676-680

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 676ถึง 680


สิ่งมีชีวิตอันทรงพลังในซากปริภูมิเวลามากันหมด จำนวนไม่น้อยราว ๆ สามสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวเข้าด้วยกัน ความรู้สึกของจักรวาลโกลาหลที่แตกต่างยิ่งชัดเจน


วิถี วิชาอาคม แก่นกำเนิดพลัง ล้วนแตกต่างกันชัดเจน ไม่คล้ายคลึงกันสักนิด จักรพรรดินีตกตะลึง นี่เท่ากับมีจักรวาลโกลาหลกว่าสามสิบแห่งแล้ว ตกลงว่ามีจักรวาลโกลาหลกี่แห่งกันแน่


พวกนางในอดีตช่างด้อยความรู้นัก แย่เสียยิ่งกว่ากบก้นบ่อ ชมผืนฟ้าจากก้นบ่อ ทึกทักไปว่ามีจักรวาลโกลาหลอยู่เพียงจักรวาลเดียว บัดนี้คิดแล้วน่าขำยิ่งนัก


“มาเถิดทุกท่าน ไม่ต้องกักเก็บพลัง ลงมือด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณนี้!”


หนานฉงคำรามเสียงทุ้ม ฝีมือการแสดงมิมีผู้ใดทัดเทียม หากมิใช่ว่าจ้าวกิเลนดำล่วงรู้ความจริง มันคงเชื่อไปแล้ว


“ได้”


สิ่งมีชีวิตกว่าสามสิบตนตอบ ความดุดันแผ่ออกไปจนมืดฟ้ามัวดิน พลังในกายรีดเร้นอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาตกลงกันก่อนหน้านี้แล้วว่า ผู้ไม่ลงมือด้วยกำลังทั้งหมดที่มีจะถูกสิ่งมีชีวิตตนอื่นรุมโจมตี พวกเขาไม่อยากเป็นเช่นนั้น ต่างเตรียมลงมือเต็มกำลัง


“ลุย!”


หนานฉงบุกอยู่ด้านหน้าสุด สองมือประสานอิน คล้ายกำลังสำแดงวิชาลับน่าพรั่นพรึงบางอย่าง


จ้าวกิเลนดำแหงนหน้าคำราม ร่างมหึมาปราดออกไป


บรรดาสิ่งมีชีวิตตนอื่นมิได้เคลือบแคลง สำแดงฤทธิ์เดชรุนแรงที่สุดของตนกันทั้งสิ้น คลื่นพลังอันน่ากลัวโถมทับฟ้าดิน วิชาลับต่าง ๆ พร้อมทั้งยอดศาสตราเปล่งอานุภาพเกินหยั่ง!


หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำเด็ดขาดยิ่งนัก ขณะที่บุกไปได้ครึ่งทาง พวกเขาหักหัวกะทันหัน แหวกมิติหนีออกไปไกล


พวกเขารู้ดีว่าการโจมตีอันน่ากลัวเช่นนี้ต้องพบกับแรงสะท้อนระดับใด ขืนยังอยู่ที่เดิม มีแต่ต้องตายเท่านั้น


สิ่งมีชีวิตบางตนได้เห็นหนานฉงกับจ้าวกิเลนดำหนีก็รู้ตัวอย่างรวดเร็ว ตระหนักได้ว่าพวกเขาอาจถูกลวงเสียแล้ว เบื้องหน้าคงมีภยันตรายบางอย่างรอพวกเขาอยู่!


ทว่าวิชาที่พวกเขาใช้ต่างเป็นระดับพลังสูงสุดของตน ไฉนเลยจะดึงกลับมาได้ง่าย ๆ ไม่มีทางทำได้เลย


พวกเขาได้แต่มองดูการโจมตีของตัวเองกระแทกกับเส้นทางโบราณโดยไร้หนทางแก้ไข


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ลมหายใจต่อมา การโจมตีกระแทกเส้นทางโบราณ คล้ายอสนีบาตจากธรณี คล้ายการระเบิดครั้งใหญ่จนอุบัติเป็นปฐพีผืนนี้ ประกายเจิดจ้าท่วมท้นทุกสรรพสิ่ง


ภายในเส้นทางโบราณ พวกจักรพรรดินีมิได้พะวงแม้แต่น้อย พวกนางมีสีหน้าราบเรียบ เพราะคิดตกอยู่นานแล้วว่าไม่มีทางมีอันเป็นไป


อย่างที่คิด เมื่อการโจมตีสยดสยองท่วมฟ้านั้นกระหน่ำลงมา พลังอันน่าสะพรึงระเบิดออก เส้นทางโบราณไร้ซึ่งรอยขีดข่วน ไม่แม้แต่จะสั่นไหว ยับยั้งการโจมตีทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ


พรวด! พรวด! พรวด!


กลับเป็นเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ลงมือต้องถูกแรงสะท้อนอย่างไม่มีข้อยกเว้น เลือดเนื้อสาดกระจาย สภาพน่าสังเวชไม่แพ้กัน!


พวกเขาถูกแรงกระเทือนจนนอนหมดสภาพกับพื้นกันทั้งหมด พลังมิได้อยู่ในระดับเดียวกัน พลังของเส้นทางโบราณเหนือชั้นว่าพวกเขามากนัก!


พวกเขาไม่อาจเชื่อเรื่องนี้ได้ลง สะท้านเหลือแสน คนระดับไหนกันถึงเขียนอักษรเช่นนั้นออกมาได้ เกินขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง!


พวกเขาต่างสัมผัสได้ว่าพลังของเส้นทางโบราณมาจากอักษรภาพนั้น


“เจ้าหนานฉงเดนตาย ชั่วช้านัก อย่าให้ข้าได้พบเจ้าอีก มิฉะนั้นข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่!”


สิ่งมีชีวิตบางตนคำรามกราดเกรี้ยว ดวงตาคล้ายจะมีไฟพุ่งออกมาเพราะได้สติจากความตกตะลึง รู้ได้อย่างแจ่มชัดว่าหนานฉงปิดบังข้อมูลสำคัญจากพวกเขา จงใจล่อพวกเขาให้ตกหลุมพราง


มิฉะนั้น เหตุใดหนานฉงกับจ้าวกิเลนดำถึงหนีไปโดยไม่ลังเล


เพราะพวกเขารู้แต่แรกแล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้!


“พวกเราถูกหลอกกันหมด พวกเขาสองคนก็คงมิได้ดีไปกว่ากันนัก!”


“พวกเขาลงมือนำไปแล้ว ย่อมประสบกับแรงสะท้อนแล้วเช่นกัน คงได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่ภายนอกดูไม่เป็นอันใดเพราะพวกเขาอำพรางไว้และกัดฟันฝืนทน!”


สิ่งมีชีวิตตนอื่นรู้ตัวตาม ๆ กัน โทสะลุกโชน หากพวกเขามองทุกอย่างได้ขาดเร็วกว่านี้ ไฉนเลยจะกลายเป็นแบบนี้


หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำจะต้องตาย!


อนิจจา การแสดงละครก่อนหน้านี้ของหนานฉงไร้พิรุธ ไม่มีพวกเขาคนใดตงิดใจ ไม่แม้แต่จะกังขาสักนิด


“หนานฉง จ้าวกิเลนดำ พวกเจ้าตายแน่!”


“ไม่ว่าผู้ใดก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้!”


พวกเขาคำรามเสียงเหี้ยม ถูกหลอกจนอยู่ในสภาพอนาถา แต่ละตนล้วนบาดเจ็บไปถึงแก่น


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก พายุปริภูมิเวลาอุบัติได้ทุกเมื่อ บาดแผลถึงแก่นเช่นนี้ยากจะรักษาให้หาย ไม่แน่พวกเขาอาจต้านพายุปริภูมิครั้งต่อไปมิไหว


พวกเขาเคียดแค้นในตัวหนานฉงกับจ้าวกิเลนดำอย่างยิ่งยวด สาบานตนว่าจะแก้แค้น และไม่มีทางรามือง่าย ๆ!


“พวกเจ้าคิดถึงข้าขนาดนี้เชียวหรือ ได้ ๆ ข้ามาแล้ว!”


ทันใดนั้น หนานฉงก็บุกเข้าไป กล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก ที่เขาลวงหลอกสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก่อนหน้านี้ไม่เพียงเพื่อเอาตัวรอด หากแต่เพื่อการฉวยโอกาสชิงพลังในพริบตานี้ด้วย!


เขาลงมืออย่างเด็ดเดี่ยว มิได้ยืดเยื้อแม้แต่น้อย กระบี่ยาวสัมฤทธิ์เปล่งประกายเย็นยะเยือก ผ่าสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา ปล้นทุกอย่างในตัวสิ่งมีชีวิตตนนี้ไป อีกทั้งยังดูดกลืนปราณเลือดแก่นพลังของสิ่งมีชีวิตตนนี้ไปทั้งหมด


เทียบกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เขาได้รักษาบาดแผลฟื้นฟูพลังตัวเองไปแล้วก่อนหน้านี้ แม้นยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ กระนั้นก็ทรงพลังกว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้


มิหนำซ้ำสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ยังผนึกกำลังโจมตี พลังที่สะท้อนกลับมาจึงน่ากลัวกว่าครั้งที่เขากับจ้าวกิเลนดำทำตั้งไม่รู้เท่าไร สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บหนักเสียจนเรียกได้ว่าสูญเสียพลังที่จะต่อสู้ได้อีก


มิฉะนั้น เขาไม่มีทางผ่าสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับเขาเป็นสองท่อนได้ในกระบี่เดียว


จ้าวกิเลนดำนั้นเห็นได้ชัดว่าใจกล้ามิเท่าเขา ครั้งนี้มิได้ตามหนานฉงกลับมาด้วย


หนานฉงลงมือได้โหดเหี้ยมว่องไว ไม่มัวชักช้าลีลา เขาสังหารสิ่งมีชีวิตไปอีกหลายตน ดูดกลืนปราณเลือดแก่นพลัง ชิงทุกสิ่งในตัวพวกมัน แล้วไปจากที่นี่โดยไม่หันกลับมามอง


ต้องยอมรับว่า เขาเป็นบุคคลที่น่าจดจำผู้หนึ่งจริง ๆ ลงมือกับสิ่งมีชีวิตที่เหลือในสถานที่แห่งนี้ได้ ทว่าเขามิได้ทำ จากไปอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด ไม่อาลัยอาวรณ์ ไม่ถูกความละโมบครอบงำสติปัญญา


หนานฉงกลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิด กลัวว่าสิ่งมีชีวิตที่เหลือจะร่วมมือเข้าห้ำหั่นกับเขาสุดชีวิต และที่กลัวยิ่งกว่านั้นคือ พวกจักรพรรดินีจะบุกออกจากเส้นทางโบราณ เขาเข้าใจหลักการสละเพื่อให้ได้มาดี


อันที่จริง การตัดสินใจของเขาถูกต้องเป็นที่สุด


เขาได้ลงมืออย่างฉับพลันก่อนหน้านี้ สิ่งมีชีวิตตนอื่นไม่ทันตั้งตัว เขาจึงสังหารไปได้หลายตน ดูดกลืนปราณเลือดแก่นพลังและปล้นสมบัติติดตัวไปได้


ทว่าหากเขาไม่ไป เลือกอยู่ที่นี่ต่อ ย่อมต้องพบกับหายนะ


สิ่งมีชีวิตตนอื่นตั้งตัวได้แล้ว และกำลังรวมตัวเข้าด้วยกัน เตรียมเผาผลาญแก่นกำเนิดชีวิตเพื่อต่อสู้กับหนานฉง


หากเป็นเช่นนั้นจริง หนานฉงย่อมมิใช่ฝ่ายได้เปรียบ เป็นไปได้ว่าจะไปไหนไม่ได้อีก


หลังไปจากที่นั่นแล้ว หนานฉงหาสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง รีดเร้นพลังหลอมละลายปราณเลือดแก่นพลังที่ตนดูดกลืนมาได้


ปราณเลือดแก่นพลังเหล่านี้ล้วนเป็นแก่นกำเนิดพลังของสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับเขา มีประโยชน์ต่อเขามหาศาล ช่วยให้เขาฟื้นตัวถึงสภาพสมบูรณ์ที่สุดได้โดยไว


หากเขาละลายปราณเลือดแก่นพลังเหล่านี้ได้หมดเมื่อใด เขาจะก้าวสู่ขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้นไป!


