521-525

บทที่ 521

สสารพิศวงถูกทำลายจนสิ้น ขนแดงสลาย เรือนร่างดั่งยักษ์ของพี่ชายเสี่ยวหยาในตอนแรกก็กลับคืนสู่สภาพมนุษย์ปกติ เผยให้เห็นดวงหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน


เขามีรูปโฉมเหมือนบัณฑิต เปี่ยมไปด้วยความสง่า ได้ยินจากเสี่ยวหยาว่าพี่ชายของนางชอบเรียนหนังสือเป็นที่สุด


อนิจจา หลังท่านพ่อท่านแม่ของพวกเขาตายไป เพื่อดูแลเสี่ยวหยา พี่ชายของนางละทิ้งการเรียน ทำงานรับจ้างเพื่อเลี้ยงดูเสี่ยวหยา


ทว่ายามว่าง พี่ชายของนางมักแอบวิ่งไปฟังอาจารย์สอนหนังสือที่นอกห้องเรียนอยู่บ่อย ๆ


“ข้า…”


พี่ชายเสี่ยวหยามองการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับร่างกายตนเอง สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ


เขากลับคืนสภาพแล้วจริง ๆ หรือ


ไม่ถูกความพิศวงราวีอีกแล้วหรือ


ฝานหย่าเจ๋อ คือชื่อของพี่ชายเสี่ยวหยา


“เจ้าฟื้นตัวให้ได้ก่อน เรื่องอื่นอีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน”


หลิงอินบอกกับพี่ชายของเสี่ยวหยา


นางหยิบองุ่นออกมาพวงหนึ่ง ยื่นให้พี่ชายเสี่ยวหยา ให้พี่ชายเสี่ยวหยากินองุ่นพวงนี้


นี่คือองุ่นที่ปลูกในลานของคุณชาย แม้ว่าความพิศวงในร่างกายพี่ชายของเสี่ยวหยาถูกขจัดไปแล้ว กระนั้นร่างกายยังอ่อนแออยู่มาก ลมปราณมิสู้จะมั่นคงเท่าใด หลิงอินกลัวจะเกิดเรื่องกับพี่ชายเสี่ยวหยา จึงช่วยให้พี่ชายเสี่ยวหยาฟื้นตัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน


ฝานหย่าเจ๋อหันมองเสี่ยวหยา เสี่ยวหยาพยักหน้าให้พี่ชายของนาง “ท่านพี่กินเถิด หลังกินเข้าไปท่านพี่จะฟื้นคืนกำลัง ถึงเวลานั้น น้องจะเล่าทุกอย่างให้ท่านพี่ฟัง”


“ได้”


แม้นฝานหย่าเจ๋อยังเชื่อไม่ลงว่านี่คือเรื่องจริง แต่ต่อให้นี่คือความฝัน เขาก็ยินดีฟังคำบอกเล่าของเสี่ยวหยา เขาเด็ดองุ่นลูกหนึ่งขึ้นมากิน


หลังองุ่นลูกนั้นเข้าปาก เขาสัมผัสได้ถึงขุมปราณชีวิตอันกว้างใหญ่ไพศาลปะทุออกจากองุ่นได้ในชั่วพริบตา ก่อนจะหลั่งไหลเข้าไปในกายของเขา


สีหน้าของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาในบัดดล ลมปราณมั่นคงขึ้น ไม่เหลือเค้าอ่อนแรงอีก


“มารับพวกเราเลย”


อีกด้าน หลิงอินเรียกหอยสังข์ออกมาอันหนึ่ง ติดต่อหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ ให้หัวหน้าเผ่าขับเคลื่อนเรือล่องนภามารับพวกนาง


หอยสังข์คือศาสตราสื่อสารที่นางได้จากเศษซากดวงดาว ติดต่อสื่อสารได้ทุกที่ทุกเวลาแม้กระทั่งในจักรวาลอันไพศาล


ก่อนไป นางเคยสั่งหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ไว้ว่า ไม่ว่าอย่างไรให้คำนึงถึงความปลอดภัยของเผ่าไว้ก่อน หากพบเจอกับความอันตรายที่ไม่อาจต้าน ให้ถอนกำลังทันที ห้ามมิให้ละล้าละลัง


การต่อสู้ด้านนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ กระทบออกไปเป็นบริเวณกว้างขวาง คิดแล้วหัวหน้าเผ่าคงขับเคลื่อนเรือล่องนภาหนีไปถึงดวงดาวที่อยู่ห่างออกไปไกลโข จึงบอกให้หัวหน้าเผ่าเข้ามารับพวกนาง


อย่างที่คิด


เสียงหัวหน้าเผ่าดังมาจากอีกด้านของหอยสังข์ ก่อนการต่อสู้ใหญ่ปะทุ หัวหน้าเผ่าก็สัมผัสถึงพลังงานสุดแสนน่ากลัวกำลังคืบคลาน แม้ว่าสรรพคุณที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อนของเรือล่องนภาถูกเปิดใช้จนครบถ้วน พลังป้องกันน่าทึ่ง หัวหน้าเผ่าก็ยังรู้สึกว่าเรือล่องนภาต้านทานคลื่นพลังน่ากลัวเยี่ยงนี้มิไหว จึงรีบขับเรือล่องนภาหนีออกไป


การตัดสินใจนี้ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะหลังจากนั้น คลื่นพลังที่น่ากลัวยิ่งขึ้นปะทุออกมา ดวงดาวมากมายไม่อาจต้านทานได้เลย ถูกกำจัดด้วยคลื่นพลังสยดสยองนี้ในพริบตา ไม่เหลือแม้กระทั่งเศษซากธุลี


หากเรือล่องนภายังจอดอยู่ที่เดิม ย่อมต้องถูกทำลายในเสี้ยวอึดใจ ไม่มีทางเป็นอื่นได้เลย


“ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว! พวกเราจะไปรับท่านเดี๋ยวนี้!”


หัวหน้าเผ่าได้ยินเสียงหลิงอินแล้วตื้นตันปีติเป็นอย่างยิ่ง


พวกนางเป็นห่วงความปลอดภัยของหลิงอินและเสี่ยวหยาอยู่ตลอด บัดนี้ ได้ยินเสียงของหลิงอินว่าไม่เป็นไร พวกนางยินดีปรีดากันหมด หัวหน้าเผ่าขับเรือล่องนภาไปรับหลิงอินและเสี่ยวหยาทันที


องุ่นนั้นมีประสิทธิภาพน่าทึ่ง กินไปเพียงลูกเดียวเท่านั้น ฝานหย่าเจ๋อก็ฟื้นกำลังกลับมาได้เต็มที่


มิหนำซ้ำเขายังแข็งแกร่งขึ้นด้วย สมรรถภาพแต่ละด้านในร่างกายล้วนยกระดับขึ้นมหาศาล!


“ขอบคุณ!”


เขาเอ่ยขอบคุณหลิงอินอย่างจริงจัง ยื่นองุ่นที่เหลือให้หลิงอิน


หลิงอินยื่นองุ่นให้เขาเป็นพวง ซึ่งมีองุ่นอยู่อย่างน้อยสามสิบสี่สิบลูก


“เก็บไว้เถิด ไว้ใช้ในภายหน้า”


หลิงอินคลี่ยิ้ม มิได้รับองุ่นที่เหลือกลับมา


“ท่านพี่เก็บไว้เถิด! พวกเรายังมีองุ่นเช่นนี้อีกเยอะ ทั้งหมดนี้คุณชายเป็นผู้ให้เรามา!”


เสี่ยวหยาคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อเห็นพี่ชายของนางไม่เป็นไรแล้ว ซ้ำยังฟื้นคืนกำลังกลับมา นางดีใจเหลือแสน


จากนั้น นางเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้พี่ชายของนางฟัง เริ่มตั้งแต่หลังพี่ชายของนางจากบ้านไป รวมถึงเรื่องที่นางถูกจักรพรรดิบุปผาเข่นฆ่า แล้วได้คุณชายชุบชีวิตกลับมาในยุคนี้


ระหว่างนั้น พี่ชายเสี่ยวหยาก็ฟังด้วยความตะลึง โลกนี้มีการดำรงอยู่สุดยอดระดับนี้ด้วยหรือ!?


หนึ่งบทเพลงเชื่อมต่อยุคโบราณ ประสานวิญญาณในกาลปัจจุบัน สร้างเลือดเนื้อใหม่ขึ้นด้วยเศษซากกระดูก!


สวรรค์!


ต้องเป็นตัวตนสูงส่งอย่างหามิได้เพียงใดกันนี่!?


เขาตะลึงจริง ๆ หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความสะท้าน


“ฝันของข้าพิสดารขึ้นเรื่อย ๆ…”


เขาพึมพำเสียงเบา นึกในใจว่าเขาช่างใจกล้า จินตนาการได้แม้กระทั่งผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งเกินหยั่งเยี่ยงนี้!


“ท่านพี่ ไยท่านถึงไม่ยอมเชื่อว่านี่คือเรื่องจริงเล่า!”


เสี่ยวหยาเอ่ยอย่างมีน้ำโห หยิกแขนพี่ชายของนางอย่างแรง นางสาธยายจนปากแห้งคอแห้งไปหมด พี่ชายของนางกลับยังไม่ยอมเชื่อ คิดว่านี่คือความฝัน


“เป็นความฝันจริง ๆ ด้วย เจ้าดูสิ เจ้าหยิกข้า ข้ายังไม่รู้สึกเลย”


ฝานหย่าเจ๋อเอ่ย


เสี่ยวหยาหมดคำพูด จะรู้สึกได้อย่างไรเล่า


นางมิได้ออกแรงจริง ๆ มิหนำซ้ำกายเนื้อพี่ชายของนางมิใช่กายเนื้อธรรมดา พี่ชายของนางไม่มีทางเจ็บอยู่แล้ว


ก็แค่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บ


เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว!


“ท่านพี่รอเดี๋ยว!”


