นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 596ถึง600
ดวงอาทิตย์สีชาดลอยโด่งอยู่บนฟากฟ้า ที่นี่ต้องแสงแดดจนเป็นสีแดงก่ำ ยอดเขาป่าไม้รูปร่างประหลาดพากันส่งเสียงโหยหวน ภายใต้แสงแดดอาบโลหิตนี้ มีสภาพประดุจผีร้าย
โฮก!
เสียงคำรามคล้ายคนคล้ายอสูรนั้นดังขึ้นอีกครั้ง สุ้มเสียงบางอย่างดังออกจากพงไพร ตัวอะไรกำลังวิ่งออกมา
หลังจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเห็นชัดเจนแล้วก็อดไม่ได้ต้องหรี่ตาลง นี่คือผู้ฝึกตนมนุษย์ ทว่าถูกผู้อื่นแปรเปลี่ยนรูปร่างอย่างอำมหิต กระดูกซี่โครงถูกดึงออกมาอย่างโหดเหี้ยม กลายเป็นขาหยั่ง ค้ำจุนร่างให้วิ่งไปทั่ว ประหนึ่งแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่ง
ดูเหมือนผู้ฝึกตนมนุษย์คนนี้ไม่เหลือสติสัมปชัญญะเท่าใด พลังปราณดุร้ายแผ่ซ่านอยู่ทั่วตัว หลังได้พบจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง ก็บุกสังหารเข้ามาหาจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงทันที!
“ถอยไป!”
ขณะที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเตรียมลงมือ ก็มีเสียงดังขึ้น จากนั้น ผู้ฝึกตนมนุษย์คนนั้นชะงักงัน หยุดทุกการกระทำ
ทว่าดวงตาของเขายังคงจ้องจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเขม็ง คล้ายว่าเตรียมพร้อมฉีกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเป็นชิ้น ๆ ทุกเมื่อ
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏมาแล้ว!
เสียงที่บอกให้ ‘ถอยไป’ เมื่อครู่ ดังออกจากปากของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ
มังกรกระดูกติดตามอยู่ด้านหลังจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ
นี่หรือคือจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ
หลังได้เห็นรูปลักษณ์จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงรู้สึกเหนือการคาดหมายอย่างยิ่ง รูปลักษณ์ของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้สักนิด
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏมีรูปโฉมเปี่ยมเมตตา ผมขาวเคราขาว สวมอาภรณ์ยาวแบบโบราณอย่างเรียบง่าย เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งเซียน ราวกับผู้เฒ่าซึ่งบรรลุเป็นเซียนแล้วท่านหนึ่ง ท่าทางมีจริยธรรมอย่างยิ่ง
ภายในโลกใบเล็กอันอึมครึมพิลึกพิลั่นเสมือนอเวจีแห่งนี้ กลับมีผู้เฒ่าลักษณะเช่นนี้เดินออกมา ซ้ำยังเป็นถึงจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไฉนเลยจะคาดการถึง ไม่มีความเข้ากันเลยสักนิด ภาพลักษณ์จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏช่างไม่เข้ากับสถานที่แห่งนี้เอาเสียเลย ยามจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้เห็นจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ เผลอนึกไปว่าเขามาเยือนภพเซียนแล้วเสียอีก!
รูปลักษณ์จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏช่างคล้ายกับเซียนบรรพจารย์เต๋าเหลือเกิน!
“เจ้าคือหวงหลงใช่หรือไม่ ได้ยินว่าคราวอาณาจักรเก้าแดนต้องห้ามผนึกกำลังกรีธาทัพมา เจ้าแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยม หนนี้ส่งเจ้าไปเป็นแนวหน้าในอาณาจักรนั้น เจ้าก็ทำได้ไม่เลว เพียงไม่นานก็กุมข้อมูลสำคัญของแดนบรรพโกลาหลไว้ในมือ ไม่เลวเลย!”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏทอดมองจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง สายตาเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ “เอาล่ะ ข้ามาแล้ว บอกข้อมูลสำคัญของแดนบรรพโกลาหลมาเสีย”
นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสั่งให้มังกรกระดูกพูด เขาสั่งให้มังกรกระดูกไปบอกจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏว่า เขานำข้อมูลสำคัญของแดนบรรพโกลาหลมา เพื่อล่อให้จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏมานี่
เขาสลักตาเดินหมากล้อมในตัวมังกรกระดูก ด้วยจิตสัมผัสที่เชื่อมต่อกับตาเดินหมากล้อม เขารู้ว่ามังกรกระดูกมิได้ทำนอกแผน มันทำตามคำสั่งของเขาตลอด มิได้เอ่ยเตือนจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏแต่อย่างใด
“ได้!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ย “อันที่จริง ข้าพบตำแหน่งที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหลแล้ว!”
“อะไรนะ!?”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน คิดไม่ถึงว่าข้อมูลที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงนำมาจะเดือดเยี่ยงนี้!
เขาพบที่ตั้งแดนบรรพโกลาหลเข้าหรือ!
ข่าวนี้สำคัญอย่างยิ่งยวด!
“รีบเล่ามาอย่างละเอียด!”
สีหน้าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏสะเทือนอารมณ์มาก เขาก้าวประชิดตัวจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง หาได้ระแวงสงสัยไม่
อีกด้าน มังกรกระดูกมีสีหน้าเรียบสงบ ปราศจากอารมณ์ใด ๆ
มันเชื่อในพลังของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ ต่อให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงลอบทำร้ายจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็ไม่มีทางสำเร็จ และต้องถูกจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏกำราบลง!
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏประชิดตัวเขาด้วยตนเอง ซึ่งถือเป็นโอกาสเยี่ยมยอดสำหรับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง
เขามิได้ลังเลแม้แต่น้อย ลงมือด้วยความเด็ดขาด เรียกตาเดินหมากล้อมออกมาหนึ่งกระดาน แล้วดันเข้าไปในตัวจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ!
ตู้ม!
ตาเดินหมากล้อมระเบิด ทว่าเรื่องที่เหนือความคาดหมายของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคือ ร่างกายของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏต้านทานพลังระเบิดของตาเดินหมากล้อมไว้ได้!
เสียงดังตูม จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏฟาดฝ่ามือกระแทกบนตัวจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง จนจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกระเด็นไปอีกด้าน
ยังดีที่กายเนื้อจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล้าแกร่ง เหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป ถึงมิได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เจ้าคิด…ฆ่าข้ารึ?”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏหรี่ตา จิตสังหารพลุ่งพล่าน ท่าทางเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งเซียนมลายจนสิ้น เขามองจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงด้วยสีหน้าเย็นชา
และเนื้อกายแข็งแกร่งของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงนั้นสร้างความประหลาดใจให้เขาอย่างมาก มิได้คิดมาก่อนเลย
ไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย เนื้อกายของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงต้องแข็งแกร่งถึงปานใดเชียว
รู้หรือไม่ เขาอยู่เหนือขั้นเทียนตี้ไปนานแล้ว จะมีสักกี่คนที่สามารถต้านทานฝ่ามือของเขาได้?
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงรับฝ่ามือเขาได้อย่างสิ้นเชิง ซ้ำยังไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ชวนให้เขาตะลึงอย่างยิ่ง
“ไม่บาดเจ็บรึ!!!”
อีกด้าน มังกรกระดูกคิดไม่ถึงเลยสักนิด ตกอกตกใจมหันต์ มันชักสังหรณ์ใจไม่ดี หรือจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจะสามารถต่อกรกับจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏได้จริง ๆ?
“เจ้าทำงานอย่างไร ริอ่านพาผู้ที่คิดฆ่าข้ามาพบข้ารึ!”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏหันมองมังกรกระดูกด้วยสายตาเย็นยะเยือก พร้อมฟาดฝ่ามือใส่ มังกรกระดูกถูกอัดจนเละ กระดูกปลิวว่อน
“จบเรื่องแล้วค่อยจัดการเจ้า เจ้ารอโดนปรับแต่งร่างกายได้เลย!”
เขาเอ่ยเสียงเย็นชา ผิดหวังต่อมังกรกระดูกเหลือแสน
ที่เขายอมมาพบจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงซ้ำยังมิได้ระแวงแต่อย่างใด ล้วนเป็นเพราะเขาเชื่อใจมังกรกระดูก
ทว่าผลสุดท้ายกลับเป็นเช่นนี้ เขาบันดาลโทสะ ไม่คิดเก็บมังกรกระดูกไว้อีก
“ไม่นะ โปรดให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถิด!”
มังกรกระดูกร้องลั่น มันตระหนักดีว่าผู้ถูกปรับแต่งร่างกายมีจุดจบเช่นไร ถึงเวลานั้น มันจักกลายเป็นอาวุธสังหารอย่างสมบูรณ์ สติสัมปชัญญะของตนจักถูกลบล้างไป!
ขณะเดียวกัน จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงลงมืออีกครั้ง สำแดงตาเดินหมากล้อมออกมาหนึ่งกระดาน หมายจะยืมพลังตาเดินในการต่อสู้กับจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ
“กล้าคิดฆ่าข้า ข้านับถือในความกล้าของเจ้า ทว่าเจ้ายังไม่มีค่าพอให้ข้าออกแรงเท่าไหร่!”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏยิ้มเย็น ขยับร่างกายอย่างรวดเร็ว หลบการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาเอ่ยต่อ “พอดีเลย วันนี้จะใช้เจ้าในการตรวจทานผลงานของข้า!”
โฮก! โฮก! โฮก!
