556-560

บทที่ 556

หินโกลาหลเพียงบีบก็แหลกลาญเลยหรือ!?


เรื่องบ้าอะไรกันนี่!


เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกหลอก เจ้าสิ่งนี้หาใช่ ‘หินโกลาหล’ ไม่ เป็นแค่ก้อนหินธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย!


เหล่าผู้นำมหาตระกูลเดือดดาลกันหมด เจ้าผู้นำตระกูลเซียวเดนตาย ก่อนนี้เขี้ยวถึงปานนั้น ขูดรีดพวกเขาเสียยกใหญ่ เรียกร้องตั้งมากมาย ทั้งขออ่านคัมภีร์โบราณในตระกูลพวกเขา ทั้งขอให้ผู้นำตระกูลชิงเหลียนร่ายรำ ผลสุดท้ายกลับใช้ก้อนหินเส็งเคร็งก้อนนี้มาตบตาพวกเขาหรือ!?


ใช้หินเซียนสักก้อนก็ยังดี ดันมาใช้ก้อนหินเส็งเคร็งสุดแสนจะธรรมดาเยี่ยงนี้ ผู้นำตระกูลเซียวดูแคลนพวกเขาขนาดนี้เชียวรึ!


น่าโมโหนัก พวกเขารู้สึกอัปยศอย่างมหันต์!


“เจ้าทำอะไร!?”


เห็น ๆ อยู่ว่าผู้นำตระกูลท่านนั้นบีบมุมหนึ่งของ ‘หินโกลาหล’ จนแหลกลาญ ผู้นำตระกูลเซียวคลุ้มคลั่งในบัดดล ปรี่เข้าไปในพริบตาเดียว พร้อมตวาดใส่ผู้นำตระกูลท่านนั้นอย่างกราดเกรี้ยว “ท่านต้องชดใช้!”


นี่เป็นถึง ‘หินโกลาหล’ เชียวนะ แฝงไว้ซึ่งพลังแห่งโกลาหล เลอค่าเกินประเมิน แต่กลับถูกบีบแหลกลาญไปมุมหนึ่ง เขาเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ!


“ชดใช้งั้นหรือ!?”


“ยังจะเล่นละครอยู่หรือ!?”


“เห็นพวกเราเป็นคนโง่ตบตาง่าย ๆ จริงรึ”


ผู้นำมหาตระกูลทั้งหลายจิตสังหารพลุ่งพล่าน พิโรธยิ่งกว่าผู้นำตระกูลเซียวเสียอีก พวกเขาไม่เคยถูกเหยียดหยามเท่านี้มาก่อน!


โดยเฉพาะผู้นำตระกูลชิงเหลียน นางขบฟันแน่นจนส่งเสียงดัง ‘กึกกัก’ แทบอยากลอกคราบผู้นำตระกูลเซียวผ่านสายตา


นางยอมลดตัวเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ จำต้องร่ายรำไปหนึ่งบทเพลง ผลสุดท้าย…กลับได้สิ่งนี้!?


ตอนนี้นางอยากจะสับผู้นำตระกูลเซียวเป็นชิ้น ๆ!


ผู้นำตระกูลเซียวมึนงง เหตุใดคนเหล่านี้ถึงเดือดดาลยิ่งกว่าเขาเสียอีก


เขาต่างหากคือเหยื่อ!


‘หินโกลาหล’ ของตระกูลเขาแหลกไปมุมหนึ่งเข้าใจหรือไม่!


เขาต่างหากที่เสียหายร้ายแรงเข้าใจหรือไม่!


เดี๋ยวก่อน…


เวลานี้ เขาเริ่มระแคะระคายปรายตามอง ‘หินโกลาหล’


เป็นไปได้อย่างไรที่ ‘หินโกลาหล’ จะเปราะบางขนาดนี้ ถูกบีบแหลกได้อย่างง่ายดาย


เป็นไปได้ที่ไหน!


ครานั้นหินโกลาหลปรากฏ ทั่วทั้งภพเซียนคลุ้มคลั่งกันหมด เหล่ายอดฝีมือพากันออกโรง ต่อสู้ห้ำหั่นจนสั่นสะเทือนไปทั้งภพเซียน พลังสยดสยองแผ่ขยายออกไปทั่วทุกมุม


และหินโกลาหลคือศูนย์กลางแห่งสมรภูมิการแก่งแย่ง


แม้จะเป็นเช่นนั้น หินโกลาหลก็ไม่ได้รับรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่เศษหินหลุดออกมา


หลังตระกูลของเขาได้หินโกลาหลมา ยังได้ทำการทดลอง พบว่าอาวุธจักรพรรดิเซียนยังไม่อาจแผ้วพานหินโกลาหลได้แม้แต่น้อย!


‘หินโกลาหล’ ในบัดนี้กลับแหลกลาญง่ายดายเพียงเพราะการบีบเบา ๆ…


“แบบนี้ไม่ถูกต้อง!”


สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันควัน ‘หินโกลาหล’ ตรงหน้านี้ผิดปกติอย่างยิ่ง!


เขามิได้ลังเล รีบคลี่แผ่ประสาทสัมผัสเซียนออกไปเพื่อตรวจสอบ พบว่า ‘หินโกลาหล’ ก้อนนี้ผิดปกติจริง ๆ ภายในนั้นไม่เหลือพลังแม้สักเสี้ยว แม้กระทั่งลมปราณโกลาหลที่ไหลเวียนอยู่ในนั้นยังเหือดหายไป!


กลายเป็นก้อนหินสุดแสนธรรมดา!


“ไม่จริงกระมัง!”


เขาแทบอยากร่ำไห้ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว แทบยืนไม่อยู่!


เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งออกไป บีบ ‘หินโกลาหล’ แผ่วเบาอย่างสั่นเทา


พับผ่าสิ เขามิได้ออกแรงด้วยซ้ำ แต่จุดที่เขาบีบแหลกเป็นผุยผงในพริบตา!


นี่คือก้อนหินธรรมดาอย่างแท้จริง!


“ถูกสลับตัว!”


หน้าตาของเขาซีดเผือด ไม่เหลือเลือดฝาดแม้แต่น้อย ขบฟันเอ่ยขึ้น


จวบจนบัดนี้ เขาไฉนเลยจะยังไม่เข้าใจอีก หินโกลาหลของจริงหายไป ถูกคนสลับตัว และคนผู้นั้นเหลือก้อนหินเส็งเคร็งนี้ไว้ให้!”


ทว่า…จะเป็นไปได้อย่างไร!?


ผนึกในที่แห่งนี้มิได้ถูกทำลายแม้แต่น้อย ท่านบรรพจารย์โบราณในที่แห่งนี้ก็มิได้มีทีท่าผิดปกติ มิหนำซ้ำ ที่นี่ยังไม่มีร่องรอยพลังอื่นใด!


หินโกลาหลถูกสลับไปได้อย่างไร!?


เขาคิดไม่ตก คิดไม่ตกจริง ๆ


สถานที่แห่งนี้ นอกจากเขาแล้ว มิมีผู้ใดสามารถเข้ามาได้โดยไม่ไปกระตุ้นให้ผนึกทำงาน!


นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีท่านบรรพจารย์โบราณคอยพิทักษ์ จะเกิดปัญหาได้อย่างไร!


ที่สำคัญ แม้กระทั่งท่านบรรพจารย์โบราณยังไม่รู้สึกเลยสักนิด!


ป่านนี้ท่านบรรพจารย์โบราณยังนิทราในสถานที่แห่งนี้อย่างสงบ!


ขอบเขตพลังของท่านบรรพจารย์โบราณเชื่อมต่อฟ้าดิน แม้ว่าอยู่ระหว่างนิทรา กระนั้นยังรับรู้เรื่องราวภายนอกได้อย่างชัดเจน ไม่มีทางไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด!


ทว่าท่านบรรพจารย์ไม่รู้สึกตัวจริง ๆ ยังคงหลับใหลอยู่อย่างนั้น


เรื่องนี้แปลกประหลาดนัก คิดไม่ตกเลย!


เขาแทบคลั่ง เรื่องเป็นไปอย่างไรกันแน่!


“สลับตัวรึ? ถุย ท่านยังมีหน้าเอ่ยเช่นนี้อีกหรือ!”


“ที่นี่คือดินแดนตระกูลเซียว ซ้ำยังเป็นสถานที่สำคัญเหลือแสน ผู้อื่นน่ะหรือจะเข้ามาได้โดยง่าย ซ้ำร้ายยังขโมยหินโกลาหลไปได้โดยที่ท่านไม่รู้เรื่อง ท่านพูดเพ้อเจ้อกระไร!”


บรรดาผู้นำมหาตระกูลยิ่งเดือดดาลเข้าไปใหญ่ เขาหมายความว่าอย่างไร จนป่านนี้แล้ว ผู้นำตระกูลเซียวยังคิดตบตาพวกเขาอยู่อีกหรือ


ผู้นำตระกูลชิงเหลียนพิโรธเป็นพิเศษ ขบกรามจนฟันแทบหัก กำหมัดแน่นยิ่งขึ้น เตรียมพร้อมลงมือ!


นี่มันเรื่องอะไรกันนี่!


ผู้นำตระกูลเซียวอยากร่ำไห้นัก อัปยศอดสูเป็นที่สุด


เขาไม่รู้จริง ๆ!!