“หนานฉงเป็นคนบ้าดีเดือดจริง ๆ!”


อีกด้าน จ้าวกิเลนดำหดหัว ตกใจกับความใจกล้าของหนานฉง


มันไม่คิดเลยว่าหนานฉงจะกล้ากลับไปอีก ที่นั่นอันตรายเพียงใด สถานการณ์ไม่แน่ชัด คลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยมีหวังได้จบชีวิตแน่


ถึงอย่างไรมันก็มิกล้ากลับไป


“อย่างข้าสิดี ปลอดภัยไร้อันตราย!”


มันคลี่ยิ้มกว้าง รู้สึกว่าสถานการณ์ของมันต่างหากที่ดีที่สุด


จากนั้นมันก็ทำเวลารักษาบาดแผล


ขณะเดียวกัน บนเส้นทางโบราณ พวกจักรพรรดินีต่างตะลึงกับความอำมหิตและความใจกล้าของหนานฉง


นิสัยเช่นหนานฉง หากเป็นศัตรูย่อมต้องถอนรากถอนโคน ไม่อาจเหลือโอกาสให้สักเสี้ยว มิฉะนั้น ย่อมกลายเป็นภัยมหันต์ในภายหลัง!


ยังดี หนานฉงติดอยู่ในซากปริภูมิเวลาออกไปมิได้ พวกนางจึงไม่ต้องกังวลเรื่องของอีกฝ่ายมากนัก


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เวลานั้น จู่ ๆ เส้นทางโบราณก็สั่นไหวรุนแรง ประกายเจิดจ้ามหาศาลพวยพุ่ง เส้นทางโบราณที่เคยถูกตัดขาดบัดนี้เริ่มยืดยาวออกไป คล้ายว่าจะทะลวงออกจากซากปริภูมิเวลา


“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเราต้องไม่เป็นอันใด เส้นทางโบราณเพียงถูกระงับไว้ชั่วคราวเท่านั้น บัดนี้กำลังจะทลายแรงกดทับของซากปริภูมิเวลาแล้ว!”


หยวนอีเอ่ยพลางยิ้ม ดูยินดีปรีดาอย่างมาก ทุกอย่างเป็นตามที่พวกนางคิดจริง ๆ พวกนางจะไม่ถูกกักขังอยู่ในซากปริภูมิเวลา ออกจากซากปริภูมิเวลาไปได้!


“ตราประทับ!”


หยวนอีเห็นพลังบางอย่างโลดแล่นอยู่ที่ตราประทับ เป็นพลังในตราประทับที่กำลังปะทุอยู่ นางครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “คุณชายประทับตราเพิ่มในตอนท้ายสุด เป็นการเตรียมการสำหรับเรื่องนี้หรือ?”


ก่อนหน้านี้ พลังตราประทับยังมิได้ปะทุ พลังที่ปรากฏออกมานั้นล้วนมาจากภาพอักษรของคุณชาย บัดนี้ พลังตราประทับแผ่ขยาย พลังของซากปริภูมิเวลาค่อย ๆ ถูกทลาย เส้นทางโบราณขยายกลับสู่ยุคปัจจุบัน


นางรู้สึกว่าที่คุณชายประทับตราเพิ่มก็เพื่อใช้ในสถานการณ์ที่พวกนางเผชิญในตอนนี้!


“เห็นทีคงใช่!”


จักรพรรดินีพยักหน้า คิดเหมือนกันว่าเป็นการจัดแจงของคุณชาย นางเอ่ยออกมาด้วยความสะท้อนใจอย่างอดมิได้ “คุณชายเก่งกาจอย่างแท้จริง ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุม และทุกประโยค ทุกการกระทำของคุณชายล้วนแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง!”


อักษรเป็นทาง สมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรเพื่อคืนชีพท่านอาจารย์ ตราประทับเพื่อทลายซากปริภูมิเวลา คุณชายแข็งแกร่งมากจริง ๆ เตรียมการทุกอย่างไว้แต่แรกแล้ว


ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!


เส้นทางโบราณสว่างเจิดจ้า คลื่นพลังที่เปล่งออกมานั้นยิ่งทวีความสยดสยองขึ้น จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งพวยพุ่งออกจากตราประทับ มหัศจรรย์ถึงขีดสุด!


พลังของปริภูมิเวลาถูกกระเทือนออก ข่มเส้นทางโบราณไว้ไม่ได้อีกต่อไป เส้นทางโบราณยาวเหยียดออกไปเรื่อย ๆ จนใกล้ทะลวงออกจากซากปริภูมิเวลาเต็มที


“บังอาจนัก!”


เวลานั้น เสียงตวาดเย็นเยียบดังขึ้น วังวนมโหฬารปรากฏเหนือซากปริภูมิเวลา คลื่นพลังยิ่งใหญ่น่ากลัวดุจมหาสมุทรซัดสาด สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในซากปริภูมิเวลาต่างตื่นตกใจกับพลังนี้ ล้วนหมอบราบกับพื้น ดวงวิญญาณสั่นสะท้าน!


ขณะเดียวกัน หนานฉงเบิกตาขึ้นในบัดดล บำเพ็ญเสร็จสิ้น ความอึ้งงันพาดผ่านแววตา


“ผู้คุมนักโทษปรากฏตัวแล้วหรือ?!”


สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้คุมนักโทษที่คอยเฝ้ายามซากปริภูมิเวลาแห่งนี้ยังโผล่มาด้วย


พลังของผู้คุมนักโทษลึกล้ำเกินหยั่ง บงการพวกเขาได้ตามใจชอบ เคยมีสิ่งมีชีวิตหลายตนร่วมมือหมายจะทลายผนึกของซากปริภูมิเวลา เป็นผลให้ผู้คุมนักโทษปรากฏตัว สุดท้าย ผู้คุมนักโทษคร่าชีวิตสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นได้ง่ายเพียงพลิกมือ


ขอบเขตพลังของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นสูงกว่าเขาตั้งไม่รู้กี่ระดับ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คุมนักโทษ กลับไม่มีค่าอันใด ไร้น้ำยาสิ้นดี ถูกฆ่าได้ง่าย ๆ!


เขานั้นยังดี มีของวิเศษติดตัวมาก กอปรกับคลื่นลมปราณที่ผู้คุมนักโทษแผ่ออกมานั้นมิได้พุ่งเป้ามาที่เขา ด้วยของวิเศษพวกนี้ เขามิได้ย่ำแย่เท่าใด จึงฝืนทนไว้ได้


สมองเขาแล่นอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดว่าหลังจากนี้ควรทำอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์ต่อเขากว่า


อีกด้าน ผู้คุมนักโทษเดินออกจากวังวนปริภูมิเวลา


“มิมีผู้ใดไปจากที่นี่ได้!”


เขาตวาดเสียงเย็น ประกายไฟฟ้าแลบแปลบอยู่ในตา ชวนให้หวาดผวา!


ผู้คุมนักโทษยืนตระหง่านอยู่บนนภา วังวนอันน่าพรั่นพรึงเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง มันมีสีหน้าเย็นชา มิใช่เผ่ามนุษย์ และมิใช่สัตว์อสูร แต่เป็นต่างเผ่าที่แตกต่าง


ตัวมันสูงหลายสิบจั้ง เนื้อกายเป็นสีเงินยวง เปล่งประกายระยิบระยับคล้ายเป็นโลหะ บนหลังมีแปดปีก นัยน์ตาปราศจากอารมณ์ความรู้สึก จนชวนให้หวั่นใจโดยไม่รู้ตัว


เสียงดัง ‘ฟึ่บ!’ เมื่อมันยกมือเรียกคทาด้ามหนึ่งซึ่งมีหินผลึกสีฟ้าเม็ดหนึ่งฝังไว้ออกมา แล้วลงมือกำราบ


หน้าที่ของมันคือพิทักษ์ดินแดนนี้ มันไม่มีทางปล่อยให้เส้นทางโบราณทะลวงหายไปง่าย ๆ


หินผลึกสีฟ้าบนคทาด้ามนั้นเปล่งแสง กฎระเบียบพิเศษบางอย่างโลดแล่น สร้างการเชื่อมต่อกับดินแดนนี้ พลังทั้งหมดในซากปริภูมิเวลาเดือดพล่านขึ้นมา!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


พลังมหาศาลถล่มลงมาราวกับทำนบบนนภาแตก พลังที่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายผนึกกำลังโจมตีเส้นทางโบราณดูเล็กน้อยดั่งน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทรเมื่อเทียบกับพลังเหล่านี้ มันจึงไม่ควรค่าแก่การพูดถึงสักนิด


ตราประทับปะทุ พลังหลั่งไหลออกมากลายเป็นลำแสง น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก ลำแสงทะลวงผ่านพลังมหาศาลนั้นแล้วปราดไปหาผู้คุมนักโทษ


ผู้คุมนักโทษหาใช่พวกดาษดื่น ปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม เคลื่อนร่างอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีจากลำแสงนี้


ทว่ามันก็ยังได้รับแรงกระเทือน ถูกสะบั้นไปครึ่งร่าง ของเหลวคล้ายโลหะสีเงินหลั่งไหลออกมา


สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในซากปริภูมิเวลาต่างสูดปาก ขนลุกขนชัน หัวใจสะท้าน อักษรภาพนั้นน่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง?


หากมิใช่ว่าไหวพริบดี หลบหลีกได้ทันท่วงที น่ากลัวว่าผู้คุมนักโทษซึ่งเปรียบเสมือนผู้บงการในซากปริภูมิเวลานี้คงถูกลำแสงสายนั้นสังหารไปแล้วในชั่วอึดใจ!


ผู้คุมนักโทษเองก็ตกตะลึง หน้าตาหวาดผวา คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับสถานการณ์ตึงมือเช่นนี้ มันยังสามารถกำราบไหวอยู่หรือ?


มันไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย!


บาดแผลบนร่างกายของมันมีกฎระเบียบสยดสยองว่ายเวียน มันไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายได้ เพราะพลังกฎระเบียบนี้ขวางกั้นพลังของมันทั้งหมด


สถานการณ์ย่ำแย่มาก เส้นทางโบราณมิใช่สิ่งที่มันกำราบไหว


แต่มันไม่มีทางยอมแพ้เท่านี้ เส้นทางโบราณจะจากไปง่าย ๆ เช่นนี้มิได้!


ปริภูมิเวลาเป็นสมบัติจำเพาะของพวกมัน มีเพียงพวกมันเท่านั้นที่สามารถทะลุทะลวงฝ่าปริภูมิเวลาได้ตามใจชอบ สิ่งมีชีวิตตนอื่นไม่มีสิทธิ์นั้น หากมีสิ่งมีชีวิตตนอื่นหาญกล้าผ่านทะลวงในปริภูมิเวลา ย่อมต้องถูกพวกมันลงทัณฑ์!


สิ่งมีชีวิตในซากแห่งนี้ล้วนถูกพวกมันจับมาที่นี่เพราะเดินทางข้ามปริภูมิเวลา จึงถูกขังเอาไว้


พวกมันไม่มีทางอนุญาตให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นก้าวก่ายปริภูมิเวลา ปริภูมิเวลาเป็นของพวกมันเพียงฝ่ายเดียว!


“จงตื่น!”


