นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 576ถึง580
สายลมพัดผ่าน แสงแดดกำลังพอดี จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงแย้มยิ้มอย่างสดใส ก้าวเดินทีละก้าวไปยังริมแม่น้ำสายเล็ก
ทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำสายเล็กยังคงเหมือนเก่า ต้นหลิวสูงใหญ่หยั่งรากลึกริมฝั่ง ใบหลิวเขียวขจีร่วงหล่นลงมา
ก้อนหินที่อยู่ด้านข้างเองก็มีรูปร่างผิดปกติเล็กน้อย ทว่าพื้นผิวก็เรียบดูดียิ่งกว่าหินก้อนอื่น ๆ มาก
“สวัสดีทั้งสองท่าน!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวทักทายต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน
“เจ้าเป็นใคร?”
ต้นหลิวส่งเสียงถามออกมา ราวกับไม่อาจจดจำจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้ ต้นหลิวเองก็เช่นเดียวกัน เอ่ยถามออกมาว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคือผู้ใด
เมื่อได้ยินต้นหลิวและเจ้าก้อนหินถามว่าเขาคือใคร จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็รู้สึกอึดอัดคับข้องใจเป็นอย่างมาก ประหนึ่งถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนความรู้สึกในใจย่ำแย่ถึงที่สุด
บัดซบ เขาหมกหมุ่นครุ่นคิดทั้งวันทั้งคืนว่าจะแก้แค้นต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน แต่ปรากฏว่าทั้งสองกลับไม่แม้แต่จะจดจำเขาได้!
เขาจะไม่รู้สึกอึดอัดคับข้องใจได้อย่างไร!
‘พวกเจ้าทั้งสองเป็นเช่นนี้ ตอนลงมือก็อย่าหาว่าข้าไร้ไมตรี!’
เขาเอ่ยขึ้นในใจด้วยความเกลียดชัง เดิมทีเขาต้องการจะลงมือไม่แรงมากนัก แต่ตอนนี้คงจะต้องลงมือให้หนักขึ้น!
ไม่เช่นนั้นแล้ว ต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินคงจะจดจำเขาไม่ได้อีก!
“ทั้งสองท่านจำข้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ข้าคือหวงหลงซื่อ มาจากแดนสังสารวัฏ ครั้งก่อนที่มาเคยมีปัญหากับทั้งสองท่าน...เล็กน้อย ทว่าหลังจากที่คุณชายช่วยชี้แนะข้าแล้ว ก็ได้กลับไปทำงานให้คุณชายในแดนสังสารวัฏ”
เขาพูดพร้อมรอยยิ้มจริงใจ
ตอนนี้ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ดังนั้นย่อมต้องระมัดระวังตัวอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีในการโจมตีทีเผลอ
เขาจะต้องพูดคุยกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหินอย่างสนิทสนม ทำให้ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินคลายความระมัดระวังลง จากนั้นเขาจึงสามารถลงมือได้สำเร็จ!
“ที่แท้ก็เป็นเจ้า...”
“นึกออกแล้ว เจ้าคือคนเล่นหมากล้อมที่ได้รับคำชี้แนะจากคุณชาย”
ต้นหลิวและก้อนหินจำจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้แล้ว
ยามนั้น คุณชายถูกใจจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง แต่พวกมันไม่รู้จึงไม่คิดจะปล่อยเข้าเมืองไป ดีที่พวกมันทั้งสองตระหนักได้ถึงข้อผิดพลาดของการกระทำก่อนหน้าของพวกตนแล้ว จึงไม่ได้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้น
“นึกออกแล้วใช่หรือไม่!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหัวเราะเสียงดัง “ครั้งนี้ข้ามาเพื่อเยี่ยมเยียนคุณชาย แต่ทว่ากล่าวตามตรงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการ ‘สั่งสอน’ ของพวกท่านทั้งสองในคราวนั้น ข้าจะต้องละเมิดข้อห้ามคุณชายสร้างความผิดพลาดครั้งใหญ่อย่างไม่รู้ตัวแน่นอน เมื่อครั้งนี้มาเยี่ยมคุณชาย จึงคิดแวะมาขอบคุณท่านทั้งสองเสียก่อน”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ พวกเราต่างทำเพื่อคุณชาย ย่อมต้องทำทุกสิ่งให้คุณชายพึงพอใจ ไม่อาจละเมิดข้อห้ามทำให้คุณชายขุ่นเคืองใจได้” เจ้าก้อนหินเอ่ย
“พูดเช่นนั้นก็ไม่ผิด แต่ข้าก็ยังคงต้องการจะขอบคุณท่านทั้งสอง ไม่เช่นนั้นข้าคงรู้สึกติดค้างภายในใจ!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าว “ครั้งนี้ข้าได้นำของขวัญมาให้ท่านทั้งสองด้วย!”
“นำของขวัญมาด้วยงั้นหรือ เกรงใจกันมากไปแล้ว!”
เจ้าก้อนหินพูดไม่ค่อยจะใส่ใจนัก ไม่คิดอะไรมากมายแม้แต่น้อย
“ใช่แล้ว ไม่จำเป็นเช่นนี้ เพียงแค่พวกเราได้ทราบความจริงใจของเจ้าก็พอแล้ว”
ต้นหลิวยิ้ม เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีการเตรียมตัวป้องกันแต่อย่างใด
ได้โอกาสอันดีแล้ว!
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยในใจ เดิมทีเขาคิดไว้ก่อนแล้วว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินจะไม่ลดการป้องกันลงได้โดยง่าย จึงเตรียมของขวัญสำหรับต้นหลิวและเจ้าก้อนหินไว้แล้ว ตั้งใจจะใช้มันเพื่อคลายความระแวดระวังของต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน ดูจากตอนนี้แล้วเห็นได้ชัดว่าของขวัญได้ผลเป็นอย่างยิ่ง
ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินคลายความระมัดระวังลงแล้ว
“ตัวโง่งมทั้งสอง เตรียมตัวโดนทุบตีได้เลย!”
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งภายในใจ ตอนนี้ก็สบโอกาสให้ใช้ตอนมอบของขวัญ จัดการต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน!
“ไม่ ๆ ของขวัญก็ยังต้องส่งมอบ อย่างไรเสียข้าก็นำมาด้วยแล้ว” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าแลบ เรียกกระดานหมากล้อมออกมา พริบตาเดียวเกมหมากล้อมก็ถูกเปิดครอบคลุมทั่วบริเวณทันที!
หลังจากลงมือเสร็จแล้ว เขาก็พลันรู้สึกโล่งในขึ้นมาทันที
เมื่อหมากถูกจัดวางแล้วเขาก็ไม่กังวลอีกต่อไป ก่อนหน้านี้สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือการไม่สามารถเริ่มเกมหมากล้อมได้ ถูกต้นหลิวและเจ้าก้อนหินขัดขวางเสียตั้งแต่แรก
แต่ตอนนี้หมากล้อมได้เปิดใช้งานแล้ว เขาสามารถสำแดงพลังการต่อสู้ที่เหนือยิ่งกว่าเทียนตี้ระดับสูงสุดอย่างเต็มที ต้นหลิวและเจ้าก้อนจะต้องไม่อาจต้านทานได้แน่
เขาไม่เชื่อว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินจะมีพลังเกินกว่าระดับสูงสุดของเทียนตี้ นอกจากนี้ตงฟางเวิ่นยังบอกว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินไม่ได้แข็งแกร่ง เขาสามาถลงมือปราบปรามทั้งสองลงได้
“ทักษะหมากล้อมของตงฟางเวิ่นนั้นสูงล้ำอย่างยิ่ง จะต้องไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างแน่นอน เขาไม่น่าจะโกหกข้า คงดูได้จากการเดินหมาก และการเดินหมากก็บ่งบอกทักษะหมากล้อม”
เขาเชื่อมั่นในตัวตงฟางเวิ่นเป็นอย่างมาก
ในความคิดของเขาแล้ว ตงฟางเวิ่นผู้มีทักษะหมากล้อมสูงล้ำ ย่อมไม่ใช่คนเลวร้าย นอกจากนี้เขายังเห็นว่าตงฟางเวิ่นดูเห็นอกเห็นใจเขาจากใจจริง เกลียดชังสิ่งที่ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินกระทำ ดังนั้นตงฟางเวิ่นจะต้องไม่โกหกเขาแน่
ขณะเดียวกัน ตงฟางเวิ่นที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว
เขารู้ว่า ‘จุดสูงสุดของเรื่องราว’ ใกล้เข้ามาแล้ว จักรพรรดิหวงหลงกำลังจะถูกทุบตี!