หากเขารู้แต่แรกว่าหินโกลาหลไม่อยู่แล้ว ถูกผู้อื่นสลับไป ก่อนนี้เขาไฉนเลยจะกล้าเรียกร้องมากมายปานนั้น ซ้ำยังให้ผู้นำตระกูลชิงเหลียนร่ายรำให้เขาดูแต่ผู้เดียว…


มิเท่ากับตีลังการนหาที่ตายหรือ!


อีกอย่าง เขาร้อนใจยิ่งกว่าอีก นั่นคือหินโกลาหลที่พวกเขาตระกูลเซียวทุ่มทุนมหาศาลถึงแย่งชิงมาได้ สุดท้ายกลับหายไปง่าย ๆ เขาโมโหจนแทบกระอักเลือดแล้วรู้หรือไม่!


“เรื่องนั้น…หากข้าบอกว่าหินโกลาหลก้อนนี้สลายพลังด้วยตนเอง ถึงกลายมามีสภาพนี้ ทุกท่านเชื่อหรือไม่”


เขากัดฟันเอ่ยออกไป อย่าให้พูดเลยว่าหวั่นใจเพียงใด


ถ้อยคำนี้ยากจะเชื่อได้ลงเช่นเดียวกับคำกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ว่าก้อนหินถูกสลับ หินโกลาหลอยู่ดี ๆ ไฉนเลยต้องสลายพลังทั้งหมด!


“ท่านคิดว่าอย่างไร”


“วาจานี้ ท่านว่าเชื่อได้หรือไม่!”


เหล่าผู้นำมหาตระกูลทนไม่ไหวอีก จนบัดนี้แล้วผู้นำตระกูลเซียวยังคิดจะโกหกพวกเขาอีก เห็นพวกเขารังแกได้ง่ายจริง ๆ หรือ!?


ตู้ม!


ผู้นำตระกูลชิงเหลียนชิงลงมือก่อน ปล่อยหมัดใส่ผู้นำตระกูลเซียว


จากนั้นผู้นำมหาตระกูลอื่นเคลื่อนไหวบ้าง พากันถล่มผู้นำตระกูลเซียว!


ผู้นำตระกูลเซียวรู้ตัวดีว่ามีความผิด ถึงอย่างไร หากเป็นเขา เขาก็คงไม่ยอมเชื่อคำกล่าวอ้างเช่นนี้!


เขามิกล้าเรียกยอดฝีมือคนอื่นในตระกูลมาช่วย หากเป็นเช่นนั้น เรื่องราวคงบานปลาย ตระกูลของเขาก็คงจบไม่สวยนัก


เขาจำต้องต่อสู้ตามลำพัง


แต่เขาใช่คู่ต่อสู้ของบรรดาผู้นำมหาตระกูลที่ไหน โดยเฉพาะผู้นำชิงเหลียน ให้ตายสิ ท่าทางราวกับต้องการฆ่าเขาให้ตายอย่างนั้น ลงมือดุดันโหดเหี้ยม ไม่ยั้งมือแม้แต่นิดเดียว!


ไม่นานนักเขาก็เป็นฝ่ายปราชัย ถูกรุมทำร้ายจนหมดสภาพ หน้าบวมประหนึ่งหัวสุกร ฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว


“พาเราไปดูหินโกลาหลของแท้ได้หรือไม่!?”


ผู้นำตระกูลเย่ตวาด


“เรื่องนั้น…มิได้จริง ๆ!”


ผู้นำตระกูลเซียวร่ำไห้พลางเอ่ย เขาอยากพาเหล่าผู้นำมหาตระกูลไปชมหินโกลาหลของแท้ แต่ประเด็นคือเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าหินโกลาหลไปอยู่ที่ใด!


“ถ้าอย่างนั้น คืนของที่พวกเราให้ท่านไปมา!”


“ถูกต้อง!”


เหล่าผู้นำมหาตระกูลพากันส่งเสียง


“คืนมิได้…ข้าดื่มน้ำจากตาน้ำวิจิตปรัมปราเข้าไปแล้ว โลหิตหยดนั้นของตระกูลกู่ข้าก็หลอมไปแล้วด้วย”


ผู้นำตระกูลเซียวไฉนเลยจะคิดว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น สิ่งที่เขารับไว้ก่อนหน้าไม่ถูกใช้ไปก็ถูกหลอมละลายไป


“เช่นนั้นก็คืนพวกเรามาเป็นเท่าตัวเสีย!”


“ท่านต้องเปิดเผยคัมภีร์ตระกูลของท่านให้พวกเราอ่านทั้งหมด!”


เหล่าผู้นำมหาตระกูลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โดนผู้นำตระกูลเซียวปั่นหัวถึงเพียงนี้ อัปยศนัก พวกเขาไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่


“เปิดเผยทั้งหมดมิโหดร้ายไปหน่อยหรือ!”


ผู้นำตระกูลเซียวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา เรื่องอื่นยังพอรับได้ แต่เรื่องให้เขาเปิดเผยคัมภีร์โบราณในตระกูลทั้งหมด เขาทำไม่ได้!


“คัมภีร์โบราณของตระกูลท่านใช่ว่ามีอยู่แขนงเดียวเสียเมื่อไร ท่านต้องเปิดเผยแขนงใดแขนงหนึ่งให้เราดูทั้งหมด!”


“ใช่แล้ว! เรื่องนี้ต่อรองมิได้!”


บรรดาผู้นำมหาตระกูลไม่ยอมให้ไกล่เกลี่ย บังคับให้ผู้นำตระกูลเซียวเผยคัมภีร์โบราณฉบับสมบูรณ์ออกมา


“ก็ได้”


สุดท้าย ผู้นำตระกูลเซียวจำต้องยอมตกลง หนนี้เป็นความผิดของเขา มิกล้าปล่อยให้เหตุการณ์เลวร้ายจนเข้าหน้าไม่ติด


“ช้าก่อน! ข้ายังมิได้เรียกร้องในส่วนของข้า!”


เวลานั้น ผู้นำตระกูลชิงเหลียนปริปาก


นางทอดมองผู้นำตระกูลเซียว เอ่ยเสียงเคียดแค้น “ข้าต้องการให้ท่านร่ายรำต่อหน้าพวกเราทุกคนหนึ่งบทเพลง เพลงที่ข้ารำเมื่อครู่!”


“อะไรนะ!?”


อย่าให้พูดเลยว่าสีหน้าผู้นำตระกูลเซียวย่ำแย่เพียงใด เขาเป็นถึงชายชาตรี ให้ร่ายรำอะไร ซ้ำยังต้องรำต่อหน้าคนตั้งมาก…


เขามิเสียหน้าแย่หรือ!


“ต่อรองมิได้!”


ผู้นำตระกูลชิงเหลียนยืนกรานแข็งขัน หากไม่ทำเช่นนี้ ยากจะลบล้างความแค้นในใจของนาง!


ผู้นำตระกูลอื่น ๆ ต่างสนับสนุนผู้นำชิงเหลียน ครั้งนี้ ผู้นำตระกูลเซียวทำเกินไปมากจริง ๆ


“ก็…ได้!”


สุดท้าย ผู้นำตระกูลเซียวจำต้องตกลง ร่ายรำต่อหน้าทุกคนด้วยความรู้สึกระทมเหลือแสน


ผู้ใดกัน!


เลวทรามเช่นนี้!


เข้ามาสลับตัวหินโกลาหลถึงในตระกูลเซียวของพวกเขา!


ผู้นำตระกูลเซียวร่ายรำไปพลาง ร้องไห้ในใจและนึกไปพลาง
บทที่ 557

รำจบไปหนึ่งบทเพลง ผู้นำตระกูลเซียวทุกข์ระทมเหลือคณา เท่านี้ยังไม่พอ ผู้นำตระกูลชิงเหลียนไม่เอ่ยว่าจบ สั่งให้เขารำต่อ อ้างว่าเมื่อครู่ที่ตนรำ หาได้กระมิดกระเมี้ยนน่าเกลียดเช่นนี้ไม่


เขาใกล้กระอักเลือดออกมาจริง ๆ แล้ว เขามิเคยร่ายรำมาก่อน ซ้ำยังต้องรำต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้ เขารำได้จบบทเพลงก็ดีเท่าไรแล้ว!


ทว่าผู้นำตระกูลชิงเหลียนหาได้สนใจไม่ เอ่ยเพียงว่าต้องรำจนกว่านางจะพอใจ


ผู้นำตระกูลท่านอื่นต่างมีจุดยืนหนักแน่น ล้วนอยู่ฝ่ายเดียวกับผู้นำตระกูลชิงเหลียน


ช่วยมิได้ เขาต้องรำอยู่อีกหลายรอบถึงจบ


ท้ายที่สุด เขานำคัมภีร์โบราณแขนงหนึ่งของตระกูลเซียวออกมาให้เหล่าผู้นำมหาตระกูลได้เชยชม ทั้งยังชดใช้สิ่งที่เขาใช้ไปเป็นเท่าตัว แล้วถึงส่งตัวเหล่าผู้นำมหาตระกูลกลับไปได้


“อะไรกัน!”


เขาอัดอั้นจนแทบบ้า หินโกลาหลของตัวเองถูกผู้อื่นสลับหายไปไม่พอ เขายังต้องชดใช้สมบัติล้ำค่าอีกมหาศาล ทั้งยังต้องแบ่งปันคัมภีร์โบราณอีกหนึ่งแขนง ซ้ำร้ายยังถูกบังคับให้ร่ายรำอยู่หลายรอบ!


