ของท่านพี่ชวนให้นางฟังหมดแล้ว นางรู้ว่าท่านพี่ชวนอยู่ในลานเล็กของคุณชาย
และลั่วสุ่ยยังบอกตำแหน่งเมืองชิงซานให้นางรู้อีกด้วย
“ท่านพี่ชวน คราวนี้ท่านหนีไม่พ้นเงื้อมมือข้าแน่!”
ชางเหยาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มร่า รีบเร่งรุดหน้าไปยังเมืองชิงซาน
...
เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
“ข้าก็ว่า! ชางเหยาไฉนเลยจะถอดใจจากข้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!”
มัจฉาสัตมายาสะบัดหาง ว่ายวนไปมาในน้ำ อารมณ์ชื่นมื่นไม่หยอก
มันรู้จากตงฟางเวิ่นว่าเพราะแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏออกมาในอาณาจักรนี้ สิ่งมีชีวิตจำนวนมากจากอาณาจักรอื่น ๆ จึงมายังอาณาจักรนี้
ยามนั้น มันก็ตระหนักได้ว่าที่ชางเหยามิได้มาหามันทั้งที่มันกลับไปที่อาณาจักรอวี้ซวีถึงสองครั้ง คงเพราะนางมายังอาณาจักรนี้พร้อมกับจักรพรรดิชาง
ตามคาด มันแสดงรูปโฉมของชางเหยาให้ตงฟางเวิ่นดู ถามว่าตงฟางเวิ่นเคยพบชางเหยาหรือไม่ ตงฟางเวิ่นเอ่ยว่าเคยเห็นจริง ๆ
เมิ่งจีสร้างเส้นทางขึ้นมาเส้นหนึ่ง ตงฟางเวิ่นเฝ้าอยู่ที่นั่นพอดีในครานั้น สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรต่าง ๆ ล้วนต้องเข้ามาผ่านเส้นทางนี้ และตงฟางเวิ่นก็ได้พบชางเหยาจริง ๆ
“มัจฉาเอ๋ยมัจฉา วันนี้มีความสุขยิ่ง ไปเถิด ออกไปเดินเล่นเสียหน่อย!”
มัจฉาสัตมายาเหินออกจากบ่อน้ำ ออกจากลานเล็ก ก้าวพ้นเมืองชิงซาน เที่ยวเล่นอยู่นอกเมืองชิงซาน
เดิมที มันวิตกอยู่ตลอดว่าชางเหยาเปลี่ยนใจไปจากมัน มิได้ชอบมันอีก บัดนี้ได้รู้แล้วว่าความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ มันไฉนเลยจะไม่ดีใจ มันดีใจสุด ๆ!
แม้นมันยังมิอาจแน่ใจได้ว่าตัวมันชอบชางเหยาจริง ๆ ทว่าไม่ต้องสงสัยเลย ชางเหยาสำคัญต่อมันมาก
“นี่คิดจะมาอาณาจักรนี้ เข้าไปฝึกฝนในแดนบรรพโกลาหลจนแข็งแกร่งขึ้นแล้วมาจัดการข้าหรือ”
มัจฉาสัตมายาเดินทอดน่องอยู่นอกเมืองชิงซานพร้อมเอ่ยยิ้ม ๆ “เด็กโง่ เจ้าจะมาเป็นคู่มือข้าได้อย่างไร ต่อให้เจ้าเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลได้ก็เท่านั้น!”
ชางเหยาโวยวายอยู่เสมอว่าจะกำราบมัน มันพลันนึกถึงเหตุผลที่ชางเหยาต้องการเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล
แต่ทั้งหมดเป็นตามที่มันว่า ต่อให้ชางเหยาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากแดนบรรพโกลาหลได้มากเพียงใด ก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของมัน!
ลานเล็กของคุณชายสุดยอดกว่าแดนบรรพโกลาหลมากนัก!
ชางเหยาว่องไวเหลือคณา ใช้เวลาเพียงไม่นานก็อยู่ในละแวกเมืองชิงซาน พอมองเห็นเมืองชิงซานได้ราง ๆ แล้ว
ขอบเขตพลังของนางในยามนี้สูงส่งยิ่งนัก นางในอดีตมิอาจเทียบได้เลย!
นับเวลาดูแล้ว นางติดตามข้างกายคุณชายมาราว ๆ หนึ่งเดือน มิหนำซ้ำคุณชายยังดีกับนางสุด ๆ นางได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหันต์ราวกับได้รับชีวิตใหม่!
“ท่านพี่ชวน!”
ขณะที่นางเร่งความเร็วเหินข้ามภูเขาลูกหนึ่ง พลันนั้น ตานางเป็นประกายขึ้นมา
นางเห็นมัจฉาสัตมายา!
มัจฉาสัตมายากำลังเดินท่องอยู่ในขุนเขา ท่าทางอารมณ์ชื่นบานไม่หยอก รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า
นางเหินเข้าไปอยู่ตรงหน้ามัจฉาสัตมายา
“ท่านพี่ชวน!”
นางร้องเรียกเสียงหวาน ทำเอามัจฉาสัตมายาตกใจแทบแย่
นี่มันเรื่องอันใดกัน?!
เหตุใดชางเหยาถึงมาอยู่ที่นี่
มิหนำซ้ำมันยังไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย!
เป็นไปได้อย่างไร?
ด้วยขอบเขตพลังของมัน ชางเหยาไม่มีทางมาอยู่ข้างกายมันโดยที่มันไม่รู้ตัว!
มัจฉาสัตมายารู้สึกแปลกประหลาดอย่างยิ่ง จึงคลี่แผ่ประสาทสัมผัสจักรพรรดิออกไปเพื่อตรวจจับขอบเขตของชางเหยา สุดท้ายมันกลับพบกับความล้มเหลว!
พลังประหลาดบางอย่างกีดขวางประสาทสัมผัสจักรพรรดิของมัน!
‘ข้าคิดตื้นเกินไป! ต่อให้ชางเหยาได้เข้าไปในแดนบรรพโกลาหลก็ยากจะเหนือชั้นกว่าข้าในขอบเขตพลังก็จริง ทว่า หากชางเหยาได้สมบัติทรงพลังในแดนบรรพโกลาหลมาอยู่ในครอบครองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!’
มันคิดในใจ
แดนบรรพโกลาหลถือเป็นแดนกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง พลังของสิ่งมีชีวิตในนั้นล้วนอยู่ในระดับสูงส่ง
ศาสตราที่ก่อเกิดขึ้นในแดนกำเนิดเช่นนี้ย่อมไม่ธรรมดา พลังกล้าแกร่งอย่างยิ่งยวด!
ก่อนนี้มันคิดแต่เพียงว่าหากชางเหยาได้ประโยชน์จากแดนบรรพโกลาหล จะทำให้ขอบเขตพลังของนางยกระดับขึ้นมาก มิได้เคยคิดว่าชางเหยาจะได้รับสมบัติทรงพลังภายในแดนบรรพโกลาหลด้วย!
ถึงอย่างไร สมบัติทรงพลังในแดนบรรพโกลาหลก็ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ
ขอบเขตพลังของชางเหยามิได้โดดเด่น ถึงเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลก็มิอาจทำการใหญ่ได้ เพราะอย่างนั้น มันจึงไม่เคยคิดว่าชางเหยาจะได้รับสมบัติทรงพลังในแดนบรรพโกลาหล!
แต่บัดนี้ดูแล้ว มันคิดผิดไป!
ขอบเขตพลังของมันในยามนี้มิได้ต่ำต้อย แม้นยังมิใช่เซียน กระนั้นก็ก้าวสู่ขั้นครึ่งก้าวเทียนตี้แล้ว แต่มันกลับตรวจจับขอบเขตพลังของชางเหยามิได้!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชางเหยาต้องมีสมบัติทรงพลังบางอย่างไว้กับตัวแน่!
มิฉะนั้น ไม่มีทางที่มันจะตรวจจับขอบเขตพลังชางเหยามิได้!
