นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 716ถึง 720
เจ้าก้อนหินเต็มไปด้วยรอยแผล ดูย่ำแย่ไปเสียทั่วร่าง เพียงแค่การพยากรณ์ก็เกือบจะเอาชีวิตมันแล้ว หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากกระโถน เกรงว่าแค่การพยากรณ์มันก็คงไม่อาจทำได้!
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นไร มันก็ต้องช่วยต้นหลิวให้ได้!
เจ้าก้อนหินกู่ร้องออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในความว่างเปล่าทันที ก่อนจะพยายามสร้างเส้นทางเชื่อมไปยังสถานที่แห่งนั้น!
แต่สถานที่แห่งนั้นไม่ธรรมดา ไฉนมันจะเชื่อมเส้นทางได้ง่ายปานนั้น?
มันพยายามอย่างสุดความสามารถ อีกทั้งถึงแม้จะมีพลังจากกระโถนช่วย ก็ยังไม่อาจสร้างเส้นทางเชื่อมไปสถานที่แห่งนั้นได้
"เกิดเรื่องกับพี่หลิว! เหล่าพี่น้องมาช่วยเหลือกันเถิด!"
กระโถนคำรามออกมา มันใกล้จะทนรับไม่ไหวแล้ว กระโถนทั้งใบสั่นสะท้าน สถานที่แห่งนั้นคือที่ใดกันแน่? มันรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่เห็นความหวังในการสร้างเส้นทางสำเร็จแม้แต่น้อย!
มันหันกลับไปมองภายในลาน ร้องเรียกเหล่าสมบัติอื่น ๆ!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แสงสว่างวาบแผ่ออกมา ก่อนที่เหล่าสมบัติภายในลานจะปรากฏ!
ครั้งนี้เหล่าสมบัติในลานทั้งหมดล้วนปรากฏออกมาแล้วจริง ๆ!
"หมดแรงหรือ? วางใจได้ พวกเราจะช่วยฟื้นฟูพลังให้เอง!"
กระถางต้นไม้เปล่งประกาย ละอองตกลงมายังร่างของเจ้าก้อนหินและกระโถน ช่วยฟื้นฟูให้กับเจ้าก้อนหินและกระโถน
เพียงพริบตาเดียว เจ้าก้อนหินและกระโถนก็ฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม ไม่รู้สึกอ่อนกำลังอีกต่อไป
"ไอ้สารเลวที่ไหนกล้าบังอาจมาคิดร้ายกับพี่หลิว?!"
"ข้าไม่ยอมให้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับพี่ต้นหลิว!"
เหล่าสมบัติต่างอดโกรธขึ้นมาไม่ได้ ทั้งหมดระเบิดพลังออกมาเต็มที่เพื่อช่วยเจ้าก้อนหินสร้างเส้นทางขึ้นมา!
เหล่าสมบัติในลานบ้านที่มี 'จิตวิญญาณ' ล้วนมายังสถานที่แห่งนี้ พลังที่ร่วมกันสำแดงนั้นยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก เหนือยิ่งกว่าการต่อสู้ในอาณาจักรอวี้ซวีอย่างเทียบไม่ติด!
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เส้นทางก็เกือบจะมุ่งตรงไปไม่ถึง เหล่าสมบัติต่างได้รับความกดดันอย่างมหาศาล ยากแก่การจะคงเส้นทางเอาไว้
ยังดีที่มีกระถางต้นไม้จำนวนมาก จึงมีละอองแสงคอยโปรยปรายลงมาเป็นครั้งคราวเพื่อสนับสนุนเหล่าสมบัติ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจรักษาและคงสภาพเส้นทางเอาไว้ได้อย่างแน่นอน
ความน่ากลัวของสถานที่แห่งนั้น สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"ขอบคุณเหล่าพี่น้อง! เมื่อข้ากับต้นหลิวกลับมาได้ จะต้องขอบคุณเหล่าพี่น้องอย่างแน่นอน!"
เจ้าก้อนหินเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง จากนั้นก็ทะยานเข้าไปในเส้นทาง ตรงไปยังสถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว!
ใช้เวลาเพียงไม่นาน มันก็มาถึงสถานที่อันเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ ความน่าหวาดหวั่นกระจายอยู่ทุกหนแห่ง วิญญาณของมันถึงกับสั่นสะท้าน ทว่ามันก็ยังคงมุ่งตรงเข้าไปในหมอกยังส่วนลึกที่สุด
ระหว่างทางมันต้องเผชิญหน้ากับโจมตีแทบทุกรูปแบบ สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักปรากฏขึ้นในม่านหมอกพุ่งเข้าโจมตี ยังดีที่มันตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว สามารถรับมือกับการโจมตีเหล่านั้นได้จนที่สุดก็เข้ามาถึงด้านในส่วนลึกสุด
ประเด็นสำคัญคือ ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักเหล่านี้จะเกรงกลัวส่วนลึกเป็นอย่างมาก พวกมันไม่ได้ไล่ตามเจ้าก้อนหิน ไม่เช่นนั้นเจ้าก้อนหินคงไม่อาจเข้าไปยังส่วนลึกได้
"ต้นหลิว ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!"
เจ้าก้อนหินส่งเสียงดังสนั่น มันพุ่งลงมาจากฟ้า พยายามช่วยต้นหลิวที่ถูกถาโถมใส่จนจมอยู่ในคลื่นสิ่งมีชีวิตน่าเกลียด
แต่ทันทีที่มันพุ่งเข้าไปก็เห็นว่าแสงสว่างบนต้นหลิวนั้นจางหายไปหมด ทั้งยังถูกสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดเหล่านั้นรุมฉีกเป็นชิ้น ๆ
"ต้นหลิว เจ้าตายอย่างน่าสังเวชนัก! ท้ายที่สุดข้าก็มาช้าไปก้าวหนึ่ง ไม่สามารถช่วยเจ้าเอาไว้ได้! เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องล้างแค้นให้อย่างแน่นอน สิ่งมีชีวิตน่าเกลียดทั้งหมดจะต้องถูกสังหาร!"
เจ้าก้อนหินร้องไห้พลางกล่าวออกมา
"พูดจาผายลมอันใดกัน! ต่อให้เจ้าตาย ข้าก็ยังไม่ตายหรอก!"
ต้นหลิวตะคอก แสงสีเขียวพุ่งสูงเสียดฟ้า มันสร้างร่างขึ้นมาใหม่และอยู่ในร่างมนุษย์ มันจะถูกสังหารลงอย่างง่ายดายได้อย่างไร
"เจ้าต้นหลิวตัวเหม็น! ข้าอุตส่าห์ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อมาช่วยเจ้า แต่เจ้ากลับแสดงท่าทีเช่นนี้กับข้า?"
เจ้าก้อนหินกล่าวออกมาอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะพุ่งออกไปด้านหน้า ต่อสู้ร่วมกับต้นหลิวจัดการสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดเหล่านี้
"ได้ เห็นแก่ที่เจ้ามาช่วยข้า หลังจากนี้ข้าจะไม่หวดเจ้าแล้ว" ต้นหลิวตอบ
"เดิมทีเจ้าก็ไม่ควรหวดข้าอยู่แล้ว เช่นนี้นับว่าเป็นคำขอบคุณได้หรือ? ย่อมต้องไม่ได้!"
เจ้าก้อนหินไม่ยอมรับการขอบคุณเช่นนี้จากต้นหลิว "อย่างน้อยเจ้าก็ลองเรียก 'พี่ก้อนหิน' ให้ข้าฟังเสียหน่อย!"
"น้องก้อนหินอย่าได้ฝันเฟื่องไปเลย ทั้งชีวิตที่เหลือของเจ้าจะไม่มีทางได้ยินคำนี้แน่นอน"
ต้นหลิวระเบิดพลัง สองกำปั้นเคลื่อนไหว มีก้อนหินมาร่วมด้วยเช่นนี้ ความกดดันที่มันได้รับก็น้อยลงไปมาก สิ่งมีชีวิตน่าเกลียดจำนวนมากถูกมันฟาดจนระเบิด เศษเลือดเศษเนื้อปลิวว่อน
"เจ้าฝึกฝนอย่างไรกันแน่!"
เจ้าก้อนหินดูฉงนเล็กน้อย มันพัฒนาขึ้นมาจากการเดินทางครั้งนี้ เดิมทียังคิดว่าระยะห่างของมันกับต้นหลิวจะลดลงเสียอีก
ทว่าเมื่อดูจากตอนนี้แล้ว ระยะห่างไม่ได้มีการย่นระยะลงแม้แต่น้อย ต้นหลิวยังคงเหนือกว่ามันมากเหมือนเดิม!
มันไม่อยากจะเชื่อ ต้นหลิวนี่ผิดปกติเกินไป พวกมันเริ่มฝึกฝนพร้อมกัน ทว่าต้นหลิวกลับเหนือกว่ามันอย่างเทียบไม่ติด!
"ข้าเป็นพืช เดิมทีก็มี 'จิตวิญญาณ' อยู่แล้ว ทว่าเจ้าเป็นเพียงหินก้อนหนึ่ง ไม่มี ''จิตวิญญาณ' ตั้งแต่ต้น เช่นนั้นแล้วจะนำมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร? เป็นเรื่องปกติที่จะมีช่องว่างอย่างมาก"
ต้นหลิวเอ่ยออกมาสบาย ๆ
ทว่าถึงแม้มันจะพูดออกมาเช่นนี้ แต่ภายในใจก็มีความสงสัยอย่างมากเช่นเดียวกัน หากตามปกติแล้ว ความแข็งแกร่งของมันไม่ควรจะแตกต่างจากเจ้าก้อนหินมากนัก แม้ว่าจะมีความแตกต่างของการกำเนิดมาพร้อม 'วิญญาณ' และ 'วิญญาณ' กำเนิดขึ้นมาภายหลัง แต่ก็ไม่น่าจะใช่สาเหตุให้เกิดความแตกต่างใหญ่โตถึงเพียงนี้
บางทีมันอาจไม่ได้เป็นเพียงต้นหลิวธรรมดา แต่อาจมีต้นกำเนิดลึกล้ำ เมื่อนึกย้อนถึงเสียงที่ดังขึ้นมาภายในใจแล้ว การคาดเดานี้ก็ดูใกล้เคียงกับความจริง
"ฆ่า!"
ทั้งสองร่วมมือกันพยายามฝ่าวงล้อมออกไป สุดท้ายก็เกิดเส้นทางนองไปด้วยเลือด ใกล้จะหลุดออกจากวงล้อมไปได้แล้ว
แต่ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงตะคอกอย่างเย็นชาดังออกมาจากตำหนักกระดูก พลังอันไร้ขอบเขตจับตัวต้นหลิวและเจ้าก้อนหินเอาไว้ในทันที ทั้งสองต่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล แม้กระทั่งพลังในร่างกายก็ไม่อาจเคลื่อนได้อย่างราบรื่นเช่นเดิม
"ไม่ได้พบกันนาน จ้าวหลิว"
ร่าง ๆ หนึ่งเดินออกมาจากตำหนักกระดูก ลอยขึ้นไปบนอากาศ ก่อนก้มลงมามองต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน
ร่างนี้เป็นชายชราผอมแห้งจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผมบนศีรษะบางเบา เสื้อคลุมขาดวิ่น เบ้าตาลึกยุบลงไป ใบหน้าชราเต็มไปด้วยรอยยับย่น
หลังจากที่เขาปรากฏ สิ่งมีชีวิตน่าเกลียดทั้งหมดต่างก็ล่าถอยออกไป
"เจ้ารู้จักข้า?"
ต้นหลิวขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าการคาดเดาของเขาจะไม่ผิดเพี้ยน เสียงที่ดังก้องภายในใจมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันอย่างมากจริง ๆ
"จ้าวแห่งเผ่าหลิวสวรรค์ ผู้ใดจะไม่รู้จักกัน?" ชายชราร่างหนังหุ้มกระดูกกล่าว
"จ้าวแห่งเผ่าหลิวสวรรค์?"
เจ้าก้อนหินมองไปทางต้นหลิว ก่อนจะพูดด้วยความประหลาดใจ "เจ้าไปเป็นจ้าวตั้งแต่เมื่อใด? เหตุใดข้าจึงไม่รู้เลย?"
ต้นหลิวไม่ได้ตอบคำพูดของเจ้าก้อนหินแต่อย่างใด
อย่าว่าแต่เจ้าก้อนหินที่ไม่รู้เลย กระทั่งตัวมันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!
เผ่าหลิวสวรรค์คืออันใด มันไม่เคยแม้แต่จะได้ยินเสียด้วยซ้ำ!
"ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นกับเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่ปรากฏตัวขึ้นมาในทุ่งร้างหมอกทึบเช่นนี้"
ชายชราหนังหุ้มกระดูกกล่าว "แม้แต่จ้าวหลิวผู้ยิ่งใหญ่ยังต้องประสบเหตุไม่คาดฝัน ข้าอยากรู้เสียจริงว่าด้านในเกิดเรื่องอันใดขึ้น..."
ด้านในที่เขาพูดถึงคืออาณาจักรที่อยู่เบื้องหลังแดนทุ่งร้างหมอกทึบ สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงแค่ขอบของอาณาจักรแห่งนั้นเพียงเท่านั้น
"จ้าวหลิว เจ้าร่วงหล่นไปภายนอกแล้ว ตอนนี้เจ้าอยากจะกลับบ้านหรือ?" เขาเอ่ยต่อ
ต้นหลิวไม่กล่าวสิ่งใด ถ้อยคำเหล่านี้ของชายชราหนังหุ้มกระดูก ทำให้มันพอจะเข้าใจเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
'สูงสุด...จ้าว...กลับมา…'
นั่นคือเสียงที่ดังภายในใจของมัน
ถ้าหากไม่มีเรื่องเกินความคาดหมาย คำพูดเหล่านี้คือการเรียกมันกลับไป!
"จ้าวหลิว เจ้าใจร้อนเกินไปแล้ว ยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่ก็คิดที่จะกลับบ้านแล้ว? หึหึ คิดว่าการฝ่าแดนทุ่งร้างหมอกทึบง่ายดายปานนั้นหรือ? จ้าวหลิว เจ้ากลับไม่ถึงบ้านแล้ว..."
ชายชราหนังหุ้มกระดูกกล่าว
"ไม่กลับก็ไม่กลับ! ลาก่อน!"
ต้นหลิวไม่ได้พูดอันใดมากมาย เตรียมจะจากที่นี่ไปพร้อมกับเจ้าก้อนหิน แม้ว่ามันต้องการจะทราบข้อมูลจากชายชราให้มากขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ยามดี
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญสุดคือการออกจากที่นี่ ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันภายหลัง
"ต้องการจากไป? จ้าวหลิว เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!"
ชายชราหนังหุ้มกระดูกเอ่ยออกมา จากนั้นก็กระทืบเท้าเบา ๆ พลันเกิดพลังที่มองไม่เห็นปิดกั้นต้นหลิวและเจ้าก้อนหินเอาไว้
"เจ้าอ่อนแอเกินไป ไม่ควรกลับมาจริง ๆ จ้าวหลิวอยู่ต่อที่นี่เสียเถิด พวกเรามาสนทนากันดี ๆ ข้าสนใจประสบการณ์ของเจ้าเป็นอย่างมาก" เขาพูดต่อ
หัวใจของต้นหลิวเย็นเยียบ ชายชราหนังหุ้มกระดูกผู้นี้อยู่ขอบเขตใดกัน? ถึงกับสามารถปิดกั้นมันและเจ้าก้อนหินเอาไว้ได้อย่างไม่มีความหวังใดที่จะสามารถทะลวงออกไปได้
"ตกลง พวกเจ้าคุยกันเถิด!"
เจ้าก้อนหินหันไปเอ่ยกับต้นหลิว "คุยดี ๆ เข้าใจหรือไม่? อย่าได้ทำตัวใจคอคับแคบแต่อย่างใด!"
หลังจากนั้นมันก็หัวเราะแห้ง ๆ เอ่ยกับชายชราหนังหุ้มกระดูกว่า "เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าแต่อย่างใด อีกทั้งข้ายังสั่งสอนต้นหลิวให้เจ้าแล้วด้วย เช่นนั้นเจ้าปล่อยข้าไปได้หรือไม่?"
ต้นหลิวจ้องเขม็งไปที่เจ้าก้อนหิน นี่มันอันใดกัน ขั้นนี้แล้วยังกล้ามาพูดว่าช่วยมันอย่างนั้นหรือ? การกระทำเช่นนี้เรียกว่าช่วยเหลือมันแล้ว?
"อย่ามองข้า! สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง พวกเจ้าก็คุยเรื่องของพวกเจ้าไป ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดด้วยทั้งนั้น!" เจ้าก้อนหินเอ่ย
"เจ้าต้องการจะกลับไปหากำลังเสริมอย่างนั้นหรือ?"
ชายชราหนังหุ้มกระดูกหันไปมองเจ้าก้อนหิน "อย่าได้คิดเลย เจ้าเองก็กลับไปไม่ได้!"
เขาชี้ไปบนอากาศ เส้นทางตรงนั้นพลันพังทลายลงทันที เขารู้ว่าเจ้าก้อนหินใช้เส้นทางนั้นมายังสถานที่แห่งนี้
นี่ทำให้เขาสนอกสนใจเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าภายนอกจะไม่ได้เลวร้ายเท่าที่เขาคิด ยังคงมีผู้แข็งแกร่งอยู่ เพียงแค่หนึ่งความคิด เขาก็เข้าใจสถานการณ์ของเส้นทางที่เกิดขึ้น กลายเป็นว่ามีสมบัติเครื่องใช้มากมายที่รับหน้าที่คงสภาพเส้นทางเอาไว้ ทำให้เขาเกิดความใคร่รู้ขึ้นมาเล็กน้อยว่าผู้ใดเป็นเจ้าของเครื่องใช้เหล่านี้
ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ เรื่องสำคัญคือเขาต้องการจะรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับจ้าวหลิวผู้เลื่องชื่อ!
สำหรับเจ้าของเครื่องใช้เหล่านั้น สามารถค้นหาในภายหลังได้
"จ้าวหลิว ดูเหมือนเจ้าจะลืมเลือนเรื่องราวไปมากมาย ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยเจ้าระลึกอดีตเอง!"
เขาชี้นิ้วออกมา แสงอันไม่อาจอธิบายได้พุ่งตกกระทบร่างของต้นหลิว เขาต้องการจะย้อนรอยอดีตของต้นหลิว แสดงทุกอย่างให้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่ากลับเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายของเขาขึ้นมา พลังที่ใช้สำหรับการย้อนอดีตถูกพลังบางอย่างขัดขวางเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่ม ทำให้ประสบกับความล้มเหลว
"ย้อนอดีตดูเจ้าที่อยู่ภายนอกไม่ได้หรือ?"
ชายชราหนังหุ้มกระดูกเหยียดยิ้ม "ข้าต้องการดูว่าเจ้าประสบพบสิ่งใดมาบ้างด้านนอก เจ้าได้พบกับผู้ใดมา!"
การย้อนอดีตล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม แสดงให้เห็นว่าต้นหลิวได้พบกับผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ภายนอก จึงถูกพลังปิดกั้นซ่อนเอาไว้
สถานการณ์เช่นนี้พบเห็นได้บ่อยเป็นอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตยิ่งแข็งแกร่งยิ่งยากแก่การย้อนอดีตหรือพยากรณ์ถึง
ทว่าเขาหาได้ใส่ใจแต่อย่างใด
เขาสามารถต่อกรกับสิ่งมีชีวิตสูงสุดของแดนด้านในหลังทุ่งร้างหมอกทึบได้ เช่นนั้นจะเกิดความกลัวเกรงสิ่งมีชีวิตภายนอกได้อย่างไร?
เขาไม่จำเป็นต้องกลัวเกรงสิ่งใด ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตภายนอกจะแข็งแกร่งเพียงใดก็มีข้อกำจัด ไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้
"มาเสีย มาให้ข้าดูว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่!"
เขาเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ เพิ่มพลังในการย้อนอดีต ลำแสงหลายสายตกลงบนร่างของต้นหลิว เขาต้องการจะย้อนอดีตตามหาสิ่งมีชีวิตภายนอกผู้นั้น!
จะต่อกรกับเขาหรือ?
ช่างเป็นเรื่องน่าขัน!
ไม่มีสิ่งมีชีวิตภายนอกตนใดสามารถหยุดยั้งเขาได้!
ตาเฒ่าผอมกะหร่องมั่นใจเป็นอย่างมาก และเขามีพลังมากพอให้มั่นใจ
มิฉะนั้น เขาคงมิกล้าไล่ล่าต้นหลิว
เขาเคยต่อสู้กับต้นหลิวเมื่อคราวมันมีพลังเต็มเปี่ยม แม้ว่าศึกนั้นจบด้วยความพ่ายแพ้ของเขา กระนั้นก็สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาแล้ว
ใช่ว่าใคร ๆ ก็สู้กับต้นหลิวไหวได้ มีคนอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ทำได้ และผู้ที่รอดจากการต่อสู้กับต้นหลิวได้นั้นมีน้อยจนนับมือเดียวหมด
เขาเคยต่อสู้กับต้นหลิว และบัดนี้ยังมีชีวิตอยู่ เท่านี้ก็พอจะแสดงให้เห็นถึงความแกร่งกล้าของเขาแล้ว!
“หืม!?”
ทว่าในตอนนั้นเอง สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย รอยยิ้มมั่นใจค่อย ๆ เลือนหายไป
ล้มเหลว!
เขาเพิ่มพลังในการไล่ล่า สุดท้ายก็ยังจบด้วยความล้มเหลว!
สิ่งมีชีวิตข้างนอกนั่นเป็นผู้ใดกันแน่?!
ครืน!
เสียงอสนีบาตดังอยู่บนนภา สายฟ้าฟาดผ่าลงมา ม่านหมอกส่วนใหญ่ในทุ่งร้างหมอกทึบถูกกระแทกจนจางหายไป เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตภายในนั้น!
สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นผงะกันหมด คิดไม่ถึงว่าหมอกทึบจะถูกขจัดออกไป
ต้องรู้ว่า ม่านหมอกในทุ่งร้างหมอกทึบแห่งนี้ไม่เคยจางหายไปไหน ยากจะถูกขจัด มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่มีพลังกล้าแกร่งพอจึงจะกระเทือนม่านหมอกนี้ออกไป ไม่ถูกม่านหมอกปกคลุม
จุดไร้ม่านหมอกปกคลุมที่ต้นหลิวมองเห็นล้วนเป็นเช่นนั้น พวกมันแข็งกร้าวเกินไป ถือเป็นจุดที่ทรงพลังที่สุดในทุ่งร้างหมอกทึบ จุดอื่นมิได้ทรงพลังเช่นนี้ จึงไม่อาจกระเทือนม่านหมอกออกไปได้ จำต้องใช้ชีวิตท่ามกลางหมอกทึบไปตลอดกาล
“ทำผีหลอกเจ้าอยู่ได้!”
ตาเฒ่าผอมกะหร่องยิ้มเย็น มิได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย “พลังแห่งโชคชะตาสำแดงฤทธิ์เดชหรือ?”
ที่นั่น สายฟ้าสะเทือนเลือนลั่น ประหนึ่งศูนย์กลางแห่งอสนีบาต กฎระเบียบปรากฏออกมามากมาย สะท้อนแสงวาววามออกมา เจิดจ้าแยงตาจนทนมองไม่ไหว!
ม่านหมอกถูกขจัดออกไปมากขึ้น สิ่งมีชีวิตมากมายได้เห็นภาพการณ์ด้านนอกแล้วต้องตกตะลึง เกิดเรื่องอันใดขึ้น?!
“โอหังนัก!”
ตาเฒ่าผอมกะหร่องตวาด “ต่อให้ร่างจริงของเจ้าจุติลงมาก็เท่านั้น มิหนำซ้ำ เจ้ายังเป็นเพียงพลังชะตากรรมที่สะท้อนออกมาเท่านั้น!”
เขาชี้ออกไปหนึ่งนิ้ว ดุดันอาจหาญ ลำแสงนับล้านถักทอประสานด้วยกฎระเบียบต่าง ๆ กลายเป็นกระบี่สวรรค์ทองคำนับสิบ ตวัดออกไปที่นั่นพร้อมกัน
ครืน!
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นจากตรงนั้นอีกครั้ง สายฟ้าสีครามผ่าลงมา กระบี่สวรรค์ทองคำนับสิบถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดในบัดดล ประหนึ่งเศษดวงดาราที่กระเด็นลงมา
ขณะเดียวกัน แสงนับหมื่นพวยพุ่ง คลื่นริ้วสวรรค์มากมายปรากฏ ภาพร่างมหึมาหลอมรวมขึ้นอย่างรวดเร็ว!
มันยืนอยู่ที่นั่น เท้าแตะทุ่งร้างหมอกทึบ ศีรษะค้ำเวหา ม่านหมอกแวววาวไหลเวียนตามร่าง จนมองไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริง
“คุณชาย!”
ต้นหลิวและก้อนหินจำได้ในทันที นี่คือภาพสะท้อนของคุณชาย ตาเฒ่าผอมกะหร่องผู้นี้ริอ่านไล่ล่าคุณชาย นี่คือพลังของคุณชายที่สะท้อนอยู่ที่นี่!
