506-510

บทที่ 506

“เรียกให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าออกมาเสียดีกว่า”


เมื่อเด็กหญิงเห็นว่าหยวนอีไม่กล่าวสิ่งใด ก็พูดออกมาอีก “อย่าแม้แต่จะคิด เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะตัดสินใจเองได้ โทสะของตระกูลใหญ่แห่งภพเซียนไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทนรับได้!”


เรียกคุณชายให้ออกมา?


จะเป็นไปได้อย่างไร


หยวนอีไม่แม้แต่จะคิด หากคุณชายต้องการจะมาเอง คุณชายจะบอกให้นางเป็นผู้มาที่นี่ได้อย่างไร


“เจ้าต้องบอกข้าทุกอย่างเกี่ยวกับซีเสียก่อน!”


นางกล่าวให้รู้ว่านี่คือประเด็นสำคัญ สิ่งอื่นล้วนเป็นเพียงเรื่องรอง


“ซี?”


เมื่อเด็กหญิงได้ยินชื่อนี้ สีหน้าก็พลันเกิดความแปลงแปลงทันที นางมองไปที่หยวนอีพร้อมกล่าวออกมา “ข้ายิ่งอยากรู้ว่าผู้ใดกันที่อยู่เบื้องหลังของเจ้า! อย่าหาว่าข้าพูดมากเลย แต่ซี...ไม่ใช่ผู้ที่ใครก็สามารถเข้าไปข้องเกี่ยวได้!”


มีความลับอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในตัวของซี กระทั่งนางก็ไม่รู้ชัดแจ้งว่าความลับนั่นคือสิ่งใด นางรู้เพียงแต่สิ่งนั้นต้องสำคัญอย่างมาก จนทำให้ทั้งตระกูลเซียวให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง


นางได้รับคำสั่งให้นำสิ่งนั้นกลับมาด้วย


ทว่าตอนนี้กลับยังมีคนอื่นจากภพเซียนมาเพื่อตามหาซีอยู่ด้วย นี่หรือว่าความลับของซีจะถูกล่วงรู้กันในภพเซียนแล้ว?


ผู้ใดกันที่กำลังตามหาซี?


มาจากตระกูลอะไร?


“เช่นนั้นข้าจะทำความเข้าใจมันด้วยตัวเอง!”


หยวนอีไม่กล่าวอะไรมากไปกว่านั้น สี่ดาบประหารเซียนเปล่งแสง อักขระค่ายกลโบราณเคลื่อนไหว ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เด็กหญิง!


เด็กหญิงขยับร่างหลบเลี่ยง แต่สี่กระบี่ประหารเซียนเล็งเป้าเอาไว้แล้ว ทำให้นางไม่อาจหนีพ้น ทำได้เพียงแต่ใช้พลังทั้งหมดเข้าหยุดยั้ง!


ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!


โลหิตสีแดงฉานสาดกระเซ็น นางได้รับบาดเจ็บหนักอย่างรวดเร็ว นี่มันค่ายกลกระบี่อะไรกัน? จะน่ากลัวเกินไปแล้ว ด้วยสถานะของนางตอนนี้ไร้หนทางต้านทานได้อย่างสิ้นเชิง


“คิดว่าจะสามารถฆ่าข้าได้จริง ๆ หรือ? อย่าบีบบังคับข้าเกินไปนัก!”


นางขบฟันแน่นขณะจับจ้องไปที่หยวนอี


หยวนอีไม่กล่าวสิ่งใด สี่กระบี่ประหารเซียนสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง นางได้รับมอบหมายงานมาจากคุณชาย ไม่ว่าอย่างไรวันนี้นางจะต้องได้ข้อมูลร่องรอยของซีให้ได้!


“เจ้ากล้าตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือ! ไม่ว่าผู้ใดจะอยู่เบื้องหลังเจ้า สุดท้ายเขาก็จะต้องแบกรับโทสะของตระกูลเซียวอย่างแน่นอน!”


เด็กหญิงส่งเสียงร้องคำราม ร่างกายของนางเปล่งแสงออกมาอย่างน่ากลัว รูปร่างหน้าตาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว นางกลายเป็นหญิงสาวอายุราวยี่สิบปี


นี่คือร่างของนางยามอยู่ในช่วงวัยสาว!


ร่างกายของนางประสบกับปัญหาใหญ่ จึงแสดงร่างกายและรูปลักษณ์ออกมาในช่วงวัยเด็ก นางยังคงห่างไกลจากการหายดี แต่ตอนนี้กลับต้องฝืนใช้ร่างวัยสาวก่อนกำหนด!


การเปลี่ยนร่างกายเป็นร่างวัยสาวก่อนเวลาย่อมทำให้การฟื้นตัวของนางช้าลงอย่างไม่ต้องสงสัย นี่จะทิ้งผลกระทบร้ายแรงตามมาภายหลัง


ทว่าตอนนี้นางไม่สามารถพะวงเรื่องนั้นได้ หากนางไม่ฝืนใช้ร่างวัยสาวล่วงหน้า นางก็ต้องกลายเป็นเนื้อรอให้หยวนอีเชือดอย่างแน่นอน!


วูบ!


แสงเซียนเรืองรอง พลังของหญิงสาวรุนแรงดุดันมากยิ่งขึ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวถูกส่งออกมาในทุกครั้งที่นางโบกธงกระดูกเซียน พลังนั้นสามารถทำลายดวงดาวลงได้อย่างง่ายดาย


ทว่าน่าเสียดาย ภายใต้ค่ายกลประหารเซียน ทุกอย่างที่ทำล้วนไร้ผล นางไม่สามารถต้านทานการโจมตีของค่ายกลประหารเซียนได้ บนร่างของนางปรากฏบาดแผลและโลหิตมากขึ้นเรื่อย ๆ


“ข้าไม่ยอมตายเช่นนี้หรอก!”


นางแผดเสียงออกมา ฝืนใช้งานในร่างวัยกลางคนอย่างไร้ทางเลือก!


ลำแสงนับไม่ถ้วนสาดทอออกมา รูปลักษณ์หญิงสาววัยประมาณยี่สิบแปรเปลี่ยนกลายเป็นหญิงงามวัยกลางคนผู้หนึ่ง รัศมีเซียนบนร่างของนางยิ่งทำให้ดูงดงามสะดุดตามากยิ่งขึ้น!


เพียงแค่การฝืนใช้งานร่างวัยสาวก็ทำให้นางได้รับผลกระทบมากมายตามมาภายหลัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฝืนใช้ร่างวัยกลางคนเลย ผลกระทบจะต้องหนักหนากว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย มันสามารถส่งผลกระทบถึงระดับการฝึกฝนของนางต่อจากนี้


เมื่อร่างวัยกลางคนถูกใช้งาน นางก็ประหนึ่งกลายมาเป็นผู้ที่สามารถบงการโลกหล้า ปราณที่ไหลเวียนอยู่เต็มเปี่ยมคล้ายสามารถทำลายโลกา นางในยามนี้น่ากลัวเกินไป เพียงแค่เหยียบย่างเท้าลงไปก็สามารถทำลายดวงดาวจำนวนมากลงไปได้


ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ภายใต้ค่ายกลประหารเซียนนางไม่สามารถทำสิ่งใดได้ แม้จะสามารถยื้อเวลาเอาไว้ได้นานกว่าก่อนหน้า หากก็แทบจะต้านเอาไว้ไม่อยู่ นางถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ค่อย ๆ ถูกปราบปรามลงไป!


บนร่างนั้นเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ ถูกปกคลุมไปด้วยเลือด ตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชยิ่ง


“น่าชิงชังนัก!”