มันไม่คิดว่าขอบเขตพลังของชางเหยาจะเหนือชั้นไปกว่ามัน
ถึงอย่างไร มันก็ฝึกฝนในบ่อน้ำลานเล็กคุณชายมาตลอด ก่อนหน้านี้ยังได้พี่หลิวชี้แนะอยู่บ่อยครั้ง ทั้งหมดนี้มิใช่สิ่งที่ชางเหยาสามารถเทียบเทียมได้
ต่อให้ชางเหยาได้บำเพ็ญตนในแดนแกนกลางที่สุด วิเศษวิโสที่สุดของแดนบรรพโกลาหล ก็ไม่มีทางเหนือชั้นไปกว่ามัน
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่าบัดนี้ แดนบรรพโกลาหลยังไม่ปรากฏออกมา
เพราะอย่างนั้น ชางเหยาต้องมีสมบัติทรงพลังบางอย่างติดตัวไว้แน่นอน!
และสมบัติวิเศษเช่นนี้ เป็นไปได้สูงว่าอาจมาจากแดนบรรพโกลาหล!
ภพเซียนผนึกตนเองสนิท มิใช่ที่ที่ชางเหยาเข้าไปสัมผัสได้ ส่วนภพเซียนเทียมนั่น สิ่งมีชีวิตแต่ละตนในนั้นต่างหัวสูงหยิ่งผยอง ยิ่งไม่มีทางมอบสมบัติทรงพลังให้ชางเหยาง่าย ๆ
หากสลัดความเป็นไปได้เหล่านี้ออก ก็เหลือแต่แดนบรรพโกลาหล
แดนบรรพโกลาหลเกิดรอยร้าวมากมายที่เชื่อมต่อกับอาณาจักรภายนอก เป็นไปได้สูงว่าสมบัติทรงพลังเหล่านี้หลุดร่วงออกจากรอยร้าวพวกนั้น และชางเหยาได้ไปโดยบังเอิญ!
‘ไม่ว่าเพราะเหตุผลใด ชางเหยาก็มีสมบัติทรงพลังในตัวแน่ ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!’
มัจฉาสัตมายาคิดในใจ รู้สึกยุ่งยากขึ้นนิดหน่อย
ก่อนนี้ที่มันคลี่แผ่ประสาทสัมผัสจักรพรรดิเข้าไป เสมือนหินที่จมดิ่งลงไปในมหาสมุทร ตรวจจับสิ่งใดไม่เจอเลยสักนิด สะท้อนให้เห็นว่าสมบัติทรงพลังในตัวชางเหยาไม่ธรรมดา พลานุภาพพิเศษอย่างยิ่ง!
หากชางเหยาใช้สมบัติทรงพลังชิ้นนี้จัดการมัน ไม่แน่ว่ามันอาจต้องถูกชางเหยากำราบจริง ๆ!
มันไม่ยอมให้ชางเหยากำราบแน่ เช่นนั้นจะเสียหน้าเกินไปแล้ว!
โดยเฉพาะหากว่ามันถูกชางเหยากำราบ มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าชางเหยาจะทำอันใดกับมัน!
มันขบคิดไปมา รู้สึกว่าอยู่ที่นี่ต่อคงไม่ปลอดภัย มันต้องกลับไปอยู่ในลานเล็กของคุณชาย!
“หือ จักรพรรดิชาง ท่านมาได้อย่างไร”
มันชะเง้อมองด้านหลังชางเหยาแล้วเอ่ยขึ้นฉับพลัน
“เสด็จพ่อมาหรือ”
ชางเหยาหันกลับไปมองด้วยความสงสัย มีจักรพรรดิชางอยู่ที่ไหน มัจฉาสัตมายาหลอกนางอีกแล้ว!
เมื่อก่อน มัจฉาสัตมายาก็หลอกนางเช่นนี้เป็นประจำ!
ซ้ำนางยังติดกับทุกครั้งไป
อย่างที่คิด หลังนางหันกลับมา ก็ไม่เห็นวี่แววของมัจฉาสัตมายาแล้ว
“เจ้าคนเลว ข้าเชื่อใจท่านปานนี้ ท่านยังเอาแต่หลอกข้าอยู่ได้!”
ชางเหยากำหมัดเล็ก ๆ เอ่ยอย่างเดือดดาล
“รอให้ข้ากำราบท่านอยู่หมัดก่อนเถิด ข้าจะให้ท่านได้เห็นดีแน่!” นางเอ่ยเสียงเคียดแค้น
มัจฉาสัตมายาจะหนีไปไหนได้
ไม่ต้องคิดให้มากความนางก็รู้ว่ามัจฉาสัตมายาคงหนีกลับไปยังลานเล็กของคุณชายแล้วแน่นอน
“คุณชายประทาน ‘สมดั่งปรารถนา’ ด้วยตนเองแล้วท่านยังคิดหนีอีกหรือ คราวนี้ท่านหนีไม่พ้นเงื้อมมือของข้าแน่!”
นางเหินไปทางเมืองชิงซาน
ก่อนไปถึงเมืองชิงซาน นางลงยืนอยู่ที่พื้น แล้วเดินเท้าเข้าไปในเมืองชิงซาน
แม้ว่าคุณชายไม่อยู่ที่เมืองชิงซาน กระนั้นที่นี่ก็เป็นที่ที่คุณชายประทับ นางทำเช่นนี้ถือเป็นการเคารพคุณชาย
เมื่อเดินไปถึงริมลำธาร นางก็ได้พบต้นหลิว
หญิงสาวคำนับทักทายต้นหลิว
“มาหาเสี่ยวชีใช่หรือไม่” ต้นหลิวตอบรับ “ไปเถิด”
นี่เป็นเพียงจิตเสี้ยวหนึ่งที่มันเหลือเอาไว้ ป้องกันมิให้เกิดเรื่องอันใดที่ข้างนอกนี่
มันในยามนี้ ทุ่มเทกายใจทั้งหมดไปกับการฝึกตน ประสบการณ์ในดินแดนนั้นทำให้มันได้ตระหนักอย่างลึกซึ้งแล้วว่าพลังของมันนั้นยังห่างชั้นอยู่มาก จำต้องพยายามฝึกฝนให้มากกว่านี้
มันสร้างมิติของตนเองขึ้นมา แล้วเข้าไปฝึกตนบำเพ็ญในนั้น
วิชาหลักเต๋าต่าง ๆ ที่มันได้รู้แจ้งจากคุณชาย ยังฝึกฝนไม่ถึงขั้นสมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด รอให้มันฝึกฝนจนสมบูรณ์เมื่อใด มันมั่นใจว่าจะยกระดับขึ้นอีกมาก!
ถึงคราวนั้น ต่อให้มันไปยังดินแดนนั้นอีก มันก็มั่นใจว่าสามารถรับมือกับสิ่งมีชีวิตทุกตนในนั้น
“ได้เลย!”
ชางเหยาบอกลาต้นหลิว เข้าไปในเมืองชิงซาน
อีกด้าน มัจฉาสัตมายากลับไปอยู่ที่ลานเล็ก
มันวางใจลงได้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อกลับมาอยู่ในลานเล็กแล้ว ต่อให้ชางเหยามีสมบัติทรงพลังปานใดในตัว ก็ไม่มีทางเจอตัวมันแน่
ลานเล็กแห่งนี้ไม่ธรรมดา เป็นสถานที่ประทับของคุณชาย ไม่มีพลังอันใดสำแดงมาถึงที่นี่ได้ และไม่มีพลังอันใดสามารถสืบเสาะสิ่งที่อยู่ในลานเล็กได้
ส่วนที่ว่าเหตุใดมันถึงได้พบชางเหยา มันมองว่าอาจเป็นความบังเอิญ พอดีได้มาเจอกันเท่านั้น
มันมิเคยบอกคนนอกคนใดว่ามันติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย ชางเหยาคงไม่รู้ว่ามันอยู่ที่นี่
“ข้าต้องพยายามฝึกฝนเข้าแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาขบเขี้ยวเอ่ยขึ้น
หนนี้มันต้องหนีอุตลุด ไม่อาจกุมอำนาจในการเผชิญหน้ากันอย่างคราวนี้ได้เลย ต้องเป็นฝ่ายหนีไปเพราะสถานการณ์ เป็นผลให้มันรู้สึกขายหน้าอย่างยิ่ง ในฐานะบุรุษเพศ ไม่สิ มัจฉาเพศผู้ จะเกรงกลัวสตรีนางหนึ่งเช่นนี้ได้อย่างไร!
ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้!
