656-660

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 656ถึง660

จักรพรรดินีสะท้านใจยิ่งนัก ระหว่างทางมา หยวนอีเคยกล่าวถึงต้นหลิวและก้อนหินกับนาง เอ่ยว่าขอบเขตพลังของต้นหลิวและก้อนหินสูงส่งลึกล้ำเกินหยั่ง


ครานั้น นางมิได้รู้สึกอันใด ถึงอย่างไร ก็คงสูงส่งได้ไม่เท่าไร


บัดนี้ นางถึงรู้ว่านางโง่เขลาปานใด!


สูงส่งได้ไม่เท่าไรรึ?!


ความแข็งแกร่งของต้นหลิว สูงจนผิดเพี้ยน สูงจนไร้ขอบเขต เรื่องที่จักรพรรดิเซียนยังไม่อาจสำเร็จได้โดยง่าย ต้นหลิวกลับทำได้ง่ายดาย ต้นหลิวต้องทรงพลังกว่าจักรพรรดิเซียนอย่างแน่นอน!


นางคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะได้พบตัวตนที่ทรงพลังกว่าจักรพรรดิเซียนในที่แห่งนี้ และตัวตนเกินหยั่งเช่นนี้กลับตั้งรกรากอยู่นอกเมืองปุถุชนแห่งหนึ่ง…


เรื่องนี้พลิกผันโลกทัศน์ของนางอย่างไม่ต้องสงสัย หากมิใช่ว่าเรื่องราวเหล่านี้คือประสบการณ์ของนางโดยตรง ให้ตายอย่างไรนางก็ไม่เชื่อ!


นอกจากนี้ นางก็ยิ่งตระหนักถึงความแข็งแกร่งของคุณชายได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น


ระหว่างทาง หยวนอีเล่าเรื่องของคุณชายให้นางฟังอย่างละเอียด เอ่ยว่าคุณชายทำได้ทุกอย่าง อยู่เหนือสรรพสิ่ง ฝีมือที่ท่านสำแดงออกมาเรื่อยเปื่อยยังอัศจรรย์อย่างยิ่งยวด


ทว่าลำพังได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้ นางยังไม่ตระหนักรู้อย่างแจ่มชัดนัก


บัดนี้นางตระหนักรู้แล้ว


ต้นหลิวมีหน้าที่เพียงบังฟ้าบังฝนให้คุณชายเท่านั้น ยังทรงพลังได้ถึงปานนี้ ยังต้องคลางแคลงใจในความแข็งแกร่งของคุณชายอีกหรือ


“คุณชายคือผู้พิพากษาจากแดนบรรพโกลาหลอย่างนั้นหรือ?!”


นางคิดไปด้วยความสะท้อนใจเหลือแสน


“เดี๋ยวก่อน…”


เวลานั้นเอง นางพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์


หัวใจของนางเต้น ‘ตึกตัก’ รัวเร็ว คุณชายคงมิใช่ผู้ที่ช่วยนางไว้ถึงสองครากระมัง


ท่านผู้นั้นก็อัศจรรย์สูงส่งเกินหยั่งถึงขีดสุดเช่นกัน เหมือนคุณชายอย่างมาก


โดยเฉพาะยามนึกถึงเมื่อครั้งอยู่ที่แดนมรณา วาจาที่ท่านผู้นั้นกล่าวต่อจ้าวมรณา เป็นไปได้สูงว่าท่านผู้นั้นมาจากอาณาจักรนี้ ไปเพื่อออกหน้าให้สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้!


เรื่องนี้ยิ่งเหมือนกับคุณชายเข้าไปใหญ่!


“คุณชายมีรูปโฉมเช่นนี้ใช่หรือไม่…”


นางรีบไถ่ถามกับต้นหลิวและหยวนอี บรรยายรูปลักษณ์ของท่านผู้นั้นเพื่อขอคำตอบ


แท้จริงแล้วนางสามารถหลอมรูปลักษณ์ของท่านผู้นั้นออกมาด้วยพลังเซียน เช่นนี้จะยิ่งแม่นยำ ยิ่งสะดวก ทว่านางมิกล้า


ท่านผู้นั้นเหนือความคาดหมายเกินไป นางกลัวว่าหากหลอมรูปลักษณ์ท่านผู้นั้นขึ้นจะเป็นผลให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมา


ถึงอย่างไร ตัวตนระดับนั้นมิอาจคาดเดาด้วยตรรกะทั่วไป ควรต้องเคารพนบนอบในใจอยู่เสมอ มิฉะนั้น ไม่แน่ว่าอาจเกิดเรื่องราวบางอย่างขึ้นจริง ๆ


“ท่านเคยพบคุณชายแล้วหรือ”


หยวนอีตะลึง รูปลักษณ์ที่จักรพรรดินีบรรยายมานั้นเหมือนกับคุณชายทุกประการ!


นางอึ้งงันถึงขีดสุด นางมิเคยเอ่ยถึงรูปโฉมของคุณชายกับจักรพรรดินีมาก่อน นี่จักรพรรดินีเคยเจอกับคุณชายมาก่อนแล้วหรือ


“ท่านผู้นั้นคือคุณชายจริงด้วย!”


จักรพรรดินีมีสีหน้าแปร่งไป นางเดาถูกจริง ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “เคยพบ และเคยพบถึงสองครั้งด้วย”


นางเล่าประสบการณ์สองครั้งนั้นโดยไม่ตกหล่น


“เดิมข้าคิดว่าสองครั้งนั้นเป็นเพราะข้าโชคดี บังเอิญพบคุณชายเข้า ทว่าบัดนี้ลองคิดดูแล้ว มิได้เป็นอย่างที่ข้าคิด…” นางกล่าว


หยวนอีเอ่ยว่าคุณชายชื่นชมนางมาก แต่ทั้งสองครั้งที่คุณชายปรากฏตัว ล้วนเป็นช่วงเวลาคับขันที่ชีวิตนางแขวนอยู่บนเส้นด้าย คิดแล้วสองครั้งนั้นหาใช่เหตุการณ์บังเอิญ คุณชายตั้งใจมาช่วยนางจริง ๆ!


“แต่เหตุใดคุณชายถึงไม่ยอมพูดกับข้าทั้งสองครั้ง หรือแม้แต่จะปรายตามองข้า” นางเอ่ยข้อกังขาในใจออกไป


คุณชายชื่นชมนางมากมิใช่หรือ ตามปกติ หลังคุณชายช่วยนางแล้ว ควรต้องสนทนากับนางบ้างสักประโยคสองประโยคมิใช่หรือ


ทว่าทั้งสองครั้งนั้น คุณชายมิได้เอ่ยวาจาใดกับนาง ไม่แม้แต่จะมองนาง


“ความคิดของคุณชายกว้างไกลเกินกว่าที่เจ้าหรือข้าจะเดาได้ บางทีพวกเราในยามนี้อาจยังไม่เข้าใจ แต่ในภายหน้า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พวกเราจะเข้าใจได้เอง”


ต้นหลิวกล่าว “ทุกถ้อยคำ ทุกการกระทำของคุณชาย ไม่เคยจำกัดไว้เพียงเหตุการณ์เบื้องหน้า ล้วนแล้วสะท้อนถึงอนาคต สายตาคุณชายกว้างไกลยิ่งนัก…”


“ใช่แล้ว! ที่ผู้อาวุโสต้นหลิวกล่าวมานั้นถูกต้อง!”


อีกด้าน หยวนอีพยักหน้ารัว นางรู้ซึ้งในเรื่องนี้ดียิ่ง


ทุกถ้อยคำ ทุกการกระทำของคุณชายล้วนมีความหมายลึกล้ำ ความไม่เข้าใจในคราวแรก เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ทุกอย่างจะประจักษ์ขึ้นเอง


“ก็ใช่!”


จักรพรรดินีพยักหน้า ไม่รู้สึกสับสนอีกต่อไป


นางเคยเห็นฝีมือคุณชายมาแล้วถึงสองครั้ง น่ากลัวมากจริง ๆ ตัวตนสูงส่งเช่นนี้ พวกเขามิอาจคาดเดาถ้อยคำและการกระทำของเขาได้เลยจริง ๆ


“โอ๊ย ดูสมองน้อย ๆ ของข้าสิ ไฉนถึงทึ่มได้ปานนี้ เหมือนข้าจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดคุณชายถึงไม่ยอมเอ่ยวาจากับท่านจักรพรรดินี”


หยวนอีตบหน้าผากอย่างแรงเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะกล่าวต่อ “คุณชายกล่าวถึงท่านจักรพรรดินีกับข้า วาจานั้นเผยความนัยว่าอยากพบท่านจักรพรรดินี ซ้ำคุณชายยังช่วยท่านจักรพรรดินีไว้ถึงสองครั้ง แต่กลับมิได้สนทนากับท่านจักรพรรดินี คิดแล้วคงเพื่อให้ข้าพาท่านจักรพรรดินีไปพบคุณชาย!”


