นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 671ถึง 675
ปริภูมิเวลานั้นลึกลับเป็นที่สุด กาลเวลาไร้ความเมตตา ทวนกระแสสายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนาน ไฉนเลยจะราบรื่นไม่เป็นอันใด
เป็นไปไม่ได้!
ต่อให้น่าประหวั่นพรั่นพรึงระดับปรโลกของพวกมัน ควบคุมจักรวาลหลายแห่ง ยังมิกล้าทำตามอำเภอใจกับปริภูมิเวลา
ถึงแม้พวกมันมีความสามารถพอให้ทะลวงผ่านปริภูมิเวลาได้แน่นอน
ภายในปริภูมิเวลามีพลังเกินหยั่งปกปักรักษาอยู่!
“สิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วจักได้มายังปรโลก นี่คือกฎอันเป็นนิรันดร์ ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมายังมิเคยมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นสักครา ทว่าช่วงนี้กลับเกิดเรื่องอยู่บ่อย ๆ!”
เหยียนหลัวอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่ห้าเอ่ยเสียงเข้ม “ก่อนนี้เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นสองครั้ง แปลกประหลาดยิ่งนัก พวกเราไม่มีร่องรอยให้ตามสืบด้วยซ้ำ ตกลงว่าเป็นฝีมือผู้ใดกันแน่?!”
ใช่แล้ว
เหตุการณ์เช่นนี้หาได้เพิ่งเคยเกิดเพียงครั้งเดียว ก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นสองครั้งแล้ว
มีพลังบางอย่างพรากสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วไปจากปรโลก ชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น!
ที่แตกต่างจากคราวนี้คือ สองครั้งก่อนเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ซ้ำยังไม่อาจควบคุม พวกมันไม่ทันได้ตั้งตัว พลังนั้นก็พาตัวสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วไปจากปรโลก
หลังจากเกิดเรื่อง พวกมันก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ จวบจนบัดนี้ยังคงเป็นปริศนาครั้งใหญ่
“ข้ารู้สึกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับสองครั้งก่อน…”
อู่กวนอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่เก้าขมวดคิ้วพลางกล่าว “การดำรงอยู่ของปรโลกลึกลับปานใด ไม่มีทางมีสิ่งมีชีวิตล่วงรู้ถึงมากมายปานนั้น หากว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ข้าไม่เชื่อนัก”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
ฉินก่วงอ๋องพยักหน้า เอ่ยด้วยนัยน์ตาลึกล้ำ “ในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ ต้องมีสิ่งมีชีวิตลึกล้ำเกินหยั่งตนหนึ่งดำรงอยู่ ทรงพลังแกร่งกล้า สองครั้งก่อนคงเป็นฝีมือของสิ่งมีชีวิตตนนั้น พวกเราถึงไม่รู้สึกตัวเลย ส่วนครั้งนี้ สิ่งมีชีวิตตนนั้นคงลงมือทางอ้อม ให้สตรีสองนางนั้นยืมพลัง”
อันที่จริง ฉินก่วงอ๋องเดาไม่ผิด
สองครั้งก่อน ครั้งหนึ่งคือชุบชีวิตเสี่ยวหยา
ครานั้น หลี่จิ่วเต้าบรรเลงเพลงฉินด้วยตนเอง พลังยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ
ส่วนพิรุณคืนชีพในครั้งที่สองซึ่งชุบชีวิตให้กับสิ่งมีชีวิตจำนวนมากนั้น ก็เป็นฝีมือของหลี่จิ่วเต้าเอง
ทว่าครั้งนี้แตกต่างออกไป
ครั้งนี้หลี่จิ่วเต้ามิได้ลงมือด้วยตนเอง แต่ให้จักรพรรดินีกับหยวนอีนำอักษรและสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่หลี่จิ่วเต้าประทานให้มา นับว่าแตกต่างกันมากโข
กล่าวโดยไม่เกินจริงเลยว่า สองเหตุการณ์นี้ต่างกันถึงแก่น เรื่องที่หลี่จิ่วเต้าลงมือด้วยตนเองหรือไม่นั้น เป็นสองเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน ไม่อาจยกมาเปรียบเทียบกันได้
“นี่เขากำลังดูแคลนปรโลกของเรา เห็นว่าปรโลกของเรายอมให้รังแกง่าย ๆ หรือ”
ไท่ซานอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่เจ็ดแค่นเสียงเย็น “สองครั้งก่อนหน้านี้ เจ้าสิ่งมีชีวิตตนนั้นยังลงมือด้วยตนเอง หนนี้ไม่แม้แต่จะอยากลงมือด้วยตนเองแล้วหรือ นี่เป็นการดูถูกปรโลกของเราโดยไม่ปิดบังสักนิด!”
จ้าวแห่งนรกขุมอื่นต่างมีเปลวเพลิงแห่งโทสะลุกโชนเช่นกัน
จะมิให้พวกมันโกรธเกรี้ยวได้อย่างไร?
ไท่ซานอ๋องพูดไม่ผิด การกระทำในครั้งนี้เป็นการดูถูกดูแคลนปรโลกของพวกมันจากสิ่งมีชีวิตตนนั้นอย่างชัดเจน
หนนี้ สิ่งมีชีวิตตนนั้นไม่ยอมลงมือด้วยตนเอง เหมือนเป็นการบ่งบอกว่า ดูเอาเถิด ข้าไม่ลงมือด้วยตนเองก็ยังได้ตามที่ต้องการอยู่ดี ข้าสามารถพาสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วในปรโลกของพวกเจ้าไปได้เท่าที่ปรารถนา
การท้าทายดูหมิ่นอย่างร้ายแรงเช่นนี้ พวกมันทนมิได้จริง ๆ โมโหเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไร เขาต้องชดใช้ให้กับเรื่องนี้ ความเป็นความตายไฉนเลยจะยอมให้แทรกแซงง่าย ๆ ผู้มีชีวิตอยู่เป็นหยาง ผู้ตายเป็นหยิน วิญญาณหยินทุกดวงล้วนอยู่ในการปกครองของปรโลก มีกฎระเบียบคอยควบคุมกำราบ!”
ฉินก่วงอ๋องกล่าวต่อ “รอจนสตรีสองนางนั้นถูกพลังปริภูมิเวลาสังหาร กลายเป็นวิญญาณหยิน อยู่ใต้อาณัติของเรา เราจักใช้สตรีสองนางนั้นเป็นจุดทะลวง เปิดโปงตัวตนของสิ่งมีชีวิตตนนั้น!”
เป็นดั่งที่มันว่า ปรโลกมีพลังควบคุมวิญญาณหยินอันกล้าแกร่ง ต่อให้ก่อนตาย วิญญาณหยินตนนั้นทรงพลังเพียงใด เมื่อตายไปแล้ว ก็ไม่เป็นภัยต่อปรโลกของพวกมันสักนิด
ถึงครานั้น ยมบาลหัววัวหัวม้ายังกำราบพวกนางได้ง่าย ๆ!
“น่ากลัวว่าพระกษิติครรภโพธิสัตว์ทรงคิดเช่นนี้ ถึงได้สั่งให้พวกเรารามือ มิให้ต่อสู้ต่อ”
ฉินก่วงอ๋องเอ่ยอย่างใช้ความคิด
“เข้าใจแล้ว”
“รอพวกนางสองคนมาอยู่ที่นี่!”
จ้าวแห่งนรกขุมอื่นพากันเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น
แม้ว่าจักรพรรดินีกับหยวนอีมีพลังจากเส้นทางโบราณคอยคุ้มครอง ถึงกระนั้นก็มิอาจขวางกั้นการระเบิดจากพลังในปริภูมิเวลา คนทั้งสองต้องถูกพลังในปริภูมิเวลาสังหารอย่างแน่นอน!
...
บนเส้นทางโบราณ
จักรพรรดินีพาอาจารย์ของนางและหยวนอีมุ่งหน้าย้อนกลับไปอย่างรวดเร็ว มิกล้าเสียเวลาไปมากกว่านี้
ปรโลกให้ความรู้สึกอันตรายเกินไปสำหรับนาง นางกลัวจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอันใดอีก มีแต่กลับไปอยู่ในยุคปัจจุบันแล้วจริง ๆ นางจึงจะวางใจได้อย่างสมบูรณ์
อาจารย์ของจักรพรรดินีผมขาวหงอก ดวงหน้าแก่ชรา นางมิอาจหยุดยั้งการกัดกร่อนจากกาลเวลา ก้าวสู่บั้นท้ายชีวิต สิ้นอายุขัยตั้งแต่ยื้อแย่งโอกาสวาสนาเสี้ยวหนึ่งมาให้จักรพรรดินีได้ ครานั้นนางเหลือเวลาไม่มาก ใกล้แตกดับเต็มที
ทว่า เวลานั้น นางยังมีโอสถเทียนตี้ต้นหนึ่งในมือ ยื้ออายุขัยนางต่อไปได้อีกหนึ่งชาติภพ แต่นางมิได้เลือกกลั่นโอสถเทียนตี้ต้นนั้น กลับเก็บโอสถเทียนตี้ต้นนั้นไว้ให้จักรพรรดินี
นางเปิดทางให้จักรพรรดินีด้วยชีวิต สละชีพของตน เพื่อยื้อแย่งโอกาสวาสนาหนึ่งเสี้ยวอันแสนสำคัญให้แก่จักรพรรดินี
ระหว่างทาง นางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น นับแต่ตื่นก็อยู่ในภาวะมึนงงมาโดยตลอด
“ไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น การได้พบเจ้าอีกครั้งข้าก็พึงพอใจ และมีความสุขมากแล้ว…”
นางจ้องมองจักรพรรดินีด้วยแววตาเปื้อนยิ้ม นางอยู่ในวัยชรา ดวงหน้าโรยรา กระนั้นยังงดงามอยู่มาก บุคลิกสง่า นางในวัยละอ่อนย่อมต้องเพริศพริ้งเฉิดฉันไร้ที่ติ
จักรพรรดินีหันกลับไป เข้าใจดีว่าบัดนี้อาจารย์ของนางกำลังรู้สึกอย่างไร นางเป็นเหมือนอาจารย์ ปีติตื้นตันเป็นอย่างมาก
“ท่านอาจารย์ เรายังมีเวลาให้ร่วมยินดี จากนี้ไป เราจะไม่แยกจากกันอีก!”