จากนั้น มันเตรียมกระโดดลงบ่อน้ำเพื่อเริ่มการฝึกฝน
น้ำในบ่อน้ำไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง หากว่ามันหมั่นเพียรฝึกฝน ย่อมต้องก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วแน่
ทว่าขณะที่มันกำลังจะกระโดดลงไปในบ่อน้ำ มันกลับเห็นชางเหยาที่หน้าประตู!
สวรรค์! ชางเหยาไล่ตามมาถึงที่นี่ได้อย่างไร!?
“ข้าประเมินสมบัติทรงพลังชิ้นนั้นต่ำไป! ข้าอยู่ในลานเล็กแห่งนี้ ไม่ว่าสมบัติทรงพลังในมือชางเหยาเก่งกล้าเพียงใด ก็ไม่มีทางรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในลานได้! ทว่าก่อนข้าเข้ามาในลานเล็กเล่า?!”
มัจฉาสัตมายาสีหน้าไม่สู้ดีอย่างมาก มันคิดว่าชางเหยาจับร่องรอยมันก่อนเข้ามาในลานเล็กได้ ถึงตามมาถึงที่นี่!
เมื่อลองทบทวนอีกที เรื่องที่มันพบชางเหยาข้างนอกก็อาจมิใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นเพราะชางเหยาใช้อำนาจจากสมบัติทรงพลังในมือในการตามหาตำแหน่งของมัน แล้วตั้งใจมาหาโดยเฉพาะ!
‘ไยข้าต้องออกไปเดินเพ่นพ่านด้วยเล่า!’
มัจฉาสัตมายาเอ่ยในใจ สำนึกเสียใจเป็นที่สุด หากมันไม่ออกไปจากลานเล็ก ชางเหยาไม่มีทางหามันเจอแน่นอน!
“ชางเหยา เจ้าอย่าได้หุนหันพลันแล่น ที่นี่เป็นที่ประทับของอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง เจ้าจะบุกเข้ามาไม่ได้!”
แม้ว่ามัจฉาสัตมายาไม่อยากออกไป แต่สุดท้ายมันก็ต้องกัดฟันออกไปอยู่ดี
ที่นี่เป็นลานเล็กอันเป็นสถานที่ประทับของคุณชาย หากไม่ได้รับอนุญาตจากคุณชาย มันก็ไม่กล้าให้ชางเหยาเข้ามา เช่นนั้นจะถือเป็นการจาบจ้วงคุณชายอย่างรุนแรง
“น้องชางเหยามาหรือ!”
“เสี่ยวชีพูดไม่ผิด ลานเล็กแห่งนี้เข้ามาตามอำเภอใจมิได้จริง ๆ!”
ถ้วยกระเบื้องแปดใบลอยออกจากครัว คลื่นแสงพิเศษบางอย่างซัดสาด ผู้คนสัญจรไปมาตามถนนไม่หยุดหย่อน กระนั้นมิมีผู้ใดมองเห็นเหตุการณ์ด้านพวกเขาเลยสักนิด
พวกนางต่างชอบชางเหยากันมาก ชางเหยานั้นนิสัยใช้ได้จริง ๆ กล้ารักกล้าชัง มิเคยละล้าละลัง สง่าแต่ยังน่ารัก
“สวัสดีพี่หญิงทั้งแปด!”
ชางเหยาทักทายถ้วยกระเบื้องทั้งแปดอย่างมีมารยาท
มัจฉาสัตมายาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็นึกไปว่าแย่แล้ว หากถ้วยกระเบื้องทั้งแปดเลือกช่วยชางเหยา มันยิ่งไม่มีกำลังพอจะต้านทาน!
“พี่ชายทั้งหลายช่วยข้าด้วย!”
มัจฉาสัตมายาตะโกนเข้าไปในลาน
อนิจจา ของวิเศษในลานหาได้สนใจมันไม่
เหล่าของวิเศษต่างรู้เรื่องของมัจฉาสัตมายากับชางเหยาดี พวกมันก็อยากให้มัจฉาสัตมายาได้ครองคู่กับชางเหยา
มัจฉาสัตมายาร้อนใจ “พี่ลั่วสุ่ยไม่อยู่ พวกท่านไม่คิดแยแสข้าแล้วหรือ”
“ผู้ใดว่ากัน!”
“เป็นไปได้อย่างไร!”
“เมื่อครู่ข้าทำสมาธิอยู่ ถึงไม่ได้ยิน!”
ทันทีที่กล่าวถึงพี่ลั่วสุ่ย เหล่าของวิเศษก็เคลื่อนไหวกันหมด พากันมาอยู่หน้าประตูลานและยืนอยู่ข้างเดียวกับมัจฉาสัตมายา
มีเหล่าของวิเศษคอยหนุนหลัง มัจฉาสัตมายามั่นใจขึ้นในบัดดล
มันกล่าวต่อชางเหยา “อย่าคิดว่าเจ้ามีสมบัติทรงพลังในมือแล้วข้าจะต้องยอมจำนน! ข้าขอบอกเจ้าไว้เลย ข้าไม่มีทางยอมจำนนแน่!”
“ใช่แล้ว เสี่ยวชีพูดไม่ผิด แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นไม่หวาน น้องชางเหยากลับไปเสียเถิด!”
จอบเซียนเอ่ยอย่างไม่คิดมาก
“เจ้าจอบเส็งเคร็ง เจ้าว่าอะไรนะ”
ถ้วยกระเบื้องใบหนึ่งแค่นเสียงเย็น “เจ้าต้องการยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขาหรือ”
“ปะ…เปล่า! ข้าพูดผิดไป!”
จอบเซียนรีบเอ่ย “แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นไม่หวาน แต่ดับกระหายได้! น้องชางเหยา เจ้าจงมุ่งหน้าต่ออย่าได้ไหวหวั่น ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง!”
มันรีบวิ่งไปอยู่ข้างเดียวกับถ้วยกระเบื้องทั้งแปด
แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นไม่หวาน แต่ดับกระหายได้!
เรื่องบ้าอะไรกันนี่!
เพื่อเอาใจถ้วยกระเบื้อง จอบเซียนยอมพูดได้ทุกอย่างจริง ๆ!
เหล่าของวิเศษดูแคลนจอบเซียนเป็นที่สุด!
ชางเหยาได้ยินแล้วยังรู้สึกหมดคำพูด ที่ว่าดับกระหายนั่นหมายความว่าอย่างไร
นางกระหายขนาดนั้นเชียวหรือ!
“ชางเหยา บอกตามตรง ข้ารู้ว่าเจ้าได้สมบัติทรงพลังมา คิดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจ ทว่าเจ้าก็เคยเห็นพลังฝีมือของพี่ชายทั้งหลายมาแล้ว สมบัติทรงพลังของเจ้ายังมีพลังไม่พอเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ชายทั้งหลาย!” มัจฉาสัตมายากล่าว
“อย่างนั้นหรือ”
ชางเหยาหัวเราะ ความจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
‘สมดั่งปรารถนา’ ลายมือคุณชายยังมีพลังไม่พออีกหรือ
“เจ้าเพ้อเจ้ออะไรอยู่!”
มัจฉาสัตมายาถอนหายใจ “เอาอย่างนี้ พี่ชายทั้งหลายไม่ต้องออกโรง ข้าจะสะกดขอบเขตลงต่อสู้กับเจ้า หากเจ้าชนะ เจ้าอยากทำอย่างไรก็ได้! แต่หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องยอมไปจากที่นี่แต่โดยดี!”
“สะกดขอบเขตต่อสู้หรือ”
ชางเหยายิ้มแช่มชื่น หันมองมัจฉาสัตมายาพลางกล่าว “ท่านพูดจริงหรือ”
มัจฉาสัตมายาผงะ เหตุใดถึงรู้สึกว่าชางเหยาในวันนี้ต่างจากในอดีต!
ชางเหยาในวันนี้ ดูมั่นใจเป็นพิเศษ!
เหล่าของวิเศษก็ประหลาดใจเช่นกัน รู้สึกว่าชางเหยาเปลี่ยนไป
ทว่าชางเหยาผู้มั่นใจในตัวเองเช่นนี้ ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของพวกมันเข้าไปใหญ่ ความมั่นใจขับให้ชางเหยางามสะพรั่งขึ้น
“พวกเราเป็นกรรมการ เป็นสักขีพยานให้เอง!”
“ไม่ว่าผู้ใดแพ้ก็ห้ามผิดคำพูด!”
