621-625

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 621ถึง625


สิ่งจำเป็นในการเดินทางที่หลี่จิ่วเต้านึกออกได้ถูกพกไปด้วยหมดแล้ว


สุดท้าย เขามาอยู่ที่ลานเล็กข้างเคียง


สั่งให้ลั่วสุ่ยนำผักผลไม้ไปจำนวนหนึ่ง


“พาวัวไปด้วยแล้วกัน”


หลี่จิ่วเต้าไตร่ตรองแล้วจึงเอ่ย “พาแม่วัวกับลูกวัวน้อยไป”


หนทางยาวไกล เขาคิดว่าพาแม่วัวไปด้วยจะได้มีนมให้ดื่มระหว่างทาง ส่วนที่พาลูกวัวน้อยไปด้วยนั้น เพราะกลัวแม่วัวคิดถึงลูก


‘หากว่าได้พบซี ข้าก็อยากทำชานมให้นางดื่ม ทำเค้กเนยสดให้นางกิน!’


หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ


ตอนนั้น เขาเพิ่งทะลุมิติเข้ามาในโลกนี้ สิ้นไร้ไม้ตอก ไร้ซึ่งความสามารถ อาหารที่ได้ร่วมกินกับซีล้วนเป็นของธรรมดา


ตอนนี้ หากเขาได้พบซี เขาจะปรุงอาหารเลิศรสให้นางกินเป็นภูเขาเลากา!


“คลื่นลูกใหม่ซัดสาดคลื่นลูกเก่า ยิ่งใหม่ยิ่งทวีความแรง! ข้าตายดีกว่า ลูกวัวน้อยต่างหากคือผู้ได้รับความโปรดปรานจากคุณชายแทนข้า ซัดข้าหมอบราบกับหาดทราย”


มัจฉาสัตมายาในบ่อน้ำร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดยิ่งขึ้น


ปลาตัวอื่นต่างได้ยินเสียงร่ำไห้ของมัจฉาสัตมายา นึกในใจว่าพี่ชี ท่านเคยได้รับความโปรดปรานจากคุณชายเมื่อใด หากมิใช่เพราะพี่ลั่วสุ่ย ท่านคงโดนคุณชายจับตุ๋นไปนานแล้ว!


“เสี่ยวไป๋ ข้าออกไปสักเดี๋ยว”


หลังเก็บสัมภาระในลานจนเสร็จสิ้น หลี่จิ่วเต้าก็เอ่ยบอกลั่วสุ่ย เดินออกจากลานเล็ก


หนทางครานี้ยาวไกลนัก ใช้เวลาเนิ่นนาน เขารู้สึกว่าควรต้องบอกหลิงอินและเสี่ยวหยา หากหลิงอินและเสี่ยวหยาอยากไปด้วย เขาไม่รังเกียจที่จะพาพวกนางไปด้วย


หลิงอินและเสี่ยวหยาล้วนเป็นปุถุชนธรรมดา หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ชีวิตนี้หลิงอินและเสี่ยวหยาก็คงยากจะได้ท่องเที่ยวไปทั้งอาณาจักร ได้เห็นทิวทัศน์ของโลกนี้


โอกาสเช่นนี้หายากยิ่ง ถือเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตของหลิงอินและเสี่ยวหยา ในฐานะสหายของหลิงอิน กึ่งอาจารย์กึ่งสหายของเสี่ยวหยา เขาอยากพาทั้งสองไปด้วย


หลังมีประสบการณ์ออกเดินทางทั่วอาณาจักรแล้ว ชีวิตนี้ของพวกนางก็นับว่าไม่เสียเปล่า


ไม่นานนัก เขาก็มาถึงลานเล็กของบ้านหลิงอิน


“คุณชายหลี่มาหรือ!”


แม่ของหลิงอินรีบร้อนต้อนรับหลี่จิ่วเต้าเข้ามาในลาน เอ่ยยิ้ม ๆ “นาน ๆ จะมาทีนะนี่ คุณชายหลี่มิได้มาเยี่ยมกันนานแล้ว”


“เสียมารยาทแล้ว ถือเป็นความบกพร่องของข้า ข้าควรมาเยี่ยมเยียนท่านป้าบ่อย ๆ จึงจะถูก”


หลี่จิ่วเต้ากล่าวยิ้ม ๆ


“ใช่น่ะสิ แม่ยายในอนาคต ย่อมต้องมาเยี่ยมเยียนบ่อย ๆ เป็นธรรมดา!”


ป้าหวังก็อยู่เป็นแขกในบ้านหลิงอินด้วย นางก้าวออกจากห้องด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม เอ่ยต่อบทสนทนา


หลี่จิ่วรู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อย ป้าหวังหมกมุ่นกับงานวิวาห์ของเขาและหลิงอินอยู่เสมอ นับแต่เสี่ยวไป๋แปลงกายเป็นมนุษย์ อาศัยอยู่ในลานเล็ก ป้าหวังมักบอกเขาว่า อย่าคิดแต่ซ่อนหญิงงามไว้ในเรือนทองคำ ข้างนอกนั่นยังมีหลิงอินที่รอเขาอยู่!


“ท่านป้าหวัง ท่านพูดเหลวไหลอะไรอีกแล้ว! โอ๊ย ท่านแม่ ท่านไปสนทนากับท่านป้าหวังกันสองคนเถิด!”


หลิงอินเร่งรีบก้าวออกมาจากห้อง ดันท่านแม่ของนางและป้าหวังไปที่อื่นด้วยแก้มแดงระเรื่อ มิกล้าปล่อยให้ป้าหวังพูดต่อ


ป้าหวังมาหาท่านแม่นางที่บ้านนั้นหาได้มีเรื่องอื่นไม่ ล้วนแล้วกล่าวถึงงานวิวาห์ของนางและคุณชายกับท่านแม่นาง เอ่ยว่าที่บ้านคุณชายมีเด็กสาวโฉมสะคราญผู้หนึ่งอาศัยอยู่ ขืนยังไม่รีบลงมือคงได้สายไปจริง ๆ พร้อมทั้งเร่งเร้าท่านแม่ของนางให้ไปหาคุณชาย รับหน้าแทนนาง ตกลงเรื่องแต่งงานไว้ก่อน


หากนางยังไม่หักห้ามบ้าง สกัดบ้าง เป็นไปได้ว่าป้าหวังอาจได้ลากท่านแม่นางไปหารือเรื่องแต่งงานกับคุณชายจริง ๆ!


“คุณชาย!”


“สวัสดีคุณชาย!”


เสี่ยวหยาและพี่ชายของนางก้าวออกจากห้อง เอ่ยทักทายคุณชาย


“อืม!”


หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าให้ทั้งเสี่ยวหยาและพี่ชายของนาง


คุณชาย เราไปสนทนากันในห้องเถิด!”


หลิงอินกลับมา เอ่ยกับคุณชายด้วยใบหน้าแดงก่ำ


“ได้!”


หลี่จิ่วเต้าก็รับรู้ถึงสายตาของป้าหวังและมารดาหลิงอินที่จ้องเขา ‘ตาเป็นมัน’ เขาผวาในใจอยู่นิดหน่อย กลัวจะรับมือมิไหว จึงรีบตามหลิงอินเข้าไปในห้อง


เสี่ยวหยาและพี่ชายเสี่ยวหยาตามเข้ามาด้วย


พวกเขาเห็นท่าทาง ‘หวาดกลัว’ ของคุณชาย นึกไปว่าในอาณาจักรทั้งปวง สรวงสวรรค์เบื้องบน เห็นจะมีเพียงมารดาหลิงอิน และป้าหวังเท่านั้นที่ทำให้คุณชายรู้สึก ‘กลัว’ ได้!


“คุณชายคงไม่ถือสาให้ข้าปิดประตูก่อนเราสนทนากันใช่หรือไม่”


หลิงอินถาม กลัวท่านแม่ของนางและป้าหวังจะบุกเข้ามาอีก


“ไม่ถือสา ไม่ถือสา!” หลี่จิ่วเต้ารีบบอก เขาเองก็กลัวเช่นกัน!


“ได้!”


หลิงอินรีบปิดประตู ท่านแม่ของนางและป้าหวังมาจริง ๆ อีกนิดเดียวก็เข้ามาได้แล้ว


“ยายเด็กนี่!”


มารดาของหลิงอินโกรธจนกระทืบเท้าอยู่ข้างนอก “ลูกโตแล้วไม่ยอมเชื่อฟังแม่ ลูกโตแล้วไม่ยอมเชื่อฟังแม่เลย!”