‘น้องชาย อย่าได้กล่าวโทษข้าเลย เจ้าคงทนปล่อยให้ข้าถูกทุบตีเพียงผู้เดียวไม่ได้ใช่หรือไม่ มีเจ้ามารับช่วงต่อนับเป็นเรื่องดียิ่ง อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์!’
เขากล่าวขึ้นมาในใจ
เมื่อคิดว่าเขาถูกทุบตีมามากเท่าไหร่ ก็พลันต้องการให้พวกมันเปลี่ยนเป้าหมายไปทุบตีจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้สำเร็จ!
อีกด้านหนึ่ง ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินต่างไม่รู้เรื่องราวอันใด ดังนั้นจึงสงสัยอย่างมากว่าเหตุใดจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจึงเรียกกระดานหมากล้อมขึ้นมา?
“นี่คือของขวัญที่เจ้านำมาอย่างนั้นหรือ?” เจ้าก้อนหินถาม
“ของขวัญ? ของขวัญบ้านเจ้าสิ!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที เขาไร้ซึ่งความกลัวเกรง หลังจากเกมหมากล้อมเริ่มขึ้นแล้ว เขาก็สามารถควบคุมได้ทั่วทั้งสนาม ยังต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีก!
เขาชี้นิ้วสบถเสียงดังใส่เจ้าก้อนหิน “เจ้ามันก็แค่หินก้อนหนึ่ง ครั้งก่อนกลับกล้ามาทุบข้าจนแทบแหลก! เจ้ายังคิดว่าจะได้ของขวัญอีกอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากนั้นเขาก็เบนสายตาไปหาต้นหลิว ชี้นิ้วสบถด่ายกใหญ่ไม่ต่างกัน “แล้วก็เจ้า ครั้งก่อนเจ้าเองก็ทุบตีข้าจนหลังแทบเละ คิดจริง ๆ หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่อขอบคุณพวกเจ้าจริง ๆ!? คิดเพ้อเจ้อไร้สาระ!”
เขาตะโกนออกมาไม่หยุด ภายในใจรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง เข้าเฝ้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
“วันนี้ ในที่สุดข้าก็กลับมาแล้ว มาสะสางความแค้นของพวกเรากันเถอะ! เจ้าไม่ได้ชื่นชอบจะใช้กิ่งหลิวทุบตีผู้อื่นอย่างนั้นหรือ? ได้ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้ทุบตีจนพึงพอใจ! ข้าจะเอากิ่งหลิวของเจ้าไปทุบก้อนหินจนแหลกลาญ!”
ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งตื่นเต้น ก่อนจะหันไปกล่าวกับเจ้าก้อนหินต่อทันที “เจ้าเองก็ไม่ใช่ชอบทุ่มตัวเองใส่ผู้อื่นอย่างนั้นหรือ? วันนี้ข้าเองก็จะทำให้เจ้าพึงพอใจด้วย! ข้าจะใช้เจ้าทุ่มใส่ต้นหลิว เพื่อดูว่าระหว่างพวกเจ้าสองคนผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน!”
อีกด้านหนึ่ง ตงฟางเวิ่นที่ซุ่มซ่อนตัวดูอยู่ในระยะไกลเองก็ได้ยินถ้อยคำที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าว หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นในทันที!
บัดซบ ไม่ว่าเจ้าจะกล้าแค่ไหนก็ไม่อาจบ้าคลั่งเช่นนี้ได้!
เขาเอามือลูบหน้าผากตนเอง กล่าวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “น้องชายที่แสนดี ข้าทำได้แต่ภาวนาไม่ให้เจ้าถูกต้นหลิวและเจ้าก้อนหินทุบตีจนตาย!”
ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ถึงกับกล้าพูดเช่นนี้!
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกลัวตนเองจะไม่ถูกต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินทุบตีอย่างนั้นหรือ?
สนุกปาก แต่เป็นร่างกายที่ต้องทนทุกข์!
เขาทำได้เพียงแต่สวดภาวนาให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่างเงียบงันภายในใจ
แม้เขาจะไม่รู้ว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินแข็งแกร่งถึงเพียงใดกันแน่ แต่ที่ทราบแน่คือช่องว่างระหว่างพวกมันทั้งสองกับเขานั้นกว้างใหญ่เกินไป
ด้วยคำพูดของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงแล้ว เกรงว่าเขาจะต้องย้ำแย่มากแน่ ๆ...
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่มีการยับยั้งใด ๆ สบถด่าสาปแช่งทุกคำที่อยู่ภายในใจออกมา รู้สึกสุขสมอิ่มเอมจนไม่อาจบรรยายออกมาได้
ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินเองก็ไม่คาดคิดว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจะแสดงท่าทีเช่นนี้โดยสิ้นเชิง!
“เจ้า...จริงจังหรือ?”
เจ้าก้อนหินอดส่งเสียงถามจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่ได้
บัดซบ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคิดจริงหรือว่าจะสามารถเอาชนะพวกมันได้ด้วยพลังของหมากล้อม?
นี่ไม่น่าตลกเกินไปหน่อยหรือ...
ด้วยพลังที่แผ่ออกมาจากกระดานหมากล้อมนี่ เกรงว่ามันขยับเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถทำลายลงได้อย่างง่ายดาย จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงช่างผยองในตนเองเสียจริง
“พูดจาอะไรไร้สาระ ข้าย่อมต้องจริงจังอยู่แล้ว!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยังคงเอ่ยตรง ๆ อย่างไม่กังวลสิ่งใด เขามองไปที่เจ้าก้อนหินพร้อมพูดต่อ “อะไร เจ้ากลัวจนอยากร้องขอความเมตตาอย่างนั้นหรือ? ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ ว่าอ้อนวอนไปก็ไร้ค่า วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนบทเรียนพวกเจ้าให้ได้!”
เกมหมากล้อมถูกเปิดขึ้นมาแล้ว ปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ ทำให้เขามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินจะต้องถูกเขาปราบปรามได้แน่
“อ้อนวอน?”
ขณะนั้นต้นหลิวก็เอ่ยขึ้นมา
ลำต้นของมันสั่นไหวเบา ๆ ก่อนจะมีกิ่งหลิวพุ่งออกไปใส่กระดานหมากล้อมที่ลอยสูงเสียดฟ้า
ตู้ม!
ทันทีที่กระทบกิ่งหลิว หมากล้อมทั้งหมดก็ระเบิดออกทันใดโดยที่ต้นหลิวไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด กระทั่งใบไม้ยังไม่ร่วงหล่นสักใบ
“เอ๊ะ?”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตกตะลึงจนตาค้าง ทั้งหน้าดำคล้ำเสียยิ่งกว่าก้นกระทะเหล็ก
นี่มันอะไรกัน!?
ไม่ใช่ว่าต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินไม่แข็งแกร่งหรอกหรือ?
เขาอยากจะเรียกตงฟางเวิ่นมาจริง ๆ จากนั้นก็ตบปากแล้วถามตงฟางเวิ่นว่านี่เรียกไม่แข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ!?
เพื่อความปลอดภัย ยามเขาเรียกหมากล้อมออกมาจงได้ใช้พลังผลักดันมันให้แข็งแกร่งถึงขีดสุด หมากล้อมกระดานนี้กระทั่งเทียนตี้ระดับสูงสุดพยายามอย่างสุดชีวิตก็ไม่อาจทำลายมันลงได้
แต่ต้นหลิวเล่า?
ต้นหลิวเพียงแค่ใช้กิ่งหลิวกิ่งเดียวก็สามารถทำลายกระดานหมากล้อมของเขาได้ภายในพริบตาเดียว ความต่างชั้นระหว่างเขากับต้นหลิวนั้นอยู่เหนือเกินกว่าที่จะสามารถจินตนาการได้!
ต้นหลิวสามารถจัดการเขาได้แบบง่ายดายอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนั้นแล้วด้านข้างก็ยังมีเจ้าก้อนหินที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าต้นหลิว!
