‘เกรงว่าที่คุณชายเก็บข้าไว้ข้างกาย ก็เพื่อให้ข้าได้เป็นกำลังในการต่อกรกับสิ่งมีชีวิตนอกอาณาจักร!’
ตงฟางเวิ่นนึกย้อนกลับไปอีกครั้ง ถึงเหตุผลที่คุณชายเก็บเขาไว้ข้างกาย
ก่อนนี้เขาคิดไม่ตกมาโดยตลอด บัดนี้ถึงเริ่มมีเค้ามีโครง
นี่อย่างไร ยามนี้คุณชายเตรียมหน้าที่ไว้สำหรับเขาแล้ว!
น่ากลัวว่าคุณชายวางแผนทั้งหมดไว้แต่แรก!
“ฮ่า ๆ เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ข้าจะไปช่วยเดี๋ยวนี้!”
ตงฟางเวิ่นเอ่ยยิ้ม ๆ
“มีผู้เฒ่าเวิ่นคอยช่วย ปัญหาทั้งหมดย่อมคลี่คลายลงได้แน่!”
เซี่ยเหยียนยิ้ม มั่นใจในตัวตงฟางเวิ่นมาก
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นผู้ที่คุณชายเลือก และวางแผนไว้แต่แรก คงมิมีสิ่งใดผิดพลาด
“ใช่แล้ว! ปัญหาเหล่านี้ล้วนมิใช่ปัญหา!”
ตงฟางเวิ่นกล่าว “กองกำลังฮวงเฉวียนสืบเสาะข้อมูลของกองกำลังภายนอกเหล่านี้มานาน รู้เรื่องของกองกำลังภายนอกลึกทีเดียว เพียงแค่พวกเราไปที่กองกำลังฮวงเฉวียน พวกเราก็จะได้ทราบสถานการณ์และตำแหน่งที่ตั้งของกองกำลังภายนอก”
เบื้องหลังของกองกำลังฮวงเฉวียนคืออาณาจักรฮวงเฉวียน
และอาณาจักรฮวงเฉวียนเป็นเหมือนกับที่กองกำลังภายนอกเข้าใจ ทำไปเพื่อดินแดนนั้นทั้งสิ้น
สำหรับอาณาจักรฮวงเฉวียน กองกำลังภายนอกเหล่านี้ถือเป็นคู่แข่งพวกมัน ด้วยเหตุนี้ อาณาจักรฮวงเฉวียนจึงลงมือล้วงข้อมูลของกองกำลังภายนอกเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต จวบจนมีข้อมูลของกองกำลังภายนอกอยู่ในมือ
เขามิใช่สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรฮวงเฉวียน หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตในท้องที่ของอาณาจักรนี้ ถูกกองกำลังฮวงเฉวียนรับไปในภายหลัง เขามิใช่สมาชิกชั้นสูงของกองกำลังฮวงเฉวียน ไม่เคยมีข่าวสารของกองกำลังภายนอกในมือ
ข้อมูลซึ่งเกี่ยวข้องกับกองกำลังภายนอกล้วนอยู่ในมือสมาชิกระดับสูงของกองกำลังฮวงเฉวียน
“กองกำลังฮวงเฉวียนมีลู่ทางติดต่อกับภายนอกเช่นกัน พอดี เราไปผนึกเส้นทางเชื่อมต่อภายนอกในกองกำลังฮวงเฉวียนก่อน แล้วค่อยสืบเสาะสถานการณ์ของกองกำลังภายนอกจากภายในกองกำลังฮวงเฉวียน
ตงฟางเวิ่นคลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่าฐานหลักของกองกำลังฮวงเฉวียนอยู่ที่ใด แต่ข้ารู้ตำแหน่งตำหนักย่อยแห่งหนึ่ง พวกเราบุกเข้าไปที่ตำหนักย่อยนี้ก่อนก็ได้”
ตำแหน่งที่ตั้งของฐานหลักกองกำลังฮวงเฉวียนลึกลับเป็นที่สุด มีเพียงระดับสูงในกองกำลังฮวงเฉวียนเท่านั้นที่รู้
แม้นเขาเป็นถึงสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้า กระนั้นยังไม่ทราบว่าฐานหลักกองกำลังฮวงเฉวียนอยู่ที่ใด
ทว่า เป็นดั่งที่เขาว่า เขาบุกไปยังตำหนักย่อยแห่งนั้นก่อนก็ได้
นายตำหนักย่อยผู้นั้นมาจากอาณาจักรฮวงเฉวียน ถือเป็นสมาชิกระดับสูงในกองกำลังฮวงเฉวียน รู้ว่าฐานหลักของกองกำลังฮวงเฉวียนอยู่ที่ใด
“ได้!”
หลังเซี่ยเหยียนได้ฟังคำกล่าวของตงฟางเวิ่น ก็ยิ่งสบายใจขึ้นไปใหญ่
จากนั้น เซี่ยเหยียนบอกลาตงฟางเวิ่น ส่วนตงฟางเวิ่นก็เริ่มลงมือ มุ่งหน้าไปรวมตัวกับพวกผู้เฒ่าเมิ่งจี
...
ณ ตำหนักย่อยฮวงเฉวียนบนยอดเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
“ฮัดชิ้ว!”
แต่เดิมนายตำหนักย่อยสุขสบายดี แต่ทันใดนั้นกลับจามออกมา
“บัดซบ ไยข้าจึงสังหรณ์ใจไม่ดีนัก!?”
เขาเอ่ยเสียงเบา นับแต่จามครั้งนี้ อารมณ์ของเขาพลันหนักอึ้ง รู้สึกคล้ายถูกใครบางคนหมายหัว กำลังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเขา!
“คงมิใช่หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นกระมัง!?”
ใบหน้าชราของเขาคร่ำเครียด นึกถึงหลี่จิ่วเต้าขึ้นมา
“ข้าส่งตระกูลหานออกไปหมดแล้ว คงมิใช่ว่าหลี่จิ่วเต้ายังคิดบุกมาที่นี่อีกกระมัง”
เขาสบถก่นด่า ยามนี้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้า หัวใจยังคงร้าวราน!
เริ่มจากสมาชิกเก่งกาจที่สุดแห่งเครือข่ายข่าวสารขั้นสามขั้นสี่ หนานเจี๋ยและอู๋ฉีถูกหลี่จิ่วเต้าสังหาร ต่อมา สมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้า ตงฟางเวิ่นถูกหลี่จิ่วเต้าจับกุมตัวไว้
สุดท้าย เพื่อดับโทสะของหลี่จิ่วเต้า เขาส่งตระกูลหานซึ่งแต่เดิมต้องเป็นทาสรับใช้ให้พวกเขาไปชั่วกัปชั่วกัลป์ไปให้ ซ้ำยังตัดขาดการติดต่อทั้งหมด เช่นนี้เพราะตั้งใจยกให้หลี่จิ่วเต้า ให้เขาหายโกรธ!
กองกำลังฮวงเฉวียนของพวกเขาเสียหายอย่างหนักกับหลี่จิ่วเต้า!
“หากมิใช่เพราะแดนบรรพโกลาหล ข้าไฉนเลยต้องอดสูเยี่ยงนี้!”
สายตาเขาทอประกายดุดัน ไม่กลัวหลี่จิ่วเต้าอะไรนั่นสักนิด
แม้ว่าผู้ที่เขาส่งไปจัดการหลี่จิ่วเต้าต่างลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ จนบัดนี้เขายังไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของหลี่จิ่วเต้า
ทว่าหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งได้สักปานใด?
จะต่อกรกับทั้งอาณาจักรฮวงเฉวียนของพวกเขาไหวเชียวหรือ?
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
อย่าว่าแต่ต่อกรกับทั้งอาณาจักรฮวงเฉวียนของพวกเขาเลย ลำพังตำหนักย่อยเพียงแห่งเดียวของเขา ก็มิใช่สิ่งที่หลี่จิ่วเต้าต่อกรด้วยได้!
ตำหนักย่อยของเขามิได้มีกำลังต่ำต้อย เป็นรองเพียงฐานหลักเท่านั้น ที่นี่มียอดฝีมือมากมาย หากมิใช่ว่าฐานหลักต้องคำนึงถึงการใหญ่ ไม่ต้องการให้เขามีปัญหาไปมากกว่านี้ เขาไม่อยากรามือง่าย ๆ เช่นนี้สักนิด และไม่อยากปล่อยทั้งตระกูลหานไปง่าย ๆ ด้วย
“ถ้าหากหลี่จิ่วเต้ามาจริง พอดีเลย! มาคิดบัญชีทั้งหนี้แค้นเก่าและหนี้แค้นใหม่ในคราเดียว!”
