นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน ดองไว้นานเลยเรื่องนี้ ฮาฮาฮา
บทที่ 611ถึง615
สายลมเย็นเยียบพัดผ่าน เสียดแทงกระดูกคล้ายดาบเหมันต์
ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ เทียนตี้ไม่มีทางต้านทานไหว เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็คงต้องจบชีวิตลง แตกดับอย่างสมบูรณ์
ซีมุ่งหน้าต่อร่างกายปะทะกับสายลมเหน็บหนาวทั้งอย่างนั้น ทิ้งรอยเท้าไว้เป็นพรวน ทว่าไม่นานก็ถูกหิมะกลบทับ ที่นี่ยังมีหิมะตกหนักอีกด้วย
จะว่ายังมีหิมะตกก็คงมิได้…
ที่นี่หิมะตกตลอดปีไม่เคยหยุด
หิมะแผ่นใหญ่โปรยปราย แต่บนตัวซีกลับไม่มีหิมะสักนิด ประกายวาววามเปล่งปลั่งจาง ๆ อยู่บนตัวนาง หิมะที่ปลิดปลิวลงมาใส่นางนั้น ไม่ทันได้แตะตัวก็ละลายไปเสียก่อน
นางก้าวเดินอยู่ในส่วนลึกของทุ่งเหมันต์ สังเกตการณ์ทุกอย่างโดยละเอียด ไม่ปล่อยผ่านแม้แต่จุดเดียว
หากว่ามีโอกาสค้นพบแดนบรรพโกลาหล ซ้ำยังเข้าไปได้นั้น ที่นี่คือสถานที่ที่มีโอกาสนั้นมากที่สุด!
ก่อนกาลเวลาอันยาวนานเริ่มขึ้น ครั้งภพเซียนยังมิได้แยกออกไป อาณาจักรแห่งนี้ยังอยู่ในยุครุ่งโรจน์และเรืองอำนาจที่สุด มียอดฝีมือดีเลิศประเสริฐศรีถือกำเนิดคณานับ อารยธรรมฝึกตนเปล่งประกายเจิดจ้า เรียกได้ว่าบุปผานานาพันธุ์เบ่งบานถ้วนหน้า หมื่นวิถีร่วมสรรเสริญ
อาจเพราะเมื่อถึงจุดสูงสุดแล้ว ย่อมต้องตกลงมาในที่สุด และในยุคที่อาณาจักรแห่งนี้รุ่งเรืองถึงขีดสุด ภัยพิบัติครั้งใหญ่ปรากฏ ความพิศวงลางร้ายคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
เริ่มแรก สิ่งมีชีวิตทั้งหลายยังไม่ตระหนักถึงอันตรายของความพิศวงลางร้าย ครานั้น ความพิศวงลางร้ายเพิ่งได้กระจายออกไป ยังไม่ก่อให้เกิดหายนะมากนัก มีสิ่งมีชีวิตเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย เกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย ขนยาวพิลึกพิลั่นงอกตามตัว กลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้คำนิยาม
ทว่าต่อมา ความพิศวงลางร้ายนี้ปะทุรุนแรง จำนวนสิ่งมีชีวิตที่ถูกความพิศวงลางร้ายกัดกินนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงเวลานั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายถึงเพิ่งตระหนักถึงอันตรายของความพิศวงลางร้าย!
ถูกความพิศวงลางร้ายกัดกร่อน ไม่เพียงแต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย แม้กระทั่งนิสัยใจคอยังเปลี่ยนไปอีกด้วย กลายเป็นคนอำมหิตกระหายเลือด เมื่อคราวความพิศวงลางร้ายปะทุรุนแรง ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในเภทภัยพิฆาตอันไร้ที่สิ้นสุด เวลานั้น สิ่งมีชีวิตซึ่งยังไม่ถูกกัดกร่อนต่างเข้าต่อสู้กับความพิศวงลางร้าย
ยุคสมัยนั้น เรียกได้ว่าสิ่งมีชีวิตล้มตายบาดเจ็บกันนับไม่ถ้วน พินาศไปทุกหนแห่ง โลหิตที่หลั่งรินไหลรวมเป็นมหาสมุทร ศพกองพะเนินจนสูงยิ่งกว่าขุนเขา!
ความพิศวงลางร้ายนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก อารยธรรมฝึกตนในยุคสมัยนั้นรุ่งเรืองช่วงโชติปานใด มียอดฝีมือมากขนาดไหนก็ไม่ไหว บรรพจารย์เซียนเก้าท่านจากโบราณกาลผู้ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน ก็ก้าวออกมาในเวลานั้น
แต่ผลสุดท้ายกลับน่าสังเวชเป็นที่สุด
บรรพจารย์เซียนเก้าท่านจากโบราณกาลพ่ายแพ้ลงตาม ๆ กัน ไม่แม้กระทั่งได้รู้ว่าความพิศวงลางร้ายคือสิ่งใด ไม่อาจมองทะลุได้เลย
นี่ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง
แม้กระทั่งคู่ต่อสู้เป็นอะไรยังไม่รู้ ไม่น่าเศร้าหรือไร?
น่าเศร้าอย่างยิ่งยวด!
บรรพจารย์เซียนโบราณทั้งเก้าท่านคือกำลังรบสูงสุด กระทั่งพวกเขายังพ่ายแพ้ยับเยิน สิ่งมีชีวิตอื่นไฉนเลยจะต้านอยู่
ไม่ได้เลยสักนิด!
ครานั้น ความพิศวงลางร้ายแทบยึดครองทั้งอาณาจักรได้แล้ว!
ทว่าในตอนนั้นเอง พลังประหลาดสายหนึ่งปรากฏ บุกจู่โจมความพิศวงลางร้าย
ดูเหมือนพวกเขารู้จักความพิศวงลางร้ายเป็นอย่างดี ยามลงมือ สามารถสะกดความพิศวงลางร้ายได้จนความพิศวงลางร้ายถูกกำราบลงทั้งสิ้น
ท้ายที่สุด ภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้ก็จบลง
หากมิใช่ว่ามีพลังสายนี้ปรากฏ ครานั้น ภพเซียนอยากถอนกำลังก็ยังทำไม่ได้
พลังพิศวงลางร้ายนั้นร้ายกาจเกินไป
แม้ว่าภัยพิบัติใหญ่จบลงแล้ว กระนั้นภพเซียนก็ไม่ต้องการอยู่ที่นี่ต่อ
“ใช่เพียงภพเซียนที่ไหน ในช่วงเวลาหลังจากนั้น ผู้ใดไปได้ล้วนไปกันหมด…”
ซีพึมพำเสียงเบา
ระหว่างที่นางตามหากล่องสี่เหลี่ยมหลังตื่นขึ้นมาในอาณาจักรนี้ นางได้รับรู้เรื่องราวในอดีตมากมาย อาณาจักรแห่งนี้ยังมีเก้าแคว้นใหญ่ ซึ่งท้ายที่สุดก็แยกออกจากอาณาจักรนี้ไปเช่นกัน กลายเป็นอาณาจักรเก้าตอนบนที่อยู่เหนืออาณาจักรทั้งปวง
แม้ว่าความพิศวงลางร้ายจะถูกสะกดขับไล่ แต่ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกมากมายที่ตระหนักได้ว่า เรื่องราวทั้งหมดมิอาจจบลงโดยง่าย สิ่งมีชีวิตผู้เปี่ยมความสามารถที่ไปได้นั้นจากไปหมดแล้ว
และยามพวกเขาไป ก็ได้นำทุกสิ่งไปด้วย
ภพเซียนนำออกไประลอกหนึ่ง พวกเขานำออกไปอีกระลอกหนึ่ง อย่าให้กล่าวเลยว่าอาณาจักรนี้อเนจอนาถปานใด อารยธรรมฝึกตนขาดช่วงไปนาน ถดถอยกลับไปมหันต์ สิ่งแวดล้อมไม่อาจเทียบเทียมอดีต ความรุ่งเรืองช่วงโชติที่ผ่านมาไม่อาจเกิดขึ้นอีกแล้ว
“ไม่อยากอยู่ต่อนั้นเข้าใจได้ ทว่านำทุกสิ่งที่นำออกไปนั้น มิเท่ากับกวาดล้างอาณาจักรแห่งนี้ในช่วงลำบากหรือ…” ซีเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ไม่ว่าอย่างไร ที่นี่ก็เป็นภูมิลำเนา ปฏิบัติต่อบ้านเกิดเมืองนอนของตนเยี่ยงนี้ น่ารังเกียจนัก
สายลมเย็นเยียบพัดผ่านอีกครั้ง ซีค้นหาต่อไป
พลังที่สะกดขับไล่ความพิศวงลางร้ายปรากฏครั้งแรกที่นี่
แม้ว่าพลังนั้นเป็นที่รู้จักเพียงน้อยนิด ไม่รู้มีจุดกำเนิดมาจากไหน
ทว่าเมื่อวิเคราะห์ดูแล้ว คงเกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหล
หากลองไตร่ตรองดูดี ๆ นอกจากแดนบรรพโกลาหล ที่ไหนเล่าจะมีพลังขนาดที่สามารถสะกดขับไล่ความพิศวงลางร้ายได้
นอกจากนี้ ผู้คนยังสงสัยอีกว่า ความพิศวงลางร้ายอาจเกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหล
ถึงอย่างไร ความพิศวงลางร้ายเยี่ยงนี้จู่ ๆ จะโผล่ออกมาได้อย่างไร
และนี่ก็เป็นเหตุให้ผู้คนสงสัยว่า ความพิศวงลางร้ายอาจรั่วไหลออกจากแดนบรรพโกลาหล
สรุปก็คือ หากไล่ย้อนกลับไป เรื่องราวทั้งหมดคงไม่พ้นเกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหล
ซีเดินวนอยู่ในส่วนลึกรอบแล้วรอบเล่า สืบค้นอยู่หนแล้วหนเล่า น่าเสียดายที่ไม่ได้อะไร ไม่เคยเจอ ‘ทางเข้า’ ที่ว่า
“หากว่าที่นี่ยังมิใช่ คงได้แต่รอให้แดนบรรพโกลาหลปรากฏออกมาเองแล้ว…”
ซีถอนหายใจ
นางไม่ต้องการรอต่อไปแล้วจริง ๆ
แม้แดนบรรพโกลาหลมีวี่แววให้เห็นว่ากำลังจะปรากฏออกมา แต่ก็มิมีผู้ใดรู้ว่าจะปรากฏออกมาเมื่อใด
เวลานั้นไม่แน่นอนอย่างมาก เป็นไปได้ว่ายังอีกยาวนาน
อีกอย่าง นางอยากเข้าไปฝึกฝนในแดนบรรพโกลาหล นางต้องการแก้แค้น ต้องการถล่มตระกูลเซียวให้ราบคาบ และหากนางประสงค์ให้ทุกอย่างลุล่วง นางจำต้องเข้าไปฝึกฝนในแดนบรรพโกลาหล!