จักรพรรดินี้เอ่ย พร้อมสาบานในใจ ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจพรากพวกนางจากกันอีก
พวกนางเดินทางกลับกันอย่างรวดเร็ว กระโจนผ่านยุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า อาจารย์ของจักรพรรดินีมองจนตาค้าง พวกนางกำลังเดินทางไปยังอนาคตอย่างนั้นหรือ
“ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไร…”
จักรพรรดินีขมวดคิ้ว เร่งความเร็วขึ้น ยมราชแห่งสิบขุมนรกยอมแพ้กะทันหันเกินไป นางรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ตู้ม!
ทันใดนั้น เสียงระเบิดดังขึ้นข้างนอก เส้นทางโบราณสั่นไหวรุนแรง ปริภูมิเวลาสองข้างทางยุ่งเหยิง มองไม่เห็นทางข้างหน้า
พวกนางมองไม่เห็นยุคปัจจุบันแล้ว!
ซ่า!
สายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนานไหลเชี่ยวกราก ภาพปริภูมิเวลาทั้งปวงหายลับ พวกนางรู้สึกเหมือนเส้นทางโบราณเอนเอียงไปจากเดิม มิได้เชื่อมต่อกับยุคปัจจุบันอีกแล้ว
“ขาดออกจากกันแล้ว เหลือแค่เส้นทางท่อนเล็ก ๆ ของเรา!”
หยวนอีมองด้านหลัง เห็นว่าถูกบดบังเช่นกัน ไม่เห็นสักสิ่ง
วูบ!
คล้ายว่าเส้นทางโบราณตกลงไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง แรงเคลื่อนมหาศาลส่งผลให้พวกนางกลิ้งเป็นตลบ ยังดีที่พลังจากเส้นทางโบราณห่อหุ้มพวกนางไว้ ถึงมิได้ร่วงออกไป
“ที่นี่ที่ไหน!?”
หลังจากทุกอย่างหยุดนิ่ง จักรพรรดินีมองไปรอบ ๆ สูดหายใจเข้าลึก เนื้อตัวหนาวเย็น ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นพลิกผันโลกทัศน์ของนาง!
หยวนอีอกสั่นขวัญแขวนไม่แพ้กัน
การเดินทางเพื่อชุบชีวิตในครานี้เหนือความคาดหมายของนางอย่างเหลือแสน!
ที่นี่คือที่ไหนกัน?
ม่านตาของจักรพรรดินีหดลงเรื่อย ๆ ด้วยความตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด ทุกภาพที่ได้เห็นทำลายความรู้ความเข้าใจเดิมของนางมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้นางแทบไม่อยากจะเชื่อ
มีมังกรทองขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังทะยานอยู่บนฟ้า ลมหายใจที่พ่นออกจากปากนั้นเต็มไปด้วยพลังโกลาหลอันไร้ขอบเขต กระทั่งจักรพรรดิเซียนเมื่อมาอยู่ต่อหน้าพลังโกลาหลนี้ก็เล็กจ้อยจนไม่อาจมองเห็น สามารถถูกสังหารทิ้งได้อย่างง่ายดาย
ร่างของมันใหญ่โตเสียจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เกล็ดสีทองอร่ามส่องแสง ราวกับผู้ที่สามารถบงการสวรรค์และโลกได้ เห็นได้ชัดว่าไกลเกินขอบเขตจักรพรรดิเซียนไปมากแล้ว อยู่ในขอบเขตที่สูงขึ้นไปยิ่งกว่า
มีต้าเผิงสยายปีกบินสูง ปกคลุมท้องนภาบดบังตะวัน ลมหายใจราวกับสามารถทลายยุคสมัยนับไม่ถ้วน เพียงแค่คำเดียวก็กลืนกินมังกรทองขนาดมหึมาลงไปได้ น่ากลัวอย่างถึงที่สุด!
ทว่าขณะนั้นเองก็เกิดเสียงปังดังขึ้น ต้าเผิงคล้ายจะชนเข้ากับอะไรสักอย่าง ร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นโดยตรงจนกลายเป็นหลุมลึกอย่างยิ่ง!
จักรพรรดินีรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมายามได้เห็นภาพนั้น มันเป็นเพียงผีเสื้อสีสันแพรวพราวเจ็ดสีขนาดตัวไม่ใหญ่ไปกว่าหนึ่งฝ่ามือ แต่ทุกครั้งที่กระพือปีกทำให้เกิดพลังอันเกินจะพรรณนากระเพื่อมออกมา และเป็นผีเสื้อเจ็ดสีตัวนี้ที่ทำให้ต้าเผิงตกลงมากระแทกกับพื้น
อันใดกัน!
ที่แห่งนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“พวกเรามาถึงแดน...บรรพโกลาหลแล้วอย่างนั้นหรือ?!”
นางเอ่ยออกมาเสียงสั่น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่พบเห็นล้วนอยู่สูงกว่าขอบเขตเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย
เหนือขอบเขตเซียนขึ้นไปแล้วจะเป็นขอบเขตใดกัน?
นางไม่รู้
อย่าว่าแต่นางเลย แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนทั้งหมดก็ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าขอบเขตที่เหนือยิ่งกว่าคือขอบเขตใด
นับตั้งแต่สมัยโบราณ ขอบเขตที่อยู่เหนือเซียนขึ้นไปไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน ทั้งยังไม่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในตำราเล่มใด
นี่เป็นขอบเขตที่ไม่มีคนเคยเข้าใจมาก่อน บรรพจารย์เซียนเป็นขั้นสูงสุดที่พวกนางรับรู้ได้
สำหรับบรรพจารย์เซียน นอกจากบรรพจารย์โบราณทั้งเก้าท่านแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีบรรพจารย์เซียนถือกำเนิดอีก
บรรพจารย์เซียนเป็นขอบเขตที่ไม่อาจจินตนาการถึงได้ ไม่ใช่ขอบเขตที่สามารถใช้การฝึกฝนจนบรรลุได้เมื่อถึงเวลา ไม่ต้องพูดถึงการกลายเป็นบรรพจารย์เซียนเลย กระทั่งมีเงื่อนไขใดบ้างจึงสามารถบรรลุเป็นบรรพจารย์เซียนได้ก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้!
ภายในตระกูลเซียวมีจักรพรรดิเซียน ผู้อาวุโสเก่าแก่เหล่านั้นมีอายุยืนยาวจนไม่อาจนับได้ ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจทราบถึงเงื่อนไขในการบรรลุขั้นบรรพจารย์เซียน จนกระทั่งถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงขอบเขตของบรรพจารย์เซียนได้
เกี่ยวกับบรรพจารย์เซียนแล้ว มีเพียงหนึ่งประโยคที่กล่าวถึงในภพเซียนนั่นคือ บรรพจารย์เซียนไม่ใช่ขอบเขตธรรมดาที่จะสามารถบรรลุได้ด้วยการฝึกฝนทั่วไป มีเงื่อนไขอยู่จำนวนมาก!
กระทั่งบรรพจารย์เซียนยังทำให้คนสิ้นหวัง มองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงขอบเขตที่เหนือยิ่งกว่าบรรพจารย์เซียนขึ้นไปเลย
นั่นคือขอบเขตที่ไม่รู้จัก ยังไม่มีผู้บุกเบิกขึ้นไป!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่นางเห็นในที่แห่งนี้ล้วนก้าวเข้าไปสู่ขอบเขตที่ไม่รู้จัก ดังนั้นความคิดแรกของนางคือนี่อาจเป็นแดนบรรพโกลาหล
เส้นทางโบราณตกลงไปยังแดนบรรพโกลาหลหรือ
แต่นางก็พบว่าตนเองคิดผิดอย่างรวดเร็ว
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังปริภูมิเวลาสับสนวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ ไม่ใช่พลังโกลาหล
ดินแดนบรรพโกลาหลคือแกนกลางโกลาหล ด้านในย่อมต้องเปี่ยมด้วยพลังโกลาหล จะมีพลังปริภูมิเวลาที่พลุ่งพล่านไปทั่วได้อย่างไร?!
ไม่มีทางเป็นไปได้!
“พลังโกลาหลที่นี่ถูกพลังปริภูมิเวลากดทับเอาไว้!”
นางอ้าปากค้าง รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งยามได้เห็นพลังโกลาหลที่ปะทุขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตถูกพลังปริภูมิเวลาสยบลงไปในทันที!
คนทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย พลังปริภูมิเวลาที่นี่เหนือยิ่งกว่าพลังโกลาหลเป็นอย่างมาก!
