นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 726ถึง 730
จักรพรรดินีคอยจับตามองสถานการณ์นอกอาณาจักรอยู่เช่นกัน นางได้ยินเสียงร้องเรียกจากเหล่ายอดฝีมือในแดนเซียน
จึงรู้ว่ายอดฝีมือแดนเซียนกำลังเรียกหายอดฝีมือจากแดนมรณาอยู่
“หาใช่เช่นนั้น! พวกเราไม่รู้จักพวกเขาสักหน่อย!”
หลังจ้าวมรณาได้ยินคำกล่าวของจักรพรรดินี ก็สะพรึงจนขนลุกขนพอง
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีมีความเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น แม้จะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่เขาก็ไม่กล้ายั่วยุจักรพรรดินี ขืนทำให้ท่านผู้นั้นมาเยือนอีก เกรงว่าพวกเขาคงตายไม่รู้ตัว!
‘พวกเจ้าสู้ของพวกเจ้าไป เกี่ยวอันใดกับพวกเรา ไยต้องเรียกหาพวกเราด้วย!’
เขาก่นด่ายอดฝีมือแดนเซียนในใจ เขาเองก็จับตามองสถานการณ์นอกอาณาจักรอยู่เช่นกัน รู้ว่ายอดฝีมือแดนเซียนกำลังร้องเรียกพวกเขาอยู่
“ไปกันเถิด ในเมื่อพวกเขาร้องเรียกพวกเจ้า ก็ไปดูกันหน่อยเถิด”
จักรพรรดินียิ้มบาง ร่างของนางหายไปจากตรงนั้น เมื่อนางปรากฏกายออกมาอีกครั้ง ก็มาถึงนอกอาณาจักรแล้ว
อาจารย์ของนางและหยวนอีอยู่นี่กันหมด เวลานี้มาอยู่นอกอาณาจักรด้วย
“อยู่เฉย ๆ แท้ ๆ ความซวยยังดันมาหาเสียได้!”
จ้าวมรณาสบถเสียงเคียดแค้น มิกล้าลังเลชักช้า รีบนำทัพยอดฝีมือแห่งแดนมรณาไปยังนอกอาณาจักร
ไม่นานนักพวกเขาก็มาอยู่นอกอาณาจักร
เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนนั้นอเนจอนาถเป็นที่สุด ถูกกำราบจนสะบักสะบอมไปหมด
อย่างไรพวกเขาก็สู้ไม่ไหว ไม่อาจเทียบชั้นกำลังซึ่งอยู่เหนือขอบเขตเซียนจริง ๆ ขึ้นไป ห่างกันไกลโข เมื่อต้องเผชิญกับการถล่มสังหารจากพวกตงฟางเวิ่น พวกเขาไม่อาจสกัดกั้นได้เลย
หลังพวกเขาเห็นยอดฝีมือจากแดนมรณามา ก็ตาลุกวาวกันในบัดดล
“ทุกท่านรีบมาร่วมต่อสู้กับพวกเรากันเถิด!”
“สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอย่างพวกเขาเกินไปจริง ๆ!”
“เหตุใดสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นเหล่านี้ถึงแข็งแกร่งได้ถึงปานนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ประโยชน์จากแดนบรรพโกลาหลมหาศาล! พวกเราทั้งหมดผนึกกำลังจัดการพวกเขาแล้วต้องได้รับข้อมูลของแดนบรรพโกลาหลมากขึ้นกว่านี้แน่!”
พวกเขาตะโกนใส่ยอดฝีมือจากแดนมรณา
ในความคิดพวกเขา ฝ่ายแดนมรณาย่อมไม่ละทิ้งโอกาสร่วมมือกับพวกเขา ถึงอย่างไรแดนมรณาก็เป็นสิ่งมีชีวิตภายนอกเช่นกัน หากไม่ตอบโต้เสียบ้าง จักต้องอยู่ใต้บัญชาของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นเหล่านี้
“ทุกท่านรึ ทุกกับย่าแก่สิ!”
จ้าวมรณาตะคอกเสียงเย็น “มาอยู่ในถิ่นผู้อื่น แล้วยังไม่คิดเคารพกฎเกณฑ์ในถิ่นผู้อื่นอีก พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ผยองถึงเพียงนี้ มัววางมาดอะไรอยู่! เป็นเพียงเซียนเทียมฝูงหนึ่งเท่านั้น เหตุใดถึงกำเริบสืบสานได้ปานนี้!”
จากนั้น เขากล่าวต่อ “อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนจริง ๆ มานี่ก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์ที่นี่! นี่คือมารยาทที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดพึงมี!”
มารยาทหรือ?!
อะไรกันนี่!
เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับมารยาท!
เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนก่นด่าในใจ สงสัยอย่างยิ่งว่าสิ่งมีชีวิตจากแดนมรณายังไม่ตื่นเต็มตา มิฉะนั้นไยจึงเอ่ยวาจาที่ดูไม่เกี่ยวข้องเช่นนี้
“ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ไม่มีมารยาท พวกเจ้าสมควรถูกอัด! อัดมันเลย!”
จ้าวมรณานำทัพยอดฝีมือจ้าวมรณาบุกเข้าไปทันที
บัดนี้ เขาสงสัยอย่างยิ่งว่าพวกตงฟางเวิ่นก็เกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้นเช่นกัน ถึงอย่างไร ท่านผู้นั้นก็เคยออกหน้าแทนสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้ และสิ่งที่พวกตงฟางเวิ่นทำในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น
หากไม่มีความเกี่ยวข้องกันสิแปลก!
สถานการณ์ของเหล่ายอดฝีมือในแดนเซียนไม่ดีอยู่แล้ว เป็นฝ่ายถูกถล่มเพียงฝ่ายเดียว บัดนี้ จ้าวมรณานำทัพยอดฝีมือจากแดนมรณาบุกเข้ามา พวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์อเนจอนาถยิ่งขึ้น ไม่อาจตอบโต้ได้เลย!
พวกเขาช้ำใจเป็นหนักหนา
เดิมตั้งใจเรียกยอดฝีมือจากแดนมรณามาช่วย ผลสุดท้าย ยอดฝีมือจากแดนมรณากลับเข้าข้างพวกตงฟางเวิ่น แล้วร่วมต่อกรกับพวกเขา!
หากรู้อย่างนี้ ให้ตายอย่างไรพวกเขาก็ไม่ขอเรียกยอดฝีมือจากแดนมรณามา!
นอกจากนี้ พวกเขาเองก็สะท้านใจเช่นกัน
เหตุใดฝ่ายแดนมรณาถึงยอมจำนนง่าย ๆ เป็นไปไม่ได้เลย!
ถึงอย่างไร ทันทีที่ถูกควบคุม พวกเขาจะพบกับข้อจำกัดหลายอย่าง สร้างความเสียเปรียบให้แก่ศึกแย่งชิงในแดนบรรพโกลาหลของพวกเขาอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าฝ่ายแดนมรณาคงเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกับพวกเขา ถูกสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นบางจำพวกบุกไปหา และถูกกำราบลงทั้งหมด
มิฉะนั้น ฝ่ายแดนมรณาไม่มีทางอยู่ข้างเดียวกับพวกตงฟางเวิ่น
สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นเหล่านี้น่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้จริงหรือ
พวกเขาตื่นตกใจจริง ๆ!
“แม่เจ้า ที่แท้เรื่องเหล่านี้มิได้เกี่ยวข้องกับ ‘พรสวรรค์’ ของข้าเลยสักนิด!”
อีกด้าน เริ่นลู่เข้าใจความจริงแล้วอย่างถ่องแท้
ที่ยอดฝีมือตระกูลฉีและตระกูลเริ่น รวมถึงเหล่าบรรพจารย์ถูกโยนออกมาหาได้เกี่ยวข้องกับ ‘พรสวรรค์’ ของเขาเลยสักนิด!
นี่เป็นเพราะพวกตงฟางเวิ่นแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก!
เขามิกล้าอยู่ที่นี่ต่อ คิดจะหนีไปเงียบ ๆ ทว่าสือเฟิงซึ่งจับตามองเขาอยู่ตลอดมิได้ลืมเลือนเขาแต่อย่างใด
“เจ้าชั่วช้าสามานย์ ปล่อยให้มีชีวิตต่อไปไม่ได้!”
สือเฟิงบุกเข้ามา สังหารเริ่นลู่ในทันที ตัวเขามีพลังหยินหยาง ทรงพลังเป็นที่สุด แม้ว่ากำลังรบระดับเริ่นลู่นั้นยากจะสังหาร แต่เขาก็ยังสังหารได้ง่ายดาย
“เจ้าก็เช่นกัน!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจับตาดูอวี๋ฮวนอยู่เช่นกัน เวลานี้เขาได้บุกเข้าไป ปลิดชีพอวี๋ฮวน!
ศึกนี้ดำเนินไปได้ไม่นานก็ปิดฉากลง บรรดายอดฝีมือในแดนเซียนถูกกำราบลงถ้วนหน้า ไม่เหลือท่าทียโสอีก
“เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้!”
เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนต่างเจ็บใจอย่างยิ่งยวด พวกเขานั้นแกร่งกล้าปานใด สุดท้ายกลับถูกกำราบลงอย่างน่าสังเวชก่อนศึกแย่งชิงในแดนบรรพโกลาหลเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ ผลลัพธ์เช่นนี้เหนือการคาดการณ์ของพวกเขาไปมาก!
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอื่น ๆ ก็สะท้านใจเป็นหนักหนา ไม่เคยคิดมาก่อนเช่นกันว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้จะดุดันน่าพรั่นพรึงเพียงนี้!
รู้หรือไม่ ก่อนมา พวกเขาไม่คิดเลยสักนิดว่าสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นจะน่าครั่นคร้ามถึงปานนี้
ในความคิดพวกเขา อาณาจักรนี้เป็นเพียงอาณาจักรระดับล่าง สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นภายในไม่มีทางเป็นภัยต่อพวกเขา
ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขานั้นสายตาคับแคบเกินไป สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้แข็งแกร่งจนจินตนาการไม่ออก!
“พวกเราจะแหวกพลังคุ้มกันอาณาจักรนี้ออกให้พวกเจ้าเข้ามา แต่พวกเจ้าต้องจำไว้ว่า พลังฝึกตนนั้นมิได้มีไว้ให้พวกเจ้าข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า! หากพวกเรารู้ว่าพวกเจ้าก่อกรรมทำเข็ญ พวกเราไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”
เมิ่งจีก้าวออกมาพร้อมประกาศเสียงดัง
ปัญหาจากความพิศวงลางร้ายยังไม่คลี่คลาย นี่เป็นภัยร้ายที่ต้องปะทุออกมาไม่ช้าก็เร็ว เขาเองก็อยากให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ประโยชน์จากแดนบรรพโกลาหล เช่นนี้แล้ว ยามความพิศวงลางร้ายปะทุ พวกเขาก็จะมีกำลังต่อกรกับความพิศวงลางร้ายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เขายังได้ยินจากตงฟางเวิ่นว่ามีกองกำลังและสถานที่ซึ่งน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าความพิศวงลางร้ายอยู่ นั่นคือภัยร้ายที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่า แม้แต่ต้นหลิวและก้อนหินยังเกือบเสียท่าในนั้น กลับมาไม่ได้!
หากมิใช่ว่าสุดท้าย ร่างภาพฉายของคุณชายปรากฏ ต้นหลิวและก้อนหินอาจตายอยู่ที่นั่นแล้ว!
เรื่องนี้ทำให้เขาต้องตรึกตรองอย่างหนัก
เหตุใดคุณชายถึงต้องสอนสั่งชี้แนะพวกเขาเช่นนี้ เป็นการกระทำโดยไม่คิดอันใดของคุณชายจริงหรือ
เขารู้สึกว่ามิใช่!
น่ากลัวว่าวันหน้าอาจมีภัยพิบัติที่แม้แต่คุณชายก็ต้องให้ความสำคัญอย่างเหลือแสน ที่คุณชายสอนสั่งชี้แนะพวกเขาก็เป็นการปูทางเพื่ออนาคต!