ความรู้สึกนี้…ทุกข์ทนเหลือเกิน!


“สืบ! ต้องสืบให้ได้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด!”


เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่เชื่อว่าจู่ ๆ หินโกลาหลจะสลายพลังทั้งหมดไปเสียเอง เป็นไปได้อย่างไรกัน ไม่เข้าเค้าความจริงสักนิด


ต้องมีผู้อื่นมาที่นี่ แล้วทำการสลับหินโกลาหล!


เขาไม่มีทางยอมจบง่าย ๆ ขอสืบให้ถึงที่สุด หลังจากสืบจนรู้แล้วว่าเป็นฝีมือผู้ใด เขาจะให้คนผู้นั้นชดใช้เป็นร้อยเท่าพันเท่า!


...


ณ แดนสังสารวัฏ


ศึกสงครามที่ยืดเยื้อมานาน ในที่สุดก็ยุติลงวันนี้


อาณาจักรเก้าแดนต้องห้ามล่าถอยเต็มกำลัง พวกเขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าแดนสังสารวัฏจะต่อกรด้วยยากเยี่ยงนี้ หลังจากรบกันไป พวกเขาเสียหายร้ายแรงไม่พอ ซ้ำร้ายยังไม่สามารถฝ่าเข้าไปถึงภายในแดนสังสารวัฏด้วยซ้ำ!


มิน่า แดนสังสารวัฏถึงสามารถวางหมากไว้ในอาณาจักรทั้งปวง รวมถึงอาณาจักรเก้าตอนบน สายน้ำของพวกเขาลึกล้ำอย่างยิ่ง


ทว่านี่มิใช่สาเหตุที่พวกเขายอมล่าถอยเต็มกำลัง


แม้ว่าแดนสังสารวัฏจะทรงพลัง แต่อาณาจักรเก้าแดนต้องห้ามของพวกเขาก็มิได้ธรรมดา พวกเขามิได้ล่าถอยเพราะพ่ายแพ้ต่อแดนสังสารวัฏจนต้องยอมไป แต่เพราะพวกเขาได้รับข่าวว่า กระดานหมากที่พวกเขาวางไว้ในอาณาจักรนั้นของแดนบรรพโกลาหลประสบปัญหา!


จู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนไม่รู้ที่มาที่ไปปรากฏในอาณาจักรนั้น พลังแกร่งกล้าจนปั่นป่วนหมากที่พวกเขาวางไว้ในอาณาจักรนั้นจนเละเทะไปหมด!


แม้กระทั่งเส้นทางเชื่อมตรงที่พวกเขาเตรียมมาหลายปียังถูกคนกลุ่มนี้ผนึก!


พวกเขาวางอุบายมาอย่างยาวนานก็เพื่อแดนบรรพโกลาหล บัดนี้หมากในอาณาจักรนั้นประสบปัญหา พวกเขาไฉนเลยจะนิ่งเฉยต่อไปได้?


เป็นไปมิได้เลย!


พวกเขาล่าถอยจากสมรภูมิแดนสังสารวัฏก็เพราะเหตุนี้ พวกเขาจะยอมให้คนกลุ่มนี้ทำลายอุบายของพวกเขาไปเฉย ๆ ได้อย่างไร


ไม่ว่าคนกลุ่มนี้เป็นใครก็ไม่ได้!


เส้นทางต้องคงสภาพ สามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นเท่านั้น!


เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงการแย่งชิงหลังแดนบรรพโกลาหลปรากฏ!


“พวกคนท้องถิ่นที่ตกต่ำถูกทอดทิ้งไปนานแสนนาน ป่านนี้แล้วยังริอ่านข่มขู่จำกัดการเคลื่อนไหวของเราอยู่หรือ?”


“พวกเราทำตัวเงียบเชียบเกินไปในอาณาจักรนั้น จนเหล่าคนท้องถิ่นเข้าใจผิดว่าบดขยี้เราได้ตามใจชอบ! น่าขันยิ่งนัก!”


“ในอดีต อาณาจักรนั้นรุ่งเรืองมากก็จริง แต่กลุ่มคนท้องถิ่นได้ของวิเศษโบราณมาเพียงน้อยนิดก็ทึกทักเอาว่ายิ่งใหญ่เกรียงไกรได้แล้วหรือ!?”


“พวกคนท้องถิ่นต่ำต้อยเหล่านี้ต้องถูกสั่งสอนบ้างเสียแล้ว!”


บรรดาจ้าวแห่งอาณาจักรเก้าแดนต้องห้ามพากันเอ่ยเสียงเย็น


พวกเขาโมโหเหลือเกิน คนท้องถิ่นเหล่านั้นพากันบุกเข้าไปในฐานทัพของพวกเขาในอาณาจักรนั้น ไม่เพียงแต่สะกดเส้นทางเชื่อมต่อสู่ภายนอกของพวกเขา ซ้ำยังนำสมบัติล้ำค่าไปจากฐานทัพพวกเขาอีก!


พวกเขาทนมิได้เลย!


เคยต้องอัปยศอดสูเช่นนี้ที่ไหน แม้แต่อาณาจักรเก้าตอนบนยังสู้พวกเขาไม่ได้!


และในบรรดาจ้าวแห่งอาณาจักรเก้าแดนต้องห้าม จ้าวแห่งอาณาจักรทะเลต้องห้ามดูจะเดือดดาลเป็นพิเศษ


ฐานทัพของพวกเขาเสียหายหนักที่สุด ฐานทัพอาณาจักรแดนต้องห้ามอื่นเพียงถูกสะกดเส้นทาง และสูญเสียสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ ไปเท่านั้น ฐานทัพของเขามิใช่ สมาชิกในฐานทัพของเขาถูกฆ่าล้างจนเหลือรอดอยู่เพียงผู้เดียว!


มิหนำซ้ำ ก่อนหน้านี้พวกเขายังส่งบูรพาจารย์ไปตนหนึ่ง จากรายงานจากสมาชิกผู้เหลือตัวคนเดียวที่นั่น บูรพาจารย์ตนนั้นก็ประสบปัญหา ถูกคนท้องถิ่นสังหาร!


ใช่แล้ว สมาชิกเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ก็คือจ้าวสมุทร


อันที่จริง เหล่าสมาชิกในฐานทัพที่ตายไปล้วนเป็นฝีมือของจ้าวสมุทร ตอนนั้น จ้าวสมุทรบูชายัญสมาชิกทุกตนในฐานทัพ


แม้แต่บูรพาจารย์ตนนั้นก็ถูกฆ่าโดยจ้าวสมุทร


ยามนั้น บูรพาจารย์กลายเป็นกระต่ายสีขาวธรรมดาไร้พลัง ทันทีที่ทะลุเส้นทางไปได้ ก็ถูกจ้าวสมุทรปลิดชีพในฝ่ามือเดียว ยามนั้น จ้าวสมุทรคิดว่าอย่างไรกระต่ายน้อยสีขาวตัวนี้ก็ไม่มีทางใช่บูรพาจารย์จากอาณาจักรของเขา


แต่แล้วต่อมา เขาก็ต้องอึ้งไป


เพราะมีระดับสูงจากอาณาจักรทะเลต้องห้ามติดต่อเขา เอ่ยถามเขาว่าพบกับบูรพาจารย์แล้วหรือไม่ แล้วยังบอกกับเขาว่าตะเกียงชีวีตของบูรพาจารย์ในอาณาจักรดับลงแล้ว!


เขาเพิ่งฆ่ากระต่ายน้อยสีขาวไป ตะเกียงชีวิตของบูรพาจารย์ในอาณาจักรก็ดับลง มิหนำซ้ำ กระต่ายน้อยสีขาวยังทะลุมาจากเส้นทาง!


ยังต้องสงสัยกระไร กระต่ายน้อยสีขาวคือบูรพาจารย์จากอาณาจักรเขาแน่นอน มิฉะนั้น ไยจึงบังเอิญถึงเพียงนี้!?


เป็นไปไม่ได้เลย!


เขาฆ่าบูรพาจารย์จากอาณาจักรเขาตายในฝ่ามือเดียวหรือนี่ ครานั้น เขาตกใจจนแทบปัสสาวะราด


ต่อมา เขาโบ้ยทุกอย่างไปที่พวกเมิ่งจีซึ่งเดินทางเข้ามายืมของวิเศษในขณะนั้น!


เขาเอ่ยว่า สมาชิกทั้งหมดในทะเลต้องห้าม รวมถึงท่านบูรพาจารย์ ต่างถูกพวกเมิ่งจีสังหาร!


พับผ่าสิ เขามิกล้าสารภาพความจริง ขืนสารภาพความจริงไป ต่อให้เขามีอยู่หมื่นชีวิตก็มิพอ!


บูชายัญสิ่งมีชีวิตทุกตนในฐานทัพ ปลิดชีพบูรพาจารย์ด้วยฝ่ามือเดียว…


ความผิดนี้ใหญ่หลวงนัก!


“จะปล่อยไปเช่นนี้มิได้! พวกเจ้าต้องชดใช้อย่างสาสม!”


จ้าวแห่งอาณาจักรทะเลต้องห้ามสายตาเยียบเย็น ออกคำสั่งลงไป เตรียมบุกเต็มกำลังเข้าไปในอาณาจักรแห่งนั้น!