“ต่างกันด้วยหรือ”


จักรพรรดินีถามอย่างถ่อมตน


“แน่นอนว่าต่างกันมาก ลองนึกดูสิว่าระหว่างทางข้าบอกเรื่องใดกับท่านบ้าง…”


หยวนอีมองจักรพรรดินีพลางกล่าว


จักรพรรดินีครุ่นคิด ระหว่างทาง คำที่หยวนอีกล่าวบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นข้อห้ามของคุณชาย


ไม่รู้เพราะเหตุใด คุณชายมักวางตนเป็นปุถุชนอยู่เสมอ ไม่เคยยอมรับฐานะสูงส่งของตน นี่คือข้อห้ามใหญ่หลวงที่สุดของคุณชาย ผู้ที่ติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย มิกล้าทำผิดข้อห้ามนี้สักครา


“ข้าก็เข้าใจแล้ว…”


จักรพรรดินีตรึกตรอง ที่หยวนอีว่ามานั้นไม่ผิด ความแตกต่างนั้นมากโข


ครานั้น หากคุณชายสนทนากับนาง นางต้องฝ่าฝืนข้อห้ามของคุณชายเป็นแน่ ถึงอย่างไร นางในเวลานั้นยังไม่ล่วงรู้ถึงข้อห้ามนี้ของคุณชาย


ทว่าหากหยวนอีเป็นผู้พานางไป จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หยวนอีจักบอกข้อห้ามนี้กับนางไว้ล่วงหน้า และหยวนอีก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ


“คุณชายก็คือคุณชาย สายตากว้างไกล เกินกว่าที่เรา ๆ จะจินตนาการได้!”


หยวนอีสะท้อนใจเหลือคณา “เมื่อครั้งคุณชายกล่าวถึงท่านจักรพรรดินีกับข้า คงมองเห็นวันนี้แล้ว รู้ว่าข้าจะได้พบท่านจักรพรรดินี คุณชายถึงแสดงออกกับข้าว่าต้องการพบท่านจักรพรรดินี หมายความให้ข้าพาท่านจักรพรรดินีไปพบคุณชาย”


นางกล่าวต่อ “คุณชายแสดงออกว่าชื่นชมท่านจักรพรรดินีมาก อยากพบท่านจักรพรรดินี ทว่า ท่านช่วยท่านจักรพรรดินีไว้ถึงสองครั้งแต่กลับมิได้สนใจท่านจักรพรรดินี เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ข้าบอกข้อห้ามของคุณชายกับท่านจักรพรรดินี…”


เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการคาดเดาอันสมเหตุสมผล จักรพรรดินีก็คิดเช่นนี้


“แต่เหตุใดคุณชายถึงดึงดันในฐานะปุถุชนถึงเพียงนี้ ไม่ยอมเปิดเผยให้รู้”


จักรพรรดินีถามอย่างอดมิได้


แค่ฐานะปุถุชนคนหนึ่งคงมิได้สลักสำคัญอันใดกระมัง เปิดเผยให้รู้แล้วอย่างไร?


นางคิดไม่ตกจริง ๆ


“เริ่มแรก ข้าคิดว่าคุณชายต้องการท่องโลกฆราวาสในฐานะปุถุชน มิได้มีความหมายลึกซึ้งอันใดมากกว่านั้น ทว่าต่อมา ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่ามิใช่เช่นนั้น คุณชายให้ความสำคัญต่อฐานะปุถุชนนี้มาก ย่อมต้องมีเหตุผลสำคัญบางอย่างแฝงไว้แน่นอน!”


ต้นหลิวเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “น่ากลัวว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงบ่วงกรรมใหญ่หลวง บ่วงกรรมบางอย่างที่พวกเรามองไม่เห็น คาดไม่ถึง! เอาเป็นว่า พวกเราต่างได้รับความเมตตาจากคุณชาย ไม่ว่าเรื่องใดควรต้องยึดถือคุณชายเป็นหลัก ตราบใดที่คุณชายไม่เปิดเผยให้รู้ พวกเราต้องจำไว้ว่าห้ามมิให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด!”


มันกล่าวต่อ เสียงเคร่งขรึมลงเรื่อย ๆ “ช่วงนี้ข้าระส่ำระสายอยู่ตลอด บางทีอาจเกิดเรื่องใหญ่มหันต์ขึ้นก็ได้ ความมืดมนและหมอกหนาบางอย่างอาจถึงกาลแสดงตน ใต้หล้านี้หาใช่สิ่งที่คนอย่างเรา ๆ มองออกได้ทะลุปรุโปร่ง!”


“เข้าใจแล้ว!”


“รับทราบ!”


จักรพรรดินีและหยวนอีพากันขานรับ


พวกนางกลัดกลุ้มยิ่งขึ้น ต้นหลิวยังมองไม่ออก พวกนางยิ่งไม่ต้องพูดถึง


นอกจากนี้ พวกนางต่างเห็นด้วยกับวาทกรรมบ่วงกรรมของต้นหลิว


สิ่งที่เรียกว่าบ่วงกรรมนี้ อธิบายด้วยวาจามิได้ ตัวตนที่ยิ่งแข็งแกร่ง ก็ยิ่งระแวงยำเกรงต่อมัน ที่คุณชายดึงดันยึดติดกับฐานะปุถุชน ไม่ยอมเปิดเผยให้รู้ บางทีอาจมีบ่วงกรรมมากมายแฝงไว้อยู่จริง ๆ ก็เป็นได้!


จากนั้น หยวนอีและจักรพรรดินีบอกลาต้นหลิว หยวนอีจะพาจักรพรรดินีไปพบคุณชาย


...


สัตว์อสูรทั้งเก้าลากรถบินผ่านมวลเมฆไปอย่างแช่มช้า สุดท้ายลงมาอยู่บนสถานที่อันมีทัศนียภาพวิจิตรตระการตา


“พวกเราลงไปยืดเส้นยืดสายกันหน่อยเถิด…”


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ พวกเขานั่งอยู่ในรถลากนานเกินไป ลงไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายเสียหน่อยเป็นการดีกว่า


“เจ้าก็ไปด้วยกันเถิด”


หลี่จิ่วเต้าหันมองจิ้งจอกขาว พร้อมกล่าวกับมัน


ครั้งนี้ เขาอยากให้จิ้งจอกขาวลงไปเดินเล่นมากกว่า ตลอดทั้งทางที่ผ่านมา จิ้งจอกขาวอยู่แต่ในรถลาก มิเคยออกไปไหน เขากลัวจิ้งจอกขาวจะเบื่อแย่


จิ้งจอกขาวมีนิสัยเย็นชา มักขดตัวในมุมตามลำพังอยู่เสมอ นอกจากจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงแล้ว นางมิเคยข้องแวะกับผู้อื่น


แต่วาจาของคุณชาย นางยังเชื่อฟังอยู่


สุดท้าย นางก็ลงจากรถลากด้วย



เห็นจิ้งจอกขาวลงจากรถ จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงพลันยินดีปรีดาอย่างมาก นางวิ่งไปอยู่ข้างกายจิ้งจอกขาว ถูไถจิ้งจอกขาวไปมาไม่หยุด


“พวกเจ้าไปเล่นกันเถิด”


หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม มิได้กอดจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงไว้ในอ้อมอก แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะสบายมาก กระนั้นเขาต้องการให้จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงอยู่กับจิ้งจอกขาวมากกว่า


ลั่วสุ่ย หลิงอิน ต่างเห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่าง ตลอดทั้งทาง จิ้งจอกขาวมีท่าทีเย็นชา คุณชายมิได้โกรธแต่อย่างใด ซ้ำยังรักใคร่เอ็นดูจิ้งจอกขาวมากกว่าเดิม คุณชายช่างใจกว้างยิ่งนัก


“พวกเจ้าก็ไปเดินเล่นให้ทั่ว ยืดเส้นยืดสายบ้างเถิด ทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลวจริง ๆ”


หลี่จิ่วเต้าพูดจบ หันมองลั่วสุ่ยพลางกล่าว “เสี่ยวไป๋ นำก้อนหินและเครื่องมือตกปลาไปด้วย พวกเราไปตกปลากันเถิด”


เมื่อครั้งอยู่เมืองชิงซาน เขาตกปลากับเสี่ยวไป๋อยู่บ่อย ๆ ฝีมือตกปลาของเสี่ยวไป๋พัฒนาขึ้นมากเช่นกัน


เขาสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนลงมาถึงว่าที่นี่มีทะเลสาบมโหฬารแห่งหนึ่ง น้ำในนั้นใสกระจ่าง ปลาน้อยใหญ่ว่ายไปมาในนั้นมากมาย เหมาะแก่การตกปลาเป็นอย่างยิ่ง


“เจ้าค่ะคุณชาย!”


ลั่วสุ่ยตอบเสียงหวาน ปีติในใจเป็นที่สุด หลังเตรียมเครื่องมือตกปลาเรียบร้อยแล้ว นางยกก้อนหินลงจากรถลาก


‘อากาศที่นี่สดชื่นจริง ๆ ดีกว่าที่ลำธารของเรามาก! ป่านนี้พี่หลิวคงร่ำไห้อยู่กระมัง! เฮ้อ ร่ำไห้ไปเถิด ช่วยไม่ได้ ผู้ใดใช้ให้คุณชายรักข้ามากกว่าเล่า!’


ก้อนหินคิดในใจ


มันดีใจเป็นอย่างยิ่ง


นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้ออกมาข้างนอก คิดแล้วต้นหลิวคงยังอยู่ที่ริมลำธารกระมัง และกำลังหลั่งน้ำตาแห่งความอิจฉาริษยาอยู่เป็นแน่


‘แหะ ๆ กลับไปคราวนี้คงต้องเปลี่ยนสรรพนามกันหน่อยแล้วกระมัง ข้าติดตามคุณชายออกเดินทางเช่นนี้ หลังกลับไปคงได้แข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่า ต้นหลิวไฉนเลยจะเป็นคู่มือของข้า’


มันคิดอย่างมีความสุข ‘พี่ก้อนหิน น้องต้นหลิว อื้อหือ ช่างคล่องปากเสียจริง! กลับไปแล้วต้องเปลี่ยนทันที! หากน้องต้นหลิวไม่ยินยอม ข้าจะตีมันจนกว่ามันจะยินยอม!’