สิ้นเสียงเขา เสียงคำรามคล้ายมนุษย์คล้ายอสูรดังขึ้นมหาศาล สิ่งมีชีวิตซึ่งถูกปรับแต่งร่างกายมากมายนับไม่ถ้วนบุกเข้าไปหาจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจากทั่วสารทิศ
สิ่งมีชีวิตซึ่งถูกปรับแต่งร่างกายเหล่านี้ มิมีตนใดปกติสักตน บ้างถูกเปลี่ยนมือเป็นดาบคม บ้างมีหางแต่ถูกเปลี่ยนไปดาบยาว
พวกมันเสมือนอาวุธชิ้นแล้วชิ้นเล่า ดวงตาแดงก่ำ ปราศจากสติสัมปชัญญะ มีเพียงสัญชาตญาณการเข่นฆ่า
ขณะเดียวกัน ยอดเขาและเหล่าพฤกษาก็พากันเคลื่อนไหว พวกมันถูกปรับแต่งร่างกายมาแล้วเช่นกัน ประหนึ่งผีร้ายตนแล้วตนเล่า บุกสังหารจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง
“นี่คือกองทัพแย่งชิงที่ข้าปรับแต่งขึ้นเพื่อเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลโดยเฉพาะ วันนี้ เจ้าจงลิ้มรสการต่อสู้กับพวกมันให้ดีเถิด”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏตระหง่านอยู่กลางอากาศ มองจ้องจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงด้วยความเฉยชา
ภายในอาณาจักรทั้งปวง รวมถึงอาณาจักรเก้าตอนบน ล้วนมีเส้นทางสังสารวัฏที่พวกเขาปูไว้ และสิ่งมีชีวิตที่ก้าวสู่เส้นทางสังสารวัฏ เข้ามาถึงแดนสังสารวัฏ ส่วนใหญ่ล้วนถูกส่งเข้ามาในมิติย่อม ๆ แห่งนี้ ถูกเขาปรับแต่งร่างกาย
การแย่งชิงในแดนบรรพโกลาหล ย่อมมิได้ง่ายดาย จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏตระหนักถึงข้อนี้ดี ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนาน เขาคิดค้นวิธีปรับแต่งร่างกายมาโดยตลอด เพื่อเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เริ่มแรก ยังไม่ราบรื่นนัก ทว่าต่อมา เขาค่อย ๆ บรรลุขึ้น ผสานสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เข้ากับศาสตราวุธ หลอมเป็นอาวุธเลือดเนื้อ เปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำเร็จ
ไม่ว่าตนใดในสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ล้วนมีกำลังรบที่อยู่เหนือขั้นเดียวกัน บ้างสามารถกระทั่งต่อสู้ข้ามขั้น เอาชนะสิ่งมีชีวิตผู้มีขอบเขตเหนือกว่า
“ฮ่วนเหิง เย่อู่…พวกเจ้า อ๊าก!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคำรามกราดเกรี้ยว เขาได้เห็นสหายในวันวานของเขาท่ามกลางสิ่งมีชีวิตผู้ถูกปรับแต่งร่างกาย และสหายในวันวานของเขาถูกปรับแต่งร่างกายจนไม่เหลือเค้าเดิม ผู้หนึ่งถูกสับเปลี่ยนกระดูกเป็นโซ่เหล็กทั้งตัว ผู้หนึ่งถูกเปลี่ยนมือข้างหนึ่งเป็นค้อนเล่มใหญ่ หนามเหล็กเยียบเย็นเสียบอยู่เต็มหลัง ประดุจเม่นตัวหนึ่ง
“วันนี้ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!”
เขาหันมองจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ จิตสังหารพลุ่งพล่านรุนแรง ฮ่วนเหิงและเย่อู่ต่างเป็นสหายของเขาที่ตายแทนกันได้ บัดนี้กลับมีสภาพอนาถาเยี่ยงนี้ เขาทนมิได้!
“ฆ่าข้ารึ? อย่างเจ้าน่ะหรือ!”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏแค่นเสียงเย็น “ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนาน ไม่เคยมีผู้ใดทำอันตรายข้าได้ เจ้าเองก็เช่นกัน!”
สิ่งมีชีวิตทุกตนในโลกใบเล็กที่ถูกเขาปรับแต่งร่างกายถูกเขาเรียกออกมาทั้งหมด พากันบุกไปหาจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่างพร้อมเพรียง อย่าให้เอื้อนเอ่ยเลยว่าภาพนั้นน่ากลัวเพียงใด
ท่ามกลางกาลเวลาอันไร้จุดสิ้นสุดที่ผ่านมา ยอดฝีมือที่เดินทางมายังแดนสังสารวัฏนั้นมีอยู่คณานับ แม้จะมีสิ่งมีชีวิตยอดฝีมือจำนวนมากที่ปรับแต่งล้มเหลว จนตายไปในที่สุด ทว่าสิ่งมีชีวิตที่เหลือซึ่งถูกปรับแต่งสำเร็จก็ยังมีอยู่มหาศาล เกินจะนับไหว!
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมิได้พูดจา สีหน้าเย็นชาถึงขีดสุด เวลานี้ เขาคิดเพียงต้องการปลิดชีพจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏลงเสียที่นี่!
พลังตาเดินหมากล้อมปะทุ อสนีบาตสีทองท่วมท้นนภาผ่าลงมา เขาสำเร็จวิถีหมากล้อมได้ในระดับสูงส่ง พลังตาเดินที่รีดเร้นออกมาได้นั้นแกร่งกล้าสุดยอด
ต่อให้สิ่งมีชีวิตที่ถูกปรับแต่งเป็นอาวุธเหล่านี้ที่ทรงพลังกล้าแกร่ง แต่เมื่ออยู่ใต้พลังตาเดินหมากล้อมเยี่ยงนี้ ก็ยังต้านทานไม่ไหว พริบตาเดียวเท่านั้น ก็มีสิ่งมีชีวิตซึ่งถูกปรับแต่งร่างกายระเบิดแหลกเละ ถูกพลังตาเดินหมากล้อมกำจัด
“ช่าง…ประหลาดยิ่ง!”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏได้เห็นภาพนี้แล้วต้องมีสายตาแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจะเปล่งพลังตาเดินหมากล้อมได้ยิ่งใหญ่น่าสะพรึงปานนี้
เขาสัมผัสได้ถึงกฎแห่งวิถีหมากล้อม นี่คือกฎแห่งวิถีหมากล้อมที่อยู่เหนือขั้นเทียนตี้ เขาใคร่รู้ยิ่งนัก ว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสำเร็จวิถีหมากล้อมในระดับสูงเยี่ยงนี้ได้อย่างไร!
เท่าที่เขาคาดการณ์ ความสำเร็จด้านวิถีหมากล้อมของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถึงระดับเซียนแล้วแน่นอน!
เขาไม่อาจเชื่อได้เลย
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงทำได้อย่างไร
ความสำเร็จวิถีหมากล้อมเช่นนี้สูงเกินไปแล้ว ลำพังการบำเพ็ญตนและการฝึกฝน ไม่มีทางสำเร็จได้ขนาดนี้ หรือจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้พบเซียนหมากท่านหนึ่ง และได้รับการชี้แนะจากเซียนหมากท่านนี้
“ข้าขอดูหน่อยเถิดว่าเจ้ามีปูมหลังอย่างไร!”
เขาแสยะยิ้มมุมปาก ไม่เอาแต่มองการต่อสู้อยู่เฉย ๆ อีกต่อไป หากแต่เคลื่อนไหว บุกเข้าไปหาจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง
ต้องยอมรับว่า เขาน่ากลัวมากจริง ๆ ทันทีที่ลงมือก็ทลายตาเดินหมากล้อมลงได้
เขาประมือกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่างดุดัน จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตกเป็นฝ่ายถูกกระทำทันที ถูกเขาถล่มราบคาบ!
เสียงดังพรวด จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถูกทำร้ายจนหมอบอยู่กับพื้น เกราะเนื้อกายแข็งแกร่งก็ถูกทลายไปด้วย เลือดเนื้อสาดกระเซ็น พลังปราณอ่อนแรงลงอย่างมาก
“บอกแล้วใช่หรือไม่ อยู่ต่อหน้าข้า เจ้าไม่มีค่าอันใด!”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏหัวเราะเย็น ๆ พร้อมบุกเข้ามา
หากไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจักถูกสังหารลง ณ ที่นี้
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหมอบอยู่กับพื้น หายใจกระหืดกระหอบ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดเนื้อพลิกออกมาอยู่ด้านนอก ไม่เหลือส่วนดีสักส่วน กระดูกที่หักงอแทงทะลุชั้นผิวหนังออกมา บาดเจ็บสาหัสอย่างยิ่งยวด
เขาคิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเช่นนี้ จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏคล้ายจะก้าวสู่ขอบเขตสูงส่ง เดิมเขาคิดว่าสามารถจัดการจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏได้ง่ายดาย ทว่าบัดนี้ดูแล้ว เหมือนจะหวังสูงไป แม้ว่าเขารอบคอบมากพอ ชิงลอบโจมตีจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏไว้ก่อน ก็ยังไม่ไหว ห่างชั้นกันมากไป จนไม่อาจลบล้างความห่างชั้นระดับนี้ได้เลย
ตาเดินหมากล้อมระเบิดพังทลายก็เป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ถึง พลังเหนือขั้นเทียนตี้ยังไม่เป็นประโยชน์อันใด จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก
เขามิได้คลางแคลงใจเลยว่า จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏต้องมีพลังระดับเซียนแล้วแน่นอน เพียงเพราะขาดแคลนสสารนิรันดร์ ไม่อาจอยู่ยงคงกระพัน ถึงยังมิได้เป็นเซียนจริง ๆ
“เฮ้อ…”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏผู้วางแผนล่วงหน้าไว้อย่างยาวนาน ปูเส้นทางสังสารวัฏไปถึงอาณาจักรทั้งปวง รวมถึงอาณาจักรเก้าตอนบนด้วย ย่อมมิใช่คนธรรมดา น่ากลัวอย่างยิ่ง เขาไร้เดียงสาเกินไป คิดน้อยเกินไป ไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน
ที่สำคัญคือ เขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏจะก้าวเหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไปได้ เขาไฉนเลยจะคิดได้
ขั้นเทียนตี้เป็นระดับสูงสุดในใต้หล้า บรรลุขึ้นไปได้ง่าย ๆ ที่ไหน
ในความคิดของเขา นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เฉพาะในภพเซียนเท่านั้น
แน่นอนว่า กับท่านเซียนก็ทำได้ ซ้ำยังง่ายดายสบายกว่าด้วย
แต่จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏจะมีความเกี่ยวข้องกับคุณชายได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้เลย
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏดั้นด้นทลายขีดจำกัดขั้นเทียนตี้ด้วยความสามารถและฝีมือของตนเอง ถึงได้มีกำลังรบน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างตอนนี้ จนเทียบชั้นเซียนได้!
เรื่องนี้อัศจรรย์ไม่ใช่เล่น ผิดปกติอย่างยิ่ง ไม่ผิดที่เขาไตร่ตรองได้รัดกุมไม่พอ
หากเป็นผู้อื่น ก็ไม่มีทางคาดคิดว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้
หนนี้ เขาแพ้ได้…สมน้ำสมเนื้อ
“ขอข้าดูภูมิหลังความเป็นมาของเจ้าหน่อยเถิด!”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏก้าวเข้ามา สีหน้าเย็นชา การต่อสู้จบลงแล้ว ต่อไป เขาจักผ่าวิญญาณจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงออก ดูว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมีตื้นลึกหนาบางเช่นไรกันแน่
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงบาดเจ็บหนักไปทั้งตัว ไม่อาจยันตัวลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ แม้กระทั่งจะเอ่ยวาจายังไม่เหลือเรี่ยวแรง สูญเสียกำลังไม่อาจต่อสู้ได้อีก เขากลายเป็นเหยื่อบนเขียง จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏจะฆ่าจะแกงเขาอย่างไรก็ได้
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่คิดยอมแพ้ มิได้สิ้นหวัง
เบื้องหลังของเขาคือผู้ใด?
เบื้องหลังของเขาคือคุณชาย!
‘ข้าต้องตกหล่นบางสิ่งไปแน่!’
เขาคิดในใจ ระลึกความทรงจำที่อยู่กับคุณชายอย่างละเอียด นึกย้อนไปถึงทุกประโยคที่คุณชายได้เอื้อนเอ่ยกับเขา เขารู้สึกว่าตนเองต้องตกหล่นบางสิ่งไป คุณชายบอกเขาให้หัดเป็นฝ่ายรุก บัดนี้เขาทำตามแล้ว เหตุไฉนถึงล้มเหลวลงได้
ด้วยพลังฝีมือของคุณชาย จะผิดพลาดได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้เลย!
นอกเสียจากว่า…เขาตีความในความหมายของคุณชายผิด คุณชายมิได้ต้องการให้เขาจู่โจมจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ
แต่นอกจากเรื่องนี้ เขาคิดเรื่องอื่นไม่ออกแล้วจริง ๆ
‘ข้าต้องตกหล่นอย่างอื่นไปแน่!’
เขาคิดในใจอีกครั้ง รู้สึกว่าตัวเองมิได้เข้าใจผิด คุณชายบอกเขาว่าควรหัดเป็นฝ่ายรุก นั่นหมายถึงให้เขาเป็นฝ่ายจู่โจมจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏเดินเข้ามาทีละก้าว ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แต่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมิได้สะทกสะท้านกับจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏสักนิด เขาหลับตา หวนนึกถึงเหตุการณ์วันวานที่ได้อยู่กับคุณชาย แม้กระทั่งประโยคเดียวที่คุณชายได้เอื้อนเอ่ย เขาก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน นึกย้อนขบคิดอย่างถี่ถ้วน
“ถูกแล้ว รู้จักยอมแพ้ ช่วยให้เจ้าต้องทุกข์ทรมานน้อยลงไปอีกมาก”
จ้าวแห่งสังสารวัฏหัวเราะ มองว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมองสถานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่งดี เขาเห็นจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหลับตา จึงเข้าใจว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถอดใจแล้ว
ทว่าลมหายใจต่อมา สีหน้าเขาต้องเปลี่ยนไปเล็กน้อย รอยยิ้มอันตรธาน
ด้านจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมีปรากฏการณ์ประหลาด ทันใดนั้น ประกายบางอย่างปรากฏออกมากลางอากาศ เริ่มแรกนั้นกะจ้อยร่อยมาก ต่อมาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ค่อย ๆ หลอมรวมเป็นร่างคนร่างหนึ่ง
“พลังฌาน!”
นัยน์ตาจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏสั่นระริก คาดไม่ถึงนิดหน่อย เบื้องหลังจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมีภูมิหลังลึกล้ำจริงด้วย!
ขอบเขตพลังของเขาสูงส่ง มีชีวิตอยู่มายาวนานจนประเมินมิได้ จึงรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้มาก เขาสัมผัสถึงพลังฌาน!
พลังฌาน คือการเพ่งสมาธิจนเกิดภาพนิมิตของผู้ที่นึกคิดในใจ ทว่ามิใช่ใคร ๆ ต่างใช้พลังฌานได้ มีเพียงผู้ที่มีพลังยิ่งใหญ่เกรียงไกรเท่านั้นจึงจะสำแดงออกมาเป็นภาพนิมิตได้
ซ้ำยังต้องมีความเกี่ยวข้องกับผู้ตั้งฌานในระดับหนึ่ง
เช่นนี้ ยามตั้งฌาน พลังของร่างนิมิตจึงจะเกิดการเชื่อมต่อ และสำแดงออกมา
ทว่าร่างนิมิตที่สำแดงออกมานั้น มิได้หมายความว่าผู้ที่ตั้งฌานถึงมาเยือนจริง ๆ หากแต่เป็นการตอบรับจากพลังยิ่งใหญ่ของผู้ที่ถูกตั้งฌานถึง
เพราะอย่างนั้น ถึงได้บอกว่าใช่ว่าผู้ใดล้วนถูกตั้งฌานจนเป็นร่างนิมิตออกมาได้ มีเพียงพลังยิ่งใหญ่สูงสุดอย่างหามิได้เท่านั้น ถึงสามารถทะลวงผ่านฟ้าดิน ข้ามพ้นห้วงมิติเวลาและปฐพี สำแดงออกมาเป็นร่างนิมิต
ในอดีต เขาเคยพบเรื่องเช่นนี้มาก่อน
เขาได้พบกับตัวตนสูงส่งที่ถูกสำแดงออกมาเป็นร่างนิมิต แม้ท่านผู้นั้นจะตายไปแล้ว แต่ด้วยพลังฌาน พลังของท่านผู้นั้นก้าวข้ามปริภูมิเวลา เผยออกมาให้เห็น!
ท่านผู้นั้นมีนามว่า ‘ฮวง’ ลูกหลานรุ่นหลังของเขาก้าวเข้าสู่เส้นทางสังสารวัฏ มาถึงแดนสังสารวัฏ ต่อมาคิดจะจากที่นี่ไป แต่ถูกพวกเขากีดขวาง ท้ายที่สุด คนผู้นั้นก็ตั้งฌานสร้างร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ ออกมา!
ในกาลเวลาอันแสนยาวนาน แดนสังสารวัฏของพวกเขาไม่ค่อยเสียเปรียบผู้ใด ทว่าครานั้น พวกเขากลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ‘ฮวง’ ผู้หวนคืนในร่างนิมิต กล้าแกร่งไร้เทียมทาน นำทัพลูกหลานรุ่นหลังของเขาฝ่าออกไปจากแดนสังสารวัฏ
ครานั้น เขาก็อยู่ด้วย ได้ต่อสู้กับร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ ซึ่งสำแดงออกมาด้วยพลังฌาน ทว่าเขามิใช่คู่ต่อสู้เลยสักนิด และนี่เป็นความเจ็บปวดสูงสุดในใจของเขา!
เทียบกับเขาแล้ว ‘ฮวง’ เป็นเพียงรุ่นหลังผู้หนึ่ง แต่เขากลับไม่อาจเอาชนะแม้แต่ร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ ที่ถูกตั้งฌานถึง ซ้ำยังห่างชั้นกันไกลโข จะมิให้เขาเจ็บปวดใจได้เยี่ยงไร?
หาก ‘ฮวง’ ตัวจริงปรากฏ จะน่าประหวั่นพรั่นพรึงขนาดไหน?
เขาสงสัยอย่างมากว่า ‘ฮวง’ มิได้ตาย หากแต่บรรลุเป็นเซียนไปนานแล้ว อยู่ยงคงกระพัน ทั้งยังอาจบรรลุเหนือขอบเขตเซียนไปอีก!
และเพราะเขามีประสบการณ์โดยตรงจากคราวนั้น เขาถึงแน่ใจได้ในพริบตาว่า ร่างที่หลอมรวมขึ้นมานั้น เกิดจากพลังฌานของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง!
ทุกอย่างที่ผู้ยิ่งใหญ่เกินหยั่งครอบครองล้วนน่าเหลือเชื่อ อย่าว่าแต่ตั้งฌานถึงเลย ลำพังคิดจาบจ้วงผู้ยิ่งใหญ่ ละลาบละล้วงทางวาจา ก็อาจมีพลังบ่วงกรรมจุติลงมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก้อนแสงนั้นเจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ บดบังทุกสิ่ง พระอาทิตย์อาบเลือดในมิติย่อม ๆ แห่งนี้ถูกบดบังอย่างสิ้นเชิง สีชาดท่วมท้นนภาพลันมลาย ถูกปกคลุมด้วยก้อนแสงนั้น มิติย่อม ๆ แห่งนี้สว่างไสวจนไม่เหลือความมืดมิดแม้แต่น้อย!
ร่างนั้นเป็นความจริงขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เคยพร่าเลือน ก็ค่อย ๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา เป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ซ้ำนอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาโดดเด่นกว่าผู้อื่นแล้ว ดูไม่มีตรงไหนวิเศษวิโสเลยสักนิด
“ช่าง…ไม่น่าเคารพเลยสักนิด!”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏมุมปากกระตุก เดิมอยากเอ่ยว่า ‘ช่างหน้าไม่อาย’ แต่นึกได้ว่าอาจเป็นการสร้างบ่วงกรรมบางอย่าง เขาจึงเปลี่ยนจาก ‘ช่างหน้าไม่อาย’ เป็น ‘ช่างไม่น่าเคารพ’!
บุคคลที่มีพลังยิ่งใหญ่ระดับนี้ ไฉนเลยจะมีร่างเป็นเด็กหนุ่ม คิดแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลย เขาคงอยู่มาแล้วอย่างยาวนาน แก่จนไม่อาจแก่ไปได้กว่านี้อีก
ทว่าร่างที่สำแดงออกมานั้นกลับเป็นร่างวัยเยาว์ ในสายตาของเขา ช่างหน้าไม่อาย!
“คุณ…ชาย!”
อีกด้าน จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตาโตอ้าปากค้าง จ้องมองร่างของคุณชาย ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
เขาเพียงหวนนึกถึงรายละเอียดต่าง ๆ เมื่อคราวอยู่กับคุณชาย เหตุใดคุณชายมาที่นี่ได้
เห็นได้ชัดว่า เขาไม่รู้เรื่อง ‘พลังฌาน’ เลยสักนิด
คุณชายมาช่วยเขาหรือ
“ขอบคุณคุณชาย!”
เขาตื้นตันเหลือคณา กล่าวขอบคุณคุณชายไม่หยุด
คุณชายมาเยือน ทุกอย่างย่อมเป็นที่แน่นอน จะไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นกับเขา ต่อให้จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏแข็งแกร่งปานใด ดุดันปานใด เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชาย จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏก็ก่อกรรมทำเข็ญไม่ได้แม้แต่น้อย!
แต่เพียงไม่นานเขาก็รับรู้ถึงความผิดปกติ
ร่างของคุณชายปรากฏ ทว่ามิได้ตอบรับเขาเลยสักนิด คุณชายยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าราบเรียบ สายตาปราศจากความรู้สึก
“คุณชาย?”
เขาร้องเรียกอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากคุณชาย
“สร้างร่างนิมิตของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าออกมาแล้วคิดว่าจะช่วยเจ้าได้หรือ”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏมีสีหน้าเย็นชา จากที่ตะลึงในคราแรก ได้ค่อย ๆ สงบลงมา
เขาทอดมองจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลว เอ่ยเสียงเยียบเย็น “วันนี้ ผู้ใดก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
เขาไม่รู้สึกกลัวเกรงร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าสักนิด
เทียบกับเมื่อครั้งต่อสู้กับร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ เขาในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นมาก จนรู้สึกว่าเขาอยู่ในระดับที่สามารถถูกตั้งฌานเป็นร่างนิมิตออกมาได้แล้ว!
เขากล้าต่อสู้กับหลี่จิ่วเต้าที่ถูกเข้าฌานออกมาเป็นร่างนิมิตได้เหมือนกัน!
นอกจากนี้ เขาไม่รู้สึกถึงพลังกาลเวลาแม้แต่น้อย และไม่รู้สึกถึงพลังปราณแกร่งกล้าน่าพรั่นพรึงแต่อย่างใด หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ เมื่อเทียบกับ ‘ฮวง’ แล้ว เห็นได้ชัดว่าห่างชั้นกว่ามาก
เมื่อครั้งร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ สำแดงออกมา ยิ่งใหญ่กว่าหลี่จิ่วเต้ามากนัก พร้อมด้วยพลังปราณสยดสยองมากมาย จนน่าเกรงขาม ชวนให้รู้สึกตระหนก
แต่ร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าในยามนี้กลับไม่ชวนให้เขารู้สึกแบบนั้น
เขายิ่งมั่นใจขึ้นไปใหญ่!
“พลังฌาน!?”
หลังได้ยินคำกล่าวของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเริ่มเข้าใจขึ้นมา
หรือเพราะเขาหวนรำลึกถึงความทรงจำเมื่อคราวอยู่กับคุณชาย จึงได้รับการตอบรับจากคุณชายโดยไม่รู้ตัว ร่างของคุณชายถึงได้โผล่มาที่นี่หรือ
“คุณชายเก่งกาจยิ่งนัก!”
เขาเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้ นับถือคุณชายเหลือแสน ต้องเป็นพลังฝีมือระดับไหนกัน ถึงมีกิริยาโต้ตอบกลับมาได้เพียงเพราะการรำพึง จุติลงมาเป็นร่างนิมิต พลังฝีมือเยี่ยงนี้ ก่อนนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน!
“เก่งกาจรึ?”
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏยิ้มเย็น ประกายพิศวงส่องสว่างในมือ ดาบยาวสัมฤทธิ์เล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา
เขาชี้ดาบยาวสัมฤทธิ์ในมือไปที่ร่างของหลี่จิ่วเต้า และจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง “ข้าจักทำลายร่างนิมิตลงเดี๋ยวนี้ ให้เจ้าได้รู้แจ้งว่าสิ่งใดที่เรียกได้ว่าเก่งกาจ!”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา การต่อสู้กับร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ เป็นความเจ็บปวดสูงสุดในใจของเขา อย่างไรเขาก็อยากต่อสู้อีกสักครา อยากประจักษ์ถึงความต่างชั้นระหว่างเขาและบุคคลระดับนั้น ดูว่าเขาในตอนนี้กลายเป็นบุคคลระดับนั้นหรือยัง
“ข้าต่างหากที่เกรียงไกรไร้เทียมทาน!”
เขาตวาดเสียงเย็น ทั้งเนื้อทั้งตัวเปี่ยมไปด้วยความองอาจไร้เทียมทาน!
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏดุดันเหลือคณา เผยความไร้เทียมทานออกมา เขามีดาบยาวสัมฤทธิ์ในมือ หน้าตาเย็นชา ทำลายได้ทุกสิ่ง!
“เล่นตลกอยู่หรือ!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหัวเราะ ‘พรืด’ จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏคิดกระไรอยู่ ถึงบังอาจหันคมดาบใส่คุณชาย
ต้องกล้าหาญปานใดเชียว!
หลังได้ยินเสียงหัวเราะของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง สีหน้าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏอึมครึมในบัดดล นี่เขาถูกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหัวเราะเยาะหรือ
“รนหาที่ตาย!”
เขาลงมือทันที ตวัดดาบยาวสัมฤทธิ์ฟาดฟันลงไป หมายจะกำจัดร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าด้วยดาบเดียว
แคร่ก!
ดาบยาวสัมฤทธิ์ไม่ทันได้ฟันลง ขณะที่เพิ่งถูกชูขึ้นเท่านั้น ก็แหลกเป็นธุลี ซ้ำร้ายเศษดาบยังกระเด็นใส่ใบหน้าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏอีกด้วย ใบหน้าของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏถูกบาดจนหยดเลือดไหลริน
“อะ…ไรกัน!?”
ม่านตาจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏหรี่ลง ราวกับได้เห็นเรื่องราวอันสยดสยองที่สุดในใต้หล้า เขาคิดว่าร่างนิมิตหลี่จิ่วเต้ามิได้แกร่งกล้า ด้อยกว่าร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ อยู่มาก ทว่าแท้จริงแล้ว ดูเหมือนร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ เสียอีก!
เขาไม่อยากจะเชื่อ!
มั่นใจว่าตัวเองในตอนนี้อยู่ในระดับที่สามารถถูกตั้งฌานจนเป็นร่างนิมิตออกมาได้แล้ว สุดท้ายกลับเสียเปรียบทันทีที่มีการปะทะ ดาบยาวสัมฤทธิ์เพิ่งถูกยกขึ้นก็ระเบิดแหลกลาญ จะให้เขาเชื่อลงได้อย่างไร!?
“เป็นไปไม่ได้!”
เขาคำรามเสียงต่ำ ทั้งร่างเปลี่ยนแปลงไป แสงเจิดจรัสพุ่งทะยานขึ้นนภา ผิวของเขาปริออก อาวุธมากมายปรากฏ ดูอำมหิตยิ่งนัก ปรับเปลี่ยนแม้กระทั่งร่างกายของตน!
แต่เห็นได้ชัดว่าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตตนอื่นที่ถูกปรับเปลี่ยนสภาพ เขายังมีจิตสำนึกรู้เป็นของตนเอง ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตตนอื่นที่สูญเสียสติสัมปชัญญะ เหลือเพียงสัญชาตญาณการเข่นฆ่า
ปีกโลหะเยียบเย็นงอกออกมาจากแผ่นหลังของเขา เลือดเนื้อช่วงอกถูกเงินกัลป์พิกลบางอย่างแทนที่ แขนสองข้างกลายเป็นดาบยาวสองเล่ม ส่วนศีรษะเปลี่ยนแปลงไปด้วย มีเขาที่หลอมด้วยแร่ทองงอกออกมาหนึ่งแท่ง
คิดจะพ้นขึ้นไปจากขั้นเทียนตี้นั้นหาใช่เรื่องง่าย และเส้นทางปกตินั้นใช้ไม่ได้ เขาได้แต่บุกเบิกเส้นทางใหม่ ก้าวสู่เส้นทางบิดเบี้ยว
บูรพาจารย์ในอาณาจักรแดนต้องห้ามอื่นก็ใช้วิธีเช่นนี้
ทว่าเส้นทางนี้ไปได้ไม่ไกลเท่าใด แม้ว่ายามนี้สามารถอยู่เหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป ได้ครอบครองพลังอันทัดเทียมเซียน กระนั้น ต้องเกิดปัญหาร้ายแรงในภายหลังอย่างแน่นอน
เส้นทางบิดเบี้ยวเช่นนี้มิอาจแทนที่เส้นทางปกติ
“ฆ่า!”
เขาคำราม ดวงตาแดงก่ำ กลายเป็นสุดยอดอาวุธด้วยตัวเองอย่างนี้ เขาไม่เชื่อว่าตนยังไม่สามารถเอาชนะร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้า!
พลังปราณอันน่ากลัวโถมทับออกไปทั่วมิติแห่งเล็กนี้ จนมิติแห่งเล็กสั่นสะเทือนไม่หยุด ราวกับแผ่นดินไหวก็ไม่ปาน ภูเขาถล่ม มหาสมุทรแน่นิ่ง
กระทั่งพระอาทิตย์อาบเลือดบนท้องฟ้ายังระเบิดออกในพริบตา พลังฝีมือทั้งหมดที่จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏสำแดงออกมา กลายเป็นภาพการณ์อันน่าประหวั่นพรั่นพรึง!
“นึกถึง…ข้าบ้างเถิด!”
มังกรกระดูกร่ำไห้ ต้องเป็นผู้ชมของศึกสะท้านโลกันตร์เยี่ยงนี้ มันทุกข์ทรมานเป็นหนักหนา
ก่อนนี้ยังดี มันยังพอรับไหว แต่หลังจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏปะทุพลังทั้งหมด มันไม่อาจต้านทานได้ไหวอีกต่อไป เกิดรอยร้าวใหญ่บนดวงวิญญาณ ตายตกได้ทุกเมื่อ!
อีกด้าน ร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เขาสงบจนเกินควร ไม่ว่าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏอาละวาดเพียงใด เขาก็ไม่แสดงทีท่าใด ๆ นิ่งดุจภูผา
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏรีดเร้นพลัง ปล่อยออกไปเต็มที่อย่างเหี้ยมเกรียม ปรี่มาอยู่ตรงหน้าร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าในเสี้ยวพริบตา ดาบยาวที่จำแลงจากแขนทั้งสองข้างฟันลงไปในทันใด หมายจะผ่าร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าออกเป็นสองส่วน
เวลานั้นเอง ร่างนิมิตของชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหว
เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ สายตาจดจ้องจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ ไม่ได้มีปรากฏการณ์ผิดเพี้ยนอันใด ดวงตาสองข้างนั้นจ้องมองจ้าวแห่งสังสารวัฏต่อไปอย่างไร้ซึ่งอารมณ์
ทว่าสายตาไร้ซึ่งอารมณ์เช่นนี้ กลับเป็นผลให้จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏสะท้านใจ ความหวาดผวาเหลือล้นคืบคลานเข้ามาในใจ
ตู้ม!
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ก็แหลกไปทั้งร่าง ทั้งแร่ทอง ทั้งเงินกัลป์ที่ว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ถูกทำลายลงจนสิ้นในชั่วพริบตา!
ร่างของเขาอันตรธาน หายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือแม้เพียงเศษเสี้ยวผุยผง วิญญาณของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส โลหิตวิญญาณหลั่งริน
“เขาคือคนระดับใดกัน!!!”
เขาตกตะลึงอย่างยิ่งยวด ทั้งยังอยากจะร่ำไห้ให้ความโง่เขลาของตนก่อนหน้านี้ บุคคลระดับนี้ ก่อนหน้าเขาริอ่านคิดต่อสู้ด้วย!
น่าขัน…น่าขันจริง ๆ!
เขาคิดว่าร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าไร้น้ำยา พลังอ่อนด้อยกว่าเขามาก หารู้ไม่ ร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าทรงพลังถึงขีดสุด จนอยู่ในระดับที่เขาจินตนาการไม่ถึง!
แค่เพียงมองจ้องเขาอย่างไร้อารมณ์แวบเดียวเท่านั้น ร่างที่หลอมขึ้นโดยแร่ทองนานาชนิด พร้อมทั้งเงินกัลป์ต้องระเบิดหายไปจนสิ้น ถูกทำลายราบคาบ นี่หาใช่ผู้ที่เขาต่อกรด้วยได้!?
หากหลี่จิ่วเต้ามาที่นี่ด้วยตนเอง ไม่สิ ไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเอง น่ากลัวว่าตั้งจิตเพียงครั้งเดียว ก็สามารถปลิดชีพเขาได้แล้ว!
“โหด…เกินไปแล้ว!”
มังกรกระดูกกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง พับผ่าสิ ต้องมีพลังฝีมือระดับไหนกัน น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ทว่าในใจของมันยินดีไม่น้อย
ดีที่การต่อสู้นี้จบลงโดยไว ขืนช้ากว่านี้อีกนิดเดียว มันต้องจบเห่แน่ คงต้องตายลงที่นี่ ไม่เหลือชีวิต!
‘สมัยนี้ ผู้ชมช่างลำบากยิ่งนัก!’
มันเอ่ยเสียงร้องไห้ในใจ
อีกด้าน ร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าหายกลับไปช้า ๆ จนลับตา ทุกอย่างคืนสู่ความสงบ ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นตั้งแต่แรก
ขณะที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตื่นตะลึง ก็ยิ่งรู้สึกนับถือเลื่อมใสในตัวคุณชายมากขึ้นไปอีก คุณชายอยู่เหนือทุกสิ่งจริง ๆ!
เขายันตัวขึ้นจากพื้น คลี่กระดานหมากล้อม ปลิดชีพดวงวิญญาณของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏได้โดยง่ายดาย ไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย วิญญาณของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏบาดเจ็บหนักเกินไป อยู่ในสภาพรอมร่ออยู่แล้ว
“นับแต่นี้ไป ข้าคือจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏองค์ใหม่ ปกครองแผ่นดินทั้งปวงแห่งแดนสังสารวัฏ!”
เขาประกาศกร้าว ในที่สุดก็ปิดฉากเรื่องนี้ลงเสียที
“ขอรับ จากนี้ไป ท่านคือจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏองค์ใหม่!”
วิญญาณมังกรกระดูกเร่งรีบเหินเข้ามา ประจบเอาใจจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยกใหญ่
สังหารจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ ปกครองแผ่นดินทั้งปวงแห่งแดนสังสารวัฏยังไม่พอ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงต้องการให้ระดับสูงในแดนสังสารวัฏยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา เช่นนี้เขาจึงจะได้เป็นจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏอย่างแท้จริง
เขาตามหาเหล่ายอดฝีมือตัวระดับสูงจนพบ สลักตาเดินหมากล้อมลงในกายยอดฝีมือระดับสูงเหล่านี้ เพื่อเป็นการป้องกันยอดฝีมือระดับสูงเหล่านี้
หลังเสร็จสิ้นทุกอย่าง เขาถึงถือได้ว่าปกครองแผ่นดินทั้งปวงแห่งแดนสังสารวัฏจริง ๆ
“พวกเจ้าคอยอยู่ที่นี่ ทำตามคำสั่งข้า!”
เขาออกจากแดนสังสารวัฏ ก้าวสู่เส้นทางสังสารวัฏ กลับไปยังอาณาจักรที่คุณชายอยู่
...
ภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ดวงดาวเจิดจรัสแยงตาเรียงร้อย สตรีโฉมสะคราญนางหนึ่งเหาะเหินเดินอากาศ พาอ้านมายังระบบดวงดาวที่แดนมรณาตั้งอยู่
นางรุดหน้ามาเพียงลำพัง แบกรับความรับผิดชอบนี้ไว้ด้วยความอาจหาญ หมายจะเจรจากับแดนมรณา เพื่อเปลี่ยนแผนพวกเขา
เรื่องนี้ต้องเป็นคุณูปการใหญ่หลวงแน่นอน หากผู้คนในใต้หล้าได้ทราบ ย่อมต้องจารึกเข้าพงศาวดาร เป็นที่เล่าขานไปอีกร้อยปี ไม่ว่าสำเร็จหรือไม่ เรื่องนี้ก็ไม่เปลี่ยน
แดนมรณาตั้งใจสังหารสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทุกตนให้สิ้นซาก ใช้โลหิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงเพื่อปลุกเหล่าเซียนที่ยังไม่ ‘ตายสนิท’ พฤติกรรมเยี่ยงนี้ จำต้องมีคนออกมาห้ามปราม มิฉะนั้น ทันทีที่แดนมรณาบุกเข้าไป สิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทั้งปวงต้องแตกดับกันถ้วนหน้า!
จักรพรรดินีมาถึง นางรู้ดีว่าแดนมรณานั้นสยดสยองปานใด อย่าว่าแต่ความมั่นใจเต็มสิบเลย แค่เจ็ดส่วนยังไม่ถึง การเดินทางนี้ คงต้องจบลงอย่างน่าสังเวช
แต่นางไม่ได้หัวหด ไม่ได้หวาดกลัว อย่างไรก็ต้องมีใครสักคนรับภาระหน้าที่นี้ และนางเลือกแบกรับความรับผิดชอบนี้เอาไว้
อ้านซึ่งอยู่ข้างนางไม่ได้เอ่ยวาจา ทว่าหัวเราะเย็น ๆ อยู่ในใจ
จักรพรรดินีริอ่านบุกไปยังแดนมรณาตามลำพัง นางคิดจะทำอันใด ต่อต้านแดนมรณาด้วยกำลังเพียงหนึ่งรึ?
สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนจองหองกันเช่นนี้ทุกตนใช่หรือไม่
เขานึกขัน คราวนี้ จักรพรรดินีย่อมต้องจบชีวิตลงในแดนมรณา!
ดวงดาวมหึมาตั้งอยู่ตรงกลาง ใหญ่เสียยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ พื้นที่ดวงดาวมืดสนิท มีหมอกดำชวนขนลุกปกคลุมอยู่ ที่นั่นคือดวงดาวอันเป็นที่ตั้งของแดนมรณา
“สมเป็นพวกนิสัยเดียวกัน ชั่วช้านัก!”
จักรพรรดินีแค่นเสียงเย็น หลังเห็นดวงดาวที่แดนมรณาตั้งอยู่ โทสะปะทุขึ้นในใจ
อาณาจักรแห่งนั้นในยุคก่อนกาลอเนจอนาถโดยแท้ ภพเซียนนำสสารนิรันดร์ไปด้วยทั้งหมด รวมถึงสสารฝึกฝนระดับสูงอย่างอื่นด้วย เหล่าเซียนในแดนมรณาก็มิได้ไปมือเปล่า นำสสารฝึกฝนและของวิเศษล้ำค่าไปด้วยคณานับเช่นกัน
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ในยุคหลัง โอสถจักรพรรดิและโอสถระดับสูงกว่านั้นขาดแคลนอย่างรุนแรง
หลังผ่านการ ‘แบ่งสมบัติ’ ของภพเซียนกับแดนมรณา รากฐานของอาณาจักรนั้นลดทอนลงไปอย่างมาก
“ไป”
จักรพรรดินีพาอ้านก้าวสู่ระบบดวงดาวอันเป็นที่ตั้งแดนมรณา เหินไปยังดวงดาวที่มีแดนมรณาตั้งอยู่
โฮก! โฮก! โฮก!
เสียงอสูรคำรามดังกึกก้องไปทั่วอวกาศ สัตว์อสูรมากมายบุกออกมาจากห้วงมิติ พวกมันแต่ละตนล้วนดุดันเหลือล้น มิใช่อสูรธรรมดา ต่างมีกำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป
จักรพรรดินีมิได้เอ่ยสิ่งใดไปมากกว่านั้น นางพลิกมือเรียกทวนยาว บุกตรงไปข้างหน้าพร้อมทวนยาวในมือ
นางไม่มีทางถอย และไม่มีทางยอมจำนน หากยอมถอยหรือยอมจำนนง่าย ๆ เช่นนี้ นางจะเจรจากับแดนมรณาด้วยสิ่งใดเล่า
“ฆ่า!”
นางตวัดทวนยาว ดุดันน่าเกรงขาม ระหว่างที่ทวนยาวสะบัดไปมา อสูรร้ายถูกนางสังหารตัวแล้วตัวเล่า มิมีตนใดหยุดยั้งทวนของนางได้
นางแข็งกร้าวอย่างยิ่งยวด มิได้ออมมือแม้แต่น้อย ต่อมา มีอสูรร้ายตัวอื่นในระดับเดียวกันบุกออกมา ทว่าถูกนางสังหารในทวนเดียวทั้งหมด!
โลหิตอสูรกระจาย นางพาอ้านก้าวข้ามศพอสูร จุติลงไปยังอาณาจักรบนดวงดาวอันเป็นที่ตั้งแดนมรณา
นางช่างองอาจสง่างาม เกรียงไกรไร้ใดเปรียบ สมแล้วที่ถูกขนานนามว่าจักรพรรดินีผู้งามพิลาสแห่งยุค เป็นที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า!
และนางจงใจแสดงความแข็งกร้าวเช่นนี้ออกมา มีเพียงทางนี้ นางถึงจะมีสิทธิ์เจรจากับแดนมรณา มิฉะนั้น แดนมรณาไม่มีทางแยแสนาง และยิ่งไม่มีทางยอมสนทนากับนาง
“กล้าหาญนัก อำมหิตใช้ได้!”
