บทที่ 566
ผนึกบนเส้นทางสังสารวัฏเกิดความผันผวนขึ้นมา เมิ่งจีรู้ได้ทันทีว่าคนจากแดนสังสารวัฏได้มาเยือนแล้ว
“ไม่ใช่เพียงแค่แดนสังสารวัฏเท่านั้น แต่กองกำลังจากอาณาจักรอื่นเองก็ไม่ยอมอยู่เฉยด้วย”
ดวงตาของเมิ่งจีวาววับ ตอนที่เขาปิดผนึกเส้นทางเหล่านี้ เขาก็คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าอาณาจักรเหล่านี้จะต้องตอบโต้กลับอย่างแน่นอน
อย่างไรเสีย อาณาจักรเหล่านี้ก็ไม่มีอาณาจักรแห่งไหนธรรมดาสามัญ แต่ละแห่งต่างน่าสะพรึงกลัวไม่แพ้อาณาจักรเก้าตอนบน พวกเขาต่างก็ว่างแผนการด้านในอาณาจักรแห่งนี้มาเป็นเวลานาน จะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร
เขาไม่ได้ไร้เดียงสาถึงปานนั้น
อาณาจักรเหล่านั้นจะต้องตอบโต้อย่างแน่นอน ทั้งยังเป็นการตอบโต้อย่างรุนแรง
“สือเฟิง เจ้ามาเถอะ มีเรื่องบางอย่างจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ท่านมาที่นี่ได้หรือไม่?”
“เซี่ยเหยียนตอนนี้เจ้าว่างหรือไม่? โอ้ เจ้าว่างก็ดีแล้ว รบกวนช่วยแจ้งเรื่องนี้ให้หลิงอินและลั่วสุ่ยทราบด้วย”
…
เมิ่งจีหยิบศาสตราสื่อสารออกมา เริ่มทำการติดต่อคนอื่น ๆ นี่นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เกี่ยวพันกับความปลอดภัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักร หากไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียอาศัยเพียงพวกอ้ายฉานย่อมไม่เพียงพอ เขาจึงต้องขอให้สือเฟิงและคนอื่น ๆ มาเพื่อช่วยเหลือ
สือเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างได้รับผลประโยชน์มากมายจากคุณชาย ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพียงแค่คนเดียวก็สามารถจัดการหนึ่งเส้นทางได้อย่างแน่นอน
คุณชายฝากฝังหน้าที่นี่ให้เขาแล้ว ทั้งยังส่งพวกอ้ายฉานมาช่วยเหลือเขา นี่แสดงให้เห็นว่าคุณชายจะไม่ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านี้เข้ามาอาละวาดเข่นฆ่าอย่างไม่เลือกหน้าในอาณาจักรแห่งนี้
และเป็นเพราะคุณชายส่งพวกอ้ายฉานมาช่วยเหลือเขา จึงทำให้เขาสามารถเข้าใจความต้องการของคุณชายได้อย่างแน่ชัด จึงกล้าเอ่ยร้องขอให้สือเฟิงและคนอื่น ๆ เข้ามาช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าเอ่ยถามหาความช่วยเหลือจากคนรอบกายของคุณชายโดยง่ายเช่นนี้
เขาสามารถปล่อยให้สิ่งมีชีวิตภายนอกอาณาจักรเข้ามาได้ แต่พวกเขาเหล่านั้นต้องประพฤติตัวดี ไม่กำแหงกระทำการมุทะลุ และสิ่งที่สำคัญสุดคือ การต่อสู้ครั้งแรกกับสิ่งมีชีวิตภายนอกอาณาจักร ขอเพียงแค่พวกเขาสามารถกำราบพวกมันในครั้งนี้ได้ ปัญหาความยุ่งยากในอนาคตก็จะน้อยลงมาก สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ก็จะปลอดภัยมากขึ้นด้วย
“ตกลง!”
“กำลังจะไปเดี๋ยวนี้!”
สือเฟิงและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตอบกลับมาทันที จากนั้นก็รีบเดินทางมาหาผู้เฒ่าเมิ่งจี ฟังหน้าที่ตนเองที่ได้รับการแจกแจง
“พี่หลิงอิน ข้ามีเรื่องจะแจ้งให้ท่านทราบ...”
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเหยียนติดต่อกับหลิงอินทันที ก่อนบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ข้าย่อมต้องร่วมมือช่วยเหลืออย่างแน่นอน!”
หลิงอินตอบกลับ นางย่อมกระจ่างแจ้งถึงความสำคัญของการต่อสู้ในครั้งนี้
นอกจากนั้น นางยังเกิดสังหรณ์ว่าที่คุณชายตั้งใจชี้แนะปลูกฝังพวกนาง ก็เพื่อให้พวกนางมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ปกปักษ์สิ่งมีชีวิตทั่วทั้งอาณาจักรให้แคล้วภัย
“ข้าจะบอกลั่วสุ่ยเอง”
นางออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังลานเล็ก ๆ ของคุณชายเพื่อพบลั่วสุ่ย
คุณชายไม่อยู่บ้านโดยบอกว่าจะไปตกปลา ครั้งที่แล้วปลามังกรที่จับได้ดูดีไม่เลว จึงคิดอยากจับมาเพิ่มอีกสักหลายตัว
นางเล่าเรื่องทุกอย่างให้ลั่วสุ่ยฟัง ลั่วสุ่ยเองก็พยักหน้าแล้วตอบรับ “นี่คือสิ่งที่พวกเราสมควรทำ วางใจได้ ข้าย่อมสามารถจัดการหนึ่งเส้นทางได้!”
“ข้าเองก็ทำได้!”
มัจฉาสัตมายาตะโกนขึ้นมา มันเองก็ต้องการมีส่วนร่วม หวังว่าหากมันสามารถทำหน้าที่ได้ดีก็จะได้รับการยอมรับจากคุณชาย ได้รับอนุญาตให้ร่วมทานอาหารด้วย
“เป็นเด็กเป็นเล็ก เจ้าจะสามารถกำราบอาณาจักรเหล่านั้นได้อย่างไร?”
ผู้เฒ่าเต่าที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมา “ข้าเองก็จะไปด้วย ข้าสามารถดูแลหนึ่งเส้นทางได้ รับประกันว่าจะสั่งสอนให้พวกมันว่าง่าย ไม่กล้ามาก่อความวุ่นวายเช่นนี้อีก!”
ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ยืนยาวที่สุดในอาณาจักรอวี้ซวี มันรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เข้าใจเป็นอย่างดีว่าอาณาจักรเหล่านั้นน่ากลัวเพียงใด
แต่ตอนนี้มันได้รับผลประโยชน์อย่างมากจากคุณชาย กลายเป็นเซียนที่แท้จริงแล้ว ดังนั้นมันจึงกล้าที่จะเอ่ยออกมาเช่นนี้
หากเป็นก่อนหน้านี้ มันคงไม่กล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้อย่างแน่นอน
เป็นไปไม่ได้ที่เทียนตี้ผู้หนึ่งจะสามารถจัดการหนึ่งเส้นทางได้ด้วยตัวคนเดียว อาณาจักรเหล่านั้นน่าสะพรึงกลัวจนเกินไป เบื้องหลังล้ำลึกจนชวนให้ผู้คนตกใจจนตายได้
“พี่ชายเต๋า ท่านปู่เต่า ได้โปรดพาข้าไปด้วยเถิด! ข้าจะไปเป็นลูกมือให้ท่านเอง ข้ายังสามารถจัดการกับพวกปลาซิวปลาสร้อยให้ท่านได้!”
มัจฉาสัตมายาอ้อนวอน ไม่อยากพลาดโอกาสในการแสดงฝีมือไป ท้ายที่สุดผู้เฒ่าเต่าก็ไม่อาจทนลูกอ้อนของมัจฉาสัตมายาได้ ยอมตอบตกลง พามัจฉาสัตมายาไปช่วยรับมือกับหนึ่งเส้นทาง
“เช่นนั้นเองหรือ? ข้าเองก็จะรับผิดชอบหนึ่งเส้นทางด้วย!”
จอบเซียนที่พิงผนังเองก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างหลิงอินและสั่วสุ่ย มันเองก็อยากไปช่วยเหลือและมีส่วนร่วมเช่นเดียวกัน
“อาณาจักรม่อเยวียน...คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าข้าจะเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง ใช่แล้ว นึกออกแล้ว นั่นเป็นตอนที่พบกับผู้เฒ่าอมตะ เขากล่าวว่าตนเองกลับมาจากอาณาจักม่อเยวียน!”
จอบเซียนเอ่ยขึ้นมา “ปล่อยเส้นทางของอาณาจักรม่อเยวียนให้เป็นหน้าที่ของข้า!”
“ตกลง”
หลิงอินทิ้งศาสตราสื่อสารชิ้นหนึ่งไว้ให้ลั่วสุ่ย ก่อนกล่าวว่าหากมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้น นางจะแจ้งให้ลั่วสุ่ยทราบโดยเร็วที่สุด
“ไม่มีปัญหา!”
