711-715

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 711ถึง 715


ฝูถูมาถึง ด้านหลังคือยอดฝีมือกว่าสิบตนจากนครพิศวง แต่ละตนล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวดจากมัน มีกำลังรบแกร่งกล้า!


พวกมันเข้าไปในอาณาจักรอวี้ซวีด้วยกัน พลังปราณพิศวงอันน่ากลัวปกคลุมไปทั่วอาณาจักรอวี้ซวีในบัดดล ฟ้าดินพลันมืดมัว ทุกหนแห่งกลายเป็นสีเทา


“มากันอีกแล้ว”


“นั่นสิ”


“ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้รับบทเรียนกันเลยหรือไร”


ภาพการณ์น่าสะพรึงเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอวี้ซวีควรต้องรู้สึกหวาดผวาถึงจะถูก


ทว่าตรงกันข้าม พวกเขาไม่หวาดหวั่นเลยสักนิด ซ้ำยังสนทนากันด้วยความสงบ


ช่วยไม่ได้ นับครั้งก่อนด้วย พวกเขาได้ผ่านเรื่องเช่นนี้มาเป็นครั้งที่สามแล้ว ไฉนเลยจะยังเหลือความรู้สึกเกรงกลัวอีก สองครั้งก่อน พวกเขาตื่นตกใจจนเริ่มชินชาแล้ว


“เจ้าพวกมดปลวกเดนตาย! สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ!”


“พวกเขาไม่รู้หรือไรว่าความตายเป็นอย่างไร”


ด้านหลังฝูถู สิ่งมีชีวิตพิศวงมากมายสายตาดุดันเหี้ยมเกรียม จิตสังหารพลุ่งพล่าน การสนทนาอย่างสงบของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอวี้ซวียั่วโทสะพวกมัน พวกมันรู้สึกเสียหน้า รู้สึกถูกหมิ่นเกียรติ


“เช่นนั้นก็อย่าทนอยู่อีกเลย ไปเถิด อยากจะทำอย่างไรก็ได้!” ฝูถูเอ่ยเสียงเย็น


มันต้องการให้สิ่งมีชีวิตพิศวงก่อกรรมทำเข็ญที่นี่ เพื่อล่อให้เหล่าของวิเศษออกมา


ภารกิจหลักของมันในครานี้ คือนำตัวเหล่าของวิเศษกลับไปด้วย!


“ได้เลย!”


“ไม่ทนแล้ว!”


“ฆ่า!”


สิ่งมีชีวิตพิศวงเคลื่อนไว โฉบตัวลงจากนภา พวกมันจะสังหารมดปลวกในอาณาจักรอวี้ซวีให้สิ้นซาก!


เรื่องบ้าอะไรกัน บังอาจเพิกเฉยต่อพวกมันเชียวหรือ พวกมันทนไม่ได้ จะทำให้ที่นี่เลือดนองเป็นลำธาร ซากศพเกลื่อนกลาด!


ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ ๆ พวกมันก็เห็นประกายสีเขียวปรากฏกลางอากาศ จากนั้น มีลำแสงเจิดจ้ามากมายพุ่งมาหาพวกมัน!


“นี่มัน…อะไรกันนี่!?”


“กะละมังถ้วยชาม โต๊ะเก้าอี้…!!!”


“เดี๋ยวก่อน นั่นมันอะไร กระ…กระโถนหรือ?!”


หลังสิ่งมีชีวิตพิศวงจำนวนหนึ่งเห็นชัดแล้วว่าลำแสงนั้นห่อหุ้มอันใดไว้ ก็ตาค้างกันในบัดดล


นี่มันอะไรกันนี่?


กองทัพข้าวของเครื่องใช้ที่ปุถุชนใช้กันบุกมาหาพวกมัน ซ้ำยังมีกระโถนร่วมวงอยู่ด้วย สวรรค์ ก่อนมาที่นี่ ต่อให้ตีพวกมันให้ตาย พวกมันก็จินตนาการไม่ออกว่าต้องต่อสู้กับเครื่องใช้ประจำวันเช่นนี้


“ไสหัวไปเสีย! ข้าไม่ต้องการต่อสู้กับเจ้า!”


สิ่งมีชีวิตพิศวงตนหนึ่งคำรามลั่น สะอิดสะเอียนเป็นหนักหนา เจ้าของที่ดูคล้ายกระโถนกำลังบุกมาหามัน!


มันไม่ต้องการต่อสู้กับกระโถน ขืนเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป มันมิเสียหน้าแย่รึ!


อีกอย่าง หากมันอัดกระโถนจนระเบิดแล้วมีของเหลวบางอย่างกระเด็นมาโดนตัวมัน มันได้ขยะแขยงไปตลอดชีวิตแน่!


“อะไรกัน! ได้รับเลือกโดยท่านกระโถนผู้นี้ เป็นบุญวาสนาที่เจ้าสั่งสมมาตั้งไม่รู้กี่ชาติ! ศึกแรกของท่านกระโถนผู้นี้ก็คือเจ้า คิดดูเถิดว่าเจ้าได้รับเกียรติขนาดไหน”


กระโถนตะโกน บุกไปหาสิ่งมีชีวิตพิศวงตนนั้นอย่างรวดเร็ว


นี่เป็นศึกแรกของมันจริง ๆ สองครั้งก่อนมันมิได้มาด้วย อยู่ที่ลานเล็กมาตลอด


มันแตกต่างจากเหล่าของวิเศษ เหล่าของวิเศษอยากออกมาเที่ยวเล่น ตัวมันนั้นมิสู้จะอยากเท่าใด


ทว่าหลังเหล่าของวิเศษกลับถึงลานเล็ก ก็เอาแต่สนทนาถึงประสบการณ์เมื่อสองครั้งก่อน ฟังความแล้วดูสนุกมาก มันเองก็นึกอยาก หนนี้หลังพี่ต้นหลิวเอ่ยว่ามีเรื่องสนุก ๆ ให้เหล่าของวิเศษทำอีกแล้ว มันจึงตามมาด้วย


เป็นเกียรติหรือ?


พูดเหลวไหลอะไรกัน!


สู้กับกระโถนมีเกียรติตรงไหน!?


สิ่งมีชีวิตพิศวงตนนั้นเผ่นไปอย่างรวดเร็ว ไม่อยากอยู่สู้กับกระโถนสักนิด แค่ได้มองเจ้านี่นาน ๆ มันก็ระคายใจแล้ว สะอิดสะเอียนชวนให้อาเจียน


“สหาย เจ้าทำอะไรน่ะ! อย่าวิ่งมาทางข้าสิ!”


“ขืนเจ้ากล้าเข้ามา ข้าจะฟันเจ้าด้วยดาบ!”


สิ่งมีชีวิตพิศวงตนนี้อยากจะล่อกระโถนไปอยู่กับสิ่งมีชีวิตพิศวงตนอื่น สุดท้าย สิ่งมีชีวิตพิศวงตนอื่นเดือดกันหมด ชูดาบข่มขู่สิ่งมีชีวิตพิศวงตนนั้น


ผู้ใดอยากจะสู้กับกระโถนกันเล่า!


พวกมันไม่อยากเลยสักนิด!


“มิกล้าสู้กับข้าหรือ เข้าใจได้! ถึงอย่างไร ท่านกระโถนของพวกเจ้าก็ไร้เทียมทานในใต้หล้านี้แล้ว!”


กระโถนแค่นเสียง ไม่คิดไล่ตามสิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านั้นอีก มันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ประกายเจิดจรัสส่องสว่างออกจากปากกระโถน แม่น้ำบางแห่งในอาณาจักรอวี้ซวีซัดสาด น้ำธารพุ่งใส่ปากกระโถนอย่างบ้าคลั่ง


เหล่าของวิเศษเห็นอย่างนั้นแล้ว ไฉนเลยจะไม่รู้ว่ากระโถนต้องการทำสิ่งใด


“รอก่อนพี่กระโถน! ขอพวกเราถอยก่อน!”


“พี่กระโถนจัดการพวกมันให้หมดเลย!”


เหล่าของวิเศษตะโกนบอก ยกโอกาสลงมือให้มันทันที ให้กระโถนเป็นผู้จัดการทั้งหมด


กระโถนสูบน้ำจากลำธารจนพอแล้วจึงหยุด


“ขอบคุณพี่น้องทั้งหลายที่สนับสนุนข้า!”


กระโถนร้องบอก “ข้าเพิ่งเคยออกโรงครั้งแรก พี่น้องทั้งหลายก็ยอมให้ข้าลงมือได้ตามใจชอบ พี่น้องทั้งหลายช่างดีกับข้ายิ่งนัก!”


“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร! ด้วยสายสัมพันธ์ของเรา ย่อมไม่ต้องเอ่ยอันใดให้มากความ!”


“พี่กระโถนลงมือได้เท่าที่ต้องการเลย!”


เหล่าของวิเศษเอ่ยยิ้ม ๆ


พวกมันก็อยากออกโรงเหมือนกัน แต่ดูก็รู้ว่ากระโถนตั้งใจปล่อย ‘ท่าไม้ตาย’ พวกมันมิกล้าเข้าไปวุ่นวาย


“ฤดูการที่มีสายฝนชโลม ถวิลหาฤดูฝนอันดีงาม…”


กระโถนเอ่ยไปพลาง พ่นน้ำไปพลาง พริบตาเดียวก็กลายเป็นสายฝนรุนแรง ตกกระหน่ำลงมาในที่แห่งนี้


“โห!!!”


“อะไรกัน!”


สิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านี้พิโรธกันหมด อัปมงคลยิ่งนัก น้ำที่สาดออกจากกระโถน สวรรค์! ช่างน่าขยะแขยงเสียนี่กระไร!


พวกมันหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องการให้เม็ดฝนเช่นนี้สาดรดบนตัวพวกมัน ทว่าต่อมา พวกมันก็ค้นพบด้วยความตกตะลึงว่า ไม่ว่าพวกมันหนีไปที่ใด ‘สายฝนกระหน่ำ’ นี้ก็จะติดตามพวกมันไปด้วย พวกมันหลีกหนีมิได้เลย!


ช่วยไม่ได้ พวกมันได้แต่กัดฟันต้านทาน ‘สายฝนกระหน่ำ’ ที่สาดลงมา!


“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”


“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”


พวกมันร้องเสียงหลง ตกตะลึงกันหมด ‘สายฝนกระหน่ำ’ ที่เทลงมานั้นสยดสยองเป็นที่สุด พวกมันต้านทานมิได้เลย พลังที่เปล่งออกไปถูก ‘สายฝนกระหน่ำ’ ลบล้างได้ในพริบตา!


พลังของกระโถนช่างน่ากลัวยิ่งนัก!


เหล่าของวิเศษมิได้แปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่คือกระโถนที่คุณชายใช้ ไฉนเลยจะไม่น่ากลัว พลังของมันอยู่ในระดับที่จินตนาการไม่ออกมานานแล้ว!


เพียงครู่เดียว สิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านี้ก็ถูก ‘สายฝนกระหน่ำ’ กำจัดจนสิ้น!


อีกด้าน ม่านตาฝูถูหรี่ลงเรื่อย ๆ จิตใจสะท้านทรวง


กระโถนใบหนึ่งเท่านั้น กลับมีพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานนี้ พริบตาเดียวก็สังหารสมาชิกพิศวงทั้งหมดที่มันพามาด้วย เรื่องนี้ผิดจากที่เขาคาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง!


ต้องรู้ว่า พลังของสมาชิกความพิศวงเหล่านี้ล้วนเทียบเคียงยอดเซียน ทว่าสุดท้ายกลับเปราะบางต้านมิได้แม้แต่การโจมตีเดียว จะไม่ให้มันตะลึงได้อย่างไร?!