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถเป็นคู่มือ ไม่แม้กระทั่งขัดขืนได้สักนิด!
“ตงฟางเวิ่นสมควรตาย ข้าถูกเจ้าขุดหลุมพรางใส่แล้ว! ข้าเชื่อในการเดินหมากของเจ้า ข้าเชื่อในตัวเจ้า สุดท้ายผลกลับออกมาเป็นเช่นนี้?”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงร่ำไห้ภายในใจ “พี่ชาย ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าเลย ไยจึงขุดหลุมพรางใส่กันเช่นนี้!”
ตอนนี้ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกต่อไป เป็นตงฟางเวิ่นที่จงใจขุดหลุมพรางใส่เขาอย่างแน่นอน
ตงฟางเวิ่นอาศัยอยู่ในเมืองชิงซาน เช่นนั้นแล้วจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของต้นหลิวและเจ้าก้อนหินได้อย่างไร?
ไม่มีทางเป็นไปได้!
ตงฟางเวิ่นจะต้องรับรู้ความแข็งแกร่งของต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน ทว่าก็ยังกระตุ้นเขาให้มาสะสางความแค้นกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน ตงฟางเวิ่นผู้นี้ไม่ใช่คนดี จิตใจดำมืด ชั่วร้ายเป็นอย่างมาก!
“พี่ต้นหลิว ท่านตีแบบเบามือลงหน่อยได้หรือไม่?”
เขามองต้นหลิวด้วยแววตาน่าสมเพช จากนั้นก็เบนสายตาไปทางเจ้าก้อนหิน “พี่ก้อนหิน ท่านทุ่มแบบเบามือลงหน่อยได้หรือไม่?”
“เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ!”
“เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ!”
ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
ก่อนหน้านี้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสบถด่าพวกมันเสียยกใหญ่ เช่นนั้นแล้วพวกมันจะปล่อยจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
อย่าแม้แต่จะคิด!
หลังจากนั้น ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินก็เริ่มลงมือ
กิ่งหลิวพุ่งเข้าใส่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงในพริบตาเดียว จากนั้นก็หิ้วจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงขึ้นมา
ตามมาด้วยกิ่งหลิวอีกกิ่งฟาดใส่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง!
เจ้าก้อนหินเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน มันทุ่มตัวใส่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงครั้งแล้วครั้งเล่า สภาพของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง เนื้อแหลกเละ เลือดสาดกระเซ็น ปากส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง
ภายในใจของเขาอึดอัดคับข้องใจอย่างมาก เหตุใดเขาจึงดวงซวยนัก จึงต้องพบเจอคนไร้เมตตาจิตใจดำมืดถึงเพียงนี้!!!
“พี่ใหญ่ต้นหลิว พี่ใหญ่ก้อนหิน พวกท่านยกโทษให้ข้าด้วย หากต้องการกล่าวโทษผู้ใดก็เป็นคนชื่อตงฟางเวิ่น เขาคือผู้ที่สนับสนุนให้ข้ามาจัดการพวกท่าน บอกว่าพฤติกรรมของพวกท่านน่าโมโห ไม่อาจทนรับได้!”
ตงฟางเวิ่นตะโกนขึ้นมา
ตงฟางเวิ่นทำให้เขาลงเอยเช่นนี้ อย่างนั้นแล้วเขาก็จะไม่ปล่อยตงฟางเวิ่นไปแบบสบาย ๆ!
“ตงฟางเวิ่น?”
“เจ้านั่นก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!?”
น้ำเสียงของต้นหลิวและเจ้าก้อนหินเย็นเยียบลง ดีมาก ตงฟางเวิ่นยังคิดร้ายกับพวกเขาอีกหรือ?
“ขายข้า? ข้ากล้าขุดหลุมพรางใส่เจ้า เช่นนั้นข้าย่อมไม่กลัวการถูกเจ้าขาย!”
อีกด้านหนึ่งด้านในมุมมืด ตงฟางเวิ่นมองมาอย่างไร้ความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
เขาเดินออกจากมุมมืดไปยังริมแม่น้ำสายเล็ก
“บังอาจ เจ้ากล้าคิดที่จะลอบโจมตีพี่ต้นหลิวและพี่ก้อนหิน เช่นนั้นข้าจะทนได้อย่างไร!”
เขาตวาดใส่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงด้วยข้อแก้ตัวที่คิดไว้ก่อนนานแล้ว
“พี่ต้นหลิว พี่ก้อนหิน ไอ้สารเลวนี่ไม่มีเจตนาดี ถึงกับกล้าคิดจะจัดการกับพวกท่านทั้งสอง เช่นนั้นแล้วข้าจะทนได้อย่างไร? ย่อมไม่อาจทนได้! ดังนั้นข้าจึงจงใจบอกว่าพี่ต้นหลิวและพี่ก้อนหินไม่แข็งแกร่ง เพื่อล่อให้เขามาที่นี่”
ตงฟางเวิ่นเอ่ยกับต้นหลิวและก้อนหินอย่างชอบธรรม
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “ความแข็งแกร่งของพี่ต้นหลิวและพี่ก้อนหิน ข้าย่อมรู้กระจ่างชัด คนผู้นี้ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู่ของพวกท่านได้ ข้าจึงหลอกให้เขามาที่นี่เพื่อมอบให้ท่านทั้งสองจัดการ”
ทว่าตอนนั้นเองก็เกิดสิ่งที่เหนือความคิดเขาอย่างสิ้นเชิง กิ่งต้นหลิวฟาดเข้ามาอย่างรวดเร็วจนเขาหน้าทิ่มลงบนพื้น กินโคลนเข้าไปเต็มปาก
“เอ๊ะ?”
เขาตกตะลึง เหตุใดต้นหลิวจึงฟาดเขาด้วย? เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองเอ่ยออกไปนั้นสมเหตุสมผลและฟังขึ้น
“ข้ารู้สึกว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น”
ต้นหลิวรู้สึกว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานอันใดก็ตาม ทว่ามันก็ไม่คิดจะหาหลักฐาน เพียงแค่ฟาดไปประเดี๋ยวตงฟางเวิ่นก็สารภาพความจริงในภายหลังเอง
มันเชื่อในความรู้สึกของมัน และความรู้สึกของมันก็ไม่เคยผิดพลาด
หลังจากนั้นกิ่งหลิ่วก็พุ่งเข้ามา หิ้วตัวของตงฟางเวิ่นขึ้นไปแขวนเอาไว้
“ข้าเองก็รู้สึกเหมือนกัน!” เจ้าก้อนหินกล่าวเสริม
สิ่งที่เกิดขึ้นกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเมื่อสักครู่ ได้เกิดขึ้นอีกครั้งกับตงฟางเวิ่นในตอนนี้
ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินพากันทุบตีอย่างต่อเนื่องจนตงฟางเวิ่นได้แต่สงเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสมเพช
“สมควรแล้ว!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหัวเราะออกมาดังลั่น เขาเองก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่ตงฟางเวิ่นกล่าวไม่ใช่ความจริง เขารู้สึกได้ว่าตงฟางเวิ่นจงใจขุดหลุมพรางใส่เขา!
ตงฟางเวิ่นถูกแขวนเอาไว้แล้วทุบตี สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นเป็นอย่างมาก อดรู้สึกสุขสมขึ้นมาไม่ได้
ตงฟางเวิ่นคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินจะไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีหลักฐานอันใดแต่ก็ยังคงทุบตีเขาเช่นนี้ เขาช่างน่าเวทนาเหลือเกิน!
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก เขาคงไม่วางหลุมพรางใส่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่างแน่นอน ที่เขาวางหลุมพรางใส่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็เพราะเขาคิดว่าตนเองจะรอดพ้นจากเรื่องนี้
แต่ใครจะรู้เล่าว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ยังหนีไม่พ้น!
หากต้นหลิวและเจ้าก้อนหินมีหลักฐานก็แล้วไปเถอะ แต่นี่ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินไม่มีหลักฐานใด ๆ เขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรรม ทั้งยังไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง!
“ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว!”