นายตำหนักย่อยเอ่ยเสียงเย็น
ฐานหลักไม่ต้องการให้เขาสร้างปัญหา แต่ถ้าหลี่จิ่วเต้าเป็นฝ่ายมาหาเอง เช่นนั้นคงมิใช่เขาที่สร้างปัญหา
เขาเริ่มตั้งตารอให้หลี่จิ่วเต้ามาที่นี่แล้ว
ตำแหน่งตำหนักย่อยของเขาลึกลับอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตที่รู้มีเพียงน้อยนิด ทว่าตงฟางเวิ่นถูกหลี่จิ่วเต้าจับกุมไว้ และหลี่จิ่วเต้ายังคลายผนึกในตัวตงฟางเวิ่นให้ด้วย คิดแล้วป่านนี้ตงฟางเวิ่นคงกลายเป็นคนของฝ่ายหลี่จิ่วเต้าไปแล้ว
และตงฟางเวิ่นรู้ตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักย่อยนี้
“มาเถิด ให้ตงฟางเวิ่นพาเจ้ามา กล้ามา ข้าไม่มีทางปล่อยให้รอดกลับไปได้แน่!”
นายตำหนักย่อยหัวเราะเสียงเย็น ตำหนักย่อยนี้ไม่เพียงแต่มียอดฝีมืออยู่คณานับ อีกทั้งยังมีผนึกและมหาค่ายกลสถิตอยู่มากมาย แม้แต่ระดับเทียนตี้หากบุกรุกเข้ามาที่ตำหนักย่อยนี้โดยพลการ ย่อมต้องตายไม่มีที่ฝัง!
หากเป็นที่อื่น บางทีเขาอาจกังวลอยู่บ้าง ถึงอย่างไรหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ก็ดูน่าพิศวง เดาตื้นลึกหนาบางไม่ถูก
ลำพังเรื่องที่หลี่จิ่วเต้ามีวิธีคลายผนึกในตัวตงฟางเวิ่นก็เป็นเรื่องที่พิกลอย่างยิ่ง ผนึกนั้นใช่ว่าอยากคลายก็คลายได้
เป็นไปได้สูงว่าหลี่จิ่วเต้าคือเทียนตี้ตนหนึ่ง!
ทว่าที่แห่งนี้ ในถิ่นของเขา ต่อให้หลี่จิ่วเต้าเป็นถึงเทียนตี้ก็เท่านั้น กล้ามาก็ต้องตายอยู่ที่นี่!
“แน่จริงเจ้าก็มาเลย!”
เขาหัวเราะ ไม่มีผู้ใดสามารถทำตามอำเภอใจในถิ่นของเขาได้ เพราะอย่างนั้นหลี่จิ่วเต้าก็ไม่มีทางได้กำแหง!
...
ขณะเดียวกัน หยวนอีมาอยู่บนเกาะอันเป็นที่ตั้งของโพรงมังกร
มีสี่กระบี่ประหารเซียนในมือ ครั้งนี้ไม่ว่าในโลงศพสีชาดนั้นมีสิ่งใดอยู่ นางก็ไม่หวั่น!
“พลิกฝาโลงของเจ้าออกมา ให้ข้าได้ดูหน่อยว่าเจ้าเป็นตัวอะไร!”
หยวนอีย่างกรายเข้าไปยังส่วนลึกของเกาะทีละก้าว
ระหว่างนี้ นางสั่งให้สิ่งมีชีวิตบนเกาะแห่งนี้ไปให้หมด
บนเกาะนี้มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่มากมาย หลังจากนางพลิกฝาโลงสีชาดนั้นขึ้น ต้องมีสงครามใหญ่ปะทุขึ้นที่นี่แน่นอน ขืนสิ่งมีชีวิตบนเกาะนี้ไม่รีบไป เกรงว่าต้องพบเจออันตราย
“พวกเจ้าจงไปเสีย ไปยังสถานศึกษาเทียนตี้ที่จวินโจว ไปถึงแล้วเห็นว่าช่วยอะไรได้จงช่วย”
หยวนอีบอกให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้รุดหน้าไปที่สถานศึกษาเทียนตี้ในจวินโจว
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนมีความสามารถไม่ธรรมดา มีกำลังรบเหนือนักบุญขึ้นไปไม่น้อยทีเดียว ด้านสถานศึกษาเทียนตี้สามารถยืมกำลังจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้แน่
เดิมนางให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่ที่นี่ต่อก็เพื่อคอยเฝ้าโพรงมังกร ป้องกันมิให้คนนอกเข้าไป
ทว่าบัดนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป
ทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้จะต้องจบลง
จากนั้น นางก็พุ่งเข้าไปในโพรงมังกร!
บทที่ 502
“คลื่นพลังที่กระเพื่อมในนี้น่ากลัวไปหน่อย…”
หลังเข้ามาในโพรงมังกร หยวนอีรู้สึกถึงคลื่นพลังน่ากลัวซัดสาดออกจากส่วนลึกของโพรงมังกรกระแสแล้วกระแสเล่า
นี่ก็ได้เครื่องประดับกระบี่หยกบนคอนางช่วยขวางกั้นคลื่นพลังอันน่าสะพรึงนี้ไว้ ไม่อย่างนั้น ลำพังขอบเขตพลังของนาง อย่าว่าแต่ก้าวเดินต่อไปเลย บัดนี้นางคงได้ตายด้วยกระแสคลื่นพลังที่ซัดสาดเข้ามาแล้ว!
“ดูท่าคงใกล้ออกมาแล้วจริง ๆ!”
นางรู้ดีว่าคลื่นพลังน่ากลัวเหล่านี้มาจากที่ใด นี่คือคลื่นพลังที่โถมทับออกจากโลงศพสีชาด
คลื่นพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงเยี่ยงนี้ ดูท่าสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดใกล้ออกมาแล้วจริง ๆ!
“ยังดีที่ข้าตระหนักได้ในตอนท้ายสุด มิฉะนั้นคงสายเกินแก้…”
นางเอ่ยในใจอย่างนึกโชคดี
ตอนนี้ยังไม่ถือว่าสาย สิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดยังไม่ออกมา การฆ่าล้างยังไม่เริ่มต้น
แต่หากว่าครานั้นนางตระหนักไม่ได้ จนเวลาเลยผ่านไปอีกหน่อย คงเป็นการสายจริง ๆ สิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดจักออกมา การฆ่าล้างคงกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงมิได้
ครืนคราน!
เวลานั้นเอง จู่ ๆ ก็มีคลื่นพลังอันสยดสยองยิ่งกว่าแผ่พุ่งออกจากส่วนลึกของโพรงมังกร โพรงมังกรถล่มในบัดดล แม้กระทั่งเกาะแห่งนี้ก็กำลังจะถล่มตามไปด้วย!
น้ำทะเลกระเพื่อมขึ้นลงราวกับถึงจุดเดือด คลื่นยักษ์ซัดสาดไม่หยุด กลืนกินท่วมท้นทุกสิ่ง!
แคร่ก!
ธรณีที่เคยสว่างไสว มืดมิดในบัดดล เมฆครึ้มปกคลุมบนฟ้า บดบังสุริยัน อสนีบาตมโหฬารอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากมายฟาดลงมา เกิดเป็นภาพการณ์น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง!
กระบี่หยกที่คอของหยวนอีเปล่งแสง คุ้มกันนางไว้ ป้องกันคลื่นพลังทั้งปวงจากนาง มิฉะนั้น นางคงแหลกสลายไปในพริบตา
ยังดีที่หยวนอีบอกให้สิ่งมีชีวิตบนเกาะไปจากที่นี่แล้ว มิฉะนั้นสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นไม่มีทางรอดสักตน แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตระดับนักบุญขึ้นไปก็เช่นกัน!
คลื่นพลังในยามนี้ อย่าว่าแต่ขอบเขตนักบุญเลย ต่อให้เป็นจ้าวสูงสุด หรือแม้แต่มหาจักรพรรดิ ก็ต้องถูกสังหารในพริบตา!
โฮก!