ชั่วพริบตานั้น พวกมันโล่งใจทั้งคู่
ช่วยไม่ได้ พวกมันเชื่อใจในคุณชายเต็มร้อย!
ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด เมื่อปะทะกับคุณชายก็สู้มิได้!
“มดปลวกต่ำต้อยตัวหนึ่งจากข้างนอกบังอาจเผยร่างในทุ่งร้างหมอกทึบ รนหาที่ตายนัก!”
ตาเฒ่าผอมกะหร่องสีหน้าอึมครึม แม้ว่าทุ่งร้างหมอกทึบเป็นเพียงดินแดนชายขอบ กระนั้นก็มิได้หมายความว่าทุ่งร้างหมอกทึบนั้นจะอ่อนพลัง
ตรงกันข้าม ทุ่งร้างหมอกทึบนั้นสยดสยองอย่างยิ่งยวด น้อยนักจะมีสิ่งมีชีวิตกล้าย่างกรายเข้ามา ต่อให้เป็นบรรดาผู้บงการสูงส่งเข้ามาในทุ่งร้างหมอกทึบก็ต้องประเมินตัวเองเสียก่อน
เขาก้าวเท้าออกไป อาจหาญเกรียงไกร ร่างกายพลันขยายใหญ่ เทียบเท่าภาพร่างเลือนรางนั่น
“ฆ่า!”
เขาชักดาบยาวสีฟ้าด้ามหนึ่งออกมา คมดาบส่องประกายสีฟ้าวาววาม กระโจนพรวดเดียวมาอยู่ตรงหน้าภาพร่างเลือนราง ฟันดาบใส่ศีรษะของภาพร่างเลือนรางหมายจะบั่นหัวลงมา
ภาพร่างเลือนรางนั้นสงบอย่างยิ่ง ไม่มีท่าทีกระเตื้องแต่อย่างใด
ขณะที่ดาบยาวสีฟ้าเล่มนั้นกำลังจะปาดไปที่คอของมัน มันก็ขยับตัว!
มันค่อย ๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ดูเหมือนเชื่องช้า แท้จริงแล้วเร็วจนแทบทะลุปริภูมิเวลาได้ เป็นความเร็วที่ไม่อาจทำความเข้าใจ มือนั้นหยุดดาบยาวสีฟ้าไว้
แคร่ก!
เสียงแตกหักดังสะท้อนฟ้าดิน ดาบยาวสีฟ้าแหลกลาญ เปราะบางประหนึ่งกระจก
ตาเฒ่าผอมกะหร่องสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน คิดไม่ถึงเลยว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้!
เขามิได้ลังเล เคลื่อนย้ายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อดึงระยะห่างออก น่ากลัวเกินไปแล้ว เขามิกล้าสู้ประชิดตัว กลัวจะตัวระเบิดไปเสียก่อน!
ดาบยาวสีฟ้าเล่มนั้นตีจากวัสดุไร้เทียมทาน ความทนทานคมกล้านั้นไม่มีสิ่งใดเปรียบ แต่ปะทะเพียงครั้งเดียวก็ถูกทำลายจนแหลกลาญ หากกระแทกกับตัวเขา เขาก็ต้องระเบิดแหลกลาญเช่นเดียวกัน!
เขาตกตะลึง ข้างนอกนั่นมีสิ่งที่สยดสยองปานนี้เชียวหรือ เกินการคาดการณ์ของเขาไปเยอะมาก!
พรวด!
ฝนโลหิตสาดกระเซ็น เขาหนีไม่พ้นเลย ภาพร่างเลือนรางเหวี่ยงฝ่ามือเข้ามา ต่อให้เขาว่องไวเพียงใดก็เปล่าประโยชน์ ร่างทั้งร่างถูกอัดจนแหลกลาญ!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
เสียงร้องเหลือเชื่อของเขาดังมาจากหมอกเลือด เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้เลย ด้วยพลังของเขา กลับไม่สามารถหลอมร่างใหม่ขึ้นมาได้โดยไว!
เขาทรงพลังปานใด อย่าว่าแต่ร่างถูกอัดจนแหลกลาญเลย ต่อให้วิญญาณถูกอัดจนแหลกลาญก็ไม่เป็นไร หลอมร่างใหม่และวิญญาณใหม่ขึ้นมาได้ในพริบตา
ทว่าบัดนี้ เขาทำเช่นนั้นมิได้เลย การจะหลอมร่างใหม่ขึ้นต้องใช้เวลาไม่รู้เท่าไหร่!
เขาคำนวณคร่าว ๆ แล้วคงต้องนับหมื่นปี!
ฝ่ามือนี้ทำร้ายเขาสาหัสถึงแก่น บาดเจ็บอย่างหนัก ไม่สามารถฟื้นตัวได้ง่าย ๆ!
“บังอาจนัก!”
“ที่นี่หาใช่ที่ที่เจ้าทำตามอำเภอใจได้!”
มีอีกหลายร่างพุ่งออกจากตำหนักกระดูก พวกเขาทรงพลังยิ่งกว่าตาเฒ่าผอมกะหร่อง พลังปราณที่แผ่ซ่านออกมานั้นพอให้พังทลายจักรวาลโกลาหลผืนแล้วผืนเล่า!
ตึง!
ภาพร่างเลือนรางกระทืบเท้าเบา ๆ คลื่นแสงกำจาย ร่างเหล่านั้นระเบิดแหลกลาญกันหมด กลายเป็นหมอกเลือดก้อนแล้วก้อนเล่า!
สิ่งมีชีวิตในทุ่งร้างหมอกทึบตะลึงกันหมด อย่างไรก็เชื่อไม่ลง ร่างเหล่านั้นล้วนเป็นกำลังรบแข็งแกร่งสุดยอดในทุ่งร้างหมอกทึบ แม้กระทั่งทั่วอาณาจักรนี้ก็ติดอันดับเช่นกัน หลังได้เจอภาพร่างเลือนรางกลับเปราะบางต้านทานมิได้แม้แต่การโจมตีเดียว จะให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไร?!
มิหนำซ้ำ ภาพร่างเลือนรางนั้นยังเป็นเพียงภาพฉาย หาใช่ตัวจริง พลังที่มีน้อยกว่าร่างจริงตั้งไม่รู้กี่เท่า แล้วร่างจริงของภาพร่างเลือนรางจะน่าพรั่นพรึงปานใด!?
ต้านทานกำลังกับบรรดาผู้บงการสูงส่งได้หรือ!?
ตึง ตึง ตึง!
ภาพร่างเลือนรางก้าวเท้า ทุกย่างก้าวล้วนก่อให้เกิดแผ่นดินไหว มันก้าวออกจากทุ่งร้างหมอกทึบ
พลังที่พันธนาการต้นหลิวและก้อนหินหายไปนานแล้ว พวกมันติดตามอยู่ด้านหลังภาพร่างเลือนราง ออกไปด้วยกัน
นี่แหละคือพลังของคุณชาย!
ต่อให้เป็นเพียงร่างภาพฉายของคุณชาย ก็บดขยี้ได้ทุกสิ่ง!
คุณชายไร้เทียมทานตลอดไป!
พวกมันเดินตามอยู่ด้านหลัง หัวใจอิ่มเอิบไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย ต่อให้สถานที่นี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ยังไม่รู้ เต็มไปด้วยความน่ากลัว พวกมันก็ไม่รู้สึกวิตกแต่อย่างใด!
ฟึ่บ!
คราวเดินผ่านประตูหินใหญ่ยักษ์ ผีเสื้อตัวหนึ่งกระพือปีกบุกโจมตีเข้ามา ปริภูมิเวลาพังครืน กฎระเบียบล่มสลาย ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าภาพร่างเลือนรางนี้ ทั้งหมดนั้นล้วนไม่มีความหมาย!
เสียงดังพรวด ปีกของผีเสื้อระเบิด ร่วงลงไปที่พื้น!
ด้านหลังประตูหินเชื่อมต่อกับมิติประหลาด ในนั้นมีสิ่งมีชีวิตมากมายบุกเข้ามา เจ้าอสูรร้ายเผ่ามดที่สามารถค้ำผืนฟ้าอันใกล้ถล่มได้สบายก็อยู่ด้วย
ทว่าพวกมันไม่ทันได้เข้าใกล้ก็กระเด็นออกไปกันหมด!
ตู้ม!
จากนั้น ประตูหินยักษ์ใหญ่พังครืน ก้อนหินเกลือกกลิ้งไปทั่ว มิติด้านในที่เชื่อมต่อกำลังพังทลายลง
ภาพร่างเลือนรางก้าวเดินต่อไป แรงสั่นสะเทือนในทุ่งร้างหมอกทึบไม่เคยหยุด!
มันมาอยู่ในเขตกลับตาลปัตร ฟ้าอยู่ล่าง ดินอยู่บน เม็ดฝนหยดจากล่างขึ้นบน
ที่นี่มีกฎระเบียบบางอย่างดำรงอยู่ คิดจะบิดเบือนภาพร่างเลือนรางให้อยู่กลับทิศเฉกเช่นกับที่นี่
ทว่าแท้จริงแล้ว เป็นการกระทำที่ไม่ประเมินตนเอง!
ภาพร่างเลือนรางเดินผ่าน เขตแดนนั้นระเบิดแหลกลาญในบัดดล พลังทั้งปวงได้รับแรงกระเทือนจนต้องล่าถอย!
ตึง! ตึง! ตึง!
ต่อมา ภาพร่างเลือนรางก้าวไปยังสุสาน โลงศพใหญ่ ๆ ด้านในต่างมีเสียงตีกระทบรุนแรงดังออกมา คล้ายว่าสิ่งมีชีวิตในโลงศพต้องการบุกออกมา
แต่ยามภาพร่างเลือนรางเดินผ่าน โลงศพทั้งหมดเงียบสงัด ราวกับสิ่งที่อยู่ในนั้นได้ตายไปแล้วจริง ๆ ไม่มีภาพการณ์ประหลาดปรากฏขึ้นอีก
ซ่า!
ท่ามกลางแม่น้ำเหนียวหนืดข้นดำดั่งหมึก สายน้ำซัดสาดรุนแรง พัดพาซากศพเน่าเปื่อยที่ลอยอยู่บนนั้นไปที่อื่นหมด!
สิ่งมีชีวิตที่กินซากศพเน่าเปื่อยเป็นอาหาร เขี้ยวคมเต็มปากพุ่งออกมา หมายจะกลืนกินภาพร่างเลือนรางนั้นในคำเดียว สุดท้าย ทันทีที่มันบุกเข้ามา ก็แหลกสลายไปทั้งร่าง กลายเป็นน้ำหนองกองหนึ่ง
ด้านแท่นบูชายัญก็มีภาพการณ์ประหลาดปรากฏ จู่ ๆ ก็มีเสียงสวดบูชายัญประหลาดดังออกมา สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเผยร่างออกมาอย่างรวดเร็ว
มันคว้าหัวใจสีทองที่เต้นโครมครามบนโต๊ะแล้วอ้าปากกลืนลงไป ทั้งยังกินของบูชายัญอย่างอื่นลงไปด้วย แสงเจิดจ้าอันน่าสยดสยองนับหมื่นปะทุออกมา เพิ่มพูนความดุดันขึ้นไปเป็นทวีคูณ!
ทว่าหลังภาพร่างเลือนรางเดินเข้ามา มันก็หนีกลับไปทันที ไม่กล้าลงมือเลยแม้แต่น้อย!
“ไร้…ไร้เทียมทานจริง ๆ!”
“น่ากลัวเสียยิ่งกว่าบรรดาผู้บงการเสียอีก!”
สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนในทุ่งร้างหมอกทึบอุทานเสียงหลง แม้กระทั่งบรรดาผู้บงการก็ใช่ว่าจะออกจากทุ่งร้างหมอกทึบได้ด้วยท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้!
“มัวแสดงอยู่ได้! ฆ่า!”
“อยากไปจากที่นี่หรือ? มิได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิด!”
เสียงเย็นเยียบดังออกจากทุ่งร้างหมอกทึบ จิตสังหารคลี่แผ่ปกคลุมฟ้าดิน เป้าหมายคือภาพร่างเลือนรางนั้น!
“พวกมันนั่นเอง! ผู้บงการที่แท้จริงของทุ่งร้างหมอกทึบปรากฏตัวแล้ว!”
“นี่คือกำลังรบสูงสุด ตัวตนที่สิ่งมีชีวิตทั้งอาณาจักรต้องเกรงกลัวตัวสั่น!”