ต้นหลิวชอบหวดมันอยู่บ่อย ๆ รอจนกลับไปแล้ว มันจะลุกฮือต่อต้าน กำราบต้นหลิว สั่งให้ต้นหลิวเรียกมันว่าพี่ใหญ่!


ทั้งสองมาอยู่ที่ริมทะเลสาบ ลั่วสุ่ยวางก้อนหินลง หลี่จิ่วเต้านั่ง สบายอย่างยิ่งยวด


“ที่นั่งในรถลากยังไม่สบายเท่าได้นั่งบนก้อนหินเลย!”


หลี่จิ่วเต้าลูบก้อนหิน เอ่ยพลางยิ้ม


ก้อนหินนุ่มนวลดั่งหยก สบายเป็นที่สุด เขานั่งก้อนหินจนชิน หากมิได้นั่งตกปลาบนก้อนหิน เขาคงตกปลาต่อมิได้


“เริ่มตกปลากันเถอะ”


หลี่จิ่วเต้าตกปลากับลั่วสุ่ยอยู่ที่นี่ด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม


ลั่วสุ่ยมีเครื่องมือตกปลาเช่นกัน เขาทำมันให้ลั่วสุ่ยด้วยตนเอง นับตั้งแต่ลั่วสุ่ยจำแลงกายเป็นมนุษย์ ศิลปศาสตร์ทั้งสี่แขนง ทั้งฝีมือแกะสลัก ทักษะตกปลา เขาได้สอนสั่งให้ลั่วสุ่ยแล้วทุกอย่าง


“ผู้ใกล้ศาลากลางน้ำย่อมเห็นเงาจันทร์ก่อน ท้ายที่สุดข้าก็แพ้…”


เซี่ยเหยียนมองภาพลั่วสุ่ยร่วมตกปลากับคุณชายและร้องไห้ออกมา


“พอเถิด เจ้ามิได้มีนิสัยเหมาะกับการตกปลา มิฉะนั้น คุณชายต้องสอนเจ้าด้วยแน่”


หลิงอินตบไหล่เซี่ยเหยียนเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม พลางกล่าวต่อ “ไปเดินเล่นรอบ ๆ ด้วยกันเถิด…”


“ก็ได้พี่หญิงหลิงอิน!”


เซี่ยเหยียนเช็ดน้ำตาให้แห้ง ออกเดินเล่นไปยังที่ต่าง ๆ พร้อมกับหลิงอิน


เด็ก ๆ อย่างพวกอ้ายฉานก็วิ่งพล่านด้วยความรื่นรมย์ อย่างไรพวกเขาก็ยังวัยเยาว์ รักสนุก และติดสนุก


“เจ้าหัวล้าน รับหมัดข้าไปซะ!”


อ้ายฉานตบเข้าที่แผ่นหลังต้าเต๋อฉาดใหญ่ จนต้าเต๋อล้มหน้าคะมำ เด็กคนอื่น ๆ พากันหัวเราะยกใหญ่


“ลอบโจมตีนี่ เจ้าไร้จรรยาบรรณ! คอยดูอานุภาพมังกรฟ้าของข้า…!”


ต้าเต๋อโมโหยกใหญ่ เข้าโรมรันกับอ้ายฉานเป็นพัลวัน


“นี่ พวกเจ้าระวังหน่อย ยับยั้งพลังบ้าง อย่าทำลายสิ่งแวดล้อมแถบนี้”


อันหลานเสวี่ยตะโกน เป็นห่วงอย่างยิ่ง นางคอยตามอยู่ด้านหลังเหล่าเด็ก ๆ อย่างพวกอ้ายฉานอยู่ตลอด


ส่วนเสี่ยวหยาเดินอยู่กับพี่ชายของนาง สนทนากันอย่างมีความสุข


พี่ชายของนางก้าวออกจากเงามืดได้นานแล้ว บัดนี้มิได้มีเรื่องคิดไม่ตกแต่อย่างใด ร่าเริงเบิกบานอย่างยิ่งยวด


จิ้งจอกขาวกับจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงเมื่อเทียบกับพวกหลิงอินแล้วเดินห่างไกลออกไปหน่อย ถึงอย่างไร จิ้งจอกขาวก็มิชอบความคึกคักเช่นนั้น


ส่วนจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงพล่ามเสียงเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุด ร่าเริงเหลือแสน จิ้งจอกขาวเอาแต่ส่ายหัวอย่างระอา ความเยียบเย็นในสายตาคลายลงไปบ้าง


โฮ่ง!


ขณะเดียวกัน สุนัขขาวตัวหนึ่งก็กระโดดออกจากห้วงอากาศกะทันหัน มันสบถ “แค่หยิบอาภรณ์ของพวกเจ้าไปนิดหน่อยเท่านั้น จำเป็นต้องไล่ฆ่าข้าอย่างเอาเป็นเอาตายปานนี้เชียวหรือ เวรเอ๊ย ในที่สุดตอนนี้ข้าก็สลัดพวกเจ้าหลุดแล้ว!”


มันคือสุนัขขาวที่ออกมาจากแดนบรรพโกลาหล เป็นผู้ลักขโมยอาภรณ์ชั้นใน และรองเท้าถุงเท้าของผู้ฝึกตนสตรีในแดนบรรพโกลาหล จนถูกไล่ฆ่ามาตลอดทั้งทาง


ทว่าถึงอย่างไรมันก็คลุกคลีในยุทธภพมานาน ด้วยกลยุทธ์และอุบายต่าง ๆ สุดท้ายมันก็สลัดเหล่าผู้ฝึกตนสตรีจากแดนบรรพโกลาหลออกไปได้


“จิ้งจอกสองตัวนี้งดงามยิ่งนัก!”


ตาของมันเป็นประกาย เมื่อเห็นว่าห่างออกไปไม่ไกลมีจิ้งจอกสองตัว ตัวหนึ่งเป็นจิ้งจอกขาว ตัวหนึ่งเป็นจิ้งจอกแดง ทั้งสองตัวล้วนมีรูปลักษณ์งดงาม ขนนุ่มลื่นวาววาม


“ข้าไม่ไหวแล้ว น่ากลัวว่าชื่อเสียงของข้าคงแซ่ซ้องไปทั่วแดนบรรพโกลาหล วันหน้า หากผู้ฝึกตนสตรีในแดนบรรพโกลาหลพบเห็นสุนัขขาว ข้าเห็นว่าคงต้องระแวงกันถ้วนหน้า…”


มันพึมพำกับตัวเองเสียงเบา


เจ้าพวกผู้ฝึกตนสตรีแดนบรรพโกลาหลที่ไล่ฆ่ามันได้เปิดโปงแพร่งพรายวีรกรรมของมันทั้งหมด ภายหน้า ต่อให้มันได้กลับไปที่แดนบรรพโกลาหลก็คงยากจะประกอบอาชีพเดิมได้อีก


“ให้จิ้งจอกสองตัวนี้แทนที่ข้าได้นี่!”


มันเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม


จิ้งจอกสองตัวนี้งามวิไลมากจริง ๆ กระทั่งตัวมันเองยังใจสั่นหวั่นไหว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงบรรดาผู้ฝึกตนสตรี น่ากลัวว่าหลังเหล่าผู้ฝึกตนสตรีได้เห็นจิ้งจอกสองตัวนี้ คงต้องหลงใหลกันถ้วนหน้า!


อาชีพเก่าของมัน แม้จะถูกผู้อื่นรังเกียจดูแคลน ทว่าผลกำไรนั้นสูงลิ่ว!


รองเท้าถุงเท้าหนึ่งคู่ที่ผู้ฝึกตนสตรีเคยใส่แล้วขายราคาสูงได้อย่างง่ายดาย ตาเฒ่ามากมายในแดนบรรพโกลาหลนิยมแนวนี้ และยินดีจ่ายราคาสูงให้


มันหมายตาจิ้งจอกสองตัวนี้


หากมันได้อบรมสั่งสอนจิ้งจอกสองตัวนี้ให้ดี จนสองตัวนี้ยอมฟังคำสั่งจากมัน กำไรของมันในวันหน้าย่อมมีแต่จะสูงกว่านี้!


จิ้งจอกสองตัวนี้อนาคตไกลกว่าตัวมันมากนัก หากบ่มเพาะได้อย่างดีจริง ๆ ภายหน้าอาจได้คลุกคลีกับผู้ฝึกตนสตรีที่มีฐานะสูงส่งกว่านี้


อย่างเช่นธิดาของจ้าวแห่งดินแดนต่าง ๆ ในแดนบรรพโกลาหล!


หากขโมยอาภรณ์ชั้นใน รองเท้าถุงเท้าที่เคยใส่แล้วของธิดาจ้าวแห่งดินแดนต่าง ๆ มาได้ พับผ่าสิ กำไรนั้นสูงเกินกว่าจะจินตนาการออก!


“แหะ ๆ หากโชคดีกว่านี้หน่อย เป็นที่ชื่นชอบของจ้าวแห่งตงชิว จ้าวแห่งฉางเล่อ และจ้าวสตรีสูงส่งตนอื่น กำไรยิ่งสูงขึ้นไปอีก!”


