666-670

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 666ถึง 670


‘ผู้ใดเล่าจะเข้าใจความเจ็บปวดของข้า…’


หลี่จิ่วเต้าครวญครางในใจ เขาช่างอนาถเหลือเกิน ขยับเขยื้อนก็มิได้ ทุกอย่างในการมองเห็นล้วนเป็นความวาบหวาม มือแตะไปที่ไหนก็เป็นความนุ่มนวล เร้าอารมณ์จนทนแทบไม่ไหว


ยังดี ‘ความเจ็บปวด’ นี้มิได้ดำเนินต่อไปนานนัก ผ่านไปไม่เท่าไร พวกลั่วสุ่ยก็ตื่น


“ระยำจริง เหมือนว่าเมื่อคืนมีคนถีบข้าอยู่ตลอด จนข้าหลับไม่สบายเลยทั้งคืน!”


ลั่วสุ่ยตื่นเป็นคนแรก เอ่ยเสียงเคียดแค้น


“เจ้าก็รู้สึกอย่างนั้นหรือ ข้าเองก็ด้วย!”


เซี่ยเหยียนตื่นตามมาทีหลัง เมื่อได้ยินวาจาของลั่วสุ่ย ก็รับคำตามสัญชาตญาณ


“พวกเจ้ายังดี เมื่อคืนข้ารู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบ เข้าสู้กับฝ่ายศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าเพียงลำพัง!”


หลิงอินตื่นแล้วเช่นกัน เอ่ยไปอย่างไม่คิดอันใด


เวลานั้นเอง พวกนางได้สติกันถ้วนหน้า สีหน้าประหลาดไม่แพ้กัน


เหตุใดพวกนางถึงมาอยู่ด้วยกันได้?!


ที่นี่คือ…ห้องของคุณชาย!


พวกนางอยู่บนเตียงของคุณชาย!


ชั่วพริบตานั้น พวกนางต่างกระโดดลงจากเตียงของคุณชาย พอคิดตกแล้วว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ต้องเป็นเพราะเมื่อคืนพวกนางเมากันหมดแน่!


“เรื่องความคอแข็ง พวกเจ้าล้วนไม่ได้เรื่อง จากนี้ไปต้องฝึกฝนให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก!”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยอย่างหวังดี “ข้าจะฝึกพวกเจ้าโดยเน้นย้ำเรื่องนี้เป็นหลัก!”


เขาต้องฝึกคอสุราของพวกลั่วสุ่ยจริงจังแล้ว ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปคงมิไหว เกิดเรื่องได้ง่ายยิ่ง


เขาไม่อยากเลือกครองคู่กับอีกฝ่ายด้วยการกระทำที่เป็นไปอย่างมึนงงเช่นนี้ นี่มิใช่ความตั้งใจจริงของเขา เขาหวังว่าความรักของเขาในอนาคตจะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ไม่มีปัจจัยอื่นเกี่ยวข้อง …เป็นไปอย่างไร้มลทิน!


“เข้าใจแล้ว!”


“ต้องฝึก ต้องฝึก!”


พวกลั่วสุ่ยพากันพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะรีบเผ่นออกจากห้องของคุณชาย น่าอาย…ชะมัด!


หลี่จิ่วเต้าลุกขึ้น นึกในใจไปว่ายังดีที่เขาร่างกายแข็งแรง โดนพวกหลิงอินสามคนทับทั้งคืนยังไม่เป็นอันใด ถ้าร่างกายอ่อนแอกว่านี้ น่ากลัวว่าคงลงจากเตียงไม่ไหว


เขาลงจากรถลาก เห็นพวกจักรพรรดินียังนอนกันอยู่ นึกในใจว่ายังดีที่พวกจักรพรรดินีเมาหลับอยู่ที่นี่ มิได้ขึ้นไปบนรถลาก มิฉะนั้น พวกจักรพรรดินีก็อาจเข้าห้องเขาผิดไปด้วย


หากเป็นเช่นนั้นจะยิ่งกระอักกระอ่วนไปกันใหญ่


เขาล้างหน้า ต่อยมวยไทเก๊กไปหนึ่งชุด เพื่อสงบจิตใจอันฟุ้งซ่าน


ผ่านไปไม่นาน พวกจักรพรรดินีก็ทยอยตื่นขึ้น


ส่วนหยวนอีและอันหลานเสวี่ยมิได้นอนเลย รถลากเสียงดังเช่นนี้ ซ้ำยังดำเนินต่อเนื่องตลอดคืน จะให้พวกนางหลับลงได้อย่างไร


ทว่าเพื่อมิให้อึดอัด พวกนางจึงแกล้งหลับอยู่ตลอด เห็นพวกจักรพรรดินีทยอยตื่นขึ้นมาแล้ว พวกนางถึงลืมตา แสร้งทำเป็นเพิ่งตื่น


ลั่วสุ่ย หลิงอิน เซี่ยเหยียนก็สงบจิตสงบใจลง ต่างเลือกที่จะ ‘ลืมเลือน’ เรื่องเมื่อคืนอย่างใจตรงกัน แกล้งทำเป็นไม่มีอันใดเกิดขึ้น


หลังกินอาหารเช้ากันอย่างเรียบง่ายแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็สนทนากับจักรพรรดินี


เขาชื่นชมความสามารถของจักรพรรดินีจริง ๆ ทั้งยังรู้สึกนับถืออีกด้วย


ผู้ฝึกตนล้วนวุ่นวายอยู่กับการบำเพ็ญ ยกเรื่องฝึกตนเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง สมาธิจดจ่ออยู่แต่กับการฝึกตนเท่านั้น ทว่าจักรพรรดินีกลับมีความสามารถสูงเยี่ยงนี้ ไม่ง่ายเลยจริง ๆ


ไม่ต้องคิดให้มากความเขาก็รู้ว่าจักรพรรดินีทุ่มเทแรงกายแรงใจในด้านนี้ไม่น้อย หากมิได้ทุ่มเท จักรพรรดินีไม่มีทางเปี่ยมความสามารถถึงเพียงนี้


“ท่านมีความเสียใจอันใดหรือไม่”


หลี่จิ่วเต้าถามจักรพรรดินี


ผลงานของจักรพรรดินีต่างแฝงไว้ด้วยความเสียใจอันใหญ่หลวง แม้ว่าความเสียใจนี้มิได้ส่งผลกระทบต่อความงามของผลงาน ซ้ำยังช่วยยกระดับผลงานได้อีกด้วย


กระนั้น เขายังรู้สึกว่าหากมนุษย์เราเอาแต่ใช้ชีวิตไปด้วยความเสียใจไม่ดีเท่าไร ควรต้องมองไปข้างหน้า ก้าวออกมาจากความเสียใจ


ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่อาจปิดบังคุณชายเลยจริง ๆ!


จักรพรรดินีคิดในใจ จากนั้น นางเอ่ยขึ้น “ข้ามีความเสียใจอยู่จริง ๆ ผู้ที่สำคัญต่อข้าอย่างยิ่งยวด ช่วยเปิดทางให้ข้า เลือกสละชีพของตนเอง…”


นางกล่าวถึงอาจารย์ของนาง


นี่คือเรื่องที่นางเสียใจที่สุด


เพื่อให้นางได้เห็นเส้นทางซึ่งเหนือกว่าเทียนตี้ อาจารย์ของนางสละชีวิต แย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงมาให้นางได้เสี้ยวหนึ่ง ที่นางมีความสำเร็จเฉกเช่นตอนนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับวาสนานั้น


หากปราศจากวาสนาเสี้ยวนี้ นางย่อมไม่มีทางได้เป็นเซียน และไม่มีทางได้เข้าไปในภพเซียน


ที่นางพยายามฝึกฝนก็เพื่อชดเชยความเสียใจนี้ นางต้องการบำเพ็ญถึงขอบเขตที่สูงขึ้น ให้อาจารย์ของนางสามารถคืนชีพขึ้นมา


เป็นเช่นนี้นี่เอง


หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ ที่จริงเขาเดาได้นานแล้วว่า ความเสียใจในผลงานของจักรพรรดินีมาจากความคิดคะนึง เป็นความเสียใจอันเกิดจากความคิดถึงต่อบุคคลผู้ใกล้ชิดที่สุด


จากถ้อยคำของจักรพรรดินี เขาสัมผัสได้ว่าจักรพรรดินียังไม่สามารถก้าวออกจากความเสียใจเช่นนี้ได้


“เจ้าควรต้องมองตรงไปข้างหน้า ไม่ควรจมดิ่งอยู่ในความเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีต ทำเช่นนั้นรังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้ตนเอง ข้าเชื่อว่าผู้ที่ตายไปแล้วก็ไม่ต้องการเห็นเจ้าทรมานอยู่อย่างนี้”


หลี่จิ่วเต้าปลอบจักรพรรดินี


สิ่งที่เขาทำได้นั้นมีจำกัด


จักรพรรดินีคือผู้ฝึกตนซึ่งบำเพ็ญจนเหนือชั้น อยู่มาอย่างยาวนาน กระนั้นยังมิอาจก้าวออกจากความเศร้าโศกเสียใจนี้ได้ ใช่ว่าไม่กี่ประโยคของเขาจะช่วยให้จักรพรรดินีก้าวพ้นความเจ็บปวด


“ขอบคุณคุณชายที่ชี้แนะ!”