นอกจากแดนบรรพโกลาหล ยากจะมีที่ใดช่วยให้นางทรงพลังเหลือหลาย จนสามารถถล่มตระกูลเซียวจนราบคาบได้อีก
เดิมนางคิดจะหากล่องสี่เหลี่ยมให้เจอก่อน แล้วค่อยไปตามหาที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหล เพื่อเข้าไปฝึกฝนในนั้น
เมื่อครั้งพวกเขาหนีเข้ามาในอาณาจักรนี้ ก็เพราะแดนบรรพโกลาหลอยู่ในอาณาจักรนี้ พวกเขาคิดยืมพลังจากแดนบรรพโกลาหลในการชุบตัว
“หากว่ากล่องสี่เหลี่ยมอยู่ในแดนบรรพโกลาหลย่อมเป็นการดีที่สุด หากว่าไม่อยู่ ข้าคงไม่หาแล้ว ขออยู่ฝึกฝนในแดนบรรพโกลาหลต่อไป”
ซีพึมพำเสียงเบากับตัวเอง
นางหาทุกที่ข้างนอกนั่นจนครบแล้ว ทว่าก็ยังไม่พบ ไม่แม้แต่จะมีเบาะแสสักนิด
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เป็นไปได้สูงว่ากล่องสี่เหลี่ยมอยู่ในแดนบรรพโกลาหล
หากว่ากล่องสี่เหลี่ยมไม่อยู่ในแดนบรรพโกลาหล เหลือเพียงความเป็นไปได้เดียว
ความเป็นไปได้นี้คือ ระหว่างที่นางยังไม่ฟื้น คนตระกูลเซียวพบกล่องสี่เหลี่ยม และนำกลับไปแล้ว
มิฉะนั้น ไม่มีทางที่นางไม่พบเบาะแสแม้แต่น้อย
เพราะอย่างนั้น หนนี้ หากนางเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลได้ ไม่ว่าจะเจอกล่องสี่เหลี่ยมหรือไม่ นางจักอยู่ในแดนบรรพโกลาหลต่อ
ต่อให้เจอกล่องสี่เหลี่ยม นางก็ต้องฝึกฝนในแดนบรรพโกลาหลต่อเท่านั้น จึงจะแก้แค้นสำเร็จ
และหากไม่เจอกล่องสี่เหลี่ยม บ่งบอกว่ากล่องสี่เหลี่ยมอาจถูกตระกูลเซียวค้นพบแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น นางยิ่งต้องฝึกฝนในแดนบรรพโกลาหลต่อ เช่นนี้นางถึงแก้แค้นสำเร็จ จนชิงกล่องสี่เหลี่ยมกลับมาได้
“ไปต่อก่อน!”
นางมิได้ถอดใจ ยังคงตามหาต่อไป
นางไม่อยากเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ตลอด ทิ้งเวลาไปกับการรอ นางอยากหาแดนบรรพโกลาหลให้เจอโดยไว แล้วเข้าไปอยู่ในแดนบรรพโกลาหล
“แดนบรรพโกลาหลใกล้ปรากฏออกมาแล้ว ยังมีโอกาสเข้าไป!”
นางเอ่ยด้วยตาเป็นประกาย
หากมิใช่แดนบรรพโกลาหลมีวี่แววว่าจะปรากฏออกมา ซีคงไม่มาตามหาที่นี่
ก่อนกาลเวลาอันยาวนานเริ่มต้นขึ้น เมื่อครั้งอาณาจักรแห่งนี้ยังอยู่ในยุครุ่งเรืองโชติช่วง ยามภพเซียนยังไม่แยกตัวออกไป พวกเขาเคยตามหาเบาะแสของแดนบรรพโกลาหล หมายจะเข้าไปข้างใน
อนิจจา พวกเขาไม่พบเบาะแสแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล
ในยุคสมัยนี้ แดนบรรพโกลาหลมีวี่แววปรากฏออกมา บ่งบอกว่ามีโอกาส มีความเป็นไปได้ว่าสามารถล่วงล้ำเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลล่วงหน้า
และเพราะตระหนักถึงข้อนี้ ซีถึงเดินทางมาตามหาที่นี่
หากมิใช่เช่นนี้ นางไม่มีทางมา เพราะต่อให้มานี่ ก็ไม่มีทางได้สิ่งใดกลับไป
“แดนบรรพโกลาหลปรากฏ ใช่ว่าเป็นเรื่องดี…”
ซีถอนหายใจ ไม่เห็นว่าอนาคตสดใสเท่าใด
ความพิศวงลางร้ายล้วนเกี่ยวกับแดนบรรพโกลาหล ในกาลเวลาอันยาวนาน คล้ายว่าแดนบรรพโกลาหลเคยปรากฏออกมาแล้วครั้งหนึ่ง
และครั้งนั้น เกี่ยวเนื่องกับความพิศวงลางร้าย
ครานั้น แดนบรรพโกลาหลมิได้ปรากฏออกมาเต็มกำลัง แต่หนนี้แดนบรรพโกลาหลกลับมีท่าทีว่าจะปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องราวคงมิได้ธรรมดา!
“ระงับความพิศวงลางร้ายไม่อยู่แล้วหรือ”
นางมิใช่คนมองโลกในแง่ดี สิ่งที่คิดล้วนแต่เป็นไปในทางเลวร้าย
นางสงสัยว่า ที่แดนบรรพโกลาหลปรากฏออกมาครานี้ เป็นไปได้ว่าเพราะสถานการณ์บีบบังคับ ระงับความพิศวงลางร้ายในนั้นไม่อยู่แล้ว
“ขอให้ไม่เป็นเช่นนั้น”
หากว่าแม้แต่แดนบรรพโกลาหลยังระงับความพิศวงลางร้ายไว้ไม่อยู่ แล้วผู้ใดเล่าจะต่อกรกับความพิศวงลางร้ายไหว
นางหวังจากใจจริงให้ความจริงไม่เป็นดั่งที่นางคิด
นางสะบัดหัว ไม่ไปคิดถึงปัญหาเหล่านั้นอีก ปัญหาเหล่านั้นห่างไกลจากนางมาก สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนางในตอนนี้คือหาแดนบรรพโกลาหลให้เจอ
ที่นี่คือสถานที่ที่แดนบรรพโกลาหลเผยตัวครั้งแรก นางคิดว่าจะพบ ‘ทางเข้า’ แดนบรรพโกลาหลจากที่นี่
หิมะโปรยปราย นางไม่ยอมถอดใจ ค้นหาในที่แห่งนี้ต่อไป
หนึ่งวัน สองวัน นางวนเวียนตามหาอยู่อย่างนั้น เคลื่อนไหวร่างกายด้วยความว่องไว จนกระทั่งมาถึงส่วนลึกแห่งหนึ่ง
นางสัมผัสได้ว่าที่นี่เกิดเรื่องผิดปกติบางอย่าง!