ดวงตาของมันวาวโรจน์ ช่างกล้าคิดยิ่งนัก ถึงกับหมายตาจ้าวสตรีสูงส่งอย่างจ้าวแห่งตงชิวเสียได้


‘แน่นอนว่าตอนนี้ยังไม่ได้ เส้นทางต้องย่างทีละก้าว ข้าวต้องกินทีละคำ สักวันหนึ่งในอนาคต ข้าต้องได้อาภรณ์ชั้นใน และรองเท้าถุงเท้าของจ้าวสตรีในแดนต่าง ๆ มาแน่!’


มันคิดในใจ ตั้งเป้าหมายไว้ยิ่งใหญ่ นี่คือจุดมุ่งหมายที่เขาตั้งใจต่อสู้เพื่อไปให้ถึง!


เทียบกับจ้าวสตรีสูงส่งอย่างจ้าวแห่งตงชิว ตัวมันในตอนนี้ยังห่างชั้นอยู่มาก แต่มันเชื่อว่า ขอเพียงมันดำเนินการค้าของมันต่อไป ย่อมต้องมีวันที่มันสำเร็จ!


กำไรดูดียิ่งนัก มาไวยิ่งกว่าปล้นสะดมเสียอีก เมื่อมีการทุ่มทุนอย่างไม่ยั้ง ความสำเร็จของมันในวันหน้าต้องยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน และเติบโตได้อย่างรวดเร็วด้วย!


“ไปล่ะ กำราบจิ้งจอกสองตัวนี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”


มันวิ่งไปหาจิ้งจอกขาวและจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงอย่างรวดเร็ว


สุนัขขาวเก็บลมหายใจตนเอง ไม่ต้องการทำให้จิ้งจอกทั้งสองตื่นตกใจ วิ่งเหยาะ ๆ ตรงไปทางจิ้งจอกสองตัว


“สวัสดีเหล่าน้องสาวจิ้งจอก!”


สุนัขกล่าวทักทายจิ้งจอกทั้งสองด้วยรอยยิ้มจนตาหยี


จิ้งจอกสีแดงตกใจขึ้นมาเล็กน้อย ย่อศีรษะหลบซ่อนอยู่ด้านหลังจิ้งจอกสีขาว


นางยังเยาว์วัยเป็นอย่างยิ่ง นับตามเผ่าจิ้งจอกสวรรค์แล้ว นางก็มีอายุเพียงไม่กี่ขวบ


จิ้งจอกสีขาวไม่เคลื่อนไหว ดวงตาจ้องมองไปทางสุนัขขาวด้วยความเย็นชา ระแวดระวังเป็นอย่างมาก


หลอกไม่ง่าย!


เมื่อเห็นท่าทางของจิ้งจอกขาวเป็นเช่นนั้น สุนัขขาวก็รู้ทันทีว่าไม่อาจจัดการได้อย่างราบรื่นนัก


ทว่ามันก็ไม่ได้กังวลใจ ขอบเขตของสองจิ้งจอกนั้นต่ำยิ่ง บนร่างของมันมีของดีอยู่จำนวนมาก สุดท้ายจิ้งจอกทั้งสองต้องยอมมาติดเบ็ดของมันเองแน่


มันไม่ต้องการใช้กำลัง


ไม่ใช่เพราะมันมีจิตใจดีจนไม่อาจทนใช้กำลังกับสองจิ้งจอกได้


แต่เป็นเพราะสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลต่างล้วนไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นมันยังต้องการให้จิ้งจอกทั้งสองไปใกล้ชิดกับผู้ฝึกตนหญิงชั้นยอด ด้วยเหตุนี้ มันจึงยังไม่อาจใช้กำลังได้


การใช้กำลังจะทำให้จิ้งจอกทั้งสองเกิดความขุ่นเคือง ผู้ฝึกตนหญิงชั้นยอดเหล่านั้นสามารถรู้ถึงความขุ่นเคืองได้อย่างง่ายดาย จึงเป็นไปได้ที่จะซ่อนมัน


เมื่อถึงยามนั้นผู้ฝึกตนหญิงชั้นยอดจะเกิดความสงสัยขึ้นมา อาจทำให้เรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมาทันที


สำหรับการใช้พลังวิญญาณเพื่อควบคุมจิ้งจอกนั้นไม่อาจทำได้ ความเป็นไปได้ที่จะถูกเปิดโปงมากเสียยิ่งกว่าเดิม


ดังนั้นมันจึงไม่ต้องการใช้กำลัง อยากให้จิ้งจอกทั้งสองทำเรื่องเหล่านี้แทนมันด้วยความเต็มใจ วิธีนี้เท่านั้นจึงจะปลอดภัย ทำงานได้สำเร็จโดยไม่โดนเปิดเผยอย่างง่ายดาย


“น้องสาวจิ้งจอกอย่าได้กลัวไปเลย ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด”


สุนัขขาวนำผลไม้ออกมาสองผล จากนั้นก็ยื่นให้พร้อมเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “กล่าวตามตรงอย่างไม่ปิดบัง ข้ามาจากแดนบรรพโกลาหล ผลไม้นี้ก็เป็นผลไม้โกลาหล น้องสาวจิ้งจอกทั้งสองน่าจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังโกลาหลที่อยู่ภายในใช่หรือไม่? เมื่อข้าได้เห็นน้องสาวจิ้งจอกทั้งสองก็รู้สึกได้เลยว่า พวกเราจะต้องถูกคอกันเป็นอย่างมาก จึงคิดอยากเป็นสหายกับน้องสาวทั้งสอง”


ผลไม้ทั้งสองมีลมหายใจโกลาหลลอยอวล สุนัขขาวไม่ได้หลอกจิ้งจอกทั้งสอง พวกมันเป็นผลโกลาหลของจริง ด้านในบรรจุด้วยพลังโกลาหลอันน่าตื่นตะลึง


นี่ยังไม่ติดเบ็ดอีกหรือ?


สุนัขขาวกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ


ขอบเขตของจิ้งจอกทั้งสองต่ำเกินไป เกรงว่ากระทั่งผลไม้เซียนก็ยังไม่เคยเห็น นับประสาอะไรกับผลไม้โกลาหลเช่นนี้!


ยิ่งไปกว่านั้น ผลไม้โกลาหลทั้งสองลูกนี้ไม่ใช่ผลไม้โกลาหลธรรมดา นี่เป็นผลไม้โกลาหลชั้นยอดสองผล มูลค่าในแดนบรรพโกลาหลนับว่าสูงเป็นอย่างยิ่ง


กระทั่งสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหล เมื่อได้เห็นผลไม้โกลาหลนี้ยังต้องรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง


แม้ว่าขอบเขตของจิ้งจอกจะต่ำ แต่พวกมันจะต้องรับรู้ได้ถึงพลังโกลาหลอันแข็งแกร่งและน่าตื่นตะลึงในผลไม้สองลูกนี้แน่นอน


นี่เป็นผลไม้ที่ยอดเยี่ยมและเหนือชั้นยิ่งกว่าผลไม้เซียน!


มันไม่เชื่อว่าจิ้งจอกทั้งสองจะไม่ตื่นเต้น!


มันคิดว่า จิ้งจอกทั้งสองจะต้องเริงร่าตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว!


อย่างไรก็ตามสำหรับจิ้งจอกทั้งสองแล้ว นี่คือโชควาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างถึงที่สุด!


กรรซ์!


ทว่ามันไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย สุนับจิ้งจอกขาวถึงกับอ้าปากกัดลงบนร่างของมัน!


“เจ้า...ตื่นเต้นเกินไปหรือไม่?”


สุนัขขาวเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้


นี่มันอันใดกัน จิ้งจอกขาวไม่กินผลไม้ แล้วกัดมันด้วยเหตุใด?


ต้องเป็นเพราะตื่นเต้นเกินไปอย่างแน่นอน แต่เพียงกัดผิดไม่โดนผลไม้ แต่มาโดนมันแทน


มันไม่เป็นอันใดแม้แต่น้อย กระทั่งขนสักเส้นยังไม่ร่วงหล่น แข็งแกร่งกว่าจิ้งจอกขาวมากเกินไป จิ้งจอกขาวกัดมันไม่เพียงแต่ไม่อาจทำร้ายมันได้ กลับทำให้ฟันในปากจิ้งจอกทั้งหมดแทบจะหักลงเสียด้วยซ้ำ


“เข้าใจแล้ว อย่างไรเสียสำหรับพวกเจ้าแล้ว ผลไม้โกลาหลนี่ก็อยู่เหนือชั้นเกินไป พวกเจ้าย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดา”


สุนัขขาวเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มไม่โกรธเคือง


หากลองคิดกลับกัน ให้ตัวมันเป็นจิ้งจอกขาว เกรงว่ามันเองก็คงจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก


ขอบเขตของจิ้งจอกทั้งสองต่ำถึงเพียงนี้ กระทั่งผลเซียนนั้นสำหรับพวกนางแล้วก็เป็นได้เพียงเรื่องจินตานาการเพ้อฝัน ไม่ต้องกล่าวถึงผลโกลาหลที่เหนือยิ่งกว่าผลเซียนเลย!


ทว่าเหตุการณ์ที่มันไม่คาดคิดยิ่งกว่าเดิมก็เกิดขึ้น จิ้งจอกขาวไม่แม้แต่จะชายตามองผลโกลาหลทั้งสองลูก ทำเพียงแค่คาบจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงวิ่งหนีไป!