จักรพรรดินีพยักหน้าตอบรับ ทว่าก้าวออกมาได้ง่าย ๆ ที่ไหน ในใจของนางก็ยังคิดคะนึงถึงอาจารย์ของนาง อยากชุบชีวิตให้อาจารย์ของนาง


นางอยากขอร้องให้คุณชายช่วยคืนชีพให้อาจารย์ของนาง ด้วยความสามารถและฝีมือของคุณชาย คงคืนชีพอาจารย์ของนางได้กระมัง?


แต่นางไฉนเลยจะกล้าไปขอร้องคุณชาย


คุณชายช่วยนางไว้ถึงสองคราไม่พอ ยังให้นางได้กินหม้อไฟ ประทานวาสนาการเปลี่ยนแปลงแก่นาง ขืนนางยังไปขอร้องคุณชายอีก คงไม่รู้จักแยกแยะเกินไปแล้ว


รู้หรือไม่ คุณชายมิได้ติดค้างนางแต่อย่างใด


“ฮ่า ๆ ได้กระถางดอกไม้จากเจ้ามาจำนวนหนึ่ง ข้าคงมิอาจรับไว้เฉย ๆ”


หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม “ข้าไม่มีสิ่งใดเป็นของกำนัลตอบแทน เอาอย่างนี้ ข้าจะมอบสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่ข้ารังสรรค์ขึ้นด้วยตัวเองแก่เจ้า เป็นของตอบแทนก็แล้วกัน”


ออกจากบ้านคราวนี้ เขาพกสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรมาทั้งหมดสองชุดด้วยกัน


หนึ่งชุดเป็นสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่ระบบตกรางวัลให้


อีกชุดเป็นสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่เขารังสรรค์ขึ้นเองและใช้อยู่บ่อย ๆ


สมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่ระบบตกรางวัลให้นั้น เป็นของดีในของดี ปกติแล้วเขาทำใจนำออกมาใช้มิได้ ใช้เพียงสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรซึ่งเป็นฝีมือของเขาเองทั้งนั้น


ที่ครั้งนี้เขานำสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่ระบบตกรางวัลให้ออกมาด้วย เพราะคิดว่าหากได้พบทัศนียภาพงดงาม จะได้ใช้เมื่อมีอารมณ์สุนทรีย์


ถึงอย่างไร รอบนี้เขาก็ต้องออกจากบ้านเป็นเวลานาน ไม่แน่เขาอาจอยากใช้สมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่เป็นรางวัลจากระบบ


ทว่า จวบจนบัดนี้ เขายังไม่เคยได้ใช้สักครั้ง


ชายหนุ่มบอกให้ลั่วสุ่ยไปนำสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรชุดที่เขาทำขึ้นเองจากรถม้ามา


“ฮ่า ๆ ทั้งท่านทั้งข้า ต่างเป็นผู้ชื่นชอบฝีมือพู่กัน ลายน้ำหมึก ข้าขอถือวิสาสะเขียนภาพอักษรให้ท่าน ถือเป็นของให้ระลึกถึงกัน”


หลี่จิ่วเต้าให้ลั่วสุ่ยวางสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรบนโต๊ะ พร้อมกล่าวต่อจักรพรรดินี


“คุณชายถ่อมตัวเกินไปแล้ว ได้รับภาพอักษรฝีมือท่าน นับเป็นบุญวาสนาที่ข้าสั่งสมมาหลายชาติ! ไฉนเลยต้องเอ่ยว่าถือวิสาสะ ข้ารับมิไหว”


จักรพรรดินีเอ่ยอย่างนอบน้อม


วาจาเหล่านี้ล้วนกลั่นออกจากใจจริงของนาง


คุณชายเป็นคนระดับไหน เขียนอักษรมอบให้นางได้นับเป็นเกียรติยศสูงสุดของนางอย่างแท้จริง!


ลั่วสุ่ยฝนหมึกให้คุณชายอย่างว่านอนสอนง่าย หลี่จิ่วเต้าคลี่กระดาษเซวียนออก ขบคิดอยู่ว่าเขียนตัวอักษรใดให้จักรพรรดินีดี


รู้แล้ว!


เขาคลี่ยิ้มออกมา นึกได้แล้วว่าจะเขียนอักษรตัวใดให้จักรพรรดินี



หลังคิดได้ว่าจะเขียนอักษรใดให้จักรพรรดินี หลี่จิ่วเต้าก็หยิบพู่กันขึ้น จุ่มน้ำหมึก


เขาฉวัดเฉวียนเขียนตัวอักษร ฝีมือพู่กันจีนของเขาอยู่ในระดับล้ำเลิศ ทุกครั้งที่จรดพู่กันล้วนลื่นไหลดุจสายน้ำ แฝงไว้ด้วยพละกำลัง ทั้งสวยทั้งน่าทึ่ง


ในสายตาจักรพรรดินี นางได้เห็นกฎระเบียบเหนือจินตนาการสลักลงไปในตัวอักษรเหล่านั้นตามการร่ายพู่กันของคุณชาย นางสะท้านใจอย่างยิ่งยวด ต้องเป็นกฎระเบียบเช่นไรกันนี่ แล้วมีแหล่งกำเนิดอยู่ที่ไหน น่าเหลือเชื่อถึงขีดสุด!


กฎระเบียบในภพเซียนยังห่างชั้นไกลโข ต้อยต่ำเสียจนไม่ควรค่าแก่การพูดถึง นางรู้สึกอีกด้วยว่ากฎระเบียบเช่นนี้เหนือชั้นเสียยิ่งกว่าความโกลาหล ไม่ถูกความโกลาหลจำกัด อยู่เหนือกฎแห่งโกลาหล!


แปรงพู่กันสุดท้ายจรดลงไป หลี่จิ่วเต้าก็เก็บพู่กัน บอกให้ลั่วสุ่ยไปนำตราประทับของเขาบนรถลากมา


ทลายความเสียใจ ฝักใฝ่ในอนาคต!


หลี่จิ่วเต้าเขียนตัวอักษรเหล่านี้ เพราะหวังให้จักรพรรดินีก้าวออกจากความเสียใจตรอมตรม มองไปยังอนาคตอันสดใส


ไม่นานนัก ลั่วสุ่ยก็หยิบตราประทับออกมา


หลี่จิ่วเต้าประทับตราลงไปบนกระดาษเซวียน


จักรพรรดินีได้เห็นพลังแปลกประหลาดบางอย่างถูกผนึกไว้ในกระดาษเซวียน เป็นพลังที่นางต้องใจเต้นโครมคราม หากพลังนั้นรั่วออกมาแม้เพียงเศษเสี้ยว นางต้องถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิงแน่นอน!


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดแน่นอน นางรู้สึกว่ามีอักษรภาพนี้อยู่ จักรพรรดิเซียนยังทำอะไรนางมิได้!


‘ใช่แค่จักรพรรดิเซียนที่ไหน…หากว่าพลังในกระดาษเซียนรั่วไหลออกมา น่ากลัวว่าจักรพรรดิเซียนอาจได้สลายเป็นจุณในพริบตา ไร้ซึ่งการดำรงอยู่อีกต่อไป!’


จักรพรรดินีคิดในใจ


“พบกันใหม่วันหน้า!”