มันคำรามลั่น โยนไม้คทาขึ้นฟ้า จากนั้นพลันมีพลังหลั่งไหลออกมาจากหินผลึกสีฟ้าบนไม้คทา คลื่นพลังพิเศษบางอย่างซัดสาดออกไปอย่างรวดเร็ว แทรกซึมเข้าไปในปริภูมิเวลาต่าง ๆ เพื่อส่งข้อมูล


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ลมหายใจต่อมา เสียงระเบิดสยดสยองดังอยู่ทั่วทั้งซากปริภูมิ สมาชิกที่นิทราอยู่ในที่แห่งนี้ตื่นขึ้นทั้งหมด ที่นี่มิได้มีผู้คุมนักโทษดูแลอยู่เพียงผู้เดียวเท่านั้น


ที่นี่มีสมาชิกนับร้อย บัดนี้ก้าวออกมากันถ้วนหน้า จ้าวแห่งเรือนจำก็ตื่นขึ้นในทันใด และมายังที่นี่


ทว่ายังไม่จบเพียงเท่านี้ บนนภาเหนือซากปริภูมิเวลา มีสายธารแห่งปริภูมิเวลาไหลหลากปรากฏขึ้นสายแล้วสายเล่า สิ่งมีชีวิตต่างเผ่านับพันนับหมื่นกระโจนออกจากสายธารแห่งปริภูมิเวลา


พลังปราณของพวกมันทุกตนล้วนสยดสยองน่ากลัว แข็งแกร่งกว่าผู้คุมนักโทษกันทั้งสิ้น พวกมันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่ระเบิดออกมาจากไม้คทา จึงฝ่าเข้ามาจากปริภูมิเวลาต่าง ๆ เพื่อเป็นกองหนุน


และท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทุกตน ภาพร่างมโหฬารภาพหนึ่งลอยออกมา เป็นราชันแห่งปริภูมิเวลาจุติลงมาเป็นกองหนุนที่นี่ด้วยตนเอง


ลำแสงนับล้านเปล่งจากตัวมัน ขอบเขตพลังสูงถึงขั้นเกินหยั่ง สถานะของมันสูงส่ง กำลังรบไร้ขีดจำกัด!


การที่คทาปะทุบ่งบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่ สิ่งมีชีวิตทุกตนที่สัมผัสได้ล้วนต้องเดินทางมาช่วยเหลือ นี่คือกฎของพวกมัน


ราชันตนหนึ่งมาด้วยตนเอง!


รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของผู้คุมนักโทษ คราวนี้ไม่มีอันใดต้องเป็นห่วงแล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดคิดอื่นใดอีก เส้นทางโบราณต้องถูกกำราบลง


“ราชันเย่!”


บรรดาสมาชิกอย่างผู้คุมนักโทษคุกเข่าคำนับราชันผู้นี้ทันที ฐานะราชันสูงส่งกว่าพวกมันมากนัก


ราชันเย่พยักหน้าเบาเป็นการตอบรับ


มันน่าสะพรึงมากจริง ๆ ขณะที่กะพริบตา ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่แวบพาดผ่านดวงตาของมันไปอย่างรวดเร็ว


เพียงครู่เดียว มันก็รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นในที่แห่งนี้


เสียงดังตู้ม มือใหญ่ของมันกดทับลงบนเส้นทางโบราณ กฎแห่งปริภูมิเวลาเคลื่อนทะยาน พลังน่ากลัวมากมายกระหน่ำออกมา หยุดยั้งเส้นทางโบราณที่แผ่ขยายอยู่


แสงสว่างทะลักออกจากเส้นทางโบราณ ทว่าไม่นานก็ถูกกำราบ


“ฆ่า!”


จ้าวแห่งเรือนจำตะโกนลั่น บุกเข้าไปทันที สมาชิกนับพันนับหมื่นตามหลังมันไป ยกทัพบุกเข้าไปถ้วนหน้า!


สถานการณ์นี้ทำเอาสิ่งมีชีวิตในซากปริภูมิเวลาตกตะลึงกันหมด พวกมันเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ที่ไหน?


ต่อให้พวกมันมาจากจักรวาลอันอัศจรรย์ ก็มิเคยพบเห็นภาพการณ์น่าประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้มาก่อน ในบรรดาสมาชิกที่บุกสังหารไปยังเส้นทางโบราณ แม้แต่สมาชิกระดับต่ำที่สุดยังพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินในจักรวาลโกลาหลที่พวกเขาอาศัยอยู่ได้ ยากจะมีสิ่งมีชีวิตตนใดสกัดไว้


จ้าวแห่งเรือนจำยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ เป็นตัวตนระดับผู้บงการได้แน่นอน หากได้เดินทางไปยังจักรวาลโกลาหลที่พวกเขาอยู่ ย่อมกำราบได้ทุกสิ่ง


ส่วนราชันเย่ผู้นั้นเกินจะจินตนาการได้ เขาอยู่ในขอบเขตไหนกัน พวกเขาจับสัมผัสไม่ได้เลย บางทีคงเหนือกว่าระดับความเข้าใจของพวกเขาไปไกลแล้วกระมัง


ยามนี้ พวกเขาต่างหวาดผวา เบื้องหลังพวกราชันเย่ต้องเป็นกองกำลังเช่นไรกัน พวกเขารู้สึกว่าราชันเย่มิใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด เบื้องหลังของเขาต้องมีกำลังรบน่ากลัวยิ่งกว่านี้อยู่เป็นแน่


บนเส้นทางโบราณ อาจารย์ของจักรพรรดินีร่างสั่นเทิ้มไปทั้งตัว แม้ว่าในเส้นทางโบราณจะมีม่านพลังขวางกั้นคลื่นพลังปราณที่หลั่งไหลอยู่ด้านนอก พวกนางที่อยู่ภายในไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่ยามนางได้เห็นภาพเช่นนี้ ก็ยังอดกลัวมิได้ นี่คือความกลัวซึ่งถือกำเนิดจากส่วนลึกของดวงวิญญาณ มิได้เกี่ยวข้องกับแรงกดดันอันใด


“ท่านอาจารย์ ไม่ต้องกลัว เราจะไม่เป็นไร”


จักรพรรดินีเดินเข้าไปอยู่ข้างกายอาจารย์ของนาง จับมืออาจารย์ของนางไว้ พร้อมเอ่ยเสียงจริงจัง “เราต้องรอดกลับไปได้แน่!”


หลังจากจักรพรรดินีจับมือของนางไว้ ร่างที่สั่นเทิ้มของอาจารย์จักรพรรดินีก็หยุดลง


นางมองจักรพรรดินี เอ่ยเสียงอ่อนนุ่ม “ข้าไม่กลัวแล้ว!”


จ้าวแห่งเรือนจำนำทัพสมาชิกนับพันนับหมื่นบุกเข้ามา ต้องเป็นภาพการณ์น่าพรั่นพรึงระดับใดกัน การโจมตีอันน่ากลัวท่วมท้นนภา ทว่าในแววตาจักรพรรดินีกับหยวนอีต่างปราศจากความกลัว


ไม่มีอันใดต้องกลัว พวกนางต่างมั่นใจในตัวคุณชาย คุณชายไม่มีต้องให้ร้ายพวกนางแน่!


และอาจารย์ของจักรพรรดินีก็มิได้กลัวอีกต่อไป นางจับมือจักรพรรดินี มองการโจมตีท่วมท้นนภาที่กระหน่ำลงมาใส่พวกนางด้วยสีหน้าราบเรียบ


ฟึ่บ!


เวลานั้นเอง แสงสว่างแยงตายิ่งกว่าพวยพุ่งออกจากตราประทับ ข้ามผ่านเส้นทางโบราณ ทะยานขึ้นนภา


จากนั้นกฎระเบียบสูงส่งเคลื่อนไปตามแสงสว่าง กฎระเบียบระดับนี้แม้กระทั่งราชันเย่ยังต้องตาค้าง!


ท่ามกลางแสงสว่างอันเจิดจ้า ภาพร่างหนึ่งค่อย ๆ หลอมรวมขึ้น เป็นภาพร่างวัยเยาว์ รูปร่างพร่าเลือน พอจะมองเห็นได้อยู่บ้างว่ามีรูปโฉมอย่างไร


“คุณชาย!”


จักรพรรดินีกับหยวนอีตาลุกวาวกันในบัดดล แม้ว่าภาพร่างนี้ดูวัยเยาว์ กระนั้นพวกนางยังจำได้ในพริบตาว่านั่นคือร่างของคุณชาย!


ภาพร่างคุณชายปรากฏ ณ ที่แห่งนี้ พวกนางยิ่งไม่เหลือสิ่งใดให้กังวล วางใจได้สนิท


ช่วยไม่ได้ พวกนางมั่นใจในตัวคุณชายเต็มร้อย!


“แกล้งหลอกผีอยู่ได้ ข้าขอดูทีเถิดว่าเจ้าเป็นใคร!”


ราชันเย่ตวาดเสียงเย็น นัยน์ตาส่องประกาย กฎแห่งปริภูมิเวลาอันน่ากลัวโลดแล่นอยู่ในนั้น มันจ้องมองภาพร่างของหลี่จิ่วเต้า หมายจะไล่ย้อนกลับไปยังแก่นกำเนิด


เสียงดังตึง จู่ ๆ ร่างมันก็สั่นไหวอย่างหนักจนเกือบล้มหัวคะมำ เกิดอุบัติเหตุกับมันยามไล่ย้อนแก่นกำเนิดของหลี่จิ่วเต้า จนเกือบต้องสิ้นชีพ!


ยังดีที่มันมีไหวพริบดีพอ เมื่อรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล ก็ถอนกำลังกลับอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงพลังกลับทั้งหมด


มันตกใจแทบแย่ ความกลัวอันไร้ขอบเขตปรากฏในใจ ด้วยพลังระดับมัน การไล่ย้อนไปถึงแก่นกำเนิดควรเป็นเรื่องง่ายดาย มันสามารถปรับห้วงเวลาได้ตามต้องการ


ทว่ามันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น ยังไม่ทันได้ไล่ย้อนอย่างเป็นทางการ ก็มีอันตรายถึงชีวิต สร้างความตื่นตระหนกแก่มันอย่างมาก!


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าของภาพร่างนี้เก่งกาจจนไม่อาจวัดได้!


มันมิได้ลังเล คิดจะเรียกยอดฝีมือผู้ทรงพลังยิ่งกว่าเข้ามาช่วย มันรู้สึกว่าตัวมันคงมิใช่คู่ต่อสู้ของภาพร่างนั้น กลัวจะเกิดเรื่อง!


“ถูกผนึกไว้หมดแล้ว!”


สีหน้าของมันมืดมน ย่ำแย่ถึงขีดสุด


พื้นที่แห่งนี้ถูกผนึกไว้จนสิ้น ไม่ว่าพลังใดล้วนมิอาจส่งออกไปได้ รวมถึงปริภูมิเวลาก็ด้วย มันไม่สามารถเรียกกำลังเสริมจากภายนอกมาได้


อีกด้าน ภาพร่างนั้นขยับ


เขาหายตัวออกจากที่แห่งนี้ เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็มาอยู่ท่ามกลางเหล่าสมาชิกอย่างจ้าวแห่งเรือนจำ คล้ายว่ากำลังรำกระบวนท่ามวย เชื่องช้าอย่างยิ่งยวด อีกทั้งยังดูจะมีช่องโหว่มากมาย ไร้ซึ่งพละกำลัง


ทว่าทั้งหมดเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นภายนอกเท่านั้น ความจริงมิใช่เช่นนั้นเลย!


ชั่วขณะที่เขาต่อยมวย สิ่งมีชีวิตถูกซัดกระเด็นออกไปมหาศาล กระอักเลือดออกจากปากไม่หยุด ร่วงหล่นลงไปกันถ้วนหน้า ไม่เหลือพลังจะต่อสู้ได้อีก


จ้าวแห่งเรือนจำบุกเข้ามา แข็งแกร่งกว่าสมาชิกตนอื่นตั้งไม่รู้เท่าใด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าภาพร่างนี้ จ้าวแห่งเรือนจำอ่อนปวกเปียกไม่อาจต้านได้แม้แต่การโจมตีเดียว!


พรวด!