เสียงมังกรคำรามดังขึ้น มังกรดำมหึมาตัวหนึ่งพุ่งออกจากโพรงมังกรที่ถล่มไปแล้ว มันว่ายวนไปอย่างไร้ทิศทางในชั้นเมฆ เกล็ดสีดำเปล่งประกายเย็นเยียบชวนผวา ลมหายใจมังกรที่พ่นออกมาตามจมูกและปากนั้นแม้กระทั่งมิติผืนนี้ยังรับไม่ไหว ระเบิดแหลกเหลวเป็นแถบ ๆ
นายท่านตื่นขึ้น ในที่สุดมันก็ไม่ต้องขลุกอยู่แต่ในโพรงมังกร มันกลับมามีอิสระอีกครั้ง ซ้ำขอบเขตพลังของมันก็ฟื้นคืนกลับมาแล้วทั้งสิ้น!
ก่อนนี้ในตัวมันมีผนึก ไม่เพียงแต่ไปจากโพรงมังกรมิได้ ขอบเขตพลังในตัวพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย มิได้อยู่ในจุดสูงสุดที่เคยอยู่
จากนั้น โลงศพสีชาดโลงหนึ่งเหินออกมา ตั้งตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า อักขระซับซ้อนยากจะเข้าใจมากมายสลักอยู่บนนั้น อีกทั้งยังมีเปลวเพลิงสีม่วงแสนพิศวงลุกโชติอยู่รอบ ๆ น่าสะพรึงเหลือคณา!
“เจ้ายังกล้ามาอีกรึ! ฮ่า ๆ เจ้ามาได้พอดี! ข้ากับนายท่านจะได้ไม่ต้องไปหาเจ้า!”
ท่ามกลางชั้นเมฆา เนตรมังกรดำมีขนาดใหญ่กว่าแท่นบดเสียอีก มันเอ่ยขณะจ้องมองหยวนอีอย่างเย็นชา
“อย่างนั้นหรือ”
หยวนอีมีสีหน้าสงบ ปราศจากความเกรงกลัว มีสี่กระบี่ประหารเซียนในมือ ซ้ำภายในยังมีค่ายกลประหารเซียนแฝงอยู่ ไม่ว่าสิ่งที่อยู่ในโลงศพคือตัวอะไร นางก็ไม่กลัว!
“เจ้ามนุษย์เดนตาย ข้าจะกินเจ้าเข้าไปบัดเดี๋ยวนี้!”
มังกรดำเห็นใบหน้าเรียบเฉยเยี่ยงนี้ของหยวนอี โกรธเกรี้ยวเหลือแสน ปรี่เข้าไปทำร้ายหยวนอี!
ก่อนนี้มันมิใช่คู่ต่อสู้ของหยวนอี เพราะขอบเขตพลังของมันมิได้อยู่ในระดับสูงสุดของตน
ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน!
พลังของมันฟื้นคืนจนถึงระดับสูงสุดแล้ว!
หยวนอีไม่มีทางขู่มันได้อีก!
“ขออภัย ฟันเจ้ามิได้สุขภาพดีขนาดนั้น เจ้ากินข้าไม่ได้”
หยวนอีเรียกเครื่องประดับกระบี่หยกที่คอออกมา จากนั้น กระบี่หยกขยายใหญ่ตามลม กลายเป็นเล่มมหึมาในเวลาไม่นาน ราวกับเป็นกระบี่ที่ทำด้วยผืนฟ้า!
นางมิได้ใช้สี่กระบี่ประหารเซียน เพราะแค่จัดการมังกรดำยังไม่จำเป็นต้องใช้
กระบี่ประหารเซียนมีไว้จัดการกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาด!
“ยังคิดสู้กับข้าด้วยกระบี่เส็งเคร็งเล่มนี้อีกหรือ!?”
มังกรดำขำพรืด “บัดนี้พลังของข้าฟื้นคืนระดับสูงสุดแล้ว ข้าเป็นถึงเทียนตี้ชั้นยอด เจ้าไม่มีทางกำราบข้าได้ด้วยกระบี่เส็งเคร็งเล่มนั้น!”
มันกล่าวต่อ “บัดซบ บังอาจหาว่าสุขภาพฟันข้าไม่ดี ข้าจะกัดกระบี่เส็งเคร็งของเจ้าให้พังย่อยยับเลยคอยดู!”
กระบี่หยกจู่โจม แสงกระบี่ส่องทาบทับไปทั้งปฐพี ทว่ามังกรดำหาได้หวาดหวั่นไม่ มันอ้าปากกัดเข้าไป!
พลังของมันฟื้นคืนสู่ระดับสูงสุดแล้ว ยังต้องหวาดหวั่นอันใดอีก ไม่จำเป็นต้องรู้สึกกลัวเลยสักนิด!
แคร่ก!
ทว่า หลังมันกัดลงไป ก็นิ่งค้างไปในบัดดล น้ำตามังกรพรั่งพรูลงมา!
เวรเอ๊ย!
กระบี่กระไรนี่!
มันกัดไปคำเดียว ฟันมังกรแหลกทั้งปาก!
“ข้าบอกแล้วแท้ ๆ ว่าสุขภาพฟันเจ้าไม่ดี”
หยวนอีหัวเราะเบา ๆ หากต้องต่อกรกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดด้วยกระบี่หยก นางไม่มีความมั่นใจเท่าใด แต่ถ้าต่อกรกับมังกรดำ นางมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
ต่อให้มังกรดำฟื้นพลังกลับมาถึงระดับสูงสุด เป็นกำลังรบขั้นเทียนตี้ก็ตาม
โฮก โฮก โฮก!
มังกรดำคำรามกราดเกรี้ยว มันไม่เชื่อว่าพลังของมันฟื้นคืนสู่ระดับสูงสุดแล้วยังต่อกรกับกระบี่หยกเล่มนี้ไม่ไหว!
มันเปล่งพลังเต็มสูบ ปล่อยมหาวิชาออกไปวิชาแล้ววิชาเล่า ทว่า เมื่อเผชิญกับกระบี่หยกเล่มนี้ ก็ไม่อาจแผลงฤทธิ์ใด ๆ!
กระบี่หยกกวาดล้างออกไป ประดุจสายลมสารทฤดูที่กวาดล้างใบไม้ร่วง มหาวิชาทั้งหลายแหลกเหลวในพริบตา!
ฟึ่บ!
กระบี่หยกเหินขึ้นจนอยู่เหนือมังกรดำ ตวัดออกไปใส่มังกรดำ!
ปราณกระบี่เล็งศีรษะมังกรดำ ไม่ว่ามังกรดำหนีไปที่ใดก็เปล่าประโยชน์ กระบี่เล่มนี้ต้องฟันลงไปบนศีรษะมังกรดำอย่างแน่นอน!
“นายท่านช่วยข้าด้วย!”
มังกรดำตะโกนขอความช่วยเหลือจากเจ้านายของมัน
กระบี่มังกรน่าพรั่นพรึงเกินไป ขืนฟันลงมาจริง ๆ ต่อให้มันเป็นถึงเทียนตี้ชั้นเลิศก็เท่านั้น ต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน
มันสะท้านใจเหลือแสน นี่คือกระบี่หยกระดับใดกันแน่ เหตุไฉนถึงสยดสยองเยี่ยงนี้ ขนาดมันที่ฟื้นกำลังรบถึงขั้นเทียนตี้แล้วยังสู้มิได้ ห่างชั้นไกลโข!
ตึง!
เวลานั้น ฝาโลงสีชาดร่วงหล่น เหินมาอยู่ข้างกายมังกรดำ กีดขวางกระบี่หยกที่ฟาดฟันเข้ามา
กระบี่หยกปะทะกับฝาโลง ภาพการณ์นั้นน่ากลัวถึงขีดสุด คลื่นพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากมายระเบิดติดต่อกัน ทว่าเพียงเสี้ยววินาที ทุกสิ่งทุกอย่างในน่านน้ำทะเลแห่งนี้ถูกล้างบางไปทั้งสิ้น!
น้ำทะเลเหือดหาย ระเหยจนเกลี้ยง ก้นทะเลกลายเป็นเหวลึก ราวกับเชื่อมต่อลงไปถึงธรณี มีกองเพลิงพสุธาลุกโชนออกมา!
ฝาโลงสยดสยองเป็นที่สุด หลังปะทะกับกระบี่หยกก็ไม่ทิ้งร่องรอยแม้แต่น้อย!
จากนั้น กระบี่หยกแยกจากฝาโลง
“นายท่านตื่นขึ้นมาแล้ว หนนี้เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน รอดูได้เลย!!!”