มีคลื่นพลังส่งออกมาจากห้วงอากาศ!
นางระมัดระวังอย่างยิ่งยวด มิกล้าประมาทแม้แต่น้อย มิได้เข้าใกล้ เพียงแต่สังเกตการณ์อยู่ไกล ๆ
ผู้ใดเล่าจะรู้ว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้น นางจับตาดูสถานการณ์ด้วยความระวังไว้ก่อนดีกว่า
นางซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด เก็บงำพลังปราณ คลื่นพลังที่ส่งออกจากห้วงมิตินั้นเป็นไปได้ว่าเพราะมีบางสิ่งกำลังพุ่งออกมาจากที่นั่น!
เปรี๊ยะ!
คลื่นพลังจากห้วงมิตินั้นทวีความรุนแรง มีรอยร้าวปรากฏ คล้ายว่าถูกบางอย่างฉีกกระชาก
ซีเคร่งเครียดอย่างมาก เรียกกระบี่ยาวสีขาวผ่องออกมาเล่มหนึ่ง พร้อมตั้งท่าไว้
ที่นี่ไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ ผู้ใดจะรู้ว่ามีสิ่งใดปรากฏออกมาได้บ้าง ระแวงไว้ก่อนไม่ผิดแน่
โฮ่ง!
ขณะนั้นเอง เสียงเห่าสุนัขดังมาจากที่นั่น ก่อนจะมีรอยร้าวเห็นเป็นรอยแยกใหญ่ หลุมดำมโหฬารปรากฏ
จากนั้น ซีเห็นสุนัขตัวน้อยขนขาวราวหิมะ หน้าตางดงามตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากในนั้น
“หา?”
ซีชะงัก นี่ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้เลยสักนิด
ที่นางจินตนาการไว้ สิ่งที่กำลังปรากฏออกมาย่อมต้องเป็นสิ่งมีชีวิตสยดสยองน่ากลัว เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่งยวด แม้กระทั่งนางยังไม่อาจแหวกมิติออกไป
สิ่งมีชีวิตที่แหวกมิติออกมาจนถึงที่แห่งนี้ได้ ย่อมไม่ธรรมดาถึงขีดสุด!
ทว่าสิ่งที่ออกมากลับเป็นสุนัขสีขาวน่ารักตัวหนึ่ง จะให้นางคาดถึงได้เยี่ยงไร
สุนัขตัวน้อยสั่นศีรษะสะบัดหาง ดวงตาใสสกาวเหลือคณา ดูงดงามน่ารัก น่าเอ็นดูอย่างยิ่ง
ซียังอดมิได้ อยากออกไปอุ้มหมาน้อยตัวนี้ขึ้นมา ‘บู้บี้’ เสียหน่อย!
ทว่า ท้ายที่สุดนางก็อดกลั้นไว้ได้!
แม้ว่าหมาน้อยตัวนี้น่ารักอย่างยิ่งยวด ดูไม่มีพิษมีภัยแม้แต่น้อย แต่หมาน้อยตัวนี้แหวกมิติมาถึงที่นี่ได้ แล้วจะธรรมดาได้อย่างไร
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!
แต่หมาน้อยตัวนั้นกลับมาอยู่ตรงหน้านางในพริบตา ซ้ำยังสะบัดหัวสะบัดหางใส่นาง แสดงเจตนาดีออกมาเต็มที่ ไร้ซึ่งเจตนาร้าย
กระนั้นซีก็มิได้ชะล่าใจ ทิ้งระยะห่างจากหมาน้อยตัวนี้ทันทีด้วยความเด็ดขาด
“อย่าเข้ามา!”
นางชูกระบี่ยาวในมือ ชี้ไปที่หมาน้อยตัวนั้น สีหน้าเคร่งเครียด
โฮ่ง!
หมาน้อยเห่าอีกเสียงหนึ่ง มิได้เกรงกลัวแต่อย่างใด ปรี่เข้ามาอยู่ตรงหน้าซีทันทีอีกครั้ง สะบัดหัวสะบัดหางใส่ซี
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”
ซีผวาในใจ กระบี่ยาวที่ชูขึ้นมิได้ลดลง หมาน้อยตัวนี้ผิดปกติเกินไป นางมิกล้าผลีผลามลงมือ
“โฮ่ง ไม่ต้องกลัว ข้าไม่มีเจตนาร้าย เพียงแต่เพิ่งมาถึงอาณาจักรแห่งนี้ ยังไม่รู้เรื่อง จึงอยากสอบถามสถานการณ์ในอาณาจักรนี้กับท่าน”
หมาน้อยมองซีด้วยท่าทางน่าสงสาร ก่อนจะเอ่ยต่อ “เจ้านายของข้าตายอย่างน่าอนาถ นางถูกคู่อริสังหารอย่างโหดร้าย ก่อนตาย ได้แหวกมิติออกเป็นเส้นทางให้ข้าหนีไป ข้าก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใด…”
ท่าทางของมันน่าสงสารอย่างยิ่ง ทว่าซีมิได้ตายใจ
“เจ้ามาจากที่ใด”
ซีถามหมาน้อย
หมาน้อยสั่นศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้ ข้าติดตามเจ้านาย เร้นกายใช้ชีวิตอยู่ในที่ลับตาคนเรื่อยมา หาได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก และไม่รับรู้สถานการณ์ภายนอกแม้แต่น้อย เจ้านายก็ไม่เคยเล่าเรื่องพวกนั้นให้ข้าฟัง”
ท่าทางของมันราวกับไม่รู้เรื่องจริง ๆ ซีขมวดคิ้ว ทุกอย่างเป็นดั่งที่หมาน้อยว่าจริงหรือ
นางไม่อยากเชื่อเท่าใด ยังไม่เลิกระแวง เตรียมถามไถ่เรื่องอื่นจากหมาน้อย
ทว่าในตอนนั้นเอง เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่หลุมดำ!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ประกายเจิดจ้าเหลือคณาส่องสะท้อนออกจากหลุมดำ จนหลุมดำสว่างไสว พร้อมทั้งมีพลังปราณน่าประหวั่นพรั่นพรึงแผ่ซ่านออกมาจากข้างใน
ซียังไม่ทันได้รับรู้ถึงสิ่งใด ก็มีคนปราดออกจากข้างในร่างแล้วร่างเล่า ล้อมนางและหมาน้อยตัวนั้นไว้อย่างแน่นหนา
นางมีสีหน้าเคร่งเครียด วิตกเหลือแสน ยกกระบี่ขึ้นมาตั้งท่าระวัง
ร่างทั้งหมดนี้ล้วนเยาว์วัย และเป็นสตรีทั้งสิ้น แต่ละนางต่างมีใบหน้างามล่มเมือง พิลาสล้ำ ประกายแวววาวห้อมล้อมอยู่รอบตัว ดูสูงส่งไร้มลทินเป็นหนักหนา
ซีรู้สึกเหลือเชื่อ สตรีเหล่านี้มาจากที่ใดกัน เหตุไฉนถึงน่าสะพรึงได้ปานนี้
ดูจากพลังปราณที่แผ่ขยายออกจากสตรีเหล่านั้น นางรู้ได้เลยว่านางมิใช่คู่มือของสตรีเหล่านี้ ซ้ำยังห่างชั้นกันมากโข ประดุจหิ่งห้อยกับดวงอาทิตย์!
มาจากภพเซียนอย่างนั้นหรือ!?
นางนึกถึงภพเซียนขึ้นมาได้ทันที แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ พลังที่ปกคลุมภพเซียนอยู่นั้นน่ากลัวอย่างยิ่งยวด ไฉนเลยจะมีสตรีออกมาได้ตั้งมากมาย
หรือว่าพลังที่ปกคลุมอยู่รอบนอกภพเซียนหายไปแล้ว
ไม่ใช่สิ!
พวกนางมาจากแดนบรรพโกลาหล!
หัวใจของซีเต้น ‘ตึกตัก’ รุนแรง นางจับสัมผัสพลังปราณที่แผ่ซ่านออกจากตัวสตรีเหล่านี้อย่างละเอียด พบว่าเป็นปราณโกลาหล!