เหล่าของวิเศษพากันตะโกนบอก
“ไม่มีปัญหา!”
แม้ว่าชางเหยาในวันนี้แปลกกว่าปกติ แต่มัจฉาสัตมายามั่นใจในตัวเอง มันไม่มีทางแพ้ให้กับชางเหยา
“เช่นนั้นข้ายิ่งไม่มีปัญหา”
ชางเหยาคลี่ยิ้ม มั่นใจกว่ามัจฉาสัตมายาเสียอีก
นางจะไม่มั่นใจได้อย่างไร
หลายวันมานี้ คุณชายดูแลนางเป็นอย่างดี ซ้ำยังถ่ายทอดวิชามวยไทเก๊กแก่นาง ความสำเร็จด้านมวยไทเก๊กของนางเรียกได้ว่าถึงแก่นวิชา มัจฉาสัตมายาคิดสู้กับนางยังอ่อนฝีมือไปหน่อย
แม้ว่ามัจฉาสัตมายาจะติดตามอยู่ข้างกายคุณชายมานานกว่านาง ทว่ามัจฉาสัตมายามิได้ถูกปฏิบัติจากคุณชายเทียบเท่านาง
นางรู้จากพี่หญิงลั่วสุ่ยว่า ก่อนหน้านี้มัจฉาสัตมายาถูกสะกดไว้ในโอ่งน้ำมาตลอด เพิ่งถูกปล่อยลงในบ่อน้ำภายหลัง และได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงในนั้น
อย่างเช่นน้ำในบ่อน้ำ อีกทั้งอาหารปลาฝีมือคุณชาย
สิ่งเหล่านี้ล้วนวิเศษวิโส สร้างประโยชน์แก่มัจฉาสัตมายามหาศาล
ทว่านางได้รับผลประโยชน์มากกว่ามัจฉาสัตมายา!
น้ำผลไม้และอาหารต่าง ๆ ที่คุณชายปรุงเอง รวมถึงผลไม้ที่คุณชายให้นางต่างทรงพลังกว่าน้ำในบ่อและอาหารปลา
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ มัจฉาสัตมายาไม่เคยได้รับคำชี้แนะอันใดจากคุณชาย ส่วนนางนั้นได้คุณชายชี้แนะหลายอย่าง อย่างเช่นยามคุณชายวาดภาพบรรเลงฉิน มักอธิบายให้นางฟังก่อนเสมอ
ถึงแม้นางมิได้บำเพ็ญวิถีวาดภาพและวิถีฉิน กระนั้นวิถีในโลกนี้มีอยู่สามพัน ไม่ว่าแยกแขนงออกไปอย่างไร ท้ายสุดก็มีจุดหมายเดียวกัน การชี้แนะเช่นนี้ช่วยให้นางได้รับผลประโยชน์มหาศาลไม่ต่างกัน!
ส่วนมวยไทเก๊ก คุณชายสอนให้นางด้วยตัวเอง ยิ่งมิใช่เรื่องที่มัจฉาสัตมายาจะเทียบเทียมนางได้
กล่าวโดยไม่เกินจริง หากมัจฉาสัตมายาสู้กับนาง เหมือนนำสามไปสู้กับเจ็ด มัจฉาสัตมายาคือสาม นางคือเจ็ด!
“ได้ เช่นนั้นก็เข้ามาเถิด!”
มัจฉาสัตมายากล่าวต่อชางเหยา “ว่ามาสิ บัดนี้เจ้าอยู่ขอบเขตเท่าใด ข้าจะสะกดขอบเขตลงในระดับเดียวกับเจ้า!”
“ต้องให้ข้าพูดจริงหรือ”
ชางเหยาหัวเราะ “พูดไปข้ากลัวว่าท่านจะน้อยเนื้อต่ำใจ”
“กลัวข้าน้อยเนื้อต่ำใจหรือ”
มัจฉาสัตมายาหัวเราะออกมาเช่นกัน มันนึกขันกับวาจาของชางเหยา
มันมองชางเหยาพลางกล่าว “เจ้ามั่นใจเกินตัวไปหรือไม่ คิดว่าช่วงนี้ขอบเขตพลังของเจ้ายกระดับขึ้นมากแล้วจะสูงกว่าข้าอย่างนั้นหรือ วางใจเถิด ในเมื่อข้าเอ่ยว่าจะสะกดขอบเขตต่อสู้กับเจ้า หมายความว่าข้ามั่นใจว่าขอบเขตของข้าสูงกว่าเจ้า!”
จากนั้น มันเอ่ยกับชางเหยาด้วยความหวังดี “ชางเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ทั้งยังคิดว่าวาสนาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้วิเศษวิโสเป็นที่สุด แต่ข้าต้องบอกเจ้าว่า วาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ข้าได้รับเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการออก!”
“อย่างนั้นหรือ”
ชางเหยาหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ข้าก็ต้องบอกท่านเช่นกันว่า วาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ข้าได้รับต่างหาก คือสิ่งที่ท่านคิดไม่ถึง”
นี่มันอะไร?
กำลังยื้อยุดก่อนประมือกับมันหรืออย่างไร
มัจฉาสัตมายาหัวเราะ จงใจยืดอกขึ้น “ข้าอยู่ในขั้นเทียนตี้แล้ว เป็นถึงครึ่งก้าวเทียนตี้! เจ้าเล่า”
“ครึ่งก้าวเทียนตี้ถือว่าอยู่ในขั้นเทียนตี้ด้วยหรือ”
ชางเหยาหัวเราะออกมาเช่นกัน เปล่งพลังปราณออกมา “นี่ต่างหาก ขั้นเทียนตี้ที่แท้จริง!”
แรงกดดันเทียนตี้แผ่ขยาย นางก้าวสู่ขั้นเทียนตี้แล้วจริง ๆ แม้ว่าเพิ่งก้าวเข้าไปถึง กระนั้นก็เป็นเทียนตี้ตนหนึ่งแล้ว!
เรื่องนี้แม้แต่นางเองยังสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด แทบไม่อยากเชื่อ!
และทำให้นางนับถือคุณชายเหลือแสน คุณชายเก่งกล้ามากจริง ๆ!
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้นางติดตามอยู่ข้างกายคุณชายพักใหญ่ และได้รับผลประโยชน์ใหญ่หลวง ทว่าหากนางคิดจะบรรลุจากขอบเขตนักบุญจนถึงขั้นเทียนตี้ในเวลาหนึ่งเดือนกว่าก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลา!
อย่างเช่นพวกต้าเต๋อ ก็มิได้บรรลุขอบเขตรวดเร็วปานนี้
พวกต้าเต๋อติดตามคุณชายมานานกว่านาง ได้รับคำชี้แนะมาเยอะกว่านางมาก
แต่ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลากลั่นกรองหลอมรวม
ที่นางบรรลุขอบเขตได้เร็วเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะภาพอักษรที่คุณชายประทานแก่นาง!
สมดั่งปรารถนา!
สมดั่งปรารถนาจริง ๆ!
ระหว่างทางมาเมืองชิงซาน นางคิดไปว่าหากหลอมพลังในตัวนางได้ไว ๆ ก็คงดี หลังจากนั้น นางก็หลอมพลังได้ไวขึ้นจริง ๆ เกินกว่าแต่ก่อนมาก!
และเพราะเหตุนี้ นางถึงบรรลุขอบเขตได้อย่างก้าวกระโดด จนมาอยู่ในขั้นเทียนตี้!
หากมิใช่เช่นนี้ อย่างมากที่สุดนางก็เพิ่งบรรลุถึงขอบเขตสูงสุดเท่านั้น ไม่มีทางมาถึงขั้นเทียนตี้ กระทั่งขอบเขตจักรพรรดิธรรมดายังไปไม่ถึงด้วยซ้ำ!
ไม่กระมัง!
หลังสัมผัสถึงพลังปราณขั้นเทียนตี้จากตัวชางเหยา มัจฉาสัตมายาแทบลงไปคุกเข่าที่พื้น!
เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
ใบหน้าของมันเปลี่ยนเป็นสีเขียว ขอบเขตชางเหยาสูงกว่ามันอีกหรือนี่!
มิน่า ก่อนหน้านี้มันเอ่ยว่าจะสะกดขอบเขตสู้กับชางเหยา ชางเหยาถึงหัวเราะไม่หยุด!