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากอุทานเสียงหลงหลังจำเจ้าของร่างนั้นได้
จุดที่เจ้าของร่างอยู่แม้มิได้สำแดงออกมา ถูกหมอกทึบปิดบัง แต่นั่นเพียงเพราะพวกมันไม่ต้องการขจัดม่านหมอกเท่านั้น พวกมันสยดสยองยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าผู้ใดในพวกมัน ต่างสามารถสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งอาณาจักร เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!
พวกมันบุกเข้ามาด้วยท่วงท่ากล้าแกร่งไร้ใดเปรียบ ห้วงเวลาหยุดลง พวกมันคือผู้บงการอย่างแท้จริง บงการได้ทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดขัดขืนพวกมันได้!
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าภาพร่างเลือนราง พวกมันก็ยังสู้ไม่ไหว!
ภาพร่างเลือนรางเหวี่ยงฝ่ามือเข้าไป พวกมันถูกทำลายจนแหลกลาญทั้งสิ้น มิได้อยู่ในระดับเดียวกัน!
“อะ…อะไรกัน!”
“เขาเป็นใครกันแน่?!”
สิ่งมีชีวิตทุกตนในทุ่งร้างหมอกทึบตัวสั่นเทิ้ม หมอบราบกับพื้น หน้าตาหวาดผวา พวกมันเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ที่ไหน ตกตะลึงแทบบ้ากันหมด
ภาพร่างเลือนรางมิเคยหยุดยั้งฝีเท้า มุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ๆ
และในตอนนั้นเอง เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น!
ฝีเท้าของภาพร่างเลือนรางชะงักงัน!
ในสถานการณ์ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดรู้เรื่อง แสงสีขาวลำหนึ่งพลันสว่างจ้าขึ้นเงียบเชียบ เป็นสีขาวซีดเสมือนตัวแทนความตาย ทาบทับลงบนทุกตารางนิ้วของทุ่งร้างหมอกทึบ!
ตึก!
ตอนนี้ สิ่งมีชีวิตทุกตนในทุ่งร้างหมอกทึบหัวใจกระตุกรุนแรงกันหมด ตื่นตกใจยกใหญ่!
แสงสีขาวนั้นทำให้เกิดความรู้สึกที่อันตรายถึงชีวิต ราวกับถูกใครบางคนบีบคอไว้แน่น จนพวกมันหายใจไม่ออก ลมหายใจหมดสิ้น!
พวกมันเฉียดใกล้ความตายเต็มที!
สีขาวอันเป็นตัวแทนความตาย!
นั่นมันอะไรกันแน่
ทั้งที่ห่างไกลสุดขอบฟ้า แต่กลับแฝงไว้ด้วยความน่าสะพรึงเหลือล้น!
ต้นหลิวและก้อนหินอึดอัดใจแทบทนไม่ไหว พวกมันก็รู้สึกได้ถึงอันตรายถึงชีวิตเช่นกัน!
เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
พวกมันเชื่อไม่ลง และรู้สึกเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ภาพฉายคุณชายอยู่เพียงเบื้องหน้าพวกมัน พวกมันอยู่ในการคุ้มครองจากร่างภาพฉายของคุณชาย เหตุใดสีขาวอันเป็นตัวแทนความตายนั้นยังสร้างความรู้สึกอันตรายถึงชีวิตแก่พวกมันได้?!
พวกมันสัมผัสความอันตรายถึงชีวิตได้อย่างชัดเจน ความเฉียดตายนั้นราวกับกำลังจะสิ้นลมสนิทในลมหายใจถัดไป!
เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงแก่พวกมันอย่างมาก ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลย!
ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง ภาพฉายหลี่จิ่วเต้ากระทืบเท้าเบา ๆ คลื่นแสงสูงส่งแผ่ขยาย ทลายภยันตรายถึงชีวิตอันเกิดจากสีขาวแทนความตายนั่นได้ในพริบตา!
ต้นหลิวและก้อนหินไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป
สีขาวอันเป็นตัวแทนแห่งความตายพุ่งเข้ามา น่าเกรงกลัวยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ยังอยู่ห่างสุดขอบฟ้า ลมหายใจต่อมาก็มาถึงที่นี่
เริ่มแรก สิ่งมีชีวิตในทุ่งร้างหมอกทึบยังมองไม่ชัดนักว่าสีขาวอันเป็นตัวแทนแห่งความตายนี้เป็นสิ่งใด ทว่า หลังสีขาวอันเป็นตัวแทนแห่งความตายเข้ามาใกล้ พวกเขาก็เห็นอย่างชัดเจน!
นั่นคือกระโปรงสีขาวที่สตรีสวมใส่!
รูปทรงกระโปรงนั้นเก่าแก่มาก แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลา ราวกับก้าวข้ามปริภูมิเวลาเข้ามาจากโบราณกาล บัดนี้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
บนกระโปรงสีขาวยังมีสีสันอื่นปนอยู่ด้วย นั่นคือรอยเปื้อนโลหิตต่าง ๆ ทั้งโลหิตสีดำ โลหิตสีทอง โลหิตสีแดงฉาน โลหิตสีเขียวขจี และสีอื่น ๆ!
ไม่ว่าโลหิตชนิดใด ต่างสร้างความรู้สึกสะพรึงกลัวให้พวกเขาเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่นึกเคลือบแคลงเลยว่าหากรอยเปื้อนโลหิตนี้ร่วงหล่นลงมา พวกเขาต้องตายกันทั้งหมด ไม่มีทางยกเว้น!
ต้นหลิวและก้อนหินเคร่งเครียดลงในบัดดล พวกมันคิดไม่ถึงเลยว่า สิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงจนสร้างภยันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ได้เป็นเพียงกระโปรงสตรี!
ก่อนหน้านี้พวกมันคิดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตตนหนึ่ง…
กระโปรงสีขาวตัวนี้มาจากแห่งหนใดกัน?!
สิ่งมีชีวิตในทุ่งร้างหมอกทึบไม่เคยพบเห็นกระโปรงสีขาวตัวนี้มาก่อน กระโปรงสีขาวตัวนี้อยู่ในทุ่งร้างหมอกทึบมาตลอดหรือ
เวลานั้น กระโปรงสีขาวพลิ้วไสว คลื่นพลังที่ซัดสาดออกมานั้นยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ รอยเปื้อนโลหิตบนนั้นราวกับกลับมามีชีวิต โลดแล่นขึ้นมาอย่างรุนแรง!
สิ่งมีชีวิตในทุ่งร้างหมอกทึบชาไปทั้งหนังศีรษะ ความรู้สึกอันตรายถึงชีวิตนั้นยิ่งรุนแรง พวกเขาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วจริง ๆ นึกอยากหนีจากที่นี่
แต่พวกเขาไม่กล้าขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย พวกเขารู้สึกว่า ผู้ใดที่ไหวติงจะต้องตายลงอย่างแน่นอน!
อย่างที่คิด สิ่งมีชีวิตบางตนที่อดทนต่อแรงกดดันพิฆาตเช่นนี้ไม่ไหว เผ่นหนีไปอย่างรวดเร็วเพื่อออกจากที่นี่ สุดท้าย ทันทีที่ขยับตัวก็ระเบิดแหลกลาญ อันตรธานไปจากใต้หล้านี้ ตายลงตรงนั้น!
ตายไปจริง ๆ!
ไม่เหลือร่องรอยสักนิด!
สิ่งมีชีวิตทุกตนในทุ่งร้างหมอกทึบต่างสูดปาก สิ่งมีชีวิตตนนั้นหาใช่พวกปลายแถว มันมีพลังแกร่งกล้ามาก ถึงมิได้ไร้เทียมทานในทุ่งร้างหมอกทึบ แต่ก็ใกล้เคียงมากแล้ว
ทว่าสิ่งมีชีวิตทรงพลังระดับนี้ กลับถูกปลิดชีพทันทีที่ขยับตัว ถูกลบล้างร่องรอยทั้งหมด จะมิให้พวกเขาตกตะลึงได้อย่างไร?!
ไม่ต้องเอ่ยถึงสิ่งมีชีวิตทรงพลังผู้นี้ ต่อให้เป็นพวกเขาก็จะไม่ตายไปอย่างง่ายดาย คิดจะปลิดชีพพวกเขาอย่างสมบูรณ์นั้นต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะสำเร็จ
และสิ่งมีชีวิตทรงพลังระดับนี้รั้งแต่จะยิ่งทวีความน่าสะพรึง แทบจะไม่แตกไม่ดับ ต่อให้กาลเวลาเหือดแห้งไปแล้ว พวกเขาก็จะไม่ตาย และได้ทิ้งร่องรอยไว้ในกาลเวลาแล้ว ต่อให้ตายไปในยุคสมัยนี้ ก็สามารถคืนชีพด้วยร่องรอยในกาลเวลาที่ผ่านมา!
ทว่าพวกเขาก็ยังตายไป ตายสนิท ร่องรอยในกาลเวลาถูกลบล้างไปทั้งหมด ไม่มีโอกาสคืนชีพได้อีก!
ตอนนี้ มิมีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าบุ่มบ่ามทำอันใดอีก ทั้งหมดต่างหมอบอยู่กับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง!
กระโปรงสีขาวพลิ้วไหวต่อไป รอยเปื้อนโลหิตบนนั้นโลดแล่นรุนแรงยิ่งขึ้น รอยเปื้อนโลหิตบางแห่งร่วงหล่นลงมา นั่นคือรอยเปื้อนโลหิตสีดำ!
โฮก!
รอยเปื้อนโลหิตสีดำร่วงหล่นลงมา กลายเป็นอสูรยักษ์สีดำในพริบตา มันส่งเสียงคำราม ทุ่งร้างหมอกทึบพลันระเบิดครั้งใหญ่ ทุกหนแห่งล้วนกลายเป็นซากปรักหักพัง ขุนเขาทลาย สายน้ำขาดสะบั้น สิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างอ่อนกำลังแหลกลาญกลายเป็นหมอกเลือดในบัดดล!
“นั่นมัน…อะไรกัน!?”
“ความมืดจุติลงมาแล้วหรือ?!”
สิ่งมีชีวิตผู้อยู่ด้านหลังทุ่งร้างหมอกทึบตะลึง ความผวาคืบคลานเข้ามาในจิตใจพวกเขา แม้กระทั่งผู้บงการสูงส่งยังรู้สึกคร่ำเครียด ตัวสั่นอย่างอดมิได้
ยุคสมัยแห่งความมืดมนกำลังจะมาถึงแล้วหรือ?!
ผู้เป็นนิรันดร์บางตนตื่นจากห้วงนิทรา พวกเขาจ้องมองกระโปรงสีขาวตัวนั้นและภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าโดยไม่พูดจา ไม่รู้คิดอันใดในใจ
อสูรยักษ์สีดำคำราม ดวงตากลมโตยิ่งกว่าดาวดวงไหน ๆ มันมีหางอยู่ทั้งหมดสิบหาง ดูไม่ออกว่าเป็นหางของสิ่งมีชีวิตชนิดใด เหมือนเป็นเคียวดำที่ตีขึ้นด้วยโลหะบางอย่าง บุกไปหาร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้า!
ตู้ม!
ภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าเหวี่ยงกำปั้นทั้งสองออกไป ดุดันประดุจดวงอาทิตย์ระเบิด แสงนับล้านพวยพุ่ง ส่องสว่างไปทั่วทุกแดนดิน!
อสูรยักษ์สีดำกระเด็น ร่างกายโซซัดโซเซ ต้นหลิวและก้อนหินเห็นแล้วอึ้งงัน ผู้ใดกันที่สามารถต้านทานหมัดของคุณชายได้?
แม้แต่ร่างภาพฉายของคุณชาย ก็มิเคยมีผู้ใดหยุดยั้งได้มาก่อน!
อสูรยักษ์สีดำตัวนี้กลับหยุดยั้งไว้ได้ แม้จะกระเด็นออกไป กระนั้นก็มิได้บาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัด!
ต้นหลิวและก้อนหินตะลึงกันหมด อสูรยักษ์สีดำตัวนี้เป็นมาอย่างไรกันแน่?
แล้วกระโปรงอันมีสีขาวแห่งความตายเป็นมาอย่างไร?!
การต่อสู้นี้เป็นศึกที่น่ากลัวที่สุดที่พวกมันเคยพบ!
“ข้านำภัยร้ายมาสู่คุณชายหรือ”
ต้นหลิวพึมพำเสียงเบา นึกโทษตัวเอง คล้ายว่ามันทำให้คุณชายต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงเสียแล้ว!
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ล้วนเกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของมัน!
“ความมืดมิด…จุติ…มิมีผู้ใด…หยุดยั้งได้! เจ้า…ต้องตาย!”
อสูรยักษ์สีดำคำรามจนกลายเป็นเสียงถ้อยคำบางอย่าง นี่มันเรื่องอะไรกัน? มันแปลงกายจากรอยเปื้อนโลหิตมิใช่หรือ เหตุใดถึงมี ‘ญาณ’ อยู่ด้วย!