ต้นหลิวและก้อนหินแข็งแกร่งปานใด สุดท้ายเมื่อไปถึงที่นั่นก็ยังเกือบออกมาไม่ได้ เขาคิดว่า การที่สถานที่แห่งนั้นปรากฏออกมา เป็นลางว่าภัยพิบัตินั้นกำลังจะเกิดขึ้น!
เขายิ่งตระหนักถึงความสำคัญของพลัง และยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้น
แม้กระทั่งคุณชายยังต้องวางหมากไว้ก่อน ภัยพิบัตินั้นคงต้องน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งมียอดฝีมือมากเท่าไหร่ยิ่งดี
เพราะอย่างนั้น เขาไม่คิดจะหยุดตัวเองไว้เพียงเท่านี้ และตั้งใจให้สิ่งมีชีวิตจากทุกอาณาจักร รวมถึงแดนเซียนเข้ามาในอาณาจักรนี้ รอจนแดนบรรพโกลาหลปรากฏ แล้วค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น
มีเพียงทำเช่นนี้ โอกาสผ่านพ้นภัยพิบัติระดับนั้นไปได้ถึงจะเพิ่มมากขึ้น
“เข้าใจแล้ว!”
“พวกเราจะกวดขันตัวพวกเรา และคนในตระกูลของเราอย่างเข้มงวด!”
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทั้งปวงพากันส่งเสียงตอบกลับ
“ดี!”
เมิ่งจีพยักหน้า ก่อนจะเรียกพู่กันออกมา
นี่คือพู่กันที่คุณชายประทานให้เขา เขาใช้พู่กันนั้นวาดภาพ สร้างเส้นทางขึ้นมาให้สิ่งมีชีวิตนอกอาณาจักรเข้ามาในอาณาจักรนี้ได้
“พวกเขาแข็งแกร่งเหลือเกิน!”
ชางเหยาเอ่ยเสียงตื่นเต้น “มิหนำซ้ำพวกเรายังได้รอเวลาเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลอีกด้วย!”
“เป็นเรื่องดี!”
จักรพรรดิชางพยักหน้า “หากเป็นเช่นนี้ อาณาจักรนี้กลับกลายเป็นอาณาจักรที่ปลอดภัยที่สุด”
หลังจากนั้น พวกเขาตามสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทั้งปวงเข้าไปในอาณาจักรนี้
“พวกเราหาที่พำนักกันก่อน”
พวกเขาแล่นนาวาโบราณตามหาสถานที่พักพิงอันเหมาะสม
สุดท้ายก็เจอสถานที่พักพิงอันเหมาะสม จึงจัดตั้งที่พำนัก
“เรียบร้อย ต่อไปนี้ ที่นี่คือฐานทัพของเราในอาณาจักรนี้!”
จักรพรรดิชางเอ่ยยิ้ม ๆ
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทั้งปวงต่างพากันมายังอาณาจักรนี้ พวกเขาสมัครสมานเป็นที่สุด มิมีผู้ใดกล้ากำเริบสืบสาน เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการข่มขวัญ
หากว่าพวกตงฟางเวิ่นมิได้ก่อศึกนอกอาณาจักร เวลานี้คงไม่มีทางสมานฉันท์กันเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตจากนอกอาณาจักรย่อมต้องรบราฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงสถานที่พำนัก
และอาจถึงขั้นแย่งชิงที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอีกด้วย
ทว่าบัดนี้หาได้มีปัญหาเช่นนั้นไม่ ผู้ใดมาถึงก่อนได้เป็นเจ้าของ สิ่งมีชีวิตที่มาทีหลังย่อมไปหาที่พำนักอื่นแต่โดยดี และมิมีสิ่งมีชีวิตตนใดหาญกล้าหมายหัวสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น
“เสด็จพ่อ ลูกขอออกไปเชยชมรอบ ๆ เสียหน่อย!”
ชางเหยาทนอยู่ว่าง ๆ ไม่ได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ออกจากอาณาจักรอวี้ซวี จึงสนใจใคร่รู้ไปเสียทุกอย่าง
“รออีกหน่อยเถิด!”
จักรพรรดิชางกล่าว กลัวจะเกิดเรื่องกับชางเหยา
“ไม่เป็นไรเพคะเสด็จพ่อ มีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้ากำแหงบ้าง เป็นเช่นที่เสด็จพ่อตรัสไว้ก่อนหน้า ที่นี่คืออาณาจักรที่ปลอดภัยที่สุด!”
ชางเหยาเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง
“จริงอย่างที่ว่า”
จักรพรรดิชางไม่ห้ามปรามชางเหยาอีกต่อไป ถึงอย่างไรก็มิมีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าผลีผลามกระทำการใด
ไม่รู้ว่าแดนบรรพโกลาหลจะปรากฏออกมาเมื่อไร ใช่ว่าชางเหยาจะไปเที่ยวเล่นรอบ ๆ ไม่ได้ การได้เปิดประสบการณ์บ้างก็ถือเป็นเรื่องดี
โดยเฉพาะหลังจากนี้พวกเขายังต้องเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล และสถานการณ์ในแดนบรรพโกลาหลนั้นไม่แน่ไม่นอน อาจเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ทุกเมื่อ เขาเองก็ไม่อาจปกป้องชางเหยาไปได้ตลอด
ชางเหยาสามารถสั่งสมประสบการณ์ส่วนตัวและได้พลังเพิ่มขึ้นบ้างก่อนเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลนั้นยิ่งดี!
“ได้ เจ้าไปเที่ยวเล่นเถิด จำไว้ว่ายังต้องระวังตัวให้มาก และห้ามทำอะไรตามอำเภอใจในอาณาจักรนี้เด็ดขาด!”
จักรพรรดิชางกำชับชางเหยาไม่หยุด อีกทั้งมอบของวิเศษรักษาชีวิตให้ชางเหยาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วถึงวางใจปล่อยชางเหยาไป
สุดท้าย ชางเหยาไปจากที่นี่
นางเหาะเหินเดินอากาศ ทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรนี้ล้วนแปลกใหม่สำหรับนาง นางเดินทางไปไกลหลายลี้โดยไม่รู้ตัว
“นั่นอะไร!”
ทันใดนั้น ดวงตากลมโตของนางเป็นประกาย ขณะทอดมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
“ช่างเป็นจิ้งจอกน้อยที่งดงามเหลือเกิน!”
เริ่มแรก ชางเหยามองไม่ชัดเท่าใด ต่อมาเริ่มเห็นชัดขึ้นว่าเป็นจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงงามสะพรั่ง โลดแล่นอยู่ระหว่างผืนป่า
นางไม่มีภูมิต้านทานต่อสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยน่ารักเช่นนี้ ไล่ตามเข้าไปในบัดดล
“อ๊ะ มีเจ้าของแล้วหรือ…”
หลังนางไล่ตามเข้าไป ก็เห็นจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงกระโดดโลดเต้นเข้าไปในอ้อมอกของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง นางผิดหวังในใจนิดหน่อย เดิมคิดว่าจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงนั้นไม่มีเจ้าของ จึงต้องการนำมาเลี้ยง
“เด็กหนุ่มผู้นี้หล่อเหลายิ่งนัก!”
หลังชางเหยาเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มแล้วก็เอ่ยออกมาอย่างอดมิได้
เด็กหนุ่มมีรูปโฉมงดงาม เรือนร่างสูงโปร่งล่ำสัน บุคลิกดูดีเป็นหนักหนา ต่อให้นางพบเจอบุรุษรูปงามมามากแล้ว กระนั้นดวงหน้าของเด็กหนุ่มก็ยังชวนให้นางตาลุกวาว
“หากมิใช่ว่าข้ามีใจให้ผู้อื่นไปแล้ว ต้องการเพียงท่านพี่ชวน ข้าต้องทำให้เขามาเป็นสามีของข้าให้ได้!”
นางเอ่ยหน้าแย้มยิ้ม ดวงหน้าเด็กหนุ่มตรงกับความชอบของนาง นางพิสมัยหน้าตาอย่างเด็กหนุ่มมาก
‘ในหมู่ปุถุชนมีผู้ที่โดดเด่นเตะตาเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ!’
นางเอ่ยในใจ สัมผัสคลื่นพลังปราณจากตัวเด็กหนุ่มไม่ได้เลย เด็กหนุ่มคือปุถุชนธรรมดาอย่างแท้จริง
แต่นางก็ไม่ได้ดูแคลนเด็กหนุ่มเพราะเหตุนี้ ตรงกันข้าม นางกลับรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ยิ่งเลอค่าขึ้นไปใหญ่
ในหมู่ผู้ฝึกตนมีผู้ที่รูปลักษณ์หล่อเหลาเช่นนี้อยู่ไม่น้อย ทว่าถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็เป็นผู้ฝึกตน ผิวพรรณรูปโฉมต่างดีขึ้นเพราะการฝึกฝนอยู่ไม่มากก็น้อย
เพราะอย่างนั้น ในหมู่ผู้ฝึกตนจึงยากจะหาผู้ใดที่อัปลักษณ์
ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นปุถุชน รูปโฉมบุคลิกกลับยังโดดเด่นเช่นนี้ มิได้ด้อยไปกว่าบรรดาผู้ฝึกตนเลย เด็กหนุ่มผู้นี้จึงล้ำค่าอย่างแท้จริง!
“สวัสดี!”
นางเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มร่าพร้อมกล่าวทักทายเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงของชางเหยา จึงเงยหน้ามอง และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี”
ช่วงนี้เขาได้ข้องแวะกับผู้ฝึกตนมากขึ้นเรื่อย ๆ มองดูก็รู้ว่าชางเหยาเป็นผู้ฝึกตนคนหนึ่ง ผิวของชางเหยาเปล่งประกายวาววามราง ๆ นี่มิใช่เรื่องที่ปุถุชนทำได้
เรื่องนี้กลับสร้างความประหลาดใจให้เขา
ผู้ฝึกตนอย่างชางเหยามาหาเขาด้วยเรื่องอันใด
หากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจรู้สึกประหม่า กังวลว่าชางเหยาอาจทำร้ายเขา
ทว่าบัดนี้ เขากลับมิได้ประหม่าเช่นนั้นแล้ว และมิได้มีความกังวลในใจแต่อย่างใด
ในมือเขามีของวิเศษที่ผู้ฝึกตนใช้อยู่ไม่น้อย ไม่ต้องกลัวว่าชางเหยาจะทำร้ายเขา อีกอย่าง เซี่ยเหยียนก็อยู่ไม่ไกล หากเกิดอันตรายอันใดขึ้นนางสามารถมาได้ทันท่วงที
ใช่แล้ว เขามิใช่ใครอื่น หลี่จิ่วเต้านั่นเอง
“นี่คือจิ้งจอกน้อยที่ท่านเลี้ยงไว้หรือ งดงามยิ่งนัก! ข้าขอ…อุ้มมันหน่อยได้หรือไม่”
ชางเหยามองจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงในอ้อมอกหลี่จิ่วเต้า ก่อนจะถามออกมาอย่างนอบน้อม
ที่แท้ถูกจิ้งจอกน้อยดึงดูดมาหรือนี่!
หลี่จิ่วเต้านึกในใจไปว่าชางเหยามาเพราะถูกเขาดึงดูดเสียอีก
“ได้แน่นอน”
เขาคลี่ยิ้ม ส่งจิ้งจอกน้อยในอ้อมอกไปให้ชางเหยา
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
ชางเหยารีบกล่าวขอบคุณ แล้วรับจิ้งจอกน้อยมาไว้ในอ้อมกอด
ดวงตากลมโตของจิ้งจอกน้อยวาววามสุกสกาว หัวใจนางแทบละลายกับความแบ๊วของจิ้งจอกน้อย จะน่ารักเกินไปแล้ว!