หลังหลี่จิ่วเต้ามอบสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรให้จักรพรรดินีแล้ว เขาก็บอกลาจักรพรรดินีและหยวนอี


ก่อนไป หยวนอีเอ่ยว่าจะตามหาร่องรอยของซีต่อ หากมีข่าวคราวแล้ว จะรีบรายงานคุณชายทันที


จักรพรรดินีก็เอ่ยว่าจะปฏิบัติการร่วมกับหยวนอี ตามหาซีเสมือนเป็นภารกิจสำคัญ


“อย่าให้เตะตาผู้อื่นไป หาอย่างเงียบ ๆ ก็พอ”


หลี่จิ่วเต้าเตือนหยวนอีและจักรพรรดินี เขากลัวจะส่งผลกระทบต่อซี


“ได้!”


หยวนอีและจักรพรรดินีพยักหน้าหนักแน่น จดจำข้อนี้ไว้


ความจริง ไม่ต้องให้คุณชายคอยเตือน หยวนอีก็รู้ว่าไม่ควรเอิกเกริกนัก


เบื้องหลังของซีย่อมต้องเกี่ยวพันกับสิ่งอื่นที่ใหญ่หลวง บ่วงกรรมอันซับซ้อน หากหาอีกฝ่ายอย่างเอิกเกริกจะต้องมีปัญหาแน่ นางตระหนักถึงเรื่องนี้ดี จึงตามหาซีเพียงลำพังมาโดยตลอด มิเคยแพร่งพรายข้อมูลของซีออกไปแต่อย่างใด


สุดท้าย พวกหลี่จิ่วเต้าก็ขึ้นรถม้า สัตว์อสูรทั้งเก้าลากรถม้าจากไป หายลับไปจากสายตาของหยวนอีและจักรพรรดินี


“ทลายความเสียใจ ฝักใฝ่ในอนาคต”


จักรพรรดินีอ่านตัวอักษรที่คุณชายเขียนให้นางเบา ๆ เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณคุณชาย!”


นางรู้ว่าคุณชายหวังดีต่อนาง ไม่อยากให้นางจมดิ่งอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจในอดีตอีก หวังให้นางก้าวออกมา มองไปข้างหน้า


ตึง ตึง ตึง!


เวลานั้นเอง จู่ ๆ กระดาษเซียนก็พลิ้วสะบัด ประกายแสงเจิดจ้าลำแล้วลำเล่าพวยพุ่ง สว่างสดใส กฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้ซึ่งถูกผนึกอยู่ในกระดาษเซวียนค่อย ๆ โลดแล่นออกมา!


“นี่มันเรื่องอันใดกัน?!”


จักรพรรดินีฉงน คิ้วขมวดเป็นปม


ฟึ่บ!


พลังมหาศาลหลั่งไหลออกจากกระดาษเซวียน อักขระโบราณซับซ้อนถักทอ หลอมรวมเป็นเส้นทางโบราณ เชื่อมตรงถึงขอบฟ้า!


ซ่า!


เสียงส่งออกมาจากที่นั่น จากนั้น ก็มีภาพปรากฏการณ์ประหลาดเผยให้เห็น เสียงที่ดังขึ้นเกิดจากน้ำลำธารที่ซัดสาด ธารปริภูมิเวลาสำแดงออกมาในภาพปรากฏการณ์ประหลาด!


จักรพรรดินีและหยวนอีเห็นว่า พลังแห่งกาลเวลาโถมทับมาจากที่นั่น กฎแห่งกาลเวลารุกราน เส้นทางโบราณทะลวงออกไปโดยทวนกระแสน้ำในธารปริภูมิเวลา!


สตรีทั้งสองได้เห็นยุคสมัยเก่าแก่ยุคแล้วยุคเล่า ทุกอย่างผ่านไปอย่างว่องไว ภาพเหตุการณ์สับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เส้นทางโบราณทวนกระแสน้ำได้ไวยิ่งนัก!


ท้ายที่สุด เส้นทางโบราณหยุดลง ภาพเหตุการณ์ในนั้นมิได้สับเปลี่ยนอีก


“นั่นมัน…ท่านอาจารย์!”


จักรพรรดินีตัวสั่นเทา น้ำตาคลอหน่วย นางได้เห็นอะไรกัน!?


ได้เห็นอาจารย์ของตนหรือ!


ห้วงเวลาที่เส้นทางโบราณหยุดนิ่งไว้ คือวันที่อาจารย์ของนางแย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงโดยแลกกับชีวิตของตนเพื่อนาง!


“ทลายความเสียใจ ฝักใฝ่ในอนาคต…”


หยวนอีท่องตาม ทันใดนั้น ดวงตาของนางเป็นประกาย “คุณชายไม่เคยมอบของขวัญให้ผู้ใดโดยไร้เหตุผล ในนี้ต้องมีความหมายลึกซึ้งแฝงไว้แน่นอน!”


นางกล่าวต่อ “ข้าเข้าใจแล้ว คุณชายตั้งใจช่วยทลายความเสียใจในใจท่านให้สิ้นซาก ให้ท่านอาจารย์ของท่านได้คืนชีพในยุคปัจจุบัน!”


“จริง…จริงหรือ”


จักรพรรดินีตื้นตันจนเชื่อไม่ลง อาจารย์ของนางจะคืนชีพขึ้นในยุคปัจจุบันได้จริงหรือ?!


นี่เป็นเรื่องที่นางปรารถนาแม้ในยามหลับฝัน


นางไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลย!


“จริงสิ ไปกันเถิด!”


หยวนอีจูงจักรพรรดินีขึ้นไปบนเส้นทางโบราณ พวกนางรุดหน้าอย่างรวดเร็วไปตามเส้นทางโบราณ หยวนอีเชื่อว่านางคาดการณ์ไม่ผิด มิฉะนั้น ไม่มีทางปรากฏเส้นทางโบราณเช่นนี้ให้เห็น


เส้นทางโบราณดูเหมือนยาวเหยียด แท้จริงแล้วมิได้ยาวปานนั้น อย่างน้อยก็เป็นเช่นนั้นเมื่ออยู่ใต้เท้าหยวนอีและจักรพรรดินี


พวกนางก้าวผ่านยุคสมัยหนึ่งได้ในไม่กี่ก้าว ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงปลายทางของเส้นทางโบราณ อาจารย์ของจักรพรรดินีกำลังใช้ชีวิตของตนแย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงเสี้ยวสุดท้ายของเส้นทางเหนือเทียนตี้


“ไม่!”


จักรพรรดินีร้องลั่น อยากเข้าไปห้าม ทว่าพลังที่มองไม่เห็นบางอย่างขวางกั้นนางไว้ เสียงของนางยังถูกบดบัง ไม่อาจส่งออกไปได้


นางกับหยวนอีเสมือนคนผ่านทาง ทำได้เพียงมองดูทุกอย่างเกิดขึ้น กลับไม่มีกำลังพอจะทำอันใด


สุดท้าย อาจารย์ของนางแย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงนั้นให้นางได้สำเร็จ แต่ก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตเพื่อการนี้ สลายหายไปอย่างสิ้นเชิง


“ไม่มีกำลังพอจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดหรือ ไม่ควรเป็นเช่นนี้สิ!”


หยวนอีพึมพำเสียงเบา เส้นทางโบราณทวนกระแสน้ำธารปริภูมิเวลา หยุดลงในวันนี้ เพียงเพื่อพานางและจักรพรรดินีผ่านมาที่นี่ แล้วให้มองเห็นแต่ทำกระไรไม่ได้อย่างนั้นหรือ


นางไม่เชื่อ!


“สมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษร! จริงสิ ยังมีสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรอยู่!”


ตานางลุกวาว สิ่งที่คุณชายมอบให้จักรพรรดินีหาได้มีเพียงภาพอักษร แต่ยังมีสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษร!


สมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรต้องมีอานุภาพอื่นเป็นแน่!


มิฉะนั้น คุณชายคงไม่ยกสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรให้!


กับเรื่องนี้ นางรู้ซึ้งกับตัว สิ่งที่คุณชายเคยประทานต่อนาง ล้วนเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล คิดแล้ว สมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่คุณชายยกให้จักรพรรดินีก็คงเป็นเยี่ยงนั้นเช่นกัน มีความหมายสำคัญ!