มันไม่ลังเล รีบรายงานสถานการณ์ด้านนี้แก่จ้าวแห่งรัตติกาล


จ้าวแห่งรัตติกาลเคยกำชับมันว่า มีเหตุการณ์ผิดปกติอันใดให้รายงานทันที


“ไม่ต้องแตกตื่น ข้ามอบกระถางมารคลั่งคลุมเวหาให้เจ้าแล้วมิใช่หรือ ใช้สิ่งนั้นกำราบพวกมันได้เลย!”


จ้าวแห่งรัตติกาลตอบ


“กระถางมารคลั่งคลุมเวหาถือกำเนิดจากแดนกำเนิดพิศวง มีพลังสูงส่งไร้ใดเปรียบ เจ้าไม่ต้องกลัว!”


จ้าวแห่งรัตติกาลกล่าวต่ออีกประโยค


“เข้าใจแล้ว!”


หลังฝูถูได้ยินคำกล่าวของจ้าวแห่งรัตติกาล ความรู้สึกตึงเครียดก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย มันเรียกกระถางมารคลั่งคลุมเวหาออกมา เตรียมลงมือกำราบเหล่าของวิเศษ!


อีกด้าน หลังจ้าวแห่งรัตติกาลจบการสนทนา ก็ทำลายศาสตราสื่อสารทิ้งทันที!


“กลัวอะไร ได้อย่างนั้นจริง ๆ!”


มันมิกล้าลังเล รีบปิดผนึกนครพิศวงของตัวเอง ป้องกันมิให้ถูกสาวมาถึง


กระโถนเล็ก ๆ ยังดุดันถึงเพียงนี้ มันตระหนักได้ทันทีว่าเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลังเหล่าของวิเศษเกินกว่าที่มันจะยุ่งด้วยได้ มันมิกล้าดำเนินการต่อ ตัดใจจากความคิดนั้นทิ้งอย่างสิ้นเชิง!


“โชคดีที่ข้ากั๊กเอาไว้ มิได้มอบกระถางมารคลั่งคลุมเวหาที่แท้จริงให้ฝูถู…”


มันพึมพำเสียงเบา ยามนั้น มันก็ตงิดใจแปลก ๆ มิกล้ามอบกระถางมารคลั่งคลุมเวหาที่แท้จริงให้ฝูถู ที่ให้ไปเป็นเพียงของเลียนแบบ มันกลัวจะต้องเสียกระถางมารคลั่งคลุมเวหาไปด้วย!


บัดนี้ดูแล้ว การตัดสินใจของมันถูกต้องอย่างยิ่ง เหล่าของวิเศษนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ!


และวาจาที่มันกล่าวต่อฝูถูกเป็นคำหลอกลวงทั้งสิ้น มันกลัวฝูถูจะกลับมาเพราะความหวาดกลัว แล้วพาเหล่าของวิเศษมาด้วย!


“เคลื่อนย้าย เคลื่อนย้าย!”


ยิ่งคิดมันก็ยิ่งกลัว สุดท้ายจึงตัดสินใจเคลื่อนย้าย ขืนฝูถูถูกเหล่าของวิเศษจับได้แล้วโดนบังคับให้พาเหล่าของวิเศษมาที่นี่คงยุ่งแน่!


โชคดีที่ดาราแต่ละดวงเริ่มมี ‘จิตสำนึก’ ก่อเกิดขึ้นแล้ว การเคลื่อนย้ายจึงมิได้ยากเท่าใด ซ้ำยังมีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย มันสามารถไปจากที่นี่ได้อย่างสมบูรณ์ก่อนเหล่าของวิเศษมาที่นี่


จากนั้น มันลงมือปฏิบัติการเคลื่อนย้ายทันที


อีกด้าน เจ้าหลวงรับรู้ถึงการเคลื่อนย้ายนี้


‘ท่านพ่อบุญธรรมเอ๋ย ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าไปยุ่งกับพวกมัน ท่านพ่อบุญธรรมไม่ฟัง เป็นอย่างไรเล่าตอนนี้!’


มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แม้ว่าท่านพ่อบุญธรรมของมันมิได้เอ่ยบอกอันใด กระนั้นมันก็พอเดาได้ราง ๆ แล้ว


เห็นได้ชัดว่ากำลังพลที่ท่านพ่อบุญธรรมของมันส่งไปเจอตอ ท่านพ่อบุญธรรมของมันถึงตัดสินใจเคลื่อนย้าย


‘หวังว่าจะรอดจากเคราะห์นี้ไปได้! ข้าอุตส่าห์ได้เจอท่านพ่อบุญธรรมที่ดีกับข้าถึงเพียงนี้!’


เจ้าหลวงภาวนาในใจ ไม่อยากให้เกิดเรื่องกับท่านพ่อบุญธรรมของมันจากใจจริง ในใจของมันได้เห็นท่านพ่อบุญธรรมเป็นบิดาที่แท้จริงแล้ว


...


ภายในอาณาจักรอวี้ซวี


ฝูถูได้รับ ‘คำยืนยัน’ จากจ้าวแห่งรัตติกาลแล้ว ก็มั่นใจขึ้นมากในพริบตา


“บังอาจนัก!”


มันตวาดใส่เหล่าของวิเศษ “พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าเบื้องหลังพวกเรามีผู้ใดอยู่ แล้วยังกล้าลงมือเช่นนี้อีก! ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าสักครา หากยอมให้จับแต่โดยดี ข้าจะให้พวกเจ้าไม่ต้องทรมานมาก!”


“พี่กระโถน ๆ เราสองมาร่วมสู้ด้วยกันเถิด!”


ถังขยะลอยเข้ามาขนาบข้างกระโถน “หากเราสองพี่น้องร่วมมือ ผู้ใดจะหยุดยั้งเราได้”


“ได้!”


กระโถนเอ่ยยิ้ม ๆ “เราสองเหมาะกันมากจริง ๆ หากร่วมมือกันต้องไร้เทียมทานแน่!”


เจ้าสองสิ่งนี้มีกลิ่นที่เข้ากันดี ไม่มีผู้ใดรังเกียจผู้ใด!


หลังฝูถูเห็นถังขยะไปอยู่กับกระโถน ก็มวลท้องขึ้นมา อดไม่ได้จนอยากอาเจียน


“อย่าคิดว่ามีแต่พวกเจ้าที่ไม่ธรรมดา ข้าเองก็มียอดศาสตราในมือเช่นกัน ข้าจะกำราบพวกเจ้าให้หมดบัดเดี๋ยวนี้!”


มันตวาดเสียงเย็น ถ่ายทอดพลังทั้งหมดในตัวลงไปในกระถางมารคลั่งคลุมเวหา


มันเชื่อใจจ้าวแห่งรัตติกาล และยิ่งเชื่อใจในกระถางมารคลั่งคลุมเวหาที่จ้าวแห่งรัตติกาลมอบให้มัน!


ศึกนี้ มันจะกำราบเหล่าของวิเศษลงให้ได้!

“ของเส็งเคร็งในมือเจ้าน่ะรึ เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นยอดศาสตราจริง ๆ หรือเจ้าเข้าใจคำว่า ‘ยอดศาสตรา’ ผิดไป”


กระโถนปรายตามองกระถางมารคลั่งคลุมเวหาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างดูแคลน


ของบ้าอะไร โหลยโท่ยเกินไปแล้ว มีดีแค่เปลือกเท่านั้น หาได้มีพลังไม่!


เรียกมันว่ายอดศาสตรา ถือเป็นการทำให้คำว่า ‘ยอดศาสตรา’ ต้องแปดเปื้อน


“เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกหรือ เจ้ากระโถนเหม็นสาบ!”


ฝูถูต่อว่ากราดเกรี้ยว ทนน้ำเสียงดูแคลนของกระโถนมิได้จริง ๆ


“ข้าจะให้เจ้าได้ประจักษ์ว่าสิ่งใดคือยอดศาสตราที่แท้จริง! นี่คือยอดศาสตราสูงสุดซึ่งมาจากแดนกำเนิดพิศวง!”


มันตวาดเสียงเย็น แล้วส่งกระถางมารคลั่งคลุมเวหาออกไปทันที หวังให้กระถางมารคลั่งคลุมเวหาเปล่งแสนยานุภาพ กำราบเหล่าของวิเศษลง


ทว่าไม่นาน มันก็ต้องตะลึง


กระถางมารคลั่งคลุมเวหาลอยออกไป ลำแสงพิศวงน่ากลัวสาดส่อง ดูแล้วน่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด!


แต่ที่สำคัญคือ แค่ดูแล้วน่าพรั่่นพรึงเท่านั้น…


“ข้าโดนหลอก!”


ชั่วขณะนั้น น้ำตาของมันไหลนองหน้า ชอกช้ำหัวใจเหลือคณา


จ้าวแห่งรัตติกาลหลอกมัน กระถางมารคลั่งคลุมเวหาที่มอบให้มันนั้น เอาไว้หลอกให้กลัวได้เพียงอย่างเดียว ภายในหาได้มีพลังสยดสยองอันใด ไร้ประโยชน์สิ้นดี!


ที่จริงลองคิดดูแล้ว มันช่างโง่เขลานัก เหตุไฉนถึงได้เชื่อใจจ้าวแห่งรัตติกาลไปได้


จ้าวแห่งรัตติกาลเป็น ‘ผู้กระทำความชั่วซ้ำ ๆ’ เชียวนะ!


ดูบรรดาบุตรบุญธรรมที่จ้าวแห่งรัตติกาลรับไว้สิ ถูกจ้าวแห่งรัตติกาลหลอกจนหัวหมุนไปหมด แต่ละคนล้วนปฏิบัติต่อจ้าวแห่งรัตติกาลดุจดั่งบิดาบังเกิดเกล้า มันยังจะไปเชื่อจ้าวแห่งรัตติกาล สมองของมันนี่ไม่ดีจริง ๆ!


“มาเถิด รับการชะล้างแห่งฤดูฝนเสีย!”


กระโถนรินน้ำลงไปดัง ‘ซ่า ๆ’ น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่งยวด ฝูถูมิได้อ่อนแอ เมื่อได้รับพลังพิศวงแล้วสามารถต่อสู้กับระดับเซียนจวินได้


ทว่าหลังจาก ‘สายฝน’ นี้เทลงมา ฝูถูสะบักสะบอม ความห่างชั้นนั้นตั้งไม่รู้เท่าไหร่ พลังการโจมตีทั้งหมดที่ปล่อยออกไปถูก ‘เม็ดฝน’ ลบล้างไปได้ทั้งสิ้น!


‘เม็ดฝน’ สาดรดบนตัวมัน มันบาดเจ็บสาหัสในทันใด ไม่อาจขัดขืนได้เลยแม้แต่น้อย ถูก ‘เม็ดฝน’ ที่สาดลงมาปลิดชีพ อันตรธานไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง


“พี่กระโถนองอาจยิ่ง!”


ถังขยะร้องใส่กระโถนอย่างยินดีปรีดา มันเอ่ยขึ้น “พี่กระโถน เราสองมาตั้งชื่อคู่หูกันหน่อยดีหรือไม่!”


“ดี!”


กระโถนถูกชะตากับถังขยะมาก “ชื่ออะไรเล่า”


ถังขยะครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พี่กระโถน ท่านว่า ‘กลิ่นสะท้านโลกันตร์’ เป็นอย่างไร”


มันรู้สึกว่าทั้งมันทั้งพี่กระโถนต่างมี ‘กลิ่น’ ดี ชื่อ ‘กลิ่นสะท้านโลกันตร์’ นี่เหมาะสมที่สุด


“กลิ่นสะท้านโลกันตร์หรือ?”


กระโถนทวนซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ รู้สึกคล่องปากยิ่งนัก “ได้ เช่นนั้นเราสองคือ ‘คู่หูกลิ่นสะท้านโลกันตร์’ ต่างมี ‘กลิ่น’ แห่งเสน่ห์!”


“ได้เลย!”


ถังขยะตอบกลับอย่างหวานชื่น


คู่หูไร้เทียมทาน เป็นคู่หูที่ไร้เทียมทานจริง ๆ!