นางแผดเสียงออกมาด้วยใบหน้าดุร้าย สีหน้าของนางดำคล้ำจนน่าเกลียด ภายในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม


ร่างวัยกลางคนยังไม่เพียงพอ หรือว่านางจะต้องใช้งานร่างชรากัน?


ร่างชรา นี่เป็นร่างที่อยู่ในสภาวะสูงสุดของนาง รูปลักษณ์เองก็เป็นนางยามชราเช่นกัน


หากนางถูกผู้ที่อยู่เบื้องหลังหยวนอีกดดันจนต้องใช่ร่างชราก็แล้วไปเถอะ


แต่นี่นางถูกหยวนอีที่มีขอบเขตต่ำต้อยถึงเพียงนี้กดดันจนต้องใช้ร่างชราออกมา นางจะยอมรับได้อย่างไรกัน!?


ไม่ยอมรับ ไม่เต็มใจยอมรับเป็นอย่างยิ่ง!


นางเปิดใช้ร่างชราล่วงหน้า ราคาที่ต้องจ่ายนั้นมากมายมหาศาล การสามารถกลับไปยังภพเซียนในอนาคตได้หรือไม่ยังเป็นเรื่องยากจะกล่าว


ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นางคงใช้ร่างชราต่อสู้ไปนานแล้ว!


“เจ้าไม่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับซีหรอกหรือ? ข้าจะบอก! แต่เจ้าต้องรับปากว่าจะปล่อยข้าให้รอดชีวิตไป!”


นางรีบกล่าวออกมา นางยังไม่อยากใช้งานร่างชราจนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้ายจริง ๆ


สี่กระบี่ประหารเซียนพร้อมค่ายกลประหารเซียนที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อสังหารนางหยุดลงทันทีหลังจากที่หยวนอีได้ยินนางกล่าวขึ้นมา


“เจ้าไม่มีทางเลือก!”


หยวนอีพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา ไม่เปิดโอกาสให้เด็กหญิงได้เจรจา


หากปล่อยให้เด็กหญิงรอดชีวิตไปได้จริง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เด็กหญิงชั่วร้ายเป็นอย่างมากจนจะต้องก่อการสังหารอย่างไร้ขอบเขตในอาณาจักรแห่งนี้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นหากเด็กหญิงสามารถติดต่อกับตระกูลเซียวได้ ผลที่ตามมาจะต้องร้ายแรงอย่างยิ่ง


ผู้ใดจะล่วงรู้ได้ว่าตระกูลเซียวจะลงมือทำสิ่งใด!


อย่างไรเสียตระกูลเซียวก็เป็นถึงหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่ของภพเซียน เรื่องที่ลงมือจะต้องร้ายแรงและน่าสะพรึงกลัวเกินไป


การสังหารทิ้งตั้งแต่แรกนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย


การสังหารเด็กหญิงทิ้งไปเสียที่นี่นับเป็นการตัดรากถอนโคน หากภายหลังตระกูลเซียวคิดต้องการจะสืบสาวกลับก็คงเป็นเรื่องยาก!


“ข้ายอมบอกทุกอย่างเกี่ยวกับซีแล้ว เจ้ายังไม่คิดจะปล่อยข้าไปอีกหรือ!?”


เด็กหญิงตะโกนออกมา นางยอมประนีประนอมถึงเพียงนี้แล้ว หยวนอีกลับไม่ตอบรับ ภายในใจของนางโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด


“ไม่ว่าเจ้าจะพูดหรือไม่พูด ข้าก็ล้วนสามารถรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับซีได้ นี่จึงไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเอามาเจรจากับข้าได้”


หยวนอีส่ายหน้า หลังจากนั้นนางก็มองไปที่เด็กหญิงแล้วกล่าวออกมา “แต่ทว่า หากเจ้ายอมบอกข้าออกมาด้วยตนเอง ข้าจะมอบจุดจบให้เจ้าอย่างไม่ต้องทุกข์ทรมาน”


ภายใต้สี่กระบี่ประหารเซียนการต่อต้านของเด็กหญิงล้วนไม่มีความหมาย ในท้ายที่สุดก็ต้องถูกสี่กระบี่ประหารเซียนสยบลง เมื่อถึงยามนั้นนางก็จะสามารถค้นวิญญาณของเด็กหญิงและรับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่นางต้องการได้อย่างสมบูรณ์


เด็กหญิงไม่สามารถนำสิ่งนี้มาเจรจากับนางได้


“เช่นนั้นข้าก็จะสู้ตายกับเจ้า!”


ดวงตาเด็กหญิงกลายเป็นสีแดง เมื่อรู้แจ้งว่าหยวนอีไม่มีทางปล่อยนางไป นางเรียกใช้ร่างชราอย่างไม่มีทางเลือกให้ลังเล ตัดสินใจสู้ตายจนถึงท้ายที่สุด!


พริบตาเดียวร่างกายของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง นางกลายเป็นหญิงชรา พลังพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดทันที ทำให้นางน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง


เพราะไม่มีอะไรจะต้องเสียแล้ว ดังนั้นนางจึงต้องลงมือสุดกำลัง!

บทที่ 507

ร่างชราเป็นร่างที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง สุดท้ายนางก็ฝืนเรียกใช้ขึ้นมา ต้องการจะสู้จนสุดชีวิต!


เสียงระเบิดสนั่นฟ้าดิน กระทั่งความว่างเปล่ายังถูกแยกออก นางโจมตีออกมาโดยใช้พลังทั้งหมดหมายสังหาร พลังที่แข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการถึง


หยวนอีรู้สึกได้ว่าการโจมตีนี้อาจจะสามารถสังหารเซียนได้!


ความจริงแล้ว ความรู้สึกของหยวนอีนั้นไม่ผิด การโจมตีครั้งนี้สามารถสังหารเซียนได้จริง ๆ!


เด็กหญิงผู้นี้ไม่ธรรมดา นางมีนามว่าเซียวฮุ่ย เป็นถึงหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลเซียน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ถูกส่งออกมาเพื่อจัดการกับซี


นางแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ครั้นตอนอยู่ภพเซียนก็เคยสังหารเซียนไปไม่น้อย


เซียนเป็นนิรันดร์ อยู่ยืนยงไร้อายุขัยจำกัด แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเซียนจะไม่สามารถตายได้ ไม่อาจเป็นอมตะได้อย่างแท้จริง


สี่กระบี่ประหารเซียนเปล่งแสง พลังที่แผ่ออกมาจากค่ายกลประหารเซียนแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ก่อนเข้าปะทะกับเซียวฮุ่ยอย่างดุเดือด


ต้องกล่าวว่าเซียวฮุ่ยแข็งแกร่งอย่างแท้จริง


นางยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ยามนี้เพียงแค่ฝืนใช้ร่างชราที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น ยังคงห่างไกลจากความแข็งแกร่งสูงสุดที่แท้จริงของนาง


แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น นางก็ยังคงดุดันเป็นอย่างมาก จนทำให้สี่กระบี่ประหารเซียนไม่อาจกำราบนางลงได้ในครั้งแรก


ทว่าก็ทำได้เพียงแค่นั้น...


แม้สี่กระบี่ประหารเซียนจะไม่สามารถกำราบเซียวฮุ่ยลงได้ในครั้งแรก แต่ไม่ได้หมายความว่าเซียวฮุ่ยจะสามารถต่อกรกับสี่กระบี่ประหารเซียนได้ นางสามารถทำได้เพียงต้านทานการโจมตีของสี่กระบี่ประหารเซียนได้เท่านั้น ไม่อาจกระทั่งโต้ตอบกลับได้!


“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?”


เซียวฮุ่ยสิ้นหวัง กระบี่และค่ายกลนี่คืออะไรกันแน่? เหตุใดจึงน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้! นางรู้สึกได้ว่าแม้จะอยู่ในจุดสูงสุดที่แท้จริงของตนเอง นางก็ไม่สามารถเอาชนะสี่กระบี่ประหารเซียนได้!