ลั่วสุ่ยตอบกลับพร้อมเก็บศาสตราสื่อสาร
หลังจากนั้นหลิงอินก็กลับไปยังบ้าน เพื่อพาเสี่ยวหยาและพี่ชายของเสี่ยวหยาออกไปรับหน้าที่ปกป้องแต่ละเส้นทางที่ตนเองรับผิดชอบ
“ข้าเคยไปทะเลต้องห้ามมาหลายครั้งจนคุ้นเคยอยู่บ้าง ดังนั้นข้าจะรับผิดชอบเส้นทางของทะเลต้องห้ามเอง”
นางติดต่อเมิ่งจีผ่านทางเซี่ยเหยียน กล่าวว่านางจะรับหน้าที่เส้นทางของทะเลต้องห้ามเอง
เป็นดั่งที่นางกล่าว นางเคยไปทะเลต้องห้ามหลายครั้งจนมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง
“เจ้าโล้นน้อยไม่มีผม ออกมาทำหน้าที่เดี๋ยวนี้นะ!”
ทางฝั่งผู้เฒ่าเมิ่งจี อ้ายฉานหยิบศาสตราสื่อสารออกมาติดต่อต้าเต๋อ บอกให้ต้าเต๋อเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ รับผิดชอบหนึ่งเส้นทาง
ต้าเต๋อนั้นสามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างแน่นอน คุณชายเอ็นดูเขาเป็นอย่างมาก ชอบร่ำสุรากับต้าเต๋อและยังสนทนาทางธรรมด้วย ความแข็งแกร่งของต้าเต๋อนั้นไม่อาจดูแคลนได้ มีมากเกินพอที่จะจัดการหนึ่งเส้นทางได้
“อามิ...ต้าเต๋อฝอ ได้สร้างกุศลครั้งใหญ่เช่นนี้ ข้าต้าเต๋อฝอจะพลาดได้อย่างไร? ขอบคุณพี่อ้ายฉานที่ให้โอกาสกับข้า!”
ต้าเต๋อตอบรับอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็เอ่ยถามว่ามีเส้นทางใดเป็นเส้นทางของเผ่าสัตว์อสูร ไม่ใช่เส้นทางของเผ่ามนุษย์
“อะไรกัน? หมายความว่าอย่างไร?”
เมิ่งจีไม่รู้จักอีกฝ่าย จึงไม่เข้าใจความหมายของคำถามต้าเต๋อ
ทว่าอ้ายฉานรู้จักต้าเต๋อเป็นอย่างดี แค่ได้ยินก็รู้ว่าต้าเต๋อต้องการอะไร จึงบอกกับเมิ่งจี “นี่เป็นจอมตะกละผู้หนึ่ง ที่ถามว่าช่องทางใดเป็นเผ่าสัตว์อสูร ก็เพราะต้องการเตรียมพร้อมไปกิน!”
หลังจากนั้นนางก็หันไปตอบต้าเต๋อ บอกสถานที่แห่งนี้ และให้ต้าเต๋อไปรับผิดชอบเส้นทางที่นั่น
“เจ้าไปเถอะ เส้นทางนี้เหมาะกับเจ้าเป็นอย่างยิ่ง เบื้องหลังของที่นี่คืออาณาจักรของเผ่าวิหคทอง ข้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าวิหคทองอร่อยเพียงใด! รีบไปเสีย อย่าลืมเอาสุราติดเพิ่มไปด้วยเล่า วิหคทองนับเป็นกับแกล้มสุราชั้นยอดที่สุดแล้ว”
อ้ายฉานพูดให้ต้าเต๋อฟัง
“ยังคงเป็นพี่อ้ายฉานที่ดีกับข้าที่สุด! วางใจได้ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะเอาวิหคสองสักตัวสองตัวมาแสดงความขอบคุณกับพี่อ้ายฉาน!”
ต้าเต๋อตอบกลับด้วยความดีใจอย่างสุดชีวิต จากนั้นก็ออกเดินทาง
ส่วนอีกด้านนั้น ผู้เฒ่าเมิ่งจีกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่อ้ายฉานบอกต้าเต๋อ
อาณาจักรของวิหคทอง?
เหตุใดเขาจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?
สถานที่ที่อ้ายฉานบอกกับต้าเต๋อ เบื้องหลังเส้นทางแห่งนั้นคืออาณาจักรซากโลหิต พวกมันล้วนแต่เป็นซากศพเน่าเปื่อย!
“ไม่เป็นไร เจ้าหัวโล้นนี่ย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง หากข้าไม่ได้ขุดหลุมให้เขาร่วงลงไปเสียบ้างคงไม่อาจทนไหว!”
อ้ายฉานกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิดใจ นางยังไม่ลืมการเผชิญหน้าครั้งแรกของตนเองกับต้าเต๋อ เรื่องเก่า ๆ เหล่านี้หวนนึกแล้วทำให้นางรู้สึกโมโหขึ้นมา
…
ณ เส้นทางสังสารวัฏ
มีเสียงระเบิดดังขึ้น จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงทำลายผนึกและแดนออกมาพร้อมกับกำลังพลจากแดนสังสารวัฏ
“สิ่งนี้จะสามารถหยุดยั้งข้าได้อย่างไร? ไม่มีทาง”
เขาแย้มยิ้มอย่างเริงร่า ก่อนจะเก็บกระดานหมากล้อมไป จากนั้นก็สั่งงานเหล่ากำลังพลจากแดนสังสารวัฏ แล้วเตรียมตัวจะไปเยี่ยมเยียนคุณชาย
แน่นอนว่าก่อนจะไปเยี่ยมเยียนคุณชาย เขาต้องแวะไปหาต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินเสียก่อน!
“ครั้งนี้ข้าจะทุบตีพวกเจ้าจนร้องไห้! ครั้งก่อนพวกเจ้าใช้กิ่งหลิวฟาดข้า ใช้ก้อนหินทับข้า! ครั้งนี้เป็นคราวของข้าบ้าง! ข้าจะใช้กิ่งหลิวฟาดก้อนหิน และเอาก้อนหินทับต้นหลิว!”
ภาพที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคิดในใจงดงามอย่างถึงที่สุด
เขาแย้มยิ้มอย่างโง่งมขณะจินตนาการภาพเหล่านนี้
ใครใช้ให้เรื่องเหล่านี้น่าตื่นเต้นเกินไปเล่า!
บทที่ 567
ใช้กิ่งหลิวฟาดก้อนหิน และเอาก้อนหินทับต้นหลิว!
เพียงแค่คิดจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็รู้สึกเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง แทบจะอดทนรอไม่ไหวจนต้องตะโกนไปทางด้านหลัง “เร่งความเร็วเข้า!”
เขาต้องการจะนำกำลังพลเหล่านี้ไปหาที่ปักหลักอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงไปแก้แค้นต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน!
ทว่าในตอนนั้นเองก็เกิดความบิดเบี้ยวขึ้นจากความว่างเปล่า ตามมาด้วยร่างหนึ่งที่ปรากฏออกมา
คนผู้นั้นเป็นชายชราที่มีผมหงอกขาวโพลน ดวงตาที่จับต้องมาทางจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงแจ่มใสเป็นอย่างมาก “พวกเจ้าเป็นคนของแดนสังสารวัฏอย่างนั้นหรือ?”
เขาตื่นเต้นฮึกเหิมด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับแดนสังสารวัฏเป็นอย่างมาก
อย่างไรเสียตั้งแต่เกิดและเติบโตมาในอาณาจักรแห่งนี้ เขามักจะได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเส้นทางสังสารวัฏมาเสมอ เส้นทางสังสารวัฏคงอยู่ยาวนานเกินผู้ใดล่วงรู้ เล่ากันว่าหากสามารถผ่านเส้นทางสังสารวัฏไปได้ก็ประหนึ่งฝืนโชคชะตาสำเร็จ ได้ชีวิตใหม่อีกหนึ่งชาติภพ
เขาอยากรู้เรื่องของเส้นทางสังสารวัฏมาโดยตลอด
ในส่วนของเส้นทางสังสารวัฏ กองกำลังฮวงเฉวียนนั้นมีข้อมูลอยู่อย่างไม่สมบูรณ์ อันที่จริงแล้วไม่ใช่เพียงแค่เส้นทางสังสารวัฏเท่านั้น กองกำลังอื่น ๆ อย่างเช่นอาณาจักรเบื้องหลังของเก้าแดนต้องห้ามเองก็ลึกล้ำเกินกว่าที่ข่าวสารมี
ช้อมูลและรายละเอียดเหล่านั้นแท้จริงแล้วมีอยู่ในกองกำลังฮวงเฉวียน ทว่าไม่ได้อยู่ในกองกำลังฮวงเฉวียนในอาณาจักรแห่งนี้
กองกำลังฮวงเฉวียนในอาณาจักรแห่งนี้มีเพียงแค่ข้อมูลพื้นฐานบางอย่างเท่านั้น
ใช่แล้ว คนผู้นี้คือตงฟางเวิ่น
หลังจากเขาได้รับการแจ้งข่าวจากเมิ่งจี ก็รีบตรงมาที่นี่ทันที
“เจ้าเป็นใคร!?”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมองไปที่ตงฟางเวิ่นอย่างไม่แยแสอะไรมากนัก เขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจเทียนตี้บนร่างกายของตงฟางเวิ่น ทว่ามันก็ไม่ได้สมบูรณ์อะไรมากนัก นี่หมายความว่าตงฟางเวิ่นไม่ใช่เทียนตี้ที่แท้จริง แต่เป็นเพียงกึ่งเทียนตี้เท่านั้น
แม้ขอบเขตที่เพิ่งบรรลุตี้จวินของเขาจะต่ำกว่าอยู่บ้าง ไม่อาจเทียบได้กับกึ่งเทียนตี้ของตงฟางเวิ่น ทว่าเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไร
ความสำเร็จในวิถีหมากล้อมของเขาสูงยิ่ง คุณชายเป็นผู้ชี้แนะด้วยตัวเอง อย่าว่าแต่กึ่งเทียนตี้เลย กระทั่งเทียนตี้ที่แท้จริงเขาก็สามารถสังหารได้
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือหากข้าสามารถผ่านเส้นทางสังสารวัฏไปได้ ข้าจะสามารฝืนโชคชะตา ได้ชีวิตใหม่อีกหนึ่งชาติภพหรือไม่?”