ที่ไหนได้ มันคือตัวตลกโดยแท้!
เรื่องบ้าอะไรกัน!
มันอดมิได้เอ่ยออกมา “เจ้าไปพบกับสิ่งมีชีวิตขั้นเทียนตี้ที่ถ่ายทอดพลังทั้งหมดให้เจ้าหรือไร!”
มันไม่เชื่อว่าลำพังการฝึกฝนจะเลื่อนขอบเขตให้ชางเหยาได้ไวปานนี้ มันรู้สึกว่าความจริงต้องเป็นตามที่มันว่าแน่นอน
“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น!”
“ไวเกินไปแล้ว!”
เหล่าของวิเศษก็รู้สึกเหลือเชื่อ พวกมันต่างรู้ว่าชางเหยาในอดีตอยู่ที่ขอบเขตใด
ต่อให้ชางเหยาได้กินโอสถทิพย์สุดวิเศษวิโสจากสรวงสวรรค์ ก็ไม่มีทางเลื่อนขอบเขตได้ไวเช่นนี้ ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการกลั่นกรองหลอมรวม
“มาสิ สะกดขอบเขตต่อสู้กับข้า อ้อ ไม่สิ ขอบเขตของข้าสูงกว่าท่าน ท่านต้องยกระดับขอบเขตมาสู้กับข้า”
ชางเหยาเอ่ยกับมัจฉาสัตมายาด้วยใบหน้ายิ้มร่า
ขายหน้า!
ขายหน้าที่สุด!
นี่คือการเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง!
มัจฉาสัตมายาหน้าแดงก่ำ เดิมมันคิดว่ามันจัดการชางเหยาได้ง่าย ๆ สุดท้ายกลับเป็นชางเหยาที่จัดการมัน!
“ช่างเถิด ท่านเป็นท่านพี่ชวนของข้า อย่างไรข้าก็ต้องยอมท่านบ้างมิใช่หรือไร ข้าจะสะกดขอบเขตสู้กับท่านเอง”
ชางเหยาเอ่ยยิ้ม ๆ ทำท่าจะสะกดขอบเขตของตนลง
“ไม่ต้อง!”
มัจฉาสัตมายามีความทระนงของตน หากต้องให้ชางเหยาสะกดขอบเขตลง มันต้องขายหน้ากว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย!
มันไม่อยากขายหน้าอีกแล้ว!
และมันต้องการกู้หน้าที่เสียไปก่อนหน้านี้กลับมา!
เอาชนะชางเหยาด้วยการต่อสู้ข้ามขั้นคือวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
มันฝึกฝนในบ่อน้ำมาตลอด พลังที่บำเพ็ญได้นั้นไม่ธรรมดา เหนือกว่าพลังอื่นมากนัก ต่อให้เป็นพลังโกลาหลก็ยังด้อยกว่าหน่อย ๆ
กอปรกับมันได้รับคำชี้แนะจากต้นหลิว มันมั่นใจว่าสามารถเอาชนะชางเหยาได้!
“มั่นใจเพียงนี้เชียวหรือ”
ชางเหยามองมัจฉาสัตมายาพลางกล่าว “ท่านต้องลำบากเพราะความมั่นใจนี้แน่!”
“ลำบากได้อย่างไรกัน เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทาง!”
มัจฉาสัตมายากล่าว “มาเถิด มาสู้กันแบบนี้แหละ!”
“ในเมื่อท่านพี่ชวนยืนกราน ก็ได้ เรามาสู้กันแบบนี้แหละ”
ชางเหยาเอ่ยยิ้ม ๆ
ที่จริงสะกดขอบเขตหรือไม่ก็ไม่ต่าง มัจฉาสัตมายาจะเข้าใจในความแตกต่างระหว่างเขากับนางเอง ความแตกต่างนั้นมิได้เกี่ยวข้องกับขอบเขตเท่าใด
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
แสงเซียนแผ่ซ่าน เหล่าของวิเศษสร้างมิติขึ้นมาแห่งหนึ่งซึ่งตัดขาดจากภายนอก ให้เป็นสนามรบประมือระหว่างมัจฉาสัตมายากับชางเหยา
“ข้ามีวิชามวยที่พี่หลิวถ่ายทอดให้ เจ้าไม่มีทางชนะ!”
มัจฉาสัตมายาตวาดลั่น เปล่งประกายทั่วร่างขณะสำแดงวิชามวยที่ต้นหลิวสอนให้ บุกถล่มไปหาชางเหยา
วิชามวยนี้แกร่งกล้าอย่างแท้จริง เป็นวิชาที่ต้นหลิวคิดค้นขึ้นเอง และขอบเขตพลังของต้นหลิวนั้นเหนือชั้นกว่าจักรวาลโกลาหลทั้งผืนนี้
วิชามวยที่ต้นหลิวคิดค้นขึ้นเองจะสบประมาทมิได้เด็ดขาด ในจักรวาลโกลาหลผืนนี้ นอกจากวิชาของคุณชาย วิชาอภินิหารอื่นไม่อาจเทียบได้เลย!
“เพลงมวยหรือ ได้ ข้าเองก็เป็นมวยอยู่บ้างพอดี”
ชางเหยาหัวเราะเบา ๆ อาภรณ์พลิ้วไหวขณะสำแดงวิชามวยไทเก๊กรับการโจมตี
แม้ว่านางมิได้สะกดขอบเขต กระนั้นก็ควบคุมพลังของตนให้อยู่ในระดับครึ่งก้าวเทียนตี้
เมื่อต่อยมวยไทเก๊กออกไป หมัดของนางและมัจฉาสัตมายากระแทกเข้าด้วยกัน ผลสุดท้าย มัจฉาสัตมายากระเด็นออกไปในพริบตา ตัดสินแพ้ชนะได้ทันใด มัจฉาสัตมายาหาใช่คู่มือของนางไม่!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!”
มัจฉาสัตมายามีสีหน้าเหลือเชื่อ วิชามวยที่ต้นหลิวสอนให้ยังพ่ายแพ้อีกหรือ
ซ้ำยังมิได้แพ้แค่นิดหน่อย หากแต่เป็นการแพ้แบบราบคาบ!
มันรู้สึกถึงความห่างชั้นอย่างใหญ่หลวง!
“วิชามวยที่พี่หลิวถ่ายทอดให้ข้าจะแพ้ได้อย่างไร!”
มันรับไม่ได้ ขณะเดียวกัน มันรู้สึกได้ว่าชางเหยาควบคุมพลังให้อยู่ระดับครึ่งก้าวเทียนตี้ หากชางเหยาไม่ควบคุมพลัง วิชามวยที่ชางเหยาต่อยออกมาจะยิ่งรุนแรงกว่านี้ น่ากลัวว่าคงบดขยี้มันได้ในเสี้ยวพริบตา!
“จะไม่ให้แพ้ได้อย่างไร! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องแพ้อยู่แล้ว!”
“ใช่แล้ว! เสี่ยวชี เจ้ามองไม่ออกหรือว่านี่คือมวยอะไร”
เหล่าของวิเศษพากันส่งเสียง พวกมันจำเพลงมวยที่ชางเหยาใช้ได้ นี่คือมวยไทเก๊กของคุณชาย!
วิชามวยของต้นหลิวปะทะมวยไทเก๊กของคุณชาย แน่นอนว่าต้องแพ้ราบคาบ!
“มวย…มวยไทเก๊ก!”
มัจฉาสัตมายานึกขึ้นได้ มองชางเหยาด้วยสีหน้าประหลาดพลางกล่าว “เจ้าใช้วิชามวยไทเก๊กได้อย่างไร!”
“เหตุใดข้าถึงใช้มิได้”
ชางเหยายิ้มละไม
มัจฉาสัตมายาอึ้งงัน ขณะเดียวกันก็เข้าใจแล้วทุกอย่าง
มิน่าชางเหยาถึงมาอยู่ที่นี่ มิน่าขอบเขตพลังของชางเหยาถึงสูงเช่นนี้!
ชางเหยาได้พบคุณชายแล้วแน่ ๆ!
“เป็นอย่างไร ในเมื่อกล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ท่านพี่ชวน จากนี้ไปท่านต้องเชื่อฟังข้านะ”
ชางเหยายิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดมัจฉาสัตมายาก็อยู่ในกำมือของนาง แม้นว่าจะมิได้เต็มใจก็ตาม
ทว่าไม่เป็นไร
หลังจากนี้จะดีขึ้นเอง
“ข้าไม่ยอม!”
มัจฉาสัตมายาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ข้าแพ้ครั้งนี้เพียงครั้งเดียว เจ้ามีโอกาสทำกับข้าตามอำเภอใจเพียงครั้งเดียวเท่านั้น! ไม่มีทางที่จากนี้ไปข้าจะยอมเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง!”
“อย่างนี้หรอกหรือ”
ชางเหยาเอ่ย “เฮ้อ คุณชายให้เนื้อย่างข้ามาตั้งหลายไม้ ข้ายังคิดจะให้ท่านพี่ชวนกินด้วย น่าเสียดาย ท่านพี่ชวนไม่เต็มใจเชื่อฟังข้าถึงเพียงนี้ก็ช่างเถิด ข้ากินเองแล้วกัน!”
ขณะที่เอ่ย นางหยิบเนื้อย่างออกมากินหลายไม้
ยามมัจฉาสัตมายาเห็นเนื้อย่างเหล่านั้น ตาของมันแทบค้าง
คุณชายดีกับชางเหยาเกินไปแล้ว!
จวบจนบัดนี้ มันยังไม่เคยกินเนื้อย่างสักไม้!
ทุกครั้งที่คุณชายย่างเนื้อ มันต้องน้ำลายสออย่างยิ่งยวด ตั้งตารออย่างคาดหวังว่าต่อให้ได้กินสักชิ้นเล็ก ๆ ก็ยังดี!
ทว่ามันมีสิทธิ์แค่ดมกลิ่นเท่านั้น ไม่เคยได้กินเลยสักครา!
และดูจากท่าทางของชางเหยา เห็นได้ชัดว่านางเคยกินมาเยอะแล้ว!
มิหนำซ้ำคุณชายยังให้ชางเหยามากินต่ออีกไม่น้อย!
“ฮึ่ม!”
ถึงกระนั้น อย่างไรมันก็ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี เบือนหน้าไปอีกด้าน
น้ำลายไหลลงมาตามมุมปากมันไม่หยุด แต่มันยังฝืนหักห้ามใจตัวเองไว้
หากว่ายอมจำนนต่อชางเหยา ชีวิตนี้มันคงต้องอยู่ใต้อาณัติชางเหยา!
“โอ๊ย เผลอกินเสียมันเปื้อนเต็มปาก ต้องหยิบผ้ามาเช็ดหน่อย มิฉะนั้นคงน่าเกลียดแน่”
เวลานั้น ชางเหยาเก็บเนื้อย่างกลับไปและเอ่ยประโยคนี้ออกมา
“ข้านี่ไม่ไหวเลย นึกอยากหยิบผ้าเช็ดหน้า ไยจึงหยิบภาพอักษรที่คุณชายมอบให้ข้าออกมาเสียได้!”
ชางเหยามีภาพอักษรในมือ “ในเมื่อนำออกมาแล้ว ก็ขอเชยชมอักษรฝีมือคุณชายอีกหน่อยแล้วกัน ลายมือคุณชายนี่งดงามจริง ๆ!”
นางคลี่ภาพอักษรออก
“สมดั่งปรารถนา! คุณชายก็คือคุณชาย ทุกลำดับขีดต่างอัศจรรย์ แฝงไว้ด้วยจังหวะแห่งเต๋าขั้นสูง!”
นางเอ่ยต่อ
สมดั่งปรารถนา!
มัจฉาสัตมายาหันมองภาพอักษรอย่างอดมิได้
และเมื่อมันได้เห็นอักษรบนนั้น สายตาของมันก็เปลี่ยนไปในบัดดล!
สมดั่งปรารถนา!
อักษรลายมือคุณชาย!
สิ่งนี้บ่งบอกอะไร?
บ่งบอกว่าคุณชายให้ความสำคัญชางเหยามาก!
มัจฉาสัตมายารู้ว่ามันคงต่อกรกับชางเหยาไม่ได้แล้ว จะให้ต่อกรอย่างไร คุณชายยังอยู่ฝ่ายเดียวกับชางเหยา!
“น้องเหยานี่เก่งกาจนัก ได้อักษรฝีมือคุณชายมาเลยหรือ! พี่ชวนอิจฉาเหลือเกิน!”
มันรีบกล่าวกับชางเหยาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
น้องเหยา?
ชางเหยาหัวเราะในใจไม่หยุด ท่านพี่ชวนนี่เรื่องอื่นอาจมิได้เก่งกาจนัก แต่มองสถานการณ์เก่งเป็นที่สุด! ก่อนหน้า เขาไม่เคยเรียกนางว่าน้องเหยา เอาแต่เรียกชื่อเต็มของนางอยู่ตลอด
“ข้าไม่ชอบบีบบังคับผู้ใด ยิ่งให้บีบบังคับท่านพี่ชวนยิ่งแล้วใหญ่ ในเมื่อท่านพี่ชวนเด็ดขาดเพียงนั้น ข้าคงไม่อาจเอ่ยอันใดไปมากกว่านี้แล้ว! เรื่องในอดีตปล่อยให้หายไปตามลมเถิด!”
ชางเหยามองมัจฉาสัตมายาพลางกล่าว “ไปก่อนนะ ข้าจะไปเที่ยวเล่นรอบ ๆ เชยชมทัศนียภาพอันตระการตาเหล่านั้นเสียหน่อย”
“อย่าเพิ่งไป!”
มัจฉาสัตมายารีบเรียกชางเหยาไว้ พร้อมเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “น้องเหยาทำเช่นนี้ไม่ถูก! พี่ชวนอยู่ในอาณาจักรนี้มานาน ในเมื่อเจ้าอยากเที่ยวเล่นในอาณาจักรนี้ ไยจึงไม่ให้พี่ชวนนำทางเจ้าเล่า พี่ชวนชอบเที่ยวเล่นไปทั่วเป็นที่สุด!”
“เรื่องนั้น…ได้หรือ” ชางเหยาถามยิ้ม ๆ
“ได้แน่นอน!”
มัจฉาสัตมายากล่าวเสียงขึงขัง “น้องเหยาอย่าได้คิดมากว่าพี่ชวนประจบเจ้า และอย่าคิดว่าพี่ชวนหมายตาเนื้อย่างเหล่านั้น! พี่ชวนเพียงแต่โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้คน เราสองมาจากอาณาจักรเดียวกัน หากน้องเหยาต้องการยลทิวทัศน์งดงามของอาณาจักรนี้ พี่ชวนย่อมต้องอาสาช่วยเจ้าเป็นคนแรก!”
หลังชางเหยาได้ยินคำกล่าวของมัจฉาสัตมายาก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา
ไม่ใช่เพราะเหตุผลพวกนั้นหรือ?
เหล่าของวิเศษตาค้างไปเช่นกัน นึกในใจว่า มัจฉาสัตมายากล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมาหน้าตาเฉยได้อย่างไรกัน
“คือว่า…ถ้าได้กินเนื้อย่างสักไม้ ก็คงยิ่งดีเข้าไปใหญ่!”
มัจฉาสัตมายากล่าวต่อ
“กินอะไรเล่า! ไปกันดีกว่า!”
ชางเหยาโบกมือกระชากคอเสื้อมัจฉาสัตมายา หมายจะพามัจฉาสัตมายาไปจากที่นี่
“อย่าทำตัวป่าเถื่อนเช่นนี้สิ!” มัจฉาสัตมายาร้องลั่น “รักษาภาพพจน์กุลสตรีด้วย!”
“กุลสตรีอะไรอีก!”
ชางเหยาถลึงตาใส่มัจฉาสัตมายา “ข้าเคยลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะกำราบท่าน!”
จากนั้น นางบอกลาเหล่าของวิเศษ และพามัจฉาสัตมายาไปจากที่นี่
“เจ้าสองคนนี้…”
เหล่าของวิเศษหัวเราะมิได้ร้องไห้ไม่ออก มัจฉาสัตมายากับชางเหยาช่างเป็นคู่ที่น่าสนใจยิ่งนัก
ทั้งที่มัจฉาสัตมายามีใจให้ชางเหยา แต่กลับไม่ยอมสารภาพความในใจเพราะทิฐิ อย่างมัจฉาสัตมายา จำต้องได้คนนิสัยกล้าหาญอย่างชางเหยามาปราบ!