เลือดเนื้อสาดกระจาย หมัดที่ดูนุ่มนวลไร้กำลังแรง แต่เมื่อซัดกระทบตัวจ้าวแห่งเรือนจำ กลับน่ากลัวเสียยิ่งกว่าอสนีบาต ร่างของจ้าวแห่งเรือนจำแหลกสลายในบัดดล ไม่มีกำลังจะตอบโต้แม้แต่น้อย!


เมื่อราชันเย่ได้เห็นภาพนี้ ก็สั่นไปทั้งขา ตัวมันมีขอบเขตพลังสูงส่ง มองเห็นหลายอย่างจากหมัดที่ร่างนั้นซัดออกมา


นี่…วิชามวยอันใดกัน?


มันตั้งสมาธิต่อสู้ไม่ได้เลย น่ากลัวเกินไป ไม่สงสัยเลยว่าต่อให้เป็นมันที่บุกเข้าไปก็ไม่อาจต้านทานหมัดนี้ได้


ทว่าเรื่องนี้มันมิอาจเป็นฝ่ายกำหนด


กระบวนท่ามวยถูกสำแดงออกมา พลังแปลกประหลาดบางอย่างดึงมันเข้ามา มันจำต้องรับศึก


“อ๊ากกกก!”


มันคำรามเสียงต่ำ เปล่งประกายเจิดจ้าทะลุนภา แผลงฤทธิ์เดชทุกอย่าง มิกล้ากักเก็บพลังเลยสักนิด


แต่ก็ยังไร้ประโยชน์


มันถูกกระเทือนจนกระเด็นออกไป เลือดเนื้อระเบิดออก สูญเสียพลังจะต่อสู้ได้อีก!


เวลานี้ ภาพร่างของหลี่จิ่วเต้าเก็บหมัด ย่างกลับไปยังเส้นทางโบราณในก้าวเดียว


จากนั้นเขาก็กระทืบเท้าเบา ๆ


ชั่วพริบตาเดียว พลังมหาศาลปะทุออกมาจากเส้นทางโบราณ ทะลวงซากปริภูมิเวลาแห่งนี้ออกไป ก่อร่างเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับยุคปัจจุบัน!


“ไป!”


พวกจักรพรรดินีรุดหน้าไปตามเส้นทางโบราณ ร่างของพวกนางค่อย ๆ หายลับจากที่แห่งนี้


เส้นทางโบราณก็ค่อย ๆ หายลับตาไป


ทว่าขณะที่เส้นทางโบราณกำลังจะหายจากซากปริภูมิเวลา เงาร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามารั้งท้ายเส้นทางโบราณ จนออกไปจากซากปริภูมิเวลาได้


“สำเร็จ!”


เขาพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ความตื่นเต้นในน้ำเสียงปิดไว้ไม่มิด


หน้าตาของหนานฉงเต็มไปด้วยความปีติยินดีอย่างสะกดไม่อยู่ ในที่สุดเขาก็ไปจากซากปริภูมิเวลาแสนเส็งเคร็งแห่งนี้ได้แล้ว!


คิดดูสิว่าผ่านมาแล้วตั้งเท่าไหร่


ตัวเขาเองยังจำแทบไม่ได้ ในซากปริภูมิเวลาไม่มีเวลา แต่เขารู้ดีว่าช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ในซากปริภูมิเวลายาวนานกว่าช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่มากนัก


ตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าข้ามผ่านมาได้อย่างไรครั้งแล้วครั้งเล่า พายุปริภูมิเวลาที่ปรากฏในแต่ละครั้งล้วนน่าประหวั่นพรั่นพรึง บัดนี้คิดดูแล้ว เขายังรู้สึกผวา


ทว่าตอนนี้เรื่องเหล่านั้นล้วนไม่สำคัญ


เขาออกจากซากปริภูมิเวลา หลังจากนี้ไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องพายุปริภูมิเวลาอีก


ถึงได้กล่าวว่า เขาผู้นี้เป็นบุคคลน่าจดจำอย่างแท้จริง โหดเหี้ยมพอ ใจกล้าพอ สถานการณ์เฉกเช่นตอนนั้น ผู้ใดเล่าจะไม่ตื่นกลัว


แต่เขากลับสามารถระงับความลนลานหวาดผวาในใจลงได้ ติดสอยห้อยตามเส้นทางโบราณ หนีจากซากปริภูมิเวลาได้สำเร็จ


“ไปตามเส้นทางโบราณ!”


เขาไม่เพียงแต่ใจกล้าพอ สมองยังดีด้วย เขารู้ดีว่าหากไปอยู่ที่ปริภูมิเวลาอื่น กองกำลังเบื้องหลังราชันเย่ต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่ และคงมาหาถึงที่


แต่การมุ่งไปตามเส้นทางโบราณนั้นแตกต่างกัน


เบื้องหลังของเส้นทางโบราณต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ต่อให้กองกำลังเบื้องหลังราชันเย่บุกมา เขาก็อยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าปริภูมิเวลาอื่น อย่างน้อยก็มีกองกำลังเบื้องหลังเส้นทางโบราณออกคานกำลังให้


...


ณ ซากปริภูมิเวลา


ราชันเย่หน้าซีดเผือด ขณะนำทัพเหล่าสมาชิกอย่างจ้าวแห่งเรือนจำออกไป พวกมันบาดเจ็บหนักเกินไป จึงจำต้องได้รับการรักษาให้ทันท่วงที มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่


“หนานฉง…หนีไปแล้ว!”


“อ๊ากกก! ความแค้นของเราไม่มีที่ให้สะสางแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตในสถานที่นี้คำรามอย่างกราดเกรี้ยว พวกเขาถูกหนานฉงลวงจนหมดท่า หากมิใช่เพราะหนานฉง พวกเขาก็สามารถฉวยโอกาสหนีจากที่นี่ไปได้เช่นเดียวกัน!


พวกเขายิ่งเคียดแค้นในตัวหนานฉง


น่าเสียดาย หนานฉงหนีไปแล้ว พวกเขาออกไปไม่ได้ ความคิดล้างแค้นอีกฝ่ายจึงต้องดับสูญตามไปด้วย


“หนานฉงหนีไปแล้ว แต่จ้าวกิเลนดำยังอยู่!”


“ใช่แล้ว! ยังมีหมอนั่นอยู่ด้วย!”


พวกเขานึกถึงจ้าวกิเลนดำขึ้นมา ดวงตาเปล่งประกายกันถ้วนหน้า หนีไปหนึ่ง ยังเหลืออีกหนึ่ง ยอดเยี่ยม พวกเขามีที่ให้ชำระแค้นอยู่!


“พี่น้องเอ๋ย พวกเรารีบรักษาบาดแผลกันก่อน อย่าให้จ้าวกิเลนดำลอบโจมตีได้อีก! รอจนพวกเราฟื้นตัวแล้ว ค่อยผนึกกำลังลากจ้าวกิเลนดำออกมาสะสางหนี้แค้น!”


ยอดฝีมือตนหนึ่งตะโกนบอกด้วยความรอบคอบ กลัวว่าจ้าวกิเลนดำจะบุกออกมากะทันหันเฉกเช่นหนานฉง หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาแย่แน่


“ได้!”


“รอให้พี่น้องทั้งหลายฟื้นตัวได้แล้วค่อยติดต่อกัน!”


ยอดฝีมือตนอื่นพากันพยักหน้า มีศัตรูคนเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นนี้เพื่อแก้แค้น!


ขณะเดียวกัน จ้าวกิเลนดำยังคงหลบอยู่ในหลืบอันห่างไกล คลี่ยิ้มกว้างออกมา “หนานฉงเอ๋ย เจ้าต้องเสียท่าเพราะความฉลาดเป็นเหตุแท้ ๆ เจ้าเก่งกาจมากก็จริง ทั้งฉลาดและกล้าหาญ แต่สำหรับข้า ก่อนหน้านี้ที่เจ้ากลับไปเป็นการรนหาที่ตาย โง่เขลาเบาปัญญาที่สุด!”


มันกล่าวต่อ “หลังจากเจ้ากลับไปได้ไม่นาน ก็มีคลื่นพลังสยดสยองยิ่งกว่าปะทุ เกรงว่าเจ้าคงตายอยู่ที่นั่น ไม่มีทางได้หวนคืนแล้วกระมัง!”


ส่วนที่นั่นเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นนั้น มันไม่รู้ คลื่นพลังที่ระเบิดออกจากที่นั่นน่ากลัวเกินไป มันจึงมิกล้าไปตรวจสอบอันใด และคอยหลบซ่อนในที่แห่งนี้มาตลอด


อีกทั้งมันก็เข้าใจว่าหนานฉงถูกคลื่นพลังนั้นโหมซัด ตายอยู่ที่นั่นแล้ว


“หนานฉงเอ๋ยหนานฉง เจ้ามักว่าข้าโง่อยู่เสมอ สมองไม่ดีเท่าเจ้า น่าขันยิ่งนัก ข้าต่างหากที่ชาญฉลาดอย่างแท้จริง เจ้าต่างหากที่สมองไม่ดี! ผู้ที่อยู่รอดต่อไปได้เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์มีเสียง!”


มันยิ้มกริ่มอย่างลำพอง ดีอกดีใจยกใหญ่


ทว่าสิ่งที่มันไม่รู้คือ มันต่างหากคือผู้ที่น่าสังเวชที่สุด หนานฉงหนีจากซากปริภูมิเวลาไปได้แล้ว บัดนี้ ยอดฝีมือในซากปริภูมิเวลาต่างหมายหัวมัน ลงบัญชีไว้ที่มันทั้งหมด ภายหน้า มันย่อมไม่ได้พบจุดจบที่ดี


...


เส้นทางโบราณเชื่อมต่อยุคปัจจุบันอีกครั้ง พวกจักรพรรดินีจึงกลับสู่ยุคปัจจุบันได้สำเร็จ โดยปราศจากอุปสรรคใด ๆ


การเดินทางครานี้ พวกนางสะท้อนใจเหลือคณา ได้รับรู้เรื่องราวหลายอย่างที่พวกนางไม่เคยรู้มาก่อน


จักรวาลโกลาหลหลายหนหลายแห่ง ปรโลกซึ่งเป็นภพหลังความตาย กองกำลังซึ่งกุมอำนาจควบคุมปริภูมิเวลา พวกนางไม่รู้จริง ๆ ว่ายังมีกองกำลังลับอันยิ่งใหญ่เช่นนี้อีกมากเท่าใด หากได้ค้นหากันจริง ๆ คงน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด!


ยังดีที่พวกนางได้พบคุณชาย อนาคตมีหลักประกัน พวกนางพลันรู้สึกโชคดีอยู่ในใจเป็นอย่างมาก!


“ท่านอาจารย์ พวกเราไปพักผ่อนก่อนเถิด รอจนพักผ่อนดีแล้ว ข้าค่อยเล่าทุกอย่างให้ท่านฟังอย่างละเอียด”


จักรพรรดินีบอกกับอาจารย์ของนาง


อาจารย์จักรพรรดินีพยักหน้า “ได้!”