ตงฟางเวิ่นมองไปที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงด้วยดวงตาเปล่งประกาย “ปลายทางอีกด้านหนึ่งของเส้นทางสังสารวัฏคือสิ่งใด มีความลับอะไรอยู่ด้านในนั้น!?”
เขาเกิดความสงสัยมากเกินไป ทั้งยังอยากรู้อยากเห็นเรื่องนี้มาโดยตลอด เมื่อตอนนี้ได้โอกาส ย่อมต้องถามไถ่ออกมาให้หมดเพื่อปลดเปลื้องความสงสัยภายในใจ
จักรพรรดิหมากล้อมหวงลงหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าตงฟางเวิ่นจะเป็นผู้ปิดผนึกเส้นทางสังสารวัฏ
หากไม่ใช่ตงฟางเวิ่นแล้ว เหตุใดตงฟางเวิ่นจึงสามารถมาที่นี่ได้ทันทีหลังจากเขาทำลายผนึกที่ปิดเส้นทางสังสารวัฏเอาไว้
จะเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร!
เห็นได้ชัดว่ามีความเกี่ยวข้องระหว่างตงฟางเวิ่นกับผนึก ดังนั้นเมื่อเขาทำลายผนึก ตงฟางเวิ่นจึงสามารถสัมผัสได้ จากนั้นก็ตรงมายังที่แห่งนี้
“เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน? ต้องการจะสืบเรื่องเกี่ยวกับแดนสังสารวัฏของพวกเรา? ช่างน่าขันเหลือเกิน!”
จักรพรรดิหวงหลงตวาดเสียงดัง เขาคิดดูแล้วตงฟางเวิ่นน่าจะเป็นคนจากอาณาจักรเบื้องหลังเก้าแดนต้องห้าม คำถามเหล่านี้ก็เพื่อหยั่งความล้ำลึกของแดนสังสารวัฏ
“แดนสังสารวัฏช่างหาญกล้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
ตงฟางเวิ่นจ้องเขม็ง ไม่คิดว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจะหาญกล้าถึงขึ้นตวาดเขาเช่นนี้!
เขาเป็นถึงกึ่งเทียนตี้ ส่วนจักรพรรดิหมากล้อมหวงเป็นเพียงตี้จวิน อยู่ห่างจากเขาถึงหนึ่งขั้น แต่กลับกล้าตวาดใส่เขา?
เขาไม่ได้เก็บซ่อนลมหายใจแต่อย่างใด จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงน่าจะสามารถสัมผัสได้ถึงขอบเขตของเขา แต่ก็ยังกล้าตวาดใส่เขา!
หรือเป็นเพราะมีจำนวนคนมากกว่า?
น่าขัน เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเด็ดขาด เรื่องจำนวนไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด!
เขาสัมผัสได้ว่าในบรรดาคนของแดนสังสารวัฏนี้ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมมีขอบเขตสูงสุดอยู่ที่ขั้นตี้จวิน ส่วนที่เหลือขอบเขตล้วนไม่สูง เกือบทั้งหมดอยู่ต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิ มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ
แต่กลับกล้าตวาดเขาเช่นนี้หรือ?
ตงฟางเวิ่นอดหัวเราะออกมาไม่ได้ คนจากแดนสังสารวัฏช่างหาญกล้าจริง ๆ!
“เจ้าหัวเราะอะไร เป็นกึ่งเทียนตี้แล้วทำให้เจ้าไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำหรืออย่างไร? เจ้าต่างหากที่น่าขันนัก!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยสบประมาท หลังจากคิดว่าตงฟางเวิ่นเป็นคนของอาณาจักรเก้าแดนต้องห้าม เขาก็ไม่คิดจะทำตัวสุภาพ
เป็นคนของอาณาจักรเก้าแดนต้องห้ามก็ดี เขาจะได้ใช้งานตงฟางเวิ่นมาสร้างบารมีต่อหน้าคนของแดนสังสารวัฏได้
คนจากแดนสังสารวัฏที่มากับเขา ภายในใจต่างก็ไม่ยอมรับเขาอย่างเต็มที่ เขาจึงตั้งใจจะสำแดงบารมี เพื่อปราบปรามเหล่าคนจากแดนสังสารวัฏ เพื่อที่วันข้างหน้าจะสามารถทำอะไรได้ง่ายดายขึ้นมากในอนาคต
ครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยม ขอเพียงแค่เขาสามารถจัดการตงฟางเวิ่นลงได้ เขาก็จะสามารถสร้างบารมีต่อหน้าคนจากแดนสังสารวัฏให้ยอมรับตนเองแต่โดยดีได้
สุดยอด!
ตงฟางเวิ่นตกตะลึง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงผู้นี้ทำตัวราวกับเป็นเทียนตี้ผู้หนึ่ง!
เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้รับความกล้าหาญเช่นนี้มาจากที่ใด!
“ในมือของเจ้าถือไพ่อะไรเอาไว้อยู่...”
เขามองไปที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่างสงบนิ่ง “มาเถอะ ให้ข้าดูว่าไพ่ในมือเจ้าคือสิ่งใด”
จักรพรรดิหวงหลงเป็นเพียงแค่ตี้จวิน กลับกล้าแสดงท่าทีเช่นนี้กับเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจักรพรรดิหวงหลงจะต้องมีไพ่ซ่อนเอาไว้ในมือ
ไม่เช่นนั้น จักรพรรดิหวงหลงจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?
เขาเองก็ไม่เกรงกลัว ด้วยขอบเขตและฝีมือเขาในปัจจุบัน ต่อให้เป็นเทียนตี้ขั้นสูงสุดมาด้วยตนเองก็ไม่หวาดกลัว!
“ไม่รู้จักประมาณตน! เช่นนั้นข้าก็จะแสดงฝีมือให้เจ้าเห็น!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยเสียงดัง “อย่าคิดว่าขอบเขตสูงกว่าแล้วจะแข็งแกร่งกว่า อาณาจักรนั้นไม่อาจนำมาเป็นมาตรวัดพลังในการต่อสู้ได้!”
เขาเรียกกระดานหมากล้อมออกมาพร้อมเริ่มเกมหมาก กระดานขนาดใหญ่ปกคลุมสถานที่แห่งนี้ทันที
หมากล้อมเต็มไปด้วยความทรงพลัง กระทั่งเทียนตี้ยังต้องเกิดความหวาดกลัว มันมีความสามารถมากพอจะสังหารเทียนตี้ได้อย่างแน่นอน
“เห็นหรือยัง? นี่คือฝีมือและไพ่ตายของข้า!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก้าวขึ้นไปบนฟ้า มองไปทางตงฟางเวิ่นอย่างโอหัง ความมั่นใจแผ่ออกมาจากทั่วร่างของเขา
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“สังหารเขา ทำให้เขาได้รู้ว่าแดนสังสารวัฏของพวกเราไม่อาจท้าทายได้!”
หลังพลังของหมากล้อมสำแดงออกมา คนจากแดนสังสารวัฏต่างก็สัมผัสได้ว่าหมากล้อมนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด เดิมทีพวกเขาไม่พอใจในตัวจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอยู่บ้าง เพียงแค่จ้าวสังสารวัฏตัวจ้อยคนหนึ่ง เหตุใดเบื้องบนจึงต้องให้ความสำคัญมากเพียงนี้ ถึงกับให้มาเป็นผู้นำของพวกเขา?
ทว่าตอนนี้พวกเขาได้เห็นแล้วว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงทรงพลังอย่างแท้จริง ควรค่าแก่การที่เบื้องบนให้ความสนใจ มีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำของพวกเขา
“นี่คือฝีมือและไพ่ตายของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากตงฟางเวิ่นเห็นหมากล้อมที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเรียกออกมา เขาก็อดหัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้
เขาคิดว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมีไพ่ตายหรือลูกเล่นอะไร ทว่าก็ไม่คิดว่าจะเป็นพลังหมากล้อม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เข้าทางเขาเป็นอย่างมากหรอกหรือ!