...
ณ สถานที่หนึ่งในดินแดนฝอ
ที่นี่ลึกลับเป็นที่สุด ทั้งยังมีกับดักวางไว้หลายชั้น ต่อให้มีพระสมณะแห่งพุทธศาสนาผ่านมา ก็ไม่มีทางรู้ตัว!
เวลานั้นเอง ใครบางคนก้าวออกจากกับดักหลายชั้นนั้นอย่างเงียบเชียบ
ภายนอกของเขาดูไม่มีพิรุธ ธรรมดาดาษดื่น ทว่านัยน์ตาคู่นั้นพิสูจน์แล้วว่าเขามิได้ธรรมดาอย่างที่ดูเหมือน!
ในส่วนลึกของนัยน์ตาคู่นั้นมีภาพการณ์สยดสยองมากมายปรากฏ เขามิใช่พวกสามัญ มีภูมิหลังยิ่งใหญ่แน่นอน!
และความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น!
เขาคือหนานฉง ใจกล้าซ้ำยังระแวดระวัง เป็นผู้ที่หนีออกมาจากซากปริภูมิเวลานั่นเอง
ครานั้น จักรพรรดินีถูกจับเข้าไปในซากปริภูมิเวลาเพราะต้องการช่วยอาจารย์ของนาง ต่อมา ภาพร่างหลี่จิ่วเต้าปรากฏ ทลายพันธนการในปริภูมิเวลาออก สร้างเส้นทางโบราณขึ้นมา ส่งพวกจักรพรรดินีกลับ
เขาใจเหี้ยมมากพอ ติดสอยห้อยตามเส้นทางโบราณหนีออกจากซากปริภูมิเวลามาด้วย
ระยะนี้ เขาฟื้นพลังตัวเองในที่แห่งนี้มาตลอด บัดนี้ตัวเขาคืนสภาพจนประมาณหนึ่งแล้ว จึงยุติขั้นตอนฟื้นฟูพร้อมก้าวออกมา
“ข้าไปไหนมิได้ทั้งนั้น จำต้องอยู่แต่ในอาณาจักรนี้!”
ดวงตาของเขาวาวโรจน์ เจ้าอุบายเป็นอย่างยิ่ง หลังหนีออกจากซากปริภูมิเวลาได้แล้ว เดิมเขาไปพำนักที่อื่นได้ ทว่าเขามิได้ทำเช่นนั้น หากแต่ตามเส้นทางโบราณมาถึงอาณาจักรนี้
เพราะเขารู้ดีว่า กองกำลังปริภูมิเวลาไม่มีทางรามือง่าย ๆ หากเขาไปอยู่ที่อื่น เป็นไปได้ว่าอาจถูกกองกำลังปริภูมิเวลาจับไปอีกครั้ง
แต่ถ้าอยู่ในอาณาจักรนี้ เขาจะปลอดภัยขึ้นมาก
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกจักรพรรดินีก็อยู่ในอาณาจักรนี้ ต่อให้กองกำลังปริภูมิเวลาไล่ตามมาจริง ๆ เขาก็ไม่กลัว
ถึงอย่างไรอาณาจักรนี้ก็เป็นถิ่นของท่านผู้นั้น ท่านผู้นั้นไฉนเลยจะยอมให้กองกำลังปริภูมิเวลาทำตามอำเภอใจที่นี่
คิดแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้!
“ที่นี่เป็นถิ่นของพระอมิตาภะพุทธเจ้าหรือนี่!”
เขาทรงพลังเป็นหนักหนา ไม่จำเป็นต้องตั้งใจตรวจจับอันใดก็รับรู้ถึงสถานการณ์ทั้งหมดในดินแดนฝอด้วยการตั้งจิตเพียงครั้งเดียว
เรื่องนี้เป็นที่คาดไม่ถึงของเขา เขาทึ่งมากจริง ๆ
พระอมิตาภะพุทธเจ้าเผยแพร่คำสอนแห่งพุทธศาสนาไว้ในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ด้วยหรือ?
“พระอมิตาภะพุทธเจ้ามีความเป็นมาอย่างไรกันแน่!”
เขามีสีหน้าเคร่งเครียดขณะครุ่นคิดในใจ
ในจักรวาลโกลาหลที่เขาอยู่ก็มีพุทธศาสนา และพระพุทธองค์ก็คือพระอมิตาภะพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน พระสงฆ์ในพุทธศาสนาล้วนต้องท่องพระนามอามิตาพุทธ
นอกจากนี้ เท่าที่เขาทราบ พระอมิตาภะพุทธเจ้ามีรากฐานในจักรวาลโกลาหลแห่งอื่นเหมือนกัน!
ภายในซากปริภูมิเวลามีสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลมากมายถูกขังไว้ เขาเองก็รู้จากที่นั่นว่าธรรมะคลี่แผ่ปกคลุมไปถึงหลายจักรวาลโกลาหล และทั้งหมดล้วนบูชาพระอมิตาภะพุทธเจ้า!
ซ้ำยังต่างมีบุคคลนามพระอมิตาภะพุทธเจ้าปรากฏตัวเหมือน ๆ กัน!
เรื่องนี้น่าสนใจยิ่งนัก
จักรวาลโกลาหลแต่ละผืนมิได้เชื่อมโยงถึงกัน วิชาต่าง ๆ ที่ฝึกฝนก็แตกต่างกันไป ธรรมะจะมีอยู่ในจักรวาลโกลาหลมากมายเพียงนั้นได้อย่างไร แล้วยังมีพระอมิตาภะพุทธเจ้าอันเป็นเหมือนศาสดาผู้เผยแพร่ธรรมะกันหมด!
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่า ในจักรวาลโกลาหลที่ท่านผู้นั้นประทับก็มีร่องรอยธรรมะอยู่เช่นกัน นี่มันหมายความว่าอย่างไร
‘เทียบกับธรรมะในจักรวาลโกลาหลผืนอื่น ธรรมะในจักรวาลโกลาหลผืนนี้ไม่นับว่าทรงพลังเท่าใด ไม่อาจสู้ผู้ใดได้ด้วยซ้ำ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้นหรือไม่’
เขาคิดในใจ
ในจักรวาลโกลาหลผืนอื่น ธรรมะถือเป็นอภินิหารวิเศษ เป็นการดำรงอยู่อันยิ่งใหญ่ ธรรมะในจักรวาลโกลาหลผืนนี้กลับอ่อนแอไม่เป็นท่า ไม่มีแม้แต่ขอบเขตเซียนซึ่งด้อยพลังเหลือแสน เช่นนี้ดูจะเหลาะแหละไปหน่อย ไม่อาจเทียบกับธรรมะในจักรวาลโกลาหลอื่นได้เลย!
ขอบเขตเซียนนั้นอ่อนพลังจริง ๆ พุทธศาสนาในจักรวาลโกลาหลผืนอื่นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหล ซ้ำยังมีกำลังรบระดับสูงที่บรรลุเกินขอบเขตโกลาหลขึ้นไปอีกไม่น้อย
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดพุทธศาสนาที่นี่ถึงอ่อนด้อยปานนี้ ท่าทางราวกับยังไม่ถึงจุดรุ่งโรจน์ นี่เป็นเพราะข้อจำกัดของพุทธศาสนาเพียงอย่างเดียว หรือเพราะท่านผู้นั้นประทับอยู่ในจักรวาลโกลาหลผืนนี้!?
“ต้าเต๋อ…”
เขาพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ต้าเต๋อดึงความสนใจจากเขาไปได้
ต้าเต๋อคือตัวแปรที่ควบคุมมิได้อย่างแท้จริง เคยช่วยพุทธศาสนาไว้ได้หลายครั้งยามพุทธศาสนาประสบหายนะ ราวกับมีพลังบางอย่างคอยคุ้มครองต้าเต๋ออยู่
‘ได้รับความคุ้มครองจากวิถีสวรรค์หรือ’
เขารู้สึกทะแม่ง วิถีสวรรค์ในอาณาจักรนี้เบาบางอย่างยิ่งยวด คล้ายว่าจะ ‘เอาตัวรอดไม่ได้’ ด้วยซ้ำ ไฉนถึงประคบประหงมเด็กอายุไม่กี่ขวบปีเช่นนี้ได้?!
‘ไหนจะลูกประคำพวงนั้นอีก!’