“ที่นั่นเชื่อมต่อกับแดนบรรพโกลาหลหรือ!?”
นางหันมองหลุมดำ พลันตื่นเต้นขึ้นมา
อย่างที่คิด!
ซีตื่นเต้นมากขึ้น นางสัมผัสถึงปราณโกลาหลได้จากทางหลุมดำ นี่คือเส้นทางที่เชื่อมต่อถึงแดนบรรพโกลาหล
ทว่าหญิงสาวสุขุมอย่างยิ่ง สงบจิตสงบใจที่ตื้นตันลงได้ในพริบตา
สตรีทั้งหมดนี้ล้อมนางไว้แน่นหนา ยังไม่ทราบว่าเป็นมิตรหรือศัตรู เวลาอย่างนี้ ควรต้องรักษาความเยือกเย็นไว้
นางขบคิดอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าสตรีเหล่านี้มิได้พุ่งเป้ามาที่นาง หากแต่พุ่งเป้ามาที่หมาน้อยตัวนี้
แต่เพราะนางยืนอยู่คู่กับหมาน้อย ถึงได้ถูกล้อมไปด้วย
เมื่อครู่หมาน้อยเพิ่งโผล่มาจากหลุมดำ สตรีเหล่านี้ก็โผล่ตามมา เห็นได้ชัดว่ามาเพราะไล่ตามหมาน้อย
โฮ่ง!
หมาน้อยแยกเขี้ยวเห่าใส่สตรีเหล่านี้ ก่อนที่ร่างสุนัขนั้นจะขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว สูงเกือบเทียบเท่ามนุษย์ นัยน์ตาของมันเหี้ยมเกรียม พลังปราณดุดันแผ่ซ่านออกมาทั่วตัว เหลือเค้าความน่ารักที่ไหน เหมือนเป็นอสูรร้ายตัวหนึ่งมากกว่า!
สีหน้าของซีเปลี่ยนไป ยังดีที่นางมิได้ชะล่าใจ เห็นได้ชัดว่าท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของหมาน้อยก่อนหน้านี้เป็นการแสดง ขืนนางชะล่าใจจริง ๆ หลงเชื่อท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของหมาน้อย นางคงมีจุดจบไม่ดีเท่าใด!
“เจ้าหมาเดนตาย สมแล้วที่เขาว่าหมาเลิกกินขี้ไม่ได้ นี่เจ้าไปหลอกลวงผู้อื่นอีกแล้วหรือ!?”
สตรีนางหนึ่งจ้องมองหมาน้อยอย่างแค้นเคือง เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แววตาเปี่ยมไปด้วยโทสะ โมโหอย่างยิ่ง
นางนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่นอย กลับถูกสุนัขเดนตายตัวนี้หลอกลวง ชื่อเสียงป่นปี้!
“แม่นาง รีบถอยห่างจากเจ้าหมาเดนตายตัวนี้เสีย หมาตัวนี้นิสัยไม่ดี ถนัดแสร้งทำตัวน่ารักเพื่อหลอกลวงผู้อื่นที่สุด!”
สตรีอีกนางเอ่ย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น นางเองก็ถูกสุนัขเดนตายตัวนี้หลอกจนแทบแย่
“โฮ่ง พวกเจ้าพูดเหลวไหลอะไร!”
สุนัขสีขาวโมโห “พวกเจ้าอยากตายหรือไร รอยแยกมิติยังกล้าบุก ไม่กลัวเกิดเรื่องกับตัวเองหรือ!?”
มันคาดไม่ถึงจริง ๆ เดิมคิดจะสลัดสตรีเหล่านี้ทิ้งผ่านรอยแยกมิติ หารู้ไม่ สุดท้ายสตรีเหล่านี้กลับโหดเหี้ยมถึงปานนี้ ไล่ตามกันมาทั้งหมด!
“เจ้าหมาเดนตาย ยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ!”
สตรีอาภรณ์สีฟ้าผู้หนึ่งมองสุนัขสีขาวตาขวาง “เพราะเจ้า พวกเรายังมีหน้าอยู่ในแดนบรรพโกลาหลต่อที่ไหน ไม่ถลกหนังลอกเอ็นของเจ้าออก ยากจะบรรเทาความโกรธแค้นในใจพวกเรา!”
“ใช่แล้ว! ไม่ว่าเจ้าหนีไปที่ใด พวกเราก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”
สตรีอาภรณ์สีเหลืองผู้หนึ่งกัดฟันดัง ‘กรอด’ “แสร้งทำตัวน่ารักใสซื่อ หลอกให้พวกเราเชื่อใจ แล้วเจ้า…เจ้ากลับขโมยอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าที่พวกเราเคยสวมใส่ไปขาย!”
ขโมยอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าที่เคยถูกสวมใส่ไปขาย!
วิตถารน่าสะอิดสะเอียนถึงเพียงนี้เชียว!?
ซีตะลึงงัน รีบออกห่างจากที่เดิม อยู่ให้ไกลจากสุนัขสีขาวตัวนี้
ยังดีที่นางไม่ถูกท่าทางน่ารักที่สุนัขสีขาวตัวนี้แสร้งแสดงหลอกเอา มิฉะนั้น อาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าของนางก็อาจไม่รอดพ้น!
นางจับจ้องสุนัขสีขาวด้วยสายตาประหลาด นึกในใจว่าแดนบรรพโกลาหลวุ่นวายขนาดนี้เชียวหรือ อาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้ามือสองที่เคยสวมใส่มาแล้วยังมีตลาดให้ขายอีกหรือ!?
“ฮิฮิ”
สุนัขสีขาวฉีกยิ้มกว้างพลางหัวเราะ “แค่ขายอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าที่พวกเจ้าเคยสวมใส่ไปเอง จำเป็นต้องไล่ตามกันให้ตายไปข้างเลยหรือ เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะแบ่งเงินให้พวกเจ้าครึ่ง ๆ คนละห้าส่วนไปเลย”
“ผู้ใดอยากแบ่งเงินกับเจ้ากัน!”
“ชื่อเสียงของพวกเราเสียหายหมดก็เพราะเจ้า!”
สตรีทั้งหลายเดือดดาลอย่างยิ่ง พากันลงมือ ม่านหมอกโกลาหลถาโถม จู่โจมใส่สุนัขสีขาวจากทั่วสารทิศ
พวกนางมิใช่พวกปลายแถวไร้นาม หากแต่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่งในแดนบรรพโกลาหล แต่ละคนล้วนเป็นบุตรีสวรรค์ผู้โดดเด่น สุดท้าย อาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าที่พวกนางเคยสวมใส่ กลับถูกสุนัขสีขาวขโมยไป ทั้งยังจัดงานประมูลอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้ามือสองที่เคยสวมใส่แล้วอย่างยิ่งใหญ่ในแดนบรรพโกลาหล!
จะให้พวกนางทนได้อย่างไร!?
ต่อให้ศาสตราประจำกายของพวกนางถูกสุนัขสีขาวขโมยไป พวกนางยังไม่โมโหเท่านี้ จิตสังหารรุนแรงเท่านี้เลย สุนัขสีขาวทำลายความบริสุทธิ์ของพวกนางไปหมดแล้ว!
“โฮ่ง เมื่อปราศจากการซื้อขาย ย่อมไร้ซึ่งการเข่นฆ่า พวกเจ้าโทษแต่ข้าคงมิได้ ข้าเป็นเพียงคนกลาง เก็บค่าเหนื่อยสักนิดสักหน่อย ใช่ว่าทำมิดีมิร้ายกับอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าของพวกเจ้าเสียเมื่อไร!”
สุนัขสีขาวเปล่งแสงอยู่ทั่วตัว ดุดันเหลือคณา เข้าต่อสู้ดุเดือดกับเหล่าสตรี มิได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย
“เจ้า…สมควรตายนัก!”
“ฆ่า!”
หลังได้ยินคำกล่าวของสุนัขสีขาว สตรีเหล่านี้ทั้งโกรธทั้งอาย
พวกที่ซื้ออาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าที่พวกนางเคยสวมใส่ไป จะทำอะไรกับอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าของพวกนางได้อีก
ย่อมต้องทำเรื่องสัปดนที่ไม่อาจพรรณนาได้!