“คือว่า…ข้ารู้ว่าข้าพูดเช่นนี้ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ข้าก็ยังอยากถามสักประโยค จิ้งจอกน้อยตัวนี้ ขายให้ข้าได้หรือไม่”
นางถามหลี่จิ่วเต้า ชอบจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้มากจริง ๆ นางอยากเลี้ยงจิ้งจอกน้อยตัวนี้ไว้
หลี่จิ่วเต้ามองออกว่าชางเหยาชอบจิ้งจอกน้อยจากใจจริง ทว่าเขาตั้งใจเก็บไว้เป็นของขวัญให้ซี ไม่มีทางยกให้ผู้อื่น
“ขออภัยด้วย ข้าไม่คิดขาย” เขาเอ่ย
การระวังผู้อื่นมิควรขาด
เขาได้ยินเรื่องราวที่ผู้ฝึกตนฆ่าปุถุชนชิงทรัพย์มามาก แม้ว่าชางเหยาวางตัวอย่างมีมารยาท ไม่เหมือนคนเลว กระนั้นเขาก็มิได้เบาใจ ลอบระแวงอยู่ตลอด
หากว่าชางเหยามีท่าทีมุ่งร้ายจริง ๆ เขาจักเรียกเหล่าของวิเศษออกมาในทันทีเพื่อกำราบชางเหยา
เขาใช้ของวิเศษเหล่านี้มาหลายครั้งแล้ว ฤทธิ์เดชร้ายกาจยิ่ง เขามั่นใจว่าจัดการชางเหยาได้
ต่อให้จัดการชางเหยาไม่ได้จริง ๆ เขาก็เอาตัวรอดได้ไม่มีปัญหา ประวิงเวลาจนกว่าเซี่ยเหยียนจะมาถึงได้แน่
“เช่นนั้นก็…ได้!”
ชางเหยาผิดหวังนิดหน่อย กระนั้นก็มิได้มีความคิดอยากชิงมาเป็นของตน
แม้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา นางสามารถชิงตัวจิ้งจอกน้อยมาได้ง่ายดาย กระนั้นนางก็ไม่มีความคิดเช่นนั้น
นี่มิใช่เพราะพวกตงฟางเวิ่นเคยออกคำเตือนมาแล้วว่า ห้ามมิให้สิ่งมีชีวิตนอกอาณาจักรอย่างพวกเขาก่อกรรมทำเข็ญในอาณาจักรนี้ จะต้องอยู่กันอย่างเจี๋ยมเจี้ยม
แต่เพราะเดิมทีตัวนางเองนั้นมีจิตใจโอบอ้อมอารีอยู่แล้ว มิเคยทำเรื่องชั่วช้าสามานย์
“ข้าคืนให้…”
นางยื่นจิ้งจอกน้อยคืนให้หลี่จิ่วเต้าอย่างอาลัยอาวรณ์
กลับเป็นหลี่จิ่วเต้าที่เห็นแล้วอดใจอ่อนมิได้ เขาเอ่ย “ไม่เป็นไร หากเจ้าชอบอุ้มนาน ๆ ก็ได้ จริงสิ ข้ามีจิ้งจอกขาวเลี้ยงไว้อีกตัว เจ้าอยากไปดูหรือไม่”
นิสัยใจคอของชางเหยาไม่เลวจริง ๆ หากเป็นผู้ฝึกตนนิสัยไม่ดีคนอื่น เมื่อหมายตาทรัพย์สมบัติของปุถุชน น่ากลัวว่าคงลงมือแย่งมาแล้วกระมัง
ทว่าชางเหยามิได้ทำเช่นนั้น บ่งบอกว่าชางเหยาเป็นผู้มีคุณธรรม มิใช่คนชั่วประเภทนั้น
“มีจิ้งจอกขาวด้วยหรือ”
ดวงตากลมโตของชางเหยาลุกวาว นางชื่นชอบของสีขาวเช่นกัน อย่างเช่นตัวนางในตอนนี้ก็สวมกระโปรงสีขาวหิมะ นางสนใจในจิ้งจอกขาวที่หลี่จิ่วเต้ากล่าวถึงอย่างมาก
“สะดวกหรือไม่ หากว่าสะดวก ข้าอยากไปดูจิ้งจอกขาวตัวนั้นหน่อย” นางบอก
“สะดวก” หลี่จิ่วเต้ายิ้ม “จิ้งจอกขาวอยู่ห่างไปไม่ไกล เราไปกันเถิด”
“ได้เลย!” ชางเหยาพยักหน้า
ชายหนุ่มนำทางอยู่ด้านหน้า ไม่นานนัก พวกเขาก็กลับมาถึงรถลาก
“คุณชาย!”
ที่นี่มีเพียงเซี่ยเหยียนอยู่ หลังนางเห็นคุณชายกลับมาก็รีบเข้าไปต้อนรับ
ลั่วสุ่ยกับพวกอ้ายฉานไปตกปลา หลิงอิน เสี่ยวหยา และพี่ชายเสี่ยวหยาไปฝึกวิชาเพลงฉินในละแวกใกล้ ๆ ฉินหวายเฟิงมิได้ไปไหน ติดตามทุกคนมานี่ บัดนี้ออกไปชมทิวทัศน์รอบ ๆ
‘นี่ก็ปุถุชนเหมือนกันหรือ’
เมื่อชางเหยาได้เห็นเซี่ยเหยียน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นในใจ ‘นางงามเฉิดฉันเหลือเกิน! ปุถุชนเดี๋ยวนี้ยอดเยี่ยมกันถึงเพียงนี้เลยหรือ’
เซี่ยเหยียนสะกดพลังปราณ ซ้ำยังมีขอบเขตพลังเหนือกว่าชางเหยามาก ชางเหยาจับสัมผัสอะไรในตัวเซี่ยเหยียนมิได้ ทำให้ในสายตาชางเหยา เซี่ยเหยียนเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาเท่านั้น
“ข้าขอแนะนำ”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “ผู้นี้คือเซี่ยเหยียน อ้อ จริงสิ ยังมิได้ถามเลยว่าเจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่อชางเหยา” ชางเหยาตอบเสียงสุภาพ
“ชางเหยา ฮ่า ๆ ชื่อนี้ไพเราะยิ่ง ข้าชื่อหลี่จิ่วเต้า”
หลี่จิ่วเต้าแนะนำตัว ก่อนจะชี้ไปด้านข้าง “จิ้งจอกขาวนอนอยู่ตรงนั้น นางต่างจากเสี่ยวหง นิสัยค่อนข้างเย็นชา เข้าใกล้ยาก”
ชางเหยามองตามนิ้วหลี่จิ่วเต้า ปราดเดียวก็หลงเสน่ห์จิ้งจอกขาวเข้าเต็มเปา
จิ้งจอกขาวงามเหลือเกิน ขนทั้งตัวขาวผุดผ่องดุจหิมะ ปราศจากสีอื่นคอยปะปน ตาจิ้งจอกคู่นั้นเปล่งประกายเย็นเยียบ เป็นดั่งที่หลี่จิ่วเต้าว่า ดูก็รู้ว่าเข้าใกล้ยาก
กระนั้นนางมิได้ใส่ใจ ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้ฝึกตนซึ่งพอมีพลัง จิ้งจอกขาวธรรมดาตัวหนึ่งยังจัดการมิได้หรือ
นางมีวิธีทำให้จิ้งจอกขาวสนิทสนมกับนางตั้งมากมาย
กับเรื่องแค่นี้นางยังพอมีความมั่นใจอยู่!
ใช่แล้ว ในสายตาของนาง จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวล้วนเป็นจิ้งจอกธรรมดา ไร้ซึ่งขอบเขตพลัง
หากเป็นเมื่อก่อน ชางเหยายังพอมองจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวออก ทว่าจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวในเวลานี้หาได้เป็นดั่งเก่า พวกนางติดตามข้างกายหลี่จิ่วเต้ามาระยะหนึ่งแล้ว ขอบเขตพลังต่างยกระดับขึ้นมาก ในสถานการณ์ที่พวกนางสะกดพลังปราณ ชางเหยาไม่มีทางจับสัมผัสอันใดได้
“ได้พบกันนับเป็นวาสนา ฮ่า ๆ มิสู้อยู่กินข้าวด้วยกันเถิด!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ ก่อนจะกล่าวกับชางเหยา
“ได้เลย!”
ชางเหยาพยักหน้าอย่างปลื้มปีติ ไม่รู้ว่าการถูกเชิญให้กินข้าวด้วยกันหมายความถึงสิ่งไหน นางเพียงต้องการอยู่กับจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวให้นานกว่านี้เท่านั้น
“มิได้ออกล่าตั้งนาน ข้าจะออกไปล่าสัตว์กลับมากินเสียหน่อย!” หลี่จิ่วเต้าบอก
ผ่านไปแล้วตั้งหลายวัน วัตถุดิบในตู้เย็นโดนกินไปมากแล้ว เห็นพวกอ้ายฉานยังเด็กอยู่อย่างนั้น กลับกินจุมาก กินเก่งกันถ้วนหน้า!
โดยเฉพาะต้าเต๋อ เรียกได้ว่ายึดถือคติสุรามังสาผ่านลำไส้ พุทธะยังอยู่ในใจจนถึงที่สุด กินเยอะกว่าพวกอ้ายฉานเป็นไหน ๆ
ไหนจะพวกเซี่ยเหยียนอีก
ในสถานการณ์ปกติ เด็กผู้หญิงมักกินน้อย ทว่าหาใช่กับพวกเซี่ยเหยียน พวกเซี่ยเหยียนกินไม่น้อยเลย!
เป็นเรื่องที่หลี่จิ่วเต้าตกตะลึงยิ่ง
เซี่ยเหยียน ลั่วสุ่ย และอันหลานเสวี่ยไม่เท่าไหร่ พวกนางอยู่ในเส้นทางฝึกตน กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนก็พอเข้าใจได้
แต่หลิงอินและเสี่ยวหยามิได้ฝึกตน กินมากเท่าใดก็ไม่อ้วน สุดยอดยิ่งนัก!
นี่คือสภาพร่างกายผอมง่ายที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนอย่างนั้นหรือ
ฮ่า ๆ หากได้อยู่ที่ดาวเคราะห์สีฟ้า บรรดาเด็กผู้หญิงในดาวเคราะห์สีฟ้าคงอิจฉาริษยาแทบแย่ เด็กผู้หญิงมากมายในดาวเคราะห์สีฟ้ามิกล้ากินเยอะแม้แต่น้อยเพราะต้องรักษาหุ่น!
จากนั้น เขาไปจากที่นี่ เข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขา
ที่นี่มีเซี่ยเหยียนอยู่ ปลอดภัยแน่นอน ไม่มีทางเป็นอันใด
“สวัสดี!”
ชางเหยาเดินไปหาจิ้งจอกขาวด้วยรอยยิ้มร่า กล่าวทักทายจิ้งจอกขาว
“จิ้งจอกนั้นฉลาดเฉลียวมาแต่กำเนิด ข้าดูแล้วเจ้าเองก็ไม่ธรรมดา คิดแล้วคงเข้าใจถ้อยคำของข้า”
นางเอ่ยยิ้ม ๆ “ข้าคือผู้ฝึกตนที่ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้ว เจ้าอยากก้าวสู่เส้นทางฝึกตนหรือไม่ ข้าสอนเจ้าได้นะ ช่วยให้เจ้าก้าวสู่เส้นทางฝึกตน”
จิ้งจอกขาวเย็นชาสุด ๆ นางคิดจะใช้เรื่องนี้กระชับความสัมพันธ์กับจิ้งจอกขาว ให้จิ้งจอกขาวยอมแยแส
นางรู้สึกว่าจิ้งจอกขาวคงต้องสนอกสนใจในการฝึกตนอยู่กระมัง
หารู้ไม่ จิ้งจอกขาวเพียงแต่ปรายตามองนางนิ่ง ๆ แล้วไม่สนใจนางอีก นอนหมอบด้วยความเย็นชาต่อไป
“การฝึกตนนั้นสนุกมาก มีเรื่องเพลิดเพลินให้ทำหลายอย่าง อย่างเช่นแบบนี้…”
ชางเหยาไม่ยอมแพ้ ตั้งใจสาธิตด้วยตนเอง ให้จิ้งจอกขาวได้รู้ถึงข้อดีในการฝึกตน
นางยื่นมือเรียวขาวผ่องออกไป จิ้งจอกขาวน่ารักตัวหนึ่งพลันหลอมรวมขึ้นที่ฝ่ามือ หน้าตาเหมือนจิ้งจอกขาวตัวนี้ทุกประการ
“เจ้าดูสิ น่าสนุกมากใช่หรือไม่ หากเจ้าต้องการฝึกตน ข้าช่วยสอนเจ้าได้”
นางกล่าวยิ้ม ๆ
“แม่นางผู้นี้นี่…”
อีกด้าน เซี่ยเหยียนเห็นแล้วนึกขัน
ชางเหยาน่ารักจริงเชียว สอนจิ้งจอกขาวฝึกตนอย่างนั้นหรือ นางมองปราดเดียวก็เห็นขอบเขตพลังของชางเหยา ห่างชั้นจากจิ้งจอกขาวตั้งไกล
ขอบเขตของจิ้งจอกขาวเหนือกว่าชางเหยามากนัก!