“นายท่านจะตายไม่ได้นะ!”


อีกด้านหนึ่ง หัวใจของมังกรดำเต้นกระหน่ำอย่างหนัก มันถูกเซียวฮุ่ยทำพันธะสัญญาโบราณบางอย่าง ถ้าหากเซียวฮุ่ยตาย มันเองก็จะตายด้วยเช่นกัน


ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ มันคงจะหนีไปนานแล้ว มันจะเอาความกล้าจากที่ใดมารั้งรออยู่ที่นี่ อย่าไรเซียวฮุ่ยก็ไม่มีหนทางชนะ ความพ่ายแพ้เป็นเพียงเรื่องของเวลา


ถ้าเกิดเซียวฮุ่ยพ่ายแพ้ หยวนอีจะปล่อยมันไปได้อย่างไร มันรั้งรออยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย


น่าเวทนา มันไม่สามารถหนี ต่อให้หนีก็ไร้ค่า หากเซียวฮุ่ยตาย มันเองก็จะตายไปด้วยในทันที


ร่างชราของเซียวฮุ่ยยืนหยัดอยู่นาน แต่สุดท้ายนางก็พ่ายแพ้ ถูกสี่กระบี่ประหารเซียนกำราบลง!


“อ๊าาา!”


นางทรุดลงกับพื้นด้วยความจนมุม นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่นางต้องมาจบลงเช่นนี้!


จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!


ถึงนางไม่ต้องการยอมรับ แต่นั่นก็เป็นความจริง นางถูกกำราบลง ไม่อาจต่อต้านได้อีกแล้ว!


กระทั่งนางอยากจะระเบิดตนเองก็ยังไม่อาจทำได้ สี่กระบี่ประหารเซียนได้กดพลังในร่างกายของนางเอาไว้


หยวนอีไม่กล่าวอะไร เพียงยิงเส้นแสงออกไปใส่หน้าผาก เจาะเข้าไปยังวิญญาณของเซียวฮุ่ยโดยตรง ก่อนจะทำการค้นวิญญาณหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับซี


เซียวฮุ่ยนั้นมีชีวิตอยู่มานานมากเกินกว่าจะนับ ความทรงจำนั้นมีมากมายมหาศาลจนชวนตื่นตะลึง หยวนอีไม่ได้ดูมันตั้งแต่ต้นจนจบ นางทำเพียงค้นหาความทรงจำเกี่ยวกับซี


นี่แสดงให้เห็นว่าสี่กระบี่ประหารเซียนทรงพลังไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง พลังวิญญาณของเซียวฮุ่ยเองก็ถูกกดลงไป ไม่เช่นนั้นหยวนอีคงจะไม่อาจค้นวิญญาณของเซียวฮุ่ยได้


ผลที่ได้ออกมาคือซีไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง!


นางเองก็เป็นเซียนผู้หนึ่งที่มาจากภพเซียน!


หยวนอีได้รับรู้ว่าตระกูลของซีถือครองสมบัติโบราณที่ไม่รู้จักอย่างแน่ชัดเอาไว้ สมบัติชิ้นนั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ก่อนจะถูกตระกูลเซียวซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่แห่งภพเซียนล่วงรู้เข้า


ตระกูลของซีไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเซียวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้แม้แต่น้อย


ตระกูลเซียวเข้าไปสังหารคนตระกูลของซี หมายช่วงชิงสมบัติ


ตระกูลของซีรู้ตัวถึงแผนการของตระกูลเซียวล่วงหน้า ก่อนที่ตระกูลเซียวจะมาถึง พวกเขาจึงมอบสมบัติให้ซี ก่อนจะส่งซีออกไป!


พวกเขาไม่ได้ทำเพียงส่งซีออกนอกดินแดนของตระกูล แต่ส่งซีออกจากภพเซียนเลย!


เนื่องจากพวกเขาตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า หากซียังคงอยู่ในภพเซียนก็จะไม่สามารถหนีรอดจากการตามล่าของตระกูลเซียวได้อย่างแน่นอน


กล่าวตามตรงแล้ว การส่งซีออกจากภพเซียนนับเป็นการกระทำที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง!


ภพเซียนไม่ใช่สถานที่ที่นึกจะเข้าก็เข้าได้ นึกจะออกก็ออกได้!


ภพเซียนถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวบางอย่าง ไม่ว่าต้องการเข้าหรือออกก็นับเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง สามารถสิ้นชีพลงได้ทุกเมื่อ!


แต่ถึงกระนั้นซีก็ทำสำเร็จ นางกับผู้อาวุโสอีกหลายคนฝ่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้ หนีออกจากภพเซียนมายังอาณาจักรแห่งนี้


ส่วนพ่อแม่ของซีและคนอื่น ๆ ในตระกูลต่างช่วยกันต่อต้านตระกูลเซียว เพื่อยื้อเวลาให้กับซี


น่าเสียดายที่ตระกูลเซียวนั้นแข็งแกร่งเกินไป ห่างชั้นจนตระกูลของซีไม่อาจหยุดยั้ง ทำให้มียอดฝีมือตระกูลเซียวไล่ตามหลังพวกนางมาได้


ยามนั้นมียอดฝีมือแปดคนจากตระกูลเซียวไล่ตามมา แต่เจ็ดคนนั้นล้วนทำไม่สำเร็จ สิ้นชีพลงภายใต้พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้น มีเพียงเซียวฮุ่ยที่สามารถรอดฝ่าพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้


แม้เซียวฮุ่ยจะสามารถฝ่าออกมาได้สำเร็จแต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในสภาพย้ำแย่เป็นอย่างมาก


แต่ซีกับผู้อาวุโสในตระกูลของนางกลับไม่มีผู้ใดตาย ทุกคนต่างสบายดี ไม่ได้รับผลกระทบใดแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้เซียวฮุ่ยคาดไม่ถึงเป็นอย่างมากในยามนั้น


ทว่าหลังจากนั้นเซียวฮุ่ยก็นึกได้


เหตุผลที่ซีและเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลนางล้วนไม่เป็นอะไร เกรงว่าจะเป็นเพราะสมบัติโบราณที่อยู่กับตัวซี!


หากไม่เป็นเช่นนี้ ซีกับเหล่าผู้อาวุโสตระกูลของนางคงไม่อาจฝ่าออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!


เมื่อเซียวฮุ่ยไล่ตามถึงพวกของซีก็เกิดเป็นการปะทะกันครั้งใหญ่


สภาพของเซียวฮุ่ยย่ำแย่เป็นอย่างมาก แต่นางก็ยังคงแข็งแกร่งดุร้าย ซีและผู้อาวุโสกลุ่มนั้นไม่ใช่คู่ต่อกรของเซียวฮุ่ยเลยแม้แต่น้อย


เหล่าผู้อาวุโสปกป้องซีให้หนีออกไป ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจเสียสละตนเอง ใช้ทุกสิ่งที่มีด้วยความบ้าคลั่ง หมายจะตายตกไปพร้อมกับเซียวฮุ่ย!