เขาไม่กล้ารับประกันตัวเองในด้านใดนอกเสียจากหมากรุก นอกจากคุณชายแล้ว เขาก็ไม่หวาดกลัวผู้ใด ทั้งยังมีความมั่นใจว่าสามารถเอาชนะผู้ใดก็ได้!
คุณชายมาเล่นและให้คำชี้แนะหมากล้อมกับเขาเป็นประจำ ทั้งยังมอบคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมให้เขาด้วย เช่นนั้นแล้วในด้านนี้ผู้ใดจะสามารถเทียบเคียงเขาได้!
ไม่มีผู้ใดสามารถทำได้!
“ขออภัย แต่หากกล่าวถึงหมากล้อมแล้ว ข้าเองก็พอจะมีความรู้อยู่มาก พวกเราสองคนลองมาแลกเปลี่ยนความรู้กันเถอะ”
ตงฟางเวิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
บทที่ 568
“อาจหาญยิ่งนัก...”
หลังจากที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้ยินคำพูดของตงฟางเวิ่นแล้ว เขาก็อดรู้สึกขบขันขึ้นมาไม่ได้
เขาก้าวเดินบนวิถีแห่งหมากล้อม ทั้งยังได้รับคำชี้แนะจากคุณชาย ตงฟางเวิ่นต้องการจะแลกเปลี่ยนความรู้กับเขาจริงหรือ?
นี่เกือบจะทำให้เขาขำจนตาย
“เหตุใดจึงจะไม่กล้า!”
ตงฟางเวิ่นกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ เพียงก้าวเท้าไปเบื้องหน้ากฎระเบียบสูงสุดของวิถีหมากล้อมก็กระโดดโลดเต้นอยู่รอบกายของเขา จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันใด นี่เขากำลังเผชิญหน้ากับยอดฝีมือด้านหมากล้อมอย่างไม่ต้องสงสัย!
เขาไม่กล้ารีรอ เปิดฉากการโจมตีทันที พลังตาเดินจตุรงค์ระเบิดออกมาพุ่งเข้าใส่ตงฟางเวิ่น
ตงฟางเวิ่นยื่นมือออกมา พลังหลั่งไหลควบแน่นเป็นตัวหมากสีดำวางลงบนกระดาน เพียงแค่พริบตาเดียว พลังตาเดินจตุรงค์ของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงที่วางไว้ก็ลดลงอย่างมาก!
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงส่งเสียงอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เดิมทีนี่เป็นหมากกระดานที่ถูกรุกฆาต ทว่าหลังจากคุณชายเดินหมากก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ เขาได้รับทั้งแรงบันดาลใจและคำชี้แนะจากคุณชาย วิถีแห่งหมากล้อมของเขาจึงพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก
ทว่าแม้หลังจากที่วิถีหมากรุกของเขามาถึงจุดสูงยิ่งแล้ว เขาก็ยังไม่อาจเปลี่ยนกลับมารุกฆาตหมากที่คุณชายพลิกสถานการณ์ได้ และนอกจากคุณชายแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าจะมีผู้ใดในโลกสามารถทำได้!
แต่ตอนนี้ ตงฟางเวิ่นกลับทำได้อย่างง่ายดาย เขาจะสามารถเชื่อลงได้อย่างไร!?
“แม้จะไม่สูงอะไรมากนัก แต่ข้าก็พอมีความรู้ความเข้าใจอยู่บ้าง ข้าวางหมากแก้เกมเจ้าแล้ว คราวนี้ถึงตาของเจ้าบ้าง”
ตงฟางเวิ่นแย้มยิ้มจาง ๆ หลังจากที่เขายกมือขึ้นเปลี่ยนแปลงเกมหมากล้อม ปราบหมากล้อมของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงลงไป
นี่คือเกมหมากล้อมที่เขาพัฒนาขึ้นมากจากคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมที่คุณชายมอบให้ หากจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงต้องการจะแก้ไข ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน แทบจะเป็นไปไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
กระดานหมากเผยออกมาพร้อมทั้งพลังที่อยู่เหนือเกินกว่าจะจินตนาการถึง กฎแห่งวีถีหมากล้อมอันยอดเยี่ยมเหนือชั้นไหลเวียน บนใบหน้าของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลริน อย่าว่าแต่การเดินหมากเลย แค่ความกดดันบีบบังคับของหมากล้อมก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทนรับได้!
อะไรกัน!
เขาจวนจะร่ำไห้ออกมาแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าตนเองสามารถจัดการตงฟางเวิ่นได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก ไม่ได้เป็นเพียงกึ่งเทียนตี้ธรรมดาทั่วไป
นอกจากนี้ เมื่อครูเขายังเพิ่งหัวเราะเยาะตงฟางเวิ่นที่หาญกล้าจะมาเล่นหมากล้อมกับเขา ไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะเป็นเพียงแค่ตัวตลก!
เขาไม่อาจเทียบความสำเร็จในวิถีหมากรุกของตนเองกับตงฟางเวิ่นได้เลย
“ยังไม่ขยับอีกหรือ?”
ตงฟางเวิ่นยิ้มจาง ๆ ระหว่างที่พลังตาเดินจตุรงค์กดทับลงไป จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพยายามอย่างสุดความสามารถก็ไม่อาจต้านทานได้ ถูกกรีดจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว เหล่าคนจากแดนสังสารวัฏก็ต่างพากันหน้าซีดด้วยความตกตะลึง พวกเขาต่างหนีกระเจิงออกไปอย่างไม่ลังเล ไม่มีผู้ใดคิดจะช่วยเหลือจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง
ทว่าทันใดนั้นเองก็มีพลังตรึงหยุดร่างของพวกเขาเอาไว้กับที่ ทำให้พวกเขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้
“เหตุใดเจ้าจึงไม่อาจเทียบได้กับคนที่พอมีความรู้อยู่บ้างอย่างข้าเล่า”
ตงฟางเวิ่นหัวเราะ จักรพรรดิหวงหลงโอ้อวดผยองต่อหน้าเขา นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับผีตัวน้อยบุ่มบ่ามเข้าไปยังเงื้อมมือของยมราช เป็นเพียงการรนหาที่ตาย
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถูกพลังของตงฟางเวิ่นโจมตีอย่างหนักหน่วง ทว่าเขาก็ยังคงกัดฟันยืนหยัดต่อไป
“ท่านเคยพบคุณชายมาก่อนหรือไม่!”
เขารีบถ่ายทอดเสียงทางจิตสำนึกให้กับตงฟางเวิ่น
จะมีคนที่สามารถประสบความสำเร็จในวิธีหมากล้อมสูงเช่นนี้ได้อย่างไร?
เขาไม่เชื่อ!
ความสำเร็จในวิถีหมากล้อมของเขาสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่ากระทั่งเทียนตี้ที่ก้าวเดินบนวิถีหมากล้อมก็ไม่อาจมีความสำเร็จด้านนี้เทียบเท่าเขาได้
ทว่าตงฟางเวิ่นกลับเหนือยิ่งกว่าเขาหลายเท่าในวิถีหมากล้อม
จะเป็นไปได้อย่างไร!
สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงคุณชายขึ้นมาทันที
ตงฟางเวิ่นจะต้องเคยพบกับคุณชายอย่างแน่นอน ทั้งยังได้รับคำชี้แนะจากคุณชาย ไม่เช่นนั้นตงฟางเวิ่นก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จด้านวิถีหมากล้อมสูงถึงเพียงนี้!
“คุณชาย? เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง!”
ตงฟางเวิ่นหรี่ตาลงพร้อมส่งเสียงตอบกลับไปทางจิตสำนึก
มีเพียงแค่เขาและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงที่ได้ยินเสียงที่ส่งผ่านกันด้วยจิตสำนึก คนผู้อื่นล้วนไม่ได้ยิน!
“จริง ๆ ด้วย! ข้าคาดเอาไว้ไม่ผิด นอกจะได้รับการชี้แนะจากคุณชายแล้ว ผู้อื่นจะสามารถมีความสำเร็จในวิถีหมากล้อมสูงเช่นนี้ได้อย่างไร!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงร่ำไห้ขณะส่งเสียงไปหาตงฟางเวิ่นด้วยจิตสำนึก “พี่ชาย พวกเราเป็นพวกเดียวกันเพียงแค่ไม่รู้จักกันจึงเกิดความเข้าใจผิด! ข้าเองก็เป็นคนของคุณชาย กำลังทำงานให้คุณชายในแดนสังสารวัฏ!”
เขาช่างน่าเวทนาเสียจริง ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องถูกพวกเดียวกันทุบตี!
ยังดีที่เขานึกถึงคุณชายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกตงฟางเวิ่นฆ่าตายเสียแล้ว!
“เจ้าเป็นคนของคุณชาย!”