แค่คิดพวกนางก็รู้สึกขยะแขยง ตัวสั่นอย่างทนมิได้
นี่คือมลทินที่จะติดตัวพวกนางไปชั่วชีวิต ยากจะลบล้างได้ในชีวิตนี้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ห้วงมิติระเบิดแหลกลาญ จิตสังหารแผ่ซ่าน เหล่าสตรีลงมือด้วยวิชามหาพิฆาตกันทั้งสิ้น ตั้งมั่นว่าจะปลิดชีพสุนัขสีขาวตัวนี้ที่นี่ให้ได้
สุนัขสีขาวอารามร้อนใจ ตวาดเสียงกริ้ว “พวกเจ้าจะมัวสู้คิดว่าไม่ตายไม่เลิกรากับข้าอยู่ที่นี่ก็เปล่าประโยชน์ เอาอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าของพวกเจ้ากลับมาไม่ได้อยู่ดี! เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเรามาเจรจากันดีหรือไม่ ขอเพียงพวกเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะบอกรายละเอียดของเจ้าพวกที่ซื้ออาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าของพวกเจ้าให้ฟัง ให้พวกเจ้าไปเอาอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าของพวกเจ้าคืนมา!”
ก่อนที่มันจะพึมพำเสียงเบา “แต่ว่ากันไปเป็นเรื่อง ๆ ทุกท่านมัวแต่บำเพ็ญอยู่มิได้ ควรต้องหมั่นซักล้างอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าให้บ่อย กลิ่นนั่นแรงเสียจนข้ามึนไปหมด ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดตาเฒ่าพวกนั้นถึงชื่นชอบของแบบนี้ กลิ่นยิ่งแรงยิ่งชอบ! น้องฉืออวี่ อาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าของเจ้ากลิ่นแรงที่สุด มาเอากับเขาสิ ทันทีที่หยิบออกมา ก็เดือดพล่านกันถ้วนหน้า แทบแตกฮือเลย!”
“เจ้า ๆๆ!”
สตรีนามฉืออวี่โมโหจนแทบกระอักเลือด
นางผุดผ่องปานใด ไม่ยอมแปดเปื้อนแม้แต่น้อย หนนั้นเพราะนางเพิ่งกลับจากการฝึกตนข้างนอก ต่อสู้ดุเดือดติดต่อกันหลายวัน กลับมาแล้วเพิ่งได้ถอดอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้า ไม่ทันใดซักด้วยซ้ำ ก็ถูกสุนัขสีขาวเดนตายตัวนี้ขโมยไป
สุดท้าย บัดนี้เจ้าสุนัขสีขาวกลับว่านางเช่นนี้ ซ้ำยังว่านางต่อหน้าผู้อื่น นางโมโหจนอกจะระเบิด!
ตาเฒ่า!!!
สตรีนางอื่นโกรธเกรี้ยวจนเส้นเอ็นปูดโปน แทบกระอักเลือดเช่นกัน
อาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าของนางตกอยู่ในมือของกลุ่มตาเฒ่าหรือ
อ๊ากกก!
พวกนางอยากจะบ้าตาย!
เจ้าสุนัขเดนตายตัวนี้ยังกล้ามาต่อว่าพวกนางไม่รักสะอาด ไม่หมั่นซักล้าง พวกนางซักล้างได้หรือ ยังไม่ทันได้ทำความสะอาด ทั้งอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้ารองเท้าก็ถูกสุนัขสีขาวขโมยไปทั้งสิ้น!
“นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่!”
สุนัขสีขาวคำรามกราดเกรี้ยว “ข้ามีเรื่องกับพวกเจ้าไม่ไหว แต่ข้าหลีกเลี่ยงได้!”
มันเริ่มฝ่าวงล้อมออกไปหมายจะหนี สตรีเหล่านี้ไม่อาจต่อกรด้วยง่าย ๆ มิฉะนั้น มันคงไม่ถูกไล่ตามจนอยู่ในสภาพอเนจอนาถเยี่ยงนี้ จำต้องใช้รอยแยกมิติในการหนีการไล่ล่าจากสตรีเหล่านี้
ต้องรู้ว่า รอยแยกมิตินั้นอันตรายอย่างยิ่งยวด พลังมิติภายในยุ่งเหยิงอลหม่าน จบชีวิตได้ง่าย ๆ ซ้ำยังไม่ทราบจุดหมายปลายทาง นับว่าอันตรายมาก
หากมิใช่ว่าถูกสตรีเหล่านี้ไล่ล่าเสียจนตรอก มันคงไม่เสี่ยงเข้ามาในรอยแยกมิติ
สุนัขสีขาวไม่ธรรมดา มีฝีมือพอควร มันฝ่าออกไปได้ ทว่าเหล่าสตรีไม่ยอมเลิกรา ไล่ตามไปด้วย
พวกนางไม่สนแม้กระทั่งอันตรายจากรอยแยกมิติ มีหรือจะยอมปล่อยสุนัขสีขาวไป
เป็นไปไม่ได้!
“สุนัขสีขาวต่ำช้ายิ่งนัก!”
ซีสบถ รู้สึกว่าหมาตัวนี้ชั่วร้ายจริงเชียว ดีที่นางไม่หลงกลโดนหลอกไปด้วย มิฉะนั้น ชื่อเสียงของนางคงต้องป่นปี้เพราะสุนัขสีขาวตัวนี้เป็นแน่
หลุมดำยังอยู่ มิได้หายไปไหน ซีก้าวเข้ามาอยู่ตรงหลุมดำ หัวใจเต้นรัวเร็ว ที่นี่ไปสู่แดนบรรพโกลาหลได้!
“ไปหรือไม่ไปดี”
นางพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ลังเลใจขึ้นมา นางสัมผัสได้ถึงปราณโกลาหลจากในหลุมดำ แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณแสนอันตรายด้วย พลังมิติในนั้นอลหม่านเหลือเกิน นางไม่แน่ใจว่าสามารถฝ่าฟันผ่านพลังมิติอันอลหม่านนี้ไปได้
ทว่าลงท้ายนางก็เลือกก้าวเข้าไป มุ่งหน้าไปยังส่วนลึก
เสียงดังพรวด มีการโจมตีกระแทกตัวนาง ไหล่ซ้ายของนางถูกแทงทะลุในบัดดล โลหิตหลั่งริน!
ตอนนี้ ต่อให้นางอยากย้อนกลับไปก็ไม่ได้แล้ว พลังมิติอันอลหม่านล้อมนางไว้แล้ว!
นางกัดฟันอดทน ปล่อยให้พลังปะทุ ทว่ายากจะย่างกรายออกไปแม้เพียงก้าว พลังมิติอันอลหม่านนี้น่าพรั่นพรึงเกินไป เหนือกว่าขอบเขตที่นางรับไหว!
ตึง!
มีการโจมตีกระแทกเข้ามาอีกครั้ง นางถูกกระแทกจนล้มลงไปทันที พลังปราณของนางอ่อนแรง ราวกับเปลวไฟที่พร้อมดับมอดทุกเมื่อ!
“จะ…ตายแล้วหรือ”
นางกระอักเลือดไม่หยุด หมดเรี่ยวแรงจะขัดขืนอีกต่อไป
คิดจะเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล มิง่ายจริง ๆ ด้วย!
พลังมิติอันยุ่งเหยิงไหลหลาก นี่มิใช่มิติปริภูมิทั่วไป หากแต่เป็นรอยแยกมิติ เป็นมิติที่พังทลายไปแล้ว ซ้ำยังเชื่อมโยงกับแดนบรรพโกลาหล พลังโกลาหลที่แฝงอยู่ในนี้อันตรายถึงขีดสุด!
หากมิใช่เช่นนั้น ซีย่อมไม่กลายเป็นแบบนี้ สุนัขขาวก็คงไม่คิดจะใช้รอยแยกมิติสลัดสตรีเหล่านั้น
รอยร้าวมากมายปรากฏบนตัวซี โลหิตแดงฉานหลั่งไหลออกมาตามรอยร้าว ลมหายใจของนางแผ่วเบาลงไปอีก ต้านทานมิได้จริง ๆ ประกายในแววตาของนางหม่นหมองลง สติค่อย ๆ เลือนหาย
...
ภายในเมืองชิงซาน
หลี่จิ่วเต้าจับพู่กัน ตวัดไปมาฉวัดเฉวียน ลายมืองดงามดุดันดั่งมังกร ตัวอักษรสามสี่ตัวจรดอยู่บนกระดาษเซวียน
เขากำลังหัดเขียนตัวอักษรในห้องหนังสือ
ทันใดนั้น หัวใจเขาปวดแปลบ พู่กันชะงักงัน หมึกแผ่วงออกไป อักษรที่ถูกเขียนไว้ถูกทำลายภาพอักษรวิจิตรเละไม่เป็นท่า!
เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาปวดใจโดยไม่ทราบสาเหตุ อารมณ์หดหู่หม่นหมองลงฉับพลัน ราวกับกำลังจะสูญเสียคนสำคัญที่สุดไปอย่างนั้น
“ซี…เกิดเรื่องกับเจ้าหรือ!?”