มังกรดำจ้องมองหยวนอีด้วยความขุ่นเคือง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น
ทว่าเสียงของมันแปร่งไป แตกต่างจากเสียงปกติของมันอย่างยิ่ง
“เลิกส่งเสียงได้แล้ว ลมออกปาก อ้อ ไม่ใช่สิ อย่างเจ้ามิใช่ลมออกปากแล้ว อย่างเจ้าเรียกว่าพายุออกปากแล้ว!” หยวนอีเอ่ย
“เจ้า!”
มังกรดำพิโรธ หยวนอีล้อเลียนที่ฟันมังกรของมันร่วงหมดปาก
อีกด้าน หยวนอีมิได้สนใจมังกรดำอีกต่อไป
นางเบนสายตาไปที่โลงศพสีชาดช้า ๆ
ฝาโลงร่วงหล่น นางมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในโลงศพสีชาดแล้ว!
“หืม!?”
หลังได้เห็นสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดอย่างแจ่มแจ้งแล้ว สีหน้านางเปลี่ยนไป เจือแววคาดไม่ถึง!
สิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดเหนือความคาดหมายของนาง!
บทที่ 503
ฝาโลงร่วงหล่น ในที่สุดหยวนอีก็ได้เห็นสิ่งที่อยู่ในโลง นับว่าเกินความคาดหมายของนางไปมาก นางคิดไม่ถึงเลยสักนิด
ด้านในคือเด็กผู้หญิงวัยละอ่อน อายุราว ๆ แปดขวบ ผิวขาวผ่องนวลเนียน ดวงหน้าวิจิตรงดงาม ผมดกดำวาววามเป็นพิเศษ สยายประบ่า ท่าทางน่ารักเป็นที่สุด ดูเหมือนองค์หญิงน้อยผู้สูงศักดิ์
นางหลับตาสองข้าง ขนตากระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย นี่คือสิ่งมีชีวิตในโลงศพ…เซียนท่านหนึ่งอย่างนั้นหรือ!?
หยวนอีคิดไม่ถึงจริง ๆ ไม่อาจเชื่อได้ลง
นางคิดว่าผู้ที่อยู่ในโลงคงเป็นปีศาจเฒ่า หรือเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณน่าขนลุกบางอย่าง ถึงอย่างไรโลงศพนี้ก็อยู่มาแสนนาน และเรื่องที่สิ่งมีชีวิตในโลงศพสั่งให้มังกรดำทำช่างชั่วร้ายอำมหิต
ทว่าหลังฝาโลงร่วงหล่น ภายในกลับเป็นองค์หญิงน้อยวัยละอ่อนผู้น่ารัก ไม่เข้าข่ายชั่วร้ายแม้แต่น้อย จะให้นางเชื่อได้เยี่ยงไร ประหลาดเกินไปแล้ว!
“นาย…ท่าน!?”
มังกรดำคงคิดไม่ถึงเช่นกัน เนตรมังกรของมันเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ เจ้านายของมันผู้เป็นเซียนท่านหนึ่ง ไยจึงกลายเป็นเด็กผู้หญิงไปได้
มันเกาหัวด้วยกรงเล็บมังกร นิ่งค้างไปอย่างสิ้นเชิง นี่ไม่เหมือนกับเจ้านายในภาพจำของเขาเลย ห่างกันไกลโข!
“คงมิใช่ว่านายท่านถูกสลับตัวหรอกหรือ!”
มันพึมพำในใจ คิดว่าเด็กหญิงผู้นี้อาจเป็นลูกของนายท่าน นายท่านมิได้ผนึกตัวเองในโลง หากแต่ผนึกลูกของตนไว้ในโลง
“ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้!”
มันมองพินิจอีกครั้ง หน้าตาเด็กหญิงมีความคล้ายคลึงกับภาพจำเจ้านายของมันอยู่บ้าง เป็นไปได้ว่านี่อาจเป็นลูกของนายท่านจริง ๆ!
“น่ารักไปหรือไม่!”
มันมองอยู่อย่างนั้น คิดไม่ถึงว่าลูกของนายท่านจะน่ารักเพียงนี้ มันอยากเกินทน อดไม่ได้ที่จะเอื้อมเข้าไป หมายลูบผมเด็กหญิง
และมันยื่นกรงเล็บมังกรเข้าไปจริง ๆ เด็กหญิงตัวจ้อยน่ารักน่าเอ็นดู สะกดใจมันไว้เต็ม ๆ
พรวด!
ในตอนนั้นเอง เด็กหญิงเบิกตาโพลง ประหนึ่งสัตว์ร้ายตื่นขึ้น กลิ่นอายชั่วร้ายถาโถมสู่ฟ้าดิน กรงเล็บมังกรที่มังกรดำยื่นเข้าไปสลายกลายเป็นหมอกเลือดในบัดดล ถูกบดขยี้ด้วยพลังอันน่ากลัว!
“เจ้า…อยากตายหรือ!”
เด็กหญิงปริปาก เสียงนั้นเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก เหลือเค้าความน่ารักที่ไหน นางดูคล้ายยมทูตผู้ออกจากอเวจีจิ่วโยว เห็นแล้วชวนให้ผวาใจสั่น!
โดยเฉพาะยามนางบดขยี้กรงเล็บข้างนั้นของมังกรดำ นางปล่อยให้โลหิตมังกรสาดกระเซ็นเปื้อนใบหน้าขาวนวลของนางโดยมิได้หยุดยั้ง ส่งผลให้นางดูน่ากลัวยิ่งขึ้น!
“นาย…ท่าน!”
มังกรดำตกใจแทบแย่ หัวมังกรขนาดใหญ่โขกกับพื้นไม่หยุด ร่างมังกรสั่นเหมือนเจ้าเข้า นี่ใช่ลูกของนายท่านที่ไหน นี่คือนายท่านของมันชัด ๆ!
มันบังอาจอยากลูบผมนายท่าน ช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก!
ชั่วอึดใจนี้ มันหนาวสะท้านไปทั้งตัว วิญญาณสั่นเทิ้ม มิกล้ามองนายท่านของมันแม้แต่น้อย
เด็กหญิงใช้มือเช็ดโลหิตมังกรบนหน้า ก่อนจะเอาเข้าปาก ใช้ลิ้นค่อย ๆ แตะโลหิตมังกรบนมือ
หยวนอีเห็นภาพนี้แล้วชาไปทั้งหนังศีรษะ ขนตั้งชันไปทั้งตัว
เด็กหญิงตัวกระจ้อยน่าเอ็นดูปานนั้น กลับมีกิริยาเช่นนี้ สวนทางกันเกินไปแล้ว เด็กหญิงไม่ลืมตายังจะดีเสียกว่า!
“กรงเล็บของเจ้าเกินจำเป็น!”
เด็กหญิงเลียโลหิตมังกรบนมือ จ้องมองมังกรดำด้วยสายตามุ่งร้าย
พรวด พรวด พรวด!
จากนั้น พลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงปรากฏ ตัดกรงเล็บที่เหลือของมังกรดำออก มังกรดำเจ็บจนใบหน้าเหยเก แทบหมดสติ
เด็กหญิงโบกมือ กรงเล็บมังกรที่ถูกตัดไปของมังกรดำลอยไปอยู่กับเด็กหญิง นางหยิบกรงเล็บมังกรขึ้นมากัดกินคำโต โลหิตมังกรไหลลงมาตามมุมปากเด็กหญิงไม่หยุด
หยวนอีเห็นภาพนี้แล้วคลื่นไส้นัก คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหญิงตัวกระจ้อยน่ารักเช่นนี้จะโหดร้ายน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้!
‘สิ่งที่อยู่ในโลงมิใช่อะไรดี ๆ จริง ๆ ด้วย!’
นางคิดในใจอย่างอดไม่ได้ การคาดเดาทุกอย่างในตอนแรกไม่ผิดเพี้ยน สิ่งที่อยู่ในโลงศพนั้นชั่วช้าสามานย์ มิใช่คนดี ภาพเด็กหญิงตัวกระจ้อยน่ารักเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
“ข้า…!”
มังกรดำร่ำไห้ ร่างมังกรชักกระตุก มือมันพาซวยโดยแท้ ไม่สิ กรงเล็บพาซวย!