“น่าสนใจมากใช่หรือไม่ เจ้าดูเสีย ข้ายังสามารถเพิ่มได้อีกด้วย!”
ชางเหยาพยายามแสดงฝีมืออย่างเต็มที่เพื่อดึงดูดให้จิ้งจอกขาวหันมาสนใจ เพียงแค่นางคิด บนฝ่ามือก็มีพลังควบแน่นกลายร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยหนึ่งตัวลอยออกมา จิ้งจอกตัวนั้นเหมือนกับจิ้งจอกสีแดงเพลิงทุกประการ
ภายในใจของนางมีความมั่นใจอยู่พอสมควร นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งจักรวรรดิชางเยว่ ฝึกฝนจนเข้าสู่ขอบเขตนักบุญ ทว่าตอนนี้กลับมาพยายามดึงดูดความสนใจของจิ้งจอกขาวธรรมดา ๆ ด้วยความยากลำบาก หากสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอวี้ซวีได้รู้เรื่องนี้เข้า คงจะต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจอย่างแน่นอน
แต่ไม่มีทางเลือกอื่น นางชื่นชอบจิ้งจอกขาวตนนี้มากจริง ๆ จึงเต็มใจจะทำสิ่งเหล่านี้
น่าเสียดายที่จิ้งจอกขาวก็ยังคงไม่สนใจนาง
“ข้ายังสร้างได้มากกว่านี้อีก!”
ชางเหยาเอ่ยออกมา บนฝ่ามือของนางมีแสงเปล่งประกาย ควบแน่นเป็นร่างของจิ้งจอกน้อยทีละตัวทีละตัว
จิ้งจอกน้อยเริ่มจะรำคาญขึ้นมาแล้ว จึงหันไปมองชางเหยา จากนั้นก็เป่าจิ้งจอกตัวน้อยที่ชางเหยาควบแน่นขึ้นมาทั้งหมดจนสลายหายไปสิ้นในคราวเดียว
“เอ๋!?”
ชางเหยาตกตะลึงไปในทันใด บนหัวเล็ก ๆ คล้ายเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!?
ไม่ใช่ว่านี่เป็นเพียงแค่จิ้งจอกสีขาวธรรมดาตัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
จิ้งจอกน้อยที่นางใช้พลังนักบุญควบแน่นขึ้นมา ไยจึงสามารถถูกเป่าเบา ๆ จนสลายหายไปสิ้น!
“เจ้าก้าวเดินบนเส้นทางการฝึกตนมานานแล้วอย่างนั้นหรือ?”
นางมองจิ้งจอกขาวด้วยแววตาแปลกประหลาด ก่อนเอ่ยถามออกมา
ไม่มีทางที่จิ้งจอกสีขาวจะยังไม่ก้าวเดินบนเส้นทางการฝึกตน ไม่เช่นนั้น จิ้งจอกน้อยที่นางใช้พลังควบแน่นออกมาคงจะไม่ถูกเป่าจนสลายไปเช่นนี้
“อย่ามายุ่งกับข้า!”
จิ้งจอกสีขาวเอ่ยออกมา น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้ชางเหยาตื่นตกใจมาก อันใดกัน เห็นได้ชัดว่าเดินบนเส้นทางการฝึกตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เหตุใดนางกลับไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งใดได้?
ขอบเขตของจิ้งจอกสีขาวอยู่ขอบเขตใดกันแน่!
นางถอยห่างจากจิ้งจอกขาวในทันที ท่าทางจริงจังระมัดระวังขึ้นมา
ทว่านางพลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงมองไปยังจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงในอ้อมแขนของนาง “เจ้า...เจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าก้าวเดินบนเส้นทางการฝึกตนแล้วใช่หรือไม่!?”
“อื้อ ดูเหมือนว่าข้าจะแข็งแกร่งกว่าพี่สาวอยู่บ้าง”
จิ้งจอกน้อยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่มเหมือนเด็ก
“อันใดกัน!”
ชางเหยารู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันใด นางปล่อยจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงลงจากอ้อมแขนทันที เกิดความคิดอยากจะหนีไปจากที่นี่
“แม่นางอย่าได้หวาดกลัวไปเลย”
ในตอนนั้นเอง เซี่ยเหยียนก็เอ่ยปากหยุดชางเหยาเอาไว้
ชางเหยายิ่งหวาดกลัวมากกว่าเดิม สั่นสะท้านไปจนถึงจิตวิญญาณ นางสัมผัสได้ถึงพลังที่มองไม่เห็นจับตัวนางเอาไว้ ทำให้นางไม่สามารถหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้
‘ข้าถูกหลอกแล้ว! ทั้งยังถูกหลอกอย่างโง่เขลา!’
น้ำตาของชางเหยาไหลออกมา เห็นได้ชัดว่านางถูกหลอก คนเหล่านี้ไม่ใช่ปุถุชนธรรมดาแต่อย่างใด ขอบเขตการฝึกตนเหนือชั้นกว่านางเป็นอย่างมาก!
“พวกท่านอย่าฆ่าข้าเลย ข้ายังอยากพบพี่ชวนอยู่ ยังไม่ได้สยบพี่ชวนเอาไว้เลย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้เข้าเรือนหอกับพี่ชวนเสียด้วยซ้ำ!”
นางร้องไห้พร้อมกล่าวออกมา “พวกท่านค่อยสังหารข้าในภายหลังได้หรือไม่ รอข้าทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จ ไร้อาวรณ์ใดในชีวิต ข้าจะมาหาพวกท่านให้พวกท่านสังหารข้าได้!”
นี่มันอันใดกัน!
เซี่ยเหยียนฟังแล้วก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ในหัวเล็ก ๆ ของชางเหยากำลังคิดสิ่งใดอยู่กัน เหตุใดจึงคิดว่าตนเองจะต้องถูกสังหารกัน!
อีกทั้งยังมีเรือนหออีก!
แม่นางน้อยอายุเท่าใดกันเชียว เหตุใดจึงคิดเรื่องเหล่านี้ออกมาเสียแล้ว?
ประเด็นสำคัญคือคำพูดส่วนท้ายของชางเหยา ช่างน่ารักเกินไปแล้ว!
ทำเรื่องทั้งหมดสำเร็จแล้วจะกลับมา...
นางเพิ่งเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้เป็นครั้งแรกในชีวิต
“เหตุใดเจ้าจึงคิดจะตายกัน? อีกทั้งเพียงแค่เข้าเรือนหอก็ไร้อาวรณ์แล้วหรือ? ไม่อยากจะให้กำเนิดเหล่าปลาตัวน้อยให้พี่ชวนของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
นางหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา
“ให้กำเนิดปลาน้อย! แน่นอนว่าข้าอยาก แต่ข้ากลัวว่าพวกท่านจะรอนานขนาดนั้นไม่ได้...”
ชางเหยาร้องไห้เอ่ยออกมา
ทว่าจู่ ๆ นางพลันเอะใจบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยออกมาด้วยความงุนงง “ท่านรู้ได้อย่างไรเรื่องให้กำเนิดปลาน้อย...”
เหตุใดจึงกล่าวว่าให้กำเนิดปลาน้อย?
คนผู้นี้รู้ว่าพี่ชวนเป็นเผ่ามัจฉาอย่างนั้นหรือ?
“เหตุใดจะไม่รู้เล่า ก็เขาเป็นน้องชายที่แสนดีของข้า...”
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นลั่วสุ่ยก็ปรากฏตัวออกมาเบื้องหน้าของชางเหยา
เมื่อชางเหยาได้ยินคำพูดนั้นก็ยังคงไม่เข้าใจสิ่งใด ทว่าเมื่อนางเห็นลั่วสุ่ยก็รีบวิ่งร้องไห้เข้าไปกอดลั่วสุ่ย
“เป็นพี่สาว! พี่สาวมาเพื่อช่วยข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าถูกคนหลอกเสียแล้ว!”
นางร้องไห้อย่างทุกข์ตรม
“หลอกอันใด! ห้ามพูดเช่นนั้น! นั่นนับว่าเป็นการดูหมิ่นคุณชาย! การได้พบคุณชาย นับเป็นวาสนาที่แม้สั่งสะสมมาหลายชั่วอายุคนก็ไม่อาจทำได้!”
ลั่วสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
เดิมที นางกำลังตกปลาอยู่ริมธารน้ำห่างออกไปไม่ไกล ทว่าสัมผัสได้ถึงลมหายใจของชางเหยา ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีว่า ชางเหยามายังอาณาจักรแห่งนี้ด้วยสาเหตุอันใด?
อีกทั้งยังเป็นคุณชายที่พานางมาที่นี่ด้วย
“หืม? คุณชาย? คุณชายอันใด?”
ชางเหยาตะลึงงัน
“คุณชายคือผู้ที่พาเจ้ามาที่นี่”
ลั่วสุ่ยพูดด้วยความจริงจัง “คุณชายคือผู้ยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุด ทั้งข้าและเสี่ยวชีล้วนติดตามคุณชายอยู่”
“พี่ชวนเองก็อยู่ในอาณาจักรนี้ด้วยหรือ!?”
ชางเหยารู้ว่าเสี่ยวชีที่ลั่วสุ่ยกล่าวถึงคือมัจฉาสัตมายา
นางไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าพี่ชวนจะอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้!
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งพี่ชวนและพี่สาวลั่วสุ่ยก็ล้วนติดตามหลี่จิ่วเต้าผู้นั้น!
“ใช่”
ลั่วสุ่ยถามชางเหยากลับ “เหตุใดเจ้าถึงได้มายังอาณาจักรแห่งนี้? แล้วเจ้ามาเพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่! ข้ามากับท่านพ่อแล้วก็ยอดฝีมือในตระกูล พวกข้าต้องการจะเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหล!” ชางเหยากล่าว
จากนั้นนางก็เอ่ยต่อด้วยความคับแค้นใจ “พี่ลั่วสุ่ยรู้หรือไม่ว่าพี่ชวนนั้นแย่มาก! ภายหลังยามที่เขากลับไปยังอาณาจักรอวี้ซีก็ยังคงหลีกเลี่ยงหลบหน้าข้าเช่นเดิม! ข้าจึงต้องการจะเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลกับท่านพ่อ ด้วยหนทางเช่นนี้ ข้าจึงจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้! เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ข้าก็จะสามารถสยบพี่ชวนลง ดูสิว่ายังจะหลบหน้าข้าอีกได้หรือไม่!”
“สมกับเป็นเจ้าเสียจริง!”
ลั่วสุ่ยแย้มยิ้ม นางรู้เกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างมัจฉาสัตมายาและชางเหยา ชางเหยาเป็นสตรีที่กล้าจะรักและกล้าจะชัง หลังจากผูกใจมุ่งมั่นกับมัจฉาสัตมายาแล้ว นางก็ไม่เคยยอมแพ้ ทั้งยังตามจีบอย่างกล้าหาญอยู่เสมอ!
