นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 651ถึง655
ต้นบรรพจารย์พิศวงทั้งหมดตื่นขึ้นติดต่อสื่อสารกันอย่างใกล้ชิด ข้อมูลในบทสนทนาช่างน่าตื่นตะลึงเกินไป กระทั่งเรื่องเทวโลกยังถูกเอ่ยออกมา
ท่ามกลางจักรวาลโกลาหลอันมากมาย มีสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่มากที่รู้เรื่องของเทวโลก
เทวโลกนั้นลึกลับอย่างถึงที่สุด อาจเป็นต้นกำเนิดของจักรวาลโกลาหลทั้งหมด หากไม่ก้าวมาถึงจุดสูงสุด ย่อมไม่อาจสัมผัสได้ถึงเทวโลกโดยสิ้นเชิง เป็นไปไม่ได้ที่รับรู้ถึงเทวโลก
เมื่อไปถึงจุดสูงสุด ในตอนท้ายก็ต้องพาตนเองกระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลเดิม ทลายข้อจำกัดของหัวใจโกลาหล แม้จะกล่าวอย่างเรียบง่ายแต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะสำเร็จนั้นแทบจะเป็นศูนย์เสียด้วยซ้ำ
แน่นอน คำพูดที่ว่ากระโดดออกไม่ได้หมายความว่าออกจากจักรวาลโกลาหลที่พวกเขาอยู่จริง ๆ
มีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่สามารถกระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลได้
คำว่ากระโดดออกไปในที่นี่หมายถึงการก้าวข้ามหัวใจโกลาหล ไม่ถูกจำกัดด้วยหัวใจโกลาหลอีกต่อไป
หัวใจโกลาหลวิวัฒน์สรรพสิ่งและอาณาจักรนับหมื่น ทว่าท้ายที่สุดแล้วเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการวิวัฒน์ก็ยังคงต้องพึ่งพาพลังจากหัวใจโกลาหล ถูกจำกัดเอาไว้ด้วยหัวใจโกลาหล
“พวกเรานับว่าโชคดียิ่งนัก จึงสามารถสัมผัสได้ถึงเทวโลก”
บรรพจารย์ต้นกำเนิดเอ่ยขึ้นมาด้วยความปีติ
พวกมันยังอยู่ห่างไกลจากการกระโดดออกหลายขั้น ไม่มีทางสัมผัสได้ถึงเทวโลกโดยสิ้นเชิง ทว่าพวกมันนั้นโชคดียิ่งนักที่พลังเทวโลกมองลงมาเองและพบกับพวกมันเข้า
ยามนั้นพวกมันล้วนไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ อย่าว่าแต่สิ่งที่สามารถบงการครอบงำจักรวาลโกลาหลได้เลย กระทั่งต่อหน้าพลังความมืดพวกมันยังเป็นได้เพียงแค่จุดเล็ก ๆ
เป็นเพราะพลังที่เทวโลกมอบให้ พวกมันจึงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก กลายเป็นสิ่งมีชีวิตพิศวงในสายตาของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ผู้อยู่เหนือจักรวาลโกลาหล ต้องการให้ความพิศวงแผ่ปกคลุมจักรวาลโกลาหลทั้งหมด แผ่ขยายออกไปเข้าสู่จักรวาลโกลาหลอื่น ๆ
“จะดีร้ายขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ หากทำออกมาไม่ดีย่อมไม่ใช่โชคดี แต่เป็นหายนะ!”
บรรพจารย์ต้นกำเนิดอีกคนสงบนิ่งอย่างมาก ไม่ได้รู้สึกอันใดมากมาย บนโลกนี้ไม่มีของดีที่ได้มาโดยเปล่า ขนมไม่อาจร่วงหล่นลงมาจากฟ้า สิ่งที่ได้รับมาย่อมมีราคาต้องจ่าย!
“เป็นเช่นนั้นจริง!”
บรรพจารย์ต้นกำเนิดพยักหน้า สงบอารมณ์ของตนเองลง หากทำไม่ดีราคาที่ต้องจ่ายนั้นชดเชยหนักหนาสาหัสเกินไปจริง ๆ แม้คิดจะตายก็ยังยาก
“ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ไม่จำเป็นต้องระแวงสิ่งใด พวกเราจะต้องสยบจักรวาลโกลาหลแห่งนี้เอาไว้ให้ได้!”
บรรพจารย์ต้องกำเนิดเหยียดยิ้ม “เวลา ‘พิธีล้างบาป’ ของพวกเราได้มาถึงแล้ว หลังจากผ่านการล้างบาป พวกเราก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น! เมื่อถึงตอนนั้น หากเจ้านั่นยังกล้าโผล่ออกมาหยุดอีกก็จะต้องถูกทำลายสิ้น!”
พิธีล้างบาป นี่เป็นของขวัญที่พลังจากเทวโลกมอบให้พวกเขาเป็นระยะ
หลังจากสนทนากันเสร็จสิ้นแล้ว พวกมันทั้งหมดต่างก็เข้าสู่การจำศีลเพื่อรอพิธีล้างบาปที่กำลังจะมาถึง
หากไม่ใช่เพราะรอ ‘พิธีล้างบาป’ ที่กำลังจะมาถึง พวกมันก็คงไม่รั้งรออยู่ที่นี่ จะต้องออกไปต่อสู้ในจักรวาลโกลาหลที่ต่าง ๆ ดำเนินการรุกราน
…
ภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด มีเรือโบราณขนาดใหญ่มโหฬารแล่นไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วผ่านดวงดาราและแสงสุริยันนับไม่ถ้วนที่ตกกระทบ
“พี่มู่ชวนรอข้าก่อนเถิด เมื่อได้เข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลแล้วจะร่ำเรียนวิชาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ข้าจะดูว่าท่านยังจะสามารถหนีรอดไปจากเงื้อมมือของข้าได้หรือไม่!”
ชางเหยายืนอยู่ตรงหัวเรือ รูปร่างหน้าตาของนางดูน่ารักเป็นอย่างยิ่งขณะกำหมัดแล้วเอ่ยกับตนเอง
พวกเขากำลังออกเดินทาง นี่คือเรือโบราณอันล้ำค่าของแคว้นโบราณชางเยว่ มันสามารถล่องผ่านจักรวาลหมื่นดาราได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็จะไปถึงอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหล
…
ข่าวเรื่องแดนบรรพโกลาหลใกล้จะปรากฏออกมาแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในหมื่นอาณาจักร เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถปิดบังได้อย่างแน่นอน สิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งจำนวนมากต่างสัมผัสได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีสิ่งมีชีวิตรับรู้ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ข่าวสารจึงยิ่งแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
“ไป ไป ไป!”
“นี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่สุด! ความเป็นนิรันดร์อยู่เบื้องหน้าแล้ว การกลายเป็นเซียนก็อยู่เพียงใต้ฝ่าเท้า!”
สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต่างคึกคักพากันออกเดินทาง มุ่งสู่อาณาจักรอันเป็นสถานที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหล
นี่ทำให้จักรวาลหมื่นดารามีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ เหล่าศาสตราเดินอากาศทุกประเภทออกเดินทาง
…
ณ แดนมรณา
นับตั้งแต่หลี่จิ่วเต้ามาที่นี่ครั้งล่าสุด สิ่งมีชีวิตภายในแดนมรณาก็เก็บตัวเงียบ ไม่กล้าลงมือทำเรื่องใด
“แดนบรรพโกลาหล พวกเรายังต้องต่อสู้แข่งขันแย่งชิงเพื่อไปยังที่แห่งนั้นอยู่!”
จ้าวมรณาไม่เต็มใจที่จะปล่อยแดนบรรพโกลาหลไปเช่นนี้ ตัดสินใจที่จะมุ่งไปยังอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหล
“คนผู้นั้นมายังแดนมรณาเพื่อเตือนไม่ให้พวกเราทำการเข่นฆ่าตามอำเภอใจ พวกเราเพียงจดจำจุดนี้ไว้ให้ดี น่าจะไม่มีปัญหาอันใด!”
เขาพินิจตัดสินใจ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างด่วนใจ แต่ผ่านการขบคิดพินิจอย่างถี่ถ้วน
พิจารณาจากครั้งล่าสุดที่หลี่จิ่วเต้ามาที่นี่แล้ว ชายผู้นี้ไม่ได้สังหารล้างบางพวกเขาทั้งหมด แม้ว่าเขาจะมีความสามารถมากพอที่จะทำเช่นนั้นก็ตาม
เป้าหมายของหลี่จิ่วเต้าเพียงแค่เพื่อมาเตือนไม่ให้พวกเขาคิดสังหารล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรแห่งนั้น
“ไป!”
เขารวบรวมกำลังคน ทำหน้าที่ผู้นำกองกำลังด้วยตนเอง เตรียมตัวออกเดินทาง
...