จักรพรรดินีมิใช่คนธรรมดา นางมีประสบการณ์โชกโชน เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ก่อนนี้ได้เห็นภาพอาจารย์เสี่ยงชีวิตเพื่อนางอีกครั้งจึงสะท้านใจอย่างมาก มิอาจควบคุมตัวเอง


บัดนี้นางใจเย็นลง หลังจากตรึกตรองอย่างละเอียด ก็ค่อย ๆ เข้าใจขึ้นมา


“ไม่สามารถแทรกแซงได้จริง ๆ หากทำเช่นนั้น บ่วงกรรมที่เกี่ยวข้องต้องยิ่งใหญ่ปานใด แต่หากรอจนทุกอย่างจบลง บ่วงกรรมที่เกี่ยวข้องย่อมเล็กลงมาก!”


จักรพรรดินีเอ่ยด้วยตาเป็นประกาย


หากช่วยอาจารย์ของนางไว้ก่อนตาย จะเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย จนส่งผลร้ายแรงอย่างนึกไม่ถึง เหตุการณ์ในกาลเวลาต่อไปย่อมต้องถูกปรับเปลี่ยนไปทั้งหมด


แต่หากลงมือหลังอาจารย์ของนางตายไปแล้ว ก็ย่อมหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้


ถึงอย่างไร อาจารย์ของนางก็ตายไปอย่างสมบูรณ์ สลายกลายเป็นจุณ ช่วยอาจารย์ที่สลายหายไปแล้ว และพากลับยุคปัจจุบันย่อมไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ไม่ส่งผลกระทบร้ายแรง


เพียงแต่สมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่คุณชายมอบให้นางทำได้ถึงขั้นนั้นหรือไม่ ช่วยชุบชีวิตอาจารย์ที่ตายไปแล้วอย่างสิ้นเชิงได้จริงหรือ


“ข้าเชื่อใจคุณชาย!”


จักรพรรดินีกล่าวเสียงเข้ม นำสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรออกมา


นางเชื่อว่าคุณชายมิได้ยกสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรให้นางเปล่า ๆ เช่นกัน นางเชื่อว่าสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรช่วยคืนชีพให้อาจารย์ของนางได้!


“ใช่แล้ว ขอเพียงเชื่อใจคุณชายเป็นพอ!”


หยวนอีพยักหน้าพลางกล่าว



พู่กัน หมึก กระดาษ จานฝน


จักรพรรดินีนำสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่คุณชายประทานให้ออกมา แต่ละชิ้นล้วนมีจังหวะแห่งเต๋าเหนือจินตนาการไหลเวียนอยู่ กฎระเบียบลึกล้ำถักทอประสานกัน


นี่คือสมบัติทั้งสี่ชิ้นที่คุณชายใช้แทบทุกวัน แตกต่างจากสมบัติชิ้นอื่นมาก และวิเศษกว่าของชิ้นอื่นมากด้วย!


ขอบเขตของคุณชายลึกล้ำเกินหยั่ง ของธรรมดาเมื่ออยู่ในมือคุณชายต่างกลายเป็นสิ่งของสะท้านโลกันตร์ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่าสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรนั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว อานุภาพของสมบัติทั้งสี่ชิ้นอยู่ในระดับที่น่าประหวั่นพรั่นพรึง!


จักรพรรดินีสูดลมหายใจเข้าลึก ผ่อนคลายกายใจ สลัดความคิดอื่นในหัว ฝนหมึกในจานฝน แล้วหยิบพู่กันแตะน้ำหมึก


นางจดจ่อเขียนอักษรตัวใหญ่ตัวหนึ่งลงบนกระดาษเซวียน!


ชีพ!


นี่คือความคิดใหญ่หลวงที่สุด และเป็นความคิดเดียวในใจของนาง นางปรารถนาให้อาจารย์ของนางคืนชีพขึ้นมา!


นางฝากความหวังทั้งหมดไว้กับสมบัติทั้งสี่ชิ้นนี้ หลังจากเขียนคำว่า ‘ชีพ’ ลงไปแล้ว หัวใจของนางเต้น ‘ตึกตัก’ รัวเร็ว นางประหม่าอย่างยิ่งยวด เหงื่อซึมออกมาตามฝ่ามือ


สาเหตุนั้นมิใช่เรื่องอื่นใด นางเป็นห่วงอาจารย์ของนางมาก


ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!


ผ่านไปไม่นาน ลมหายใจต่อมา อักษร ‘ชีพ’ บนกระดาษเซวียนเปล่งประกายเจิดจ้า ทั้งยังมีพลังประหลาดบางอย่างไหลเวียน จากนั้นแสงสีทองสายหนึ่งพร้อมด้วยพลังนิรนามพลันพุ่งออกไปด้านหน้า!


เสียงดังตึง สิ่งกีดขวางที่จักรพรรดินีทำอย่างไรก็ทลายมิได้ แสงสีทองสายนี้กลับทะลุผ่านได้ง่ายดาย และหยุดลงตรงที่อาจารย์ของนางร่างสลายไป


แสงสีทองนี้อยู่เหนือนางในยุคสมัยนั้น ทว่านางในยุคสมัยนั้นกลับมองไม่เห็นสักนิด!


แสงสีทองเจิดจรัสแยงตา สว่างไสวยิ่งกว่าดวงตะวันบนฟากฟ้า นางในยุคสมัยนั้นสัมผัสสิ่งใดมิได้เลย ภาพนี้จึงดูพิลึกอย่างยิ่งยวด!


เรื่องนี้ยังไม่จบ


ภาพที่พิลึกยิ่งกว่าปรากฏขึ้นในเวลาต่อมา


แสงสีทองและพลังนิรนามจากฟากนั้นซัดสาดรุนแรง ห้วงมิติบิดเบี้ยว ปริภูมิเวลาเริ่มโกลาหล กฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้โลดแล่นไม่หยุด


ทว่าเหตุการณ์ตระการตาปานนี้ นางในยุคสมัยนั้นก็ยังไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ราวกับที่นั่นไม่เคยเกิดเรื่องใดขึ้นมาก่อน


ผ่านไปไม่นาน เหตุการณ์แสงสีทองทวีความยิ่งใหญ่ ปฐพีถูกทาบทับเป็นสีทองเรืองรองกันทั้งปวง กฎระเบียบที่โลดแล่นอยู่ก็สยดสยองขึ้นเรื่อย ๆ พลังทุกมวลล้วนสามารถถล่มกาลเวลาอันยาวนานจนพังครืนได้!


ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น นางในยุคสมัยนั้นก็ยังไม่รู้สึกตัว ราวกับเหตุการณ์เหล่านี้มิได้กำลังดำเนินอยู่


“ได้จริง ๆ หรือ!”


จักรพรรดินีมีสีหน้าตื้นตัน นางได้เห็นอะไรกัน


ด้านแสงสีทอง มีประกายดวงดาราหลอมรวมเข้าด้วยกัน นั่นคือเลือดเนื้อที่กำลังรวมร่าง จักรพรรดินีน้ำตาหลั่งรินออกมาในบัดดล นั่นคืออาจารย์ของนาง แม้นยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง กระนั้นนางก็จำได้ในพริบตา!


อย่างที่คิด นั่นคืออาจารย์ของนางจริง ๆ ความเร็วในการหลอมเลือดเนื้อนั้นไวมาก ร่างของอาจารย์นางใกล้หลอมเสร็จแล้ว!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ทว่าในตอนนั้นเอง ปรากฏการณ์ประหลาดปรากฏขึ้นที่นั่น พลังปราณมืดมนคืบคลาน ส่งไปถึงเส้นทางโบราณ จักรพรรดินีกับหยวนอีต่างสัมผัสได้ถึงลมปราณประหลาดนี้ พวกนางสะดุ้งตัวสั่นขึ้นมาอย่างอดมิได้


เป็นไปได้อย่างไรกัน?


พลังอะไรกัน!?


ถึงกับทะลวงปริภูมิเวลา แผ่ขยายมาถึงที่นี่ได้?!


ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นที่นั่นอีกครั้ง วิหารโบราณโผล่ออกมาตำหนักแล้วตำหนักเล่า พร้อมด้วยหมอกทะมึน สายลมสัมภเวสีโชยพัดไม่หยุด ทะลวงปริภูมิเวลาออกมาดังสะท้อนอยู่ข้างหูจักรพรรดินีและหยวนอี!