นิสัยเช่นนี้นับว่าดีเสียจริง
อย่างน้อยนางก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก
“พี่ชวน เสี่ยวชี?”
เซี่ยเหยียนรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง
“เสี่ยวชีคือมัจฉาสัตมายา นางกับเสี่ยวชีมาจากอาณาจักรเดียวกัน อืม ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ อย่างน้อยข้าก็เห็นด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง สำหรับข้าชางเหยาเป็นเหมือนน้องสะใภ้ไปเรียบร้อยแล้ว”
ลั่วสุ่ยอธิบายให้เซี่ยเหยียนฟัง บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างมัจฉาสัตมายาและชางเหยา
“ฮ่าฮ่า ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”
เซี่ยเหยียนหัวเราะออกทันทีหลังจากฟังจบ นางเองก็ชื่นชอบนิสัยกล้ารักกล้าชังของชางเหยาเป็นอย่างมาก
หญิงสาวมองไปที่ชางเหยาพลางเอ่ยออกมา “วางใจเถิด ข้าเองก็จะสนับสนุนเจ้า!”
“ขอบคุณพี่สาวทั้งสองสำหรับการสนับสนุน!”
ชางเหยากล่าวออกมาอย่างอ่อนหวาน
“ทว่าข้าเองก็ไม่รู้ว่าพี่ชวนรู้สึกกับข้าเช่นไรกันแน่...”
นางกลัวว่าพี่ชวนจะไม่รู้สึกอันใดกับนางแม้แต่น้อย ยามนั้นถึงแม้นางจะสามารถสยบพี่ชวนได้ แต่ก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นความสำเร็จ
“วางใจเถิด เขาเองก็มีใจต่อเจ้าอย่างแน่นอน หากไม่มีใจ เขาคงเลิกยุ่งกับเจ้าไปนานแล้ว!” ลั่วสุ่ยตอบ
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
เซี่ยเหยียนพยักหน้า ฟังจากเรื่องราวที่เล่ามาแล้ว นางเองก็คิดว่ามัจฉาสัตมายาเองก็มีใจให้กับชางเหยา
“อีกทั้ง การกล้าไล่ตาม กล้าจะรัก แล้วจะทำไม? การได้พยายามแสวงหาความสุขของตนเองนั้นไม่ผิด! หลังจากนี้แม้ล้มเหลว ก็ไม่หลงเหลือความเสียใจทิ้งเอาไว้ให้กับตนเอง!” เซี่ยเหยียนกล่าวต่อ
“อือ! ข้าเองก็คิดเช่นนั้น!”
ชางเหยาพยักหน้า “ข้าจะไม่ยอมแพ้เรื่องของพี่ชวน หัวใจของข้ายึดมั่นในตัวพี่ชวน เขาจะเป็นสามีของข้าไปตลอดชีวิต!”
“ฮ่าฮ่า ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดคุณชายจึงพาเจ้ากลับมา”
ลั่วสุ่ยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “หากคุณชายไม่พาเจ้ากลับมา แม้เจ้าจะสามารถเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลก็ไร้ประโยชน์ ยังคงไม่มีความหวังที่จะสยบเสี่ยวชีลงได้”
ภายในใจของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ นับไม่ถ้วน แดนบรรพโกลาหลนับว่าเป็นสถานที่สูงสุด ทว่าลั่วสุ่ยตระหนักได้เป็นอย่างดี แดนบรรพโกลหลนั้นยังไม่อาจเปรียบเทียบกับลานเล็ก ๆ ของคุณชายได้ ซ้ำยังห่างไกลจนไม่อาจเทียบเคียงได้
แม้ว่านางจะไม่เคยไปยังแดนบรรพโกลาหล แต่นางรู้ว่าคุณชายแข็งแกร่งมากเพียงใด ทุกอย่างที่อยู่ในลานล้วนแต่เหนือชั้นเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น หินโกลาหลในลานที่ตกลงมาจากแดนบรรพโกลหลยังเคยกล่าวออกมาอย่างจริงจัง ว่าลานเล็ก ๆ ของคุณชายนั้นอยู่เหนือยิ่งกว่าแดนบรรพโกลาหลอย่างแน่นอน พลังที่ไหลเวียนอยู่ในลานเล็ก ๆ นั้นห่างชั้นจากพลังโกลาหลของแดนบรรพโกลาหลจนไม่อาจเทียบ
ทั้งเหนือชั้นและทรงพลังยิ่งกว่า
มัจฉาสัตมายาฝึกฝนอยู่ในลานเล็ก ๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชางเหยาจะเปรียบเทียบได้อย่างแน่นอน แม้ว่าชางเหยาจะเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลและสามารถเกี่ยวเก็บครั้งใหญ่ได้ ก็ยังไม่มีทางที่ชางเหยาจะสามารถสยบมัจฉาสัตมายาลง
“เอ๋?”
ขางเหยาฟังแล้วไม่เข้าใจ
ลั่วสุ่ยยิ้มพร้อมกล่าวออกมา “คุณชายต้องการจะช่วยเหลือเจ้า เห็นได้ชัดว่าอยู่ข้างเจ้า”
คุณชายเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง จะไม่รู้ถึงเรื่องราวระหว่างมัจฉาสัตมายาและชางเหยาได้อย่างไร ไม่จำเป็นต้องคิด คุณชายก็คงสามารถล่วงรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับมัจฉาสัตมายาและชางเหยาได้อย่างแจ่มแจ้ง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คุณชายยังเลือกที่จะพาชางเหยากลับมาด้วย ทั้งยังให้ชางเหยาอยู่ทานมื้อเย็น สิ่งนี้บ่งบอกความตั้งใจคุณชายได้ชัดเจนยิ่ง
เป็นอย่างที่นางเพิ่งกล่าวออกไป คุณชายต้องการจะช่วยเหลือชางเหยา
“ใช่”
เซี่ยเหยียนเสริม “ด้วยการสนับสนุนของคุณชาย เจ้าก็ไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีกต่อไป อีกทั้งเมื่อคุณชายต้องการจะช่วยเจ้า ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าเสี่ยวชีเองก็มีใจให้กับเจ้า”
หากเสี่ยวชีไม่มีใจต่อชางเหยา นางคิดว่าคุณชายจะต้องไม่ช่วยเหลือชางเหยาอย่างแน่นอน
คุณชายล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดไม่รู้ จะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเสี่ยวชีเองก็มีใจให้มัจฉาสัตมายา เป็นเหตุให้ลงมือช่วยเหลือชางเหยา ทำให้ชางเหยาและมัจฉาสัตมายาได้ประสบเรื่องน่ายินดี
“หือ? คุณชายเก่งกาจเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ชางเหยาตื่นตะลึง คุณชายผู้นั้นเก่งกาจมากถึงเพียงนั้น? ฟังจากคำพูดของลั่วสุ่ยกับเซี่ยเหยียนแล้ว คุณชายผู้นี้เป็นตัวตนที่สามารถทำได้ทุกสิ่งอย่าง!
“เจ้าจะไม่เชื่อผู้ใดก็ย่อมได้ แต่ต้องเชื่อคุณชาย!“
ลั่วสุ่ยเอ่ยด้วยความจริงจัง “คุณชายเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังเกินกว่าเจ้าจะจินตนาการถึง เซี่ยเหยียนเอ่ยไม่ผิด ในเมื่อคุณชายตัดสินใจจะช่วยเจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็สามารถวางใจในเรื่องนี้ได้เลย!”
หลังจากนั้น นางก็บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคุณชายให้ชางเหยาฟัง หลังจากที่ชางเหยาได้ยินแล้ว หัวใจก็สั่นไหวขึ้นมาจริง ๆ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า บนโลกนี้จะมีตัวตนที่อยู่เหนือสรรพสิ่งเช่นนี้อยู่!
กระทั่งคนตายยังสามารถฟื้นชีพกลับมาได้อย่างง่ายดาย!
สวรรค์! คุณชายผู้นี้ช่างเก่งกาจจริง ๆ!
นางไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว ด้วยการสนับสนุนของคุณชาย นางเพียงแค่ทำเรื่องหาญกล้าเช่นนี้ต่อไป!
“ข้อห้ามบางอย่างของคุณชาย เจ้าเองก็ต้องจำให้ดี! อย่าได้ละเมิดข้อห้ามเหล่านี้เด็ดขาด!”
ลั่วสุ่ยบอกชางเหยาเกี่ยวกับข้อห้ามต่าง ๆ ของคุณชายให้จดจำเอาไว้
“ตกลง!”
ชางเหยาพยักหน้าอย่างหนักแน่น จากนั้นก็จดจำทั้งหมดอย่างเงียบงัน
“เช่นนั้น ข้าขอแสดงความยินดีล่วงหน้าที่เรื่องดี ๆ ของเจ้าจะกลายเป็นจริงตามปรารถนา!” ลั่วสุ่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
คุณชายลงมือแล้ว ย่อมไม่มีเรื่องนอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น บทสรุปทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ชางเหยาจะกลายมาเป็นน้องสะใภ้ที่แท้จริงของนาง!
ด้านในป่าทึบ หลี่จิ่วเต้ากำลังล่าสัตว์
ร่างกายของเขาคล่องแคล่วปราดเปรียว แววตาเรืองรองเหมือนคบเพลิง ลูกศรที่ง้างออกไปไม่เคยพลาดเป้า เหยื่อตัวใดที่ถูกเขากำหนดเป้าหมายเอาไว้ล้วนไม่อาจหนีรอด ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถล่าเหยื่อจำนวนมากได้
“เพียงพอแล้ว”
เขาเก็บเหยื่อเหล่านี้ลงในแหวนบรรจุของ ก่อนจะกลับไปทางรถลาก
เมื่อถึงรถลาก เขาก็เห็นว่าลั่วสุ่ยเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน ทั้งยังกำลังคุยกับชางเหยาอย่างมีความสุข ราวกับว่าเป็นคนรู้จักเก่าแก่
“คุณชาย!”
หลังจากลั่วสุ่ยเห็นคุณชายก็รีบทักทายออกมาด้วยรอยยิ้ม “คาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกับน้องสาวชางเหยาที่นี่ ข้าเคยพบกับน้องสาวชางเหยามาก่อน ยามนั้นพวกเราคุยกันถูกคอ มาตอนนี้ได้พบกันอีกครั้ง ช่างน่ายินดียิ่งนัก”
ที่แท้ก็เป็นคนรู้จักกันจริง ๆ
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะออกมาเบา ๆ “เช่นนี้ก็นับว่าเป็นโชคชะตาแล้ว!”
เขาเอ่ยถามชางเหยา “เป็นเช่นไรบ้าง? จิ้งจอกขาวแตะต้องไม่ง่ายใช่หรือไม่?”
“ใช่”
ชางเหยาเอ่ยด้วยใบหน้าฝืดเคือง “นางเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจแตะต้องได้โดยง่าย”
หลี่จิ่วเต้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่เพียงแค่เจ้าที่ไม่อาจแตะต้องได้โดยง่าย กระทั่งข้าเองก็เช่นเดียวกัน!”
เมื่อเขาเข้าไปใกล้จิ้งจอกขาว จิ้งจอกขาวยังคงมีการต่อต้าน ชางเหยาต้องการจะสัมผัสจิ้งจอกขาว นับเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้
“ดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อนเถิด”
หลี่จิ่วเต้าฝากให้ลั่วสุ่ยไปเทเครื่องดื่มเย็น ๆ ในรถลากมาให้ชางเหยา
เครื่องดื่มเหล่านั้นเป็นเขาที่ทำขึ้นมาเก็บเอาไว้ในตู้เย็น ทว่าเหลืออยู่อีกเพียงไม่มากแล้ว หลังจากนี้หากมีเวลาเขาจะต้องทำเพิ่มอีก
“รับทราบ!”