เสี่ยวหยาเรียกฉินปี้เทียนชางไห่ออกมา บรรเลงด้วยสองมือ สะกดพลังในตัวพี่ชายลงทั้งหมด


จากนั้น นางเริ่มปฏิบัติการ มือเล็ก ๆ ตามหยิกบนตัวพี่ชายไม่หยุด หยิกจนใบหน้าพี่ชายของนางเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับตับหมูในพริบตา


“อ๊าก…เจ็บ ๆๆ! ข้าเชื่อแล้ว นี่มิใช่ความฝัน ทั้งหมดคือความจริง เสี่ยวหยารีบหยุดเข้าเถิด!”


ฝานหย่าเจ๋อหน้าตาเหยเก รู้สึกถึงความเจ็บที่บาดลึกเข้าขั้วหัวใจ หนนี้เสี่ยวหยาออกแรงเต็มที่ เขารีบบอกให้เสี่ยวหยาหยุด


“คราวนี้คงเชื่อแล้วใช่หรือไม่!”


เสี่ยวหยาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม อารมณ์เบิกบานเหลือคณา


“เชื่อแล้ว เชื่อแล้ว!”


ฝานหย่าเจ๋อรีบพยักหน้า เขาเชื่อแล้วจริง ๆ หากเป็นความฝันไฉนเลยจะรู้สึกถึงความเจ็บปวด ทั้งหมดนี้คือความจริง เขามิได้ฝันไป


ดวงตาของเขามีน้ำตาปริ่ม มองเสี่ยวหยาพลางกล่าว “พี่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ายังมีวันที่พวกเราได้พบหน้ากันอีกครั้ง และยิ่งคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเดินทางมาช่วยพี่! พี่คิดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้พบเจ้าอีกแล้ว…”


เขาดึงเสี่ยวหยาเข้ามาในอ้อมกอด ความรู้สึกในใจปะทุ น้ำตาหลั่งรินอย่างกลั้นไม่อยู่


กี่ปีแล้วนะ…


เขาจำไม่ได้จริง ๆ ว่าผ่านมากี่ปีแล้ว เขาเฝ้าคิดถึงเสี่ยวหยามาตลอด เสี่ยวหยาเป็นคนเดียวที่เขาห่วงหา


“ครานั้น พี่ถูกหลอกให้ไปติดกับผู้อื่น พวกเขาบอกว่าจะให้งานดี ๆ กับพี่ แต่ทั้งหมดนั่นคือคำโกหก ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องไม่จริง…พวกเขามิใช่คนดี พวกเขาเป็นคนค้ามนุษย์ พี่ถูกพวกเขาพาไปขาย…”


เขาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต


ครานั้น เขาใช้ชีวิตอยู่กับเสี่ยวหยาเพียงสองคน ชีวิตแสนจะแร้นแค้น เพื่อหาเงินให้ได้มากขึ้น สุดท้ายจึงถูกหลอกเอาได้…


เขาถูกจับไปขายให้กับกองกำลังมืดกลุ่มหนึ่ง


ที่นั่น เขาไม่รู้ว่าได้รับความทุกข์ตั้งเท่าไร ต้องทรมานมาตั้งเท่าไร…


ทว่าเขาได้ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนจากที่นั่นเช่นกัน


นับแต่นั้นมา เขาทุ่มเทชีวิตให้กับกองกำลังมืดนี้มาโดยตลอด เขาอยากกลับไปหาเสี่ยวหยา อยากหนีออกจากกองกำลังมืดนี้ แต่กลับทำมิได้เลย


เขาถูกกองกำลังมืดนั้นควบคุมตัวไว้ ไร้ซึ่งอิสรภาพ


นั่นเป็นช่วงเวลาอันแสนยาวนาน เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารับใช้กองกำลังมืดนั้นมานานเพียงใด…


“หลังจากนั้น ข้าได้พบเจ้าหลวง ถูกเขาพาตัวมาที่นี่ เขาต้องการให้ข้าโอบกอด ‘ความพิศวง’ ข้าไม่ยอม…”


การโอบกอด ‘ความพิศวง’ เช่นนี้ไม่เหมือนกับที่เขาเคยรับใช้กองกำลังมืด


ถึงแม้เขารับใช้กองกำลังมืดด้วยชีวิต แต่เขาก็ยังเป็นเขา เขายังมีจิตสำนึกหลงเหลือในใจ มิเคยเอาชีวิตผู้ใด เขาทำแต่ภารกิจอื่น


คราวนั้น เขาต้องลำบากเพราะเรื่องนี้ไม่น้อย ทว่าเขาก็ยืนหยัดมาได้ ไม่เคยทำร้ายผู้ใด


ยังดีที่เขามีพรสวรรค์ฝึกตนค่อนข้างสูง ยกระดับขอบเขตพลังได้รวดเร็วเหนือกว่าสมาชิกอื่นในกองกำลังมืดมาก สุดท้ายกองกำลังมืดถึงยอมจำนน ให้เขารับผิดชอบเรื่องอื่น


แต่การโอบกอด ‘ความพิศวง’ ไม่เหมือนกัน ซ้ำยังไม่เหมือนกันอย่างมหันต์!


ทันทีที่เขาโอบกอด ‘ความพิศวง’ เขารู้ว่าเขาจะตกต่ำอย่างสมบูรณ์ ถูกความพิศวงกัดกร่อน จิตสำนึกในใจเขายากจะคงไว้ได้ ท้ายที่สุด เขาก็จะไม่ใช่ตัวเขาอีกต่อไป


เพราะอย่างนั้น เขาจึงไม่เคยยอมตั้งแต่แรก และยืนหยัดมาจนถึงป่านนี้


“ท่านพี่!”


เสี่ยวหยาฟังจนตาแดงก่ำ น้ำตาไหลรินลงมาไม่หยุด นางกอดพี่ชายของนางไว้แน่น


เขามิได้เล่ารายละเอียดมากนัก แต่นางรู้ดี พี่ชายของนางต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดที่จินตนาการไม่ออก นางสงสารพี่ชายเหลือเกิน


ชีวิตพี่ชายของนางช่างรันทดจริง!


อีกด้าน หลังหลิงอินได้ยินทุกอย่าง ก็ลอบถอนใจอย่างหนัก แสบจมูกขึ้นมาเช่นกัน


ต้องยอมรับว่า พี่ชายของเสี่ยวหยาเป็นคนที่หาได้ยากมาก ในสถานการณ์เช่นนั้น เขายังรักษาความเป็นตัวเอง รักษาจิตสำนึกไว้ได้ มิใช่เรื่องที่คนทั่วไปทำได้จริง ๆ!


หากเป็นผู้อื่น น่ากลัวว่าคงยอมจำนน กลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืดไปนานแล้วกระมัง…


เรือล่องนภาแล่นต่อไปด้วยความเร็วสูง เพียงไม่นานก็มาถึงด้านนี้


“ท่านพี่ เรื่องราวทั้งมวลจบลง เรากลับบ้านกันเถิด!”


เสี่ยวหยาเอ่ยกับพี่ชายอย่างหนักแน่น พาพี่ชายของนางขึ้นเรือล่องนภา และมีหลิงอินต่อท้าย


“ใช่แล้ว เรื่องราวทั้งมวลจบลงแล้ว พวกเรากลับบ้าน!”


หลิงอินกล่าว ขับเรือล่องนภาเพื่อเดินทางกลับ


...


ณ อาณาจักรอวี้ซวี


บนมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลมองไม่เห็นที่สิ้นสุด ร่างสองร่างเหินเข้ามาด้วยความว่องไว


ที่นี่คือทะเลเหนือ


ถิ่นที่อยู่ของเผ่ามัจฉาสัตมายา


ร่างสองร่างนั้นก็คือลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายา


มัจฉาสัตมายาในยามนี้มิได้อยู่ในร่างปลาอีกต่อไป หากแต่กลายร่างเป็นมนุษย์ เป็นเด็กหนุ่มรูปงามหน้าขาวปากแดง เปี่ยมชีวิตชีวาผู้หนึ่ง


“รูปร่างไม่เลวนี่!”


แม้แต่ลั่วสุ่ยยังคิดไม่ถึงว่า ร่างมนุษย์ของเสี่ยวชีจะหล่อเหลาไม่ธรรมดาเยี่ยงนี้


“ฮ่าฮ่า ไม่งามแล้วจะเป็นน้องชายพี่ลั่วสุ่ยได้อย่างไร ใครใช้ให้พี่ลั่วสุ่ยโฉมสะคราญขนาดนั้นเล่า!”


มัจฉาสัตมายาปากหวานราวอาบน้ำผึ้ง


“กะล่อนนัก ภายหน้าไม่รู้ว่าต้องมีสาวงามตั้งกี่คนถูกเจ้าหลอกเอาได้”


ลั่วสุ่ยมองค้อนอีกฝ่าย มัจฉาสัตมายาคารมคมคายยิ่งนัก


ซ่า!


เวลานั้นเอง บนผิวน้ำทะเลที่เคยเรียบนิ่ง มีเกลียวคลื่นซัดสาดขึ้นมาฉับพลัน ร่างแกร่งกล้าน่าพรั่นพรึงมากมายพุ่งออกมา


“พวกเจ้าเป็นใคร มีธุระใดที่ทะเลเหนือของเรา!”


พวกมันคือพลทหารกุ้ง พลทหารปูอย่างแท้จริง มือถือทวนยาวดาบยาว ขวางทางลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายา เอ่ยคาดคั้นเสียงดัง


ทะเลเหนืออยู่ในการปกครองของเผ่ามัจฉาสัตมายามาโดยตลอด พวกมันอยู่ในการปกครองของเผ่ามัจฉาสัตมายา มีหน้าที่ลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยในทะเลเหนือ
บทที่ 522

“ไม่รู้จักข้าแล้วหรือ”


มัจฉาสัตมายาหัวเราะ ประชิดตัวขุนพลกุ้ง ขุนพลปู ให้ขุนพลกุ้งขุนพลปูเหล่านี้มองหน้ามันดี ๆ


“ผู้ใดกัน วางมาดใหญ่โตเยี่ยงนี้ ให้พวกเราได้ดูหน่อย!”


ขุนพลกุ้งผู้หนึ่งเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงของมัน ก็นิ่งค้างไป ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “ท่าน…ท่านคือคุณชายชวน!”


หลังสรรพนามคุณชายชวนหลุดออกมา ขุนพลกุ้งขุนพลปูที่เหลือก็รีบหันมองมัจฉาสัตมายา


“คุณชายชวน!”


“คุณชายชวนจริง ๆ!”


พวกมันจำมัจฉาสัตมายาได้ แต่ละตนดีใจกันอย่างมาก


มัจฉาสัตมายาเป็นเผ่าสูงส่ง พวกมันไม่มีค่าอันใดเมื่อเทียบกับเผ่ามัจฉาสัตมายา สมาชิกเผ่ามัจฉาสัตมายามิได้ญาติดีกับพวกมันนัก ส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่ดูแคลนพวกมัน


ทว่ายังมีข้อยกเว้น!


มัจฉาสัตมายาตรงหน้านี้ก็คือข้อยกเว้น!


มัจฉาสัตมายาดีต่อพวกมันมาก ไม่เคยดูถูกพวกมัน คบค้าสมาคมกับพวกมันอยู่บ่อย ๆ มีสัมพันธ์อันดีงามต่อกัน


หลังจากมัจฉาสัตมายาหายไปอย่างไร้สาเหตุ พวกมันต่างเป็นห่วงมัจฉาสัตมายากันมาก กลัวจะเกิดเรื่องกับมัจฉาสัตมายา บัดนี้ได้เห็นมัจฉาสัตมายากลับมาอย่างปลอดภัย อย่าให้พูดเลยว่าพวกมันดีใจเพียงใด


“ข้าก็นึกว่าตาเล็ก ๆ ของพวกเจ้าจะจำข้าไม่ได้เสียแล้ว!”


มัจฉาสัตมายาเอ่ยพลางหัวเราะร่วน เข้าไปกอดไหล่ขุนพลกุ้งปูทั้งหลาย “หลังข้าไปแล้วทะเลเหนือเป็นอย่างไรบ้าง ท่านพ่อท่านแม่ของข้าเล่า เป็นอย่างไร”


แต่เดิมขุนพลกุ้ง ขุนพลปูยังมีรอยยิ้มประดับประดาบนใบหน้า แต่หลังจากมัจฉาสัตมายถามพวกมันว่าทะเลเหนือเป็นอย่างไรบ้าง ท่านพ่อท่านแม่ของมัจฉาสัตมายาเป็นอย่างไรบ้าง รอยยิ้มบนใบหน้าพวกมันก็แข็งทื่อไปตาม ๆ กัน


“เกิดอะไรขึ้น!”


มัจฉาสัตมายาขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสีหน้านิ่งค้างของเหล่าขุนพลกุ้งและขุนพลปู จึงรีบเอ่ยถาม


“ไม่ดีเลย!”


ขุนพลกุ้งนายหนึ่งตอบ “ทะเลเหนือย่ำแย่ ท่านพ่อท่านแม่ของคุณชายชวนก็…ย่ำแย่!”


สีหน้ามัจฉาสัตมายาเปลี่ยนไป หัวใจกระตุกวูบ เอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อท่านแม่ของข้า”


“ทะเลเหนือ…ฟ้าเปลี่ยนสีไปแล้ว!”


ขุนพลกุ้งนายนั้นรีบบอก “หัวหน้าเผ่าถูกล้มอำนาจ มีหัวหน้าเผ่าคนใหม่ขึ้นดำรงตำแหน่ง ท่านพ่อท่านแม่ของคุณชายชวนถูกคุมขังในคุกใต้ดินเช่นเดียวกับอดีตหัวหน้าเผ่า”


“อะไรนะ!”


มัจฉาสัตมายาแทบมีไฟลุกในดวงตา ท่านพ่อท่านแม่ของมันถูกจับขังเข้าคุกใต้ดินหรือ


“ฝีมือของสายเลือดมู่ขุยใช่หรือไม่!”


มันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หลังได้ยินว่าผู้นำเผ่าถูกล้มอำนาจ มันก็นึกไปถึงมู่ขุย


มู่ขุย


ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามัจฉาสัตมายา ตำแหน่งสูงส่ง อำนาจล้นหลาม ปกติแล้วมิสู้จะเชื่อฟังคำสั่งหัวหน้าเผ่าเท่าใด ไม่ค่อยเคารพหัวหน้าเผ่านัก


สายเลือดของเขาทรงพลังอย่างยิ่ง ทรงพลังกว่ามัจฉาสัตมายาสายเลือดอื่น ที่ผ่านมาเป็นเสี้ยนหนามตำใจหัวหน้าเผ่ามาโดยตลอด หัวหน้าเผ่าคิดหาวิธีลดทอนอำนาจสายเลือดนี้มานาน


ทว่าบัดนี้ดูแล้ว หัวหน้าเผ่าทำไม่สำเร็จ


“ใช่”


ขุนพลกุ้งผู้นั้นกล่าว “หลังจากคุณชายชวนหายตัวไปไม่นาน ทะเลเหนือก็เกิดจลาจลครั้งใหญ่ ท่านบูรพาจารย์มู่เซวียนสิ้นใจ มู่ขุยบรรลุขึ้นไปในขอบเขตสูงขึ้น จากนั้น เขาบีบบังคับหัวหน้าเผ่าให้สละตำแหน่ง กลายเป็นหัวหน้าเผ่าใหม่”


“ท่านบูรพาจารย์มู่เซวียน…จากไปแล้วหรือ!”


มัจฉาสัตมายาผงะ


ท่านบูรพาจารย์มู่เซวียน เป็นเทียนตี้ผู้เฒ่าท่านหนึ่ง มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน หลับใหลอยู่ในทะเลเหนือมาตลอด


มันคิดไม่ถึงว่าท่านบูรพาจารย์มู่เซวียนจะสิ้นใจลง…


“คิดแล้วคงใช่ หากท่านบูรพาจารย์มู่เซวียนยังอยู่ ให้พวกมู่ขุยใจกล้ากว่านี้อีกร้อยเท่า ไม่สิ อีกหมื่นเท่า พวกเขาก็มิกล้าทำเช่นนี้!”


มันเอ่ยเสียงกราดเกรี้ยว


“คุณชายชวนรีบหนีไปเถิด ทะเลเหนือในตอนนี้ต่างจากในอดีต ขืนท่านไม่ไป คงมีจุดจบไม่ดีเท่าใด!”


ขุนพลผู้นั้นเกลี้ยกล่อมมัจฉาสัตมายามู่ชวน


สายเลือดมู่ชวนสนับสนุนหัวหน้าเผ่ากันทั้งสิ้น มู่ขุยไฉนเลยจะยอมปล่อยมู่ชวนไป


เป็นไปมิได้เลย!


มู่ชวนดีกับพวกมันมาก พวกมันไม่ต้องการให้เกิดเรื่องกับมู่ชวน อยากให้มู่ชวนไปจากที่นี่เสีย


“ใช่แล้ว วันนี้โชคดีที่เป็นเวรลาดตระเวนของพวกเรา หากเป็นคนของสายเลือดมู่ขุย ต่อให้คุณชายชวนอยากไปก็คงไปมิได้!”


“ตราบใดที่ขุนเขายังอยู่ มิต้องกลัวจะไร้ฟืน คุณชายชวน ท่านยังเยาว์วัยนัก ยังมีโอกาสอีกมาก รอจนแข็งแกร่งขึ้นแล้วค่อยกลับมายังไม่สาย!”


ขุนพลกุ้ง ขุนพลปูอื่น ๆ ต่างพากันเกลี้ยกล่อมมู่ชวน ให้มู่ชวนรีบไปจากที่นี่ ขืนช้าไปกว่านี้ ต่อให้มู่ชวนอยากไปก็คงไปมิได้!


“เอ๊ะ นี่มันมู่ชวนมิใช่หรือ…”


เวลานั้นเอง เกลียวคลื่นทะเลซัดสาด เด็กหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกจากมหาสมุทร


เขามีบุคลิกโดดเด่นไม่ธรรมดา พลังปราณกล้าแกร่งเป็นพิเศษ มีประกายศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่ทั้งตัว


หลังได้เห็นมู่ชวน เขายกยิ้มชอบกลที่มุมปาก


เขาเอ่ยยิ้ม ๆ “เดิมอยากออกไปทำธุระเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจ้า ฮ่า ๆ หายตัวไปเสียนาน เจ้าไปทำอันใดมา”


“คุณชายมู่จวิน!”


“คุณชายชวนรีบหนีไป!”


หลังเหล่าขุนพลกุ้ง ขุนพลปูได้เห็นเด็กหนุ่ม สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไปอย่างมากในบัดดล


เด็กหนุ่มมีนามว่ามู่จวิน เป็นหลานชายของมู่ขุย มิสู้จะถูกกับมู่ชวนเท่าใดตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต ทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ บัดนี้เป็นมู่จวินที่เจอกับมู่ชวน นับเป็นเรื่องที่เลวร้ายสิ้นดี!”


“รีบไปเร็ว!”


“พวกเราจะหยุดเขาไว้เอง คุณชายชวนรีบไปเถิด!”


มู่ชวนดีกับพวกมันมาก พวกมันไม่อาจทนเห็นเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับมู่ชวน แต่ละคนพากันพุ่งเข้าไปหามู่จวิน หมายจะหยุดยั้งมู่จวินไว้ ประวิงเวลาให้มู่ชวนได้หนี


“บังอาจนัก!”


มู่จวินแค่นเสียงเย็น ประกายอำมหิตพวยพุ่งออกจากแววตาขณะทอดมองขุนพลกุ้ง ขุนพลปูเหล่านี้ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ “เสียสติไปแล้วหรือ ถึงกล้าลงมือกับข้า!”


เขาฟาดฝ่ามือออกไป มีเกลียวคลื่นยักษ์ซัดขึ้นมาทันที พลังนักบุญอันทรงพลังน่าหวาดหวั่นแผ่กระจาย จู่โจมใส่เหล่าขุนพลกุ้ง ขุนพลปู


แม้ว่าเขาอายุยังน้อย กระนั้นมีขอบเขตพลังสูงส่ง เป็นถึงราชันนักบุญ


ส่วนขุนพลกุ้ง ขุนพลปูเหล่านี้ยังไม่ถึงขอบเขตเทวาด้วยซ้ำ หลังจากปะทะกับพลังระดับนี้ ขุนพลกุ้งและขุนพลปูต้องถูกสังหารในพริบตาอย่างแน่นอน!


ตู้ม!


เสียงระเบิดดังขึ้น มัจฉาสัตมายาปรี่เข้ามาอยู่ด้านหน้าเหล่าขุนพลกุ้ง ขุนพลปู ยับยั้งการโจมตีทั้งหมดของมู่จวินในฝ่ามือเดียว


“ขอบคุณพวกเจ้า!”


มันหันกลับไปมองเหล่าขุนพลกุ้งและขุนพลปู ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ฝ่ายที่น่าเป็นห่วงคือพวกมัน…!”


อีกด้าน นัยน์ตามู่จวินหรี่ลง มัจฉาสัตมายาเกินคาดมันไปหน่อย มันเริ่มมองขอบเขตพลังของมัจฉาสัตมายาไม่ออก


นับเป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงเลย


รู้หรือไม่ แม้ว่าก่อนหน้านี้มัจฉาสัตมายาจะแข็งแกร่งกว่ามัน กระนั้นก็เป็นแค่เมื่อก่อน!


หลังจากท่านปู่ของมันได้เป็นหัวหน้าเผ่า ก็เฝ้าอบรมสั่งสอนมันเป็นอย่างดี ท่านปู่ของมันยกสมุนไพรของวิเศษให้มันมากมายเพื่อช่วยในการฝึกฝน จนมันก้าวสู่ขั้นราชันนักบุญ!


ว่ากันตามปกติ ทั้งหมดนี้ไม่สมเหตุสมผลนัก


เพราะก่อนมัจฉาสัตมายาหายตัวไป ระดับพลังของมัจฉาสัตมายาอยู่ที่ขอบเขตนักบุญเฉกเช่นเดียวกับมัน


ทว่า มัจฉาสัตมายามิได้หายไปนานนัก แค่ราว ๆ หนึ่งปีเท่านั้น


ในเวลาราว ๆ หนึ่งปีนี้ มันพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากขอบเขตนักบุญจนมาอยู่ในขั้นราชันนักบุญ ควรทิ้งห่างมัจฉาสัตมายาไปได้นานแล้วถึงจะถูก!


ถึงอย่างไร ต่อให้มัจฉาสัตมายามีพรสวรรค์สูงส่งเพียงใด ก็ไม่มีทางก้าวจากขอบเขตนักบุญไปจนถึงขั้นราชานักบุญได้ด้วยตนเอง!


แต่บัดนี้ มันเริ่มมองขอบเขตพลังของมัจฉาสัตมายาไม่ออกแล้ว เป็นไปได้อย่างไรสิ่งนี้เกินคาดสำหรับมัน


“ดูท่าเจ้าคงได้วาสนาการเปลี่ยนแปลงบางอย่างมาจากข้างนอก!”


มันหรี่ตาลง เอ่ยขึ้น “ก็ดี ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้าในตอนนี้พลังเป็นอย่างไร!”


มัจฉาสัตมายามีพรสวรรค์เป็นที่หนึ่งในเผ่า ส่วนมันต้องเป็นรองเรื่อยมา ทำอย่างไรก็ไม่อาจก้าวข้ามมัจฉาสัตมายา ต้องใช้ชีวิตในเงาของมัจฉาสัตมายามาโดยตลอด เป็นผลให้มันเจ็บใจอย่างที่สุด จนจิตใจของมันบิดเบี้ยว เคียดแค้นมัจฉาสัตมายาเหลือแสน


จากนั้น มันเปล่งพลังปราณออกมาเต็บสูบ รีดเร้นกำลังขั้นราชันนักบุญออกมาโดยมิมีกั๊ก ประกายศักดิ์สิทธิ์ว่ายเวียนอยู่รอบตัวมัน เจิดจ้าแยงตาเป็นที่สุด บดบังได้แม้กระทั่งแสงอาทิตย์บนนภา


“เห็นหรือยัง บัดนี้ข้าอยู่ในขั้นราชันนักบุญแล้ว ซ้ำยังอยู่บนจุดสูงสุดของขั้นราชันนักบุญ อีกนิดเดียวก็จะก้าวสู่ขั้นยอดนักบุญ!”


มู่จวินมีสีหน้าหยิ่งผยอง มองมัจฉาสัตมายาด้วยสายตาดูหมิ่น “วันนี้ข้าจักเหยียบเจ้าจมดิน กลายเป็นอันดับหนึ่งของเผ่า ไม่มีวันเป็นที่สองอีกแล้ว!”


พลังปราณอันน่ากลัวของมันระเบิด ทันทีที่สิ้นเสียง ก็บุกโจมตีใส่ด้านมัจฉาสัตมายาอย่างรุนแรง


ความเจ็บปวดของที่สองตลอดกาลปะทุออกมาเต็มรูปแบบในนาทีนี้ มันหมายมั่นจะเหยียบมัจฉาสัตมายาอยู่ใต้เท้า ไม่ขอเป็นที่สองอีกต่อไป มันขอเป็นที่หนึ่งนับจากนี้!


เห็นอย่างนี้ มันแข็งแกร่งอย่างแท้จริง มีพลังเหนือราชันนักบุญตนอื่นไปมาก มันใช้มหาวิชาออกมา มีพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึง แม้กระทั่งยอดนักบุญยังไม่อาจหยุดยั้ง!


“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร! เจ้าในตอนนี้แตะเงาข้ายังมิได้ด้วยซ้ำ!”


มัจฉาสัตมายาแค่นเสียงเย็น ฟาดฝ่ามือใส่ ทลายมหาวิชาของมู่จวินได้ในทันที!


นอกจากนี้ ฝ่ามือของมันเหวี่ยงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วทะลุขีด มู่จวินไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ามือนั้นก็ตบเข้าที่ใบหน้ามู่จวิน!


พรวด!


เลือดสาดกระจาย ใบหน้ามู่จวินถูกตบจนรูปร่างผิดเพี้ยน ฟันปากหลุดร่วงจนหมด อย่าให้พูดเลยว่าสภาพน่าสังเวชเพียงใด มันรู้สึกเหมือนกระดูกหน้าทั้งใบหักเพราะฝ่ามือนี้!


มันถูกตบจนกระเด็นออกไป กระแทกกับยอดเขาแห่งหนึ่งบนมหาสมุทรอย่างแรง จนยอดเขาพังทลายลง!


สุดท้าย มันกระแทกลงพื้น


“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!!!”


ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ มัจฉาสัตมายาแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!?


ฝ่ามือเดียวทลายมหาวิชาของมัน กล้าแกร่งเกินไปแล้ว เหนือกว่ามันตั้งไม่รู้กี่เท่า!


ถูกต้อง


มัจฉาสัตมายาในยามนี้ มีระดับพลังสูงส่ง บรรลุขอบเขตสูงสุดได้นานแล้ว บัดนี้เป็นถึงจ้าวสูงสุด!


จริงอยู่ หนึ่งปีก่อนมันเพิ่งจะอยู่ในขอบเขตนักบุญ หลังถูกคุณชายตกไปไว้ในโอ่ง ขอบเขตพลังของมันมิได้มีการเปลี่ยนแปลง


ในโอ่งน้ำมีผนึก มันไม่สามารถบำเพ็ญได้ในนั้น


ทว่าต่อมา คุณชายจับมันเข้าไปไว้ในบ่อ


และน้ำในบ่อนั้นมิใช่น้ำธรรมดา เทียบเทียมน้ำอมตะ มันได้รับผลประโยชน์มหาศาลยามอยู่ในนั้น!


คุณชายเคยให้อาหารมันด้วย ซึ่งยิ่งนำผลประโยชน์เหนือจินตนาการให้แก่มัน ขอบเขตพลังของมันพุ่งพรวดขึ้นเรื่อย ๆ จวบจนมาอยู่ในขอบเขตสูงสุด!


ช่วงที่ผ่านมาเป็นเวลาสั้นเกินไป หากนานกว่านี้อีกหน่อย มันไฉนเลยจะเป็นเพียงจ้าวสูงสุด มันสามารถก้าวสู่ขอบเขตสูงกว่านั้นได้ กลายเป็นจักรพรรดิ!


ถึงอย่างไรมันก็ยังย่อยผลประโยชน์เหล่านั้นได้ไม่ครบถ้วน เพิ่งย่อยไปได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น หากย่อยจนครบถ้วนเมื่อใด การบรรลุเป็นจักรพรรดิไม่เป็นปัญหาสำหรับมันเลย หรืออาจลองบรรลุขั้นเทียนตี้ได้ด้วยซ้ำ!


“ไม่มีเรื่องใดเป็นไปไม่ได้!”


สายตามัจฉาสัตมายาเย็นเยียบ “พวกเจ้าบังอาจจาบจ้วงเบื้องบน นับเป็นความผิดที่ไม่อาจละเว้น วันนี้ พวกเจ้าทั้งหมดต้องชดใช้!”


“ด้วยกำลังของเจ้าน่ะหรือ?”


หลังมู่จวินได้ฟังคำกล่าวของมัจฉาสัตมายา ก็หัวเราะร่วนอย่างดูแคลนทันที


“มีความสามารถขึ้นมานิดหน่อยก็ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียแล้วหรือ เจ้ามัวฝันกลางวันกระไรอยู่! วันนี้ ผู้ที่ต้องชดใช้คือเจ้า! เจ้าต้องตายอย่างไร้ที่ฝังศพ!”


มันยิ้มเย็นขณะมองมัจฉาสัตมายา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าขอพูดเลย วันนี้เจ้าไม่รอดแน่!”
บทที่ 523

“ช่างกล้าพูด!?”


เมื่อมัจฉาสัตมายาได้เห็นท่าทางหยิ่งยโสอวดเบ่ง ทั้งยังได้ยินคำพูดผยองของมู่จวิน มันก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที


“พูดจาไร้สาระ!”


มันสบถด่าออกมาพร้อมยื่นมือข้างหนึ่งออกไป ทันใดนั้นก็มีพลังอันแข็งแกร่งพุ่งออกมาดูดมู่จวินจากระยะไกลเข้าไปอย่างแรง


“เจ้าพูดอีกสิ! ข้าบอกให้เจ้าพูด!”


มันกล่าวไปทุบตีมู่จวินไป


ยามมันยังอยู่ที่ทะเลเหนือ มู่จวินมักจะมาหาเรื่องสร้างปัญหาให้มันอยู่เสมอ มันรำคาญแทบตาย คิดอยากจะทุบตีมู่จวินมานานแล้ว


ทว่าน่าเสียดาย มันในตอนนั้นมีสิ่งที่ต้องกังวลมากเกินไป เกรงกลัวปู่ของมู่จวินอย่างมู่ขุยมาก จึงไม่กล้าลงมืออะไรกับมู่จวิน ทำได้แต่เพียงอดทนเอาไว้อย่างเงียบ ๆ


ทว่าตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว


มันกลับมาครั้งนี้ ไม่เหมือนกับก่อนหน้า มันไม่มีอะไรให้ต้องกังวล อย่าว่าแต่มู่จวินเลย กระทั่งมู่ขุยมันยังกล้าทุบตีอีกฝ่าย!


และนี่ก็คือสิ่งที่มันจะทำต่อไป!


มู่ขุยถึงกับกล้าขังพ่อแม่ของมันไว้ในคุกใต้ดิน บัดซบ คราวนี้มันจะทุบตีมู่ขุยจนแม่ของมู่ขุยจำหน้าลูกของตนเองไม่ได้เสียด้วยซ้ำ!


อ่า ไม่สิ แม่ของมู่ขุยเสียไปนานแล้ว เช่นนั้นมันจะทุบตีมู่ขุยจนลูกชายกับหลานชายของมู่ขุยจำไม่ได้!


“เจ้า!”


ดวงตาของมู่จวินเปี่ยมโทสะ มันถูกมัจฉาสัตมายาทุบตีอย่างแรงจนสภาพน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง


“อ๊ากก! เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน! ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเจ้าได้! ท่านปู่ของข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!”


มันกู่ร้องออกมาด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุด ตอนนี้ท่านปู่ของมันเป็นหัวหน้าเผ่า มัจฉาสัตมายากล้าทุบตีมันเช่นนี้ ทำให้มันไม่อาจทนรับได้!


“ไอ้ตัวไร้ค่า แต่ไหนแต่ไรมาก็เอาแต่พึ่งพาผู้อื่น ก่อนหน้านี้ก็พึ่งพาปู่ ตอนนี้ก็ยังพึ่งพาปู่ เจ้าก็คงเป็นเช่นนี้ตลอดชีวิตที่เหลือ!”


มัจฉาสัตมายากล่าวเสียงเย็นชา ลงมือทุบตีมู่จวินอีกครั้ง


กระทั่งถึงตอนนี้แล้ว มู่จวินยังกล้าจะทำตัวหยิ่งผยอง กล่าววาจายโส เช่นนี้แล้วจะไม่ทุบตีได้อย่างไร!


“อ๊ากกก!”


มู่จวินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มันเจ็บเกินไป กระดูกทุกท่อนในร่างถูกมัจฉาสัตมายาหักทิ้ง เจ็บเสียจนอยากจะตายไปให้พ้น


“อาจหาญยิ่ง!”


“คุณชายชวนช่างสุดยอดยิ่งนัก!”


ทหารกุ้งและทหารปูที่อยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง มัจฉาสัตมายาอาจหาญยิ่งกว่าที่พวกมันคาดคิดอย่างสิ้นเชิง


“นอกจากนี้ยังมีความผิดที่บีบบังคับให้ผู้นำเผ่าสละตำแหน่ง ทั้งยังขังพ่อแม่ของข้าเอาในคุกใต้ดิน! พวกเจ้าคิดจริงหรือว่าพวกเจ้าจะสามารถทำตัวกร่างแบบไม่เห็นหัวผู้อื่นได้ตลอดไป!?”


ดวงตาของมัจฉาสัตมายาฉายแววเย็นชา มันโยนมู่จวินทิ้งไปอีกทาง “วันนี้ข้ากลับมาแล้ว พวกเจ้าจะต้องชดใช้ในการกระทำของพวกเจ้า”


หลังจากกล่าวจบ มันก็ไม่ได้สนใจอะไรมู่จวินอีก มุ่งหน้าตรงไปยังก้นทะเลเพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ของมัน


มู่จวินโดนทุบตีอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บหนัก มันนิ่งเงียบไม่พูดจา มองมัจฉาสัตมายามุ่งลงไปใต้ก้นทะเลจนลับตา จึงตะโกนออกมาด้วยโทสะ “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน? ยังจะคิดให้พวกเราชดใช้? ทั้งเจ้าและพ่อแม่ของเจ้าล้วนจะต้องตายลงในวันนี้!”


มันกลัวถูกมัจฉาสัตมายาทุบตี จึงไม่กล้าจะตะโกนออกมาต่อหน้ามัจฉาสัตมายา เมื่อเห็นว่ามัจฉาสัตมายาหายลับไปแล้ว จึงค่อยกล้าตะโกนออกมาเช่นนี้


“หุบปากเสีย แล้วเจ้าจะยังหลงเหลือทางรอดให้ตัวเองบ้าง...อย่าคิดรนหาที่ตายเช่นนี้”


ลั่วสุ่ยปรายตามอง มู่จวินผู้นี้ช่างรนหาที่ตายเสียจริง ประหนึ่งกลัวว่าตนเองจะไม่ตาย ทั้งยังไม่อาจมองสถานการณ์ออกอย่างชัดเจน


“เจ้ามีฐานะอะไรกัน! เป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงมนุษย์กล้าดีอย่างไรมาพูดกับข้าเช่นนี้!?”


มู่จวินถลึงตาจ้องไปทางลั่วสุ่ยอย่างดุดัน คิดว่าลั่วสุ่ยเป็นสัตว์เลี้ยงมนุษย์ของมัจฉาสัตมายา


สายเลือดของพวกมันเหนือชั้นไม่ธรรมดาสามัญเป็นอย่างยิ่ง ห่างไกลจากเผ่าอื่นมาก เป็นฝ่ายพวกมันที่มักเอาสิ่งมีชีวิตเผ่าอื่นมาเป็นสัตว์เลี้ยง


อย่างมันเอง ก็ได้นำเผ่ามนุษย์จำนวนมากมาเป็นสัตว์เลี้ยง


ลั่วสุ่ยเก็บพลังของตนเองไว้ ภายนอกมองสิ่งใดไม่ออก อีกทั้งนางยังไม่ได้ลงมืออะไร ทำให้มู่จวินคิดว่าลั่วสุ่ยเป็นผู้ติดตามของมัจฉามายา แม้กระทั่งร่างที่แท้จริงของลั่วสุ่ยก็มองไม่ออก คิดว่านางเป็นเพียงหญิงสาวเผ่ามนุษย์


“ถ้าหากเจ้าไม่ตายก็จะไม่มีความสุขอย่างนั้นหรือ!”


ลั่วสุ่ยเหลือบมองมู่จวินอีกครั้ง ลำแสงน่าสะพรึงกลัวถูกยิงออกมาจากดวงตาทะลุเข้าไปในร่างของมู่จวินทันที เลือดสาดกระเซ็นชิ้นเนื้อกระจายจากร่างของมู่จวินทันที


มู่จวินผู้นี้ช่างมีความสามารถในการรนหาที่ตายเสียจริง


ทว่านางยังไม่ได้ลงมือสังหารมู่จวิน นางต้องการเพียงแค่จะสั่งสอนมู่จวิน


ภายใต้แสงสว่างที่เรืองออกมา ร่างของมู่จวินค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาใหม่ แต่เห็นได้ชัดว่าลมหายใจของมันแผ่วลงมา เทียบแล้วร่างใหม่อ่อนแอเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับร่างเดิมของมัน


“หลงเหลือทางรอดให้ตัวเองเสียเถอะ...”


ลั่วสุ่ยปรายตามองมู่จวินด้วยความเฉยเมย ก่อนจะลงก้นทะเลตามมัจฉาสัตมายาไป


นี่มันอะไรกัน!


ไม่ต้องกล่าวเสียว่าภายในใจของมู่จวินสับสนวุ่นวายแค่ไหน มันคิดว่าลั่วสุ่ยเป็นสัตว์เลี้ยงมนุษย์ ทว่าแท้จริงกลับน่ากลัวถึงเพียงนี้ เพียงแค่ปรายตามองครั้งเดียวก็สามารถทำลายร่างกายของมันได้!


นี่น่ากลัวเสียยิ่งกว่ามัจฉาสัตมายา!


“ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จะแข็งแกรงว่าท่านปู่ได้หรือ?”


สีหน้าของมันมืดครึ้ม แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดถ้อยคำเหล่านั้น ทำเพียงแค่คิดในใจ


ท่านปู่ของมันกลายเป็นเทียนตี้แล้ว อยู่จุดบนสุด ลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาจะสามารถต่อกรกับปู่ของมันได้อย่างไร!


ไม่มีทางเป็นไปได้!


“ข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะตายหรือไม่!”


มันเกลียดชังเป็นอย่างยิ่ง ทว่าก็กล้าเพียงเอ่ยคำเหล่านี้ขึ้นมาในใจเท่านั้น ก่อนจะพาร่างอันอ่อนแอเข้าสู่ก้นทะเล


คลื่นสาดซัดในทะเลเหนือ ใต้ก้นทะเลมีพระราชวังใหญ่โตอยู่หลังหนึ่ง แสงทุกชนิดที่เปล่งอยู่ในทะเลลึกดูศักดิ์สิทธิ์ไม่ธรรมดายิ่ง


“หยุดอยู่ตรงนั้น!”


ทันทีที่มัจฉาสัตมายามาถึง ก็มีเสียงตะโกนอย่างเย็นชาดังขึ้นมา ตามมาด้วยร่างของชายวัยกลางคนออกมาจากด้านในพระราชวัง


เขามีหน้าที่เฝ้าประตูพระราชวัง ขอบเขตของเขาสูงเป็นอย่างยิ่งเป็นถึงขั้นสูงสุด ทันทีที่เปิดตาก็ปรากฏภาพคล้ายนิมิตแปลกประหลาดขึ้นมาชวนตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง


“หืม ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”


เขาจดจำมัจฉาสัตมายาได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา “เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว เจ้าไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ของเจ้าคิดถึงเจ้ามากแค่ไหนในคุกใต้ดิน ตอนนี้เป็นเวลาดีที่จะให้ครอบครัวกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง!”


เฝ้าประตูนับเป็นงานสำคัญ และเขาคือหนึ่งในสมาชิกของสายเลือดมู่ขุย


มัจฉาสัตมายาแผ่จิตสังหาร ตวาดเสียงเย็นชา “หลีกไป!”


ดวงตาของชายวัยกลางคนทอประกายเย็นเยียบ “หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ ไม่คาดคิดเลยว่าทันทีที่กลับมาเจ้าจะระเบิดอารมณ์เช่นนี้ นี่หรือวิธีพูดคุยกับลุงของเจ้า!”


หลังจากนั้นเขากล่าวต่อไปว่า “รนหาที่ตาย ทะเลเหนือฟ้าเปลี่ยนสีไปนานแล้ว นี่ไม่ใช่ทะเลเหนือที่เจ้ารู้จักอีกต่อไปแล้ว ทั้งพ่อและแม่ของเจ้าถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน ยังมีผู้เฒ่าคนก่อนด้วย กล้าดีอย่างไรถึงกลับมา!”


ด้านหลังของเขามีหลายร่างยืนอยู่ ทั้งหมดต่างเป็นสมาชิกร่วมสายเลือดที่มีหน้าที่เฝ้าประตูพระราชวัง


เขาโบกมือ ก่อนจะมีเก้าอี้และโต๊ะลอยออกมาในพริบตา


บนโต๊ะมีถ้วยน้ำชาอยู่ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ


“เอาตัวมันมาให้ข้า สอนกฎใหม่กับเขาเสีย ให้เขาจำได้ขึ้นใจว่าตอนนี้ผู้ใดเป็นคนครอบครองทะเลเหนือ”


เขาพูดออกมาอย่างแช่มช้า ก่อนจะออกคำสั่งกับคนข้างหลังโดยไม่เห็นมัจฉาสัตมายาอยู่ในสายตา


ก็แค่ปลาตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง ต่อให้มีพรสวรรค์มากเท่าใดก็เป็นเพียงชนรุ่นหลัง ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล
บทที่ 524

ช่างเสแสร้งอะไรเช่นนี้!?


มัจฉาสัตมายาแสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ชายวัยกลางคนผู้นั้นนั่งบนเก้าอี้จิบชาอย่างสบายใจ สั่งให้ผู้อื่นจัดการมัน เป็นตัวสารเลวที่ช่างเสแสร้งเหลือเกิน!


หมาป่าหางโต*[1] ช่างเสแสร้งอะไรเช่นนี้!


ชอบดื่มชานักใช่ไหม?


ได้!


รอก่อนเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าได้ดื่มอย่างเต็มที่!


มัจฉาสัตมายาคิดขึ้นมาในใจ


“สุดยอดมาก...”


ลั่วสุ่ยที่อยู่ด้านข้างเห็นชายวัยกลางคนแสร้งวางท่าใหญ่โต พลันทำให้นางตกตะลึงเล็กน้อย เพราะไม่เคยเห็นผู้ชายวัยโตเช่นนี้เสแสร้งวางท่าขนาดนี้มาก่อน


นี่ให้ความรู้สึกว่า ชายวัยกลางคนไม่ได้เป็นเพียงขั้นสูงสุด แต่เป็นเทียนตี้ผู้ปกครองโลก!


ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!


นางชื่นชมจากใจจริง สามารถเสแสร้งได้ถึงเพียงนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้


ประกายแสงพุ่งเข้ามาทีละเส้น ร่างของคนหลายคนลงมือพร้อมกัน ต่างลงมือใส่มัจฉาสัตมายา


ขอบเขตความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา ทุกคนล้วนอยู่สูงกว่าขั้นกษัตริย์นักบุญ มีแม้กระทั่งผู้ที่เข้าสู่ขอบเขตสูงสุด นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของผู้ปกครองอาณาจักรเก้าตอนบน มีกำลังรบระดับสูงจำนวนมากอยู่ในการครอบครอง


ขั้นสูงสุดผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าประตูของพระราชวัง ทั้งยังมีกษัตริย์นักบุญ ภูมิหลังของเผ่ามัจฉาสัตมายาสามารถมองเห็นได้จากสิ่งนี้ ช่างน่าตื่นตะลึงเกินไป!


พวกเขาลงมือโจมตีพร้อมกัน พลังของขั้นนักบุญทรงพลังยิ่ง เจตนาไม่ปล่อยให้มัจฉาสัตมายามีโอกาสใด ทั้งยังช่วยกันใช้พลังจับตัวมัจฉาสัตมายาเอาไว้


ทว่ามัจฉาสัตมายาเค้นเสียงเย็นออกมา ก่อนพลังทั้งหมดที่จับตัวเองเอาไว้จะระเบิดออก!


นอกจากนี้ การโจมตีทั้งหลายยังถูกทำลายลงไปด้วย!


มัจฉาสัตมายาไม่ใช่ปลาตัวน้อยในขั้นนักบุญอีกต่อไป ตอนนี้มันแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก!


“อะไรกัน!”


“เป็นไปได้อย่างไร!?


สีหน้าของคนหลายคนแปรเปลี่ยนอย่างมากในชั่วพริบตา ใบหน้ามีความสยดสยองปรากฏขึ้นมา เพียงแค่หนึ่งเสียงก็สามารถทำลายการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาลงได้ มัจฉาสัตมายาแข็งแกร่งถึงเพียงไหนกัน!?


ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็คาดไม่ถึงเช่นเดียวกัน ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ชาที่เพิ่งจิบเข้าไปถูกพ่นออกมาทั่วเสื้อผ้าของเขา


นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!


มัจฉาสัตมายามีความสามารถฝืนฟ้าสวรรค์อย่างนั้นหรือ? ถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้โดยที่ยังเป็นเพียงวัยรุ่นเท่านั้น!?


แม้จะเป็นตัวเขาเอง ก็ไม่มีทางที่จะทำลายการโจมตีทั้งหมดได้ด้วยการเค้นเสียงเพียงครั้งเดียว!


ในช่วงที่มัจฉาสัตมายาหายตัวไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่!


ภายในใจของเขาเกิดความรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมากขึ้นมาทันที การกลับมาครั้งนี้ของมัจฉาสัตมายาอาจไม่ใช่เรื่องง่ายอะไร!


“ศัตรูบุก!”


เขาตะโกนออกมาเสียงดังทันใด แจ้งให้สมาชิกคนอื่นในเผ่าออกมาช่วย


ในขณะเดียวกัน เขาลุกขั้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว เตรียมตัวหนีออกไปจากที่นี่


มัจฉาสัตมายาแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ปะมือกับมัจฉาสัตมายา แต่ก็รู้ได้เลยว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ ความแข็งแกร่งของมัจฉาสัตมายาเหนือยิ่งกว่าเขาอย่างแน่นอน!


ถ้าไม่หนี เกรงว่าจุดจบของเขาอาจไม่มีอะไรดีนัก


ทว่ามัจฉาสัตมายาไม่ได้กะปล่อยให้เขาหนีไป เขาเพิ่งลุกจากเก้าอี้ แรงกดดันมหาศาลก็กดเข้าทับ บังคังให้เขากลับไปนั่งอยู่บนเก้าอี้


เขาหวาดกลัว รู้สึกอกสั่นขวัญหายเป็นอย่างยิ่ง!


นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!


ขอบเขตของมัจฉาสัตมายาไปถึงขั้นใดกัน!?


พลังที่กดดันมานี้ เขาไม่มีความสามารถแม้แต่จะต้านทาน ความห่างชั้นมีอยู่มากเกินไป จนไม่อาจเทียบได้!


“อย่าเพิ่งรีบไปไหนสิ!”


มัจฉาสัตมายายิ้มกว้าง “เจ้าชอบดื่มชาไม่ใช่หรือ? มาสิ วันนี้พวกเรามาดื่มกันให้เต็มอิ่ม!”


“เจ้า...เจ้าคิดจะทำสิ่งใด!”


สีหน้าของชายวัยกลางคนไม่น่าดูอย่างยิ่ง เขาตะโกนใส่มัจฉาสัตมายา “เจ้า...เจ้าอย่าเข้ามานะ!”


“มา พวกเรามาดื่มชากันเถอะ!”


มัจฉาสัตมายาเดินเข้ามาก่อนจะเทชาน้ำชาลงบนโต๊ะ ปล่อยให้ใบชาไหลลอยออกมา


“ข้าจะใช้น้ำทั้งหมดของทะเลเหนือมาชงชาให้เจ้าดื่ม เจ้าต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน!”


มัจฉาสัตมายากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม


มารดาเจ้าเถอะ!


กำลังกล่าววาจาไร้สาระอันใดอยู่!


ในถ้วยน้ำชามีใบชาอยู่เพียงไม่กี่ใบ ใช้น้ำทั้งทะเลเหนือมาชงได้ ยังจะสามารถเรียกสิ่งนี้ว่าการชงชาได้อีกหรือ? มันยังจะมีรสชาเหลือแม้แต่นิดหรือไม่?


เห็นได้ชัดว่ามัจฉาสัตมายาตต้องการจะกรอกน้ำทะเลเหนือให้เขา


บัดซบ!


เขาเป็นขั้นสูงสุด ทั้งยังเป็นเผ่ามัจฉาที่มีสายเลือดอันสูงส่ง แม้ว่าเขาจะดื่มน้ำทั้งหมดของทะเลเหนือก็ยังไม่เป็นอะไร


แต่ทว่า หากเขาถูกชนรุ่นหลังอย่างมัจฉาสัตมายาบังคับกรอกน้ำทั้งหมด นั่นนับเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง!


นี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย แต่นับเป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรง!


มารดามัน! หากรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก เหตุใดเขาจึงต้องหาเรื่องโดยการแสร้งทำท่าทางเช่นนั้นด้วย!


ชายวัยกลางคนอึดอัดคับข้องใจเป็นอย่างยิ่ง ตอนนั้นเขาเพียงนึกครึ้มเลยทำท่าทางเช่นนั้น ไม่คาดว่าจะเป็นการสร้างหายนะครั้งใหญ่ให้กับตัวเอง!


“เจ้า...อย่าสร้างเรื่อง!”


เขารีบพูดขึ้นมาหมายจะตักเตือนมัจฉาสัตมายา ทว่าทันทีที่เขาเพิ่งจะอ้าปาก น้ำทะเลจำนวนมากก็ไหลทะลักเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง!


มีพลังบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถปิดปากลงได้ เขาทำได้แต่เพียงปล่อยให้น้ำทะเลไหลเข้าไปในปากอย่างบ้าคลั่ง


ไม่นานหลังจากนั้น ท้องของเขาก็กลมและขยายใหญ่ขึ้น!


“ดื่มสิ ดื่มให้เต็มอิ่ม ทะเลเหนือของเรามีมุกสมุทรอยู่มากมาย ผลิตน้ำทะเลได้ไม่จบสิ้น ครั้งนี้เจ้าจะต้องได้ดื่มจนพึงพอใจอย่างแน่นอน!” มัจฉาสัตมายากล่าว


ไม่นะ!


หลังจากชายวัยกลางคนได้ยินสิ่งที่มัจฉาสัตมายากล่าว เขาพลันรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง


เขาจะต้องถูกน้ำทะเลกรอกจนตายหรือ!


ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็รู้สึกหดหู่อึดอัดคับข้องใจอย่างถึงที่สุด เขาเป็นถึงขั้นสูงสุดผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็นเผ่ามัจฉาที่มีสายเลือดสูงสุด หากถูกน้ำทะเลกรอกจนตาย จะยอมรับได้อย่างไร!


เขาคงถูกคนอื่นเยาะเย้ย!


ตอนนี้เขาเสียใจเป็นอย่างมากจนอดร้องไห้ออกมาไม่ได้


มุกสมุทรเป็นสมบัติที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สามารถผลิตน้ำทะเลออกมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้เขาจะเป็นขั้นสูงสุด ทั้งยังเป็นเผ่ามัจฉา ก็ไม่สามารถต้านทานน้ำทะเลที่มุกมหาสมุทรผลิตออกมาได้ หากมีน้ำทะเลกรอกลงมาเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาจะต้องถูกน้ำทะเลอันไม่มีที่สิ้นสุดกรอกจนตาย!


เขาร้องไห้ ร้องไห้ออกมาอย่างสุดชีวิต หลังจากนี้เขาจะไม่ดื่มชาอีกต่อไปแล้ว!


“นี่มัน!”


มู่จวินที่ตามมาด้วยได้แต่มองด้วยความตกตะลึง อดอุทานขึ้นมาในใจไม่ได้


เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด


เดิมทีเมื่อเขาเห็นชายวัยกลางคนแสดงท่าทางสบายใจเหยียดยามมัจฉาสัตมายา เขาก็ต้องการจะปรบมือให้กับชายวัยกลางคนทันที


แต่สุดท้ายก็หยุดตัวเองเอาไว้ เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก


“ยังดีที่หยุดเอาไว้!”


บนใบหน้าของเขามีเหงื่อไหลออกมา ภายในใจเต็มไปด้วยความโล่งอก ไม่คิดว่ามัจฉาสัตมายาจะน่าเกรงกลัวและอาจหาญถึงเพียงนี้ กระทั่งชายวัยกลางคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดก็ยังนับว่าอ่อนแอต่อหน้ามัจฉาสัตมายา ถูกมัจฉาสัตมายาจัดการโดยไม่อาจต้านทาน!


โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่เช่นนั้นจุดจบของเขาจะต้องน่าเวทนาอย่างแน่นอน!


ขณะเดียวกัน ก็มียอดฝีมือจำนวนมากเร่งรุดมาที่นี่


เมื่อพวกเขาเห็นน้ำทะเลจำนวนมากหลั่งไหลเข้าไปในปากของชายวัยกลางคนอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาต่างก็พากันตกตะลึง


สถานการณ์เป็นเช่นไรกันแน่!?


“ไม่ได้นะ เจ้ากระหายน้ำมากหรืออย่างไร? แต่ไม่ว่าเจ้าจะกระหายน้ำมากแค่ไหนก็ดื่มเช่นนี้ไม่ได้!”


ยอดฝีมือผู้หนึ่งอดพูดขึ้นมาไม่ได้ เขาคิดว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ดื่มน้ำทะเลด้วยตนเอง


เพราะว่าเขาไม่พบ ‘ศัตรูที่แข็งแกร่ง’ เลย ทั้งลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาต่างก็ดูไม่แข็งแกร่ง


บัดซบ!


เจ้ายังรู้นี่ว่ากระหายแค่ไหนก็ไม่อาจดื่มเช่นนี้ได้


เจ้ารู้แล้ว เหตุใดจึงยังพูดออกมาแบบนั้น!?


ได้นำสมองมาด้วยหรือไม่!


ชายวัยกลางคนยิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด เหตุใดจึงคิดเช่นนี้ออกมา เขาต้องถูกบังคับอย่างแน่นอน ไยจึงยังไม่มาช่วยเขาอีก!


เขากำลังจะระเบิดออกมาจริง ๆ ไม่รู้ว่าดื่มน้ำทะเลลงไปมากเท่าใด ท้องของเขาจึงขยายออกใหญ่เสียยิ่งกว่าพระราชวัง!


ไม่ต้องบรรยายเลยว่าเขาในตอนนี้อึดอัดมากเพียงใด!



[1] หมาป่าหางโต (大尾巴狼) ใช้ล้อเลียนคนเสแสร้ง วางท่าไปทุกที่
บทที่ 525

“ไม่ถูกต้อง! มีพลังคอยคุมการกรอกน้ำทะเลลงปากของเขา!”


ยอดฝีมือบางคนพบความผิดปกติ มีพลังบางอย่างอยู่ในน้ำทะเล เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนไม่ได้อยากดื่มน้ำทะเลด้วยตนเองเพราะความกระหายน้ำ


ยังจะต้องพิจารณาอีกหรือ?


ชายวัยกลางคนก่นด่าในใจ เหตุใดก่อนหน้านี้เขาจึงไม่รู้ว่าสมองของสหายยอดฝีมือเหล่านี้มีปัญหา!


“ฝีมือผู้ใด!?”


มียอดฝีมือตะโกนออกมาอย่างเย็นชาพร้อมประกายตาดุร้าย


“!!!”


ชายวัยกลางคนไร้คำจะเอื้อนเอ่ย สมองของพวกเขามีปัญหาจริง ๆ!


นอกจากมัจฉาสัตมายากับลั่วสุ่ย ยังมีคนนอกอยู่อีกหรือ?


ต้องเป็นฝีมือของมัจฉาสัตมายากับลั่วสุ่ยอยู่แล้ว!


ทว่าเขาอยากจะพูดออกมาเหลือเกิน ว่าอย่าเพิ่งหาคนมาคิดบัญชีได้หรือไม่ รีบจัดการกับพลังที่ควบคุมน้ำทะเลเสียก่อน!


เขาดื่มมามากเกินพอ เพียงแค่น้ำหยดเดียวก็ไม่คิดอยากดื่มอีกแล้ว!


น่าเสียดายที่ทั้งลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาต่างเก็บซ่อนพลัง ยอดฝีมือทั้งหมดต่างไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งจากทั้งสองคน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดว่าลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาเป็นผู้ลงมือ แต่มีสิ่งที่มีชีวิตที่ทรงพลังหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังคอยจัดการชายวัยกลางคน


แต่ก็ยังมียอดฝีมือบางคนยังตอบสนองแตกต่าง หลังพบว่าชายวัยกลางคนแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวเป็นพิเศษ ดูท่าน่าจะอิ่มน้ำจนเกินไป


เขาจึงรีบกล่าวออกมา “พวกเราต้องจัดการพลังที่ควบคุมน้ำทะเลก่อน!”


หลังจากนั้นเขาก็ลงมือ ตั้งใจจะทำลายพลังที่ควบคุมน้ำทะเล


“อย่าเพิ่งรีบสิ เขายังดื่มไม่เต็มอิ่มเลย”


ในตอนนั้นเองมัจฉาสัตมายาก็ลงมือ เขาโบกมือเบา ๆ ขัดขวางพลังที่ยอดฝีมือผู้นั้นปะทุออกมาทันที


พรึ่บ!


พริบตานั้นเอง สายตาของยอดฝีมือต่างจับจ้องไปที่มัจฉาสัตมายา แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!


พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่ามัจฉาสัตมายาจะทรงพลังถึงเพียงนี้ เมื่อครู่ผู้ที่ลงมือเป็นขั้นสูงสุด แต่กลับถูกมัจฉาสัตมายาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจอะไรครั้งหนึ่ง กลับสามารถขัดขวางพลังที่ปะทุออกมาของขั้นสูงสุด!?


สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!


ตอนนี้พวกเขาเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง ไม่มีสิ่งมีชีวิตทรงพลังอะไรเร้นกายอยู่ แต่เป็นมัจฉาสัตมายาที่ลงมือ!


ใช่แล้ว แม้ว่าขอบเขตของมัจฉาสัตมายาจะอยู่ในขอบเขตสูงสุดเพียงเท่านั้น แต่พลังในร่างกายของเขาอยู่เหนือยิ่งกว่าขอบเขตสูงสุดมานานแล้ว!


เขาเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดสะท้านฟ้าดินเพราะสระน้ำในลานของคุณชาย สายเลือดของเขาพัฒนาขึ้นหลายเท่า เช่นเดียวกับด้านอื่น ๆ ที่ผ่านการพัฒนาขึ้นอย่างมาก


ในสถานการณ์ปัจจุบัน สามารถกล่าวได้ว่าไม่นับเป็นปัญหาอันใดสำหรับเขาในการต่อสู้ข้ามขอบเขต กระทั่งขั้นนภาสูงสุดที่อยู่เหนือขั้นสูงสุดก็ไม่อาจเป็นคู่ปะมือ เขาสามารถต่อกรกระทั่งขั้นบัญญัติสูงสุดได้!


นอกจากนี้ยังไม่นับรวมพลังอันมหาศาลที่สะสมอยู่ในร่างของเขา


เขาดื่มน้ำด้านในสระ ทั้งยังได้รับอาหารจากคุณชาย ภายในร่างเปี่ยมด้วยพลังมหาศาล แต่เนื่องจากระยะเวลาสั้นเกินไปทำให้เขายังไม่ได้ขัดเกลาพลังเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังของเขาเอง


ทว่าเขาก็ยังสามารถใช้พลังอันมหาศาลเหล่านั้นในการต่อสู้ได้!


หากเขาใช้พลังมหาศาลเหล่านั้นต่อสู้ กระทั่งขั้นวิถีสูงสุดหรือกึ่งจักรพรรดิก็สามารถต่อสู้ได้!


พลังในร่างกายของเขามีสะสมอยู่มากเกินไป ไม่ต้องพูดถึงการขัดเกลาอย่างสมบูรณ์เลย หากเขาสามารถขัดเกลาได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็ยังสามารถบรรลุขอบเขตจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย


“เขาจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงไหนกันเชียว!?”


“ลุย!”


ยอดฝีมือทั้งหมดตะโกนออกมาเสียงดัง ก่อนจะเริ่มลงมือพุ่งเข้าหาหมายสังหารมัจฉาสัตมายา


ฝั่งพวกเขามีทั้งขั้นสูงสุด ขั้นนภาสูงสุด ขั้นบัญญัติสูงสุด กระทั่งขั้นวิถีสูงสุดก็ยังมี ไม่ว่ามัจฉาสัตมายาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งหมดได้!


พวกเขาเชื่อเช่นนั้น!


ตู้ม!


บังเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นใต้ก้นทะเล แม้พวกเขาจะเชื่อว่ามัจฉาสัตมายาจะสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้ แต่ก็ยังคงไม่ประมาท ทั้งยังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ละคนต่างทุ่มกำลังทั้งหมดโดยไม่ออมแรงเอาไว้สักนิด


มัจฉาสัตมายาไร้ซึ่งความหวาดเกรง ทั้งร่างมีแสงเจิดจ้าจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งออกมา เขาเรียกใช้พลังมหาศาลในร่าง ทำให้พลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าทันที


เขาเป็นดั่งจ้าวสงครามไร้ผู้ต้าน แม้เผชิญหน้ากับคนจำนวนมากเพียงลำพังก็ไม่ได้ดูตกเป็นรองสักนิด ถึงกับดูเหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ กำปั้นทั้งสองข้างมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวและแข็งแกร่งเป็นพิเศษกระเพื่อมออกมา ยอดฝีมือถูกเขาทำให้ปลิวกระเด็นไปทีละคนทีละคน จนบาดเจ็บสาหัสกระอักเลือด


“นี่...เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือ!!!”


มู่จวินกลืนน้ำลายหนืดลงคอ ภายในใจสั่นสะท้านเต้นระรัวอย่างถึงที่สุด!


ยอดฝีมือจำนวนมากลงมือโจมตีพร้อมกัน ทั้งหมดต่างก็อยู่ขอบเขตสูงสุด ทว่ามัจฉาสัตมายาก็ยังคงเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว หนึ่งหมัดชกเกิดระเบิดหนึ่งครั้ง ช่างน่าตื่นตะลึงเหลือเชื่อยิ่ง!


‘เขาต้องกินโอสถเซียนเข้าไปแน่!’


มู่จวินอดเอ่ยความในใจขึ้นมาไม่ได้


มัจฉาสัจมายาหายตัวไปเพียงประมาณหนึ่งปี กลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าหวาดกลัวผิดปกติเป็นอย่างมาก เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาจริง ๆ ว่ามัจฉาสัตมายาได้กินโอสถเซียนเข้าไปตอนอยู่ด้านนอกหรือ ไม่เช่นนั้นมัจฉาสัตมายาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร!


“ยังมีรากฐานที่ดี...”


อีกด้านหนึ่ง ลั่วสุ่ยกล่าวออกมาหนึ่งประโยค


สายเลือดของมัจฉาสัตมายาไม่สามัญธรรมดา หลังจากเกิดเปลี่ยนแปลงยิ่งไม่ธรรมดามากขึ้น น่าอัศจรรย์อย่างเทียบไม่ติด ทำให้สามารถระดมพลังมหาศาลที่สะสมในร่างกายออกมาได้อย่างง่ายดาย


ยอดฝีมือคนแล้วคนเล่าถูกมัจฉาสัตมายาจัดการลงไปกองกับพื้น ทั้งหมดต่างไม่ใช่คู่ต่อกรของมัจฉาสัตมายา!


“พอได้แล้ว!”


ขณะนั้นเอง ก็มีชายชราผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมา เขาตะโกนอย่างเย็นชา พลังอันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งปะทุขึ้นทำให้มัจฉาสัตมายาต้องถอยไปอีกด้าน


ปู่ของมู่จวิน ผู้นำเผ่ามัจฉาสัตมายาคนปัจจุบัน ‘มู่ขุย’ ออกมาแล้ว!


นี่คือเทียนตี้ผู้หนึ่ง พลังที่แผ่ออกมาน่ากลัวเกินไป รอบด้านมีกฎแห่งสวรรค์และโลกปรากฏอย่างเลือนราง ตามมาด้วยเสียงตะโกนให้หยุดสะท้อนกึกก้อง!


“ได้รับพลังเล็กน้อยมาจากภายนอก เมื่อกลับมายังกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้?”


เขาจับจ้องไปทางมัจฉาสัตมายาด้วยสายตาเฉียบคม ดวงตาประหนึ่งสามารถสังหารได้ทุกสิ่ง ทำให้มัจฉาสัตมายาอดตกใจกลัวขึ้นมาไม่ได้


ขอบเขตของมัจฉาสัตมายาต่ำเกินไป ต่างชั้นจากเทียนตี้ที่เป็นจุดสูงสุดมากเกินไป


แม้ในร่างของเขาจะมีพลังมหาศาลสะสมอยู่ ทว่าเขาก็สามารถนำมันทั้งหมดออกมาได้อย่างเต็มที่ อย่างมากสุดก็สามารถต่อกรกับกึ่งจักรพรรดิได้ ไม่ต้องพูดถึงเทียนตี้ กระทั่งขอบเขตจักพรรดิยังไม่อาจสู้ได้!


“มีฝีมือแค่ผู้อาวุโสรังแกผู้น้อยอย่างนั้นหรือ!?”


ลั่วสุ่ยก้าวออกมาด้านหน้ามัจฉาสัตมายาด้วยดวงตาใส่กระจ่าง ขณะกล่าวกับมู่ขุย


นางแข็งแกร่งกว่ามัจฉาสัตมายามาก


ในยามที่นางยังอยู่ในร่างแมวก็นับได้ว่าแข็งแกร่งกว่ามัจฉาสัตมายามาก


หลังจากที่นางเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น!


เพราะหลังจากที่นางอยู่ในร่างมนุษย์แล้ว คุณชายก็สอนนางทั้งการเล่นฉิน เดินหมาก เขียนพู่กัน และการวาดภาพ ขอบเขตของนางจึงยิ่งพัฒนาอย่างก้าวกระโดด!


“หากมีความสามารถจริงก็มาสู้กับข้า!”


นางกล่าวออกมา


“…”


หลังจากได้ยินที่ลั่วสุ่ยกล่าว เหล่าผู้แข็งแกร่งต่างพูดไม่ออก!


พวกเขายังคิดอยู่เลยว่าลั่วสุ่ยต้องการจะพูดสิ่งใด ที่แท้ก็จะพูดเช่นนี้...!


นี่มันอะไรกัน!


มีความแตกต่างอันใด?


อ่า มัจฉาสัตมายาเป็นผู้น้อยแล้ว เจ้าไม่ยิ่งเป็นผู้น้อยกว่าอย่างนั้นหรือ?


กลิ่นอายของลั่วสุ่ยเต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ เห็นได้ชัดว่านางกับมัจฉาสัตมายาต่างก็ล้วนเป็นชนรุ่นเยาว์


“สู้กับเจ้า? เจ้าคิดว่าตนเองมีค่าอันใดกัน? ท่านปู่เพียงแค่ยื่นนิ้วออกมาก็สามารถบดขยี้เจ้าจนตายได้!”


มู่จวินรีบวิ่งไปอยู่ด้านข้างปู่ของเขา ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความเหยียดหยามและไร้กังวล


ท่านปู่ของเขามาแล้ว จะไม่มีเรื่องอะไรนอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น เขาไม่จำเป็นต้องอดกลั้นไม่กล้าพูดสิ่งใด เขาสามารถพูดสิ่งใดก็ได้ตามที่เขาต้องการ


“อายุยังน้อย ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ! แม้กระทั่งปู่ของข้ายังกล้าท้าทาย! หลงเหลือทางรอดให้ตัวเองบ้าง อย่าคิดรนหาที่ตายเช่นนี้”


มู่จวินกลับมาหยิ่งผยองอีกครั้ง เขากล่าวย้อนคืนคำพูดของลั่วสุ่ยอย่างไร้ความหวั่นเกรง


เขามองไปที่ลั่วสุ่ยอย่างเย้ยหยัน “ถ้าหากเจ้าไม่ตายก็จะไม่มีความสุขอย่างนั้นหรือ?”


ก่อนหน้านี้เขาคับแค้นเป็นอย่างมาก ในที่สุดตอนนี้ก็สามารถกลบฝังความอับยศได้แล้ว!


ไม่ต้องกล่าวเลยว่าเขารู้สึกสุขสมแค่ไหน!


ความสุขสมของเขาแทบจะล้นฟ้า!