ณ แดนเซียน
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเมฆหมอกเซียนลอยล้อมรอบ สสารเหนือชั้นกระโดดโลดเต้น กฎแห่งสวรรค์และโลกน่าตื่นตะลึง สิ่งมีชีวิตที่ปรากฏตัวให้เห็นเป็นครั้งคราวล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ระดับพลังนั้นอยู่ขอบเขตเซียนขึ้นไป
สังเกตให้ดีแล้ว ที่นี่คือแดนเซียน ไม่ใช่ภพเซียน เป็นบ้านเกิดของเหล่าเผ่าปลามังกร คือภพเซียนเทียมที่เรียกตนเองว่าเป็นแดนเซียน
ที่แห่งนี้แตกต่างจากภพเซียน ซ้ำยังแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แม้สสารในที่แห่งนี้จะอยู่เหนือชั้น สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตอายุยืนยาวมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจทำให้คงอยู่นิรันดร์ได้ ยังคงถูกกัดกร่อนด้วยอายุขัย ไม่มีสสารนิรันดร์อยู่แม้แต้น้อย
“ร่องรอยของแดนบรรพโกลาหลชัดเจนยิ่งขึ้น เหลือเวลาอีกเพียงไม่นานแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันเถิด อย่าได้พลาดโอกาสครั้งนี้”
“เมื่อพวกเรากลับมา แดนเซียนแห่งนี้จะกลายเป็นภพเซียนที่แท้จริง สสารนิรันดร์จะปกคลุมทั่วดินแดนของเราทุกหนแห่ง!” เหล่าสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ในดินแดนแห่งนี้พูดคุยสนทนากัน พวกเขาเองก็ตัดสินใจจะเคลื่อนไหว ออกเดินทางไปยังอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหล เตรียมตัวเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหล!
ซ่า!
ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ท่ามกลางคลื่นที่สาดซัด ด้านล่างมีตำหนักโบราณเรียงติดต่อกัน
“แดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏขึ้นแล้ว นี่เป็นโอกาสที่พวกเราจะได้กลายเป็นเซียนมัจฉา ฟังคำสั่งของข้าให้ดี ปลามังกรทั้งหมดจงเตรียมตัวให้พร้อม จากนั้นพวกเราทั้งตระกูลจะไปยังดินแดนแห่งนั้น!”
ปลามังกรตัวหนึ่งที่ใหญ่โตเสียยิ่งกว่าขุนเขาออกคำสั่งด้วยเสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วมหาสมุทร ลมหายใจของมันที่แผ่ออกมาสามารถทำให้คนหวาดกลัวสะท้านไปถึงวิญญาณได้
ใช่แล้ว
ด้านในผืนสมุทรแห่งนี้คือสถานที่อยู่อาศัยของเผ่าปลามังกร และปลามังกรขนาดใหญ่โตมหึมาก็คือผู้นำของเผ่าปลามังกร
“ช่างน่าเสียดายนัก จินซวี่และเหล่าอัจฉริยะคนอื่นหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบข่าวคราว ถ้าหากพวกเขายังอยู่และสามารถติดตามพวกเราเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหล จะต้องประหนึ่งทะยานฟ้า บรรลุขึ้นไปสู่ขอบเขตที่สูงจนไม่อาจจินตนาการถึง ทำให้เผ่าปลามังกรของพวกเราเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น!”
ผู้นำเผ่าถอนหายใจออกมา ภายในใจอดรู้สึกเสียดายไม่ได้
จินซวี่และอัจฉริยะคนอื่น ๆ ต่างเป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นสุดในเผ่าปลามังกร พรสวรรค์ของพวกมันน่าตื่นตะลึง ศักยภาพแฝงไร้ขีดจำกัด อาจกล่าวได้ว่าเป็นความหวังในอนาคตของเผ่าปลามังกร
แต่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่ง จินซวี่และเหล่าอัจฉริยะคนอื่น ๆ ต่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกมันตามหาอย่างไรก็ไม่พบจินซวี่และอัจฉริยะคนอื่น ๆ
สำหรับเผ่าปลามังกรของพวกมันแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นการเสียหายอย่างหนัก จนถึงตอนนี้ผู้นำเผ่าก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ รู้สึกราวกับมีสิ่งใดติดอยู่ในลำคอ ไม่สามารถลบเลือนจากภายในใจได้
“ข้ารู้สึกว่าพวกมันล้วนถูกสังหารหมดสิ้นแล้ว...”
มีความรู้สึกไม่ดีอยู่ภายในใจของผู้นำเผ่า รู้สึกว่าจินซวี่กับอัจฉริยะคนอื่น ๆ จะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว
“วางใจเถิด อีกไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะต้องพบพวกเขาแน่! หากพวกเขาถูกสังหารจริง พวกเราก็จะล้างแค้นให้พวกเขา ทำให้ผู้ที่สังหารพวกเขาต้องชดใช้อย่างสาสม!”
ดวงตาของมันเย็นเยียบ ไม่มีวันยอมปล่อยเรื่องของจินซวี่กับเหล่าอัจฉริยะคนอื่นไป ต่อให้พวกจินซวี่ตายไปแล้ว มันก็ต้องตามหาศพกลับมาให้ได้!
“ถ้าหากพวกเจ้าถูกสังหารจริง ๆ ข้าไม่สนใจว่ามันผู้นั้นจะเป็นสิ่งใด จะจับมันโยนลงไปในหม้อน้ำมันทอดกินเสียให้หมด!”
มันเอ่ยออกมาอย่างชิงชัง
แดนบรรพโกลาหลนั้นยั่วยวนใจเกินไป เหล่าผู้พอมีความสามารถจากอาณาจักรนับหมื่นต่างเร่งมุ่งหน้าตรงไปยังอาณาจักรแห่งนั้น
...
ณ แดนฮวง
บนยอดเขาสูงตระหง่านทะลุหมู่เมฆ จักรพรรดินียืนพร้อมเสื้อผ้าที่สะบัดไหว ใบหน้าของนางงดงามที่สุดในโลกหล้า เจิดจ้าสว่างไสวยิ่งกว่าผู้ใด บรรยากาศรอบกายยากจะบรรยายออกมาได้ โดดเด่นพิเศษไม่ธรรมดาสามัญ
ผิวของนางเปล่งประกายจาง ๆ ด้วยแสงเซียน เช่นเดียวกับในดวงตาคู่นั้นยามที่ปรากฏจังหวะแห่งเซียนขณะค่อย ๆ แผ่สัมผัสปกคลุมทั่วฟ้าดิน
“พบเบาะแสแล้ว!”
นางเก็บประกายตาทันทีที่พบสิ่งที่ต้องการตามหา
หลังจากนางเข้ามายังอาณาจักร ก็มาถึงยังสถานที่แห่งนี้ ต่อมาเมื่อเปิดใช้ประสาทสัมผัสเซียนตรวจสอบทั่วทั้งอาณาจักร ก็ได้พบเข้ากับเบาะแสบางอย่างแล้ว!
นางหาตัวเซียวฮุ่ยพบแล้ว!
ก่อนที่นางจะออกมาจากภพเซียน ประมุขตระกูลเซียวได้เล่าสถาการณ์ของพวกเซียวฮุ่ยให้นางฟัง นางจึงรู้ว่าเซียวฮุ่ยมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร
“นางเผชิญกับสิ่งใดมากัน? สภาพถึงได้เลวร้ายเช่นนั้น...”
จักรพรรดินีเอ่ยกับตนเอง สัมผัสได้ว่าสภาพของเซียวฮุ่ยย่ำอย่างมาก ตอนนี้นางหาใช่แม้กระทั่งเซียน
“ไปพบนางก่อน!”
นางก้าวออกไป เตรียมจะไปจากสถานที่แห่งนี้เพื่อไปพบกับเซียวฮุ่ย
ทว่าในตอนนั้นเอง ความว่างเปล่าข้างกายนางกลับบังเกิดการเปลี่ยนแปลงอลหม่านอย่างถึงขีดสุด นางขมวดคิ้วรีบกระโจนออกและทะยานมาถึงจักรวาลภายนอกอาณาจักร
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ทันทีที่นางออกมาถึงภายนอกอาณาจักร ก็ปรากฏหลายร่างขึ้นมาล้อมรอบนางจากทุกทิศทาง
“เจวี๋ยเนี่ยน คาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลเซียวจะส่งเจ้าออกมา!”
“คิด ๆ ดูแล้วก็ใช่ หากตระกูลเซียวไม่ส่งเจ้ามาแล้วจะส่งผู้ใดมากัน!”
ร่างเหล่านี้รู้จักจักรพรรดินีเป็นอย่างดี และจำนางได้ทันทีที่เห็น
สีหน้าของจักรพรรดินีเย็นเยือก ก่อนจะเรียกทวนยาวสีทองมาไว้ในมือ
นางรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เหล่าร่างที่อยู่ล้อมรอบนางต่างมาจากภพเซียน เป็นจ้าวแห่งเซียนจากมหาตระกูลอื่น ๆ
นี่ค่อนข้างจะเกินความคาดหมาย ทำให้นางรู้สึกคาดไม่ถึง
มีผู้แข็งแกร่งจากภพเซียนจำนวนมากเพียงนี้เชียวหรือ?