เป็นไปได้อย่างไร? นางไม่อยากจะเชื่อ สิ่งนี้เหนือยิ่งกว่าความรู้ความเข้าใจของนาง
โกลาหลวิวัฒน์ทุกสิ่ง พลังและสรรพสิ่งถือกำเนิดจากแกนกลางโกลาหล พลังปริภูมิเวลาก็เช่นเดียวกัน ถือกำเนิดขึ้นจากความโกลาหล ดังนั้นจะสามารถอยู่เหนือกว่าพลังโกลาหลได้อย่างไร?
แต่ถึงอย่างไร พลังปริภูมิเวลาในพื้นที่แห่งนี้ก็เหนือกว่าพลังโกลาหลมาก
นางไม่อาจเข้าใจเลย บางทีสถานที่แห่งนี้จะน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าแดนบรรพโกลาหลด้วยซ้ำ!
“พวกเรามาอยู่ที่ใดกันแน่!”
นางอดเอ่ยออกมาไม่ได้ ภายในใจปรากฏความรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
โฮก!
ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นมา อสูรตัวใหญ่มหึมาจับจ้องมาทางพวกนาง นี่คืออสูรร้ายซึ่งน่าสะพรึงกลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากมันส่งเสียงคำรามออกมา จักรพรรดินีก็เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากต่างพากันหนีออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว
อสูรมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร เทียบได้กับขุนเขา ลักษณะเหมือนจระเข้ยักษ์ ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายดุร้ายพุ่งเข้าใส่พวกนางด้วยความรวดเร็ว
มันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ทั่วทั้งบริเวณก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ กระทั่งเกิดเสียงพายุสายฟ้าโหมกระหน่ำ แม้แต่พลังปริภูมิอันพลุ่งพล่านวุ่นวายที่ห่อหุ้มสถานที่แห่งนี้เอาไว้ยังถูกสั่นคลอน
จักรพรรดินีกับหยวนอีไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบเรียกสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรและสี่กระบี่ประหารเซียนออกมา เตรียมตัวเข้าสู่การต่อสู้
พวกนางไม่ได้ออกจากเส้นทางโบราณ เมื่อเทียบกับแล้วการอยู่ในเส้นทางโบราณดูจะปลอดภัยมากที่สุด แม้ว่าเส้นทางจะถูกตัดขาดแล้ว แต่พลังก็ยังคงอยู่ สามารถช่วยปกป้องพวกนางได้
จระเข้ยักษ์พุ่งตรงเข้ามาถึงภายในพริบตา มันอ้าปากกว้างพยายามจะกลืนกินพวกจักรพรรดินี หรือกระทั่งเส้นทางโบราณเข้าไป
โฮก!
เส้นทางโบราณเปล่งแสง พลังที่ไม่อาจอธิบายได้ทะลักออกมา ก่อตัวเป็นอสูรโบราณตัวหนึ่งพุ่งเข้าต่อสู้กับจระเข้ยักษ์
เสียงดังสนั่นลอยมาอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ครั้งนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง พลังของอสูรจระเข้ยักษ์ลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่ายมราชทั้งสิบ สามารถต่อกรกับอสูรโบราณที่ก่อตัวขึ้นจากพลังของเส้นทางโบราณได้อย่างสูสี
“บังอาจ ช่างกล้ายิ่งนักที่มาลงมือกับเพื่อนร่วมเผ่ามนุษย์ของข้า เจ้าคงไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เสียแล้ว!”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงตะโกนดังลั่นไปทั่วฟ้าดิน จากนั้นก็มีแสงกระบี่ที่เปล่งประกายอย่างถึงที่สุดพุ่งเข้ามาฟาดใส่อสูรจระเข้ยักษ์
เสียงฉัวะดังขึ้น แสงกระบี่วาดลงไปบนตัวของอสูรจระเข้ยักษ์ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว อสูรจระเข้ยักษ์ถูกตัดขาดครึ่งด้วยแสงกระบี่!
โฮก!
อสูรจระเข้ร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะรีบหนีออกไปจากที่นี่
หลังจากนั้นก็มีร่างหนึ่งในชุดคลุมลายเมฆมงคลทะยานเข้ามาแต่ไกล ร่อนลงด้านหน้าของเส้นทางโบราณ
เขาเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีคิ้วคมราวกระบี่ ร่างสูงเพรียว บรรยากาศเหนือล้ำไม่ธรรมดา
“พวกเจ้าเป็นอันใดหรือไม่?”
เขาถามจักรพรรดินีและหยวนอีด้วยความเป็นห่วง
ทั้งจักรพรรดินีและหยวนอีต่างพากันตกตะลึงในใจ
อสูรจระเข้ยักษ์น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นสิ่งที่พวกนางเห็นด้วยตาของตนเอง แต่ชายหนุ่มผู้นี้เพียงเหวี่ยงดาบออกไปก็สามารถผ่าครึ่งร่างของอสูรจระเข้ยักษ์ได้ภายในพริบตา นี่มันน่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!
“พวกเราไม่เป็นอันใด ขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใดกัน?”
จักรพรรดินีถามชายหนุ่มด้วยความสุภาพ
นางต้องการจะรู้ว่าที่นี่คือที่แห่งใด
“ที่นี่คือซากปริภูมิเวลา จุดสิ้นสุดของปริภูมิเวลา สิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่เดินทางข้ามธารแห่งปริภูมิเวลาจะถูกจับมาที่แห่งนี้”
ชายหนุ่มตอบกลับโดยไม่ได้ปิดบังอันใด
“ซากปริภูมิเวลา!”
จักรพรรดินีชะงัก นางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาก่อน
“แล้วจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร?”
จักรพรรดินีถาม นางไม่อยากติดอยู่ที่นี่ ต้องการกลับไปยังโลกปัจจุบัน
“ถ้าข้ารู้เรื่องนั้น ข้ายังจะอยู่ที่นี่อีกหรือ?”
ชายหนุ่มกล่าว “ที่นี่คือคุกปริภูมิเวลา การเดินทางข้ามปริภูมิเวลาตามใจจะถูกลงโทษ จับมาจองจำเอาไว้ยังที่แห่งนี้”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ย หัวใจของจักรพรรดินีก็ดิ่งวูบทันที
เป็นความจริงอย่างนั้นหรือ?
นางไม่ต้องการติดอยู่ในคุกปริภูมิเวลาแห่งนี้!
และในตอนนี้เอง นางก็เข้าใจขึ้นมาทันที ไม่แปลกใจเลยที่สิ่งมีชีวิตที่นี่จะล้วนน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
สิ่งมีชีวิตที่สามารถเดินทางข้ามปริภูมิเวลาได้ จะเป็นชนชั้นสามัญได้อย่างไร
ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!
“ซากปริภูมิเวลา...สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? กองกำลังใดเป็นเจ้าของกัน?”
จักรพรรดินีเอ่ยถามชายหนุ่ม ต้องการจะทราบสถานการณ์ให้มากขึ้น
จับ!
นางสนใจคำนี้ที่ชายหนุ่มพูดออกมา
ในเมื่อเป็นการจับกุม แสดงว่าต้องมีกองกำลังบางอย่างเป็นผู้ลงมืออย่างแน่นอน!
อันที่จริงหากลองหวนนึกให้ดีแล้ว ยามที่เส้นทางโบราณถูกตัดขาดทำให้พวกนางตกลงมายังที่นี่ ก็น่าจะเป็นการลงมือของกองกำลังนั้น
“ไม่แน่ใจ”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะเอ่ยออกมา “นั่นเป็นกองกำลังที่พวกเราไม่มีทางเข้าใจได้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถก้าวข้ามโกลาหล ทะยานออกจากโกลาหลได้”
เขาพูดต่อ “ขอบเขตของพวกเราต่ำเกินไป มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้ เดิมทีข้าก็คิดว่าทุกคนจะอยู่ร่วมกันภายในจักรวาลโกลาหล ทว่าความจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความจริงอยู่เหนือกว่าที่พวกเราจะสามารถจินตนาการได้ไปไกลนัก จักรวาลโกลาหลไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีอยู่มากมาย!”
“อันใดนะ!”
จักรพรรดินี หยวนอี และอาจารย์ของจักรพรรดินีต่างตกตะลึงจนไม่อาจบรรยายออกมาได้
ยังมีจักรวาลโกลาหลจำนวนมากดำรงอยู่อีกหรือ?
นี่มันเหนือเกินกว่าจินตนาการของพวกนาง!
“ใช่แล้ว!”
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างหนักแน่น “นี่คือสิ่งที่ข้าได้รู้หลังจากมาที่นี่ ต้องใช้เวลาไปมากมายจึงสามารถทำความเข้าใจได้”
เขาอธิบายเพิ่มว่า สิ่งมีชีวิตในที่แห่งนี้ไม่ได้มาจากจักรวาลโกลาหลเดียวกันทั้งหมด แต่อาศัยอยู่ในจักรวาลโกลาหลที่แตกต่างกันไป
“ไม่ต้องสงสัยไป ข้าล้วนตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเหล่า ทุกจักรวาลโกลาหลเองยังมีความแตกต่างกันไป มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ เต๋ากับกฎเกณฑ์เองก็ไม่เหมือนกัน หากพวกเจ้าอยู่ที่นี่นานเข้า พวกเจ้าก็จะค้นพบจุดนี้ได้ด้วยตัวเอง มันสามารถเห็นได้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ในยามแรกข้าเองก็เกิดความสงสัยแคลงใจเช่นเดียวกัน”
ชายหนุ่มกล่าว
“นี่มันจะยุ่งยากเกินไปแล้ว!”