หลังจากนั้น พวกนางก็หาที่พักผ่อน การเดินทางนี้ พวกนางเองก็เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ จำต้องพักผ่อนฟื้นตัวให้ดี


หนานฉงเข้ามาถึงอาณาจักรผืนนี้ตามเส้นทางโบราณ


เขามิกล้าเข้าใกล้มากนัก รักษาระยะห่างไกล ๆ ไว้ตลอด หลังจากเข้ามาถึงอาณาจักรแห่งนี้ เขาก็รีบจากไปโดยไว มิกล้าติดตามต่อไป


น่าขัน ขืนไล่ตามไปแล้วพบกับผู้อยู่เบื้องหลังเส้นทางโบราณ เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายได้อย่างไร


“ที่นี่ไม่เหมือนกับที่ข้าคิดไว้เท่าไร…”


เขาพึมพำกับตัวเองเสียงเบา คิ้วขมวดมุ่น


ในความคิดของเขา ที่นี่คงเป็นสถานที่พำนักของผู้อยู่เบื้องหลังเส้นทางโบราณ ควรต้องมหัศจรรย์เกินหยั่งถึงจะถูก ถึงอย่างไรท่านผู้นั้นก็สยดสยองจนน่าเหลือเชื่อ


แต่ที่นี่หาได้มหัศจรรย์เกินหยั่งไม่ เทียบกับจักรวาลโกลาหลที่เขาอาศัย ไม่รู้ห่างชั้นตั้งกี่เท่า ผิดจากที่เขาคาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง


“ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่ควรมองเพียงภายนอก”


เขาหรี่ตาลง เอ่ยเสียงเข้ม “ในเมื่อท่านผู้นั้นประทับอยู่ที่นี่ ที่นี่ย่อมต้องมีจุดโดดเด่น ตอนนี้ข้าดูไม่ออก คงเพราะขอบเขตพลังของข้าต่ำเกินไป ที่นี่ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่”


ต่อมา เขาค้นพบสถานที่ลับแห่งหนึ่ง สร้างม่านพลังไว้ที่นี่ชั้นแล้วชั้นเล่า จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา เขาจึงรีดเร้นพลังรักษาอาการบาดเจ็บ


เรื่องด่วนของเขาในตอนนี้คือต้องฟื้นตัวให้ได้ก่อน เรื่องอื่นล้วนรองลงมา รอให้เขาฟื้นพลังแล้วค่อยวิเคราะห์แยกแยะยังได้


...


ภายในปรโลก


“เหมือนว่า…จะเสียแผน!”


ฉินก่วงอ๋องคิ้วขมวดเป็นปม เรื่องราวมิได้ดำเนินต่อไปตามที่พวกเขาคาดเดา คงเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอื่นขึ้น


เวลาผ่านไปไม่น้อยแล้ว ตามปกติ พวกจักรพรรดินีน่าจะต้องตายกลายเป็นวิญญาณหยินนานแล้ว ทว่าฟากพวกเขากลับจับสัมผัสถึงวิญญาณหยินของพวกจักรพรรดินีมิได้ บ่งบอกว่าพวกนางยังไม่ตาย


ด้วยอำนาจของกฎระเบียบ พวกเขาย่อมจับสัมผัสผู้ที่ตายกลายเป็นวิญญาณหยินได้ ไม่มีทางเป็นอื่น พลังในปริภูมิเวลาคงพ่ายแพ้ มิใช่คู่มือของพวกจักรพรรดินี


“บารมีของปรโลกไม่อาจหยาม ปล่อยให้เกิดรอยรั่วมิได้เด็ดขาด! อาตมาจะไปสนทนากับกองกำลังปริภูมิเวลา ดูว่าความจริงเป็นอย่างไร”


เสียงของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ดังอยู่ข้างหูยมราชแห่งสิบขุมนรก


“ตามแต่พระกษิติครรภโพธิสัตว์จะกรุณา!”


ยมราชแห่งสิบขุมนรกตอบเสียงนอบน้อม


ผ่านไปได้ระยะหนึ่ง เสียงของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านี้ก็สามารถสนทนากับกองกำลังปริภูมิเวลาได้แล้ว


ขณะเดียวกัน ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความน่ากลัวและความแข็งแกร่งของปรโลกทางอ้อม


สนทนากับกองกำลังปริภูมิเวลาได้ตามต้องการ ปรโลกไฉนจะต้องอ่อนกำลัง


หากอ่อนกำลัง ย่อมไม่มีสิทธิ์ได้สนทนา


ปรโลกกับกองกำลังปริภูมิเวลาทรงอำนาจเท่า ๆ กัน


“ล้มเหลวจริง ๆ พวกนางมีบุคคลลึกลับสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง จึงต่อกรด้วยยากยิ่ง”


พระกษิติครรภโพธิสัตว์ปริปาก “แต่อาตมาทำข้อตกลงกับกองกำลังปริภูมิเวลาแล้ว ว่าจะผนึกกำลังโจมตีด้วยกัน”


กฎระเบียบของปรโลกถูกทำลายย่ำยีตามอำเภอใจเช่นนี้ พวกเขาไม่อาจทนได้ ด้านกองกำลังปริภูมิเวลาก็เช่นกัน ไม่คิดจะรามือง่าย ๆ


วิญญาณหยินและปริภูมิเวลาต่างเป็นข้อหวงห้ามพวกเขาทั้งสองฝ่ายไม่อนุญาตให้ผู้อื่นกล้ำกราย พวกเขาจะเอาความให้ถึงที่สุด ถอนรากถอนโคนมันให้สิ้น!


“เตรียมตัวให้พร้อมเถิด”


พระกษิติครรภโพธิสัตว์กล่าว “คนผู้นั้นจัดการไม่ได้ง่าย พวกเราลงมือตามใจชอบมิได้เด็ดขาด ต่อไปนี้ พวกเราจะหารือกับกองกำลังปริภูมิเวลาอย่างรัดกุม เพื่อให้ได้มาซึ่งแผนอันมั่นคง”


นี่มิใช่เรื่องเล็ก


เขากับกองกำลังปริภูมิเวลาต่างเข้าใจในจุดนี้ดี เพราะอย่างนั้น หลังจากพวกเขาสนทนากันสั้น ๆ ก็ตัดสินใจร่วมมือกันโจมตีทันที


หากลงมือตามลำพังคงได้สูญเสียใหญ่หลวงกว่านี้แน่!


...


ภายในเอกภพ พลังปราณพิศวงลางร้ายคืบคลานแผ่ขยาย ดวงดาราระหว่างทางหุบความสว่างในทันที มิกล้ายุ่งกับความพิศวงลางร้ายเช่นนี้แม้แต่น้อย


จ้าวหลานนำทัพพิศวงด้วยตนเอง ออกเดินทางในจักรวาล บุกไปยังอาณาจักรอวี้ซวี


เบื้องหลังจ้าวหลาน เจ้าหลวงยืดอกอย่างองอาจมาดมั่น กระตือรือร้นจนแทบอดใจไม่ไหว


ในที่สุดก็ถึงวันที่มันได้แก้แค้น จะไม่ให้มันตื่นเต้นได้อย่างไร


ใช่แล้ว จ้าวหลานก็คือพี่ใหญ่ของมัน มันหาพวกสำเร็จแล้ว ที่สำคัญคือจ้าวหลานดีกับมันมาก หลังจากได้ยินเรื่องราวที่เกิดกับมัน ก็ระดมพลทันที ทั้งยังนำทัพด้วยตนเอง เพื่อพามันมาแก้แค้น


แม้มันจะรู้ว่าจ้าวหลานคงพุ่งเป้าไปที่บรรดาของวิเศษเสียมากกว่า กระนั้นมันก็มิได้สนใจ ขอเพียงมันได้แก้แค้นก็พอ!


‘พี่ใหญ่ของข้ามาแล้ว ขอดูหน่อยเถิดว่าคราวนี้พวกเจ้ายังผยองได้อีกหรือไม่!’


มันเอ่ยในใจอย่างเคียดแค้น อย่าให้เอ่ยเลยว่าชิงชังเหล่า ‘ของใช้ประจำวัน’ เพียงใด มันถูกกระบองเขี่ยไฟลนก้น ถูกขันไม้ฟาดหัว ถูกเครื่องมือแกะสลักทั้งชุดขูดเจาะตามทั่วตัวมัน!


มิหนำซ้ำ มันยังถูกถังน้ำเสียคลุมหัว รสชาตินั้นจนบัดนี้มันนึกขึ้นมาได้แล้วยังอดพะอืดพะอมมิได้ อยากจะอาเจียนยิ่งนัก


มันเชื่อใจพี่ใหญ่ของมัน พี่ใหญ่ของมันโอบกอดสสารพิศวงที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่า พลังลึกล้ำเกินหยั่ง กรีฑาทัพคราวนี้ ย่อมต้องกำราบเหล่าของวิเศษได้อย่างง่ายดาย!


ผ่านไปไม่นาน พวกมันก็มาถึงอาณาจักรอวี้ซวี กองกำลังจำนวนมหาศาลนั้นบดบังฟ้าดิน พลังปราณพิศวงลางร้ายแผ่ขยายไปทั่วทุกระเบียดนิ้วของอาณาจักรอวี้ซวี สิ่งมีชีวิตที่ยังอยู่ในอาณาจักรอวี้ซวีตื่นตระหนกกันหมด สั่นสะท้านไปทั้งวิญญาณ


เหตุใดถึง…มากันอีกแล้ว?!


พวกเขาคุ้นเคยกับพลังปราณพิศวงลางร้ายเช่นนี้ที่สุด เรื่องครั้งก่อนเพิ่งผ่านไปไม่นาน พลังพิศวงลางร้ายนี้กลับมาอีกแล้วหรือนี่!


พวกมัจฉาสัตมายาจะมาช่วยพวกเขาได้ทันเวลาหรือไม่?


ยามนี้ พวกเขาต่างพากันเพรียกหาพวกมัจฉาสัตมายาในใจ หวังให้พวกมันมาช่วยพวกเขาเหมือนคราวก่อน


...


ณ เมืองชิงซาน


ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า


ก้านหลิวก้านหนึ่งปรากฏออกมากลางอากาศ เผยตัวอยู่เบื้องหน้าเหล่าของวิเศษ


“ไปกันเถิด เหมือนว่าพวกเจ้าจะได้สนุกกันอีกแล้ว”


เสียงหัวเราะเบา ๆ ของต้นหลิวดังขึ้น มันทิ้งพลังไว้ที่อาณาจักรอวี้ซวี อึดใจเดียวก็จับสัมผัสได้ว่าสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายบุกไปอีกแล้ว


“ข้าจะส่งพวกเจ้าไปเอง” มันกล่าวต่อ


ต้นหลิวนั้นไร้คู่ต่อกร ขอบเขตที่แท้จริงสูงจนไม่อาจหยั่งถึง


มันไม่ได้จงใจทิ้งพลังเอาไว้ในอาณาจักรอวี้ซวี แต่เพราะมันเดินท่องไปมาในอาณาจักรอวี้ซวีทำให้หลงเหลือร่องรอยไว้ และก็ยังคงไม่เลือนหายแม้ผ่านมานานแล้ว ด้วยร่องรอยที่มันหลงเหลือเอาไว้เหล่านั้นทำให้มันสามารถสัมผัสได้ถึงการรุกรานเข้ามาของสิ่งมีชีวิตพิศวง


“อะไรนะ!”


หลังจากมัจฉาสัตมายาได้ยินต้นหลิวเอ่ยออกมา มันก็ตกใจจนกระโจนออกมาจากบ่อน้ำ


สิ่งมีชีวิตพิศวงกลับมาอีกครั้งหรือ?


มันอดโมโหไม่ได้ ช่างไม่ยอมจบยอมสิ้นเสียจริง!


บนตัวมันมีของที่เปล่งแสงออกมา ตามด้วยเสียงของท่านพ่อดังขึ้น บอกเล่าให้มันฟังว่าเหล่าสิ่งมีชีวิตพิศวงได้กลับมาอีกครั้งแล้ว


มันรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้!”


“ไม่เป็นไร ข้าจัดการเอง จะไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น”


ต้นหลิวเอ่ยปาก “พวกมันเพิ่งมาถึง ข้าจะส่งพวกเจ้าไปที่นั่นเอง”


หลังจากนั้น ต้นหลิวก็แผ่กิ่งก้านทะลุฟากฟ้า สร้างทางเชื่อมสองอาณาจักรขึ้นมาในพริบตา มัจฉาสัตมายากระโจนขึ้นไปทันใดพร้อมกับร่างที่เปล่งแสง ก่อนจะกลายเป็นเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาคนหนึ่ง


“ไปกันเถิดเหล่าพี่น้อง! ไปเล่นสนุกกัน!”


“ไป ไป ไป!”