นางเคยประสบมาด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้ จึงรู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่าการออกจากภพเซียนนั้นยากเย็นเพียงใด หากนางไม่ได้รับการช่วยเหลือจากคนผู้นั้นก็คงไม่อาจรอดชีวิตมาได้
ประมุขตระกูลเซียวเคยบอกกับนางว่ามหาตระกูลอื่น ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน นางคิดว่ายอดฝีมือเกินกว่าครึ่งของมหาตระกูลอื่น ๆ จะไม่สามารถออกมาได้ ตายตกไปด้วยพลังที่ห่อหุ้มภพเซียนเอาไว้
อย่างไรเสียพลังที่ห่อหุ้มภพเซียนเอาไว้ก็แข็งแกร่งน่ากลัวเกินไป กระทั่งนางก็ไม่อาจฝ่าออกมาได้
“พวกเจ้าตายไปกี่คนแล้วเล่า ถึงสามารถรอดออกมาได้เยอะเพียงนี้?” จักรพรรดินีกุมทวนถามออกมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามหาตระกูลเหล่านี้ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล ผู้แข็งแกร่งต้องสังเวยชีวิตไปเป็นจำนวนมาก จึงจะสามารถมีผู้ประสบความสำเร็จออกมาได้มากมายเพียงนี้
ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้คงไม่อาจเป็นไปได้
“ช่างน่าสังเวชเกินไป จ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดสามสิบคน มีเพียงข้าเพียงผู้เดียวที่ทำสำเร็จ”
“พวกเราสูญเสียจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดไปสามสิบห้าคน”
เมื่อร่างเหล่านั้นย้อนคิดกลับไปก็อดผวาขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ พวกเขาล้วนไม่คิดว่าตนเองจะสามารถรอดชีวิตมาได้ ตอนนี้กระทั่งให้ย้อนกลับเข้าไปด้านในยังไม่กล้า
มันน่ากลัวเกินไป แทบจะไม่เห็นความหวัง พวกเขาฝ่าออกมาได้สำเร็จก็นับว่าเป็นความโชคดีแล้ว หากให้ลองอีกครั้งพวกเขาย่อมไม่มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่
“ของสิ่งนี้คือสิ่งใดกัน? คุ้มค่ากับราคามหาศาลที่ต้องจ่ายไปหรือ?”
จักรพรรดินีเอ่ยถาม แม้จะรู้ว่าของสิ่งนั้นสำคัญอย่างมาก แต่นางก็คาดไม่ถึงว่าของสิ่งนั้นจะสำคัญถึงขั้นให้มหาตระกูลอื่น ๆ ยอมจ่ายราคามหาศาลเพื่อให้ได้มันมา
จ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดนับได้ว่าเป็นแกนนำของกองกำลัง การที่เหล่ามหาตระกูลเต็มใจยอมจ่ายเป็นเรื่องนอกเหนือความคาดหมายของนางอยู่บ้าง
“เจ้าไม่รู้หรือ? ตระกูลเซียวเป็นผู้ที่ค้นพบการมีอยู่ของสิ่งนั้นเร็วที่สุด ทว่าเจ้ากลับยังมาถามพวกเราอีกหรือ?”
จ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดผู้หนึ่งหรี่ตาถาม “หรือจะบอกว่าตระกูลเซียวเองก็ไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นคือสิ่งใด?”
“ข้าเองก็ไม่รู้จริง ๆ และก็ไม่มีความจำเป็นอันใดต้องปิดบัง”
จักรพรรดินีเอ่ย ประมุขตระกูลเซียวบอกเพียงว่าเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ทว่าไม่ได้บอกรายละเอียดอื่น
“พวกเราเองก็ไม่รู้”
มีจ้าวแห่งเซียนขึ้นสูงสุดส่ายหัว รับรู้เพียงแค่สิ่งนั้นเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ไม่รู้รายละเอียดอื่น
“พวกเจ้าน่าจะมาถึงก่อนสินะ แต่ดูเหมือนเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ได้รับสิ่งใด”
จักรพรรดินีกระจ่างแจ้งเป็นอย่างมาก จ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเหล่านี้ไม่มีทางได้รับกล่องไปแล้วอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่พากันมาปิดล้อมนาง
คิดดูแล้วเหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดน่าจะมาถึงก่อน เมื่อนางเปิดใช้สัมผัสเซียนเพื่อตรวจสอบอาณาจักรแห่งนี้ เหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดที่รับรู้ได้จึงถูกดึงดูดให้เข้ามา
นางไม่ได้เกิดความรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาแม้แต่น้อย
แม้นางจะรู้ว่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเหล่านี้อยู่ที่นี่แล้ว นางก็ยังคงจะทำเช่นเดิม ใช้สัมผัสเซียนปกคลุมทั่วทั้งอาณาจักรเพื่อสืบหาข้อมูล
ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้แต่เลือกจะเก็บสัมผัสเซียนแล้วค่อย ๆ ออกค้นหา มันก็จะกินเวลามากเกินไป มีโอกาสอย่างมากที่เหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดคนอื่น ๆ จะชิงตัดหน้าไปก่อนโดยที่นางไม่รู้เสียด้วยซ้ำ
เมื่อรู้ว่าเหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดที่ถูกดึงดูดมาที่นี่ล้วนแต่ไม่ได้รับกล่องสี่เหลี่ยม นางพลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ไม่ได้เบาะแสใดก็ไม่สำคัญ ในเมื่อเจ้าสามารถมอบมันให้กับพวกข้าได้!”
“ตระกูลเซียวเป็นผู้แรกที่เริ่มเคลื่อนไหว เจ้าก็ควรจะรู้ข้อมูลไม่น้อย”
เหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเริ่มเคลื่อนไหว หมายมาดจะกำราบจักรพรรดินีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากขึ้นกว่าเดิม
พวกเขามาถึงก่อน แต่ด้วยความไม่กล้าเปิดเผยตัวตนมากเกินไป ความคืบหน้าจึงช้าเป็นอย่างมาก ไม่ได้รับสิ่งใดกลับมาเลยแม้แต่น้อย
จักรพรรดินีไม่เกรงกลัว พุ่งเข้าไปประหัตประหารด้วยทวนในมือ
นางรู้ตั้งนานแล้วว่าเหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเหล่านี้ไม่ได้มีเจตนาดี การต่อสู้ครั้งใหญ่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นนางจึงออกมาด้านนอกอาณาจักรด้วยความตั้งใจ
อาณาจักรแห่งนี้คือบ้านเกิดเมืองนอน นางไม่ต้องการให้มาตุภูมิถูกทำลาย
จักรพรรดินีห้าวหาญเป็นอย่างยิ่ง แม้จะมีตัวคนเดียวต่อหน้าศัตรูจำนวนมากก็ไม่เสียเปรียบ ทวนสีทองร่ายรำ ทุกกระบวนท่าปะทุออกมาด้วยพลังเซียนอันแข็งแกร่ง
“สมกับเป็นเจ้า แม้จะเป็นตัวตนระดับเดียวกันอย่างพวกเราลงมือพร้อมกันก็ไม่อาจสยบเจ้าได้!”
จ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดบางคนอดเอ่ยออกมาไม่ได้
จักรพรรดินีมีชื่อเสียงอย่างมากในภพเซียน นางแข็งแกร่งเป็นอย่างมากจริง ๆ สมควรกับการขนานนามว่าไร้พ่ายในระดับเดียวกัน
“ข้าชื่นชมเลื่อมใสในตัวเจ้าเป็นอย่างมาก ทว่าเรื่องนี้สำคัญเกินไป ต้องขออภัยด้วย!”
เขากล่าวขออภัย จากนั้นก็ยกธงผืนใหญ่ขึ้นโบก
มันคือธงจักรพรรดิเซียนผืนหนึ่ง ด้านในมีสัตว์อสูรอันน่าสะพรึงกลัวจำนวนมากถูกผนึกเอาไว้ภายใน เขาปลดผนึกบนธงออก ปล่อยเหล่าสัตว์อสูรทั้งหมดออกมา
โฮก โฮก โฮก!
สัตว์อสูรทั้งสิบสองตนพุ่งออกมาจากธง เสียงคำรามดังสะเทือนดวงดารา ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรแต่ละตัวนั้นล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งรู้ได้ เพียงแค่ปลดปล่อยลมหายใจอันน่ากลัวออกมา ดวงดาราขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียงก็ระเบิดออกดวงแล้วดวงเล่า
“ธงสิบสองอสูร! พวกเจ้าถึงกับเต็มใจเอาอาวุธจักรพรรดิเซียนมาด้วย!”
รูม่านตาของจักรพรรดินีหดแคบลง นางรู้จักธงจักรพรรดิเซียนผืนนี้ นี่เป็นอาวุธจักรพรรดิเซียนของตระกูลหลวน มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในภพเซียน ด้านในมีสัตว์อสูรระดับเซียนจวินสิบสองตัวถูกผนึกเอาไว้!
“ตระกูลเซียวไม่ได้มอบสมบัติให้กับเจ้าอย่างนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าก็ถึงคราวเคราะห์แล้ว!”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีจริง ๆ เช่นนั้นก็ย่อมเสียแต่โดยดีเถิด!”
จ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดหลายคนตะโกนออกมา ต่างพากันเรียกใช้สมบัติ ตระกูลของพวกเขาล้วนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับภารกิจในครั้งนี้ พวกเขาทั้งหมดได้รับอาวุธจักรพรรดิเซียนเพื่อให้มีโอกาสช่วงชิงกล่องสี่เหลี่ยมได้มากยิ่งขึ้น
มุมปากของจักรพรรดินีกระตุก ภายในใจก่นด่าประมุขตระกูลเซียว ดูตระกูลอื่นเสียสิ อาวุธจักรพรรดิเซียนจำนวนมากถูกมอบให้ ส่วนนางเล่า?
ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น!
นางช่างน่าเวทนาเสียจริง!
ตู้ม!
สัตว์อสูรทั้งสิบสองตัวพุ่งเข้ามาเพื่อสังหารจักรพรรดินีเป็นกลุ่มแรก ตามมาด้วยเหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดที่พุ่งเข้ามาพร้อมสมบัติ พลังที่ปะทุออกมาไม่อาจต้านทานได้อย่างไม่ต้องสงสัย ช่องว่างที่มีนั้นมากเกินไป!