เหล่าของวิเศษคิดในใจ


หากทั้งคู่ระเบิดกลิ่นเต็มที่ ผู้ใดเล่าจะทนไหว น่ากลัวว่าคงสติกระเจิงกันหมดเพราะความเหม็นกระมัง!


“ยังไม่สาแก่ใจเลย เห็นได้ชัดว่าพวกมันยังมีพวกเดียวกันอยู่เบื้องหลัง”


กระโถนบอก ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของมัน มันรับรู้บทสนทนาระหว่างฝูถูและจ้าวแห่งรัตติกาลเมื่อครู่ทั้งหมด จึงอยากไปหาจ้าวแห่งรัตติกาล


“บุกไปดีหรือไม่”


กระโถนถามเหล่าของวิเศษ มันยังสนุกไม่พอ อยากไป ‘ปล่อยฝน’ ต่อ


“พวกเจ้าไปกันเถิด”


“พวกเราไม่อยากไปแล้ว”


เหล่าของวิเศษพากันเอ่ยบอก มิใคร่จะสนใจเท่าไหร่


กระโถนดุดันเกินไป ศัตรูพวกนั้นคงไม่พอให้กระโถนฆ่าด้วยซ้ำ พวกมันต้องไปยืนมองตาละห้อยหรือไร หากเป็นเช่นนั้นคงน่าเบื่อแย่ มิสู้ไม่ไป


“ไปเถิด”


เวลานั้นเอง ก้านหลิวก้านหนึ่งปรากฏออกจากห้วงอากาศ “ที่นั่นมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย เคี่ยวกรำพวกเจ้าได้ดี ช่วยยกระดับกำลังรบพวกเจ้าให้สูงขึ้นได้อีก”


ต้นหลิวหันมองกระโถน “หลังไปถึงที่นั่น เจ้าห้ามเหมาหมดเพียงผู้เดียวอีก ให้โอกาสพวกมันได้ลงมือเยอะ ๆ กระตุ้นพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ของพวกมันออกมาให้ได้”


คราวก่อนมันก็ทำเช่นนี้ ตั้งใจเคี่ยวกรำเหล่าของวิเศษ หวังกระตุ้นพลังที่แข็งแกร่งขึ้นให้ออกจากตัวเหล่าของวิเศษ


พลังที่มีในตัวเหล่าของวิเศษนั้นสยดสยองอย่างยิ่งยวด เพียงแต่น่าเสียดาย เหล่าของวิเศษมิเคยได้ฝึกฝนเท่าใด มีแต่พลัง ทว่าใช้มิได้


นี่คือจุดที่แตกต่างระหว่างมันกับเหล่าของวิเศษ


มันฝึกฝนอยู่เสมอ ควบคุมพลังได้เก่งกว่าเหล่าของวิเศษมากนัก นี่ก็เป็นเหตุผลที่มันแข็งแกร่งกว่าเหล่าของวิเศษ


“ได้เลยพี่หลิว!” กระโถนตอบยิ้ม ๆ


“ได้!”


“พวกเราจะไปด้วย!”


เหล่าของวิเศษพากันส่งเสียงตอบ


“ครั้งนี้คงไม่ต้องรบกวนพี่หลิว ข้าจะสร้างเส้นทางพาทั้งหมดไปเอง!” กระโถนบอก


มันกล้าแกร่งมากจริง ๆ แม้จะไม่เคยผ่านการฝึกฝนมา แต่กระนั้นขอบเขตพลังของมันสูงยิ่ง อยู่ในระดับนี้ทำได้ทุกอย่างตามใจนึกแล้ว ปรารถนาสิ่งใดแทบทำได้หมด


จากนั้น มันพ่นสายน้ำออกจากปากกระโถน ตรงดิ่งเข้าไปในห้วงมิติ


“ไปกันเถิดพี่น้องทั้งหลาย!”


มันกระโดดขึ้นไปบนสายน้ำ ร้องเรียกให้เหล่าของวิเศษไปกับมัน


“มาแล้วพี่กระโถน!”


ทว่านอกจากถังขยะที่กระโดดตามขึ้นไปต้อย ๆ ไม่มีของวิเศษชิ้นอื่นเคลื่อนไหว


นี่คือสายน้ำที่ออกจากกระโถน เหล่าของวิเศษรับมิได้จริง ๆ ไม่อยากก้าวขึ้นไป


“ข้าส่งพวกเจ้าไปแล้วกัน”


เห็นได้ชัดว่า ต้นหลิวตระหนักดีว่าเหล่าของวิเศษคิดอันใดอยู่ มันลงมือสร้างเส้นทางให้กับเหล่าของวิเศษ


เหล่าของวิเศษรีบกระโดดขึ้นไปตาม ๆ กัน


“เสี่ยวชี เจ้าเองก็ไปด้วยแล้วกัน การขัดเกลาให้มากรังแต่จะสร้างผลดีต่อตัวเจ้า ไม่มีผลร้ายเลย”


ต้นหลิวหันมองมัจฉาสัตมายาพลางกล่าว


“ได้เลยพี่หลิว!”


เดิมที มัจฉาสัตมายากำลังคิดเรื่องของชางเหยา หลังได้ยินต้นหลิวเรียกเขา ก็เหินขึ้นไปด้วย


ชางเหยาผิดปกติจริง ๆ!


คราวก่อนที่เขากลับมา ชางเหยาไม่มาปรากฏตัว คราวนี้เขากลับมาอีกครั้ง ชางเหยาก็ยังไม่ปรากฏตัว หรือว่าชางเหยาถอดใจจากเขาแล้วจริง ๆ?


...


ขณะเดียวกัน ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล


จ้าวแห่งรัตติกาลกำลังเคลื่อนพล ดาราในฐานทัพเก่าของมันก่อเกิด ‘จิตสำนึก’ ออกมาได้หมดแล้ว การเคลื่อนพลจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว พวกมันใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็ห่างไกลจากระบบดาราที่เคยอยู่


ขณะที่มันเพิ่งเบาใจ ก็เห็นปรากฏการณ์ประหลาดในจักรวาล


“นั่นมัน…อะไรกัน?!”


มันเอ่ยขึ้น แสงลำหนึ่งในอวกาศฟากนั้นเจิดจ้าเป็นที่สุด ทว่ามันไม่ทันได้เอ่ยจบประโยค แสงลำนั้นก็ทิ่มแทงมาหามัน


ให้ตายสิ นั่นมิใช่ลำแสงแต่อย่างใด เพียงแต่ห่างกันไกลถึงเห็นเป็นแสง แท้จริงแล้วมันคือสายน้ำที่ไหลหลากเข้ามา


สายน้ำนั้นไหลมาอย่างรวดเร็ว เร็วจนมันตั้งตัวไม่ได้เลย น้ำนั้นพุ่งปะทะใบหน้าของมัน ก่อนจะโถมทับใส่มันจนล้มกระแทกพื้น จมลงไปในสายน้ำ


“น้ำอะไรกันนี่ เหม็นเกินไปแล้ว!”


ใต้สายน้ำ จ้าวแห่งรัตติกาลพะอืดพะอมเหลือแสน นี่คือน้ำที่เหม็นที่สุดที่มันเคยพบ มันแทบจะสิ้นลมเพราะกลิ่นเหม็นนี้อยู่แล้ว!


“คงมิใช่ว่ากระโถนอะไรนั่นตามมาแล้วกระมัง!”


น้ำเหม็นปานนี้ มันนึกถึงกระโถนที่ฝูถูรายงานต่อมันขึ้นมาทันที มันรู้สึกว่าน้ำนี้เป็นน้ำที่พ่นออกจากกระโถน!


ทว่า…จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!?


มันไม่อาจเชื่อได้เลย กระโถนสืบสาวมาถึงที่นี่ได้อย่างไร มิหนำซ้ำ ฐานทัพใหญ่ของมันยังอยู่ในสภาพปิดผนึก!


ทว่ามันมิได้คิดอันใดไปมากกว่านั้น เพราะมันคิดไม่ทันจริง ๆ น้ำนี้เหม็นเกินไป ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ มันคงต้องสิ้นลมเพราะความเหม็นนี้จริง ๆ!


อีกด้าน หลังเจ้าหลวงรู้ว่าต้องเคลื่อนย้าย ก็คอยจับตาดูสถานการณ์ด้านนอกด้วยความตึงเครียดอยู่ตลอด


“ท่านพ่อบุญธรรม! ขออภัยด้วย เป็นเพราะลูกดวงไม่ดีเกินไป จนไปข่มท่านเข้า!”


มันเห็นสายน้ำทลายผนึกของฐานทัพใหญ่ ก็รู้ได้ทันทีว่าเหล่าของวิเศษบุกมาที่นี่แล้ว


มันตรอมใจเป็นหนักหนา


มันข่มดวงสหายคนสนิท ข่มดวงพี่ใหญ่ บัดนี้ยังข่มดวงท่านพ่อบุญธรรมผู้แสนดีของมันอีกด้วย…


“ท่านพ่อบุญธรรม! ท่านพ่อผู้แสนดีของข้า ข้าจักรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่าน!”


มันคำรามเสียงต่ำ เห็นจ้าวแห่งรัตติกาลเปรียบดั่งบิดาของมันจริง ๆ มันต้องการร่วมต่อกรกับเหล่าของวิเศษกับท่านพ่อบุญธรรมของมัน


ทว่ามันรุดหน้าไปได้ไม่ไกล ก็วิ่งไปยังทิศตรงข้าม เผ่นไปจากที่นี่!


“ถึงแม้ท่านพ่อบุญธรรมจะประเสริฐ แต่หากไม่มีแล้วก็ยังหาใหม่ได้ หากตัวข้าเองไม่มีอยู่อีกคือการไม่มีแล้วจริง ๆ!”


มันหนีสุดชีวิต มิกล้าหยุดยั้งแม้แต่น้อย เผ่นเร็วเสียยิ่งกว่าอะไร พริบตาเดียวก็ก้าวข้ามดวงดาราไปแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไหร่


ระหว่างเคลื่อนย้ายเหล่าของวิเศษยังตามตัวเจอ ซ้ำยังทลายผนึกได้ด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พลังของเหล่าของวิเศษสยดสยองถึงขีดสุด ขืนมันไม่หนี คงได้ตายอยู่ที่นั่นแน่


“ท่านพ่อบุญธรรม ข้าบอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับพวกมัน ท่านกลับไม่ฟัง บัดนี้สิดี…”


มันเผ่นไปพลาง ร้องไห้ไปพลาง อุตส่าห์ได้พบบิดาบุญธรรมที่ดีกับมันถึงเพียงนี้ ต้องจบสิ้นลงเสียแล้ว


“ไม่รู้ว่าข้าจะได้เจอท่านพ่อบุญธรรมแสนดีเช่นนี้ได้อีกหรือไม่…”


น้ำตาของมันไหลนองหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าไปที่ไหน ล่องลอยไปเรื่อย ๆ ในอวกาศ


...


อีกด้าน ถึงอย่างไรจ้าวแห่งรัตติกาลก็ไม่ธรรมดา พลังแกร่งกล้าอย่างยิ่งยวด มันบุกออกจากสายน้ำ


“นี่ คู่หูพิฆาตกลิ่นสะท้านโลกันตร์มาถึง พวกเจ้ายังไม่รีบยอมแพ้อีก!”


เหนือสายน้ำ ถังขยะและกระโถนมาถึง ถังขยะกำลังตะเบ็งเสียง


กระโถนนี้เหลือเชื่ออย่างแท้จริง ระหว่างเคลื่อนย้าย มันยังจับตำแหน่งของจ้าวแห่งรัตติกาลได้ เก่งกาจยิ่งนัก!


กลิ่นสะท้านโลกันตร์รึ?


ถุย!


เมื่อจ้าวแห่งรัตติกาลผู้เพิ่งออกจากสายน้ำได้เห็นกระโถนและถังขยะ ก็แทบอยากโหม่งลงไปในสายน้ำอีกครา


เจ้าสองตัวนี้กล้าพูดออกมาได้อย่างไร!