เหล่าสมบัติตื่นเต้นกันขึ้นมา ทั้งหม้อ จาน กระบวย กระถาง และเหล่าเครื่องเรือนอื่น ๆ ต่างพากันทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว


ฝีมือของต้นหลิวนั้นลึกล้ำเกินหยั่งถึง เพียงแค่พริบตาเดียว มันก็ส่งมัจฉาสัตมายาและเหล่าสมบัติไปถึงอาณาจักรอวี้ซวีด้วยความเร็วที่ทำให้คนไม่อยากจะเชื่อ


“พี่ต้นหลิวไร้เทียมทาน เป็นอันดับหนึ่งรองจากคุณชาย!”


ปากของมัจฉาสัตมายาหวานยิ่ง แม้จะเอ่ยประจบประแจง แต่คำพูดเหล่านั้นก็ออกมาจากใจ


ยกเว้นคุณชายแล้ว มันก็ไม่คิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่สามารถเอาชนะพี่ต้นหลิวได้ ภายในใจของมันพี่ต้นหลิวนั้นไร้เทียมทานอย่างถึงที่สุด!


“เอาล่ะ พวกเจ้าไปเล่นเถิด ข้าจะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย”


ต้นหลิวจากไป มันเบื่อหน่ายเกินกว่าจะอยู่ที่นี่ เพียงแค่ทิ้งใบหลิวลงมาส่ง ๆ ก็สามารถกวาดล้างสิ่งมีชีวิตพิศวงทั้งหมดได้แล้ว ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจ


“ไป”


มัจฉาสัตมายากับเหล่าสมบัติออกเดินทาง ก่อนจะมาถึงจุดที่เหล่าสิ่งมีชีวิตพิศวงอยู่อย่างรวดเร็ว


“มากันแล้ว”


เจ้าหลวงผ่อนคลายเป็นอย่างมาก หลังจากเห็นมัจฉาสัตมายากับเหล่าสมบัติแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข


ที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของมัจฉาสัตมายา มันรู้ดีว่ามัจฉาสัตมายาจะต้องมาอย่างแน่นอน


พวกมันเองก็เพิ่งมาถึงที่นี่ ยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด มัจฉาสัตมายาพร้อมทั้งเหล่าสมบัติก็โผล่ออกมาแล้ว


“นี่ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!”


จ้าวหลานมองเหล่าสมบัติที่ลอยอยู่ ดวงตาของมันเปล่งประกาย ก่อนมามันคิดว่าตนเองประเมินเหล่าสมบัติเอาไว้สูงมากแล้ว แต่หลังจากมันได้เห็นเหล่าสมบัติก็รู้ทันทีว่า ตนเองยังคงประเมินต่ำเกินไปก่อนหน้านี้ สมบัติเหล่านี้เหนือชั้นพิเศษยิ่งกว่าที่มันคิด!


สมบัติเหล่านี้สร้างขึ้นมาจากวัสดุอันใด?


มันมองไม่ออกโดยสิ้นเชิง


แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ วัสดุเหล่านั้นจะต้องหายากและไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน


ผู้ใดกัน!


ทั้งฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเช่นนี้ ถึงกับใช้วัสดุหายากและไม่ธรรมอย่างถึงที่สุดมาทำเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน สิ่งนี้ทำให้หัวใจของมันแทบหลั่งเลือดออกมา หากวัสดุเหล่านี้ถูกเปลี่ยนนำมาหลอมเป็นอาวุธ ไม่รู้ว่าพลังของมันจะน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นใด!


อย่างน้อยก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเหล่านี้เป็นเท่าตัว!


และเนื่องจากเป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน นั่นหมายความว่าย่อมมีเจ้าของอยู่เบื้องหลัง และเจ้าของสิ่งเหล่านี้ย่อมไม่ธรรมดา ทั้งยังต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแน่นอน


ทว่ามันก็ไม่ได้มีความกังวลใจอยู่แม้แต่น้อย


มันไม่สนว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร ต่อให้แข็งแกร่งก็จะแข็งแกร่งได้สักเพียงใดกันเชียว? เบื้องหลังของมันนั้นคือความพิศวง กระทั่งภพเซียนก็ยังเกรงกลัวไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกมัน จนต้องหนีออกไป!


“เป็นเจ้าอีกแล้ว ไม่คิดกลัวตายบ้างหรือไร?!”


มัจฉาสัตมายาจับจ้องไปทางเจ้าหลวงด้วยประกายตาเย็นชา “เจ้าหนีไปได้ในครั้งก่อน แต่เจ้ายังคิดหรือว่าครั้งนี้จะหนีไปได้?”


“หนี? เหตุใดข้าจึงต้องหนีด้วย?”


เจ้าหลวงส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะพูดต่อ “พี่ใหญ่ของข้ามาแล้ว เหตุใดข้าต้องหนีด้วย คราวนี้เป็นพวกเจ้าที่ต้องเกรงกลัว!”


“พรืด! เจ้านี่น่าสนใจจริง ๆ ครั้งก่อนก็ขุดหลุมใส่พี่ชาย ครั้งนี้เจ้าจะขุดหลุมใส่พี่ใหญ่อีกหรือไม่?”


ถังขยะหัวเราะ กลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาจนเหล่าสมบัติทั้งหมดถอยหนี กลิ่นมันเกินจะทนจริง ๆ!


“เจ้าเก็บกลิ่นไปเสีย!”


“ยังไม่ทันจะสู้กับพวกมัน เจ้ากลับโจมตีพวกเราก่อนเสียแล้ว!”


เหล่าสมบัติจำนวนมากต่างตะโกนใส่ถังขยะ


“ขออภัย ขออภัย ข้าลืมตัวไปหน่อย ข้าจะเก็บคืนมา!”


ถังขยะรีบเก็บกลิ่นกลับไป ก่อนเอ่ยขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า


“โอกกก!”


อีกด้านหนึ่ง เจ้าหลวงที่เพิ่งได้กลิ่นเหม็นเน่ารู้สึกทนไม่ได้จนต้องอาเจียนออกมาทันที มันเคยถูกถังขยะทรมานมาก่อน ทำให้ไม่อาจทนกลิ่นเหม็นเน่าได้อีกแล้ว แม้จะเป็นเพียงกลิ่นเล็กน้อยก็ตาม


“พี่ใหญ่โปรดลงมือแก้แค้นให้ข้าด้วย!”


มันร้องไห้พลางเอ่ยกับจ้าวหลาน


“วางใจได้”


จ้าวหลานเอ่ยกับเจ้าหลวง “ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าย่อมล้างแค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน”


จากนั้นมันก็หันไปมองสิ่งมีชีวิตพิศวงที่มันพามาด้วยแล้วออกคำสั่ง “ไป จัดการพวกมันทั้งหมดให้ข้าเสีย!”


“รับทราบ!”


สิ่งมีชีวิตพิศวงนับไม่ถ้วนเหล่านั้นรับคำสั่ง พวกมันต่างพุ่งไปทางเหล่าสมบัติด้วยความดุดันอย่างพร้อมเพรียง ลมหายใจพิศวงแผ่กระจายไปทั่ว ปิดกั้นดวงตะวันที่อยู่เหนือสวรรค์ทั้งเก้าชั้นขึ้นไป ทำให้ทั้งอาณาจักรอวี้ซวีมืดลง ประหนึ่งวันโลกาวินาศกำลังจะมาเยือน


“มาเลย!”


“ฆ่า!”


เหล่าสมบัติต่างตื่นเต้น หายากที่จะมีโอกาสให้พวกมันได้ลงมือ ส่วนใหญ่แล้วพวกมันทำได้เพียงแต่อยู่ด้านในลานเล็ก ๆ


นครพิศวงของจ้าวหลานนั้นแข็งแกร่งกว่านครพิศวงที่จ้าวตะเข้สร้างขึ้นมา สิ่งมีชีวิตพิศวงที่มันพาด้วยนั้นเหนือชั้นกว่าจ้าวตะเข้ไปไกล


ฝ่ายของจ้าวตะเข้นั้นมีสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำอยู่เพียงไม่กี่ตัว ทว่าจ้าวหลานนั้นมีสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำมากถึงห้าสิบกว่าตัว อีกทั้งพลังต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำเหล่านี้ล้วนแข็งแกร่งกว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวตะเข้


แต่พวกมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับเหล่าสมบัติ


ชามกระเบื้องเคลือบทั้งแปดเปล่งแสง ด้านในมีญาณศาสตราพี่สาวน้องสาวอยู่แปดตน คลื่นแสงกวาดล้างสิ่งมีชีวิตพิศวงจำนวนมากจนหมดสิ้น!


กระทั่งสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำตัวหนึ่งที่อยู่ตรงก็ทนไม่ได้ ถูกกำจัดสลายหายไปอย่างไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย


แผ่นหินปูพื้นทุ่มตัวด้วยความน่ากลัวสะท้านฟ้า ไม่มีสิ่งมีชีวิตพิศวงตนใดสามารถหยุดยั้งมันได้ ต่างถูกกำจัดทิ้งภายในพริบตาเดียว!


ไม้เขี่ยฟืนเองก็มีเปลวเพลิงลุกโชน ทำให้ผู้มองหวาดผวา เพลิงนี้เกรงว่าอาจล้างผลาญได้กระทั่งสวรรค์!


กระบวยไม้ เครื่องมือแกะสลักครบชุดและเหล่าสมบัติอื่น ๆ ก็มีพลังต่อสู้เกินต้านทานได้เช่นนั้น กวาดล้างสิ่งมีชีวิตพิศวงทั้งหมดทิ้งไปในเวลาเพียงชั่วอึดใจ!


“วิถีแห่งความเที่ยงธรรมส่องลงมาบนโลก โปรดเรียกข้าว่าแสงแห่งวิถีความเที่ยงธรรม!”


การโจมตีของจอบเซียนนั้นดุดันน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่า เพียงหนึ่งจอบฟาด สิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำนับสิบตัวก็ถูกสังหารในทันที สสารพิศวงแตกกระจาย!


เมื่อเหล่าสมบัติสำแดงพลัง จ้าวหลานก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด นี่มันบ้าอันใดกัน!? เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเหล่านี้ดุร้ายเป็นอย่างมาก เพียงแค่ชั่วอึดใจกองทัพสิ่งมีชีวิตพิศวงก็ถูกสังหารเป็นชิ้น ๆ หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด!


ในตอนนั้นเอง ใบหน้าของมันก็ซีดเซียวลง ยับย่นเสียจนราวกับสามารถบีบน้ำออกมาได้


บัดซบ!


คำพูดของถังขยะก่อนหน้านี้เหมือนจะถูกต้อง มันถูกขุดหลุมใส่จริง ๆ!


มันไม่มีความมั่นใจเหมือนตอนมาถึงอีกต่อไป ต่อให้เริ่มลงมือสู้กลับ มันก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดการสมบัติเหล่านั้นได้


“ไม่...ไม่ใช่แบบนี้สิ!”


อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของเจ้าหลวงไม่น่าดูเสียยิ่งกว่า มันไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าเหล่าสมบัติจะดุร้ายถึงเพียงนี้ ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำห้าสิบกว่าตัว แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีน้ำเงินถูกกวาดล้างไปด้วย


สีน้ำเงินนั้นเป็นสสารพิศวงที่อยู่เหนือยิ่งกว่า พลังของมันนั้นเหนือยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตพิศวงสีดำ สามารถจัดการพลังระดับราชันแห่งเซียนลงได้


ทว่าพลังที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าสมบัติกลับช่างเปราะบาง ถูกสังหารทิ้งในชั่วพริบตา


มันกลัวมากจริง ๆ กลัวจนทั้งร่างสั่นสะท้าน ครั้งนี้มันมาแก้แค้นเสียที่ไหน มันมาเพื่อส่งตัวเองสู่หนทางตายต่างหาก!


จ้าวหลานนั้นแข็งแกร่งที่สุด หยิบยืมพลังพิศวงจนสามารถต่อกรกับขั้นยอดเซียนได้ ทว่าเมื่อดูจากภาพเบื้องหน้าที่สิ่งมีชีวิตพิศวงส่วนใหญ่มลายสิ้นไม่ใช่คู่ต่อกรกับเหล่าสมบัติแล้ว


‘สู้ไม่ค่อยได้ โอกาสชนะมีไม่มาก!’