หลี่จิ่วเต้าพึมพำกับตัวเอง นึกถึงซีขึ้นมาทันใด มือที่จับพู่กันอยู่กำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว พู่กันได้รับแรง ซึมทะลุกระดาษเซวียน หมึกที่ปลายพู่กันถูกบีบคั้นจนไหลเจิ่งออกมา
ความปวดใจนี้ยากจะพรรณา เขาแทบหายใจไม่ออก
“ซี เจ้าห้ามเป็นอะไร ต้องอยู่รอดต่อไปให้ได้!!!”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม ภาวนาในใจไม่หยุด ขอให้ไม่เกิดเรื่องกับซี
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใด หัวใจของเขาหาได้เคยว้าวุ่นเฉกเช่นตอนนี้ เขาหายใจหนักหน่วง ขออย่าให้เกิดเรื่องกับซี ซีต้องอยู่รอดปลอดภัยต่อไป!
...
ภายในหลุมดำ พลังมิติแปรปรวนประดุจมีดคมมากมายฉีกกระชากร่างซีออกจากกัน รอยร้าวคืบคลานเต็มตัวของซี ตัวโชกเลือดไปหมด
“ข้าเจ็บใจนัก…ข้ายังไม่บรรลุสักสิ่ง ยังมิได้ล้างแค้นให้ท่านพ่อท่านแม่ คนในตระกูล นอกจากนี้…เหมือนว่าข้าจะลืมเลือนเรื่องสำคัญและคนสำคัญไป…”
น้ำตาไหลผ่านใบหน้าของซี นางเจ็บใจเหลือแสน อยากจะพยายามยันตัวขึ้น ทว่ากระดิกนิ้วยังมิได้
สติของนางเลือนรางไปอย่างสิ้นเชิง ตาที่ไม่อยากปิดสุดท้ายก็ปิดลง ร่างกายและวิญญาณของนางใกล้แตกสลายเต็มดี ความตายครอบคลุมเข้ามา
ตู้ม!
เวลานั้นเอง ประกายเจิดจ้าพวยพุ่งออกจากความว่างเปล่านับล้าน ส่องสว่างไปทั่วหลุมดำ แสงนั้นยังส่งไปถึงแดนบรรพโกลาหล ทะยานขึ้นฟ้า คลี่ปกคลุมไปทั่วแดนบรรพโกลาหล!
กฎระเบียบดึกดำบรรพ์ในฟ้าดินแล่นออกมา เสียงขับร้องบทเพลงเต๋าดึกดำบรรพ์สะท้อนก้องไปในกาลเวลาอันยาวนาน คล้ายว่าดังออกมาจากยุคสมัยเก่าแก่ที่สุด
นี่คือเสียงที่เก่าแก่ที่สุด เป็นเสียงแห่งวิถีเต๋า แม้แต่ผู้ทรงอำนาจในแดนบรรพโกลาหลยังไม่เคยได้ยินเสียงเช่นนี้มาก่อน
ท่ามกลางประกายเจิดจ้า ร่างพร่าเลือนร่างหนึ่งหลอมรวมปรากฏขึ้น กฎระเบียบดึกดำบรรพ์ถูกร่างพร่าเลือนร่างนั้นเหยียบไว้ใต้เท้า บทเพลงเต๋าดังคล้ายสรรเสริญ เขาเป็นเหมือนผู้พิพากษา คอยพิพากษาสรรพสิ่งทั้งปวง!
เขาลงมืออย่างบ้าคลั่ง ความโกรธแค้นท่วมท้นนภาโถมทับสู่ผืนนภาแห่งกาลเวลาอันยาวนาน หลุมดำระเบิด พลังมิติรวนเรเผ่นแน่บราวกับมีชีวิต และอกสั่นขวัญผวาถึงขีดสุด!
ภาพนี้เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ผู้พิพากษาแห่งสรรพสิ่ง กระทั่งกฎระเบียบดึกดำบรรพ์ยังถูกเหยียบไว้ใต้เท้า บทเพลงเต๋าเก่าแก่ที่สุดขับร้องต้อนรับ เขาต้องเป็นตัวตนสูงส่งระดับไหนกัน แล้วไฉนเลยจะบันดาลโทสะง่าย ๆ
อีกนัยหนึ่งคือ มีเรื่องใดที่ทำให้ผู้พิพากษาสูงสุดผู้นี้โกรธเกรี้ยวได้ถึงปานนี้
ทว่าผู้พิพากษาสูงสุดเช่นนี้ แม้แต่ผู้ทรงอำนาจในแดนบรรพโกลาหลยังต้อยต่ำราวธุลีเมื่ออยู่ตรงหน้า ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง กลับพิโรธจริง ๆ ในเวลานี้ ทั้งยังลงมืออย่างบ้าคลั่ง!
พลังมิติที่เผ่นหนีไปถูกเขาสูบกลับมาด้วยมือเดียว หลอมรวมให้เป็นรูปเป็นร่าง แล้วฉีกเป็นชิ้น ๆ!
ทั้งที่ท่านผู้นี้สามารถลบล้างพลังมิติได้ง่าย ๆ กลับเลือกลงมือด้วยวิธีนี้ เห็นได้ชัดว่าท่านผู้นี้เดือดดาลอย่างแท้จริง!
ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉีกแล้วหลอมใหม่ ฉีกไปเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง สุดท้ายถึงลบล้างพลังมิติไปอย่างสิ้นเชิง!
แสงมงคลสาดกระทบตัวซี บาดแผลของหญิงสาวหายดีในชั่วพริบตา ผิวทุกระเบียดของนางเปล่งประกาย นุ่มนวลยิ่งกว่าผิวของเด็กทารกเกิดใหม่เสียอีก อาภรณ์ที่เคยเปรอะเปื้อนโลหิตจนแดงฉาน ก็คืนสู่สภาพขาวสะอาดดุจหิมะ
ร่างพร่าเลือนนั้นสลายหายไป พลังอ่อนโยนมวลหนึ่งห่อหุ้มตัวซี ส่งซีเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลช้า ๆ
“เกิดอันใดขึ้น!”
“นั่นแสงอะไร!?”
เวลานั้น สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลทั้งปวงต่างสะท้าน ลำแสงเจิดจ้านับล้านเมื่อครู่ทะลวงไปทั่วแดนบรรพโกลาหล จนพวกเขาตื่นตระหนกตกใจกันหมด และเหลือเชื่อว่านั่นเป็นพลังอันใดกันแน่!?
ที่นี่คือแดนบรรพโกลาหล สรรพสิ่งและพลังทั้งปวงล้วนถือกำเนิดขึ้นจากความโกลาหล มีแสงอันใดสามารถทะลวงแดนบรรพโกลาหลได้บ้าง
เป็นไปไม่ได้เลย!
ไม่ว่าแสงอันใดก็ไม่อาจทะลวงแดนบรรพโกลาหลได้ และจะลบล้างพลังกฎระเบียบในแดนบรรพโกลาหลทั้งปวงลง!
มีผู้ทรงอำนาจหมายจะพยากรณ์ให้ล่วงรู้ความจริง พลังระดับพวกเขา ไม่มีสิ่งใดเร้นกายจากการพยากรณ์ของพวกเขาได้ ความจริงทั้งหมดจะปรากฏออกมาด้วยการทำนาย
ทว่าการพยากรณ์ของเขายังไม่ทันเริ่ม เพิ่งได้ตั้งท่าเท่านั้น ก็ระเบิดแหลกลาญไปทั้งร่าง กลายเป็นเพียงหมอกเลือด!
ดีที่เขามีขอบเขตพลังลึกล้ำ จึงมิได้ตายไป หลอมร่างใหม่ขึ้นด้วยความยากลำบากเหลือล้น
“น่า…น่ากลัวเหลือเกิน!”
ใบหน้าของเขาซีดเผือด ไม่เห็นสีเลือดแม้แต่น้อย การพยากรณ์อย่างแท้จริงไม่ทันได้เริ่ม เขาเพียงคิดพยากรณ์ท่านผู้นั้นก็เกือบต้องจบชีวิตลง น่ากลัวยิ่งนัก!
เขาเป็นถึงผู้ทรงอำนาจ ซ้ำยังดำรงตนอยู่ในแดนบรรพโกลาหล เขาไม่ตายไม่ดับ พลังโกลาหลช่วยให้เขาคืนชีพจากความตายได้
แต่เมื่อครู่ เขาสัมผัสถึงอันตรายถึงตายได้จริง ๆ!
ความรู้สึกนั้นแจ่มชัดอย่างยิ่ง หากว่าตายไป แม้แต่พลังโกลาหลก็ไม่อาจคืนชีพให้เขา เขาต้องจบชีวิตลงอย่างสิ้นเชิง!