พวกนางรู้สึกถึงสายลมสัมภเวสีที่พัดเข้ามา ขนลุกขนชันกันหมด ความหนาวสะท้านพุ่งจากฝ่าเท้าขึ้นมายังสมอง!


ต้องเป็นวิหารโบราณระดับใดกัน?!


รูปร่างประหลาด ก่อขึ้นด้วยหินพิสดาร สูงใหญ่โอ่อ่า หัวกะโหลกพวงแล้วพวงเล่าห้อยอยู่หน้าประตู มีทั้งของมนุษย์และของเผ่าอสูรต่าง ๆ


ที่นั่นแดงเถือกไปทั่วทั้งผืนพิภพ ราวสะท้อนรับกับโลหิตกว้างไกลไร้ขอบเขต จักรพรรดินีกัดฟันทอดมองไป จึงพบว่ามีโลหิตกว้างไกลไร้ขอบเขตสะท้อนอยู่จริง ๆ!


ลำธารยาวมโหฬารทอดพาดผ่านวิหารโบราณทั้งหลาย หลั่งไหลตามใจชอบ นี่คือลำธารโลหิตสายหนึ่ง ข้นเหนียวแดงฉาน จักรพรรดินีรู้สึกเหมือนได้กลิ่นเหม็นคาว ชวนสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง


บนลำธารมีสะพานหินยักษ์โบราณตั้งอยู่ พาดผ่านลำธารโลหิตเดือดพล่าน เชื่อมต่อกับดินแดนหนึ่ง จักรพรรดินีอยากมองให้ชัดว่าเชื่อมต่อกับที่ใด แต่นางมองไม่เห็น เพราะที่นั่นถูกหมอกดำหนาแน่นบดบังเอาไว้


“สะพานไน่เหอ…!”


หยวนอีรำพัน บนสะพานหินโบราณมีตัวอักษรยักษ์สลักไว้ เป็นตัวอักษรที่นางไม่รู้จัก กระนั้นยามได้เพ่งมองอักษรสลัก ความหมายของอักษรสลักกลับปรากฏอยู่เบื้องหน้านาง


บนสะพานหินโบราณอีกด้านหนึ่ง มียายแก่ผมขาวโพลน รูปร่างเตี้ยค่อมคนหนึ่ง เบื้องหน้านางมีหม้อใหญ่ใบหนึ่ง คล้ายว่ากำลังต้มอะไรบางอย่าง ไอร้อนระเหยขึ้นมาไม่หยุด


เสมือนว่านางรับรู้ถึงสายตาของหยวนอี จึงได้เงยหน้ามองนาง และคลี่ยิ้มเผยฟันซี่เหลือง


หยวนอีขวัญผวาจนรีบเบนสายตากลับมา ยามยายแก่มองนาง วิญญาณของนางแทบแตกสลาย เหงื่อเย็นไหลออกมารอบกรอบดวงหน้า!


“ดื่มน้ำแกงสิ…ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งสักถ้วย ล่วงรู้ทุกเรื่องราวเมื่อครั้งยังมีชีวิต แล้วไปที่ชอบ ๆ อย่างไร้บ่วง!”


หยวนอียิ่งตื่นกลัวเข้าไปใหญ่ เสียงของยายแก่ดังกึกก้องอยู่ข้างหูนาง ราวกับเข้ามาบอกนางตรงหน้า!


ยังดีที่สี่กระบี่ประหารเซียนในตัวนางเปล่งแสง พลังบางอย่างหลั่งไหลออกมาคุ้มครองนางไว้ หญิงสาวจึงไม่รู้สึกหวาดผวาแตกตื่นเท่าใด


“ลำธารโลหิต สะพานไน่เหอ แกงยายเมิ่ง…”


หยวนอีพึมพำเสียงเบา รู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยได้ยินที่ใดมาก่อน


ทว่านางประหม่าเกินเหตุ จึงยังนึกไม่ออก


ปรากฏการณ์ประหลาดค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่นั่น จวบจนเผยให้เห็นทั้งหมด เริ่มจากเผยสถานที่เพียงบางส่วน


จักรพรรดินีได้เห็นว่าที่นั่นเหมือนเป็นเมืองเก่าแห่งหนึ่ง!


บนประตูเมืองสูงใหญ่มีอักษรสลักอยู่เช่นกัน จักรพรรดินีก็ยังไม่รู้จัก ทว่าเมื่อนางทอดสายตามองไป ความหมายของอักษรสลักได้ปรากฏขึ้นในหัวนางอย่างแจ่มชัด


“เมืองเฟิงตู…”


นางอ่านตาม


หลังจากหยวนอีได้ยินที่จักรพรรดินีอ่าน นางก็ยิ่งประหลาดใจ ความรู้สึกคุ้นเคยปรากฏอีกครั้ง คล้ายว่านางเคยได้ยิน ‘เมืองเฟิงตู’ นี้ที่ไหนมาก่อน!


“ตำหนักยมราชทั้งสิบ…”


จักรพรรดินีหรี่ตา นับตำหนักโบราณซึ่งใหญ่ที่สุดในเมืองเก่า รวมแล้วได้สิบหลัง บนประตูตำหนักมีป้ายแขวนไว้ว่า ‘ตำหนักยมราช’


แน่นอนว่านางย่อมไม่รู้จักตัวอักษรเหล่านั้น อักษรลักษณะนี้พิเศษมาก นางแตกฉานความรู้ทั้งในยุคโบราณจนถึงปัจจุบันกาล ซ้ำยังเคยอ่านบันทึกเก่าแก่มามากเมื่อครั้งอยู่ในภพเซียน มีความรู้ของเกือบทุกยุคสมัย รวมถึงยุคโบราณที่สุดด้วย


กระนั้นนางยังไม่รู้จักตัวอักษรเหล่านี้


“ตำหนักยมราช!”


หยวนอีใจเต้นแรง ความรู้สึกคุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง


คล้ายว่านางจับจุดได้ ใกล้จะนึกออกเต็มที!


“ที่นั่นมีป้ายศิลาโบราณป้ายหนึ่ง…”


จักรพรรดินีทอดสายตาไปอีกครั้ง จึงพบกับป้ายศิลาโบราณขนาดใหญ่ ซึ่งมีอักษรสลักอยู่เช่นกัน


“ปรโลก…”


นางอ่านออกเสียง


ปรโลก!


หลังจากจักรพรรดินีอ่านชื่อนี้ออกมา หยวนอีก็ร้องลั่นทันที “ข้านึกออกแล้ว!”


นางนึกออกแล้วจริง ๆ ว่าเคยได้ยินมาก่อนอย่างที่คิด!


ปรโลก!


ตำหนักยมราชทั้งสิบ!


สะพานไน่เหอ!


แกงยายเมิ่ง!


ชื่อเหล่านี้ล้วนเคยปรากฏในตำนานไซอิ๋วที่คุณชายเล่าให้ฟัง!


ซุนหงอคงอาละวาดทั่วทั้งปรโลก ปรับเปลี่ยนทำเนียบวิญญาณ เป็นเรื่องเล่าที่ชวนฮึกเหิมมาก!


นางมิเคยได้ยินจากคุณชาย แต่เคยได้ยินจากเซี่ยเหยียน และเคยได้ยินตำนานสถาปนาเทวดาด้วย


“ปรโลกมีอยู่จริงหรือนี่…”


สีหน้าของหยวนอีประหลาดไป ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ในตำนานไซอิ๋วที่คุณชายเล่าให้ฟัง ปรโลกเป็นผู้ควบคุมระเบียบโลกหลังความตาย วิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกดวงล้วนอยู่ในอาณัติของปรโลก”


“มีโลกหลังความตายด้วยหรือ?!”