จักรพรรดินีกระอักเลือดออกมา ไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย นางตกลงมาจากด้านนอกอาณาจักรร่วงลงสู่ภายในอาณาจักรโดยตรง
เหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเองก็กลับเข้าไปยังด้านในอาณาจักรอีกครั้ง
สุดท้ายอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งในใจเดียวกัน ต่างมีความระแวงกันและกัน แม้จะลงมือร่วมกัน แต่ก็ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมา
ไม่เช่นนั้น จักรพรรดินีย่อมต้องพ่ายแพ้ลงภายในพริบตาอย่างแน่นอน ไม่ได้ร่วงลงหล่นไปเช่นนี้
พวกเขาต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายได้ตัวของจักรพรรดินี เพราะมีความเป็นไปได้ว่านางจะมีข้อมูลเกี่ยวกับกล่องสี่เหลี่ยม พวกเขาจึงต้องการตัวนางไว้เพียงผู้เดียว
จักรพรรดินีร่วงลงมาจากท้องฟ้าชนภูเขาจนทลายลงราบ ทั่วร่างเต็มไปด้วยโลหิต กายแน่นิ่งอยู่บนพื้น
จ้าวแห่งเซียนหลายคนถูกสังหารทิ้งในพริบตาโดยไม่สามารถแตะต้องตัวของจักรพรรดินีได้
พวกเขาต่างต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงตัวของจักรพรรดินี!
จักรพรรดินีแน่นิ่งอยู่บนพื้น ชุดสีขาวบริสุทธิ์เปรอะเปื้อนอาบย้อมไปด้วยโลหิต แม้นางจะมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า แต่น่าเสียดายที่นางต้องพ่ายแพ้ให้แก่เหล่าสมบัติ
หากจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเหล่านี้ไม่มีอาวุธเซียนจักรพรรดิอยู่ในมือ นางก็มีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ตนเองจะสามารถสังหารทิ้งทีละคนภายใต้ทวนของนางได้!
เหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเผชิญหน้ากัน จิตสังหารเปี่ยมล้น พวกเขาต่างก็มีภาระหน้าที่ของตนเอง การร่วมมือก่อนหน้านี้ก็เพียงเพื่อเป้าหมายสำคัญอย่างการกำราบจักรพรรดินี มาตอนนี้พวกเขาย่อมไม่อาจยอมให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ตัวจักรพรรดินีไป
การได้ตัวจักรพรรดินีไป หมายถึงการแย่งยิงโอกาสที่มีเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะสืบสาวถึงกล่องสี่เหลี่ยมที่หายไป พวกเขาเพิ่งผ่านพ้นประตูความตายมาได้ มีสหายร่วมตระกูลสิ้นชีพไปมากมายระหว่างทาง จะปล่อยให้ผู้อื่นคว้าโอกาสนี้ไปได้เช่นไร
ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!
“ไม่ต้องพูดสิ่งใดแล้ว มาดูกันที่ฝีมือของแต่ละคนเถิด!”
“ใครชนะ ผู้นั้นก็ได้ตัวจักรพรรดินีไป!”
พวกเขาปลดปล่อยพลังออกมา ไม่มีกักเก็บเอาไว้ ระลอกพลังเซียนกระเพื่อม สุญตาระเบิดออก ภูเขาและแม่น้ำพังทลาย การต่อสู้ยังไม่ทันจะเริ่มกลับเกิดภาพฉากที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นแล้ว
ตอนนี้พวกเขาล้วนเผยตัวออกมาหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนสิ่งใดอีก พวกเขาไม่เหมือนจักรพรรดินีที่เป็นกังวลว่าการต่อสู้จะสร้างความเสียหายมหาศาลต่ออาณาจักรแห่งนี้ พวกเขาจึงจะเริ่มต่อสู้ ณ ที่แห่งนี้
“ข้าขอร้องพวกเจ้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”
จักรพรรดินีใบหน้าซีดเซียว ลมหายใจอ่อนแรง แต่นางก็ยังคงพยายามพูดออกมา “ช่วยออกไปต่อสู้กันด้านนอกได้หรือไม่? ที่แห่งนี้คือบ้านเกิดเมืองนอนของข้า”
การต่อสู้ของจ้าวแห่งเซียนระดับสูงสุด อีกทั้งแต่ละคนยังถืออาวุธจักรพรรดิเซียนเอาไว้ในมือ หากเกิดการปะทะขึ้น อาณาจักรทั้งหมดจะต้องถูกทำลายลง นางไม่ต้องการเห็นภาพเช่นนั้นเกิดขึ้นจากใจจริง
นางมีความทรงจำเกี่ยวกับบ้านเกิดเมืองนอนแห่งนี้มากเกินไป ทำให้ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยในการขอร้องเหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเหล่านี้
เหล่าจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดต่างประทับใจ พวกเขาต่างรู้ว่าจักรพรรดินีคือผู้ใด จักรพรรดินีนั้นทรงพลังมากในภพเซียน ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นใดก็ไม่เคยเอ่ยร้องขอ
“ตกลง!”
“ข้าเคารพเจ้า”
แม้พวกเขาจะเป็นศัตรูกับจักรพรรดินี แต่ภายในใจก็มีความเคารพเลื่อมใสในตัวจักรพรรดินี จึงเอ่ยรับปากตัดสินใจจะไปต่อสู้กันด้านนอกอาณาจักร
ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้จากไปทั้งอย่างนี้ ต่างลงมือทิ้งผนึกเอาไว้บนร่างของจักรพรรดินี เพื่อคุมขังนางเอาไว้ไม่ให้สามารถหลบหนีไปได้ จากนั้นพวกเขาก็ออกไปเตรียมต่อสู้กันด้านนอกอาณาจักร
“คนผู้นั้น...”
ขณะเดียวกัน ห่างออกไปไม่ไกล มีร่างงดงามร่างหนึ่งยืนอยู่ คิ้วเรียวดั่งใบหลิวขมวดมุ่นเล็กน้อย เมื่อเห็นจักรพรรดินีร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าสูง
“คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง!”
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย ท้ายที่สุดนางก็ตัดสินใจลองไปดู
หญิงสาวทะยานร่างเบาหวิว ผ่านภูเขาลำเนาไพรอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงแสงจาง ๆ ประหนึ่งเซียนในแดนมนุษย์ งดงามละเอียดอ่อนยิ่ง
นางไปถึงตัวจักรพรรดินีที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกประหลาดใจยิ่งมากกว่าเดิม เมื่อได้เห็นใบหน้าจักรพรรดินีอย่างชัดเจน ความรู้สึกคุ้นเคยนี้...รุนแรงมากขึ้น!
“จักรพรรดินีอนันตกาล!”
นางอุทานออกมาหลังจากนึกขึ้นมาได้ในที่สุด คนผู้นี้คือคือจักรพรรดินีอนันตกาล เจ้าของกระถางดอกไม้ที่นางมอบให้คุณชายไม่ใช่หรือ?
จะเป็นไปได้อย่างไร?
นางเกิดความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แม้คนเบื้องหน้าจะดูเหมือนจักรพรรดินีอนันตกาลที่มีอายุยืนยาวตามนาม แต่ทว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีชีวิตจนถึงตอนนี้?
เวลาล่วงผ่านมานานมากแล้ว นอกจากจะกลายเป็นเซียนก็ไม่มีทางทำได้!
ใช่แล้ว นางก็คือหยวนอีซึ่งตอนนี้กำลังเสาะหาซีไปทั่วทุกหนแห่ง
“เจ้ารู้จักข้า?”
จักรพรรดินีประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ “ไม่คิดเลยว่าผ่านมานานหลายยุคสมัยแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ที่สามารถจดจำข้าได้”
นางได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อคลี่ยิ้มจึงมีเลือดไหลลงมาจากมุมปาก ทว่ามันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความงามของนาง ให้ความรู้สึกเป็นคนงามผู้โศกศัลย์
“เป็นท่านจริง ๆ ด้วย!”
หยวนอียิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม นี่คือคนผู้นั้นจริง ๆ หรือ?
นางอดกล่าวออกมาไม่ได้ “ท่านกลายเป็นเซียนแล้วหรือ?!”
จักรพรรดินียิ้มแต่ไม่ตอบอันใด
ภพเซียน หาใช่สถานที่ที่ดีแต่อย่างใด...
ภพเซียนไม่ได้ดีอย่างที่คิด เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงวุ่นวาย!
“ท่านบาดเจ็บเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้าจะช่วยพยุงท่านขึ้นมา!”
หยวนอีไม่สงสัยอีกต่อไป เนื่องจากนางสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันเป็นนิรันดร์จากร่างของจักรพรรดินี จักรพรรดินีกลายเป็นเซียนแล้วจริง ๆ ซ้ำยังคงมีชีวิตอยู่!