ภายในห้อง หลิงอินทั้งกระอักกระอ่วน ทั้งระอา นางจนปัญญากับท่านแม่ของนางผู้นี้จริง ๆ


นางหัวเราะเจื่อน ๆ “คุณชายมานี่มีธุระอันใดหรือ”


“มี”


หลี่จิ่วเต้ารีบบอก เขาเองก็รู้สึกอึดอัด อยากรีบคลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนนี่ลง จึงเอ่ยต่อ “ข้าอยากออกเดินทางให้ทั่วอาณาจักร จึงมาถามพวกเจ้าว่าสนใจหรือไม่ หากสนใจ พวกเราสามารถร่วมเดินทางด้วยกัน”


“สนใจ ๆ!” หลิงอินรีบตอบ


“สนใจ คุณชาย!”


“สนใจ!”


เสี่ยวหยาและพี่ชายตอบกลับทันควันเช่นกัน


ได้ออกเดินทางไปทั่วอาณาจักรกับคุณชาย ซ้ำคุณชายยังมาเชื้อเชิญด้วยตนเอง ช่างเป็นเกียรติยศสูงสุดของพวกเขาเสียจริง!


พวกเขาไฉนเลยจะปฏิเสธ ตื่นเต้นดีใจสิไม่ว่า


“ดี พวกเจ้าเก็บสัมภาระกันไปก่อน เสร็จแล้วมาหาข้าที่ลานเล็กของข้า รอพวกอ้ายฉานมาถึง เราก็ออกเดินทางได้เลย”


หลี่จิ่วเต้าบอก ก่อนจะบอกลาพวกหลิงอิน และเปิดประตูห้อง


“ท่านป้า ท่านป้าหวัง ข้าขอตัวก่อน”


แม่หลิงอินกับป้าหวังเฝ้าอยู่หน้าประตู หลี่จิ่วเต้าจึงรีบเอ่ยบอก ก่อนจะไปจากที่นี่


“คุณชายหลี่จะไปแล้วหรือ เดี๋ยวสิ อยู่กินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปยังไม่สาย!”


แม่หลิงอินร้องเรียก หมายจะเข้าไปดึงหลี่จิ่วเต้าพร้อมกับป้าหวัง


“ท่านแม่ อย่าทำเช่นนี้ ข้ามีเรื่องต้องบอกท่านแม่!”


หลิงอินรีบห้ามท่านแม่ของนางและป้าหวัง ไม่ยอมให้ท่านแม่ของนางกับป้าหวังไปไล่ตามคุณชาย


...


ขณะเดียวกัน เซี่ยเหยียนติดต่อกับพวกอ้ายฉาน บอกพวกอ้ายฉานให้มาหาคุณชาย คุณชายพาจะพวกเขาออกเดินทางไปทั่วอาณาจักร


“จริงสิอ้ายฉาน เจ้าติดต่อต้าเต๋อได้หรือไม่ คุณชายบอกให้พาต้าเต๋อไปด้วย”


เซี่ยเหยียนถามอ้ายฉานผ่านศาสตราสื่อสาร


นางมีศาสตราสื่อสารใช้ติดต่อกับอ้ายฉาน ทว่าไม่มีใช้ติดต่อกับต้าเต๋อ หากว่าอ้ายฉานติดต่อต้าเต๋อไม่ได้ นางจำต้องไปดินแดนฝอสักครา


“พาเจ้าโล้นน้อยนั่นไปด้วยหรือ ได้ ข้าติดต่อเขาได้ ข้าจะไปติดต่อเขาให้”


เสียงของอ้ายฉานดังกลับมา เจือแววไม่เต็มใจนิดหน่อย


ทว่านางก็ยังติดต่อไปหาต้าเต๋อ นี่คือคำสั่งคุณชาย นางมิกล้ารีรอ


“ว่าอะไรนะ คุณชายอยากพาข้าเดินทางไปทั่วอาณาจักรอย่างนั้นหรือ”


หลังต้าเต๋อได้ยินสิ่งที่อ้ายฉานบอก ก็เอ่ยขึ้นด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าอย่ามาลวงข้า ข้ามิได้หลงกลง่าย ๆ เช่นนั้น!”


เขาโดนอ้ายฉานหลอกเข็ดขยาด จนมีปมในใจไปหมดแล้ว หนก่อนเอ่ยว่ามีเนื้อวิหคทองให้กิน สุดท้ายที่มากลับเป็นโขยงซากนก!


ผู้ใดจะรู้ว่าอ้ายฉานขุดหลุมรอให้เขากระโดดหรือเปล่า!


“เจ้าเณรน้อย ไยเจ้าถึงใจแคบเช่นนี้!? ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ อย่างไรข้าก็นำข่าวมาบอกแล้ว คิดดูให้ดีเถิด ว่าข้ากล้าแอบอ้างคุณชายหรือไม่!” อ้ายฉานบอก


ต้าเต๋อขบคิด เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง


ต่อให้อ้ายฉานอยากลวงเขาเพียงใด ก็ไม่มีทางแอบอ้างนามคุณชาย!


“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”


เขารีบตอบกลับ ก่อนจะออกเดินทางไปหาคุณชายอย่างรวดเร็ว!


...


ณ เมืองชิงซาน


ลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า


“ดูแล้วท่านบรรพจารย์เซียนกำลังจะออกเดินทางไกล! ไม่คิดกลับมาในเร็ว ๆ นี้! ประเสริฐ!”


“ใช่แล้ว ๆ พวกเราจะได้มีชีวิตต่อไปได้นานกว่านี้!”


ปลามังกรซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในบ่อน้ำเอ่ย


พวกมันยินดีปรีดา ตั้งตารอให้ท่านบรรพจารย์เซียนออกเดินทางอย่างยิ่งยวด เช่นนี้ พวกเขาก็จะมีชีวิตต่อไปได้นานกว่านี้


มิฉะนั้น พวกมันทั้งหมดคงต้องถูกคุณชายปรุงเป็นอาหารลั่วสุ่ยด้วยสามสี่กรรมวิธี!


ไม่สิ!


สามสี่กรรมวิธีที่ไหน!


มีหวังเป็นสิบกว่ากรรมวิธี!


ปลาหนึ่งตัว ปรุงด้วยกรรมวิธีกว่าสิบ!


ก่อนหน้านี้ไม่นานคุณชายยังบอกกับลั่วสุ่ยอยู่ว่า คราวหน้าจะเปลี่ยนรสให้ลั่วสุ่ยกิน คุณชายเอ่ยว่า ปลาหนึ่งตัวทำได้กว่าสิบกรรมวิธี!


เช่นนี้จะได้กินได้หลายอย่าง เลิศรสซ้ำยังไม่เลี่ยน!



หลังจากหลี่จิ่วเต้าออกจากบ้านของหลิงอินแล้ว เขาก็ไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที


แต่ไปยังลานเล็ก ๆ ของตงฟางเวิ่น ก่อนจะบอกลา


กล่าวตามตรงแล้ว เขายังต้องการจะพาตงฟางเวิ่นไปด้วย การได้เล่นหมากล้อมไปด้วยระหว่างทางก็คงเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก ทว่าตงฟางเวิ่นก็อายุไม่น้อยแล้ว ย่อมมีปัญหากับการเดินทาง เขาจึงไม่ได้เอ่ยชวนขึ้นมา


“ไม่เป็นไร หากท่านเบื่อหน่ายก็ไปหย่อนเบ็ดตกปลาได้”


หลี่จิ่วเต้ายิ้ม คิดว่าตงฟางเวิ่นเองก็ชื่นชอบการตกปลาเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเอ่ยกับตงฟางเวิ่นไปเช่นนี้


หลังจากนั้นเขาก็กล่าวลาตงฟางเวิ่น แล้วกลับไปยังลานเล็ก ๆ ของตนเอง


เมื่อเห็นเซี่ยเหยียนอยู่ในบ้าน ชายหนุ่มก็รู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย เซี่ยเหยียนแจ้งเรื่องนี้ให้พวกอ้ายฉานรู้แล้วอย่างนั้นหรือ?


ทันทีที่เขาเข้าไปในลานเล็ก ๆ เซี่ยเหยียนก็เอ่ยทักทายเขาออกมา “คุณชาย ข้าได้แจ้งให้พวกอ้ายฉานกับต้าเต๋อทราบเรียบร้อยแล้ว พวกเขาล้วนมีเวลาและกำลังเร่งเดินทางมาที่นี่


ผู้ฝึกตนช่างรวดเร็วฉับไหวเสียจริง!


หลี่จิ่วเต้าลอบถอนหายใจออกมา หากเป็นปุถุชนเช่นเขาแล้ว จะสามารถทำการรวดเร็วปานนี้ได้อย่างไร?


ไม่มีทางทำได้!


“เยี่ยมเลย!”


หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าแล้วกล่าว “รอพวกเขามาจากนั้นพวกเราค่อยออกเดินทาง”


บุ๋ง บุ๋ง~


ด้านในสระน้ำ มัจฉาสัตมายากำลังกระโดดไปมา พยายามดึงดูดความสนใจของคุณชายให้พามันไปด้วย


“คุณชายมองข้า มองข้าสิ!”


มันตะโกนออกมาในใจไม่หยุด ทว่าก็ไม่กล้าเอ่ยปากส่งเสียง


หากปราศจากคำอนุญาตจากคุณชาย มันก็เป็นเพียงแค่ปลาธรรมดาตัวหนึ่ง


“มัจฉาสัตมายาสมควรตาย!”


“มารดามันเถอะ! ถ้าหากมีโอกาส ข้าย่อมต้องสังหารมัน!”


เหล่าปลามังกรต่างสาปแช่งมันภายในใจด้วยความเกลียดชัง


พวกมันพยายามอย่างยิ่งที่จะลดตัวตนให้น้อยที่สุด เพื่อให้มันปลอดภัยยิ่งขึ้น


หากพวกมันไร้ตัวตน ท่านบรรพจารย์เซียนอาจหลงลืมพวกมันไปก็เป็นได้ และพวกมันก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


ทว่ามัจฉาสัตมายากลับกระโดดไปมาเพื่อดึงดูดความสนใจของคุณชาย พวกมันจะไม่เกลียดชังมัจฉาสัตมายาได้อย่างไร!


ถ้าเกิดคุณชายถูกดึงดูดความสนใจมาและสังเกตเห็นพวกมัน อาจตัดสินใจนำพวกมันไปให้ลั่วสุ่ยกินระหว่างทาง เมื่อถึงตอนนั้นจะร้องไห้เพียงไรพวกมันก็ไม่อาจมีหนทางรอด!


พวกมันเกิดความคิดอยากจะกินมัจฉาสัตมายาเข้าไปทั้งเป็นขึ้นมาชั่ววูบ


แต่ตอนนี้ไม่อาจทำเช่นนั้นได้


พวกมันพากันว่ายไปหาปลาตัวอื่นอย่างรวดเร็ว ต้องการจะเอาปลาเหล่านี้มาบังพวกมันไว้


แต่ปลาเหล่านั้นหลังจากเห็นพวกมันว่ายมา ก็ต่างแยกย้ายหนีออกไปอย่างรวดเร็ว!


พวกมันโกรธเป็นอย่างมาก ทว่าก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ นอกจากจะไปตรงมุมสระเพื่อให้ท่านบรรพจารย์เซียนไม่สังเกตเห็น ไม่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกมัน


“มาแล้ว! คุณชายมาทางนี้จริง ๆ! ฮ่าฮ่า คุณชายจะพาข้าไปด้วยอย่างนั้นหรือ?”


มัจฉาสัตมายาอดตื่นเต้นดีใจขึ้นมาไม่ได้ ภายในใจกล่าวขึ้นมาว่าสวรรค์ย่อมเมตตาคนที่พยายามอุตสาหะ ไม่สิ ปลาที่พยายามอุตสาหะ!


ดูมันสิ พยายามจนดึงดูดความสนใจของคุณชายได้!


ขณะนั้นเอง หลี่จิ่วเต้าก็เดินไปทางสระน้ำทีละก้าว


“ไว้พบกันใหม่เหล่าพี่น้อง! รอหลังจากกลับมาข้าจะเล่าเรื่องราวการเดินทางกับคุณชายให้ฟัง!”


มัจฉาสัตมายาส่งเสียงบุ๋ง ๆ ให้เหล่าปลาตัวอื่น


หลังจากนั้นมันก็หันไปมองทางผู้เฒ่าเต่า แล้วเอ่ยออกมา “ท่านผู้เฒ่าเต่า ท่านเองก็ต้องดูข้าเอาไว้ด้วย พยายามให้มากขึ้นอาจได้รับการเปลี่ยนแปลง!”


ผู้เฒ่าเต่าถลึงตาใส่มัจฉาสัตมายา ไม่ได้เอาคำพูดของมัจฉาสัตมายามาใส่ใจมากนัก


ภายในใจของมันกล่าวว่าเจ้าปลาน้อยคิดเพ้ออันใดอยู่? คุณชายจะนำปลาออกเดินทางไปด้วยเพื่อทำสิ่งใดกัน?


จอบเซียนเองก็คิดเช่นเดียวกัน!


เมื่อเห็นสายตาของผู้เฒ่าเต่า มัจฉาสัตมายาก็รู้ความคิดของผู้เฒ่าเต่าได้ทันที


มันมองกลับไปที่ผู้เฒ่าเต่า บอกเป็นความนัยให้คอยดูมันเสีย คุณชายจะต้องมาที่นี่เพื่อพามันไป!


คุณชายก้าวเข้ามาทีละก้าว มัจฉาสัตมายายิ่งมีความสุขกระโดดโลดเต้นมากยิ่งขึ้น ส่วนเหล่าปลามังกรต่างใจเต้นมากกว่าเดิมจนแทบจะมาอยู่ตรงลำคอ


ภายในใจของพวกมันก่นด่าสาปแช่งมัจฉาสัตมายายกใหญ่ อยู่อย่างสงบเป็นหรือไม่? ชีวิตหาใช่สิ่งที่เจ้าจะเอามาล้อเล่นได้!


“คุณชาย พาข้าเดินทางไปด้วย!”


มัจฉาสัตมายากล่าวออกมาในใจ สายตาที่มองไปยังคุณชายเต็มไปด้วยความคาดหวัง


หลี่จิ่วเต้าเดินไปถึงขอบสระก่อนจะเอ่ยกับเสี่ยวไป๋ “เสี่ยวไป๋ นำที่จับปลากับถังน้ำมา ข้าจะช้อนปลาขึ้นมา”


“ทราบแล้วคุณชาย!”


ลั่วสุ่ยตอบกลับ จากนั้นก็เอาที่ตักปลาและถึงน้ำออกมาจากห้องเก็บของ


หลี่จิ่วเต้ารับที่ตักปลามา ก่อนช้อนปลาในสระ พร้อมหันไปเอ่ยกับลั่วสุ่ยด้วยรอยยิ้ม “ช้อนปลาเหล่านี้ไปให้เจ้ากินระหว่างทาง”


ภายในสระน้ำ ทันทีที่มัจฉาสัตมายาเห็นคุณชายช้อนที่ตักปลาลงมา มันก็รีบมุดเข้าไปใส่ที่ตักปลาด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด


แต่หลังจากมันได้ยินคำพูดของคุณชายที่เอ่ยกับลั่วสุ่ย มันก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที!


คุณชายนำปลาไปด้วยก็เพื่อให้ลั่วสุ่ยได้กินระหว่างทางหรือ!?


สวรรค์ แล้วมันเป็นผู้ที่มุดเข้าไปด้านในตาข่ายเอง?


นี่เป็นการรนหาที่ตายเองไม่ใช่หรือ!


มันรีบว่ายออก ทว่าก็สายเกินไปแล้ว ที่ตักปลานี้ไม่ธรรมดา แต่เป็นสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าทำขึ้นมาเอง มันอยู่ใกล้ปากตาข่ายมากเกินไป เช่นนั้นจะหนีรอดไปด้วยความง่ายดายได้อย่างไร มันถูกพลังขุมหนึ่งดึงให้เข้าไปด้านในตาข่ายโดยตรง


“ก่อนหน้านี้ข้ารอดพ้นจากชะตากรรมการถูกกินมาอย่างลำบาก ทว่าคราวนี้กลับพาตัวเองลงหลุม ส่งตนเองไปสู่หนทางตาย?”


มัจฉาสัตมายาร่ำไห้ ภายในใจเปี่ยมด้วยอารมณ์หนักหน่วง


เหตุใดมันจึงโง่งมถึงเพียงนี้กัน!


ยังดีที่หลี่จิ่วเต้าเหลือบตามองมา ทำให้เห็นว่าช้อนปลาขึ้นมาผิด เขาต้องการจะช้อนเหล่าปลามังกรขึ้นมา ไม่ใช่มัจฉาสัตมายา


เขาปล่อยมัจฉาสัตมายากลับเข้าไปด้านในสระ ก่อนจะตักเหล่าปลามังกรช้อนมันลงไปในถังน้ำทีละตัว


“ขอบคุณคุณชาย ขอบคุณคุณชาย!”


ด้านในสระน้ำ มัจฉาสัตมายาเอ่ยขอบคุณคุณชายขึ้นมาในใจไม่หยุด


ผู้เฒ่าเต่าที่อยู่ด้านข้างอดแอบหัวเราะขึ้นมาในใจไม่ได้ ไหนมัจฉาสัตมายาบอกว่าตนเองฉลาดมากนัก ดูเสีย มันเกือบจะถูกกิน ทั้งยังเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง!