คู่หูพิฆาตนี่ยังพอฟังได้ กระโถนหนึ่งใบ ถังขยะหนึ่งใบ เมื่อทั้งสองสิ่งนี้จับคู่อยู่ด้วยกัน นับเป็นคู่หูพิฆาตอย่างแท้จริง!


ขณะเดียวกัน อีกด้าน ต้นหลิวเองก็เหลือเชื่อเช่นกัน มันจับตำแหน่งได้แทบจะทันที และนำตัวของวิเศษทั้งหลายมาที่นี่


ยามพวกมันมาถึง ก็เห็นจ้าวแห่งรัตติกาลพุ่งออกจากสายน้ำ เป็นภาพที่พวกมันต้องตาค้าง จ้าวแห่งรัตติกาลยังจะว่ายน้ำในสายน้ำนั้นอีกหรือนี่


รสนิยมจัดจ้านไปหน่อยกระมัง!


“ใช่ได้นี่สหาย มีรสนิยม รู้ว่าน้ำของพี่กระโถนของข้านั้นหอม!”


ถังขยะชื่นชมจ้าวแห่งรัตติกาลอย่างมาก


หอม?!


หอมกับย่าแกสิ!


จ้าวแห่งรัตติกาลหน้าเขียวไปหมด


กระนั้นในใจของมันก็ยังสะท้านอย่างยิ่งยวด พวกกระโถนบุกมาจริง ๆ หรือนี่ พวกมันทำได้อย่างไร มันไม่กล้าคิดเลย!


มันมิกล้าลังเล เรียกกระถางมารคลั่งคลุมเวหาของแท้ออกมา ครั้งนี้ มันเจอกับหายนะแล้วจริง ๆ!


‘ข้าล่ะยอม! ข้าผู้ข่มดวงบุตรชายมานับไม่ถ้วน วันนี้กลับถูกบุตรชายข่มดวงเสียได้! ท้ายที่สุดดวงข้าก็ไม่ชนะดวงมัน!’


มันคิดในใจอย่างเดือดดาล มันคิดว่ามันข่มดวงเจ้าหลวงได้ หารู้ไม่ นั่นเป็นการทึกทักฝ่ายเดียวของมันเท่านั้น


มันข่มดวงเจ้าหลวงไม่ได้ สุดท้าย เจ้าหลวงก็เป็นฝ่ายข่มดวงมัน!


คราวนี้แย่แล้วจริง ๆ!

จ้าวแห่งรัตติกาลชอกช้ำจากใจจริง มันตัดการเชื่อมต่อรวดเร็วทันใจปานนั้น ทันทีที่ฝูถูรายงานถึงความผิดปกติ มันก็ถอนกำลังทันที สุดท้ายก็ยังไม่ทัน โดนหมายหัวไว้แล้ว!


"ทุกท่าน ครั้งนี้เป็นความผิดของข้า ข้าขอโทษทุกท่านด้วย! ข้าไม่ควรหมายตาทุกท่าน! แต่ข้านั้นถูกยุยงมา ข้าจักส่งตัวการให้ทุกท่านจัดการเดี๋ยวนี้!"


จ้าวแห่งรัตติกาลกล่าว "มันต่างหากคือคนชั่วตัวจริง เหตุการณ์สองครั้งก่อนหน้าล้วนเกิดขึ้นเพราะมัน ครั้งนี้ก็เช่นกัน! ข้าจักส่งตัวมันไปให้ หวังว่าทุกท่านจะคลายความขุ่นเคืองลง"


มันไม่มั่นใจเลยจริง ๆ ต่อให้ที่นี่คือฐานทัพใหญ่ของมัน มันก็มิกล้าสู้ อยากจะมอบตัวเจ้าหลวงให้เพื่อบรรเทาความโมโหของเหล่าของวิเศษ


"อะไรกัน!!!"


แต่เมื่อมันคลี่แผ่พลังออกไปเตรียมพาตัวเจ้าหลวงมา มันก็นิ่งอึ้งไปในบัดดล


เจ้าหลวงอะไรกัน!


ยังเหลือเงาของเจ้าหลวงที่ไหน


ทั้งนครพิศวงนี้ก็ไม่มี!


เห็นได้ชัดว่าเจ้าหลวงหนีไปนานแล้ว!


"ไอ้เวรตะไลนี่! สหายคนสนิทและพี่ใหญ่ของมันก่อนหน้านี้ก็โดนมันทอดทิ้งเช่นนี้กระมัง!"


มันก่นด่าในใจ คราวนี้ไม่เหลือหนทางแล้วจริง ๆ ซ้ำยังร้ายแรงกว่าเดิมอีกด้วย เหล่าของวิเศษต้องคิดว่ามันจงใจปั่นหัวพวกมันเล่นแน่!


"อยู่ที่ใด"


กระโถนถาม น้ำเสียงไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด "เจ้าหลอกผู้ใต้บัญชาของเจ้า มอบกระถางปลอมให้มัน บัดนี้ยังจะมาหลอกพวกเราอีกหรือ"


มันไม่สนใจจ้าวแห่งรัตติกาลอีก เพียงแต่หันไปหาเหล่าของวิเศษพลางกล่าว "ผู้ใดในพวกเจ้าอยากจัดการมัน"


พี่หลิวเอ่ยปากแล้วว่าต้องให้โอกาสเหล่าของวิเศษได้ออกโรงบ้าง มันไม่คิดลงมืออีก ตั้งใจส่งตัวจ้าวแห่งรัตติกาลให้เหล่าของวิเศษจัดการ


"ไม่ ๆๆ พวกเราขอจัดการผู้อื่นดีกว่า!"


"รู้สึกว่าห่างกันไกลไปหน่อย"


เหล่าของวิเศษพากันปฏิเสธ สิ่งมีชีวิตตนนี้เคยอาบน้ำใน ‘สายน้ำ’ มาก่อน พวกมันไม่อยากสู้ด้วย


"ข้าจัดการเอง!"


ถังขยะอาสา "คู่หูพิฆาต ข้าเองก็ไม่อยากล้าหลังท่านมาก ข้าต้องหมั่นฝึกปรือฝีมือ กระตุ้นพลังที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ออกมา เพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่กระโถน!"


"ได้!"


กระโถนกล่าว "เช่นนั้นขอมอบให้เป็นหน้าที่เจ้า"


"ไม่มีปัญหา!"


ถังขยะบุกสังหารไปหาจ้าวแห่งรัตติกาลทันที


มันดุดันเหลือคณา สุดท้ายไปถึงกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ โดนจ้าวแห่งรัตติกาลกระเทือนจนกระเด็นไปอีกด้าน!


จ้าวแห่งรัตติกาลนั้นมีพลังดุดันน่ากลัว เมื่อยืมพลังพิศวงลางร้ายมาแล้ว สามารถต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนสูงสุดได้ทีเดียว หากมิใช่เช่นนี้ มันคงมิกล้าหมายตาภพเซียน


"ฆ่า!"


จ้าวแห่งรัตติกาลคำรามเสียงทุ้ม เปล่งพลังเต็มที่ มันรู้ดีว่านี่คือการต่อสู้ที่ไม่ตายไม่เลิกรา เหล่าของวิเศษไม่มีทางปล่อยมันไป มีแต่ต้องเอาเลือดเนื้อเข้าห้ำหั่นเท่านั้น!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ดวงดาราอันมีขนยาวพิศวงงอกอยู่มากมายส่งเสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัว เอกภพทั้งผืนสั่นสะเทือน พวกมันต่างมี ‘จิตสำนึก’ ผนวกเข้าด้วยกัน จู่โจมเหล่าของวิเศษ


นอกจากนี้ ยังมีสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายมากมายในดาราดวงนี้บุกออกมา กำลังรบของสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายจำนวนหนึ่งยังอยู่ในขั้นจักรพรรดิเซียนอีกด้วย!


"นี่ก็ไม่ได้!"


"ห่างชั้นเกินไป!"


เหล่าของวิเศษพากันเอ่ยบอก หลังผ่านการกระตุ้นพลังจากคราวก่อน พลังที่พวกมันใช้ได้นั้นยกระดับขึ้นมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย กระนั้นหากคิดจะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายที่กรูกันออกมาเช่นนี้ก็ยังไม่ไหว!


จำนวนของกำลังรบระดับจักรพรรดิเซียน ว่าที่จักรพรรดิเซียน เซียนจวินมหาศาลเกินไป ระดับเหล่านี้ล้วนเหนือกว่ากำลังของพวกมัน


"พี่น้องทั้งหลายไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยพวกเจ้าเอง!"


กระโถนตะโกนบอก "ข้าจะสาด ‘น้ำ’ ใส่พวกมัน เพื่อริดรอนกำลังของพวกมัน"


อย่านะ!


ขืนเปื้อน ‘น้ำ’ เช่นนี้เข้าไป พวกมันจะสู้ต่อได้อย่างไร


เหล่าของวิเศษร่ำร้องในใจ


"ข้าลุยเอง"


เวลานั้น เสียงของต้นหลิวดังขึ้น จากนั้น ก้านหลิวก้านหนึ่งสะบัดออกไปเบา ๆ คลื่นแสงพิเศษบางอย่างแผ่ขยาย กำลังรบระดับเหนือกว่าเซียนจวินขึ้นไปถูกริดรอนพลังไปจำนวนหนึ่งทันที ทำร้ายเหล่าของวิเศษจนอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ไม่ถึงขั้นที่เหล่าของวิเศษไร้กำลังต้านทาน


พี่หลิวดีกว่าจริง ๆ!


เหล่าของวิเศษคิดกันในใจ ซาบซึ้งต่อพี่หลิวอย่างยิ่งยวด พี่หลิวดูแลพวกมันดีจริง ๆ!


จากนั้น พวกมันไม่เหลือข้อกังขาอีก บุกสังหารตรงไปข้างหน้า


อีกด้าน สิ่งมีชีวิตอย่างพวกจ้าวแห่งรัตติกาลตาค้างกันหมด ต้นหลิวอะไรนี่ น่ากลัวเกินไปแล้ว!


ก้านหลิวสะบัดเพียงเบา ๆ ก็ริดรอนพลังของพวกมันไปได้ ต้องอยู่ในขอบเขตสูงขนาดไหนเชียว?!


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ต้นหลิวทลายขอบเขตวิถีเซียนไปแล้วแน่ ๆ ตั้งอยู่ในระดับที่เหนือชั้นกว่าขอบเขตเซียน มิฉะนั้น ต้นหลิวไม่มีทางริดรอนพลังของพวกมันไปได้ง่าย ๆ!


เรื่องแบบนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อห่างชั้นกันมากเท่านั้น!


ต้นหลิวจากไหนกันนี่


แดนบรรพโกลาหลหรือ


จ้าวแห่งรัตติกาลก่นด่าเจ้าหลวงในใจเป็นบ้าเป็นหลัง นึกในใจว่าอย่าให้มันได้เจอเจ้าหลวงอีก มิฉะนั้น มันจักฉีกเจ้าหลวงเป็นชิ้น ๆ แน่!


ทว่ามันคงไม่มีหวังเท่าใดแล้ว


มีตัวตนเกินหยั่งอย่างต้นหลิวประทับที่นี่ มันไฉนเลยจะรอดไปได้


เป็นไปไม่ได้เลย!


นี่ก็เพราะเจ้าหลวงไม่อยู่ที่นี่ หากเจ้าหลวงอยู่ที่นี่ รับรู้สิ่งที่จ้าวแห่งรัตติกาลต้องการบอก เขาต้องเอ่ยออกมาว่า ท่านพ่อบุญธรรม เรื่องนี้โทษข้าได้อย่างไร ข้าบอกท่านไว้ก่อนแล้วว่าอย่าหมายตาของวิเศษเหล่านี้เลย!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น การต่อสู้อันชุลมุนปะทุ เหล่าของวิเศษบุกเข้าไป ห้ำหั่นกับบรรดาสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้าย


มัจฉาสัตมายาก็บุกเข้าไปเช่นกัน เลือกประมือกับคู่ต่อสู้ที่เหมาะกับตนเอง


ทว่ามันออกจะใจลอยไปหน่อย ตั้งสมาธิมิได้


มันในตอนนี้ คิดถึงแต่ชางเหยาอยู่เต็มหัว


แปลกยิ่งนัก!