ในท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจทนไว้ เอ่ยสารภาพทุกอย่างออกมา บอกว่าเขาจงใจขุดหลุมพรางใส่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง โดยต้องการเห็นสภาพน่าขบขันของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง และให้กลายเป็นตัวแทนการถูกทุบตีแทนเขา
สุดท้ายเขาก็ถูกทุบตีรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
หลังจากสั่งสอนจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงและตงฟางเวิ่นแล้ว ต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินก็ถึงยอมปล่อยทั้งสองคนไป
“หากวันข้างหน้ายังกล้าทำเช่นนี้อีก คราวหน้าจะไม่เบามือกับพวกเจ้าแบบวันนี้แน่!”
เจ้าก้อนหินกล่าวอย่างดุร้าย
“ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้ว!”
“จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกับตงฟางเวิ่นกล่าวทั้งน้ำตา
...
ภายในจักรวาลหมื่นดารา ร่างงดงามอย่างถึงที่สุดเดินทางผ่านดวงดาวนับไม่ถ้วนด้วยความรวดเร็ว ร่างกายรายล้อมด้วยแสงเซียน เมินเฉยต่อความกดดันของจักรวาลหมื่นดารา เดินท่องไปในอากาศราวกับกำลังอยู่บนพื้น
“ใกล้ถึงแล้ว...”
นางพึมพำกับตนเองยามใกล้ถึงอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหล
สตรีโฉมสะคราญนางหนึ่งในชุดขาวผ่องดั่งหิมะเยื้องย่างอยู่ในอวกาศ นางมิได้ก้าวยาวเท่าใด แต่กลับก้าวข้ามดวงดาวได้หลายดวง ประกายเซียนกระจายลงไปเป็นพัลวัน
เพราะร่างกายของนางยังฟื้นพลังได้ไม่เต็มที่นัก ถึงได้จงใจชะลอฝีเท้า เพื่อคืนสภาพระหว่างทาง หากมิใช่เช่นนั้น นางสามารถไปถึงได้โดยการตั้งจิตเพียงครั้งเดียว และสามารถไปที่ไหนก็ตามที่นางปรารถนา
บุคลิกของนางค่อนไปทางเย็นชา งามพิลาศไร้ผู้ใดทัดเทียม เคยถูกขนานนามว่าจักรพรรดินีงามวิไล ทิ้งตำนานยิ่งใหญ่ไว้มากมาย มิใช่บุคคลที่คนสามัญจะเปรียบเทียบด้วยได้
“เมื่อไปถึงที่นั่น ข้าจะคืนสภาพได้อย่างสมบูรณ์”
นางพึมพำกับตัวเองอีกประโยค เป็นจักรพรรดินีอนันตกาลนั่นเอง
...
นอกเมืองชิงซาน ริมน้ำ
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงและตงฟางเวิ่นสภาพอนาถไม่แพ้กัน พวกเขาถูกต้นหลิวและก้อนหินห้อยหัวหวดเฆี่ยน ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งทางร่างกายและจิตใจ การหวดเฆี่ยนจากต้นหลิวและก้อนหินไม่เพียงแต่มีผลต่อร่างกายพวกเขา ซ้ำยังมีผลกับวิญญาณพวกเขาอีกด้วย
รสชาตินั้นอย่าให้เอ่ยเลยว่าทรมานปานใด
สุดท้าย ต้นหลิวปล่อยจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงและตงฟางเวิ่นลงมา
“ข้าเห็นว่าเป็นพวกเจ้าหรอกนะ หากเป็นผู้อื่น คงตายไปนานแล้ว!”
ก้อนหินเอ่ยเสียงไม่สบอารมณ์
“เข้าใจแล้ว ๆ!”
“ข้ามิกล้าแล้วจริง ๆ หลังจากนี้!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงและตงฟางเวิ่นรีบบอก รู้ดีว่าก้อนหินมิได้ขู่พวกเขา หากแต่พูดความจริง พวกเขาสัมผัสได้ว่าต้นหลิวและก้อนหินระงับพลังไว้ มิฉะนั้นพวกเขาคงตายไปนานแล้ว!
“ลาก่อนทั้งสองท่าน ข้าขอไปเยี่ยมเยียนคุณชายก่อน!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่เสี้ยวอึดใจเดียว เขารีดเร้นพลัง ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของร่าง ไม่นานนัก ก็คืนสภาพกลับมาดีดังเดิม ไม่เหลือบาดแผลแม้แต่น้อย
เขาไฉนเลยจะกล้าไปพบคุณชายด้วยร่างอันบอบช้ำ
มิเป็นการเอาเรื่องต้นหลิวและก้อนหินไปฟ้องซึ่งหน้าหรือ?
เขาไม่กล้า!
“ร้อนใจกระไร คุณชายไม่อยู่ในเมือง ออกนอกเมืองไปยังมิได้กลับมา”
ต้นหลิวเอ่ย มันเห็นคุณชายแบกคันศรออกไปล่าสัตว์
“หา เช่นนี้หรอกหรือ ถ้าอย่างนั้น ข้าจะรอคุณชายกลับมาที่นี่”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอยู่ต่อ ทว่าความจริงไม่เต็มใจอย่างมาก เขาไม่อยากอยู่กับต้นหลิวและก้อนหินไปนานกว่านี้เลย
ทว่ายังดี ผ่านไปไม่นาน คุณชายก็กลับมา
“สวัสดีคุณชาย!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงรีบวิ่งเข้าไปทักทายคุณชาย
หลี่จิ่วเต้าทอดมองจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง เริ่มแรกยังคิดไม่ออกว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคือผู้ใด นึกอยากถามดูเสียหน่อย แต่ต่อมาเขาก็นึกออก
“อ้อ ท่านเองหรือ”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เขาคือผู้เฒ่าซึ่งหลงใหลในการเล่นหมากล้อมผู้หนึ่ง เคยใคร่ครวญหาวิธีแก้กระดานอยู่ริมลำธาร ทว่าอย่างไรก็แก้มิได้ ต่อมา เขาสามารถแก้ได้ในหมากเดียว เปลี่ยนกระดานทางตันนั้นเป็นกระดานที่เล่นต่อได้อีกครั้ง
“มาเถิด มาสนทนากันที่ลานของข้า”
เขาพาจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไปจากที่นี่
ตงฟางเวิ่นมิได้อยู่ที่นี่ เขาแยกตัวไปนานแล้ว ไม่ไปจะให้อยู่รอโดนหวดหรืออย่างไร เขาหาข้ออ้างหนีไป เหลือจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงรออย่างตัวสั่นขวัญผวาอยู่เพียงผู้เดียว
“จริงสิ ยังไม่เคยถามเลยว่าท่านชื่ออะไร”
ระหว่างทาง หลี่จิ่วเต้าถามจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยิ้ม ๆ
คุณชายไม่รู้ชื่อเขาหรือ
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเคลือบแคลงใจขึ้นมาแวบหนึ่ง
ทว่าไม่นาน เขาก็ขจัดความสงสัยในใจจนหมดสิ้น
ไม่เห็นหรือว่าลำพังต้นหลิวที่คอยบดบังฟ้าฝนให้คุณชาย และก้อนหินที่คอยเป็นที่นั่งให้คุณชายยามตกปลายังได้รับผลประโยชน์มหาศาล แข็งแกร่งน่าพรั่นพรึงขึ้นเป็นหนักหนา ขอบเขตลึกล้ำเกินหยั่ง
คุณชายย่อมต้องสูงส่งลึกล้ำยิ่งกว่า ไฉนเลยจะไม่รู้ว่าเขามีนามว่ากระไร
ทั้งที่คุณชายรู้อยู่แล้วว่าเขามีนามว่าอะไรแต่ยังถามเขาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับการยอมรับจากคุณชายแล้ว มีสิทธิ์ทิ้งนามไว้กับคุณชาย!
คิดมาถึงนี่ เขาตื้นตันใจเป็นหนักหนา
ความพยายามรับใช้คุณชายในแดนสังสารวัฏของเขา คุณชายมองเห็นทั้งหมด และให้การยอมรับเขา ในที่สุด เขาก็ได้เป็นคนของคุณชายจริง ๆ แล้ว!
“ข้ามีนามว่าหวงหลงซื่อ!”
เขาบอกชื่อแซ่ตัวเองอย่างรวดเร็ว เรื่องอื่นมิกล้าพูดให้มากความ เขาทราบข้อห้ามของคุณชายดี
“หวงหลงซื่อ…ชื่อนี้ดียิ่ง”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า รู้สึกว่าชื่อหวงหลงซื่อมีความหมาย
พวกเขาทะลุผ่านถนนหนทาง กลับมาถึงลานเล็ก
“คุณชายกลับมาแล้ว”
ลั่วสุ่ยออกไปต้อนรับทันที พร้อมรับคันศรเล่มใหญ่ และกระบอกธนูของคุณชายไว้
นางกลับจากเส้นทางได้พักใหญ่แล้ว มัจฉาสัตมายาและเต่าชราก็เช่นกัน เวลานี้ต่างทอดกายอยู่ในบ่อน้ำ
จอบเซียนไวยิ่งกว่านั้น บัดนี้กำลังอิงกำแพงเงียบ ๆ
หลี่จิ่วเต้ากลับจากการล่าสัตว์ แต่ไม่ได้เหยื่อกลับมา ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าเขาล่าสัตว์ไม่ได้ ตรงกันข้าม เขาล่าสัตว์จากเขาชิงซานมาได้ไม่น้อย เพียงแต่ไม่ได้นำกลับมาด้วย ยกให้นายพรานอื่นบนเขาชิงซานแทน
เนื้ออสูรใน ‘ตู้เย็น’ ยังเหลืออยู่อีกมาก เขานำเหยื่อเหล่านั้นกลับมาก็เสียเปล่า กินไม่หมด เพราะอย่างนั้น เขาจึงยกให้นายพรานทั้งหมด
หลังจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเข้ามาในลานเล็ก ก็สะท้านใจอย่างยิ่งยวด
เขาไม่เคยคิดเลยว่าในโลกนี้มีสถานที่สูงส่งวิเศษเยี่ยงนี้ ในสายตาของเขา น่ากลัวว่าภพเซียนยังมิอาจเทียบได้กับที่นี่เลย
พลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในลานเล็กชวนให้ดื่มด่ำนัก รู้สึกเหมือนถูกสสารสูงส่งห่อหุ้มอยู่ทั้งร่าง แต่ละด้านล้วนพัฒนาพุ่งพรวด
เขาปรายตามองบ่อน้ำ สะท้านใจยิ่งขึ้น
เขามอมีปราณโกลาหลแผ่ซ่านอยู่รอบ ๆ เขาสัมผัสได้ถึงแก่นกำเนิดบริสุทธิ์ของสรรพสิ่งในใต้หล้า เขารู้ว่านี่คือความโกลาหลที่อยู่เหนือประการทั้งปวง วิวัฒน์สรรพสิ่งออกมา เป็นพลังที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าพลังเซียนเสียอีก!
“คนหลังเขา!”
“ดูท่าทางไม่เคยเปิดหูเปิดตาของเขาสิ!”
ภายในบ่อน้ำ ปลาใหญ่รูปลักษ์งดงาม เกล็ดสีทองอร่ามหลายตัวรวมตัวเข้าด้วยกัน สนทนาภาษาปลากันบุ๋งบุ๋ง สื่อสารกันไปมา วาจาเปี่ยมไปด้วยความดูแคลนจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง
พวกมันล้วนเป็นปลามังกร เป็นปลาที่มาใหม่ มีสายเลือดเฉกเช่นเดียวกับปลามังกรที่ถูกหลี่จิ่วเต้าแบ่งทำเป็นอาหารสามจาน ถือเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน
พวกมันล้วนถูกหลี่จิ่วเต้าตกขึ้นจากภพเซียนเทียม
หลี่จิ่วเต้ารู้สึกว่าปลามังกรมีรูปลักษณ์งดงาม นึกอยากตกเพิ่มอีกสามสี่ตัวมาเลี้ยงไว้ หนก่อนคราวหลิงอินเข้ามาสนทนาเรื่องเส้นทางกับลั่วสุ่ย หลี่จิ่วเต้าก็ไปตกปลามังกรมา
เริ่มแรก ปลามังกรเหล่านี้เชื่อฟังเป็นอย่างดี ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ปลามังกรเหล่านี้ก็เริ่มใจกล้าขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะคุณชายให้ความสำคัญพวกมันเป็นอย่างมาก ต้องมาป้อนอาหารพวกมันในทุก ๆ วัน หยอกเย้าพวกมัน พวกมันไม่เหลือความหวาดผวาอย่างคราแรก
ภายในบ่อน้ำ มัจฉาสัตมายาได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดูแคลนจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงของเหล่าปลามังกร เกินคาดมันไปนิดหน่อย
ปลามังกรที่เคยเชื่อฟังว่าง่ายถึงเพียงนั้น เหตุใดได้รับความโปรดปรานจากคุณชายแล้วถึงเย่อหยิ่งผยองได้ปานนี้ ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาอีกต่อไป!?
ท่าทางเสมือนคางคกขึ้นวอ…
‘เพราะมีสายเลือดเหมือนกันหรือ’
มันคิดในใจ รู้สึกว่าปลามังกรเหล่านี้เริ่มมีแนวโน้มกลายไปเป็นอย่างปลามังกรตัวนั้น
มันนึกในใจว่า ปลามังกรเหล่านี้อย่าได้กลายเป็นอย่างปลามังกรตัวนั้นเลย มิฉะนั้น จุดจบที่รอคอยปลามังกรเหล่านี้อยู่ ย่อมเป็นเฉกเช่นปลามังกรตัวนั้น ถูกคุณชายนำไปปรุงเป็นอาหารสามอย่าง หรืออาจมากกว่านั้นด้วยซ้ำ!
คุณชายชอบวิธีการเช่นนี้เป็นที่สุด
“อย่าได้เย้ยหยันผู้อื่นตามอำเภอใจเยี่ยงนี้ เมื่อคราวเพิ่งมาเยือนลานเล็กของคุณชาย พวกเราทุกคนล้วนเป็นเช่นนี้มิใช่หรือ”
มัจฉาสัตมายาเตือนปลามังกรเหล่านี้ด้วยความหวังดี ไม่อยากเห็นปลามังกรเหล่านี้กลายไปเป็นเช่นปลามังกรตัวนั้น
“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง!”
“ดูแลตัวเจ้าเองให้ดีก็พอ!”
หารู้ไม่ ปลามังกรเหล่านั้นไม่เห็นค่าสักนิด พวกมันสุมหัวด้วยกัน กีดกันมัจฉาสัตมายามิให้เข้าเป็นพวก
มัจฉาสัตมายาเตือนด้วยความหวังดี แต่กลับถูกฉะกลับ มันขี้เกียจจะว่ากล่าวคำใดกับปลามังกรเหล่านี้อีก มันมิได้มีนิสัยชอบเข้าหาปานนั้น พะเน้าพะนอทั้งที่อีกฝ่ายหมางเมิน
“มา ๆ นั่งเถิด”
หลี่จิ่วเต้าเชื้อเชิญจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเข้าไปนั่งในศาลา
หลี่จิ่วเต้าและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเข้ามานั่งในศาลา ลั่วสุ่ยยกน้ำชาเข้ามา หลี่จิ่วเต้ารินน้ำชาถ้วยหนึ่งให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง
หลังดื่มน้ำชาลงไปอึกหนึ่ง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยิ่งรู้สึกคุ้มค่า ที่เขาพยายามทำหน้าที่ในแดนสังสารวัฏสุดชีวิต มิได้ไม่มีผู้ใดสนใจ มิได้ไม่มีผู้ใดรับรู้ อย่างน้อยคุณชายรับรู้ นี่อย่างไร มีการให้รางวัลเขาแล้ว
พลังที่เจืออยู่ในน้ำชาแทบเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการออก ชาเซียนก็คงเท่านี้เองกระมัง
พลังแต่ละด้านในกายเขาล้วนถูกกระตุ้น มีการผกผัน เขาสัมผัสถึงรสชาติแห่งวัยเยาว์ พลังชีวิตทวีคูณมหาศาล คล้ายว่าสามารถย้อนเวลากลับไปในวัยเยาว์ ความรู้สึกนั้นวิเศษเป็นที่สุด
หลี่จิ่วเต้าและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสนทนาสัพเพเหระไปสักครู่ แล้วจึงให้ลั่วสุ่ยยกกระดานหมากล้อมเข้ามา หมายจะเล่นหมากล้อมกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสักตาสองตา
“ได้!”
ลั่วสุ่ยยกกระดานและหมากเข้ามา ตั้งวางบนโต๊ะในศาลา
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเต็มตื้นอย่างยิ่งยวด เขารู้ว่าคุณชายต้องการชี้แนะเขา
หลังเริ่มตาเดิน หลี่จิ่วเต้าให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเดินหมากก่อน เขาประมือกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอยู่สองสามตาเดิน ก็ชนะจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้
“ฝีมือเดินหมากไม่เลวนี่”
หลี่จิ่วเต้าออกความเห็นยิ้ม ๆ แม้ว่าเขาชนะจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้ในไม่กี่ตาเดิน ทว่า ผู้เชี่ยวชาญออกโรง ย่อมเห็นว่ามีกึ๋นหรือไม่ เขามองออกว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมีพื้นฐานหมากล้อมดีเยี่ยม และมีความเข้าใจในหมากล้อมล้ำเลิศ
หากเทียบกับตงฟางเวิ่น จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเก่งกว่าตงฟางเวิ่นยามเล่นหมากล้อมกับเขาแรก ๆ มากโข
“มา ต่อกันเลย”
หลี่จิ่วเต้าเก็บตัวหมากกลับไป เล่นกับจักรพรรดิหมากล้อมต่ออีกกระดาน
จากหมากกระดานนี้ เขาดูออกว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมีพรสวรรค์ด้านหมากล้อมเยี่ยมยอด เห็นได้ชัดว่าได้บทเรียนจากกระดานก่อน ซ้ำยังเรียนรู้จากตาเดินเมื่อครู่ของเขาไปไม่น้อย
ข้อนี้ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเก่งกว่าตงฟางเวิ่น
เขาไม่สงสัยเลยว่า หากจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้รับการชี้แนะสั่งสอนจากเขา ความก้าวหน้าของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงย่อมมากกว่าตงฟางเวิ่น สำเร็จได้สูงกว่า
“ไม่เลวเลย”
เขาเอ่ยยิ้ม ๆ จัดเรียงกระดานหมากใหม่ เริ่มเล่นกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอีกครั้ง
กระดานแล้วกระดานเล่า อย่าให้พูดเลยว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสะท้านใจปานใด นี่หรือคือระดับวิถีหมากล้อมของคุณชาย?
เขาได้รับประโยชน์และก้าวหน้าได้อย่างมหาศาลในแต่ละตา และคิดว่าวิถีหมากล้อมที่คุณชายแสดงให้เห็นในแต่ละกระดานนั้นคือขีดสุดแล้ว แต่ต่อมา ถึงรู้ว่าความคิดของเขาโง่เขลาเพียงใด
วิถีหมากล้อมของคุณชายไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง ขีดจำกัดที่รู้สึกได้ เป็นเพียงความรู้สึกของเขาฝ่ายเดียวเท่านั้น ยังห่างจากขีดจำกัดของคุณชายอีกไกล
หลี่จิ่วเต้าเล่นหมากล้อมกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอยู่หลายตา และหลังจบไปอีกกระดาน ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ
เขาเอ่ย “พอมองออกว่าผู้เฒ่าหวงมีสภาวะจิตใจค่อนข้างมั่นคง ข้อนี้สะท้อนให้เห็นจากตาเดินหมากล้อม แน่นอนว่า ความมั่นคงนั้นดี ทว่าบางครั้ง มั่นคงเกินไปยิ่งง่ายต่อการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ควรต้องเป็นฝ่ายรุกบ้างเมื่อสบจังหวะ ชิงหัวใจสำคัญมาได้ แล้วถึงมีอำนาจควบคุมการวางหมากทั้งกระดาน”
จากนั้น เขายกตัวอย่างให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงโดยอ้างอิงจากกระดานหมากล้อมที่เล่นไปก่อนหน้านี้ ในกระดานก่อนหน้านี้ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมีโอกาสยึดจุดได้เปรียบกว่า ผลสุดท้ายกลับสูญเสียโอกาสเพราะฝักใฝ่ความมั่นคง กลับกลายเป็นทิ้งขว้างสถานการณ์อันได้เปรียบของตน จนนำไปสู่ความพ่ายแพ้
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพยักหน้ารัว ด้วยการยกตัวอย่างจากคุณชาย เขาพบจุดด้อยของตัวเอง เขาฝักใฝ่ในความมั่นคงเกินไปจริง ๆ กลับกลายเป็นสร้างความเสียเปรียบให้ตนเอง
หากมิได้คุณชายชี้ให้เห็น เขาคงยังไม่ตระหนักถึง
เดี๋ยวก่อน…
นี่จะเป็นคำสั่งที่คุณชายมีต่อเขาขณะชี้แนะฝีมือหมากล้อมของเขาไปด้วยหรือไม่
เขานึกไปถึงเหตุการณ์ในแดนสังสารวัฏ
ที่มาคราวนี้ นอกจากเยี่ยมเยียนคุณชาย เขายังคิดอยู่ว่าคุณชายจะมีรับสั่งอื่นใดหรือไม่
นึกถึงประสบการณ์คราวก่อนของเขา ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ คุณชายมิเคยเอ่ยสิ่งใดโจ่งแจ้ง กระทั่งครั้งก่อนที่ส่งเขาไปปฏิบัติหน้าที่ในแดนสังสารวัฏ คุณชายยังมิได้เอ่ยบอกเขา เพียงแต่เล่นหมากล้อมด้วยกระดานหนึ่งแล้วจากไป
บัดนี้ลองไตร่ตรองดูแล้ว เป็นไปได้ว่าหนก่อนคือบททดสอบเขาจากคุณชาย ทดสองดูว่าเขาเข้าใจความนัยได้หรือไม่ และทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีหรือไม่
เขาเข้าใจดี ทั้งยังสำเร็จลุล่วงในภารกิจที่คุณชายมอบหมายเขาได้เรียบร้อย ยามนี้ ก็ได้รับการยอมรับจากคุณชายเพราะเหตุนี้
“การเดินหมากล้อมเป็นเช่นนี้ ชีวิตคนเราหาได้ต่างออกไปไม่ การฝักใฝ่ความมั่นคงนั้นไม่ผิด เพียงแต่ไม่ควรพลาดโอกาสอันดี ควรเชี่ยวชาญในการเป็นฝ่ายรุก เช่นนี้จึงจะประสบความสำเร็จ”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ
หมากนั้นเสมือนชีวิต ชีวิตคนเราแตกต่างที่ไหน คนมากมายเสียโอกาสอันยอดเยี่ยมไปมากเพราะฝักใฝ่ความมั่นคงจนเกินไป
ความมั่นคงนั้นดีแล้ว กระนั้นไม่ควรใฝ่หาแต่เพียงความมั่นคงอย่างเดียว ควรต้องหัดเป็นฝ่ายรุกเสียบ้าง
เข้าใจแล้ว!
แจ่มแจ้งแล้ว!
นี่คือคำสั่งจากคุณชายจริง ๆ!
หลังได้ฟังคำกล่าวของคุณชาย จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหมดสิ้นข้อกังขา หากถ้อยคำของคุณชายก่อนหน้านี้ยังชัดเจนไม่พอ เช่นนั้นท่อนหลังนี้เท่ากับเอ่ยกันซึ่งหน้า!
ชีวิตคนเราหาได้ต่างออกไปไม่!
ชีวิตคนเรา!
คุณชายกล่าวถึงชีวิตคนเราแล้ว ชัดเจนจนไม่อาจชัดเจนไปกว่านี้ได้อีกแล้ว!
“เป็นฝ่ายรุกหรือ?”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงท่องในใจ
คุณชายเน้นการเป็นฝ่ายรุกอยู่ตลอด แล้วการเป็นฝ่ายรุกที่ว่ามีความหมายอย่างไร?