จ้าวหลานคิดขึ้นมาในใจ เตรียมตัวฉีกความว่างเปล่าหนีไปจากที่นี่


แต่เมี่อมันกำลังจะส่งมือฉีกความว่างเปล่า ก็พบว่ารอบบริเวณนี้ถูกปิดกั้นเอาไว้!


เหล่าสมบัติได้เรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งก่อนแล้ว จึงปิดกั้นความว่างเปล่าทั่วบริเวณเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหลวงและสิ่งมีชีวิตพิศวงหนีไปได้


‘จบสิ้นแล้ว!’


เจ้าหลวงร้องไห้ แม้มันต้องการหนีในตอนนี้ก็ไม่สามารถหลบหนีได้!


ไม่ต้องกล่าวเลยว่ามันรู้สึกเสียใจภายหลังมากเพียงใด หากรู้เร็วกว่านี้ ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้มันก็จะไม่มาด้วย!


ความแข็งแกร่งของพี่ใหญ่ที่มันเชื่อมั่นอย่างไม่ลืมหูลืมหา ต่อหน้าสมบัติเหล่านี้ไม่อาจนับได้ว่าเป็นสิ่งใดเสียด้วยซ้ำ!


‘หากข้ามีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะไม่คิดแก้แค้นอีกแล้ว ข้าจะออกห่างไปเสียให้ไกล!’


มันร่ำไห้เอ่ยออกมาภายในใจ ไม่คิดแก้แค้นอีกต่อไป


ทว่าคิดสิ่งเหล่านี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้มันได้ตายแน่ ไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว


“คิดว่าจะจัดการข้าได้จริง ๆ อย่างนั้นรึ?!”


ในตอนนั้นเอง จ้าวหลานก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงเย็นชา ก่อนจะเรียกกระจกทองแดงบานหนึ่งออกมา บนตัวของมันเต็มไปด้วยพลังพิศวงอันไม่อาจจินตนาการถึงกำลังแล่นพล่านอยู่


“ฆ่า!”


มันกระตุ้นพลังของกระจกทองแดง เตรียมพร้อมจะสู้ฝ่าออกไป


นี่คือสมบัติล้ำค่าที่มันได้รับมาโดยคาดไม่ถึง ยามนั้นมีพลังพิศวงปะทุออกมา ตามด้วยยอดฝีมือผู้หนึ่งที่อาจออกมาจากแดนบรรพโกลาหล ได้เข้ามาสยบพลังพิศวงทั้งหมดเอาไว้


ตอนนั้นเองที่สมบัติพิศวงลอยออกมาด้านนอก


มันได้รับกระจกทองแดงนี้มาโดยบังเอิญ จากที่ศึกษาดูแล้ว กระจกทองแดงนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าของมันได้!


กระจกทองแดงนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ภายใต้การเรียกใช้ด้วยความพยายามอย่างสุดชีวิตของจ้าวหลาน มันก็ระเบิดพลังที่เหนือเกินกว่าจินตนาการออกมา ทำลายการปิดล้อมพื้นที่ของเหล่าสมบัติ!


“พี่ใหญ่ทรงอำนาจยิ่งนัก!”


เจ้าหลวงตอบสนองรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทันทีที่การปิดล้อมรอบบริเวณเปิดออก มันก็หนีออกไปทันที เร็วเสียยิ่งกว่าจ้าวหลานด้วยซ้ำ!


“!!!”


จ้าวหลานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เจ้าหลวงที่แสนน่าตายผู้นี้ เอ่ยคำหนึ่งก็เรียกพี่ใหญ่ อีกคำก็เรียกพี่ใหญ่ ปากหวานประจบเสียยิ่งกว่าผู้ใด ทว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นกลับวิ่งหนีเร็วที่สุด!


“หนีได้เก่งนัก!”


“น่าเสียดาย ปล่อยให้มันหนีไปได้อีกแล้ว!”


เหล่าสมบัติพากันอารมณ์เสีย พวกมันไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายเช่นนี้ พวกมันยังอยากจะ ‘เล่น’ กับเจ้าหลวง!


จ้าวหลานน่าเวทนาอย่างมาก แม้มันเองก็สามารถตอบสนองอย่างรวดเร็ว ลงมือฉีกความว่างเปล่าในทันที แต่ก็ยังคงช้าเกินไป!


พลังของเหล่าสมบัติพุ่งเข้ามาในพริบตา จับกุมตัวมันเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถหนีไปได้แม้ต้องการ!


“นี่มันบ้าอันใดกัน!”


มันสบถสาปแช่งครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต้องกล่าวเลยว่าความเกลียดชังที่มีต่อเจ้าหลวงมากมายเพียงใด


ถ้ามันยังมีโอกาสได้พบเจ้าหลวงอีกครั้ง มันจะต้องฉีกเจ้าหลวงออกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน!


เจ้าหลวงฉกฉวยโอกาสหลบหนีของมันไป!



จ้าวหลานรู้สึกย่ำแย่ ไม่คาดคิดว่าตนเองจะถูกเจ้าหลวงขุดหลุมใส่เช่นนี้


กล่าวตามตรงแล้ว เมื่อยามที่เจ้าหลวงบากหน้ามาขอพึ่งใบบุญ ถ้าหากเจ้าหลวงไม่ได้นำของดีจำนวนมากมาด้วย เกรงว่ามันคงไม่แม้แต่จะชายตามองเสียด้วยซ้ำ


มันมีผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นจำนวนมาก แต่ละคนล้วนเหนือชั้นกว่าเจ้าหลวง เช่นนั้นแล้ว มันจะใส่ใจเจ้าหลวงในฐานะน้องชายได้อย่างไร? ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่


แม้ครั้งหนึ่งมันจะเคยดูแลให้ความช่วยเหลือเจ้าหลวงมาไม่น้อย แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนผ่านไปนานมากจนมันลืมเลือนหมดสิ้นแล้ว ถ้าหากเจ้าหลวงไม่มาพบ มันคงลืมไปเสียแล้วว่ามีตัวตนเช่นเจ้าหลวงอยู่ด้วย


มันไม่ได้มาอาณาจักรอวี้ซวีด้วยเหตุผลที่ต้องการล้างแค้นให้เจ้าหลวงแม้แต่น้อย เจ้าหลวงไม่คุ้มค่ากับการที่มันจะทำสงครามครั้งใหญ่เช่นนี้ เป้าหมายของมันคือเหล่าสมบัติที่เจ้าหลวงกล่าวถึงต่างหาก


แต่ผู้ใดจะรู้กันว่า มันจะถูกผู้ที่เล็กจ้อยจนตนเองไม่เหลียวแลขุดหลุมใส่ ทั้งยังฉกฉวยโอกาสหลบหนีของมันไป ภายในใจของมันเต็มไปด้วยรสชาติหลากหลาย!


‘จ้าวตะเข้เองก็คงจะโดนมันหลอกเช่นนี้!’


มันกัดฟันเอ่ยขึ้นมาในใจด้วยความชิงชัง


ตอนนี้มันมั่นใจอย่างสมบูรณ์แล้วว่า จ้าวตะเข้เองก็โดนเจ้าหลวงขุดหลุมใส่ด้วยวิธีเช่นนี้ เจ้าหลวงชักจูงให้จ้าวตะเข้มาจัดการกับเหล่าสมบัติ และเมื่อผลออกมาว่าสู้ไม่ได้ก็ถูกเจ้าหลวงทิ้งเอาไว้ วิ่งหลบหนีไปเพียงผู้เดียว!


‘มารดามันเถอะ นี่อาจเป็นแผนการที่มันวางเอาไว้นานแล้วใช่หรือไม่!?’


หน้าของมันซีดลง รู้สึกว่านี่อาจเป็นกับดักที่เจ้าหลวงวางเอาไว้ตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ก็เป็นจ้าวตะเข้ ตอนนี้ถึงคราวของมัน ต่างโดนล่อลวงมาเพื่อให้ถูกกำจัด จากนั้นก็รับช่วงเอานครพิศวงของพวกมันไป


มีความเป็นไปได้มาก!


ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าหลวงจะนำทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจ้าวตะเข้มาได้อย่างไร?!


ต่อไปเจ้าหลวงก็จะฉกชิงทรัพย์สมบัติทั้งหมดของมัน!


คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ภายในใจของมันยิ่งรู้สึกเจ็บปวด มันถูกผู้ที่ไม่มีค่าในสายตาอย่างเจ้าหลวงวางแผนใส่ตั้งแต่ต้น ตัวมันช่างโง่งมเสียจริง!


เหล่าสมบัติยังไม่ได้ลงมือในทันที ทำเพียงแค่ล้อมรอบจ้าวหลานที่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงลำพังผู้เดียวเอาไว้ มันเป็นถึงผู้มีอำนาจแข็งแกร่งที่สุด พวกสมบัติย่อมต้องการจะเล่นสนุกกับจ้าวหลานเสียก่อน


“ข้าบอกแล้วว่าเจ้ากำลังถูกขุดหลุมใส่ แต่เจ้าก็ยังไม่เชื่อ ทั้งยังปฏิบัติราวกับมันผู้นั้นเป็นน้องชาย จิ๊จิ๊ ดวงตาของเจ้าจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!”


เปลวเพลิงลุกโชนบนไม้เขี่ยฟืน มันหัวเราะพลางกล่าวออกมา “ไฟสามารถทำให้ตาของเจ้าสว่างขึ้นได้ ข้าจะช่วยเจ้ารักษาตาให้เอง”


อะ...อันใดนะ?


ไฟสามารถทำให้ตาสว่างได้?


บัดซบ!


แม้จะพูดจาไร้สาระแค่ไหนก็ไม่อาจพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้ได้!


ไฟนั่นจะทำให้ตาสว่างได้อย่างไร ทำได้แค่เพียงช่วยให้ตาบอดเท่านั้น!


จ้าวหลานระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เห็นได้ชัดเจนว่าไม้เขี่ยฝืนเตรียมพร้อมจะเล่นกับมันแล้ว!


“มาสิ มาให้ข้าช่วยรักษาดวงตาของเจ้า ตาของเจ้าจะได้สว่าง ไม่ต้องตาบอดแยกดีชั่วไม่ออกเหมือนตอนนี้อีกต่อไป”


ไม้เขี่ยฟืนลงมือส่งเปลวเพลงพุ่งออกไปใส่ดวงตาของจ้าวหลานโดยตรง


จ้าวหลานจะยอมให้เปลวเพลิงนั้นสัมผัสกับดวงตาของตนได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าตามันจะต้องถูกทำลายจนบอดอย่างแน่นอน


มันชูกระจกทองแดงในมอขึ้นมา ถ่ายถอดพลังพิศวงเข้าไปด้านในอย่างบ้าคลั่ง หากมันใช้พลังของตนเองต่อกรกับเหล่าสมบัติ นั่นคงไม่ต่างอันใดไปจากการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง มันไม่อาจสู้ได้โดยสิ้นเชิง กระจกทองแดนนับว่าเป็นความหวังเดียวของมัน


กระจกทองแดงนั้นไม่ธรรมดาสามัญเลย แม้มันจะศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองมานานแสนนาน มันก็ยังไม่มีความเข้าใจอันใดกับกระจกทองแดง


อย่าว่าแต่มันจะไม่เข้าใจเลย กระทั่งข้อมูลสักเล็กน้อยมันยังไม่รู้ กระจกทองแดงลึกล้ำเกินไป ห่างไกลจากความรู้ความเข้าใจของมันอย่างสิ้นเชิง


มันรู้เพียงแค่ว่า กระจกทองแดงมาจากสถานที่อันเป็นต้นกำเนิดความพิศวง เป็นของล้ำค่าอันไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ทว่าน่าเสียดายที่มันไม่อาจไขความลับของกระจกทองแดงได้


หากมันสามารถไขความลับของกระจกทองแดงได้ มันจะไม่ต้องมาลงเอ่ยเช่นนี้อย่างแน่นอน มันจะต้องประสมความสำเร็จสูงล้ำ มีพลังเหนือเกินกว่าที่จะสามารถจินตนาการได้ และก่อตั้งนครพิศวงที่ยิ่งใหญ่สุดขึ้นมา


เกรงว่าต่อให้เป็นภพเซียน มันก็สามารถยกทัพไปกำราบได้อย่างง่ายดาย


ในตอนนั้นเอง ก็มีเรื่องเหนือกว่าความคาดคิดเกิดขึ้น มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวกระเพื่อมออกมาจากตัวกระจกทองแดง ขณะเดียวกันก็มีแสงเจ็ดสีพุ่งออกมาจากด้านในกระจกทองแดง ทำลายเปลวเพลิงของไม้เขี่ยฟืนทิ้งภายในพริบตา ไม่หลงเหลือสิ่งใดเอาไว้


“นี่มัน...เกิดเรื่องใดขึ้น!”