ต้าเต๋อไม่เพียงแต่มีวิถีสวรรค์คุ้มครอง แต่ยังมีลูกประคำพวงหนึ่งในมือซึ่งแกร่งกล้าน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่า เคยกำราบเซียวฮุ่ยผู้มารุกรานไว้ได้
‘ต้าเต๋อผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับธรรมะในจักรวาลโกลาหลอื่นหรือท่านผู้นั้นในอาณาจักรนี้กันแน่’
เขาคิดเงียบ ๆ ในใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังต้าเต๋อแน่นอน ไม่เกี่ยวข้องกับธรรมะก็เกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น!
มิฉะนั้น เด็กไม่กี่ขวบปีอย่างต้าเต๋อไม่มีทางสามารถพอจะทำเรื่องเช่นนั้น!
ด้วยพลังขอบเขตของเขา เขาพยากรณ์ทุกเรื่องที่เขาต้องการทราบได้แน่นอน
ทว่าเขามิกล้าทำเช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็นธรรมะหรือท่านผู้นั้นต่างมิใช่ผู้ที่เขาแตะต้องได้ หากผลีผลามทำการพยากรณ์ เป็นไปได้ว่าจะเกิดภัยใหญ่หลวงต่อตนเอง!
‘พลังของพุทธศาสนาที่นี่อ่อนด้อยนักหนา ข้าคิดว่าคงเพราะไม่มีพลังจากธรรมะคอยช่วยเหลือเท่าใด ถึงได้รู้สึกว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้าเต๋อเห็นจะเป็นท่านผู้นั้นมากกว่า!’
เขาวิเคราะห์อย่างละเอียด
‘นอกจากนี้ หากคิดดูดี ๆ อีกทีอาณาจักรนี้ก็มีพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่ แต่ต่อให้มีพลังธรรมะคอยเจือจุนก็คงมิได้ออกฤทธิ์กับต้าเต๋อ คงต้องออกฤทธิ์กับพระอมิตาภะพุทธเจ้าในอาณาจักรนี้!’
เขาคิดต่อ
ยิ่งเป็นผลให้เขาคิดว่าต้าเต๋อเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น!
‘ดูเหมือนพระเก้าประทีปพุทธเจ้าผู้นั้นเกี่ยวพันลึกซึ้งกับต้าเต๋อ ข้าไปสอบถามสถานการณ์จากพระเก้าประทีปพุทธเจ้าก่อนดีกว่า’
เขาก้าวเท้าออกไป พริบตาเดียวก็ถึงตัวพระเก้าประทีปพุทธเจ้า
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าและเซียวฮุ่ยต่างเคยถูกช่วยออกไป เซียวฮุ่ยไม่ทราบเบาะแส แต่พระเก้าประทีปพุทธเจ้ายังอยู่ในดินแดนฝอ
เมื่อครู่ยามเขาเพิ่งได้รับรู้สถานการณ์ของดินแดนฝอก็ทราบถึงตำแหน่งที่อยู่ของพระเก้าประทีปพุทธเจ้า
สิบล้านรอบ!
หลายรอบเกินไปแล้ว จนบัดนี้วัวตัวผู้ตัวนั้นยังไม่บรรลุ ‘ภารกิจ’ ที่เซียวฮุ่ยมอบหมาย ยังคงทำหน้าที่ต่อไปอย่างขยันขันแข็ง!
และพระเก้าประทีปพุทธเจ้าในยามนี้ไม่เหลือชีวิตชีวาแม้สักเศษเสี้ยว สายตาว่างเปล่า สิ้นหวังต่อโลกทั้งใบ!
หนานฉงมุมปากกระตุก พระเก้าประทีปพุทธเจ้าทำอะไรไว้หรือ ถึงต้องถูกทรมานถึงปานนี้!
เขาชี้นิ้วออกไป คลายพลังที่พันธนาการวัวตัวผู้และพระเก้าประทีปพุทธเจ้าอยู่
“อ๊ากกกก! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว! ข้ายังเป็นร่างพรหมจรรย์แท้ ๆ! แต่กลับต้องเสียให้กับบุรุษผู้นี้! สวรรค์ ฆ่าข้าเถิด!”
หลังวัวตัวผู้ถูกคลายพลังที่ผนึกตนเองออกก็ล้มตึงลงพื้น แม้ว่าสภาพจิตใจของมันจะไม่ดีอย่างมาก แต่ยังคำรามเสียงกราดเกรี้ยวออกมา!
“เสี่ยวหลาน ข้าไม่บริสุทธิ์อีกแล้ว! พรหมจรรย์ที่ข้ารักษาไว้เพื่อเจ้ามาหลายร้อยปีหายไปแล้ว! ชีวิตของข้ายังมีความหมายอันใดอีกเล่า!?”
วัวตัวผู้ร่ำไห้โศกา
“เจ้าโวยวายอะไร! ผู้ที่ต้องโวยวายสมควรเป็นข้าถึงจะถูก!”
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าร่ำร้องเสียงหมองหม่น
ผ่านมาตั้งนานแล้ว กิจกรรมนั้นมิเคยหยุดลงแม้แต่ชั่วอึดใจเดียว เขารู้สึกว่าก้นนี้มิใช่ของเขาอีกแล้ว!
เจ้าวัวตัวผู้ตัวนี้ยังมีหน้าโวยวายอีก!
เขาต่างหากคือฝ่ายที่ถูกขย่ม!
น่าเวทนาจนทนมองมิได้!
“เอาล่ะ”
หนานฉงมองวัวตัวผู้กับพระเก้าประทีปพุทธเจ้าก็พลันรู้สึกระคายตาเป็นหนักหนา จึงพาพระเก้าประทีปพุทธเจ้าไปจากที่นี่
“ขอบคุณท่านที่เข้ามาช่วย!”
หลังมาถึงอีกสถานที่หนึ่ง พระเก้าประทีปพุทธเจ้ารีบกล่าวขอบคุณหนานฉง
ผ่านไปแล้วหลายวัน แต่ยังห่างจากสิบล้านรอบอีกมาก มิหนำซ้ำแต่ละรอบของวัวตัวผู้กินเวลานานยิ่ง!
และหลังจากนั้นเรื่อย ๆ แต่ละรอบของวัวตัวผู้ยิ่งทวีความนาน เพราะระบายออกมายากขึ้นเรื่อย ๆ
“จำบุญคุณของข้าได้ก็ดีแล้ว”
หนานฉงกล่าว “เล่าเรื่องของต้าเต๋อให้ข้าฟังหน่อย จำไว้ ห้ามตกหล่นแม้แต่จุดเดียว”
ถึงแม้พระเก้าประทีปพุทธเจ้าไม่รู้ว่าหนานฉงถามเรื่องต้าเต๋อเพื่อการใด กระนั้นเขาก็มิกล้าปิดบัง เล่าทุกอย่างออกมาอย่างครบถ้วน
“ตามคาด!”
หนานฉงหรี่ตาลง จากข้อมูลที่พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเล่าให้ฟัง เขาจับประเด็นสำคัญได้อย่าง!
ฝีมือน่าทึ่งทั้งหมดที่ต้าเต๋อสำแดงออกมา ล้วนเกิดขึ้นหลังเขากลับจากเขาหยงหมิง!
ก่อนไปเขาหยงหมิง ต้าเต๋อยังมิได้น่าทึ่งปานนั้น!
“หลี่จิ่วเต้าคือท่านผู้นั้นหรือ”
เขาสังเกตได้อีกว่า คราวต้าเต๋ออยู่ที่เขาหยงหมิงเคยเจอกับปุถุชนผู้หนึ่งนามหลี่จิ่วเต้า
ปุถุชนหรือ?
สถานที่ซึ่งมีผู้ฝึกตนเข้าชุมนุมจะมีปุถุชนโผล่ไปได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังมีผู้ฝึกตนมากมายเคารพยำเกรงหลี่จิ่วเต้าเป็นที่สุด
สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่อยู่ข้างกายหลี่จิ่วเต้าล้วนแล้วน่าทึ่งกันทั้งสิ้น!
“ไปเถิด ไปหาหลี่จิ่วเต้าผู้นี้หน่อย!”
หนานฉงพาพระเก้าประทีปพุทธเจ้าไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังเมืองชิงซาน
เขาตัดสินใจไปสืบให้รู้ความ!
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