จักรพรรดินีขมวดคิ้ว “ตายไปก็เท่ากับสูญสลายมิใช่หรือ”


นางคิดไม่ตกจริง ๆ โลกหลังความตายมาจากไหนกัน


หากผู้ฝึกตนตายตกไปอย่างสมบูรณ์ จะถือเป็นการมลายแตกดับอย่างแท้จริง วิญญาณสลาย ไม่มีสิ่งใดเหลือไว้ ไฉนเลยจะมีสิ่งคั่งค้างและอยู่ใต้อาณัติของปรโลกได้


“ข้าเองก็ไม่เข้าใจนัก”


หยวนอีส่ายหัว “ปรโลก ตำหนักยมราชทั้งสิบ ชื่อเหล่านี้ล้วนอยู่ในตำนานไซอิ๋วที่คุณชายเล่า ทว่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องนั้น คุณชายมิได้บอกอย่างละเอียด ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัด”


ตำนานไซอิ๋วที่คุณชายเล่า เน้นเรื่องราวของฉีเทียนต้าเซิ่ง ปรโลกเป็นหนึ่งบทย่อยในนั้น รายละเอียดไม่เป็นที่แน่ชัด


นางรู้มาไม่มาก


“เป็นโลกหลังความตายจริงด้วย!”


สีหน้าของจักรพรรดินีเคร่งขรึม นางพบว่าที่มาของเลือดและเนื้ออาจารย์นางอยู่ในปรโลก!


เลือดเนื้อที่หลอมรวมท่ามกลางแสงสีทองล้วนลอยออกจากปรโลก!


นี่อาจารย์ของนางเข้าไปอยู่ในปรโลกหลังจากจบชีวิตลงอย่างนั้นหรือ?!


ปรโลก!


นางไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นในภพเซียน ก็ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับปรโลกเลยสักนิด ที่นั่นเป็นสถานที่เช่นไรกันแน่?


เป็นที่ที่ดวงวิญญาณต้องเดินทางไปหลังสิ้นชีพลงจริงหรือ?!


“แย่แล้ว!”


ในตอนนั้นเอง สีหน้าของจักรพรรดินีเปลี่ยนไปอย่างมาก เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่นั่น เดิมเลือดเนื้อของอาจารย์นางลอยออกจากปรโลกเรื่อย ๆ ทว่าบัดนี้เกิดปัญหา เลือดเนื้อของอาจารย์นางมิได้ลอยออกมาอีก มันถูกพลังบางอย่างสกัดเอาไว้!


พลังปราณมืดมนอันน่าพรั่นพรึงคืบคลานเข้ามา คลื่นพลังสยดสยองซัดสาดออกจากปรโลก สิ่งมีชีวิตบางอย่างก้าวออกมา


นี่คือสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างมนุษย์สองตน สูงใหญ่เหลือแสน ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ศีรษะกลับมิใช่มนุษย์ ตนหนึ่งมีหัวเป็นวัว ตนหนึ่งมีหน้าเป็นม้า!


พวกมันมีเหล็กง่ามในมือ ก้าวออกมาช้า ๆ พลังปราณที่แผ่ซ่านอยู่รอบตัวส่งผลกระทบมาถึงจักรพรรดินีและหยวนอี


“ยมบาลหัววัวหัวม้า!”


นัยน์ตาของหยวนอีไหวระริก นางจำได้ในพริบตา


นี่คือผู้ใต้บัญชาของยมราช ทูตส่งวิญญาณผู้เลื่องชื่อแห่งปรโลก


“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”


จักรพรรดินีสูดปาก ความรู้สึกที่ยมบาลหัววัวหัวม้าให้นางคือน่าประหวั่นพรั่นพรึง นางคิดว่า กระทั่งยอดเซียนเมื่ออยู่ต่อหน้ายมบาลหัววัวหัวม้าก็มิได้ควรค่าแก่การพูดถึง ไม่อาจทัดเทียมได้เลย!


พวกมันมีเหล็กง่ามในมือ สายตาเย็นยะเยือก มองเห็นจักรพรรดินีกับหยวนอีบนเส้นทางโบราณ


ตึง! ตึง! ตึง!


เห็นได้ชัดว่ายมบาลหัววัวหัวม้าหมายหัวสตรีทั้งสอง พวกมันเดินมาทางจักรพรรดินีและหยวนอี จะน่ากลัวเกินไปแล้ว ทุกย่างก้าวของพวกมันสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งผืนฟ้าแผ่นดิน ภาพการณ์นั้นน่าหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง!


ไม่นานนัก พวกมันก็มาถึงที่นี่


จักรพรรดินีกับหยวนอีก็ไม่ถอยเช่นกัน ต่างคนต่างเตรียมพร้อมรับมือต่อสู้ จักรพรรดินีมีสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรในมือ หยวนอีเรียกสี่กระบี่ประหารเซียนออกมา


ยมบาลหัววัวหัวม้าสยดสยองเป็นที่สุด พวกมันแทงเหล็กง่ามออกมา ทลายห้วงมิติได้ในชั่วพริบตา จากนั้นบุกมาหาจักรพรรดินีและหยวนอีบนเส้นทางโบราณ


จักรพรรดินีกับหยวนอีเตรียมรับมือ ทว่าตอนนั้นเอง บนเส้นทางโบราณส่องประกายระยิบระยับขึ้นมา พลังนิรนามบางอย่างซัดสาด ขัดขวางเหล็กง่ามของยมบาลหัววัวหัวม้าไว้!


นี่คืออักษรลายมือหลี่จิ่วเต้า เส้นทางโบราณที่ก่อร่างบนพลังตัวอักษรเยี่ยงนี้ไหนเลยจะทลายได้ง่าย ๆ


มิได้ง่ายเช่นนั้นแน่!


อย่างน้อยยมบาลหัววัวหัวม้าก็ยังทำไม่ได้!


“เหอะ!”


เสียงแค่นจมูกดังขึ้น ยมบาลหัววัวหัวม้าดูจะไม่พอใจที่ถูกขัดขวาง


พวกมันชูเหล็กง่ามขึ้นอีกครั้ง คลื่นพลังน่ากลัวซัดสาด แทงทะลวงไปยังเส้นทางโบราณอย่างดุดัน


ตู้ม! ตู้ม!


เสียงระเบิดอันน่ากลัวดังไม่ขาดสาย ยมบาลหัววัวหัวม้าน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง พลังจากเหล็กง่ามเล่มนั้นเกินจะจินตนาการ ห้วงมิติพังครืนลงทันที!


ทว่าพลังน่ากลัวเช่นนี้ ก็มิใช่เรื่องใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าเส้นทางโบราณ


พลังซัดสาดออกจากเส้นทางโบราณอีกครั้ง ยมบาลหัววัวหัวม้ากระเทือนออกไป เหล็กง่ามสองด้ามแหลกลาญในชั่วพริบตา เศษกระจายเกลื่อนพื้น!


เป็นภาพที่พิลึกยิ่ง


ทั้งที่การต่อสู้ดุเดือดน่ากลัวปานนั้น จักรพรรดินีในยุคสมัยนั้นก็ยังไม่รู้สึกถึงสิ่งใด ขณะเดียวกัน ปริภูมิเวลาฟากนั้นก็มิได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ


“ศึกนี้อยู่เหนือปริภูมิเวลานั้นแล้ว!”


หยวนอีเอ่ยเสียงขึงขัง แม้ว่านางยังไม่เข้าใจเท่าใด แต่เท่าที่นางคาดการณ์ การต่อสู้นี้มิได้เกิดขึ้นในปริภูมิเวลานั้น


ขอบเขตพลังของนางต่ำเกินไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในยามนี้เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของนาง


เหมือนว่ายมบาลหัววัวหัวม้าจะได้รับบาดเจ็บหนัก กระอักเลือดคำโต ร่างมโหฬารเต็มไปด้วยรอยร้าว


เคี้ยก! เคี้ยก! เคี้ยก!


เวลานั้นเอง เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังออกจากปรโลก สิ่งมีชีวิตอีกสองตนก้าวออกมา


พวกมันตนหนึ่งดำ ตนหนึ่งขาว เป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ ดูไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป ทว่าลิ้นในปากกลับยาวเป็นพิเศษ เลื้อยลงมาได้ถึงช่วงเอว รูปลักษณ์ชวนขนหัวลุก สะท้านแม้นไม่หนาว


เห็นได้ชัดว่า พวกมันแข็งแกร่งน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่ายมบาลหัววัวหัวม้า ลมปราณขุ่นมัวที่แผ่ออกมานั้นเหนือกว่ายมบาลหัววัวหัวม้ามาก พวกมันทั้งสองถือกระบองกันคนละท่อน ท่อนหนึ่งดำ ท่อนหนึ่งขาวเช่นกัน อีกทั้งยังมีโซ่ตรวนที่เท้าและมือ


“ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉาง!”