จ้าวแห่งอาณาจักรต้องห้ามอื่น ๆ ก็ออกคำสั่งคล้ายกัน พวกเขาเตรียมบุกเข้าไปในอาณาจักรนั้นเต็มกำลังด้วย!


จากนั้น พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหว ต่างฝ่ายต่างกลับอาณาจักรของตน เตรียมใช้เส้นทางภายในอาณาจักรพวกเขาเดินทางไปยังอาณาจักรแห่งนั้น


อีกด้าน ภายในแดนสังสารวัฏ


“เจ้าคือจ้าวสังสารวัฏหวงหลงใช่หรือไม่ ไม่เลว ไม่เลว เจ้าทำผลงานในศึกนี้ได้เยี่ยมยอด เป็นผู้มากด้วยพรสวรรค์แห่งแดนสังสารวัฏของเราอย่างแท้จริง!”


ระดับสูงแห่งแดนสังสารวัฏมหาจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง กล่าวชื่นชมจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่างยิ่งใหญ่


จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงทำความดีความชอบในศึกนี้ได้อย่างมาก เข้าต่อสู้เพื่อแดนสังสารวัฏโดยไม่ห่วงชีวิต ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาพวกเขา


พวกเขาตัดสินใจมอบหมายหน้าที่สำคัญแก่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง!


ใช่แล้ว ก่อนนี้ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคืนตัวตนเดิมของเขาตั้งแต่ก่อนหน้า เพื่อพ้นจากฐานะนายตำหนักตัวปลอม


เพราะเขารู้ดีว่า หากเขาต้องการก้าวหน้าขึ้นกว่านี้ เขาไม่อาจใช้ตัวตนของนายตำหนักต่อไปได้อีกแล้ว ขืนเป็นเช่นนั้นเขาต้องถูกจับได้แน่


เพราะอย่างนั้น ก่อนหน้านี้เขาถึงวางแผนให้นายตำหนักสู้จนตัวตายในศึกนี้ และคืนกลับตัวตนเดิมของเขา


“ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำแล้ว!”


จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยอย่างนอบน้อม


“สมควรทำจริง แต่ผู้ที่เป็นเฉกเช่นเจ้ากลับมีเพียงไม่กี่คน เจ้านั้นเปี่ยมด้วยความสามารถ ควรได้รบในตำแหน่งสำคัญ!”


ระดับสูงผู้นั้นกล่าวต่อจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง “แดนบรรพโกลาหลใกล้ปรากฏออกมาแล้ว เจ้าไปเถิด ไปเป็นหน่วยแนวหน้าสู้เปิดทาง!”
บทที่ 558

แผนที่ถูกวางมาอย่างยาวนานก็เพื่อช่วงเวลาที่แดนบรรพโกลาหลปรากฏขึ้นมา อาณาจักรเก้าแดนต้องห้ามเองก็เป็นเช่นเดียวกับแดนสังสารวัฏ


แดนสังสารวัฏสร้างเส้นทางสังสารวัฏไปยังอาณาจักรนับหมื่น ชักนำเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ใกล้สิ้นอายุขัยเข้ามา ทุ่มสติปัญญาและแรงกายเปิดอาณาจักรพิเศษเล็ก ๆ ขึ้นมาแห่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อแดนบรรพโกลาหล!


จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงประสบความสำเร็จแล้วจริง ๆ


เขาทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อคุณชาย ต้องการจะไต่เต้าไปยังตำแหน่งที่สูงขึ้นของดินแดนสังสารวัฏ เช่นนั้นแล้วเมื่อถึงยามที่คุณชายต้องการจะใช้งานเขา สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็จะมีมากยิ่งขึ้น


และตอนนี้เขาก็สามารถทำได้แล้ว


เบื้องบนของแดนสังสารวัฏยอมรับเขาอย่างแท้จริง ทั้งยังไว้วางใจให้ทำงานที่สำคัญ


คนจากเบื้องบนผู้นี้ได้เล่าสถานการณ์เกี่ยวกับแดนบรรพโกลาหล นี่คือสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจ ในแดนสังสารวัฏเรื่องของแดนบรรพโกลาหลจะต้องเป็นความลับอย่างแน่นอน มีเพียงแค่สมาชิกที่สำคัญอย่างแท้จริงจึงจะสามารถรับรู้ได้


จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่กลัวความตาย ต่อสู้อย่างดุเดือดกับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเก้าแดนต้องห้าม หมายล้างผลาญให้ตายกันไปฝั่งหนึ่ง สิ่งที่ทำให้เข้าประสบความสำเร็จในการเข้าไปอยู่ในสายตาของคนเบื้องบนจนได้รับการยอมรับ


นอกจากนี้แล้ว สาเหตุที่สำคัญสุดคือ ในการต่อสู้ครั้งนี้แดนสังสารวัฏของพวกเขาได้รับความเสียหายไม่น้อย สูญเสียสมาชิกหลักไปหลายคน จึงจำเป็นต้องเสริมกำลังทำให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้รับความไว้วางใจให้ทำงานที่สำคัญเช่นนี้


หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้แล้ว แม้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจะสามารถดึงดูดความสนใจได้ แต่หากอยากเข้าไปอยู่วงใน ก็ยังคงต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน


เมื่อได้รับรู้เรื่องราวและแผนการของแดนสังสารวัฏแล้ว ภายในใจของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็สั่นสะเทือนเป็นอย่างมาก


เขาไม่คาดคิดเลยว่าอาณาจักรแห่งนั้นในอดีตจะเปล่งประกายและรุ่งโรจน์ถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งแดนบรรพกาลโกลาหลก็เคยดำรงอยู่ในอาณาจักรแห่งนั้น!


‘หรือคุณชายจะเป็นผู้ที่มาจากแดนบรรพโกลาหลกัน?’


เขาอดคิดขึ้นมาไม่ได้


คุณชายไม่ธรรมดาเกินไป กระทั่งคำว่าเซียนก็ยังไม่อาจนำมานิยามได้ คุณชายน่าจะมาจากสถานที่ที่เหนือยิ่งกว่าภพเซียน บางทีอาจจะเป็นแดนบรรพโกลาหลก็เป็นได้!


“เจ้าจงไปวางฐานทัพที่นั่นเสียก่อน แล้วพวกเราจะตามไปช่วยเจ้าในภายหลัง ใช้ประโยชน์ให้ดีจากโอกาสในครั้งนี้ หากทำให้ในอนาคตเมื่อแดนบรรพโกลหาปรากฏขึ้น จะมีที่ว่างให้เจ้าสามารถเข้าไปได้”


คนจากเบื้องบนกล่าวกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง ให้สัญญาว่าจะพาจักรพรรดิหวงหลงเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลในอนาคตด้วย


“เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้า ข้าจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด!”


จักรพรรดิหวงหลงกล่าวอย่างเอาจริงเอาจัง


“ดีมาก เช่นนั้นก็เก็บของเตรียมตัวไปได้แล้ว”


คนจากเบื้องบนพยักหน้า บอกให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเตรียมตัวก่อนจะจากไป


เขาจัดคนให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไปช่วยบุกเบิกแนวหน้าด้วย คนเหล่านี้จะเชื่อฟังทำตามคำสั่งของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง


หลังจากนั้นจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็กลับไปเตรียมตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำผู้บุกเบิกกลุ่มนี้ออกจากแดนสังสารวัฏไปสู่อาณาจักรแห่งนั้น


“ข้าจะสามารถไปพบคุณชายได้ในอีกไม่ช้า!”


คิดแล้วเขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อไปถึงแล้วเขาจะต้องไปเยี่ยมเยียนคุณชายก่อนเป็นอย่างแรก


“อืม ในครั้งนี้ข้าก็จะสามารถ ‘แก้แค้น’ ได้แล้วใช่หรือไม่?”


เขาคิดถึงต้นหลิวและเจ้าก้อนหินขึ้นมา ใครใช้ให้เขาพ่ายแพ้ยับเยินด้วยฝีมือของต้นหลิวและเจ้าก้อนหินกัน มันทำให้เขาอดคิดที่จะ ‘แก้แค้น’ ไม่ได้!


ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ขอบเขตของเขาไม่เพียงแต่จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จในวิถีหมากล้อมเองก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรลุถึงระดับที่สูงเป็นอย่างมาก


“ต้องลอบโจมตี ทั้งสองจะต้องไม่คาดคิดมาก่อนแน่ว่าข้าจะลงมือใส่อย่างกะทันหัน พวกมันจะต้องถูกข้าจัดการลงได้แน่!”


เขากระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจ ประหนึ่งว่าได้เห็นภาพที่เขาสามารถจัดการต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินได้แล้ว


ในยามนั้นเขาเคยถูกต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน ‘สั่งสอน’ ก่อนต่อมาจะได้รับคำชี้แนะจากคุณชาย ทลายขอบเขตเดิมก้าวขึ้นไปสูงขึ้น เขาจึงต้องการกลับไปเพื่อ ‘ล้างแค้น’ ต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน


น่าเสียดายที่เขาก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน ถูกพวกมัน ‘สั่งสอน’ อีกครั้ง


‘พวกมันจะต้องไม่คาดคิดว่าข้าจะกล้าลงมือเช่นนี้แน่! ข้ามีความกล้าและมั่นใจเป็นอย่างมาก!’