ลั่วสุ่ยเดินไปด้านในรถลากเพื่อเทเครื่องดื่มเย็น ๆ ถ้วยหนึ่งออกมาส่งให้กับชางเหยา
“อร่อยมากเลยนะ!”
ลั่วสุ่ยกล่าวกับชางเหยาด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณ!”
ชางเหยารับเครื่องดื่มเย็น ๆ มาด้วยความคาดหวัง
ลั่วสุ่ยเคยบอกกับนางว่าของที่คุณชายทำขึ้นมา ไม่เพียงแต่อร่อยมาก ทว่ายังมอบผลประโยชน์ให้อย่างมหาศาลด้วย!
นางจิบลงไปหนึ่งอึก ก่อนประกายตาจะวาววับขึ้นมา ลั่วสุ่ยไม่ได้หลอกนาง สิ่งที่คุณชายทำนั้นอร่อยมากจริง ๆ
อึก อึก!
นางอดกระดกดื่มเข้าไปหลายอึกภายในคราวเดียวไม่ได้ ความรู้สึกเย็นฉ่ำ ทั้งยังมีกลิ่นหอมของผลไม้ นี่จะต้องเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดที่นางเคยดื่มอย่างแน่นอน!
ขณะเดียวกัน นางก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านออกมาจากภายในร่างกาย ความสามารถทุกด้านล้วนทะยานขึ้นสูงอย่างบ้าคลั่ง!
‘คุณชายแข็งแกร่งอย่างแท้จริง! ข้ารู้สึกว่าเครื่องดื่มเย็นนี่เหนือเสียยิ่งกว่าโอสถเซียนเสียอีก!’
นางเอ่ยในใจอย่างสั่นสะท้าน เพิ่งเคยเห็นความสามารถของคุณชายด้วยตาตนเอง!
“ดื่มช้าลงหน่อย ไม่ต้องรีบ”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มและเอ่ยออกมา “ดื่มหมดก็ยังเหลืออยู่อีก! อย่าได้รีบร้อนจนสำลัก”
จากนั้น เขาก็บอกลั่วสุ่ยให้คอยดูแลชางเหยาให้ดี ส่วนตัวเขาจะไปจัดการเหยื่อที่ล่ามาได้
“คืนนี้กินเนื้อย่างเสียบไม้ละกัน!”
เมื่อมาถึงที่โล่ง ๆ ก็นำเหยื่อที่ล่าได้ออกมาเริ่มจัดการ
“เป็นตัวตนที่อยู่เหนือชั้นจริง ๆ!”
ชางเหยาตกตะลึง ทุกการเคลื่อนไหวของคุณชายลื่นไหลเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังแฝงไว้ด้วยเต๋าและกฎเกณฑ์สูงสุด ห่างไกลเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของนาง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากนางสามารถเข้าใจความหมายลึกซึ้งของเต๋าและกฎเกณฑ์เหล่านี้ได้แม้เพียงเล็กน้อย การกลายเป็นเซียนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่ชวนจะแข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงนั้น!
การได้ติดตามตัวตนสูงสุดเช่นนี้ ต่อให้พี่ชวนไม่อยากแข็งแกร่งขึ้นก็นับเป็นเรื่องยาก!
‘คุณชายช่วยเหลือข้า พี่ชวนท่านรอข้าก่อนเถิด!’
นางคิดขึ้นมาในใจอย่างเบิกบาน ราวกับว่าเห็นภาพที่ตนเองสามารถสยบพี่ชวนได้เสียแล้ว
ด้วยความช่วยเหลือจากคุณชาย ชะตากรรมของพี่ชวนจะต้องหนีไม่รอดไปจากฝ่ามือของนางอย่างแน่นอน!
อีกด้านหนึ่ง ข้างธารน้ำสายใหญ่
อ้ายฉาน และพวกต้าเต๋อ รวมทั้งอันหลานเสวี่ยกำลังตกปลาอยู่ริมแม่น้ำ
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ธารน้ำเองก็ใส่กระจ่าง สภาพแวดล้อมนับว่าไม่เลวเลยจริง ๆ
ดูแล้วพวกเขาราวกับกำลังตกปลาในธารน้ำ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ลึกลงไปในธารน้ำ มีภาพนิมิตมากมายปรากฏขึ้น อาณาจักรแล้วอาณาจักรเล่าโผล่แสดงให้เห็น วิชาตกปลาที่คุณชายสอนให้พวกเขา ไม่ใช่การตกปลาธรรมดา ๆ เท่านั้น!
ตอนนี้พวกเขาเชี่ยวชาญในทักษะการตกปลามากขึ้นเรื่อย ๆ พากันจับปลาได้ตัวแล้วตัวเล่า อีกทั้งยังไม่ใช่ปลาธรรมดา ทั้งหมดล้วนแล้วแต่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง!
“ที่นี่...คือที่ใดกัน!?”
ต้าเต๋อเหวี่ยงเบ็ดลงในแม่น้ำอีกครั้งหลังจากเพิ่งตกปลาได้ตัวหนึ่งพลันร้องออกมา สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน!
ทักษะการตกปลาของเขานั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก สามารถตกปลาได้จากทั่วทั้งหมื่นอาณาจักร ทว่าเบ็ดที่เขาเพิ่งจะโยนกลับลงน้ำ กลับหลุดเข้าไปในพื้นที่พิเศษแห่งหนึ่ง!
สถานที่แห่งนั้นให้ความรู้สึกไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เขาเคยไปยังภพเซียนมาก่อนแล้ว บอกได้ว่าภพเซียนก็ยังห่างชั้นจากสถานที่ที่ปรากฏขึ้นอย่างมาก เหนือชั้นเสียจนไม่อาจนับว่าเปรียบเทียบได้ ไม่อาจทราบได้เลยว่าเหนือกว่ากี่ชั้น!
“ต้องถอนเบ็ด!”
เขาไม่กล้าแม้แต่จะลังเล รีบดึงเบ็ดกลับขึ้นมาทันที
สถานที่แห่งนั้นผิดปกติมากเกินไป เขาไม่อาจเข้าใจได้แม้แต่น้อย รู้สึกเพียงหากตกปลาด้านในนั้น อาจเกิดเรื่องใหญ่เป็นอย่างยิ่งตามมา!
“อามิ...ต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา! แย่แล้ว!”
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่อาจดึงเบ็ดกลับคืนมาได้ ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างด้านในนั้นรั้งเบ็ดเอาไว้!
“เกิดเรื่องอันใด?”
อันหลานเสวี่ยที่สังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติเป็นผู้แรกรีบตรงไปหาต้าเต๋อ
พวกอ้ายฉานเองก็ตามมา
“ข้าดึงเบ็ดกลับมาไม่ได้!”
ต้าเต๋อรีบเอ่ยออกมา
สถานที่แห่งนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง เห็นได้ชัดว่าอยู่สูงเกินความสามารถในการตกปลาของเขา ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากเพียงใดก็ไม่สามารถดึงเบ็ดให้ขยับได้แม้แต่น้อย!
“ไม่ต้องร้อนรนไป! พวกเรามาช่วยเจ้าแล้ว!”
อันหลานเสวี่ยพูดขึ้น ก่อนจะวางมือทั้งสองข้างลงบนคันเบ็ด ออกแรงช่วยต้าเต๋อดึงเบ็ดกลับมา
“พวกข้าเองก็มาช่วยแล้ว!”
แม้ว่าพวกอ้ายฉานจะตีกับต้าเต๋อเป็นประจำ แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็พุ่งเข้าไปช่วยอย่างไม่มีความลังเลสักนิด
ทว่าแม้พวกเขาทั้งหมดจะร่วมมือกันก็ยังไม่อาจขยับ ช่องว่างห่างกันประหนึ่งดวงดาวครึ่งดวง อีกด้านตรงสถานที่แห่งนั้นราวกับหินผา พวกเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย!
“พวกเจ้ามาเสียให้หมด!”
เสียงที่ดังมาจากอีกด้านเต็มไปด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ พวกต้าเต๋อไม่เคยได้ยินภาษานี้มาก่อน นับได้ว่าเป็นภาษาใหม่สำหรับพวกเขา
หลังจากนั้นเพียงพริบตาต่อมา พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงดึงมหาศาลจากอีกด้านคันเบ็ด เพียงอึดใจเดียวพวกเขาก็ถูกลากลงไปในแม่น้ำทันที!
“อามิ...ต้าเต๋อฝอ! นี่พวกเข้า...เป็นฝ่ายถูกตกแทนอย่างนั้นหรือ!?”
ใบหน้าของต้าเต๋อซีดเชียวลง เขาสบถออกมา ไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ประเด็นที่สำคัญสุดคือ เขาไม่ได้คิดจะจับปลาในสถานที่แห่งนั้นเลยเสียด้วยซ้ำ ตำแหน่งตรงนั้นคือจุดที่เบ็ดหย่อนลงไป เขาคิดจะดึงมันกลับมาตั้งแต่พริบตาแรก ทว่ากลับเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน!
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงแค่ไม่กี่อึดใจยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ตอบสนองสิ่งใด พวกเขาก็ถูกลากลงไปยังสถานที่แห่งนั้นเสียแล้ว!
“ที่นี่คือที่ไหนกัน!?”
ใบหน้าของอันหลานเสวี่ยจริงจังยิ่ง นางมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ที่แห่งนี้คือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มองไปแล้วไม่อาจเห็นจุดสิ้นสุด ราวกับว่าทั้งอาณาจักรแห่งนี้คือผืนสมุทร!
พวกเขากำลังยืนอยู่ด้านบนผืนสมุทร
ซ่า!
ตอนนั้นเอง น้ำในมหาสมุทรพลันพุ่งขึ้นมาอย่างแรง เกิดเป็นคลื่นสูงนับหมื่นจั้งทะยานขึ้นไปปกคลุมท้องฟ้า เหมือนกับมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากก้นสมุทร!
และก็มีสัตว์ตัวหนึ่งพุ่งออกมาจริง ๆ มันคือปลาหมึกยักษ์ตัวหนึ่ง ร่างกายใหญ่โตมโหฬาร เมื่อมันปรากฏออกมา ดวงตะวันทั่วบริเวณนั้นก็ถูกปิดกั้น ทำให้ผืนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลมืดมิดลง!
บนร่างของมันเต็มไปด้วยรยางค์ หนวดแต่ละเส้นใหญ่โตราวกับมังกรตัวใหญ่แสนดุร้าย ดูแล้วน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง!
บนหนวดเส้นหนึ่งของมันมีสายเบ็ดพันเอาไว้อยู่ เห็นได้ชัดว่าปลาหมึกยักษ์ตัวนี้เป็นผู้ลากพวกต้าเต๋อมา!
“สหาย นี่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด เจ้าคืนเบ็ดให้พวกข้าเถิด จากนั้นพวกเราต่างแยกย้ายกันดีหรือไม่?”
ต้าเต๋อเอ่ยกับปลาหมึกตัวนั้น
“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดอันใด?”
ปลาหมึกเหยียดยิ้มเย็น “เบ็ดของเจ้าเกี่ยวใส่หน้าของข้า เช่นนี้แล้วยังจะเข้าใจอันใดผิดอีก? เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าต้องการจะตกข้า!”
ลมหายใจที่มันแผ่ออกมาน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง พวกต้าเต๋อล้วนเคยเห็นจักรพรรดิเซียนมาก่อน เห็นได้ชัดว่าพลังการฝึกฝนของปลาหมึกตัวนี้เหนือเสียยิ่งกว่าจักรพรรดิเซียน ทั้งยังเหนือกว่าเป็นอย่างมากด้วย!
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว พวกเราจะตกเจ้าด้วยเหตุใดกัน? จะกินก็ไม่สามารถกินได้!”
ต้าเต๋อกล่าวออกมา ในใจคิดว่านี่คือปลาหรอกหรือ?
ดูไม่เหมือนเลย!
เขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน
อีกทั้ง สถานที่แห่งนี้คือที่ใดกัน?
เขาสัมผัสได้ถึงพลังโกลาหลอันหนาแน่นเป็นอย่างมากในสถานที่แห่งนี้ หรือว่าที่นี่จะเป็นแดนบรรพโกลาหล!?
เท่าที่เขารู้มา ดูเหมือนว่าแดนบรรพโกลาหลจะเกิดความผิดปกติบางอย่าง รอยแยกจำนวนมากปรากฏขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบายได้ เชื่อมต่อกับอาณาจักรภายนอก
‘หรือว่าเบ็ดที่ข้าหย่อนจะตกลงไปในรอยแยกของแดนบรรพโกลาหล!’
เขาคิดขึ้นมาในใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้คือแดนบรรพโกลาหล
อย่างไรเสียนอกจากแดนบรรพโกลาหลแล้ว ยังจะมีที่ใดที่มีพลังโกลาหลอยู่มากถึงเพียงนี้?
หากเป็นดังที่ว่ามาแล้ว ทุกอย่างก็จะสามารถอธิบายได้ แดนบรรพโกลาหลเป็นจุดกำเนิดสรรพสิ่ง ย่อมเหนือกว่าจนภพเซียนไม่อาจเทียบได้
กิน!?
ไอ้พวกนี้ยังคิดอยากจะกินมันอีกหรือ!?
แววตาของปลาหมึกเย็นเยียบ มันคือผู้ปกครองผืนทะเลแห่งนี้ จะมีสิ่งมีชีวิตหน้าไหนมากล้ากินมัน? เป็นมันที่กินผู้อื่นมาโดยตลอด!
“สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยชอบรนหาที่ตาย นอกจากคิดจะตกข้าแล้ว ยังคิดที่จะกินข้าอีกด้วย?”
ปลาหมึกมองไปทางพวกต้าเต๋อแล้วเอ่ยออกมาเสียงเย็นชา “ในสายตาของข้า พวกเจ้าไม่อาจเทียบได้แม้จะเป็นกุ้งตัวจ้อย วันนี้ชีวิตของพวกเจ้าจะต้องจบสิ้นลง!”
มันลงมือทันที พลังอันน่าหวาดกลัวปะทุขึ้น ทั่วทั้งผืนทะเลเดือดพล่าน เกลียวคลื่นม้วนขึ้นไปบนท้องนภา
ฟิ้ว!
ในตอนนั้นเอง พลันมีแสงสีทองพุ่งออกมาจากความว่างเปล่า ตามด้วยตะขอทองคำที่ตกลงมาหาพวกต้าเต๋อ
“มา!”
เสียงของหลิงอินดังขึ้นจากความว่างเปล่า นางอยู่ใกล้กับธารน้ำสายใหญ่ สามารถสัมผัสได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพวกต้าเด๋อ ดังนั้นจึงรีบตรงมาทันที
เมื่อมาถึงข้างธารน้ำแล้ว นางก็พบว่ามีเรื่องเกิดกับพวกต้าเต๋อจริง จึงรีบนำเบ็ดตกปลาที่คุณชายมอบให้ออกมาทันทีอย่างไม่มีรีรอ ก่อนจะหย่อนเบ็ดลงไปช่วยเหลือพวกต้าเต๋อ
นี่เป็นเบ็ดตกปลาทองคำที่คุณชายมอบให้นาง ไม่เพียงแค่สามารถใช้เพียงตกปลาเท่านั้น ยังสามารถใช้ตกได้ทุกสรรพสิ่ง!
เดิมทีนางคิดจะตกปลาหมึก ทว่าปลาหมึกตัวนี้กลับมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวและความรู้สึกว่าจะไม่สามารถตกขึ้นมาได้ให้กับนาง หลิงอินจึงตัดสินใจล้มเลิกการตกหมึก เปลี่ยนไปหย่อนเบ็ดช่วยเหลือพวกต้าเต๋อแทน
“ตกลง!”
พวกต้าเต๋อไม่รีรอ รีบตรงเข้าไปคว้าเบ็ดตกปลาสีทองเอาไว้ เพื่อให้พาพวกเขาออกจากสถานที่แห่งนี้
“จะไปไหน!”
หนวดทั่วทั้งร่างบนตัวปลาหมึกขยับไหว พลังอันน่าสะพรึงกลัวกระเพื่อมออกมาต้องการจะหยุดพวกต้าเต๋อ
ทว่าสุดท้ายมันกลับไม่ได้ลงมือ เก็บพลังกลับไป
‘นี่อาจเป็นโอกาส!’
มันเอ่ยขึ้นมาภายในใจ ก่อนไล่ตามเบ็ดสีทองไป!
ปลาหมึกวางแผนการขึ้นมา แทนที่จะหยุดยั้ง มันเลือกจะไล่ตามตะขอสีทองไป!
เดิมทีมันไม่ได้สนใจหรือคิดอันใดมากนัก เมื่อมีเบ็ดตกปลาหย่อนลงมาต่อหน้า มันก็ลงมือดึงผู้ที่ตกปลาลงมาทันที
แต่เมื่อเบ็ดสีทองปรากฏออกมา มันจึงรู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ!
เบ็ดตกปลาสีทองมาจากภายนอกจริง ๆ!
ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงหยุดมือ เก็บพลังทั้งหมดกลับไป ไม่ได้ยับยั้งแต่อย่างใด
มันต้องการที่จะออกไป!
เสียงแตรสัญญาณดังขึ้นมาจากสมรภูมิแล้ว นี่หมายความว่าสิ่งมีชีวิตกลุ่มใหม่จากแดนบรรพโกลาหลจะต้องมุ่งหน้าไปประจำการยังสนามรบที่เมืองบรรพกาล
ตัวมันเองก็มีรายชื่ออยู่ในกลุ่มสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น อีกไม่นานจะต้องเร่งมุ่งหน้าไปยังเมืองบรรพกาลเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้
มันไม่ต้องการไปยังเมืองบรรพกาล และไม่อยากจะเข้าร่วมสงครามด้วย
ตรงข้ามเมืองบรรพกาลคือความพิศวงอันเป็นศัตรูกับพวกเขามาอย่างช้านาน มันกระจ่างแจ้งเป็นอย่างดีว่าความพิศวงเหล่านั้นน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงใด หากต้องไปจริง ๆ เกรงว่าจะเป็นโชคร้ายมากกว่าโชคดี
นี่ไม่ใช่สิ่งที่มันคิดขึ้นมาเอง แต่มีตัวอย่างมากมายที่พิสูจน์เรื่องนี้มาแล้ว
สิ่งมีชีวิตที่ไปยังเมืองบรรพกาล ไปแล้วไม่มีหวนกลับมาแม้สักคน ดังนั้นเมืองบรรพกาลจึงถูกพวกเขาเรียกในอีกชื่อว่า ‘หลุมฝังศพ’
แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน จะมีร่างเงาไร้ผู้ต้านปรากฏขึ้นในแดนบรรพโกลาหล โดยสามารถบดขยี้หนี่งในต้นกำเนิดพิศวงอย่างง่ายดาย
นั่นเป็นถึงหนึ่งในต้นกำเนิดพิศวง เหล่าสิ่งมีชีวิตพิศวงในสมรภูมิไม่อาจเปรียบเทียบได้อย่างสิ้นเชิง
สิ่งมีชีวิตพิศวงส่วนมากในสมรภูมิเป็นเพียงสิ่งตัวเล็กตัวจ้อย
แต่ทว่าหลังจากนั้นร่างเงาไร้ผู้ต้านกลับหายลับไป ไม่ได้พุ่งไปจัดการความพิศวงถึงยังแหล่งกำเนิดพิศวงและทำลายพิศวงทั้งหมดให้สิ้นซาก!
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ร่างเงาไร้ผู้ต้านก็ยังคงไร้การเคลื่อนไหว ไม่เคยปรากฏขึ้นมาอีกเลย
สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลไม่อาจแน่ใจได้ว่า ร่างเงาไร้ผู้ต้านนี้อยู่ฝั่งพวกเขาหรือไม่ ถ้าหากร่างเงาไร้ผู้ต้านนี้ยืนอยู่ฝั่งพวกเขาจริง แล้วเหตุใดจึงไม่ไปกำจัดความพิศวงทั้งหมดให้สิ้นซาก?
ร่างเงาไร้เทียมทานนี้อาจปรากฏตัวเพียงเพราะเหตุผลบางอย่าง ทว่าไม่ได้ใส่ใจอันใดกับชีวิตความเป็นตายของพวกเขามากนัก
ทว่ายังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นคืออาจมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวบางอย่างที่เหนือยิ่งกว่าอยู่เบื้องหลังความพิศวง กระทั่งร่างเงาไร้ผู้ต้านยังไม่อาจรุกล้ำ ไม่กล้ามุ่งเข้าไปยังสถานที่ต้นกำเนิดพิศวง
แต่ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใด พวกเขาก็ไม่อาจพึ่งพาร่างเงาไร้ผู้ต้านได้ เกรงสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลทั้งหมด รวมทั้งเหล่าบรรพจารย์จะคิดถึงจุดนี้เหมือนกัน จึงทำให้ยังมีการประกาศเรียกสิ่งมีชีวิตกลุ่มใหม่จากแดนบรรพโกลาหลให้ไปประจำการที่เมืองบรรพกาล
ปลาหมึกเองก็กระจ่างแจ้งในจุดนี้ดี และนี่ก็เป็นเหตุผลให้มันไม่อยากไปเมืองบรรพกาล
หลังจากได้รับข่าวสาร มันก็พยายามทุกหนทางเพื่อจะออกจากแดนบรรพโกลาหล ทว่าการออกจากแดนบรรพโกลาหลนั้นไม่ง่ายดายเอาเสียเลย
เหล่าบรรพจารย์ของแดนบรรพโกลาหลตั้งมั่นว่าแดนบรรพโกลาหลให้เป็นปราการสุดท้าย ดังนั้นจึงปิดผนึกแดนบรรพโกลาหลลงอย่างสมบูรณ์
ด้วยวิธีเช่นนี้ แม้ว่าความพิศวงจะบุกเข้ามาได้ แต่ก็ยังคงถูกปิดผนึกเอาไว้ในแดนบรรพโกลาหล ไม่อาจปรากฏตัวออกไปภายนอกยังหมื่นอาณาจักรได้
อาจเป็นเพราะการต่อสู้อย่างต่อเนื่องในเมืองบรรพกาล ดินแดนบรรพโกลาหลจึงเริ่มเกิดความผันผวน มีรอยแยกที่เชื่อมกับโลกภายนอกปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งคราว
แต่รอยแยกเช่นนี้กลับตามหาได้ไม่ง่ายนัก มันทุ่มความพยายามอย่างหนักก็ยังหาไม่พบ
ทว่าเบ็ดตกปลาสีทองหย่อนมาจากภายนอก เห็นได้ชัดว่าลงมาจากรอยแยก ไม่มีสิ่งใดดีกับมันไปมากกว่านี้อีกแล้ว ในที่สุดมันก็จะสามารถออกจากแดนบรรพโกลาหลได้!
มันตามคันเบ็ดสีทองไป สุดท้ายก็พบเข้ากับรอยแยก มันดีใจจนแทบบ้า รีบตรงเข้าไปด้านในรอยแยกทันที!
หลังจากออกไปแล้ว แดนบรรพโกลาหลก็ไม่อาจควบคุมมันได้ เป็นเรื่องยากนักที่จะออกจากแดนบรรพโกลาหล ดังนั้นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดออกมาไล่ตามหามันเพื่อส่งไปยังสมรภูมิ
พรวด!
พวกต้าเต๋อพุ่งทะยานออกมาจากธารน้ำ ตามมาด้วยปลาหมึกที่โผล่ออกมาด้วย!
“ฮ่าฮ่า! ต้องขอบคุณพวกเจ้าที่ทำให้ข้าออกมาได้! เพื่อเป็นการขอบคุณ ข้าตัดสินใจจะกินพวกเจ้าเสีย! รู้ไว้เถิด ข้าไม่เคยกินสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยเช่นพวกเจ้ามาก่อน สามารถถูกข้ากินได้ นับเป็นเกียรติของพวกเจ้าแล้ว!”
ปลาหมึกหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ตื่นเต้นดีใจอย่างถึงที่สุด!
เมื่อออกมาจากแดนบรรพโกลาหลแล้ว มันก็ไม่จำเป็นต้องไปยังสมรภูมิอีกต่อไป อีกทั้งเป็นดั่งวิหคได้ทะยานขึ้นฟ้าสูง มัจฉาได้กระโจนลงผืนสมุทร มันคิดอยากทำสิ่งใดก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องพะวงสิ่งใด
แม้มันจะไม่ถูกจัดเป็นแนวหน้าของแดนบรรพโกลาหล แต่ก็ยังเป็นถึงผู้ปกครองพื้นที่แห่งหนึ่ง เมื่อออกมาสู่อาณาจักรภายนอก มันจะต้องกลายเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานอย่างแน่นอน ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถต่อกรกับมันได้
“อามิ...ต้าเต๋อฝอ เจ้าเป็นสัตว์ประหลาดอันใดจึงมีขามากมายเพียงนี้! ระวังเถิด พวกเราจะตัดขาเจ้าทิ้งให้หมด!”
ต้าเต๋อตะโกน
“น่าขัน! อาศัยพลังอันน้อยนิดของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ปลาหมึกเหยียดหยาม เต็มไปด้วยความดูแคลน พวกต้าเต๋อเมื่ออยู่ต่อหน้ามันแล้วไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ มันสามารถฆ่าแกงได้ตามอำเภอใจ
อีกด้านหนึ่ง หลี่จิ่วเต้าที่กำลังจัดการกับเหยื่อที่ล่ามาได้เงยหน้าขึ้นมองทันที หลังได้ยินเสียงดังมาจากทางแม่น้ำ
ปลาหมึกตัวใหญ่ยิ่งนัก!
เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าด้านในแม่น้ำจะมีปลาหมึกอยู่ด้วย?
“ดูแล้วไม่น่าจะใช่ปลาหมึกธรรมดา ไม่จำเป็นต้องอยู่ในทะเลเพียงอย่างเดียว แต่สามารถเคลื่อนไปในแม่น้ำได้ด้วย!”
โดยทั่วไปแล้วปลาหมึกมีชีวิตอยู่ในมหาสมุทร พบเจอได้ยากมากในแม่น้ำ ทว่าหมึกที่มีขนาดตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่ปลาหมึกธรรมดา จะต้องเดินบนเส้นทางการฝึนตนแล้วอย่างแน่นอน
ด้านในมหาสมุทรเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน จะต้องเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่เริ่มหนทางการฝึนตนอยู่มากมาย คาดว่าปลาหมึกตัวนี้น่าจะอ่อนแออย่างยิ่ง ไม่สามารถต่อกรกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในมหาสมุทรได้ จึงหนีมาอยู่ในแม่น้ำ
‘ปลาหมึกกระทะร้อน!’
ดวงตาของหลี่จิ่วเต้าเปล่งประกาย ภายในใจแทบอดทนรอไม่ได้ ที่ดาวเคราะห์สีฟ้า ปลาหมึกกระทะร้อนเป็นอาหารข้างทางที่อร่อยเป็นอย่างมาก และเขาก็ชอบปลาหมึกกระทะร้อนเป็นที่สุด เมื่อครั้งยังอยู่ดาวเคราะห์สีฟ้าก็เคยกินมาไม่น้อย
ทว่าเมื่อมายังโลกแห่งนี้ เขาก็ไม่เคยได้กินปลาหมึกกระทะร้อนอีกเลย ผู้คนที่นี่ต่างไม่ค่อยทานอาหารหลากหลาย อย่างน้อยก็ไม่มีขายที่เมืองชิงซาน
เมื่อคิดถึงรสชาติอันโอชะของปลาหมึกกระทะร้อน มุมปากของเขาพลันมีน้ำลายไหลออกมาอย่างอดไม่ได้
เขาเลือนหายไปจากจุดเดิมทันทีด้วยธงฮุ่นเยวียน ก่อนจะมาปรากฏด้านริมแม่น้ำ
“พวกเจ้าไม่ต้องเคลื่อนไหว ข้าจัดการเอง!”
เขาพูดกับพวกต้าเต๋อ เกรงว่าพวกต้าเต๋อจะลงมือรุนแรงเกินไป ทำลายปลาหมึกตัวนี้เละไปเสียหมด
“ทราบแล้วคุณชาย!”
พวกต้าเต๋อตอบกลับทันที ภายในใจพากันสมน้ำหน้าปลาหมึกตัวนี้ ถึงกับกล้าตามมาด้วย ช่างเป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง!
“ปุถุชนผู้หนึ่ง? น่าสนใจอยู่บ้าง!”
เมื่อปลาหมึกเห็นว่าหลี่จิ่วเต้าปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน มันก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
หลี่จิ่วเต้าแปลกประหลาดมากจริง ๆ ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวออกมา มันสัมผัสถึงอีกฝ่ายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้อยู่เหนือเกินกว่าความคาดหมายของมันจริง ๆ
อย่างไรเสียด้วยขอบเขตการฝึกฝนของมันแล้ว จะไม่สามารถตรวจจับแม้แต่น้อยได้อย่างไร? แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังใด ๆ ในร่างหลี่จิ่วเต้า แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงปุถุชนทั่วไปคนหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้มันยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
อาณาจักรภายนอกยังมีผู้ที่มันไม่สามารถสัมผัสได้ถึงขอบเขตอีกหรือ?
มันไม่เชื่อว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา!
“ธงนี่แปลกประหลาดนัก!”
มันเอ่ยขึ้นมาในใจ มันสังเกตเห็นถึงธงฮุ่นเยวียนที่อยู่ในมือของหลี่จิ่วเต้า มันไม่อาจสัมผัสสิ่งใดได้ ไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่าเป็นศาสตราระดับใด!
หลี่จิ่วเต้าปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งมันยังไม่สามารถรับรู้ได้ถึงขอบเขตการฝึกตนของอีกฝ่าย มันคิดว่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับธงที่อยู่ในมือเขา!
ต้องเป็นเพราะธงนั่น มันจึงไม่อาจตรวจพบ และรับรู้ได้ถึงขอบเขตการฝึกตนที่แท้จริงของหลี่จิ่วเต้า!
ธงนี้อาจตกลงมาจากแดนบรรพโกลาหล!
หากไม่ใช่เช่นนั้น มันก็ไม่สามารถนึกถึงสถานที่แห่งอื่นที่สามารถให้กำเนิดศาสตราชั้นยอดเช่นนี้ออกมาได้!
“มาส่งตัวเองถึงที่เลยหรือ?”
ปลาหมึกมองไปที่หลี่จิ่วเต้า แล้วเอ่ยออกมาอย่างหยามเหยียด “หากไม่ใช่เพราะธงที่อยู่ในมือ เจ้าจะมีคุณสมบัติใดมายืนต่อหน้าข้า!? กระทั่งเป็นที่รองเท้าของข้ายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอเสียด้วยซ้ำ!”
เล่นตลกอันใดกัน!
กล้าดีอย่างไรถึงมาพูดกับคุณชายเช่นนี้!
พวกลั่วสุ่ยพลันเกิดจิตสังหาร ปลาหมึกตัวนี้ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คุณชายใช่ผู้ที่ปลาหมึกตัวนี้จะมาเหยียดหยามได้อย่างนั้นหรือ!?
ช่างน่าขันเกินไปแล้ว!
“เพียงแค่ธงที่อยู่ในมืออย่างนั้นหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ในมือข้าไม่ได้มีเพียงธงนี้”
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมีสิ่งใดอีก! ต่อหน้าข้าทุกสิ่งของเจ้าล้วนไร้ประโยชน์!”
ปลาหมึกเอ่ยอย่างดุร้าย “ประโยชน์เดียวของเจ้าคือมอบสมบัติให้กับข้า! สมบัติทั้งหมดของเจ้าจะกลายมาเป็นของข้า!”
มันเป็นถึงผู้ปกครองพื้นที่แห่งหนึ่งในแดนบรรพโกลาหล แม้สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรภายนอกจะถือสมบัติล้ำค่าจากแดนบรรพโกลาหลก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีทางต่อกรกับมันได้!
อย่างไรเสียขอบเขตการฝึกฝนของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรภายนอกก็ต่ำเกินไป แม้จะถือสมบัติล้ำค่าเพียงใด พลังที่สำแดงออกมาได้ก็จะต้องถูกจำกัดเอาไว้อย่างแน่นอน!
ถ้าหากมันไม่มีแม้กระทั่งความมั่นใจในตัวเอง มันก็ไม่คู่ควรกับการเป็นผู้ปกครองพื้นที่แห่งหนึ่งแล้ว!
ปลาหมึกระเบิดลมหายใจออกมา น่ากลัวอย่างถึงที่สุด สีหน้าของพวกลั่วสุ่ยเปลี่ยนเป็นจริงจังยิ่ง ปลาหมึกตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป เหนือยิ่งกว่าจักพรรดิเซียนไปหลายเท่าตัว มันอยู่ที่ขอบเขตขั้นใดกันแน่!?
ความจริงเป็นเช่นนั้นไม่มีผิด
จักรพรรดิเซียนไม่อาจเทียบอันใดได้เมื่ออยู่เบื้องหน้าปลาหมึก
มันอยู่ในขอบเขตที่เหนือยิ่งกว่าขอบเขตเซียนอย่างขอบเขตโกลาหล เป็นขอบเขตที่ปรากฏขึ้นมาได้เฉพาะในแดนบรรพโกลาหล สิ่งมีชีวิตภายนอกย่อมไม่รู้หรือไม่แม้แต่จะได้ยินมาก่อน!
ขอบเขตโกลาหลมีอยู่ทั้งหมดเก้าขั้น มันอยู่ในขั้นที่เจ็ดแล้ว ส่วนเหล่าจ้าวกองกำลังใหญ่ เช่นจ้าวตงชิวนั้นอยู่ในขั้นที่แปด
ส่วนเหล่าบรรพจารย์ของแดนบรรพโกลาหล เช่นบรรพจารย์ตงชิวนั้นอยู่ในขั้นที่เก้า!
“ประเดี๋ยวก่อน ข้ากำลังคิดว่าจะฆ่าเจ้าเลยดีหรือไม่...”
หลี่จิ่วเต้าที่ถือธงฮุ่นเยวียนเอาไว้ในมือเอ่ยขึ้นมา ลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกจากปลาหมึกนั้นไม่อาจทำสิ่งใดกับเขาได้แม้แต่น้อย
“หากสังหารเจ้า เจ้าก็ตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่สามารถกินหมดได้อย่างแน่นอน แม้ว่าตู้เย็นจะสามารถหยุดเวลาเอาไว้ได้ แต่สุดท้ายอย่างไรเสียมันก็ยังสดสู้กินเลยในทันทีไม่ได้”
หลี่จิ่วเต้ามองไปที่ปลาหมึกแล้วเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ดีล่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเลี้ยงเจ้าเอาไว้เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้วัตถุดิบสดใหม่ที่สุด!”
เวลาจะกินก็เพียงแค่ตัดหนวดของปลาหมึกมากินเลย เช่นนั้นก็จะได้ของที่สดเป็นอย่างมาก ดีกว่าฆ่าแล้วนำไปเก็บในตู้เย็น
อย่างน้อยเขาก็คิดว่า วิธีนี้จะได้ของสดใหม่กว่า!
เมื่อปลาหมึกได้ยินสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าพูด มันก็แทบจะระเบิดโทสะออกมา
คนผู้นี้เห็นว่ามันเป็นวัตถุดิบอย่างนั้นหรือ?
ยังมีเลี้ยงเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะสดใหม่!
“ตายเสีย!”
มันโกรธเป็นอย่างมากจนลงมือสังหารหลี่จิ่วเต้าในทันที!
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