เมื่อก่อนยามชางเหยาเอาแต่ร้องหามัน มันรำคาญจะแย่ รู้สึกว่าหากชางเหยาไม่มาหามันอีกคงดียิ่ง!


แต่บัดนี้ มันกลับไปยังอาณาจักรอวี้ซวีถึงสองครา ชางเหยาก็มิเคยมาหามัน กลับเป็นมันที่เฝ้าถวิลหาถึงชางเหยา!


มันชักอ่อนไหว เริ่มกังวลว่าชางเหยาอาจถอดใจจากมันจริง ๆ ไม่ยอมมาหามันอีกหลังจากนี้


"เอ๋ เสี่ยวชี เจ้าเป็นอันใดไป โบราณว่าไว้ ดั่งปลาได้โลดแล่นในน้ำ เจ้าไม่ได้อยู่ในน้ำ ถึงได้ตายอดตายอยากเช่นนี้ ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้ใช่หรือไม่"


กระโถนสังเกตเห็นว่ามัจฉาสัตมายาอยู่ในสภาวะไม่ดีเท่าไหร่ จึงบอกกับมัจฉาสัตมายา "ข้าช่วยเจ้าสักหน่อยดีหรือไม่ ช่วยพ่นน้ำให้เจ้าสักนิด น้ำในกระโถนของข้ายังเหลืออีกมาก"


เดิมที มัจฉาสัตมายากำลังคิดถึงชางเหยา แต่หลังได้ยินวาจาของกระโถนก็สะดุ้งโหยง รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที


"พี่กระโถนพูดถูก ข้าชินกับการต่อสู้ในน้ำอย่างที่ว่า เมื่อต้องออกจากน้ำจึงรู้สึกไม่ชินเท่าไหร่! ทว่าข้าจะเอาแต่ต่อสู้ในน้ำอย่างเดียวคงมิได้ ข้าต้องเรียนรู้การเติบโต! เพราะอย่างนั้น คงไม่รบกวนพี่กระโถนแล้ว!"


มันรีบบอก


จากนั้น มันโหดเหี้ยมขึ้นมาเหลือแสน ประหนึ่งปลาฉลามกินคน จนคู่ต่อสู้ของมันกลัวแทบแย่


"ถ้าอย่างนั้น…ก็ได้"


กระโถนถอนหายใจ "น่าเบื่อจริง พวกเจ้าได้เล่นสนุกกันหมด มีแต่ข้าที่อด!"


"ผู้ใดบอกเจ้ากัน ผู้ที่เล่นเป็นเพื่อนเจ้าได้มาแล้ว…"


เวลานั้น ต้นหลิวเอ่ยขึ้น


"หืม?"

กระโถนสนอกสนใจขึ้นมาทันที รีบเอ่ยถาม "อยู่ที่ใด"


ครืนคราน!


สิ้นเสียงของมัน ก็มีปรากฏการณ์ประหลาดอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงเผยให้เห็นจากด้านกระถางมารคลั่งคลุมเวหา สิ่งมีชีวิตพิศวงตัวมโหฬารตัวหนึ่งก้าวออกมาจากในนั้น


สิ่งมีชีวิตตนนี้เป็นจ้าวแห่งความพิศวงตนหนึ่งเช่นกัน คล้ายคลึงกับจ้าวหลานก่อนหน้านี้ กระถางมารคลั่งคลุมเวหาแท้จริงแล้วมาจากแดนกำเนิดพิศวง บัดนี้ได้เปล่งแสนยานุภาพทั้งหมด สิ่งมีชีวิตพิศวงที่นั่นจึงรับรู้ได้


"มาจริงหรือ!"


กระโถนยิ้มออกมาอย่างดีใจ


ทว่ามันตะลึงในใจเช่นกัน มันรู้ว่าต้นหลิวนั้นลึกล้ำเกินหยั่ง แต่คิดไม่ถึงว่าต้นหลิวจะลึกล้ำเกินหยั่งถึงเพียงนี้


ต้องรู้ว่า ก่อนหน้านี้มันไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด แต่ต้นหลิวกลับรู้ว่าจ้าวแห่งความพิศวงระดับนี้กำลังจะมา


ต้นหลิวเก่งกาจกว่ามันเสียอีก!


"ตัวบ้าอะไรกัน?!"


จ้าวแห่งความพิศวงที่เพิ่งก้าวเดินออกมาได้เห็นเครื่องใช้ประจำวันจำนวนหนึ่งรวมถึงกระโถน มันสับสนมึนงงไปหมด


บอกตามตรง มันนั้นถือว่ามากประสบการณ์ พบเจอเหตุการณ์มาแล้วทุกรูปแบบ


ทว่าสถานการณ์เฉกเช่นตอนนี้มันไม่เคยพบเห็นมาก่อนจริง ๆ!


เครื่องใช้ประจำวันอยู่กันจำนวนหนึ่ง มีแม้กระทั่งกระโถน อย่าว่าแต่มันเลย เกรงว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนกำเนิดพิศวงก็ไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!


แน่นอนว่า แดนกำเนิดที่ว่านี้มิใช่แดนกำเนิดอย่างแท้จริง เป็นเพียงแดนสาขาในจักรวาลโกลาหลผืนนี้


สมบัติของแดนกำเนิดพิศวงจริง ๆ ไม่มีทางตกหล่นอยู่ในอาณาจักรนี้


"ตัวบ้าอะไรกัน? พูดจาอะไรของเจ้า!"


กระโถนจ้องมองจ้าวแห่งความพิศวงตาเขม็ง วาจามุ่งร้ายเป็นอย่างมาก


มันกล่าวต่อ "ข้าดูก็รู้ว่าเจ้าขาดการโดนอัด วันนี้ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าให้สนุก!"


จากนั้น มันเริ่มเคลื่อนไหว เหินไปอยู่เหนือหัวจ้าวแห่งความพิศวงผู้นั้นพร้อมตะโกนเสียงสูง "ดูท่าเหยี่ยวเยี่ยวของข้า!"


จากนั้น มันเปิดปากกระโถนกว้าง สายล้ำหลั่งไหลไปหาจ้าวแห่งความพิศวงอย่างบ้าคลั่ง


"ถุย!"


จ้าวแห่งความพิศวงสบถ นึกในใจว่าโชคร้ายยิ่งนัก มันคิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่มาถึง มันต้องมาประมือกับโถปัสสาวะเช่นนี้!


"ไสหัวไปเสีย!"


มันคำรามกราดเกรี้ยว คลื่นพลังสยดสยองสุดขีดซัดสาด เอกภพทั้งผืนเริ่มสั่นคลอน ดวงดารานับไม่ถ้วนระเบิดกลายเป็นเศษดวงดาว เกลื่อนกลาดเต็มพื้น!


ในฐานะจ้าวแห่งความพิศวง พลังของมันนั้นไม่ต้องพูดถึง มันต่อสู้กับยอดฝีมือในแดนบรรพโกลาหลได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งมีชีวิตข้างนอกนั่น


ซ้ำยังเป็นเพียงกระโถนใบหนึ่ง!


มันมั่นใจว่าสามารถกำจัดกระโถนให้สิ้นซากได้!


ทว่ามันหวังสูงเกินไป พลังที่มันเปล่งออกไปอย่าว่าแต่กำจัดกระโถนให้สิ้นซากเลย กระทั่งสายน้ำที่พุ่งออกจากกระโถนยังยับยั้งไม่อยู่!


ซ่า!


สายน้ำถล่มใส่ตัวมันจนเปียกชุ่ม ขนยาวพิศวงแนบติดเนื้อกาย สภาพของมันเหมือนลูกหมาตกน้ำ


"ข้า…ข้าแปดเปื้อนเสียแล้ว!"


มันคำรามอย่างขุ่นเคือง โมโหจนอกแทบระเบิด


มันถูกน้ำในกระโถนสาดรดทั้งกาย เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นฉุน มันอยากระเบิดร่างกายนี้ของตัวเองนัก ไม่อยากได้ร่างกายนี้อีกแล้ว!


"แปดเปื้อนหรือ?"


กระโถนกล่าว "เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว ข้าอาบน้ำให้เจ้าก็จบ"


จากนั้น มันพ่นสายน้ำออกจากปากกระโถนเพิ่มขึ้น กระหน่ำใส่ตัวจ้าวแห่งความพิศวงดัง ‘ซ่า ๆ’ ทั้งหมด


"ข้าจะฆ่าเจ้า!"


จ้าวแห่งความพิศวงดวงตาแดงก่ำ สายตาที่จ้องมองกระโถนเคียดแค้นยิ่งกว่ามองผู้สังหารบิดามารดาเสียอีก


เจ้ากระโถนเดนตาย น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!


มันระเบิดพลังทั้งหมด บุกสังหารไปหากระโถน!


จ้าวแห่งความพิศวงกู่ร้อง ไม่เคยต้องรู้สึกอัดอั้นตันใจเช่นนี้มาก่อน ถูกกระโถน ‘รดน้ำ’ ใส่อย่างต่อเนื่อง อารมณ์ทั้งหมดของมันแทบจะระเบิดออกมาแล้ว!


มันเอาดาบโลหิตออกมา แสงสีชาดพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ดาบเล่มนี้เคยถูกย้อมด้วยเลือดของยอดฝีมือแดนบรรพโกลาหลมาไม่รู้แล้วตั้งเท่าไหร่ มันจะต้องทุบกระโถนให้แตกเป็นชิ้น ๆ ได้อย่างแน่นอน


น่าเสียดาย ที่มันทำได้เพียงแค่คิด


พลังของกระโถนนั้นลึกลับไม่อาจคาดเดาได้ สยบจ้าวแห่งความพิศวงลงได้อย่างสมบูรณ์ จ้าวแห่งความพิศวงเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ถูกกระโถนหยอกล้อไปมา


จ้าวแห่งความพิศวงอัดอั้นตันใจจริง ๆ หากเขารู้เรื่องนี้แต่แรก แม้ว่าพูดอย่างไรเขาก็จะไม่มาที่นี่ กระโถนนี่เป็นของผู้ใดกัน จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!ุ


เห็นได้ชัดว่า กระโถนไม่ได้ต้องการจะสังหารจ้าวแห่งความพิศวงในทันที เพราะมันไม่เคยใช้กระบวนท่าสังหารอันใดออกมาให้เห็น ไม่เช่นนั้นจ้าวแห่งความพิศวงคงถูกฆ่าทิ้งไปแล้ว ไม่อาจอยู่ได้นานถึงเพียงนี้


สมบัติชิ้นอื่น ๆ เองก็ต่อสู้อย่างดุเดือด การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้พวกมันปลุกเร้าพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมขึ้นมาได้


ในตอนแรก พวกมันต่างถูกกดดันยับเยิน ก่อนจะค่อย ๆ ย่นระยะห่างกับคู่ต่อสู้ขึ้นมาทีละนิด จนในที่สุดพวกมันก็เริ่มสามารถกดดันคู่ต่อสู้กลับได้แล้ว!