นางเคารพเลื่อมใสจักรพรรดินีเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงกาลที่ผ่านมา จักรพรรดินีได้ทิ้งเรื่องราวความรุ่งโรจน์สว่างไสวเอาไว้มากมาย นางถือจักรพรรดินีเป็นเป้าหมายของตนเอง อยากจะกลายเป็นดั่งเช่นจักรพรรดินี
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดินีได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ นางพลันเกิดความไม่สบายใจขึ้นมา รีบตรงเข้าไปหาจักรพรรดินีต้องการจะช่วยพยุงลุกขึ้นมา
แต่นางกลับพบว่าตนเองไม่สามารถช่วยพยุงจักรพรรดินีขึ้นมาได้ เพราะมีพลังบางอย่างผนึกจักรพรรดินีเอาไว้ ณ จุดนั้น ทั้งยังมีอยู่จำนวนมาก
“อย่าได้เปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์เลย เจ้าไปเถิด หากช้าเกรงว่าเจ้าจะต้องเข้าพัวพันกับเรื่องร้ายแรงโดยไม่จำเป็น”
จักรพรรดินีบอกให้หยวนอีจากไป สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนล้วนไม่ใช่คนดี ทั้งหมดต่างก็มีจิตใจเหี้ยมโหด การที่หยวนอียังคงรั้งอยู่ที่นี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องดี
นางไม่คิดว่าหยวนอีจะช่วยตนเองได้ แม้ว่านางจะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังคงสามารถสัมผัสขอบเขตของหยวนอีได้ หยวนอีไม่ใช่แม้กระทั่งมหาจักรพรรดิ ย่อมไม่มีทางทำลายผนึกจำนวนมากที่จ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดประทับเอาไว้ได้อย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไร”
หยวนอีไม่ได้มีความคิดจะจากไป “ข้าขอถามท่านสักหน่อย ผู้ใดกันที่เป็นคนกักขังท่านเอาไว้? ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?”
ใช่ ด้วยฝีมือและพลังในปัจจุบันของนางย่อมไม่สามารถทำลายผนึกบนร่างและพาตัวจักรพรรดินีไปได้จริง ๆ
ทว่านางสามารถจัดการคนที่ตราผนึกลงบนจักรพรรดินี บังคับให้ปลดผนึกออกได้!
ด้วยสี่กระบี่ประหารเซียนที่คุณชายมอบให้ นางมีความมั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถจัดการคนที่กักขังจักรพรรดินีได้
นางไม่คิดจะจากไป เพราะต้องการพาจักรพรรดินีไปด้วย ไม่ใช่เพียงเพราะเคารพชื่นชมจักรพรรดินี แต่นางอยากพาจักรพรรดินีไปพบคุณชายด้วย!
ครั้งหนึ่งคุณชายเคยพูดคุยกับนางเรื่องคนทำกระถางดอกไม้ ชื่นชมจักรพรรดินีเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังกล่าวว่าอยากพบหน้าจักรพรรดินีอีกด้วย
ในยามนั้นนางไม่เข้าใจ อย่างไรเสียจักพรรดินีก็มีชีวิตอยู่ห่างไกลจากช่วงเวลานี้อย่างมาก เกรงว่าคงไม่อาจมีอายุยืนถึงปัจจุบัน ทว่าตอนนี้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณชาย คุณชายรู้ตั้งนานแล้วว่าจักรพรรดินียังไม่ตายและยังคงมีชีวิตอยู่
‘ทุกสิ่งที่คุณชายพูดล้วนแต่มีความหมาย!’
นางถอนหายใจในใจ คุณชายในตอนนั้นเกรงว่าไม่ได้เพียงคุยเล่นกับนาง ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ที่ตอนนั้นนางไม่อาจเข้าใจความหมายในคำพูดของคุณชาย
ตอนนี้ได้พบกับจักรพรรดินีแล้ว นางจะยอมจากไปทั้งแบบนี้ได้อย่างไร ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน นางจะต้องพาจักรพรรดินีไปด้วยให้ได้
หลังจากได้ยินคำพูดของหยวนอีแล้ว จักรพรรดินีก็ชะงักไป คนยุคปัจจุบัน...กล้าหาญถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
หยวนอีรู้ว่านางเป็นเซียน ผู้ที่สามารถขังนางเอาไว้ที่นี่ได้ย่อมต้องแข็งแกร่งกว่านาง หยวนอีกลับยังถามออกมาว่าผู้ที่กักขังนางอยู่ที่ไหน นี่คือต้องการจะช่วยเหลือนางปลดผนึกเช่นนั้นหรือ?
จักรพรรดินีส่ายศีรษะ เอ่ยเกลี้ยกล่อมหยวนอี “พวกเขาไม่ใช่คนดีอันใด ทั้งยังอาจกลับมาได้ทุกเมื่อ เจ้าควรรีบไปเสีย หากช้าเกรงว่าชีวิตเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย พวกเขาแข็งแกร่งเกินไป ไม่ใช่ผู้ที่เจ้าจะสามารถเอาชนะได้!”
ไม่คาดคิดว่ายามหยวนอีได้ยินนางกล่าวว่าพวกเขาอาจกลับมาได้ทุกเมื่อ ดวงตาของหยนวอีก็เปล่งประกายขึ้นมา รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“เช่นนั้นก็ดีมาก ข้าจะรออยู่ตรงนี้จนพวกเขากลับมา”
หยวนอีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม สิ่งที่ช่วยลดความยุ่งยาก นางไม่จำเป็นต้องไปตามหาคนเหล่านั้นด้วยตัวเอง
จักรพรรดินีเหม่อลอยอย่างงุนงงสับสน นางพูดไม่ชัดเจนพอหรือ? หรือว่าคนรุ่นเยาว์ในยุคสมัยนี้จะ...ห้าวหาญเป็นอย่างมาก?!
นางเอ่ยต่อ “พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเซียนมาก ซ้ำยังไม่สนใจใยดีสิ่งมีชีวิตอื่น มีโอกาสเป็นอย่างมากที่เจ้าจะถูกสังหารทิ้งทันที! อย่าได้เอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่น รีบจากไปเสียเถิด!”
หยวนอีย่อมต้องเข้าใจความหมายของคำพูดจักรพรรดินี นางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “จักรพรรดินีไม่จำเป็นต้องกังวลไป พวกเขาไม่สามารถทำสิ่งใดกับข้าได้ แข็งแกร่งกว่าเซียนอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด ข้าเคยต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเซียนมาแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ยังต้องหนีไป ไม่อาจต่อกรได้”
สีหน้าของจักรพรรดินีแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด
นางเจอกับคนเช่นไรกัน? เหตุใดจึงช่าง...ขี้โม้เช่นนี้?!
กระทั่งมหาจักรพรรดิยังไม่ใช่ ต่อให้ถืออาวุธจักรพรรดิเซียนไปก็ยังไม่อาจต่อกรกับจ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเหล่านั้นได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่จ้าวแห่งเซียนขั้นสูงสุดเหล่านั้นล้วนมีอาวุธจักรพรรดิเซียนอยู่ในมือ
“แม่นางน้อยอย่าได้ทำเช่นนี้ พวกเขาแตกต่างจากคนที่เจ้าเคยพบมาก่อน ข้าขอบคุณสำหรับความหวังดีของเจ้า แต่รีบจากไปเสียเถิด!” จักรพรรดินีเอ่ยออกมา
เซียนล้วนอยู่ในภพเซียน ยากจะพบเห็นบนโลกมนุษย์ นางคิดว่าหยวนอีน่าจะมองคนที่แข็งแกร่งอย่างมากเป็นเซียน ด้วยเหตุนี้ นางจึงกล่าวออกมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้หยวนอีจากไป
“จักรพรรดินีโปรดวางใจ ข้าใจเย็นเป็นอย่างยิ่ง ไม่เอ่ยวาจาใดอย่างไร้สาระ พวกเขาไม่อาจคุกคามข้าได้ จักรพรรดินีรอดูด้วยตนเองเถิด” หยวนอียิ้มอย่างมั่นใจ
ความมั่นใจนี้ย่อมไม่ได้มาจากการมั่นใจในตัวเอง แต่ความมั่นใจนี้มาจากคุณชาย!
สี่กระบี่ประหารเซียนที่คุณชายมอบให้ สามารถปกป้องนางได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน!
มั่นใจเกินไปแล้ว จักรพรรดินีไม่รู้เลยว่าควรเอื้อนเอ่ยคำใดอีก นางยังเริ่มไขว้เขว หรือว่าหยวนอีเก่งกาจปานนั้นจริง ๆ
ถึงอย่างไร หยวนอีก็ดูไม่เหมือนพวกสติฟั่นเฟือน
“ท่านจักรพรรดินี หลังจบเรื่องที่นี่แล้ว ข้าจะพาท่านจักรพรรดินีไปพบคุณชายท่านหนึ่ง!”
หยวนอีกบอกกับจักรพรรดินี
จักรพรรดินีขมวดคิ้ว “คุณชายหรือ”
“อืม”
หยวนอีพยักหน้า “ตอนนี้ข้าไม่สะดวกอธิบายมากกว่านี้ ถึงเวลา ข้าค่อยเล่าให้ท่านจักรพรรดินีฟังอย่างละเอียด”
นางนั่งลงข้างจักรพรรดินี สนทนาสัพเพเหระกับนาง รอคอยการมาของบรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุด
จักรพรรดินีมีสีหน้าประหลาด หยวนอีสงบเหลือเกิน ยิ่งนานนางยิ่งรู้สึกว่าหยวนอีถือไพ่ตายทรงพลังบางอย่างในมือ ถึงไม่รู้สึกเกรงกลัวจ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านั้นจริง ๆ
พวกนางสนทนากันเป็นเวลาเนิ่นนาน ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง ระหว่างนั้น จักรพรรดินีเล่าชีวิตของตนให้ฟังหลายเรื่อง เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าบรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดแข็งแกร่งปานใด ให้หยวนอีได้รู้จักบรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดมากขึ้น
และหยวนอียังคงมิมีท่าทีกังวลใจแต่อย่างใด
“ความจริงของภพเซียนเป็นเช่นนี้เองหรือ!”