เขาคิดขึ้นมาด้วยความมั่นใจ


การลอบโจมตีจะต้องเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่างยิ่ง ต้นหลิวกับเจ้าก้อนหิน ‘สั่งสอน’ เขาถึงสองครั้ง คงคิดว่าเขาจะต้องไม่กล้าลงมืออีกแน่ หากเขาลงมือเช่นนี้ ต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินจะต้องตั้งตัวไม่ทันอย่างแน่นอน


ขอบเขตของเขาสูงขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับยามนั้น และด้วยความสำเร็จในวิถีหมากรุกของเขาแล้ว การลอบโจมตีต้นหลิวและเจ้าก้อนหินในครั้งนี้จะต้องมีโอกาสสำเร็จสูงมาก!


นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญด้านการลอบโจมตีเป็นอย่างมาก กระทั่งจ้าวตำหนักยังถูกสังหารจากการลอบโจมตีของเขา นับว่าโอกาสสำเร็จสูงมาก!


“แค่คิดก็มีความสุขแล้ว!”


เขากล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ในครั้งนี้มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะสามารถล้างความอัปยศและสละความแค้นทั้งหมด!


เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เขาก็ตะโกนบอกคนด้านหลัง “สหายทั้งหลายเร่งฝีเท้าอีกหน่อยเถอะ!”


ตอนนี้เขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ไปหาต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน




ด้านนอกเมืองชิงซาน ข้างแม่น้ำสายเล็ก


ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินต่างจามออกมาพร้อมกัน


“ใครกันที่คิดถึงพวกเราด้วยเจตนาไม่ดี?”


เจ้าก้อนหินเอ่ยออกมาด้วยความชิงชัง รู้สึกได้ว่ามีบางคนกำลังวางแผนร้ายกับพวกมันอยู่


ต้นหลิวก็รู้สึกเช่นเดียวกัน “อาจมีคนคิดถึงพวกเราก็เป็นได้ ไม่เป็นไร พวกเราจะรอคนผู้นั้นมา เพื่อดูว่าใครกันที่ขวัญกล้าถึงเพียงนี้!”


“บังอาจคิดร้ายต่อพวกเรา เมื่อมาแล้วข้าไม่มีทางปล่อยไปแน่!”


เจ้าก้อนหินกล่าวออกมาอย่างดุร้าย




แดนฮวง


ณ สถานที่แห่งหนึ่ง


ที่แห่งนั้นมีหุบเหวลึกจนไม่อาจมองเห็นก้นบึ้งอยู่ ภายในเปี่ยมด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวลอยอยู่ ที่แห่งนี้คือหนึ่งในแดนอันตราย ไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตมากน้อยเพียงใดต้องจบสิ้นลงที่นี่


“ข้าจะพาพวกเจ้าขึ้นไปยังขอบเขตที่สูงยิ่งกว่านี้!”


ภายในหุบเหวลึก ชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่กลางอากาศ ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจขณะเอ่ยออกมาเสียงดัง “แดนบรรพโกลาหลใกล้ปรากฏขึ้นแล้ว การต่อสู้นองเลือดเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะฝึกฝนให้พวกเจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”


“ขอบพระคุณนายท่านอมตะ!”


“นายท่านอมตะทรงพลังที่สุด!”


ด้านล่างของชายชราผู้นี้ สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนตะโกนสรรเสริญชายชราอย่างตื่นเต้น


ใช่แล้ว ชายชราผู้นี้ก็คือผู้เฒ่าอมตะ!


ครั้งล่าสุดเขาล้มเหลวในการเอาดาบมารกลับมา ทั้งยังถูกทุบตีบังคับให้เรียกดาบมารว่าปู่ ทั้งร่างของเขาพังทลาย เซื่องซึมไปพักใหญ่ จนถึงวันนี้ค่อยฟื้นคืนกลับมา


เขามาจากอาณาจักรที่อยู่เบื้องหลังแดนอันตรายแห่งนี้ ได้รับมอบหมายให้มาที่นี่ นับตั้งแต่วันนี้เขาจะฝึกฝนสิ่งมีชีวิตในดินแดนอันตรายให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งหมดก็เพื่อเพิ่มกำลังในการต่อสู้สำหรับแดนบรรพโกลาหลที่จะปรากฏออกมา!


“นับตั้งแต่วันนี้ไป อนาคตจะต้องเป็นวันคืนอันรุ่งโรจน์ พวกเราจะก้าวข้ามทุกสิ่ง เปล่งประกายที่สุดและเหยียบทุกสิ่งเอาไว้ใต้เท้าของพวกเรา!”


ผู้เฒ่าอมตะกล่าวเสียงดัง


เขากำลังบอกกับสิ่งมีชีวิตในแดนอันตราย และก็บอกกับตนเองด้วย


เขาไม่อาจทนรับความอัปยศอดสูเช่นวันนั้นได้อีกต่อไป เขาจะต้องทำให้ดาบมารต้องชดใช้กลับคืนมาเป็นพันเท่าอย่างแน่นอน!


เขามีความมั่นใจ แม้ว่าดาบมารในตอนนี้จะแข็งแกร่งเหนือชั้นยิ่งกว่าเขามาก แต่เมื่อแดนบรรพโกลาหลปรากฏออกมา ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป


หากเขาสามารถได้รับบางอย่างมาจากแดนบรรพโกลาหล แม้จะเป็นเพียงสิ่งน้อยนิด เขาย่อมต้องสามารถพัฒนาขึ้นเหนือจากเดิมมากแน่นอน


เมื่อถึงตอนนั้น ดาบมารจะต้องถูกเขาสยบและทำลายลงอย่างแน่นอน!


“ใช่แล้ว นับตั้งแต่วันนี้ไป อนาคตจะต้องเป็นวันคืนอันรุ่งโรจน์ พวกเราจะต้องเปล่งประกายที่สุด!”


“นายท่านอมตะทรงพลังยิ่งนัก!”


สิ่งมีชีวิตที่อยู่เบื้อล่างตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง อารมณ์ของพวกเขาถูกผู้เฒ่าอมตะปลุกเร้าขึ้นมาจนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก


ขณะนั้นเองก็มีคนมาถึงยังแดนอันตราย


“สหายหุบเหวไร้ก้นบึ้งอยู่ที่นี่หรือไม่? พวกเรามาพบพวกท่านเพราะมีเรื่องอยากเจรจาสักเล็กน้อย!”


เขายืนอยู่ด้านหน้าหุบเหวก่อนจะตะโกนลงมา
บทที่ 559

ตงฟางเวิ่นและคนอื่น ๆ ไปที่กองกำลังฮวงเฉวียนเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตภายนอกทั้งหมดที่มาอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้


หลังจากนั้นพวกเขาก็ไป...‘เยี่ยมเยียน’ ทีละแห่ง ก่อนจะปิดผนึกเส้นทางจากภายนอก


นี่คือจุดหมายสุดท้ายของพวกเขา


ด้านล่างหุบเหว ผู้เฒ่าอมตะขมวดคิ้วสีขาวทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากเบื้องบน


“เจราจาอะไร...”


สีหน้าของเขาเย็นชาขึ้น ก่อนเอ่ยออกมา “เมื่อใดกันที่สถานที่ของพวกเรายอมให้คนเข้ามาได้ง่ายดาย คิดเจราจาเมื่อไหร่ก็ทำได้?”


แดนต้องห้ามไม่มีผู้ใดอนุญาตให้ย่างกรายเข้ามา ไม่เช่นนั้นจะต้องแลกด้วยการหลั่งรินโลหิต ทว่าตอนนี้กลับมีคนมายังสถานที่แห่งนี้ ทั้งยังเปิดปากอยากเจรจากับพวกเขา..


นี้หมายความว่าพวกเขาสูญสิ้นบารมีความน่าเกรงขามแล้วอย่างนั้นหรือ จึงถูกมองว่า ‘เข้าหาได้ง่าย’?


เขาไม่จำเปิดต้องพูดอะไรอีก สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนภายในหุบเหวก็พุ่งทะยานออกไปทันที ความภาคภูมิของแดนต้องห้ามไม่อาจท้าทายได้


จิตสังหารโพยพุ่งราวกับสายน้ำ พวกมันทะยานขึ้นมาจากหุบเหวลึก พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา พวกมันต่างแข็งแกร่งเป็นอย่างมา ล้วนอยู่ในขอบเขตสูงสุดขึ้นไป!


ตู้ม!


ตอนนั้นเอง พลันมีฝ่ามือขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า มือนั้นเต็มไปด้วยแสงเจิดจ้า เพียงพริบตาเดียวก็ตกใส่เหล่าร่างที่กำลังพุ่งขึ้นมา!


ผู้ลงมือคือตงฟางเวิ่น เขาสัมผัสได้ถึงขั้นเทียนตี้แล้ว กลายเป็นกึ่งเทียนตี้ ห่างไกลจนเหล่าขั้นสูงสุดไม่อาจเทียบได้


“ที่แห่งนี้ก็เป็นที่สุดท้ายแล้ว พวกเรามาเจรจากันอย่างสันติไม่ได้หรือ?”