การเติบโตของมัจฉาสัตมายาเองก็สามารถเห็นได้ชัดเจน ภายใต้แรงกดดันของการต่อสู้ระดับเป็นตาย ศักยภาพของมันถูกกระตุ้นให้ระเบิดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้พลังยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าการต่อสู้ถึงขั้นเป็นตายครั้งนี้ช่วยเหลือมันได้เป็นอย่างมาก


ในตอนนั้นเอง ต้นหลิวก็ลงมืออีกครั้ง กิ่งหลิวกวัดแกว่งแผ่วเบา พลันเกิดแสงกระเพื่อมออกมา ทำให้พลังของสิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านั้นสูงขึ้น ช่วยให้เหล่าสมบัติได้ลับฝีมือมากกว่าเดิม


ครั้งแล้วครั้งเล่า พลังของเหล่าสมบัติถูกกระตุ้นให้ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง จนในท้ายที่สุดแม้ว่าต้นหลิวจะไม่ได้จำกัดพลังของสิ่งมีชีวิตพิศวงเอาไว้ พวกมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหล่าสมบัติอีกต่อไปแล้ว ถูกเหล่าสมบัติสยบและสังหารลงได้อย่างง่ายดาย!


จ้าวแห่งรัดติกาลเองก็ถูกสังหาร เหล่าสิ่งมีชีวิตพิศวงในดวงดาวแห่งนี้ต่างถูกกำจัดไปจนสิ้น นครพิศวงของจ้าวรัตติกาลก็ล่มสลายไปโดยเช่นนี้


"เจ้าเองก็ไปได้แล้ว"


กระโถนลงมือสังหารจ้าวแห่งความพิศวงทันที ยุติการต่อสู้ครั้งนี้ลงอย่างสมบูรณ์


"กลับเถิด"


ต้นหลิวสร้างเส้นทางขึ้นมา เหล่าสมบัติทยอยพากันเดินเข้าไปในเส้นทาง


มัจฉาสัตมายาเกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย มันต้องการกลับไปดูยังอาณาจักรอวี้ซวี ต้องการจะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับชางเหยา


"ช่างเถิด"


ทว่าสุดท้ายมันก็ก้าวขึ้นไปบนเส้นทาง ไม่ได้กลับไปยังอาณาจักอวี้ศวี


ตอนนี้มันยังไม่เข้าใจความรู้สึกที่ตนเองมีให้ชางเหยา มันจึงไม่ยังไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับชางเหยา ต้องการจะกลับไปขบคิดให้ชัดเจนก่อนจึงค่อยไปหาชางเหยา


เหล่าสมบัติต่างอยู่บนเส้นทางแล้ว ส่วนต้นหลิวเองก็เตรียมตัวจะกลับ


"หืม?!"


ขณะนั้นเอง ต้นหลิวพลันหันไปมองยังทิศทางหนึ่ง


"จ้าว...สูงสุด...กลับมา..."


เสียงหนึ่งดังขึ้นมาภายในใจของมันอย่างกะทันหัน นี่เป็นภาษาที่มันไม่เคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งยังขาด ๆ หาย ๆ ไม่สมบูรณ์ ทำให้มันเข้าใจความหมายเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น


"เกิดอันใดขึ้นหรือพี่หลิว?"


มีสมบัติที่พบว่าท่าทางของต้นหลิวผิดปกติ จึงเอ่ยถามออกมา


"ไม่มีอันใด พวกเจ้ากลับไปเถิด" ต้นหลิวตอบ


มันเผยร่างต้นไม้ทั้งหมดออกมาทันที รากฝังลงไปยังใจกลางจักรวาลหมื่นดารา ทั่วทั้งลำต้นเปล่งแสงแวววาวตระการตาอย่างถึงที่สุด กฎเกณฑ์สูงสุดอันไม่สามารถจินตนาการถึงได้เริ่มไหลเวียนไปทั่วรอบต้นไม้


เมื่อครู่คือเสียงอันใดกัน? เหตุใดจึงส่งเสียงเข้ามาภายในใจของมันได้?


อีกทั้งมันเองยังไม่สามารถสัมผัสได้ว่ามาจากที่ใด!


นี่...จะเป็นไปได้อย่างไร?!


ขอบเขตของมันล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึง ยกเว้นคุณชาย เกรงว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะมีผู้ใดสามารถต่อกรกับมันได้ ทว่ามันกลับไม่อาจสัมผัสได้จริง ๆ ว่าเสียงนี้มาจากไหน


ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!


ต้นหลิวทั้งต้นเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กิ่งหลิ่วทั้งหมดทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทั่วทั้งจักรวาลอันเต็มไปด้วยดวงดาราพร่างพราย มันกำลังพยากรณ์ตามหาแหล่งที่มาของเสียงนี้!


อย่างไรก็ตาม มันที่ไร้ผู้เปรียบมาโดยตลอดกลับประสบความล้มเหลวในครานี้!


มันสัมผัสไม่ได้ลยว่าเสียงนั่นมาจากที่ใดกันแน่!


นี่จะต้องทรงพลังถึงเพียงใดกัน?


หัวใจของมันหนักอึ้ง พยากรณ์ได้เพียงม่านหมอกหนาทึบ อีกทั้งยังเหมือนเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่ง ไม่อาจสรุปหาความจริงทั้งหมดได้ เนื่องจากถูกพลังมหาศาลบางอย่างปิดกั้นเอาไว้


ภายในหมอกที่แผ่ตัวไร้ขอบเขต มีแท่นหินสูงที่ดูเหมือนแท่นบูชาอยู่ ด้านบนแกะสลักเอาไว้ด้วยอักขระหลากหลายที่ยากแก่การเข้าใจ แม้จะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นมัน เมื่อได้เห็นก็ยังอดตื่นตะลึงไม่ได้!


ด้านบนแท่นหินมีโต๊ะศิลาเก่าแก่โบราณที่นำพาความรู้สึกหนักอึ้งและผ่านกาลมาอย่างยาวนาน ด้านบนโต๊ะศิลาเองก็คล้ายจะมีบางอย่างอยู่บนนั้น ราวกับเป็นเครื่องบรรณาการแก่บางสิ่ง


นั่นคืออันใดกัน?


หัวใจดวงหนึ่งอย่างนั้นหรือ?!


ต้นหลิวเห็นของสิ่งนั้น มันเหมือนกับหัวใจของมนุษย์ ทว่ามีสีทองทั้งดวง อีกทั้งยังคงเต้นกระหน่ำอยู่ด้านบนโต๊ะศิลา


หัวใจดวงนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง จังหวะการเต้นของหัวใจสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อต้นหลิว ราวกับว่ามันกำลังจมดิ่งลงไป สติเริ่มพร่ามัวลง!


ต้นหลิวไม่กล้ารั้งรอ รีบถอนสายตากลับมา ทำให้สติกลับมาแจ่มชัดดังเดิม


มันเบนสายตาไปยังทิศทางอื่น


ท่ามกลางสายหมอกอันไร้ขอบเขต มีสถานที่อีกหลายแห่งถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยม่านหมอก แท่นบูชานี้ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในนั้น


อีกที่หนึ่งปรากฏสายนทีสีดำขนาดใหญ่ น้ำด้านในดำสนิทราวกับน้ำหมึก ทั้งยังซัดสาดอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าไหลมาจากที่ใด และก็ไม่รู้ว่าจะไหลไปที่ใด


บนแม่น้ำสีดำมีซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ ซากศพเหล่านั้นมีทั้งเผ่ามนุษย์ เผ่าอสูร และเผ่าอื่น ๆ อีกจำนวนมาก


ต้นหลิวมองแล้วรู้สึกอกสั่นขวัญหาย ถึงแม้ว่าซากศพเหล่านี้จะกลายเป็นสภาพเน่าเปื่อยตายสนิทไปนานแล้วก็ตาม แต่มันยังคงสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความน่าสะพรึงกลัวของซากศพเหล่านี้ที่สามารถนำแรงกดดันมหาศาลมาให้กับมันได้!


"นี่มัน...อันใดกัน?!"


ต้นหลิวมองตามทิศทางที่ซากศพลอยไป เดิมทีที่ตรงนั้นมีหมอกหนาจนไม่อาจมองเห็นสิ่งใด ทว่ายามนี้กลับดูเหมือนจะมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งแหวกม่านหมอกที่ปกคลุมไว้ออกมา!


มันเพ่งสายตามอง สุดท้ายก็สามารถเห็นสิ่งนั้นได้อย่างชัดเจน มันเป็นปากขนาดมหึมาเต็มไปด้วยฟันแหลมคม แต่ละซี่คล้ายใหญ่เทียมฟ้า เปล่งประกายวาววับชวนหนาวเหน็บ น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด!


เพียงแค่ปากของมันอ้าออกก็ทลายม่านหมอกได้ ประหนึ่งว่ากระทั่งท้องนภาก็ยังสามารถถูกกลืนกินเข้าไปได้ เหล่าซากศพเน่าเปื่อยอันแสนน่าสะพรึงกลัวพากันล่องลอยไปตามแม่น้ำสีดำ ไหลเข้าไปทีละร่างทีละร่าง


"นี่มันสิ่งมีชีวิตอันใดกัน?!"


ต้นหลิวอดตื่นตะลึงไม่ได้


ซากศพเหล่านี้ล้วนแล้วแต่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แต่ละร่างล้วนสามารถสร้างความกดดันให้กับมันได้ ทว่ากลับถูกสิ่งมีชีวิตตนนี้กลืนกินเขาไปทีละร่างทีละร่างประหนึ่งกำลังกินกุ้งฝอยตัวเล็ก ๆ เข้าไป


มันเลื่อนสายตาไปมองด้านหลัง พยายามดูว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมีรูปล่างหน้าตาเป็นเช่นไร แต่ก็เห็นเพียงแค่ส่วนปากอันใหญ่โตที่โผล่ออกมาเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นยังคงอยู่หลังม่านหมอก


ทว่าเมื่อมันจะละสายตาออกไปมองที่อื่น พลันเกิดภาพนิมิตขึ้นตรงนั้น!


ภายในหมอกหนาทึบพลันมีดวงตาขนาดใหญ่โตอย่างถึงที่สุดลืมขึ้นจับจ้องมองมาทางมัน


ต้นหลิวตื่นตระหนก ดวงตาคู่นั้นน่ากลัวเกินไป เพียงแค่จับจ้องมองมาก็ทำให้มันสามารถสัมผัสได้ถึงความตาย ยังดีที่ดวยงตาคู่นั้นหลับลงและเลือนหายไปในสายหมอก ไม่เช่นนั้นมันอาจตายได้จริง ๆ ก่อนหน้านี้หัวใจแห่งเต๋าของมันแทบจะพังทลายลงเสียแล้ว!


ที่นี่คือสถานที่ใดกัน? ไกลเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของมันมาก!


มันหันมองออกไปทางอื่น


แม้ว่าที่นี่จะน่าสะพรึงกลัวและทำให้มันตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด แต่ก็ไม่ได้โจมตีใส่มันแต่อย่างใด มันยังคงต้องการจะตามหาแหล่งที่มาของเสียงนั่น สัมผัสได้ลาง ๆ ว่าเสียงนั้นมีความเกี่ยวข้องกับมันเป็นอย่างมาก


ที่นั่นคืออันใดกัน?!


นั่น...สุสานหรือ?


มันเห็นโลงศพขนาดใหญ่โลงแล้วโลงเล่า มีทั้งโลงไม้ โลงหิน และโลงจากโลหะประเภทอื่น ๆ อีกมากมาย ขนาดของโลงศพแต่ละโลงล้วนแล้วใหญ่โตและน่าสะพรึงกลัวจนทำให้หัวใจของมันเย็นเยียบลง


เสียงตึงดังขึ้นมาจากโลงศพไม้สีแดง ราวกับว่ามีบางสิ่งด้านในพยายามทุบโลงอย่างแรงเพราะต้องการจะออกมาสู่ภายนอก!


