541-545

บทที่ 541

ซีเริ่มลงมือ แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้ลงมืออย่างถึงที่สุด ไม่ได้ตัดความทรงจำที่เกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้าทิ้ง แต่เลือกจะปิดผนึกความทรงจำส่วนนี้เอาไว้


นางหักใจลงมือถึงที่สุดไม่ได้ นางไม่เต็มใจจะลืมเลือนหลี่จิ่วเต้าไปโดยสิ้นเชิง


ดังนั้นนางจึงทิ้งจิตสำนึกเอาไว้ให้ตัวเอง หากวันหน้าข้างหน้าสามารถทำทุกสิ่งได้สำเร็จ นางก็จะสามารถทำลายผนึกและจดจำทุกสิ่งได้


หลังจากประทับผนึกแล้ว นางก็ไม่คิดถึงหลี่จิ่วเต้าอีก ความทรงจำส่วนนั้นหายออกไปจากหัวของนาง หากไม่คลายผนึก นางย่อมไม่อาจจำความทรงจำส่วนนี้ได้


“แดนมากมายในอาณาจักรแห่งนี้ล้วนไม่มี เช่นนั้นก็อาจเป็นสถานที่แห่งนั้น...”


สีหน้าของนางเรียบเฉย ขณะเช็ดน้ำตาก็วิเคราะห์อย่างละเอียด


กล่องสี่เหลี่ยมนั่นไม่ธรรมดา ไม่อาจถูกทำลายลงได้ ไม่มีทางที่มันจะอยู่อย่างสงบนิ่ง อย่างไรก็จะต้องสร้างปรากฏการณ์บางอย่างที่เหนือสามัญสำนึกออกมา


นอกจากนี้ กล่องสี่เหลี่ยมก็ไม่มีทางจะถูกสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ครอบครอง


การต่อสู้ในครั้งนั้นชุลมุนวุ่นวายเกินไป เกรงว่ากล่องสี่เหลี่ยมจะถูกเปิดออกเล็กน้อย ทำให้พลังพิเศษรั่วไหลออกมาจากด้านในกล่อง


พลังนั้นน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่ใช่อะไรที่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้จะสามารถควบคุมได้ กระทั่งสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรแห่งอื่นและภพเซียนก็ไม่อาจทำได้


หลังจากกล่องตกลงมา ด้วยพลังที่มากล้นทำให้มีโอกาสสูงที่จะก่อเกิดเป็นแดนอันตรายขึ้น ดังนั้นนางจึงเดินทางไปในแดนอันตรายนับไม่ถ้วนที่ไร้ผู้ปกครองเพื่อตามหา


ทว่านางไปมาแทบทุกหนแห่งแล้ว แต่กลับไม่พบสิ่งที่ต้องการ


สถานที่ที่กล่องสี่เหลี่ยมตกลงมาอาจแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก จึงสามารถปิดบังร่องรอยทั้งหมดได้


นางนึกถึงสถานที่หนึ่งขึ้นมา!


แดนบรรพโกลาหล!


ในยามนั้นพวกนางไม่ได้หนีอย่างไร้จุดหมาย แต่กำหนดจุดหมายเอาไว้แล้ว นั่นก็คือแดนบรรพโกลาหลที่อยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ พวกนางต้องการจะเข้าไปยังดินแดนแห่งนั้นเพื่อพลิกฟื้นตนเองกลับขึ้นมา


แดนบรรพโกลาหลอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง ด้านในนั้นล้วนเกินกว่าจะจินตนาการถึง หากพวกนางต้องการจะปกป้องกล่องและล้างแค้นให้กับตระกูล ทำให้ตระกูลเซียวต้องชดใช้อย่างสาสม พวกนางจำต้องพึ่งพาแดนบรรพโกลาหล


ดังนั้นหลังจากที่พวกนางออกมาจากภพเซียน ก็เลือกตรงมายังอาณาจักรแห่งนี้


“ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้!”


ดวงตาของซีเปล่งประกาย หากกล่องตกลงไปในแดนบรรพโกลาหล เรื่องทุกอย่างก็จะสมเหตุสมผลขึ้นมาก ไม่เช่นนั้นหลังจากค้นหามานานเพียงนี้คงต้องได้อะไรมาบ้างแล้ว


“ตามหาแดนบรรพโกลาหล!”


นางเปลี่ยนแผนการไปค้นหาแดนบรรพโกลาหล ไม่ว่าสถานที่นี่จะเกี่ยวข้องกับกล่องหรือไม่ นางก็จะไปแดนบรรพโกลาหลอยู่แล้ว


หากกล่องอยู่ในแดนบรรพโกลาหล เช่นนั้นก็ดีไป แต่หากไม่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด


หากนางสามารถเข้าสู่แดนบรรพโกลาหลได้จริง ๆ นางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างแน่นอน นั่นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนางในการตามหากล่อง


คิดแล้วนางก็เริ่มเคลื่อนไหว


เกี่ยวกับแดนบรรพโบราณโกลาหล นางไม่ได้ไม่รู้ข้อมูลอะไร ทั้งยังมีร่องรอยเบาะแส!




อีกด้านหนึ่ง ลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาก็มาถึงยังที่อยู่ของผู้เฒ่าเต่า อันเป็นเกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง


เกาะกลางทะเลแห่งนี้กว้างใหญ่จนราวกับไร้ขอบเขต เรียกมันว่าแผ่นดินใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลย ที่แห่งนี้คือเกาะจักรพรรดิเต่า อันเป็นสถานที่เต่าเซียนเสวียนอู่อาศัยอยู่


เต่าเซียนเสวียนอู่คือนามจักรพรรดิของผู้เฒ่าเต่า มีคนกล่าวว่าผู้เฒ่าเต่าได้ทะลวงผ่านขอบเขตเทียนตี้ขึ้นไปแล้ว อยู่เหนือยิ่งกว่าเทียนตี้ จึงไม่อาจนำคำว่าจักรพรรดิมาตั้งเป็นนามให้ได้


คำพูดนี้ยังเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง


นี่เป็นเพราะว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าผู้เฒ่าเต่ามีชีวิตอยู่มายืนยาวเพียงใด นับตั้งแต่วันที่ได้รู้จักผู้เฒ่าเต่า ผู้เฒ่าเต่าก็อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเสียแล้ว


จักรพรรดิรุ่นแล้วรุ่นเล่าพากันร่วงโรยลงไป ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีอายุขัยได้ ทว่าแม้เวลาจะผ่านไปยาวนานจนไม่อาจนับได้ ผู้เฒ่าเต่าก็ยังคงมีชีวิตอยู่ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ผู้เฒ่าเต่าจะสามารถหลุดพ้นออกจากขั้นเทียนตี้ ไปถึงขอบเขตสูงยิ่งกว่าที่ผู้คนไม่อาจจินตนาการถึง


พวกเขาจึงเรียกขานผู้เฒ่าเต่าผู้นี้ว่าเต่าเซียนเสวียนอู่ ต่างพากันคิดว่าแม้ผู้เฒ่าเต่าจะยังไม่กลายเป็นเซียน แตก็ใกล้เคียงแล้ว


ไม่ว่าจะเป็นเทียนตี้คนใดในอาณาจักรอวี้ซวี เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าเต่าทุกคนก็ล้วนนอบน้อมเคารพนับถือผู้เฒ่าเต่าเป็นอย่างยิ่ง


ลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายาร่อนลงบนเกาะ มาถึงด้านหน้าลานเต๋าของผู้เฒ่าเต่า


“ท่านบรรพจารย์โบราณหลับลึก ไม่พบแขกมานานมากแล้ว ท่านทั้งสองได้โปรดกลับไปเถิด!”


มีศิษย์เต๋ารูปงามผู้หนึ่งเดินออกมาจากลานเต๋า ก่อนจะกล่าวกับลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายา


ตอนเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่มัจฉาสัตมายาคาดเดาเอาไว้แล้ว


ปกติผู้เฒ่าเต่ามักนอนหลับลึก แทบไม่ปรากฏตัวออกมา เขาเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะสามารถเข้าพบผู้เฒ่าได้โดยตรง


“รบกวนช่วยแจ้งกับท่านเต่าเซียนด้วย ว่าพวกเรามีเรื่องสำคัญจึงขอเข้าพบ!”


มัจฉาสัตมายากล่าวกับศิษย์เต๋า


“ต้องขออภัยด้วย เมื่อบรรพจารย์โบราณหลับลึก ไม่ว่าอะไรก็ห้ามรบกวนโดยเด็ดขาด พวกเราเองก็สามารถพบท่านบรรพจารย์โบราณได้ก็ต่อเมื่อท่านตื่นเท่านั้น” ศิษย์เต๋าตอบ


“เช่นนั้นหรือ? แต่ว่าพวกเราก็ยังต้องการจะพบหน้าท่านเต่าเซียน พวกเรามีเรื่องสำคัญจริง ๆ จึงต้องการจะพบ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของท่านเต่าเซียน!” มัจฉาสัตมายาพูดอีกครั้ง


กล่าวตามทรงแล้ว ที่พวกเขามาในครั้งนี้ ย่อมเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งสำหรับผู้เฒ่าเต่าอย่างแน่นอน


อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องการจะพาผู้เฒ่าเต่าไปยังลานเล็ก ๆ ของคุณชาย


และเมื่อผู้เฒ่าเต่าเข้าไปในลานเล็ก ๆ ของคุณชายแล้ว ผู้เฒ่าเต่าก็จะได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาล สามารถกลายเป็นเต่าเซียนที่แท้จริงได้


ผู้เฒ่าเต่านั้นลึกล้ำเกินหยั่งถึง มีข่าวลือว่าผู้เฒ่าเต่าได้ทะลวงผ่านขั้นเทียนตี้ขึ้นไปนานแล้ว บรรลุสู่ขอบเขตที่สูงกว่า คาดเดากันว่าอาจกลายเป็นเซียนแล้ว


แต่ทั้งเขาและลั่วสุ่ยแน่ใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าผู้เฒ่าเต่าไม่สามารถกลายเป็นเซียนที่แท้จริงได้


ด้านในอาณาจักรอวี้ซวีไม่มีสสารนิรันดร์อยู่ หากผู้เฒ่าเต่าไม่สามารถหลอมสสารนิรันดร์เข้ามาในร่างได้ ย่อมไม่มีทางกลายเป็นเซียนได้ ดังนั้นผู้เฒ่าเต่าก็ยังคงมีอายุขัยจำกัด มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเหลือเวลาอยู่อีกไม่มากแล้ว


ดังนั้นขอเพียงแค่พวกเขาสามารถพบผู้เฒ่าเต่า จากนั้นก็อธิบายเรื่องนี้ให้ฟัง ผู้เฒ่าเต่าน่าจะตกลงยอมตามพวกเขาไป


“ต้องขออภัยจริง ๆ ยามที่บรรพจารย์โบราณหลับลึก มีพลังบางอย่างคอยปกป้องเอาไว้อยู่ แม้พวกเราต้องการจะรายงานเรื่องของพวกท่านทั้งสองก็ไม่อาจทำได้”


ศิษย์เต๋ากล่าว


เมื่อมัจฉาสัตมายาเตรียมเปิดปากจะพูดอะไรอีก ลั่วสุ่ยก็รั้งมัจฉาสัตมายาเอาไว้


นางหันไปพูดกับศิษย์เต๋า “เช่นนั้นพวกเราก็จะไม่รบกวนมากไปกว่านี้แล้ว”


หลังจากนั้นนางก็พามัจฉาสัตมายาเดินออกไป


“พี่สาวจะล้มเลิกเช่นนี้หรือ?”