เขาอกสั่นขวัญผวา เหงื่อเย็นไหลโซม ปลื้มปริ่มเต็มหัวใจ นึกโชคดีที่เขายังมิได้พยากรณ์จริง ๆ มิฉะนั้นเขาไม่มีทางรอดมาได้ จักตายโดยไร้ที่ฝัง!
“นี่มัน!”
“สวรรค์!”
สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลมากมายตกตะลึงหลังได้เห็นภาพการพยากรณ์ของผู้ทรงอำนาจท่านนี้ พวกเขาชาไปทั้งหนังศีรษะ ตัวสั่นประหนึ่งเจ้าเข้า วิญญาณสั่นสะท้าน!
ไม่ทันได้พยาการณ์ก็เกือบตายหรือ ความจริงนั้นเป็นอย่างไรกันแน่!?
ใต้หล้านี้ยังมีพลังที่เหนือกว่าความโกลาหลอีกหรือ!?
พวกเขาไม่อาจเชื่อได้ลง ความตระหนักรู้ที่เคยมีพังครืน กระทั่งความพิศวงลางร้ายที่น่าพรั่นพรึงขีดสุดก็ไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนี้!
“วุ่นวายไปหมดแล้ว!”
“ยามหายนะใกล้มาถึง ทุกอย่างจะไม่อาจหยั่งรู้ได้อีกจริง ๆ ด้วย!”
“นี่มันพลังอะไร เกี่ยวข้องกับความพิศวงลางร้ายหรือ”
ภายในแดนบรรพโกลาหล ผู้ทรงอำนาจตนแล้วตนเล่าพึมพำเสียงเบา หัวใจหนักอึ้งเป็นพิเศษ
พวกเขามองอนาคตไม่ออก ซึ่งเป็นเรื่องที่แย่ที่สุด ความพิศวงลางร้ายใกล้ปะทุแล้ว ยามนี้มีพลังเช่นนี้โผล่มาให้เห็นอีก ภายหน้าจะมีเรื่องใดเกิดขึ้นกันแน่!?
ความพิศวงลางร้ายซึ่งถูกสะกดไว้ที่แก่น ช่วงนี้เกิดความวุ่นวายอยู่บ่อย ๆ ผนึกนั้นคล้ายว่าเริ่มหละหลวม ประตูใหญ่เก่าแก่ดูเหมือนจะถูกเปิดออกแล้ว
สนามรบฝุ่นเขรอะนี้ใกล้จะได้ใช้งานอีกครั้ง แต่โบราณใกล้จะได้ดังกึกก้อง อนาคต…วุ่นวายยิ่งนัก!
ขณะเดียวกัน ซีร่วงลงมาบนทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งในแดนบรรพโกลาหล
นางลืมตาขึ้นช้า ๆ เจือไว้ด้วยความฉงนสนเท่ห์
“ที่นี่คือโลกหลังความตายหรือ”
นางพึมพำเบา ๆ เข้าใจว่าตัวเองตายไปแล้ว ในสถานการณ์เยี่ยงนั้น นางไม่มีทางรอด
“ดูเหมือนโลกหลังความตายมิได้เลวร้ายอันใด…ที่นี่สวยยิ่งนัก”
นางจ้องมองท้องฟ้าสีคราม ก้อนเมฆขาวสะอาด รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า พร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเบา
ท้องฟ้าสีคราม หมู่เมฆสีขาว วิหคมงคลบินผ่านเป็นครั้งคราว ม่านหมอกเบาบางปกคลุมยอดเขา เมื่อสูดจมูก ได้แต่กลิ่นอายแห่งความสดชื่น ที่นี่เสมือนแดนวิมาน ทัศนียภาพวิจิตรงดงามอย่างยิ่งยวด
ใบหน้าซีประดับไปด้วยรอยยิ้ม หากว่าโลกหลังความตายเป็นเช่นนี้ ความตายก็คงมิใช่เรื่องน่ากลัวเท่าใด
“ไม่สิ!”
ทันใดนั้น นางก็ลุกขึ้นนั่ง ดวงตาคู่นั้นทอประกายตกตะลึง ที่นี่มิใช่โลกหลังความตายแต่อย่างใด นางสัมผัสได้ถึงปราณโกลาหล มีปราณโกลาหลอันมากล้นกำลังห่อหุ้มร่างนางอยู่!
ที่นี่คือแดนบรรพโกลาหล!
นางยังไม่ตาย แต่นางเข้ามาอยู่ในแดนบรรพโกลาหลแล้ว!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!?”
หญิงสาวประหลาดใจ ในสถานการณ์ที่ตายแน่แล้ว นางรอดมาได้อย่างไร ซ้ำยังเข้ามาในแดนบรรพโกลาหลได้อีก
ทว่าความทรงจำช่วงนั้นว่างเปล่า นางนึกไม่ออกเลยสักนิดเดียว
“บาดแผลทั้งหมดก็หายไปด้วย!”
ยิ่งมองร่างกายตนเองแล้วก็ยิ่งตะลึงมากขึ้น ร่างกายที่เคยเต็มไปด้วยรอยร้าว บัดนี้กลับคืนสภาพเป็นปกติ ซ้ำผิวพรรณยังดียิ่งกว่าเดิม นุ่มลื่นประดุจทารกเกิดใหม่
“!!!”
เมื่อรู้สึกถึงพลังชีวิตในร่าง หัวใจนางเต้นรัวเร็ว เด้งตัวขึ้นจากพื้น
เปลี่ยนไปถึงแก่น!
ร่างกายของนางเปลี่ยนไปถึงแก่น!
ซีรับรู้ได้ว่าเลือดเนื้อทุกส่วนของนางเปลี่ยนไปถึงแก่น ยกระดับขึ้นมากโข นางสงสัยเหลือเกินว่ายามนี้ ไม่แน่ว่าอาวุธจักรพรรดิเซียนก็ไม่อาจแผ้วพานนางได้
“ลองดูแล้วกัน!”
นางเรียกกระบี่ยาวหิมะขาวออกมา กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่เซียน พลานุภาพรุนแรง นางรีดเร้นพลังไปที่กระบี่เซียน ลองกรีดแขนซ้ายของตน
กระบี่เซียนกรีดผ่าน อย่าว่าแต่ตัดทะลุผิวของนางเลย ตัดไม่ได้แม้แต่เส้นขนบนแขนนางด้วยซ้ำ ร่างกายของนางยกระดับขึ้นจากเดิมราวฟ้ากับเหวจริง ๆ!
หากเป็นเมื่อก่อน ไม่มีทางเป็นเช่นนี้ได้เลย กายเนื้อของนางในอดีตมิได้แข็งแกร่งปานนั้น ยังไม่ถึงขั้นต้านพลังกระบี่เซียนได้
นางมิได้รีดเร้นพลังสักนิด นี่คือพลังกายเนื้อล้วน ๆ
“ลองดูอีกรอบ!”
หนนี้ นางรีดเร้นพลังกระบี่เซียนเต็มกำลัง ฟันไปที่แขนซ้าย หากเป็นเมื่อก่อน ขืนนางไม่รีดเร้นพลังไว้ที่ร่างแล้วต้านแรงด้วยพลังกายอย่างเดียว คงไม่มีทางทานไว้ได้ แขนซ้ายจักถูกฟันขาดในพริบตา
ทว่าครั้งนี้ หลังกระบี่เซียนที่รีดเร้นพลังเต็มที่ฟันลงบนแขนซ้ายของนาง นางไม่เพียงแต่ไม่มีรอยขีดข่วน กระบี่เซียนกลับพังทลายในพริบตา ระเบิดออกทันควัน เศษซากระจายเต็มพื้น!
“นี่มัน!”
นางรู้สึกเหลือเชื่อถึงขีดสุด
สถานการณ์ที่ต้องตายแน่แล้ว นางกลับไม่ตาย รอดออกมาได้ ซ้ำยังได้เข้ามาในแดนบรรพโกลาหล กระทั่งกายเนื้อยังเปลี่ยนไปถึงแก่น!
ทั้งหมดนี้มันเรื่องอะไรกัน!
“ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมิใช่แค่นั้น ข้ารู้สึกเหมือนกายเนื้อของข้าผสานเป็นหนึ่งกับเต๋า ราวกับตัวข้านี้คือมหาเต๋า!”