บัดนี้สิดี มันสูญเสียกรงเล็บทั้งหมด แล้วมันต้องกลายเป็นตัวกระไร จากมังกรกลายเป็นงูอย่างนั้นหรือ
“เจ้าใจกล้าไม่เบา…”
เด็กหญิงกัดกรงเล็บมังกรในมือคำโต ดวงตาจ้องมองหยวนอีด้วยความมุ่งร้าย “ว่ามาสิ เจ้าอยากตายด้วยวิธีใด”
หยวนอีมองเด็กหญิง เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ไหว “เจ้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ยามสนทนากับข้าได้หรือไม่ เป็นปีศาจเฒ่าแท้ ๆ แต่กลับอยู่ในรูปลักษณ์เด็กหญิงไร้เดียงสา เจ้าไม่รู้สึก…กระดากบ้างหรือ”
นางหมดคำบรรยายจริง ๆ ไม่เชื่อหรอกว่าร่างเด็กหญิงนี้คือร่างจริงของนาง เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ไม่มีทางเลย!
“เจ้ากล้าหาญยิ่ง ป่านนี้แล้วยังบังอาจพูดจาเยี่ยงนี้กับข้า ผู้ใดมอบความกล้าให้เจ้ากัน”
เด็กหญิงกินกรงเล็บมังกรมหึมาในมือเข้าไปในไม่กี่คำ ตนเช็ดปากที่มีโลหิตมังกรเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด ดวงตาน้อย ๆ เปล่งประกายน่าหวาดหวั่น “ผู้ใดอยู่เบื้องหลังเจ้าหรือ”
เด็กหญิงมิได้ลงมือทันที เพราะรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล กระบี่หยกเล่มนั้นตนเองมิสู้จะมองออกเท่าใด จึงสงสัยว่ามีใครบางคนชักจูงหยวนอีอยู่เบื้องหลัง
เด็กหญิงตัวกระจ้อยผู้น่ารักกลับน่าสะอิดสะเอียนชวนผวาเยี่ยงนี้ รบกวนจิตใจหยวนอีเป็นอย่างยิ่ง
ทว่า นางข่มความรู้สึกไม่ชอบใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “ซี เจ้ารู้จักซีหรือไม่”
“ซี!”
หลังเด็กหญิงได้ยินชื่อนี้ มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ซีส่งเจ้ามารึ!?”
นางจะไม่รู้จักซีได้อย่างไร ตนนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี คุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นเคยไปกว่านี้ไดัอีก!
มิน่า แม้แต่นางยังมองกระบี่หยกเล่มนี้ไม่ออกเท่าใด หญิงสาวผู้นี้ถูกซีส่งมาหรือนี่ หากเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
อีกด้าน หลังหยวนอีเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเด็กหญิง รวมถึงวาจาที่เด็กหญิงเอื้อนเอ่ย ดวงตาของนางก็ลุกวาว
ตามคาด สิ่งที่อยู่ในโลงศพเกี่ยวพันกับซี!
“ซีอยู่ที่ใด!?”
คุณชายส่งนางมาเพื่อสืบหาร่องรอยของซี หยวนอีถามขึ้นอย่างรีบร้อน
เด็กหญิงผงะ ซีเป็นคนส่งหยวนอีมาจัดการตัวนางมิใช่หรือ ไฉนจึงยังมาถามว่าซีอยู่ที่ใด
หรือตนคิดผิดไป?
“ผู้ใดอยู่เบื้องหลังของเจ้า!?”
ดวงตาของเด็กหญิงเปล่งประกายน่าพรั่นพรึง สีหน้าเคร่งเครียดถึงขีดสุด ดูเหมือนเรื่องราวซับซ้อนกว่าที่นางคิดไว้มาก!
ยังมีคนเสาะหาร่องรอยของซี หาเบาะแสมาจนเจอตนเอง หมายจะทราบที่อยู่ของซี!
คนผู้นี้เป็นใครกัน!? จุติลงจากภพเซียนเหมือนกันหรือ
มาจากตระกูลไหนกัน
“นี่ ข้าถามเจ้าอยู่ เจ้าอย่าเอาแต่ย้อนถามข้าสิ เจ้าช่วยตอบคำถามของข้าได้หรือไม่”
หยวนอีหมดคำบรรยาย เหตุใดเด็กหญิงผู้นี้มีคำถามมากกว่านางเสียอีก!
“ไว้หน้าเจ้าเกินไปหรือ!”
เด็กหญิงแค่นเสียงเย็น พลังปราณสยดสยองแผ่ซ่านออกจากรอบตัว นางก้าวออกจากโลง
ชั่วพริบตานั้น ปฐพีสั่นคลอนเพราะนาง!
บทที่ 504
เด็กหญิงลงมือ หมายจะกำราบหยวนอี เพื่อให้ได้รู้เรื่องที่ตนเองอยากรู้
นางเจิดจรัสเกินไป ประกายนับล้านห้อมล้อมรอบตัว พลังปราณล้นฟ้าแผ่พุ่งออกมากระแสแล้วกระแสเล่า มิติแทบถล่ม สายโซ่รักษาระเบียบกฎวิถีฟ้าดินแหลกเหลวด้วยแรงกระเทือน
นางอยู่ในขอบเขตใดกัน เป็นถึงเซียนจริงหรือ
หยวนอีไม่รู้ สัมผัสความนิรันดร์จากตัวเด็กหญิงมิได้ เรียกว่ามีก็ได้ แต่นั่นไม่สมบูรณ์ มันเป็นความนิรันดร์ที่ขาดช่วงตอน
เป็นมาอย่างไรกัน?
เคยถูกปกคลุมด้วยวัตถุนิรันดร์ แต่แล้วต่อมาขาดช่วงไปหรือ นางสัมผัสถึงปราณนิรันดร์อันขาดช่วงได้ แปลกมาก ไม่เหมือนกับที่นางคิดเลยสักนิด
ต้องเคยเกิดปัญหาบางอย่างกับเด็กหญิงเป็นแน่!
ครืนคราน!
ฟ้าดินกู่ก้อง เด็กหญิงชี้นิ้วออกไป ดูคล้ายแสงแห่งกาลอวสาน ทิ่มแทงไปหาหยวนอี!
“สี่กระบี่ประหารเซียน!”
หยวนอีมิกล้าลังเล เรียกกระบี่ประหารเซียนออกมาในบัดดล!
กระบี่ประหารเซียนสี่เล่มเหินออกจากกล่องไม้ แสงเซียนรายล้อม ปราณเซียนซัดสาด จากที่เคยมีขนาดเท่าของประดับเล็ก ๆ พลันขายตัวออกมา กลายเป็นกระบี่ยาวเล่มแล้วเล่มเล่า บดขยี้ลำแสงกาลอวสานที่ทิ่มแทงมาหาหยวนอีจนสิ้น!
“กระบี่เซียนสี่ด้ามหรือ!”
ม่านตาเด็กหญิงหรี่ลง สัมผัสถึงจังหวะแห่งเซียนอย่างแรงกล้าจากกระบี่ทั้งสี่เล่มได้ สี่เล่มนี้คือกระบี่เซียนอย่างแท้จริง ซ้ำยังทรงพลังกว่ากระบี่เซียนธรรมดามากโข บางทีอาจมีระดับขั้นสูงยิ่งกว่านั้น!
“อย่างที่คิด! ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าจุติลงจากภพเซียนจริงด้วย!”
เด็กหญิงยิ้มเย็น ไม่นานนักก็กลับมาสงบเยือกเย็นอีกครั้ง “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าอยู่ที่ใด แถวนี้หรือ”
นางคลี่แผ่ประสาทสัมผัสเซียนออกไป ปกคลุมออกไปหลายร้อยลี้ในชั่วพริบตา ซ้ำในพริบตานี้ นางสืบค้นทุกสิ่งในรัศมีหลายร้อยลี้นี้ได้หมด!
ในเมื่อจุติลงจากภพเซียน ซ้ำยังหานางจนพบ ไม่มีทางไม่รู้ในความสามารถของนาง หยวนอีเพิ่งอยู่ขอบเขตใด มีหรือจะต่อกรกับนางด้วยกระบี่เซียนสี่เล่มนี้ได้
เป็นไปได้อย่างไร!
นางรู้สึกว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังหยวนอีหลบอยู่ใกล้ ๆ นี้!
ทว่าเรื่องที่นางคิดไม่ถึงคือ นางสัมผัสไม่ถึงความผิดปกติแต่อย่างใด ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีหลายร้อยลี้นี้เป็นปกติ!
“คงมิได้คิดจริง ๆ ว่าประทานกระบี่ยาวสี่เล่มนี้แก่เจ้าแล้วเจ้าจะจัดการข้าได้กระมัง”
นางมีสีหน้าอึมครึม “ไม่มีทางไม่อยู่ ข้าจะโจมตีจนกว่าเจ้าจะยอมปรากฏตัว!”
จากนั้น นางลงมืออีกครั้ง พลังสยดสยองถาโถมสู่ปฐพี นางใช้วิชาเซียนเข้าบดขยี้!
พลังที่เหนือจินตนาการเดือดพล่าน กฎระเบียบในฟ้าดินนี้ลุกเป็นไฟ ประกายแดงฉานทาบทับฟ้าดิน ทะเลเพลิงจุติลงจากฟากฟ้า แผดเผาทุกสิ่ง!
ไม่ทันได้จุติลงมา ทุกอย่างในแถบนี้ก็ถูกหลอมละลายจนสิ้น นี่คือเพลิงเซียน น่ากลัวเกินไป วัตถุธรรมดาไม่อาจหยุดยั้งได้!
แม้กระทั่งมิติผืนนี้ยังไม่อาจแบกรับทะเลเพลิงนี้ไวได้ หลอมละลายเป็นแถบ หลุมโหว่มโหฬารปรากฏบนนภาหลุมแล้วหลุมเล่า พลังมิติอันยุ่งเหยิงไหลหลาก ภาพการณ์น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด!
“ไปเถิด!”
หยวนอีคำรามเบา ๆ ตัวนางไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด กล่องไม้ซึ่งบรรจุสี่กระบี่ประหารเซียนมิใช่ของธรรมดา มีประกายนุ่มนวลฉายออกมา ขวางกั้นทุกสิ่งจากนาง
สี่กระบี่ประหารเซียนส่งเสียงกู่ร้อง พุ่งขึ้นไปอย่างพร้อมเพรียง เข้าปะทะกับทะเลเพลิงซึ่งจุติลงจากฟากฟ้า!
ทะเลเพลิงซัดสาดดุดัน เปลวไฟน่าสะพรึง พริบตาเดียวก็กลืนกินสี่กระบี่ประหารเซียนเข้าไป!
“เจ้ายังมิได้บรรลุเป็นเซียน ขอบเขตต่ำต้อยเป็นหนักหนา ต่อให้มีกระบี่เซียนสี่เล่มในมือแล้วอย่างไร! เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้ายังคงต้อยต่ำดั่งมดปลวก!”
เด็กหญิงยิ้มเย็น “มีสมองให้มากกว่านี้หน่อย อย่าได้ทะเล่อทะล่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อผู้อื่น เจ้าหรือจะต่อกรกับข้าได้ โง่เขลาจนน่าขัน!”
สี่กระบี่ประหารเซียนถูกกลืนกิน ไร้ซึ่งแสงกระบี่ส่องประกายออกมาอีก ราวกับถูกทะเลเพลิงกำราบไปแล้ว
“นายท่านเกรียงไกรทรงพลัง!”
มังกรดำตะโกนเสริมบารมีอยู่ข้าง ๆ ประจบประแจงเด็กหญิง
จากนั้น มันหันไปมองหยวนอี เนตรมังกรสองข้างเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน “สี่กระบี่ประหารเซียนอันใดกัน เมื่ออยู่ต่อหน้านายท่าน ก็เป็นเพียงเศษเหล็กสี่ชิ้นเท่านั้น มิได้ยิ่งใหญ่เลยสักนิด!”
“อย่าเพิ่งใจร้อนไป”
หยวนอีมีสีหน้าสงบ มั่นใจในสี่กระบี่ประหารเซียนอย่างยิ่งยวด ไม่มีทางที่สี่กระบี่ประหารเซียนจะพ่ายแพ้ทั้งอย่างนี้
“ยังจะเสแสร้งแกล้งอยู่อีกหรือ อย่างไร ยังหวังให้เศษเหล็กสี่ชิ้นของเจ้าเปล่งแสงออกมาอีกครั้งหรืออย่างไร คิดอะไรอยู่!”
มังกรดำขำพรืด
ทว่า ทันทีที่สิ้นเสียงของมัน แสงกระบี่เจิดจรัสพวยพุ่งออกจากทะเลเพลิง ทะยานสู่นภา!
สีหน้ามังกรดำเปลี่ยนไป นี่มันเรื่องอันใดกัน ตบหน้ากันหรือ
เมื่อครู่มันเพิ่งกล่าวว่าสี่กระบี่ประหารเซียนไม่มีทางเปล่งแสงได้อีก ผลปรากฏว่าสี่กระบี่ประหารเซียนเปล่งแสงในพริบตาต่อมา!
“เปล่าประโยชน์ ลำพังเศษเหล็กสี่ชิ้นของเจ้า คิดว่าจะทลายวิชาเซียนของนายท่านได้หรืออย่างไร เจ้าเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว!”
มันเอ่ยต่อ ไม่เชื่อว่าสี่กระบี่ประหารเซียนสามารถทลายวิชาเซียนของนายท่านได้
แต่พริบตาต่อมามันก็ต้องนิ่งอึ้ง ค้างอยู่ที่เดิมราวกับกลายเป็นหินไปแล้ว
ไฉนเอ่ยถึงสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นเล่า!
แสงกระบี่เจิดจ้า สี่กระบี่ประหารเซียนพุ่งออกจากทะเลเพลิง เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน กวาดตวัดหนึ่งครั้ง ลบล้างทะเลเพลิงได้ในพริบตา ไม่เหลือแม้แต่ประกายไฟเล็ก ๆ!
“นะ นายท่าน คือว่า...ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับข้า!”
มังกรดำตกใจแทบแย่ เมื่อเห็นสายตาเขียวปั๊ดของเด็กหญิงมองมาทางมัน
มันร้องไห้ มันก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเป็นเช่นนี้ หากรู้อย่างนี้ อย่างไรมันก็ไม่ขอกล่าววาจาเยี่ยงนั้น!
“หุบปาก!”
เด็กหญิงแค่นเสียงเย็น ฟาดฝ่ามือใส่มังกรดำ เจ้าปากอีกาเดนตาย พูดอะไรเป็นอย่างนั้น พ่นน้ำลายให้น้อย ๆ หน่อยไม่ได้หรือไร
มังกรดำถูกฟาดกระเด็น เสียงกระดูกในกายหักดัง ‘เปรี๊ยะปร๊ะ’ ไม่หยุด เลือดเนื้อในร่างกายมังกรเละรวมกันเป็นหนึ่ง อย่าให้พูดเลยว่าอนาถาปานใด
ยังดีที่เด็กหญิงมิได้ต้องการปลิดชีพ มิฉะนั้นด้วยฝ่ามือนี้ มังกรดำต้องตายลงอย่างแน่นอน!
“มิใช่กระบี่เซียนธรรมดาจริงด้วย…”
เด็กหญิงพึมพำเสียงเบา เหนือความคาดหมายไปจริง ๆ สี่กระบี่ประหารเซียนสำแดงพลานุภาพได้ยิ่งใหญ่เพียงนี้ ทั้งที่อยู่ในมือผู้ฝึกตนกระจอกขอบเขตต้อยต่ำเป็นหนักหนาอย่างหยวนอี ช่างน่าทึ่งจริง ๆ
ทว่าทั้งหมดนี้ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่
นางยกมือเรียกธงกระดูกออกมาด้ามหนึ่ง ตัวธงนั้นยึดด้วยกระดูกยาวท่อนหนึ่ง หน้าธงสร้างจากหนังของอสูรร้ายไม่ทราบเผ่าพันธุ์ มีอักขระแปลกประหลาดถูกวาดไว้ด้วยโลหิตแดงฉาน หากพินิจอย่างละเอียด คล้ายว่าเพิ่งถูกวาดด้วยโลหิตเมื่อครู่ เลือดนั้นยังไหลรินได้อยู่!
“นี่คือธงกระดูกเซียน สร้างจากกระดูกของเซียน หนังของอสูรเซียน! วิญญาณของยอดฝีมือผู้ตายด้วยธงกระดูกเซียนถูกผนึกไว้ภายในทั้งหมด! วันนี้ให้พวกมันได้เล่นกับกระบี่สี่เล่มนี้ของเจ้าหน่อยแล้วกัน!”
นางสะบัดธงกระดูกเซียน ฟ้าดินพลันมืดมัว สายลมแห่งผีสางพัดพา เสียงครวญครางของผีดังขึ้น
นี่คือของศาสตราเซียนโบราณชิ้นหนึ่ง เลื่องชื่อในภพเซียนอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตที่ตายด้วยธงกระดูกเซียนล้วนมิใช่คนไร้นาม ทั้งหมดต่างเป็นคนเก่งกาจ นางเองได้มาด้วยโอกาสบังเอิญ และเข่นฆ่าศัตรูทรงพลังไปมากด้วยธงกระดูกเซียนนี้!
ท่ามกลางธงกระดูกที่ปลิวสะบัด วิญญาณร้ายตนแล้วตนเล่าพุ่งออกมา มีทั้งวิญญาณของอสูรร้าย ทั้งวิญญาณรูปร่างมนุษย์
ทว่าวิญญาณร้ายทุกตนต่างสยดสยองเป็นที่สุด ไม่มีตนใดแตกต่างออกไป พลังที่ปะทุออกมาแกร่งกล้ากว่าวิชาเซียนที่เด็กหญิงใช้เมื่อครู่มาก!
เรียกได้ว่าเทียบไม่ได้เลย มิได้อยู่ในระดับเดียวกัน!
วิญญาณยั้วเยี้ยเต็มท้องฟ้าไปหมด ลำพังวิญญาณตนน้อย ๆ มังกรดำยังรู้สึกว่ากำจัดตนได้ง่ายดาย น่ากลัวว่าเหล่านี้คงเป็นวิญญาณเซียน และอสูรเซียนทั้งหมด!
วิญญาณร้ายมากมายตะครุบเข้ามา สี่กระบี่ประหารเซียนยังเริ่มต้านทานไม่ไหว แสงกระบี่ที่ตวัดออกไปถูกวิญญาณร้ายเหล่านี้กลืนกินในพริบตา!
ในไม่ช้า สี่กระบี่ประหารเซียนจมไปในกองวิญญาณร้าย ประกายทั้งหมดหม่นหมอง!
‘คราวนี้คงไม่มีปัญหาแล้วกระมัง’
มังกรดำพึมพำในใจ
การโจมตีของธงกระดูกเซียนในครานี้รุนแรงกว่าวิชาเซียนตั้งไม่รู้กี่เท่า สี่กระบี่ประหารเซียนทรงพลังเพียงใดก็ไม่มีทางต้านทานได้ไหว เป็นไปไม่ได้ที่สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง
“พี่ใหญ่เกรียงไกรทรงพลัง!”
มันตะโกนเสียงดังอีกครั้ง เอาอกเอาใจเด็กหญิง หวังจะชดเชยความผิดทั้งหลายที่มันได้ก่อก่อนหน้านี้
“เห็นหรือยัง! เมื่อศาสตราเซียนอันแท้จริงออกโรง เศษเหล็กของเจ้าก็สิ้นฤทธิ์ในบัดดล!”
มังกรดำมองหยวนอีด้วยความดูถูก “เมื่อครู่นายท่านเพียงแต่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น หาได้สู้เต็มกำลังไม่ ก่อนหน้านี้มดปลวกอย่างเจ้ายังมีหน้ายินดีกับตัวเอง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริง ๆ!”
จากนั้น มันคลี่ยิ้มกว้าง เอ่ยกับเด็กหญิงอย่างพะเน้าพะนอ “นายท่านว่าจริงหรือไม่!”
ยอดฝีมือต้องการคำชื่นชม ต้องการเสียงยินดี ตอนนี้มันกำลังทำเรื่องนั้นอยู่
‘เลียแข้งเลียขารอบนี้คงไม่มีปัญหาแล้ว ต้องเป็นที่ชอบใจของนายท่านแน่!’
มันคิดในใจอย่างเบิกบาน
บทที่ 505
นายท่านไม่น่าจะปฏิเสธ!
มังกรดำประจบเด็กหญิง คิดว่าครั้งนี้จะไม่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก
วิญญาณอสูรเหล่านั้นล้วนเป็นวิญญาณของอสูรเซียน แต่ละดวงล้วนมีพลังลึกลับจนไม่อาจหยั่งถึง สี่กระบี่ประหารเซียนจะสามารถหยุดยั้งมันได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
ถ้าหากหยวนอีเป็นเซียนผู้หนึ่งก็อาจมีโอกาสเป็นไปได้
แต่ขอบเขตของหยวนอีต่ำเกินไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าสี่กระบี่ประหารเซียนจะพิเศษเพียงใด พลังที่หยวนอีสามารถใช้ออกมาได้ย่อมมีอยู่อย่างจำกัด ไม่สามารถทำเรื่องเหนือความคาดหมายได้อีก
ทว่าก่อนที่เด็กหญิงจะทันได้ตอบกลับอะไร สีหน้าของมังกรดำก็พลันแปรเปลี่ยนไปในทันที
“จำเป็นต้องขุดหลุมใส่มังกรถึงเพียงนี้เชียวหรือ!”
มันร้องไห้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา ใบหน้าที่ดำอยู่แล้วของมันยิ่งดำขึ้นไปกว่าเดิม!
เหตุใดมันจึงน่าเวทนาถึงเพียงนี้ ผลลัพธ์ที่ออกมายังคงเหมือนเดิม!
นี่มันบ้าอะไรกัน!
สี่กระบี่ประหารเซียนนั่นคับแค้นอะไรมันกัน!?
มันเพิ่งเอ่ยประจบสอพลอยังไม่ทันเสร็จดี ทางฝั่งสี่กระบี่ประหารเซียนกลับเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นอีกครั้ง!
สี่กระบี่ประหารเซียนเห็นใช่หรือไม่ว่ามันกำลังประจบสอพลอนายท่านอยู่!?
ทุกครั้งที่มันเพิ่งประจบประแจงนายท่านเสร็จ ทางด้านของสี่กระบี่ประหารเซียนก็จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น หักหน้ามันครั้งแล้วครั้งเล่า!?
สี่กระบี่ประหารเซียนเปล่งประกาย อักขระหลากประเภทลอยออกมาก่อตัวเป็นค่ายกลโบราณอันลึกลับ กระบี่ประหารเซียนทั้งสี่เล่มพุ่งเข้ากวาดล้างวิญญาณอสูรที่น่าหวาดเกรงจนสิ้นราพณาสูร!
ฉากนี้น่าตกใจกลัวเกินไปแล้ว กระบี่ประหารเซียนสามารถประหารเซียนได้จริงหรือ? ความแข็งแกร่งนั้นมากเกินกว่าจะจินตนาการถึง!
“!!!”
เส้นเลือดบนใบหน้าเขียวคล้ำของเด็กหญิงกำลังเต้นตุบ ๆ ไอ้มังกรดำนี่ไม่พูดจะไม่ได้เลยใช่หรือไม่?
“ข้า...ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง ๆ!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงดวงตาของนายท่านที่จับจ้องมาอย่าง ‘ร้อนแรง’ มังกรดำก็ตื่นตกใจกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดลอย มันเอ่ยขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก หวาดกลัวว่านายท่านจะตบมันจนตายจริง ๆ
“เด็กดี เจ้า ‘น่ารัก’ ถึงเพียงนี้ ข้าจะสามารถฆ่าเจ้าลงได้อย่างไรกัน!”
เด็กหญิงดูเหมือนจะรู้ว่ามังกรดำกำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางจึงเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม ทว่ากัดฟันเอ่ยคำว่า ‘น่ารัก’ ออกมาด้วยเสียงหนักเป็นพิเศษ
“นายท่าน พวกท่านสู้กันไปเถิด ข้าจะไม่ขัดจังหวะอีกแล้ว! ข้าจะถอยออกไปอยู่ห่าง ๆ!”
มังกรดำหันหลังวิ่งหนี ภายในใจตื่นกลัวเป็นอย่างมาก เสียงฟันของนายท่านกัดแน่นเสียขนาดนั้น ต้องคับแค้นมันมากเพียงใด!
“เจ้ากำลังจะวิ่งไปไหน!”
เด็กหญิงยื่นมือข้างหนึ่งออกมาคว้าอากาศ พริบตาต่อมาหางมังกรดำก็ถูกคว้าแล้วลากกลับมาอย่างแรง
มังกรดำร้องของความเมตตาออกมาเสียงดัง “นายท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
เด็กหญิงไม่สนใจคำอ้อนวอนของมังกรดำ มือของนางยังคงลากมังกรดำเข้ามา ก่อนจะลงมือมัดมังกรดำขึ้นมาทีละปมจนดูเหมือนลูกบอลลูกหนึ่ง
“เจ้าช่างปากมากยิ่งนัก ข้าจะมัดปมที่ลิ้นเจ้าให้ด้วย!”