ระหว่างทางมัจฉาสัตมายาอดถามลั่วสุ่ยขึ้นมาไม่ได้


“ไม่มีทาง!”


ลั่วสุ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารับรู้ได้ว่าศิษย์เต๋าผู้นั้นไม่ได้โกหก เขาไม่อาจติดต่อกับผู้เฒ่าเต่าที่หลับลึกได้จริง ๆ อีกทั้งผู้เฒ่าเต่าก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก กระทั่งญาณสัมผัสของข้าก็ยังไม่อาจตรวจสอบสถานการณ์ในลานเต๋าได้อย่างละเอียด”


“แข็งแกร่งถึงปานนั้น!?”


มัจฉาสัตมายาตกตะลึง เขารู้ว่าพี่ลั่วสุ่ยแข็งแกร่งแค่ไหน ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าเต่าจะอยู่ไม่ไกลจากการกลายเป็นเซียนแล้วจริง ๆ


“ใช่แล้ว!”


ลั่วสุ่ยพยักหน้า “ความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าเต่าจะต้องใกล้เคียงกับเซียนอย่างมาก อาจสามารถใช้พลังของเซียนได้เสียด้วยซ้ำ! พลังในลานเต๋าสามารถทำให้ข้ารู้สึกได้ถึงอันตราย! ข้าคงไม่อาจส่งเสียงไปถึงผู้เฒ่าเต่าที่อยู่ด้านในนั้นได้”


หลังจากนั้นนางก็หัวเราะออกมา “แต่ข้ายังมีวิธีที่จะทำให้ได้พบผู้เฒ่าเต่า”


“วิธีอะไร?”


ดวงตาของมัจฉาสัตมายาเป็นประกาย


รอยยิ้มกว้างปรากฏบนหน้าของลั่วสุ่ย “เจ้าคอยดูให้ดีแล้วกัน”
บทที่ 542

ขอบเขตของผู้เฒ่าเต่าไม่ธรรมดา ล้ำลึกเกินหยั่งถึง ลานเต๋าเองก็แปลกประหลาดเต็มไปด้วยข้อจำกัดมากมาย จนไม่อาจใช้ญาณสัมผัสตรวจสอบได้ว่าสถานการณ์ในลานเต๋าเป็นเช่นไร


แต่ลั่วสุ่ยไม่ได้ร้อนรน เพราะนางมีแผนการอยู่ในใจแล้ว


นางกับมัจฉาสัตมายาออกไปด้านนอกเกาะ ลอยขึ้นไปสูงบนท้องฟ้า ยืนอยู่ด้านบนเหนือหมู่เมฆ


หลังจากนั้นนางก็นั่งลงแล้วหยิบอุปกรณ์ตกปลาทั้งหมดออกมา


ใช่แล้ว นางกำลังวางแผนจะตกผู้เฒ่าเต่า!


หลังจากกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว คุณชายก็ใจดีกับนางเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะศิลปะศาสตร์ทั้งสี่ การล่าสัตว์ การแกะสลัก รวมทั้งการตกปลา คุณชายล้วนเคยสอนนางมาหมดแล้ว


นางเป็นผู้ใช้เวลาอยู่ในลานของคุณชายนานที่สุด ได้รู้ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ยังได้กินของเหนือล้ำอย่างยิ่งนับไม่ถ้วนจากคุณชาย ยามที่นางเรียนรู้ ย่อมสามารถก้าวหน้าขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว ประสบความสำเร็จสูงยิ่งในทุกด้าน


“เบ็ดตกปลา?”


มัจฉาสัตมายาตกตะลึง “นี่สามารถทำได้ด้วยหรือ?”


ผู้เฒ่าเต่าสามารถถูกตกขึ้นมาได้ด้วยหรือ?


ลั่วสุ่ยหยิบอุปกรณ์ตกปลาออกมาอย่างครบครัน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าลั่วสุ่ยคิดจะทำสิ่งใด ทว่าก็เป็นดังที่เขาพูดไปว่าผู้เฒ่าเต่าจะสามารถถูกตกขึ้นมาได้ด้วยหรือ?


“เจ้าคิดอะไรอยู่ คิดว่ามันเป็นเพียงการจับปลาอย่างนั้นหรือ?”


ลั่วสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่คุณชายสอนข้าไม่ใช่การจับปลา แต่เป็นการหย่อนเบ็ดล่อ! การหย่อนเบ็ดล่อนั้นไม่ใช่ทักษะธรรมดา ไม่ใช่การตกปลา ความหมายลึกล้ำไร้ที่สิ้นสุด กล่าวง่าย ๆ ก็คือสามารถตกได้ทุกสิ่ง!” นางอธิบายให้กับมัจฉาสัตมายาฟัง


ด้วยทักษะการหย่อนเบ็ดที่พัฒนาขึ้น จะเป็นสมบัติล้ำค่า ยอดศาสตรา ผู้แข็งแกร่งในโลกหล้า หรือกระทั่งดวงดาราทั้งท้องฟ้าก็สามารถตกมาได้


“แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น!!!”


มัจฉาสัตมายาตกตะลึงอย่างยิ่ง การหย่อนเบ็ดยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!


คิดพินิจดูอีกที เขาเองก็ช่างตื้นเขินเสียจริง นายท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น ทักษะการหย่อนเบ็ดจะธรรมดาจนจับได้เพียงปลาได้อย่างไร!


“พี่ลั่วสุ่ยโชคดียิ่งนัก!”


เขาอดรู้สึกอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ ลั่วสุ่ยมีความสามารถสูงเสียดฟ้า เกรงว่ากระทั่งเซียนที่แท้จริงก็ไม่อาจเทียบเคียงลั่วสุ่ยได้


“หลังจากเข้าไปในสระน้ำ อนาคตของเจ้าก็ไม่อาจดูเบาได้แล้ว ต้องกล่าวว่า พวกเรานั้นโชคดีจริง ๆ ที่สามารถติดตามคุณชายได้!”


ลั่วสุ่ยถอนหายใจจากก้นบึ้งหัวใจ


นางกล่าวต่อ “คุณชายแข็งแกร่งอย่างแท้จริง เพียงแค่เบ็ดคันเดียวก็สามารถตกปลาจากอาณาจักรนับหมื่นได้ เกรงว่าต่อให้เป็นภพเซียน หากคุณชายต้องการก็สามารถตกได้ ตัวข้านั้นยังอยู่ห่างไกลจากระดับนั้น สามารถหย่อนเบ็ดล่อได้แต่เพียงสิ่งที่อยู่ในอาณาจักรเดียวกัน ไม่อาจหย่อนเบ็ดข้ามอาณาจักรได้ แม้กระทั่งอาณาจักรที่ใกล้เคียงที่สุดยังไม่อาจทำได้”


“คุณชายอยู่ขอบเขตใดกันแน่!”


มัจฉาสัตมายาอดพูดขึ้นมาไม่ได้ ยิ่งได้รู้เกี่ยวกับคุณชายมากเท่าใด ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้น คุณชายสามารถทำได้ทุกสิ่ง โดนเมินเฉยต่อกฎเกณฑ์อย่างสิ้นเชิง ความสามารถต่าง ๆ ล้วนน่าเหลือเชื่อเกินไป!


ในตอนแรกเขาเข้าใจว่าคุณชายเป็นเพียงเซียนผู้หนึ่ง แต่ต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าความคิดนี้ช่างโง่เขลา เกรงว่าเซียนยังไม่อาจเป็นได้แม้แต่ที่รองเท้าของคุณชาย!


ยิ่งตอนนี้ เขายิ่งรู้สึกว่ากระทั่งจักรพรรดิในหมู่เซียน หรือบรรพจารย์ของเหล่าเซียนก็ไม่อาจเทียบกับคุณชายได้!


แม้จะไม่เคยพบเห็นจักรพรรดิในหมู่เซียน และบรรพจารย์ของเหล่าเซียน ทั้งยังไม่รู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นแข็งแกร่งเพียงใด ทว่าเขาก็ยังรู้สึกว่าคุณชายอยู่ขอบเขตสูงยิ่งกว่าคนเหล่านั้น!


“ข้าเองก็ไม่กระจ่างชัด”


ลั่วสุ่ยส่ายหน้าแล้วกล่าวออกมา “เอาละ พวกเราเริ่มลงมือกันเถอะ”


หลังจากนั้นนางก็แขวนเหยื่อไว้บนตะขอก่อนโยนเบ็ดออกไป


อุปกรณ์ตกปลาทั้งหมดรวมกระทั่งเหยื่อล้วนเป็นสิ่งที่คุณชายมอบให้นาง ทุกอย่างล้วนไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เปี่ยมด้วยเต๋าสูงสุดไหลเวียน


“เหยื่อล่อจะเปลี่ยนตนเองกลายเป็นสิ่งที่เป้าหมายต้องการมากที่สุด ก่อนจะส่งพลังบางอย่างออกไปให้เป้าหมายรับรู้ได้” ลั่วสุ่ยเอ่ย


แต่ทว่านางก็ต้องคาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก หลังจากนางโยนเบ็ดหย่อนเหยื่อล่อไปแล้วกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เหยื่อเองก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง


นี่แสดงให้เห็นว่านางสามารถหย่อนเหยื่อล่อผู้เฒ่าเต่าได้


“สมคำกล่าวว่าอายุยืนยาวนับเป็นทุนอันดี! ประโยคนี้ไม่ผิดเลย ภายใต้การขาดแคลนสิ่งไว้ใช้ฝึกฝนอย่างรุนแรง ผู้เฒ่าเต่ากลับใช้เวลามาชดเชย มุ่งมั่นปรับปรุงขอบเขตการฝึกฝนของตนเองขึ้นมา นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ”


ลั่วสุ่ยอดประหลาดใจไม่ได้ เกรงว่าความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าอาจถึงระดับเซียนแล้ว นางหย่อนเบ็ดโดยกำหนดเป้าหมายเป็นผู้เฒ่าเต่าในใจ ทว่ากลับไม่ได้ผล แสดงให้เห็นว่าพลังของผู้เฒ่าเต่าสูงเป็นอย่างมาก


“ไม่เป็นอะไร”


ลั่วสุ่ยยิ้ม นี่ยังไม่ใช่ปัญหา นางยังมีอีกวิธีการช่วยให้สามารถล่อผู้เฒ่าเต่ามาติดเบ็ด


นางหยิบพู่กันหยกออกมาก่อนจะเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่บนอากาศ


‘รวม’!