ซีมีสีหน้าอึ้งงัน ทดสอบดูอีกครั้ง ด้วยการบำเพ็ญวิชาเซียนแขนงหนึ่ง
นี่คือวิชาเซียนพิทักษ์ตระกูลภายในตระกูลนาง ระดับสูงส่ง รวมแล้วทั้งหมดเก้าขั้น นางจึงจะบำเพ็ญได้ถึงขั้นที่สาม ปรมัตถ์หลังจากนั้นลึกล้ำเกินไป นางเข้าไม่ถึง
ทว่าบัดนี้ นางกลับสำเร็จได้ในเฮือกเดียว ไม่มีติดขัดสักนิด รู้แจ้งปรมัตถ์ทั้งเก้าชั้นในคราเดียว บำเพ็ญวิชาเซียนนี้ถึงจุดสมบูรณ์!
“สุดยอดเกินไปแล้ว!”
นางเอ่ยในใจอย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกบางอย่างปรากฏในใจ ไม่ว่าจะเป็นปรมัตถ์ของวิชาไหน ๆ หรือแม้กระทั่งวิชาจักรพรรดิเซียน นางยังสามารถสำเร็จได้ในพริบตา บำเพ็ญถึงขั้นสมบูรณ์ได้ในรวดเดียว
น่าเสียดาย นางมิเคยมีวิชาจักรพรรดิเซียนในครอบครอง มิฉะนั้น เวลานี้นางสามารถทดสอบดูได้แน่ ว่านางสามารถบำเพ็ญวิชาจักรพรรดิเซียนถึงขั้นสมบูรณ์ได้ในรวดเดียวหรือไม่!
“ทั้งหมดนี้น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
นางเชื่อไม่ลงจริง ๆ ระหว่างที่อยู่หลุมดำมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกันแน่ นางถึงได้รับประโยชน์มหาศาลเยี่ยงนี้!
มีใครช่วยนางไว้หรือ
นางถอนหายใจ อยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอันใดขึ้นในตอนนั้น อนิจจา ความทรงจำช่วงนั้นว่างเปล่า นางนึกไม่ออกเลยสักนิด
“บุญคุณใหญ่หลวงไม่อาจตอบแทนได้เพียงคำขอบคุณ วันหน้า หากข้าได้ล่วงรู้ความจริง ข้าจักตอบแทนเป็นเท่าตัว!”
นางโค้งคำนับไปทางทิศหนึ่ง ก่อนจะไปจากที่นั่น ตั้งใจสืบเสาะสถานการณ์ในแดนบรรพโกลาหล
ก่อนออกตามหากล่องสี่เหลี่ยม นางต้องรู้จักแดนบรรพโกลาหลก่อน การออกปฏิบัติการโดยไม่รู้เรื่องใดของแดนบรรพโกลาหล นางคงสำเร็จไม่ได้สักอย่าง
...
ณ ดินแดนฮวง
เมืองเก้าวิบัติ
ระดับพลังของเซียวฮุ่ยสูงขึ้นไปอีก พระเก้าประทีปพุทธเจ้าทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งนัก เพียงไม่นานก็ยึดครองสองเมืองข้างเคียงได้ นำพาความศรัทธามาให้เซียวฮุ่ยได้มากขึ้น ช่วยให้เซียวฮุ่ยบรรลุถึงขั้นเทียนตี้
“พระปัญญาพุทธเจ้าสูงส่งอย่างหาที่สุดมิได้!”
“พระปัญญาพุทธเจ้าเมตตาใต้หล้าทั้งปวง!”
สิ่งมีชีวิตทั้งเมืองเก้าประทีป รวมถึงสองเมืองข้างเคียง ต่างท่องพระนามพระปัญญาพุทธเจ้า
พระปัญญาพุทธเจ้า คือนามฉายาที่เซียวฮุ่ยตั้งให้ตนเอง
“ไปได้ ออกเดินทาง มุ่งสู่ดินแดนฝอ!”
เซียวฮุ่ยเจิดจรัสแยงตา นำทัพสาวกทั้งสามเมืองกรีธาทัพไปยังดินแดนฝอ นางตั้งใจพิชิตดินแดนฝอแล้วเข้าแทนที่ เปลี่ยนดินแดนฝอให้เป็นพุทธภูมิของนาง
พลังความศรัทธาในดินแดนฝอบริสุทธิ์ทรงพลังเป็นพิเศษ หากว่านางเข้าแทนที่ได้ นางคิดว่านางจักฟื้นพลังกลับไปถึงขอบเขตเซียนได้
‘ต้าเต๋อ เตรียมตัวตายเสียเถิด!’
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเอ่ยในใจอย่างเคียดแค้น
เขาเชื่อในพลังของเซียวฮุ่ย ไปครานี้ ต่อให้ต้าเต๋อมีวิถีสวรรค์คอยคุ้มครองก็เท่านั้น วิถีสวรรค์อันอ่อนแรงไฉนเลยจะต่อกรกับเซียวฮุ่ยได้
เซียวฮุ่ยรับปากเขาแล้วว่า หลังจับต้าเต๋อได้ เซียวฮุ่ยจะยอมให้เขาได้ผสานร่างกับต้าเต๋อ
ทันทีที่ได้ผสานร่างกับต้าเต๋อ เขาจะคืนสู่ร่างสมบูรณ์!
ต้าเต๋อน่าทึ่งถึงเพียงนี้ เขาคิดว่าหากเขาได้ผสานร่างกับต้าเต๋อ เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นได้แน่!
‘หนึ่งพันรอบใช่หรือไม่! สักวันหนึ่ง ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสหนึ่งหมื่นรอบ!’
เขาคิดในใจอย่างเคียดแค้น ลืมความเจ็บปวดหนึ่งพันรอบที่เซียวฮุ่ยเคยมอบให้เขาไม่ลง เขาสาบานว่าจะแก้แค้นให้ได้ กลับคืนให้เซียวฮุ่ยเป็นสิบเท่า!
ถึงแม้เซียวฮุ่ยนั้นแข็งแกร่งเหลือล้น ต่อให้เขาผสานร่างกับต้าเต๋อแล้วก็อาจมิใช่คู่มือของนาง
ทว่าเขาจะแฝงตัวอยู่ข้างกายเซียวฮุ่ย กล้ำกลืนความอัปยศ รอจนเขามีพลังเพียบพร้อมเมื่อใด ค่อยบุกโจมตีเซียวฮุ่ย!
สรุปแล้ว ความแค้นนี้เขาไม่มีวันลืมเลือน ต่อให้วันเวลาผ่านไปอีกนานเท่าใด เขาก็ไม่มีวันลืม!
ไฉนเลยจะลืมลง!
หนึ่งพันรอบ ซ้ำยังทำกับหมูตัวผู้ สวรรค์ แค่คิดขึ้นมาตอนนี้เขายังรู้สึกอยากตาย!
...
ณ นครพิศวงที่จ้าวตะเข้ประทับ
“ออกเดินทาง!”
เจ้าหลวงตาเป็นประกาย ความมั่นใจเอ่อล้นอยู่ทั่วร่าง จ้าวตะเข้เต็มใจช่วยเขาอย่างแท้จริง ส่งขุนพลใหญ่ให้เขาตั้งหลายนาย พลังอยู่เหนือกว่าเขา สสารพิศวงลางร้ายในตัวบริสุทธิ์กว่าเขา มีขนยาวสีเทา กำลังรบเทียนชั้นขอบเขตเซียน
และหากว่าขุนพลใหญ่เหล่านี้ใช้พลังพิศวงลางร้ายไปด้วย กำลังรบย่อมสูงขึ้นไปอีก ประชันกับเซียนสมบูรณ์ได้เลย!
หากว่าพลังระดับนี้บุกไปถึงอาณาจักรอวี้ซวี ย่อมต้องเป็นพลังที่กวาดล้างได้ทุกสิ่ง
ต่อให้ภายในอาณาจักรอวี้ซวีมีปีศาจเฒ่าที่ยังไม่ตาย ก็ไม่มีทางต่อกรด้วยได้!
ถึงเวลานั้น ทั้งอาณาจักรอวี้ซวีจักตกเป็นของเขา และเขาจะใช้อาณาจักรอวี้ซวีเป็นฐานทัพ สร้างนครพิศวงของเขาขึ้นอีกครั้ง!
“หากมีเรื่องอันใดติดต่อข้าได้ทุกเมื่อ ทว่าคงไม่มีเรื่องอันใดหรอก”
ก่อนจากกัน จ้าวตะเข้ตบบ่าเจ้าหลวงยิ้ม ๆ ขณะเอ่ยกับเจ้าหลวง
“ฮ่า ๆ ไม่มีทางเกิดเรื่องอันใดอยู่แล้ว ยึดครองได้สบาย ๆ เจ้ารอฟังข่าวดีจากข้าแล้วกัน!”
เจ้าหลวงตอบยิ้ม ๆ บอกลาจ้าวตะเข้
พวกเขาออกเดินทาง มุ่งหน้าไปยังอาณาจักรอวี้ซวี!