จ้าวหลานตกตะลึงจนพูดติดขัด มันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!


นี่เป็นครั้งแรกที่กระจกทองแดงระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ทั้งยังเปล่งแสงเจ็ดสีอันชวนสะท้านขวัญ


มันอดสั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณไม่ได้ พลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้คือสิ่งใดกัน?! มันไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการถึง นี่มันน่าหวาดกลัวเกินไป เป็นพลังที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่มันเคยพบเจอมา!


มันไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ด้วยพลังนี้กระทั่งจักรพรรดิเซียนก็ไม่อาจเทียบ บรรพจารย์เท่านั้นจึงจะพอต้านทานได้!


“มี...มีหนทางรอดแล้ว!”


มันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างถึงที่สุดในทันที ดวงตาของมันเต็มไปด้วยประกายวาววับ!


มีหนทางรอดเกิดขึ้นในเส้นทางสู่ความตาย มันจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?


ความลับอันยิ่งใหญ่ของกระจกทองแดงคล้ายระเบิดจนเผยออกมา เป็นหนทางรอดของมัน!


“ฮ่าฮ่า!”


มันหัวเราะออกมาอย่าบ้าคลั่ง ไม่ต้องกล่าวเลยว่ามันตื่นเต้นมีความสุขถึงเพียงใด


ในตอนนี้ มันไม่ได้ชิงชังเจ้าหลวงแล้ว ทั้งยังเกิดความขอบคุณกับเจ้าหลวงขึ้นมาในใจ


ถ้าหากเจ้าหลวงไม่พามันมาที่นี่ ความลับอันยิ่งใหญ่ในกระจกทองแดงก็จะไม่ถูกเปิดเผย ตอนนี้มันตื่นเต้นมีความสุขเสียยิ่งกว่าการได้รับสมบัติเหล่านั้นมาเสียอีก!


เมื่อความลับอันยิ่งใหญ่ของกระจกทองแดงเปิดเผยออกมาแล้ว อนาคตของมันจะต้องสดใสอย่างแน่นอน สมบัติเหล่านั้นไม่อาจเทียบมูลค่าได้แม้แต่น้อย


อีกด้านหนึ่ง เหล่าสมบัติต่างรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล พวกมันเร่งบินถอยกลับไปรวมกลุ่มกันอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ พลังที่แผ่ซ่านออกมาจากกระจกทองแดงทำให้พวกมันรู้สึกถูกคุกคามเป็นอย่างมาก!


มันเก็บท่าทางอยากเล่นสนุกก่อนหน้าทันที ตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัวในกระจกทองแดงกำลังจะออกมา


นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกแต่อย่างใด พวกมันอาจกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับอันตราย!


“ไฟสามารถทำให้ตาสว่างได้? บัดซบ! ไม้เขี่ยฟืนเช่นเจ้า กลับกล้าพูดจาเช่นนี้! รอก่อนเถอะ ข้าจะสับเจ้าแล้วเผาเป็นฟืน!”


ดวงตาของจ้าวหลานเปล่งประกายดุร้าย มันตะโกนออกมาด้วยเสียงเย็นชา ภายในใจไร้ซึ่งความตึงเครียดแล้วหวาดกลัว


มันยังต้องตึงเครียดและหวาดกลัวสิ่งใดอีก?


ไม่เห็นว่าเหล่าเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเหล่านี้กำลัง ‘เบียดเสียด’ เข้าหากันด้วยความกลัวอย่างนั้นหรือ?


ตอนนี้ฝ่ายที่ต้องตึงเครียดและหวาดกลัวควรเป็นเหล่าเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างหาก!


วูบ!


แสงเจ็ดสีสาดทอออกมาราวกับสามารถย้อมทั้งอาณาจักรอวี้ซวีได้ พลังพิศวงอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากด้านในกระจกทองแดง เพียงแค่พริบตาเดียว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรอวี้ซวีก็พลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ประหนึ่งมีประตูนรกมาเปิดอ้าต้อนรับ รอเก็บเกี่ยวชีวิตพวกเขาไปในชั่วอึดใจข้างหน้า!


ตู้มมม!


พลังที่หลั่งไหลออกมาจากกระจกทองแดงทำให้ท้องฟ้าระเบิดออก เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ขึ้นหลุมแล้วหลุมเล่า พลังอันสับสนวุ่นวายกรูเข้ามาอย่างต่อเนื่อง!


กฎเกณฑ์ของอาณาจักรอวี้ซวีพังทลายลง ไม่สามารถแบกรับพลังเหล่านี้ได้อย่างสิ้นเชิง ช่องว่างไม่ได้มีเพียงน้อยนิด หากแต่ราวกับเป็นหิ่งห้อยกับดวงตะวันอันเจิดจ้า ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้แม้แต่น้อย!


จ้าวหลานหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังผยองมากยิ่งขึ้น ตอนนี้มันยิ่งไม่ตึงเครียดและหวาดกลัวมากกว่าเดิม อย่าว่าแต่เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเหล่านี้เลย กระทั่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกมันมาเองก็ยังไม่มีความกลัวเกรง อย่างไรเสียพลังของกระจกทองแดงที่ระเบิดออกมาก็ต้องเหนือกว่า!


อีกทั้งภายในใจของมันยังมีความภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุด ความรู้สึกของมันที่มีต่อกระจกทองแดงนั้นไม่ผิด ผลคือกระจกทองแดงทรงพลังเป็นอย่างมาก จะต้องเป็นสมบัติต้นกำเนิดของความพิศวงอย่างแน่นอน


“จงสั่นสะท้าน จงหวาดกลัวเสียเถิด พวกเจ้าเตรียมตัวเผชิญหน้ากับการดับสูญ! ข้าจะลบล้างวิญญาณทั้งหมดของพวกเจ้าทิ้ง ทำให้พวกเจ้าสูญสลายไปอย่างสมบูรณ์!”


จ้าวหลานไม่อาจหยุดหัวเราะได้ อีกทั้งยังจงใจขยายเสียงหัวเราะของตนเองออกไป ทั่วทั้งอาณาจักรอวี้ซวีดังกึกก้องไปด้วยเสียงหัวเราะ มันเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง สุขใจแบบถึงที่สุด


จะไม่ให้มันมีความสุขได้อย่างไร ในอึดใจสุดท้ายก่อนที่มันจะตาย มันมองไม่เห็นความหวังในการเผชิญหน้ากับเหล่าสมบัติได้แม้แต่น้อย ทั้งยังต้องทนกับการเยาะเย้ยเล่นสนุกของไม้เขี่ยฟืนโดยไม่อาจทำสิ่งใดได้ ทว่าตอนนี้กระจกทองแดงกลับสำแดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา มีความสามารถมากพอจะสยบสมบัติทั้งหมดลงได้ ทุกอย่างพลิกกลับตาลปัตร มันย่อมอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้


แต่ในตอนนั้นเอง พลันมีฝ่ามือขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากกระจกทองแดงพุ่งตรงเข้าหามัน


รอยยิ้มบนใบหน้าจ้าวหลานนิ่งค้าง มันหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวนเกือบปัสสาวะราดออกมา!


ฝ่ามือนี้ปกคลุมไปด้วยขนทั่วบริเวณ มีเจ็ดสีสับเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดูแล้วชวนให้รู้สึกแปลกประหลาดน่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง


“หนวกหู!”


เสียงโบราณดังขึ้นมาจากกระจกทองแดง จ้าวหลาน มัจฉาสัตมายา และเหล่าสมบัติต่างฟังแล้วไม่เข้าใจภาษา แต่พวกมันกลับสามารถเข้าใจความหมายได้


การโจมตีของมือที่เต็มไปด้วยขนนั้นฟาดลงมาอย่างรุนแรง พลังอันน่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขตจับจ้าวหลานเอาไว้ แม้ว่าจ้าวหลานต้องการจะร้องขอความเมตตาก็ไม่อาจทำได้!


มันร้องไห้ออกมาทันที หากรู้เช่นนี้ตั้งแต่แรก มันก็คงจะไม่กำเริบเสิบสานเอะอะโวยวายถึงเพียงนี้!


มันไม่รู้ว่า ความกำเริบเสิบสานเอะอะของมันจะไปยั่วยุสิ่งที่สถิตอยู่ด้านในกระจกทองแดง


มันรู้สึกไม่เป็นธรรมอยู่บ้าง!


มือขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยขนตบลงบนหัวของจ้าวหลานในทันใด เพียงแค่พริบตาเดียวร่างกายทั้งหมดของมันก็ระเบิดออกกลายเป็นหมอกละอองเลือด


เห็นได้ชัดว่า เจ้าของมือขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยขนไม่ต้องการจะเอาชีวิตของจ้าวหลาน แม้ว่าร่างกายเลือดและเนื้อของจ้าวหลานจะระเบิดออก แต่วิญญาณก็ไม่ได้สลายหายไป ยังคงเหลือเศษเสี้ยวของวิญญาณอยู่ ไม่ได้ตายลงอย่างสมบูรณ์


“พรืด เจ้าทำข้าหัวเราะจนแทบจะตายแล้ว!”


ถังขยะอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “สมควรแล้ว สมควรแล้วจริง ๆ วางท่าเสแสร้งจนโดนตบ เจ้าช่างสุดยอดจริง ๆ!”


ก่อนหน้านี้จ้าวหลานวางท่ากำเริบเสิบสานผยองเป็นอย่างยิ่ง แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันไรก็ถูกมือใหญ่ด้านในกระจกทองแดงตบจนร่างระเบิดออกกลายเป็นเพียงหมองละอองเลือด นี่มันช่างน่าขันเกินไปแล้ว!


“ยังโหดเหี้ยมไม่เพียงพอ ถ้าสังหารมันไปเลยจะดียิ่งกว่านี้”


ไม้เขี่ยฟืนเอ่ย “ส่วนหนึ่งของดวงวิญญาณมันยังคงหลงเหลืออยู่ อยากให้ข้าเผาทำความสะอาดมันให้หรือไม่?”


“บังอาจ!”


ทันใดนั้นเอง เสียงด้านในกระจกทองแดงก็ดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับพลังกดดันอันมหาศาล ความว่างเปล่าทั้งหมดในอาณาจักรอวี้ซวีระเบิดออกมา กระทั่งดวงดาราอื่นที่อยู่รอบบริเวณยังได้รับผลกระทบ ถึงกับมีดาวดวงหนึ่งแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กระจายตกลงมา


ทางด้านเหล่าสมบัติก็มีพลังที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าโจมตีพวกมันพร้อมกับเสียง พวกมันรีบระเบิดพลังออกมาต้านทานเอาไว้


ทว่าครั้งนี้พวกมันไม่อาจต้านทานได้อย่างราบรื่นเหมือนเคย ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป แสงที่เปล่งอยู่รอบกายสลัวลง


สีหน้าของมัจฉาสัตมายาพลันแปรเปลี่ยน ดูเหมือนว่าคราวนี้มันจะพบกับศัตรูตัวฉกาจเข้าแล้ว!



ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