571-575

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 571ถึง575

คลื่นพลังสยดสยองน่ากลัวซัดสาดออกจากส่วนลึก ทั้งยังมี ‘สิ่งของ’ มากมายเหินออกมา สิ่งเหล่านั้นคล้ายว่าจะเป็น…เศษซากร่างกาย!


“เศษซากร่างกายจริงด้วย!”


หลิงอินแน่ใจได้หลังจากได้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งหมดล้วนเป็นเศษซากร่างกายกึ่งเปื่อย บ้างเป็นของเผ่ามนุษย์ บ้างเป็นของเผ่าอสูร บ้างยังมีเลือดหลั่งรินอยู่ด้วยซ้ำ น่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด


เศษซากร่างกายเหล่านี้เคลื่อนไหวได้ว่องไวยิ่งนัก แทบจะเหินมาถึงด้านบูรพาจารย์ทั้งหลายในพริบตา


จากนั้น ภาพน่าพรั่นพรึงยิ่งขึ้นปรากฏ บูรพาจารย์ทั้งหลายทยอยต่อร่างเข้ากับเศษซากร่างกายเหล่านั้น พลังปราณแต่ละคนพุ่งพรวดขึ้นมาในทันใด


“ฆ่า!”


จิตสังหารพวกเขาท่วมท้นนภา สำแดงวิชามหาพิฆาตอีกครั้ง พลังอันน่ากลัวถาโถมฟ้าดิน เสียงระเบิดดังไม่หยุดหย่อน ทั้งทะเลต้องห้ามระเหยภายใต้พลังน่าพรั่นพรึงเช่นนี้ ไม่เหลือน้ำทะเลแม้แต่หยดเดียว!


เศษซากร่างกายเหล่านี้ล้วนมีประวัติไม่ธรรมดา เจ้านายในอดีตสยดสยองเหลือแสน ก้าวพ้นขั้นเทียนตี้กันแล้วทั้งสิ้น ต่อมา จบชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุ บ้างเพราะเข้าร่วมสงครามใหญ่


พวกเขาทุ่มทุนทุ่มแรงไปมหาศาล จ่ายราคาไปสูงลิ่วกว่าจะได้มาซึ่งเศษซากร่างกายเหล่านี้


ทว่าพวกเขามิกล้าเข้าประสานร่างโดยตรง


แม้ว่าการประสานร่างพวกเขาเข้ากับเศษซากร่างกายเหล่านี้ จักเพิ่มพูนพลังพวกเขาอีกมหาศาล แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญกับแรงพิโรธจากอาณาจักรต่าง ๆ


เพราะเจ้าของเศษซากร่างกายเหล่านี้ล้วนมาจากอาณาจักรที่ทรงพลังทัดเทียมพวกเขา เป็นสิ่งที่พวกเขาลักขโมยมา จึงมิกล้าเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้


พวกเขาขนย้ายเศษซากร่างกายเหล่านี้มายังอาณาจักรนี้ ฝังลงในส่วนลึกของทะเลต้องห้าม ก็เพื่อใช้ในยามคับขันคราวศึกแย่งชิงในแดนบรรพโกลาหล


แดนบรรพโกลาหลเหลือร้ายเกินไป เพื่อการนี้ พวกเขายินดีแบกรับโทสะจากอาณาจักรต่าง ๆ เศษซากร่างกายเหล่านี้คือไพ่ตายก้นหีบของพวกเขา


อนิจจา พวกเขามาพบกับหลิงอินเข้า จึงจำต้องใช้เศษซากร่างกายเหล่านี้ และทันทีที่เศษซากร่างกายเหล่านี้ประสานเป็นร่างเดียวกับพวกเขา ก็ไม่อาจแยกออกไปได้อีก


ภายหน้า พวกเขาจำต้องหลบซ่อนมิเผยตัว กล้าออกสู่โลกก็ต่อเมื่อแดนบรรพโกลาหลปรากฏ มิฉะนั้น อาณาจักรทั้งหลายย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่


ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!


หลิงอินค้อมกายดึงคัน ยิงศรออกไปอีกหลายดอก พลานุภาพแกร่งกล้ายิ่งกว่าศรอาบแสงที่ยิงออกไปก่อนหน้านี้ ทว่า หนนี้กลับไม่อาจแผ้วพานบูรพาจารย์เหล่านั้นได้ ถูกบูรพาจารย์เหล่านั้นตวัดร่วงหล่นลงพื้น


“ไล่ต้อนจนเราต้องใช้ไพ่ตายก้นหีบ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจรอดกลับไปได้!”


“ความผิดของเจ้ามหันต์นัก!”


บูรพาจารย์ทั้งหลายสุ้มเสียงเย็นยะเยือก ราคาในการใช้เศษซากร่างกายเหล่านี้ใหญ่หลวงนัก หากไม่ปลิดชีพหลิงอิน ณ ที่นี้ ยากจะคลายความแค้นในใจพวกเขา


พวกเขาเปล่งพลัง กำลังเหนือชั้นกว่าก่อนหน้ามากนัก นี่คือร่างของสิ่งมีชีวิตยอดฝีมือที่พวกเขาค้นพบจากเส้นทางที่ก้าวข้ามขั้นเทียนตี้ออกไป และทำการผสานปะติดปะต่อ


“พวกเจ้า…คิดเยอะไปแล้ว!”


สีหน้าหลิงอินเย็นชา นอกจากเศษซากร่างกายคณานับที่เหินออกจากส่วนลึกเกินความคาดหมายของนางแล้ว หลังจากนั้น มิได้มีเรื่องใดสั่นคลอนอารมณ์นางมากนัก


ฝีมือของนางยังมิได้รีดเร้นถึงขีดสุด…


อานุภาพของฉินเฟิ่งหมิง อานุภาพของคันศรวิเศษ อานุภาพของร่างระเบียบ ล้วนยังไม่ถึงขีดสุด


ยามนี้ นางมิได้ยั้งมืออีกต่อไป เร่งพลานุภาพแห่งฉินเฟิ่งหมิง คันศรวิเศษ และร่างระเบียบถึงขีดสุด!


ร่างกายของนางเปล่งแสงเจิดจ้าทั้งตัว จรัสแยงตาเสียยิ่งกว่าสุริยัน พลังปราณของนางท่วมท้นดุจมหาสมุทร สยดสยองชวนผวา!


นางค้อมกายดึงคัน พลังเหนือจินตนาการหลอมรวม เสียงระเบิดดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน แสงอาบศรไม่ทันได้ก่อรูปก่อร่าง ก็ทำให้บูรพาจารย์ทั้งหลายสีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์ อกสั่นขวัญแขวนถึงที่สุด!


“ไม่!”


“อย่าฆ่าพวกเรา!”


บูรพาจารย์ทั้งหลายร้องเสียงหลง หวาดผวาเหลือแสน พวกเขาไม่กังขาเลยว่ายามศรอาบแสงเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์แล้วยิงมาหาพวกเขาเมื่อใด พวกเขาไม่มีทางสกัดกั้นได้แน่!


น่าขัน ลำพังหลิงอินดึงคันก็น่าหวาดผวาพอแล้วสำหรับพวกเขา จิตใจพลันรู้สึกมิอาจต้านทาน หากศรอาบแสงยิงเข้ามาจริง ๆ พวกเขาไฉนเลยจะต้านอยู่!?


เป็นไปไม่ได้เลย!


ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!


หลิงอินมิได้ยั้งมือ นางรู้ดีว่าเบื้องหลังแดนต้องห้ามเหล่านี้อำมหิตชั่วร้ายปานใด ไม่ต้องเอ่ยถึงการเข่นฆ่าที่แดนต้องห้ามเหล่านี้ก่อในอาณาจักรอื่น ลำพังการเข่นฆ่าที่แดนต้องห้ามเหล่านี้ก่อในอาณาจักรนี้ นางก็ไม่มีทางปล่อยสิ่งมีชีวิตในแดนต้องห้ามเหล่านี้ไป


เลือดสาดกระเซ็น ทั้งเนื้อกายและวิญญาณต่างระเบิดแหลกลาญ พลังจากศรอาบแสงนั้นมิอาจต้าน บูรพาจารย์ทั้งหลายถูกปลิดชีพในพริบตา!


หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ย่อมยากจะให้ผู้ใดเชื่อ


พลังรบเหนือขั้นเทียนตี้ กลับถูกสังหารอย่างง่ายดาย น่ากลัว น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!