“มาจากภพเซียนหรือ”
ขณะที่จักรพรรดินีพาอ้านจุติลงมา ก็มีร่างมากมายปรากฏอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดินีในบัดดล พวกเขาต่างมีสีหน้าเย็นชา แสงเซียนวนล้อม ดวงตาแต่ละคู่ต่างจับจ้องมาที่จักรพรรดินี
ภาพที่จักรพรรดินีเข่นฆ่าฝ่าฟันมาจนถึงแดนมรณาเมื่อครู่ ล้วนอยู่ในสายตาพวกเขา และพวกเขาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา
“รบกวนพวกเจ้านำทางไปที ข้าต้องการสนทนากับจ้าวมรณาของพวกเจ้า”
จักรพรรดินีกล่าว มิได้เก็บทวนยาวกลับ ปลายทวนยังมีหยดเลือดหลั่งริน ย้อมผืนแผ่นดินเป็นสีแดง
นางยืนตัวตรง สายตาคมกล้าบีบคั้น เผชิญหน้ากับทั้งแดนมรณาด้วยตัวคนเดียว!
จักรพรรดินีงามพิลาส ดวงหน้าเย็นเยียบ มาเยือนแดนมรณาด้วยตัวคนเดียว นางโยนอ้านออกไปให้ ไม่จำเป็นต้องจับอ้านไว้เป็น ‘ตัวประกัน’
นางรู้สถานะของอ้านดีว่าไม่ควรค่าพอให้เป็น ‘ตัวประกัน’ สักนิด ที่มิได้ฆ่าอ้าน ก็ถือเป็นการแสดงจุดยืนของนางต่อแดนมรณาแล้ว
“กล้าหาญใช้ได้ สตรีที่ทำขนาดเจ้าได้มีไม่มาก!”
ยอดฝีมือแดนมรณาผู้หนึ่งก้าวออกมา กล่าวคำชื่นชมจักรพรรดินี มิใช่ว่าใคร ๆ ต่างมีความกล้าเยี่ยงนี้ จักรพรรดินีตนนี้ไม่เลวจริง ๆ แข็งแกร่งกว่าบุรุษบางคนมากนัก
เขามิได้เอ่ยวาจาถากถาง สิ่งที่จักรพรรดินีกระทำ ได้รับการยอมรับจากเขา จักรพรรดินีคือคู่ต่อสู้ที่ควรค่าให้นับถือ
“ขอดูความสามารถของเจ้าหน่อยเถิด มิใช่ว่าผู้ใดต่างเข้าพบจ้าวมรณาได้”
เขาเอ่ยบอก ให้เกียรติจักรพรรดินีในระดับหนึ่ง มิได้รุมโจมตีจักรพรรดินีแต่อย่างใด หากแต่ก้าวออกมาเพียงผู้เดียว เพื่อต่อสู้กับจักรพรรดินี
จักรพรรดินีพยักหน้า ตระหนักดีว่าการได้พบจ้าวมรณามิใช่เรื่องง่าย นางยกทวนยาวขึ้นมา อาภรณ์ปลิดปลิวส่งเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะ เผยให้เห็นมาดของจักรพรรดินีงามพิลาสแห่งยุค
ในยุคอนันตกาล นางปรากฏกายอย่างองอาจ กำราบผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ลงตนแล้วตนเล่า นับแต่นั้นมา นางเข้าสู่ยุคสมัยเรืองรองของตนอย่างเป็นทางการ ในยุคสมัยหลัง ไม่ว่ามียอดคนน่าทึ่งปานใดปรากฏ ล้วนต้องอยู่ใต้นาง ไม่อาจล้ำหน้านางไปได้
ทุกอย่างที่นางมี ต่างได้มาด้วยการห้ำหั่น นางมิเคยหวาดกลัวการต่อสู้ ตรงกันข้าม นางปรารถนาการต่อสู้
คนผู้นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ล่ำสัน ดวงตาคู่นั้นแข็งขัน ผิวสีอำพันมีแสงเซียนเปล่งประกายเลือนราง ประหนึ่งอสูรพิฆาตที่อยู่ในการนิทรา หากตื่นขึ้นมาได้ ย่อมต้องสะเทือนเลือนลั่น น่าหวาดหวั่นถึงขีดสุด
เขาปล่อยหมัดเข้ามาด้วยความเร็วทะลุขีดจำกัด จนผู้อื่นไม่อาจมองเห็นท่วงท่าของเขา ไวยิ่งกว่าเสี้ยววินาที!
เมื่อถึงคราวเขาเผยตัวอีกครั้ง ก็ได้มาอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดินี ประกายเซียนเจิดจรัสล้อมรอบกำปั้น ประดุจค้อนจากสวรรค์สองด้าม ระหว่างที่รัวหมัดออกไป ห้วงมิติระเบิดแหลกลาญ กฎระเบียบต่าง ๆ พังครืนลงทั้งสิ้น
เคร้ง!
จักรพรรดินียกทวนยาวขึ้นด้วยปฏิภาณอันว่องไว ความเร็วที่ผู้อื่นจับไม่ทัน แต่นางจับไว้ได้ ปลายทวนทิ่มแทงใส่หน้าผากคนผู้นั้นอย่างแม่นยำ
คนผู้นั้นป้องกันด้วยหมัด กำปั้นคู่นั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ปะทะเข้ากับทวนยาวอย่างรุนแรง จนทวนยาวสั่นคลอนด้วยแรงกระเทือน
จักรพรรดินีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ แข็งแกร่งยิ่งกว่าอ้าน
นำร่องความเป็นนิรันดร์เข้าร่าง บรรลุเป็นเซียน อยู่ยงคงกระพัน กาลเวลาไม่อาจทิ้งร่องรอยไว้ได้ นี่แหละคือเซียน
ทว่าเหนือเซียนขึ้นไปนั้น ยังมีเส้นทางให้เดินต่อ และสามารถฝึกตนต่อไปได้ กาลเวลานิรันดร์คือการปูทางให้กับการฝึกฝนหลังจากนี้
เหนือเซียนยังมีขั้นเซียนสมบูรณ์สามองค์รวมเป็นหนึ่ง ขั้นจินเซียนซึ่งมีร่างทองเซียนมกุฎ ยากจะมีสิ่งใดทำร้ายได้ ขั้นจ้าวแห่งเซียนที่โลหิตหยดเดียว สามารถลบล้างอาณาจักรทั้งปวง
คนตรงหน้าผู้นี้คือจินเซียนตนหนึ่ง เนื้อกายแข็งแกร่งไร้เทียมทาน บำเพ็ญจนได้มาแล้วซึ่งร่างทองเซียนมกุฎ สามารถปะทะซึ่งหน้ากับอาวุธเซียนได้
อ้านคือเซียนสมบูรณ์ตนหนึ่ง ทว่ามิใช่เซียนสมบูรณ์ธรรมดา หากแต่ฝึกฝนจนอยู่ในตอนปลายองเซียนสมบูรณ์ แกร่งกล้าถึงขีดสุดแล้วทั้งสามองค์ สมบูรณ์ทั้งแก่น ปราณ และวิญญาณ (จิงชี่เสินที่เคยกล่าวถึงก่อนหน้านี้)
คนผู้นั้นรัวหมัดอีกครั้ง สองกำปั้นนั้นแฝงไว้ซึ่งแรงกดดันมหันต์ ประกายสีทองเจิดจรัสพวยพุ่ง เขามิได้เก็บงำพลังอีกต่อไป เลือกปล่อยออกมาเต็มกำลัง!
ทวนยาวต้องถอยหนี ซ้ำร้ายยังเกิดจุดบิ่น รอยร้าวคืบคลานไปทั่วปลายทวน ทวนเล่มนี้เป็นเพียงอาวุธเซียนธรรมดา หาใช่อาวุธเซียนล้ำค่าหายากแต่อย่างใด
จักรพรรดินีเก็บทวนยาวกลับไป ปะทะกับคนผู้นี้มือเปล่า กำปั้นของนางมิได้ใหญ่เท่าใด แต่กลับดุดันมาก ขณะที่สองหมัดรัวออกไป คนผู้นั้นถูกตีจนใบหน้าเหยเก ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดมหาศาล!
เจ็บเกินไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนกำปั้นทั้งสองข้างพิการไปแล้วอย่างนั้น หมัดของจักรพรรดินีทรงพลังยิ่งกว่าทวนยาวเสียอีก!
จักรพรรดินีห้าวหาญไร้เทียมทาน ออกท่วงท่าอย่างยิ่งใหญ่ ใช้ทั้งหมัดและลูกเตะพร้อมกัน ราวกับมิมีผู้ใดหยุดยั้งนางได้ คนผู้นั้นถูกจู่โจมจนถอยหนี กระอักเลือดไม่หยุด พลังปราณในกายเดือดพล่านรุนแรง ทรมานอย่างยิ่งยวด
เขาไม่สามารถสู้ต่อไปได้แล้ว กายเนื้อเต็มไปด้วยรอยร้าว กระดูกในตัวหักทั้งหมด ขืนยังสู้ต่อไป เขาต้องบาดเจ็บจนไม่อาจฟื้นสภาพได้อีก หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตด้วยซ้ำ!
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายเขาไปนิดหน่อย จักรพรรดินีแข็งแกร่งปานนี้เชียวหรือ
จักรพรรดินีเป็น…จ้าวแห่งเซียนตนหนึ่ง!?
“มีความสามารถไม่เลว อนิจจา เจ้าเดินทางมายังแดนมรณาด้วยตัวคนเดียว ย่อมต้องจบลงอย่างน่าสังเวช!”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งก้าวออกมา นัยน์ตาคู่นั้นมีเปลวเพลิงอสนีบาตส่องประกาย ตัวใหญ่ราวขุนเขา เกล็ดเย็นเยียบงอกอยู่เต็มกาย บนหัวมีเขาแหลมสองข้าง มันคืออสูรจ้าวแห่งเซียน ยามมันย่างกรายออกมา ธรณีสั่นไหว
มันมีรูปร่างคล้ายโหว ยามพ่นลมหายใจมีเมฆอัสนีปรากฏ พลังปราณน่าประหวั่นพรั่นพรึง
จักรพรรดินีมิได้เอ่ยอันใดไปมากกว่านี้ หน้าตาของนางเย็นชา การต่อสู้เช่นนี้มิอาจหลีกเลี่ยง นางกระโจนตัวขึ้น แสงเซียนพร่าเลือนห่อหุ้มอยู่รอบกาย เป็นฝ่ายบุกเข้าไปด้วยตนเอง ปะทะกับโหวอัสนี
โฮก โฮก โฮก!
โหวอัสนีคำราม เสียงของมันประหนึ่งสายฟ้า ประกายอสนีบาตเจิดจ้าแยงตา ยามกรงเล็บมหึมากระแทกลงมา ก่อให้เกิดปรากฏการณ์พิสดาร ฟ้าดินมลาย!
จักรพรรดินีชูกำปั้น ปะทะกับกรงเล็บของโหวอัสนี โหวอัสนีผู้ดุร้ายไร้ใดเปรียบกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบมหันต์ เกล็ดตามตัวแตกกระจาย โลหิตไหลเป็นทาง กรงเล็บข้างนั้นไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป!
ทะเลอัสนีปรากฏกะทันหัน ม้วนจักรพรรดินีเข้าไปด้านใน ในนั้นมีพลังอสนีบาตอันน่ากลัวไหลหลาก ต่างพุ่งเข้าปลิดชีพจักรพรรดินี
ทะเลอัสนีเยี่ยงนี้ พลังอสนีบาตระดับนี้ แม้แต่จินเซียนหากได้ถูกซัดสาดแล้ว ย่อมต้องตายสนิท นี่คือความน่ากลัวของการเป็นจ้าวในหมู่เซียน!
โหวอัสนีหัวเราะร่วน ในทะเลอัสนีแห่งนี้ มันคือผู้บงการเบ็ดเสร็จ กระทั่งจ้าวแห่งเซียนในระดับเดียวกันหากถูกซัดสาด ก็ต้องยอมให้มันเชือดลูกเดียว!
ทว่าตอนนั้นเอง จักรพรรดินีกลับฝ่าออกมาจากทะเลอัสนีโดยไร้รอยขีดข่วน!
นางอยู่ในอาภรณ์สีขาวทั้งชุด สูงส่งเลอค่า ย่างก้าวบนทะเลอัสนีอันเดือดดาล บุกฝ่าห้วงอากาศเข้าไปหาโหวอัสนี!
“เจ้า!”
โหวอัสนีไม่อาจเชื่อได้ลง จักรพรรดินีแข็งแกร่งขนาดไหนเชียว ระดับนี้แล้วยังไม่อาจแผ้วพานจักรพรรดินีอีกหรือ
ครืน!
ทะเลอัสนีเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง พลังมากล้นแผ่ขยาย คล้ายว่ากลายเป็นมือใหญ่มากมาย หมายจะลากจักรพรรดินีเข้าไปในทะเลอัสนีอีกครั้ง
แสงเซียนล้อมรอบตัวจักรพรรดินี กำราบทุกสิ่งลง พลังของทะเลอัสนีถูกนางเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า นางปรี่เข้าหาโหวอัสนี ชูกำปั้นทั้งสอง บุกทะลวงไปข้างหน้า
โหวอัสนีร้องลั่น เลือดเนื้อกระจาย แม้ว่ามันยืนตระหง่านอยู่กลางทะเลอัสนีก็มิไหว ถูกจักรพรรดินีทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว เลือดเนื้อเละรวมเป็นก้อน เศษกระดูกปลิวว่อน
“พอได้หรือยัง”
จักรพรรดินีโรยตัวลงมา เอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
ใครบางคนปรบมือ เอ่ยเสียงเบาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “ทั้งที่อยู่ในขั้นจ้าวแห่งเซียนเหมือนกัน เจ้ากลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ทรงพลังเหนือผู้ร่วมขั้น เจ้าเก่งกาจมากจริง ๆ มิใช่พวกธรรมดาปลายแถว แต่เจ้าคิดว่าแค่นี้เพียงพอแล้วหรือ แม้ว่าแดนมรณาถูกละทิ้ง กระนั้นก็มิได้อ่อนด้อยถึงขั้นที่จ้าวแห่งเซียนอย่างเจ้าสามารถทำตามอำเภอใจได้!”
เขามีบุคลิกสุภาพสง่า ปราศจากกลิ่นอายข่มเหงผู้อื่น ในมือมีพัดพับเล่มหนึ่ง ดูสงบเยือกเย็น เป็นคุณลักษณะของเซียนอย่างแท้จริง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาแข็งแกร่งมาก ชี้ให้เห็นถึงระดับพลังของจักรพรรดินีในประโยคเดียว ตระหนักได้ว่าจักรพรรดินีอยู่ในขอบเขตใด
“ข้าหาได้คิดทำตามอำเภอใจในแดนมรณาไม่ และข้ามิได้เกี่ยวข้องกับภพเซียน จะว่าไปแล้ว ข้าก็เคืองแค้นภพเซียนเหมือนกับพวกเจ้า”
จักรพรรดินีกล่าว “เป้าหมายการเดินทางของข้าในครั้งนี้ ก็เพื่อสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้น ข้าอยากเกลี้ยกล่อมให้พวกเจ้ายอมรามือ ปล่อยเหล่าสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองไป”
“มาเพื่อสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยพรรค์นั้นหรือ”
ผู้ถือพัดพับเอ่ย คาดไม่ถึงนิดหน่อย เขาคิดว่าจักรพรรดินีมาเพราะภพเซียน ได้รับคำสั่งจากภพเซียนเสียอีก
จักรพรรดินีขมวดคิ้ว “ต่ำต้อยกระไร หากย้อนไล่กลับไป ทุกคนล้วนมีรกรากเดียวกัน เคยร่วมอาศัยในอาณาจักรนั้นกันทั้งสิ้น ไยต้องฆ่าล้างกันเช่นนี้ หากต้องการแก้แค้น พวกเจ้าใช้วิธีอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องให้สิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทั้งหมดตายตกตามกัน”
“แดนมรณาคิดทำสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าคอยว่ากล่าวตักเตือน…”
ผู้มีพัดพับในมือโบกพัด ทอดมองจักรพรรดินีพลางกล่าว “ย้อนไล่กลับไปแล้วมาจากรกรากเดียวกันกระไร ช่างน่าขัน แม้กระทั่งครานั้น พวกเราก็มิเคยยอมรับพวกเขา เป็นเพียงแมลงน่าสมเพชที่อยากมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น!”
เขาเอ่ยต่อ “ส่วนบัดนี้ พวกเขาไม่ถือเป็นแมลงน่าสมเพชด้วยซ้ำ อ่อนแอปานนั้น เป็นมดปลวกยังมากไป!”
ผู้อยู่ใต้เซียนล้วนเป็นมดปลวก!
ประโยคนี้สะท้อนให้เห็นจากตัวเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ดูแคลนอย่างผู้เหนือชั้นกว่า เห็นสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองเป็นมดปลวก ไม่สิ ด้อยค่ายิ่งกว่ามดปลวกเสียอีก…
จักรพรรดินียิ่งฟังสีหน้ายิ่งเย็นยะเยือกลง โทสะปะทุในใจ
“พวกเจ้าเกิดมาเป็นเซียนเลยหรืออย่างไร มิใช่ว่าฝึกฝนทีละก้าวจนมาถึงขั้นนี้หรือ ยังมีหน้าพูดจาเยี่ยงนี้อีกหรือ ความละอายถูกสุนัขกัดกินไปหมดแล้วหรือไร”
จักรพรรดินีตวาดเสียงเย็น ต้องมีจิตใจเช่นไร ถึงลืมกำพืดทันทีหลังได้ดี
พรึ่บ!
หลังชิ่งหลง ผู้ถือพัดพับได้ยินคำกล่าวของจักรพรรดินี ก็มีสีหน้าอึมครึมลงในบัดดล พับปิดพัดของตนในทันที
นัยน์ตาของเขาหนาวเหน็บ บุคลิกสุภาพสง่าอย่างก่อนมลายหายไป เอ่ยขึ้นเสียงเย็น “เจ้ายืนอยู่บนแผ่นดินแดนมรณา บังอาจเอ่ยวาจาเช่นนี้กับข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดไปได้หรือ”
เสียงดังฟึ่บ เขาลงมือทันที เขวี้ยงพัดพับออกไป พัดพับที่ดูธรรมดาสามัญนั้นกลับแฝงไว้ด้วยพลังแกร่งกล้า กระแทกไปยังศีรษะของจักรพรรดินี
นัยน์ตาจักรพรรดินีวาวโรจน์ มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ฟาดฝ่ามือเข้าไปปะทะกับพัดพับ
พลังของนางเหนือชั้นกว่า พัดพับกระเด็นออกไปอีกทาง
ทว่าในตอนนั้นเอง ชิ่งหลงพลันปรากฏตัวขึ้นด้านซ้ายจักรพรรดินี ถีบลูกเตะออกไปอย่างรวดเร็ว โดนเข้ากับช่วงท้องจักรพรรดินีอย่างจัง จักรพรรดินีกระเด็นออกไปทันที สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน นางกระอักเลือดออกมาอย่างอดมิได้ อาภรณ์ช่วงอกถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน
นางรู้สึกคล้ายช่วงท้องระเบิดด้วยลูกเตะนั้น ปวดแสบปวดร้อนไปหมด ร่างกระแทกเข้ากับยอดเขาแห่งหนึ่ง จนยอดเขาหักสะบั้น
“เจ้าตัวตลกเอ๋ย คิดว่าสามารถทำอะไรได้มากมายอย่างนั้นหรือ แท้จริงแล้ว เจ้าไม่สามารถทำสิ่งใดได้ทั้งนั้น!”
ชิ่งหลงเหยียดยิ้มมุมปาก เด็ดเดี่ยวพร้อมสังหาร พริบตาที่เขาเคลื่อนไหว ก็มาอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดินีอีกครั้ง เหยียบลงไปที่ศีรษะของจักรพรรดินี
เลือดสาดกระเซ็น เรื่องเหนือความคาดหมายคือ ศีรษะจักรพรรดินีหาได้ระเบิดไม่ เท้าที่ชิ่งหลงย่ำลงไปกลับแหลกเหลว ถูกจักรพรรดินีอัดระเบิดในหมัดเดียว
สีหน้าชิ่งหลงเปลี่ยนไปอย่างมาก แววตาทอประกายตกตะลึงอยู่แวบหนึ่ง เขาผู้เป็นถึงยอดเซียน กลับถูกจ้าวแห่งเซียนตนหนึ่งทำร้ายเอาได้อย่างนั้นหรือ
ใช่แล้ว ตัวเขาอยู่ในขอบเขตที่สูงกว่า ก้าวพ้นขั้นจ้าวแห่งเซียน เป็นยอดเซียนอย่างแท้จริง อยู่ในระดับชั้นยอดท่ามกลางจ้าวแห่งเซียน!
โดยปกติ จ้าวแห่งเซียนไม่มีทางทำร้ายเขาได้ ต่อให้เขายืนนิ่งไม่ไหวติงปล่อยให้จ้าวแห่งเซียนโจมตีเขา ก็ไม่มีทางสึกหรอ
ทว่าบัดนี้ เขากลับถูกจักรพรรดินีขั้นจ้าวแห่งเซียนอัดเท้าระเบิด จะมิให้เขาตะลึงงันได้อย่างไร!?
ในฐานะยอดเซียน ถูกอัดขาระเบิดไปหนึ่งข้างหาใช่เรื่องใหญ่ เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดด้วยซ้ำ เขาเพียงแต่รับไม่ได้ที่ต้องถูกจ้าวแห่งเซียนอย่างจักรพรรดินีอัดเท้าระเบิดเท่านั้น!
ตู้ม!
จักรพรรดินีทะยานตัว ลงมืออย่างรวดเร็วดุดัน ยังมีโลหิตรินไหลออกจากมุมปากของนาง แต่นางหาได้สนใจไม่ มือเรียวนวลเนียนสองข้างเปล่งประกายเซียนมหาศาล ฟาดฝ่ามือข้างหนึ่งใส่หัวชิ่งหลง แล้วฟาดฝ่ามืออีกข้างใส่หน้าอกชิ่งหลง
ชิ่งหลงตอบโต้ได้อย่างว่องไว ใช้ข้อศอกสกัดฝ่ามือสองข้างของจักรพรรดินีที่ฟาดเข้ามา นัยน์ตาเปล่งประกายหนาวสะท้าน ออกท่าจู่โจม อ้าปากพ่นลำแสงถล่มจักรพรรดินี
จักรพรรดินียืดระยะห่างออกไป หลบเลี่ยงลำแสง ก่อนจะประสานอินกระบี่โบราณอย่างรวดเร็ว แสงกระบี่เจิดจรัสสูงส่งส่องสะท้อน ฟ้าดินสั่นไหว กระบี่เซียนตวัดออกจากกลางอากาศนับคณา มากมายประหนึ่งน้ำตกฝนกระบี่
“ข้าไว้หน้าเจ้าเกินไปรึ!”
สีหน้าชิ่งหลงเย็นชา โทสะปะทุในใจ เขาไม่อาจกำราบจ้าวแห่งเซียนอย่างจักรพรรดินีได้ในทันทีหรือนี่ ซ้ำยังถูกจ้าวแห่งเซียนอย่างจักรพรรดินีทำร้ายเอา เขาทนมิได้ ปล่อยพลังปะทุเต็มที่ รับศึกจักรพรรดินีด้วยสภาวะแข็งแกร่งสูงสุด!
ขาที่เคยถูกจักรพรรดินีอัดระเบิดไปก่อนหน้านี้คืนสภาพดังเดิมได้ในพริบตา พลังของเขาพุ่งทะยาน ถาโถมสู่ปฐพี กระบี่เซียนมหาศาลระเบิดแหลกลาญในพริบตา ไม่อาจเข้าใกล้เขาได้เลย!
เขาเผยความเป็นยอดเซียนออกมาเต็มพิกัด ฝ่ามือข้างหนึ่งฟาดลงมา กฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้ว่ายวนอยู่ในฝ่ามือของเขา มหาวิชาที่จักรพรรดินีใช้ทลายลงทันควัน กระบี่เซียนถูกขจัดทั้งหมด!
ทว่าเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงคือ มีกระบี่เซียนมหึมาเล่มหนึ่งพุ่งออกไป ตวัดทะลุห้วงอากาศไปฟาดฟันเขาราวกระบี่สวรรค์!
เขาฟาดฝ่ามือปัดป้อง แต่ฝ่ามือข้างนั้นกลับถูกกระบี่เซียนเล่มนี้ตัดจนขาด!
จักรพรรดินีเรียกกระบี่สีขาววาววามดั่งหยกเล่มหนึ่งมาไว้ในมือได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะควงกระบี่บุกสังหารเข้ามา แสงกระบี่เจิดจ้าแยงตา เจตจำนงกระบี่สูงส่งปะทุ นางน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก เอาชนะขั้นยอดเซียนได้ด้วยขั้นจ้าวแห่งเซียน ชั่วขณะที่แสงกระบี่กะพริบแวววาว รอยกระบี่ปรากฏบนตัวชิ่งหลงรอยแล้วรอยเล่า โลหิตไหลเป็นทาง!
“นี่มัน…เรื่องอันใดกัน!”
“โหดเหี้ยมถึงปานนี้เชียว!?”
สิ่งมีชีวิตในแดนมรณาตะลึงกันถ้วนหน้า จักรพรรดินีฝืนชะตากรรมได้จริง ๆ หรือ ถึงขั้นเอาชนะผู้เหนือกว่า ต่อสู้ข้ามขั้นได้!
ขั้นเหนือเซียนนั้นสูงส่งวิเศษเกินหยั่ง จะมีการต่อสู้ข้ามขั้นเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
หากเป็นขอบเขตใต้เซียนยังพอเป็นไปได้ ทว่า ขอบเขตซึ่งอยู่เหนือเซียนขึ้นไป ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แน่ พวกเขาตกอกตกใจกันหมด จักรพรรดินีเก่งกาจเกินไปแล้ว!
จักรพรรดินีเป็นใหญ่มาแล้วหลายยุคสมัย หลังเข้าไปในภพเซียน จักรพรรดินีต้องต่อสู้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพันอยู่ตลอด นางหาใช่ผู้ที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปเทียบด้วยได้ แต่โดดเด่นน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง!
หากมิใช่ว่าโดดเด่นน่าทึ่งเพียงนี้ ผู้นำตระกูลเซียวคงไม่ให้ความสำคัญนางปานนั้น
“บัดซบ!”
ชิ่งหลงคำรามเสียงต่ำ สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บใจ เขาเป็นถึงยอดเซียนตนหนึ่ง กลับถูกจ้าวแห่งเซียนถล่มราบคาบเช่นนี้ จะให้เขาทนได้อย่างไร!
เขาสำแดงฝีมืออีกครั้ง ใช้วิชามหาพิฆาตออกไปมากมาย มิได้ออมมือแม้แต่น้อย หมายจะพลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายถูกกระทำ ปราบปรามจักรพรรดินีลง
อนิจจา จักรพรรดินีเยี่ยมยอดเกินไป ขณะแสงกระบี่ส่องสะท้อน นางยิ่งเพิ่มทวีความวิเศษสูงส่ง ข่มชิ่งหลงได้อย่างสิ้นเชิง
สุดท้าย นางวาดกระบี่ออกไป ผ่าร่างชิ่งหลงเป็นสองท่อน ชิ่งหลงบาดเจ็บสาหัส พ่ายแพ้ลงโดยสมบูรณ์!
สิ่งมีชีวิตในแดนมรณาต่างจ้องมองจักรพรรดินีด้วยความเคารพยำเกรง คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจักรพรรดินีจะดุดันเพียงนี้ กระทั่งยอดเซียนยังสู้ไม่ไหว ต้องแพ้พ่ายลงย่อยยับ!
“พอได้แล้ว!”
เวลานั้นเอง เสียงตวาดเสียงหนึ่งดังออกจากส่วนลึกของแดนมรณา คลื่นแสงสยดสยองแผ่ขยาย จักรพรรดินีกระเด็นออกไปทันที ร่วงกระแทกจากฟ้าสูง เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยร้าว!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มียอดฝีมือชั้นเลิศก้าวออกจากแดนมรณา เป็นตัวตนที่จักรพรรดินีไม่อาจต่อกรด้วยได้ เพียงเสียงตวาดเดียวก็เกือบปลิดชีพจักรพรรดินีลงได้!
จักรพรรดินีกระอักเลือดไม่หยุด รอยร้าวคืบคลานออกไปตามตัวเรื่อย ๆ นางนึกอยากห้ามเลือด ทว่าทำมิได้เลย พลังอันน่ากลัวคลี่แผ่ทั่วกาย จนนางไม่อาจรักษาบาดแผล
“เดินมาได้เท่านี้เองหรือ”
นางหัวเราะเสียงโศกา ที่เคยคิดอยากเจรจากับจ้าวมรณา แต่ยังไม่ทันได้พบจ้าวมรณา ก็จบเห่ลงเสียแล้ว
ทว่านางไม่นึกเสียใจ หากนางเพิกเฉยต่างหาก ถึงจะต้องเสียใจภายหลัง
“มาเยือนแดนมรณาของเราด้วยตัวคนเดียว ว่ามาสิ เจ้ามีจุดประสงค์อันใด!? ผู้ใดอยู่เบื้องหลังของเจ้า!?”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินค้ำไม้เท้าออกมา จ้องมองจักรพรรดินี เขาไม่เชื่อว่าจักรพรรดินีจะกล้ามาเยือนแดนมรณาของพวกเขาตามลำพัง สงสัยว่ามีผู้อื่นอยู่เบื้องหลังจักรพรรดินี
ส่วนที่ว่ามาเพื่อสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองเหล่านั้น เขายิ่งไม่เชื่อ ผู้ใดจะยอมเสียสละตนเองเพื่อมดปลวก?
เป็นไปได้อย่างไร
“ข้าย่อมต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง!”
จักรพรรดินีมองจ้องผู้เฒ่า เดิมอยากบอกว่าเบื้องหลังของนางมีสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองนับร้อยล้าน นางหาได้ต่อสู้ตามลำพังไม่ ต่อให้นางล้มลงที่นี่ สิ่งมีชีวิตนับร้อยล้านนั้นก็ไม่มีทางยอมจำนน ต้องมีสิ่งมีชีวิตตนอื่นลุกขึ้นต่อสู้อีกไม่หยุดหย่อน
ทว่าถ้อยคำหลังจากนั้นนางมิได้เอื้อนเอ่ยออกมา ผู้เฒ่าคนนั้นกลับปริปากขึ้นเสียก่อน
“มีผู้อยู่เบื้องหลังจริงด้วย!”
ผู้เฒ่าทอดมองออกไปไกล ตรงนั้นมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังก้าวเดินอยู่ในอวกาศ คล้ายว่าเดินเดร็ดเตร่ชมทิวทัศน์ มิได้มีความเกรงกลัวสักนิด!
บังอาจนัก!
เห็นแดนมรณาของพวกเขาเป็นสวนดอกไม้หลังบ้าน เดินทอดน่องไปเรื่อยหรืออย่างไร
“นี่หรือผู้อยู่เบื้องหลังเจ้า น่าขันนัก ยังมีหน้ามาแสร้งทำเป็นละอ่อนอยู่อีกหรือ!”
ผู้เฒ่าหัวเราะเสียงเย็น ไม่เชื่อว่ารูปลักษณ์เด็กหนุ่มคือร่างจริง มั่นใจว่านี่คือร่างละอ่อนที่ปีศาจเฒ่าจำแลงกายมา
“รนหาที่ตาย ริอ่านหลอกลวงกันเช่นนี้! หวังว่าเขาสามารถต้านทานฝ่ามือของข้าได้!” ผู้เฒ่าเอ่ยต่อ
ฟังจบแล้วอย่าลืมกดไลค์หรือช่วย comment อะไรก็ได้หน่อยนะครับ