“มัจฉาสัตมายาสมควรตาย!”


“แม้ตายไปแล้วพวกข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป!”


เหล่าปลามังกรที่อยู่ด้านในถังพลุ่งพล่านไปมาพร้อมส่งเสียงสาปแช่งมัจฉาสัตมายา


พวกมันช่างน่าเวทนานัก เดิมทีคิดว่าท่านบรรพจารย์เซียนจะเดินทางไกล ไม่กลับมาอีกนาน เช่นนั้นพวกมันก็จะสามารถมีชีวิตยืนยาวขึ้นได้


แม้นพวกมันจะดีดลูกคิดรางแก้วเสียดิบดี แต่ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าทุกอย่างจะพังเพราะมัจฉาสัตมายา


“นำไปไว้บนรถม้า ทั้งหมดล้วนเป็นของเจ้า”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม


“ขอบคุณคุณชาย!”


ลั่วสุ่ยยิ้มหวานเอ่ยตอบ ก่อนจะยกถังน้ำขึ้นนำไปไว้ด้านในรถ


เหล่าปลามังกรต่างพุ่งไปมาด้านในถังน้ำไม่หยุด ทว่าก็ไร้ประโยชน์ ถังไม้นั้นไม่ธรรมดา พลังทั้งหมดของพวกมันล้วนถูกปิดผนึกเอาไว้


“ขอบคุณทุกท่าน หากไม่ใช่เพราะทุกท่าน ข้าคงไม่อาจออกเดินทางไปด้วยได้!”


‘จิตวิญญาณ’ ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากถังไม้ส่งเสียงขอบคุณทางจิตสำนึกไปยังเหล่าปลามังกร


อีกเพียงหนึ่งหรือสองชั่วยามต่อมา พวกอ้ายฉานก็มาถึง รวมทั้งต้าเต๋อเองก็มาด้วย


หลี่จิ่วเต้าคิดขึ้นในใจว่า ผู้ฝึกตนช่างแตกต่าง ทุกอย่างล้วนฉับไวรวดเร็ว


“ครบทุกคนแล้ว พวกเราเดินทางกันเถิด!”


หลี่จิ่วเต้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่ถึงเวลา เช่นนั้นพวกเราค่อยทานอาหารเย็นในรถม้า”


“ทราบแล้วคุณชาย!”


“ไปกันเลย!”


พวกเด็ก ๆ อย่างอ้ายฉานพากันส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้พวกเขามีความสุขได้มากเท่าการอยู่กับคุณชาย


ต้าเต๋อเองก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก สุดท้ายอ้ายฉานก็ไม่กล้าเอาชื่อคุณชายมาเอ่ยอ้าง คุณชายอยากพาเขาออกเดินทางไปด้วยจริง ๆ


หลิงอิน เสี่ยวหยา และพี่ชายของเสี่ยวหยาเองก็มาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่คุณชายขึ้นรถม้าไปแล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างก็ขึ้นรถม้าตามคุณชายไป


“ออกเดินทางได้!”


หลี่จิ่วเต้ากล่าวออกมา สัตว์อสูรทั้งเก้าจึงลากรถม้าออกจากลานเล็ก ๆ มุ่งออกไปด้านนอกเมืองชิงซาน


ทว่าเมื่อเดินทางไปถึงริมแม่น้ำสายเล็ก หลี่จิ่วเต้าก็สั่งให้หยุดลง


“ข้าจะนำบางสิ่งไปด้วย”


หลี่จิ่วเต้าลงจากรถม้า


ต้นหลิวตื่นเต้นเป็นอย่างมาก คุณชายต้องการจะพาพวกมันไปด้วยหรือ?


หรือว่าคุณชายจะได้ยินคำอธิษฐานของมัน จึงต้องการจะนำมันไปด้วย?


เจ้าก้อนหินเองก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก คิดขึ้นมาภายในใจไม่ต่างกัน


หลี่จิ่วเต้าเดินลงจากรถม้าตรงข้ามแม่น้ำสายเล็ก


ลั่วสุ่ยเองก็เดินลงมาจากรถม้าตามหลังหลี่จิ่วเต้า


ริมแม่น้ำสายเล็ก ภายในใจของต้นหลิวและเจ้าก้อนหินตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด พวกมันรู้ว่าครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งใหญ่ของคุณชายเพื่อไปยังทุกหนแห่ง แม้ทั้งสองจะรู้ดีว่าคุณชายไม่น่าพาพวกมันไปด้วย แต่พวกมันก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอมาตั้งแต่แรก หวังให้คุณชายพาพวกมันเดินทางไปด้วย


ตอนนี้คุณชายเดินมาทางพวกมันทีละก้าว หมายความว่าความปรารถนาของพวกมันจะกลายเป็นจริงใช่หรือไม่?


“เสี่ยวไป๋ ย้ายหินก้อนนี้ขึ้นไปบนรถม้า”


หลี่จิ่วเต้ามาหยุดอยู่ด้านข้างก้อนหิน ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้านั่งบนหินก้อนนี้ได้ แต่ไม่อาจทนนั่งบนหินก้อนอื่นได้ มันรู้สึกไม่สบายเกินไป”


เขานำอุปกรณ์ตกปลาติดตัวมาด้วย เพราะบางทีตัวเขาอาจนึกคิกอยากนั่งตกปลาขึ้นมา


และก็เป็นดั่งที่เขากล่าว เขาคุ้นชินกับการนั่งบนหินก้อนนี้ จึงวางแผนเอาไว้แต่แรกว่าจะนำเจ้าก้อนหินไปด้วย


“ขอบพระคุณคุณชาย!”


เจ้าก้อนหินตื่นเต้นจนน้ำตาไหล การอุทิศตนให้อย่างเงียบ ๆ ไม่ทำให้มันผิดหวัง คุณชายจดจำมันได้ ทั้งยังมอบสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าคืนให้กลับ


มันไม่ได้ไร้ตัวตน ยังคงมีตำแหน่งอยู่ในใจคุณชาย


“แล้วข้าเล่า?”


ต้นหลิวเอ่ยขึ้นมาในใจ เจ้าก้อนหินถูกนำไปแล้ว คุณชายจะปล่อยมันทิ้งเอาไว้หรือ?


แต่สุดท้ายมันก็ไม่ถูกพาไปด้วย


หลังจากที่ลั่วสุ่ยยกเจ้าก้อนหินไปแล้ว คุณชายก็เดินกลับไปที่รถม้าพร้อมกับลั่วสุ่ย


หลังจากนั้น สัตว์อสูรเก้าตนก็ลากรถม้าออกไปจากสถานที่แห่งนี้


“อ๊าก ไม่มีข้าจริงด้วย!”


ต้นหลิวร้องไห้ ก่อนหน้านี้มันเคยบอกกับก้อนหินว่า หากคุณชายต้องการจะพาไปด้วยย่อมต้องเป็นมัน ไม่ใช่เจ้าก้อนหิน แต่ผลที่ออกมาคือเจ้าก้อนหินถูกพาไปด้วย ส่วนมันถูกทิ้งเอาไว้


“พี่หลิวอย่าได้ร้องไห้ไป ยังมีข้าอยู่ด้วยกับท่าน ไม่เป็นไร หลังจากนี้พวกเราทั้งสองจะพึ่งพาอาศัยกัน ใช้เวลาร่วมกันทุกวัน!”


ตงฟางเวิ่นที่มาถึงกล่าวกับต้นหลิวด้วยรอยยิ้ม


ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณชายบอกกับเขาว่า หากเบื่อหน่ายก็มาตกปลาได้ เป็นเพราะคุณชายนำเจ้าก้อนหินไปด้วย ทิ้งต้นหลิวเอาไว้ นี่ก็เพื่อให้เขามาใช้เวลากับต้นหลิว


พึ่งพาอาศัยกัน ใช้เวลาร่วมกันทุกวัน!


กล่าวเรื่องไร้สาระอันใดกัน!


ต้นหลิวยกตงฟางเวิ่นขึ้นมาทันที “เจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร นี่คือหน้าที่อันเป็นเกียรติสูงสุดที่คุณชายมอบให้ข้า!”


“อ๊ากกก!”


ตงฟางเวิ่นถูกต้นหลิวหวดจนกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่ได้ยินคำพูดของต้นหลิว เขาก็ยิ่งมึนงงกว่าเดิม


เกียรติสูงสุด?


เหตุใดจึงกลายเป็นเกียรติสูงสุดไปได้?


เพราะคุณชายนำเจ้าก้อนหินไปด้วย แต่ทิ้งตัวมันเอาไว้ จึงทำให้ต้นหลิววิปลาสไปแล้วใช่หรือไม่!