ตงฟางเวิ่นถอนหายใจออกมา ตลอดทางที่ผ่านมา ไปเยี่ยมเยือนฐานที่มั่นของสิ่งมีชีวิตภายนอกที่แล้วที่เล่า ทุกแห่งล้วนไม่อาจจบได้ด้วยการเจรจาอย่างไม่ต้องลงมือ


อ่า ที่จริงมีสถานที่แห่งหนึ่งที่พวกเขาไม่ต้องลงมือ


เพราะที่แห่งนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่


ที่นั่นคือเส้นทางสังสารวัฏที่ดำรงอยู่มาข้ามผ่านยุคสมัยนับไม่ถ้วน สิ่งมีชีวิตที่ใกล้สิ้นอายุขัยและปราศจากความหวังหรือหนทางออกจะเลือกเข้าไปเสี่ยงโชคในเส้นทางแห่งสังสารวัฏ


มีข่าวลือว่ามันนำไปสู่การเกิดใหม่ ขอเพียงแค่สามารถผ่านเส้นทางแห่งสังสารวัฏไปได้ก็จะสามารถได้รับชีวิตใหม่อีกชาติ


เส้นทางสังสารวัฏเต็มไปด้วยความลึกลับ ตั้งแต่ปรากฏก็เป็นปริศนามาโดยตลอด ทว่าสถานการณ์ของเส้นทางสังสารวัฏก็ยังคงถูกบันทึกเอาไว้ในกองกำลังฮวงเฉวียน


ด้วยเหตุนี้ พวกตงฟางเวิ่นจึงสามารถล่วงรู้ได้ว่าเบื้องหลังของเส้นทางสังสารวัฏคือสิ่งใด พวกเขาจึงเลือกจะปิดผนึกเส้นทางสังสารวัฏเช่นเดียวกัน


ในตอนนั้นตงฟางเวิ่นยังกล่าวออกมาอีกด้วยว่า เส้นทางสังสารวัฏเต็มไปด้วยความลึกลับตั้งแต่ครั้งโบราณ เขาเองก็อยากรู้เป็นอย่างมากว่าสิ่งชีวิตของแดนสังสารวัฏเป็นเช่นไร


เขากล่าวว่าตนเองจะรับผิดชอบเส้นทางสังสารวัฏเอง หากมีสิ่งมีชีวิตจากแดนสังสารวัฏข้ามผ่านมาจนผนึกเกิดความเคลื่อนไหว เขาก็หวังว่าผู้เฒ่าเมิ่งจีจะแจ้งให้เขาทราบเป็นคนแรก เพื่อจะได้มาจัดการกับสิ่งมีชีวิตจากแดนสังสารวัฏด้วยตนเอง


ด้านผู้เฒ่าเมิ่งจีนั้นก็ตกปากรับคำอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นก็ปิดทางออกจากภายนอกเส้นทางด้วยพู่กันที่คุณชายเป็นคนมอบให้เขา


“กระทั่งเทียนตี้ก็ยังไม่ใช่ แต่กลับกล้าที่จะมาที่นี่ด้วยความกำเริบเสิบสาน?”


ผู้เฒ่าอมตะเอ่ยเสียงเย็นชา ก่อนลอยขึ้นจากหุบเหวขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงลิบ ปรายตาลงมองพวกตงฟางเวิ่น


เขาสัมผัสได้ถึงพลังของตงฟางเวิ่น อีกฝ่ายยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นเทียนตี้เต็มขั้นดี ทำได้แต่สัมผัส เป็นเพียงกึ่งเทียนตี้คนหนึ่ง


สำหรับเขาแล้ว กึ่งเทียนตี้ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ เขามาถึงจุดสูงสุดของขั้นเทียนตี้นานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงขั้นกึ่งเทียนตี้เลย กระทั่งขั้นเทียนตี้เต็มขั้น เขายังสามารถสังหารได้ตามใจชอบ!


ส่วนคนที่อยู่ด้านหลังตงฟางเวิ่น เขาไม่ได้ให้ความสนใจอะไรแม้แต่น้อย เมิ่งจีและคนอื่น ๆ ต่างมีพลังต่ำกว่า ไม่ต้องกล่าวถึงขั้นเทียนตี้ กระทั่งขอบเขตจักรพรรดิยังไม่อาจเอื้อมถึง


“ไม่ว่าพวกเจ้าเป็นใคร ในวันนี้พวกเจ้าทั้งหมดจักต้องตาย ที่นี่ไม่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตใดย่างกราย!”



น้ำเสียงของผู้เฒ่าอมตะเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง พลังอันน่าสะพรึงกลัวของระดับสูงสุดขั้นเทียนตี้ถูกปลดปล่อยออกมา เขายืนอยู่บนยอดเมฆอย่างองอาจ คิ้วสีขาวย่นเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับเป็นนายเหนือผู้ปกครองโลกหล้า


เขาย่ำเท้าลงเพียงก้าวเดียวด้วยความเฉยชาไม่แยแส กฎเกณฑ์พลันกระโดดโลดเต้นข้างกายของเขา สว่างไสวจนเกินจะเทียบ ฝีเท้าแต่ละก้าวหนักอึ้งราวกับขุนเขา


เขากำลังสำแดงพลังระดับสูงสุดของขั้นเทียนตี้ออกมา โชติช่วงเปล่งประกายเกินจะเปรียบ


ก่อนหน้านี้เขากล่าวไว้แล้วว่า นับตั้งแต่นี้อนาคตจะถูกปกคลุมไปด้วยความรุ่งโรจน์เปล่งประกาย จะไม่ยอมให้เกิดความหมองมัวขึ้นมาเป็นอันขาด!


การทุบตีและสบประมาทจากดาบมารสร้างความเสียหายให้กับเขารุนแรงเกินไป ความคิดมุมมองของเขาจึงเปลี่ยนไป จึงจำเป็นต้องแสดงออกเช่นนี้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ


น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้จุดจบของเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องลงเอ่ยอย่างน่าเศร้า


พวกตงฟางเวิ่นนั้นไม่มีใครธรรมดา


ตู้ม!


ทันใดนั้นเอง ทะเลเพลิงขนาดมหึมาก็ลุกไหม้โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เปลวเพลิงขยับไหวคล้ายกลายเป็นอสูรร้ายตัวหนึ่ง แผ่ตัวออกไปถึงปกคลุมยังบริเวณที่ผู้เฒ่าอมตะก้าวท้าวลงมาทันที


นี่เกิดจากเซวียเหวินลี่เรียกตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ออกมา พลังของตุ๊กตาตัวนี้คือการควบคุมเปลวเพลิง


สีหน้าของผู้เฒ่าอมตะแปรเปลี่ยนไปทันที ริมฝีปากบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ถอยฝ่าเท้าออกไปด้วยความเร่งรีบ


นี่มันอะไรกัน? ทรงพลังเกินไปแล้ว!?


เขาได้กลิ่นไหม้จึงมองไปยังเท้าของตนเอง มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ทั้งยังถูกเผาไหม้จนมีควันดำลอยออกมา


กระทั่งร่างกายของระดับสูงสุดขั้นเทียนตี้ยังไม่อาจทนได้อย่างนั้นหรือ? ตุ๊กตานั่นคือสิ่งใดกันแน่ เปลวไฟที่พ่นออกมาจึงได้น่าหวาดกลัวเช่นนี้!


ภายในใจเขาอดตกใจกลัวขึ้นมาไม่ได้ สังหรณ์ว่าครั้งนี้เขาก็อาจเผชิญเคราะห์ร้ายอย่างหนัก!


“ถูกไฟเผาอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะโปรยฝนนิดหน่อยลงมาดับไฟให้”


ชุยช่านหัวเราะ เขาเองก็เรียกตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ออกมา ตุ๊กตาจะอ้าปากพ่นม่านน้ำขึ้นฟ้า ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นมวลน้ำพุ่งตรงเข้าใส่ผู้เฒ่าอมตะ


ผู้เฒ่าอมตะไม่ทันได้ตอบสนอง มวลน้ำนั้นรวดเร็วจนเกินไป ประหนึ่งมองข้ามระยะทางพุ่งเข้าใส่เขาโดยตรง พริบตาที่สัมผัสเขาก็ไม่อาจควบคุมร่างของตนเองได้ ถูกมวลชนกระแทกจนตกลงไปในหุบเหว อีกทั้งยังทำให้หุบเหวไร้ก้นบึ้งถูกน้ำท่วม สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนรีบหนีออกมาจ้าละหวั่น!


นี่เรียกว่าฝนนิดหน่อย!?


ผู้เฒ่าอมตะสบถด่าในใจ เขาพุ่งออกมาจากน้ำด้วยสภาพไม่น่าดู ทั้งเปียกปอน อวัยวะภายในสั่นสะท้านอย่างแรงราวกับถูกกระแทกจนผสมเข้าด้วยกัน


การโจมตีของมวลน้ำสร้างความเสียหายให้เขามากเกินไป เขาบาดเจ็บหนักและอยู่ในสภาพย่ำแย่


“ฮ่าฮ่า เสื้อผ้าของเจ้าเปียกหมดแล้ว เช่นนั้นข้าจะช่วยทำให้แห้งเอง”


เด็กอีกคนอ้าปากหัวเราะ เผยให้เห็นฟันสีขาวเรียงเป็นแถว เขาเองก็เรียกตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ออกมา พลังของมันคือการควบคุมอสนีบาต


เปรี้ยง!


ทั่วท้องนภาเกิดเสียงฟ้าร้องอย่างรวดเร็ว พริบตาต่อมาผู้เฒ่าอมตะก็ถูกสายฟ้าฟาดใส่จนด้านนอกไหม้เกรียม มีน้ำลายไหลออกมาจากปาก


ใช้สายฟ้ามาทำให้เสื้อผ้าของเขาแห้ง?