เมื่อตัวอักษรถูกเขียนขึ้นมาเสร็จสิ้น กฎเกณฑ์บางอย่างก็ปรากฏขึ้น แสงสว่างนับไม่ถ้วนเปล่งประกายก่อนจะกลายเป็นละอองคล้ายแสงดาวร่วงลงบนร่างลั่วสุ่ย


พู่กันหยกของนางเองก็เป็นสิ่งที่คุณชายมอบให้ นางใช้เต๋าแห่งอักษรเพื่อรวมพลังของนางเข้ากับทักษะการหย่อนเบ็ด


“เล่น ‘เพลงเจิ้งฟู่*[1]’ เสีย”


ลั่วสุ่ยเอ่ยเสียงเบา มีฉินลอยออกมาจากร่างของนาง ในขณะเดียวกันก็มีแสงสว่างจ้าลอยออกมจากฉิน กลายเป็นแมวสีขาวใสราวกับหิมะ


“สวัสดีเจ้านาย!”


มันกระโดดไปมารอบตัวลั่วสุ่ย คลอเคลียไปมาพร้อมหางกระดิก


นี่คือญาณของฉิน


หลังจากนั้นแมวขาวก็บินกลับไปหาฉิน ก่อนจะทำตามคำสั่งของลั่วสุ่ย เริ่มเล่นเพลงเจิ้งฟู่


เสียงฉินดังขึ้น กฎเกณฑ์โผล่ออกมาจากฟ้าดินอย่างต่อเนื่อง เสริมพลังให้กับลั่วสุ่ยจนความแข็งแกร่งทุกด้านเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!


ด้วยพลังที่ถูกเสริมเข้ามา ความมั่นใจของลั่วสุ่ยก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นางเริ่มทำการหย่อนเบ็ดอีกครั้งโดยกำหนดเป้าหมายถึงผู้เฒ่าเต่าในใจ


เห็นได้อย่างชัดเจนว่าครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน คันเบ็ดทั้งคันเปล่งแสงสดใสงดงาม เหยื่อบนเบ็ดก็เริ่มเปลี่ยนสภาพ กฎเกณฑ์พิเศษบางอย่างไหลเวียน ราวกับเกิดการเลื่อนขั้นขึ้น


...


ห่างออกไปนับหมื่นลี้ ด้านในเมืองอันกว้างใหญ่


มีหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังนั่งกินดื่มในเหลาแห่งหนึ่งด้วยท่าทางมีความสุขเป็นอย่างมาก


ข้างกายของเขามีชายฉกรรจ์หลายคนทรุดอยู่บนพื้นด้วยร่างกายสั่นเทา


“บอกมาเสียว่านายของพวกเจ้าอยู่แห่งใด? เหตุใดจึงช้าถึงเพียงนี้? พวกเจ้าบอกว่านายของพวกเจ้าเป็นบุตรของเจ้าเมืองไม่ใช่หรืออย่างไร? หรือว่าคนผู้นั้นจะกลัวข้าที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนธรรมดา?”


เด็กหนุ่มผู้นั้นกล่าวกับเหล่าชายฉกรรจ์อย่างไม่สนใจใยดี


หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังเด็กสาวผู้งดงามที่นั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกัน แล้วกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “แม่นางไม่ต้องกลัวไป ข้าจะจัดการเรื่องราวทั้งหมดเอง ไม่มีผู้ใดสามารถพาตัวเจ้าไปได้! แม้ว่าบิดาของเขาผู้เป็นเจ้าเมืองมาเองก็ไม่อาจทำได้!”


เด็กสาวผู้นั้นดูหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย นางเอ่ยกับเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเปี่ยมความกังวล “ขอบคุณพี่ชาย แต่ว่า...จะไม่เป็นอะไรจริง ๆ หรือ? พวกเราควรจะรีบจากไปกันดีหรือไม่!”


“เอาคำว่า ‘หรือ’ ออกไปเสีย! มีข้าอยู่ เรื่องราวทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย! ต่อให้บิดาของเขาที่เป็นเจ้าเมืองมาด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่กลัว! พวกเราไม่จำเป็นต้องจากไป ไม่จำเป็นต้องขยับไปไหนสักก้าว เพียงแค่รอให้พวกเขามา! ถ้าหากบิดาของเขามาจริง ๆ เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ให้ทั้งสองคนขอขมาเจ้าด้วยกันเสียเลย!”


เด็กหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ


ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่า เพียงแค่ออกไปหาอะไรทานเรื่อยเปื่อยกลับต้องกลายมาเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้สาวงาม!


ชายฉกรรจ์เหล่านี้เป็นคนของบุตรชายเจ้าเมือง คนผู้นั้นต้องตาเด็กสาว จึงส่งชายฉกรรจ์เหล่านี้มาเอาตัวเด็กสาวกลับไปเล่นสนุก แต่ถูกเขาเห็นเข้า เลยลงมือยับยั้งชายฉกรรจ์เหล่านั้น ก่อนจะปล่อยไปหนึ่งคนเพื่อให้แจ้งข่าวกับบุตรชายเจ้าเมือง


เขาไม่หวาดกลัว


ไม่คิดว่ามันน่ากลัวแม้แต่น้อย


อย่าว่าแต่บุตรชายของเจ้าเมืองแห่งนี้เลย กระทั่งบุตรชายของเมืองอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอวี้ซวีมาที่นี่ เขาก็ไม่กลัวเลยสักนิด


ตลกน่า ตัวเขาเป็นถึงเต่าเซียนเสวียนอู่ที่มีขอบเขตการฝึกฝนลึกล้ำเกินหยั่งถึง กระทั่งเทียนตี้ก็ไม่กล้ากำแหงต่อหน้าเขา ทั้งยังต้องเคารพยำเกรงเป็นอย่างมาก


นี่คือเมืองของผู้ฝึกตนที่ใหญ่กว่าเมืองขนาดกลางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาแค่ถ่มน้ำลายออกมาก็สามารถจมเมืองนี้ลงไปได้อย่างง่ายดาย


อย่างง่ายดาย?


ไม่เลว ไม่เลว!


วันนี้พวกเรามาเล่นเกม ‘แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ’ กันเถอะ!


เต่าเซียนเสวียนอู่คิดขึ้นมาในใจอย่างมีความสุข


เขาชื่นชอบการเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน ดังนั้นจึงมักไม่อยู่ในลานเต๋า ออกมาเที่ยวเล่นยังที่ต่าง ๆ เสียส่วนใหญ่


‘เฮ้อ ดูสีหน้าท่าทางของแม่สาวน้อยผู้นี้สิ เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจถึงเพียงนี้ เมื่อข้าจัดการกับบุตรชายของเจ้าเมืองได้แล้ว นางจะต้องรู้สึกหวั่นไหวกับข้าอย่างแน่นอน!’


เต่าเซียนเสวียนอู่คิดขึ้นมาในใจ เฝ้ารอคอยการมาถึงของบุตรชายเจ้าเมืองมากกว่าเดิม


“ตอนนี้เจ้าผยองอวดดีไปเสียเถอะ รอนายน้อยมาถึง อย่าได้หวาดกลัวจนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเสียเล่า!”


ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งเอาชนะความหวาดกลัวในใจ กล่าวใส่เต่าเซียนเสวียนอู่อย่างดุดัน


นี่คืออาณาเขตของพวกเขา เหตุใดจึงต้องหวาดกลัวผู้ฝึกตนอิสระผู้หนึ่งด้วย?


ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเลย!


“หวาดกลัวจนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน!?”


เต่าเซียนเสวียนอู่แย้มยิ้มขบขัน “พวกเจ้าช่างพูดจาไร้สาระ นายน้อยผู้นี้ไม่มีทางวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน! ถ้าหากนายน้อยผู้นี้วิ่งหนีจะยอมกลายเป็นหลานชายของพวกเจ้าเลย!”


น่าตลก!


น่าตลกเหลือเกิน!


ภายในอาณาจักรอวี้ซวี ผู้ที่สามารถทำให้เต่าเซียนเสวียนอู่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนยังไม่ถือกำเนิดออกมาเสียด้วยซ้ำ!


“พี่ชาย ข้าเชื่อในตัวท่าน!”


เด็กสาวผู้งดงามด้านข้างมองที่เต่าเซียนเสวียนอู่ด้วยความชื่นชม ความกังวลภายในใจของนางสลายหายไปโดยสิ้นเชิง


เต่าเซียนเสวียนอู่มีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดเจนว่าเขามีไพ่บางอย่างอยู่ในมือ จึงไม่เกรงกลัวบุตรชายของเจ้าเมือง ไม่เช่นนั้นแล้วไยเขาถึงกล้าขนาดนี้ ถึงกับกินข้าวรอคอยการมาถึงของบุตรชายเจ้าเมืองด้วยความสงบไร้กังวล


ไม่มีทาง!


ไม่มีผู้ใดโง่งมถึงเพียงนั้น


นางดีใจเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่านางจะได้พบพานผู้ยิ่งใหญ่ในวันนี้


“เชื่อใจข้าได้”


เต่าเซียนเสวียนอู่ยิ้มอย่างมั่นใจ “เจ้ารอดูฝีมือของพี่ชายได้เลย พี่ชายสัญญาว่าจะทำให้บุตรชายเจ้าเมืองไม่กล้าคิดสิ่งใดกับเจ้าอีก!”


“ขอบคุณพี่ชาย!”


เด็กสาวผู้งดงามเอ่ยด้วยความเบิกบาน


“ไอ้เต่าสารเลวที่ไหนกล้ามาทำลายเรื่องดี ๆ ของนายน้อยผู้นี้ลง? วันนี้นายน้อยจะสับมันให้กลายเป็นชิ้น ๆ!”


ตอนนั้นเอง ด้านนอกก็พลันมีเสียงสบถด่าดังลั่นเข้ามา


ไอ้เต่าสารเลว!?


บัดซบ!


ใบหน้าของเต่าเซียนเสวียนอู่ถึงกลับเปลี่ยนสี




[1] เจิ้งฟู่ (增幅) หมายถึง เพิ่ม เสริม บวกเข้าไป
บทที่ 543

สีหน้าของเต่าเซียนเสวียนอู่เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู มีคนกล้าด่าเขาเช่นนี้ได้อย่างไร


กระทั่งเทียนตี้เองก็ไม่กล้า!


พริบตาต่อมาก็มีคนพุ่งเข้ามาในเหลาอาหารด้วยความโกรธ


“ไอ้เต่าโสโครกสารเลวที่ไหนบังอาจมาทำลายเรื่องดีของนายน้อยผู้นี้!?”


ชายหนุ่มผู้หนึ่งตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ดวงตากวาดมองไปทั่วเหลาอาหารด้วยความดุร้าย ทำให้แขกในร้านพากันตัวสั่นด้วยความตกใจ


คนผู้นี้คือบุตรชายของเจ้าเมือง อันธพาลประจำเมืองที่ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุโดยง่าย เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ตามหลังจากทำให้เขาไม่พอใจ ล้วนมีจุดจบเลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง


ไอ้เต่าโสโครกสารเลว!?


สีหน้าของเต่าเซียนเสวียนอู่แปรเปลี่ยนอีกครั้ง ไอ้เวรนี้ยังเพิ่มคำด่าขึ้นมา?


ในตอนนั้นเองเขาก็ตัดสินใจได้ว่าจะไม่ปล่อยคนผู้นี้ไปโดยง่าย


เขายังไม่รีบร้อยลงมือ ภายในใจขบคิดว่าจะสั่งสอนบทเรียนให้ชายหนุ่มอย่างไรดีเพื่อให้เขาได้ระบายความคับแค้นนี้


“ฮ่าฮ่า นายน้อยมาแล้ว!”


ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชี้ไปที่จมูกของเต่าเซียนเสวียนอู่ด้วยความมั่นใจ “จำสิ่งที่เจ้าเพิ่งกล่าวเมื่อครู่ให้ดี อย่าได้คิดหนีเชียว!”


เต่าเซียนเสวียนอู่เพิ่งกล่าวไปเมื่อครู่ ว่าจะไม่หนีไปไหน หากตัวเองวิ่งหนีจะยอมกลายเป็นหลานชาย!


“วิ่งหนี? วันนี้ใครที่หนีไปต้องกลายเป็นหลานชาย!” เต่าเซียนเสวียนอู่เอ่ยอย่างไม่แยแส


จากนั้นเขาก็หันมามองเด็กสาวผู้งดงาม แล้วกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเปี่ยมเสน่ห์ “น้องสาวคอยดูพี่ชายให้ดี วันนี้พี่ชายจะทำให้เขามาคุกเข่าขอขมากับเจ้า!”


“ตกลง!”


เด็กสาวผู้งดงามพยักหน้าอย่างหนักแน่น นางมองไปที่เต่าเซียนเสวียนอู่ด้วยความเคารพเลื่อมใส “ข้าเชื่อว่าพี่ชายแข็งแกร่งที่สุด!”


ฟังเด็กสาวผู้งดงามกล่าวเช่นนั้นแล้ว เต่าเซียนเสวียนอู่ก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ


เขาก้าวออกไปด้านหน้า มือทั้งสองไพล่หลังเอาไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่แยแส บนร่างแผ่ความรู้สึกกดดันนำพาความรู้สึกหนักอึ้งโถมทับ


ตอนนั้นเอง เขาเสมือนผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน มีอำนาจปกครองใต้หล้า ทรงพลังพอจะสามารถกลืนกินขุนเขาและธารา!


“รนหาที่ตาย วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่ง!”


เขากล่าวด้วยเสียงเย็นชา เตรียมตัวจะลงมือ


บุตรชายเจ้าเมืองถูกแรงจากเต่าเซียนเสวียนอู่กดดันเอาไว้ เขาก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ปล่อยให้ชายฉกรรจ์ที่นำทางเขามายืนอยู่ด้านหน้า


“พวกเจ้าไม่รู้ว่าตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับผู้ใด!”


เต่าเซียนเสวียนอู่พูดขึ้นมาอีกครั้ง เขาก้าวเดินไปด้านหน้าพร้อมกับแรงกดดันที่มากยิ่งขึ้น เตรียมเข้าไปจัดการกับพวกบุตรชายเจ้าเมือง


อย่างไรกก็ตามตอนนั้นเอง ร่างของเขาก็กลายเป็นเส้นแสงพุ่งออกจากเหลาอาหารไป!


นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!?


พวกบุตรชายเจ้าเมืองต่างตกตะลึง


“อ๊ะ? ไม่นะ!”


เด็กสาวผู้งดงามเองก็ตกตะลึง หลังจากนั้นนางก็ร้องไห้ออกมา


เต่าเซียนเสวียนอู่เพิ่งแสดงความแข็งแกร่งขนาดนั้นออกไป ทั้งยังกล่าวอีกว่าคนที่หนีไปจะยอมกลายเป็นหลานชาย ทว่าสุดท้ายเขากลับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว!?


สรุปแล้วความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาก่อนหน้า ก็เพื่อจะปูทางสำหรับการหนีอย่างนั้นหรือ?


นี่มันไม่อาจพึ่งพาได้มากเกินไปแล้ว!


สุดท้าย...คนหน้าตาดีมักไม่น่าเชื่อถือ!


“นี่มัน...หลานชาย!”


“คิดว่าคนผู้นั้นแข็งแกร่งมากเสียอีก ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”


บุตรชายเจ้าเมืองและคนอื่น ๆ หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น พวกเขาคิดว่าเต่าเซียนเสวียนอู่จะทรงพลังจริง ๆ ที่แท้กลับเป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งทำ!


ขณะนั้นเอง เต่าเซียนเสวียนอยู่เองก็ตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!


เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จู่ ๆ ก็มีคลื่นบางสิ่งกระทบเข้าใส่ ทำให้ร่างของเขาพุ่งตรงไปทิศทางนั้นทันทีแม้ในใจไม่ได้คิดอยากไป!


“ให้ข้ากลับไป!”


มันร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่ง


ต้องทำเช่นนี้เลยหรือ!


เขากำลังจะสำแดงพลังอันยิ่งใหญ่ จัดการกับบุตรชายเจ้าเมืองและพรรคพวก หลังจากนั้นก็จะได้รับความชื่นชมจากสาวน้อยผู้งดงาม ทว่าสุดท้ายเขากลับถูกบางสิ่งดึงดูด...วิ่งออกมาจากเหลาอาหารในทันใด!


นี่ นี่...นี่มันน่าอึดอัดคับข้องใจสำหรับเขาเกินไปแล้ว!


“ข้ากลายเป็นหลานชายไปแล้ว!”


เขานึกถึงสิ่งที่ตนเองเพิ่งจะกล่าวไป เขากล่าวว่าผู้ใดวิ่งหนีผู้นั้นย่อมกลายเป็นหลานชาย สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม


อีกทั้งเขายังเน้นย้ำถ้อยคำนี้ถึงสองครั้ง!


“สาวน้อยผู้นั้นจะมองข้าอย่างไร!”


เมื่อนึกถึงสาวน้อยผู้งดงาม น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาไม่หยุด


เขาวิ่งออกมาเช่นนี้ สาวน้อยผู้งดงามจะต้องมองว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดที่คุยโม้ใหญ่โต ทั้งยังเสแสร้งวางมาดเป็นอย่างยิ่ง!


“แล้วไอ้เจ้าบุตรชายเจ้าเมืองอะไรนั้นคงจะเรียกข้าว่าไอ้เต่าสารเลวอีกครั้งเป็นแน่!”


ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยน้ำตา ภายในใจเจ็บปวดเป็นอย่างมาก


ไม่มีใครกล้าเรียกเขาว่าไอ้เต่าสารเลวมาก่อน ทว่าเขากลับไม่ได้ลงมือสั่งสอนคนผู้นั้น ทั้งยัง ‘วิ่งหนีอย่างหัวซุกหัวซุน’ ...


นี่มันน่าอับอายขายหน้าเกินไปแล้ว!


เขาเสียใจเป็นที่สุด หากรู้ก่อนหน้านี้ คงไม่มัวมานั่งคิด แต่จะลงมือสั่งสอนบุตรชายเจ้าเมืองเป็นอันดับแรก!


ตอนนี้เป็นอย่างไร เขากลายเป็นคนขี้ขลาด ทั้งยังถูกเรียกว่า ‘ไอ้เต่าสารเลว’!


“กลับไปสิ!”


เขาตะโกนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้เขาต้องการเพียงจะกลับไปเท่านั้น


ทว่าสถานการณ์ของเขาตอนนี้มีแต่ความคิดอยากกลับไป แต่ร่างกายกลับไม่ยอม เอาแต่พุ่งทะยานออกห่างไปจากเหลาอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ


นอกจากนี้ ภายในใจของเขายังตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก!


นี่มันเรื่องอะไรกัน!?


เขาแข็งแกร่งกว่าเทียนตี้เป็นอย่างมาก หลุดพ้นจากขั้นเทียนตี้มานานแล้ว แต่ยังถูกดึงดูดไปอย่างไม่สามารถควบคุมตนเองได้!?


อะไรกันที่ดึงดูดเขาไป?


ตอนนี้เขาเป็นเสมือนเส้นแสงที่รวดเร็วถึงที่สุด เพียงพริบตาต่อมาเขาก็มาหยุดอยู่ด้านหน้าสิ่งที่ดึงดูดเขามา


สิ่งนั้นเปล่งประกาย สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเซียนที่ลอยออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกฎเกณฑ์อันหาที่เปรียบไม่ได้ไหลเวียน มันคือหญ้าเซียนชนิดหนึ่งถูกแขวนไว้สูงเหนือท้องนภา มีกระทั่งแสงเซียนสาดทอดส่งมา


“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”


เขาเข้าใจได้ภายในพริบตา ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ในเมื่อหญ้าเซียนปรากฏตัวขึ้นมา!


แม้ร่างกายของเขาในตอนนี้จะดูหนุ่มเป็นอย่างมาก แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาจงใจปรับเปลี่ยนขึ้นมา ถึงเขาจะอยู่เหนือขึ้นไปทางขั้นเทียนตี้แล้ว ทว่าก็ยังไม่อาจคงอยู่ได้ต่อไปนิรันดร์ ถูกอายุขัยกัดกิน ทั้งยังเข้าสู่ช่วงไม้ใกล้ฝั่งแล้ว เวลาที่เหลืออยู่ก็มีเพียงไม่มาก


เขาเคยพยายามหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ แต่กลับไม่อาจทำสิ่งใดได้ เขาไม่เจอภพเซียน ทั้งยังตามหาสลารนิรันดร์ไม่เจอ จนตัดสินใจหวนกลับมายังอาณาจักรอวี้ซวี เตรียมพร้อมจะใช้ชีวิตในวาระสุดท้าย


ทว่าเขาไม่เต็มใจจะนอนรอตัวเองแก่ตาย จึงออกจากลานเต๋า ปลอมเป็นเด็กหนุ่มท่องเที่ยวเล่นไปทั่ว หากตายก่อนตายก็อยากมีความสุข


เมื่อหญ้าเซียนปรากฏขึ้นมา อาจเป็นเพราะร่างกายของเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความหวังในการมีชีวิตอยู่ ดังนั้นจึงนำพาตัวเขามาที่นี่โดยสัญชาตญาณทันที!


เขารีบพุ่งเข้าไปหาหญ้าเซียนทันใดด้วยกลัวว่าหญ้าเซียนจะหนีหายไป


เขาอ้าปากกินมันเข้าไปโดยไม่ทันได้คิดอะไรทั้งนั้น กลืนหญ้าเซียนลงไปทันที!


เมื่อกินมันเข้าไปในท้องแล้วจึงจะปลอดภัยที่สุด!


เขาสามารถทำได้สำเร็จ ทั้งยังง่ายกว่าที่คิด สามารถกลืนหญ้าเซียนลงท้องได้โดยไร้อุปสรรคใด


“สำเร็จแล้วหรือ?”


เขาไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย ว่าหญ้าเซียนจะถูกกลืนลงท้องได้อย่างง่ายดาย


ทว่าพริบตาต่อมาเขาก็ต้องตกตะลึง!


“นี่เป็นกับดัก!”


ใบหน้าของเขาดำคล้ำจนไม่อาจดำไปมากกว่านี้ได้แล้ว เขาเห็นเส้นบาง ๆ ที่เชื่อมต่อมายังปากของเขา เห็นได้ชัดว่ากำลังมีคนหย่อนเบ็ดล่อเขา!


ร่างของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับคืนสู่ร่างเดิมกลายเป็นเฒ่าชราตัวหนึ่ง ส่วน ‘หญ้าเซียน’ ที่กลืนลงท้องไปก็ไม่ใช่หญ้าเซียนจริง ๆ มันมีพลังพิเศษอย่างหนึ่งที่กำลังไหลเวียนทั่วตัวเขา ผนึกพลังทั้งหมดลงไปสิ้น!