ต้นหลิวกล่าวขึ้นมาราวกับรู้ว่าตงฟางเวิ่นกำลังคิดสิ่งใดอยู่ “เจ้าก้อนหินสามารถปกป้องเมืองชิงซานและลานเล็ก ๆ ของคุณชายได้หรือไม่? แน่นอนว่ามันย่อมทำไม่ได้! คุณชายจึงพาเจ้าก้อนหินไป แต่ทิ้งข้าเอาไว้ ทั้งหมดก็เพราะข้ายอดเยี่ยมกว่าเจ้าก้อนหิน สามารถทำหน้าที่สำคัญอย่างการปกป้องเมืองชิงซานและลานเล็ก ๆ ของคุณชายได้!”


มันพูดต่อ “นี่เป็นเกียรติอย่างถึงที่สุด เป็นเกียรติอย่างถึงที่สุด!”


“...”


ตงฟางเวิ่นไร้คำจะพูด


ต้นหลิวช่างดื้อรันยิ่ง เมื่อไม่ถูกพาไปด้วยก็ยังสามารถคิดคำพูดปลอบใจตนเองได้ ราวกับว่าตนเองไม่ได้ถูกทอดทิ้ง


ช่างเป็นความคิดที่...สุดยอดยิ่ง!




สัตว์อสูรเก้าตนลากรถม้าค่อย ๆ จากออกไป


จนถึงพื้นที่ประชากรเบาบาง มองไม่เห็นผู้คน สัตว์อสูรเก้าตนจึงทะยานขึ้นไปเดินทางอย่างแช่มช้าบนอากาศ


นี่เป็นคำสั่งที่หลี่จิ่วเต้ากำชับมาเป็นพิเศษ ไม่ต้องเร่งรีบ ค่อย ๆ เดินทางไปช้า ๆ


ภายในรถม้า หลี่จิ่วเต้าอยู่ตรงริมหน้าต่าง มองชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามเบื้องล่าง


สัตว์อสูรเก้าหัวเดินทางด้วยความสูงที่ไม่มากนัก ทำให้เขาสามารถชื่นชมทิวทัศน์ได้อย่างเต็มที่


การเดินทางครั้งนี้ เขาไม่มีจุดหมายปลายทาง ซีอาจปรากฏตัวแห่งหนใดก็ได้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้สัตว์อสูรเก้าหัวไม่ต้องเร่งเดินทางเร็วนัก


จะสามารถตามหาซีพบได้หรือไม่?


ภายในใจของเขาก็ไม่มั่นใจมากนัก


โลกหล้ากว้างใหญ่เกินไป การที่เขาค้นหาซีอย่างไร้จุดมุ่งหมายเช่นนี้ ก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร โอกาสทำสำเร็จช่างริบหรี่


นอกจากนี้ เขาก็อาจจะคลาดกับซีโดยบังเอิญ


จะเป็นเช่นละครโทรทัศน์ที่พบเห็นได้บ่อยในดาวเคราะห์สีฟ้าหรือไม่? ใจของพวกเขาไปตรงกันอย่างเห็นได้ชัด ทว่ากลับมีเหตุต้องแยกจาก แต่ยังคงคะนึงคิดถึงกัน


‘เรื่องน้ำเน่าเช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับข้า…’


เขาคิดขึ้นมาในใจ


‘ถ้าหาซีพบแล้ว ซีจะลืมข้าไปแล้วหรือไม่?’


เขาอดคิดขึ้นมาไม่ได้


หัวใจของเขาเป็นกังวลว้าวุ่น คิดเรื่องต่าง ๆ นานามากมาย ขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างถึงที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาคิดถึงซีมากเกินไป


‘ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตามหาซีให้พบก่อน!’


ดวงตาของเขาเป็นประกาย ซีสำคัญกับเขามากเกินไป หากชั่วชีวิตนี้ไม่ได้พบนางอีกครั้ง นี่จะต้องเป็นความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดในใจของเขาอย่างแน่นอน


หลี่จิ่วเต้ากระทั่งรู้สึกว่า ตัวเองไม่สามารถตายตาหลับได้เสียด้วยซ้ำ!


...


ภายในจักรวาลหมื่นดารา


รอบกายจักรพรรดินีเปล่งประกายเจิดจ้า นางกลับมาแล้ว กลับมาถึงยังด้านนอกของอาณาจักรแห่งนี้อีกครั้ง


นางกลับมาจากแดนมรณา อาการบาดเจ็บก็หายเป็นปกติไปเรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ในสภาวะสูงสุด


พลังที่ปกป้องอาณาจักรเอาไว้ยังคงอยู่ เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์เวียนวน ยับยั้งไม่ให้สิ่งมีชีวิตใดล่วงล้ำ


แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับจักรพรรดินี


นางเป็นจ้าวแห่งเซียน ทั้งยังไม่ใช่ขั้นจ้าวแห่งเซียนธรรมดา แต่เป็นระดับสูงสุดของขั้นจ้าวแห่งเซียน นางสามารถเข้าออกอาณาจักรแห่งนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องรับผลกระทบใด


“ไปเถอะ”


นางก้าวไปด้านหน้า แสงเซียนไหลเวียนทั่วร่าง เกิดพลังอันไม่อาจอธิบายได้ทำให้สามารถผ่านพลังที่ปกป้องอาณาจักรแห่งนี้เข้าไปได้อย่างง่ายดาย


นางราวกับไม่มีตัวตนอยู่ ไม่ถูกโจมตีสักครั้ง พลังที่ปกป้องอาณาจักรแห่งนี้ไม่อาจส่งผลกระทบกับนางได้แม้แต่น้อย


...


ขณะเดียวกัน


แดนหยิน


“ที่รักวันนี้ข้าอยากปลูกพืชพรรณ ปลูกอะไรนะหรือ ก็ปลูกเจ้าอย่างไร!”


“ที่รัก วันนี้ข้าอยากกินข้าว ข้าวหน้าอะไรนะหรือ ก็หน้าเจ้าอย่างไร!”


“ที่รัก วันนี้ข้าอยากไปตกปลา ตกปลาอะไรนะหรือ ก็ตกเจ้าอย่างไร!”


“ที่รัก วันนี้ข้าอยากต้มยา ต้มอะไรนะหรือ ก็ต้มเจ้าอย่างไร!”


“โฮ่ง...”


ในป่าบนภูเขา สุนัขสีขาวตัวใหญ่หอนออกมาระหว่างกำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่ง ด้านหลังของมันเป็นสาวงามจำนวนมากไล่ตามสุนัขสีขาว


“!!!”


เมื่อได้ยินเสียงหอนของสุนัขสีขาวแล้ว เหล่าสาวงามทั้งหลายก็แทบล้มลงไปบนพื้น


พวกนางได้ยินแล้วรู้สึกราวกับตนเองถูกบังคับดื่มน้ำแกงมันเลื่อนไปหลายชาม จนเกิดความอึดอัดและคลื่นไส้ไปพักหนึ่ง


“เจ้าสุนัขน่าตาย เจ้า...เจ้าเกินไปแล้ว!”


“หุบปากไปเสีย!”


พวกนางเต็มไปด้วยจิตสังหาร รู้สึกเหมือนกับถูกสุนัขสีขาวเทแกงเปี่ยมน้ำมันเข้าปาก เลี่ยนเกินไปแล้ว


“ข้าไม่ยอมง่าย ๆ หรอก!”


สุนัขขสีขาวหอนออกมา ก่อนจะวิ่งให้เร็วยิ่งกว่าเดิม


“ตามไป!”


“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”


เหล่าหญิงสาวเร่งความเร็วไล่ตามอย่างดุเดือดยิ่งขึ้น


ใช่แล้ว พวกนางผ่านออกมาจากรอยแยกในแดนบรรพโกลาหล จากแดนฮวงสู่แดนหยิน




สัตว์อสูรเก้าหัวค่อย ๆ ลากรถม้าเดินทางไปบนอากาศ พวกมันเดินทางมาไกลไม่น้อยแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีมืดลง


หลี่จิ่วเต้ามองลงไปเบื้องล่างด้วยดวงตาเปล่งประกาย


ฮ่าฮ่า นี่เขาคิดถึงสิ่งใดสิ่งนั้นก็มาเลยหรือ?


ก่อนหน้านี้ไม่นานยังเพิ่งคิดถึงไป ตอนนี้กับพบเข้าเสียแล้ว!


ไม่เลว ไม่เลว!


ไม่เลวเลยจริง ๆ!