น่าเสียดายที่เซียวฮุ่ยแข็งแกร่งเกินไป แม้เหล่าผู้อาวุโสจะสละตนเองก็ไม่อาจสังหารเซียวฮุ่ยได้


ทว่าปัญหาร้ายแรงในร่างกายเซียวฮุ่ยก็เกิดขึ้นมาจากการต่อสู้ครั้งนี้


สุดท้ายซีเองก็สามารถหนีไปได้


แต่สภาพของซีในยามนั้นก็ย่ำแย่เป็นอย่างมากเช่นกัน นางเองก็ได้รับผลกระทบจากการต่อสู่ครั้งนั้น แม้กระทั่งสมบัติที่อยู่บนตัวซีก็หลุดหายออกไปที่ใดก็มิอาจทราบ


เซียวฮุ่ยอยู่ในสภาพสาหัสอย่างถึงที่สุด ชีวิตราวกับถูกแขวนเอาไว้บนเส้นด้าย ไม่มีความสามารถมากพอจะไล่ตามซีหรือค้นหาตำแหน่งของสมบัติ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องผนึกตัวเองเอาไว้ในโลงศพ รอจนกว่าจะฟื้นตัวก่อนค่อยเคลื่อนไหว


เพื่อให้นางปลอดภัยและฟื้นตัวได้ไวมากยิ่งขึ้น นางจึงเอามังกรดำมาใช้งานและสั่งให้มันเฝ้าโลงศพกับส่งเลือดยอดฝีมือมาให้นางใช้ฟื้นฟูตนเอง


ยังดีที่นางมีธงกระดูกเซียนอยู่กับตัว ไม่เช่นนั้นด้วยสภาพย่ำแย่ของนางในตอนนั้น คงไม่อาจเอามังกรดำมาใช้งานได้!


จากนั้นนางก็ผนึกตัวเองเอาไว้จนมาถึงตอนนี้


นางค่อย ๆ ฟื้นฟูตัวเองตลอดช่วงที่ผ่านมา


หยวนอีขมวดคิ้ว เดิมทีนางนึกว่าหลังจากสามารถกำราบเซียวฮุ่ยลงได้แล้ว นางจะสามารถรู้ตำแหน่งที่อยู่ของซีได้


ทว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนางคาดไว้ เซียวฮุ่ยเองก็ไม่รู้ตำแหน่งของซีเช่นกัน!


มิน่าเล่า คุณชายจึงบอกกับนางว่าถึงหาไม่พบก็ไม่เป็นอะไร...


ร่องรอยของซีนั้นยากที่จะตามหา!


หนทางของนางยังอีกยาวไกล!

บทที่ 508

หยวนอีจำได้ว่าเมื่อตอนที่คุณชายมอบหมายงานให้นาง ยามนั้นคุณชายก็ยังไม่มั่นใจว่านางจะสามารถสืบหาร่องรอยของซีได้


ผลที่ออกมาก็เป็นไปตามเช่นนั้นจริง ๆ


เซียวฮุ่ยไม่รู้ที่อยู่ของซี นี่เท่ากับนางไม่มีร่องรอยเกี่ยวกับซีหลงเหลือแล้ว หากนางต้องการตามหาซีในอาณาจักรแห่งนี้ จะต้องเป็นเรื่องยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอย่างไม่ต้องสงสัย


ทว่านางก็จะไม่ยอมแพ้ จะยังสืบต่อไป


ซีคือผู้ที่คุณชายต้องการตามหา นางจะต้องช่วยเหลือคุณชายตามหาให้ได้!


“ภพเซียนถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวบางอย่าง นี่เป็นสาเหตุให้ผู้ฝึกตนไม่สามารถกลายเป็นเซียนและเข้าสู่ภพเซียนได้ใช่หรือไม่?


หยวนอีอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้


ภพเซียนถูกปกคลุมด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวบางอย่าง กระทั่งเหล่าเซียนด้านในยังยากยิ่งที่จะออกมา นับได้ว่าเป็นการเดิมพันเป็นตายเสียด้วยซ้ำ หากสิ่งมีชีวิตภายนอกต้องการจะเข้าไปในภพเซียน จะต้องเป็นเรื่องยากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย อาจสามารถกล่าวได้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้


อย่างไรเสียสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายนอกภพเซียนก็ไม่อาจเทียบเท่ากับสิ่งมีชีวิตในภพเซียนได้ หากเหล่าเซียนยังมีโอกาสตายเก้าส่วน ไม่ต้องพูดถึงสิ่งมีชีวิตภายนอกเลย


การจะกลายเป็นเซียนต้องอาศัยการดูดซับสสารนิรันดร์เข้าสู่ร่างกาย เช่นนี้จึงจะสามารถอยู่ยงไร้อายุขัยจำกัด ทว่าสสารนิรันดร์นั้นอยู่ในภพเซียน เหล่าผู้ฝึกตนต่างไม่อาจเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้ ดังนั้นจึงไม่มีสสารนิรันดร์ ไม่อาจกลายเป็นเซียนได้อย่างแท้จริง


“เหตุใดภพเซียนจึงถูกปกคลุมไว้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวบางอย่าง? มันอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ต้นหรือปรากฏออกมาภายหลัง?”


หยวนอีสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างมาก นางเริ่มค้นความทรงจำของเซียวฮุ่ยต่อ


ไม่ใช่!


พลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้ไม่ได้มีอยู่ที่ภพเซียนมาตั้งแต่ต้น แต่กลับก่อตัวขึ้นปกคลุมภายหลัง


นางต้องการจะสืบหาต่อว่า เหตุใดพลังอันน่าสะพรึงกลัวจึงห่อหุ้มภพเซียนเอาไว้เช่นนี้


ทว่าตอนนั้นเอง พลันเกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับร่างเซียวฮุ่ยอย่างกะทันหัน!


บนร่างของเซียวฮุ่ยมีเลือดไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ผิวของนางเริ่มละลายหาย สุดท้ายก็มีแสงสีเลือดพุ่งออกมา กระทั่งพลังของสี่กระบี่ประหารเซียนก็ยังไม่อาจหยุดยั้งได้ เพียงพริบตาเดียวเซียวฮุ่ยก็หายลับไปในทันที!


“เกิดอะไรขึ้น!”


หยวนอีหรี่ตา ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้


พลังทั้งหมดของเซียวฮุ่ยถูกสี่กระบี่ประหารเซียนกดเอาไว้ เหตุใดจึงยังสามารถหลบหนีออกไปได้?


เซียนช่างน่าตื่นตะลึงจริง ๆ ทุกอย่างล้วนไม่สามารถนำสามัญสำนึกมาคาดเดาได้!


“ครั้งหน้าที่เจอ ข้าจะบดขยี้เจ้าให้แหลกละเอียด ดูเสียว่าเจ้าจะหนีไปได้อีกหรือไม่!”


หยวนอีเอ่ยขึ้นมา


หากครั้งนี้นางบดขยี้เซียวฮุ่ยให้เป็นชิ้น ๆ เซียวฮุ่ยจะต้องตายลงด้วยสี่กระบี่ประหารเซียนอย่างแน่นอน


ทว่านางทำเช่นนั้นไม่ได้


นางยังจำเป็นต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับซีก่อน จะสามารถบดขยี้และสังหารเซียวฮุ่ยเลยได้อย่างไร


เรื่องในครั้งนี้ยังเตือนนางให้รู้อีกด้วยว่าเซียนนั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถปล่อยให้มีโอกาสใดหลงเหลือได้ ต้องสังหารทิ้งโดยตรง


‘ไม่เป็นอะไร หนีได้ก็หนีไปเถอะ นางไม่อาจเป็นภัยคุกคามได้อีกแล้ว’


หยวนอีคิดขึ้นมาในใจ


ในตอนนี้นางรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในภพเซียนแล้ว ยากเป็นอย่างยิ่งที่ตระกูลเซียวจะสามารถรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้ กระทั่งเซียวฮุ่ยเองก็ไร้หนทางติดต่อกับตระกูลเซียว


สำหรับเซียวฮุ่ยแล้ว แม้ว่านางจะสามารถหลบหนีได้ แต่ก็ต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เป็นอย่างมาก ขนาดจะปกป้องตนเองยังยาก นับประสาอะไรกับการก่อความวุ่นวายขึ้นมา


“นายท่านสุดยอดยิ่งนัก!”