นี่มันอันใดกัน?!


ผลโกลาหลสองลูกไม่สามารถดึงดูดจิ้งจอกขาวได้อย่างนั้นหรือ?


“ช้าก่อน ข้าไม่มีเจตนาร้ายจริง ๆ”


สุนัขขาวตะโกนออกมา ก่อนจะแผ่พลังที่มองไม่เห็นออกมาปิดกั้นบริเวณโดยรอบทันที หยุดจิ้งจอกสีขาวและจิ้งจอกสีแดงเพลิงตัวน้อยเอาไว้


“ข้าไม่มีเจตนาร้ายจริง ๆ พวกเจ้าดูสิ ข้ามีพลังมากพอจะบดขยี้พวกเจ้าอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่เคยใช้กำลังกับพวกเจ้า ข้าอยากเป็นสหายกับพวกเจ้าด้วยใจจริง”


สุนัขจิ้งจอกเดินเข้ามา ก่อนจะพูดแสดงความจริงใจ


“นี่เป็นผลโกลาหลของจริง ทั้งยังเป็นผลโกลาหลชั้นยอด ข้าไม่ได้โกหกพวกเจ้า ข้าให้ พวกเจ้าสามารถกินมันได้”


มันส่งผลโกลาหลสองลูกไปด้านหน้าจิ้งจอกขาวและจิ้งจอกตัวน้อยสีแดงเพลิง


ปั่ก!


ไม่คาดคิดเลยว่า จิ้งจอกสีขาวจะไม่แม้กระทั่งชายตามองผลโกลาหล ปัดผลโกลาหลที่อยู่ด้านหน้าลงไปบนพื้น


นางยังกระทืบมันอย่างแรง บดขยี้มันจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย น้ำผลไม้แตกกระจาย


เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการหลอกล่อ นางจ้องมองสุนัขขาวด้วยสายตาเย็นชา บนร่างเกิดจิตสังหารขึ้นมา เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ของนางมักถูกใช้กลอุบายเช่นนี้ใส่ นางรังเกียจท่าทีเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง


“เจ้า เจ้า เจ้า!”


เมื่อสุนัขขาวเห็นฉากนี้ เขาก็โกรธจนแทบบ้า ทวารทั้งห้าราวกับมีลมร้อนพ่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง


นี่คือผลโกลาหลชั้นยอด มูลค่าของมันสูงเป็นอย่างมาก ทว่ากลับถูกจิ้งจอกขาวบดขยี้จนกลายเป็นชิ้น ภายในใจของมันเจ็บปวดเกินกว่าจะบรรยายได้!


ขโมยไก่ไม่สำเร็จ ยังต้องเสียข้าวสารไปอีก*[1] เสียฮูหยินไปยังต้องเสียรี้พลอีก*[2] นี่คือสิ่งที่อธิบายสถานการณ์ของมันในตอนนี้ใช่หรือไม่?!


“พวกข้าไม่กิน เจ้าเก็บกลับไปเสีย จากนั้นก็ปล่อยพวกข้า”


จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงมองไปทางสุนัขขาวแล้วเอ่ยเน้นย้ำออกมา นางเองก็ไม่รู้สึกหวั่นไหวกับผลโกลาหลที่อยู่เบื้องหน้า


“ผลโกลาหล ทั้งยังเป็นผลโกลาหลชั้นยอด! พวกเจ้าสัมผัสถึงพลังโกลาหลที่อยู่ภายในไม่ได้หรืออย่างไร? โกลาหลวิวัฒน์สรรพสิ่ง แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าพลังเซียน! หลังจากกินและฝึกฝนแล้ว พวกเจ้าก็จะได้รับประโยชน์มหาศาล การกลายเป็นเซียนอยู่เพียงแค่เอื้อม ง่ายดายอย่างถึงที่สุด!”


สุนัขขาวตะโกนออกมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง


สวรรค์! ตอนนี้มันเกิดความสงสัยในชีวิตตนเองจริง ๆ


เมื่อได้เห็นผลโกลาหลชั้นยอดแล้ว จิ้งจอกทั้งสองก็ยังไม่แยแส นอกจากจะไม่สนใจแล้วยังบดขยี้มันจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...


สองตนนี้เป็นจิ้งจอกอันใดกัน


เกรงว่ากระทั่งจักรพรรดิเซียนเมื่อได้เห็นผลโกลาหลชั้นยอดเช่นนี้ ก็ยังไม่อาจสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ ไม่มีทางแสดงท่าทีไม่แยแสเช่นนี้!


“พวกข้าไม่อยากกินจริง ๆ ท่านก็ช่วยเข้าใจแล้วปล่อยเราไปเถิด!”


จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงเอ่ยขอร้องออกมาอีกครั้ง


นางไม่อยากกินมันจริง ๆ ผลโกลาหลอันใดกัน ทรงพลังมากหรือ? นางรู้สึกว่ากระทั่งน้ำที่คุณชายเทให้นางอย่างลวก ๆ ยังเหนือกว่าจนไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้


“ปล่อยพวกเจ้าไป? จะทำอย่างนั้นได้เช่นไร! ผลโกลาหลชั้นยอดหนึ่งผลถึงกับถูกพวกเจ้าทำลายทิ้ง!”


สุนัขขาวเอ่ยออกมาด้วยโทสะ ตอนนี้ทั้งหัวใจของมันยังคงเจ็บปวดอยู่


มันรีบเก็บผลโกลาหลอีกผลหนึ่ง เนื่องจากเกิดความกลัวว่าจะถูกทำลายเช่นเดิม


“พวกข้าชดเชยให้ท่านดีหรือไม่?”


จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงพูดออกมา


“ชดเชย? พวกเจ้าจะชดเชยอันใดได้!”


สุนัขขาวเอ่ยออกมาด้วยความชิงชัง “ถ้าจะจ่ายชดเชย พวกเจ้าทั้งสองก็ต้องตามข้าไป!”


ภายในใจของมันโกรธจริง ๆ ตัดสินใจที่จะนำจิ้งจอกทั้งสองตนไปด้วยก่อน จากนั้นค่อย ๆ สั่งสอนและฝึกฝนพวกนาง




[1] ขโมยไก่ไม่สำเร็จ ยังต้องเสียข้าวสารไปอีก (偷鸡不成蚀把米) หมายถึง ฉวยโอกาสไม่สำเร็จ ทั้งยังขาดทุน

[2] เสียฮูหยินไปยังต้องเสียรี้พลอีก (赔了夫人又折兵) สำนวนจากสามก๊ก หมายถึง สูญเสียสองอย่างภายในครั้งเดียว



สุนัขขาวแยกเขี้ยวด้วยความโกรธ คิดว่าจะจัดการกับจิ้งจอกทั้งสองอย่างไรดี?


ผลโกลาหลชั้นยอดนำออกมาก็ไม่ได้ผล เป็นจิ้งจอกทั้งสองที่โง่งม หรือสมองมีปัญหากันแน่?


มันไม่ได้พูดอันใดอีก ต้องการจะนำตัวไปค่อย ๆ ฝึกฝน มันเชื่อว่าด้วยวิธีการของตนเองแล้ว กระทั่งจิ้งจอกโง่งมสองตัวนี้ก็สามารถฝึกฝนได้!


ปัง!


ขณะเดียวกัน ภายนอกก็เกิดเสียงดังสนั่น ราวกับมีบางสิ่งกระแทกเข้ามา


สุนัขขาวใช้พลังปิดผนึกพื้นที่บริเวณนี้เอาไว้ มองจากภายนอกไม่อาจเห็นด้านในได้ เนื่องจากถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยพลังที่มองไม่เห็น


“โอ๊ย ภิกษุน้อยผู้นี้เจ็บแทบตาย นี่มันอันใดกัน!”


ด้านนอกมีเสียงสบถด่าดังขึ้น ต้าเต๋อแยกเขี้ยวด้วยความโกรธ ด้านบนหัวปูดออกมาเป็นก้อนใหญ่


เขาโกรธ แต่รู้สึกไม่อยากจะเชื่อยิ่งกว่า ตอนนี้กายาของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเทียนตี้ จะได้รับบาดเจ็บอย่างง่ายดายได้เช่นไร? หัวของเขาแทบแตก ดวงตาคล้ายจะเห็นหมู่ดาวลอยอยู่เบื้องหน้า


“จะหนีไปไหน!”


เสียงของอ้ายฉานดังมาจากด้านหลัง นางกับต้าเต๋อต่อสู้กันมาตลอดทางจนถึงที่นี่


“ชู่ว! มีบางอย่างอยู่!”


ต้าเต๋อรีบบอกให้อ้ายฉานหยุดด้วยสีหน้าจริงจัง มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่จริง ๆ!


สามารถทำให้กายาเทียนตี้ของเขาบาดเจ็บอย่างง่ายดาย พลังนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อยู่เหนือระดับเซียนขึ้นไป ทำให้เขาพลันนึกถึงเฟ่ยชงที่ปรากฏตัวออกมาก่อนหน้านี้ทันที!


ครั้งนั้นคุณชายเป็นคนลงมือสังหารเฟ่ยชงด้วยตนเอง!


พลังของเฟ่ยชงอยู่ในขอบเขตที่อยู่เหนือเซียนขึ้นไป!