รอยยิ้มวาดขึ้นมาเต็มใบหน้าของเขา



ท้องฟ้าเพิ่งเริ่มเปลี่ยนสี ยังไม่นับว่ามืดเกินไป การมองเห็นจึงยังแจ่มชัด


“คืนนี้พวกเราพักกันที่นี่เถิด”


หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนสั่งให้สัตว์อสูรทั้งเก้าลงจอด


หนทางยังอีกยาวไกล ไม่อาจเดินทางได้ทั้งวันทั้งคืน อย่างน้อยก็ต้องให้สัตว์อสูรทั้งเก้าได้พักผ่อน


ที่นี่เป็นผืนป่าบนภูเขา สภาพแวดล้อมดียิ่ง ต้นไม้สูงตระหง่านเรียงราย ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความเขียวขจี แม้จะยังไม่มืดเกินไปจนไม่อาจเดินทางต่อได้ แต่หลี่จิ่วเต้าก็ไม่ต้องการจะจากไป คิดค้างคืนอยู่ที่นี่


เขาเห็นสิ่งที่เขาเคยคิดถึงมาก่อน!


จิ้งจอก!


ยอดเยี่ยม!


ตอนอยู่บนฟ้า เขามองออกมานอกหน้าต่างและพบเข้ากับจิ้งจอกจำนวนไม่น้อยกำลังวิ่งไปมาบนป่าเขา


จิ้งจอกเหล่านี้ล้วนสวยงามเป็นอย่างมาก ขนสีขาวราวหิมะ ไม่มีสีอื่นเจือปน ดูน่ารักเป็นอย่างยิ่ง


หลังจากลั่วสุ่ยกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว เขาก็มักจะคิดถึงจิ้งจอกขึ้นมา ต้องการจะเลี้ยงจิ้งจอกสักตัว อย่างไรเสียก็มีความเชื่อว่าจิ้งจอกนั้นงดงามที่สุด หลังจากแปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วก็สามารถดึงดูดสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้


เขาไม่ได้มีความคิดไม่ดีแต่อย่างใด เพียงแค่อยากจะเห็นว่าจิ้งจอกยามกลายร่างเป็นมนุษย์จะงดงามมากเท่าไหร่


น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แม้ในเมืองชิงซานจะมีสัตว์ป่าอยู่มากมาย แต่ก็ไม่มีจิ้งจอกสักตัว


ทว่าตอนนี้เขาเห็นจิ้งจอกแล้ว ทั้งยังเป็นจิ้งจอกที่สวยงามและน่ารัก เช่นนั้นเขาจะปล่อยไปได้อย่างไร คิดจะลองดูว่าเขาจะสามารถนำมันไปเลี้ยงสักตัวได้หรือไม่


“ที่นี่คือภูเขาจิ้งจอกใช่หรือไม่? จึงมีจิ้งจอกอยู่มากมาย”


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะออกมาเบา ๆ “พวกเราพักค้างแรมที่นี่สักคืน”


ภูเขาจิ้งจอก?


มีจิ้งจอกอยู่มากมาย?


เซี่ยเหยียน อันหลานเสวี่ย และพวกอ้ายฉานต่างงงงวยเล็กน้อย


จิ้งจอกอยู่ไหนกัน?


เหตุใดพวกเขาจึงไม่เห็นแม้แต่สักตัว?


ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพวกเขากระจายญาณสัมผัสของตนเองออกไปปกคลุมทั่วผืนป่า ก็ยังไม่อาจพบจิ้งจอกสักตัวหนึ่ง


ทุกคนรู้สึกฉงน ไม่อาจสัมผัสได้ถึงจิ้งจอก ทว่าหลิงอิน เสี่ยวหยา และพี่ชายของเสี่ยวหยาต่างรู้แจ้งเป็นอย่างยิ่ง


คุณชายกล่าวไม่ผิด


ที่นี่เป็น ‘ภูเขาจิ้งจอก’ จริง ๆ


เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ที่พามาด้วยจากอาณาจักรอวี้ซวีถูกพวกเขาจัดเตรียมสถานที่แห่งนี้เอาไว้ให้


เซี่ยเหยียนและคนอื่น ๆ ไม่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของเหล่าจิ้งจอกสวรรค์ ก็เป็นเพราะผลจากเรื่องของปลามังกรคราวก่อน พวกเขากังวลว่าจะเกิดเรื่องอันใดกับเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อีก จึงตั้งใจเสริมความแข็งแกร่งของตราประทับที่เผ่าจิ้งจอกสวรรค์เป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกสอดส่องเข้ามาได้


ดังนั้นแม้ว่าพวกเซี่ยเหยียนจะแผ่ญาณสัมผัสไปทั่วผืนป่าก็ไม่อาจรับรู้ได้ถึงการดำรงอยู่ของจิ้งจอกสวรรค์


หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเซี่ยเหยียน ย่อมสามารถสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของจิ้งจอกสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย


คุณชายต้องการจะเลี้ยงจิ้งจอกอย่างนั้นหรือ?


ดวงตาของหลิงอินเปล่งประกาย นางจดเรื่องนี้เอาไว้ในใจอย่างเงียบงัน


วาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กำลังจะมาถึงแล้ว!


‘คุณชายล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดไม่รู้ ดังนั้นจึงสามารถล่วงรู่ถึงชะตากรรมอันน่าเศร้าของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ คุณชายคิดช่วยเหลือแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นตอใช่หรือไม่?’


หลิงอินคิดในใจ


แม้นางจะช่วยเหลือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ให้ลงหลักปักฐาน แต่ทว่าก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์


เผ่าจิ้งจอกสวรรค์มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามมากเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วจะเกิดปัญหาขึ้นอีกครั้ง


นางไม่สามารถกล่าวได้ว่า ทุกครั้งที่เกิดเรื่องนางจะสามารถมาได้ทันกาล หากเกิดเรื่องบางอย่างทำให้นางมาล่าช้า เกรงว่าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะต้องเผชิญกับชะตากรรมอันน่าเวทนา


เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว หนทางเดียวคือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยตนเอง


เช่นนั้นแล้ว สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็จะไม่กล้าวางแผนคิดสิ่งใดกับเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อีก


คุณชายบอกว่าต้องการจะเลี้ยงจิ้งจอก นี่ก็เพื่อต้องการจะช่วยเหลือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย


หากมีจิ้งจอกสวรรค์ที่สามารถติดตามข้างกายคุณชายไปได้ เช่นนั้นพลังของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างแน่นอน!


‘เข้าใจแล้ว!’


หลิงอินจัดระเบียบความคิดของตนเอง ตัดสินใจจะไปพบกับผู้นำเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ในตอนกลางคืนเพื่อบอกข้อห้ามต่าง ๆ ของคุณชาย ไม่อาจปล่อยให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ละเมิดข้อห้ามต่อหน้าคุณชายได้


ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลงเรื่อย ๆ หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็กลับเข้าไปนอนด้านในรถม้า


ส่วนหลิงอินนั้นไม่ได้กลับไปที่รถม้า


“ข้าขอออกไปด้านนอกสักครู่”


นางกล่าวกับพวกเซี่ยเหยียน ก่อนจากออกไป


“ไปทำสิ่งใด?”


เซี่ยเหยียนงงงวย ไม่รู้ว่าหลิงอินแยกออกไปทำสิ่งใด


“เป็นเช่นนี้พี่เซี่ยเหยียน!”


เสี่ยวหยาเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เซี่ยเหยียนฟัง


นางเองก็คาดเดาได้ว่า คุณชายน่าจะต้องการช่วยเหลือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เนื่องจากจิ้งจอกที่อยู่บริเวณนี้มีเพียงแค่เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ดังนั้นจิ้งจอกที่คุณชายกล่าวถึง ย่อมต้องเป็นเผ่าจิ้งจอกสวรรค์


“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ถึงว่าข้าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงจิ้งจอกแม้แต่น้อย!”


เซี่ยเหยียนตระหนักได้ขึ้นมาทันที


อ้ายฉาน ต้าเต๋อ และคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างต่างก็เข้าใจเช่นเดียวกัน


“คุณชายช่างมีจิตใจเมตตายิ่งนัก!”


“ใช่แล้ว สิ่งที่คุณชายไม่อาจทนเห็นมากที่สุดคือผู้ต้องทนทุกข์ยาก!”


พวกเขาทอดถอดใจเอ่ยออกมา ความเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อคุณชายเพิ่มมากยิ่งขึ้น


อีกด้านหนึ่ง ร่างของหลิงอินขยับไหว เพียงพริบตาเดียวนางก็มาถึงที่ตั้งของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์


ในตอนนี้ไม่มีจิ้งจอกสวรรค์ตนใดอยู่ในร่างมนุษย์ ทั้งหมดล้วนอยู่ในร่างจิ้งจอก


แม้ว่าหลิงอินจะเสริมพลังให้กับตราประทับทำให้คนนอกยากแก่การสอดส่องสถานการณ์ภายใน แต่พวกมันเองก็อยู่ในร่างจิ้งจอกเพื่อความปลอดภัยเอาไว้ก่อน


ไม่มีทางเลือก ร่างมนุษย์นั้นสร้างความยั่วยวนใจมากเกินไป นี่เป็นเพราะเสน่ห์ติดตัวของพวกมันที่ไม่อาจควบคุมได้


วิ้ง!