ตงฟางเวิ่นคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง
“ใช่แล้ว เมื่อครั้งนั้นข้าได้รับคำสั่งให้มาจับกุมหลิงอิน ทว่าไม่สำเร็จ ไม่แม้กระทั่งเข้าไปในเมืองชิงซานได้เสียด้วยซ้ำ ถูกทั้งต้นหลิวและเจ้าก้อนหินทุบตี ทว่าข้ายังมีวาสนาอยู่มาก จึงไปเข้าตาคุณชายให้ช่วยชี้แนะหมากล้อม ทั้งยังมอบหมายงานให้ข้ามาด้วย...”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงรีบบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ตงฟางเวิ่นฟังผ่านจิตสำนึก
เมื่อตงฟางเวิ่นได้ยินว่าจักรพรรรดิหวงหลงได้รับการสั่งสอนจากต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน เขาก็หัวเราะไม่ได้
เขาเองก็เคยได้รับการสั่งสอนจากต้นหลิวและเจ้าก้อนหินด้วย จักรพรรดิหวงหลงก็เป็นผู้ร่วมชะตาเดียวกับเขา!
เขาในตอนนี้ไม่มีความสงสัยเลยแม้แต่น้อย จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเป็นคนของคุณชายจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่วิถีหมากล้อมของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงดีถึงเพียงนี้
“ขออภัย นี่นับเป็นการเข้าใจผิดครั้งใหญ่จริง ๆ!”
ตงฟางเวิ่นรีบกล่าวขออภัยจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง
“ไม่เป็นอะไร นี่นับเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ว่าพี่ชาย ท่านต้องร่วมแสดงละครบางอย่างกับข้า...”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงส่งเสียงผ่านจิตสำนึก แจ้งให้เขาทราบถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างบารมีต่อหน้าเหล่าคนจากแดนสังสารวัฏ ในอนาคตเขาจึงจะสามารถดำเนินการต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าเดิม
“ไม่มีปัญหา!” ตงฟางเวิ่นตอบตกลงในทันที
หลังจากนั้นเขาก็บอกตงฟางเวิ่นถึงวิธีการทำลายกระบวนหมากของเขา และยังลอบถอนพลังบางส่วนกลับไปด้วย
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงฟังเข้าใจแล้วจึงตะโกนออกมาเสียงดัง “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าไม่สามารถทำลายหมากของเจ้าได้? เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว!”
ทั่วทั้งร่างของเขามีแสงเจิดจ้าปะทุออกมา ก่อนจะใช้พลังของตนเองลงควบแน่นเป็นหมากสีขาววางลงไปในกระดาน เพียงพริบตาเดียว กระดานหมากรุกทั้งหมดก็พังทลายลง
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
ตงฟางเวิ่นให้ความร่วมมือในการแสดง แสร้งทำเป็นตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “ความสำเร็จในวิถีหมากล้อมของเจ้าสูงถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!!!”
“ข้าถือวิถีหมากล้อมเป็นหลัก ความสำเร็จในวิถีหมากล้อมของข้าย่อมอยู่เหนือเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยด้วยเสียงอันดัง ก่อนจะโจมตีตงฟางเวิ่นอย่างดุเดือดจน ‘สะบักสะบอม!’
หลังจากนั้นตงฟางเวิ่นก็ ‘วิ่งหนี’ ไปไกลลิบ โดยมีจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไล่ตามติด จนสุดท้ายพวกเขาต่างก็หยุดลงในสถานที่อันห่างไกลออกไป
“ขอบคุณ!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยขอบคุณตงฟางเวิ่น
ด้วยฉากดังกล่าว ย่อมต้องทำให้เขามีบารมีอย่างแท้จริงต่อหน้าคนจากแดนสังสารวัฏ หากในอนาคตคิดต้องการทำสิ่งใดต้องง่ายดายขึ้นอย่างมาก
ตงฟางเวิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ทุกคนล้วนทำทุกสิ่งเพื่อคุณชาย”
“หลังจากนี้ข้าจะต้องไปเยี่ยมเยียนคุณชาย”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพยักหน้า ก่อนพูดกับตงฟางเวิ่น “ท่านรู้จุดแข็งจุดอ่อนของต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินหรือไม่?”
เขาต้องการจะหาข้อมูลจากตงฟางเวิ่น ด้วยวิธีนี้เขาจะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น
“เหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนั้น?” ตงฟางเวิ่นถามอย่างงุนงง
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยตอบอย่างชิงชัง “พี่ชาย ท่านไม่รู้หรอก ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก การสั่งสอนที่ข้าได้รับในคราวนั้น ข้าไม่อาจกล้ำกลืนได้ ต้องการจะแก้แค้นต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน! ข้าจะใช้กิ่งหลิวฟาดก้อนหิน และเอาก้อนหินทับต้นหลิว!”
เขาไม่รู้หรือ?
ตงฟางเวิ่นอยากจะกล่าวเสียเหลือเกินว่า น้องชาย ข้าเองก็ไม่รู้ อีกทั้งข้าก็ยังเคยได้รับการสั่งสอนจากต้นหลิวและเจ้าก้อนหินอีกด้วย ซ้ำยังน่าเวทนาจนไม่อาจทนดูได้...
“พวกมันทั้งสอง อ่า พวกมันทั้งสองไม่แข็งแกร่งเลย ด้วยความสามารถของน้องชายในตอนนี้ หากลอบโจมตีพวกมันทั้งสองแบบไม่ทันตั้งตัว จะต้องสามารถจัดการพวกมันได้อย่างแน่นอน!”
ตงฟางเวิ่นไม่ได้ห้ามปรามอะไร ทั้งยังบอกกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินไม่ได้แข็งแกร่ง!
ใช้กิ่งหลิวฟาดก้อนหิน และเอาก้อนหินทับต้นหลิว…
น้องชาย ความคิดของเจ้าช่างบรรเจิดยิ่งนัก!
ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินแข็งแกร่งหลุดออกไปจากสามัญสำนึก เขาเกิดความสงสัยเสียด้วยซ้ำ ว่านอกจากคุณชายแล้วก็อาจไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถทัดเทียมกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหินได้
“น้องชาย ขอให้เจ้าโชคดี!”
ตงฟางเวิ่นคิดในใจ ก่อนกลับไปรอชมอะไรสนุก ๆ
หากคาดไม่ผิดแล้วละก็ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจะต้องประสบกับเหตุการณ์ทุบตีเหมือนเช่นเคย
บทที่ 569
“ต้นหลิวเล็ก ๆ หนึ่งต้น กับก้อนหินน้อย ๆ หนึ่งก้อน กล้าดีเช่นไรจึงมารังแกกันเช่นนี้ สิ่งที่น้องชายประสบมาช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก พี่ชายย่อมต้องสนับสนุนเจ้า ไปเถอะ พวกมันทั้งสองต้องได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง!”
ตงฟางเวิ่นกล่าวออกมาด้วยท่าทางชอบธรรมจนจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอดรู้สึกประทับใจไม่ได้ ประหนึ่งได้พบญาติสนิทชิดเชื้อ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าวขอบคุณตงฟางเวิ่นครั้งแล้วครั้งเล่าสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน
“ไม่เป็นไร เจ้าไปเถอะ”
ตงฟางเวิ่นตบไหล่ของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง ก่อนกล่าวอำลาแล้วจากไป
จักรพรรดิหวงหลงเองก็ทะยานกลับไป และสั่งให้คนจากแดนสังสารวัฏตั้งที่มั่น ต่อจากนี้สถานที่ตรงนี้จะเป็นกองบัญชาการสูงสุดของแดนสังสารวัฏ
หลังจากจบการต่อสู้ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็สามารถสร้างบารมีครั้งใหญ่ เหล่าคนจากแดนสังสารวัฏต่างก็ยอมรับให้ความเคารพจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง ไม่หลงเหลือความไม่พอใจอีกต่อไป
ฝีมือและพลังที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงแสดงออกมาให้เขาหวาดเกรงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพลิกเกมในตอนท้าย ทำลายกระดานหมากล้อมของตงฟางเวิ่น สิ่งนี้เกินความคาดหมายของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาตระหนักได้ถึงความสามารถที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง
จักรพรรดิหวงหลงช่างน่ากลัว อยู่เหนือชั้นมากกว่าพวกเขายิ่งนัก สมควรได้รับความสำคัญจากเบื้องบน!
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปตรวจสอบสถานการณ์ต่าง ๆ ในอาณาจักรแห่งนี้ให้ละเอียดเสียก่อน”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงออกคำสั่งให้คนจากแดนสังสารวัฏรั้งอยู่ที่นี่ ขณะที่ตนเองรีบจากไปยังเมืองชิงซาน
เขาแทบอดทนรอที่จะต้องสั่งสอนต้นหลิวและเจ้าก้อนหินไม่ไหวแล้ว!
...
ทะเลสีดำกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าลอยอบอวล แสงอาทิตย์ล้วนราวกับไม่อาจส่องผ่านมาถึง
เมื่อหลิงอินปรากฏตัวยังสถานที่แห่งนั้น นางสวมใส่อาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ประหนึ่งเซียนที่ไม่แปดเปื้อนแม้นฝุ่นธุลี ใบหน้าเองก็งดงามเปี่ยมเสน่ห์ชวนให้หัวใจผู้คนสั่นสะท้าน
นางก้าวเดินบนทะเลสีดำอย่างแช่มช้า ร่างของนางเปล่งแสงเจิดจ้าท่ามกลางความมืดมิด ทำให้ความมืดทั้งหมดเจือจางลง
ตอนนี้นางแข็งแกร่งกว่าตอนที่มาทะเลต้องห้ามครั้งล่าสุดหลายเท่า เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็สามารถข้ามทะเลดำอันกว้างใหญ่ไปถึงเกาะในส่วนลึกของทะเลต้องห้าม
“ท่านเซียน เหตุใดท่านจึงมาที่นี่!”