อีกด้านหนึ่ง มังกรดำที่เดิมทีนึกว่าเซียวฮุ่ยจะถึงที่ตายแล้ว มันเองก็คงต้องตายด้วย ไม่คาดคิดเลยว่าเซียวฮุ่ยจะสามารถหลบหนีไปได้!


ถ้าหากเซียวฮุ่ยไม่ตาย มันเองก็ไม่ต้องตายเช่นกัน!


มันเตรียมจะรีบหนีออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว


แต่ทว่ามันยังไม่ทันได้ขยับตัว สี่กระบี่ประหารเซียนก็พุ่งเข้าใส่หัวของมันพร้อมกับค่ายกลประหารเซียน


“เจ้าคิดจะไปไหน?”


หยวนอีลอยตามไปใช้สี่กระบี่ประหารเซียนตัดพลังของมังกรดำในทันที ก่อนจะใส่มังกรดำเข้าไปในศาสตราบรรจุของ


นางไม่เคยลืมมังกรดำ ทั้งยังนึกถึงมันอยู่ตลอด


คุณชายชอบกินมาก เนื้อมังกรจะต้องอร่อยอย่างถึงที่สุด นางคิดมานานแล้วว่าจะเอามังกรดำกลับไปให้คุณชาย


หลังจากนั้นนางก็เก็บโลงศพสีชาดและธงกระดูกเซียน ก่อนจะจากไป




ลำแสงสีแดงลอยพุ่งผ่านความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ข้ามผ่านดินแดนแล้วดินแดนเล่า จากแดนหยินสู่แดนฮวง


สุดท้ายแสงนั้นก็เข้าไปในร่างของสัตว์อสูรตนหนึ่ง


สัตว์อสูรตนนั้นชักเกร็งก่อนจะล้มลงไปกับพื้น ประหนึ่งตายไปแล้ว


แต่เพียงไม่นาน สัตว์อสูรตนนั้นก็ลืมตาโพลง


“น่ารังเกียจนัก!”


สัตว์อสูรตนนั้นกัดฟัน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ นางในฐานะผู้อาวุโสตระกูลเซียวที่แข็งแกร่งกว่าเซียนทั่วไป สุดท้ายกลับลงเอ่ยอยู่ในสภาพเจียนตาย!


ใช่แล้ว นางคือเซียวฮุ่ย ก่อนที่สี่กระบี่ประหารเซียนจะกำราบนางลงอย่างสมบูรณ์ นางได้ใช้วิชาลับโบราณบางอย่าง สละเลือดของตนเอง จากนั้นก็รีบหนีมายังที่แห่งนี้


สภาพนางตอนนี้น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง!


แม้จะสามารถหนีมาได้ แต่สภาพก็ย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง รอดมาได้เพียงเสี้ยววิญญาณเซียนเท่านั้น!


ในสถานการณ์เช่นนี้ นางเท่ากับสูญเสียทุกสิ่งไปแล้ว วิญญาณเซียนของนางไม่สมบูรณ์ ไม่อาจเรียกได้ว่ากลับไปเริ่มใหม่เสียด้วยซ้ำ


หากนางต้องการจะกลับไปยังจุดสูงสุด ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากขนาดไหน!


“ไม่เป็นไร ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอ!”


ดวงตาของนางทอประกายดุร้าย ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังคงมีความหวัง ดีกว่าต้องสิ้นชีพ!


“สถานที่แห่งนี้ไม่เลวเลย...”


นางหรี่ตาลง ยามที่นางเข้าไปในร่างของสัตว์อสูรตนนี้ นางก็กลืนกินวิญญาณของมันเข้าไป ทั้งยังได้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ด้วย


แม้นางจะอยู่ในสภาพย่ำแย่ แต่อย่างไรก็ยังเป็นวิญญาณเซียน อีกทั้งขอบเขตของสัตว์อสูรตนนี้ยังไม่สูง ทำให้นางสามารถกินวิญญาณของมันเข้าไปได้อย่างราบรื่น


สถานที่แห่งนี้มีนามว่าเมืองเก้าวิบัติ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีการนองเลือดเกิดขึ้นทุกวัน สำหรับนางแล้ว พื้นที่แห่งนี้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย นางสามารถค่อย ๆ ฟื้นฟูตัวเองได้ในพื้นที่แห่งนี้!


“อ๊า ภรรยาจ๋า สามีกลับมาแล้ว!”


ตอนนั้นเอง อสูรหมูที่น่าเกลียดอย่างถึงที่สุดตนหนึ่งก็ตะโกนออกมาแล้วเดินมาหาเซียวฮุ่ย


“!!!”


สีหน้าของเซียวฮุ่ยแปรเปลี่ยน นางรู้จักอสูรหมูตนนี้ มันเป็นสามีของร่างอสูรที่นางเข้ามาอยู่ ทั้งยังชอบ...เรื่องอย่างว่าเป็นที่สุด!


เมื่อวันไหนสนุกสนาน ก็สามารถทำได้เป็นร้อย ๆ รอบต่อวัน!


“น่าเสียดายที่ครั้งนี้เจ้าไม่ได้ออกไปกับข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้ามีความสุขแค่ไหนที่ได้สังหารพวกด้านนอก! ฮ่าฮ่า ยิ่งเห็นพวกมันหวาดกลัวมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งตื่นเต้น!”


อสูรหมูหัวเราะออกมา “ภรรยาจ๋า เมื่อรู้สึกตื่นเต้น ข้าก็คิดถึงเจ้าเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าจึงรีบกลับมาหาเจ้า!”


เมืองเก้าวิบัติเต็มไปด้วยความวุ่ยวาย อสูรหมูตัวนี้ที่ชื่นชอบการฆ่าฟันเป็นที่สุดจึงมักออกไปข้างนอกเพื่อสังหารสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ยามไม่มีสิ่งใดทำ


‘มารดามันเถอะ ข้าจะต้องไม่ให้อสูรหมูตัวนี้ทำสิ่งใดกับข้า!’


ใบหน้าของเซียวฮุ่ยน่าเกลียดเป็นอย่างมาก ภายในใจสาปแช่งออกมายกใหญ่


เหตุใดนางจึงดวงซวยเช่นนี้ จะเข้าร่างใครก็ไม่เข้า ต้องมาเข้าร่างของสัตว์อสูรตนนี้!


ขอบเขตของอสูรหมูไม่ต่ำ ด้วยสถานะปัจจุบัน นางไม่สามารถจัดการกับอสูรหมูได้!


“ข้า...”


เซียวฮุ่ยรีบเปิดปากขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด อสูรหมูตนนั้นก็พุ่งใส่นางแล้ว!


“อู๊ด!”


อสูรหมูส่งเสียงร้องออกมา ก่อนจะตะโกนเสียงดัง “ร้อยครั้ง ร้อยครั้ง!”


ในตอนนั้นเองเซียวฮุ่ยอยากจะตายลงไปจริง ๆ


มารดามันเถอะ!


หากนางรู้เช่นนี้ตั้งแต่ก่อนหน้า นางก็คงจะไม่หนี ยอมถูกสี่ดาบประหารเซียนสังหารทิ้ง!




เมืองเก้าวิบัติ ณ บริเวณแห่งหนึ่ง


สามเณรน้อยผู้หนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนใหญ่


“ที่นี่มีอสูรหมูชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่งหนึ่งตน มันทำเรื่องเลวร้ายมานับไม่ถ้วน หากข้าสามารถจัดการกับมันได้ จะต้องได้รับความศรัทธาจำนวนมาก!”


ใช่แล้ว เขาคือพระเก้าประทีปพุทธเจ้าที่กำลังรำพึงกับตนเอง

บทที่ 509

“หนึ่งร้อยครั้ง หนึ่งร้อยครั้ง!”