ใครกัน!?


เขากราดเกรี้ยวขึ้นมาทันใด ถึงกับมีคนมาหย่อนเหยื่อล่อเขา!?


ต้องการจะเหวี่ยงเท้าเต่าของตนเองเพื่อสังหารคนที่บังอาจมาหย่อนเบ็ดตกเขา!


น่าเสียดายที่เขาไม่มีแม้แต่แรงจะเหวี่ยงเท้า ความแข็งแกร่งทั้งหมดล้วนถูกผนึกเอาไว้


“มาแล้ว!”


ขณะนั้นเอง ก็มีหนึ่งเสียงดังขึ้นมาจากบนท้องฟ้าสูงขึ้นไป จากนั้นก็มีสองร่างปรากฏขึ้นด้านหน้าเต่าชรา นั่นก็คือลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายา


“ขออภัยด้วย!”


ลั่วสุ่ยรีบกล่าวขอโทษ ก่อนเรียกเหยื่อล่อกลับมา ไม่กล้าพูดคุยด้วยขณะจับผู้เฒ่าเต่าเอาไว้


หลังจากนั้นนางจึงค่อยพูดต่อ “ต้องขออภัยที่ใช้วิธีเช่นนี้เพื่อพบผู้อาวุโส แต่ผู้น้อยไม่มีทางเลือกจริง ๆ นอกจากวิธีนี้แล้วก็ไม่มีวิธีใดจะได้พบหน้าผู้อาวุโส!”


ตะขอถูกเก็บไป ‘หญ้าเซียน’ ในท้องก็หายไปด้วย พลังของผู้เฒ่าเต่าที่ถูกผนึกเอาไว้ระเบิดออกมาทันที


“พวกเจ้ารอข้าก่อน! ประเดี๋ยวข้าจะกลับมาสะสางบัญชีกับพวกเจ้า!”


ผู้เฒ่าเต่ากล่าวออกมาอย่างโกรธเคือง ก่อนจะกลายเป็นลำแสงพุ่งออกจากที่นี่!


แม้ว่าเขาต้องการจะจัดการลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาที่กล้ามาหย่อนเหยื่อตกเขาเช่นนี้ ทว่าภายในใจของเขาก็เป็นห่วงสาวน้อยผู้งดงามคนนั้น กังวลว่าจะเกิดอะไรกับนาง เขาจึงต้องการจะกลับไปช่วยนางก่อนค่อยว่าเรื่องนี้กันทีหลัง!


“นี่มันอะไรกัน?”


มัจฉาสัตมายาตกตะลึง ผู้เฒ่าเต่าไม่ได้หลับลึกอยู่ในลานเต๋ามาโดยตลอดหรือ? เหตุใดตอนนี้ดูเหมือนกับว่ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรต้องไปทำ


หรือว่าก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าเต่าจะไม่ได้หลับลึกอยู่ในลานเต๋ามาก่อน แต่อยู่ด้านนอกมาตลอด?


“ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด”


ลั่วสุ่ยขมวดคิ้วเรียวยาว นางเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น


“ไม่เป็นอะไร พวกเราจะรออยู่ตรงนี้ หากเขาไม่กลับมาหาพวกเรา ก็แค่ลงมือหย่อนเหยื่อล่ออีกครั้ง” ลั่วสุ่ยกล่าว


พูดตามตรงแล้ว การหย่อนเบ็ดตกผู้เฒ่าเต่าขึ้นมานับว่าเสียมารยาทจริง ๆ


แต่ก็เป็นดั่งที่นางพูดเอาไว้ก่อนหน้า พวกเขาไม่มีนางเลือกอื่นที่จะสามารถทำให้ตนเองได้พบหน้ากับผู้เฒ่าเต่าอย่างรวดเร็ว


อีกทั้งลั่วสุ่ยเองก็ได้เตรียมของขวัญขอโทษเอาไว้แล้ว ไม่ว่าผู้เฒ่าเต่าจะตอบตกลงไปกับพวกเขาหรือไม่ก็ตาม นางล้วนยินดีกล่าวขออภัยและชดเชยให้กับการเสียมารยาทในครั้งนี้




ภายในเหลาอาหาร


เรื่องราวทั้งหมดนี่เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่นาน เป็นเพียงระยะเวลาไม่กี่ลมหายใจ


บุตรชายเจ้าเมืองและพรรคพวกต่างพากันหัวเราะเยาะ ท่าทางของเต่าเซียนเสวียนอยู่ก่อนหน้าชวนขบขันเป็นอย่างมาก


เดิมทีพวกเขาคิดว่าเต่าเซียนเสวียนอู่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทว่ากลับกลายเป็นเพียงขยะ!


“ที่แท้ก็เป็นเพียงเต่าสารเลวตัวหนึ่ง เต่าโสโครก ไม่มีความสามารถอะไรกลับกล้าวางท่าง เป็นได้เพียงตัวตลก!”


บุตรชายเจ้าเมืองเย้ยหยัน “แต่ไอ้เต่าสารเลวนี่ก็นับว่าวิ่งเร็วเป็นอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นข้าจะสับเขาออกเป็นชิ้น ๆ แน่!”


สีหน้าของเด็กสาวผู้งดงามเต็มไปด้วยความขมฝาด นี่นาง...มองคนผิดไปจริง ๆ หรือ?


เต่าเซียนเสวียนอู่เป็นเพียงตัวตลกจริงหรือ?


“ไม่ ไม่ใช่! ข้าไม่เชื่อว่าพี่ชายเป็นคนเช่นนั้น!”


นางตะโกนออกมา ภายในใจของนางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง นางไม่ได้มองคนผิดไป


“ข้าขำจนจะตายแล้ว! เจ้ายังหวังให้ไอ้เต่าสารเลวนั้นกลับมาช่วยเจ้าอีกหรือ? น้องสาว เจ้าฝันกลางวันหรืออย่างไร!”


บุตรชายเจ้าเมืองหัวเราะเยาะเย้ยอีกครั้ง


“ปู่พวกเจ้า...กลับมาแล้ว!”


ในตอนนั้นเองก็มีเสยงต่ำน่าหวาดกลัวดังขึ้นมา!


เต่าเซียนเสวียนอู่กลับมาแล้ว!
บทที่ 544

เมื่อเต่าเซียนเสวียนอู่กลับมา จมูกของเขาก็ถึงกับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาได้ยินคำพูดทั้งหมดของบุตรชายเจ้าเมืองและพรรคพวก

หัวใจ ตับ และปอดของเขาแทบจะระเบิดออกมา ด้วยฐานะอันน่าภาคภูมิใจอย่างเต่าเซียนเสวียนอู่แล้ว กระทั่งเทียนตี้ก็ล้วนไม่กล้าดูหมิ่นเขา ต่างก็ต้องเคารพยำเกรง ทว่าตอนนี้เขากลับถูกด่าอย่างไม่กลัวเกรงว่าเป็นเต่าสารเลว จะให้เขาไม่โกรธได้อย่างไร?


ที่สำคัญคือเขาหนีไปจริง ๆ แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม...


สิ่งเดียวที่ทำให้เขาโล่งใจก็คือแม่นางน้อยยังคงเชื่อในตัวเขา คิดว่าเขาไม่ใช่คนขี้ขลาดเช่นนั้น


“โอ้ ไอ้เต่ากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”


บุตรชายเจ้าเมืองมองไปที่เต่าเซียนเสวียนอู่อย่างไร้ความกลัวเกรงแม้แต่น้อย ทั้งยังพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “อ่า ข้าพูดผิดไป ต้องบอกว่าหลานชายกลับมาแล้วหรือ!”


เขาพูดโดยจงใจเน้นคำว่าหลานชายเป็นพิเศษ


“ใช่แล้ว ใช่แล้ว หลานชายของพวกเรากลับมาแล้ว!”


“มา ไหนเรียกปู่ให้ฟังสิ หลานคนดีของข้า!”


บรรดาพรรคพวกของบุตรชายเจ้าเมืองต่างพากันหัวเราะเยาะตาม


บัดซบ!


สีหน้าของผู้เฒ่าเต่าน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด เขายกก้อนหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับเท้าของตนเอง ประหนึ่งกระโดดลงไปในหลุมที่ขุดขึ้นมาเอง!


ก่อนหน้านี้เขาประกาศกร้าวว่าผู้ใดหนีไปผู้นั้นเป็นหลานชาย!


สุดท้ายเป็นเขา...ที่หนีออกไป!


“ไอ้เวรสมควรตายสองคนนั้น รอข้าก่อนเถอะ!”


เขากล่าวในใจด้วยความเกลียดชัง เขาเกลียดชังลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายาเป็นอย่างมาก การที่เขาต้องอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุดทั้งหมดเป็นเพราะสองคนนั้น


หลังจากเขาสะสางเรื่องราวทางนี้เรียบร้อยหมดแล้ว เขาจะกลับไปหาลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายาแน่ ทั้งสองคนนั้นจะต้องชดเชยให้เขาอย่างสาสม!


“เหตุใดหลานชายจึงไม่ยอมพูดจา? เกิดอะไรขึ้น หรือว่าครั้งนี้ก็ต้องการกลับมาแสร้งทำเป็นวางมาดใหญ่โตก่อนจะหนีไปอีก?”


บุตรชายของเจ้าเมืองไม่รู้จักคำว่าความตายเลยจริง ๆ ไม่ได้มองเต่าเซียนเสวียนอู่ในสายตาแม้แต่น้อย ทั้งยังเอ่ยวาจาน่ารังเกียจออกมา


หากก่อนหน้านี้เต่าเซียนเสวียนอู่ไม่วิ่งหนีไป เขาอาจจะยังหวั่นกลัว ไม่กล้าจองหอง เก็บคำพูดเหล่านี้ไว้กับตนเอง


ทว่าเต่าเซียนเสวียนอู่กลับหนีไป แสดงให้เห็นว่าเต่าเซียนเสวียนอู่ไม่ได้มีฝีมืออย่างแท้จริง


ถ้าหากมีความสามารถอย่างแท้จริง เต่าเซียนเสวียนอู่จะหนีด้วยเหตุใด? จะยอมกลายเป็นหลานชายได้อย่างไร?


คิดอะไรอยู่!


จะมีผู้ใดทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าถึงเพียงนี้!


แม้เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเต่าเซียนเสวียนอู่จึงกลับมา ทว่าเขาก็ไม่สนใจ


นี่คืออาณาเขตของเขา แม้ว่าเต่าเซียนเสวียนอู่จะมีความสามารถอย่างแท้จริง ก็ไม่อาจสร้างคลื่นลมอะไรขึ้นมาได้!


หรือไม่บางทีเต่าเซียนเสวียนอู่อาจทนไม่ได้หลังหนีไป จึงคิดอาศัยความเร็วนั้นมาช่วยเหลือหญิงสาวออกไป


“กลับมาแล้วก็อย่าคิดว่าจะจากไปได้อีก! วันนี้ข้าจะต้องตัดหัวของเต่าจอมหดหัวให้ขาด!”