มุมปากของเขากระตุก นี่นับว่าเป็นการทำให้เสื้อผ้าแห้งอย่างนั้นหรือ? เสื้อผ้าของเขาทั้งหมดแทบถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว!


“ขออภัย ดูเหมือนจะแรงเกินไป!”


เด็กคนนั้นแลบลิ้นออกมา


ตามด้วยเด็กอีกคนที่เปิดปากเอ่ยมาขณะจับจ้องไปทางผู้เฒ่าอมตะ “เมื่อครู่เจ้าคิดจะเหยียบพวกเราสินะ คิดโอ้อวดว่าเท้าของเจ้าใหญ่แค่ไหนหรือ? ไม่เป็นไร พวกเรามีเท้าที่ขนาดใหญ่กว่าเจ้า!”


เขาเรียกตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ ตุ๊กตาตัวนี้มีความสามารถในการปรับขนาดร่างกายตามต้องการ มันสามารถสูงเสียดฟ้า หรือกระทั่งเล็กกว่าเศษฝุ่นธุลีก็ได้


เมื่อตุ๊กตาตนนั้นเหยียบลงไป ก็ราวกับท้องฟ้ากดทับลงมา ใบหน้าของผู้เฒ่าอมตะเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำไม่น่าดูอย่างยิ่ง!


เขาพยายามต่อต้านอย่างสุดชีวิต แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ถูกฝ่าเท้านี้เหยียบย้ำลงไป อวัยวะภายในทั้งหมดแทบแหลกสลาย!


“นี่มันอะไรกัน! แดนบรรพโกลาหลยังไม่ได้ปรากฏออกมาเสียด้วยซ้ำ!”


เขาร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เหตุใดเขาจึงรู้สึกราวกับตัวเองไม่เข้าใจอะไรในอาณาจักรแห่งนี้เลย?


ก่อนหน้านี้ก็มีดาบมาร ตอนนี้ก็มีเด็กเหล่านี้ ทำไมแต่ละสิ่งล้วนน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง!?


หากแดนบรรพโกลาหลปรากฏออกมาเรียบร้อยก็แล้วไปเถอะ แต่นี้ดินแดนบรรพโกลาหลยังไม่ทันปรากฏ เหตุใดอาณาจักรแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าหวาดกลัวมากมาย!


คำพูดก่อนหน้านี้ของเขาราวกับเรื่องไร้สาระ!


เขาเพิ่งจะกล่าวไปเองว่าจะรุ่งโรจน์เปล่งประกายชั่วนิรันดร์ ไม่มีวันต้องมาทนรับความอัปยศอดสู่แม้แต่น้อย ยังไม่ทันจะพูดจบดี เขาก็ตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช โดนเล่นงานจนปางตายจากเหล่าเด็กน้อย!


“ข้าน่าเวทนาเกินไปแล้ว!”


ใบหน้าชราเต็มไปด้วยน้ำตา วันนี้เขาเพิ่งจากออกจากเงาในจิตใจเดิมได้ เพิ่งจะสามารถรวบรวมจิตใจกลับมาให้มั่นคง แต่เพียงช่วงครู่ต่อมา เขาก็ถูกทุบตีอย่างหนัก


เหตุใดกัน หรือว่าสวรรค์จะไม่ชอบเขา จึงต้องการให้เขาไม่อาจโผล่หัวขึ้นมาได้ตลอดกาล!


เขาเศร้าโศกและทุกข์ทนเป็นอย่างมาก


หลังจากนั้นเมิ่งจีก็เริ่มลงมือ ใช้พู่กันเพื่อนำเอาสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ มาปิดผนึกเส้นทางเชื่อมไปยังภายนอกอาณาจักรของสถานที่แห่งนี้


แน่นอนว่าสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ล้วนเป็นของผู้เฒ่าอมตะ


หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาก็จากไป ในตอนนี้เส้นทางที่เชื่อมกับภายนอกอาณาจักรทั้งหมดถูกพวกเขาปิดผนึกไปแล้ว หากสิ่งมีชีวิตภายนอกต้องการจะเข้ามา เมิ่งจีจะสามารถรับรู้ได้ในทันที




ภายนอกอาณาจักร


เรือโบราณขนาดใหญ่ลำหนึ่งแล่นผ่านความว่างเปล่า ตัวเรือล้อมรอบด้วยแสงสว่างไสว สุกสกาวท่ามกลางจักรวาลหมื่นดาราอันเต็มไปด้วยความมืดมิดและเหน็บหนาว


“เหตุจึงได้รับการซ่อมแซมแล้ว? เกิดอันใดขึ้นกับเหลิงเจี้ยนที่เข้าไปด้านในแล้ว!?”


ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีรูปร่างกำยำ ผมยาวสีดำ และแววตาน่าหวาดเกรงเอ่ยรำพึงกับตนเอง


เขาไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด เขาคือผู้นำของอาณาจักรเทียนหยวน!


ในตอนนี้ เขาได้นำสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งทั้งหมดของอาณาจักรเทียนหยวนมาถึงแล้ว
บทที่ 560

บนจักรวาลหมื่นดาราอันกว้างใหญ่ไพศาล เรือโบราณขนาดใหญ่ลำแล้วลำเล่าแล่นผ่าน แต่ละลำเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตแทบทุกชนิด มีทั้งเผ่ามนุษย์และอสูรต่าง ๆ


อาณาจักรเทียนหยวนเดิมทีเป็นเพียงแค่อาณาจักรระดับกลาง ท่ามกลางอาณาจักรนับหมื่นไม่อาจนับได้ว่าแข็งแกร่ง แต่ทว่าหลังจากเข้าร่วมกับแดนมรณา


ความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้เหนือชั้นยิ่งกว่าแดนระดับกลางอื่น ๆ ทั้งยังสามารถไล่หลังตามอาณาจักรเก้าตอนบนได้


ครั้งนี้ผู้นำอาณาจักรมาด้วยตนเอง นำทัพพาสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งทั้งหมดในอาณาจักรเทียนหยวนมาด้วย


นี่คือผู้ปกครองอาณาจักรที่ได้รับการแต่งตั้งจากแดนมรณา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักเทียนหยวนล้วนเชื่อฟังคำสั่งของเขา


เขามีใบหน้ามืดมน สีหน้าเองก็ดูไม่ค่อยจะดี


เดิมทีพวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความเสียหายให้กับพลังที่ปกป้องอาณาจักรแห่งนี้ เกิดเป็นรอยแตกในม่านพลังป้องกัน


แม้ว่ารอยแตกจะเล็กเป็นอย่างมาก แต่ก็นับได้ว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ การที่มีรอยแตกปรากฏขึ้นแม้เป็นรอยที่เล็กจ้อย ก็สามารถแสดงให้เห็นว่าพลังที่คอยคุ้มกันอาณาจักรไม่สมบูรณ์อีกต่อไป ทั้งยังลดลงเป็นอย่างมาก พวกมันสามารถอาศัยรอยแตกทำลายการป้องกันให้หมดสิ้น หลังจากนั้นจึงส่งคนเข้าไปฆ่าสังหารในอาณาจักร!


ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุใด รอยแตกนั่นถึงได้รับการซ่อมแซมไปแล้ว!


ทำได้อย่างไรกัน?


พลังที่คอยปกป้องอาณาจักรถูกสร้างขึ้นมาจากพลังของวิถีสวรรค์ ผู้ใดกันจะสามารถเทียบเคียงวิถีสวรรค์และซ่อมแซมพลังนั่นได้!?


แววตาของเข้าล้ำลึกขึ้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอาณาจักรแห่งนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คาดเอาไว้!


โดยเฉพาะการตายของเหลิงเจี้ยนทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย


เหลิงเจี้ยนเป็นยอดฝีมือจากอาณาจักรเทียนหยวนที่เข้าไปในอาณาจักรแห่งนี้ผ่านทางรอยแตกขนาดเล็ก ขอบเขตของเขานั้นไม่แย่เลย เป็นถึงขั้นสูงสุดของตี้จวิน!


หากเป็นสถานการณ์ปกติ ไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหลิงเจี้ยนในอาณาจักรแห่งนี้


สภาพแวดล้อมของอาณาจักรแห่งนี้เลวร้ายเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะมียอดฝีมือระดับสูงเกิดขึ้นมา ในสมัยโบราณ พวกเขาได้สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับอาณาจักรแห่งนี้ พลังของวิถีสวรรค์แทบทั้งหมดในอาณาจักรแห่งนี้จึงแปรเปลี่ยนกลายเป็นม่านคุ้มกันเพื่อต่อต้านพวกเขา เช่นนั้นแล้วยังจะเหลืออะไรหล่อเลี้ยงให้กำเนิดยอดฝีมือระดับสูงขึ้นมากัน?


ไม่มีทางเป็นไปได้!


เมื่อเหลิงเจี้ยนเข้าไปแล้วย่อมสามารถสังหารล้างอาณาจักร!