ยามนั้น พวกเขาต่างก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก โทษตนเองที่ไม่สามารถหาตัวเฟ่ยชงได้ตั้งแต่แรก ปล่อยให้เฟ่ยชงลงมือกับคุณชายได้!


มาตอนนี้ก็มีพลังที่อยู่เหนือเซียนปรากฏขึ้นมาอีกแล้ว ซ้ำยังแนบเนียนเป็นอย่างมาก หากเขาไม่บังเอิญไปชน คงไม่อาจตรวจพบพลังนี้ได้!


ภายในใจของเขาระแวดระวังขึ้นมาทันที นี่มีโอกาสอย่างมากที่จะเป็นพวกเดียวกันกับเฟ่ยชง!


“อย่ามาโกหก! ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก!”


อ้ายฉานตะโกนลั่น นางไม่เชื่อในสิ่งที่ต้าเต๋อเอ่ยแม้แต่น้อย ช่วยไม่ได้ ผู้ใดใช้ให้ต้าเต๋อขุดหลุมพรางมากเกินไปกันเล่า สิ่งที่ออกจากปากนั้นเป็นคำโกหกมากกว่าความจริงเสียอีก


“รอก่อน!”


อันหลานเสวี่ยเข้ามาคว้าตัวหยุดอ้ายฉานเอาไว้ สีหน้าของนางจริงจัง รู้ว่าต้าเต๋อไม่ได้โกหก


หญิงสาวตามพวกเขามา ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ต้าเต๋อชนเข้ากับอะไรบางแล้วร่วงลงมาจริง ๆ หัวของเขายังปูดนูนเป็นลูกใหญ่อยู่เลย


“พลังอันใดกัน?! เห็นได้ชัดว่าอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่น้อย!”


นางทอดถอนใจออกมา รีบติดต่อหลิงอินกับเซี่ยเหยียน พลังนี่จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน นางกลัวว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น!


“น่ารำคาญ!”


ภายในนั้นสุนัขขาวส่งเสียงออกมาอย่างหงุดหงิดใจ


ตอนนี้มันกำลังหัวเสีย แต่กลับมี ‘แมลงวัน‘ หลายตัวบินอยู่ด้านนอก


เดิมทีมันต้องการจะพาจิ้งจอกทั้งสองออกไปทันที ไม่คิดจะให้ความสนใจกับ ‘แมลงวัน’ ภายนอก


ทว่ามันก็พลันเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา


มันไม่ต้องการใช้กำลังกับจิ้งจอกทั้งสอง แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้จิ้งจอกทั้งสองดื้อรั้นไม่ฟังคำของมัน!


ซ้ำยังต้องการให้จิ้งจอกทั้งสองเข้าใจว่าตัวมันนั้นไม่ควรยั่วยุ หากติดตามมันย่อมประสบผล แต่หากต่อต้านย่อมต้องตาย!


เพียงแค่เชื่อฟังและให้ความร่วมมือกับมัน อนาคตข้างหน้าก็จะสดใส ได้รับผลประโยชน์มหาศาล มิเช่นนั้นจะมีเพียงหนทางตาย!


พลังที่ปิดผนึกรอบบริเวณขยายออกปกคลุมร่างพวกต้าเต๋อในทันที มันไม่กล้าเคลื่อนไหวอันใดใหญ่โต เนื่องจากกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจจากผู้ฝึกตนหญิงของแดนบรรพโกลาหลเหล่านั้นมาตามสังหารมัน


มันดึงพวกต้าเต๋อเข้ามาด้านใน ก็เพื่อใช้พวกต้าเต๋อมาสยบขวัญ ให้จิ้งจอกทั้งสองได้เห็นฉากนองเลือด!


หากไม่เห็นเลือด จิ้งจอกทั้งสองคงไม่รู้จักหวาดกลัว!


ใบหน้าของพวกต้าเต๋อพลันแปรเปลี่ยนในฉับพลัน พลังนี้น่ากลัวจริง ๆ พวกเขาถูกปกคลุมเข้าไปโดยไม่ทันได้ตอบสนอง!


อีกทั้งพวกเขาเองก็เห็นจิ้งจอกทั้งสองตัวด้วย นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?!


“ข้าจะบอกพวกเจ้า หากเชื่อฟังข้า พวกเจ้าก็จะมีผลโกลาหลให้กินทุกวัน แต่หากไม่เชื่อฟัง เหอะ พวกเจ้าก็จะต้องลงเอยเช่นนี้!”


สุนัขขาวมองไปที่จิ้งจอกทั้งสองแล้วเอ่ยออกมา จากนั้นก็หันไปทางพวกต้าเต๋อ “เด็กแล้วอย่างไร? ข้าสามารถสังหารได้อย่างง่ายดาย!”


กล่าวจบ มันก็ลงมือใช้อุ้งเท้าหนึ่งตบไปทางพวกต้าเต๋อ!


“เจ้าหมาโง่ รนหาที่ตายโดยแท้!”


ต้าเต๋อตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เพียงแค่ได้ยินก็เข้าใจแล้ว สุนัขขาวตัวนี้กำลังหลอกล่อจิ้งจอกทั้งสองอยู่!


ช่างรนหาที่ตายโดยแท้ คุณชายอยู่ห่างจากนี้ไปไม่ไกลเสียด้วยซ้ำ!


อุ้งเท้าสุนัขฟาดลงมา น่ากลัวอย่างถึงที่สุด สุนัขขาวต้องการข่มขวัญสำแดงฤทธิ์เดช พลังที่ใช้ออกมาจึงรุนแรงเป็นอย่างมาก!


พรึ่บ!


แสงพุทธสว่างไสวอย่างถึงที่สุดเจิดจ้า ต้าเต๋อลงมือใช้งานลูกประคำในทันที


พลังนี้ห่างชั้นเกินกว่าที่เขาจะต่อกรได้ หากอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเขาเพียงผู้เดียว เขาจะต้องถูกสังหารตายในพริบตาทันที!


ลูกประคำทั้งหนึ่งร้อยเม็ดเปล่งแสงสว่าง ราวดวงดาราที่สว่างพร่างพราว ไหลเวียนด้วยจังหวะพุทธะสูงล้ำ สั่นสะเทือนเลือนลั่น แต่ละลูกประคำปรากฏกลายเป็นพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่!


“ต้าเต๋อฝอผู้ไร้เทียมทาน!”


หนึ่งร้อยพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ ต่างล้วนเป็นร่างของต้าเต๋อฝอ นามต้าเต๋อฝอที่สวดออกมายิ่งใหญ่ชวนสั่นสะท้าน!


พลังพุทธะอันไร้ขอบเขตแผ่กระเพื่อม พระพุทธรูปขนาดใหญ่ลงมือพร้อมกันเพื่อสกัดกั้นอุ้งเท้าของสุนัขขาว


“เอ๋ ยังมีเรื่องของขวัญนอกเหนือความคาดหมาย!”


สุนัขขาวยิ้มออกมา ภายในใจเบิกบานเกินพรรณา


เห็นได้ชัดว่า ประคำเส้นนั้นเป็นสมบัติที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าสมบัติบรรพโกลาหล!


มันไม่รู้สึกแปลกใจ


แดนบรรพโกลาหลอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้มาโดยตลอด ครั้งอดีตเมื่อนานมาแล้ว เคยมีสมบัติจำนวนไม่น้อยหลั่งไหลออกมาจากแดนบรรพโกลาหล


มันคิดว่าต้าเต๋อมีวาสนาเป็นอย่างยิ่ง จึงได้พบเข้ากับสมบัติโบราณ


นอกจากนั้น ภายในใจของสุนัขขาวยังรู้สึกโชคดีเป็นอย่างยิ่ง ดีที่มันไม่เลือกพาตัวจิ้งจอกทั้งสองออกไปทันที


หากไปทั้งเช่นนั้น เขาคงพลาดสมบัติโบราณชิ้นนี้ไปแล้ว


“ของขวัญนอกเหนือความคาดหมาย? ได้ ข้าจะเพิ่มของขวัญให้กับเจ้า!”


อ้ายฉานยิ้มออกมา เผยให้เห็นฟันสีขาววับ


นางเรียกตุ๊กตาที่คุณชายทำให้นางออกมา เพียงแค่พริบตาเดียวเต๋านับไม่ถ้วนก็หลั่งไหล่ออกมาสะท้านฟ้าดิน มีร่างวานรสีทองปรากฏขึ้นออกมาจากตุ๊กตา!


นี่คือหงอคงที่ออกมาพร้อมพลังกดดันมหาศาล กระบองทองสารพัดนึกฟาดลงมา ประหนึ่งสามารถผ่าแยกฟ้าดินได้ น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!


สุนัขขาวขยายร่าง ขนปลิวว่อนกระจาย อุ้งเท้าข้างหนึ่งตบออกไปหยุดยั้งตะบองเอาไว้


มันแข็งแกร่งมากจริง ๆ สมกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากด้านในแดนบรรพโกลาหล กระทั่งการโจมตีที่แม้แต่จักรพรรดิเซียนยังไม่อาจต้านทานได้ มันยังสามารถหยุดยั้งเอาไว้ได้!


“ไม่เลว ไม่เลว! ข้าชอบของขวัญชิ้นนี้เป็นอย่างมาก!”


มันอดหัวเราะออกมายกใหญ่ไม่ได้ ปากของมันอ้ากว้างจนแทบไปถึงหู นี่ก็เป็นสมบัติโบราณอีกชิ้น!