เมื่อคิดว่าเต่าเซียนเสวียนอู่อาจกลับมาด้วยเหตุนี้ บุตรชายเจ้าเมืองจึงรีบออกคำสั่งให้เหล่ายอดฝีมือที่เขาพามาด้วยปิดล้อมสถานที่แห่งนี้ เพื่อไม่ให้เต่าเซียนเสวียนอู่สามารถหนีไปได้!


“รับทราบ!”


“ไอ้หลานชายอย่าคิดว่าจะหนีไปได้!”


เหล่ายอดฝีมือตอบรับคำ พลังอันน่าหวาดกลัวถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ขอบเขตของพวกเขาล้วนไม่ต่ำ แต่ละคนอยู่ขอบเขตนักบุญขึ้นไป เพียงพริบตาเดียวสถานที่แห่งนี้ก็ถูกปิดตายลงอย่างสมบูรณ์ ครั้งนี้ไม่ว่าเต่าเซียนเสวียนอู่จะรวดเร็วแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์


“ไอ้เต่าสารเลวนี้วิ่งเร็วที่สุดเท่าที่เคยพบ เรียกเจ้าว่าไอ้เต่าสารเลวก็อาจไม่ถูกต้องอยู่บ้างจริง ๆ!”


หลังจากบุตรชายเจ้าเมืองเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ถูกปิดกั้นแล้ว เขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีก เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มระรื่น “เอาล่ะ คราวนี้มาดูกันว่าเจ้าจะวิ่งหนีได้อีกหรือไม่?”


สีหน้าของเต่าเซียนเสวียนอู่เขียวคล้ำ ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าเขาโมโหเพียงใด


ไอ้เต่าสารเลว!


หลานชาย!


เต่าจอมหดหัว!


ไอ้นี่ยิ่งพูดยิ่งทำให้คน ไม่สิ ยิ่งทำให้เต่าโมโห!


เขายังสงสัยเสียด้วยซ้ำว่าบุตรชายเจ้าเมืองรู้จักตัวตนของเขาหรือไม่ จึงพูดออกมาแต่คำว่าเต่า!?


“เพราะเรื่องเมื่อครู่ที่ข้าไม่ได้ตั้งใจทำด้วยตนเอง เจ้าจึงกล้าเอ่ยวาจาเหล่านี้ใส่ข้าหรือ!?”


เต่าเซียนเสวียนอู่เอ้ยด้วยเสียงเย็นชา “วันนี้เจ้าอย่าคิดว่าจบด้วยดี!”


หลังจากนั้น เขาก็ก้าวไปด้านหน้าเดินไปหาบุตรชายเจ้าเมืองทีละก้าว


“หาเรื่องตาย!”


“รนหาที่ตาย!”


เหล่ายอดฝีมือตะโกนออกมา พลังขอบเขตนักบุญโถมเข้าโจมตีเต่าเซียนเสวียนอู่


ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเต่าเซียนเสวียนอู่จะดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปาก ก่อนจะตบฝ่ามือออกไปหนึ่งครั้ง!


แม้จะเป็นยอดฝีมือในขอบเขตนักบุญขึ้นไป ก็ไม่เพียงพอจะยืนอยู่ต่อหน้าเต่าเซียนเสวียนอู่!


ยอดฝีมือเหล่านี้ต่างล้มลงกับพื้นด้วยการโจมตีของเต่าเซียนเสวียนอู่ โดยไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย


“เด็กหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!”


“สวรรค์!”


แขกด้านในเหลาอาหารต่างตกตะลึง นี่มันอะไรกัน? ยอดฝีมือขอบเขตนักบุญขึ้นไป เมื่ออยู่ต่อหน้าเต่าเซียนเสวียนอู่ก็ราวกับเป็นเพียงเด็กน้อย นี่มันน่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว!


“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่ชายจะต้องไม่ได้คุยโว! ความแข็งแกร่งของพี่ชายเป็นของจริง!”


เด็กสาวผู้งดงามกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น


“เจ้า...เจ้าอย่าเข้ามานะ!”


บุตรชายเจ้าเมืองตกใจกลัว ทั้งร่างสั่นสะท้านไม่หยุด คำพูดที่ออกมาตะกุกตะกัก “บิดาของข้าคือเจ้าเมืองแห่งนี้ หากเจ้าแตะต้องตัวข้า จุดจบของเจ้าจะต้องไม่ลงเอยด้วยดี!”


“บิดาของเจ้าเป็นเจ้าเมืองอย่างนั้นหรือ!? หากแตะต้องตัวเจ้า จุดจบจะต้องไม่ลงเอยด้วยดีอย่างนั้นหรือ!?”


เต่าเซียนเสวียนอู่สนใจเรื่องนี้ที่ใดกัน เขาทุบตีบุตรชายเจ้าเมืองอย่างรุนแรงจนกระอักเลือดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ฟันร่วงออกมาหมดปาก ใบหน้าปูดบวมเหมือนหมู


“บังอาจ!”


ในตอนนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงตะโกนเข้ามาอย่างเย็นชา เจ้าเมืองได้มาถึงที่นี่แล้ว!


เขารู้สึกได้ว่ามีขุมพลังอันน่าสะพรึงกลัวกระเพื่อมอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงรีบมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น สุดท้ายกลับเห็นบุตรชายของตนเองถูกเต่าเซียนเสวียนอู่ทุบตีอย่างรุนแรง!


เขาเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด ลมปราณระเบิดออกมา ยกฝ่ามือพุ่งเข้าใส่เต่าเซียนเสวียนอู่!


แม้ว่าเมืองแห่งนี้จะไม่ใช่เมืองระดับสูงมาก แต่ความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองก็ไม่ได้อ่อนแออยู่ถึงขั้นสูงสุด!


อาณาจักรอวี้ซวีก็คืออาณาจักรอวี้ซวี สมกับเป็นหนึ่งในอาณาจักรเก้าตอนบน!


ทว่าเพียงพริบตาต่อมา เสียงตบก็ดังขึ้น แต่ฝ่ายที่ถูกตบกระเด็นล้มลงไปกับพื้น เป็นเจ้าเมือง!


เฮือก!


เสียงสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บดังขึ้นมา ผู้ที่เห็นฉากนี้ต่างตกใจกลัว


ขั้นสูงสุดผู้หนึ่งถูกตบครั้งเดียวล้มกระเด็นไปบนพื้น นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!


“เจ้าสมควรตาย!”


เจ้าเมืองกระโจนจากพื้นด้วยความโกรธจัด ต้องการจะโจมตีเต่าเซียนเสวียนอู่อีกครั้ง


แต่ทว่าเขายังไม่ได้ทำเช่นนั้น เต่าเซียนเสวียนอู่ก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ตบเขาลงไปบนพื้นอีกรอบ!


“คานบนไม่ตรงคานด้านล่างก็พลอยเบี้ยวไปด้วย*[1] คนชราอย่างเจ้าไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีอะไร!”


เต่าเซียนเสวียนอู่ตวาดอย่างเย็นชา “ปล่อยให้บุตรชายทำเรื่องชั่วในเมือง เจ้าย่อมไม่ใช่เจ้าเมืองที่นี่ เช่นนั้นก็ลงตำแหน่งไปได้แล้ว!”


บุตรชายเจ้าเมืองเป็นทรราชในเมืองแห่งนี้ ทำเรื่องราวชั่วร้ายมาแล้วทั้งหมด แต่แทนที่จะสั่งสอนและลงโทษบุตรชาย เจ้าเมืองกลับไม่เอ่ยอะไร ทั้งยังปกป้องลูกชายอีกด้วย เขาเคยสังหารคนจำนวนมากที่ไม่ยอมลูกชายตน


เขายกมือขึ้น พลันมีแรงมหาศาลดูดเจ้าเมืองขึ้นมาจากพื้น ตามด้วยพลังที่ระเบิดออกมา สังหารเจ้าเมืองทิ้งจนร่างกายเป็นหมอกโลหิต สิ้นชีพไปโดยสิ้นเชิง


“สำหรับเจ้า ยิ่งไม่อาจให้มีชีวิตอยู่ต่อได้!”


เขาลงมืออีกครั้งสังหารบุตรชายของเจ้าเมือง


หากเจ้าเมืองกับบุตรชายไม่ถูกฆ่าตาย เกรงกว่าในอนาคตสิ่งมีชีวิตในเมืองจะต้องถูกข่มเหงอีกเป็นแน่


นั้นคือขั้นสูงสุดผู้หนึ่ง!


พูดจะฆ่าก็สามารถฆ่าได้เลย!


สิ่งมีชีวิตที่เห็นต่างตกใจเป็นอย่างยิ่ง เต่าเซียนเสวียนอู่ทรงพลังมากจนทำให้ผู้คนครั่นคร้าม


“ขอบคุณ พี่ชาย!”


เด็กสาวผู้งดงามกล่าวขอบคุณเต่าเซียนเสวียนอู่ เต่าเซียนเสวียนอู่สามารถจัดการปัญหาให้นางได้จริง ๆ


“ไม่เป็นไร!”


เต่าเซียนเสวียนอู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องสาวรอข้าอยู่ด้านในเมืองก่อน พี่ชายมีเรื่องบางอย่างจำต้องออกไปทำ


เด็กสาวผู้งดงามพยักหน้า “ตกลง ข้าจะรอพี่ชายกลับมา!”


หลังจากนั้นเต่าเซียนเสวียนอู่ก็กลายเป็นเส้นแสงพุ่งออกไป


เขายังไม่ได้กลับไปหาลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายาโดยตรง


“รวมคน!”


เขาทะยานตรงไปยังยอดเขาแห่งหนึ่ง ก่อนจะหยิบศาสตราสื่อสารออกมาใช้ติดต่อกับเหล่าเทียนตี้ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นนำไพ่ตายติดตัวมาช่วยเหลือเขาด้วย


เทียนตี้เหล่านี้ล้วนเคยได้รับคำชี้แนะสั่งสอนจากเขา จึงเคารพเลื่อมใสเขาเป็นอย่างมาก เทียนตี้เหล่านี้จะต้องมาช่วยเหลือตามการเรียกของเขาอย่างแน่นอน


ผลเป็นดั่งคาด เทียนตี้เหล่านั้นตอบรับเขาอย่างรวดเร็ว รับปากทันทีว่าจะไปพร้อมกับไพ่ตายที่แข็งแกร่งสุดของตนโดยไม่ถามเหตุผลสักคำ


ในอาณาจักรอวี้ซวีบารมีของเขาสูงเป็นอย่างยิ่ง สามารถทำได้ทุกสิ่งเพียงเรียกขาน!


“เท่านี้ก็มั่นใจได้แล้ว!”


เขาเอ่ยพร้อมดวงตาที่หรี่ลง


แม้เขาจะจงเกลียดจงชังลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาอย่างถึงที่สุด มากเสียจนทนจะสังหารทั้งสองลงไม่ไหว ทว่าเขาก็ยังไม่โกรธจนขาดสติ มีความนึกคิดครบถ้วน


ลั่วสุ่ยสามารถหย่อนเบ็ดตกเขาจนไม่อาจขัดขืนได้ แสดงให้เห็นว่านางไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ!


ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ลงมือเพียงลำพัง เรียกให้เหล่าเทียนตี้มาช่วยเหลือ


เพียงไม่นานหลังจากนั้น บนอากาศกันพลันเกิดความบิดเบี้ยว ตามมาด้วยเทียนตี้คนแล้วคนเหล่าปรากฏกายออกมา


พวกเขาไม่ได้มาแต่ตัวเองเท่านั้น ยังพาผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากมาด้วย แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิขึ้นไป!


“ท่านผู้เฒ่าเต่า ครั้งนี้ข้านำขวานเทพสุริยันมาด้วย นี่คืออาวุธเทียนตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเรา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ข้าจะกวาดมันออกไปเพียงแค่ครั้งเดียว!”


“ผู้อาวุโสสั่งให้นำไพ่ตายออกมา ผู้น้อยย่อมไม่กล้าละเลย นำค่ายกลระดับเทียนตี้มาด้วย สิ่งนี้ผ่านการเสริมกำลังมาจากเทียนตี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า ผ่านการปรับปรุงมานับไม่ถ้วน เพียงแค่เปิดใช้ก็สามารถสังหารเทียนตี้ทั้งหมดได้!”




เทียนตี้แต่ละคนต่างกล่าวว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับคำของเต่าเซียนเสวียนอู่ นำเอาไพ่ตายแข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาออกมา


เต่าเซียนเสวียนอู่มีอายุขัยยาวนานจนไม่อาจนับ ทั้งยังเก่งในการชี้แนะคนรุ่นหลัง เทียนตี้เหล่านี้ล้วนเคยได้รับการชี้แนะจากเต่าเซียนเสวียนอู่ พวกเขาจึงพร้อมทำทุกสิ่งเพื่อเต่าเซียนเสวียนอู่ด้วยความเต็มใจ!


หากมีคนนอกมาเห็นฉากนี้เข้าจะต้องตกใจกลัวจนแทบตายอย่างแน่นอน เทียนตี้เกือบเก้าในสิบส่วนของอาณาจักรอวี้ซวีมารวมตัวกัน นับเป็นเรื่องใหญ่อย่างถึงที่สุดแน่นอน ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในอาณาจักรอวี้ซวีมาก่อน!


“ดี ดี ดี! มีพวกเจ้าอยู่ ข้าก็รู้สึกวางใจ!”


คล้ายมีกระแสน้ำอุ่นไหลเวียนในใจของเต่าเซียนเสวียนอู่ เขารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ความดีที่เขาเคยทำไปในครั้งอดีตไม่ทำให้เขาผิดหวัง ทั้งยังเผยผลออกมาให้ได้ยลแล้วในตอนนี้


“ไป ไป ไป ข้าอยากให้พวกเขาได้รู้ว่าชายชราผู้นี้ไม่อาจรังแกได้โดยง่าย! วันนี้พวกเขาจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปอย่างสาสม!”


เต่าเซียนเสวียนอู่เดินนำหน้า ราวกับว่าเขาได้กลับไปยังช่วงวัยเยาว์ เต็มเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิม ต้องการให้ลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายาจ่ายค่าชดใช้!


วันนี้ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่อาจปกป้องลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายาได้!




[1] คานบนไม่ตรงคานด้านล่างก็พลอยเบี้ยวไปด้วย (上梁不正下梁歪) หมายถึง ผู้ใหญ่ที่ตำแหน่งสูง หรือ อายุมากไม่ประพฤติตนในทางเหมาะสม ผู้ที่อยู่ตำแหน่งต่ำลงมาหรือคนรุ่นหลังก็พลอยเป็นเช่นนั้นไปด้วย
บทที่ 545

เต่าเซียนเสวียนอู่พาเหล่าเทียนตี้และผู้ใต้บังคับบัญชาที่นำมาเดินขบวนไปอย่างยิ่งใหญ่ ครั้งนี้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไร้ความกังวลใด ๆ


ใช้เวลาเพียงไม่นาน พวกเขาก็มาถึงสถานที่ที่ลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายารออยู่


ยังไม่ได้จากไป?


เต่าเซียนเสวียนอู่รู้สึกคาดไม่ถึง ลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายาช่างหาญกล้าเป็นอย่างยิ่ง!


“นี่มันอะไรกัน!?”


มัจฉาสัตมายาเห็นเต่าเซียนเสวียนอู่มาพร้อมกับกำลังคนติดตามอย่างยิ่งใหญ่ ก็พลันนิ่งอึ้งไปทันที


นี่เต่าเซียนเสวียนอู่นำยอดฝีมือระดับสูงทั้งหมดในอาณาจักรอวี้ซวีมาด้วยหรืออย่างไร?


เขาไม่เคยเห็นกองกำลังที่โอ่อ่าเช่นนี้มาก่อน นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ต้องกล่าวว่าบารมีของเต่าเซียนเสวียนอู่นั้นสูงเป็นอย่างมาก หากเป็นผู้อื่นคงไม่มีผู้ใดสามารถทำเช่นนี้ได้


ไม่มีทางทำได้!


เปลือกตาของลั่วสุ่ยถึงกับกระตุกเมื่อเห็นฉากนี้ นางตระหนักได้ว่าเต่าเซียนเสวียนอู่อาจเข้าใจบางอย่างผิด


นางจึงรีบเอ่ยออกมา “โปรดฟังข้าพูดสักประโยคก่อน...”


ทว่ายังไม่ทันที่นางจะพูดจบ เต่าเซียนเสวียนอู่ก็พุ่งใส่นางเสียก่อน


“จะพูดอะไรอีก! เรื่องนั้นเอาไว้ภายหลัง!”


เขากลับร่างเดิมของตนเอง ตัวเขาใหญ่โตเสียยิ่งกว่าขุนเขา เปี่ยมด้วยพลังแทบล้นฟ้า แม้ใกล้จะสิ้นอายุขัย แต่เขาก็ยังคงดุร้ายน่าหวาดกลัว!


มองดูแล้วเขาไม่มีความกลัวเกรงจะสูญสิ้นแม้แต่น้อย ปกติแล้วสิ่งมีชีวิตที่ใกล้หมดอายุขัยมักไม่กล้าระเบิดพลังออกมาเช่นนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากจะทำให้อายุขัยสั้นลงอยากมาก เร่งความตายให้มาถึงไวยิ่งขึ้น


“พวกเจ้ามีกี่ชีวิตกันจึงกล้ายั่วยุผู้อาวุโสเซียนเต่า!?”


“ฆ่า!”


เหล่าเทียนตี้ตะโกนออกมาเย็นชา พวกเขาต่างงัดไพ่ตายทั้งหมดออกมา ไม่ได้ดูหมิ่นลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายาแต่อย่างใด กลับกันพวกเขายังประเมินทั้งสองคนเอาไว้สูงเป็นอย่างมาก


กระทั่งเต่าเซียนเสวียนอู่ยังให้ความสำคัญกับลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับเรียกพวกเขาให้มาช่วยเหลือ ดังนั้นแล้วสองคนนี้จะธรรมดาได้อย่างไร?


แม้ว่าลมหายใจของลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาจะยังเยาว์วัยเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าดูแคลนทั้งสองคน นับว่าทั้งลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาเป็นศัตรูตัวฉกาจ!


พวกเขาพากันโจมตีเข้าไปพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ ไม่ต้องกล่าวเลยว่าฉากดังกล่าวจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงใด ฟ้าดินถึงกับเปลี่ยนสีในทันที ความว่างเปล่าบิดเบี้ยวและระเบิดออก ทนรับพลังที่ปะทุขึ้นมาไม่ได้


ตู้ม!


เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว แสงไฟน่าหวาดกลัวโผล่ออกมานับไม่ถ้วน อาวุธจักรพรรดิ อาวุธมหาจักรพรรดิ อาวุธตี้หวง อาวุธตี้จวิน และอาวุธเทียนตี้ต่างพากันระเบิดพลังมหาศาลออกมา สำแดงอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ มากมาย ทั่วทั่งอาณาจักรอวีซวี้ถึงกับสั่นสะเทือน สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต่างหันมามองทางนี้ด้วยความตกใจกลัว


“เกิดอะไรขึ้นตรงนั้นกันแน่!?”


“สวรรค์! ยอดฝีมือจำนวนมากลงมือพร้อมกัน พวกเขากำลังสู้อยู่กับผู้ใด!?”


สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนร้องอุทานออกมา ต่างตื่นตกใจเกินระดับจะวัดได้!


มีตัวตนที่น่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการได้ในอาณาจักรอวี้ซวีหรือ? จึงจำเป็นต้องให้เต่าเซียนเสวียนอู่ออกโรง นำกองกำลังเทียนตี้และขอบเขตจักรพรรดินับไม่ถ้วนร่วมมือกันเข้าต่อสู้?


ฉากดังกล่าวเหนือความนึกคิดของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง!


“นั่นมัน...พี่ชวน!”


แคว้นโบราณชางเยว่ ชางเหยาที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของจักรพรรดิชางผู้เป็นบิดามองไปยังฉากการต่อสู้ครั้งใหญ่ นางเห็นลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายา


ดวงตาคู่งามของนางเบิกกว้าง พี่มู่ชวนของนางช่างห้าวหาญเหลือเกิน ถึงกับก่อการเคลื่อนไหวใหญ่โตเพียงนี้!


“ดุดันถึงเพียงนี้!?”


มุมปากของจักรพรรดิชางอดกระตุกไม่ได้


เขาได้ยินว่าลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาต้องการจะพาผู้เฒ่าเต่าตนหนึ่งไปด้วย


ในเวลานั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่ตอนนี้เข้ากระจ่างแจ้งแล้ว ผู้เฒ่าเต่าที่ลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาต้องการจะพาไปด้วยก็คือเต่าเซียนเสวียนอู่!


สิ่งนี้ทำให้เขาพูดไม่ออกสักนิด!


สุดยอด!


สุดยอดจริง ๆ!


ภายในใจของเขามีเพียงแค่ความคิดนี้!


“พี่ชวนของข้ายอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง! คิกคิก สายตาของข้าดีที่สุด ตั้งแต่พี่ชวนยังอ่อนแอมาก ก็สามารถมองออกว่าพี่ชวนนั้นไม่ธรรมดา จะต้องแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดในวันข้างหน้า!”


ดวงตาของชางเหยาเป็นประกายขณะกล่าวออกมาอย่างหลงใหล “พี่ชวนของข้าแข็งแกร่งยิ่ง! ทั้งหล่อเหลาและทรงพลัง! อ๊า สมบูรณ์แบบจนไม่อาจสมบูรณ์แบบได้มากกว่านี้แล้ว!”


อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิชางที่ฟังคำพูดของชางเหยาถึงกับพูดไม่ออกยิ่งไปกว่าเดิม


เขาคิดขึ้นมาในใจ ลูกเอ๋ย เจ้ามองที่ใดจึงเห็นว่าพี่ชวนของเจ้าทั้งหล่อเหล่าและทรงพลัง? เจ้าไม่เห็นหรือว่าพี่ชวนของเจ้ารีบวิ่งไปหลบอยู่หลังลั่วสุ่ยตั้งแต่แรก?


นี่มันหล่อเหลาตรงไหน? ทรงพลังตรงใด?