เป็นอีกครั้งที่หยวนอีจำได้ นี่คือตัวตนในปรโลกซึ่งมียศสูงกว่ายมบาลหัววัวหัวม้า กระบองสองท่อนในมือยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางคือกระบองไว้ทุกข์


ในตำนานไซอิ๋วที่คุณชายเคยเล่า ในปรโลกมีการแบ่งหน้าที่แตกต่างกันไป ทั้งยังจำแนกด้วยตำแหน่งและระดับยศ


สองผู้นี้ถือเป็นขุนพลใหญ่ใต้บัญชาของยมราช!


“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไสหัวกลับไปเสีย!”


“สมควรแล้วที่พวกเจ้าต้องถูกลดขั้น หากพวกเจ้าไม่ถูกลดแล้วผู้ใดเล่าควรถูกลด”


ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางหัวเราะเสียงเย็น น้ำเสียงเก่าแก่กล่าวสนทนากับยมบาลหัววัวหัวม้า


ในอดีต ยมบาลหัววัวหัวม้าเคยมีศักดิ์ในปรโลกเท่าเทียมกับพวกมัน ทว่าต่อมา ยมบาลหัววัวหัวม้ากระทำความผิดจนถูกลดขั้น ยศจึงต่ำกว่าพวกมันมาก


หลังจากยมบาลหัววัวหัวม้าได้ยินวาจาของยมบาลเฮยไป๋อู๋ฉาง ก็รู้สึกเคียดแค้นเกินทน กระนั้นพวกมันก็มิกล้าเอ่ยอันใดไปมากกว่านี้ พวกมันในยามนี้ มิอาจสอดมือหาเรื่องกับยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางได้จริง ๆ


ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางหมายหัวจักรพรรดินีและหยวนอีเช่นเดียวกัน พวกมันหัวเราะชั่วร้ายด้วยน้ำเสียงอันพิลึก มือถือกระบองไว้ทุกข์ บุกสังหารตรงเข้าหาจักรพรรดินีและหยวนอี


พวกมันกล้าแกร่งกว่ายมบาลหัววัวหัวม้ามากนัก ทันทีที่ลงมือก็ดูออกเลยว่า มิได้อยู่ในระดับเดียวกัน จักรพรรดินีรู้สึกว่า แม้แต่จักรพรรดิเซียนก็อาจมิใช่คู่มือของยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉาง เมื่อเปรียบเทียบกับยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉาง ยมบาลหัววัวหัวม้าเหมือนเป็นลิ่วล้อสองคนเท่านั้น


ในปรโลก ระดับยศนั้นสำคัญมาก


ยมบาลหัววัวหัวม้าถูกลดขั้น จึงถูกลิดรอนพลังไปมาก ห่างชั้นกับยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางมากโข


ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางบุกเข้ามา กระบองไว้ทุกข์ฟาดฟันเข้าไปกลางอากาศ พลังอันเหนือชั้นกว่าจักรพรรดิเซียนปะทุ จักรพรรดินีและหยวนอีต่างอกสั่นขวัญแขวน


ทว่าพลังเช่นนี้ไร้น้ำยาเมื่ออยู่ต่อหน้าเส้นทางโบราณ!


เส้นทางโบราณมีคลื่นแสงเบาบางซัดสาด พลังของยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางถูกลบล้างไปในทันใด มิได้ส่งผลกระทบเลยสักนิด


สีหน้าของยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางย่ำแย่ เมื่อครู่พวกมันเพิ่งเยาะเย้ยยมบาลหัววัวหัวม้า บัดนี้ถึงตาพวกมันแล้วหรือ?


พวกมันไม่ยอมรามือเพียงเท่านี้ ระเบิดพลังอีกครั้ง หนนี้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย


ตู้ม!


ภาพเดิมปรากฏขึ้น ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางกระเด็นออกไป กระบองไว้ทุกข์แหลกสลาย พลังของเส้นทางโบราณลึกล้ำไม่อาจหยั่ง!


ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางก็ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน กระอักเลือดออกมาไม่หยุด พวกมันล้มอยู่ข้างยมบาลหัววัวหัวม้า ร่างกายปรากฏรอยร้าวมหาศาล


“พวกเรากลับไปด้วยกันเถิด!”


ยมบาลหัววัวกลั้นยิ้มพลางเอ่ย


สมน้ำหน้า!


ก่อนหน้านี้เยาะเย้ยพวกมันถึงปานนั้น สุดท้ายยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางก็พบจุดจบเดียวกันมิใช่หรือ?!


มันกับยมบาลหัวม้าเบิกบานใจเป็นนักหนา


ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางไม่มีหน้าจะเอื้อนเอ่ยคำใด ยามนี้ พวกมันขายหน้าอย่างที่สุด


บนเส้นทางโบราณ


จักรพรรดินีสะท้านใจเหลือแสน ฝีมือของคุณชายลึกล้ำเกินหยั่งอย่างแท้จริง ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางทรงพลังขนาดนั้น แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิเซียน กลับมิอาจแผ้วพานเส้นทางโบราณได้แม้แต่น้อย คุณชายช่างสุดยอดไปเลย!


ต้องรู้ว่านี่เป็นแค่อักษรฝีมือคุณชายเท่านั้น แต่ยังประหวั่นพรั่นพรึงได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นแล้ว ขอบเขตพลังที่แท้จริงของคุณชายต้องน่ากลัวปานใดเชียว


เกินจะจินตนาการได้จริง ๆ!


“ยังไม่จบ พวกมันมิใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด…”


หยวนอีเอ่ยเสียงขรึม ยมบาลหัววัวหัวม้า ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางล้วนเป็นเพียงลิ่วล้อของยมราช ยมราชเก่งกล้ายิ่งกว่านี้!


และเหนือยมราชขึ้นไป ยังมีตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า!


อย่างเช่น พระกษิติครรภโพธิสัตว์


ผู้นี้คือบุคคลที่ปรากฏอยู่ในตำนานไซอิ๋ว มีตำแหน่งสูงกว่ายมราช


พอสิ้นเสียงของหยวนอี ก็มีสุ้มเสียงดังออกจากปรโลกอีกครั้ง


พลังปราณอึมครึมอันน่าพรั่นพรึงคืบคลานออกมาจากตำหนักยมราชทั้งสิบพร้อมกัน จากนั้นตำหนักยมราชทั้งสิบก็มีเงาร่างเดินออกมา


พวกมันมีกันทั้งหมดสิบตน เป็นจ้าวแห่งตำหนักยมราชของตน


“ยมราชแห่งสิบขุมนรก!”


หยวนอีจดจำฐานะของร่างทั้งสิบนี้ได้


ยมราชแห่งสิบขุมนรก ประกอบด้วยฉินก่วงอ๋อง จ้าวแห่งนรกขุมแรก ฉู่เจียงอ๋อง จ้าวแห่งนรกขุมที่สอง ซ่งตี้อ๋อง จ้าวแห่งนรกขุมที่สาม เปี้ยนเฉิงอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่สี่ เหยียนหลัวอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่ห้า ผิงเติ่งอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่หก ไท่ซานอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่เจ็ด ตูซื่ออ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่แปด อู่กวนอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่เก้า จ่วนหลุนอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่สิบ


นี่คือตัวตนผู้กุมอำนาจในปรโลกอย่างแท้จริง


เมื่อยมราชแห่งสิบขุมนรกปรากฏตัว แรงกดดันนั้นสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง จักรพรรดินีไม่รู้เลยว่ายมราชแห่งสิบขุมนรกอยู่ในขอบเขตใด แต่ในความรู้สึกของนาง น่ากลัวว่าคงอยู่เหนือจักรพรรดิเซียนเสียอีก บรรพจารย์แห่งเซียนยังมิอาจเทียบเคียงยมราชแห่งสิบขุมนรก


ปรโลกมีจุดกำเนิดจากที่ใดกัน?


นางสะท้านใจเหลือแสน ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าปรโลกมีพลังอำนาจเท่าใด ลำพังจากสถานการณ์ที่นางเผชิญอยู่ในตอนนี้ นางรู้สึกว่าปรโลกอาจทานอำนาจกับแดนบรรพโกลาหลได้!