“ชอบขนาดนั้นเชียว? เช่นนั้นข้าเองก็มีของขวัญให้!”


อันหลานเสวี่ยเรียกภาพวาดหิมะออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา


นี่เป็นภาพวาดที่คุณชายเคยมอบให้นาง เมื่อกางออกมาแล้ว ทั่วทั้งบริเวณก็เย็นยะเยือกลงภายในพริบตา พื้นดินกลายเป็นน้ำแข็ง หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างหนัก ในไม่ช้าทั่วพื้นที่ก็ถูกย้อมกลายเป็นสีขาวโพลน หิมะและน้ำแข็งปกคลุมไปทั่ว!


สุนัขขาวถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก ทุกสิ่งล้วนถูกแช่แข็ง แต่ไม่ใช่กับมัน เพียงแค่มันสะบัดร่าง หิมะบนตัวก็ส่งเสียงแตกร้าวพร้อมร่วงหล่น


“ของขวัญถึงสามชิ้น ข้านับว่าโชคดีเป็นอย่างมากจริง ๆ!”


มันยิ่งหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ไร้ความกังวลใด ๆ มันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง การปราบปรามสมบัติทั้งสามชิ้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด!


“ต้าเต๋อ อ้ายฉาน พวกเจ้าอยู่ที่ไหน?!”


“พี่หลานเสวี่ย!”


ตอนนั้นเอง ด้านนอกพลันมีเสียงของพวกจู้จื่อดังขึ้น ใบหน้าของพวกเขาตึงเครียด ทันใดนั้นก็พลันมองเห็นอ้ายฉาน ต้าเต๋อและอันหลานเสวี่ยในฉากที่ชวนให้ตื่นตระหนก!


พวกเขาต่างเรียกสมบัติที่คุณชายมอบให้มาไว้ในมือด้วยความระวังอย่างถึงที่สุด กังวลว่าจะเกิดอันใดขึ้น!


“แห่มามอบสมบัติให้ถึงที่? ข้าชอบนัก!”


สุนัขขาวหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ขยายพื้นที่ที่ปิดผนึกเอาไว้ทันที ห่อหุ้มร่างของเด็กคนอื่น ๆ เอาไว้!


ฟิ้ว!


ในตอนนั้นเอง เสี่ยวหยาและพี่ชายของนางก็มาพอดี พวกเขาเองก็ได้รับข้อความจากอันหลานเสวี่ยจึงรีบตรงมาทันที ทั้งยังถือสมบัติที่คุณชายมอบให้เอาไว้ในมือ ท่าทางระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง!


“เก็บอีก เก็บอีก!”


ดวงตาของสุนัขขาวเปล่งประกาย ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มีสมบัติอีกสองชิ้นส่งมาเพิ่ม!


“คนเล่า!?”


หลิงอินและเซี่ยเหยียนที่มาถึงล้วนถือคันศรขนาดใหญ่เอาไว้ ท่าทางห้าวหาญราวกับเทพีแห่งสงครามสององค์ ให้ความรู้สึกครั่นคร้ามกับผู้คน


“ยังมีอีก? ฮ่าฮ่า ข้าจะเก็บเพิ่ม!”


สุนัขขาวเห็นคันศรในมือของหลิงอินและเซี่ยเหยียน ดวงตาก็พลันยิ่งลุกวาว พลังที่ผนึกพื้นที่เอาไว้ขยายออกอีกครั้ง ห่อหุ้มร่างของหลิงอินกับเซี่ยเหยียนเข้ามาด้วย


“หมาโง่ เอาแต่ตะโกนว่าเก็บเก็บ ไม่กลัวจะทนสู้ไม่ไหวหรือ!”


ต้าเต๋อหัวเราะออกมา


สุนัขขาวตัวนี้บ้าเสียจริง ไม่ว่าจะมาเท่าไหร่ ก็ดึงทุกคนเข้ามา


สุนัขขาวตนนี้คิดว่าตนเองจะรับมือไหวงั้นหรือ?


“บัดซบ!”


ใบหน้าของสุนัขขาวแปรเปลี่ยน ดูแล้วน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง


ดูเหมือนมันจะ...เก็บมามากไปหน่อยกระมัง?




เมื่อมองเหล่าคนที่ถูกพาเข้ามา ใบหน้าของมันก็ยับย่นลงราวกับสามารถบิดน้ำออกมาได้


ตอนได้เห็นสมบัติเหล่านั้นมันก็ตื่นเต้นจนเผลอเก็บเข้ามาทั้งหมด ทว่าตอนนี้มันรู้ตัวขึ้นมาแล้ว เมื่อมองสมบัติเหล่านั้นอีกครั้ง ภายในของมันก็รู้สึก...ว่างเปล่าเล็กน้อย!


นี่มันมากเกินไปแล้ว มันจะสามารถรับมือกับสมบัติเหล่านี้ไหวหรือไม่?


ในมือแต่ละคนล้วนมีสมบัติอยู่!


ลองคิดดูแล้ว กระทั่งในแดนบรรพโกลาหลเองก็ไม่อาจกล่าวได้ว่า มีสมบัติมากมายถึงเพียงนี้ถูกรวมเข้าไว้ด้วยกัน!


‘ไม่เป็นไร อาณาจักรของพวกเขาต่ำเกินไป กระทั่งขอบเขตเซียนก็ยังไม่มีสักคน พวกเขาอาจไม่สามารถใช้งานสมบัติได้ทุกคน!’


มันเอ่ยปลอบตัวเองในใจ จากนั้นก็คิดว่ามันเป็นถึงจักรพรรดิเซียน ขอบเขตสูงกว่าเหล่าคนที่อยู่เบื้องหน้าเป็นอย่างมาก ภายในใจของมันเริ่มค่อย ๆ สงบลง


‘เกรงกลัวอันใดอยู่กัน ถึงแม้พวกเขาจะใช้งานสมบัติทั้งหมดได้ แต่แล้วอย่างไร? พวกเขาไม่มีทางสยบจักรพรรดิเซียนอย่างข้าได้หรอกกระมัง?!’


มันไม่รู้สึกแย่อีกต่อไป เรียกความมั่นใจของตนเองคืนมาได้ ตัวมันเป็นถึงจักรพรรดิเซียน ย่อมไม่มีทางถูกสยบได้ง่ายดายปานนั้น


นี่คือความน่ากลัวของแดนบรรพโกลาหล ตัวมันในแดนบรรพโกลาหลไม่อาจนับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งแต่อย่างใด ทว่ามันก็ยังมีพลังถึงขั้นจักรพรรดิเซียน


โกลาหลวิวัฒน์สรรพสิ่ง ด้วยแกนกลางโกลาหล ทุกสิ่งภายในนั้นล้วนอยู่เหนือเกินกว่าจะคิดได้!


โฮ่ง!


มันแผดเสียงร้องออกมาดังลั่น ปลดปล่อยลมหายใจทั้งหมดออกมา แรงกดดันของจักรพรรดิเซียนแผ่ออกไป สุนัขขาวเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่เต็มที่


สมบัติเหล่านี้ล้วนเหนือชั้นไม่ธรรมดา เช่นนั้นมันจะปล่อยไปได้อย่างไร?


ไม่มีทาง!


มันเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการช่วงชิง ขนาดชั้นในและถุงเท้าของผู้ฝึกตนหญิงในแดนบรรพโกลาหลยังกล้าขโมยไปขาย ไม่มีทางพลาดสมบัติเหล่านี้ที่ปรากฏขึ้นต่อหน้ามันอย่างแน่นอน!


“เกิดอันใดขึ้นที่นี่?”


หลิงอินสงบนิ่งเป็นอย่างมาก คันศรขนาดใหญ่ในมือของนางเปล่งแสง สกัดกั้นแรงสะกดข่มขั้นจักรพรรดิเซียนของสุนัขขาว จากนั้นนางก็เอ่ยถามขึ้นด้วยต้องการทราบเรื่องราว


“สุนัขตัวนี้ต้องการจะพาพวกเราไป!”


จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงเอ่ย “มันเอาผลไม้แย่ ๆ สองลูกออกมาหลอกล่อพวกเรา หากเราไม่ไปกับมัน มันก็จะใช้กำลังบังคับพวกเรา!”


สุนัขขาวระเบิดโทสะออกมาทันที แก้คำพูดของจิ้กจอกน้อยสีแดงเพลิงด้วยเสียงตะโกนดังลั่น “อันใดคือผลไม้แย่ ๆ นั่นเป็นถึงผลโกลาหลชั้นยอด!”


มันอยากจะบ้าตายจริง ๆ กระทั่งในแดนบรรพโกลาหลก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าพูดว่าผลโกลาหลชั้นยอดเป็นผลไม้แย่ ๆ!


จิ้งจอกน้อยกลับเอ่ยว่านั่นเป็นผลไม้แย่ ๆ มันไม่อาจทนได้จริง ๆ!


“ก็เป็นแค่ผลไม้แย่ ๆ จริง ๆ นี่ กลิ่นหอมสักนิดก็ไม่มี ทั้งยังดูไม่ดี ผู้ใดกันจะกินผลไม้เหล่านั้นกัน!”