เต่าเซียนเสวียนอู่นำหน้า ด้านหลังตามมาด้วยเทียนตี้และขอบเขตจักรพรรดิจำนวนมากพุ่งเข้าสังหาร ทว่าจักรพรรดิชางไม่ได้กังวลเกี่ยวกับลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาแม้แต่น้อย


เขารู้ว่าลั่วสุ่ยมีฝีมือและกลอุบายมากมาย แม้กำลังรบฝ่ายตรงข้ามจะน่ากลัวเป็นอย่างมาก แต่ลั่วสุ่ยก็ยังอาจแข็งแกร่งยิ่งกว่า มีโอกาสอย่างมากที่จะเป็นเซียนบนโลกมนุษย์


แน่นอนว่าสิ่งที่เขาคิดไว้ล้วนไม่ผิด


อีกด้านหนึ่ง ลั่วสุ่ยเริ่มลงมือร่ายรำไทเก๊ก กฎเกณฑ์สูงสุดหลั่งไหลออกมา หยินและหยางพัวพัน ชวนตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด!


การโจมตีทั่วทั้งท้องฟ้าก็เพียงพอแล้วที่จะถล่มฟ้าทลายดิน บดขยี้ดวงดารา แต่เมื่อมันล่วงเข้าไปอยู่ใต้กฎเกณฑ์ที่มวยไทเก๊กเรียกออกมา การโจมตีทั้งหมดก็พลันสลายหายไปทันทีราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน!


เต่าเซียนเสวียนอู่พุ่งเข้ามาด้วยจิตสังหาร เขาเองก็สำแดงมวยบางชนิดออกมา แต่ทว่าหมัดจากผู้แข็งแกร่งเช่นเขาก็ถูกระงับลงไปได้ ฝ่ามือที่ดูแผ่วเบาของลั่วสุ่ยกลับแฝงด้วยกฎเกณฑ์อันน่ากลัวอย่างยิ่ง กำปั้นของเขากลายเป็นเสมือนดอกฝ้าย ไม่อาจทำสิ่งใดได้ พลังสลายหายไปสิ้น!


ลั่วสุ่ยยังคงรำมวยไทเก๊กเผชิญหน้ากับศัตรูเพียงลำพัง ในที่สุดนางก็รำจนพลังในกำปั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งหมัดที่ชกออกมาเปี่ยมด้วยพลังที่สามารถปกคลุมได้ทั่วทั้งนภา การโจมตีทั้งหมดที่พุ่งมาถูกกฎเกณฑ์ในหมัดนั้นสลายไปหมด


“นี่มันอะไรกัน!”


สีหน้าของเต่าเซียนเสวียนอู่แปรเปลี่ยน ไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น


แค่ท่ามวยชุดหนึ่ง จะทรงพลังถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!?


นี่คือมวยอะไรกัน!?


เป็นวิชามวยระดับเซียนอย่างนั้นหรือ!?


เขาอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้


เหล่าเทียนตี้และขอบเขตจักรพรรดิใต้บัญชาต่างก็ทำสีหน้าตกตะลึงและพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง


หนึ่งคนหนึ่งหมัดสามารถสยบการโจมตีทั้งหมดได้!


สวรรค์!


หรือว่านี่จะเป็นเซียน!?


ยิ่งลั่วสุ่ยรำมวยไทเก๊กมากขึ้น พลังยิ่งน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น เพียงไม่นานเหล่าเทียนตี้กับขอบเขตจักรพรรดิใต้บัญชาที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ ถูกปราบปรามจนไม่อาจระดมพลังขึ้นมาสู้ต่อได้


สุดท้ายพวกเขาก็ถูกบังคับให้ออกจากสนามรบ เหลือเพียงเต่าเซียนเสวียนอู่ผู้เดียว!


เต่าเซียนเสวียนอู่ยิ่งสู้ยิ่งรู้สึกพรั่นพรึง ลั่วสุ่ยเป็นใครกันแน่? เขาใช้วิชาและฝีมือออกทุกรูปแบบ แต่ก็ยังคงไม่อาจต่อกรได้ ทั้งยังรับรู้ได้ถึงช่องว่างที่ห่างไกลกันเป็นอย่างมาก!


ช่วงว่างนี้แม้กระทั่งตัวเขาที่อยู่ในสภาวะสูงสุดก็ยังนับว่าห่างไกล!


ลั่วสุ่ยที่ยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ กลับแข็งแกร่งจนน่ากลัว นับได้ว่ามีความสามารถท้าทายสวรรค์!


“ข้ายังไม่สามารถรำได้จนจบ!”


ลั่วสุ่ยถอนหายใจออกมาเบา ๆ มวยไทเก๊กนั้นล้ำลึกจนถึงที่สุด ตัวนางเองก็ยังไม่สามารถสำแดงออกมาได้จนถึงกระบวนท่าสุดท้าย


‘เมื่อไหร่กันที่ข้าจะแข็งแกร่งเหมือนพี่ลั่วสุ่ย!’


มัจฉาสัตมายามองไปที่ลั่วสุ่ยด้วยตาเป็นประกาย ภายในใจเกิดความอิจฉาเป็นอย่างมาก แต่ตัวเขาเองก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีถึงช่องว่างของตนเองกับลั่วสุ่ย


ลั่วสุ่ยเป็นคนที่คุณชายเอ็นดูที่สุด เขานั้นห่างไกลเป็นอย่างมาก เพิ่งจะได้ออกจากถังน้ำไปเป็นปลาเลี้ยงดูเล่นในสระ ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับพี่ลั่วสุ่ย


“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”


เต่าเซียนเสวียนอู่มองไปที่ลั่วสุ่ยด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ก่อนเปิดปากถามขึ้นมา


เขารู้สึกว่าลั่วสุ่ยไม่มีความเป็นศัตรูกับเขา มวยไทเก๊กไม่มีจิตสังหารอยู่ภายใน แม้ว่าเขาจะไม่อาจต่อต้าน ไม่สามารถหยุดยั้งพลังของมวยไทเก๊กได้ แต่เขาก็ไม่รับอันตรายแต่อย่างใด


“ก่อนอื่นข้าต้องขอกล่าวอภัย”


ลั่วสุ่ยเดินเข้ามาก่อนเอ่ยขอโทษ “ก่อนหน้านี้ที่ข้าหย่อนเบ็ดล่อผู้อาวุโส เป็นเพราะหมดหนทางจริง ๆ ข้าต้องขออภัยผู้อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง นี่คือสิ่งแทนคำขอโทษของพวกเรา”


นางหยิบเปลือกแอปเปิลออกมายื่นไปทางเต่าเซียนเสวียนอู่


“!!!”


เมื่อเต่าเซียนเสวียนอู่เห็นเปลือกแอปเปิลก็แทบจะระเบิดอารมณ์ออกมาทันที


บัดซบ!


นี่มันอะไรกัน!


มันคือการสบประมาทที่ไม่ได้แสดงออกมาโดยตรง!


สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก น่าเกลียดอย่างถึงที่สุด ก่อนกล่าวออกมาอย่างชิงชัง “เต่าแก่ ๆ อย่างข้าก็มีศักดิ์ศรี คิดว่าเจ้าต้องการทำสิ่งใดก็ได้อย่างนั้นหรือ! เจ้าถึงกับสบประมาทข้าถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะต้องสู้กับเจ้าจนตาย ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”


อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของเหล่าเทียนตี้ต่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง


หย่อนเบ็ดล่อ!?


สวรรค์!


ไม่แปลกใจเลยที่เต่าเซียนเสวียนอู่จะโกรธเป็นอย่างมาก จนต้องเรียกให้พวกเขามาช่วยเหลือ ปรากฏว่าก่อนหน้านี้เต่าเซียนเสวียนอู่ถูกลั่วสุ่ยหย่อนเบ็ดล่อตกขึ้นไป!


นอกจากนี้ ลั่วสุ่ยยังหยิบเปลือกแอปเปิ้ลออกมา ‘สบประมาท’ เต่าเซียนเสวียนอู่ มันทำให้พวกเขาต่างก็โกรธเป็นอย่างมาก


“เจ้าช่างแข็งแกร่ง! แต่ในเมื่อเจ้าทำเช่นนี้ พวกเราเองก็ไม่มีวันประนีประนอมด้วย จะสู้กับเจ้าจนตัวตาย!”


“ฆ่าได้ แต่ไม่อาจหยามได้ เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!?”


พวกเขาจับจ้องไปที่ลั่วสุ่ยแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง


พวกเขาต่างก็เคารพเต่าเซียนเสวียนอู่เป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเต่าเซียนเสวียนอู่ต้องทนรับการสบประมาทเช่นนี้ พวกเขาก็โกรธเป็นอย่างมาก


“เข้าใจผิดแล้ว”


ลั่วสุ่ยรีบกล่าว “ผู้อาวุโสโปรดลองสังเกตเปลือกแอปเปิลเหล่านี้เถอะ”


“เปลือกแอปเปิลมีสิ่งใดให้ดูกัน!?”


เต่าเซียนเสวียนอู่กล่าวด้วยความโกรธจัด แม้ว่าเปลือกแอปเปิลที่ลั่วสุ่ยหยิบออกมาจะมีบางอย่างไม่ธรรมดา เขาก็ไม่สนใจ ต่อให้เปลือกแอปเปิลเหล่านี้จะไม่ธรรมดาแต่จะพิเศษได้แค่ไหนกันเชียว?


จะเป็นเปลือกของผลไม้เซียนอย่างนั้นหรือ!?


“ผู้อาวุโส ท่านควรจะสังเกตมันให้ดี ๆ มีหลายสิ่งไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ แต่เปลือกแอปเปิลเหล่านี้มากเพียงพอจะเพิ่มอายุขัยให้ท่านนับหมื่นปี!”


มัจฉาสัตมายากล่าว


“พูดจาไร้สาระ เจ้าคิดว่าข้าโง่นักหรืออย่างไร?”


เต่าเซียนเสวียนอู่ไม่เชื่อ แต่เมื่อลั่วสุ่ยยื่นเปลือกแอปเปิลเข้ามาใกล้ขึ้น สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนทันใด

มัจฉาสัตมายาไม่ได้โกหก เขาสัมผัสได้ถึงแก่นแท้ชีวิตอันลึกล้ำเหนือชั้นบนเปลือกแอปเปิล หากเขาสามารถกลั่นมันได้ ก็สามารถมีชีวิตยืนยาวขึ้นได้นับหมื่นปีจริง ๆ!


เขารีบหยิบเปลือกแอปเปิลจากมือของลั่วสุ่ยก่อนกินมันทั้งหมดเข้าไปในคำเดียวอย่างไม่ลังเล เนื่องจากกลัวว่าลั่วสุ่ยจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา


กินเข้าไปแล้ว?


แล้วศักดิ์ศรีที่เพิ่งพูดถึงเล่า!?


เหล่าเทียนตี้มองไปยังเต่าเซียนเสวียนอู่ด้วยแววตาแปลกประหลาด เมื่อครู่เพิ่งกล่าวไปว่าจะสู้จนตัวตายไม่ใช่หรือ?


เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกประหลาดที่จับจ้องมายังตัวของเขา เต่าเซียนเสวียนอู่ก็อดรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาไม่ได้


“อะไร อายุขัยไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือข้าชอบกินเปลือกแอปเปิล!” เขารีบกล่าวขึ้นมา