รู้หรือไม่ กำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้สังหารได้ยากยิ่ง ต่อให้บาดเจ็บหนักหนาเพียงใด ต่อให้เนื้อกายและวิญญาณมลายทั้งคู่ ก็มีโอกาสคืนชีพกลับมาอีกครั้ง


แต่เมื่อเผชิญกับหลิงอิน เหล่าบูรพาจารย์กลับถูกลบล้างอย่างสิ้นเชิง ยากจะเชื่อได้ลง


หลิงอินมิได้ยั้งมือ นางค้อมกายดึงคันอีกครั้ง ยิงศรหนึ่งออกไป พลังสยดสยองท่วมท้นนภา สมาชิกทะเลต้องห้ามที่เหลือถูกนางปลิดชีพไปจนสิ้น


ส่วนเส้นทางนั้น นางมิได้ทำลาย ทันทีที่ทำลายเส้นทางนี้ พลังที่คอยคุ้มครองอาณาจักรแห่งนี้จักพร่องลงไป มิอาจป้องกันได้อีก


“แดนมรณาเบื้องหลังอาณาจักรเทียนหยวนต่างหากคือภัยร้าย!”


นางหรี่ตาลง รับรู้ถึงการมีอยู่ของแดนมรณาแล้วเช่นกัน เมิ่งจีเล่าทุกอย่างให้นางฟัง


แดนมรณาน่ากลัวถึงขีดสุด ซ้ำยังมีเป้าหมายใหญ่หลวง เทียบกับอาณาจักรต้องห้ามเหล่านี้ อันตรายกว่ามากนัก


นางรู้สึกด้วยซ้ำว่าแดนมรณามีพลังเหนือเซียน!


อาณาจักรเทียนหยวนตั้งใจล้างบางสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นทั้งหมดในอาณาจักรนี้ หมายจะให้สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้หลั่งโลหิตไปทั่วทุกหย่อมหญ้า


แดนมรณาต้องการสิ่งใดกันแน่!?


“ไหนจะนครพิศวงนั่นอีก!”


หลิงอินหวนนึกถึงนครพิศวงที่จองจำพี่ชายเสี่ยวหยาขึ้นมาอีกครั้ง


นางจำได้ดี เจ้าหลวงแห่งนครพิศวงกล่าวไว้ว่า สักวันหนึ่ง ความพิศวงจักคลี่แผ่ปกคลุมอาณาจักรทั้งปวง ทุกตารางนิ้วในจักรวาล แม้กระทั่งภพเซียนก็หนีไม่พ้น ย่อมเสื่อมโทรมจมปลักกันถ้วนหน้า!


ความพิศวงที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่!?


แม้กระทั่งภพเซียนยังสู้มิไหวหรือ


นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ อนาคตไม่มีทางสงบแน่ คงได้กลายเป็นกลียุคอย่างสมบูรณ์


และทุกเหตุการณ์ในยามนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่นับเป็นปัญหาด้วยซ้ำ!


‘เพราะนี่คือกลียุค คุณชายถึงจุติมายังใต้หล้านี้หรือ’


นางคิดในใจ รู้สึกว่าการปรากฏตัวของคุณชายอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้


“ไม่ว่าอนาคตโกลาหลเพียงใด ข้าก็จะติดตามอยู่ข้างคุณชายตลอดไป!”


นัยน์ตาของนางวาวโรจน์ น้ำเสียงแน่วแน่ นางขอติดตามข้างกายคุณชาย รับบัญชาคุณชายไปตลอด


สุดท้าย นางเดินทางออกจากที่แห่งนี้ มุ่งหน้าไปช่วยหนุนเส้นทางอื่น


...


“ด้านม่อเยวียนเริ่มมีสุ้มเสียงแล้ว…”


เมิ่งจีมิได้ลังเล รีบนำศาสตราสื่อสารออกมาติดต่อลั่วสุ่ยทันที นี่คือศาสตราสื่อสารที่หลิงอินมอบให้เขา สามารถติดต่อลั่วสุ่ยได้โดยตรง


จอบเซียนรับผิดชอบเส้นทางด้านม่อเยวียน เขาติดต่อลั่วสุ่ย ให้ลั่วสุ่ยแจ้งข่าวจอบเซียน


“ได้เลย!”


อีกด้าน หลังลั่วสุ่ยได้รับรายงานจากเมิ่งจี ก็รีบส่งข่าวให้จอบเซียน จากนั้น จอบเซียนเคลื่อนไหว รุดหน้าไปยังที่ตั้งม่อเยวียน


...


เมืองหนึ่งในดินแดนฮวง


ม่อเยวียน


“ดาบมาร รอคุกเข่าเรียกพ่อทูนหัวได้เลย!”


ผู้เฒ่าอมตะหัวเราะร่วน อย่าให้พูดเลยว่าสดชื่นปีติปานใด กองกำลังจากอาณาจักรม่อเยวียนใกล้มาถึงแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะทลายผนึกเข้ามาแล้ว


ถึงคราวนั้น มียอดฝีมือจากอาณาจักรม่อเยวียนคอยช่วย เขาย่อมกำราบดาบมารได้แน่!


“ลูกหมาเอ๋ยลูกหมา คราวนี้ ข้าจักเปลี่ยนเจ้าให้เป็นลูกหมาแน่!”


เขาเอ่ยเสียงเคียดแค้น ความชิงชังที่มีต่อมีดมารอยู่เหนือทุกสิ่ง แม้ว่าก่อนหน้านี้ เขาถูกตงฟางเวิ่นและเด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสามสี่คนปั่นหัวกำราบ เขายังไม่เจ็บใจเท่านี้ ความแค้นที่เขามีต่อดาบมารฝังกระดูกดำไปแล้ว!


...


อีกด้าน จอบเซียนซึ่งกำลังเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดจามอยู่หลายครา


“คงมิใช่ว่าตาเฒ่าอมตะนั่นสาปแช่งข้าอยู่กระมัง!?”


มันเอ่ยเสียงไม่สบอารมณ์ รู้สึกว่าตาเฒ่าอมตะนั่นกำลังด่ามันอยู่แน่


มันโมโหมาก จึงเร่งความเร็วขึ้นไปในบัดดล!


“ตาแก่น่าตาย รอก่อนเถิด!” มันสบถก่นด่า


ห้วงวารีลึกล้ำเยือกเย็นดั่งน้ำหมึก มองเพียงปราดเดียวก็คล้ายว่าจะถูกดูดกลืนวิญญาณเข้าไป เดิมทีที่นี่ไร้นาม ต่อมาถูกสิ่งมีชีวิตอาณาจักรม่อเยวียนยึดครอง ขนานนามว่าม่อเยวียน


อาณาจักรม่อเยวียน


หากกล่าวถึงอาณาจักรนี้ ย่อมมีสิ่งมีชีวิตมากมายคุ้นเคยเป็นอย่างดี นี่คือหนึ่งในอาณาจักรเก้าตอนบนมิใช่หรือ?


ทว่าแท้จริงแล้วมิใช่


อาณาจักรม่อเยวียนแห่งนี้มิใช่อาณาจักรม่อเยวียนซึ่งเป็นหนึ่งในอาณาจักรเก้าตอนบน แม้ว่าทั้งสองอาณาจักรพ้องชื่อกัน ทว่าความห่างชั้นนั้นใหญ่หลวงนัก


อาณาจักรม่อเยวียนในอาณาจักรเก้าตอนบนมิอาจเทียบเทียมอาณาจักรม่อเยวียนนี้ได้เลย!


อาณาจักรม่อเยวียนแห่งนี้แข็งแกร่งน่าพรั่นพรึงเฉกเช่นอาณาจักรแดนต้องห้าม มีกำลังรบขั้นเทียนตี้อยู่มากมาย ซ้ำยังมีกำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไปด้วย อาณาจักรม่อเยวียนในอาณาจักรเก้าตอนบนกล้าแกร่งได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ


ทว่า หากไล่ย้อนกลับไป ทั้งสองอาณาจักรล้วนกำเนิดมาจากอาณาจักรเดียวกัน อาณาจักรม่อเยวียนแห่งนี้แตกย่อยออกไปจากอาณาจักรม่อเยวียนในอาณาจักรเก้าตอนบน


เพราะเส้นทางที่เลือกนั้นไม่เหมือนกัน อาณาจักรม่อเยวียนแห่งนี้ก้าวเดินบนเส้นทางผิดแผกบิดเบี้ยว เพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งที่มากกว่าเดิม และมีชีวิตอยู่ได้นานยิ่งขึ้น จึงยอมทอดทิ้งเส้นทางชอบธรรม


“ได้ยินว่า ห้วงวารีทมิฬในอาณาจักรม่อเยวียนแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนนั้นถูกถมจนราบ พวกเขายังจะยืนกรานไม่รวมตัวกับเราอีกหรือ”


ผู้เฒ่าอมตะพึมพำเสียงเบา ได้ยินข่าวคราวมาบ้าง


“สุดท้ายก็ต้องมา พวกเราพัฒนาได้ไกลกว่าพวกเขามากนัก ทั้งยังสำเร็จอย่างสูงส่งบนเส้นทางที่บุกเบิกขึ้นมาใหม่ ช้าเร็วพวกเขาก็ต้องคุกเข่าขอร้องพวกเรา”


เขาเอ่ยต่อ


ตึง ตึง ตึง!


มีเสียงดังมาจากด้านเส้นทาง พลังผนึกกำลังหายไป ผู้เฒ่าอมตะอดยกยิ้มมุมปากมิได้ ราวกับได้เห็นสิ่งมีชีวิตภายในเส้นทางแล้ว


ช่วงเวลาที่ถูกผู้อื่นข่มเหงตามใจชอบ ในที่สุดก็จะจบลงแล้วในวันนี้ เขาได้รับข่าวมาว่า คราวนี้ บูรพาจารย์ผู้เปี่ยมอำนาจแห่งอาณาจักรม่อเยวียนเดินทางมายังที่นี่ด้วย ในอาณาจักรนี้ มิมีผู้ใดสามารถดูหมิ่นรังแกเขาได้อีก


“ลูกหมาเอ๋ยลูกหมา ใกล้ถึงคราวเจ้าได้เรียกพ่อทูนหัวแล้ว!”


รอยยิ้มแจ่มใสปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ประหนึ่งว่าได้เห็นมีดมารคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเรียกเขาว่าพ่อทูนหัว เสียงแล้วเสียงเล่า


อัปยศอดสูยิ่งนัก เขาถูกศาสตราที่ตนสร้างขึ้นเองกำราบจนหมอบอยู่กับพื้น ร้องเรียกพ่อทูนหัวอย่างไร้ศักดิ์ศรี ช่างอกตรมยิ่งนัก


ฟึ่บ!


เวลานั้นเอง แสงสว่างลำหนึ่งพวยพุ่งเข้ามาจากฟากฟ้าไกล คลื่นพลังสยดสยองสั่นกระเพื่อม ราวกับอุกกาบาตถล่ม


“เป็นลูกหมาอย่างเจ้าจริง ๆ ด้วย!”


จอบเซียนมาถึง ทันได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นของผู้เฒ่าอมตะพอดี มันโมโหโทโส ระหว่างทางมันจามไม่หยุด เป็นเพราะผู้เฒ่าอมตะสบถก่นด่าเขาไม่หยุดจริง ๆ


จะให้มันทนได้เยี่ยงไร เหวี่ยงจอบเข้าไป จนผู้เฒ่าอมตะเลือดเนื้อเละเหลว ร่างระเบิดไปครึ่งท่อน โลหิตและเศษเนื้อปลิวว่อน


ผู้เฒ่าอมตะทุกข์ใจเป็นหนักหนา!


เห็น ๆ อยู่ว่ายอดฝีมืออาณาจักรม่อเยวียนใกล้มาถึงแล้ว เหตุใดดาบมารถึงมาถึงล่วงหน้าเสียได้!


มาช้ากว่านี้อีกสักแป๊บก็ยังดี!


เขาร่ำไห้ ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดเหลือแสน เขาลืมตัวเกินไป ลืมไปว่าไม่ว่าอย่างไร ดาบมารเล่มนี้ก็หลอมขึ้นโดยเขา การก่นด่าดาบมารจักทำให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างกับมัน


นี่อย่างไร มันดันเรียกดาบมารมาเสียได้!


ทรมานใจเกินไปแล้ว เขาเพิ่งเอ่ยว่ายุคสมัยแห่งความอัปยศกำลังจะสิ้นสุด ปรากฏว่ายังมิทันขาดคำ ความอัปยศก็เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง


เขาอยากจะตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่ ทนอีกหน่อยมิได้หรือ รอให้ยอดฝีมืออาณาจักรม่อเยวียนรวมพลกับเขาแล้วค่อยด่ามิได้หรือ


บัดนี้สิดี เมื่อเผชิญกับดาบมาร เขาไม่มีกำลังต่อต้านแม้แต่น้อย ได้แต่ปล่อยให้ดาบมารทำตามอำเภอใจ


“ตาเฒ่า หนนี้เจ้าตายแน่! คราวก่อนข้ามิได้ฆ่าเจ้า ยอมไว้ชีวิตสักครา เดิมคิดว่าเจ้าจะสำนึกความผิด แก้ไขตนเอง หารู้ไม่ เจ้ากลับยิ่งเลวร้ายเป็นทวีคูณ!”


จอบเซียนจิตสังหารพลุ่งพล่าน หวดจอบเข้าไปไม่หยุดหย่อน ผู้เฒ่าอมตะถูกเขาทุบจนแหลกเหลว สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรม่อเยวียนตื่นตกใจกันหมด เจ้า…เจ้าจอบเล่มนี้เหตุใดถึงดุดันเยี่ยงนี้!?


อะไรกันนี่!


จอบก็เป็นศาสตราวุธได้หรือ


น่าประหลาดใจยิ่งนัก!


ตู้ม!


เวลานั้น เสียงระเบิดดังมาจากเส้นทาง ผนึกทลาย สิ่งมีชีวิตพลังปราณสยดสยองตนแล้วตนเล่าก้าวออกจากข้างใน


“บังอาจนัก!”


สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งคำรามกราดเกรี้ยว เสียงนั้นประหนึ่งอสนีบาต ทั่วทั้งนภากู่ร้องไม่หยุด กฎแห่งสวรรค์และโลกในอาณาจักรแห่งนี้ถูกเขาข่มลงได้ น่ากลัวยิ่งนัก


“ท่านบูรพาจารย์ช่วยข้าด้วย!”


ผู้เฒ่าอมตะร้องตะโกน เขายังไม่ตาย ทว่าเหลือเพียงวิญญาณ เหาะไปหาบูรพาจารย์อย่างรวดเร็ว


จากนั้น เขาหลอมกายเนื้อขึ้นมาใหม่ด้วยความว่องไว


หลังมาอยู่ข้างกายบูรพาจารย์ เขาก็วางใจลงสนิท ปราศจากความกังวลอีกต่อไป


บูรพาจารย์เป็นกำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้ มิหนำซ้ำ ที่มาคราวนี้มิได้มีบูรพาจารย์เพียงผู้เดียว หากแต่มีบูรพาจารย์ถึงหลายท่าน จอบเซียนต้านทานได้เสียที่ไหน


เป็นไปไม่ได้เลย!


“เจ้าจอบเส็งเคร็ง วันนี้ข้าจะหลอมเจ้าให้ได้ หลอมเจ้าเป็น…เป็นไม้กวนอุจจาระ ให้เจ้าต้องอยู่ในสุขาทุกวี่วัน เป็นเครื่องมือกวนอุจจาระของผู้อื่น!”


เขาจ้องดาบมารเขม็งพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขบกรามแน่นจนฟันแทบหัก เขารู้สึกว่า ต่อให้ขจัดดาบมารไปก็มิอาจคลายความแค้นในใจเขา เขาจะหลอมดาบมารให้เป็นไม้กวนอุจจาระ!


ไม้กวนอุจจาระ!


หลังจอบเซียนได้ยินวาจาที่ผู้เฒ่าอมตะกล่าว ก็เดือดดาลแทบบ้า


มันเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม “วันนี้ ข้าจะสะกดวิญญาณเจ้าเข้าไปในหิน แล้วโยนลงไปในบ่ออุจจาระ ให้เจ้าเป็นหินพิทักษ์สุขาไปตราบชั่วชีวิต!”


ไอ้เวรตะไลนี่ ริอ่านคิดหลอมเขาเป็นไม้กวนอุจจาระรึ


วันนี้เขายอมปล่อยผู้เฒ่าอมตะไปง่าย ๆ สิแปลก!


“รนหาที่ตาย!”


เวลานั้น บูรพาจารย์ผู้นั้นแค่นเสียงเย็น ฟาดฝ่ามือลงมาทันควัน ชั้นบรรยากาศต้านรับพลังน่ากลัวนี้ไม่ไหว ระเบิดแหลกลาญออกมา


พลังน่ากลัวซัดสาด ฝ่ามือนี้ของเขาเสมือนนภาถล่ม น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก แม้กระทั่งกฎแห่งสวรรค์และโลกในอาณาจักรนี้ยังพังครืนแหลกเหลว แบกรับมิไหว


“ผู้ที่รนหาที่ตายคือเจ้า!”


จอบเซียนเอ่ยเสียงเย็น กระโจนตัวขึ้น ปลายจอบทอประกายเย็นยะเยือกชวนผวา ฟาดฟันฝ่ามือบูรพาจารย์ผู้นั้นลงไปได้ในคราเดียว!


“อะ…ไรกัน!”


“เป็นไปได้อย่างไร!?”


เสียงอุทานลือลั่นดังไปทั่ว สิ่งมีชีวิตทุกตนจากอาณาจักรม่อเยวียนต่างชาไปทั้งหนังหัว ไอเย็นมากมายพุ่งพรวดจากฝ่าเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะ


นี่คือท่านบูรพาจารย์เชียวนะ กำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้ กลับถูกฟันฝ่ามือลงในบัดดล จะมิให้พวกเขาตกใจได้เยี่ยงไร


น่ากลัวเกินไปแล้ว วิญญาณพวกเขาสั่นสะท้าน ต้องเป็นจอบเช่นไรกันแน่!?


ผู้ใดกันที่สร้างจอบระดับนี้ขึ้นมาได้!?


“มิ…มิใช่กระมัง!”


ผู้เฒ่าอมตะสีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์ แม้กระทั่งท่านบูรพาจารย์ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของจอบเล่มนี้หรือ


“เป็นไปไม่ได้!”


ทว่าเขาปัดความคิดนี้ตกไปในภายหลัง ถึงแม้จอบเล่มนั้นจะแข็งแกร่ง แต่จะแข็งแกร่งกว่าท่านบูรพาจารย์ได้อย่างไร


ต้องเป็นเพราะท่านบูรพาจารย์ประมาท ประเมินจอบเล่มนี้ต่ำไป มิได้ใช้กำลังทั้งหมด ถึงได้ถูกจอบเล่มนี้ฉวยโอกาส ฟันฝ่ามือลงมา!


อีกอย่าง ฝ่ายพวกเขายังมีกำลังรบระดับบูรพาจารย์อีกหลายท่าน วันนี้ จอบเล่มนี้ต้องจบสิ้นลง ณ ที่แห่งนี้แน่!


คิดมาถึงนี่ เขาใจเย็นลง


“จอบเส็งเคร็งเล่มเดียว คิดจริง ๆ หรือว่าสามารถพลิกฟ้าได้ ท่านบูรพาจารย์ทั้งหลายจุติมายังที่แห่งนี้ มีหรือที่เจ้าจะต่อกรด้วยไหว!?”


เขาตวาดใส่จอบเซียน “เจ้ารอโดนหลอมเป็นไม้กวนอุจจาระได้เลย!”

ผู้เฒ่าอมตะตวาดเสียงเย็นไม่หยุด มั่นใจในตัวเหล่าบูรพาจารย์อย่างยิ่งยวด เขาไร้ซึ่งความยำเกรง ประกาศกร้าวว่าจะหลอมจอบเซียนเป็นไม้กวนอุจจาระไม้หนึ่ง


“ใช่แล้ว! ชะตากรรมของเจ้าคือกลายเป็นไม้กวนอุจจาระ!”


“ลุย!”


เหล่าบูรพาจารย์ลงมือทันที พลังสยดสยองปะทุออกมาไม่หยุดหย่อน พวกเขาสำแดงสุดยอดวิชาออกมามากมาย ดุดันน่ากลัวเป็นที่สุด ฟ้าดินต่างสั่นคลอนรุนแรง คลื่นพลังชวนผวาซัดสาด


“พูดเหลวไหลกระไรอยู่!”


จอบเซียนลงมือ มิได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย ตัวของมันมีประกายเจิดจ้าส่องสะท้อนอยู่ทั่ว ราวกับกลายเป็นเซียนแล้วจริง ๆ คลื่นพลังพิเศษแผ่ขยาย แยงตาเกินไปจนไม่อาจจ้องมองตรง ๆ!


มันไม่กักเก็บพลังอีกต่อไป เปล่งพลังปราณออกมาเต็มกำลัง สะท้านปฐพี แฝงไว้ด้วยความยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน!


“ปราณ…นิรันดร์!”


“เป็นจอบเซียนจริง ๆ หรือ!”


เหล่าบูรพาจารย์สีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์ พวกเขาสัมผัสถึงพลังปราณอันเป็นนิรันดร์ จนแทบไม่อาจเชื่อได้เลยว่าเหตุใดถึงมีอาวุธเซียนปรากฏออกมา?


ที่สำคัญ อาวุธเซียนก็อาวุธเซียนเถิด ผู้ใดเล่าจะฟุ่มเฟือยขนาดที่หลอมอาวุธเซียนเป็นจอบเล่มหนึ่ง


ประกายเซียนเจิดจ้าทิ่มแทง ทาบทับลงธรณี จอบเซียนดุดันโหดเหี้ยม มิอาจต่อกรด้วยได้เลย บูรพาจารย์ตนแล้วตนเล่าหมดสภาพอยู่กับพื้นด้วยฝีมือของมัน กระอักเลือดไม่หยุด


ภาพนี้น่ากลัวเกินไป สิ่งมีชีวิตตนอื่นในอาณาจักรม่อเยวียนต่างมีสีหน้าตะลึงระคนประหลาดใจ!


พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะได้เห็นอาวุธเซียนจริง ๆ!


และสิ่งที่เหนือความคาดหมายพวกเขายิ่งขึ้นคือ อาวุธเซียนที่พวกเขาเห็นนั้นดันเป็น…จอบเล่มหนึ่ง!


พรวด พรวด พรวด!


โลหิตเศษเนื้อปลิวว่อน กระเด็นโดนหน้าผู้เฒ่าอมตะ เลือดเนื้อเหล่านี้ล้วนเป็นของบรรดาบูรพาจารย์ ผู้เฒ่าอมตะอึ้งงัน นิ่งค้างไม่ไหวติงราวกับแข็งเป็นหินไปแล้ว


จอบเล่มนี้คืออาวุธเซียนหรือนี่! แล้วจะให้สู้อย่างไรไหว!?


เขาสติแตก หรือเขาต้องถูกสะกดเข้าไปในหินจริง ๆ แล้วถูกโยนเข้าไปในบ่ออุจจาระ กลายเป็นหินพิทักษ์สุขา?


แม่เจ้า มิสู้ฆ่าเขาไปเสีย!


บูรพาจารย์ทั้งหลายไม่อาจต่อกรกับจอบเซียนได้เลย เป็นฝ่ายถูกจอบเซียนบดขยี้ ไม่ว่าเหล่าบูรพาจารย์เปล่งพลังอย่างไรก็ไม่ไหว แต่ละคนล้วนยับเยิน สภาพน่าสังเวชกันทั้งสิ้น!


พรวด!


จอบเซียนฟาดฟันลงมา ประกายเยือกเย็นชวนผวา บูรพาจารย์ท่านหนึ่งถูกจอบเซียนฟันแยกเป็นสองท่อน และมีพลังกล้าแกร่งสายหนึ่งบดขยี้วิญญาณของบูรพาจารย์ท่านนั้นจนแหลกเหลวในทันที บูรพาจารย์ท่านนั้นยังต่อสู้ได้ไม่นานนัก ก็ถูกจอบเซียนสังหารลงอย่างสิ้นเชิง!


ผู้เฒ่าอมตะสิ้นหวัง เขาสำนึกเสียใจเหลือคณา


หากรู้ว่าจอบเซียนน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานนี้ ไยเขาต้องสบถก่นด่าจอบเซียน จนกลายเป็นเรียกเขามาด้วย!


หากไม่ก่นด่าจอบเซียน จอบเซียนก็คงไม่มา พวกเขาก็คงไม่อเนจอนาถเยี่ยงนี้!


ความจริง เขาคิดผิดมหันต์ จอบเซียนมิได้มาเพราะการนี้ ต่อให้เขาไม่ก่นด่าจอบเซียน จอบเซียนก็ต้องมาที่นี่อยู่ดี


“ข้าไม่อยากกลายเป็นหินพิทักษ์สุขา!”


ผู้เฒ่าอมตะร้องลั่นด้วยความอาดูร สิ้นหวังอย่างแท้จริง บูรพาจารย์ท่านหนึ่งถูกจอบเซียนเข่นฆ่าง่าย ๆ เช่นนี้ เขาไฉนเลยจะยังเหลือความหวัง


ห่างชั้นกันมากเกินไป ฝ่ายพวกเขามิใช่คู่ต่อสู้ของจอบเซียนเลย ใช้เวลาเพียงไม่นาน บูรพาจารย์ที่เหลือต้องถูกจอบเซียนสังหารไปด้วยแน่


เขาไม่อยากตาย และยิ่งไม่อยากเป็นหินพิทักษ์สุขา เขาหมดสิ้นหนทาง รีดเร้นพลังในกาย หมายจะระเบิดตนเอง


เพราะเขารู้ดีว่า ดาบมารไม่มีทางยอมปล่อยเขา หากเขาไม่ฆ่าตัวตาย เขาย่อมต้องถูกดาบมารเปลี่ยนให้เป็นหินพิทักษ์สุขาแน่!


อนิจจา จอบเซียนสังเกตการณ์เขาอยู่ตลอด ไม่ให้โอกาสเขาได้ระเบิดตัวเองสักนิด


ทันทีที่เขาเริ่มรีดเร้นพลังในกาย ก็มีลำแสงลำหนึ่งจากจอบเซียนพุ่งเข้ามาที่ตัวเขา ขจัดพลังที่เขารีดเร้นมาได้จนสิ้น


“ขอร้องล่ะ ให้ข้าตายเถิด!”


เขาร่ำไห้วอนขอความเมตตา ไม่อยากกลายเป็นหินพิทักษ์สุขาจากใจจริง หากเป็นเช่นนั้น มิสู้ให้เขาตายไปเสียดีกว่า


“คิดอะไรอยู่!”


จอบเซียนยิ้มเย็น ไฉนเลยจะยอมให้ผู้เฒ่าอมตะสมปรารถนา มันเปล่งพลังอีกครั้ง พลังสยดสยองถาโถม ปลิดชีพบูรพาจารย์ทั้งหลายลงอย่างสิ้นเชิง


จากนั้น มันกระชากวิญญาณผู้เฒ่าอมตะออกมา ริดรอนพลังวิญญาณผู้เฒ่าอมตะ สะกดวิญญาณผู้เฒ่าอมตะเข้าไปในหินก้อนหนึ่ง


“วางใจเถิด ข้าจะหาสุขาอย่างดีให้เจ้า!”


จอบเซียนคลี่ยิ้มกว้าง


มันริดรอนพลังวิญญาณของผู้เฒ่าอมตะไปแล้ว วิญญาณของผู้เฒ่าอมตะจะค่อย ๆ สลายไปในกาลเวลา ตายตกอยู่ในบ่ออุจจาระ


สุดท้าย มันปลิดชีพสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรม่อเยวียนลงทั้งหมด แล้วไปจากที่แห่งนั้น


มันทำตามสัญญา หาสุขา ‘อย่างดี’ ให้กับผู้เฒ่าอมตะจริง ๆ ที่นั่นคือสุขาสาธารณะ ตั้งอยู่ในเมืองปุถุชนอันรุ่งเรือง ผู้คนที่สัญจรไปมานั้นไม่ขาดสาย


“อ๊าก!”


ผู้เฒ่าอมตะแทบคลั่ง เขาถูกโยนลงไปในบ่ออุจจาระ กลิ่นเหม็นเกินทน แต่ไม่ว่าเขาตะโกนคำรามอย่างไรก็ไร้ผล เสียงของเขาไม่อาจส่งออกไปนอกหิน


“เสพสุขกับชีวิตที่เหลือนี้ให้พอ”


จอบเซียนจากไปด้วยความพึงพอใจ


...


อีกด้าน เส้นทางต่าง ๆ ล้วนมีการเคลื่อนไหว กองกำลังจากอาณาจักรน่าประหวั่นพรั่นพรึงเหล่านี้ทยอยมาถึง


พวกเขาแข็งแกร่งมากจริง ๆ ผนึกในเส้นทางไม่อาจกีดขวางพวกเขาได้เลย พวกเขาทลายผนึกเส้นทางได้อย่างง่ายดาย เยื้องย่างออกจากเส้นทางทั้งหลาย


จากนั้น สงครามมากมายเปิดฉากในเส้นทาง


ลั่วสุ่ย มัจฉาสัตมายา และเต่าชราล้วนไปถึงที่หมาย สู้ศึกอย่างดุเดือด


เสี่ยวหยาและพี่ชายร่วมพิทักษ์เส้นทางเดียวกัน


ลำนำศึกชวนให้ฮึกเหิมเลือดร้อนบรรเลงโดยเสี่ยวหยา พี่ชายเสี่ยวหยาต่อสู้โชกเลือด สีหน้าเยียบเย็น พลังของเขาทวีคูณด้วยลำนำศึกตั้งไม่รู้กี่เท่า เขาหลอมดาบใหญ่ออกมาเล่มหนึ่งด้วยพลังนั้น ฟาดฟันเหล่าศัตรูจนสิ้น!


อีกฝ่ายมีกำลังรบเหนือเทียนตี้เช่นกัน อนิจจา ภายใต้เสียงฉินของเสี่ยวหยา กำลังรบเหนือเทียนตี้เหล่านั้นถูกย่อหย่อนรุนแรง กำลังรบด้อยลงไปอย่างยิ่งยวด


พรสวรรค์ด้านฉินของเสี่ยวหยาน่าทึ่งเหลือเกิน ภายหลังได้วิชาเพลงฉินทั้งหมดจากคุณชาย ความสำเร็จในวิถีแห่งฉินยิ่งพัฒนาพุ่งพรวด


แม้กระทั่งกำลังรบเหนือเทียนตี้ยังไม่อาจต้านทานบารมีแห่งเพลงฉิน ถูกกดพลังลงอย่างน่าอนาถ


พี่ชายเสี่ยวหยาลงมือด้วยความเด็ดขาด มิได้ละล้าละลังแม้แต่น้อย เขาเสมือนพลทหารมากประสบการณ์ ผ่านสงครามมาแล้วโชกโชน เอาชีวิตทุกกระบวนท่า ไม่ให้โอกาสศัตรูแม้แต่น้อย


แม้กระทั่งกำลังรบเหนือเทียนตี้ยังตะลึงกับพี่ชายเสี่ยวหยา เขาเป็นใครกัน เสมือนถือกำเนิดเพื่อการเข่นฆ่าในใต้หล้า!


ในอดีต พี่ชายเสี่ยวหยาเคยถวายชีวิตรับใช้กองกำลังมืดแห่งหนึ่งอย่างยาวนาน ทุกวิชาที่เขาได้เรียนรู้ ล้วนเป็นวิชาพิฆาต ปราศจากลูกไม้แพรวพราว ทุกกระบวนท่าล้วนเพื่อเอาชีวิตศัตรูทั้งนั้น


โลหิตเศษเนื้อกระเด็นเปรอะเปื้อนทั้งตัวและใบหน้าของเขา กระนั้นเขาหาได้แยแสไม่ เย็นชาประดุจอาวุธฆ่าคน ปลิดชีพศัตรูคนแล้วคนเล่าด้วยดาบของเขา


ทว่าสายตาของเขาสดใสเกลี้ยงเกลา ไม่ได้รับผลกระทบจากการเข่นฆ่านี้เลยสักนิด


คุณชายมอบหนังสือให้เขามากมาย เปลี่ยนแปลงตัวเขาไปมหันต์ หากมิได้หนังสือเหล่านั้น หากเขามิได้ลิ้มรสประสบการณ์ ‘ชีวิต’ ในหนังสือครั้งแล้วครั้งเล่า เขาอาจไม่สามารถก้าวผ่านมาได้จริง ๆ คงถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ กลายเป็น ‘อาวุธ’ เข่นฆ่ากระหายเลือดอย่างแท้จริง!


การต่อสู้ในเส้นทางอื่นต่างดุเดือดเหลือแสนเช่นเดียวกัน และสิ่งมีชีวิตที่ก้าวออกจากเส้นทางล้วนแข็งแกร่งสยดสยอง มีกำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้อยู่


แต่พวกเขาไม่อาจก่อกรรมทำเข็ญได้เลย ของวิเศษที่คุณชายประทานวิเศษอย่างยิ่ง แม้แต่กำลังรบเหนือเทียนตี้เหล่านั้นยังสู้มิได้ ถูกกำราบลงทั้งสิ้น!


และหากเรื่องเหล่านี้แพร่งพรายออกไป คงได้สะเทือนเลือนลั่น เป็นที่ตกตะลึงของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรทั้งปวง


อาณาจักรแต่ละแห่งที่ทรงพลังน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าอาณาจักรเก้าตอนบน กลับถูกปราบปรามสังหารอย่างง่ายดาย น่ากลัวเหลือเกิน!


ถึงอย่างไร ที่นี่ก็เป็นเพียงอาณาจักร ‘ชั้นล่าง’ กลับมีชัยเหนืออาณาจักรน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากมายเหล่านั้นได้ ทั้งยังกำจัดไม่เหลือซาก ผู้ใดเล่าจะคาดถึง!?


มิมีผู้ใดกล้าคิดเลย!


...


อีกด้าน ต้าเต๋อหามาก้อนหนึ่ง วางลงข้างหม้อใหญ่ที่เขาตั้งขึ้น


เขาเอนกายบนหิน ดื่มสุราไปพลาง เคาะหม้อด้วยตะหลิวไปพลาง


“เมื่อใดวิหคทองของข้าจะมาเสียที!” เขาบ่นพึมพำ


สิ่งมีชีวิตในสถานที่แห่งนี้ที่ถูกกำราบลง มิมีผู้ใดเข้าใจความหมายในวาจาของต้าเต๋อ


วิหคทองอันใด?


วิหคทองจากไหนกัน?


และตอนนั้นเอง ต้าเต๋อเด้งตัวขึ้นจากก้อนหิน


“มาแล้ว ๆ!”


เขาอ้าปากหัวเราะ น้ำลายแทบไหลย้อยลงพื้น


ด้านเส้นทางมีการเคลื่อนไหว ‘วิหคทอง’ ที่เขาเฝ้าถวิลหามาแล้ว!


“ตุ๋นน้ำแดง นึ่งสด หรือจะต้ม! ข้าคิดได้แล้ว อย่างละจานแล้วกัน!”


เขาเช็ดน้ำลายที่ไหลย้อยจากมุมปาก ดวงตาเล็ก ๆ เฝ้ามองเส้นทางอย่างมีความหวัง


วิหคทองเชียวนะ ต้องอร่อยมากแน่ ๆ!


มีความผันผวนออกมาจากด้านในเส้นทาง จากนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตลงมือทำลายผนึก เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งมีชีวิตนั่นทรงพลังเป็นอย่างมาก ตราผนึกเกิดความผันผวนไม่เสถียรอย่างรุนแรง มีพลังอันแข็งแกร่งรั่วไหลออกมา


“มาเร็ว ๆ เข้า รีบมาลงหม้อเร็วเข้า!”


ต้าเต๋อยิ้มกว้าง มือข้างหนึ่งถือตะหลิว ดวงตาเปล่งประกาย ตั้งตารอคอยเป็นอย่างมาก


เขาไม่เคยลิ้มรสเนื้อวิหคทอง ทั้งยังไม่เคยพบมาก่อน แต่เขาก็เคยอ่านเรื่องเล่าและเห็นรูปของวิหคทองผ่านตามาบ้าง


ตามเรื่องเล่าปรัมปราเก่าแก่กล่าวว่าอาหารของวิหคทองคือเผ่ามังกร ไม่ต้องคิดมากก็รู้ได้ทันทีว่าเนื้อของวิหคทองที่กินมังกรเป็นอาหารจะต้องอร่อยมาเป็นแน่


คิดถึงตรงนี้แล้วน้ำลายของเขาก็ไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่


ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงระเบิดดังออกมาจากเส้นทาง ตามด้วยสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่เดินออกมา


สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เดินออกมาพร้อมกับกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ น่าขยะแขยงจนทำให้คนทนรับไม่ไหว


“เอ๊ะ?”


ต้าเต๋อตกตะลึง ดวงตานิ่งค้าง ตะหลิวในมือตกลงบนพื้นลงเสียงกังวาน


“อ้ายฉาน!!!”


เขากัดฟันแน่นจนแทบแตก


เขาถูกขุดหลุมใส่เสียแล้ว ที่ออกมาเป็นวิหคทองที่ไหนกัน มีแต่ซากศพออกมาร่างแล้วร่างเล่า!


ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกินเลย เพียงแค่มองและได้กลิ่นซากศพเน่าเปื่อยเหล่านี้ อวัยวะภายในเขาก็บิดม้วนอย่างรุนแรง รู้สึกอย่างจะอาเจียนออกมา


เหนือยิ่งกว่ามัมมี่ก็ยังมีซากศพเปื่อยเหล่านี้!


ซากเน่าเปื่อยเหล่านั้นยังมีเลือดสกปรกไหลริน ทั้งเลือดทั้งเนื้อต่างเน่าเฟะ หากดูใกล้ ๆ แล้วคล้ายจะมีหนอนชอนไชไปมา น่าสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง!


เขาโมโหจนแทบระเบิดออกมาแล้ว ก่อนหน้านี้เขาขอบคุณอ้ายฉานเป็นอย่างมาก ทั้งยังคิดว่าอ้ายฉานดีกับเขาจริง ๆ จึงวางหน้าที่ให้เขารับผิดชอบตรงนี้ เพื่อให้เขาได้มี ‘วิหคทอง’ เอาไว้กิน


ทว่าตอนนี้เขารู้แจ้งแล้ว อ้ายฉานร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับขุดหลุมใส่เขาเช่นนี้!


“เอ๋ เจ้าโล้นน้อยนั่นเตรียมหม้อพร้อมแล้ว ทั้งยังจุดไฟจนน้ำเดือดเรียบร้อย หรือว่าคิดจะกินพวกเรากัน!”


ซากศพเน่าเฟะร่างหนึ่งเอ่ยออกมา ศีรษะของมันหายไปครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นเลือดและเนื้อเน่าเปื่อย ปากแสยะกว้างเผยให้เห็นฟันเหลืองเก่า ๆ เต็มไปหมด


มันคว้าหนอนสีขาวจำนวนหนึ่งออกมาจากร่าง ก่อนจะเอาใส่ปากแล้วเคี้ยวกิน


“ผู้อื่นเวลาเห็นพวกเราก็ขยะแขยงจนอยากอาเจียนแล้ว แต่เจ้าโล้นน้อยนี่สุดยอดจริง ๆ ไม่ธรรมดายิ่งนัก ไม่เพียงแต่จะไม่ขยะแขยง ยังถึงขั้นเตรียมพร้อมจะกินพวกเราด้วย ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”


มันกล่าวกับต้าเต๋อด้วยความชื่นชม นี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นคนสุดยอดเช่นนี้


“อามิ...ต้าเต๋อฝอ ไสหัวไปให้พ้นเสีย คิดว่าข้าต้าเต๋อฝอจะกินพวกเจ้าลงอย่างนั้นหรือ ไสหัวไปเสีย…!”


ต้าเต๋อสบถออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านไปเพียงไม่เท่าไหร่ เขาก็ทนต่อไปไม่ไหว อาเจียนออกมายกใหญ่


“สุราชั้นยอดของข้า!”


เขาร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาเพิ่งดื่มสุราลงไปเมื่อครู่ ตอนนี้กลับอาเจียนออกมาหมดแล้ว!


“อ้ายฉาน ข้าจะต้องสะสางบัญชีในครั้งนี้แน่ อย่าปล่อยให้ข้าได้มีโอกาสเชียว!”


เขาเอ่ยอย่างโกรธเคือง แค้นครั้งนี้นับเป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่มีทางปล่อยผ่านไปทั้งแบบนี้ ในอนาคตหากมีโอกาส เขาจะต้องเอาคืนอย่างแน่นอน!


“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าตั้งหม้อ จุดไฟต้มน้ำจนเดือดแล้ว เช่นนี้ก็อย่าทำให้เสียเปล่า มาทำให้อาหารให้เจ้ากันเถอะ!”


ซากศพเน่าเปื่อยตนหนึ่งกล่าวขึ้นก่อนทะยานไปทางต้าเต๋อ ขณะเคลื่อนไหวก็มีหนอนจำนวนมากร่วงหล่นลงมาจากร่างเน่าเปื่อย ไม่กล่าวเลยว่ามันน่าแขยงมากถึงเพียงใด


“ขี้เถ้าสู่ขี้เถ้า ธุลีสู่ธุลี ตายไปแล้วยังคิดทำสิ่งใดวุ่นวายอีก!? วันนี้ข้าต้าเต๋อฝอจะมาโปรดสัตว์ให้พวกเจ้าทั้งหลายเอง!”


ต้าเต๋อเคลื่อนไหว แสงพุทธะเรืองรองสว่างทั่วร่าง แต่เดิมเขาก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ทั้งยังได้รับผลประโยชน์มากมายจากคุณชาย ขอบเขตในตอนนี้ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง สามารถสัมผัสได้ถึงขั้นสูงสุด กลายเป็นกึ่งขั้นสูงสุดแล้ว


เขายกกำปั้นน้อย ๆ แสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า ท่าทางดูดุดันเป็นอย่างยิ่ง นี่คือหมัดวัชระอันเป็นอิทธิฤทธิ์ของพุทธศาสนา


“ไม่ ๆ! มันเหม็นเกินไป!”


แต่แล้วเขาก็เลิกตั้งท่าทางหลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นจากอีกฝ่าย กลิ่นนั้นเหม็นเน่าเกินจะทนจริง ๆ


ซากศพเน่าเปื่อยไม่สนใจท่าทางของเขา ล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในตัวดึงกระดูกสันอกออกมาจากร่างเน่าเปื่อย พุ่งเข้าฟันใส่ต้าเต๋อ


ต้าเต๋อตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบยกมือขึ้นป้องกันการโจมตีจากกระดูกสันอก ทั้งสองฝ่ายปะทะเกิดเป็นเสียงคล้ายโลหะกระทบกัน กลายเป็นคลื่นพลังแผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรง


แกร่ก!


มีเสียงกระดูกดังขึ้น ก่อนที่กระดูกทั้งหมดจะแตกออกเป็นเศษกระจายไปทั่วพื้น


“นี่มันอะไรกัน!”


ซากศพเน่าเปื่อยเอ่ยด้วยความตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น


จะคาดคิดได้อย่างไร!?


มันคือซากศพระดับเทียนตี้ กระดูกสันหลังก็เป็นกระดูกเทียนตี้ ทว่ากลับถูกทำลายภายใต้หมัดเล็ก ๆ ของต้าเต๋อ นับว่าน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง


เป็นไปได้อย่างไรที่กึ่งขั้นสูงสุดจะมีสังขารแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?


มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนแม้แต่น้อย!


ใช่แล้ว แม้ขอบเขตของต้าเต๋อจะไม่สูงล้ำ ทว่าร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาได้กินอาหารรสเลิศและร่ำสุรากับคุณชาย ร่างกายของถูกหล่อหลอมจนในตอนนี้ก้าวข้ามเหนือยิ่งกว่าขั้นเทียนตี้ไปแล้ว


“กินหมัดของข้าต้าเต๋อฝอไปเสีย!”


ต้าเต๋าไม่ได้มีรูปร่างใหญ่โต แต่ก็ดูทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง เขาเหวี่ยงกำปั้นใส่ซากศพเน่าเปื่อย ด้านซากศพเน่าเปื่อยนั้นก็ไม่กล้าปะทะด้วยโดยตรงกระโจนหลบออกไปรอบ ๆ


“เข้าใจแล้ว เจ้ามีดีแค่ร่างกายสินะ!”


ซากศพเน่าเปื่อยแย้มยิ้มเย็นชา มันมองเห็นสภาพการณ์ของต้าเต๋อแล้ว มันสามารถหลบการโจมตีของต้าเต๋อได้อย่างง่ายดาย แสดงให้เห็นว่าขอบเขตการฝึกตนของต้าเต๋อนั้นไม่แข็งแกร่งพอที่จะเร่งความเร็วตามมันได้


มันยังคงรักษาระยะห่างกับต้าเต๋อ ป้องกันไม่ให้ถูกเข้าประชิด หลังจากนั้นก็ใช้วิชาระดับเทียนตี้ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อระดมโจมตีต้าเต๋อ


ทว่าพลังที่ระดมโจมตีใส่กลับไม่อาจทำอะไรต้าเต๋อได้ ไม่อาจทำร้ายได้แม้แต่เส้นผมสักเส้นของต้าเต๋อ


ต้าเต๋อกำหมัดแน่นพุ่งไล่ตามโจมตีซากศพเน่าเปื่อย หมายเข้าไปต่อสู้ติดพันระยะประชิดกับซากศพเน่าเปื่อย


ซากศพเน่าเปื่อยจะยอมให้โอกาสเช่นนั้นกับต้าเต๋อได้อย่างไร ไม่มีทางเป็นไปได้!


ต้าเต๋อไล่ตามจนหอบหายใจ ไม่อาจแตะต้องได้กระทั่งเงาของซากศพเน่าเปื่อย ขอบเขตของมันสูงมากกว่าเขาเกินไป


“มาสิ อย่างหยุดเสียเล่า ไล่ตามต่อไป ข้าไม่ทำให้เจ้าเหนื่อยตายหรอก!”


ซากศพเน่าเปื่อยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ต้าเต๋อมีเพียงร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากเท่านั้น ไม่มีภัยคุกคามใด ๆ กับมันเลย


“ไม่ไล่ตามแล้ว!”


ต้าเต๋อทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น ล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้ระยะประชิดอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเขาจะไล่ตามมันไปจนสุดขอบโลกก็ยังไม่อาจตามทัน


“ยอมแพ้แล้วหรือ?”


“เด็กเหลือขอสุดท้ายก็ยังเป็นเด็กเหลือขอ เจ้ากระโดดลงไปในหม้ออย่างว่าง่ายด้วยตนเองเสียเถอะ!”


ร่างซากศพเน่าเปื่อยร่างอื่น ๆ ก็พากันหัวเราะ ปฏิบัติกับต้าเต๋อเป็น ‘ของเล่น’ ชิ้นหนึ่งอย่างสมบูรณ์ ไม่มีความหวาดกลัวใดอยู่แม้แต่น้อย


จะให้หวาดกลัวสิ่งใด?


มีอะไรจำเป็นให้ต้องหวาดกลัวกัน


“ต้องกล่าวว่า พวกเจ้าสิต้องทำตัวว่าง่ายอย่าได้วิ่งหนีไปไกล สู้กับข้าระยะประชิดพวกเจ้าอาจยังพอมีโอกาสได้เคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจะไม่มีแม้แต่โอกาสได้ลงมือทำสิ่งใด!”


ต้าเต๋อนั่งลงบนพื้น แล้วกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง


นี่คิดจะข่มขวัญพวกมันอย่างนั้นหรือ?


ซากศพเน่าเปื่อยทุกร่างพากันรู้สึกขบขัน ต้าเต๋าเอาความกล้าหาญอันใดว่ากล่าววาจาเหล่านี้


พวกมันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายข่มขู่ต้าเต๋อ!



เหล่าซากศพเน่าเปื่อยต่างพากันหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่ละร่างล้วนดูน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก ภายในปากเต็มไปด้วยฝันสีเหลืองผุ ๆ ต้าเต๋อมองดูแล้วรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง


“หยุดหัวเราะ มีตรงไหนน่าขบขันกัน!”


ต้าเต๋อตำหนิอย่างจริงจัง นี่กำลังดูแคลนเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ? แต่ทว่าเขาเองก็สามารถเข้าใจได้ อย่างไรเสียเขาก็อายุเพียงไม่กี่ขวบปี ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าเขาจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก


“ก็ไม่มีอะไรน่าตลกจริง ๆ เสียเวลากับเด็กเหลือขอมากไปแล้ว สังหารมันเสีย!”


“พวกเรายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมาย!”


เหล่าซากศพเน่าเปื่อยเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สนใจอะไรต้าเต๋อมากนัก


ซากศพเน่าเปื่อยจำนวนนับไม่ถ้วนทำการลงมือโจมตีสังหารต้าเต๋อ พวกมันต่างก็ไม่ต้องการจะเข้ามาต่อสู่ระยะประชิดกับต้าเต๋อ แม้ว่าในหมู่พวกมันจะมีผู้อยู่เหนือขั้นเทียนตี้สามารถต่อสู้ระยะประชิดและสังหารต้าเต๋อได้


ทว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น


พวกมันคร้านจะเข้าไปพัวพันอะไรกับเด็กวัยเพียงไม่กี่ขวบปี


ต้าเต๋อถอนหายใจออกมา ก่อนส่ายศีรษะเล็กน้อย “ข้ามอบโอกาสให้แต่พวกเจ้ากลับไม่คว้าเอาไว้ ช่างมันเถอะ ข้าจะส่งและโปรดสัตว์ให้พวกเจ้าเอง”


เขากระโดดขึ้นจากพื้น ตบฝุ่นดินออกจากบั้นท้าย จากนั้นก็เรียกใช้ประคำ!


“วันนี้ข้าต้าเต๋อฝอจะสำแดงบารมีพุทธะให้ได้ยล ความชั่วร้ายเช่นพวกเจ้าจักต้องดับสูญ!”


ต้าเต๋อกล่าวเสียงดัง ประคำลอยขึ้นไปบนฟ้าสูงลิบอย่างรวดเร็ว แสงพุทธะจำนวนนับไม่ถ้วนสาดส่องลงมา มีเสียงสวดมนต์ดังสะท้อนก้อง ประหนึ่งว่าเป็นเสียงสวดมนต์ของสรรพสัตว์จำนวนนับไม่ถ้วนจากหมื่นอาณาจักร


ตู้ม!


ปรากฏพระพุทธรูปขนาดใหญ่ลอยออกมาจากประคำ ทั้งร่างเปล่งปลั่งสว่างไสว ไหลเวียนด้วยพลังอำนาจสูงสุด ส่องแสงประหนึ่งสามารถสาดทอไปทั่วถึงสวรรค์ทั้งเก้า


พระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศประหนึ่งสามารถปราบปรามได้ทั้งท้องนภา อยู่ยืนยงคงกระพัน ลมหายใจที่แผ่ออกมาอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง ดุจดั่งเซียนพุทธสีทองอร่าม


หากพินิจดูแล้ว พระพุทธรูปทององค์ใหญ่นี้มีหน้าตาเหมือนกับต้าเต๋อเป็นอย่างมาก ราวกับเป็นต้าเต๋อในร่างที่โตขึ้น


และความจริงก็ไม่ต่างอะไรจากนี้นัก


นี่เป็นประคำที่คุณชายทำขึ้นเองเพื่อต้าเต๋อ ย่อมต้องยึดสิ่งสูงสุดเป็นต้าเต๋อ ไม่ใช่พระอามิตภะพุทธเจ้าหรือฝอองค์อื่น ๆ!


เสียงนับไม่ถ้วนที่สวดท่องมนต์ย่อมไม่ได้เอ่ยถึงพระอมิตภะพุทธเจ้า แต่เป็นต้าเต๋อฝอ!


ดังนั้นแล้วพระพุทธรูปสีทองที่ปรากฏขึ้นจึงเป็นรูปลักษณ์ของต้าเต๋อในอนาคต


ฝ่ามือสีทองตบลงมางดงามและยิ่งใหญ่ เกิดเสียงราวกับท้องฟ้าทลาย สั่นสะท้านทำให้หัวใจของคนจับจ้องต่างตื่นตะหนก ไม่สามารถแม้แต่จะคิดต่อต้านได้โดยสิ้นเชิง


เหล่าซากศพพากันมองด้วยความหวาดผวา ต่างสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลจากต้าเต๋อ พวกมันพากันมองมาด้วยสายตาเหลือเชื่อ เจ้าโล้นน้อยไม่ได้กล่าวข่มขู่ แต่เอ่ยวาจาสัตย์จริง หากไม่เข้าไปต่อสู้ระยะประชิดกับโล้นน้อย พวกมันก็ไม่มีโอกาสจะลงมือทำสิ่งใดเลยจริง ๆ!