หลังหยวนอีได้รับรู้สถานการณ์ในภพเซียน ก็เอ่ยอย่างเดือดดาล “ผู้ฝึกตนพยายามบำเพ็ญ ทลายขีดจำกัดต่าง ๆ ลำบากแทบล้มประดาตายกว่าจะเข้าไปในภพเซียนได้ สุดท้ายกลับไม่มีแม้แต่อิสรภาพ ต้องถูกควบคุมไปตลอดชีวิต ภพเซียนเช่นนี้ ไม่เห็นจำเป็นต้องเข้าไป!”
นางกล่าวต่อ “ท่านจักรพรรดินี ภพเซียนเช่นนี้อย่ากลับไปอีกเลย ผนึกของตระกูลเซียวมิได้น่าเป็นห่วงสักนิด”
จักรพรรดินีตาโตอ้าปากค้าง นางคิดว่าหยวนอีมิได้สติฟั่นเฟือน แล้วเหตุไฉนถึงพูดจาเพี้ยนขึ้นเรื่อย ๆ
ผนึกจากตระกูลเซียวจัดการได้ง่าย ๆ ที่ไหน นี่คือหัวใจในการควบคุมยอดฝีมือของตระกูลเซียว สืบสานมาแต่โบราณ คลายได้ยากยิ่ง หากฝืนจะคลายให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องถึงขั้นจักรพรรดิเซียนเสียก่อน
“ตระกูลเซียว หนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน เดี๋ยวสิ…นี่คือตระกูลของเซียวฮุ่ยมิใช่หรือ มิน่าล่ะ ตระกูลเซียวนี่ระยำยิ่งนัก!”
หยวนอีเอ่ยเสียงเคียดแค้น นึกถึงวาจาในอดีตของเซียวฮุ่ย
เซียวฮุ่ยกล่าวว่า ตระกูลเซียวที่นางอยู่คือหนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน เหมือนกับตระกูลเซียวที่จักรพรรดินีกล่าวถึงทุกประการ
“เจ้ารู้จักเซียวฮุ่ยหรือ?!”
จักรพรรดินีตาโต คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหยวนอีเคยข้องแวะกับเซียวฮุ่ย
“ต้องรู้จักอยู่แล้ว คนที่ข้าเล่าว่าถูกข้าอัดจนหนีหัวซุกหัวซุนก็คือเซียวฮุ่ยผู้นี้”
หยวนอีสบถ “เซียวฮุ่ยผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก หากมิใช่ว่าคราวก่อนปล่อยให้นางหนีไปได้ ข้าต้องฆ่านางได้แน่”
จักรพรรดินีสะท้านอารมณ์ เดิมนางคิดว่าหยวนอีคุยโวเสียส่วนใหญ่ บัดนี้ดูแล้ว สิ่งที่หยวนอีว่ามาเหมือนจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมด
สภาพเซียวฮุ่ยในยามนี้อนาถามากยิ่ง กระทั่งกำลังรบระดับเซียนยังไม่ถึง
นางยังอยากถามต่ออีกหน่อย ทว่าตอนนั้นเอง มิติบิดเบี้ยว จ้าวแห่งเซียนสูงสุดทั้งหลายกลับมาถึง
พวกเขาต่างมีบาดแผลตามตัว เห็นได้ชัดว่าศึกนอกอาณาจักรอเนจอนาถอย่างยิ่งยวด หลังหยวนอีได้เห็นจ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้ ก็ลุกพรวดขึ้นทันที
“พวกเจ้าคือผู้ที่ลงมือกับท่านจักรพรรดินีใช่หรือไม่”
นางทอดสายตามองบรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดแล้วปริปากถาม
“ปลาซิวปลาสร้อยจากแห่งหนใดกัน!”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนหนึ่งขมวดคิ้ว สีหน้าเจือแววไม่พอใจ บ้าไปแล้วหรือ ผู้ที่ยังมิได้เป็นมหาจักรพรรดิด้วยซ้ำกลับพูดจาเช่นนี้กับพวกเขา
เขามีธงใหญ่ด้ามหนึ่งในมือ เป็นผู้มีชัยชนะสูงสุด ด้วยอสูรพิฆาตเซียนจวินทั้งสิบสองตัวที่ถูกสะกดไว้ในธงนี้ เขาเอาชนะจ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนอื่นได้
“ข้ารอพวกเจ้าอยู่นานมากแล้ว คลายผนึกในตัวท่านจักรพรรดินีของพวกเจ้าเสีย” หยวนอีกล่าว
“เจ้าเอ่ยว่าคลายก็ต้องคลายให้หรือ”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดผู้มีธงในมือแค่นเสียงเย็น จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในตัว “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร มดปลวกรนหาที่ตาย อยากตายก็ไม่เห็นต้องทำถึงขั้นนี้!”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนอื่นหัวเราะ จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนหนึ่งหันมองจักรพรรดินี เอ่ยอย่างอดมิได้ “เจวี๋ยเนี่ยน นี่คงมิใช่ผู้ที่เจ้าเรียกมาช่วยเจ้าหรอกกระมัง เจ้าคงมิได้ตลกเพียงนั้นใช่หรือไม่”
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง หยวนอีลงมือทันที เรียกสี่กระบี่ประหารเซียนออกมาอย่างรวดเร็ว ค่ายกลคลี่แผ่ออกไปบนกระบี่ทั้งสี่ ปกคลุมพื้นที่แถบนี้เอาไว้
นางได้บทเรียนจากประสบการณ์ประมือกับเซียวฮุ่ยครั้งก่อน ผนึกพื้นที่นี้ไว้ก่อนด้วยสี่กระบี่ประหารเซียน ป้องกันมิให้จ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้หนีไปได้
ถึงอย่างไร นางยังต้องให้จ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้คลายผนึกให้จักรพรรดินี
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับจ้าวแห่งเซียนสูงสุดทั้งหลายคิดไม่ถึงว่าหยวนอีมีฝีมือขนาดนี้ พวกเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกภาพค่ายกลปกคลุมไว้ภายใน
สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก จ้าวแห่งเซียนสูงสุดที่เมื่อครู่ยังหัวเราะร่วน บัดนี้รอยยิ้มแข็งค้างอยู่อย่างนั้น จิตใจคร่ำเครียดขึ้นมา
นี่มิใช่กระบี่สี่เล่มธรรมดา พวกเขารับรู้สึกอันตรายใหญ่หลวง อกสั่นขวัญผวา หยวนอียังมิใช่มหาจักรพรรดิด้วยซ้ำ เหตุใดถึงมีกระบี่น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างสี่เล่มนี้ในครอบครอง ซ้ำยังเปล่งพลานุภาพได้กล้าแกร่งน่ากลัวถึงปานนี้
โลกทัศน์เดิมของพวกเขาพังทลาย!
สีหน้าจักรพรรดินีเปลี่ยนไปเช่นกัน นางรับรู้ได้เหมือนกันว่าสี่กระบี่ประหารเซียนสยดสยองปานใด นางรู้สึกว่า ต่อให้นางอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ที่สุด ก็ยากจะต่อกรกับสี่กระบี่ประหารเซียนนี้ไหว
“เจ้าเป็นใคร?!”
“เจ้าต้องการอะไร!”
เหล่าจ้าวแห่งเซียนสูงสุดถามเสียงแข็ง เลิกสบประมาทหยวนอีกันทั้งหมด รากฐานหยวนอีมิได้ธรรมดา นี่คือผู้ที่กองกำลังในภพเซียนส่งลงมาหรือ
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ พวกเจ้าไม่มีความจำเป็นต้องรู้ รีบคลายผนึกท่านจักรพรรดินีเสีย มิฉะนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
หยวนอีตวาด สี่กระบี่ประหารเซียนสั่นไหว พลังที่สยดสยองยิ่งกว่านั้นซัดสาดออกไป
บรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดลงมือทันที รีดเร้นอานุภาพอาวุธจักรพรรดิเซียนในมือถึงขีดสุด พวกเขาไม่มีทางยอมจำนนง่าย ๆ เช่นนี้
โฮก โฮก โฮก!
ธงจักรพรรดิเซียนพลิ้วไสว อสูรร้ายทั้งสิบสองตัวคำรามขณะบุกออกมา แต่ละตัวล้วนน่าประหวั่นพรั่นพรึง น่ากลัวกันเหลือแสน คลื่นพลังโถมทับดั่งเกลียวคลื่นมหาสมุทร อสูรร้ายทุกตัวล้วนสามารถฉีกกระชากอวกาศออกได้!
ทว่าหลังจากหนึ่งในสี่กระบี่ประหารเซียนฟาดฟันลงมา อสูรร้ายทั้งสิบสองตัววิ่งเร็วไม่แพ้กัน พุ่งพรวดกลับไปอยู่ในธงจักรพรรดิเซียนอย่างว่องไว
น่ากลัวเกินไปแล้ว พวกมันสัมผัสได้ว่ากระบี่นี้พลังดุดันปานใด หากว่าฟาดฟันลงตัวพวกมัน พวกมันต้องถูกสังหารลงในพริบตาอย่างแน่นอน!
“อะไร…กันนี่!”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดผู้มีธงจักรพรรดิเซียนในมือด่ากราด เจ้าพวกปอดแหก ยังไม่ทันเริ่มก็หนีกลับมาด้วยความกลัวแล้วหรือ ทุเรศจริง ๆ!