จักรพรรดินีรู้สึกปวดหัว สถานที่แห่งนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง พวกนางจะกลับไปได้หรือไม่?
หลุดพ้นจากพลังโกลาหล ทะยานออกจากโกลาหล สถานที่แห่งนี้อยู่ไกลเกินกว่าที่แดนบรรพโกลาหลจะสามารถเปรียบเทียบได้!
โฮกกกก!
ในตอนนั้นเองมีเสียงคำรามที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมดังขึ้น อสูรจระเข้ยักษ์ที่หนีไปก่อนหน้านี้ หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่งอย่างดุดัน
ด้านข้างของมันยังมีอสูรอีกตนหนึ่ง
มันเป็นอสูรกิเลนดำที่บนร่างเต็มไปด้วยเพลิงสีนิลลุกโชน ลมหายใจที่แผ่ออกมาน่าสะพรึงกลัวระดับสะท้านฟ้า ภายในดวงตาทั้งสองข้างมีภาพดวงดาวดวงแล้วดวงเล่าถูกทำลายไปอย่างเลือนราง
“น่าชิงชังนัก จ้าวกิเลนดำตื่นแล้ว มันหลับมาตลอดไม่ใช่หรือ?!”
สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนอย่างมาก ก่อนจะหันไปเอ่ยกับจักรพรรดินี “จ้าวกิเลนดำเป็นราชาอสูรของที่นี่ ความแข็งแกร่งของน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มีผู้ต่อกรได้อยู่น้อยนิด นี่มันไม่ดีแล้ว!”
เขากล่าวต่อ “แต่พวกเจ้าวางใจได้ ข้าไม่มีทางทิ้งพวกเจ้าหนีไปคนเดียวอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเราจะมาจากต่างจักรวาลโกลาหลกัน แต่พวกเราก็เป็นสหายร่วมเผ่ามนุษย์ ในที่แห่งนี้เผ่ามนุษย์อ่อนแอเป็นอย่างมาก พวกเราจำเป็นต้องร่วมมือกันจึงจะสามารถอยู่รอดต่อไปในที่นี่ได้”
หลังจากนั้นเขาก็เรียกกระบี่ออกมา ต่อเนื่องด้วยการปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ แสงกระบี่พุ่งสูงอย่างยิ่ง ปราณกระบี่กระจายทั่วทุกทิศทาง
“จ้าวกิเลน พวกเราเจรจากันได้หรือไม่ อย่าได้คิดสังหารสิ้นเลย”
เขาพูดออกมาเสียงดัง
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนสนิทของราชามนุษย์ ข้าจะให้โอกาสเจ้า รีบออกไปจากที่นี่เสีย”
กิเลนดำเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส
“ไม่ได้ พวกเราต้องไปด้วยกัน พวกนางเองก็มาจากเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกับข้า เผ่ามนุษย์ไม่มีทางทอดทิ้งเพื่อร่วมเผ่าคนใดเด็ดขาด!”
ชายหนุ่มตะโกนออกมาด้วยท่าทางชอบธรรม ไม่มีความคิดที่จะจากไปเพียงผู้เดียว
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ตายเสียที่นี่!”
กิเลนดำคำรามออกมา ก่อนจะพุ่งตรงมาด้วยต้องการสังหารอีกฝ่ายทันที
เพียงแค่กีบของมันย่ำลงมา กฎเกณฑ์ก็ถูกทำลายกระจัดกระจายออกไป พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาเป็นระลอกคลื่น ประหนึ่งสามารถพังทลายท้องนภาได้
ชายหนุ่มพุ่งออกไปด้านหน้า สำแดงวิชากระบี่ชั้นยอด กระบี่นับหมื่นปรากฏออกมาประหนึ่งพิรุณกระบี่ พุ่งเข้าหยุดยั้งกีบของจ้าวกิเลนดำ
น่าเสียดายที่กับของจ้าวกิเลนดำนั้นน่ากลัวเกินไป กระบี่ทั้งหมดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กระจายไปทั่วในชั่วพริบตา
ชายหนุ่มถูกแรงกระแทกกระเด็นมาล้มลงด้านหน้าเส้นทางโบราณ ปากกระอักเลือดออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง เสื้อบริเวณหน้าอกถูกย้อมกลายเป็นสีแดง
“พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า รีบหนีออกไปจากที่นี่เร็วเข้า!”
ชายหนุ่มตะโกนไปทางพวกจักรพรรดินี หลังจากนั้นเขาก็กัดฟันลุกขึ้นไปเผชิญหน้ากับจ้าวกิเลนดำอีกครั้งด้วยความยากลำบาก
จากนั้นเขาก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นตกลงไปยังด้านหน้าเส้นทางโบราณอีกครั้ง ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาเละกลายเป็นก้อนเนื้อและเลือด
“เพื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า คุ้มค่าแล้วหรือ?”
จ้าวกิเลนดำกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา
“คุ้มค่า!”
ชายหนุ่มตะโกน เขายังไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นไปเผชิญหน้ากับจ้าวกิเลนดำอีกครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็กระเด็นลอยกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ร่างกายของเขาเละเทะกลายเป็นหมอกโลหิต
แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้ธรรมดา เพียงชั่วพริบตาก็รวมกลับมากลายเป็นร่างใหม่อย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าไปเร็วเข้า ข้ารั้งมันเอาไว้ได้ไม่นาน!”
ชายหนุ่มหันกลับไปตะโกนใส่พวกจักรพรรดินี
ใบหน้าของหยวนอีเต็มไปด้วยความร้อนใจกระสับกระส่าย นางต้องการจะออกไปช่วยชายหนุ่ม ไม่อาจทนเห็นเขาถูกจ้าวกิเลนดำสังหารไปทั้งเช่นนี้ได้
อย่างไรเสียชายหนุ่มผู้นี้ก็ต่อสู้เพื่อช่วยเหลือพวกนาง
นางต้องการจะใช้พลังของเส้นทางโบราณเพื่อจัดการกับจ้าวกิเลนดำ แต่เส้นทางโบราณนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมของนาง เมื่อจ้าวกิเลนดำไม่ได้โจมตีเส้นทางโบราณ พลังของมันถึงไม่ถูกเปิดใช้งานขึ้นมาเพื่อจัดการกับจ้าวกิเลนดำ
อีกทั้งพวกนางยังไม่สามารถควบคุมเส้นทางโบราณให้พาตนเองออกไปจากที่นี่ได้
หากพวกนางต้องการไปจากที่นี่ มีเพียงแต่ต้องก้าวออกจากเส้นทางโบราณ หลบหนีไปด้วยตนเอง
นอกจากนี้ พวกนางเองก็ไม่สามารถพาชายหนุ่มเข้ามาด้านในเส้นทางโบราณได้
เส้นทางโบราณมีพลังคุ้มกัน แต่พวกนางไม่สามารถเปิดพลังคุ้มกันขึ้นมาเองได้
“ไปเร็ว!”
ชายหนุ่มตะโกนออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่จ้าวกิเลนดำอีกครั้ง
ผลลัพธ์ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เขาถูกดีดกระเด็นกลับมาอีกครั้ง สลายกลายเป็นหมอกโลหิต
“รนหาที่ตาย!”
จ้าวกิเลนดำแค่นเสียงเย็นชา “ช่างมันเถิด ก็เพียงแค่สังหารเจ้าทิ้งเสีย!”
หมอกโลหิตกลับมารวมตัวกลายเป็นร่างใหม่ของชายหนุ่มอีกครั้ง ทว่าลมหายใจของเขาอ่อนแอลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด การโจมตีก่อนหน้านี้ของจ้าวกิเลนดำทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาการ
“ไป อย่าปล่อยให้ข้าตายโดยเปล่า!”
ชายหนุ่มตะโกนไปทางจักรพรรดินีและหยวนอีด้วยความร้อนใจ
“น่าขันนัก กำลังจะตายแล้วยังคิดเรื่องผู้อื่นอยู่อีก เจ้าตายก็สมควรแล้ว! ในที่แห่งนี้ความเมตตาคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์สุด! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่แม้แต่จะสามารถปกป้องตนเองได้!”
จ้าวกิเลนดำค่อย ๆ เยื้องย่างเข้ามา จิตสังหารเปี่ยมล้น มันต้องการจะสังหารชายหนุ่มทิ้งเสียที่นี่
อีกด้านหนึ่งหยวนอีที่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของจ้าวกิเลนดำก็ไม่อาจทนต่อไปได้ นางต้องการจะออกไปช่วยเหลือชายหนุ่ม
หากจ้าวกิเลนดำโจมตีอีกเพียงแค่ครั้งเดียว ชายนุ่มจะตายทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
ช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งมีมากเกินไป!
ทว่าในตอนที่นางกำลังเตรียมจะออกไป จักรพรรดินีก็ยื่นมือมาหยุดนางเอาไว้
“อย่าได้ออกไป” จักรพรรดินีเอ่ย
“อย่าออกไป หากออกไปแล้วจะไม่สามารถกลับเข้ามาได้”
อาจารย์ของจักรพรรดินีเองก็พูดขึ้นมา
นางกับจักรพรรดินีต่างมองออกว่าเรื่องนี้มีเส้นสนกลใน รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หากหยวนอีออกไปจริง ๆ อาจมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น!