มันมาจากฝ่ายความมืดมิดจริง ๆ!
ท่ามกลางอาณาจักรด้านหลังทุ่งร้างหมอกทึบ ผู้เป็นนิรันดร์มากมายร่างสะท้าน คำทำนายเก่าแก่จำนวนหนึ่งกำลังจะเป็นจริงแล้วหรือ
ความมืดมิดกำลังจะกลายเป็นสีสันเดียวในใต้หล้านี้แล้วหรือ?!
“ไม่ว่า…สิ่งใด…บังอาจขวางทาง…ต้องฆ่า!”
อสูรยักษ์สีดำบุกเข้ามาอีกครั้ง ส่งเสียงจองหองพองขนอย่างที่สุด
มันกระโจนตัวขึ้นสูง โฉบตัวลงมา ฟาดกรงเล็บใส่ศีรษะของภาพฉายหลี่จิ่วเต้า หมายจะตบศีรษะหลี่จิ่วเต้าให้เละ!
ต้นหล้วและก้อนหินเห็นแล้วพิโรธเหลือแสน อสูรยักษ์สีดำอะไรนั่นบังอาจดูหมิ่นคุณชายถึงปานนี้เชียวหรือ พวกมันโกรธแค้นในความอ่อนพลังของตน ไม่เช่นนั้น พวกมันจักต้องอัดอสูรยักษ์สีดำตัวนี้ให้แหลกลาญแน่!
ปัง!
เวลานั้นเอง ภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าเหวี่ยงฝ่ามือใส่อสูรยักษ์สีดำ อสูรยักษ์สีดำผู้จองหองพองขนร่างระเบิดในบัดดล กลายเป็นโลหิตโสมมกองหนึ่งตามเดิม!
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังมาจากในนั้น โลหิตโสมมทั้งกองเดือดพล่านรุนแรง ราวกับกำลังหลอมร่างอสูรยักษ์ขึ้นมาใหม่!
เสียงดังฟึ่บ ภาพฉายหลี่จิ่วเต้ายื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้วและชี้ไปทางนั้น โลหิตสีดำโสมมทั้งกองลุกไหม้ทันที กลายเป็นเปลวเพลิงลุกโชน!
“ไม่!”
เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากกองโลหิตสีดำโสมม มันกำลังถูกแผดเผา กำลังระเหย ค่อย ๆ หายไปทีละนิด!
“โอหังนักนะ! คุณชายหาใช่ผู้ที่เจ้าเหยียดหยามได้ตามอำเภอใจ!?”
ก้อนหินตะโกนด้วยความสะใจ อย่าให้เอ่ยเลยว่าเปรมปรีดิ์ปานใด
โลหิตสีดำโสมมบ้าบออะไรนั่น คิดว่าก่อนหน้านี้ต้านทานหมัดของภาพฉายคุณชายได้โดยไม่เป็นอันใดก็จะเก่งกาจได้ตลอดหรือ ริอ่านล้อเลียนคุณชาย รนหาที่ตายชัด ๆ!
บรรดาผู้เป็นนิรันดร์ในอาณาจักรด้านหลังทุ่งร้างหมอกทึบต่างเพ่งสายตาไปที่ร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้า พวกเขานึกประหลาดใจ รู้สึกเหมือนเคยเห็นภาพร่างนี้ที่ไหนมาก่อน!
อนิจจา ร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าเลือนรางทั้งตัว มองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง พวกเขาจึงไม่อาจรำลึกความให้แน่ใจ หากพวกเขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง พวกเขาอาจรำลึกความจนแน่ใจได้กระมัง
อีกด้าน กระโปรงสีขาวแห่งความตายพลิ้วไหวอีกครั้ง รอยเปื้อนโลหิตร่วงหล่นลงมาสองกอง แบ่งเป็นโลหิตสีทองและสีเขียว!
พวกมันบุกเข้ามาในเสี้ยวลมหายใจ ราวกับต้องการช่วยโลหิตสีดำโสมมกองนั้น!
หนึ่งทองหนึ่งเขียว กองหนึ่งกลายเป็นยักษ์สีทอง กองหนึ่งกลายเป็นสัตว์ประหลาดสีเขียว ดุดันล้นนภา บุกสังหารตรงไปข้างหน้า!
ยักษ์สีทองคล้ายว่าเกิดจากโลหะบางอย่าง ความเป็นโลหะนั้นชัดเจนมาก มันฟาดฝ่ามือลงมา รุนแรงประหนึ่งดาบสวรรค์ รุนแรงแกร่งกล้าไร้เทียมทาน!
แสงสีทองนับหมื่นพวยพุ่ง มิทันได้ผ่าลงมา ควันหลงพลังก็สะเทือนทุ่งร้างหมอกทึบจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ!
สัตว์ประหลาดสีเขียวยิ่งดุร้ายเข้าไปใหญ่ มันมีหนามแหลมงอกอยู่ทั่วกาย เสมือนเม่นตัวหนึ่ง ทว่ายังมีจุดที่แตกต่าง มีดวงตาอยู่บนหนามแหลมเหล่านั้น ซ้ำยังกะพริบเปิดปิด ชวนผวาเป็นหนักหนา!
มันสะบัดหาง หนามแหลมบนหางพุ่งออกไปทั้งหมด ทิ่มแทงใส่ภาพฉายหลี่จิ่วเต้า!
เวลานี้ภาพอันน่าสะพรึงเกิดขึ้น!
ภาพร่างหลี่จิ่วเต้าเปี่ยมไปด้วยความแกร่งกล้าไร้เทียมทาน มันฟาดฝ่ามือใส่ยักษ์สีทอง กฎระเบียบโถมทับออกมา ถล่มยักษ์สีทองจนเละเป็นโคลนในบัดดล กลายเป็นกองเลือดสีทองโสมมอีกครั้ง!
ดวงตาของมันทอดมองสัตว์ประหลาดสีเขียว ลำแสงน่าพรั่นพรึงพวยพุ่งออกจากตาคู่นั้น หนามแหลมที่พุ่งเข้ามาทั้งหมดระเบิดแตกตัว ขณะเดียวกัน ลำแสงน่าพรั่นพรึงสองลำนั้นทะลวงผ่านตัวสัตว์ประหลาดสีเขียว บดขยี้ร่างของสัตว์ประหลาดสีเขียวจนกลายเป็นกองเลือดสีเขียวโสมมกองหนึ่ง!
จากนั้น ภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าชี้นิ้วออกไป กองเลือดโสมมสีทองและสีเขียวลุกโชติทันที เสียงคำรามปวดร้าวถึงทรวงดังออกมาจากในนั้น!
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“ทั้งที่เป็นเพียงร่างภาพฉายร่างหนึ่งแท้ ๆ!”
สิ่งมีชีวิตในทุ่งร้างหมอกทึบตกอกตกใจกับภาพฉายหลี่จิ่วเต้ากันหมด อย่างไรก็เชื่อไม่ลงว่าแค่ร่างภาพฉายยังดุดันปานนี้ แล้วเจ้าของร่างที่แท้จริงจะน่ากลัวเพียงใด?!
บรรดาผู้เป็นนิรันดร์ในอาณาจักรด้านหลังสีหน้าเคร่งเครียดกันถ้วนหน้า ความคิดในใจเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
พวกเขานั้นแกร่งกล้าไร้เทียมทาน ดำรงอยู่เป็นนิรันดร์ ไม่แตกไม่ดับอย่างแท้จริง ทว่าบัดนี้ หลังพวกเขาได้เห็นร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าและกระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้น ก็อดตรึกตรองมิได้ว่าเรื่องบางเรื่อง แม้แต่พวกเขาเองยังมองไม่ออก ไม่ถึงขั้น!
อย่างเช่นเรื่องที่กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นมาจากที่ใดกันแน่ เกี่ยวข้องอย่างไรกับ ‘ยุคมืด’ ในคำทำนายเก่าแก่
ไหนจะร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้า พวกเขารู้สึกคุ้นเคย คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยรู้จักกันมาก่อน คนผู้นี้เป็นใคร มาจากไหนกัน?!
เวลานั้นเอง กระโปรงสีขาวแห่งความตายเหมือนว่าถูกบางอย่างเข้าสิง กระโปรงสีขาวนั้นถูกดันเป็นทรง ซ้ำยังมีคลื่นพลังสยดสยองซัดสาดออกมาอีกด้วย ฟ้าดินพลันทะมึน ความมืดมิดจุติ แหล่งแสงทั้งหมดถูกลบล้าง โดนความมืดมิดกลืนกินเข้าไป!
แม้กระทั่งร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าก็เช่นกัน แสงแวววาวที่เคยรายล้อมถูกความมืดมิดกลืนกิน เปล่งแสงไม่ออกอีกแม้แต่น้อย!
“รอย…รอยร้าว!”
ก้อนหินอุทานเสียงหลงขึ้นมาฉับพลัน นี่มันเห็นรอยร้าวบนร่างภาพฉายของคุณชายหรือนี่!
ก้อนหินตกตะลึง มันเห็นรอยร้าวบนร่างภาพฉายของคุณชายหรือนี่!
แม้ว่ารอยร้าวนั้นไม่ยาวมาก และไม่ได้มาก กระนั้นก็เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน แม้แต่ภาพฉายของคุณชายก็จะไม่ไหวแล้วหรือ?!
ความมืดมิดนั้นไร้ขอบเขต อย่าว่าแต่ทุ่งร้างหมอกทึบเลย กระทั่งอาณาจักรด้านหลังก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่างทั้งหมดโดนกลืนกิน สิ่งมีชีวิตทั้งหลายรู้สึกเหมือนความตายคืบคลานมาถึงพวกเขาแล้ว!
กระทั่งผู้เป็นนิรันดร์ยังต้านไม่ได้ แสงสว่างที่ล้อมรอบอยู่รอบตัวถูกกลืนกิน พวกเขาสะท้านใจอย่างมาก ยุคสมัยแห่งความมืดมิดจะเริ่มขึ้นตอนนี้แล้วหรือ?!
คำทำนายโบราณที่เล่าอ้างกันมาช้านาน แม้แต่ผู้เป็นนิรันดร์ยังไม่รู้ว่าคำทำนายนี้มาจากที่ใด แต่บัดนี้กลับค่อย ๆ เป็นความจริงขึ้นมา พวกเขาต่างรู้สึกคร่ำเครียด ทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้จักต้องยุ่งเหยิงไปหมดแน่!
ความมืดมิดกลืนกินแสงสว่าง สิ่งที่ปรากฏสู่สายตานั้นล้วนดำมืด มีเพียงกระโปรงตัวนั้นที่ยังมีสีขาวแห่งความตายส่องสว่างวาววาม ดูพิลึกพิลั่นชวนผวาอย่างยิ่งยวด!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดรู้สึกสิ้นหวัง มองไม่เห็นแสงสว่างแห่งความหวังอีก พวกเขาจะถูกความมืดมิดกลืนกินไปแล้วหรือ?!
ทันใดนั้น แสงสว่างเจิดจ้ากะพริบแวววาว ทลายความมืดมิดที่ปกคลุมอยู่ ร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้ากลับมาสว่างไสวอีกครั้ง รอยร้าวบนร่างก็หายลับไปจนสิ้น!
มันเจิดจ้าเกินไป ประกายที่ส่องออกมาจรัสขึ้นเรื่อย ๆ ความมืดมิดค่อย ๆ ถูกขับไล่ออกไป โดนไล่ต้อนจนกระจุกอยู่ที่กระโปรงสีขาวแห่งความตาย
ตู้ม!
มันเริ่มลงมือโดยการเหวี่ยงฝ่ามือเข้าไป อักขระพลุ่งพล่านออกมาเป็นมหาสมุทร บดขยี้ความมืดมิด พลังไร้ขอบเขตนั้นเล็งไปที่กระโปรงสีขาวแห่งความตาย!
เสียงดังปัง กระโปรงสีขาวแห่งความตายทลายพลังที่รายล้อมเข้ามา โซ่ตรวนกฎระเบียบสีดำปรากฏออกมาฉับพลัน ล้อมรอบฝ่ามือของภาพฉายหลี่จิ่วเต้าจนไม่อาจจุติลงมาได้
“ตัวแปรผิดเพี้ยนเพียงอย่างเดียวในความมืดมิด เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากกระโปรงสีขาวแห่งความตาย
“ข้ามิได้อยู่ในยุคสมัยนี้ เป็นเพียงภาพสะท้อนจากอาภรณ์ที่สวมใส่ เจ้าเล่า อยู่แห่งหนใด?!”
จากนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่นั่นอีกครั้งราวกับต้องการคาดคั้นบางอย่างจากภาพฉายของหลี่จิ่วเต้า
ปรากฏการณ์ประหลาดเผยให้เห็นอยู่ด้านหลังกระโปรงสีขาวแห่งความตาย นครเมืองนับคณาทะลักทลาย สิ่งมีชีวิตมืดมิดอาศัยอยู่ด้านในมากมาย ต่างกำลังคำรามเสียงโหดเหี้ยม
ตึง!
ภาพฉายหลี่จิ่วเต้าสำแดงฤทธิ์เดช โซ่ตรวนกฎระเบียบสีดำที่รัดพันมือของมันไว้แหลกสลายจนสิ้น ตัวมันส่องแสงเจิดจ้าออกมา บุกเข้าไปอีกครั้ง!
“ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดยิ่ง ราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน เจ้าเป็นสหายเก่าของข้าหรือ”
เสียงหนึ่งดังออกจากกระโปรงสีขาวแห่งความตายอีกครั้ง
สิ่งมีชีวิตมืดมิดด้านหลังของมันกรีธาทัพออกมา แต่ละตนล้วนสยดสยองหมายจะกลืนกินร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าเข้าไป!
เวลานั้น ภาพฉายหลี่จิ่วยกมือข้างหนึ่งขึ้นเบา ๆ ชั่วพริบตานั้น ทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่ไพศาลลุกโชติ ตวัดเกี่ยวสิ่งมีชีวิตมืดมิดทุกตนเข้าไป!
กระโปรงสีขาวแห่งความตายพลิ้วไหว คลื่นพลังน่าพรั่นพรึงแผ่ซ่านออกมา กำลังร่ายวิชาลับมืดมิดบางอย่าง ตราประทับสีดำมหึมาถล่มลงจากนภา
แม้แต่ผู้เป็นนิรันดร์เมื่อเห็นตราประทับสีดำเหล่านี้ก็ต้องสะท้านใจเป็นหนักหนา หากถูกตราประทับสีดำเช่นนี้กระแทกใส่ พวกเขารู้สึกว่าต่อให้เป็นร่างอันเป็นนิรันดร์ของพวกตนก็ต้านไม่อยู่!
ร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าเกรียงไกรไร้เทียมทาน ขณะที่สองหมัดเตรียมปล่อยท่า สายฟ้าน่าสะพรึงพาดผ่าน บดขยี้ตราประทับสีดำที่ทำท่าจะถล่มลงมาเหล่านี้จนป่นปี้!
มันกระโจนตัวขึ้นสูง เร็วจนแทบทะลุขีดจำกัด พริบตาเดียวก็มาอยู่ด้านกระโปรงสีขาวแห่งความตาย พร้อมเหวี่ยงหมัดออกไป!
สสารมืดมิดโลดแล่นอยู่รอบ ๆ กระโปรงสีขาวแห่งความตาย ยับยั้งหมัดของภาพฉายหลี่จิ่วเต้าได้ ซ้ำยังกระเทือนภาพฉายหลี่จิ่วเต้าจนต้องถอยกรูดออกไปอีกด้วย!
ต้นหลิวและก้อนหินต่างตะลึงงัน มีตัวตนระดับที่ทัดเทียมคุณชายปรากฏออกมาแล้วหรือ
กระโปรงสีขาวแห่งความตายเป็นเพียงอาภรณ์ชิ้นหนึ่งเท่านั้น เจ้าของมันต้องน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานใดกัน เป็นไปได้ว่าอาจต่อกรกับคุณชายได้จริง ๆ!
เปลวเพลิงแห่งความมืดมิดลุกโชติช่วง กระโปรงสีขาวแห่งความตายสำแดงพลังอีกครั้ง ปราดไปหาร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าอย่างรวดเร็ว หมายจะแผดเผาร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าให้สิ้นซาก!
เปลวเพลิงแห่งความมืดมิดนี้น่ากลัวเกินไป ยามบุกออกไปแม้กระทั่งปริภูมิเวลายังลุกไหม้ไปด้วย เกิดอาการขาดช่วง!
อุณหภูมิสูงลิวถาโถม สิ่งมีชีวิตทั้งหมดรู้สึกเหมือนใกล้จะหลอมละลายเต็มที รวมถึงบรรดาผู้เป็นนิรันดร์ต่างก็เหงื่อโซมทั่วกาย ได้สัมผัสความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน!
ภาพฉายหลี่จิ่วเต้าเปล่งประกายเจิดจ้าทั่วร่าง ก้าวผ่านเปลวเพลิงแห่งความมืดมิด กฎระเบียบโลดแล่น ดับเปลวเพลิงแห่งความมืดมิดจนสิ้นในเสี้ยวลมหายใจ!
มันมาอยู่ด้านกระโปรงสีขาวแห่งความตายอีกครั้ง พร้อมต่อยหมัดออกไป หนนี้สยดสยองกว่าหนก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่มันก้าวเดินแช่มช้า ซ้ำกระโปรงสีขาวแห่งความตายยังเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อย ๆ กระนั้นมันก็มาอยู่เบื้องหน้ากระโปรงสีขาวแห่งความตาย ทั้งยังต่อยกระแทกกระโปรงสีขาวแห่งความตายอย่างจัง!
ระหว่างนั้น พลังต่าง ๆ รวมทั้งวิชาลับแห่งความมืดมิดปะทุออกจากกระโปรงสีขาวแห่งความตาย หมายจะหยุดยั้งหมัดนี้ ทว่าทั้งหมดนั่นเปล่าประโยชน์ หาได้มีฤทธิ์เดชอันใดไม่!
เสียงดังตู้ม กระโปรงสีขาวแห่งความตายระเบิดออก มิอาจต่อกรกับร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าได้ไหว!
เสียงอุทานด้วยความตะลึงดังออกจากในนั้น ราวกับคิดไม่ถึงว่าภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าจะน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้!
“มิน่าถึงได้เป็นตัวแปรผิดเพี้ยน ปัจจัยที่ไม่อาจควบคุม!”
กระโปรงสีขาวแห่งความตายซึ่งฉีกขาดไปแล้วกำลังสมานเข้าหากันใหม่ มันยังมิได้ถูกกำจัดออกไป
ฟึ่บ!
เปลวเพลิงลุกโชติช่วง ร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าชี้นิ้วออกไป เปลวเพลิงพลันปรากฏอยู่ตรงกระโปรงสีขาวแห่งความตาย เริ่มการแผดเผา!
เปลวเพลิงเช่นนี้เหนือความคาดหมายของกระโปรงสีขาวแห่งความตาย มันดับเปลวเพลิงนี้ไม่ได้เลย กระโปรงกำลังไหม้ไปทีละน้อย!
ท้ายที่สุด กระโปรงสีขาวแห่งความตายก็ถูกเผาเป็นจุณ มลายสิ้นไม่เหลือซาก รอยเปื้อนโลหิตเหล่านั้นก็ลุกไหม้จนหมดด้วยเช่นกัน!
ความมืดมิดทั้งหมดล่าถอย แสงสว่างกลับคืน!
ต้นหลิวและก้อนหินเห็นแล้วเต็มตื้นเป็นที่สุด นี่แหละคือคุณชาย นี่แหละคือความไร้เทียมทาน!
ไม่ว่าศัตรูจะเป็นเช่นไร ก็ต้องแหลกลาญไปจนสิ้น!
ต่อให้เป็นเพียงร่างภาพฉายของคุณชายก็ไม่เปลี่ยนแปลง!
สิ่งใดหรือคือความรู้สึกปลอดภัย!
มีคุณชายอยู่ด้วยก็คือความรู้สึกปลอดภัย!
เวลานั้น ร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าค่อย ๆ หายไป ต้นหลิวและก้อนหินไปจากทุ่งร้างหมอกทึบ
พวกมันร่วมสร้างเส้นทางพร้อมกับเหล่าของวิเศษ กลับไปหาเหล่าของวิเศษ
“ขอบคุณทุกท่าน!”
ต้นหลิวกล่าวขอบคุณเหล่าของวิเศษอย่างจริงจัง มันเห็นทุกการช่วยเหลือจากเหล่าของวิเศษ
“พี่หลิวพูดเกินไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พวกเราพึงกระทำมิใช่หรือ”
“ใช่แล้ว!”
เหล่าของวิเศษตอบกลับยิ้ม ๆ ก่อนจะพากันบอกลาต้นหลิวและก้อนหิน กลับไปอยู่ในลานเล็ก
“เฮ้อ ครั้งนี้เป็นการเดินทางช่วยเหลือที่น่าเสียใจยิ่งนัก ทุ่มเทชีวิตเพื่อเกื้อหนุนกลับไม่ได้ยินแม้แต่คำว่าขอบคุณ แม้แต่คำว่าพี่…”
ก้อนหินทอดถอนใจขณะเอ่ย
ก้านหลิวของต้นหลิวหวดเข้าไป จนก้อนหินต้องร้องโหยหวน มันเอ่ยเสียงเคียดแค้น “คราวเจ้าตลบหลังข้าไยจึงไม่กล่าวถึง”
“ข้าเปล่าเสียหน่อย นั่นเป็นกลอุบายต่างหาก ข้าคิดจะกลับไปเรียกกำลังเสริม!”
ก้อนหินร้องบอก
ต้นหลิวชะงัก มิได้สัพยอกกับก้อนหินต่อ วันนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากเกินไป ซ้ำยังเกี่ยวพันกับตัวมันทั้งนั้น มันเป็นจ้าวแห่งเผ่าหลิวสวรรค์จริงหรือ
สถานการณ์ของเผ่าหลิวสวรรค์ในยามนี้เป็นอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ ทุกสิ่งที่มันได้ประสบในวันนี้ทำให้ได้รู้ว่าตัวมันนั้นยังขาดแคลนพลัง หากมิใช่ว่าร่างภาพฉายของคุณชายปรากฏ มันไม่มีทางรอดมาได้!
มิหนำซ้ำแม้แต่ก้อนหินยังต้องพลอยไม่รอดไปด้วย!
“ก้อนหิน เลิกเล่นกันดีกว่า ตั้งใจฝึกฝนกันเถิด! ข้าเองก็ต้องบำเพ็ญเชิงลึก! พวกเราได้รับความกรุณาจากคุณชาย ควรต้องปกปักษ์รักษาคุณชาย กวาดล้างอุปสรรคทั้งปวงมิใช่หรือ แล้วเราในตอนนี้ใช้ได้ที่ไหน ยังต้องให้คุณชายคอยพะวักพะวนเรื่องของเรา ออกโรงช่วยเหลือพวกเรา!”
ต้นหลิวกล่าวต่อก้อนหินอย่างขึงขัง
วันนี้มันสะท้านใจอย่างมาก เดิมมันคิดว่าตนนั้นทรงพลังอย่างยิ่งยวด กำจัดศัตรูของคุณชายได้ทั้งปวง ทว่าบัดนี้ มันถึงตระหนักได้ว่ามันเป็นเพียงกบก้นบ่อ ยังมีสิ่งมีชีวิตแกร่งกล้าที่เหนือชั้นกว่ามัน พลังของมันยังไม่พอจะกวาดล้างอุปสรรคทั้งมวลของคุณชาย!
“เรื่องในวันนี้จะเกิดขึ้นอีกมิได้เด็ดขาด!”
มันกล่าวต่อ น้ำเสียงแข็งขัน มันจะเข้าฌานฝึกตน บรรลุสู่ขอบเขตที่สูงกว่านี้ วันหน้ามันจะอยู่ในระดับที่กวาดล้างอุปสรรคทั้งมวลให้คุณชายได้จริง ๆ!
“เข้าใจแล้ว!”
ก้อนหินเลิกทำท่าทีซุกซน เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งขันเช่นกัน “หลังข้ากลับไปแล้ว จะตั้งใจฝึกฝนอยู่ข้างกายคุณชาย ถึงคราวมีศัตรูโผล่มาอีก ข้าจะสังหารมันด้วยการโจมตีเดียว! ต่อให้เป็นศัตรูระดับกระโปรงสีขาวแห่งความตายก็ตาม!”
จากนั้นมันบอกลาต้นหลิว ไปจากที่นี่
ต้นหลิวก็กลับไปอยู่ข้างลำธาร
“เผ่าหลิวสวรรค์และจ้าวอะไรนั่น…มิได้จำเป็นต้องทำความเข้าใจในตอนนี้ การครอบครองพลังแข็งแกร่งเบ็ดเสร็จต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุด ข้าจะหวังพึ่งคุณชายไปทุกครั้งมิได้! เห็นได้ชัดว่าเจ้ากระโปรงสีขาวแห่งความตายนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น อนาคตจะต้องน่าพรั่นพรึงกว่านี้เป็นแน่! ข้าจะเป็นเสมือนสมุนซ้ายขวาของคุณชาย กวาดล้างศัตรูทั้งมวลของคุณชาย!”