ทว่าเมื่อกระบี่เล่มหนึ่งฟาดฟันมาทางเขา เขากลัวจนคุกเข่ากับพื้นในบัดดล ปากตะโกนลั่น “พี่สาว พี่สาวบังเกิดเกล้า ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!”
กระบี่เล่มนี้สยดสยองปานใด ยามตวัดลงมาหาเขา เขารับรู้สึกความต้อยต่ำของตนเองได้ในพริบตา นี่มิใช่พลังที่เขาต้านทานได้ กระบี่นี้ฆ่าเขาได้ง่ายเหมือนเชือดหมูเชือดไก่!
ตึง ตึง ตึง!
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนอื่นตามหลังไปติด ๆ ทยอยคุกเข่าลงกันถ้วนหน้า อาวุธเซียนที่พวกเขาเรียกออกมาถูกกำราบได้ในพริบตา ยามทั้งสี่กระบี่ฟาดฟันมาหาพวกเขา พวกเขารู้สึกอันตรายถึงชีวิตได้ในบัดดล กลัวจนวิญญาณแทบสลาย!
“คลายผนึกมิใช่หรือ พวกเราคลายให้!”
“ไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”
พวกเขาโขกศีรษะไม่หยุด วอนขอให้หยวนอีปล่อยพวกเขาไป
นอกจากนี้ พวกเขาสะท้านใจเหลือคณา กระบี่สี่เล่มนี้เป็นกระบี่ใดกัน เกินหยั่งยิ่งนัก อาวุธจักรพรรดิเซียนยังไร้ความหมายเมื่ออยู่เบื้องหน้ากระบี่สี่เล่มนี้ ห่างชั้นกันไกลโข!
หยวนอีมาจากไหนกันแน่!
อีกด้าน จักรพรรดินีตาค้างอย่างสิ้นเชิง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ใบหน้านางแดงระเรื่อเล็กน้อย รู้สึกว่าตนเองเหมือนกบก้นบ่อ
ก่อนหน้านี้ที่หยวนอีสาธยายให้ฟัง นางยังคิดว่าหยวนอีคุยโวโอ้อวด บัดนี้ถึงเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่า หยวนอีไม่เพียงแต่มิได้คุยโวโอ้อวด กลับกัน นางถ่อมตนยิ่งนัก!
ลำพังกระบี่สี่เล่มนี้ นางคิดว่าต่อให้จักรพรรดิเซียนมาเยือนก็ต้านไม่อยู่ รับมือมิไหว!
“คลายสิ”
หยวนอีควบคุมสี่กระบี่ประหารเซียน มิได้ปล่อยให้สี่กระบี่ประหารเซียนฟันลงบนตัวจ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้ไฉนเลยจะกล้าไม่ทำตาม พากันคลายผนึกของพวกเขาบนตัวจักรพรรดินี
“ทำร้ายผู้อื่นจนบาดเจ็บควรต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่”
หยวนอีเอ่ย “ทิ้งของทุกชิ้นในตัวพวกเจ้าไว้ที่นี่ อย่าคิดตุกติก ขืนบังอาจหมกเม็ดไว้แม้แต่ชิ้นเดียว ข้าจะตวัดกระบี่สังหารพวกเจ้าเสีย”
“เข้า…เข้าใจแล้ว!”
“มิกล้า มิกล้า!”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดทั้งหลายมิมีผู้ใดกล้าหมกเม็ด ต่างมอบของทุกชิ้นในตัวไปให้
“ไปเถิด อย่าได้ทำตามอำเภอใจในอาณาจักรนี้ มิฉะนั้น ข้าไม่ไว้ชีวิตแน่!”
หยวนอีตวาด เก็บสี่กระบี่ประหารเซียนกลับไป บรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดหนีอุตลุดไปทันที แต่ละคนวิ่งไวไม่น้อยหน้ากัน พริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“โอสถเซียนที่นี่มีไม่น้อย ท่านจักรพรรดินีรีบรักษาอาการบาดเจ็บเถิด หลังหายดีแล้ว ข้าจะพาท่านไปพบคุณชาย”
หยวนอีบอกกับจักรพรรดินียิ้ม ๆ
สีหน้าจักรพรรดินีประหลาดไป คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหยวนอีแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ นอกจากนี้ นางใคร่สนใจในตัวคุณชายที่หยวนอีเอ่ยถึงมาก
จากน้ำเสียงของหยวนอี นางเคารพนบนอบต่อคุณชายผู้นี้มาก เห็นได้ชัดว่าคุณชายผู้นี้ไม่ธรรมดา หรืออาจน่าพรั่นพรึงเกินหยั่งยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้!
นางรับโอสถเซียนจากหยวนอี หลอมละลายอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นาน นางก็ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่
หยวนอีเห็นจักรพรรดินีฟื้นตัวแล้ว จึงเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ เราออกเดินทางกันเถิด!”
ใบหน้าจักรพรรดินีทอประกายลังเล ท้ายที่สุดถึงเอ่ยขึ้น “รออีกหน่อยได้หรือไม่ ข้าได้เบาะแสของเซียวฮุ่ย อยากไปพบนางถามไถ่เรื่องราวบางอย่างก่อน”
นางกลัวว่ามัวชักช้าแล้วสถานการณ์จะเปลี่ยน เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเสียก่อน จึงคิดอยากไปพบหน้าเซียวฮุ่ย ซึ่งมิได้เสียเวลาเท่าใด
แม้ว่าก่อนหนน้านี้หยวนอีเอ่ยว่าจะช่วยคลายผลึกตระกูลเซียวในตัวนาง คืนอิสรภาพแก่นาง แต่หากไม่ได้เล่า
นางอยากเตรียมพร้อมไว้ทั้งสองทาง
หากว่าผนึกในตัวนางคลายได้จริง ๆ นางก็ไม่ต้องรับใช้ตระกูลเซียวอีก ไม่ต้องตามหากล่องสี่เหลี่ยมอีก
หากว่าไม่ได้ นางต้องออกตามหากล่องสี่เหลี่ยมต่อไป
“ท่านรู้เบาะแสของเซียวฮุ่ยหรือ”
หยวนอีตาเป็นประกาย “เช่นนั้นดียิ่ง พาข้าไปด้วย ยายนี่กระทำการเลวทรามไว้ไม่น้อย หนนี้ขอจบชีวิตนาง! นางมีชีวิตอยู่ต่อไปรังแต่จะเป็นภัยต่อผู้อื่น!”
ครานั้น เพื่อฟื้นพลัง เซียวฮุ่ยดูดกลืนแก่นโลหิตยอดฝีมือไปตั้งไม่รู้เท่าไร คนผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างแท้จริง ชั่วร้ายเกินไป เก็บไว้มิได้
ขณะที่นางออกตามหาซี ก็ค้นหาร่องรอยเซียวฮุ่ยไปด้วย นั่นก็เพื่อกำจัดเซียวฮุ่ยให้พ้นทางเสียที
“ได้”
จักรพรรดินีมิได้แยแสชีวิตของเซียวฮุ่ย นางเคียดแค้นตระกูลเซียว แล้วไฉนเลยจะใส่ใจชีวิตของเซียวฮุ่ย
“เช่นนั้นเราออกเดินทางกันเถิด”
นางเอ่ยต่อ ย่างเท้าหมายจะออกจากที่นี่
“เรื่องนั้น…คือว่าท่านต้องพาข้าไปด้วย ขอบเขตพลังของข้ายังไม่เท่าไหร่”
หยวนอีเรียกจักรพรรดินีไว้ หากออกเดินทางทั้งอย่างนี้ นางตามไม่ทันแน่นอน
จักรพรรดินีผงะ คิดไม่ถึงนิดหน่อย หยวนอีผู้บดขยี้จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตั้งมากมายได้ตามใจชอบ ยังต้องให้นางพาเดินทางด้วยอีกหรือ
เห็นได้ว่าขอบเขตพลังที่หยวนอีเผยออกมาคือขอบเขตพลังที่แท้จริงของนาง
“ได้”
นางสะบัดมือ ห่อหุ้มหยวนอีด้วยพลังเซียน พาหยวนอีออกจากที่นี่
อีกด้าน เซียวฮุ่ยหนีหัวซุกหัวซุน มิกล้าชะลอแม้เพียงเศษเสี้ยวเดียว คิดอยากหาสถานที่ปลอดภัย หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นน่ากลัวยิ่งนัก นางเฟ้นหาสถานที่อยู่หลายแห่งยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย
เวลานั้นเอง ประกายเซียนลำหนึ่งพลันปรากฏออกจากห้วงอากาศ จุติอยู่เบื้องหน้านาง
นางตกตะลึง รีบร้อนอยากหนีจากที่นี่ นางคิดว่าหลี่จิ่วเต้าส่งคนมาไล่ล่านาง ไม่ทันมองให้ชัดว่าผู้ใดอยู่ในประกายเซียนนั้นด้วยซ้ำ
“อย่าเพิ่งไป!”
จักรพรรดินีก้าวออกจากประกายเซียน จิ้มนิ้วออกไป สะกดเซียวฮุ่ยไว้
นางมาอยู่เบื้องหน้าเซียวฮุ่ย พลางเอ่ยถาม “ผู้นำตระกูลเซียวส่งข้ามาตามหาเบาะแสของกล่องสี่เหลี่ยม เจ้าบอกข้อมูลที่เจ้ารู้มาเสีย”
เอ่ยจบ นางหยิบป้ายประจำตัวออกมา อันเป็นป้ายตัวแทนตระกูลเซียว
“ข้าตกใจแทบแย่ นึกว่าเจ้ามาเพื่อฆ่าข้าเสียอีก!”