จักรพรรดินีกับอาจารย์ต่างหยุดนางเอาไว้ในเวลาเดียวกัน หยวนอีจึงสงบลง
นางรู้แจ้งถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับจักรพรรดินีและอาจารย์เป็นอย่างดี ต่อหน้าทั้งสอง นางเป็นเพียงแค่เด็กน้อยผู้หนึ่ง ไม่อาจเทียบประสบการณ์กันได้อย่างสิ้นเชิง
“ตกลง”
นางพยักหน้า เก็บสี่กระบี่ประหารเซียน สงบสติอารมณ์ลงคิดทบทวนก็พบว่าเรื่องนี้ชวนรู้สึกแปลกประหลาดแค่ไหน
ชายหนุ่มไม่เคยพบพานรู้จักพวกนางมาก่อน ทั้งยังไม่ได้ถือกำเนิดอาศัยอยู่ในจักรวาลโกลาหลเดียวกันเสียด้วยซ้ำ เช่นนั้นแล้วชายหนุ่มจะยอมเสียสละชีวิตเพื่อยื้อให้พวกนางหนีไปได้อย่างไร?
อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่สถานที่ดีงามแต่อย่างใด จะมีชายหนุ่มที่จิตใจดีเช่นนี้ได้อย่างไร หากมีเกรงว่าคงตายไปเสียตั้งนานแล้ว จะมีชีวิตมาโลดแล่นจนถึงตอนนี้ได้เช่นไร
นอกจากนี้ พลังที่จ้าวกิเลนดำสำแดงออกมา ชายหนุ่มไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย เหตุใดจ้าวกิเลนดำจึงเอาแต่เล่นบทพุ่งไปตีกลับเช่นนี้ ลงมือสังหารชายหนุ่มทิ้งทันทีเลยไม่ดีกว่าหรือ?
มีจุดน่าสงสัยอยู่มากมาย แต่เพราะนางร้อนใจมากเกินไปจนไม่สังเกต พอตอนนี้ได้ย้อนคิดดูแล้ว ก็พบว่านางเกือบทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไป!
“ดูสิ พวกนางล้วนไม่เชื่อใจเจ้า แต่เจ้าก็ยังอยากจะตายเพื่อปกป้องพวกนาง ช่างโง่งมยิ่งนัก!”
จ้าวกิเลนดำยิ้มเย้ยหยัน ก้าวไปด้านหน้าทีละก้าวด้วยจิตสังหารที่เพิ่มพูนขึ้น
จำเป็นหรือไม่?
จำเป็นต้องวางท่าถึงขนาดนี้หรือไม่?
หรือจ้าวกิเลนดำจะไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงกะทันหันและปัญหาเกินความคาดหมาย จะเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?
หยวนอีสงบลง หากนี่ไม่ใช่ ‘การแสดง’ แล้วจ้าวกิเลนดำจะต้องโง่เขลาถึงปานใดกัน? ถึงสามารถรักษาตำแหน่งราชาของที่นี่ไว้ได้อย่างนั้นหรือ?
เกรงว่าจะต้องถูกสิ่งมีชีวิตอื่นสับกินเป็นชิ้น ๆ แล้ว
“เจ้ารู้อะไรหรือไม่! เผ่ามนุษย์ของพวกเรานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เจ้าคิด วันนี้แม้ข้าตายก็ไม่เสียใจ!”
ชายหนุ่มตะโกนออกมาเสียงดัง ด้วยท่าทางราวกับผู้ผดุงธรรม เหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับความตายอย่างไร้ความกลัวเกรง
“พวกเจ้าไม่เชื่อข้าก็เป็นเรื่องปกติ ข้าไม่กล่าวโทษอันใดกับพวกเจ้า ข้าหวังเพียงว่าการตายในวันนี้ของข้าจะสามารถปลุกความเชื่อมั่นในสหายร่วมเผ่าของพวกเจ้าได้ในอนาคต! ณ ที่แห่งนี้ มีเพียงการช่วยเหลือกันและกันเท่านั้นที่จะทำให้พวกเราอยู่รอดต่อไปได้ ความระแวงแคลงใจมีแต่จะทำให้พวกเราแตกแยก ถูกผู้อื่นฆ่าแกง!”
เขาตะโกนเสียงดังใส่พวกจักรพรรดินีด้วยท่าทางจริงจัง ประหนึ่งว่าตนเองเป็นวีรบุรุษแห่งเผ่ามนุษย์ พร้อมเสียสละตนเองเพื่อความชอบธรรมอันยิ่งใหญ่
“ตกลง พวกข้าจะจดจำท่านเอาไว้ ไม่ลืมการกระทำอันชอบธรรมของท่านในวันนี้ ท่านจากไปอย่างสงบเสียเถิด พวกข้าจะแก้แค้นแทนท่านเอง!”
จักรพรรดินีสงบนิ่ง บนใบหน้าไม่มีคลื่นอารมณ์ใดปรากฏ กล่าวออกมาเสียงเรียบ
นางกำลังเดิมพันกับชายหนุ่ม ดูว่าชายหนุ่มกำลังแสดงหรือเป็นเรื่องจริง
นางลอบเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่แรกเรียบร้อย หากชายหนุ่มไม่ได้แสดงละครอยู่ และจ้าวกิเลนดำต้องการสังหารสารชายหนุ่มจริง ๆ นางก็พร้อมจะออกไปช่วยเหลือชายหนุ่มในทันที
ตึง! ตึง! ตึง!
จ้าวกิเลนดำเยื้องย่างเข้ามาทีละก้าว พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงประหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แรงกดดันอันน่าสยดสยองแผ่กระจายออกมาบดขยี้พลังปริภูมิเวลาโดยรอบ
มุมปากของมันยกเป็นรอยยิ้มเย็นชา จิตสังหารล้นทะลักยกอุ้งเท้าข้างหนึ่งตบใส่ชายหนุ่ม
สีหน้าของจักรพรรดินีนิ่งสงบ ทว่าภายในใจเกิดความตึงเครียดขึ้นมา นางยังมีความเป็นมนุษย์อยู่มาก ทำให้ต้องใช้ความอดทนไม่ลงมือเคลื่อนไหว
อุ้งเท้าอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มโดยตรง หากอุ้งเท้านี้ตกกระทบถึงตัว ชายหนุ่มจะต้องถูกสังหารสิ้น ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน
แต่เมื่ออุ้งเท้าใกล้จะสัมผัสศีรษะของชายหนุ่ม จ้าวกิเลนดำก็ดึงเท้าของตนเองกลับไปทันที ไม่ได้สังหารชายหนุ่มแต่อย่างใด
“หนานฉง ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว ทำเช่นนี้ไม่ได้ผลแต่อย่างใด ทว่าเจ้าก็ยังไม่เชื่อ ต้องการจะลองดู”
จ้าวกิเลนดำเอ่ยออกมา “ผู้ใดเล่าจะไม่เห็นแก่ตัว? เจ้าไม่เห็นแก่ตัวอย่างนั้นหรือ? เรื่องในครั้งนี้ถูกกำหนดให้ล้มเหลวเอาไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่ทำมาล้วนเสียเวลาโดยเปล่า”
“เวลา? สิ่งนี้นับเป็นอันใดกัน พวกเราขาดแคลนมันอย่างนั้นหรือ?”
ชายหนุ่มผู้มีนามว่าหนานฉงส่ายหัวกล่าวออกมา “ในสถานที่แห่งนี้ สิ่งที่พวกเราขาดแคลนน้อยที่สุดก็คือเวลา หากสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแรง ย่อมดีกว่าการใช้กำแก้ปัญหายุ่งยาก”
หลังจากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “อีกทั้งเจ้ายังหยุดมือเร็วเกินไป”
“เจ้าตะโกนร้องออกมาเช่นนี้น่ารำคาญยิ่ง เล่นแสดงไปมาเช่นนี้ ยืดยาดน่ารำคาญนัก!”
ความสะอิดสะเอียนเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาของจ้าวกิเลนดำ “เผ่ามนุษย์ของพวกเจ้าชอบเล่นกลอุบายเช่นนี้ สำหรับข้าแล้ว การใช้กำลังต่างหากที่เป็นเรื่องเรียบง่ายที่สุด!”
หลังจากนั้น ในดวงตาของมันก็ปรากฏความเหยียดหยาม “แล้วอันใดคือหยุดมือเร็วเกินไป? ข้าใกล้จะตบลงไปถึงหัวของเจ้าแล้ว ยังเรียกว่าเร็วอีกหรือ?”
หนานฉงถอนหายใจออกมา ไม่ได้โต้เถียงอันใดกับจ้าวกิเลนดำอีก อีกฝ่ายมีนิสัยเช่นนี้ ชอบใช้พลังกำลังในการแก้ปัญหา
ตอนที่เขาเสนอแผนการนี้ก่อนหน้านี้ ก็เคยถูกจ้าวกิเลนดำแย้งขึ้น
ส่วนเรื่องจะหยุดมือช้าหรือเร็วนั้น เขาเองก็ไม่คิดโต้เถียงอีกต่อไป
เขาเพียงรู้สึกว่าเร็วเกินไปแล้ว หากช้ากว่านี้สักหน่อย อาจเกิดเรื่องประหลาดใจคาดไม่ถึงขึ้น
แน่ว่านี่เป็นเพียงแค่ความรู้สึกส่วนตัวของเขา ส่วนในความเป็นจริงแล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด เขาก็ไม่อาจคาดการณ์ได้
ทว่าเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องพูดออกมาอีก ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมา จึงไม่จำเป็นต้องแสดงต่อ
ร่างกายของเขาเปล่งแสงเรืองรอง ก่อนที่รูปร่างหน้าตาของเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจากรวดเร็ว จากชายหนุ่มกลายเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
ชายวัยกลายคนเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา ส่วนรูปลักษณ์ชายหนุ่มก่อนหน้านี้เป็นเพียงการปลอมแปลง เพียงเพื่อจะได้สามารถใกล้ชิดได้รับความไว้วางใจจากพวกจักรพรรดินีง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ เขายังส่งอสูรจระเข้ออกมาก่อน เพื่อให้การปรากฏตัวของเขานั้นไม่ดูกะทันหันโดดเด่นเกินไป ทั้งยังได้รับความประทับใจอันดีจากพวกจักรพรรดินี
“น่ารังเกียจยิ่งนัก!”