เมื่อฝ่ามือสีทองร่วงหล่นลงมาแล้ว พวกมันย่อมไม่มีโอกาสรอด ช่องว่างระหว่างพลังมีอยู่มากเกินไป พวกมันจะต้องถูกสังหารตายภายในพริบตาเป็นแน่


ในตอนนี้พวกมันเต็มไปด้วยความเสียใจและเคว้งคว้าง หากเลือกได้อีกครั้ง พวกมันจะต้องเลือกเข้าไปสู้ระยะประชิดอย่างแน่นอน!


อย่างน้อยพวกมันอาจมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่านี้สักนิด...


ฝ่ามือสีทองพุ่งลงมา พลังอันยิ่งใหญ่เกินต้านท้าน ‘ชำระล้าง’ ซากศพเน่าเปื่อยทั้งหมดในทันทีจนหายลับไปในแสงพุทธะอันเจิดจรัส ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น!


เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตของแดนอันตรายก่อนหน้านี้ทั้งหมด พวกมันล้วนถูกแสงพุทธะ ‘ชำระล้าง’!


“คุณชายช่างทรงพลังยิ่งนัก!”


ต้าเต๋อเก็บประคำด้วยความรู้สึกเคารพยำเกรงคุณชายที่มากขึ้น


ประคำเพียงหนึ่งเส้น ด้วยฝีมือของคุณชายก็สามารถแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ หากเขาไม่ได้พบเห็นรับรู้ด้วยตนเอง เกรงว่าตีจนตายเขาก็ไม่อาจเชื่อได้


ขณะนั้นเอง ของชิ้นหนึ่งบนร่างของเขาก็สว่างขึ้น ตามด้วยเสียงที่ดังขึ้นมา


“นี่ต้าเต๋อ เนื้อวิหคทองอร่อยหรือไม่?”


อ้ายฉานส่งเสียงหัวเราะด้วยความสนุกสนานออกมา หลังจากนางจัดการปัญหาของเส้นทางที่ได้รับมอบหมายแล้ว นางก็เอ่ยถามสถานการณ์ของฝั่งต้าเต๋อ ต้องการจะรู้ว่าต้าเต๋อมี ‘ความสุข’ มากเพียงใด


“อร่อยของเจ้าน่ะสิ! ทั้งหมดล้วนเป็นซากศพเน่าเปื่อย แค่มองดูก็อาเจียนได้หลายปี!”


ต้าเต๋อตอบอย่างคับแค้นใจ


“อ้าว ไม่ใช่อาณาจักรของวิหคทองหรือ? สงสัยข้าจะจำผิด ขอโทษด้วย บางทีข้าอาจจำผิดไปจริง ๆ”


อ้ายฉานตอบกลับ แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่อาจหยุดหัวเราะได้ ดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง


ต้าเต๋อจบการติดต่อไป จดจำสิ่งนี้เอาไว้ในใจ วันข้างหน้าอย่าปล่อยให้เขาได้มีโอกาสบ้าง เขาจะต้องเอาคืนอ้ายฉานอย่างแน่นอน!




สิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรทั้งหมดที่มาตามเส้นทางต่างถูกปราบปรามและสังหารตายทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น!


สิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านี้ ต่างหาดีไม่ได้สักตัว เพื่อแสวงหาความก้าวหน้าและอายุที่ยืนยาว พวกมันล้วนเลือกเดินบนเส้นทางอันต่ำช้าและนองไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าได้สังหารสิ่งมีชีวิตไปมากน้อยเพียงใด


ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรทิ้งพักพวกเหล่านั้นไว้ในอาณาจักรแห่งนี้ ทั้งเคยก่อความวุ่นวายมาครั้งแล้วครั้งเล่า เก็บเกี่ยวชีวิตไปเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง


เรื่องเหล่านี้สามารถสืบย้อนกลับไป มีหลักฐานข้อเท็จจริงชัดเจน ทั้งหมดล้วนผ่านการตรวจสอบของพวกเมิ่งจีมาหมดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสังหารสิ่งมีชีวิตภายนอกอาณาจักรทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น


หากไม่ใช่เพราะสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านี่ชั่วร้ายเลวทราม โหดเหี้ยมและบิดเบี้ยว พวกเขาก็คงไม่สังหารล้างสิ้นเช่นนี้ การปล่อยพวกมันทิ้งเอาไว้ในอาณาจักรแห่งนี้นับเป็นการขาดความรับผิดชอบ


“ข้าจะรับหน้าที่เก็บกวาด วันข้างหน้าเมื่อแดนบรรพโกลาหลปรากฏขึ้น ทั้งหมื่นอาณาจักรคงไม่อาจอยู่อย่างสงบ จะต้องมารวมตัวกันยังที่แห่งนี้ จึงจำเป็นต้องสยบเอาไว้เสียบ้าง!”


เมิ่งจีกล่าวว่าตนเองจะเก็บซากศพของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรที่ออกมาจากเส้นทางทั้งหมดเอาไว้


การปรากฏตัวของแดนบรรพโกลาหลนั้นเป็นเรื่องจริง ทั้งยังเป็นแค่เรื่องของเวลา โดยเฉพาะตามที่หลิงอินเล่ามา บอกว่าเรื่องราวของแดนบรรพโกลาหลแพร่หลายอย่างกว้างขวางในอาณาจักรอวี้ซวี สิ่งมีชีวิตจำนวนมากเตรียมมายังอาณาจักรแห่งนี้


และเรื่องราวของแดนบรรพโกลาหลก็จะแผ่กระจายออกไปมากกว่านี้ในระยะเวลาไม่นาน เมื่อถึงตอนนั้น สิ่งมีชีวิตจากหมื่นอาณาจักรก็ล้วนจะแห่กันมายังอาณาจักรแห่งนี้ เกิดเป็นความวุ่นวายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้


เมื่อถึงยามนั้นก็จำเป็นต้องมีการสยบขวัญ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรกล้าก่อความวุ่นวาย


สิ่งนี้สำคัญเป็นอย่างมาก สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ได้อย่างมาก ทั้งยังสามารถป้องกันอาณาจักรแห่งนี้จากการถูกทำลาย


หากถึงตอนนั้นแล้วพวกเขาเอาซากศพของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ออกมา จะต้องมีผลในการใช้ขู่ขวัญอย่างมากเป็นแน่


อย่างไรเสียอาณาจักรที่อยู่เบื้องหลังแดนเหล่านี้ก็แข็งแกร่งและน่าหวาดเกรงเสียยิ่งกว่าอาณาจักรเก้าตอนบน!




ด้านนอกเมืองชิงซาน


ตงฟางเวิ่นกำลังซ่อนตัวอยู่ในระยะใกล้เพื่อรอชมการแสดงดี ๆ


เขาเฝ้ารอที่จะได้ชมการแสดงนี้เป็นอย่างมาก จึงรีบกลับมาก่อนที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจะมา


“เขามาแล้ว เขามาแล้ว มาพร้อมกับรอยยิ้มเต็มหน้าด้วย!”


ในตอนนั้นเองดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นมา บนถนนใหญ่ที่มุ่งตรงเข้าไปยังเมืองชิงซาน จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกำลังเดินเชิดหน้า ดูเหมือนว่าเขากำลังอารมณ์ดีจึงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากเป็นระยะ


“ตอนนี้ยิ่งยิ้มอย่างมีความสุขมากเท่าใด เมื่อต้องร้องไห้ภายหลังยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น น้องชาย ข้าจะภาวนาให้เจ้าในใจ ขอให้ต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินเบามือกับเจ้าด้วย!”


ตงฟางเวิ่นแสยะยิ้ม


อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกำลังตื่นเต้นและมีความสุขเป็นอย่างมาก


เขาจะไม่ตื่นเต้นและมีความสุขได้อย่างไร?


เขาจะได้พบคุณชายในอีกเร็ว ๆ นี้ ทั้งยังได้ชำระแค้นอย่างสาสมเสียที!


อันที่จริง เดิมทีเขาควรมาถึงตั้งนานแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย เขาจึงฝึกซ้อมหลายครั้งระหว่างทาง พยายามให้ตนเองมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในการโจมตีครั้งเดียวสามารถปราบปรามต้นหลิวและเจ้าก้อนหินได้!


‘ทุกอย่างล้วนฝึกฝนจนไม่อาจชำนาญไปมากกว่านี้ได้แล้ว ครั้งนี้จะต้องไม่ผิดพลาดเด็ดขาด!’


จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าวในใจอย่างชื่นมื่น


ความเร็วในการลงมือที่เขาฝึกฝนมานั้นทลายขีดจำกัดเดิมของตนไปอย่างสิ้นเชิง ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินจะต้องตอบสนองไม่ทัน ถูกเขาปราบลงได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวอย่างแน่นอน!


‘ใช้กิ่งหลิวฟาดก้อนหิน และเอาก้อนหินทับต้นหลิว ลุยเลย!’


เขาตะโกนในใจด้วยความตื่นเต้น


ในที่สุดความแค้นครั้งใหญ่ก็จะได้รับการสะสางแล้ว!