ยมราชแห่งสิบขุมนรกน่ากลัวเกินไป นางเห็นทหารปรโลกมากมาย แต่ละตนล้วนน่าประหวั่นพรั่นพรึง หากบุกเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลจริง ๆ ใช่ว่าจะต้านทานแดนบรรพโกลาหลไม่ได้


นอกจากนี้ นางรู้สึกว่าในปรโลกยังมีพลังซ่อนเร้นอยู่ นางสัมผัสถึงลมปราณที่สยดสยองยิ่งกว่านี้จากภายในปรโลกได้อย่างชัดเจน โอกาสต้านทานแดนบรรพโกลาหลได้นั้นยิ่งทวีคูณ


กองกำลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานนี้กลับไม่ถูกบันทึกไว้เลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่ในภพเซียน นางอกสั่นขวัญแขวน ความลึกลับของปรโลกนั้นน่ากลัวยิ่งนัก!


ยมราชแห่งสิบขุมนรกก้าวออกมา ต่างเพ่งสายตามาที่เส้นทางโบราณ สีหน้าพวกมันเคร่งเครียด จิตใจสะท้าน ความลึกล้ำของเส้นทางโบราณแห่งนี้ แม้แต่พวกมันยังมองไม่ออก!


พวกมันมองหน้ากัน มิได้เอ่ยวาจาใด


ทว่าในลมหายใจต่อมา พวกมันลงมืออย่างพร้อมเพรียง บุกไปยังเส้นทางโบราณ


พวกมันทุกตนล้วนมีพลังเกินหยั่ง เมื่อลงมือพร้อมกันทั้งสิบตน จึงก่อเกิดปรากฏการณ์ประหลาด จักรวาลมากมายล่มสลายไปขณะที่พวกมันลงมือ สายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนานแหลกสลาย พวกมันแต่ละตนล้วนเสมือนผู้ชี้ชะตา กำลังรบลึกล้ำเกินจะวัดได้


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เสียงระเบิดดังกึกก้อง พลังที่พวกมันปลดปล่อยออกมาถล่มลงบนเส้นทางโบราณ กฎระเบียบต่าง ๆ โลดแล่นจนวุ่นวาย พลังระดับนี้เหนือกว่าขอบเขตการรับรู้ของจักรพรรดินีกับหยวนอี


เส้นทางโบราณเปล่งแสง สุดยอดอย่างแท้จริง ทุกการโจมตีของยมราชแห่งสิบขุมนรกมิอาจตกกระทบบนเส้นทางโบราณได้


ยมราชแห่งสิบขุมนรกมิได้ถอดใจ พวกมันพากันสำแดงวิชาลับโบราณ คลื่นพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าโลดแล่นออกมา


โฮก!


เวลานั้นเอง เสียงอสูรคำรามดังกังวาน คลื่นพลังซัดสาดออกจากเส้นทางโบราณ หลอมรวมเป็นอสูรร้ายมหึมา บุกไปทางยมราชแห่งสิบขุมนรก


อสูรร้ายตนนี้ดุดันอาจหาญไร้เทียมทาน ราวกับมิมีผู้ใดหยุดยั้งมันได้ วิชาลับสะท้านโลกันตร์ของยมราชแห่งสิบขุมนรกถูกอสูรร้ายฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ


สีหน้าของยมราชแห่งสิบขุมนรกเปลี่ยนแปลงไป พากันถอยกรูด ออกห่างจากที่เดิม กลับไปยังปรโลก


พวกมันรู้สึกกลัว มิกล้าอยู่ข้างนอกต่อ เพราะหวาดกลัวจะถูกอสูรร้ายฉีกเป็นชิ้น ๆ


อสูรร้ายมิได้ไล่ล่า มันเหินกลับมาที่เส้นทางโบราณ ดวงตาอสูรจ้องเขม็งไปยังยมราชแห่งสิบขุมนรกอยย่างดุร้าย


ยมราชแห่งสิบขุมนรกอยากสู้ต่อ พวกมันยังสามารถสู้ด้วยพลังของปรโลก


ทว่าเวลานั้นเอง ฉินก่วงอ๋อง จ้าวแห่งนรกขุมที่หนึ่งเรียกยมราชตนอื่นไว้ มันได้รับแจ้งจากเบื้องบน มาจากพระกษิติครรภโพธิสัตว์


“ยกให้พวกนาง”


ฉินก่วงอ๋องเอ่ยเสียงเบา ถ่ายทอดคำสั่งจากพระกษิติครรภโพธิสัตว์


ยมราชตนอื่นไม่เข้าใจนัก ศึกนี้อีกนานกว่าจะจบ พวกมันยังเหลือพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ให้ออกรบ ไยต้องยอมจำนนง่าย ๆ ด้วย


ทว่าพวกมันไม่กล้าไม่ทำตามคำสั่งของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ เปิดปรโลกและนำเลือดเนื้อที่เหลือของอาจารย์จักรพรรดินีไปให้


พลังแสงสีทองคืบคลาน ห้อมล้อมเข้ามาหลอมเป็นเลือดเนื้อที่เหลือของอาจารย์จักรพรรดินี ร่างของอาจารย์จักรพรรดินีก่อขึ้นใหม่โดยสมบูรณ์


จากนั้นอาจารย์ของจักรพรรดินีพลันลืมตาขึ้น นางคืนชีพแล้วจริง ๆ!


สายตาของนางเจือแววฉงน เพราะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องใดขึ้น และในตอนนั้นเอง พลังแสงสีทองคืบคลานอีกครั้ง พาตัวนางออกจากที่แห่งนี้ กลับไปอยู่บนเส้นทางโบราณ!


“ท่านอาจารย์!”


จักรพรรดินีกอดอาจารย์ของตนไว้ด้วยความเต็มตื้น “ในที่สุดข้าก็ได้พบกับท่านอาจารย์อีกครั้ง!”


“นี่มันเรื่องอันใดกัน”


อาจารย์ของจักรพรรดินีถามด้วยความสงสัย


“ไว้พวกเราค่อยว่ากัน ตอนนี้เราต้องออกจากที่นี่ก่อนเถิด!”


จักรพรรดินีกล่าว รู้ดีว่ายามนี้มิใช่ช่วงเวลาในการสนทนา การกลับไปถึงยุคปัจจุบันต่างหากคือเรื่องสำคัญที่สุด!


จากนั้นนาง อาจารย์ และหยวนอีก็เดินย้อนกลับไปตามเส้นทางโบราณ


ภายในปรโลก


“เหตุใดต้องยอมรามือง่าย ๆ ด้วย”


หนึ่งในยมราชแห่งสิบขุมนรก จ่วนหลุนอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่สิบถามอย่างไม่เข้าใจ “เราลากพวกนางมาอยู่ที่นี่ได้หมดแท้ ๆ!”


“ก็ไม่แน่”


ฉินก่วงอ๋องสายตาลึกล้ำ “เส้นทางโบราณนี้ลึกลับยิ่งนัก อาจเกี่ยวพันถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ข้าคิดว่าพระกษิติครรภโพธิสัตว์ทรงมองเรื่องนี้ออก ถึงได้มีรับสั่งให้เรารามือ”


เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ “แต่พวกเราก็ไม่ถือว่ารามือเสียทีเดียว ภายหน้ายังมีโอกาสให้เราได้ลงมือ ถึงคราวนั้น จักเป็นคราวได้เปรียบของเรา!”


“ใช่แล้ว!”


ฉู่เจียงอ๋อง จ้าวแห่งขุมนรกที่สองหัวเราะก่อนจะเอ่ย “สายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนานใช่ว่าบุกเข้ามาได้ง่าย ๆ ที่ไหน พวกนางไม่มีทางกลับไปได้ จักต้องตายอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลานี้!”


ในสายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนานมีพลังอันน่ากลัวแฝงอยู่ แม้จะเห็นว่าจักรพรรดินีกับหยวนอียังไม่เป็นไรในตอนนี้ แต่ต่อไปได้เป็นแน่


พลังนั้นไม่มีทางยอมให้จักรพรรดินีและหยวนอีท่องไปตามสายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนานได้ตามอำเภอใจ คนทั้งสองยังไม่เป็นไรในตอนนี้ ก็เพียงเพราะพลังนั้นยังไม่ปะทุก็เท่านั้น


ทันทีที่พลังนั้นปะทุ เส้นทางโบราณก็ไม่อาจปกป้องจักรพรรดินีกับหยวนอีไว้ได้!