แสงสว่างวาบ จิ้งจอกตนหนึ่งกลายร่างเป็นมนุษย์ นั่นคือผู้นำของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์


“ท่านมาแล้ว!”


นางเดินตรงเข้าไปทักทายหลิงอินทันที


“ท่านผู้นำเผ่า เป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง วาสนาการเปลี่ยนแปลงของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กำลังจะมาถึงแล้ว!”


หลิงอินพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายล่วงรู้ถึงสถานการณ์ของพวกเจ้า จึงตัดสินใจจะช่วยเหลือพวกเจ้าแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นตอ!”


“จริงหรือ?”


ผู้นำเผ่าตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ร่างกายถึงกับสั่นสะท้านทั้งตัว


แม้ว่าตอนนี้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะปลอดภัยกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่พวกเขาก็ยังขาดซึ่งอิสระ ทำได้เพียงเก็บตัวอยู่ภายในตราประทับ ไม่กล้าออกไปด้านนอก


พวกมันมักเฝ้าจินตนาการถึงอิสระมาโดยตลอด ปรารถนาจะเดินออกไปด้านนอกได้โดยไร้ความกังวล ไม่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายใด ๆ อีก ยามนี้เมื่อหลิงอินมาบอกกล่าวข่าวเช่นนี้ มันจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร!


“ขอถามได้หรือไม่ ว่าคุณชายที่ท่านพูดถึงคือผู้ใด?”


ผู้นำเผ่าถามหลิงอินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


“ข้ามาที่นี่ก็เพื่อบอกรายละเอียดเรื่องนี้กับพวกเจ้า”


หลิงอินกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “เกี่ยวกับคุณชาย ข้าไม่สามารถพูดสิ่งใดมากไปกว่านี้ ทว่าข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่านี่นับเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงสำหรับพวกเจ้า! คุณชายสามารถช่วยพวกเจ้าแก้ไขปัญหาได้จากต้นตอแน่นอน!”


จากนั้นนางก็กล่าวต่ออีกประโยค “ความสำเร็จของข้าในวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่คุณชายมอบให้ หากไม่มีคุณชาย ข้าเองก็จะไม่มีสิ่งใดเลย!”


“คุณชายแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น!”


ผู้นำเผ่าตกตะลึง นางเคยเห็นพลังและความสามารถของหลิงอินมาก่อน


แม้ว่านางจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียน และไม่เคยพบพานเซียนมาก่อน แต่นางก็แน่ใจว่าหลิงอินสามารถต่อกรกับเซียนได้อย่างแน่นอน อาจเหนือเสียยิ่งกว่าเซียนด้วยซ้ำ!


ทว่าความสามารถทั้งหมดของหลิงอินล้วนถูกมอบให้โดยคุณชายท่านนี้!


คุณชายผู้นี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงใดกัน!?


“แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเจ้าจะจินตนาการถึง!”


หลิงอินกล่าวออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ “ความแข็งแกร่งของคุณชายนั้นอยู่เหนือเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้โดยสมบูรณ์ กระทั่งข้าที่อยู่ข้างกายคุณชายมานาน ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคุณชาย!”


“!!!”


หัวใจของผู้นำเผ่าสั่นสะท้าน!


มีตัวตนไร้เทียมทานเช่นนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ?




ผู้นำเผ่าตื่นเต้นจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ หากตัวตนไร้เทียมทานต้องการจะช่วยเหลือพวกมันแล้ว ปัญหาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ย่อมไม่อาจนับเป็นปัญหาอีกต่อไป ในอนาคตไม่จำเป็นต้องอยู่แบบแอบซ่อน ไม่กล้าโผล่หัวออกไปเช่นนี้อีก


“ครั้งนี้ข้ามาก็เพื่อบอกพวกเจ้าเกี่ยวกับข้อห้ามบางอย่างของคุณชาย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเจ้าไปยั่วยุโดยการละเมิดข้อห้ามเข้า”


หลิงอินกล่าว “คุณชายไม่เคยเปิดเผยตัวตนของตัวเอง ต้องการเดินทางท่องโลกในฐานะปุถุชน นี่นับเป็นข้อห้ามที่สำคัญสุด พวกเจ้าต้องจำเอาไว้!”


นางอธิบายเกี่ยวกับข้อห้ามของคุณชายอย่างละเอียด เตือนให้พวกมันอย่าได้ละเมิดข้อห้ามนี้อย่างเด็ดขาด


“เข้าใจแล้ว!”


ผู้นำเผ่าพยักหน้าอย่างหนักแน่น จดจำเรื่องทั้งหมดเอาไว้ในใจ


นางจะแจ้งให้ทั้งเผ่าได้รับทราบถึงข้อห้ามเหล่านี้ในภายหลัง


“ดี”


หลิงอินเอ่ย “คุณชายเลือกใครก็นับว่าคนผู้นั้นมีวาสนา ข้าจะไปแล้ว พวกเจ้าเตรียมตัวเถิด จำเอาไว้ให้ดี สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์”


พูดจบนางก็อำลาแล้วจากกลับไปยังรถม้า


รุ่งเช้าวันถัดมา หลี่จิ่วเต้าตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ก่อนเดินออกมาจากห้อง


ภายในรถม้ากว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง มีห้องอยู่จำนวนมาก


ทันทีที่เขาออกมาก็พบกับลั่วสุ่ยที่กำลังเตรียมน้ำให้เขาล้างหน้าบ้วนปาก


“คุณชาย”


ลั่วสุ่ยคุ้ยเคยอย่างมากกับการจัดเตรียมให้คุณชายหน้าล้างบ้วนปาก เมื่ออยู่ในลานเล็ก ๆ ของคุณชาย นางก็เป็นผู้ดูแลปรนนิบัติคุณชายบ้วนปาก ล้างหน้าทุกวัน


หลี่จิ่วเต้ามองไปทางลั่วสุ่ย เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ลั่วสุ่ยช่างเป็นเด็กดีเสียจริง


ชายหนุ่มเคยเกลี้ยกล่อมให้ลั่วสุ่ยเลิกทำเช่นนี้ แต่อีกฝ่ายก็ยืนกรานที่จะทำ


ลั่วสุ่ยกล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่นางเป็นเพียงแมวขาวตัวน้อย ก็เป็นเขาที่คอยดูแลนางอยู่ตลอด ตอนนี้นางมีโอกาสแล้ว ย่อมต้องดูแลเขากลับ


หลังจากล้างหน้าบ้วนปาก เขาก็พาลั่วสุ่ยไปออกกำลังกายยามเช้า


นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทำทุกวัน


พวกเขาออกจากรถม้า เริ่มรำมวยไทเก๊กข้างนอก พวกอ้ายฉานเองก็มาเข้าร่วมหลังจากตื่นนอน ทว่าท่าทางของพวกอ้ายฉานไม่ได้ดีนัก เนื่องจากเป็นครั้งแรกของพวกเขา


ตอนนี้มวยไทเก๊กของลั่วสุ่ยราบลื่นราวกับสายวารี ทุกท่วงท่าล้วนได้มาตรฐานอย่างถึงที่สุดทุกย่างก้าว


หลิงอินเองก็มาร่วมด้วย เมื่อนางเห็นมวยไทเก๊กของลั่วสุ่ยแล้วก็อดตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้


เห็นได้ชัดว่ามวยไทเก๊กของลั่วสุ่ยไปถึงอีกขั้นแล้ว ทุกท่วงท่าล้วนมีพลังแฝงอยู่เหนือเกินว่าจะจินตนาการถึง


นางรู้สึกว่าบางทีกระทั่งเซียนก็ไม่สามารถหยุดยั้งมวยไทเก๊กของลั่วสุ่ยได้


อย่างไรเสียลั่วสุ่ยก็อาศัยอยู่กับคุณชาย ข้อแตกต่างนี้ทำให้พวกเขาไม่อาจเปรียบเทียบได้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอนาคตในวันข้างหน้า ความสำเร็จของลั่วสุ่ยจะต้องสูงสุดในหมู่พวกเขาอย่างแน่นอน


หลังจากได้เหยียดแขนเหยียดขาแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็รู้สึกสบายทั้งตัวและใจ อย่างไรเสียคนเราก็ต้องคอยขยับมือเท้าบ่อย ๆ!


“ไปกินข้าวกันเถิด เช้าวันนี้พวกเรามีขนมปังไส้เนื้อกับน้ำเต้าหู้!”


