นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 626ถึง630
ทุกอย่างนิ่งงันด้วยความมืดมิด สีดำกลายเป็นสีหลัก ไม่เหลือสีอื่นใดอีก
ทันใดนั้น สีขาวปรากฏ
สีขาวนั้นดูแยงตาเป็นพิเศษท่ามกลางความมืดมิด มิใช่สีขาวบริสุทธิ์ทั่วไป หากแต่เป็นสีขาวซีดเหมือนคนตาย ดูพิศวงน่าขนลุกอย่างยิ่งยวด
สีขาวปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งสีสันอื่น ๆ ก็เริ่มโผล่ออกมา นั่นคือกระโปรงสีขาวของสตรี มีโลหิตชนิดต่าง ๆ เปรอะอยู่ ทั้งโลหิตสีดำ โลหิตสีทอง โลหิตสีแดงสด รวมถึงโลหิตสีเขียวชอุ่ม…
กระโปรงสีขาวซีดเหมือนคนตายเต็มไปด้วยเลือดตัวนี้ พลิ้วไสวอยู่ท่ามกลางความมืดมิด สยดสยองเกินพรรณา!
ขนจิ้งจอกของนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหลายตั้งชันไปทั้งตัว กลัวจนใจแทบขาด
สรรพสิ่งดับสูญ ความมืดมิดกลืนกินทุกอย่าง สุดท้ายกลับมีกระโปรงสีขาวซีดเหมือนคนตายอันน่าพรั่นพรึงตัวนี้ลอยออกมา ลมหายใจพวกมันแทบหยุดนิ่ง!
ยังดี ภาพเช่นนี้หายไปโดยมิได้ดำรงอยู่นาน
หลี่จิ่วเต้าซึ่งกำลังวิ่งอยู่ได้หยุดตัวเองลง ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดมลายจนสิ้น!
พวกมันถึงหายใจได้คล่อง ขนจิ้งจอกบนตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น หยดเหงื่อไหลลงมาไม่หยุด พวกมันเพิ่งได้ลิ้มรสความตายเมื่อครู่!
หากนานกว่านี้อีกหน่อย นานกว่านี้เพียงเสี้ยวพริบตา พวกมันคงต้องสติเตลิด ก่อนนี้พวกมันก็ใกล้สติเตลิดอยู่รอมร่ออยู่แล้ว
“สนุกมาก!”
หลี่จิ่วเต้าหนำใจเป็นที่สุด เขาไม่ได้ขยับแข้งขาออกกำลังกายอย่างจริงจังเช่นนี้มานานแล้ว หลังจากวิ่งอย่างเต็มที่ เขารู้สึกเหมือนกลายเป็นคนใหม่เสียอย่างนั้น
หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ได้ออกคำสั่งไว้แต่แรกว่า ห้ามมิให้จำแลงกายเป็นมนุษย์ และห้ามมิให้เป็นฝ่ายเข้าใกล้คุณชาย คุณชายเลือกผู้ใด ย่อมต้องเป็นไปตามนั้น
ขณะเดียวกัน ห้ามใช้พลังอาคมใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชาย พวกมันเป็นได้เพียงจิ้งจอกธรรมดาเท่านั้น
หลี่จิ่วเต้าเคลื่อนไหวในพงไพรอีกครั้ง เขามีประสบการณ์การเป็นนายพรานอยู่มาก ค้นพบจิ้งจอกตัวแล้วตัวเล่าผ่านกลิ่นและร่องรอย
ทว่าเขามิสู้จะพอใจในตัวจิ้งจอกเหล่านี้เท่าใด หลังจับจิ้งจอกเหล่านั้นมา จากนั้นเขาก็ปล่อยกลับไป
“ฮือ ๆๆ…วาสนาสูงสุดคลาดกับข้าเสียแล้ว!”
“ผู้น่าเวทนาเช่นข้า ผู้น่าเวทนาเช่นข้า!”
บรรดาจิ้งจอกที่ถูกปล่อยตัวไป ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดกันเป็นหนักหนา พวกมันรู้ดีว่า หลังได้รับเลือกโดยคุณชายแล้วจะได้รับวาสนาสะท้านโลกันตร์เพียงใด และจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกมันไปเพียงใด
แต่น่าเสียดาย พวกมันไม่เข้าตาคุณชาย
“ตัวนี้!”
หลี่จิ่วเต้าทะลุผ่านต้นไม้มากมาย ในที่สุดก็ได้พบจิ้งจอกตัวที่เขาถูกชะตายิ่ง
นี่คือจิ้งจอกที่มีขนาดตัวค่อนข้างเล็ก ขนทั้งตัวเป็นสีแดงเพลิง ดวงตาสองข้างสุกสกาวผ่องใสดุจอำพัน
เขาเพิ่มความเร็วในการวิ่ง ไล่ตามจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงทันอย่างง่ายดาย จับจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้มาไว้ในมือ
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาคือ จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้เชื่อฟังมาก หลังถูกเขาจับตัวไว้ ก็มิได้ขัดขืนแม้แต่น้อย เห็นทีเป็นตามที่โบราณว่า เหล่าจิ้งจอกนั้นฉลาดเฉลียวกัน มีสติปัญญาสูงส่ง
“เจ้าเต็มใจไปกับข้าหรือไม่”
หลี่จิ่วเต้าลูบหัวจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนั้นแล้วเอ่ยถาม
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงร้องอยู่สองเสียง ถูไถฝ่ามือหลี่จิ่วเต้าไปมาด้วยความชิดเชื้อ ความหมายนั้นชัดเจนมากว่าเต็มใจไปกับหลี่จิ่วเต้า
“น่ารักจัง”
หลี่จิ่วเต้าใจละลายไปกับจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้ เขาตัดสินใจเลือกจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้
‘ซีก็ชอบสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้มาก!’
หลี่จิ่วเต้านึกถึงซีขึ้นมา เขามิได้ตรงกลับไป แต่จับจิ้งจอกมาอีกตัว
ตัวนี้เป็นจิ้งจอกขาวค่อนข้างเย็นชา มีสีหน้าเรียบนิ่งอยู่ตลอด หลังถูกหลี่จิ่วเต้าจับได้ ก็มิได้มีท่าทีตื่นเต้นดีใจแต่อย่างใด แต่ก็มิได้แสดงท่าทีต่อต้าน
หลี่จิ่วเต้าปล่อยตัวจิ้งจอกขาวเย็นชาตัวนั้น “เจ้าไม่เต็มใจมากับข้าหรือ หากไม่เต็มใจ เจ้าไปได้แล้ว”
จิ้งจอกขาวเย็นชามิได้ขยับเขยื้อน สีหน้ายังคงราบเรียบ
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงดูร้อนใจเป็นพิเศษ มันวิ่งไปอยู่ข้างกายจิ้งจอกขาวเย็นชา ถูไถร่างกายจิ้งจอกขาวเย็นชาด้วยศีรษะเล็ก ๆ ไปมาไม่หยุด ราวกับต้องการบอกว่า มาด้วยกันเถิด
ท้ายที่สุด จิ้งจอกขาวเย็นชาก็เริ่มเคลื่อนไหว เดินไปอยู่ข้างกายหลี่จิ่วเต้า
‘จิ้งจอกรู้สำนึกจริง ๆ…’
หลี่จิ่วเต้าคิดในใจอย่างอดมิได้
ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิง หรือว่าจิ้งจอกขาวเย็นชา ล้วนปราดเปรื่องกว่าสัตว์ชนิดอื่นยิ่งนัก ทุกอากัปกิริยาล้วนเปี่ยมไปด้วยความรู้สำนึก
“ไปเถิด”
หลี่จิ่วเต้ายื่นฝ่ามือออกไป จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงรีบคลานตามมือเขาขึ้นไป เขาอุ้มจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงไว้ ก่อนจะเดินไปทางรถลาก
จิ้งจอกขาวเย็นชาเสมือนก้อนน้ำแข็ง สีหน้าเยียบเย็นขณะตามหลังหลี่จิ่วเต้าไป
“คุณชายเลือกหูจิ่วหรือนี่!”
หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ปรากฏตัว มองจิ้งจอกขาวเย็นชาด้านหลังหลี่จิ่วเต้าด้วยสีหน้าหลายความรู้สึก
“เฮ้อ…ที่หูจิ่วได้ติดตามคุณชาย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดี หรือเรื่องร้าย!”
มันถอนหายใจเฮือกใหญ่
หูจิ่วมีภูมิหลังน่าสงสาร ถูกผู้ฝึกตนมนุษย์ลักพาตัวไปตั้งแต่เด็ก ผู้ที่ถูกลักพาตัวไปด้วยยังมีมารดาของหูจิ่ว และพี่หญิงน้องหญิงทั้งหลาย
หลังสมาชิกเผ่าจิ้งจอกนารีสวรรค์ของพวกมันถูกผู้ฝึกตนมนุษย์ลักพาตัวไปได้ มักมีจุดจบอย่างอนาถ ต้องถูกผู้ฝึกตนมนุษย์ทรมาน และสอนสั่งอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
ครานั้น หูจิ่วเพิ่งมีอายุไม่กี่เดือน ยังไม่รู้ประสานักกับโลกใบนี้ เมื่อต้องประสบกับความพลิกผันเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่ามีผลกระทบต่อหัวใจดวงน้อยของหูจิ่วขนาดไหน
พวกมันต่างอยู่ในสภาวะประคองชีวิตให้รอดไปวัน ๆ ไม่มีความสามารถพอจะให้ช่วยเหลือนารีจิ้งจอกสวรรค์ผู้ถูกลักพาตัวไป และโดยทั่วไปแล้ว นารีจิ้งจอกสวรรค์ผู้ถูกลักพาตัวไม่มีวันได้กลับมาอีก
ทว่าหูจิ่วเป็นข้อยกเว้น
หลังหูจิ่วถูกลักพาตัวไปไม่กี่วัน มันก็กลับมาได้เสียอย่างนั้น!
ขนจิ้งจอกขาวผ่องของมันถูกโลหิตย้อมจนเป็นสีแดงเถือก บาดแผลเต็มตัว ทว่าสายตาของมันนั้นแน่วแน่ แน่วแน่ยิ่งกว่านารีจิ้งจอกสวรรค์โตเต็มวัยเสียอีก!
มันคาบศีรษะผู้ฝึกตนมนุษย์ที่ลักพาตัวพวกมันไปไว้ในปาก เดินกลับดินแดนเผ่าทีละก้าว ต่อให้มันเหลือลมหายใจเพียงอึดเดียว ก็ยังกัดฟันทนไว้ มิได้ล้มลงไปเพราะเหตุนี้
ครานั้น พวกมันตะลึงงันกันหมด อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าหูจิ่วจะรอดกลับมา และยิ่งคิดไม่ถึงว่าหูจิ่วจะคาบศีรษะผู้ฝึกตนมนุษย์ผู้นั้นกลับมาด้วย
พวกมันไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ หูจิ่วมิได้เล่าประสบการณ์ครานั้นให้ฟัง และมิได้เอ่ยถึงสถานการณ์ของมารดาหูจิ่วและพี่น้องคนอื่น ๆ
กระนั้นพวกมันตระหนักดีว่า มารดาหูจิ่วและพี่น้องตนอื่น ๆ คงประสบเคราะห์ร้ายไปแล้ว
นับแต่นั้นมา หูจิ่วมิเคยปริปากออกมาอีก เมื่อพบเจอเหตุการณ์ผู้ฝึกตนมนุษย์ลักพาตัวพวกมันอีกครั้ง หูจิ่วก็พุ่งออกไปอยู่แนวหน้าสุดโดยไม่คิดชีวิต เข้าห้ำหั่นกับผู้ฝึกตนมนุษย์อย่างเอาเป็นเอาตาย
วันนี้ คุณชายกลับเลือกหูจิ่ว หัวหน้าเผ่าไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย มันกลัวว่าหูจิ่วจะทำให้คุณชายไม่พอใจ ทำผิดข้อห้ามคุณชาย
แม้หูจิ่วจะไม่เคยเอ่ยว่าชิงชังผู้ฝึกตนมนุษย์ กระนั้นมันยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหูจิ่วนั้นเคียดแค้นผู้ฝึกตนมนุษย์
“ข้าคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่ คุณชายเก่งกาจปานใด มีเรื่องใดไม่อยู่ในการรับรู้ของคุณชายบ้าง อาจเพราะเหตุนี้ คุณชายถึงได้เลือกหูจิ่ว!”
หัวหน้าเผ่าสั่นศีรษะ ไม่ต้องคิดไปมากกว่าานี้
...
ณ เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
“แย่ยิ่งนัก พวกเราถูกทิ้งไว้เสียแล้ว!”
“อ๊าก ๆๆ อยากออกไปข้างนอกพร้อมคุณชายเหลือเกิน!”
เสียงโหยหวนร่ำร้องดังระงมอยู่ในลานเล็ก เหล่าของวิเศษที่ถูกทิ้งไว้โศกเศร้าเสียใจเป็นที่สุด
“อะไรนะ! มีกองกำลังนิรนามรุกรานอาณาจักรอวี้ซวี บัดนี้ อาณาจักรอวี้ซวีพ่ายแพ้ไปกว่าครึ่งแล้วหรือ!?”
ภายในบ่อน้ำ มัจฉาสัตมายาร้องเสียงหลง มันได้รับข้อความที่ท่านพ่อของมันส่งมาให้
เมื่อครั้งกลับอาณาจักรอวี้ซวีคราวก่อน มันได้ทิ้งศาสตราสื่อสารไว้ให้ท่านพ่อของมัน เพื่อให้สะดวกต่อการติดต่อมันได้ทุกเมื่อ
“ท่านพ่ออย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้!”
มัจฉาสัตมายารีบบอก มันต้องกลับไปช่วยท่านพ่อของมัน!
“ไอ้ระยำที่ไหนบังอาจอาละวาดไม่เลือกที่!?”
“เสี่ยวชีไม่ต้องร้อนใจ พวกเราจะช่วยเจ้าเอง!”
“พวกเราทั้งหมดขอตามไปด้วย ขอดูหน่อยเถิดว่ากองกำลังใดริอ่านทำตามอำเภอใจเช่นนี้!”
ของวิเศษในลานพากันลอยมาอยู่ตรงหน้ามัจฉาสัตมายา
พวกมันต่างชื่นชอบมัจฉาสัตมายากันมาก ประกอบกับการอยู่แต่ในลานสร้างความเบื่อหน่ายแก่พวกเขาอย่างยิ่งยวด จึงพากันเอ่ยว่าต้องการเดินทางไปอาณาจักรอวี้ซวีกับมัจฉาสัตมายาด้วย!
...
ณ อาณาจักรอวี้ซวี
“เปราะบางนัก ต้านทานมิได้แม้แต่การโจมตีเดียว ช่างไม่มีความกดดันเอาเสียเลย!”
เจ้าหลวงตระหง่านอยู่กลางอากาศ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม สีหน้าผ่อนคลายสบาย
พวกมันเข้ามาถึง ก็ยึดครองอาณาจักรอวี้ซวีไปได้กว่าครึ่ง ประดุจสายลมสารทฤดูที่พัดโชยใบไม้จนปลิดปลิว
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกเพียงไม่นานพวกมันก็จะยึดครองอาณาจักรอวี้ซวีไว้ได้ทั้งหมด
อาณาจักรอวี้ซวีจักกลายเป็นนครพิศวงของมัน!
เจ้าหลวงลอยตระหง่านอยู่กลางอากาศ ก้มมองเบื้องล่างด้วยสายตาเย็นชา
เบื้องล่าง สิ่งมีชีวิตมากมายในอาณาจักรอวี้ซวีตกอยู่ใต้อาณัติ สิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงโถมทับออกไปดั่งสายลม ไม่มีสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอวี้ซวีตนใดต้านทานไหว
และเบื้องหลังเจ้าหลวง สิ่งมีชีวิตขนเขียวพิศวงยังมิได้ออกโรงเลยแม้แต่ตัวเดียว
ส่วนสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงซึ่งมีระดับสูงขึ้นไป ไม่แม้แต่จะไหวติงด้วยซ้ำ
นี่คือกำลังหนุนที่จ้าวตะเข้มอบให้แก่เจ้าหลวง
สิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงหลายสิบตน สิ่งมีชีวิตขนเขียวพิศวงสิบกว่าตน สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงอีกสามสี่ตน!
กำลังพลระดับนี้ สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอวี้ไฉนเลยจะทานไหว
ต้องรู้ว่า สิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงเหล่านี้ล้วนอยู่ในขอบเขตเทียนตี้ เมื่อยืมพลังพิศวงมาแล้ว จะสามารถปะทุพลังระดับเทียนตี้ออกมาได้แน่นอน
ส่วนสิ่งมีชีวิตขนเขียวพิศวงนั้นมีกำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป มีกำลังรบระดับกึ่งเซียน เมื่อยืมพลังพิศวงมาแล้ว จะสามารถปะทุพลังระดับเซียนออกมาได้แน่นอน
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงนั้นยิ่งแข็งแกร่งเข้าไปใหญ่ เมื่อยืมพลังพิศวงมาแล้ว จักสามารถปะทุพลังระดับเซียนสัมบูรณ์ออกมาได้
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ภายในอาณาจักรอวี้ซวีมีกำลังรบเทียนตี้ชั้นเลิศพุ่งออกไป จักรพรรดิชางก็ร่วมอยู่ด้วย บาดแผลก่อนหน้าของเขาสมานดีแล้ว คราวก่อน ลั่วสุ่ยมอบแอปเปิลให้เขาลูกหนึ่ง เขาหั่นออกมาเพียงชิ้นเล็กซึ่งมีขนาดเท่าเล็บแล้วกินเข้าไป บาดแผลพลันหายเป็นปลิดทิ้ง
ซ้ำเขายังได้รับประโยชน์มหาศาลอีกด้วย กำลับรบทวีความแกร่งกล้า บรรลุเหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป ได้มาซึ่งกำลังรบระดับกึ่งเซียน
ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนเปล่าประโยชน์ จักรพรรดิชางเพิ่งเหินออกไปเท่านั้น ก็ถูกสิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงหลายตนหมายหัว เพียงครู่เดียวก็ต้องปราชัยลง
ส่วนเทียนตี้ชั้นเลิศซึ่งเหินออกมาแล้วนั้นยิ่งมีสภาพอนาถเข้าไปใหญ่ ไม่ทันได้ออกวาดลวดลายแม้เพียงนิดก็ถูกกำราบ ความห่างชั้นของกำลังรบมีมากเกินไป
“เจ้าพวกตาเฒ่ายังไม่ยอมออกมาอีกหรือ”
เจ้าหลวงหัวเราะเสียงเย็น ผู้ทรงพลังที่สุดที่ได้ก้าวออกมานั้นคือจักรพรรดิชาง เหล่าตาเฒ่าซึ่งซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรอวี้ซวียังมิได้ก้าวออกมาสักตนเดียว
อาณาจักรอวี้ซวีคือแคว้นซึ่งแบ่งแยกออกจากอาณาจักรนั้น เขาและจ้าวตะเข้คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าเหล่าตาเฒ่านั้นยังไม่ตาย หากแต่ยืดชีวิตต่อไปด้วยวิธีการบางอย่าง
“รบกวนทุกท่านแล้ว”
มันเอ่ยต่อสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงข้างกายด้วยความเกรงใจ หมายจะให้สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงเหล่านี้ออกโรง ไล่ต้อนจนพวกตาเฒ่ายอมออกมา
หากที่เดาไว้ไม่ผิด พวกตาเฒ่าคงเหนือขั้นเทียนตี้ออกไป ไม่เป็นกึ่งเซียนก็เป็นเซียนไปแล้ว
ถึงอย่างไร เวลาก็ผ่านมาแล้วอย่างยาวนาน หากรอดมาได้จริง ๆ ย่อมต้องมีกำลังรบฉกาจ
และสำหรับมัน ยิ่งตาเฒ่าเหล่านั้นเก่งกล้าเพียงใดยิ่งดี เพราะมันจะเปลี่ยนพวกมันเป็น ‘ทาส’ ของมันให้หมด คอยรับคำสั่งจากมัน!
“ไม่มีปัญหา”
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงทั้งหลายพยักหน้า เริ่มใช้วิชาลับบางอย่าง ควันสีเทาฟุ้งออกจากตัวพวกมันทุกตน ลอยละล่องออกไป
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้นทั่วอาณาจักรอวี้ซวี ควันสีเทาที่ลอยละล่องออกไปไล่ต้อนตาเฒ่าทั้งหลายในอาณาจักรอวี้ซวีออกมาจนหมด
เจ้าหลวงเดาไม่ผิดจริง ๆ ตาเฒ่าเหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดา ยืดชีวิตต่อไปด้วยวิธีการบางอย่าง กำลังรบที่มีนั้นเหนือขั้นเทียนตี้ไปไกล มีกำลังรบระดับเซียนกันถ้วนหน้า
รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขามิสู้จะปกติเท่าใด วิธีการอื่นนั้นหาใช่ลู่ทางปกติ พวกเขาต่างมีราคาที่ต้องจ่าย วันเวลามิได้ผ่านมาอย่างสุขสันต์นัก
“พวกเจ้าคิดจะทำอันใด”
“พวกเราต่างคนต่างอยู่กับพวกเจ้า พวกเจ้าคิดทำสิ่งใดในอาณาจักรอวี้ซวีก็ตามใจ ไม่เกี่ยวกับเรา!”
พวกเขามีสีหน้าเย็นชา ไม่ต้องการต่อสู้เพื่ออาณาจักรอวี้ซวีสักนิด
เมื่อครั้งเจ้าหลวงเพิ่งนำทัพสิ่งมีชีวีตพิศวงบุกมาถึงอาณาจักรอวี้ซวี พวกเขาก็สัมผัสได้แล้ว ทว่าพวกเขามิได้ออกมายับยั้งแต่อย่างใด
ความเป็นความตายของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอวี้ซวีหาได้เกี่ยวกับพวกเขาไม่ พวกเขามิได้แยแสชีวิตของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอวี้ซวี
“ข้าต้องการทำอันใดน่ะหรือ? ข้าต้องการเปลี่ยนพวกเจ้าทั้งหมดเป็น ‘ทาส’ ของข้า…”
เจ้าหลวงมีสีหน้าเฉยชา ไฉนเลยจะยอมปล่อยตาเฒ่าเหล่านี้ไป คนเหล่านี้ล้วนต้องกลายเป็นสุดยอด ‘ทาส’ ของมัน สลักสำคัญยิ่งนัก
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงทั้งหลายลงมือทันใด บุกถล่มไปยังเบื้องหน้า
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเหลือทางรอดให้เรา ก็มาสู้กันสักตั้ง!”
“ฆ่า!”
เหล่าตาเฒ่ารู้ดีว่าศึกนี้มิอาจเลี่ยง พวกเขามิได้ออมมือ ต่างเปล่งพลังเต็มที่ บุกสังหารออกไป!
...
ณ เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
บรรดาของวิเศษมาอยู่ริมสระกันถ้วนหน้า ต่างเอ่ยว่าต้องการช่วยเหลือมัจฉาสัตมายา เป็นผลให้มัจฉาสัตมายาซาบซึ้งอย่างยิ่ง
“ริอ่านอาละวาดในบ้านเกิดเสี่ยวชีรึ ข้าจะฟันพวกมันให้เละเลยคอยดู!”
นี่เป็นเสียงจากขวานสัมฤทธิ์ ลวดลายบนด้ามขวานนั้นเปี่ยมไปด้วยลายลักษณ์โบราณลึกล้ำ และมี ‘ญาณ’ ถือกำเนิดออกมาแล้วอย่างยาวนาน เป็นขวานที่หลี่จิ่วเต้าใช้ผ่าไม้มาทำฟืน มีนามว่าขวานเบิกสวรรค์
“เตรียมไสหัวไปได้เลย! เสี่ยวชี พวกเราพี่น้องขอหนุนหลังเจ้าเอง!”
“ใช่แล้ว!”
เครื่องมือแกะสลักลอยเข้ามาทั้งชุด ทั้งค้อน มีดแกะสลัก สิ่ว เลื่อย ไม้บรรทัด และกบไสไม้
มีดแกะสลักนั้นมีจำนวนมากที่สุด รวมแล้วเก้าด้ามด้วยกัน ล้วนตีด้วยทองคำเซียน
ทั้งหมดมีอยู่หกเล่มด้วยกัน ลักษณะคล้ายพลั่ว เป็นพลั่วอัสสุสวรรค์ในตำนาน
“อย่าได้แตกตื่นไป!”
เก้าอี้โยกใบหนึ่งเหินเข้ามา เสียงนั้นดูชราและแฝงไว้ด้วยความขลัง นี่คือเก้าอี้โยกที่หลี่จิ่วเต้านั่งอยู่บ่อย ๆ
“ใช่แล้ว ไม่ต้องแตกตื่น!”
ใต้ศาลา โต๊ะหินเก้าอี้หินเหินเข้ามากันหมด พวกมันล้วนมี ‘ญาณ’ ถือกำเนิดขึ้นมานานแล้ว!
“ฮิฮิ พวกเราพี่น้องก็ขอช่วยเสี่ยวชีด้วย!”
เครื่องถ้วยกระเบื้องพิถีพิถันชุดหนึ่งลอยเข้ามา รวมแล้วแปดชิ้น เป็นพี่น้องแปดคน มี ‘ญาณ’ เช่นเดียวกัน
“มาแล้ว ๆ!”
“เล่นไอ้พวกระยำนั่นให้ตายไปเลย!”
สุ้มเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ขันไม้ตักน้ำของหลี่จิ่วเต้า กระบองเขี่ยไฟที่ใช้จุดไฟ รวมถึงตะเกียบไม้ที่ใช้กินข้าว กะละมังที่ใช้ล้างหน้า ตะเกียงซึ่งมีเทียนอยู่ภายใน ถังน้ำที่ใช้ตักน้ำ รวมถึงแผ่นหินเขียวซึ่งปูอยู่บนพื้น แล้วยังมีของวิเศษอันมี ‘ญาณ’ สถิตอีกนานัปการเหินเข้ามาถ้วนหน้า เอ่ยบอกว่าพร้อมเป็นกำลังหนุนให้มัจฉาสัตมายา
“พาข้าไปด้วย พาข้าไปด้วย!”
ถังขยะร่วมด้วย ยามเอ่ยวาจากลิ่นเหม็นโชยชาย ทันทีที่มันเหินเข้ามา ของวิเศษอื่น ๆ หนีกันหมด กลิ่นแรงเกินไปแล้ว
“ลืมตัวไป ลืมตัวไป!”
มันรีบสะกดกลิ่น ดึงกลิ่นทั้งหมดกลับไป “ถึงเวลาทุกท่านไม่ต้องลงมือ ข้าไปแล้วปลดปล่อยกลิ่นเหม็นเต็มที่ รับรองว่าราบคาบกันหมด!”
“ยืดเส้นยืดสายกันหน่อยเถิด…”
“ใช่แล้ว…มิได้ยืดเส้นยืดสายมาตั้งนาน”
เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้อง ไม้ประดับที่หลี่จิ่วเต้าโปรดปรานที่สุดเหินออกมากันหมด พวกมันกระดิกใบเบา ๆ ก็มีแสงเซียนมหาศาลสาดส่องลงมา ทุกต้นล้วนเป็นโอสถเซียนอันสูงส่ง!
“จอบเซียนเช่นข้าเป็นจอบเซียนแห่งคุณธรรม ย่อมต้องกำจัดความชั่วร้ายทั้งปวง! เรื่องนี้จะขาดข้าไปได้อย่างไร ข้าย่อมต้องฝ่าฟันสู้รบอยู่แนวหน้าสุด!”
จอบเซียนเหินเข้ามา ประกาศกร้าวด้วยความขึงขัง สั่นตัวน้อย ๆ ประกายเซียนวาววามไม่หยุด
“พับผ่าสิ นี่ถ้าไปกันจริง ๆ น่ากลัวว่าแม้แต่ภพเซียนยังต้องราบเป็นหน้ากลอง!”
เต่าชราหดหัวพลางกล่าว
ค่ายพลนี้ยิ่งใหญ่ไปแล้วกระมัง!
มันนึกเศร้าใจแทนเจ้าพวกที่อาละวาดทำตามอำเภอใจในอาณาจักรอวี้ซวีเสียจริง!
ของวิเศษมากมายปานนี้เดินทางไป ต้องเป็นกองกำลังยิ่งใหญ่ขนาดไหนเชียว กระทั่งภพเซียนยังต้องแตกพ่าย!
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
มัจฉาสัตมายาซาบซึ้งเหลือแสน ความรู้สึกมีผู้หนุนหลังเช่นนี้ดีเหลือเกิน
“คึกคักกันจริงพวกเจ้า!”
ก้านหลิวก้านหนึ่งลอยเข้ามา ก่อนที่ต้นหลิวจะปรากฏตัวในลานเล็ก
อย่างไรเสียมันก็แข็งแกร่ง ซ้ำยังแข็งแกร่งจนผิดมนุษย์มนา เหตุการณ์ในลานเล็ก พวกดาษดื่นย่อมไม่อาจรับรู้ กระทั่งจักรพรรดิเซียนยังทำมิได้
ทว่าต้นหลิวรับรู้ได้ในทันที ความแข็งแกร่งระดับนี้ น่าเหลือเชื่อถึงขีดสุด!
นอกจากคุณชาย เกรงว่าต้นหลิวเรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล!
“พี่หลิว!”
มัจฉาสัตมายาร้องเรียกเสียงเต็มตื้น พี่หลิวก็จะไปเป็นกำลังหนุนให้มันด้วยหรือ
“อืม”
ต้นหลิวตอบรับมัจฉาสัตมายา ก่อนจะพินิจพิจารณาลานเล็กของคุณชาย “ลานของคุณชาย ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้มาเยือนลานเล็กของคุณชาย ก่อนนี้ไม่เคยมาเลยสักครา
รวมถึงก้อนหินก็ด้วย
“น่าเสียดาย พี่แท็บเล็ตไม่อยู่ หากพี่แท็บเล็ตอยู่ พวกเราคงไปถึงอาณาจักรอวี้ซวีได้ในชั่วพริบตา”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนึกเสียดายนิดหน่อย คุณชายนำแท็บเล็ตไปด้วย
บัดนี้ พวกมันต้องออกเดินทางไปยังอาณาจักรอวี้ซวี
“จะไปยากกระไร ข้าช่วยพวกเจ้าเอง”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา “มาสิ บอกตำแหน่งอาณาจักรอวี้ซวีกับข้า”
“ได้เลยพี่หลิว!”
มัจฉาสัตมายารีบบอกตำแหน่งที่ตั้งของอาณาจักรอวี้ซวีให้ต้นหลิวรู้
“เข้าใจแล้ว”
ต้นหลิวไหวเอนน้อย ๆ พยากรณ์เส้นทางโดยอ้างอิงจากตำแหน่งที่ตั้งอาณาจักรอวี้ซวีได้ในพริบตา
เสียงดังฟึ่บ ก้านหลิวก้านหนึ่งทะยานขึ้นนภา ก้าวข้ามเอกภพอันกว้างใหญ่ มาถึงอาณาจักรอวี้ซวีในอึดใจเดียว
“มาเถิด ข้าพาพวกเจ้าไปส่งที่อาณาจักรอวี้ซวีเอง”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา “พอดี ข้าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย…”
“ขอบคุณพี่หลิว!”
มัจฉาสัตมายากระโจนออกจากบ่อน้ำ เหินนำขึ้นไปบนก้านหลิว
จากนั้น จอบเซียน ถ้วยกระเบื้อง และของวิเศษต่าง ๆ ทยอนเหินขึ้นไปบนก้านหลิว
“ไปกันเถิด”
ต้นหลิวยิ้มน้อย ๆ จากนั้น ร่างของพวกมันก็หายวับไปจากที่นี่
ก้านหลิวก้านหนึ่งทะลวงผ่านอวกาศ ไม่ถูกจำกัดด้วยปริภูมิ ไม่ถูกจำกัดด้วยระยะห่าง เจิดจ้าแยงตา กฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้โลดแล่นอยู่รอบ ๆ ภาพที่ปรากฏน่าพรั่นพรึงเหลือคณา!
...
ภายในอาณาจักรอวี้ซวี
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงลงมืออย่างดุดัน เดิมพวกมันมีกำลังรบระดับเซียนอยู่แล้ว เมื่อยืมพลังพิศวงมาด้วย ยิ่งทวีความแข็งแกร่งจนทัดเทียมระดับเซียนสมบูรณ์
เจ้าพวกตาเฒ่าในอาณาจักรอวี้ซวีแม้จะไม่ธรรมดากันทั้งหมด มิใช่ตัวตนดาษดื่น มีอาวุธโบราณและวิชาโบราณในมือมากมาย กระนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังแกร่งกล้าอย่างแท้จริง ทั้งหมดที่กล่าวมาก็เปล่าประโยชน์
เพียงครู่เดียว พวกเขาก็ถูกสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงกำราบลงทั้งหมด
“พวกเรายอมแพ้ พวกเรายอมเข้าโอบกอดความพิศวง!”
“พวกเราเต็มใจเป็นผู้ติดตาม!”
ตาเฒ่าเหล่านี้รู้จักความพิศวงลางร้าย ไม่รอให้เจ้าหลวงได้เอ่ยวาจา พวกเขาก็พากันยอมแพ้ ยินดีโอบกอดความพิศวง
การเข้าโอบกอดความพิศวงด้วยตนเอง และการถูกความพิศวงกลืนกินนั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกเขาตระหนักถึงเรื่องนี้ดี พวกเขาไม่ต้องการสูญเสียสติสัมปชัญญะทั้งหมด จนกลายเป็น ‘ซากศพ’ อย่างสมบูรณ์ พวกเขาต้องการโอบกอดความพิศวงด้วยตนเอง เหลือจิตสำนึกไว้ได้เพียงเสี้ยวหนึ่ง
สำหรับพวกเขา ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีหรือคุณธรรม ตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิตรอดต่อไปได้ พวกเขายินดีทำทุกอย่าง
“ดี ผู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ในเมื่อพวกเจ้ารู้ความเช่นนี้ ข้าก็จะให้โอกาสพวกเจ้า”
เจ้าหลวงเอ่ยเสียงเรียบ
“ขอบคุณท่านมาก!”
เหล่าตาเฒ่าในอาณาจักรอวี้ซวีรีบคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเจ้าหลวง
เจ้าหลวงกล่าว “ประเดี๋ยวจะเริ่ม ‘พิธีบรรพชา’ ของพวกเจ้า”
จากนั้น เขาเยื้องกรายขึ้นไปอยู่ตรงท้องฟ้าเหนือกึ่งกลางอาณาจักรอวี้ซวี ประกาศเสียงดัง “มีผู้ใดในพวกเจ้ายินดีเข้ารับ ‘พิธีบรรพชา’ ด้วยตนเองอีกบ้าง ข้าให้สิทธิ์พวกเจ้าได้เลือก!”
การสร้างนครภูมิขึ้นใหม่ มีแต่ ‘ทาส’ ซากศพเพียงอย่างเดียวก็มิได้ มันต้องการผู้ช่วย
“ไม่! ข้าไม่มีทางเลือกร่วมมือทำความชั่วกับพวกเจ้า!”
เบื้องล่าง เสียงอ่อนแรงเสียงหนึ่งดังขึ้น สตรีวัยเยาว์นางหนึ่งซึ่งดูเล็กจ้อยไร้ความหมาย เมื่ออยู่เบื้องหน้าสิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างพวกเจ้าหลวง
ลำพังสิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงตัวเดียวก็สามารถระเบิดร่างสตรีนางนี้ได้ง่ายดาย
ทว่าสตรีนางนี้ไม่นึกกลัวเกรง ทะยานขึ้นสู่นภา หมายจะต่อสู้กับเจ้าหลวง!
นางมีรูปโฉมงามเพริศพริ้ง แฝงไว้ด้วยความเฉลียว ทว่าตอนนี้ สายตาของนางเด็ดเดี่ยวเหลือแสน มิเคยยอมก้มหัวคุกเข่า มิเคยยอมจำนนด้วยความกลัวตาย!
“น่าสนใจ”
เจ้าหลวงยิ้มเย็น ชี้นิ้วออกไปจิ้มสตรีวัยเยาว์นางนั้น ทันใดนั้น พลังอันมองไม่เห็นก็พันธนาการร่างของสตรีวัยเยาว์ไว้
มันโบกมือขึ้นบน เด็กสาวถูกดึงขึ้นไปทันทีในสภาพกลับหัว ห้อยโตงเตงอยู่ตรงนั้น
“มีแต่พวกชั้นต่ำ ไม่เห็นเลือดคงไม่รู้จักกลัว ไม่เข้าใจว่าบัดนี้พวกเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร!”
สีหน้าเจ้าหลวงเย็นชา ตั้งใจเชือดเด็กสาวผู้นี้เป็นตัวอย่าง
สิ่งมีชีวิตพิศวงออกปราบปรามไปทั่ว ทว่ามิเคยเข่นฆ่าผู้ใด สิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วไม่อาจเป็น ‘ทาส’ ได้ ต้องยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
สตรีวัยเยาว์ผู้นี้กลับเสนอหน้าออกมาเอง พอดีเลย มันจะเชือดไก่ให้ลิงดู ให้สิ่งมีชีวิตอาณาจักรอวี้ซวีเหล่านี้ได้รู้จักความหวาดกลัว
“เจ้าฆ่าเลย! ฆ่าเท่าที่ต้องการ! ข้าชางเหยาไม่มีทางขมวดคิ้ว! รอให้ท่านพี่ชวนกลับมาก่อนเถิด ท่านพี่ชวนไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่ เขาต้องแก้แค้นให้ข้าแน่นอน!”
เด็กสาวผู้นี้คือชางเหยา ธิดาของจักรพรรดิชาง
“ท่านพี่ชวนกระไร เขาอยู่ที่ใด ริอ่านออกมา ข้าก็จะเชือดเขาเป็นคนแรก!”
เจ้าหลวงมีสีหน้าเย็นยะเยือก ยกมือเรียกแส้ยาวออกมาเส้นหนึ่ง เฆี่ยนตีเด็กสาวจนเนื้อปริแตก หมอกเลือดกระจายออกไป
นี่มิใช่แส้ยาวธรรมดา ยามเฆี่ยนตีร่างของเด็กสาว ได้กระทบบนดวงวิญญาณของเด็กสาวด้วย
ชางเหยาเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นโบราณชางเยว่ ได้รับการประคบประหงมเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก มิเคยพบเจอเรื่องร้ายแม้แต่น้อย การถูกแส้ยาวเฆี่ยนตีเนื้อตัวและวิญญาณของชางเหยาต้องเจ็บปวดถึงปานใด กระทั่งผู้ฝึกตนบุรุษโตเต็มวัยยังยากจะอดกลั้นไว้ได้
ทว่าชางเหยากัดฟันทานไว้ ไม่ยอมร้องออกมาสักกระผีก
“เจ้าเฆี่ยนมาเลย ยิ่งเจ้าทรมานข้าเพียงใด ภายหน้า จุดจบของเจ้าก็ยิ่งน่าสมเพช! ท่านพี่ชวนต้องเอาคืนเจ้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า!”
นางเอ่ยออกไป มั่นใจในตัวท่านพี่ชวน หรือก็คือมัจฉาสัตมายาเป็นอย่างมาก
“ท่านพี่ชวนผู้นี้อีกแล้วหรือ ท่านพี่ชวนของเจ้าเป็นใคร จ้าวแห่งเซียนหรือไร น่าขัน ขอบอกเจ้าตามตรง ต่อให้ท่านพี่ชวนของเจ้าเป็นจ้าวแห่งเซียนก็เท่านั้น!”
เจ้าหลวงขำพรืด หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน
ชางเหยาฝากความหวังไว้กับท่านพี่ชวนที่ว่าขนาดนี้ เป็นเรื่องน่าขันอย่างที่สุดสำหรับมัน ดั่งเช่นที่มันว่า จ้าวแห่งเซียนมาก็เท่านั้น!
แน่นอนว่า ด้วยกำลังพลของมันในยามนี้ ยากจะกำราบจ้าวแห่งเซียนตนหนึ่งลงได้
แม้ว่าสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงทั้งหลายจะปะทุกำลังรบระดับเซียนสมบูรณ์ได้ กระนั้นหากต้องประจันหน้ากับจ้าวแห่งเซียนจริง ๆ ก็ไม่แน่ว่าจะต่อกรด้วยไหว
ทว่ามันเชื่อมต่อกับจ้าวตะเข้ ติดต่อได้ทุกเมื่อ เพื่อขอให้จ้าวตะเข้เข้ามาเป็นกำลังหนุนที่นี่!
จ้าวตะเข้อยู่ในขั้นเซียนสมบูรณ์ เมื่อยืมพลังพิศวงมาแล้ว ต่อสู้กับจ้าวแห่งเซียนได้ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ ในนครพิศวงของจ้าวตะเข้ยังมีกำลังรบระดับเดียวกับจ้าวตะเข้อยู่ ถึงมีจ้าวแห่งเซียนมาที่นี่จริง ๆ ก็ต้องถูกกำราบลงแน่นอน
แน่นอนว่า มันมิได้คิดว่าท่านพี่ชวนที่ชางเหยากล่าวถึงเป็นจ้าวแห่งเซียนจริง ๆ
กำลังรบเหนือเซียนขึ้นไปบรรลุได้ยากยิ่ง จำต้องมีสสารระดับสูงเข้าหนุน มิใช่เพียงบุกเบิกอีกเส้นทางหนึ่งแล้วจะทำได้ นอกจากภพเซียน ขอบเขตเซียนคงเป็นจุดสูงสุดของอาณาจักรซึ่งควรให้อาณาจักรเบื้องล่างสามารถแตะถึงได้
ส่วนท่านพี่ชวนที่ชางเหยากล่าวถึงนั้นมาจากภพเซียนหรือไม่ มันมิได้คำนึงถึงเลยสักนิด เจ้าพวกขี้ขลาดต่ำช้าในภพเซียนมิกล้าออกจากภพเซียนแน่นอน
“เจ้าหัวเราะไปเถิด ประเดี๋ยวถึงคราวเจ้าได้ร้องไห้แน่ ข้าเชื่อในตัวท่านพี่ชวน!”
ชางเหยาตะโกนลั่น ที่นางเชื่อใจท่านพี่ชวน แท้จริงแล้วเชื่อในความสามารถของพี่ลั่วสุ่ยซึ่งอยู่กับท่านพี่ชวน
นางเคยประจักษ์ถึงพลังของพี่ลั่วสุ่ย รู้ว่าพี่ลั่วสุ่ยแกร่งกล้าสูงส่งเพียงใด แอปเปิลลูกเดียวที่พี่ลั่วสุ่ยมอบให้เสด็จพ่อของนางโดยไม่คิดมากยังเป็นถึงโอสถเซียนชั้นสูง นางเชื่อว่าพี่ลั่วสุ่ยสยบความชั่วร้ายได้ทั้งปวง
ฉึก!
หมอกเลือดสาดกระจาย เจ้าหลวงหัวเราะอย่างดูถูก หวดแส้ยาวเฆี่ยนชางเหยาอีกครั้ง จนเลือดเนื้อของชางเหยาหลอมรวมกันเป็นร่างเดียว น่าสังเวชจนไม่อาจทนมองได้ตรง ๆ
“เจ้าพูดเหมือนว่าท่านพี่ชวนของเจ้าเก่งกาจเสียเต็มประดา เขาอยู่ไหน เขามาช่วยเจ้าได้หรือไร”
เจ้าหลวงหัวเราะร่วน “แน่จริงก็เรียกเขาออกมา ดูว่าเขาช่วยเจ้าได้หรือไม่!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง มิติบิดเบี้ยว ประกายเจิดจ้ามากมายพวยพุ่ง มัจฉาสัตมายามาถึง มันจำแลงเป็นร่างมนุษย์เด็กหนุ่มหล่อเหลามีชีวิตชีวา
“ไอ้…บัดซบ พ่อแกมาแล้ว! ผู้ใดว่าข้าช่วยไม่ได้!”
มัจฉาสัตมายาตวาดเสียงเย็น ประจันหน้ากับเจ้าหลวงกลางอากาศ ประกายเจิดจรัสรายล้อมรอบตัว เจิดจ้าทั้งยังองอาจเป็นพิเศษ!
เขาเกรียงไกรทรงอำนาจหลือแสน หันเขี้ยวคมใส่เจ้าหลวง ความดุดันถาโถมออกไปปกคลุมทั้งปฐพี ประหนึ่งวีรชนผู้ยิ่งใหญ่!
“ท่านพี่ชวน!”
เนื้อตัวชางเหยาเต็มไปด้วยบาดแผล เจ็บปวดจนแทบทนมิไหว ทว่าทันทีที่ได้เห็นมัจฉาสัตมายา ความเจ็บปวดทั้งหมดของนางพลันมลาย รอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏบนใบหน้า ดวงตาหวานหยดย้อยขึ้นมา
หล่อเกินไปแล้ว!
ท่านพี่ชวนเปรียบเสมือนผู้กอบกู้ที่จุติลงจากสวรรค์ พร้อมลงมือบดขยี้ความชั่วร้ายทั้งปวง!
“เจ้าน่ะหรือ ท่านพี่ชวนที่นางว่า”
เจ้าหลวงทอดมองมัจฉาสัตมายา สัมผัสขอบเขตพลังของมัจฉาสัตมายาได้ในอึดใจเดียว “เป็นแค่ขอบเขตมหาจักรพรรดิอันต่ำต้อย ยังกล้าบุกเข้ามาทำทีเป็นผู้กอบกู้อย่างนั้นหรือ”
มันก็นึกว่าท่านพี่ชวนที่ว่าเก่งกาจปานใด ที่แท้เป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อยขอบเขตมหาจักรพรรดิเท่านั้น นับเป็นเรื่องผิดหวังอย่างยิ่งสำหรับนาง เดิมยังคิดอยู่ว่าหากท่านพี่ชวนผู้นี้มีความสามารถจริง ๆ จะกำราบไว้เป็น ‘ทาส’ ของมัน
ใช่แล้ว
หลังจากฝึกฝนมาระยะหนึ่ง มัจฉาสัตมายาบรรลุสู่ขอบเขตมหาจักรพรรดิสำเร็จ
“ขอบเขตมหาจักรพรรดิแล้วอย่างไร มหาจักรพรรดิก็เล่นงานเจ้าจนฟันร่วงลงไปกองที่พื้นได้แล้วกัน! วันนี้ ข้าจะให้เจ้าได้ประจักษ์ถึงความแกร่งกล้าของขอบเขตมหาจักรพรรดิ!”
มัจฉาสัตมายาฮึกเหิม ไม่เห็นเจ้าหลวงอยู่ในสายตาสักนิด
ของวิเศษทั้งหลายล้วนเป็นกำลังหนุนของมัน แล้วมันยังต้องกลัวสิ่งใดอีก
“ข้ามีของวิเศษกองพะเนินอยู่เบื้องหลัง จะกำราบไอ้แก่อย่างเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”
มัจฉาสัตมายาตวาดลั่น อย่าให้เอ่ยเลยว่าทรงพลังเพียงใด
ซ่า!
ทว่าเวลานั้นเอง มิติเบื้องหลังมันบิดเบี้ยว ประกายมากมายกะพริบแวววับไม่หยุด ทั้งขวานเบิกสวรรค์ ค้อน ขันไม้ ถังไม้ ถ้วยกระเบื้อง แผ่นกระดานหินเขียว และของวิเศษอื่น ๆ อีกมากมายถล่มเข้ามาถ้วนหน้า จนมัจฉาสัตมายากระแทกพื้นลงไปทันที
“โอ๊ย!”
มัจฉาสัตมายาร้องลั่นด้วยความเจ็บ อเนจอนาถเหลือแสน กระแทกแรงจนพื้นเป็นหลุม
“เบียดกันอยู่ได้ ไม่เคยออกจากบ้านหรืออย่างไร!”
“เจ้าอย่าได้พูดไป พวกเราไม่เคยออกจากบ้านจริง ๆ!”
บรรดาของวิเศษส่งเสียงเจี๊ยวจ้าว โต้เถียงกันไม่หยุด
พวกมันต่างอยากโผล่ออกมาเป็นตนแรก ผลสุดท้ายคือกระแทกโครมเข้าด้วยกัน แล้วถล่มใส่ตัวมัจฉาสัตมายาทั้งหมด
ภายในหลุม มัจฉาสัตมายาอยากร่ำไห้เหลือเกิน
มันอยากบอกเหลือเกินว่า พี่ชายพี่สาวทั้งหลาย พวกท่านมาเป็นหน้าเป็นตาให้ข้า หรือมาหักหน้าข้ากันแน่!
มันหรืออุตส่าห์ออกโรงอย่างมีมาด องอาจเหลือคณา สาวน้อยใหญ่แทบจะหลงเสน่ห์มันทั้งหมด สุดท้ายกลับเกิดเรื่องเช่นนี้…
ไม่ไว้หน้ามัจฉาสัตมายาอย่างมันบ้างเลยหรือไร!
น่าอนาถเหลือเกิน!
อุตส่าห์ได้โอกาสมาแล้ว ได้วางมาดยิ่งใหญ่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในอาณาจักรอวี้ซวีสักครั้ง สุดท้ายกลับล่มจมทั้งอย่างนี้!
มัจฉาสัตมายาอยากร่ำไห้นัก!
“ท่านพี่ชวน…!”
ชางเหยาหลังน้ำตาอย่างทนไม่ไหว นึกอึดอัดแทนมัจฉาสัตมายาอยู่พักใหญ่!
ออกโรงเสียยิ่งใหญ่ประดุจผู้กอบกู้แห่งใต้หล้า สุดท้ายกลับพังครืนลง เหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว ไม่ทันตั้งตัวเกินไปแล้ว!
“???”
“นี่มัน…”
สิ่งมีชีวิตคณานับในอาณาจักรอวี้ซวีได้เห็นภาพนี้กันหมด พวกเขาต่างกุมหน้าผากอย่างอดมิไหว อย่าให้เอ่ยเลยว่าสีหน้าประหลาดเพียงใด!
ให้ตายสิ มัจฉาสัตมายาออกโรงอย่างมีมาด ประกาศกร้าวด้วยความองอาจ พวกเขาพลันมีความหวังขึ้นมาอย่างมากเพราะมัจฉาสัตมายา คิดว่ามัจฉาสัตมายาจะช่วยปลดปล่อยพวกเขา
มิฉะนั้น มัจฉาสัตมายาคงไม่แข็งกร้าวเช่นนี้!
ทว่าพริบตาต่อมาพวกเขาก็ต้องตาค้าง ความหวังที่เพิ่งก่อเกิดขึ้นมาในใจทลายลงทันที
มัจฉาสัตมายาถูกเครื่องใช้ประจำวันของปุถุชนอย่างกะละมัง ขัน และสิ่งอื่น ๆ ล้มใส่จนกระแทกลงพื้น!
เครื่องใช้ประจำวันของปุถุชนอย่างกะละมัง ขัน และสิ่งอื่น ๆ เหล่านี้คงมิใช่ของวิเศษที่มัจฉาสัตมายากล่าวถึงกระมัง
หากเป็นเช่นนั้นจริง จะมิตลกไปหน่อยหรือ!
“บ้าเอ๊ย…!”
เจ้าหลวงหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง อยากกลั้นก็ยังกลั้นไม่อยู่!
“เจ้ามาช่วยคนหรือมาย้ายบ้านกันแน่ โต๊ะเก้าอี้ ขัน กะละมัง ค้อน ขวาน กระทั่งถังขยะยังไม่ยอมเปลี่ยนใหม่ ต้องย้ายมาด้วยอย่างนั้นหรือ?!”
มันขำจากใจจริง
มัจฉาสัตมายาผู้นี้มาช่วยที่ไหน ตั้งใจมาย้ายบ้านชัด ๆ ดูสัมภาระเหล่านั้นสิ ล้วนเป็นของใช้ประจำวันกันทั้งสิ้น!
“เจ้าย้ายให้เสร็จก่อนดีหรือไม่ เสร็จแล้วค่อยเริ่มสู้”
มันเอ่ยเย้ยหยัน
“ย้ายบ้านแกสิ!”
มัจฉาสัตมายาตะกายขึ้นจากหลุม กระโจนขึ้นไปอยู่บนนภาอีกครั้ง พร้อมตวาดออกไป “เจ้าตัวมีตาแต่หามีแววไม่ พี่ชายพี่สาวทั้งหลายเพียงมิได้เปล่งบารมีเท่านั้น หลังเปล่งบารมีแล้ว ตาแก่อย่างเจ้าได้กลัวจนหัวใจวายตายแน่!”
“กลัวโต๊ะ เก้าอี้ กะละมังเหล่านี้จนหัวใจวายตายน่ะหรือ”
เจ้าหลวงหัวเราะลั่น “เจ้าอยากให้ข้าขำจนตายหรืออย่างไร”
มันอยากจะบ้าตาย มัจฉาสัตมายาเอาความกล้าจากไหนมาเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้กัน ดูแล้ว อืม มัจฉาสัตมายาคงตั้งใจทำให้มันขำจนตายจริง ๆ กระมัง!
ทว่าหนนี้ของวิเศษในลานมิได้ปล่อยให้มัจฉาสัตมายาเสียหน้า
ก่อนหน้านี้พวกมันเก็บงำพลัง มิได้แสดงความไม่ธรรมดาออกไป หลังสิ้นเสียงมัจฉาสัตมายา พวกมันต่างเปล่งบารมี สำแดงความวิเศษของพวกตนออกไปอย่างเต็มที่!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
พวกมันพากันกระโจนตัวขึ้นไปอยู่ในระนาบเดียวกับมัจฉาสัตมายา แต่ละชิ้นล้วนเปล่งประกายเจิดจ้าเหลือแสน แสงเซียนสว่างไสว จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียนออกมา สะท้านไปทั้งห้วงมิติ!
พวกมันเพิ่งเคยออกจากบ้านเป็นครั้งแรก ก่อนเผชิญหน้าศัตรูมิต้องการเผยตัวตนมากนัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะโดนดูถูกเหยียดหยามถึงเพียงนี้!
พวกมันทนมิได้ แต่ละชิ้นล้วนมีจิตสังหารพลุ่งพล่าน!
เวลานั้นเอง ห้วงมิติบิดเบี้ยว ไม้ประดับกลุ่มสุดท้ายมาถึง พร้อมพุ่งตัวออกมา พวกมันทุกต้นล้วนสว่างไสว มีแสงเซียนห้อมล้อม ลวดลายบนใบไม้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากได้พิจารณาอย่างละเอียด จะต้องตกใจที่พบว่าทุกลวดลายล้วนเปี่ยมไปด้วยรอยเต๋า เจือไว้ซึ่งจังหวะแห่งเซียน!
“วางใจ สู้ได้เลย มีพวกเราอยู่ พวกเจ้าไม่มีวันตาย!”
“ใช่แล้ว! ต่อให้เครื่องใช้บุบสลาย ดวงวิญญาณสูญสิ้น พวกเราก็รับประกันได้ว่าพวกเจ้าจะไม่ตาย!”
เหล่าไม้ประดับปริปาก วาจาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
และพวกมันมั่นใจเช่นนี้ได้แน่ เพราะพวกมันทรงพลังพอ!
ก้านหลิวก้านหนึ่งพุ่งออกมา ปลิดปลิวตามลม ราวกับฝังรากลงไปในอวกาศ งอกเงยขึ้นจากอวกาศอย่างนั้น ดูมหัศจรรย์อย่างยิ่งยวด
มันคือต้นหลิว มันมิได้มาทั้งต้น เพราะยังต้องคอยพิทักษ์เมืองชิงซาน ป้องกันมิให้เกิดเรื่องไม่คาดคิด
ทว่าสำหรับมันแล้ว มาทั้งต้นหรือมาเพียงหนึ่งก้านก็แตกต่างไม่มากนัก
“อะไรกัน!”
“ของเหล่านี้เป็น…ของวิเศษอะไรกัน!”
หลังของวิเศษในลานสำแดงแสนยานุภาพ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอวี้ซวีที่ได้เห็นภาพนี้ต่างตะลึงงัน หัวใจสะท้าน ไม่อาจสงบจิตสงบใจลงได้เลย!
จะให้สงบใจได้เช่นไร?!
ยอดศาสตราเหล่านี้ ไม่ว่าชิ้นใดล้วนมีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งเกินหยั่งไหลเวียนอยู่ พลิกโฉมโลกทัศน์ของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง!
ขันไม้ตักน้ำ กระบองเขี่ยไฟ กะละมังล้างหน้า ตะเกียบไม้และถ้วยกระเบื้องที่ใช้ในการรับประทานอาหาร ตะเกียงซึ่งมีเทียนติดอยู่ แผ่นหินเขียวปูพื้น…
สวรรค์!
วัสดุของยอดศาสตราเหล่านี้ล้วนเหนือขั้นเซียนขึ้นไป มีพลังระดับเซียนแผ่ซ่านอยู่รอบ ๆ พวกเขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับใดถึงโหดร้ายผิดมนุษย์ได้ปานนี้ นำวัสดุระดับเซียนสูงส่งเช่นนี้ไปสรรค์สร้างเป็นเครื่องใช้ประจำวันเสียได้…!
ที่สำคัญ หากลำพังเพียงเท่านี้ยังดี ทว่าแม้แต่ถังขยะยังทำด้วยวัสดุเหนือระดับเซียนขึ้นไป!
นี่มันเรื่องอะไร! ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว!
“ท่านพี่ชวน สุดยอดไปเลย!”
ชางเหยาตะโกนลั่นด้วยความปีติ ดวงตากลับมาเป็นรูปหัวใจอีกครั้ง “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านพี่ชวนพึ่งพาได้ ที่มาคราวนี้ก็เพื่อบดขยี้พวกวายร้าย กอบกู้แผ่นดินอาณาจักรอวี้ซวี!”
อีกด้าน เจ้าหลวงนัยน์ตาสั่นไหวระริก คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ามันจะมองผิดไป ก่อนนี้ดูไม่ออกเลยว่าเครื่องใช้ประจำวันเหล่านี้ไม่ธรรมดาเพียงใด!
“เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
มันจ้องมัจฉาสัตมายาเขม็ง สีหน้าเคร่งเครียด ไม่เหลือความดูหมิ่นเหยียดหยามอีกต่อไป
คลื่นพลังที่แผ่ซ่านออกจากยอดศาสตราทุกชิ้นล้วนเป็นผลให้เขาอกสั่นขวัญแขวน มันไม่สงสัยเลยว่า แม้แต่ตะเกียบกินข้าวคู่นั้นมันยังสู้ไม่ไหว ห่างชั้นกันมากเกินไป
มาจากที่ใดกัน
จากภายในภพเซียนหรือ
มันนึกถึงภพเซียนทันที
ถึงอย่างไร นอกจากภพเซียนแล้ว แดนดินอื่นไม่มีทางมียอดศาสตราระดับเซียน และโอสถเซียนมากมายเพียงนี้แน่ เมื่อครั้งภพเซียนถอนกำลัง ก็แทบกวาดล้างของระดับเซียนไปด้วยทั้งหมด
ดูท่า สถานการณ์ในภพเซียนจะมิได้เป็นเช่นที่เขาคิด
เหมือนว่าภพเซียนมิได้ขี้ขลาดตาขาวอย่างเก่า กล้าออกมาเคลื่อนไหวข้างนอกแล้ว
แต่ไม่เป็นไร อย่างไรภพเซียนก็ไม่มีทางก่อการใหญ่ได้ เมื่อความพิศวงลางร้ายที่แท้จริงจุติ ภพเซียนย่อมต้องหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนสุนัขไร้เจ้าของดังเดิม
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด เห็นจะเป็นเมื่อครั้งความพิศวงลางร้ายปะทุคราแรก ภพเซียนเผ่นได้เร็วกว่าผู้ใด
“ข้าคือมู่ชวนแห่งเผ่ามัจฉาสัตมายาในทะเลเหนือ!”
มัจฉาสัตมายาแผดเสียง ประกาศชื่อเสียงเรียงนามภูมิหลังความเป็นมา
บัดนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งปวงในอาณาจักรอวี้ซวีกำลังจับตาดูมันอยู่ นับเป็นช่วงเวลาเกรียงไกรได้หน้าที่สุด มันย่อมต้องทิ้งชื่อเอาไว้ มิฉะนั้นผู้ใดเล่าจะรู้ว่าเขาเป็นใคร
เจ้าหลวงหน้าดำคร่ำเครียด สีหน้าไม่สู้ดี มันถามถึงรากฐานปูมหลังที่แท้จริงของมัจฉาสัตมายา หาได้ถามข้อมูลพื้นฐานเช่นนี้ของมัจฉาสัตมายาไม่
เห็นได้ชัดว่ามัจฉาสัตมายาตะล่อมเขาไปเรื่อย
“เป็นเพียงข้าวของเครื่องใช้จำนวนหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าวัสดุนั้นทรงพลัง กระนั้นท้ายที่สุดก็เป็นเพียงของใช้เล็กน้อยประจำวัน มิใช่อาวุธเซียนสำหรับการฆ่าล้างจริง ๆ จะมีฤทธิ์เดชสักเท่าไหร่กัน!?”