บนเตียงขนาดใหญ่ อสูรหมูหัวเราะออกมาเสียงดัง ดูสำราญเป็นอย่างมาก วันนี้มันทำกับภรรยาของมันทั้งวัน จำนวนรวมกันแล้วมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งอย่างแน่นอน!


“ภรรยายังคงยอดเยี่ยมเช่นเคย ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเทียบ ทำเป็นร้อยครั้งก็ยังไม่เบื่อ!”


มันหัวเราะร่า พลางมองไปทางเซียวฮุ่ยอย่างหยาบโลน


อีกด้านหนึ่งของเตียง ใบหน้าของเซียวฮุ่ยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรง


เดรัจฉาน!


นางก่นด่าสาปแช่ง หทัยเต๋าของนางพังทลายไปหมดสิ้น ทั้งวันนางถูกอสูรหมูตัวนี้เคี่ยวกรำ!


แม้นางจะมีชีวิตมานานแสนนาน แต่นางก็ไม่เคย...ทำเรื่องอย่างว่ามาก่อน!


นางไม่เคยกระทั่งสนทนาแบบชายหญิงมาก่อน ไม่เคยสัมผัสชายใด แต่กลับถูกอสูรหมูอัปลักษณ์ทำลายครั้งแรกไป ทั้งยังทำติดต่อกันเกินกว่าหนึ่งร้อยครั้ง!


แม้ว่านางจะอยู่เหนือยิ่งกว่าเซียนทั่วไป นางก็ไม่อาจทนรับได้ สุดท้ายหัวใจพังทลายลง!


เหตุใดนางจึงต้องทุกข์ทนเช่นนี้!


เซียวฮุ่ยร้องไห้จนใกล้จะสิ้นลมแล้ว


“ภรรยา วันนี้ข้ารู้สึกว่าเจ้าเปลี่ยนไปมาก ดูแววตานั่นสิ อ่า เหมือนกับตอนที่พวกเราทำกันครั้งแรก! ข้าตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว!”


ดวงตาของอสูรหมูวาววับขึ้นมาอีกครั้ง


“!!!”


เซียวฮุ่ยบื้อใบ้ขึ้นมาทันที ยังจะทำอีกหรือ? อสูรหมูตนนี้ไม่กลัวเหนื่อยตายหรืออย่างไร!?


รอให้นางฟื้นตัวเองก่อนเถอะ หลังจากฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว นางจะเอาแม่หมูนับร้อยตัว ไม่สิ แม่หมูนับพันตัวมาพลัดกันบังคับนอนกับอสูรหมูจนมันแห้งเหี่ยวตาย!


ภายใจในนางเกลียดชังอสูรหมูเป็นอย่างมาก นางสาบานว่าจะต้องเอาคืนความแค้นครั้งนี้!


น่าเสียดายที่ตอนนี้นางไม่อาจต่อต้านได้เลย ได้แต่ปล่อยให้อสูรหมูกระทำกับนางอีกครั้ง


ทางฝั่งสามเณรน้อยก็มาถึงยังสถานที่แห่งนี้


ที่นี่เป็นฐานทัพหลักของอสูรหมู อสูรหมูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นับได้ว่าเป็นผู้ปกครองตนหนึ่ง มีสัตว์อสูรอยู่จำนวนมากใต้บัญชา


ทันทีที่สามเณรน้อยมาถึง สัตว์อสูรเหล่านี้ก็พุ่งเข้ามาหมายสังหารสามเณรน้อยทันที


แต่ทว่าสามเณรน้อยแข็งแกร่งกว่าพวกมันมาก สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ใช่คู่มือของสามเณรน้อย ในไม่ช้าพวกมันทั้งหมดก็ถูกปราบลงไปอย่างรวดเร็ว


สามเณรน้อยไม่ได้สังหารสัตว์อสูรเหล่านี้ เป้าหมายสำคัญที่สุดของเขาคือการรวบรวมพลังความศรัทธา การสังหารสัตว์อสูรเหล่านี้เลยจะเป็นการสูญเปล่า


อย่างไรเสียหากเขาสังหารสัตว์อสูรเหล่านี้ไปที่นี่ตั้งแต่ตอนนี้ พลังศรัทธาที่เขาจะได้รับย่อมมีจำกัด หากปล่อยให้สัตว์อสูรพวกนี้ออกไปก่อกรรมทำเข็ญ จากนั้นเขา ‘บังเอิญ’ ผ่านมาพอดี และกำจัดสัตว์ประหลาดเหล่านี้ท่ามกลางสายตาผู้คน เช่นนี้จึงจะได้รับพลังศรัทธาล้นหลาม ทั้งยังทำให้พุทธภูมิเก้าประทีปของเขามีชื่อเสียงขึ้นมา!


“ข้ากำลังเพลิดเพลินอยู่ แต่กลับถูกเจ้าสารเลวนี้ขัดจังหวะ วันนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ตายดี!”


อสูรหมูที่อยู่ด้านในมีสีหน้าดุร้าย มันยังไม่ทันเสร็จดี กำลังอยู่ในช่วงสำราญที่สุด แต่กลับถูกสามเณรน้อยขัดจังหวะจนหมดความสนุก!


ทั่วร่างของมันเปี่ยมด้วยจิตสังหาร ทันทีที่ออกมาก็โจมตีใส่สามเณรน้อยอย่างบ้าคลั่ง ต้องการจะฉีกสามเณรน้อยออกเป็นชิ้น ๆ


“พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเปี่ยมเมตตาต่อสรรพสัตว์ วันนี้นับเป็นโชคดีของเจ้าแล้วอสูรหมู ที่ข้ามาโปรดเจ้า!”


สามเณรน้อยกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้เอ่ยอมิตาพุทธอีกต่อไป เขาศรัทธาเพียงตนเอง วันข้างหน้าเขาจะกล่าวว่าตนเป็นพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียวในพุทธภูมิเก้าประทีป


อสูรหมูไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาแม้แต่น้อย เพียงพริบตาเดียวเขาก็สามารถกำราบมันจนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้


เขาไม่ได้สังหารอสูรหมูเหมือนกัน


อสูรหมูเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำให้เขาได้รับพลังความศรัทธาจำนวนมาก เขาจะสังหารมันเลยได้อย่างไร จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้ก่อน


“ยังเหลืออยู่หนึ่ง เจ้าเองก็ออกมาด้วย!”


สามเณรน้อยยื่นมือออกไป ทันใดนั้นก็ปรากฏพลังอันมหาศาลดึงเซียวฮุ่ยออกมาจากข้างในห้อง


เขาจะไม่ปล่อยสัตว์อสูรที่นี่ให้รอดไปได้สักตัว จะนำพวกมันทั้งหมดไปด้วย เพราะพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งที่มาของพลังความศรัทธาให้เขา


“หืม เจ้าไม่เลวเลย!”


ดวงตาของสามเณรน้อยเปล่งประกายระหว่างจับจ้องมาทางเซียวฮุ่ย เขาสัมผัสได้ว่าวิญญาณของเซียวฮุ่ยแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แตกต่างจากสัตว์อสูรตนอื่น


หากสัตว์อสูรตนนี้ได้รับการฝึกฝน จะต้องแข็งแกร่งกว่าอสูรตนอื่นอย่างแน่นอน


“นับตั้งแต่นี้ไปเจ้าจะต้องเป็นสัตว์ขี่ของข้า”


เขากระโดดขึ้นไปนั่งบนร่างของเซียวฮุ่ย ร่างของนางไม่ใช่หมู แต่เป็นหมาป่าสีขาวตนหนึ่ง


ตอนนี้เขามีเพียงตัวคนเดียวลำพัง จำเป็นต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชาดี ๆ จึงอยากฝึกเซียวฮุ่ยให้กลายเป็นมือขวาของเขา


เหตุใดนางถึงโชคร้ายถึงเพียงนี้?