เขายังคิดไม่ได้
“มา ๆ ต่อกันเถิด”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เล่นหมากล้อมกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงต่อ
ความสามารถในการเรียนรู้ของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงนั้นเยี่ยมยอดอย่างแท้จริง เข้าใจได้ว่องไว ระหว่างการเล่นหมากล้อมหลังจากนั้น เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย ไม่เอาแต่ฝักใฝ่ในความมั่นคง รู้จักเป็นฝ่ายรุก ฝีมือหมากล้อมเก่งกาจขึ้นกว่าก่อนนี้เยอะมากอย่างเห็นได้ชัด
เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง
“ผู้เฒ่าหวงอยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถิด หลังจบมื้อเย็น เราค่อยเล่นกันต่ออีกสักตาสองตา”
หลี่จิ่วเต้าขอให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอยู่กินข้าวที่บ้าน
“ได้!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงรีบพยักหน้ารับ แค่ชาถ้วยเดียวที่คุณชายให้เขาดื่มยังสูงส่งวิเศษปานนี้ มิได้ด้อยไปกว่าชาเซียน มื้อเย็นที่ได้กินย่อมต้องสูงส่งวิเศษยิ่งกว่าน้ำชานั้น
เขาเต็มตื้นยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย รู้ดีว่าตนเองกำลังจะได้รับประโยชน์มโหฬาร
เดี๋ยวก่อน!
เวลานั้นเอง เขาพลันตระหนักถึงบางอย่าง
มาคราวนี้ คุณชายทั้งให้เขาได้ดื่มชาเซียน ทั้งชี้แนะฝีมือหมากล้อมให้เขารอบแล้วรอบเล่า ท้ายสุดยังรั้งให้เขาอยู่กินมื้อเย็นด้วยกันอีก
หลังเสร็จกิจทั้งหมดนี้ พลังของเขาย่อมต้องทวีคูณเป็นเท่าตัว!
คุณชายตั้งใจเพิ่มพูนความสามารถให้เขาหรือนี่!
มิฉะนั้น คุณชายไม่จำเป็นต้องรั้งให้เขาอยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน ก่อนนี้ให้เขาดื่มชาเซียน ทั้งยังชี้แนะฝีมือหมากล้อมของเขารอบแล้วรอบเล่า รางวัลเท่านั้นเพียงพอแล้ว หรืออาจเกินควรด้วยซ้ำ
นี่ยังรั้งให้เขาอยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน เขารู้สึกจากใจจริงว่ารางวัลที่คุณชายให้เขานั้นมากเกินไป เกินความจำเป็น!
เห็นได้ชัดว่า คุณชายหมายใจยกระดับพลังให้เขา
‘ยกระดับพลัง หัดเป็นฝ่ายรุก…’
เขาท่องเงียบ ๆ ในใจ ก่อนจะเข้าใจแจ่มแจ้ง
‘คุณชายตั้งใจให้ข้าเหนื่อยเพียงครั้งเดียว จัดการปัญหาในแดนสังสารวัฏจนราบคาบ!’
เขาคิดในใจ
คุณชายปรีชาสามารถทุกอย่าง ย่อมรู้ดีว่าเขามาด้วยเหตุอันใด
แม้ว่าบัดนี้ เขามีตำแหน่งสูงในแดนสังสารวัฏ แต่อย่างไรก็อยู่ใต้บัญชาผู้อื่น เบื้องบนยังมีสมาชิกระดับสูงคอยออกคำสั่ง และแดนบรรพโกลาหลใกล้ปรากฏออกมาในอาณาจักรนี้ อีกไม่นาน สมาชิกระดับสูงแห่งแดนสังสารวัฏก็จะมาเยือนอาณาจักรนี้ด้วย
เมื่อถึงครานั้น ประโยชน์ของเขาย่อมมีจำกัด สมาชิกระดับสูงในแดนสังสารวัฏจะบงการทุกสิ่ง
‘คุณชายยกระดับพลังข้าเพียงนี้ ซ้ำยังย้ำอยู่หลายหนว่าต้องหัดเป็นฝ่ายรุก หมายความว่าให้ข้าเป็นฝ่ายจู่โจมแดนสังสารวัฏใช่หรือไม่’
เขาเข้าใจแล้ว เอ่ยขึ้นในใจ
‘สังหารนายตำหนักหลัก ข้าก้าวขึ้นตำแหน่งนายตำหนักหลักด้วยตัวเอง!’
เขาแน่ใจในแผนการทันที
หลังเขาได้ครองตำแหน่งนายตำหนักหลัก ปัญหาทุกอย่างในแดนสังสารวัฏย่อมคลี่คลายลงในบัดดล
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยิ่งคิด ยิ่งกระจ่างแจ้ง
หากเขาได้เป็นนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏ ปกครองแดนสังสารวัฏทั้งหมด ถึงครานั้น เขาว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น สมาชิกแดนสังสารวัฏล้วนต้องฟังคำสั่งจากเขา
แล้วยังสอดคล้องกับถ้อยคำที่คุณชายเอ่ยไว้เมื่อครู่ด้วย
แน่นอนว่าหากยังอยู่ในแดนสังสารวัฏต่อ แม้จะมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ทว่าไม่อาจแก้ปัญหาได้ถึงต้นเหตุ แต่หากเขาเป็นฝ่ายรุก สังหารนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏ แล้วขึ้นเป็นนายตำหนักหลักเสียเอง ย่อมแก้ปัญหาได้อย่างถอนรากถอนโคน!
‘เช่นนี้แน่!’
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคำนวณในใจเงียบ ๆ ว่ามีโอกาสสังหารนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏเท่าไหร่
เท่าที่คำนวณ เขามีโอกาสสังหารนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏสูงยิ่ง
เริ่มแรก เขาได้ดื่มชาเซียน หลังจากกลั่นผสานกับพลังในกาย ขอบเขตของเขาย่อมต้องแข็งแกร่งทวีคูณ
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคาดเผื่อกรณีเลวร้ายที่สุด ต่อให้กลั่นผสานพลังจากชาเซียนได้เพียงส่วนน้อย ก็สามารถก้าวสู่ขั้นเทียนตี้ได้
และหากกลั่นพลังจากชาเซียนได้มากกว่านั้น เขาอาจเป็นได้ถึงเทียนตี้ชั้นเลิศ
ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องใช้เวลา
ยิ่งต้องกลั่นพลังมากเท่าใด ยิ่งใช้เวลามากเท่านั้น
แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องรอง และเขามิได้หวังพึ่งแต่เพียงการยกระดับขอบเขตพลัง
เพราะรู้ดีว่า ลำพังการยกระดับขอบเขตพลัง ไม่มีทางช่วยให้เขาต่อกรกับนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏได้
เขาผู้ได้รับการยอมรับจากระดับสูงในแดนสังสารวัฏ เริ่มเข้าใจถึงความน่ากลัวของแดนสังสารวัฏแล้ว ภายในแดนสังสารวัฏมิได้ขาดแคลนกำลังรบขั้นเทียนตี้ชั้นเลิศแม้แต่น้อย
นายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏ รวมถึงสมาชิกระดับสูงบางคนมีพลังขั้นเทียนตี้ชั้นเลิศอีกด้วย
โอกาสของเขามาจากวิถีหมากล้อมของเขาเสียมากกว่า!
คุณชายเดินหมากกับเขากระดานแล้วกระดานเล่า อีกทั้งชี้แนะตนอย่างละเอียด จนระดับวิถีหมากล้อมของเขายกระดับขึ้นมาจนอยู่ในขั้นสูงส่ง และพลังตาเดินหมากล้อมที่เขาสำแดงนั้นก็ทวีความรุนแรง!
นี่ต่างหากคือต้นทุนของเขา สิ่งที่เขามั่นใจได้!
หลังกินมื้อเย็นเสร็จ หลี่จิ่วเต้าเดินหมากกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงต่อ
เป็นตามที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคิด อาหารเหล่านั้นอัศจรรย์อย่างยิ่ง ฉกาจยิ่งกว่าชาเซียนด้วยซ้ำ พลังด้านต่าง ๆ ของเขาถูกยกระดับ ภายในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหันต์!
เขายิ่งมั่นใจขึ้นกว่าเดิม
หลังเดินหมากกันต่ออีกสามสี่กระดานก็เริ่มดึกมากแล้ว หลี่จิ่วเต้ายุติการเล่นหมากล้อม จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงลุกขึ้นบอกลาคุณชาย และออกจากลานเล็กไป
เขาก้าวออกจากเมืองชิงซาน มาอยู่ที่ริมน้ำ บอกลาต้นหลิวและก้อนหิน
“ดูท่า เจ้าก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว”
ต้นหลิวกล่าว “มาคราวหน้า เกรงว่าเจ้าคงแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ เจ้าจะยังคิด ‘แก้แค้น’ พวกเราอีกหรือไม่”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสะดุ้งโหยง เกือบล้มหัวคะมำ เขารีบเอ่ยขึ้น “ไม่แล้ว ๆ ไม่ทำอีกแล้ว!”