พอคิดถึงการเลี้ยงจิ้งจอกแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็อารมณ์เบิกบาน หยิบเนื้อตุ๋นและน้ำเต้าหูออกมาจากตู้เย็น


ของทั้งหมดไม่จำเป็นต้องอุ่นเลยแม้แต่น้อย ทั้งเนื้อ ขนมปัง และน้ำเต้าหู้ล้วนยังร้อนเหมือนตอนที่เขาเพิ่งใส่เข้าไป


ตู้เย็นสามารถหยุดเวลาเอาไว้ ของที่ใส่ไปเป็นอย่างไร ตอนที่นำออกมาก็เป็นอย่างนั้น สะดวกสบายถึงที่สุด


หลี่จิ่วเต้าอดคิดขึ้นมาไม่ได้ หากนำตู้เย็นนี้กลับไปยังดาวเคราะห์สีฟ้า เกรงว่าคนทั่วทั้งดาวเคราะห์สีฟ้าจะต้องตื่นตะลึง สิ่งที่สามารถหยุดเวลาไว้ได้เช่นนี้น่าอัศจรรย์แบบไม่เคยพบเห็นมาก่อน!


“อร่อยจัง!”


พวกอ้ายฉานต่างกินกันอย่างเอร็ดอร่อย สิ่งที่คุณชายเป็นคนทำ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่รสเลิศ!


ต้าเต๋อกินอย่างเอร็ดอร่อยที่สุด อ้าปากหนึ่งครั้งก็ยัดเข้าไปสามสี่คำ ปากเล็ก ๆ เต็มไปด้วยคราบน้ำมัน ขณะที่กินก็พูดไปด้วย “อามิตาพุทธ พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่เคยพบกับคุณชายมาก่อน หากได้พบกับคุณชายและได้กินอาหารอันโอชะของคุณชาย พระอมิตาภะพุทธเจ้าคงไม่ตั้งกฎห้ามกินเนื้อสัตว์อย่างแน่นอน!”


หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หลี่จิ่วเต้าก็บอกให้ลั่วสุ่ยพาวัวทั้งสองตัวออกไปเดินเล่นรับลม


“ไปจับจิ้งจอกดีกว่า!”


หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะออกจากบริเวณนี้ไปจับจิ้งจอกเพียงผู้เดียว


เซี่ยเหยียนกับพวกอ้ายฉานล้วนเป็นผู้ฝึกตน หากต้องการจับจิ้งจอก เกรงว่าเพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถจับได้


ทว่าเขาต้องการจับจิ้งจอกด้วยตัวเอง


กล่าวตามตรงแล้ว ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้เหยียดแขนเหยียดขาหนัก ๆ มานานแล้ว เขาจึงต้องการลงมือจับจิ้งจอกด้วยตนเอง


หลี่จิ่วเต้าเดินเข้าไปในป่าบนภูเขา วิ่งด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ดูปราดเปรียวเสียยิ่งกว่าเสือชีต้าห์ ผอมเพรียวและมีชีวิตชีวาเสียยิ่งกว่า ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงนัก ชวนให้คนรู้สึกเหมือนบัณฑิตอ่อนแอ


แต่ความจริงกลับตรงกันข้ามอย่างถึงที่สุด


ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาสูงเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่าจะสังหารเสือหรือสิงโตก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา ในบรรดาเหล่าปุถุชนไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงเขาได้


“ช้าไปกว่าเดิมเล็กน้อย...”


เขารำพึงกับตัวเองด้วยความไม่ค่อยพอใจกับความเร็วนัก เขาเคลื่อนไหวอย่างหนักน้อยครั้งได้ ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงกว่าเดิมอยู่บ้าง


ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!


เขาเร่งความเร็วขึ้น ประหนึ่งกลายเป็นสายลมพัดผ่าน เขาไม่ได้ตรงไปจับจิ้งจอกทันที แต่ต้องการจะยืดเส้นยืดสายเสียก่อน


ที่แห่งนี้มีตราประทับที่หลิงอินเสริมความแข็งแกร่งทิ้งเอาไว้ให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ทำให้แยกตัวจากโลกภายนอก ทว่าต่อหน้าหลี่จิ่วเต้าแล้ว ตราประทับเสมือนไม่มีอยู่ ไม่ทำงานขึ้นมาแม้แต่น้อย


หลี่จิ่วเต้าวิ่งเข้าไปในดินแดนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เรียบร้อยแล้ว


“นี่คือคุณชายอย่างนั้นหรือ?”


“ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!”


ด้านในเผ่า เหล่าจิ้งจอกสวรรค์หลายคนต่างเห็นเงาร่างของหลี่จิ่วเต้า จิตวิญญาณของพวกมันสั่นสะท้านด้วยความตื่นตกใจกลัวอย่างถึงที่สุด!


พวกมันเห็นสิ่งใด?


ระหว่างการวิ่งของหลี่จิ่วเต้า มีภาพนิมิตปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หลี่จิ่วเต้าประหนึ่งวิ่งอยู่ในสายธารของกาลเวลา กาลเวลาทั้งหมดล้วนถูกหลี่จิ่วเต้าทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง!


นั่นคือสิ่งใด!?


อนาคตอย่างนั้นหรือ?


พวกมันราวกับได้เห็นอนาคต ทั้งแดนบรรพโกลาหล อาณาจักรนับหมื่น สถานที่แปลกประหลาดและไม่รู้จักอีกมากมาย ต่างมารวมตัวกันในอาณาจักรแห่งนี้!


ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอันสะเทือนฟ้าสะท้านดินที่จะเกิดขึ้นในอาณาจักรแห่งนี้ สสารระดับสูงไหลเวียนทุกหนแห่ง แม้ว่าหลังจากแดนบรรพโกลาหลจะปรากฏขึ้น ก็ไม่อาจเทียบเคียงกับอาณาจักรแห่งนี้ได้ สสารโกลาหลยังถูกปราบปรามลง!


พวกมันยังได้เห็นหลี่จิ่วเต้าที่ยืนตระหง่านท่ามกลางโลกหล้า เต๋านับหมื่นกระโดดว่ายเวียนวน ทุกเผ่าล้วนยำเกรง ทิ้งตัวตนเอาไว้ให้จารึกทุกยุคสมัย ผู้คนต่างเคารพบูชา!


ฉากในอนาคตเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พวกมันราวกับว่าได้เห็นจักรวาลอื่นที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่า หยิบสิ่งมีชีวิตใดก็ตามออกมาอย่างสุ่ม ๆ ล้วนแล้วแต่สามารถสร้างวิถีเต๋าขึ้นมาได้ด้วยตนเอง อยู่เหนือกว่าวิถีสวรรค์ สูงกว่าความโกลาหล!


อีกทั้งพวกมันก็เหมือนจะเห็นความมืดมิดที่กลืนกินจักรวาล กระทั่งเหล่าผู้ที่สร้างวิถีเต๋าขึ้นมาได้ด้วยตนเอง อยู่เหนือยิ่งกว่าวิถีสวรรค์ สูงยิ่งกว่าความโกลาหลล้วนถูกความมืดกลืนกินเช่นเดียวกัน กลายเป็นเพียงกลุ่มหมอกโลหิต!


กระทั่งสายธารแห่งกาลเวลาก็ยังพังทลายลง แต่หลี่จิ่วเต้ายังคงยืนตระหง่านสูงส่งอยู่ตลอด จากนั้นภาพก็เริ่มพร่าเลือน ถูกความมืดกลืนกินเลือนหายลับไป!


น่าเสียดาย หลี่จิ่วเต้านั้นวิ่งเร็วจนเกินไป ทำให้ภาพในอนาคตเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนพวกมันไม่อาจมองได้อย่างชัดเจน สามารถดูได้เพียงคร่าว ๆ


สุดท้ายพวกมันก็ตื่นตกใจ ภาพเหล่านั้นชวนให้ขวัญสะท้านอย่างถึงที่สุด!


ภายในภาพอนาคต ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ จักรวาลหมื่นดารา สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกสิ่งล้วนหายไปจดหมดสิ้น เหลือเพียงแค่ความมืดมิด กระทั่งแสงสว่างยังไม่มีเหลือ!


ในอนาคตทุกสิ่งจะถูกความมืดกลืนกินอย่างนั้นหรือ!?


พวกมันล้วนหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ภายในหัวใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง รู้สึกกดดันจนไม่อาจหายใจได้!


ภาพความมืดมิดราวกับถูกหยุดเอาไว้ ไม่เกิดการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน


แต่แล้วรูม่านตาของพวกมันก็ต้องหดตัวโดยฉับพลัน หัวใจทั้งหมดคล้ายจะหยุดเต้นลงอย่างกะทันหัน


ภายในภาพที่เหมือนหยุดยิ่ง ปรากฏฉากใหม่ขึ้นมา!