เจ้าหลวงทอดมองมัจฉาสัตมายา ยิ้มเย็นพลางเอ่ย “ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าสิ่งใดอยู่เบื้องหลังเจ้ากันแน่!”
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงทั้งหลายแสยะยิ้มมุมปากเช่นกัน พร้อมพากันก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว เตรียมพร้อมลงมือ
พวกมันไม่รู้สึกเช่นกันว่าเครื่องใช้ประจำวันเหล่านี้จะมีฤทธิ์เดชเท่าไร!
“นี่เขากำลังเยาะเย้ยเราอยู่หรือ”
“ดี เยาะเย้ยได้สำเร็จแล้ว!”
จิตสังหารของวิเศษในลานทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
จริงอยู่ว่า พวกมันเป็นเพียงเครื่องใช้ประจำวัน
แต่ต้องดูด้วยว่าพวกมันรับใช้ผู้ใด!
ผู้ที่พวกมันรับใช้อยู่คือคุณชาย!
สายตาเจ้าหลวงคับแคบนัก
“พวกเจ้าเล่นกันไปเถิด ข้าจะไปเดินเล่นที่อื่นดูหน่อย…”
สงครามใกล้ปะทุเต็มที ต้นหลิวกลับไม่แยแสแม้แต่น้อย มันหาวอยู่หนึ่งที ก่อนเอ่ยว่าจะไปที่อื่น
สิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างพวกเจ้าหลวงด้อยพลังเกินไป ไม่ควรค่าให้มันลงมือสักนิด ใบหลิวของมันร่วงโรยเพียงใบเดียวก็สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างพวกเจ้าหลวงได้ง่ายดาย
ช่างเถิด เก็บสิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างพวกเจ้าหลวงไว้เล่นสนุกกับของวิเศษในลานไปแล้วกัน
“พวกเจ้าจะกลับแล้วเรียกข้าก็พอ…”
ต้นหลิวทำท่าจะไป
“คิดหนีรึ ง่ายปานนั้นที่ไหน!”
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงตัวหนึ่งหมายหัวต้นหลิว ตะคอกเสียงเย็น “หมูเสียบต้นหอมในจมูกแล้วอ้างตนว่าเป็นกุญชรอย่างนั้นหรือ เผยก้านหลิวมาท่อนเดียวแล้วทำวางมาดเสียยกใหญ่ เจ้าคิดว่าตนเป็นใครกัน?”
มันเอ่ยต่อ “เจ้าไปไม่ได้หรอก วันนี้ ข้าจะถอนรากถอนโคนของเจ้า ขอดูหน่อยเถิดว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่!”
“!!!”
หลังมัจฉาสัตมายาได้ยินคำกล่าวของสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงตัวนี้ ก็เกือบเด้งตัวกระโดดขึ้น
สุดยอด!
ถากถางเพิ่มความขุ่นเคืองได้ถึงพริกถึงขิงยิ่งนัก!
ยุ่งกับผู้ใดไม่ยุ่ง ดันไปยุ่งกับพี่หลิว
มันมองจ้องสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงตัวนั้นด้วยสายตาชอบกล
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงตัวนี้เก่งกาจยิ่ง สายตาดีมากด้วย ปราดเดียวก็เลือกถูกตัว ผู้ทรงพลังที่สุดในฝ่ายพวกเขา!
ไม่ให้นับถืออย่างไรไหว!
ดีมาก!
เจ้าหลวงพอใจเป็นอย่างยิ่งกับการแสดงออกของสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวง
คำพูดเหล่านั้นของต้นหลิวดูวางท่าใหญ่โต เหยียดหยามพวกมันเกินไป พวกมันควรจะต้องทำเช่นนี้ เพื่อให้ต้นหลิวได้เข้าใจว่าการวางท่าใหญ่โต และเหยียดหยามพวกมันต่อหน้ามีราคาที่ต้องจ่ายอย่างสาสม!
“...”
ต้นหลิวพูดไม่ออก อันใดกัน มันเพียงแค่บอกลาของวิเศษทั้งหมดในลาน กลับทำให้เกิดการยั่วยุเหน็บแนมและการมุ่งเป้า?
อันใดคือหมูเอาต้นหอมปักจมูกอ้างตนเป็นกุญชร?
อันใดคือวางมาดเสียยกใหญ่
มันจำเป็นต้องเสแสร้งอย่างนั้นด้วยหรือ?
น่าขบขันเสียจริง...
“ต้องการจะวิ่งหนีหรือ เจ้าคงเห็นว่าสถาการณ์ไม่ดี อยู่ไปก็ต้องประสบเคราะห์สินะ? อย่างน้อยก็ยังมีสายตาเฉียบแหลมอยู่บ้าง แต่เจ้าจะสามารถจากไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการติดสินใจของพวกเรา!”
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงเอ่ยมาเสียงเย็นเยียบ
“ข้าจะจัดการเจ้าเสียประเดี๋ยวนี้!”
มันเปิดปากพูดออกมา ขณะที่ร่างของมันหายไปจากจุดเดิมภายในพริบตา เมื่อมันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็อยู่ด้านหน้าระยะใกล้ต้นหลิวเสียแล้ว
ฝุ่นละอองสีเทาทะลักกระจาย อึดใจต่อมาก็ควบแน่นกลายเป็นทวนยาวพุ่งเข้าใส่ต้นหลิว
ทวนยามเปล่งแสงเจิดจ้า พลังด้านในชวนให้ผู้คนหวาดเกรง แม้ว่าวาจาของมันจะเต็มไปด้วยการดูหมิ่นต้นหลิว ทว่ามันก็ไม่ได้คิดประมาทต้นหลิวแม้แต่น้อย ใส่พลังทั้งหมดของตัวเองลงไปด้วย
นี่คือทวนที่ควบแน่นขึ้นจากพลังพิศวง พลังของมันน่าสะพรึงกลัว แม้กระทั่งขั้นเซียนสมบูรณ์ถูกแทงก็ไม่อาจทนรับได้ ถูกสังหารทิ้งภายในพริบตาอย่างแน่นอน!
พลังพิศวงสามารถทำลายร่างเนื้อและวิญญาณของเซียนสมบูรณ์ได้
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตขนสีเทาพิศวงยิ้มเหยียดมุมปาก ความเร็วเช่นนี้ต้นหลิวจะต้องไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างแน่นอน!
ทว่าเพียงพริบตาต่อมา สีหน้าของมันก็พลันแปรเปลี่ยน!
มันเข้าใจว่าต้นหลิวคงจะไม่ทันได้ตอบสนอง แต่ความจริงไม่ได้เป็นดั่งเช่นที่มันคิด
ต้นหลิวรับรู้ทุกอย่างได้ตั้งนานแล้ว
ฟิ้ว!
กิ่งหลิวเพียงแค่กวัดแกว่งเบา ๆ พลังที่มองไม่เห็นก็กระเพื่อมออกมาภายในชั่วพริบตา จับร่างของสิ่งมีชีวิตขนสีเทาพิศวงเอาไว้กลางอากาศ
ครู่ต่อมาสิ่งมีชีวิตขนสีเทาพิศวงก็ถูกจับห้อยหัวลง
เพียะ เพียะ เพียะ!
เสียงฟาดดังขึ้นอย่างชัดเจนไปทั่วดินแดน กิ่งหลิวเหวี่ยงฟาดอย่างรุนแรงใส่ร่างสิ่งมีชีวิตขนสีเทาพิศวงอย่างต่อเนื่อง
“อ๊ากกก!”
สิ่งมีชีวิตขนสีเทาพิศวงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลังพิศวงบนร่างถูกฟาดจนกระเด็นหาย สร้างความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด ประหนึ่งมีอสนีบาตฟาดกระหน่ำ เจ็บปวดจนร้าวรานไปถึงหัวใจ!
“เกิด...อะไรขึ้น!”
สีหน้าของเจ้าหลวงแปรเปลี่ยนอย่างมาก หัวใจของมันเต้นระส่ำขึ้นมาทันที
กระทั่งพลังพิศวงเมื่ออยู่ต่อหน้าต้นหลิวแล้วกลับเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง สลายหายไปภายในพริบตาเดียว ไม่ต้องสงสัยเลย ความแข็งแกร่งของต้นหลิวจะต้องเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตขนสีเทาพิศวงอย่างมากแน่นอน
หรือว่าจะเป็นจ้าวแห่งเซียนกัน?
มันอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้ รู้สึกว่าต้นหลิวน่าจะเป็นขั้นจ้าวแห่งเซียน!
สิ่งมีชีวิตขนสีเทาพิศวงอาจหาญไปยั่วยุจ้าวแห่งเซียน นี่มันไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย!
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“นี่มันขอบเขตใดกันแน่!”
สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในอาณาจักรอวี้ซวีต่างตกตะลึงจนไม่อาจบรรยายออกมาได้
ความต่างชั้นมากเกินไป!
ต้นหลิวตีสิ่งมีชีวิตขนสีเทาพิศวง ประหนึ่งพ่อทุบตีสั่งสอนลูก สิ่งมีชีวิตขนสีเทาพิศวงไม่มีความสามารถจะต่อกรแม้แต่น้อย!
เพียะ!
กิ่งหลิวฟาดลงมาอีกครั้ง ร่างของสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงระเบิดออกทันที กลายเป็นหมอกโลหิต กระทั่งวิญญาณยังแตกสลาย ตายตกไปโดยสิ้นเชิงคาที่
ก่อนตายมันมีหนึ่งความคิดเดียว ว่าเหตุใดมันจึงไม่เบิกตาดูให้ดีเสียก่อน ไปยั่วยุใครก็แล้วไปเถิด ไยต้องเป็นต้นหลิวด้วย!
ต้นหลิวจะไปก็ควรปล่อยไปเสีย แต่มันกลับเข้าไปขัดขวาง วาดมาดเสียใหญ่โต!
มันขุดหลุมฝังตัวเองด้วยมือของมันเอง...
จ้าวแห่งเซียน!
ต้องเป็นขั้นจ้าวแห่งเซียนแน่นอน!
หัวใจของเจ้าหลวงสั่นสะท้าน ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป พลังที่ต้นหลิวสำแดงนั้นอย่างน้อยก็ต้องอยู่ขั้นจ้าวแห่งเซียนแน่นอน!
ด้วยพลังพิศวง และโดยเฉพาะสสารพิศวงในร่างกายของสิ่งมีชีวิตสีเทา ทำให้มันตายยากยิ่งนัก ไม่มีทางถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย
แต่ต้นหลิวกลับทำได้ด้วยอย่างง่ายดาย!
มันเกิดความสงสัยเสียด้วยซ้ำว่า ต้นหลิวจะไม่ใช่จ้าวแห่งเซียนธรรมดา แต่อาจเป็นถึงระดับสูงสุดของขั้นจ้าวแห่งเซียน!
“อ่า...พวกเจ้าเล่นกันไปเถิด ข้าไปแล้ว”
ต้นหลิวจากไป มันไม่ใส่ใจจะลงมือ หากมันลงมือ เพียงแค่ใบหลิวใบเดียวก็สามารถกวาดล้างสิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านี้ทั้งหมดลงได้ เช่นนั้นแล้วของวิเศษในลานบ้านก็จะไม่มีอะไรให้เล่น
“ตกลง พี่ต้นหลิวเดินทางปลอดภัย!”
มัจฉาสัตมายายิ้มส่งต้นหลิว ในใจของมันนั้น พี่ต้นหลิวแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ยกเว้นคุณชายแล้วก็ไร้ผู้เทียบเคียง!
ไม่ดี ไม่ดีแล้ว!
ความคิดของเจ้าหลวงแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้มันคิดว่าเพราะต้นหลิวเกิดความกลัว จึงคิดจะหนีจากไป
ทว่าตอนนี้ดูจากสถานการณ์แล้ว ไม่ได้เป็นเช่นที่มันคิด!
ด้วยความแข็งแกร่งของต้นหลิวแล้ว ต้นหลิวสามารถกวาดล้างสิ่งมีชีวิตพิศวงทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ทว่าต้นหลิวกลับจากไปโดยที่ไม่ได้ลงมือ
นี่แสดงให้เห็นว่าต้นหลิวมีความเชื่อมั่นในเครื่องใช้เหล่านี้ เชื่อว่าเหล่าเครื่องใช้สามารถจัดการกับพวกมันได้
ต้องรีบติดต่อจ้าวตะเข้!
มันไม่กล้ารีรอ รู้ดีว่าหากยังไม่ติดต่อจ้าวตะเข้ วันนี้พวกมันทั้งหมดคงต้องจบสิ้นลงที่นี่!
“สหายรีบมาเถอะ!”
มันรีบติดต่อจ้าวตะเข้ เล่าให้ฟังถึงสถานการณ์ที่นี่ ก่อนขอให้จ้าวตะเข้นำยอดฝีมือมาเสริมกำลัง
“ตกลง ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบไปทันที! สหายวางใจได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้าอย่างแน่นอน!”
จ้าวตะเข้ตอบรับ กล่าวว่าตนเองจะไปหาพร้อมนำยอดฝีมือทั้งหมดในนครไปด้วย
หลังจากได้รับการตอบรับจากจ้าวตะเข้ เจ้าหลวงก็โล่งใจขึ้นมา
จ้าวตะเข้สามารถต่อกรกับขั้นจ้าวแห่งเซียนได้ ทั้งยังมียอดฝีมืออีกจำนวนมาก เมื่อจ้าวตะเข้มาถึงพร้อมนำกองกำลังที่สามารถต่อกรกับจ้าวแห่งเซียนได้มาด้วย แม้ว่าต้นหลิวจะกลับมาก็ไม่เป็นอันใด ทั้งอีกฝ่ายยังจะถูกจัดการลง!
‘หยิ่งยโสนัก เจ้าจะต้องจ่ายราคาอย่างสาสมกับความถือดีนี้!’
เจ้าหลวงเย้ยหยันในใจ ต้นหลิวหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก ไม่เห็นพวกมันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังจากไปเช่นนี้ หารู้ไม่ว่านี้เป็นการเปิดโอกาสให้กับพวกเขา รอจ้าวตะเข้มาถึง ต้นหลิวจะต้องชดใช้ให้กับความยโสถือดีอย่างสาสม!
“พี่น้องทั้งหลายมาให้ข้าสังหารเสีย!”
มันตะโกนออกมาด้วยเสียเย็นชา ไม่มีความกังวลเหลืออยู่แม้แต่น้อย มันเรียกดาบยาวออกมาชี้ตรงไปทางมัจฉาสัตมายาและเหล่าของวิเศษ
สิ่งมีชีวิตพิศวงทั้งหมดตอบรับคำสั่ง พวกมันทะยานออกมาจากทุกหนแห่งในอาณาจักรอวี้ซวีเข้ามาหมายสังหารมัจฉาสัตมายาและเหล่าของวิเศษ
สิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีขาวนับไม่ถ้วนถือได้ว่ามีจำนวนมากที่สุด รองลงมาเป็นสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีเหลือง พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจาย ผืนนภาเปลี่ยนสีขมุกขมัวอย่างถึงที่สุด ดวงอาทิตย์อยู่เหนือฟ้าถูกปกคลุม
“พวกพี่น้องมีจำนวนจำกัด หากช้าจะอดเล่นเอานะ!”
แผ่นหินปูพื้นตะโกนออกมาพร้อมทุ่มตัวออกไปทันที สิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนถูกทุบจนเละ กลายเป็นหมอกเลือด สสารพิศวงสลายหายไป ตายลงอย่างสิ้นเชิง
“ใครเป็นพี่น้องของเจ้ากัน! พวกเรามีแค่พี่สาวน้องสาว!”
ชามกระเบื้องเคลือบทั้งแปดเปล่งแสง เสียงที่ดังออกมานุ่มนวลชวนฟัง ราวกับเสียงร้องของนกขมิ้น คลื่นแสงบางอย่างพูดออกมาจากพวกมัน เพียงแค่พริบตาเดียวก็สังหารสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีขาวไปจำนวนนับไม่ถ้วน!
“ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องรีบร้อน”
เก้าอี้โยกส่งเสียงสงบนิ่งดั่งเช่นเคยออกมา แต่การลงมือกลับดุดันเป็นอย่างมาก
มันโยกตัวเบา ๆ สิ่งมีชีวิตพิศวงขนขาวหลายสิบตัวที่พุ่งมาสังหารมันก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์ ไม่หลงเหลือแม้กระทั่งเลือดเพียงหยดเดียว
“พี่น้องทั้งหลาย ดูข้าสิ!”
ถังน้ำทิ้งโจมตี กลิ่นโชยตลบอบอวล ไม่ต้องกล่าวถึงว่าพลังโจมตีนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน สิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีขาวจำนวนมาก ณ จุดนั้นพากันอาเจียนออกมาจนไม่มีอะไรให้อาเจียนออกมา ทำให้สิ่งที่ออกจากปากพวกเขามากลายเป็นเลือด!
พวกมันปิดประสาทการรับกลิ่นไปก็ไร้ผล กลิ่นน้ำเน่าเหม็นสะอิดสะเอียดพุ่งตรงสู่จิตวิญญาณของพวกมัน ทำให้วิญญาณของพวกมันแทบพังทลาย ไม่อาจทนรับเอาไว้ได้!
“!!!”
“เจ้าเก็บมันไปเสีย!”
ของวิเศษชิ้นอื่น ๆ ตะโกนออกมา ไม่ต้องพูดถึงสิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านี้เลย กระทั่งพวกมันเองก็ล้วนไม่อาจทนกับกลิ่นน้ำทิ้งได้
“ได้ ได้!”
ถังน้ำทิ้งรีบเก็บกลิ่นของมันกลับมา ควบคุมให้อยู่เพียงในหนึ่งบริเวณ ช่วยไม่ได้ มันเพิ่งได้ต่อสู้เป็นครั้งแรกทำให้ตื่นเต้นจนเกินไป กลิ่นที่แผ่ออกมาจึงปกคลุมพื้นที่วงกว้างใหญ่เกินไปเป็นอย่างมาก!
ไม้เขี่ยฟืน กระบวยไม้ ตะเกียบไม้ ถังไม้ อ่างล้างหน้า ตะเกียงและของวิเศษอื่น ๆ ก็ลงมือโจมตี เป็นดังที่แผ่นหินปูพื้นพูดไว้จริง จำนวนสิ่งมีชีวิตพิศวงมีจำนวนจำกัด หากลงมือช้าก็จะอดเล่น!
พวกมันโจมตีอย่างสุ่ม ๆ ทำให้สิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีขาวจำนวนมากถูกสังหาร ฆ่าล้างไปจนหมดสิ้น!
มีสสารพิศวงอยู่ในร่าง สิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านี้ก็ยากที่จะสังหารเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจตายได้โดยง่าย
ทว่าต่อหน้าเหล่าของวิเศษแล้ว สิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านี้ก็ประหนึ่งสิ่งมีชีวิตทั่วไป สามารถสังหารทิ้งได้อย่างไม่ยากเย็น เพียงแค่ลงมือนิดเดียวก็สามารถกำจัดได้!
“เพียงแค่กำลังพลทั่วไป!”
เจ้าหลวงไม่ใส่ใจ กุญแจสำคัญในการตัดสินผลนั้นขึ้นอยู่กับกองกำลังระดับสูงอย่างสิ่งมีชีวิตพิศวงขนเทา!
“มาให้ฆ่าสังหารเสีย!”
มันยกดาบใหญ่ขึ้นแล้วพุ่งไปข้างหน้าด้วยจิตสังหาร
ทว่าพริบตาต่อมามันก็หันหลังวิ่งหนี!
มันเห็นสิ่งใดกัน?
ขวานทองสัมฤทธิ์ที่ใช้สำหรับผ่าฟืน ฟาดลงไปเพียงครั้งเดียวสิ่งมีชีวิตพิศวงขนเทาก็ร่างขาดครึ่ง!
“สหายรีบมาช่วยข้าเถิด!”
มันติดต่อจ้าวตะเข้แล้วตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ เรียกให้จ้าวตะเข้มาช่วยเหลือมันอย่างเร่งด่วน!