เขาไฉนเลยจะกล้า ยามนี้ เขาได้ประจักษ์ถึงความสยดสยองและความกล้าแกร่งของต้นหลิวและก้อนหินแล้วอย่างถ่องแท้ เกินกว่าที่เขาจะต่อกรด้วยได้มากนัก ต่อให้เขาก้าวหน้าขึ้นแล้วก็ไม่ไหว
จากนั้น เขารีบออกจากที่แห่งนี้
เขามิได้กลับไป หากแต่หาสถานที่แห่งหนึ่งแล้วเริ่มการฝึกฝน
ถึงอย่างไร การยกระดับขอบเขตพลังก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา ช่วยให้เขามีโอกาสสังหารนายตำหนักหลักมากขึ้น
ประกายเจิดจ้าลำแล้วลำเล่าพวยพุ่งออกจากร่างกายของเขา ประโยชน์จากชาเซียนและอาหารมหาศาล ทำให้เขาทลายม่านกั้นขั้นตี้จวิน บรรลุเกือบถึงขั้นเทียนตี้ บัดนี้เป็นครึ่งก้าวเทียนตี้!
เขาบำเพ็ญผสานต่อไป รู้สึกว่าบรรลุสู่ขั้นเทียนตี้อย่างแท้จริงก็คงมิได้ใช้เวลานานเท่าใด
อีกด้าน หลังจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไปแล้ว หลี่จิ่วเต้าเอนกายลงเก้าอี้โยก หยิบ ‘แท็บเล็ต’ ขึ้นมาเล่น
คราวก่อน เขาตั้งใจพินิจหินเขามอตามธรรมชาติในดินแดนหนึ่งบนแท็บเล็ตอย่างละเอียด เขารู้สึกว่าสถานที่แห่งนั้นไม่เลว ช่วงนี้มิได้มีกิจจำเป็นอันใด ไปเดินเที่ยวชมทิวทัศน์ที่นั่นเสียหน่อย
หมอกเซียนห้อมล้อม วิหคเซียนโผบินผ่านนภาเป็นครั้งคราว ทัศนียภาพทั้งหมดนี้ช่างวิจิตรเหลือแสน ประหนึ่งแดนวิมานเหนือฆราวาส
หลี่จิ่วเต้ามาถึง เยื้องย่างอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์งดงาม ความรู้สึกนั้นมหัศจรรย์นัก ราวกับเกิดขึ้นกับเขาจริง ๆ
ทว่าตอนนั้นเอง เกิดเหตุการณ์ทำลายบรรยากาศขึ้น
วิหคเซียนที่เคยโบยบินแช่มชื่นอยู่บนนภา พลันบินหนีอุตลุดคล้ายแตกตื่นกับบางอย่าง พร้อมกับพายุกรรโชก ต้นไม้เอนไหวรุนแรงด้วยแรงลม
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นว่ามีอสูรร้ายหลายตัวถลาลงจากน่านฟ้าไกล ๆ พร้อมด้วยลมปราณดุร้ายอย่างยิ่งยวด ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
วิหคเซียนแตกตื่นบินหนี พายุพัดกรรโชกพฤกษาเอนไหว ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะอสูรร้ายเหล่านั้น!
หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าบนหลังอสูรร้ายมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย หน้าตาแต่ละคนโหดเหี้ยม กำลังไล่ล่าเด็กสาวผู้หนึ่ง
เด็กสาวผู้นั้นยับเยินไปทั้งตัว ท่าทางบาดเจ็บไม่เบา เลือดไหลไม่หยุด บาดแผลบางจุดลึกจนเห็นกระดูก
ตึง!
คล้ายว่าเด็กสาวหมดเรี่ยวแรง ร่วงกระแทกลงพื้นอย่างแรง กระอักเลือดไม่หยุดหย่อน
โฮก! โฮก! โฮก!
อสูรร้ายคำราม โรยตัวลงมาในพริบตาเดียว ล้อมเด็กสาวไว้อย่างแน่นหนา ผู้ที่ขี่อยู่บนหลังอสูรร้ายจ้องมองเด็กสาวด้วยสีหน้าเย็นชา
“เจ้าคิดจะหนีไปไหน แม้นภพเซียนนั้นกว้างใหญ่ กระนั้นก็มิมีที่ใดให้เจ้าได้พักพิง!”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งบนหลังเสือยักษ์เนตรอินทนิล ชี้หอกยาวในมือไปที่เด็กสาว เอ่ยเสียงเยียบเย็น
“เพราะเหตุใด ทั้งหมดนี้มันเพราะเหตุใดกัน! ไยพวกเจ้าต้องฆ่าล้างตระกูลซ่างกวนของเราด้วย!”
เด็กสาวร่ำไห้ตะโกนคาดคั้นคนเหล่านี้ ยามเปล่งวาจา ร่างของนางสั่นเทิ้มรุนแรง เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด
นางบาดเจ็บสาหัสเกินไป เวลานี้สูญเสียกำลังแรงไปทั้งหมดแล้ว ไม่สามารถยันตัวลุกยืนได้ด้วยซ้ำ
ทว่าเทียบกับเรื่องนี้ นางต้องการรู้ความจริงมากกว่า เหตุใดคนเหล่านี้ถึงต้องเข่นฆ่าตระกูลซ่างกวนของพวกนางให้สิ้นซากด้วย
แม้ว่าภพเซียนนั้นโหดร้ายและวุ่นวาย ศึกช่วงชิงทรัพยาการมีอยู่ทุกที่ แต่ยังไม่จลาจลถึงขั้นที่ตระกูลหนึ่งจะถูกล้างบางไปง่าย ๆ
ถึงแม้ตระกูลซางกวนของนางมิได้ทรงพลังเท่าใด เป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ กระนั้นก็ดำรงตนในภพเซียนมาแล้วอย่างยาวนาน ไม่เคยประสบภัยร้ายขนาดที่ถูกฆ่าล้างทั้งตระกูลมาก่อน นางคิดไม่ตกเลยว่าเหตุใดตระกูลซ่างกวนของนางต้องถูกสังหารหมู่อย่างน่าสังเวชในวันนี้!
เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไร้ซึ่งวี่แววใด ๆ นางไม่รู้กระทั่งว่าคนเหล่านี้เป็นใคร พวกเขาก็บุกเข้ามาถึงตระกูลซ่างกวน ฆ่าล้างคนตระกูลซ่างกวนจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!
ตระกูลซ่างกวนของนางหาได้มีรากฐานอันใดให้ผู้อื่นหมายตา และมิเคยมีความแค้นกับผู้ใดมาก่อน!
ต้องถูกฆ่าล้างตระกูลอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้นางคิดไม่ตกเลย!
“มิได้มีเหตุผลใด เพียงแต่พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป!”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นทอดมองเด็กสาวด้วยสีหน้าเย็นชา ปราศจากความเห็นใจ เขากล่าวต่อ “เกิดการเปลี่ยนแปลงในภพเซียน ยามนี้ไม่เหมือนครั้งอดีตแล้ว ตระกูล กองกำลังที่อ่อนแอ จักต้องถูกกำจัดทั้งหมด!”
“ใช่แล้ว! พวกเจ้าเป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”
ชายวัยกลางคนอีกคนข้างกันเอ่ยขึ้น “อย่าได้โกรธแค้นพวกเรา หากจะโทษ ก็โทษตัวพวกเจ้าเองที่อ่อนแอเกินไป วันนี้ ต่อให้เราไม่ฆ่าล้างตระกูลพวกเจ้า วันหน้า พวกเจ้าก็ต้องถูกผู้อื่นฆ่าล้างตระกูลอยู่ดี พวกเจ้าหนีไม่พ้น ต้องถูกกำจัดอย่างเลี่ยงมิได้!”
ภพเซียนเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ การเข่นฆ่าจักปกคลุมทุกระเบียดนิ้วในภพเซียน กลายเป็นลานเชือดระหว่างมหาตระกูลทั้งหลาย
“ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าเป็นใคร!”
เด็กสาวจ้องเขม็งไปที่คนเหล่านี้พลางกล่าว