หยวนอีอดไม่ได้ที่จะเกลียดชังขึ้นมา ยังดีที่จักรพรรดินีกับอาจารย์หยุดนางเอาไว้ ไม่เช่นนั้นนางคงถูกหลอกไปแล้ว เมื่อออกไปจะเกิดอันใดขึ้นก็ไม่อาจทราบได้
หนานฉงมองไปทางจักรพรรดินี เขาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “พวกเจ้าออกมาเสียเถิด ขอเพียงแค่พวกเจ้าออกมา เลือกที่จะยอมแพ้แต่โดยดี ข้าก็สามารถรับประกันว่าชีวิตของพวกเจ้าจะยังอยู่ดี”
ตอนที่พวกจักรพรรดินีเพิ่งปรากฏตัวขึ้นในที่แห่งนี้ พวกเขาก็หมายตาพวกจักรพรรดินีทันที
บนเส้นทางโบราณตอนถูกตัดลงมามีตัวอักษรที่หลี่จิ่วเต้าเขียนลอยอยู่ เพียงแค่พวกเขามองแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง จึงเกิดความคิดต้องการขึ้นมา
ภายในซากปริภูมิเวลา ทั่วทุกหนแห่งล้วนเต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาจึงคิดอยากได้ภาพอักษรนั้น อยากได้ทุกสิ่งที่สามารถปกป้องชีวิตให้ได้มากขึ้น
“ข้าคิดว่าสมองของเจ้าต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน! เจ้าคิดว่าพวกข้าจะเชื่อคำของเจ้าอย่างนั้นหรือ!”
หยวนอีเหยียดหยาม กระทั่งตอนนี้หนานฉงก็ยังจะแสดงอีกหรือ?
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อหนานฉง!
อีกทั้งนางก็ไม่มีความตั้งใจจะยอมจำนนแต่อย่างใด
“ตอนนี้ยังจะเอ่ยสิ่งใดไรสาระอีก? เพียงแค่บุกเข้าไปตรง ๆ ก็พอ! ยืดเยื้อกันมามากแล้ว!”
จ้าวกิเลนดำตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะกระโดดพุ่งไปยังเส้นทางโบราณ พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาทันที ก่อนหน้านี้มันก็แค่แสดงละครโจมตีหนานฉง ทว่าคราวนี้มันลงมืออย่างเต็มที่!
หนานฉงขมวดคิ้ว เขาตระหนักได้ว่าพลังของเส้นทางโบราณนั้นทำลายได้ยาก จึงออกอุบายเล่นละครขึ้นมา
ทว่าเรื่องก็มาถึงขั้นนี้เรียบร้อย ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว
เขาเรียกกระบี่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นมาในมือ จากนั้นก็พุ่งตามจ้าวกิเลนดำตรงไปยังเส้นทางโบราณ
พลังที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้านี้ย่อมไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง มันไม่ถึงหนึ่งส่วนร้อยเสียด้วยซ้ำ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นเทียบเท่ากับจ้าวกิเลนดำ กระทั่งแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
แสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้าไปหลายหมื่นลี้ เขาวาดกระบี่ฟันลงบนอากาศ แรงกดดันจากกระบี่ยิ่งใหญ่มหาศาล แสดงให้เห็นว่าจักรวาลโกลาหลที่เขามานั้นไม่ธรรมดา แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!
จักรพรรดินีเลิกคิ้วเล็กน้อย นางพบเบาะแสบางอย่าง กระบี่ที่หนานฉงฟันออกมา เต็มไปด้วยกฎแห่งวิถีกระบี่อันทรงพลัง ซ้ำยังมีพลังอันเหนือชั้นระเบิดออกมาด้วย นางไม่รับรู้ ‘ความเกี่ยวข้อง’ ราวกับพลังนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนาง
ดูเหมือนว่าเรื่องจักรวาลโกลาหลจำนวนมากที่หนานฉงกล่าวมาก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องจริง
หากเป็นจักรวาลโกลาหลเดียวกัน แม้ว่าพลังจะต่างชนิดต่างระดับกัน แต่ท้ายที่สุดมันล้วนเกิดขึ้นจากใจกลางโกลาหลเช่นเดียวกัน อย่างไรเสียก็สามารถรับรู้ได้ถึง ‘ความเกี่ยวข้อง’
ทว่านางไม่อาจสัมผัสถึง ‘ความเกี่ยวข้อง’ ได้แม้แต่น้อย นี่คือพลังที่ใหม่อย่างยิ่งสำหรับนาง หนานฉงอาจมาจากจักรวาลโกลาหลอื่นจริง ๆ
โฮก!
อสูรที่เกิดขึ้นจากเส้นทางโบราณพุ่งเข้าปะทะในทันที ทว่ายังไม่ทันถึงตัวไปได้เพียงครึ่งทาง มันก็ถูกกระบี่ของหนานฉงจัดการจนสูญสิ้น
อสูรที่สามารถต่อกรกับยมราชแห่งสิบขุมนรกได้ ตอนนี้กลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย จักรพรรดินีขมวดคิ้ว คล้ายคิดออกว่าเหตุใดยมราชแห่งสิบขุมนรกจึงเลือกประนีประนอม ยอมปล่อยเลือดและเนื้อที่เหลืออยู่ของอาจารย์นางออกมา
ยมราชแห่งสิบขุมนรกคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า พวกนางจะต้องประสบกับหายนะเช่นนี้ พวกเขากำลังเฝ้ารอให้พวกนางถูกสังหาร!
‘ปรโลกเองก็ดูเหมือนจะหลุดพ้นออกมาจากจักรวาลโกลาหล…’ จักรพรรดินีคิดขึ้นมาในใจ
ปรโลกอาจมีภูมิหลังน่ากลัวกว่าที่นางเคยคาดเอาไว้
เมื่อลองทบทวนปรโลกที่ปรากฏขึ้นมาแล้วก็สามารถสังเกตได้จุดหนึ่ง พวกนางเดินทางข้ามสายธารแห่งกาลเวลาจนมาถึงยุคโบราณ โดยปกติแล้ว ยมโลกที่ปรากฏขึ้นก็ควรเป็นยมโลกในยุคสมัยนั้น
ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
สภาพของปรโลกนั้นพิเศษเป็นอย่างมาก ยามที่นางเห็นปรโลกก็สัมผัสได้ว่าไม่ใช่ปรโลกของยุคสมัยนั้น เป็นเพียงภาพสะท้อนออกมา บางทีไม่ว่านางจะอยู่ในยุคสมัยไหน ล้วนแต่พบเห็นปรโลกเดียวกัน!
ถ้าสิ่งที่นางคิดเป็นความจริง เช่นนั้นปรโลกคงจะต้องน่ากลัวถึงที่สุดอย่างแน่นอน!
ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาล ไม่ว่ายุคสมัยใดก็มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ต้องน่าสะพรึงกลัวเพียงใดจึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้?!
นางคิดไม่ออก เรื่องเหล่านี้อยู่เหนือเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของนางไปโดยสมบูรณ์
ฟิ้ว!
ในตอนนั้นเอง แสงกระบี่ตกกระทบเข้าใส่เส้นทางโบราณ จ้าวกิเลนดำเองพุ่งเข้ามาใช้กรงเล็กขนาดใหญ่ฟาดลงมาพร้อมกัน
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วฟ้า คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวกระเพื่อมไหว ในรัศมีนับแสนลี้ทุกสิ่งล้วนพลังทลาย แม้กระทั่งพลังปริภูมิเวลาอันสับสนวุ่นวายยังถูกชะล้างสิ้น
เส้นทางโบราณนั้นไร้ความเสียหาย สามารถสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำถูกผลักถอยออกมา เลือดลมในร่างกายปั่นป่วนอย่างรุนแรง สีหน้าของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่อยากเชื่อ
“อย่างที่ข้าเคยพูดไป ใช้สมองนั้นย่อมดีกว่าใช้กำลังมาก!”
สีหน้าของหนานฉงมืดมน เขาเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “ถ้าเจ้าไม่หยุดมือเร็วเกินไปก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งคงไม่เป็นเช่นนี้!”
สามารถหยุดยั้งการโจมตีของพวกเขาทั้งสองเอาไว้ได้ ภาพอักษรนั่นจะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าพลังของเส้นทางโบราณล้วนมาจากภาพอักษรนั้น กล่าวได้อย่างชัดเจนว่าภาพอักษรนั่นเหนือล้ำจนไม่อาจหยั่งถึง!
สิ่งนี้ยิ่งทำให้หนานฉงรู้สึกไม่เต็มใจ หากแผนการก่อนหน้านี้สำเร็จ พวกเขาคงได้รับภาพอักษรนั่นมาแล้ว เช่นนั้นความสามารถในการป้องกันตัวเองของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก!
นอกจากนี้ ภายในใจของพวกเขายังเกิดความตกตะลึง
ภาพอักษรเพียงแค่ตัวเดียว กลับมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจหยั่งถึง ผู้ใดกันที่เป็นคนเขียนอักษรตัวนี้ขึ้นมา?!
บุคคลผู้นั้นจะต้องบรรลุถึงขอบเขตใดกันแน่?!
“อย่ารอช้าอยู่เลย การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ใหญ่โตเกินไป สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ จะต้องถูกดึงดูดเข้ามาแน่ ครั้งนี้พวกเรามีเวลาอีกไม่มาก!”
ดวงตาของหนานฉงทอประกายดุร้าย ระหว่างเอ่ยกับจ้าวกิเลนดำ
เดิมทีพวกนางไม่น่าจะต้องกังวลเรื่องเวลา ทำอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ แต่บัดนี้ไม่ได้แล้ว เอิกเกริกเพียงนี้ สิ่งมีชีวิตอื่นต้องรู้ตัวเป็นแน่ อีกทั้งยังไม่มีทางนิ่งดูดาย อีกเพียงไม่นาน เจ้าพวกนั้นก็คงจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง
ถึงคราวนั้น ต้องยุ่งยากมากเป็นแน่
หนานฉงตระหนักถึงเรื่องนี้ดี พวกเขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว
จ้าวกิเลนดำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดไม่ถึงว่าพลังเส้นทางโบราณจะทลายได้ยากเช่นนี้ เกินคาดเขาอยู่หน่อย ๆ
มันเข้าใจแล้วว่า เหลือเวลาไม่มากแล้วจริง ๆ ควรต้องรีบจบโดยด่วน!
มิฉะนั้น พวกเขาจะไม่ได้รับส่วนแบ่งแม้สักเสี้ยว
โฮก!
มันแหงนมองฟ้าส่งเสียงคำราม ทะยานสู่นภาพร้อมด้วยเปลวเพลิงสีดำทั่วทั้งตัว พลังในกายปะทุเต็มกำลัง มิได้ยั้งมืออีก
อีกด้าน หนานฉงระเบิดพลังเช่นกัน เขาสำแดงวิชาลับบางอย่างออกมา อักขระแปลกประหลาดมากมายโลดแล่น ดุดันเสียยิ่งกว่าจ้าวกิเลนดำ ข่มเขาเกือบมิด
ยามนี้ จักรพรรดินีสังหรณ์ใจแรงกล้ายิ่งขึ้นว่านี่มิใช่จักรวาลโกลาหลผืนเดียวกัน พลังต่างชั้นกันเกินไป แตกต่างกันถึงแก่น หนานฉงและจ้าวกิเลนดำก็มิได้มาจากจักรวาลโกลาหลเดียวกัน ไม่มีความคล้ายคลึงกันเลยสักนิด
นางเรียกสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรออกมา หยวนอีเรียกกระบี่ประหารเซียนทั้งสี่ออกมาเช่นกัน พลังของเส้นทางโบราณนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด พวกนางไม่มั่นใจว่าพลังของเส้นทางโบราณจะสามารถคุ้มครองพวกนางไว้ได้
ทว่าไม่นาน พวกนางก็เบาใจ เก็บสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษร และสี่กระบี่ประหารเซียนกลับเข้าไป
หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำเปล่งพลังทั้งหมด พลังที่จู่โจมออกมาเกินจะจินตนาการได้ แต่เมื่อเผชิญกับเสนทางโบราณ มันก็ยังไร้น้ำยา หลังจากเสียงระเบิดดังเป็นพรวนเงียบลง หนานฉงและจ้าวกิเลนดำหมอบกับพื้นด้วยแรงกระเทือนกันทั้งคู่ ปากกระอักเลือดคำใหญ่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส!
ความห่างชั้นชัดเจนยิ่งนัก มิได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย เส้นทางโบราณมิเป็นอันใด ไม่แม้แต่จะสั่นไหวสักครา พวกจักรพรรดินีก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
‘ที่จริงลองคิดดูแล้ว ไฉนเลยจะเกิดเรื่องได้ คุณชายเป็นตัวตนระดับไหน ในเมื่อประทานตัวอักษร และสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรให้ข้าไปช่วยท่านอาจารย์ เขาย่อมเดาได้ว่าจะเกิดเรื่องใดกับเราบ้างระหว่างทาง’
จักรพรรดินีคิดในใจ ความกังวลมลายสิ้น
ปรโลก ซากปริภูมิเวลา ต่างเป็นกองกำลังและสถานที่ซึ่งพวกนางไม่เคยรับรู้ ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
แต่ก็แค่พวกนางเท่านั้น
คุณชายนั้นอยู่ระดับใดแล้ว ไหนเลยจะไม่ล่วงรู้เรื่องเหล่านี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คุณชายรับรู้ถึงการมีอยู่ของปรโลกและซากปริภูมิเวลาแล้วเป็นแน่
อีกทั้งคุณชายยังรู้ว่ามีปรโลกกับซากปริภูมิเวลาอยู่ จึงส่งพวกนางมา สะท้อนให้เห็นว่าคุณชายจัดแจงไว้หมดแล้ว ช่วยให้พวกนางกลับไปอย่างไร้รอยขีดข่วนได้
มิฉะนั้น คุณชายจะส่งพวกนางมาตายหรืออย่างไร
เป็นไปได้ที่ไหน!
ก่อนนี้พวกนางวิตกเกินไป ตราบใดที่พวกนางอยู่ในเส้นทางโบราณ ย่อมไม่มีทางเป็นอันใด
กระทั่งซากปริภูมิเวลาแห่งนี้ก็มิอาจกักขังพวกนางไว้ได้
อีกด้าน หยวนอีตระหนักถึงเรื่องนี้แล้วเช่นกัน รู้ว่าความกังวลของพวกนางก่อนหน้านี้นั้นไร้สาระ
นางเชื่อในตัวคุณชาย!
เชื่อว่าด้วยพลังฝีมือของคุณชาย พวกนางกลับสู่ยุคปัจจุบันอย่างปลอดภัยได้แน่นอน
“นั่นเป็นภาพอักษรเช่นไรกันแน่!”
หนานฉงหน้าซีดเซียว โลหิตหลั่งรินออกจากมุมปากไม่หยุด หัวใจสะท้านเหลือแสน
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
พวกเขาเปล่งพลังทั้งหมดแล้วก็ยังไม่ไหว อีกยังได้รับแรงสะท้อนกลับอย่างรุนแรง พลังของเส้นทางโบราณน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก!
ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่สยดสยองเกินหยั่งระดับใดถึงร่างอักษรเช่นนี้ออกมาได้
เขาตกตะลึงอย่างแท้จริง!
จ้าวกิเลนดำเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน ร่างกายเต็มไปด้วยรอยร้าว พลังป้องกันของกายเนื้อของมันนั้นมิมีผู้ใดเทียบเทียม กระนั้นก็ยังไม่ไหว สภาพอนาถาจนมิอาจทนมอง
ใบหน้าของมันเหยเก ซี่ฟันถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน ด้วยพลังของมันและหนานฉง พวกเขาสามารถลบล้างจักรวาลโกลาหลผืนหนึ่งได้ง่าย ๆ
แต่กับพลังของเส้นทางโบราณ พวกเขากลับไม่ควรค่าแก่การพูดถึงสักนิด!
มิได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
“รีบฟื้นตัวเถิด! อย่างน้อยภายนอกต้องดูไม่เป็นอันใด!”
หนานฉงตะโกนบอก ตัวเขาเองก็กำลังฟื้นตัวรักษาบาดแผลอย่างรวดเร็ว
เขานั้นมีจิตใจแยบคาย ตรึกตรองหลายอย่างกว่าจ้าวกิเลนดำมากนัก เพียงไม่นานก็ได้สติจากความตกตะลึง
ที่นี่โหดร้ายยิ่งกว่าดินแดนไหน ๆ
พายุปริภูมิเวลาจะถล่มที่นี่เป็นระยะต่อเนื่อง พลังที่แฝงไว้ในนั้นสยดสยองถึงขีดสุด ต้องมีสิ่งมีชีวิตตายเพราะพายุปริภูมิเวลาทุกครั้งไป
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างต้องการยกระดับพลังของพวกเขาโดยไม่มีข้อยกเว้น เผื่อว่าเมื่อถึงยามพายุปริภูมิเวลาจู่โจม จะรอดชีวิตออกมาได้
ทว่าที่นี่เป็นซากปรักหักพัง ไม่มีอันใดอยู่เลย ทางเดียวที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้คือเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตตนอื่น กลืนกินเลือดเนื้อและสูบพลังจากสิ่งมีชีวิตตนอื่น
ทันทีที่สิ่งมีชีวิตตนอื่นมาที่นี่ แล้วเห็นเขากับจ้าวกิเลนดำอยู่ในสภาพสะบักสะบอม พวกเขาต้องพบจุดจบน่าสังเวชเป็นแน่ และจะถูกสิ่งมีชีวิตตนอื่นสังหารในที่สุด
เพราะอย่างนั้น หลังจากเขาตั้งสติได้ ก็นึกถึงการฟื้นพลังทันที ยังไม่ต้องพูดถึงการฟื้นพลังซ่อมแซมตัวเองให้อยู่ในสภาวะดีที่สุด อย่างน้อยก็ต้องไม่ให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นเห็นว่าพวกเขาบาดเจ็บสาหัส
ส่วนเรื่องหนีนั้น เขามิได้คิดเลย
สิ่งมีชีวิตที่นี่ล้วนสยดสยอง โหดเหี้ยมเจ้าอุบายกันทั้งสิ้น หากพวกเขาหนี ย่อมเผยให้เห็นความอ่อนแอ ไม่แคล้วต้องถูกหมายหัวในเวลาอันรวดเร็ว
ถึงครานั้น สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีเพียงความตายแล้ว
“เข้าใจแล้ว!”
ด้วยคำเตือนจากหนานฉง จ้าวกิเลนดำก็ได้สติในบัดดล รีดเร้นพลังทั้งหมดในกาย รักษาอาการบาดเจ็บบนร่างอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปไม่นาน บาดแผลบนตัวพวกเขาหายไปหมด ภายนอกฟื้นกลับมาเป็นปกติ
ทว่าปัญหาภายในพวกเขายังร้ายแรงนัก
แรงสะท้อนจากเส้นทางโบราณน่ากลัวเกินไป พวกเขาบาดเจ็บถึงรากฐาน มิอาจฟื้นพลังได้ในระยะสั้น ๆ
สิ่งที่พวกเขาพอจะทำได้ในตอนนี้คือให้ภายนอกดูไม่เป็นปัญหานัก
“เอ้า นี่คือหินเวหาอำพราง ช่วยขัดขวางการตรวจจับจากผู้อื่นได้”
หนานฉงยื่นหินผลึกก้อนหนึ่งให้จ้าวกิเลนดำ มีหินผลึกก้อนนี้อยู่ พวกเขาก็ไม่ต้องห่วงกังวลอีกว่าผู้อื่นจะดูออกว่าพวกเขาบาดเจ็บสาหัส
จ้าวกิเลนดำรับหินเวหาอำพรางมา ในที่สุดก็เบาใจลง
“ยังดีที่มีเจ้าอยู่!”
มันเอ่ยด้วยความสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด
ต้องยอมรับว่า หนานฉงหัวใสมาก ไหวพริบก็ดี หากมีเพียงตัวมัน ย่อมคิดไม่ได้ขนาดนี้ เช่นนั้นจุดจบใดที่รอมันอยู่คงมิต้องกล่าวถึง
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ผ่านไปไม่นาน ลำแสงเจิดจ้ามากมายเหินเข้ามาจากฟากฟ้า จุติลงมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้
พวกเขาจ้องมองเส้นทางโบราณ มองมายังภาพอักษรบนเส้นทางโบราณด้วยสายตาละโมบ
พายุปริภูมิเวลาที่มาเป็นระยะเสมือนมีดที่แขวนอยู่บนหัวพวกเขา พวกเขาต่างสัมผัสได้ว่าภาพอักษรนั้นวิเศษปานใด หากได้มาในครอบครอง พวกเขาย่อมเพิ่มโอกาสรอดในพายุปริภูมิเวลาได้
“สหายหนานฉง เกิดเรื่องอันใดขึ้นที่นี่หรือ”
แม่เฒ่าผู้หนึ่งยืนค้ำไม้เท้าหัวมังกร มองมาทางหนานฉงพลางถาม ไม่รู้สึกถึงความอ่อนแรงของหนานฉง หินเวหาอำพรางขวางกั้นรอบตัวหนานฉง
พวกเขามิได้บุ่มบ่ามทำอันใด อยากล้วงข้อมูลจากหนานฉงมาก่อน
ก่อนหน้านี้ที่นี่เสียงดังเอิกเกริกยิ่งนัก ยามพวกเขามาถึง หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำก็อยู่ที่นี่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำมาถึงนานแล้ว เสียงดังลั่นนั้นย่อมเป็นฝีมือของสองคนนี้
จากข้อนี้ ก็พอวิเคราะห์ได้ว่าเส้นทางโบราณนั้นตึงมือ เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงมิได้ผลีผลามเลยสักคน เนื่องจากกลัวจะเสียเปรียบ
“พวกเราก็ไม่ค่อยรู้เท่าใด พวกนางเพิ่งมาถึงที่นี่”
หนานฉงตอบเสียงสุขุม “เส้นทางโบราณนี้น่ากลัวยิ่งนัก ต่อกรด้วยยากมาก เราสองพี่น้องทำอันใดมันมิได้เลย ไม่อาจทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณลงได้ จึงบุกเข้าไปไม่ได้”
อย่างที่คิด มันไม่ได้ต่างจากที่พวกเขาคาดการณ์มากนัก
สิ่งมีชีวิตในพื้นที่นี้คิดในใจ ที่นี่เต็มไปด้วยร่องรอยของศึกใหญ่ เห็นได้ชัดว่าหนานฉงกับจ้าวกิเลนดำลงมือกันไปแล้ว แต่คนทั้งสองกลับมิได้อันใดกลับมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเส้นทางโบราณนั้นต่อกรด้วยยากยิ่ง
“ข้าแนะนำให้ทุกคนร่วมมือ ทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณให้ได้แล้วค่อยว่ากัน!”
หนานฉงกล่าว “ไม่ทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณก่อน เรื่องอื่นล้วนมิมีประโยชน์ รอจนทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณลงแล้ว ทุกคนค่อยชิงสมบัติกันตามความสามารถ”
สุดยอด!
จ้าวกิเลนดำเห็นหนานฉงเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเอ่ยข้อเสนอเช่นนั้นออกมาได้ มันนึกนับถือในใจอยู่เหลือคณา
หนานฉงสงบมาก ไม่มีพิรุธแต่อย่างใด หากเป็นมัน ต้องหาโอกาสที่สิ่งมีชีวิตในที่นี้ยังไม่ทันล่วงรู้สภาพที่แท้จริงของพวกเขาแล้วรีบไปจากที่นี่ จะได้ไม่ถูกเปิดโปง
ทว่าหนานฉงมิได้ทำเช่นนั้น
เขาไม่เพียงไม่เอ่ยว่าจะไป ทว่ายังเอ่ยขอความร่วมมือขึ้นก่อน ยิ่งไม่เป็นที่สงสัยของสิ่งมีชีวิตตนอื่นเข้าไปใหญ่
‘หนานฉงคงมิได้คิดจะลวงเจ้าพวกนี้กระมัง!’
จ้าวกิเลนดำคิดในใจ
มันประจักษ์มาแล้วว่าเส้นทางโบราณสยดสยองน่ากลัวปานใด มิใช่ระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย พลังของสิ่งมีชีวิตตนอื่นในที่นี้มิได้ต่างจากพวกเขานัก ต่อให้แข็งแกร่งกว่าก็มีขีดจำกัด ไม่มีทางทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณได้แน่
จุดจบของการผนึกกำลังอาจเป็นเฉกเช่นพวกเขา ถูกแรงสะท้อนมหาศาลจู่โจม บาดเจ็บสาหัส
‘เป็นไปได้ ข้าต้องระวังหน่อยแล้ว!’ มันลอบคิดในใจ
“ร่วมมือหรือ ได้สิ ข้าเห็นด้วย!”
“ข้าก็เห็นด้วย!”
สิ่งมีชีวิตตนอื่นพากันพยักหน้า ตกลงร่วมมือ
“ทุกคนเห็นด้วยก็ดีแล้ว แต่ข้าต้องแถลงไขเรื่องหนึ่งก่อน”
หนานฉงกล่าว “การที่ทุกคนร่วมมือกันนั้น จำต้องไม่ยั้งมือกักเก็บพลังของตน ต้องทุ่มเทสุดกำลัง มิฉะนั้น การร่วมมือของเราจะไร้ความหมาย หากทุกคนล้วนต้องการกักเก็บพลัง พวกเราไม่มีทางทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณได้แน่”
“เรื่องนั้นแน่นอน!”
“ตอนนี้เป้าหมายหลักคือทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณให้ได้ก่อน!”
สิ่งมีชีวิตตนอื่นเห็นด้วยกับคำกล่าวของหนานฉงเช่นกัน จริงดังที่ว่า หากทุกคนล้วนกักเก็บกำลัง การร่วมมือย่อมไร้ความหมาย
“ข้าแนะนำให้ทุกคนจับตาดูกันและกัน หากพบว่าผู้ใดมิได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี ยังกั๊กไว้อยู่ เช่นนั้นทุกคนจักรุมโจมตีคนเช่นนี้!”
หนานฉงเอ่ย ร่างกฎการร่วมมือเพิ่ม
“ได้!”
“ควรต้องเป็นเช่นนั้น!”
สิ่งมีชีวิตตนอื่นมิได้สงสัยอันใด เพราะไม่มีตรงไหนน่าสงสัย ทุกอย่างที่หนานฉงกล่าวมาล้วนเป็นประเด็นสำคัญ หากเป็นพวกเขา ก็ต้องเสนออย่างนี้เช่นกัน
กับดัก!
นี่คือจะขุดกับดักให้พวกเขามาติด!
จ้าวกิเลนดำแน่ใจได้ในทันใด
สิ่งมีชีวิตตนอื่นไม่รู้ว่า การโจมตีเส้นทางโบราณจะได้รับแรงสะท้อนอย่างรุนแรงกลับมา ยิ่งการโจมตีนั้นรุนแรงมากเท่าใด แรงสะท้อนก็จะยิ่งรุนแรงเท่านั้น หนานฉงตั้งใจหลอกล่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ลงมือด้วยพลังทั้งหมดที่มี!
นี่คือกับดัก!