แม้จะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตดั้งเดิมของอาณาจักรแห่งนี้ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างอาณาจักรที่เข้ามาตั้งรกราก เขาก็ไม่คิดกังวลอะไรเกี่ยวกับการล้างสังหารของเหลิงเจี้ยน


พวกเขาเคยเข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้ในสมัยโบราณ ได้รับรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรจำนวนมากเข้ามาตั้งรกรากด้านในอาณาจักรแห่งนี้


สิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลย พวกมันต่างก็มีภูมิหลังลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง หากไม่มีแดนมรณาที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรใด พวกเขาก็ล้วนไม่อาจยั่วยุได้


พวกเขาตระหนักได้ในจุดนี้ดี เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตภายนอกอาณาจักรเหล่านั้นที่รับรู้ในจุดนี้เป็นอย่างดี


แม้ว่าสิ่งมีชีวิตภายนอกอาณาจักรเหล่านี้จะไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาคือแดนมรณา แต่พวกมันก็ต้องสามารถตระหนักได้ถึงบางสิ่งอย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลายมาเป็นศัตรูของพวกเขาเพื่อสิ่งมีชีวิตชนพื้นเมืองเหล่านี้


ผู้ที่สังหารเหลิงเจี้ยนและซ่อมแซมรอยแตกจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตชนพื้นเมืองของอาณาจักรแห่งนี้!


“น่าเสียดาย กว่าจะทำสำเร็จนั้นไม่ง่ายเลย แต่ทุกสิ่งล้วนหวนคืนกลับไปสู่จุดเดิม!”


เขาหรี่ตาลง พลังป้องกันของอาณาจักรแห่งนี้ฟื้นกลับไปสู่จุดสูงสุดเช่นเดิม นี่หมายความว่าพวกเขาต้องเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง


สิ่งนี้ทำให้เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ


หลังจากการต่อสู้ในสมัยโบราณ อาณาจักรแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไม่อาจเทียบชั้นกับพวกเขาได้อีกต่อไป ครั้งนี้พวกเขาควรจะมาที่นี่เพื่อทำตามคำสั่งของแดนมรณาให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างง่ายดาย


ทว่าพวกเขาต้องประสบกับความยุ่งยากก่อนจะทันได้เข้าไปเสียด้วยซ้ำ อาณาจักรแห่งนี้ลึกล้ำเกินไป แม้จะได้รับความเสียหายครั้งใหญ่จากพวกเขา พลังที่หลงเหลืออยู่ก็ยังคงน่าหวาดกลัว พลังป้องกันที่วิถีสวรรค์สร้างขึ้นมาก็ยังสามารถปิดกั้นพวกเขาเอาไว้ได้


“นายท่านแห่งแดนมรณาได้โปรดลงมือด้วยเถิด!”


เขาติดต่อไปยังแดนมรณาเพื่อขอความช่วยเหลือ ด้วยกำลังของพวกเขาเพียงฝ่ายเดียว แม้จะสามารถทะลวงผ่านพลังป้องกันของอาณาจักรแห่งนี้ได้แต่ก็ต้องใช้เวลานานเป็นอย่างมาก


คำสั่งจากแดนมรณาคือให้พวกเขาทำการล้างสังหารโดยไว กวาดล้างสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทั้งหมดในอาณาจักรแห่งนี้ ทำให้โลหิตหลั่งรินชโลมทั่วทั้งผืนดิน


เดิมทีมีรอยแยกอยู่ทำให้พวกเขาสามารถเข้าไปแล้วทำตามคำสั่งให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้รอยแยกกลับถูกซ่อมแซมแล้ว ทุกอย่างหวนคืนสู่จุดเดิม เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะดำเนินการฆ่าล้างให้เสร็จสิ้นในระยะเวลาอันสั้น ทางเดียวที่สามารถทำได้คือการขอความช่วยเหลือจากแดนมรณา


หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับการตอบกลับจากแดนมรณา กล่าวว่าจะส่งคนไปช่วยเหลือ ให้เขารอก่อน


‘ทำให้โลหิตหลั่งรินชโลมทั่วทั้งผืนดิน ทำเพื่อสิ่งใดกัน?’


เขาคิดขึ้นมาในใจอย่างเงียบงัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าแดนมรณาต้องการจะทำสิ่งใด


คำสั่งที่แดนมรณามอบมาคือการฆ่าล้าง ไม่อาจปล่อยให้สิ่งมีชีวิตชนพื้นเมืองใด ๆ หลุดรอดออกไปได้ ส่วนเหตุผลนั้นแดนมรณาไม่ได้บอกกับเขา


แต่เขาสามารถรู้ได้อย่างชัดเจน ว่านี่จะต้องเป็นงานใหญ่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง!


‘แดนมรณาเองก็วางแผนไว้สำหรับแดนบรรพโกลาหลใช่หรือไม่?’


เขาคิดในใจขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่แดนมรณาจะทำอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหล


ทว่าน่าเสียดาย ที่มันเป็นเพียงแค่การคาดเดาของเขา ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่


พวกเขาได้แต่ทำตามคำสั่งของแดนมรณาเท่านั้น สิ่งที่รู้มีเพียงน้อยนิด ทั้งยังติดต่อกับแดนมรณาน้อยครั้ง พวกเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าแดนมรณามีที่มาแบบใด!


หากให้พวกเขากล่าวถึงแดนมรณาแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่าลึกลับไม่อาจคาดการณ์ได้!




ทะเลต้องห้าม


สีหน้าของจ้าวสมุทรเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม สองเท้าก้าวไปมาไม่อาจหยุดอยู่เป็นที่


ทะเลต้องห้ามอันกว้างใหญ่ หลงเหลือเพียงเขาผู้เดียว ฉากอันยุ่งเหยิงสามารถเห็นได้ทุกหนแห่ง จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูทะเลต้องห้ามให้กลับมาสมบูรณ์เช่นเดิมได้ ความเสียหายของส่วนหน้าที่ทะเลต้องห้ามได้รับนั้นรุนแรงเกินไป


“เลิกเป็นศัตรูกับคนเหล่านั้นสักทีได้หรือไม่!”


จ้าวสมุทรร้องไห้ ทิ้งน้ำตาไหลลงมาสองสาย รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก


เขาได้รับการแจ้งจากเบื้องบนว่าบรรพจารย์หลายท่านจะนำสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรทั้งหมดมายังอาณาจักรแห่งนี้ ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่าจะทำให้หลิงอินและเหล่าชนพื้นเมืองต้องชดใช้อย่างสาสม!


หากพวกหลิงอินได้ชดใช้อย่างสาสม เขาก็ควรจะมีความสุขเป็นอย่างมาก ทว่าเขานั้นผ่านความทุกข์ทนมามากจากน้ำมือของพวกหลิงอิน


มันทำให้เขาไม่อาจมีความสุขได้จริง ๆ!


นี่เป็นเพราะเขาหวาดกลัวพวกหลิงอิน คนเหล่านั้นน่าเหลือเชื่อจนเกินไป แม้ว่าเหล่าบรรพจารย์จะพายอดฝีมือทั้งหมดมายังอาณาจักรแห่งนี้ เขาก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย ทั้งยังสังหรณ์ว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้น!


แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดออกไป


เรื่องทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจตัดสินใจได้โดยสิ้นเชิง


เหล่าบรรพจารย์มาด้วยตนเอง ทั้งยังนำยอดฝีมือทั้งหมดของอาณาจักรมาด้วย จะรับฟังคำพูดของเขาได้อย่างไร


หากเขาบอกว่าถ้ามุ่งเป้าไปที่พวกหลิงอินอาจเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เหล่าบรรพจารย์อาจตบตีเขาจนตายก็เป็นได้


อย่างไรเสีย เหล่าบรรพจารย์จะเชื่อเขาได้อย่างไรว่าเพียงแค่พวกหลิงอินก็ต่อต้านคนจากอาณาจักรของพวกเขาทั้งหมดได้!


กล่าวตามตรงแล้วกระทั่งเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกหลิงอินจะสามารถทำเช่นนั้นได้


ทว่าเขานั้นได้รับความทุกข์ทนจากพวกหลิงอินมากเกินไป จึงไม่อาจไม่เชื่อได้ จนกลายเป็นเช่นนี้ยามนึกถึงพวกหลิงอินขึ้นมา...


เขาไม่ต้องการจะเป็นศัตรูกับพวกหลิงอินอีกต่อไป!


“หวังว่าเมื่อถึงยามนั้นจะไม่มีเรื่อง ‘เกินความคาดหมาย’ มากเกินไป ให้พวกเราสามารถสังหารพวกหลิงอินได้สำเร็จด้วยเถอะ!”


เขาสวดอ้อนวอนในใจอย่างเงียบงัน




เมืองชิงซาน


ด้านในบ้านของหลิงอิน


“พี่ชาย วันนี้ข้าจะพาท่านไปเยี่ยมเยียนคุณชาย!”


สองวันที่ผ่านมา พี่ชายของเสี่ยวหยาค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมจนเริ่มคงที่แล้ว นางจึงตัดสินใจจะพาพี่ชายไปเยี่ยมเยียนคุณชาย


นางจะต้องพาพี่ชายไปเยี่ยมเยียนคุณชายอย่างแน่นอน หากไม่มีคุณชายแล้วละก็ พี่ชายของนางคงถูกกลืนกินไปแล้ว นางเองก็ไม่มีหนทางใดที่จะช่วยเหลือพี่ชายได้


“ตกลง!”


พี่ชายของเสี่ยวหยาพยักหน้าด้วยความหนักแน่น เขาเองก็ต้องการพบคุณชายเป็นอย่างมาก