"สิ่งที่อยู่ด้านในยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" มันรำพึงกับตัวเอง จากนั้นก็หันมองไปทางอื่น


สถานที่อื่น ๆ ก็น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน ล้วนทำให้มันตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด ทุกอย่างอยู่เหนือยิ่งกว่าความรู้ความเข้าใจของมันโดยสิ้นเชิง


เช่น สถานที่แห่งหนึ่งมีฟ้าดินพลิกกลับ ดินอยู่บน ฟ้าอยู่ล่าง ฝนตกลงมาจากดินลงสู่ท้องฟ้า


นอกจากนี้ ยังมีหินขนาดใหญ่หลายก้อนซ้อนกันเป็นประตู ด้านหลังประตูมีฉากแปลกประหลาดทุกประเภทปรากฏออกมา ต่างล้วนชวนให้หวาดหวั่น ผีเสื้อตนหนึ่งเพียงแค่กระพือปีกอย่างแผ่วเบาก็สามารถพลิกคว่ำธารแห่งปริภูมิเวลา ทำลายสะเทือนถึงท้องนภา


นอกจากนี้ ยังมีมดน้อยตัวจ้อยกำลังแบกอสูรขนาดใหญ่โตสูงเสียดฟ้าก้าวไปด้านหน้าอย่างง่ายดาย


ต้นหลิวจ้องมองด้วยความตกตะลึง ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อหรือมดตัวนั้น ขอบเขตการฝึกฝนก็ลึกล้ำเกินยังถึง ไม่รู้ว่าถึงขั้นใดแล้ว


ท้ายที่สุด มันเบนสายตาจับจ้องไปทางส่วนที่ลึกสุดของม่านหมอก


นั่นเป็นสถานที่สุดท้ายที่พ้นม่านหมอกออกมา


ที่แห่งนั้น มันเห็นวังสวรรค์อันงดงามใหญ่โตตั้งตระหง่านอยู่เหนือยอดเมฆ เปล่งประกายแสงทุกชนิดออกมาอย่างสวยงาม กระทั่งม่านหมอกก็ยังไม่อาจกลืนกินเข้าไปได้ ถูกขับไล่ให้ถอยออกไป


ได้ยินเสียงเพลงแทบทุกประเภท ได้เห็นเหล่าเทพธิดางดงามร้องร่ายอย่างอ่อนช้อย ดูสงบแตกต่างจากที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด ไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย


ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ สถานที่แห่งนั้นให้ความรู้สึกชวนโหยหา


รุ้งมงคลแผ่กระจายไปทั่วสถานที่ เมฆาลอยเอื่อย สถานที่แห่งนั้นเหนือชั้นอย่างถึงที่สุด เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์เหนือชั้นแล่นพล่าน!


ต้นหลิวมองแล้วก็มัวเมาขึ้นมาเล็กน้อย ภายในตาเต็มไปด้วยภาพสตรีงามกำลังร่ายรำ ภายในหูเต็มไปด้วยเสียงหวาดไพเราะขับขานทำนอง หัวใจของมันสั่นไหว ต้องการจะไปยังสถานที่แห่งนั้น


ทว่าในตอนนั้นเอง มันพลันได้สติกลับมาในพริบตา ภายในใจเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!


นี่...จะเป็นไปได้อย่างไร!?


มันยังไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำก็มาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว!


เทพธิดาที่แสนงดงามร่ายรำไปรอบตัวมัน ถึงกับมีเทพธิดาผู้หนึ่งสัมผัสกิ่งหลิวของมัน ทั้งยังได้ยินเสียงของเหล่าเทพธิดากำลังหัวเราะคิกคักด้วยความไพเราะอย่างชัดเจน ส่วนวังสวรรค์ขนาดใหญ่โตนั้นก็อยู่เบื้องหน้าของมันแล้ว!


ภายในใจของต้นหลิวสั่นสะท้านอย่างแรง พึงรู้ว่านี่ล้วนเป็นเพียงฉากที่มันพยากรณ์ออกมา ไม่รู้ว่าสถานที่จริงนั้นอยู่ไกลมากถึงเพียงใด อาจกระทั่งไม่ได้อยู่ในปริภูมิเวลาเดียวกันเสียด้วยซ้ำ เช่นนั้นแล้วมันมาที่นี่ได้อย่างไร?!


ในตอนนั้นเอง ภายในใจของมันเริ่มวุ่นวายขึ้นมา!


"ไป!"


ทว่าต้นหลิวก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เรียกใช้พลังออกมาด้วยต้องการไปจากที่นี่


แดนที่เต็มไปด้วยม่านหมอกแห่งนี้ ทุกสิ่งล้วนอยู่เหนือความรู้ความเข้าใจของมัน ดังนั้นมันจึงไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่ ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น!


"อยู่ที่นี่เถิด..."


"อย่าไปเลย!"


เหล่าเทพธิดาแย้มยิ้มร่ายรำกับต้นหลิว ภาษาที่เอ่ยออกมาพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ต้นหลิวฟังไม่เข้าใจ แต่สามารถรับรู้ความหมายได้


พวกนางอ่อนหวานงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ พากันดึงต้นหลิวกลับมาแล้วร่ายรำล้อมต้นหลิวเอาไว้


หัวใจของต้นหลิวสั่นสะท้าน ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่ามันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย สิ่งมีชีวิตเหล่านี้คล้ายกับบังคับให้มันอยู่ต่อ


ตู้ม!


แสงอาบไล้ทั่วร่างด้วยพลังที่เหนือเกินกว่าจะจินตนาการได้ กิ่งหลิวทั้งหมดขยับไหวอย่างเต็มที่ กฎเกณ์สั่นพ้องเคลื่อนไหว มันต้องการจะฝ่าออกไปจากที่นี่!


"อยู่ต่อไม่ดีหรือ?"


"พวกข้ารำไม่สวยอย่างนั้นหรือ?"


เหล่าเทพธิดาหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา ทั้งร่างปรากฏแสงงดงามเปล่งประกาย ลงมือสกัดกั้นพลังที่ต้นหลิวปะทุออกมา ความแข็งแกร่งนั้นล้ำลึกยากจะหยั่งถึง


ต้นหลิวตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ที่นี่คือสถานที่ใดกัน? น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!


ไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อได้ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าตัวมันจะต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายเป็นแน่


"กล่าวตามตรงแล้ว ข้าเองก็ไม่ได้ดูดีแต่อย่างใด ไม่มีความจำเป็นต้องรั้งข้าไว้!"


อย่างไรเสียต้นหลิวก็ยังคงดุร้ายน่ากลัว พลังการต่อสู้นั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มันสำแดงพลังอีกครั้ง กิ่งหลิวขยับปัดเหล่าเทพธิดาจนลอยกระเด็นออกไป


ฆ่า!


กิ่งหลิวปลิวว่อน ตวัดกลายเป็นตัวอักษรบนอากาศ เขียนออกมาเป็นคำว่า 'ฆ่า' อย่างรวดเร็ว!


เมื่อคำว่า 'ฆ่า' ปรากฏออกมา ฟ้าดินก็พลันถูกโอบล้อมด้วยจิตสังหารอันไร้ขอบเขต ก่อนหน้านี้คุณชายมักจะวาดภาพเขียนอักษรอยู่ริมแม่น้ำสายเล็ก มันที่อยู่ด้านข้างจึงมีความรู้แตกฉานในด้านนี้เป็นอย่างมาก!


แม้จะไม่ได้อยู่ข้างกายคุณชายนานนัก แต่มันก็ยังได้รับการชี้แนะจนทรงพลังอย่างไม่อาจจินตนาการได้ ไม่เช่นนั้น มันคงไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดจนกระทั่งถึงตอนนี้อย่างแน่นอน!


คำว่า 'ฆ่า' ก่อตัวขึ้นมาประหนึ่งมีชีวิต พริบตาต่อมาพลันพุ่งเข้าใส่เทพธิดาผู้หนึ่งจนกระเด็นไปอีกทาง!


ขณะเดียวกัน กิ่งหลิวอีกส่วนก็ขยับไหววาดออกมาเป็นภาพขุนเขาและท้องทะเลอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกฎเกณฑ์สูงสุดที่ก่อตัวขึ้น ดูดเหล่าเทพธิดาเข้าไปในภาพวาดขุนเขาและท้องทะเลอย่างรวดเร็ว


"ไป!"


ต้นหลิวลงมืออย่างเฉียบขาดไม่มีลังเลแม้แต่น้อย สร้างเส้นทางหนึ่งขึ้นมากลางอากาศภายในพริบตา เตรียมตัวจะออกไปจากที่นี่!


ทว่าในตอนนั้นเอง มีเสียงระเบิดดังออกมาจากวังสวรรค์ เส้นทางที่ต้นหลิวสร้างขึ้นมาพังทลายลงในทันที!


ตู้ม!


ภาพขุนเขาและท้องทะเลทลายลง เหล่าเทพธิดาต่างหลุดออกมา ดูแล้วค่อนข้างน่าตื่นตะลึง กระทั่งภาพวาดขุนเขาและทะเลก็หยุดยั้งเหล่าเทพธิดาได้เพียงครู่เดียว!


อีกด้านหนึ่ง อักษร 'ฆ่า' เองก็ถูกทำลายลง เทพธิดาตนนั้นส่งเสียงร้องยาว ๆ ออกมา พลังอันน่าสะพรึงกลัวพวยพุ่ง ปลายนิ้วที่นางยกขึ้นชี้ส่งลำแสงเปล่งประกายโจมตีอย่างรุนแรงใส่ต้นหลิว!


ภายในใจของต้นหลิวพลันเย็นเยียบ ครั้งนี้มันตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ แล้ว!


ทว่ามันก็ไม่มีทางยอมจำนนถูกจับเอาไว้!


ไอ้สารเลวที่ต้องการจะเก็บมันเอาไว้ที่นี่ ไม่มีทางทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย!


มันเปลี่ยนร่างบนเป็นมนุษย์ที่มีผมยาวสีเขียวขจี รูปร่างสูงเพรียว ดวงตาสีเขียวเรืองรอง ทั้งงดงาม หล่อเหลาและดูทรงอำนาจ!


ตู้ม!


มันร่ายมวยไทเก๊ก ความสำเร็จของมันในด้านนี้ก็ล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึง มีบางครั้งที่คุณชายไปรำมวยไทเก๊กข้างแม่น้ำสายเล็ก ทำให้ระดับมวยไทเก๊กของมันชวนตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด!


เหล่าเทพธิดาจำนวนมากที่พุ่งเข้ามา ล้วนถูกมวยไทเก๊กหยุดยั้งเอาไว้ ต้นหลิวใช้ความแข็งแกร่งของมันดึงพลังอันลึกซึ้งทั้งหมดของมวยไทเก๊กออกมา เหล่าเทพธิดาลอยกระเด็นออกไปพร้อมกระอักเลือดสีแดงสดออกจากปาก ได้รับบาดเจ็บสาหัส


โฮกกก!


ขณะนั้นเองก็พลันเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น ดวงตาของเหล่าเทพธิดาพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างกะทันหัน ก่อนจะพากันกู่ร้องออกมาเหมือนสัตว์!


ต้นหลิวเห็นร่างเนื้อของเหล่าเทพธิดาถูกฉีกออก ก่อนจะมีสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรคลานออกมา ทั่วทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวเน่าเสีย


มิหนำซ้ำ วังสวรรค์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน วังสวรรค์เริ่มพังทลายลงมาแสดงให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง


ความจริงแล้วมันเป็นตำหนักโบราณสีเลือดแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นมาจากกองกระดูกสีขาว กระดูกทุกชิ้นล้วนถูกโลหิตอาบย้อม มองแล้วชวนให้รู้สึกสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง!


ต่อจากนั้นทั่วทั้งบริเวณก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ฉากความสงบที่เคยมีหายลับไป กลับกลายเป็นฉากชวนน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด!


สิ่งมีชีวิตน่าเกลียดจนไม่อาจอธิบายได้กระจายแน่นขนัดทุกหนแห่ง จำนวนของมันมากเกินกว่าจะนับได้ มีทั้งที่ดูเหมือนหนอนสีขาวที่ชอนไชซากศพขนาดใหญ่ มีทั้งตัวที่ร่างปกคลุมไปด้วยหนวด แต่ละตัวล้วนน่ากลัวเป็นพิเศษ!