หลังเซียวฮุ่ยได้เห็นป้ายประจำตระกูลเซียว ก็สบายใจลง
“คลายผนึกในตัวข้า แล้วข้าจะเล่าทุกอย่างที่ข้ารู้ให้เจ้าฟัง” เซียวฮุ่ยบอก
จักรพรรดินีปลดพลังที่สะกดเซียวฮุ่ย โดยไม่กังวลว่าเซียวฮุ่ยจะหนีไปไหน
นางกับหยวนอีต่างสามารถปลิดชีพเซียวฮุ่ยในพริบตา
หยวนอีด้านหลังมิได้ส่งเสียงอันใด นางตั้งใจรอจนจักรพรรดินีสนทนากับเซียวฮุ่ยเสร็จแล้วค่อยออกไป ‘พูดคุย’ กับเซียวฮุ่ยให้รู้เรื่อง
“ที่จริงข้าเองก็รู้ไม่มาก เมื่อครั้งข้าเพิ่งไล่ตามมาถึงนี่…”
เซียวฮุ่ยมิได้ปิดบัง เล่าทุกอย่างที่นางรู้ออกมาจนหมด
“หยวนอีผู้นั้นเกี่ยวข้องกับซีแน่นอน หากเจอตัวหยวนอี ย่อมเพิ่มโอกาสเจอตัวซีด้วย!” เซียวฮุ่ยกล่าว
จักรพรรดินีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องราวทุกอย่างบังเอิญถึงเพียงนี้เชียวหรือ หยวนอีอยู่ข้างกายนางนี่เอง
“จักรพรรดินีก็มาเพราะซีหรือ”
ด้านหลัง หยวนอีจับใจความได้ ภารกิจที่ตระกูลเซียวมอบหมายให้จักรพรรดินีทำนั้นเกี่ยวข้องกับซี!
ก่อนนี้จักรพรรดินีมิได้เอ่ยถึงภารกิจจากตระกูลเซียวโดยละเอียด นางไม่รู้ว่าจักรพรรดินีมาเพื่อซี
“เสียงนี้คุ้นเคยจริงเชียว!”
หลังเซียวฮุ่ยได้ยินเสียงหยวนอี ก็หันกลับมาด้วยใบหน้าฉงน เมื่อนางได้เห็นหยวนอี ก็อุทานเสียงหลงขึ้นมาทันที “เจ้าเองหรือ”
นางรีบบอกกับจักรพรรดินี “นางคือหยวนอี จับนางไว้เร็ว!”
ทว่าจักรพรรดินีเพียงแต่ส่งยิ้มให้นาง มิได้ลงมือแต่อย่างใด
เซียวฮุ่ยหัวใจเย็นวาบไปในทันใด รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดีต่อนางอย่างมาก
“ทำร้ายสิ่งมีชีวิตไปมหาศาลปานนั้น ไปที่ชอบที่ชอบเถิด”
หยวนอีเรียกสี่กระบี่ประหารเซียนออกมา ไม่ให้โอกาสเซียวฮุ่ยสักนิด ปลิดชีพนางคาที่
นางก้าวไปอยู่ข้างกายจักรพรรดินี เอ่ยเสียงจริงจัง “ภารกิจนี้ของตระกูลเซียว ท่านจักรพรรดินีอย่าทำต่อจะดีกว่า ซี…เป็นคนที่สำคัญต่อคุณชายมาก ๆ!”
นางเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ “ข้ารู้ว่าในใจท่านจักรพรรดินียังมีข้อวิตก กังวลถึงผนึกในกายท่านที่ตระกูลเซียวลงไว้ ข้าบอกท่านได้อย่างชัดแจ้งว่า เรื่องเหล่านี้มิใช่ปัญหา รอจนได้พบคุณชายก่อน แล้วท่านจะเข้าใจทุกอย่างเอง”
“ได้!”
จักรพรรดินีสัมผัสได้ว่า ยามหยวนอีเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ นางขึงขังจริงจังเพียงใด น่ากลัวว่าคุณชายผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง เป็นผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้า!
“ข้าขอเอ่ยอีกอย่าง แล้วท่านจักรพรรดินีจะรู้เองว่าสิ่งที่ข้าได้กล่าวไปนั้นหาใช่เรื่องโป้ปด สี่กระบี่ประหารเซียนของข้า ถูกตีขึ้นโดยคุณชาย” หยวนอีกล่าว
“อะไรนะ!”
จักรพรรดินีสะท้านเหลือคณา สี่กระบี่ประหารเซียนถูกตีขึ้นโดยคุณชายผู้นั้นหรอกหรือ สวรรค์ คุณชายผู้นั้นต้องทรงพลังปานใดกัน
นางมิกล้าจินตนาการเลยจริง ๆ!
นาทีนี้ นางไม่เหลือข้อกังขาอันใดอีก คุณชายที่ตีสี่กระบี่ประหารเซียนอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงเพียงนี้ขึ้นได้ ครั้นจะคลายผนึกในตัวนางย่อมต้องเป็นเรื่องง่ายดาย!
“ไปเถิด ข้าค่อยเล่าเรื่องของคุณชายให้ท่านฟังอย่างละเอียดระหว่างทาง”
หยวนอีเอ่ย ไปจากที่แห่งนี้พร้อมกับจักรพรรดินี มุ่งหน้าไปยังเมืองชิงซาน
นางไม่รู้ว่าคุณชายไม่อยู่ที่เมืองชิงซานแล้ว เซียวฮุ่ยมิทันได้เล่าเรื่องไปพบคุณชายหลังจากนั้นก็ตายไปเสียก่อน
ผ่านไปไม่นาน พวกนางมาถึงเมืองชิงซาน
“สวัสดีผู้อาวุโสต้นหลิว!”
หยวนอีมาอยู่ข้างลำธาร ทักทายต้นหลิวอย่างมีมารยาท
“เอ๋ เหตุใดถึงไม่เห็นพี่ก้อนหิน”
นางยังอยากสวัสดีก้อนหิน แต่กลับพบว่าก้อนหินไม่อยู่ที่นี่
“เจ้าก้อนหินเส็งเคร็งนั่นดวงดี ตามคุณชายออกไปเที่ยวเล่นแล้ว”
ต้นหลิวตอบ อิจฉาริษยาเจ็บใจต่อก้อนหินยิ่งนัก มันก็อยากไปกับคุณชายด้วย!
“หา คุณชายไม่อยู่ในเมืองชิงซานหรอกหรือ” หยวนอีผิดคาดนิดหน่อย
“ไม่อยู่”
ต้นหลิวกล่าว “คุณชายตั้งใจออกเดินทางเที่ยวเล่นในอาณาจักรนี้ คงไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้ จริงสิ เจ้ามีธุระอันใดหรือ”
มันประทับใจในตัวหยวนอีมาก นางเป็นแม่นางตัวน้อยผู้มีมารยาท
“มิได้มีธุระอันใด ข้าพาท่านจักรพรรดินีมาพบคุณชาย คุณชายเคยเอ่ยว่าอยากพบท่านจักรพรรดินีสักครา” หยวนอีกล่าว
“สวัสดี”
จักรพรรดินีกล่าวทักทายต้นหลิว
นางตะลึงงัน มองตื้นลึกหนาบางของต้นหลิวไม่ออกสักนิด ต้นหลิวต้องแข็งแกร่งอย่างมหันต์แน่นอน
“สวัสดี”
ต้นหลิวตอบ “ในกายเจ้ามีของไม่ดีอยู่ ให้ข้าช่วยกำจัดให้หรือไม่”
ได้ยินว่าจักรพรรดินีคือผู้ที่คุณชายอยากพบ มันใส่ใจขึ้นมาทันที มันแกร่งกล้ายิ่งนัก เพียงปราดเดียวก็มองทะลุถึงผนึกในตัวจักรพรรดินี
จักรพรรดินีสะท้านทั้งตัว ทึ่งกับความแกร่งกล้าของต้นหลิว นางเอ่ยเสียงสั่นเครือ “ได้หรือ”
นานมาแล้ว ที่นางปรารถนาให้ผนึกในตัวคลายออก ได้รับอิสรภาพ บัดนี้มีโอกาสคลายผนึกในตัวนางเช่นนี้ จะมิให้นางตื้นตันได้อย่างไร
นางตื้นตันอย่างยิ่งยวด
“เรื่องเล็กน้อย”
ต้นหลิวตอบ ก้านหลิวก้านหนึ่งจรดเบา ๆ บนหน้าผากขาวผ่องของจักรพรรดินี
ชั่วพริบตานั้น จักรพรรดินีสัมผัสได้ถึงพลังอ่อนโยนระคนยิ่งใหญ่หลั่งไหลเข้าไปในกายนาง จากนั้น นางได้ยินเสียงดัง ‘ตึง’ ผนึกในกายนางแหลกลาญจนสิ้น หายไปอย่างสมบูรณ์!
เก่งกาจเกินไปแล้ว!
นางตะลึงอย่างแท้จริง ผนึกที่สืบสานมาแต่โบราณของตระกูลเซียว กระทั่งจักรพรรดิเซียนยังใช่ว่าสามารถฝืนคลายได้โดยง่าย ต้นหลิวกลับทำได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าแข็งแกร่งจนถึงขั้นผิดหูผิดตา!
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
นางเอ่ยคำขอบคุณไม่หยุด