มันเอ่ยเสียงเข้ม
ศึกระหว่างร่างภาพฉายของคุณชายกับกระโปรงสีขาวแห่งความตายเป็นที่ประจักษ์ของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในอาณาจักรนี้ มันบุกไปที่นั่นเพื่อทราบเรื่องที่มันอยากทราบได้เลย มิมีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าเสียมารยาทต่อมัน
ทว่ามันไม่ต้องการทำเช่นนั้น
ต่อให้ได้รู้แล้วอย่างไร?
มันรู้สึกได้ราง ๆ ว่าความจริงคงโหดร้ายอย่างยิ่ง อาจกลายเป็นความแค้นบางอย่าง
ด้วยระดับพลังของมันในตอนนี้ มันไม่มีทางล้างแค้นได้เลย หรือมันต้องหวังพึ่งให้คุณชายล้างแค้นแทนมันหรือ?
ไม่!
มันได้รับความเมตตาจากคุณชายแล้วมหาศาล ไฉนเลยจะให้คุณชายต้องออกโรงเพื่อมันบ่อย ๆ
มันทำไม่ได้!
“ฝึกฝน!”
มันไม่ต้องการคิดอันใดไปมากกว่านี้ มันสลัดความคิดทุกอย่างทิ้ง เข้าฌานบำเพ็ญอย่างเอาเป็นเอาตาย!
ถึงคราวมันปรากฏตัวอีกครั้ง มันจะมีพลังที่พร้อมกำจัดเหล่าศัตรูทั้งปวงของคุณชาย!
มันมั่นใจในการนี้มาก!
และความมั่นใจนี้หาใช่ความมั่นใจอย่างไม่ลืมหูลืมตา วิถีเต๋าที่มันได้เรียนรู้จากคุณชายนั้นยังอีกไกลกว่าจะสมบูรณ์ หากว่ามันบำเพ็ญวิถีเต๋าเหล่านี้จนอยู่ในขั้นสมบูรณ์ทั้งหมด มันจะกำจัดศัตรูทั้งปวงของคุณชายได้แน่!
มันมั่นใจเช่นนี้!
...
ภายในอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของทุ่งร้างหมอกทึบ
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนตะลึงงัน พวกมันได้เห็นการต่อสู้อันสยดสยองเช่นไรกัน แม้แต่ตัวพวกมันเองยังไม่เข้าใจ!
และในตอนนั้นเอง ภาพที่น่าพรั่นพรึงสุดขีดปรากฏ!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างตื่นตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น!
รอยเปื้อนโลหิตต่าง ๆ รวมถึงกระโปรงสีขาวแห่งความตายที่ถูกแผดเผาจนไม่เหลือซากกำลังค่อย ๆ เผยออกมาทีละน้อย!
น่ากลัวเกินไปแล้ว?!
เจ้าพวกนี้ถูกทำลายจนราบคาบแล้วมิใช่หรือ
เหตุใดถึงยังโผล่ออกมาได้อีก!
สวรรค์!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างชาไปทั้งหนังศีรษะ บัดนี้ร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าไม่อยู่แล้ว พวกเขาจะต่อสู้กับกระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนี้ด้วยสิ่งใดกันเล่า?!
“ข้ามาเพื่อกำราบตัวแปรผิดเพี้ยน แต่กลับล้มเหลว…”
เสียงหนึ่งดังออกจากกระโปรงสีขาวแห่งความตาย ทว่ามิมีสิ่งมีชีวิตตนอื่นได้ยิน พลังบางอย่างปิดกั้นเอาไว้
“ไม่เป็นไร ที่เป็นตัวแปรผิดเพี้ยนก็เพราะความไม่แน่นอนของมัน ครั้งนี้นับว่าได้ประมือกันแล้ว ภายหน้าจะเรียบร้อยเอง…”
มันเปล่งเสียงออกมาอีกครั้ง
“สิ่งเดียวที่น่าแปลกคือ ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นมาจากไหนกัน!”
มันพึมพำเสียงเบา นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของมัน ตัวตนระดับมันไม่มีทางสังหรณ์พลาด บางทีหลี่จิ่วเต้าอาจเป็นสหายเก่าของมันจริง ๆ!
‘ผู้ใดกัน?’ มันขบคิด
ความรู้สึกอันคุ้นเคย ผู้ที่เคยรู้จักกัน ผู้ใดกันนะ?
กระโปรงสีขาวแห่งความตายขบคิด แม้มันเป็นเพียงอาภรณ์ชิ้นหนึ่ง กระนั้นก็มิใช่อาภรณ์ธรรมดา มันถือเป็นภาพสะท้อนบางอย่าง สืบทอดเจตนารมณ์ของร่างจริงไว้
ทว่าต่อมา มันหยุดการขบคิดนี้ และเหินเข้าไปในส่วนลึกของอาณาจักรแห่งนี้
อย่างไรมันก็มิใช่ร่างจริง เป็นเพียงภาพสะท้อนบางอย่าง แม้ว่าศึกนี้มันไม่ถูกกำจัดจนราบคาบ กระนั้นก็สร้างความเสียหายให้มันไม่น้อย มันต้องพักฟื้นเสียก่อน
มิฉะนั้น มันยากจะรักษาภาพสะท้อนเช่นนี้ให้คงอยู่ได้อีก
สุดท้าย มันหายไปจากสายตาของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
นี่มันไปแล้ว หรือยังอยู่ในส่วนลึกของอาณาจักรพวกเขากันแน่?
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างเกิดข้อข้องใจเช่นนี้ พวกมันไม่รู้ว่าตกลงกระโปรงสีขาวแห่งความตายได้ตายไปแล้วหรือไม่!
แต่พวกมันต่างภาวนาให้กระโปรงสีขาวแห่งความตายสิ้นไปจากดินแดนของพวกเขา
ความรู้สึกที่ถูกความมืดมิดปกคลุมก่อนหน้านี้พวกเขาจำมาถึงป่านนี้ พวกเขาไม่อยากเผชิญกับความมืดมิดเช่นนี้อีกแล้ว และยิ่งไม่อยากใช้ชีวิตในความมืดมิดเช่นนี้ตลอดไป!
ผู้เป็นนิรันดร์ทอดมองเข้าไปในส่วนลึก พวกเขามีพลังลึกล้ำ อยู่ในขอบเขตนิรันดร์ กาลเวลาไม่อาจทิ้งร่องรอย ไม่อยู่ในวัฏจักรเกิดแก่เจ็บตาย กระนั้นพวกเขาก็ยังมองไม่ออก ไม่รู้ว่ากระโปรงสีขาวแห่งความตายนั้นไปแล้วหรืออยู่ต่อ
จิตใจพวกเขาหนักอึ้งเป็นอย่างมาก กระทั่งท่านผู้นั้นยังไม่สามารถกำจัดกระโปรงสีขาวแห่งความตายจนสิ้นซาก เบื้องหลังของกระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนี้ต้องน่าพรั่นพรึงปานใด?!
ม่านแห่งความมืดมิดได้เปิดออกแล้ว และนี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ถึงคราวยุคสมัยแห่งความมืดมิดมาเยือนจริง ๆ ท่านผู้นั้นจะต้านทานได้ไหวหรือ?
พวกเขานั้นไม่ได้แน่นอน ห่างกันไกลโข ความหวังทั้งหมดอยู่กับท่านผู้นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาทำได้เพียงหวังพึ่งท่านผู้นั้น!
“ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บตระกูลเทียนไว้อีกแล้ว!”
ผู้เป็นนิรันดร์ตนหนึ่งยิ้มเย็น แววตาเปล่งประกายเย็นยะเยือก
เขาจำต้นหลิวได้เช่นกัน เป็นจ้าวแห่งเผ่าหลิวสวรรค์ มีศักยภาพสูง หากไม่มีอุบัติเหตุอันใด วันหน้ามีโอกาสร่วมขบวนพวกเขา เป็นร่างนิรันดร์ได้แน่
เขาจำต้นหลิวได้
ทว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายนอก ทุกสิ่งทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของมัน
แต่บัดนี้ พวกเขาจำต้องยื่นมือเข้าไปแล้ว
เผ่าหลิวสวรรค์ของต้นหลิวถูกตระกูลเทียนวางอุบายให้ร้าย จนต้นหลิวถูกทอดทิ้งไว้ข้างนอก ทั้งเผ่าหลิวสวรรค์เกือบถูกล้างบาง เหลือสมาชิกอยู่เพียงส่วนหนึ่งที่หนีอุตลุดไปทั่วด้วยลมหายใจรวยริน
เห็นได้ชัดว่า ต้นหลิวกับท่านผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกันลึกซึ้ง ผู้เป็นนิรันดร์ตนนี้จึงตัดสินใจกำราบตระกูลเทียน ปกป้องสมาชิกที่เหลือของเผ่าหลิวสวรรค์ไว้
“อย่าได้วู่วาม!”
ผู้เป็นนิรันดร์สตรีตนหนึ่งเอ่ยปาก “หากว่ากระโปรงตัวนั้นถูกทำลายจนราบคาบ พวกเราย่อมไม่เถียง ยินดีกำราบทั้งตระกูลเทียนลง แต่กระโปรงตัวนั้นมิได้ถูกทำลายจนราบคาบ และไม่แน่ว่ายังอยู่ในส่วนลึกหรือไม่…”
นางกลัวว่าหากกำราบตระกูลเทียน ปกป้องสมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์ที่เหลือจะเป็นการทำให้กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นพิโรธ
ถึงอย่างไร กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นก็เป็นปรปักษ์กับท่านผู้นั้น…
“นี่เจ้าตั้งใจจะยอมจำนนต่อความมืดมิดหรือ?!”
ผู้เป็นนิรันดร์ที่ปริปากก่อนหน้านี้ตวาดใส่ผู้เป็นนิรันดร์สตรีอย่างกราดเกรี้ยว
ผู้เป็นนิรันดร์สตรีหมายความว่าอย่างไรกัน
กระโปรงสีขาวแห่งความตายเป็นตัวแทนของความมืดมิด ท่านผู้นั้นคือความหวังสูงสุดในการต่อกรกับความมืดมิด พวกเขาไม่ล้างแค้นแทนต้นหลิวผู้ติดตามข้างกายท่านผู้นั้นด้วยการกำราบตระกูลเทียนแล้วอย่างไรต่อ เข้าเป็นพรรคพวกกับความมืดมิดหรือไร?!
“บรรพจารย์โม่อย่าเพิ่งเดือดดาล”
ผู้เป็นนิรันดร์สตรีกล่าว “พวกเราย่อมไม่ยอมจำนนต่อความมืดมิด แต่พวกเรากระทำการรุนแรงไปก็ไม่ดี รอเสียหน่อยแล้วค่อยว่ากันเถิด!”
“คอยดูไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด!”
“เวลานี้ไม่เหมาะจะทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ!”
ผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นพากันกล่าว
ข้อกังวลของผู้เป็นนิรันดร์สตรีใช่ว่าไร้เหตุผล กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นเป็นอย่างไรมาอย่างไรยังไม่ทราบ สถานการณ์ในยามนี้ไม่เหมาะให้ทำการใด ๆ จริง ๆ มิฉะนั้น คงเกิดเรื่องได้ง่ายยิ่ง!
ผู้ฝึกตนมากมายปานนี้ออกเสียงแล้ว บรรพจารย์โม่ได้จำต้องยอม
กระนั้นเขายังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ทว่าสมาชิกที่เหลือของเผ่าหลิวสวรรค์เกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด!”
“เรื่องนั้นแน่นอน!”
“ผู้ใดก็ห้ามแผ้วพานพวกเขา!”
ผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นพยักหน้าตามพลางกล่าว
ขณะเดียวกัน ทุ่งร้างบางแห่งในอาณาจักรนี้
“ท่านจ้าว ท่านได้ยินเสียงร้องเรียกของพวกเราแล้วหรือ”
ต้นหลิวแก่ต้นหนึ่งซึ่งมีใบไม้แห้งเหลือง ลำต้นเต็มไปด้วยบาดแผลจากมีดดาบและขวาน เห็นแล้วชวนให้สะเทือนขวัญ!
รอบตัวของมันมีต้นหลิวน้อยใหญ่สิบกว่าต้นตั้งอยู่ เป็นสมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์กันทั้งสิ้น สถานการณ์ของพวกมันล้วนอเนจอนาถ มิมีต้นใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์!
เผ่าหลิวสวรรค์อันใหญ่หลวง เป็นถึงหนึ่งในมหาเผ่า บัดนี้กลับเหลือสมาชิกอยู่เพียงเท่านี้ ช่างเป็นภาพที่น่าสลดอย่างยิ่ง!
“ท่านจ้าว ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว! ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านยังไม่ตาย! พวกเราจะรอท่านกลับมาอยู่ที่นี่ต่อไป!”
ต้นหลิวแก่เอ่ยเสียงร่ำไห้
ตระกูลเทียนวางอุบายทำร้ายท่านจ้าวของพวกมัน ทั้งยังประกาศว่าท่านจ้าวของพวกมันตายไปแล้ว ทว่ามันมิเคยเชื่อ มันเชื่อว่าท่านจ้าวของพวกมันยังมีชีวิตเรื่อยมา และมันคอยร้องเรียกท่านจ้าวของมันอยู่ตลอด ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่มันคิดนั้นไม่ผิด ท่านจ้าวของพวกมันยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย! เมื่อครู่ยังปรากฏกายออกมาแล้วด้วย!
มันสัมผัสได้ว่าท่านจ้าวของพวกมันประสบปัญหาใหญ่จนบัดนี้ยังไม่ฟื้นตัว แต่มันไม่รู้สึกกังวล ช้าเร็วท่านจ้าวของพวกมันก็ต้องหวนคืนอย่างมีเกียรติ!
พวกมันเห็นศึกนั้นกันถ้วนหน้า ท่านจ้าวของมันได้ติดตามอยู่ข้างกายท่านผู้นั้น มีอันใดที่มันต้องกังวลอีก?
ท่านจ้าวของพวกมันจักต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีกแน่!
“ตระกูลเทียน พวกเจ้ารอก่อนเถิด! ถึงครานั้น ทุกอย่างต้องถูกสะสาง!”
มันเอ่ยเสียงเคียดแค้น หนี้แค้นนี้ใหญ่หลวงนัก พวกมันจักสะสางกับตระกูลเทียนให้รู้เรื่อง!
อีกด้าน ภายในดินแดนตระกูลเทียน
“จบแล้ว จบแล้ว!”
ผู้นำตระกูลเทียนเหงื่อเย็นไหลโซมกาย เหตุใดเขาถึงนึกไม่ถึงว่าต้นหลิวยังไม่ตาย ซ้ำยังได้ติดตามอยู่ข้างกายท่านผู้นั้น!
สำหรับพวกเขา ไม่มีเรื่องใดเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว!
ยามนี้ที่ต้นหลิวยังไม่กลับมาคิดบัญชีกับพวกเขานั่นเพราะยังไม่ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่ต้นหลิวฟื้นตัวได้อย่างสิ้นเชิง จดจำเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตได้ พวกเขาหรือจะมีจุดจบที่ดี?
“เพราะเจ้าเพียงผู้เดียว ครานั้นเจ้าเอ่ยว่าอย่างไรมันต้องตายแน่แล้ว ไม่ต้องไปไล่ฆ่าอีก ผลสุดท้ายเล่า บัดนี้พวกเราต้องมาตายกันหมด!”
เขามองผู้อาวุโสท่านหนึ่งด้วยความโกรธเกรี้ยว ต่อว่าเสียงดัง
“ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ! มันถูกพิษร้ายแรง ซ้ำยังถูกพวกเราทำร้ายถึงแก่นพลังจนบาดเจ็บสาหัส มันอยู่ในสถานการณ์ที่ตายแน่แล้ว!”
ผู้อาวุโสท่านนั้นเอ่ยเสียงร่ำไห้
“สวะ สวะ! สวะกันทั้งหมด!”
ผู้นำตระกูลเทียนเดือดดาล สถานการณ์ตระกูลเทียนของพวกเขาในตอนนี้เป็นเฉกเช่นที่เขาว่าไว้ก่อนหน้า พวกเขาทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น
ต้นหลิวติดตามอยู่ข้างกายท่านผู้นั้น มิใช่ผู้ที่พวกเขาต่อกรด้วยได้เลย นอกจากรอความตาย พวกเขาก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นอีก ไม่มีหนทางอันใด
“ไม่!”
ดวงตาของเขาแดงก่ำ ไม่ยอมรอความตายอยู่เช่นนี้ เขาเอ่ย “ข้าจะไปยังส่วนลึก!”
“ส่วนลึก!”
ผู้อาวุโสตระกูลเทียนตกตะลึง กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นหายไปในส่วนลึก ผู้นำตระกูลคิดจะไปทำอันใดที่ส่วนลึกกัน?!
คงมิใช่ว่าอยากเข้าเป็นพวกของกระโปรงสีขาวแห่งความตายกระมัง!
“ใช่แล้ว ที่นั่นเป็นทางออกเดียวของเรา! หวังว่าอาภรณ์ตัวนั้นยังไม่ไปไหน อยู่ในส่วนลึกนั่น!”
ผู้นำตระกูลเทียนกล่าว
หากไม่เข้าเป็นพรรคพวกของกระโปรงสีขาวแห่งความตาย พวกเขาก็จะเหลืออยู่ทางเลือกเดียวคือความตาย
แม้ว่าการสมัครเป็นพรรคพวกของกระโปรงสีขาวแห่งความตายก็ไม่แน่ว่าจะได้อยู่ต่อ กระนั้นก็พอมีความหวังบ้างไม่มากก็น้อย!
“เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด และห้ามปุบปับกระทำการใดด้วย สิ่งมีชีวิตที่จับตามองส่วนลึกอยู่มีมากเกินไป!”
ผู้นำตระกูลเทียนใจเย็นอย่างมาก มิได้ลงมือทันใด
เขารู้ดีว่า หากเขามุ่งหน้าไปยังส่วนลึกในตอนนี้ ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ และอาจเจอกับการกีดขวางจากตระกูลอื่น
กระโปรงสีขาวแห่งความตายเป็นตัวแทนของความมืดมิด ตระกูลอื่นไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาเข้าเป็นพรรคพวก!
เรื่องนี้ยังต้องหารือกันอีกยาว!
...
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ภายในอวกาศ ร่างจำนวนมากเหินเข้ามาจากฟากฟ้า พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปที่แดนบรรพโกลาหล บัดนี้ต่างอยู่นอกอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหลแล้ว
อาณาจักรนี้มีพลังคอยคุ้มกัน อยู่ในสถานะปิดสนิท แต่สำหรับเจ้าของร่างเหล่านี้ พลังคุ้มกันเช่นนี้เสมือนของตั้งวาง ไม่ส่งผลใด ๆ ต่อพวกเขา พวกเขาเข้าไปในอาณาจักรนี้ได้สบาย
พวกเขามาจากแดนเซียน พลังกล้าแกร่ง กำลังรบเหนือกว่าขอบเขตเซียนไปไกลนัก
ยอดฝีมือจากแดนมรณาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
พวกเขามองอาณาจักรนี้ด้วยความทอดถอนใจ
พวกเขาคือเซียนอย่างแท้จริง แตกต่างจากเจ้าพวกที่มาจากแดนเซียน ทว่าพวกเขาถูกภพเซียนทอดทิ้ง จำต้องอยู่ที่นี่
ต่อมา พวกเขาก่อตั้งแดนมรณา หมายจะบุกเข้าไปในภพเซียน เพื่อแก้แค้นเรื่องในอดีต
พวกเขาบงการอาณาจักรเทียนหยวน สั่งให้อาณาจักรเทียนหยวนยกทัพจู่โจมอาณาจักรแห่งนี้ หมายจะให้อาณาจักรเทียนหยวนล้างบางสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้ให้หมด ใช้โลหิตของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้ปลุกชีพเซียนที่ตายในอาณาจักรนี้!
อดีตของอาณาจักรแห่งนี้ไม่ธรรมดา รุ่งโรจน์ถึงขีดสุด สายเลือดของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นยังคงน่าทึ่ง หากมิใช่ว่าสิ่งแวดล้อมในอาณาจักรย่ำแย่เกินไป สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นย่อมประสบความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่!
หากจะล้างบางสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นให้หมด จนโลหิตของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นปกคลุมแดนดินทุกระเบียดนิ้ว เหล่าเซียนที่ตายไปต้องถูกปลุกขึ้นมาได้แน่นอน
อนิจจา พวกเขาได้พบกับจักรพรรดินี ได้พบกับ…ท่านผู้นั้น!
ท่านผู้นั้นถล่มแดนมรณาของพวกเขาจนแทบแหลกลาญ พวกเขาไม่เคยพบเจอตัวตนน่าประหวั่นพรั่นพรึงเยี่ยงนั้นมาก่อน จนพวกเขาไม่มีความคิดเช่นนี้อีก
พวกเขาในตอนนี้ เพียงต้องการอยู่รอในแดนบรรพโกลาหลอย่างเงียบเชียบ แล้วค่อยเข้าไปแย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงในนั้น มิกล้าคิดเพ้อถึงสิ่งอื่นใดอีก
พวกเขารู้ว่าท่านผู้นั้นมาจากอาณาจักรนี้ หลังพวกเขาเข้ามาในอาณาจักรนี้แล้วสงบเสงี่ยมเป็นที่สุด มิกล้าโหวกเหวกแม้แต่น้อย ตั้งพักแรมในสถานที่แห่งหนึ่งด้วยความสงบ
ต่อมา สิ่งมีชีวิตอื่นทยอยเข้ามาในอาณาจักรนี้ พวกเขาต่างทำตัวราบเรียบ ขอบเขตพลังต่างเหนือขอบเขตเซียนขึ้นไป
และหลังจากนั้น สิ่งมีชีวิตถูกกีดขวางมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขามาจากอาณาจักรต่าง ๆ พลังคุ้มกันในอาณาจักรนั้นแทบไม่อาจทะลวงได้เลยสำหรับพวกเขา ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเก้าตอนบนก็เช่นกัน ไม่สามารถเข้าไปได้เลย
พลังคุ้มกันของอาณาจักรนี้ทรงพลังอย่างยิ่งยวด กำลังรบที่ยังไม่ถึงขอบเขตเซียนไม่อาจเข้าไปได้ง่าย ๆ
ทันทีที่เมิ่งจีบรรลุขอบเขตสูงขึ้น จักมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังคุ้มกันของอาณาจักรนี้ พลังคุ้มกันอาณาจักรนี้แข็งแกร่งทนทานกว่าเก่ามากนัก
คล้อยตามกาลเวลาที่ล่วงเลย สิ่งมีชีวิตที่เข้ามารวมตัวกัน ณ ที่นี้ก็มากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาต่างมองอาณาจักรแห่งนี้แล้วทอดถอนใจ
แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่อาจฝ่าเข้าไปได้
ต่อให้ทุกสิ่งมีชีวิตในที่แห่งนี้ผนึกกำลังก็มิได้ พลังคุ้มกันที่ไหลเวียนอยู่ในอาณาจักรนี้เหนือกว่าพลังในใต้หล้าอย่างเห็นได้ชัด เป็นพลังเหนือระดับเซียนขึ้นไปแล้ว
นี่มิใช่พลังที่พวกเขาทะลวงได้
“อาณาจักรนี้เป็นเพียงอาณาจักรระดับล่างมิใช่หรือ เหตุใดถึงมีพลังคุ้มกันน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้!”
“หรือเพราะแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏขึ้นในอาณาจักรนี้ ถึงได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของอาณาจักรนี้ไป”
สิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้
พลังคุ้มกันของที่นี่ดุดันยิ่งกว่าอาณาจักรเก้าตอนบนเสียอีก หรือพวกเขาต้องกลับไปทั้งอย่างนี้หรือ
“ถ้าอยากเข้าไป จะไปยากอันใด”
เวลานั้น เสียงหัวเราะร่วนเสียงหนึ่งดังขึ้น
จากนั้น เด็กหนุ่มผู้มีประกายแวววาวรอบตัวมาถึงที่นี่
เขามีรูปร่างสูงใหญ่องอาจ บุคลิกไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่ามิใช่พวกดาษดื่น ความมั่นใจเปี่ยมล้นอยู่ทั่วกาย
“สมาชิกตระกูลข้าเข้าไปได้นานแล้ว ข้านั้นมีธุระอื่นต้องจัดการ ถึงเพิ่งมาถึงเอาป่านนี้”
เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่กลับเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเจ้า”
เขาหัวเราะ หันมองสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอื่น ๆ ทั้งปวง “ข้าพาพวกเจ้าเข้าไปได้ แต่มีเงื่อนไข พวกเจ้าต้องทำให้ข้ามีความสุขก่อน”
จากนั้น เขากล่าวต่อ “ข้าชอบดูสุนัขกัดกัน พวกเจ้าแสดงให้ข้าดูหน่อยเถิด สุนัขตัวไหนกัดได้ดี ข้าจะพาสุนัขตัวนั้นเข้าไป”
หลังเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกไป สิ่งมีชีวิตในที่นี้สีหน้าเปลี่ยนไปกันทั้งหมด
เด็กหนุ่มเห็นพวกเขาเป็นสุนัขหรือ!
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