จ้าวสมุทรรีบปรี่เข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ขณะเดียวกันภายในใจของเขาก็งงงวยเป็นอย่างมาก เหล่าบูรพาจารย์ยังเดินทางมาไม่ถึง ไม่ได้สัมผัสกับผนึกในเส้นทางเสียด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดหลิงอินจึงมาอย่างรวดเร็วยิ่งนัก?
ตามการคาดการณ์ของเขา หลิงอินสมควรจะมาหลังจากที่ผนึกถูกแตะต้องไปแล้ว
อย่างไรเสีย หากผนึกไม่ถูกสัมผัส พวกหลิงอินก็ไม่มีทางรับรู้ได้ว่ามีคนอยู่ในเส้นทางแห่งนี้
“ไม่มีอะไร ข้าแค่ลองมาดูเฉย ๆ”
หลิงอินพูดเสียงเรียบและก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น
ครั้งนี้นางมาเพื่อสยบปราบปราม ได้รับมอบหมายให้ลงมือที่นี่ นางจึงมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อรอให้คนจากทะเลต้องห้ามมาถึง
“อ่า เช่นนั้นหรือ?”
จ้าวสมุทรกระสับกระส่าย เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างมาก รับรู้ได้ว่าอาจมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นในอนาคต
เขาต้องการจะติดต่อเหล่าบูรพาจารย์และรายงานสถานการณ์ให้ฟัง แต่ทว่าหลิงอินอยู่ด้านข้างเขาเช่นนี้ เขาจึงไม่กล้าจะลงมือเคลื่อนไหว เนื่องเกรงว่าหลิงอินจะสามารถสังเกตเห็น นำพาตัวเขาเองสู่ความตาย
หลิงอินปรายตามองไปที่จ้าวสมุทร “ทำไม หรือเจ้าจะไม่ต้อนรับข้า?”
“ไม่มีทาง ไม่มีทาง ข้ายินดีต้อนรับท่านเป็นอย่างยิ่ง!”
จ้าวสมุทรรีบตอบกลับ จากนั้นก็ลากเก้าอี้ไปให้หลิงอินนั่ง
“เช่นนั้นก็ดี”
หลิงอินยิ้ม จากนั้นก็นั่งลงโดยมีจ้าวสมุทรคอยปรนิบัติอยู่ด้านข้าง
...
ในขณะเดียวกันเซี่ยเหยียน ต้าเต๋อ เมิ่งจี อันหลานเสวี่ย สือเฟิง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน และพวกอ้ายฉานต่างพากันแยกย้ายไปประจำการตามตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ
สือเฟิงมีร่างกายแข็งแกร่งกำยำ ภายในแววตามีความศักดิ์สิทธิ์บางอย่างอยู่ ผมสีดำยาวพริ้วไสวไปตามสายลม หล่อเหลาจนไม่อาจบรรยายออกมาได้
ลมหายใจของเขาถูกเก็บงำเอาไว้ไม่ปรากฏออกมา ทว่ายังคงให้ความรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
เขาในยามนี้ได้ทะลวงผ่านขอบเขตแล้วขอบเขตเล่าขึ้นมา จนกลายเป็นขั้นสูงสุดผู้หนึ่ง
ระยะเวลานั้นผ่านมานานเพียงใดหรือ?
อย่างมากก็เพียงแค่ปีกว่า!
จาก ‘คนไร้ค่า’ ที่ทุกคนพากันหัวเราะเยาะ กลายมาเป็นขั้นสูงสุด หากความเร็วในการบรรลุขอบเขตนี้ถูกแพร่กระจายออกไป มันคงจะสามารถทำให้ผู้คนตกใจจนอ้าปากค้างได้อย่างแน่นอน!
และนี่ก็ยังอยู่ห่างจากจุดสูงสุดของเขาอีกไกล ในอนาคตเขาสามารถก้าวหน้าขึ้นได้มากกว่านี้
เขามีร่างกายพิเศษ เป็นหนึ่งในสิบร่างกายสุดแข็งแกร่งตั้งแต่สมัยโบราณมา มันคือกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง นอกจากนี้เขายังได้รับผลประโยชน์จากคุณชายอย่างมหาศาล ได้ทั้งวิชาที่สามารถสะท้านฟ้าและยังได้กินดื่มของเหนือล้ำต่าง ๆ ไม่น้อย ความสำเร็จในอนาคตของเขาจะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน กระทั่งเทียนตี้หรือเซียนก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเขา
ข้างกายของเขามีหญิงสาวงดงามในอาภรณ์สีครามยืนอยู่ นางคือฉินซิน ผู้ร่วมสำนักเดียวกับสือเฟิง ในยามที่เขาผิดหวังตกต่ำ ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะซ้ำเติม ฉินซินกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น ทั้งยังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือสือเฟิง
นางมองไปยังสือเฟิงที่เปล่งประกายราวกับผู้มาจากตำนานเล่าขาน บนใบหน้าก็พลันปรากฏรอยยิ้มยินดีและมีความสุข
ตั้งแต่ต้น นางไม่เชื่อว่าสือเฟิงจะล้มลงไปแล้วจบสิ้นเพียงแค่นั้น นางเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าอีกฝ่ายสามารถลุกกลับขึ้นมา เจิดจ้าเปล่งประกายยิ่งกว่าตอนก่อนหน้าได้
วันนี้สือเฟิงก็ทำเช่นนั้นได้จริง ๆ
ราวกับรับรู้ได้ถึงการจ้องมองของฉินซิน สือเฟิงจึงหันหน้ากลับมามอง ก่อนจะกุมมือข้างหนึ่งของฉินซินเอาไว้แล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา “ขอบคุณนะ!”
ร่วงหล่นจากการถูกเคารพเลื่อมใส่ ถูกลดสถานะจากลูกรักของสวรรค์กลายเป็น ‘ตัวไร้ค่า’ วันคืนเหล่านั้นช่างยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง หากปราศจากฉินซินที่คอยอยู่เคียงข้างสนับสนุนไม่ตีตัวจาก เขาอาจไม่สามารถทนยืนหยัดต่อได้
“ขอบคุณอะไรกัน ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั้นเป็นพี่สือเฟิงที่คอยดูแลข้ามาก่อนหรือ?”
ฉินซินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ยามที่สือเฟิงยังเป็นลูกรักสวรรค์ สือเฟิงปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ทั้งที่ตอนนั้นนางไม่มีอะไรพิเศษโดดเด่นแม้แต้น้อย
ทว่าขณะที่สือเฟิงและฉินซินกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็พลันมีเสียงขัดอารมณ์ดังขึ้นมา
“ไสหัวไปให้พ้น ไม่รู้หรืออย่างไรว่านี่คือที่ใด? กล้ามาแสดงความรักกันภายในแดนต้องห้ามของพวกเขา อยากตายมากนักหรืออย่างไร!”
ร่างอันน่าสะพรึงกลัวหลายร่างพุ่งเข้ามาพร้อมกับจิตสังหาร ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเขาถูกตงฟางเวิ่นและคนอื่น ๆ กำราบสิ้น จำต้องกล้ำกลืนฝืนทนความคับข้องใจเอาไว้ ทว่าตอนนี้สือเฟิงกับฉินซินกลับกล้ามาแสดงความรักในแดนต้องห้าม ทำประหนึ่งพวกเขาไร้ตัวตน ไม่ต้องกล่าวเลยว่าพวกเขาโมโหมากถึงเพียงใด
“ข้าตั้งใจจะมาหาพวกเจ้าอยู่พอดี”
ใบหน้าของสือเฟิงเรียบเฉย เขาเรียกภาพที่คุณชายมอบให้ออกมา หยินและหยางกระเพื่อมดั่งระลอกน้ำ พริบตาเดียวก็ปราบปรามได้สิ้นทั้งบริเวณ
จากนั้นเขาและฉินซินก็พากันเข้าไปด้านในแดนต้องห้าม รอให้กองกำลังที่อยู่ด้านในทางเดินออกมา
...
อีกด้าน ต้าเต๋อมาถึงยังแดนอันตรายแห่งหนึ่ง
เขาได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบที่นี่
“อานุภาพมังกรฟ้า พระโพธิสัตว์เพียงหนึ่งเดียว ปัญญาพุทธะ รู้แจ้งอนิจจัง!”
“ดูวิชาฝ่ามือที่ตกลงมาจากท้องฟ้าของข้าเสีย!”
แน่นอนว่าแดนต้องห้ามไม่อาจเข้าไปได้โดยราบรื่น ทันทีที่ต้าเต๋อมาถึงก็ถูกเหล่าสิ่งมีชีวิตในแดนต้องห้ามแห่งนี้พุ่งเข้ามาหมายสังหาร
ทว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถเป็นคู่มือของต้าเต๋อ สุดท้ายก็ถูกต้าเต๋อจัดการจนหมดสิ้น
แน่นอนว่าต้าเต๋อไม่ได้ปราบปรามสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ด้วยพลังของตนเองเพียงอย่างเดียว พลังของเขายังห่างไกลเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้
ก่อนหน้านี้ตอนเขาไปเยี่ยมเยียน คุณชายไม่เพียงแต่มอบปลาไม้ให้กับเขา ยังมีประคำที่ถูกส่งมอบให้อีกด้วย
นี่คือประคำที่คุณชายทำขึ้นมาเองกับมือ คุณชายบอกว่าหลังออกจากเขาหย่งหมิง คุณชายก็คิดถึงเขาขึ้นมาจึงได้สร้างประคำขึ้นมาเส้นหนึ่ง
และในตอนนี้เขาก็กำลังใช้พลังจากประคำเส้นนั้นเพื่อปราบปรามสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนอันตราย
“ฮ่าฮ่า วิหคทองมาเร็วเข้า ท้องน้อย ๆ ของข้ารอจะใส่พวกเจ้าเข้าไปไม่ไหวแล้ว!”
ต้าเต๋อยิ้มแยกเขี้ยว มุมปากมีน้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
อ้ายฉานกล่าวเอาไว้ว่าเส้นทางนี้จะมีวิหคทองออกมา ให้เขาเตรียมสุรามาพร้อมทานคู่
“ยังเป็นพี่อ้ายฉานที่ดีที่สุด!”
เขากระดกสุราในมือลงไปหลายอึก จากนั้นก็หยิบหม้อขนาดใหญ่ที่เตรียมมาด้วย ก่อนเติมน้ำให้เต็ม
ขณะเดียวกันเขาก็จุดไฟขึ้นมา ตระเตรียมเครื่องปรุงรสทุกชนิด ในมือถือตะหลิวรอการมาถึงของวิหคทองจากต่างอาณาจักร
“มาเร็ว ๆ เข้า!”
เขาอยากจะกินเต็มทีแล้ว
บทที่ 570
ณ จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล
เส้นทางโบราณลึกลับมากมายพาดผ่านอาณาจักรทั้งปวง กฎระเบียบสูงส่งน่าทึ่งถึงขีดสุดโลดแล่นอยู่ภายใน คอยรักษาความสงบของเส้นทาง
ภายในเส้นทางโบราณเหล่านี้ ล้วนมีสิ่งมีชีวิตพลังปราณสยดสยองน่ากลัวกำลังมุ่งหน้าไป ด้านหลังสิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านี้ ยังมีสิ่งมีชีวิตตัวอื่นอีกมากมายนับไม่ถ้วน
ไม่ต้องคิดให้มากความก็รู้ว่าเส้นทางโบราณเหล่านี้ไม่ธรรมดา มิใช่สิ่งที่ตัวละครต่ำต้อย หรือกองกำลังเล็ก ๆ สร้างขึ้นได้
จริงดังที่ว่า
ไม่ว่าเส้นทางไหนในเส้นทางเหล่านี้ ต่างต้องทุ่มเวลาอย่างยาวนาน รวมถึงแรงกายแรงใจมหาศาล กว่าจะสร้างได้สำเร็จ
ใช่แล้ว เส้นทางเหล่านี้ล้วนสร้างโดยอาณาจักรน่าพรั่นพรึงระดับเดียวกับอาณาจักรเก้าแดนต้องห้าม พวกเขาน่ากลัวเป็นที่สุด ไต่ขึ้นไปถึงระดับสูงอย่างยิ่งยวดในเส้นทางฝึกตน เทียนตี้ยังมิใช่เส้นชัยพวกเขา
ผู้ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่พวกเขา คือการดำรงอยู่ระดับบูรพาจารย์ในแต่ละอาณาจักร อยู่เหนือขั้นเทียนตี้ไปนานแล้ว พวกเขาสร้างเส้นทางขึ้นใหม่ มุ่งหน้าต่อไป
แม้ว่าเส้นทางเหล่านี้โหดเหี้ยมอำมหิต นองเลือดเหลือคณา ‘บิดเบี้ยว’ เป็นที่สุด หาใช่เส้นทางปกติไม่ กระนั้น พวกเขาก็ยังฝ่าฟันออกมาจนได้ และได้รับประโยชน์จากมัน
พวกเขาลดทอนความเสียหายที่กาลเวลากระทำต่อพวกเขา อายุขัยเพิ่มทวี พวกเขาทลายขอบเขตสูงสุดในโลกมนุษย์ ครอบครองกำลังรบซึ่งอยู่เหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป
ทว่าราคาที่พวกเขาต้องแลกมาเลวร้ายเหลือแสน พวกเขาแต่ละคนล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงอันชวนผวา มิใช่สิ่งมีชีวิตปกติอีกต่อไป
ภพเซียนหายไป สสารนิรันดร์หาไม่พบ พวกเขาไม่เต็มใจหายไปง่าย ๆ เช่นนี้ สุดท้ายจึงก้าวสู่เส้นทางตกต่ำ ฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตตนอื่นไปนับไม่ถ้วน ช่วงชิงแก่นเลือดและแก่นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตตนอื่น ช่วยบรรเทาความเสียหายในตัวที่เกิดจากพลังแห่งกาลเวลา เพิ่มพูนพลังรบของพวกเขา
กล่าวโดยไม่เกินจริง ความสำเร็จของพวกเขาในตอนนี้ ล้วนตั้งอยู่บนความตายของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแล้วอาณาจักรเล่า มือของพวกเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
ภายในเส้นทางนั้น มีสิ่งมีชีวิตชิงมาถึงก่อน
พวกเขาต่างมาจากอาณาจักรเบื้องหลังทะเลต้องห้าม
“เจ้าสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นต่ำต้อย เตรียมชดใช้ให้กับเรื่องโง่ ๆ ที่พวกเจ้าได้กระทำไปเสีย!”
บูรพาจารย์ท่านหนึ่งแค่นเสียงเย็น จิตสังหารล้นทะลัก เขาทรงพลังอย่างแท้จริง ยื่นมือหนึ่งออกไป ก็ทลายผนึกเส้นทางได้ในพริบตา นำทัพสมาชิกมากมายนับไม่ถ้วนเหล่านั้นก้าวออกจากเส้นทาง มาอยู่เหนือทะเลต้องห้าม
ทว่าหลังพวกเขาพ้นจากเส้นทางมาแล้ว ก็มีสีหน้าประหลาดไปกันทั้งหมด
พวกเขาได้เห็นอะไรกันนี่!?
จ้าวสมุทรแห่งทะเลต้องห้าม กำลังพะเน้าพะนอ นบนอบเอาใจสตรีท้องถิ่นนางหนึ่ง!
นี่มันเรื่องกระไร?
อาณาจักรของพวกเขา แข็งแกร่งยิ่งกว่าอาณาจักรเก้าตอนบนเสียอีก มีกำลังรบระดับเทียนตี้คณานับ ซ้ำยังมีบูรพาจารย์มากมายซึ่งมีกำลังรบเหนือกว่าเทียนตี้!
จ้าวสมุทรนบนอบเยี่ยงนี้ เอาหน้าของอาณาจักรพวกเขาไปไว้ที่ไหน!
ไหนจะสตรีท้องถิ่นผู้นี้อีก บังอาจใช้คนของพวกเขาในฐานทัพของพวกเขาเช่นนี้ ไม่เห็นอาณาจักรของพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด!
“ท่านบูรพาจารย์!”
จ้าวสมุทรตกใจแทบแย่ ขาสั่นไปหมด เขารู้ว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของเขาทำให้อาณาจักรของเขาต้องขายหน้า ทว่า ขายหน้ายังดีกว่าต้องจบชีวิต เขาสู้หลิงอินมิได้จริง ๆ
“มาแล้วหรือ…”
หลิงอินค่อย ๆ ลุกขึ้น หันมองบูรพาจารย์ทั้งหลาย “คอยพวกเจ้าอยู่นานแล้ว”
บูรพาจารย์ทั้งหลายมิได้แยแสหลิงอิน
บูรพาจารย์ท่านหนึ่งหันมองจ้าวสมุทร “มานี่”
จ้าวสมุทรชาไปทั้งหนังศีรษะ รู้สึกคล้ายว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ทว่า เขามิกล้าขัดคำสั่งบูรพาจารย์ จึงเดินไปหาบูรพาจารย์
“เจ้าเป็นถึงจ้าวแห่งดินแดนนี้ เป็นตัวแทนของศักดิ์ศรีอาณาจักรเรา นี่เจ้าทำอันใด ยอมนบนอบเอาใจสตรีท้องถิ่นเยี่ยงนี้ ศักดิ์ศรีของอาณาจักรเราต้องป่นปี้เพราะเจ้า!”
บูรพาจารย์ท่านนั้นแค่นเสียงเย็น เพียงเสี้ยววินาที ร่างของจ้าวสมุทรก็ระเบิดแหลกลาญ เลือดเนื้อสาดกระจาย แม้กระทั่งวิญญาณก็แตกออกไปด้วย จบชีวิตลงตรงนั้น!
จนตาย จ้าวสมุทรก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกฆ่าเพราะเหตุนี้
หากเขารู้ คงต้องร้องขอความเป็นธรรม
เขาเป็นเหตุให้สมาชิกทั้งหมดในทะเลต้องห้ามต้องตาย ซ้ำยังสังหารบูรพาจารย์ ‘กระต่ายน้อยสีขาว’ ไปตนหนึ่ง ช่างเป็นความผิดใหญ่หลวงนัก สุดท้าย เขากลับมิได้ถูกฆ่าเพราะความผิดเหล่านั้น แต่ถูกฆ่าเพราะพะเน้าพะนอรับใช้หลิงอิน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่!
“เจ้าสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นต้อยต่ำ เจ้าคือหลิงอินใช่หรือไม่ บังอาจนัก!”
บูรพาจารย์ท่านนั้นหันมองหลิงอิน ส่งเสียงเรียกชื่อนาง
เมื่อคราวเขาได้เห็นหลิงอินคราแรกก็รู้สึกคุ้นหน้า ภายหลังคิดดูแล้ว นี่คือหลิงอินผู้นั้นมิใช่หรือ
จ้าวสมุทรเคยรายงานรูปโฉมหลิงอินขึ้นไป
“ต้อยต่ำรึ?”
หลิงอินเลิกคิ้ว ทอดมองบูรพาจารย์ท่านนั้น “ข้าไม่เห็นจริง ๆ ว่าเจ้าสูงส่งตรงไหน เจ้าดูสารรูปของเจ้าเสีย เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ปะติดปะต่อร่างขึ้นเท่านั้น ไยจึงกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้”
สิ่งมีชีวิตในทะเลต้องห้ามล้วนมีรูปร่างเช่นนี้ รวมถึงจ้าวสมุทรผู้ถูกฆ่าไปเมื่อครู่ก็ด้วย ไม่มีตนใดเป็นสิ่งมีชีวิตปกติ เรือนร่างล้วนเกิดจากการปะติดปะต่ออวัยวะจากสิ่งมีชีวีตตนอื่น
“เจ้าจะไปรู้อะไร การรวบรวมส่วนแข็งแกร่งที่สุดไว้ในร่าง จึงจะเป็นวิถีทวีความแข็งแกร่ง!”
บูรพาจารย์ท่านนั้นแค่นเสียงเย็น ลงมือทันที ฟาดฝ่ามือไปสังหารหลิงอิน
หลิงอินหาได้เกรงกลัวไม่ นางยกมือเรียกฉินเฟิ่งหมิงออกมา ฉินเฟิ่งหมิงบรรเลงลำนำศึกด้วยตนเอง หลิงอินพลุ่งพรวดขึ้น ประกายเจิดจ้าเปล่งออกมาทั่วกายา เข้าปะทะฝ่ามือกับบูรพาจารย์ท่านนั้น
ตึงตึงตึง!
มิมีผู้ใดคาดคิด บูรพาจารย์ท่านนั้นได้รับแรงกระเทือนจนถอยกรูด เสียเปรียบในการปะทะฝ่ามือครั้งนี้!
น่ากลัวเกินไปแล้ว นางทำได้เยี่ยงไร?
สิ่งมีชีวิตทุกตนในที่แห่งนี้ตะลึงตกใจกันหมด รวมถึงบูรพาจารย์ท่านอื่นด้วย ต่างหรี่ม่านตาลงอย่างอดมิได้ คิดไม่ถึงเช่นกันว่าหลิงอินจะดุดันเพียงนี้
พลังปราณของหลิงอินเยาว์วัยยิ่งนัก น่ากลัวว่าอายุไม่ถึงเศษเสี้ยวพวกเขาด้วยซ้ำ เหตุไฉนถึงมีกำลังรบกล้าแกร่งน่าประหวั่นพรั่นพรึงเยี่ยงนี้เสียได้!?
น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วสำหรับพวกเขา!
“ฆ่า!”
พวกเขามิได้ลังเล บูรพาจารย์ทั้งหลายออกโรงพร้อมเพรียง หลิงอินเปิดเผยด้านน่าสะพรึงให้พวกเขาเห็นแล้ว พวกเขามิกล้าชะล่าใจ บุกเข้าไปพร้อมหน้าเพื่อเข่นฆ่าหลิงอิน
บูรพาจารย์ผู้ถูกกระเทือนจนต้องถอยก่อนนี้ก็เคลื่อนไหวด้วย เขาใช้วิชามหาพิฆาต บุกถล่มหลิงอิน
ก่อนนี้เขาเลินเล่อเกินไป มิได้ให้ความสำคัญกับหลิงอินนัก มิได้ใช้กำลังทั้งหมด ผลสุดท้ายส่งผลให้เขาต้องถอยเพราะความเสียเปรียบ
ต้องยอมรับว่า พวกเขาน่ากลัวอย่างแท้จริง พลังที่ปะทุออกมาล้วนเหนือชั้นเทียนตี้ ทุกการโจมตีล้วนทลายเอกภพได้โดยง่าย
ทว่า น่าเสียดาย พวกเขาดันมาพบหลิงอิน
ฉินเฟิ่งหมิงเปล่งแสง ญาณฉินวิหคเพลิงด้านในโบยบินออกมา เพิ่มพูนพลานุภาพฉินเฟิ่งหมิง อานุภาพลำนำทวีความแข็งแกร่ง!
พลังทั้งหมดของหลิงอินกล้าแกร่งยิ่งขึ้นด้วยเพลงฉิน และพลังที่บูรพาจารย์เหล่านี้เปล่งออกมา ถูกลดทอนกำลังลงไปในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ หลิงอินใช้พลังจากร่างระเบียบ พลังทั้งหมด รวมถึงกฎระเบียบทั้งหมดในฟ้าดินล้วนอยู่ในการควบคุมของนาง พลังของนางยกระดับขึ้นอีกครั้ง!
ขณะเดียวกัน พลังและกฎระเบียบทั้งหมดในฟ้าดินถล่มไปหาบรรดาบูรพาจารย์ จนพลังของบูรพาจารย์ทั้งหลายถูกบั่นทอนลงไปอีก!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาอยากจะเอาชนะหลิงอินนับว่าเพ้อเจ้อสิ้นดี!
ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว!
แสงอาบศรน่าสะพรึงมากมายวาดผ่านท้องฟ้า พุ่งตรงไปยังบูรพาจารย์ทั้งหลาย หลิงอินเรียกคันศรวิเศษออกมา เกรียงไกรไม่อาจต้าน!
นางก้าวสู่ขอบเขตจักรพรรดิ ซ้ำยังเหนือจักรพรรดิขึ้นไปจนมาถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิ หนนี้ นางใช้วิชาอัศจรรย์ทั้งหลายไปจนสิ้น พลังที่เปล่งออกมานั้นน่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด!
พรวดพรวดพรวด!
เหล่าบูรพาจารย์ไม่อาจต้านได้เลย ต่างถูกศรอาบแสงแทงทะลุร่าง โลหิตสีดำเหม็นคาวหลั่งริน เศษเนื้อปลิวว่อน!
“อะ…ไรกัน!”
“นี่มัน!”
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทะเลต้องห้ามกลัวจนปัสสาวะราด บูรพาจารย์ทั้งหลายออกโรงพร้อมเพรียงยังอเนจอนาถเยี่ยงนี้ หลิงอินยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ คงมิใช่ว่าเป็นเซียนตนหนึ่งกระมัง!
“เจ้า…อภัยให้ไม่ได้!”
“วันนี้เจ้าไม่รอดแน่!”
บรรดาบูรพาจารย์คำรามเสียงต่ำ แสดงฝีมือทั้งหมด ลำแสงน่าสะพรึงกลัวทิ่มแทงออกจากส่วนลึกของทะเลต้องห้าม ราวกับต้องการยิงทะลุนภา
ขณะเดียวกัน พลังปราณสยดสยองมากมายแผ่ซ่านออกจากส่วนลึก
ส่วนลึกของทะเลต้องห้ามมีความลับใหญ่หลวงซ่อนอยู่ ยามนี้ พวกเขาขอเปิดเผยทั้งหมด นี่คือสิ่งที่พวกเขาตระเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ ตระเตรียมเพื่อใช้ยามเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล!
หลิงอินแกร่งกล้าไร้เทียมทาน พวกเขาไม่มีทางเลือก จำต้องเปิดเผยความลับใหญ่หลวงในส่วนลึก มิฉะนั้น พวกเขาคงถูกหลิงอินปราบปรามลงถ้วนหน้า
“หืม!?”
คลื่นสยดสยองที่ปะทุออกมาจากส่วนลึกนั้น แม้แต่หลิงอินยังอดขมวดคิ้วมิได้
ตามคาด อาณาจักรแดนต้องห้ามซึ่งกล้าแกร่งน่ากลัวยิ่งกว่าอาณาจักรเก้าตอนบน มิใช่ต่อกรด้วยง่าย ๆ!
“เกิดอะไรขึ้น!”
เมื่อเห็นสิ่งที่เหินออกมาจากส่วนลึก สีหน้าหลิงอินเปลี่ยนไปเล็กน้อย