จิ้งจอกน้อยว่าแล้วก็หยิบองุ่นพวงหนึ่งออกมา จากนั้นอ้าปากกินลูกหนึ่งเข้าไปพร้อมกล่าวระหว่างกินว่า “นี่ต่างหากที่เป็นผลชั้นดี เจ้าดูสิ ทั้งหอมทั้งหวาน อีกทั้งยังน่ากินมากด้วย”


ใช่แล้ว


องุ่นพวงนี้ดูดีกว่าผลไม้โกลาหลชั้นยอดที่สุนัขขาวนำออกมามาก แต่ละเม็ดล้วนอิ่มเอิบเปล่งประกายราวกับพลอยสีแดง เพียงแค่เพิ่งหยิบออกมาก็มีกลิ่นหอมองุ่นลอยอบอวล ไม่ต้องกล่าวเลยว่ามันสามารถดึงดูดผู้คนได้มากเพียงใด


อึก!


สุนัขขาวมองพวงองุ่นในมือของจิ้งจอกน้อย มันอดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้


สุนัขขาวรู้สึกบื้อใบ้ นี่มันองุ่นอันใดกันแน่?


กลิ่นหอมขององุ่นที่ลอยอบอวลเปี่ยมไปด้วยพลังที่ไม่อาจจินตนาการถึงได้ เพียงแค่สูดเข้าไป มันก็รู้สึกได้ว่าพลังภายในร่างราวกับจะยกระดับขึ้น หากสามารถกินองุ่นนี้ได้เพียงสักลูก มันเองก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะได้รับผลประโยชน์มากมายเพียงใด!


มันไม่รู้ว่าองุ่นพวงนี้อยู่ในระดับใด แต่ก็มั่นใจได้ว่าต้องสูงกว่าผลโกลาหลชั้นยอดที่มันนำออกมาอย่างแน่นอน ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า!


ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะกล่าวว่า ผลโกลาหลชั้นยอดของมันไม่อาจเทียบองุ่นพวงนี้ได้ ความต่างชั้นมีมากเกินไป ไม่อาจเปรียบเทียบได้อย่างสิ้นเชิง


ในตอนนั้นเอง มันก็เข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าเหตุใดจึงประสบความล้มเหลวในการใช้ผลโกลาหลชั้นยอดเพื่อหลอกล่อจิ้งจอกทั้งสอง


จะสำเร็จได้อย่างไรกัน!


เมื่อเปรียบเทียบกับองุ่นพวงนี้แล้ว ผลโกลาหลชั้นยอดที่มันนำออกมานั้นนับได้ว่า เป็นผลไม้ที่แย่จริง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่จิ้งจอกทั้งสองจะไม่ชายตามอง!


ใช่แล้ว


องุ่นพวงนี้มาจากเถาองุ่นที่ปลูกในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า


เถาองุ่นแต่เดิมนั้นไม่ได้มีระดับสูงอย่างใด ไม่อยู่กระทั่งขั้นเซียน ทว่าภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของหลี่จิ่วเต้า ระดับของเถาองุ่นก็ทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้มาถึงในระดับที่ล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึง กระทั่งผลโกลาหลใด ๆ ก็ไม่อาจเทียบได้


“สิ่งนี้มาจากที่ใดกัน!”


สีหน้าของมันแปลกประหลาด ภายในใจเกิดอารมณ์ซับซ้อน เหตุใดมันจึงรู้สึกว่าแดนบรรพโกลาหลเป็นเพียงแดนเล็ก ๆ ส่วนอาณาจักรแห่งนี้ต่างหากที่เป็นแดนสูงสุดไร้ที่เปรียบ?!


เด็กไม่กี่ขวบปีก็ล้วนมีสมบัติอยู่ในมือ องุ่นพวงที่จิ้งจอกน้อยหยิบออกมาอย่างไม่ใส่ใจมากนักก็เหนือชั้นไม่ธรรมดา สวรรค์! ฉากแบบนี้กระทั่งในแดนบรรพโกลาหลก็อยากจะพบเห็นได้เป็นอย่างยิ่ง


ทว่ามันก็เก็บความคิดเหล่านี้กลับไปอย่างรวดเร็ว ในดวงตาเปล่งประกายแวววับ


เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าบนร่างของคนเหล่านี้มีความลับอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ หากสามารถเปิดเผยออกมาได้ มันอยากแข็งแกร่งขึ้นก็เป็นเรื่องง่ายดาย!


ความโลภภายในใจของมันเพิ่มมากขึ้น


“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น”


หลิงอินมองไปที่สุนัขขาวแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นชา “เหตุใดเจ้าจึงคิดวางแผนจับพวกนาง? จุดประสงค์ที่แท้จริงของเจ้าคือสิ่งใด?!”


นางเองก็คิดถึงเฟ่ยชงขึ้นมาเช่นกัน บางทีสุนัขขาวตัวนี้อาจเป็นพวกเดียวกับเฟ่ยชง


สุนัขขาวอาจเพ่งเล็งไปที่จิ้งจอกทั้งสอง ก็เพราะมีแผนบางอย่างเกี่ยวกับคุณชาย


“เจ้าจะสนใจอันใดมากมาย เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า!”


สุนัขขาวลงมือด้วยความดุดันที่ไม่เป็นรองผู้ใด มันอ้าปากพ่นสายฟ้าออกมาหนึ่งสาย ทำลายร่างพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นมาจากลูกประคำ


พลังของมันแข็งแกร่งมาก พลังของจักรพรรดิเซียนไม่อาจดูแคลนได้ สีหน้าของต้าเต๋อแปรเปลี่ยนภายในพริบตา นี่คือลูกประคำที่คุณชายทำขึ้นเพื่อมอบให้กับเขา เปี่ยมด้วยอำนาจพุทธะอย่างถึงที่สุด ด้วยลูกประคำนี้เขาสามารถจัดการเหล่าซากศพทั้งหมดที่มายังอาณาจักรแห่งนี้ได้ ทว่าตอนนี้กลับถูกสุนัขขาวสยบลงได้


เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!


เท้าทั้งสี่ของสุนัขขาวค่อย ๆ เยื้องย่าง เหมันต์ที่เกิดจากภาพวาดหิมะของอันหลานเสวี่ยแตกสลายลงในบัดดล ความเหน็บหนาวทั้งหมดมลายหายสิ้น


นางเองก็คาดไม่ถึงเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ได้รับภาพวาดหิมะมา นางก็ไม่เคยถูกกำราบ ภาพวาดหิมะสามารถจัดการศัตรูทั้งหมดลงได้!


ทว่าตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นางไม่อาจสยบสุนัขขาวเอาไว้ได้


วูบ!


แสงสีทองสว่างวาบ หงอคงฟาดกระบองทองสารพัดนึกลงมาอย่างรุนแรง กฎแห่งสวรรค์และโลกถูกทลายลงทันที ราวกับไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งได้!


โฮ่ง!


สุนัขขาวเห่าออกมา พลังจักรพรรดิเซียนพุ่งออกไปโจมตีใส่หงอคงจนถอยร่น!


สุดท้ายอย่างไรเสีย ช่องว่างระหว่างขอบเขตนั้นยังมีมากเกินไป แม้ว่าพวกต้าเต๋อ อ้ายฉานและอันหลานเสวี่ยจะมีความเข้าใจในวิถีเต๋าสูง สามารถสำแดงพลังของสมบัติออกมาได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการต่อกรกับจักรพรรดิเซียน


ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่ตอนนี้เท่านั้น


วันหนึ่งที่ต้าเต๋อ อ้ายฉาน และอันหลานเสวี่ยก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนแล้ว ลูกประคำ ตุ๊กตาหงอคง และภาพวาดหิมะจะต้องสำแดงพลังออกมาได้น่ากลัวมากยิ่งขึ้น แม้จะไม่สามารถสยบจักรพรรดิเซียนได้เลยในทันที แต่ก็ไม่แย่ไปกว่ากันอย่างแน่นอน


สมบัติทั้งหมดถูกสร้างขึ้นด้วยมือของหลี่จิ่วเต้าเอง ขีดจำกัดนั้นสูงอย่างถึงที่สุด ต้าเต๋อ อ้ายฉาน และอันหลานเสวี่ยที่ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนนั้นมีเพียงความเข้าใจวิถีเต๋าเท่านั้นที่ใช้สำแดงพลังออกมา ทำให้ผลที่ได้นั้นต่ำกว่าขีดจำกัดเป็นอย่างมาก


ขอบเขตเซียนนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวกระโดดอย่างมาก ความแตกต่างของการเป็นเซียนหรือไม่เป็นนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะสามารถนำมาเปรียบได้


“ลุย!”


“ทุบตีสุนัขตัวนั้นให้ตาย!”


พวกเด็กคนอื่น ๆ ไม่อยู่เฉย หาได้มีความหวั่นเกรงใด ๆ ไม่ คุณชายนั้นนั่งตกปลาอยู่ริมทะเลสาบห่างออกไปเพียงไม่ไกล สุนัขสีขาวแข็งแกร่งแล้วอย่างไร? สุดท้ายก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าให้กลายเป็นชิ้นเนื้อ!


“ดูเหมือนวันนี้จะได้มื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว...”


เซี่ยเหยียนยิ้มหวาน ไร้ซึ่งความกังวลใจใด ๆ


นางคิดถึงขั้นที่คุณชายจะนำเนื้อสุนัขขาวไปทำเป็นอาหารอย่างไรเรียบร้อยแล้ว


ไม่ว่าจะเป็นพวกนางที่ลงมือหรือคุณชายเป็นผู้ลงมือ สุนัขขาวตัวนี้ก็ล้วนหนีไม่พ้นชะตากรรมที่ต้องถูกกิน


สิ่งนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว!