601-605

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 601ถึง605


ณ ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ท่ามกลางอวกาศ เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเดินท่องชมทิวทัศน์ไปเรื่อย ๆ สีหน้าชื่นมื่นสำราญ ราวกับกำลังเชยชมทัศนียภาพอยู่จริง ๆ


สีหน้าผู้เฒ่าอึมครึม โมโหจนอกแทบระเบิด คนจากภพเซียนสบประมาทแดนมรณาของพวกเขาเกินไปแล้ว


เดินทีหยุดทีเช่นนี้ คิดว่าเดินเล่นในสวนดอกไม้หลังบ้านตนจริง ๆ หรือไร!?


“???”


อีกด้าน จักรพรรดินีมีสีหน้าฉงน ไม่เข้าใจเลยว่าผู้เฒ่ากล่าวถึงเรื่องใด


มีคนหรือ


ผู้อยู่เบื้องหลังนางมาอย่างนั้นหรือ?


เรื่องอันใดกัน!


เบื้องหลังนางมีผู้ใดที่ไหน!?


ที่มาคราวนี้ นางมาตัวคนเดียว หาได้มีผู้อยู่เบื้องหลังไม่!


จักรพรรดินีมองตามสายตาผู้เฒ่าไปด้านหลัง เพียงเสี้ยวพริบตา หัวใจของนางก็ต้องตะลึงจนแทบหยุดเต้น!


‘สวรรค์! ท่านผู้นั้น!’


นางแผดเสียงในใจ นึกเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง นางจำเด็กหนุ่มผู้นั้นได้ในปราดเดียว เพราะสาเหตุเดียว นั่นคือ ความทรงจำของนางเกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้นี้แจ่มชัดจนลืมไม่ลง!


เขาฝ่าตรงเข้าไปในภพเซียนราวกับไร้ซึ่งอุปสรรค พลังสยดสยองที่ปกคลุมอยู่รอบนอกภพเซียนตื่นตระหนกจนถอยหนีกลับไปในเสี้ยวลมหายใจ มิกล้าแผ่พลังออกมาแม้แต่น้อย!


และที่นางรอดมาได้ก็เพราะเด็กหนุ่มผู้นี้ หากมิใช่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ผ่านมาพอดี นางไม่มีทางมีชีวิตอยู่!


‘ท่านผู้นี้มาได้อย่างไร หรือเขามาเพื่อช่วยข้า?’


นางคิดในใจอย่างอดมิได้


ถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็บังเอิญเหมาะเจาะเกินไป!


คราวก่อนยามนางพบเจออันตราย ท่านผู้นี้ก็ปรากฏออกมา บัดนี้นางพบเจออันตรายอีกครั้ง ท่านผู้นี้ได้ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้อยู่จริงหรือ


‘คิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่!’’


แต่พริบตาต่อมาก็ก่นด่าตัวเองในใจ นางหลงตัวเองเกินไปแล้ว ท่านผู้นี้เป็นตัวตนระดับไหน เป็นไปได้ว่าอาจเป็นบรรพจารย์เซียนท่านหนึ่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิเซียน นางมีดีเช่นไร ถึงเป็นที่ใส่ใจของตัวตนระดับนี้!


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น!


นางหน้าแดงด้วยความอาย ช่างคิดมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะใคร่ครวญอย่างไร นางก็ไม่มีทางเป็นที่สนใจของท่านผู้นั้น ต่อให้ในฝันก็ไม่มีทาง


แตกต่างกันเกินไป แม้ในยามหลับฝัน นางก็ไม่มีทางฝันถึงการดำรงอยู่ระดับนี้ ตัวตนผู้มีพลังบางอย่างคอยคุ้มกัน แค่ฝันถึงยังทำไม่ได้


“พอได้แล้ว!”


ผู้เฒ่าพิโรธ เห็นหลี่จิ่วเต้าไพล่มือทั้งสองไว้ด้านหลัง ชมทิวทัศน์ด้วยสีหน้าผ่อนคลายรื่นรมย์ เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป!


“มัวเสแสร้งกระไรอยู่! หวังว่าเจ้ามิได้เปราะบางเหมือนกระดาษ สลายเพียงเพราะฝ่ามือเดียวของข้า!”


นัยน์ตาของเขาเย็นยะเยือก แต่เดิมแดนมรณากับภพเซียนนั้นมิสู้จะถูกกันเท่าใด ซ้ำหลี่จิ่วเต้ายังเสแสร้งวางมาดในแดนมรณาเช่นนี้ โทสะซึ่งอัดอั้นอยู่เต็มอกของเขาลุกโชติ


ใช่แล้ว ผู้ที่ก้าวเดินอยู่ในอวกาศ เชยชมทัศนียภาพไปเรื่อยเปื่อยนี้ก็คือหลี่จิ่วเต้า


ช่วงนี้เขามาท่องชมทัศนียภาพในอวกาศอยู่ตลอด และบัดนี้ เขาได้เดินทางมาถึงที่นี่


“หา?”


หลังได้ยินวาจาผู้เฒ่า จักรพรรดินีก็อึ้งไปในบัดดล


นางหันมองผู้เฒ่าด้วยสายตาประหลาด เอ่ยเสียงอึมครึม “อย่าได้พูดพล่อย ๆ…”


หวังว่ามิได้เปราะบางราวกระดาษอย่างนั้นหรือ คงสลายเพียงเพราะฝ่ามือเดียวอย่างนั้นหรือ!


ตาเฒ่าผู้นี้ช่างปากกล้าเสียนี่กระไร!


คิดอันใดอยู่ ด้วยฝีมือของท่านผู้นั้น จ้าวมรณามาเยือนเองยังต้องพ่าย ไม่สิ จ้าวมรณานับสิบ นับร้อยมาเยือนก็มิพอให้สู้ด้วย!


พลังซึ่งปกคลุมอยู่รอบนอกภพเซียนนั้นน่ากลัวปานใด กระทั่งจักรพรรดิเซียนยังมิกล้าผลีผลามบุกเข้าไป แต่หลังจากได้พบท่านผู้นั้นเล่า ต่างหวาดกลัวเหมือนพวกปอดแหก!


ท่านผู้นั้นเกินจะจินตนาการถึงอย่างแท้จริง!


“เจ้าหมายความว่าอย่างไร!?”


ผู้เฒ่าตวัดสายตามองจักรพรรดินี หมายความว่าอย่างไรที่ว่าอย่าได้พูดพล่อย ๆ นี่ถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามเขาโดยไม่ปิดบัง!


“เบิกตาของเจ้าให้กว้างแล้วดูให้ดี ข้าจะไปฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ เดี๋ยวนี้!”


ผู้เฒ่ากระโจนตัวขึ้น ออกห่างจากที่นี่ เหินไปหาหลี่จิ่วเต้า


เขาเป็นถึงยอดเซียนชั้นเลิศ ซ้ำที่นี่ยังเป็นฐานทัพแดนมรณาของพวกเขา เขาหรือต้องกลัว?


เป็นไปได้ที่ไหน!


เหนือจักรวาลอันไพศาลขึ้นไป หลี่จิ่วเต้าเยื้องย่างแช่มช้า ชื่นชมทิวทัศน์หมู่ดาราในระบบดวงดาวแห่งนี้


ที่นี่ต่างจากระบบดวงดาวอื่น เต็มไปด้วยพายุทะมึน นับเป็นทัศนียภาพอีกแบบกระมัง ถือเป็นทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนทิวทัศน์ก่อนหน้าที่หลี่จิ่วเต้าได้เห็น หลี่จิ่วเต้าได้เห็นทัศนียภาพเช่นนี้เป็นคราแรก สนอกสนใจไม่น้อย


‘มิน่า ชาวดาวเคราะห์สีฟ้าถึงชอบการสำรวจอวกาศ ทั้งยังอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับจักรวาลมากมาย เพราะทิวทัศน์ในจักรวาลน่าหลงใหลมากจริง ๆ นั่นแหละ!’


หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ


เมื่ออยู่เบื้องหน้าทัศนียภาพของเอกภพ ภูเขาลำธารเหล่านั้นไม่เหลือความน่าเปรียบเทียบสักนิด ห่างชั้นกันมาก ไม่อาจทัดเทียมได้เลย


ตู้ม!


เวลานั้นเอง ผู้เฒ่าบุกสังหารเข้ามา เขามิได้เอ่ยวาจาให้มากความ ฟาดฝ่ามือใส่หลี่จิ่วเต้าทันที


“เกิดอะไรขึ้น!”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อหันมาพบผู้เฒ่า เหตุใดคนผู้นี้ถึงเหี้ยมโหดเช่นนี้ มาถึงก็ปรี่เข้ามาฆ่าเขาในทันที


เขาโบกมือไปมา ทันใดนั้น พลังทั้งหมดของผู้เฒ่าพลันอันตรธาน ร่างกายร่วงหล่นลงไปอย่างแรง!


ผู้เฒ่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้เป็นใครกัน เหตุไฉนถึงน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้!


เพียงโบกมือแค่นั้นก็สามารถลบล้างพลังทั้งหมดของเขาได้!


ไม่เพียงแต่พลังอาคมเท่านั้น กระทั่งพลังเนื้อกายของเขายังถูกลบล้างไปด้วย เขากลายเป็นเพียงปุถุชนคนหนึ่ง!


“คงมิใช่ว่าข้าต้องตกกระแทกพื้นตายกระมัง!?”


เขาคิดอย่างอดมิได้ น้ำตาไหลนองบนใบหน้าชรา ร่ำไห้ด้วยความปวดร้าวเหลือแสน!


ความสูงระดับนี้ ด้วยสภาพของเขาในยามนี้ ต้องกระแทกพื้นจนร่างกายแหลกเหลว ตายสนิทแน่!


“ไม่นะ!”


เขาตะโกนร่ำไห้ ถ้าต้องกระแทกพื้นตายเช่นนี้จริง ๆ เขาต้องอับอายอัปยศสักปานใด!


ยอดเซียนชั้นเลิศท่านหนึ่ง สุดท้ายกลับต้องพบจุดจบเพราะกระแทกพื้นตาย…


มียอดเซียนตนใดน่าสังเวชเช่นนี้บ้าง!


หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เขาต้องกลายเป็นตัวตลกในปากผู้อื่นแน่นอน!


ทว่าในตอนนั้นเอง พลังสายหนึ่งรั้งตัวเขาไว้ฉับพลัน ยกร่างเขาขึ้น


“ขออภัย มิได้ยั้งมือ เกือบทำให้ท่านต้องกระแทกพื้นตายเสียแล้ว”


หลี่จิ่วเต้ารีบบอก


เขานึกขึ้นได้กะทันหันเหมือนกันว่า ผู้เฒ่าถูกเขาลบล้างพลังทั้งหมด ขืนกระแทกลงไป ไม่มีทางรอด เขารีบลงมือรั้งร่างผู้เฒ่าขึ้นมาอีกครั้ง


ผู้เฒ่าหวาดผวาอย่างยิ่งยวด มิกล้าแม้แต่จะหายใจแรง ให้ตาย เมื่ออยู่ต่อหน้าคนผู้นี้ เขาเป็นเหมือนของเล่นชิ้นหนึ่ง คนผู้นี้จะจัดแจงหยอกเย้าเขาอย่างไรก็ได้!


“หือ เหตุใดถึงไม่เอ่ยวาจา ตกใจกับประสบการณ์เมื่อครู่หรือ”


หลี่จิ่วเต้ามองจ้องผู้เฒ่า “แต่ท่านโทษข้ามิได้ ผู้ใดใช้ให้ท่านปรี่เข้ามาฆ่าข้ากันเล่า!”


เขาหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยต่อ “คนเราไม่ควรโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ และยิ่งไม่ควรมีจิตสังหารรุนแรงเช่นนี้ โดยเฉพาะตัวท่านที่อายุปูนนี้แล้ว เหตุไฉนถึงยังไม่ปลงตกอีก! เอาล่ะ ๆ ข้าจะคืนพลังให้ท่าน จากนี้ไป ห้ามมิให้ประพฤติตนเช่นนี้อีก”


จากนั้น เขาโบกมือสองสามครั้ง พลังที่หายไปจากผู้เฒ่าพลันกลับคืนมาในพริบตา


นี่เขา…หมายความว่าอย่างไร!?


ผู้เฒ่ามึนงงไปหมด ไม่เข้าใจวาจาของหลี่จิ่วเต้าสักนิด นี่เขากำลังเตือนตนมิให้หมายหัวสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้นหรือ


หรือหลี่จิ่วเต้าและจักรพรรดินีมาเพื่อสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้นจริง ๆ!?


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เวลานั้นเอง เสียงระเบิดกึกก้องอันน่ากลัวดังออกมาจากส่วนลึกของแดนมรณา เงาร่างมากมายทะยานขึ้นนภา มาจุติยังสถานที่นี้!


จ้าวมรณามาแล้ว!


เขาจ้องมองหลี่จิ่วเต้า หงุดหงิดใจอย่างยิ่งยวด ภพเซียนตั้งใจเล่นงานพวกเขาให้ล่มสลายไปเลยเชียวหรือ


ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา แดนมรณาของพวกเขาซ่อนตัวอยู่ตลอด มิเคยออกหน้า แม้กระทั่งยามเปิดศึกรุกรานอาณาจักรแห่งนั้น ก็เพียงแต่สั่งให้อาณาจักรเทียนหยวนเป็นฝ่ายลงมือ พวกเขามิเคยออกโรงสักครา


หนนี้เพราะแดนบรรพโกลาหลจุติ เหลือเวลาให้พวกเขาไม่มาก พวกเขาถึงตัดสินใจออกหน้า ทว่าเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงคือ พวกเขาเพิ่งเผยตัวเท่านั้น คนจากภพเซียนก็บุกถล่มมาทันที!


เห็นได้ชัดว่าภพเซียนไม่เคยลืมเลือนพวกเขา เตรียมจัดการพวกเขาอยู่ตลอด!


มิฉะนั้น ไยจึงว่องไวได้ปานนี้!?


พวกเขาเคยถูกภพเซียนละทิ้ง ซ้ำยังถูกภพเซียนไล่ฆ่าอย่างอเนจอนาถ บัดนี้ เวลาผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภพเซียนกลับยังเพ่งเล็งพวกเขาอยู่ สร้างความพิโรธแก่จ้าวมรณาอย่างมาก!


“ภพเซียนของพวกเจ้าคิดจะกำจัดเราให้สิ้นซาก ทว่าแดนมรณาของเราก็มิได้ไร้น้ำยา วันนี้ พวกเราไม่มีทางยอมจำนน ขอรบราฆ่าฟันกับพวกเจ้าให้ถึงที่สุด!”


จ้าวมรณาทอดมองหลี่จิ่วเต้า ดวงตาแดงก่ำ เอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่อย่างไรที่นี่ก็เป็นถิ่นของพวกเราแดนมรณา เจ้าเพียงคนเดียวคิดจะล้มล้างแดนมรณาของเรา นับเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี!”


เขาเอ่ยต่อ “วันนี้ขอปลิดชีพเจ้าลงที่นี่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ให้ภพเซียนได้ประจักษ์ถึงความกล้าแกร่งของเรา!”


เป็นดั่งที่เขาว่า ที่นี่คือถิ่นของพวกเขาแดนมรณา เขามั่นใจว่าสามารถฆ่าหลี่จิ่วเต้าลงได้!


และวันนี้ คือช่วงเวลาให้พวกเขาได้หันเขี้ยวคมใส่ภพเซียนแล้ว!


ภพเซียน แดนมรณา กำจัดให้สิ้นซาก เชือดเขาเป็นเยี่ยงอย่าง ให้ภพเซียนได้เห็นดี…


เรื่องอะไรกัน!


หลี่จิ่วเต้าฟังแล้วหมดคำจะเอื้อนเอ่ย เห็นได้ชัดว่าเขาถูกลากเข้ามาพัวพันในการแก่งแย่งอำนาจระหว่างภพเซียนและแดนมรณาอะไรนั่น


คิดไม่ถึงจริง ๆ เขาเพียงแต่เดินทอดน่องไปเรื่อยเท่านั้น ยังถูกลากเข้ามาพัวพันกับศึกชิงอำนาจได้อีกหรือ


“พวกเจ้าคิดมากเกินไป เรื่องเหล่านี้หาได้เกี่ยวกับข้าไม่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้…”


ชายหนุ่มไม่ต้องการถูกดึงเข้าไปในศึกชิงอำนาจนี้ เขาหันหลังหมายจะไปจากที่นี่


“บัดนี้เพิ่งรู้ว่าต้องกลัวหรือ ไปงั้นหรือ ไหนเลยจะโชคดีเช่นนั้น! แดนมรณาของเรา ใช่ว่าเจ้าอยากมาก็มา อยากไปก็ไป!”


จ้าวมรณายิ้มเย็น เห็นหลี่จิ่วเต้าหมุนกายจากไปเช่นนี้ เขาก็นึกว่าอีกฝ่ายกลัวเสียอีก


หากมิใช่เพราะกลัว หลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะหันหลังจากไปง่าย ๆ เช่นนี้?


เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้าประเมินตัวเองสูงไป ประเมินพวกเขาต่ำไป หลังมาอยู่ที่แดนมรณาของพวกเขาแล้วถึงตระหนักได้ว่า ไม่อาจต่อกรกับแดนมรณาของพวกเขาด้วยตัวคนเดียวได้!


เพราะอย่างนั้น หลี่จิ่วเต้าถึงยอมไปง่าย ๆ ไม่โต้แย้งแม้แต่น้อย


มีหรือที่เขาจะยอมให้อีกฝ่ายจากไปง่าย ๆ


ไม่มีทาง!


นี่เป็นโอกาสดีงามอย่างไม่ต้องสงสัย หลี่จิ่วเต้าผิดพลาดเพราะมั่นใจในตนเองเกินไป และบัดนี้อีกฝ่ายอยู่ในเขตแดนพวกเขา ซ้ำพวกเขายังมีความได้เปรียบอย่างยิ่ง กำราบหลี่จิ่วเต้าลงได้


หากปล่อยให้ชายผู้นี้ออกจากแดนมรณาของพวกเขา เขาไม่อาจรับประกันได้ว่าสามารถกำราบหลี่จิ่วเต้าได้อีก ไม่กล้าแม้กระทั่งจะออกไล่ล่าหลี่จิ่วเต้าด้วยซ้ำ


ก่อนหน้านี้เขาได้ประจักษ์ถึงฝีมือของอีกฝ่ายแล้ว นับว่าน่าทึ่งยิ่งนัก หลี่จิ่วเต้าเช่นนี้ ไม่มีทางกำราบได้โดยง่าย


นอกจากนี้ ขืนหลี่จิ่วเต้าจงใจหลอกล่อพวกเขาออกไป แล้วมียอดฝีมือตนอื่นจากภพเซียนดักซุ่มอยู่เล่า


เพราะอย่างนั้น เขาไม่มีทางปล่อยให้หลี่จิ่วเต้าไปไหนง่าย ๆ!


เสียงสังข์แห่งการตอบโต้ดังขึ้นแล้ว จากนี้ไม่นาน พวกเขาจักลุกเข้าไปในภพเซียน ทว่า พวกเขาซ่อนตัวมาโดยตลอด มิเคยกล้าเผยตัวสักครั้ง จึงรู้เรื่องของภพเซียนไม่มากนัก


และหลี่จิ่วเต้ามาจากภพเซียน พอดีให้พวกเขาจับตัวอีกฝ่าย เค้นเอาข้อมูลภพเซียนจากเขาให้มากกว่านี้


ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง พวกเขาจำต้องจับตัวหลี่จิ่วเต้าไว้ให้ได้!


“ลุย!”


เขากระโจนตัวขึ้น เผยวิชาพิฆาตโบราณสะท้านโลกันตร์ออกมา ถล่มชายหนุ่มโดยไม่ยั้งมือสักนิด


ขณะเดียวกัน เขาได้เร่งพลังผนึกและรากฐานทั้งปวงในแดนมรณาทันที ค่ายกลพิฆาตน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากมายปรากฏ คลื่นพลังอันน่ากลัวซัดสาด ถล่มใส่หลี่จิ่วเต้า


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ยอดฝีมือแดนมรณาอื่น ๆ ตามหลังมา บุกสังหารหลี่จิ่วเต้าด้วยพลังฝีมือทั้งหมดที่มีโดยไม่กักเก็บเช่นกัน


ก่อนนี้ พวกเขาทั้งหมดได้เห็นอีกฝ่ายหยอกเย้าชิ่งหลงเหมือนลูกไก่ในกำมือ กับคนผู้นี้ พวกเขามิกล้าประมาทหรือสบประมาทแม้แต่น้อย!


ขณะที่จ้าวมรณาแผลงฤทธิ์ ยังได้ปล่อยพลังผนึกและรากฐานออกมาอย่างเต็มกำลังด้วย และเพราะเหตุนี้ เพราะมีความกลัวเกรงในตัวหลี่จิ่วเต้า ถึงได้ไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย!


ห้วงมิติระเบิดแหลกลาญ ทั้งระบบดวงดาวแดนมรณาดูจะได้รับผลกระทบอย่างมหันต์ ดวงดาวแตกออกดวงแล้วดวงเล่า กลายเป็นเศษธุลี ร่วงโรยลงไปในอวกาศ


ช่างเป็นภาพที่ชวนหวาดผวาอย่างยิ่ง น่ากลัวเสียยิ่งกว่าภาพโลกาวินาศ สายธารแห่งกาลเวลายุ่งเหยิงขึ้นมา ณ ที่แห่งนี้ วันเวลาบิดเบี้ยว ภายใต้พลังและการโจมตีระดับนี้ แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนยังไม่อาจรักษาความสุขุมไว้ได้ จำต้องรับมือด้วยความระแวดระวัง!


หากประมาทเพียงเล็กน้อย เป็นไปได้ว่าอาจต้องบาดเจ็บอย่างไม่อาจแก้ไข และอาจต้องตายไปทั้งอย่างนี้!


“เฮ้อ…”


ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา ไยต้องทำเช่นนี้ด้วย


เขาบอกแล้วแท้ ๆ ว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับเขา…


“อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไม่ดีหรือ เหตุใดถึงต้องห้ำหั่นกันเช่นนี้ มีเวลาขนาดนี้ มิสู้หาความสำราญกับชีวิต ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามในเอกภพ”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ย “เอาล่ะ ข้าจะไปแล้ว พวกเจ้าจงประพฤติตนให้ดี”


พูดจบ เขาโบกมือเบา ๆ


ชั่วพริบตานั้น พลังและการโจมตีทั้งหมดมลาย ราวกับไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน!


เงียบสงัด!


สถานที่แห่งนั้นเงียบสงัดราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่!


ไม่มีสุ้มเสียงแม้แต่น้อย!


ยอดฝีมือทั้งหมดในแดนมรณา รวมถึงจ้าวมรณาเองล้วนชาไปทั้งหนังศีรษะ หันมองหลี่จิ่วเต้าด้วยสีหน้าตะลึงระคนผวา


นี่มัน…นี่มันพลังอะไรกัน!


แค่เพียงโบกมือครั้งสองครั้ง พลังและการโจมตีที่พวกเขาเปล่งออกมาก็อันตรธานหายไปจนสิ้น พลังนี้น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ยากจะทำใจเชื่อได้ลง!


เนื้อตัวพวกเขาสั่นเทา เหงื่อเย็นไหลโซม วิญญาณสะท้าน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของพวกเขาไม่เคยพานพบบุคคลน่าพรั่นพรึงเช่นนี้มาก่อน!


“บรรพจารย์เซียน…ท่านหนึ่งหรือ!?”


จ้าวมรณาเอ่ยเสียงสั่น หวาดผวาในใจเหลือแสน


เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีบรรพจารย์เซียนบังเกิดในภพเซียน!


สลายพลังและการโจมตีทั้งหมดด้วยการโบกมือ ต้องเป็นบรรพจารย์เซียนแน่อย่างไม่ต้องสงสัย!


พลังระดับนี้ จักรพรรดิเซียนไม่มีทางทำได้แน่ แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนชั้นเลิศก็ไม่ไหว ห่างชั้นกันไกลโข!


บรรพจารย์เซียน เป็นตัวตนเหนือชั้นจักรพรรดิเซียนขึ้นไป เป็นเป้าหมายของทุกคนที่ก้าวสู้เส้นทางเซียน บำเพ็ญวิถีเซียน!


นับแต่ยุคโบราณ มีวาจาหนึ่งที่เลื่องลือกันมา เป็นจักรพรรดินั้นยาก แต่เป็นบรรพจารย์นั้นยากกว่า!


รู้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเทียนตี้ หรือจักรพรรดิเซียน ล้วนบ่งบอกถึงระดับสูงสุดแห่งการฝึกตน เทียนตี้คือระดับสูงสุดแห่งการฝึกตนในใต้หล้า ส่วนจักรพรรดิเซียนคือระดับสูงสุดในการบำเพ็ญวิถีเซียน!


ระดับสูงสุดนั้นบรรลุได้ยากยิ่ง!


ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่ายากเย็นเพียงใด!


โดยเฉพาะจุดสูงสุดในการบำเพ็ญวิถีเซียน!


ไม่ต้องเอ่ยถึงตอนนี้ ลำพังในอดีต อดีตซึ่งรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่


เวลานั้น สสารนิรันดร์มีอยู่ล้นหลาม มากมายนับไม่ถ้วน สสารฝึกฝนระดับสูงมากมายดำรงอยู่ร่วมกันในปฐพี เรียกได้ว่าเป็นยุคทองแห่งการฝึกตน!


ในยุคทองแห่งการฝึกตน มีจักรพรรดิเซียนมากมายปรากฏออกมา และในบรรดาจักรพรรดิเซียนเหล่านี้ มิมีผู้ใดสามารถทะลุขีดจำกัดขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแห่งวิถีเซียน กลายเป็นตัวตนระดับบรรพจารย์เซียน


แต่ไหนแต่ไร บรรพจารย์เซียนมีเพียงเก้าตน นั่นคือเก้าบรรพจารย์เซียนผู้เก่าแก่ดั้งเดิมที่สุด กาลเวลาอันยาวนานผ่านไป สมัยแล้วสมัยเล่า ยังมิมีบรรพจารย์เซียนตนใหม่ปรากฏ


แต่บัดนี้ พวกเขากลับได้พบบรรพจารย์เซียนตนหนึ่งกับตาตัวเอง จะมิให้พวกเขาตะลึงงันได้อย่างไร!


ที่สำคัญ บรรพจารย์เซียนเหล่านี้ยังมาจากภพเซียน คู่ปรับของพวกเขา…


“ข้าช่างแกว่งเท้าหาเสี้ยนยิ่งนัก!”


จ้าวมรณาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่


พับผ่าสิ เขาช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้จักประเมินตนเอาเสียเลย บังอาจลงมือกับบรรพจารย์เซียนท่านหนึ่งหรือนี่!


เขาสำนึกเสียใจแทบบ้า อย่าให้พูดเลยว่าทรมานใจเพียงใด


แต่เดิมบรรพจารย์เซียนจะไปแล้วแท้ ๆ เรื่องราวทั้งมวลอาจยุติลงเพียงเท่านี้ แต่เขาสิทำอันใดลงไป?


เขากลับรนหาที่ตาย ไม่ยอมให้ท่านบรรพจารย์เซียนไปไหน ดันทุรังรั้งบรรพจารย์เซียนไว้ให้ได้!


บัดนี้สิดี อยากจบลงด้วยดีก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว…


ทว่าเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงเลยคือ บรรพจารย์เซียนท่านนี้มิได้ทำอันใดทั้งสิ้น เพียงแต่อันตรธานหายไปจากที่นี่!


“หา?”


เขามึนงงไปในบัดดล คิดไม่ตกเลยสักนิด ช่างต่างจากที่เขาคิดไว้เหลือเกิน!


มิใช่ว่าบรรพจารย์เซียนท่านนี้มาจากภพเซียน ก็เพื่อฆ่าล้างผู้คนในแดนมรณาอย่างพวกเขาหรอกหรือ


เหตุใดบรรพจารย์เซียนท่านนี้กลับไปโดยมิได้ลงมือ


หรือเขาคิดผิด บรรพจารย์เซียนท่านนี้หาได้มีความเกี่ยวข้องกับภพเซียนไม่ มิได้มาเพื่อฆ่าล้างแดนมรณา เพียงแต่…เดินทอดน่องไปเรื่อยจริง ๆ!?


ชั่วขณะนั้น เขาว้าวุ่นใจเป็นหนักหนา ความคิดประเดประดังตีกันไปหมด


“ไปแล้ว!”


ขณะเดียวกัน บนแดนมรณา จักรพรรดินีผงะ คิดไม่ถึงเช่นกันว่าท่านผู้นั้นจะไปง่าย ๆ เช่นนี้


นางคิดเหมือนกันว่าท่านผู้นั้นมาเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง มิใช่การเดินทอดน่อง กระทั่งก่อนหน้านี้ นางยังคิดเพ้อเจ้อไปอีกว่าท่านผู้นั้นมาเพื่อช่วยนาง!


แต่บัดนี้ นางมิกล้าคิดเพ้อเจ้ออันใดอีก ท่านผู้นั้นมิได้มาเพื่อช่วยนาง หากมาเพื่อช่วยนางจริง เหตุใดท่านผู้นั้นถึงจากไปโดยไม่แม้แต่จะแยแสนางเล่า


ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!


ฟึ่บ!


เวลานั้นเอง จ้าวมรณาเหินกลับมาจากด้านนอก จุติลงมาเบื้องหน้าจักรพรรดินี


ดวงตาของเขาจ้องจักรพรรดินีเขม็ง ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจักรพรรดินีมีความเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้าหรือไม่


“เจ้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับท่านผู้นั้น” เขาถามจักรพรรดินี


หลี่จิ่วเต้าอาจไม่มีความเกี่ยวข้องกับภพเซียนจริง ๆ หากเกี่ยวข้องกับภพเซียนจริง ไฉนเลยจะยอมไปง่าย ๆ ยอมปล่อยพวกเขาไป


เป็นไปไม่ได้เลย!


และเขาไม่เชื่อเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเดินทอดน่องจนมาถึงแดนดินพวกเขา…


หลังตัดความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างนี้ออก เขาพลันนึกถึงจักรพรรดินี ท่านผู้นั้นมาเพื่อช่วยจักรพรรดินีหรือไม่


ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้ ซ้ำยังมีความเป็นไปได้สูงด้วย!


ถึงอย่างไร หลี่จิ่วเต้าก็ปรากฏตัวออกมาได้เหมาะเจาะ พอดีกับที่จักรพรรดินีกำลังจะถูกสังหาร บังเอิญได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?


เขาไม่เชื่อเท่าใด!


จักรพรรดินีมิได้เอื้อนเอ่ยวาจา นางมิกล้าอวดอ้างบารมีท่านผู้นั้น ซี้ซั้วพูดไปว่าตนมีความเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้นอย่างไร ถึงแม้ว่าพูดไปแล้ว นางคงไม่ต้องจบชีวิตลง


กระนั้นนางก็มิกล้า


ท่านผู้นั้นสูงส่งเกินหยั่ง นางมิกล้าจาบจ้วงแม้เพียงน้อยนิด คุยโวถึงความสัมพันธ์กับท่านผู้นั้น


“ท่านผู้นั้นคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าจริงหรือ!?”


จ้าวมรณาเอ่ยถามอีกครั้ง


นับแต่จักรพรรดินีปรากฏตัว เขาก็พินิจพิเคราะห์จักรพรรดินีมาโดยตลอด ก่อนนี้คราวชิ่งหลงถามจักรพรรดินี จักรพรรดินีได้เอ่ยว่านางมีผู้อยู่เบื้องหลังจริง ๆ


หลี่จิ่วเต้าปรากฏออกมาในตอนนั้น


และเพราะเหตุนี้ เขาถึงสงสัยว่าจักรพรรดินีมีความเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น สงสัยว่าเขามาเพื่อช่วยจักรพรรดินี


“มิใช่!”


เวลานั้น จักรพรรดินีปริปาก นางหันมองจ้าวมรณา ปฏิเสธเด็ดขาด


นางมิกล้าโป้ปดปั้นเรื่องความสัมพันธ์กับท่านผู้นั้น บ่วงกรรมที่ต้องถูกโยงนั้นใหญ่หลวงเกินไป ต่อให้ครั้งนี้นางรอดตัวไปได้ วันหน้าก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่ต่อ จักถูกผลกรรมตามคิดบัญชี


“จ้าวมรณา ข้าสงสัยว่าท่านผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหล และข้ายังสงสัยอีกว่าท่านผู้นั้นมาเพื่อสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนั้น!”


ชิ่งหลงเดินเข้ามา เอ่ยต่อจ้าวมรณาด้วยสีหน้าขึงขัง


จากนั้น เขาเล่าสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าได้กล่าวกับเขาก่อนหน้าให้ทุกคนในแดนมรณาฟัง


ก่อนนี้หลี่จิ่วเต้ากล่าวไว้ ห้ามมิให้โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ห้ามมิให้มีจิตสังหารรุนแรงเช่นนี้ ครานั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเตือนเขา เตือนมิให้พวกเขาทำตามอำเภอใจกับสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้น!


จ้าวมรณามิได้เอ่ยวาจา เขาหรี่ตาลง


ท่านผู้นั้นบอกเขาก่อนหน้านี้เหมือนกัน ห้ามมิให้รบราฆ่าฟันกันเช่นนี้ ประกอบกับสิ่งที่ชิ่งหลงบอกเล่า อีกฝ่ายอาจมาเพื่อสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้นจริง ๆ!


เมื่อลองไตร่ตรองดูดี ๆ หากหลี่จิ่วเต้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับภพเซียน เป็นไปได้สูงว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหล!


ถึงอย่างไร มีเพียงดินแดนสูงส่งมหัศจรรย์อย่างแดนบรรพโกลาหลเท่านั้น ถึงช่วยให้เขากลายเป็นบรรพจารย์เซียนได้!


แดนบรรพโกลาหลอยู่ที่ใด?


แน่นอนว่าอยู่ในอาณาจักรนั้น!


เป็นไปได้สูงว่าหลี่จิ่วเต้าสงสารสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้น ถึงมาเยือนแดนมรณาของพวกเขา


“เจ้า…ไปเสียเถิด!”


คิดมาถึงนี่ จ้าวมรณากล่าวกับจักรพรรดินี มิกล้าทำอะไรจักรพรรดินีอีก


จักรพรรดินีมาเพื่อสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนั้นเช่นกัน มีเป้าหมายเดียวกับหลี่จิ่วเต้า ต่อให้จักรพรรดินีไม่มีความเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้นจริง ลำพังเรื่องที่มีเป้าหมายเดียวกัน เขาก็มิกล้าลงมือกับจักรพรรดินีอีก


หากฆ่าจักรพรรดินีไปจริง ๆ จนเป็นเหตุให้หลี่จิ่วเต้ามาเยือนอีกครั้ง ต้องแย่แน่ ๆ ทั้งแดนมรณาของพวกเขาอาจต้องล่มสลายเพราะการนี้!


เขามิกล้าล้อเล่นกับความปลอดภัยของทั้งแดนมรณา!


จ้าวมรณาจิตใจว้าวุ่น จู่ ๆ ก็มีบรรพจารย์เซียนอย่างหลี่จิ่วเต้าปรากฏตัว ทำให้แผนการของพวกเขารวนไปหมด


เขาจ้องมองจักรพรรดินี นัยน์ตาทอประกายอำมหิต ไม่อยากปล่อยจักรพรรดินีไปง่าย ๆ เช่นนี้


ทว่าเขามิกล้าเสี่ยง


หากเกิดเรื่องจริง ๆ สิ่งที่ตามมาร้ายแรงเกินไป ทั้งแดนมรณาอาจต้องสูญสิ้น


“รีบไปเสีย ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ!”


จ้าวมรณาเอ่ยเสียงเย็น ตนไม่เคยอดสูปานนี้มาก่อน ฆ่าคนที่อยากฆ่าไม่ได้ จิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวั่นเกรง


จักรพรรดินีมิได้เอ่ยวาจา โอนเอนยันตัวขึ้น


เลือดยังไม่หยุดไหลออกจากบาดแผลของนาง หลั่งรินลงมาเรื่อย ๆ ทุกย่างก้าวของนางมีรอยเท้าสีแดงทิ้งไว้


ศึกนี้ นางบาดเจ็บสาหัส


ทว่านางมิได้เสียใจ


ตรงกันข้าม นางดีใจมาก


เพราะไม่ว่าอย่างไร ปัญหาของแดนมรณาก็คลี่คลายลงแล้ว สิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแดนมรณาสังหารอีก


แดนมรณาไม่กล้าพอจะห้ำหั่นสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้น


นางกัดฟันดั้นด้นไปจากแดนมรณา มุ่งหน้าออกไปในอวกาศ


ประกายวาววามส่องออกมา พลังเซียนไหลเวียนในกายนาง ค่อย ๆ ซ่อมแซมร่างกายของนางไปทีละนิด


นางมิได้อ่อนแรงเช่นนั้นแล้ว


เดิมในตัวนางมีพลังที่ชิ่งหลงอัดเข้ามาหลงเหลือ ก่อนนางออกจากแดนมรณา ชิ่งหลงดึงพลังนั้นกลับไป


มิฉะนั้น นางยังคงไม่อาจรักษาบาดแผล ไม่อาจฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตน


“ท่านผู้นั้น…อยู่ในอาณาจักรนั้นหรือ”


เสียงนางสั่นเครือ ตื้นตันใจเป็นหนักหนา นางจะได้พบท่านผู้นั้นในอาณาจักรแห่งนั้นหรือ


คิดแล้วคงใช่ นอกจากแดนบรรพโกลาหล ที่ใดจะมีคนระดับนี้อีก


เป็นไปได้สูงว่าท่านผู้นั้นมาจากแดนบรรพโกลาหล ประทับอยู่ในอาณาจักรนั้น


“หากได้พบหน้าสักคราก็คงดี!”


นางปรารถนาอย่างแท้จริงว่าจะได้พบกับท่านผู้นั้นอีก แม้ว่านางเคยพบท่านผู้นั้นมาแล้วสองครั้ง ทว่า ท่านผู้นั้นหาได้เคยเหลียวแลนางไม่ นางอยากพบหน้าท่านผู้นั้นเป็นทางการสักครั้ง มีโอกาสได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิด!


“พร่ำเพ้อลม ๆ แล้ง ๆ…”


นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ท่านผู้นั้นหาใช่ผู้ที่พบได้ง่าย ๆ ไม่ สิ่งที่นางคิดเป็นเพียงความฝันเฟื่อง โอกาสเป็นจริงนั้นมีเพียงน้อยนิด


สุดท้าย นางสงบจิตใจ ไม่ปล่อยความคิดลอยไปไกลกว่านี้ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงความเพ้อฝัน และนาง มิใช่เด็กสาวช่างฝัน


...


ณ เมืองชิงซาน


หลี่จิ่วเต้าวางแท็บเล็ตลง ขยี้ตาไปมา ช่วงนี้เขาเสพติดแท็บเล็ตเกินไป เริ่มเล่นนานไปแล้ว


เป็นเช่นนี้ไม่ดีเท่าไหร่ โลกเสมือนจริงดีเพียงใด ก็ดีไม่เท่าโลกความจริงมิใช่หรือ!


เขาร้องเรียกลั่วสุ่ย “เสี่ยวไป๋ เราออกไปเดินเล่นกันเถิด”


“เจ้าค่ะ คุณชาย!”


ลั่วสุ่ยตอบรับด้วยความเต็มใจ เข้ามาอยู่ตรงหน้าคุณชายด้วยรอยยิ้มแช่มชื่น จนหลี่จิ่วเต้าเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ ลั่วสุ่ยงดงามเหลือเกิน น่าหลงใหลเหลือเกิน


จากนั้น พวกเขาก็ออกจากลานเล็กพร้อมกัน


ซ่า!


หลังหลี่จิ่วเต้ากับลั่วสุ่ยออกจากลานเล็ก ด้านบ่อน้ำมีเหตุบางอย่าง เหล่าปลามังกรกระโดดออกจากบ่อน้ำ ซัดเกลียวคลื่นขึ้นมาระลอกใหญ่


พวกมันจำแลงเป็นร่างมนุษย์ แต่ละคนล้วนอยู่ในวัยเยาว์ มีทั้งบุรุษ ทั้งสตรี บุรุษนั้นหล่อเหลามีมาด สตรีนั้นงามวิไลเฉิดฉัน


“ลั่วสุ่ยอะไรนั่น รูปโฉมหรือก็ธรรมดา มีสิทธิ์อันใดเป็นที่โปรดปรานของคุณชายขนาดนี้!”


สตรีนางหนึ่งแค่นเสียงเย็น สายตาเต็มไปด้วยความดูแคลน นางมั่นใจว่าตนนั้นงดงามกว่าลั่วสุ่ย ผู้ที่ได้ยืนอยู่ข้างกายคุณชายควรเป็นนางถึงจะถูก


“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป”


เด็กหนุ่มผู้หนึ่งปริปาก “พวกเราเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ต้องใช้เวลากว่าจะเรียบร้อยมิใช่หรือ คุณชายให้ความสำคัญกับพวกเราเป็นพิเศษ ภายหน้า ใช่ว่าเจ้าไม่มีโอกาสได้ยืนอยู่ข้างกายคุณชายเสียหน่อย”


หลังได้ยินคำกล่าวของเด็กหนุ่ม สตรีนางนั้นคลี่ยิ้ม “จริงด้วย!”


จากนั้น พวกเขาไปที่ศาลา


“สวัสดี สหายแท็บเล็ต”


“สวัสดีสหาย”


พวกนางยิ้มทักทายแท็บเล็ต


แท็บเล็ตมีความจำไม่ค่อยดีต่อปลามังกรเหล่านี้นัก หลังปลามังกรเหล่านี้มาอยู่ในลานเล็กของคุณชาย ก็มิสู้จะเคารพผู้ใด วาจาที่เอื้อนเอ่ยก็ล้วนแล้วน่ารังเกียจ


“มีธุระอันใด”


แท็บเล็ตถาม มิได้หมางเมินปลามังกรเหล่านี้ มันมิกล้าทำตัวเฉกเช่นปลามังกรเหล่านี้ ที่ไม่มีความเคารพยำเกรงต่อผู้อื่น มันมิกล้าประพฤติไม่ดีในลานเล็กแห่งนี้


จุดจบของปลามังกรตัวก่อน มันได้ประจักษ์แล้ว


ปลามังกรตัวนั้นทำตัวเช่นนี้แหละ บกพร่องในความเคารพต่อผู้อื่น ประพฤติมิชอบในลานเล็ก สุดท้าย ถูกคุณชายนำไปปรุงด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างถึงสามอย่างแล้วนำไปให้ลั่วสุ่ยกิน


เหล่าปลามังกรตรงหน้านี้ยังไม่รู้ถึงจุดจบของปลามังกรตัวก่อน มันอยากรู้นักว่า หากปลามังกรเหล่านี้ล่วงรู้จุดจบของปลามังกรตัวก่อนแล้ว จะยังทำตามอำเภอใจโดยไร้ซึ่งความยำเกรงอย่างเช่นตอนนี้อยู่หรือไม่


“ไม่มีธุระอันใด พวกเราเพิ่งมาถึง เพียงอยากทักทายสหายแท็บเล็ตเท่านั้น”


เด็กหนุ่มผู้หนึ่งคลี่ยิ้มกว้าง


“ไยจึงไม่ทักทายข้าบ้างเล่า”


ข้างกำแพง จอบเซียนเอ่ยน้ำเสียงกระแนะกระแหน


“เจ้าเป็นเพียงจอบเส็งเคร็ง ไฉนเลยจะเทียบได้กับสหายแท็บเล็ต”


เด็กหนุ่มชำเลืองจอบเซียนด้วยสายตาเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นจอบเซียนอยู่ในสายตา จากนั้น เขาเอ่ยต่อ “อยู่ว่าง ๆ ก็ไม่ต้องเสร่อแสดงตัวให้มากนัก!”


“เจ้าว่าอะไร!?”


จอบเซียนพิโรธในบัดดล พูดจาอะไรของเขา!?


“หูไม่ดีก็ไม่ต้องสุ่มสี่สุ่มห้าเอ่ยวาจาออกมาอีก!”


เด็กหนุ่มมิได้เก็บจอบเซียนมาใส่ใจ “ไสหัวไปไกล ๆ เสีย อย่าได้หาเหาใส่หัว!”


“ไอ้หมอนี่!”


จอบเซียนเดือดดาลมาก ปลามังกรเหล่านี้คิดจะเหยียบหัวมันเลยหรือไร


มันปรี่เข้าไป หมายจะสั่งสอนปลามังกรเหล่านี้ ก่อนนี้คราวปลามังกรตัวก่อนทำตามอำเภอใจ มันก็เคยสั่งสอนปลามังกรตัวนั้นมาแล้ว!


เหล่าปลามังกรหาได้เกรงกลัวไม่ แสยะยิ้มมุมปาก เผชิญหน้ากับจอบเซียน


“อย่าวู่วาม!”


เวลานั้น เต่าชราพุ่งออกจากบ่อน้ำอย่างรวดเร็ว ไวยิ่งกว่าแสง ขวางอยู่ด้านหน้าจอบเซียน


“ไม่จำเป็นเลย ไม่จำเป็น!”


มันเกลี้ยกล่อมจอบเซียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่ต้องการให้จอบเซียนปะทะกับปลามังกรเหล่านั้น


เพราะไม่จำเป็นเลยจริง ๆ


ปลามังกรเหล่านี้รนหาที่ตาย ย่อมมีคุณชายคอยคิดบัญชี!


ปลามังกรตัวก่อนคือตัวอย่างที่ดีที่สุด เดิมนั้นมีอนาคตสดใส กลับสูญสิ้นทุกอย่างเพราะรนหาที่เอง ถูกคุณชายปลิดชีพลง


แม้ว่าครานั้นมันจะไม่อยู่ ทว่ามัจฉาสัตมายาเล่าให้มันฟังหมดแล้ว


เทียบกับปลามังกรตัวก่อน ปลามังกรเหล่านี้รังแต่จะทวีความร้ายกาจ จุดจบสุดท้ายก็คงมิได้ดีไปกว่ากันนัก


มันไม่อยากให้จอบเซียนต้องติดร่างแหไปด้วยเพราะปลามังกรเหล่านี้


ที่สำคัญ ปลามังกรเหล่านี้ไม่เหมือนปลามังกรตัวก่อน ไม่อาจต่อกรด้วยได้ง่าย ๆ


ปลามังกรตัวนั้นอยู่ในโอ่งมาโดยตลอด ภายในนั้นเต็มไปด้วยผนึก ไม่อาจฝึกฝนได้ และไม่มีทางได้รับประโยชน์ใด ๆ


แต่ปลามังกรเหล่านี้นับแต่เข้ามาอยู่ในลานเล็ก ก็อาศัยในบ่อน้ำมาโดยตลอด ความห่างชั้นนั้นมากโข


รู้หรือไม่ น้ำแต่ละหยดในบ่อน้ำเทียบชั้นน้ำอมตะ ซ้ำยังมีหินเขาจำลองโกลาหลคอยพิทักษ์ มีพลังโกลาหลไหลเวียน ซ้ำยังไร้ซึ่งผนึกใด ๆ คอยสะกด ฝึกฝนได้ตามต้องการ


มิหนำซ้ำ คุณชายยังป้อนอาหารปลาให้บ่อย ๆ ประโยชน์ที่ปลามังกรเหล่านี้ได้รับนั้นมหาศาล


แม้ว่าปลามังกรเหล่านี้มิสู้จะมีศีลธรรมเท่าใด กระนั้นพลังสายเลือดที่มีนั้นไม่ธรรมดา ยกระดับได้สูงยิ่ง เต่าชราคิดว่าจอบเซียนสู้หนึ่งต่อหนึ่งได้ไม่มีปัญหา กระทั่งสู้หนึ่งต่อสอง หนึ่งต่อสามก็ยังไหว แต่หากต้องสู้ด้วยทั้งหมด น่ากลัวว่าคงกระหืดกระหอบ ลำบากอยู่นิดหน่อย


ต่อให้จอบเซียนกำราบปลามังกรเหล่านี้ลงได้ ก็คงเป็นศึกหนัก ไม่รู้จะเกิดสุ้มเสียงขนาดไหน รับรองว่าได้ไม่คุ้มเสีย


มันไม่สนับสนุนให้จอบเซียนวู่วามใช้อารมณ์ในยามนี้


“ใช่แล้ว ไม่จำเป็น!”


มัจฉาสัตมายาพุ่งออกจากบ่อน้ำ เพื่อเกลี้ยกล่อมจอบเซียนด้วย ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปลำบากเพราะปลามังกรเหล่านี้


เมื่อครั้งปลามังกรเหล่านี้เข้ามาก็มีพลังไม่หยอก หลังได้รับประโยชน์มหาศาลจากบ่อน้ำ ไม่รู้ว่าขอบเขตพลังบรรลุขึ้นไปถึงระดับไหนแล้ว แม้แต่จอบเซียนก็ใช่ว่าจะสยบปลามังกรเหล่านี้ได้ง่าย ๆ


“ก็ได้ เห็นแก่หน้าพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไป!”


มันเหาะกลับไปที่ข้างกำแพง พิงตัวกับกำแพง


ปลามังกรเหล่านี้รนหาที่ตาย ไร้ซึ่งความยำเกรงใด ๆ มันจะรอวันที่ปลามังกรถูกจัดการ!


“แบบนี้สิถูก! อย่าได้อาศัยความอาวุโสแล้วคิดให้ทุกคนเคารพ พวกเราไม่มีธรรมเนียมเช่นนั้น!”


“คลื่นลูกใหม่ย่อมซัดคลื่นลูกเก่าจนหายไปได้ในที่สุด เดิมพวกเรามีจุดเริ่มต้นสูงกว่าพวกเจ้าอยู่แล้ว พวกเจ้าไฉนเลยจะเทียบกับเราได้!”


ปลามังกรเหล่านี้โอหังนัก สมแล้วที่มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกับปลามังกรตัวก่อน ไม่รู้จักสำรวมแม้แต่น้อย


พวกมันมีจุดเริ่มต้นสูงส่งจริง ซ้ำพรสวรรค์ยังน่าทึ่งเป็นพิเศษ ถือเป็นรุ่นหลังผู้มีฝีมือโดดเด่นในภพเซียนเทียมแห่งนั้น มิฉะนั้น พวกมันคงไม่มีชัยเหนือมัจฉาเผ่าอื่นในศึกช่วงชิง จนถูกคุณชายตกขึ้นมาได้


ก่อนมา พวกมันแต่ละตัวล้วนมีกำลังรบระดับเซียน และบัดนี้ พวกมันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เหนือกว่าเก่ามากนัก ใกล้ถึงขั้นเซียนสัมบูรณ์แล้ว


จอบเซียนลอบขบฟัน ทว่าท้ายสุดก็มิได้เปล่งเสียง


โอหังเข้าไป แกว่งเท้าหาเสี้ยนเข้าไป สักวันปลามังกรเหล่านี้ได้ไปดีแน่!


ภายในศาลา


เหล่าปลามังกรมิได้แยแสจอบเซียนอีก พวกมันมีธุระสำคัญต้องทำ


“สหายแท็บเล็ตต่างหาก ถึงเป็นที่โปรดปรานของคุณชาย ดูเอาเถิด คุณชายเอ็นดูสหายแท็บเล็ตจนไม่ยอมละมือในทุกวี่วัน…”


เด็กหนุ่มเอ่ยกับแท็บเล็ตยิ้ม ๆ


“มีเรื่องอันใดว่ามาเถิด”


แท็บเล็ตกล่าว มิได้ยี่หระในความนอบน้อมของเด็กหนุ่ม มันไม่ชอบใจในปลามังกรเหล่านี้อยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งไม่ชอบใจเข้าใปใหญ่


ถ้อยคำที่ปลามังกรเหล่านี้เอ่ยต่อจอบเซียนเมื่อครู่เกินไปมากนัก


หากมิใช่ว่าที่นี่เป็นลานเล็กของคุณชาย มันยังมีความยำเกรงอยู่ในใจ และร่วมมือกับจอบเซียนสั่งสอนปลามังกรเหล่านี้ไปแล้ว


เมื่อครู่ปลามังกรเหล่านี้เอ่ยว่าไม่มีธุระอันใด เพียงอยากทักทายมันเท่านั้น มันไม่เชื่อวาจาเหลวไหลของปลามังกรเหล่านี้หรอก ปลามังกรเหล่านี้ต้องมีธุระแน่ นี่คงหมายตาบางอย่างจากมัน


อย่างที่คิด ทุกอย่างเป็นดั่งเช่นที่มันคาด


ปลามังกรเหล่านี้มิได้มาเพียงเพื่อทักทาย


“สหายแท็บเล็ตเก่งกาจยิ่ง พวกเรามีเรื่องเล็กน้อยต้องขอความช่วยเหลือจากสหายแท็บเล็ตจริง ๆ!”


เด็กหนุ่มคลี่ยิ้ม “พวกเราใฝ่ฝันถึงภพเซียนมานาน อยากไปดูชมภพเซียนสักครา หวังว่าสหายแท็บเล็ตจะช่วยพวกเราสักครา สำหรับสหายแท็บเล็ต คงเป็นเรื่องง่าย ๆ สบาย ๆ ใช่หรือไม่”


“...”


แท็บเล็ตหมดคำจะเอื้อนเอ่ย


ปลามังกรเหล่านี้เจ้าเล่ห์นัก ถึงขั้นหมายตามันให้ช่วยพวกมันเข้าไปในภพเซียน


สำหรับมันนั้นมิใช่เรื่องใหญ่จริง ๆ เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น


ทว่ามันไม่ชอบปลามังกรเหล่านี้มาก ไม่อยากช่วยปลามังกรเหล่านี้


ยามปลามังกรเหล่านี้มีเรื่องไหว้วานมัน ถึงเรียกมันว่าสหาย ไม่มีเรื่องไหว้วานจอบเซียน ก็เรียกจอบเซียนว่าจอบเส็งเคร็ง


เห็นแก่ได้นัก!



“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใด เพียงแต่จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกไม่สบาย ข้าต้องพักผ่อนสักหน่อย…โอ๊ย ขออภัยด้วยทุกท่าน ไว้มีเวลาค่อยสนทนากันวันหลังแล้วกัน!”


แท็บเล็ตกล่าว ก่อนที่กระจกจะดับมืดลงทั้งบาน ไม่เหลือภาพการณ์ใด ๆ ในนั้นอีก


บ่งบอกว่ามันไป ‘พักผ่อน’ แล้ว!


“เจ้า!”


“ระยำนัก!”


ปลามังกรเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โมโหแทบบ้า


ศาสตราชิ้นหนึ่งจะไม่สบายได้อย่างไร!?


พักผ่อนสักหน่อยอย่างนั้นหรือ!


เห็นได้ชัดว่าไม่อยากช่วยพวกมัน!


ส่งเดชเกินไปแล้วกระมัง!


สตรีซึ่งจำแลงกายจากปลามังกรกระทืบเท้าด้วยความเดือดดาล สบถออกไป “เจ้าแท็บเล็ตเส็งเคร็ง เจ้านี่ใช้ได้! หากเป็นลั่วสุ่ย เจ้ามีหรือจะทำเช่นนี้ เหอะ วันหน้าข้าได้ยืนเคียงข้างคุณชายเมื่อใด ข้าคนนี่แหละที่จะไม่เอาเจ้าไว้ ข้าจะแยกชิ้นส่วนเจ้าให้หมด!”


“พวกเราไว้หน้าเจ้า เจ้ากลับไม่ไว้หน้าพวกเราถึงเพียงนี้! นี่คือความผิดของเจ้า เจ้าทำให้เส้นทางตัวเองแคบลง!”


“ภายหน้ายังมีเวลาอีกเยอะ อย่าได้ใจไปนัก หลังจากนี้ มีวันที่เจ้าต้องตกระกำลำบากแน่!”


ปลามังกรตัวอื่นโกรธมากเช่นกัน พากันเอ่ยกับแท็บเล็ตเสียงเหี้ยมเกรียม


พวกมันโมโหส่วนโมโห ทว่าอย่างไรก็มิกล้าลงมือกับแท็บเล็ต


นี่คือสิ่งที่คุณชายต้องเล่นทุกวัน พวกมันไฉนเลยจะกล้าผลีผลามลงมือ


หากทำให้แท็บเล็ตบาดเจ็บเสียหายจริง ๆ พวกมันรับผิดชอบไม่ไหว


แท็บเล็ตมิได้สนใจปลามังกรเหล่านี้ กระจกมืดดำอยู่ตลอด บ่งบอกว่ามันกำลัง ‘พักผ่อน’


ปลามังกรทั้งหลายมองหน้ากันไปมา ก่อนจะกระโจนตัวขึ้นไปจากลานเล็ก มิได้กลับไปอยู่ในบ่อน้ำ


เดิมทีพวกมันตั้งใจจะไปภพเซียน ทว่าแท็บเล็ตปฏิเสธพวกมัน ไม่ยอมช่วยพวกมัน พวกมันได้แต่ล้มเลิกความตั้งใจ


ไปภพเซียนมิได้ พวกมันจึงตั้งใจออกท่องเที่ยวในละแวกรอบ ๆ


แม้ลานเล็กแห่งนี้จะดี ทว่านับแต่พวกมันเข้ามาอยู่ในลานเล็ก ก็ไม่เคยได้ออกไปไหนสักครั้ง พวกมันอยากออกไปดูข้างนอกบ้างจริง ๆ


จากนั้น พวกมันออกจากเมืองชิงซาน


พวกมันมิได้ร่วมทาง หากแต่ตั้งใจต่างคนต่างไป หลังออกจากเมืองชิงซานก็แยกย้ายกันคนละทิศคนละทาง


ริมลำธาร ต้นหลิวและก้อนหินเห็นปลามังกรเหล่านี้


เดิมพวกมันตั้งใจทักทายปลามังกรเหล่านี้ หารู้ไม่ เหล่าปลามังกรเมินพวกมันไปเลย


ต้นหลิวสะบัดก้าน ก้อนหินก็เตรียมตะโกนออกไปว่า ‘สวัสดีพวกเจ้า’ สุดท้าย ปลามังกรเหล่านี้กลับไม่แม้แต่จะชายตามองพวกมัน ต้นหลิวและก้อนหินกระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง


“สวัสดีพี่หลิว!”


“สวัสดีน้องหิน!”


พวกมันสองคนต้องทักทายซึ่งกันและกัน เพื่อคลายความกระอักกระอ่วน


จากนั้น พวกมันสองตนมิได้เอื้อนเอ่ยวาจาใดอีก


เด็กหนุ่มซึ่งจำแลงกายจากปลามังกรมีนามว่าจินซวี่ มันเหินตรงไปด้านหน้า ขมวดคิ้วมุ่นขึ้นเรื่อย ๆ


“สถานที่ทรุดโทรมอะไรกัน เหตุใดท่านบรรพจารย์เซียนถึงเลือกมาพำนักที่นี่”


สายตามันเจือแววดูแคลน นึกว่าที่นี่มีจุดไม่ธรรมดาเสียอีก ท่านบรรพจารย์เซียนถึงเลือกพำนักที่นี่


ทว่ายิ่งได้เห็นมันยิ่งผิดหวัง ไม่ต้องพูดถึงว่าที่นี่มีจุดไม่ธรรมดาตรงไหน ลำพังสิ่งแวดล้อมนั้นย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจเทียบเคียงสถานที่รกร้างห่างไกลในภพเซียนของพวกมันด้วยซ้ำ


พื้นที่อันมีสิ่งแวดล้อมเลวร้ายที่สุดในภพเซียนของพวกมันยังดีกว่าที่นี่!


“ไม่มีที่ใดน่าเดินเล่นเลยสักนิด…”


มันย่นจมูก รังเกียจเดียดฉันท์เป็นนักหนา ได้ออกมาท่องเที่ยว อย่าว่าแต่เพลิดเพลินผ่อนคลายเลย สิ่งแวดล้อมที่นี่เลวร้ายจนมันทนแทบไม่ไหว มันรู้สึกว่าร่างกายตัวเองมีมลทินไปแล้ว!


“กลับดีกว่า! ทุกข์ทนเหลือเกิน!”


มันรู้สึกแย่มาก รีบตั้งม่านแสงขึ้นมาปกคลุมร่างกายของมัน ป้องกันมิให้ร่างกายของมันต้องเปรอะเปื้อน


ในสายตาของมัน พลังปราณในฟ้าดิน รวมถึงสสารฝึกฝนล้วนสกปรกจนดูมิได้ เป็น ‘ของโสโครก’ มันไม่อยากแตะต้องแม้แต่น้อย


ทว่าขณะที่มันเตรียมกลับ ก็ชะงักฝีเท้าฉับพลัน


ท่ามกลางขุนเขา น้ำตกขนาดใหญ่ส่งเสียงดังลั่น ประหนึ่งทางช้างเผือกหลั่งไหลลงจากสวรรค์ ยิ่งใหญ่อลังการ เกลียวคลื่นซัดสาดขึ้นมาคณานับ ไอน้ำลอยคว้างขึ้นมากมายหลายชั้น วิจิตรตระการตา ทัศนียภาพงดงามอย่างยิ่งยวด


ทว่าภายใต้น้ำตกนั้น ท่ามกลางไอหมอกเลือนราง ยังมีทิวทัศน์ที่งดงามยิ่งกว่านั้นอยู่


เด็กสาววัยแรกแย้มเพริศพริ้งมากมายกำลังเล่นน้ำกันอยู่ใต้น้ำตก พวกนางแต่งกายชิ้นน้อย ผิวขาวผ่องดุจหิมะ เรือนร่างสะโอดสะโอง


เสียงของพวกนางสดใสดั่งนกขมิ้น หยอกเย้ากันไม่หยุด แต่ละคนล้วนสุขสันต์ รอยยิ้มเบิกบานเป็นพิเศษ


อาภรณ์ชั้นบางเปียกชุ่มไปหมดแล้ว แนบติดอยู่กับเนื้อกาย เผยให้เห็นทรวดทรงไร้ที่ติของพวกนาง เส้นผมก็เฉอะแฉะ ดูเย้ายวนชวนให้คลั่งใคล้


เห็นได้ชัดว่าพวกนางมิใช่มนุษย์ธรรมดา ด้านหลังมีหางจิ้งจอกกันถ้วนหน้า เปียกชุ่มไปหมดเช่นกัน


ดวงหน้าพริ้มเพรา ผิวขาวนวลเนียน เล่นน้ำตัวชุ่ม จินซวี่เห็นปราดเดียวก็ตาค้าง


“สถานที่ทรุดโทรมอย่างนี้มีของหายากเช่นนี้ด้วยหรือ!?”


จินซวี่ไม่อาจละสายตา คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะได้เห็นภาพยวนตายวนใจเช่นนี้ในสถานที่เส็งเคร็งนี้


มันกลืนน้ำลาย หัวใจระส่ำระสาย จิ้งจอกเหล่านี้เย้ายวนทว่าไม่แพศยา เป็นของดีในของดี


“สิ่งแวดล้อมย่ำแย่เช่นนี้กลับมีของหายากระดับนี้อยู่เป็นจำนวนมาก ฮ่า ๆ ออกมาหนนี้ไม่เสียเปล่า!”


มันหัวเราะลั่น อารมณ์หม่นหมองก่อนหน้าหายไปจนสิ้น กลายมาเป็นยินดีปรีดา


“เล่นน้ำหรือ พี่ชายเป็นมือดีด้านนี้!”


ดวงตาของมันวาวโรจน์ ถลาลงเบื้องล่าง


ซ่า!


มันพุ่งลงไปในลำธาร น้ำกระเซ็นซัดสาดขึ้นมาไม่น้อย เหล่าเด็กสาวเผ่าจิ้งจอกที่เคยหยอกเย้าสนุกสนานกันที่นี่ตกอกตกใจกันหมด วิ่งขึ้นฝั่งด้วยความตื่นตระหนก


“อย่าวิ่งสิ พวกเจ้าชอบเล่นน้ำมิใช่หรือ ให้พี่ชายเล่นน้ำเป็นเพื่อนพวกเจ้าเถิด!”


จินซวี่หัวเราะร่วน น้ำลำธารซัดสาด ม้วนเอาเด็กสาวเผ่าจิ้งจอกเหล่านี้เข้าไปในพริบตา เด็กสาวจิ้งจอกถูกลากลงไปในน้ำอีกครั้ง ไม่อาจขึ้นฝั่ง


ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!


เวลานั้นเอง ประกายแสงมากมายพุ่งเข้ามาจากที่ไกล ๆ จุติลงมาอย่างรวดเร็ว


พวกนางทั้งหมดล้วนมีรูปโฉมงดงาม แม้นมิใช่เด็กสาววัยเยาว์ ต่างมีอายุ กระนั้นกลับมีเสน่ห์ไปอีกแบบ ความเย้ายวนอย่างสตรีเต็มวัย ส่งผลให้จินซวี่ตาเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง


“นี่ข้ามาอยู่ในรังจิ้งจอกหรือไร”


จินซวี่ยิ้มกว้างยิ่งขึ้น “วันนี้โชคดีใช้ได้! พวกเจ้าทั้งหลายล้วนอยู่เหนือ ‘ความแพศยา’ แล้ว เย้ายวนยิ่งกว่า ‘ความแพศยา’ เสียอีก วันนี้ ข้าสามารถสุขสราญอย่างเต็มที่”


ใช่แล้ว สถานที่แห่งนี้มิใช่ที่ไหนอื่น หากแต่เป็นดินแดนของเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ที่เวิงอู๋โยวเตรียมไว้ให้


ผู้ที่ตามมาทีหลังล้วนเป็นยอดฝีมือในเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ รวมถึงหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ด้วย พวกนางสัมผัสได้ว่าที่นี่มีเหตุการณ์ผิดปกติ จึงรุดหน้ามาทันที


“เจ้าเป็นใคร!?”


หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์จ้องมองจินซวี่ สีหน้าเคร่งเครียด


นับแต่ที่แห่งนี้กลายมาเป็นดินแดนของพวกนาง พวกนางก็ให้ความสำคัญกับที่นี่เป็นพิเศษ ตั้งค่ายกลขึ้นชั้นแล้วชั้นเล่า ตัดขาดจากโลกภายนอก


ในสถานการณ์ปกติ ข้างนอกไม่อาจมองเห็นภาพการณ์ข้างใน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเข้ามาได้


จินซวี่กลับดูไม่ได้รับอุปสรรคแต่อย่างใด ทะลุผ่านค่ายกลชั้นแล้วชั้นเล่าของพวกนางได้ง่ายดาย ซ้ำยังไม่เกิดความเสียหายกับค่ายกลมากมายนั้นแม้แต่น้อย เป็นการทะลุเข้ามาโท่ง ๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จินซวี่ผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน มิใช่คนสามัญ!


นางมิได้ลังเล ลอบถ่ายพลังเข้าไปในป้ายทองคำนิลแผ่นหนึ่ง นี่คือป้ายที่หลิงอินมอบให้นาง บอกนางว่าหากพบเจออันตราย ให้ติดต่อนางผ่านป้ายนี้


ทันทีที่ถ่ายพลังเข้าไปในป้าย หลิงอินจะสัมผัสได้ในทันที


เห็นได้ชัดว่าจินซวี่ลึกล้ำเกินหยั่ง ต่อกรด้วยยาก นางไม่มั่นใจเท่าใด เกรงจะเกิดเรื่อง จึงรีบติดต่อหลิงอิน ขอความช่วยเหลือจากนาง


เดิมนางคิดว่าจินซวี่คงไม่ทันรู้ตัว ทว่านางคิดน้อยเกินไป


จินซวี่สังเกตเห็นการกระทำของนาง!


“กำลังตามคนมาหรือ”


จินซวี่ปรายตามองหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “เจ้าจะตามคนมาเท่าใดก็ได้ ไม่ต้องหลบซ่อนจากข้า ตามกันซึ่งหน้าก็ไม่เป็นไร ข้าหาได้ห้ามเจ้า”


มันทรงพลังปานใด มีกำลังรบเทียบเท่าเซียนสัมบูรณ์ ไฉนเลยจะต้องแยแส


หากมันต้องการ มันผนึกที่นี่ได้ด้วยการตั้งจิต ไม่ยอมให้ข่าวใด ๆ ถูกส่งออกไป


ทว่ามันมิได้ทำเช่นนั้น


มันเบื่อเกินไป อยากหาเรื่องสนุก มันกลับปรารถนาให้หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ตามคนมาด้วยซ้ำ


หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์เห็นดังนั้น หัวใจพลันกระตุกวูบ


ดูท่า จินซวี่ผู้นี้ต่อกรด้วยยากจริง ๆ ด้วย!



มั่นใจเหลือเกิน ทั้งที่รับรู้ทุกอย่าง กลับมิเคยแทรกแซง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย


หากมิใช่ว่ามีพลังแกร่งกล้า ไฉนเลยจะเป็นเช่นนี้?


เป็นไปไม่ได้เลย!


หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ได้แต่ภาวนาให้หลิงอินรีบมาที่นี่ มิฉะนั้น เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ของพวกนางคงต้องประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่!


ดูก็รู้ว่าจินซวี่มิใช่คนดีเด่นอันใด สายตาเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย นางลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ช่างเป็นภัยร้ายที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยสักนิด!


ภายในดินแดนเผ่ามีค่ายกลตั้งอยู่อเนกอนันต์ ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงแล้วยังไม่พอ สมาชิกเผ่าหยอกเย้ากันในแดนดินของตนยังถูกคนนอกหมายตาเอาได้ ทั้งหมดนี้ช่างเป็นเรื่องยากลำบากเหลือเกิน!


ซ่า!


สายน้ำในลำธารซัดสาด เด็กสาวจิ้งจอกสวรรค์กลุ่มนั้นถูกม้วนเข้ามาเบื้องหน้าจินซวี่ จินซวี่หัวเราะ “เล่นน้ำกันต่อสิ ข้าชอบดูพวกเจ้าเล่นน้ำที่สุด!”


เขาปรายตามองหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่น ความมุ่งร้ายในแววตาทวีคูณ “มา ๆๆ พวกเจ้าก็มาด้วยกัน!”


จากนั้น เขาลงมือทันที ปล่อยแสงเซียนออกมาหนึ่งสาย คลี่ปกคลุมหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่นในทันใด


หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่นตะลึงงัน เข้าปัดป้องสุดกำลัง ทว่าหาได้มีประโยชน์ไม่ พวกนางถูกแสงเซียนพาลงไปในลำธาร


สายน้ำกระเซ็น พวกนางหล่นลงไปในลำธารจนตัวเปียกชุ่ม ทรวดทรงองเอวของเรือนร่างอรชรนั้นเผยให้เห็นไม่มีเหลือ


จินซวี่มองจนตาค้าง “เร็วเข้า พวกเจ้ารีบเล่นน้ำเข้าสิ!”


การปะทะระหว่างความวัยเยาว์ และความเป็นผู้ใหญ่ ลำพังแค่นึกถึงภาพนั้น จินซวี่ก็เต็มตื้นเหลือคณา เขาอยากเห็นหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่นเล่นน้ำกับเด็กสาวจิ้งจอกสวรรค์วัยเยาว์


“ไม่!”


หารู้ไม่ เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายจินซวี่ หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์มิได้ทำตาม ปฏิเสธเด็ดขาด


หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ไม่ต้องการจำนนอีกต่อไป ชะตากรรมน่าสลดของเผ่าพวกนางเริ่มจากการเลือกยอมจำนน จนค่อย ๆ ก้าวสู่การเป็นของเล่น


คราวนี้ นางไม่อยากจำนนอีกแล้ว ต่อให้เผ่าของพวกนางต้องล่มสลาย นางก็ไม่ต้องการให้เผ่าของนางกลายเป็นของเล่นให้ผู้ใดอีก!


“ไม่!”


“ไม่!”


...


สิ้นเสียงของหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ เสียง ‘ไม่’ อันเด็ดเดี่ยวดังตามขึ้นเรื่อย ๆ ยอดฝีมือเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ และเด็กสาวจิ้งจอกสวรรค์วัยแรกแย้มต่างไม่ต้องการเลือกจำนนอีกต่อไปแล้ว!


บทเรียนจากเรื่องราวในอดีตนั้นหนักหนาสาหัส พวกนางไม่ต้องการกลับไปเป็นเหมือนเก่า


สีหน้าจินซวี่อึมครึมลงในบัดดล เขาเอ่ยเสียงเยียบเย็น “พวกเจ้าอยากตายรึ นี่ข้า…ไว้หน้าพวกเจ้าเกินไปหรือ”


ริอ่านไม่เชื่อฟัง!?


เขาเดือดดาลขึ้นมาในบัดล จิตสังหารรุนแรงแผ่ซ่านออกจากตัว ถาโถมเข้าไปในแดนดิน หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์และยอดฝีมือตนอื่น รวมถึงเด็กสาวจิ้งจอกสวรรค์วัยแรกแย้มล้วนตื่นตระหนกกับจิตสังหารอันรุนแรงนี้ วิญญาณสั่นสะท้านอย่างอดไม่ไหว


จิตสังหารนี้น่าพรั่นพรึงยิ่งนัก ราวกับพวกนางมาอยู่ในสถานการณ์อลหม่านอันตราย มีดาบยาวเล่มใหญ่จ่อคอหอยพวกนาง และพร้อมฟาดฟันลงมาทุกเมื่อ ความตายอยู่ห่างจากพวกนางเพียงคืบ


แต่ต่อให้พวกนางสัมผัสถึงกลิ่นอายความตาย ก็มิได้เลือกจำนน ตรงกันข้าม สายตาพวกนางแน่วแน่ยิ่งขึ้น


“อยากตายรึ!”


จินซวี่เห็นแววตาของหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ และสมาชิกตนอื่นก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นไปใหญ่ นัยน์เปล่งประกายเย็นยะเยือก ตัดสินใจลงมือปลิดชีพ เชือดไก่ให้ลิงดู!


เขาชี้นิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว เล็งไปที่ยอดฝีมือเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ตนหนึ่ง เขาต้องการสังหารยอดฝีมือตนนี้ลง ณ ที่นี้!


“ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ไม่ยอมจำนน!”


ยอดฝีมือเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ผู้นั้นคำรามลั่น ดวงตาจ้องมองจินซวี่เขม็ง สายตาปราศจากความกลัว เผชิญซึ่งหน้ากับความตายของนาง!


จะตายแล้วยังบังอาจมองเขาตาขวางเยี่ยงนี้อยู่อีก จินซวี่ขุ่นเคืองเป็นหนักหนา เขาเอ่ยเสียงเย็น “เช่นนั้น เจ้าจงตายเสียเถิด!”


เขาลงมือทันที ลำแสงเจิดจ้าพวยพุ่งออกจากนิ้วนั้น ถล่มออกไปด้านหน้า!


ทว่าตอนนั้นเอง ศรอาบแสงเล่มหนึ่งยิงออกมาจากกลางอากาศ สลายการโจมตีนั้น หล่นลงไปในลำธาร สาดเกลียวคลื่นขึ้นมาลูกใหญ่


“ผู้ใดบังอาจทำข้าเสียเรื่อง!?”

จินซวี่ฟาดผิวน้ำอย่างแรง กระโจนตัวขึ้นจากลำธาร สายตาเย็นเยียบถึงขีดสุด กวาดมองไปรอบ ๆ จิตสังหารพุ่งทะยาน!


ก่อนนี้มีเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของเขา ต่อมามีผู้อื่นออกมาแทรกแซงเรื่องของเขาอีก เขาทนไม่ได้จริง ๆ เขาคือผู้มีกำลังรบขั้นเซียนสมบูรณ์ จะต้องถูกจำกัดไปเสียทุกเรื่องหรืออย่างไร!?


“ข้า!”


เสียงสตรีเย็นเยียบนุ่มลึกดังทะลุห้วงอากาศ แฝงไว้ด้วยโทสะ ก่อนที่มิติบิดเบี้ยว ร่างสามร่างก้าวออกจากปริภูมิ


ร่างสามร่างนี้ สองเป็นสตรี หนึ่งเป็นบุรุษ นั่นคือหลิงอิน เสี่ยวหยา และพี่ชายของเสี่ยวหยา


“พวกเจ้าเองหรือ!”


สีหน้าจินซวี่เปลี่ยนไป เขาจำพวกหลิงอินได้ คิดไม่ถึงว่าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์จะมีความเกี่ยวข้องกับคนข้างกายท่านบรรพจารย์เซียนด้วย!


“เจ้าเองรึ!”


นัยน์ตาหลิงอินหรี่ลง จำจินซวี่ได้เช่นกัน นางสัมผัสถึงพลังปราณของปลามังกรได้จากตัวจินซวี่ นี่คือปลามังกรที่คุณชายตกได้ในเวลาต่อมา!


“เจ้ากล้าดีอย่างไร! คุณชายเกลียดพวกกำแหงทำชั่วที่สุด เจ้ามีวาสนาสูงส่งถึงได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในลานเล็กของคุณชาย เจ้ากลับไม่รู้จักถนอมโอกาส ซ้ำยังบังอาจออกมาก่อกรรมทำเข็ญ ความผยองของเจ้าต้องจบลงตรงนี้!”


นางตวาดเสียงเย็น โมโหโทโส นางคิดอยู่ว่าผู้ใดเข้ามาก่อการอุกฉกรรจ์ในเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ ที่ไหนได้ เป็นปลามังกรในลานเล็กท่านเซียนเองหรือนี่!


“เจ้าอยู่ในฐานะใด ถึงได้กล้ามาสั่งสอนข้า!”


จินซวี่แสยะยิ้ม “คุณชายเป็นถึงบรรพจารย์เซียนท่านหนึ่ง ไฉนเลยจะใส่ใจความเป็นความตายของมดปลวก เจ้าอย่าได้ใช้คุณชายข่มข้า!”


ตัวตนระดับท่านบรรพจารย์เซียน ตรึกตรองแต่เรื่องใหญ่ในใต้หล้าอันจินตนาการไม่ถึง ไฉนเลยจะสนใจเรื่องขี้ปะติ๋วเช่นนี้


“มิใช่ว่าสั่งสอนเจ้า ข้าเพียงอยากบอกเจ้าว่า เจ้าทำตัวเช่นนี้ รังแต่จะรนหาที่ตายให้ตัวเอง!”


หลิงอินมองจ้องจินซวี่ “ข้าไม่อยากลงมือกับเจ้า รีบกลับไปเสีย!”


นางสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของจินซวี่ รู้ว่าเขามิใช่ผู้ที่จัดการได้ง่าย ๆ หากเป็นที่อื่นยังไม่เท่าไร แต่ที่นี่คือแดนบูรพาทิศ หากนางต้องประมือกับจินซวี่ นางไม่แน่ใจว่าพลังทั้งหมดจะไม่รั่วไหลออกไป และทันทีที่พลังรั่วไหลออกไป ย่อมกระทบกระเทือนแดนบูรพาทิศอย่างรุนแรง!


กระทั่งทั้งเหยียนโจว ทั้งดินแดนหยิน ทั้งอาณาจักรนี้ จักได้รับแรงกระแทกอย่างน่าสะพรึง สิ่งมีชีวิตนับคณาต้องเคราะห์ร้าย


นอกจากนี้ ขืนกระทบที่ประทับของคุณชายเข้า คงเป็นความผิดใหญ่หลวงจนไม่อาจได้รับการอภัย!


เพราะอย่างนั้น นางถึงไม่อยากลงมือ


หากอยู่นอกอาณาจักรแห่งนี้ หรือหากนางสามารถผนึกพลังได้สมบูรณ์ นางไม่มีทางเอ่ยวาจาเช่นนี้ คงลงมือทันที สั่งสอนจินซวี่ให้หนัก!


“น่าขัน เจ้าไม่อยากลงมือ มิได้หมายความว่าข้าไม่อยากลงมือ!”


เมื่อครู่จินซวี่ถูกหลิงอินตำหนิจนอัดอั้นไปด้วยโทสะ เขาไม่คิดรามือง่าย ๆ!


เขาลงมือทันที เปล่งพลังขั้นเซียนสมบูรณ์ออกไปเต็มที่ เขารู้ว่าพวกหลิงอินเป็นคนข้างกายท่านบรรพจารย์เซียน ใช่ว่าต่อกรด้วยได้ง่าย ๆ เพราะอย่างนั้น เขาจึงทุ่มกำลังทั้งหมด ไม่มียั้งมือแม้แต่น้อย!


ตู้มตู้มตู้ม!


มิติระเบิดแหลกลาญ นภาสั่นไหว พลังกล้าแกร่งซัดสาดเป็นเกลียวคลื่น คลื่นพลังสยดสยองโถมทับออกมาอย่างรวดเร็ว!


ท้ายที่สุดเขาก็ยังมีความยำเกรง ปิดผนึกพื้นที่แถบนี้ เพราะกลัวพลังจะรั่วไหล จนกระทบไปถึงท่านบรรพจารย์เซียน


ขืนเป็นเช่นนั้นจริง ไม่แน่ว่าผลที่ตามมาเกินกว่าเขาจะรับไหว!


หากมิใช่เช่นนั้น เขาไม่มีทางปิดผนึกพื้นที่นี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ล้วนมิได้อยู่ในสายตาเขา


“อย่างพวกเจ้าริอ่านสั่งสอนข้ารึ! วันนี้ ข้าจักเป็นฝ่ายสั่งสอนพวกเจ้าเอง!”


เขาหัวเราะลั่น เหินขึ้นไปบนนภา ก้มมองพวกหลิงอิน


“ข้าจะให้พวกเจ้าได้ประจักษ์ถึงพลังขั้นเซียนสมบูรณ์!”


เขาฮึกเหิมเหลือคณา ตั้งแต่บรรลุ ยังมิเคยได้เปล่งพลังทั้งหมดออกมาสักครา หนนี้ เขาจักลงมือให้สาสม ดูว่าพลังขั้นเซียนสมบูรณ์นั้นแข็งแกร่งเพียงใด!


กฎแห่งสวรรค์และโลกล้วนถูกเขาเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า ทุกอิริยาบถของเขาล้วนเจือไว้ซึ่งพลังมหาศาล เขารู้สึกว่า การโจมตีเพียงเบาบางจากเขาก็สามารถทำลายจักรวาลผืนนี้ได้!


นี่หรือคือพลังของเซียนสมบูรณ์


แกร่งกล้าเหลือเกิน!


เขาดีใจจนเป็นบ้าเป็นหลัง!


ทว่าขณะที่เขาฮึกเหิมห้าวหาญ เตรียมเปิดฉากโจมตีพวกหลิงอินอย่างยิ่งใหญ่ ก้านหลิวก้านหนึ่งหวดออกมากลางอากาศ!


เสียงดังเพียะ เขาถูกก้านหลิวหวดกระทบร่าง กระแทกลงจากนภา จนพื้นดินเกิดเป็นหลุมใหญ่ ร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่าง กระดูกมากมายหักออกจากกัน!


“ผู้ใดกัน!”


หน้าตาของเขาเหยเก โกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด ผู้ใด…ลอบทำร้ายเขากัน!?


อย่าให้พูดเลยว่าเขารู้สึกแย่ปานใด ไอ้บัดซบเอ๊ย ขณะที่เขากำลังจะแผลงฤทธิ์ให้ประจักษ์ถึงความเกรียงไกรของตน กลับถูกหวดกระแทกพื้น น่าอายชะมัด!


“ไอ้ตัวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ก่อการอุกฉกรรจ์ตามอำเภอใจไม่พอ ยังบังอาจลงมือกับแม่นางหลิงอินด้วยหรือ!”


เสียงต้นหลิวดังขึ้น แฝงไว้ด้วยความขุ่นเคือง ก้านหลิวก้านนั้นคืบคลานเข้าไปอย่างรวดเร็ว จับจินซวี่ห้อยหัว


คราหลิงอินออกจากเมืองได้ทักทายกับมัน และมันก็ได้รู้ต้นสายปลายเหตุ จึงแวะมาดูด้วย


เมื่อมันเข้ามาดู ถึงรู้ว่าตัวการที่ก่อความวุ่นวายในเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์คือจินซวี่ เรื่องที่เขาโมโหยิ่งกว่านั้นคือ จินซวี่ยังบังอาจลงไม้ลงมือกับหลิงอิน!


จะให้มันทนได้อย่างไร!


“อะไร…กัน!”


จินซวี่ตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าต้นหลิวนี้จะแข็งแกร่งน่าประหวั่นพรั่นพรึงได้ถึงเพียงนี้!


เขารู้จักต้นหลิว คราวท่านบรรพจารย์เซียนนั่งตกปลาอยู่ริมลำธาร ต้นหลิวได้บดบังฟ้าฝนให้ท่านบรรพจารย์เซียน เขาคิดได้ว่าต้นหลิวย่อมมิใช่ต้นไม้สามัญ ได้รับประโยชน์จากท่านบรรพจารย์เซียนเช่นกัน


แต่เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าต้นหลิวจะแกร่งกล้าปานนี้!


เขาที่เผชิญหน้ากับต้นหลิว ไร้ซึ่งกำลังขัดขืน ห่างชั้นกันตั้งไม่รู้เท่าไร ก้านหลิวสะกดพลังในตัวเขาได้ง่ายดาย!


‘รู้อย่างนี้ ก่อนหน้านี้ข้าควรทักทายต้นหลิวนี้สักคำ!’


เขาร่ำไห้ขณะเอ่ยในใจ สำนึกเสียใจแทบบ้า


เมื่อคราวออกจากเมืองชิงซาน เขาเห็นต้นหลิวและก้อนหินทำท่าจะทักทายพวกเขา แต่เขามิได้ใส่ใจพวกมันนัก มองว่าต้นหลิวและก้อนหินมิได้เก่งกาจอันใด เพราะอย่างนั้น เขาถึงไม่แยแสทั้งสอง


“ทำตัวไม่ดีมีราคาที่ต้องจ่าย ไร้มารยาทยิ่งมีราคาที่ต้องจ่าย!”


ต้นหลิวแค่นเสียง ยังจำได้ว่าเมื่อคราวมันกับก้อนหินทักทายเหล่าปลามังกรอย่างจินซวี่ แต่เหล่าปลามังกรอย่างจินซวี่กลับไม่สนใจมันกับก้อนหิน


ยามนั้น มันกับก้อนหินกระอักกระอ่วนเหลือคณา อยากแทรกแผ่นดินหนีไปเสีย!


โดนอาฆาตแค้นจริง ๆ ด้วย!


หลังได้ยินต้นหลิวเอ่ยว่าไร้มารยาทมีราคาที่ต้องจ่าย จินซวี่นึกเสียใจยิ่งขึ้น!


เพียะ เพียะ เพียะ!


ต้นหลิวจับจินซวี่ห้อยหัวพลางหวด หวดจนจินซวี่อยู่ในสภาพน่าอนาถ เสียงร่ำไห้ชวนให้ใจสลาย


เมื่ออยู่เบื้องหน้าก้านหลิวของต้นหลิว จินซวี่เสมือนปุถุชนธรรมดา ทุกการหวดล้วนเป็นผลให้จินซวี่ปวดร้าวถึงทรวง เกินจะทนไหว!


“ไสหัวกลับไปเสีย คุณชายไม่ชอบนิสัยเช่นเจ้าที่สุด รอโดนจับไปตุ๋นแกงเสียเถิด!”


สุดท้าย ต้นหลิวรามือ เหวี่ยงจินซวี่กลับไปยังลานเล็กของคุณชายด้วยก้านหลิว


“ปลามังกรตัวอื่นคงมิได้น่าพิสมัยเช่นกัน กลับไปให้หมดเลยแล้วกัน!”


ต้นหลิวเอนไหว ก้านหลิวมากมายทะลุห้วงอากาศ ปรากฏอยู่ข้างกายปลามังกรที่เหลือ ปลามังกรที่เหลือยังไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ก็ถูกก้านหลิวเหวี่ยงกลับไปทั้งหมด!


หลิงอิน เสี่ยวหยา และพี่ชายเสี่ยวหยาตาค้างกันหมด นี่หรือคือพลังของต้นหลิว


จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

...


นอกเมืองชิงซาน


หลี่จิ่วเต้าเดินอยู่ข้าง ๆ ลั่วสุ่ย


“ไม่ได้กินปลามาหลายวันแล้วใช่หรือไม่ คืนนี้กลับไป ข้าจะตุ๋นปลาให้เจ้ากิน!”


ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม บอกกับลั่วสุ่ย “คราวก่อนเห็นเจ้ากินปลามังกรอย่างมีความสุข คืนนี้ข้าจะตุ๋นปลามังกรให้เจ้ากิน”


ที่เขาเลี้ยงปลามังกร หนึ่งเพราะปลามังกรนั้นงดงามอย่างแท้จริง เมื่อไว้ในบ่อน้ำก็ชวนให้ชื่นตาชื่นใจ ทว่ายิ่งกว่านั้นคือ เขาเลี้ยงไว้ให้ลั่วสุ่ยกิน


คราวก่อนที่ได้ตุ๋นปลามังกรให้ลั่วสุ่ยกิน อีกฝ่ายดูเอร็ดอร่อยกว่าปลาชนิดอื่น เขาจึงจดจำเรื่องนี้ไว้


ภายในลานเล็ก เขาใส่ใจปลามังกรมากกว่าปลาชนิดอื่น ป้อนอาหารให้มากที่สุด นั่นก็เพื่อลั่วสุ่ย


ปลามังกรต้องเลี้ยงให้ดีถึงจะอร่อยยิ่งขึ้น!