เหตุใดจึงไม่อาจหลบหนีจากชะตากรรมเช่นนี้ได้!?


เซียวฮุ่ยร่ำร้องในใจ นางอึดอัดคับข้องใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าการเป็นสัตว์ขี่จะดีกว่าสถานการณ์ก่อนหน้าเป็นอย่างมาก แต่นางก็ไม่สามารถทนรับได้


นางจะทนรับได้อย่างไรกัน?


นางคือผู้ใด?


นางเป็นถึงผู้อาวุโสตระกูลเซียว หนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่แห่งภพเซียน ทั้งยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเซียนทั่วไป ก่อนหน้านี้ก็ถูกอสูรหมูข่มเหง ตอนนี้ก็ถูกสามเณรน้อยขี่!


ผู้ใดจะต้องทนทุกข์มากเท่านาง!?


ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธ รอให้นางฟื้นตัวกลับมาเสียก่อน อสูรหมูและสามเณรน้อยผู้นี้จะต้องจ่ายราคาชดเชยให้นางอย่างหนัก!


นางจะไม่มีวันปล่อยอสูรหมูกับสามเณรน้อยไปง่าย ๆ!


“ไม่เลว นั่งสบายมาก”


สามเณรน้อยเอ่ยพลางหัวเราะ เขาดีใจที่ตนเองได้สัตว์ขี่ที่นั่งสบายเช่นนี้ หากแต่หารู้ไม่ว่าในอนาคตชะตากรรมอันน่าเศร้าของเขาถูกตัดสินเอาไว้แล้ว...


“ไป ไปทำเรื่องที่สมควรทำได้แล้ว!”


เขาตีก้นของหมาป่าขาว เร่งให้ออกจากสถานที่แห่งนั้นไปพร้อมกับพาอสูรหมูและสัตว์อสูรตนอื่น ๆ ไปด้วย เตรียมตัวไปรวบรวมพลังศรัทธาของตนเอง


เซียวฮุ่ยร่ำไห้ วิ่งพาเณรน้อยออกไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า นางถูกปีศาจหมูรังแกมาทั้งหมด ยังไม่ทันได้พักหายใจก็ต้องมาให้สามเณรน้อยนั่งขี่


ในขณะนั้นเอง ความเกลียดชังที่นางมีต่อสามเณรน้อยเพิ่มพูนขึ้นไปอีกขั้น วันข้างหน้าเมื่อนางฟื้นตัวได้แล้ว นางจะต้องให้สามเณรน้อยชดใช้คืนกลับมาเป็นร้อยเป็นพันเท่า




ขณะเดียวกัน ตงฟางเวิ่นและพวกเมิ่งจีก็รวมตัวกันแล้ว


“ไป”


พวกเขาออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังตำหนักย่อยของกองกำลังฮวงเฉวียน


ตงฟางเวิ่นรู้แจ้งว่าตำหนักย่อยแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ด้านในยังมีสมาชิกที่สำคัญของกองกำลังฮวงเฉวียนหลายคนหลับใหลอยู่ภายใน ทำให้ตำแหน่งที่ตั้งไม่อาจเคลื่อนย้ายได้โดยง่าย


แน่นอน สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือกองกำลังฮวงเฉวียนไม่รู้ว่าคุณชายแข็งแกร่งน่ากลัวเพียงใด จึงทำให้เขามั่นใจว่าตำหนักย่อยจะไม่ย้ายสถานที่ตั้งโดยง่าย


หากกองกำลังฮวงเฉวียนล่วงรู้ว่าคุณชายแข็งแกร่งน่ากลัวขนาดไหน เกรงว่าต่อให้อุปสรรคจะมากมายยุ่งยากเพียงใด กองกำลังฮวงเฉวียนก็ต้องย้ายที่ตั้งตำหนักย่อยอย่างแน่นอน


ด้วยการนำทางของตงฟางเวิ่น พวกเขาก็มาถึงตำหนักย่อยอย่างรวดเร็ว


ปรากฏว่าสิ่งที่ตงฟางเวิ่นคิดเอาไว้นั้นถูกต้อง


ตำหนักย่อยยังคงไม่เคลื่อนย้าย ทุกอย่างล้วนเหมือนเดิม!


“จ้าวตำหนัก ข้าตงฟางเวิ่นกลับมาแล้ว!”


ตงฟางเวิ่นตะโกนด้วยรอยยิ้มมุมปาก แม้จะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวมากมาย ทว่าเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย


ทุกคนที่นี่ล้วนแต่เป็นคนของคุณชาย เพียงแค่ตำหนักย่อยเล็ก ๆ แห่งเดียวจะสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้อย่างไร?


ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!


“ไร้ยางอาย!”


จ้าวตำหนักย่อยทะยานออกมาทันที


ดวงตาของเขาทอประกายเย็นเยียบขณะกล่าวออกมา “เจ้าทรยศต่อกองทำลัง ทั้งยังนำคนมาที่นี่ วันนี้เจ้าอยากจะตายมากหรือไร!?”


ดูเหมือนว่าความรู้สึกก่อนหน้านี้ของเขาจะไม่ผิด หลี่จิ่วเต้ายังคงไม่ยอมปล่อยกองกำลังฮวงเฉวียนของพวกเขาไป


ตงฟางเวิ่นจึงนำคนมาที่นี่!


“น่าขันนัก ข้านึกว่าเจ้าจะพาหลี่จิ่วเต้ามา แต่เจ้ากลับพาคนแก่กับเด็กมา เจ้าเป็นบ้าหรือโง่งมกันแน่?”


หลังจากจ้าวตำหนักย่อยเห็นคนเบื้องหลังตงฟางเวิ่น เขาก็กล่าวออกมาด้วยความขบขัน คนแก่กับเด็กเหล่านี้จะสามารถต่อสู้อะไรได้?


ตงฟางเวิ่นกำลังส่งพวกเขามาตาย!

บทที่ 510

“พูดจาระวังหน่อย!”


ตงฟางเวิ่นมองนายตำหนักย่อยอย่างมีความหมาย “ปลาหมอตายเพราะปาก ท่านเจ้าตำหนักอย่าทะเล่อทะล่าพูดจาสิ้นคิดดีกว่า มิฉะนั้นท่านต้องจบลงอย่างอนาถ!”


“เสียสติไปแล้วหรือ”


หลังนายตำหนักย่อยได้ยินคำกล่าวของตงฟางเวิ่น ก็หัวเราะไม่หยุด “ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้า ไม่รู้หรือว่าตำหนักของข้ามิใช่ตำหนักย่อยธรรมดา เป็นรองเพียงฐานหลัก”


“แล้วอย่างไร?” ตงฟางเวิ่นไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่


ท่าทางไม่ยี่หระของตงฟางเวิ่นทำให้นายตำหนักย่อยเดือดดาลเป็นพิเศษ


เขาเอ่ยเสียงเคียดแค้น “แล้วอย่างไรรึ? วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าแล้วอย่างไร!”


สิ้นเสียงของเขา ด้านกลุ่มของตงฟางเวิ่นพลันเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น!


เงาดำมากมายบุกออกจากมิติ คล้ายว่าปรากฏขึ้นกลางอากาศ ไม่มีวี่แววมาก่อนเลยสักนิด!