"ข้าว่าแล้วที่แห่งนี้ย่อมต้องไม่มีสิ่งใดธรรมดา!"


ต้นหลิวนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉากที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ หากเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น เกรงว่าจะต้องหวาดกลัวจนไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งใด ได้แต่ตัวสั่นสะท้าน ทว่าต้นหลิวกลับไม่เห็นเช่นนั้น ยังคงสงบนิ่งเป็นอย่างมาก


สถานที่เงียบสงบอันใดนั่น ภายในใจของมันตระหนักได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นเพียงแค่ของปลอม ดูจากสถานที่อื่น ๆ ที่เผยให้เห็นภายในม่านหมอก มีเพียงแต่สถานที่น่ากลัวและน่ากลัวยิ่งกว่าเท่านั้น จะมีสถานที่เงียบสงบเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน?


แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!


สิ่งมีชีวิตอัปลักษณ์เหล่านี้ส่งเสียงกู่ร้องออกมา พุ่งเข้าโจมตีต้นหลิวด้วยความดุร้ายรุนแรง ภาพที่เกิดขึ้นนั้นชวนสยดสยองถึงขีดสุด!


"ฆ่า!"


มุมปากของต้นหลิวยกยิ้มเย็นชา มันรำมวยไทเก๊กออกมาอีกครั้ง มันแข็งแกร่งมากจริง ๆ อาจกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะคาดคิดถึง เหล่าสัตว์แปลกประหลาดเหล่านี้ล้วนแต่มีพลังล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึงได้ ยังถูกมวยไทเก๊กของต้นหลิวสังหารทิ้งหลังจากพุ่งเข้ามา!


ทว่าที่แห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดนี่มากเกินไปจนไม่อาจนับได้ แม้ต้นหลิวจะสังหารไปเป็นจำนวนมาก จำนวนของพวกมันก็ยังคงเหลืออยู่นับไม่ถ้วน!


เพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของต้นหลิวก็ถูกเหล่าสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดเข้ารุมล้อมอย่างหนาแน่น!


กระทั่งแสงที่เปล่งออกมาจากร่างของมันยังถูกบดบังมิด!


...


อีกด้านหนึ่ง ดินแดนหยิน ทางตะวันออกของเหยียนโจว


'เฮ้อ ในช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ ข้าได้รับการพัฒนาขั้นใหญ่ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าจะต้องสามารถสยบต้นหลิวได้แน่นอน!'


ภายในรถม้า เจ้าก้อนหินคิดขึ้นมาในใจอย่างมีความสุข


ครั้งล่าสุดที่มันพยายามจะสยบต้นหลิวให้กลายมาเป็นน้องชายของมัน ผลลัพธ์จบลงด้วยความล้มเหลว ทั้งยังได้รับการตักเตือนจากต้นหลิว ทำให้มันเอ่ยวาจาว่าจะไม่กล้าคิดแก้แค้นอีกฝ่ายอีก


ทว่าภายในใจของมันยังคงมีอารมณ์ข่มเอาไว้ ไม่เต็มใจจะปล่อยเรื่องนี้ไป มันจะต้องแก้แค้นต้นหลิวอย่างแน่นอน!


ใช่แล้ว มันยังคงจดจำเหตุการณ์นี้ได้ตลอดเวลา ทั้งยังคงคิดจะแก้แค้นต้นหลิว


การอยู่ข้างคุณชายนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ทำให้ได้รับการพัฒนาปรับปรุงเป็นอย่างมาก เข้าใกล้การกำราบต้นหลิวเข้าไปทีละก้าว


"ไม่...ไม่ถูกต้อง!"


ทันใดนั้นเอง หัวใจของมันก็เย็นเยียบลง เกิดความรู้สึกแย่เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งความรู้สึกนี้ก็ส่งมาจากทางต้นหลิว!


"กระจกทองแดง ช่วยข้าดูเร็วเข้าว่าเกิดอันใดขึ้นกับต้นหลิว!"


มันเรียก 'แท็บเล็ต' ออกมา


"ตกลง!"


แท็บเล็ตทะยานมา ภาพด้านในกระจกเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหยุดนิ่งลงได้!


ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งร่างของมันก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มีแม้กระทั่งรอยร้าวเล็ก ๆ ปรากฏออกมา มันรีบหยุดการตามหาต้นหลิวทันที รอยร้าวพลันหยุดกระจายตัวลง!


"นี่มัน...เกิดอันใดขึ้น!?"


มันพูดด้วยเสียงสั่น จนกระทั่งถึงตอนนี้ภายในใจก็ยังคงมีความผวา ตัวมันเกือบจะจบสิ้นลงแล้ว!


ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน!


บนโลกนี้แม้ว่าจะอยู่ที่ใด มันก็สามารถแสดงภาพออกมาได้อย่างง่ายดาย ทว่าเมื่อครู่มันกลับเกือบจะพังทลายลง ต้นหลิวอยู่ที่ใดกันแน่!?


"มีบางอย่างเกิดขึ้น!"


น้ำเสียงของต้นหลิวทุ้มลึก มันจะยังไม่รู้ได้อย่างไรว่าต้นหลิวกำลังตกอยู่ในอันตราย!


"เกิดเรื่องกับพี่หลิวหรือ?"


"ผู้ใดกันที่สามารถคุกคามพี่หลิวได้?!"


ด้านในรถม้า ลั่วสุ่ยและคนอื่น ๆ เองก็ต่างอยู่กันพร้อม พวกเขาต่างพากันก้าวออกมาหลังจากได้ยินคำพูดของก้อนหิน


ลมหายใจของพวกเขาหนักหน่วงเพราะไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาทั้งหมดรู้จักกับต้นหลิว ตระหนักดีว่าต้นหลิวนั้นแข็งแกร่งล้ำลึกมากเพียงใด ภายในใจของพวกเขาแล้ว ต้นหลิวนั้นแข็งแกร่งที่สุดรองจากคุณชาย!


"เกิดเรื่องแล้ว ทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่!"


เจ้าก้อนหินครุ่นคิด แต่มันเองก็ไม่พบที่อยู่ของต้นหลิว นี่มันไม่ปกติเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความแข็งแกร่งของมันแล้ว ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้!


นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสถานที่ที่ต้นหลิวอยู่นั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งตัวมันก็ไม่อาจพบได้โดยง่าย!


"ข้าจะไปตามหาเขา!"


เจ้าก้อนหินเอ่ย ความรู้สึกย่ำแย่ในใจทวีคูณมากขึ้น ทำให้มันยิ่งเป็นกังวลเกี่ยวกับต้นหลิวมากกว่าเดิม


"ข้าไปด้วย"


"พาข้าไปด้วยคน!"


ลั่วสุ่ยและคนอื่น ๆ พากันกล่าวขึ้นมา


พวกเขาล้วนมีความเคารพในตัวต้นหลิว ในตอนนี้เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจึงต้องการจะไปช่วยเหลือ!


"ไม่ อันตรายครั้งนี้ไม่ธรรมดา พวกเจ้าไปด้วยก็ไม่อาจช่วยอันใดได้มากมาย"


เจ้าก้อนหินเอ่ย "ข้าจะไปเอง!"


ครั้งนี้ภายในใจของมันเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ แม้ว่าพวกลั่วสุ่ยจะมีสมบัติที่คุณชายมอบให้อยู่กับตัว ทว่าขอบเขตของพวกลั่วสุ่ยต่ำเกินไป ยากที่จะให้ความช่วยเหลืออันใดได้


หลังจากนั้น มันก็ไปจากรถม้า


"จะเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่?"


อ้ายฉานพูดด้วยความเป็นกังวล "พวกเราควรจะบอกเรื่องนี้กับคุณชายหรือไม่?"


คุณชายไม่ได้อยู่ในรถม้า แต่กำลังขี่กิเลนเพลิงอยู่ด้านนอก


"เรื่องใหญ่ปานนี้ คุณชายจะไม่รู้หรืออย่างไร?"


ลั่วสุ่ยส่ายหัวเอ่ยออกมา "อย่าได้ร้อนใจไป คุณชายแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ใต้กำมือ พี่ต้นหลิวจะต้องไม่เป็นอันใด! พวกเราจะต้องเชื่อมั่นในตัวคุณชาย!"


"อืม เชื่อมั่นในตัวคุณชาย!"


อ้ายฉานกำมัดน้อย ๆ ของตนเอง "คุณชายแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่มีสิ่งใดที่คุณชายทำไม่ได้! กระทั่งพี่เสี่ยวหยาที่ตายในสมัยโบราณ คุณชายยังสามารถชุบชีวิตกลับมาได้อย่างง่ายดาย พี่ต้นหลิวจะต้องไม่เป็นอันใดอย่างแน่นอน!"


"ใช่แล้ว คุณชายจะไม่เมินเฉยต่อพี่ต้นหลิว!"


เสี่ยวหยาที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเอ่ยออกมา


ด้วยประสบการณ์ของนางแล้ว แม้ว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับต้นหลิวจริง แต่คุณชายก็จะต้องสามารถช่วยพี่ต้นหลิวกลับมาได้อย่างแน่นอน!


นอกจากนี้ นางยังไม่เชื่อว่าคุณชายจะเมินเฉยปล่อยให้เกิดเรื่องกับพี่ต้นหลิว


...


ขณะเดียวกันนั้น เจ้าก้อนหินก็มาถึงยังภายนอกอาณาจักรในพริบตา


ร่างของมันเปล่งประกายปะทุพลังทั้งหมดออกมา ทำให้บริเวณภายนอกอาณาจักรสว่างไสว มันกำลังเริ่มพยากรณ์ตามหาตำแหน่งของต้นหลิว


เปรี๊ยะ!


ได้ยินเสียงแตกอย่างต่อเนื่อง เศษหินเล็ก ๆ กระเด็นออกจากร่างของมัน การแตกหักนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่งสำหรับมัน แสดงให้เห็นว่าสถานที่ที่ต้นหลิวอยู่นั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก!


"เจ็บจริง!"


มันคำรามออกมา ร่างมีเสียงปริออกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งร่างกลายเป็นรูพรุน มีเศษหินจำนวนมากปลิวว่อน!


"ดูสิข้าใจกว้างมีเมตตามากเพียงใด! ก่อนหน้านี้เจ้ารังแกข้าถึงเพียงนั้น ข้าก็ยังพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อช่วยเหลือเจ้า! อ๊ากกก เจ้าต้นหลิวใจดำ เจ้าอยู่ที่ใดกัน?!"


มันคำรามออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา สถานที่ที่ต้นหลิวอยู่นั้นน่ากลัวจริง ๆ มันพยายามอย่างสุดชีวิต ก็ยังไม่อาจพยากรณ์หาตำแหน่งของต้นหลิวได้!


"ข้ามาเพื่อช่วยเจ้า!"


ในตอนนั้นเองก็มีแสงสว่างวาบ เป็นกระโถนที่มาหา


อย่างไรเสียมันก็มีพลังสูงส่ง สามารถรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง อาจเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับต้นหลิว


อีกทั้งมันยังไม่สามารถรับรู้ตำแหน่งของต้นหลิวได้ จึงต้องการออกมายังด้านนอกอาณาจักรเพื่อพยากรณ์ จึงสัมผัสได้ว่าเจ้าก้อนหินเองก็มาที่นี่เพื่อพยากรณ์


หลังจากนั้น มันก็ปะทุพลังทั้งหมดออกมาอย่างไม่ลังเล ร่วมมือกับเจ้าก้อนหินแล้วพยากรณ์ออกมา


"เห็น...เห็นแล้ว!"


เจ้าก้อนหินทราบถึงตำแหน่งของต้นหลิว และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับต้นหลิวด้วย ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังถูกสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดถาโถมเข้าใส่!


"หลังจากนี้เจ้าต้องจดจำความดีของข้าเอาไว้ ข้ามาเพื่อช่วยเจ้าแล้ว!"


เจ้าก้อนหินตะโกนเสียงดัง

ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