เด็กหญิงดึงลิ้นมังกรดำออกมา ก่อนจะมัดมันขึ้นมาทีละปมทีละปม
ในระหว่างนี้มังกรดำรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก!
มันเป็นมังกร ไม่ใช่งู งูไม่มีกระดูก แต่มันมี!
มันถูกมัดเป็นปมแล้วปมเล่า จนเสมือนกลายเป็นงูไร้กระดูกไปจริง ๆ กระดูกทั่วทั้งร่างไม่มีแม้แต่ท่อนเดียวที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์!
ที่สำคัญสุดคือลิ้นของมันที่ถูกมัดเป็นปม มันเจ็บเสียจนร้องไม่ออก!
“ไปให้พ้น!”
หลังจากกล่าวจบ เด็กหญิงก็เตะมังกรดำกระดอนไปอีกทาง
การเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของนางรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวนางก็ทำทุกอย่างเสร็จสิ้น จากนั้นก็หันกลับไปมองสี่กระบี่ประหารเซียนด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
นั่นมันค่ายกลโบราณอะไรกัน?
สี่กระบี่ประสาน พลังในการสังหารรุนแรงเปี่ยมล้น กระทั่งนางสัมผัสแล้วหัวใจยังเต้นระรัว รู้สึกได้ถึงการถูกความตายเข้าคุกคาม
จะเป็นไปได้อย่างไร!?
นางเป็นถึงเซียนผู้หนึ่ง แม้ว่าร่างกายจะมีปัญหา แต่นางก็ไม่ตายง่าย ๆ อย่างแน่นอน ทว่าค่ายกลที่ก่อตัวขึ้นจากกระบี่สี่เล่มกลับสามารถสังหารนางได้จริงเช่นนั้นหรือ!?
สิ่งนี้ทำให้นางเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ภายในใจรู้สึกตื่นตระหนกตกใจมาก ผู้ใดกันที่อยู่เบื้องหลังหยวนอี!?
ในตอนนี้ นางไม่ต้องการจะต่อสู้อีกแล้ว ก่อนที่ผู้อยู่เบื้องหลังหยวนอีจะปรากฏออกมา นางก็สามารถรับรู้ได้ถึงความตายที่คุกคามเข้ามา หากผู้ที่อยู่เบื้องหลังหยวนอีปรากฏตัวออกมา สถานการณ์ของนางคงยิ่งเลวร้ายไปมากกว่านี้!
“ยังมีช่องทางสำหรับการเจรจาอยู่หรือไม่?”
นางมองไปยังหยวนอีด้วยความต้องการจะสงบศึก สถานการณ์ในตอนนี้ของนางเลวร้ายเกินไป หากยังสู้ต่อ ผลลัพธ์ในท้ายที่สุดจะต้องเลวร้ายอย่างแน่นอน
สำหรับการหนีไปทันที นางไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย
สี่กระบี่ประหารเซียนกักตัวของนางเอาไว้อย่างสมบูรณ์ แถมผู้ที่อยู่เบื้องหลังหยวนอีก็น่าจะกำลังซ่อนตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียงอย่างแน่นอน ทำให้นางไม่อาจหลบหนีไปจากการต่อสู้ครั้งนี้ได้
“ช่องทางสำหรับการเจรจา?”
แววตาของหยวนอีเปล่งประกาย ท่าทางของนางแข็งกร้าว “ไม่มี!”
เด็กหญิงผู้นี้ชั่วร้ายเกินไป ภาพที่เด็กหญิงเอากรงเล็บมังกรมาเคี้ยวยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของนาง ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะปล่อยเด็กหญิงไป ตั้งใจจะสังหารลงเสียที่นี่
หากนางปล่อยเด็กหญิงไป สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วภัยพิบัติอย่างเด็กหญิงจะต้องถูกกำจัด!
นางไม่กล้ากระทั่งจะทิ้งศพของเด็กหญิงเอาไว้เสียด้วยซ้ำ เด็กหญิงน่ากลัวเกินไป หากทิ้งศพเอาไว้ก็ไม่อาจทราบได้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกในอนาคตหรือไม่ นางต้องการจะกำจัดเด็กหญิงจนไม่เหลือแม้กระทั่งธุลี
“ไม่สามารถเจรจาได้จริงหรือ!?”
เด็กหญิงจับจ้องไปทางหยวนอี จากนั้นก็กล่าวออกมา “ไม่เช่นนั้นก็เรียกให้คนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าออกมาพูดคุยกันก่อน เบื้องหลังของข้าคือตระกูลเซียว หนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่แห่งภพเซียน!
เก้าตระกูลใหญ่แห่งภพเซียน!
ร่างของหยวนอีสะท้าน เด็กหญิงผู้นี้เป็นเซียนจริงหรือ? ภพเซียนเองก็มีอยู่จริงเช่นกัน?
แม้นางจะคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้าแล้วว่าเด็กหญิงผู้นี้เป็นเซียน ภพเซียนเองก็มีตัวตนอยู่จริง แต่เมื่อเรื่องทั้งหมดได้รับการยืนยันแล้ว นางก็ยังคงประหลาดใจ
ยิ่งเมื่อนางคิดว่าตนเองกำลังจะสังหารเซียนผู้หนึ่ง ร่างกายของนางก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงแบบหยุดไม่ได้
ขอบเขตของนางอยู่เพียงเท่าไหร่กัน เซียนดูเลื่อนลอยห่างไกลจากนางในตอนนี้เป็นอย่างมาก หากแต่นางกำลังจะสังหารเซียนผู้หนึ่ง ภายในใจของนางเต็มไปด้วยอารมณ์สลับซับซ้อน
ทว่านางก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
เซียนแล้วทำไม?
สำหรับนางในตอนนี้ แม้ว่าเซียนจะดูห่างไกลเกินคว้า แต่อนาคตต้องไม่ใช่เช่นนี้อย่างแน่นอน การที่นางได้ติดตามคุณชายทำให้เซียนไม่ไกลเกินจะเอื้อมถึง นางสามารถเห็นความหวังในการกลายเป็นเซียน!
แน่นอนว่า นี่ต้องเป็นการยินยอมของคุณชาย หากคุณชายไม่ยินยอม สำหรับนางแล้วคำว่าเซียนก็ยังดูไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง
เก้าตระกูลใหญ่แห่งภพเซียน!
นางลังเลเล็กน้อย ตระกูลเซียวที่อยู่เบื้องหลังเด็กหญิงดูไม่ธรรมดา หากนางสังหารเด็กหญิงทิ้งจะทำให้คุณชายประสบความยุ่งยากหรือไม่?
คุณชายแข็งแกร่งมาก แต่คุณชายจะสามารถรับมือกับตระกูลเซียวซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่แห่งภพเซียนได้หรือไม่?
นางกลัวว่าการสังหารเด็กหญิงจะทำให้คุณชายต้องแปดเปื้อนด้วยผลกรรมอันใหญ่หลวง!
แต่ถ้าหากไม่สังหารเด็กหญิง ก็จะเป็นการปล่อยเสือเข้าป่าอย่างแน่นอน เด็กหญิงผู้นี้ขาดซึ่งศีลธรรม ชั่วร้ายเกินไป จะปล่อยไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด
‘ข้าลังเลอะไรอยู่? คุณชายให้ข้ามาที่นี่ ทั้งยังมอบสี่กระบี่ประหารเซียนมาให้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุณชายย่อมไม่กลัวผลที่ตามมา! ไม่เช่นนั้นคุณชายก็จะไม่ให้ข้ามาที่นี่ ทั้งยังจะไม่มอบสี่กระบี่ประหารเซียนให้!’
นางคิดขึ้นมา สุดท้ายนางก็ตัดสินใจสังหารอีกฝ่าย
เด็กหญิงเป็นภัยอันตรายเกินไป หากไม่สังหารทิ้ง อาจทำให้แผนการของคุณชายยุ่งยากมากขึ้น
แน่นอนว่าก่อนที่นางจะสังหารเด็กหญิง นางจำเป็นต้องรู้เรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับซีจากเด็กหญิง!
นี่คืองานที่คุณชายมอบหมายให้นาง!