กองกำลังฮวงเฉวียนเชี่ยวชาญด้านลอบสังหาร เงาดำเหล่านี้ล้วนเป็นมือพระกาฬด้านลอบสังหารในองค์กรฮวงเฉวียน ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือตั้งมากมายเท่าใดเคยถูกพวกเขาสังหารโดยไม่ทันรู้ตัว


พวกเขาน่ากลัวมากจริง ๆ ก่อนพวกเขาปรากฏตัว เมิ่งจี ไป๋มู่ อันหลานเสวี่ย และพวกอ้ายฉานต่างสัมผัสไม่ได้แม้แต่น้อย ทุกคนล้วนตะลึงกับการปรากฏตัวกลางอากาศอย่างกะทันหันของพวกเขา


ทว่าตงฟางเวิ่นหาได้เป็นเช่นนั้นไม่


เขาเคยเป็นคนของกองกำลังฮวงเฉวียน รู้ดีถึงลูกไม้ของอีกฝ่าย รู้ว่าวิธีลอบสังหารของพวกเขาแกร่งกล้าปานใด เขาจึงระวังตัวไว้แต่แรก สัมผัสถึงการมีอยู่ของเงาดำเหล่านี้ได้ล่วงหน้า


หากเป็นเมื่อก่อน ต่อให้เขาระวังตัวไว้ก่อน ก็ไม่มีทางสัมผัสถึงการมีอยู่ของเงาดำเหล่านี้ได้ก่อน หน้าที่หลักของเขาคือรวบรวมข่าวสาร มิใช่ลอบสังหาร ล่วงรู้วิชาลอบสังหารได้ไม่มากเท่าใด ไม่อาจใช้ข้อมูลเหล่านั้นจับสัมผัสเงาดำเหล่านี้


ทว่าบัดนี้ต่างออกไป


เขาก้าวสู่ขั้นครึ่งก้าวเทียนตี้ได้นานแล้ว อีกทั้งมีการบรรลุในขั้นครึ่งก้าวเทียนตี้ จนมาอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นครึ่งก้าวเทียนตี้ ห่างเพียงเส้นบาง ๆ เท่านั้นก็จะก้าวสู่ขั้นเทียนตี้!


เงาดำเหล่านี้มีวิธีลอบสังหารอย่างชาญฉลาด ทว่าสุดท้ายก็ยังเสียเปรียบด้านขอบเขตพลัง พวกเขาเป็นเพียงตี้หวงเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้ ไม่อาจเร้นกายได้เลย เขาจับได้ตั้งแต่นาทีแรก!


พริบตาที่เงาดำเหล่านี้เพิ่งปรากฏตัว เขาก็ฟาดฝ่ามือเข้าไป เงาดำทั้งหลายกระเด็นกระดอนกันหมด กระอักเลือดไม่หยุด สูญเสียพละกำลังในการต่อสู้อีกครั้ง


“ครึ่งก้าวเทียนตี้!”


นัยน์ตานายตำหนักย่อยหรี่ลงฉับพลัน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่อาจเชื่อได้ลงว่าตงฟางเวิ่นในตอนนี้เป็นถึงครึ่งก้าวเทียนตี้แล้ว!


เป็นไปได้อย่างไรกัน!?


รู้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ไม่นานตงฟางเวิ่นยังเป็นเพียงตี้หวง นี่เพิ่งไปได้ไม่กี่เพลา ตงฟางเวิ่นก็บรรลุสองขั้นใหญ่ กลายเป็นครึ่งก้าวเทียนตี้อย่างนั้นหรือ!?


ครึ่งก้าวเทียนตี้บำเพ็ญกันง่าย ๆ เยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อใด?


‘หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ช่าง…ผิดมนุษย์มนาจริง!’


เขาก่นด่าในใจ ตงฟางเวิ่นเป็นเทียนตี้ได้ ย่อมไม่พ้นฝีมือหลี่จิ่วเต้า ลำพังตงฟางเวิ่นเอง ไม่มีทางกลายเป็นครึ่งก้าวเทียนตี้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้!


เวลานั้น เขาพลันสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา


แม้ตงฟางเวิ่นจะเป็นครึ่งก้าวเทียนตี้แล้ว กระนั้นก็ไม่มีทางทลายผนึกที่นี่ ทว่าเขายังสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าใด รู้สึกกลัวว่าครั้งนี้อาจเกิดเรื่องไม่คาดคิด


เขามิได้ลังเล รีบทำการลักลอบติดต่อกับฐานหลัก ขอให้ฐานหลักส่งยอดฝีมือมาช่วย


เตรียมการเผื่อไว้ย่อมดีกว่า!


หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นจริง ๆ มียอดฝีมือจากฐานหลักอยู่ด้วย เรื่องไม่คาดคิดเพียงใดก็คลี่คลายลงได้


“ครึ่งก้าวเทียนตี้คนเดียวก็ทำให้เจ้ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ เจ้านี่ปอดแหกขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ!”


ด้านฐานหลักตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว มิได้ใส่ใจคำขอของนายตำหนักย่อยนัก


สำหรับสิ่งมีชีวิตในกองกำลังอื่น เทียนตี้เป็นการดำรงอยู่สูงส่งของผู้เก่งกล้าสามารถ ทว่าสำหรับกองกำลังฮวงเฉวียนของพวกเขา ครึ่งก้าวเทียนตี้ไม่ถือเป็นภัยคุกคามแต่อย่างใด


อย่าว่าแต่ครึ่งก้าวเทียนตี้เลย แม้กระทั่งเทียนตี้จริง ๆ ยังไม่อาจทำอันตรายกองกำลังฮวงเฉวียนของพวกเขาแม้แต่น้อย


รากฐานพวกเขาลึกล้ำเกินหยั่ง เทียนตี้ไม่ถือเป็นภัยคุกคามสำหรับพวกเขา


แต่พวกเขาก็ยอมรับคำขอของนายตำหนักย่อย ส่งยอดฝีมือมาจำนวนหนึ่ง


‘หมายความว่าอย่างไรที่ว่าข้าปอดแหก ข้ารอบคอบต่างหากเล่า!’


นายตำหนักย่อยเคืองขุ่นสุด ๆ บ่นกะปอดกะแปดในใจ


แต่ไม่ว่าอย่างไร ด้านฐานหลักก็ตอบตกลงแล้ว หัวใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของเขากลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติได้ในที่สุด ปราศจากความวิตก


“ครึ่งก้าวเทียนตี้? ตงฟางเวิ่น เจ้าคิดว่าตัวเองได้เป็นครึ่งก้าวเทียนตี้แล้วจะทำตามอำเภอใจที่นี่ได้อย่างนั้นหรือ”


นายตำหนักย่อยทอดมองตงฟางเวิ่น เอ่ยถากถางด้วยรอยยิ้มเย็น


“ไม่นี่ ต่อให้ไม่เป็นครึ่งก้าวเทียนตี้ข้าก็ยังคิดว่าข้าทำตามอำเภอใจที่นี่ได้อยู่ดี”


ตงฟางเวิ่นมิได้พูดปด


กล่าวตามตรง ขอบเขตพลังมิใช่ไพ่ตายของเขา ไพ่ตายของเขาคือวิถีหมากล้อม!


เขาเล่นหมากกับคุณชายอยู่บ่อยครั้ง ความสำเร็จในวิถีหมากล้อมของเขาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้เขามิใช่ครึ่งก้าวเทียนตี้ ก็สามารถย่างกรายในที่แห่งนี้ได้อย่างไร้อุปสรรค อยากทำอะไรก็ได้


“ระยำเอ๊ย! วางภูมิปานนี้เชียวหรือ!?”


นายตำหนักย่อยหน้าตาอึมครึม วาจาของเขาเมื่อครู่เป็นการแดกดันตงฟางเวิ่น หารู้ไม่ ตงฟางเวิ่นดันวางภูมิกลับ ลั่นวาจาว่าต่อให้มิใช่ครึ่งก้าวเทียนตี้ก็ยังทำตามอำเภอใจได้!


บัดซบ!


ตงฟางเวิ่นดูถูกเหยียบย่ำตำหนักย่อยของเขาปานนี้เชียวหรือ!?


“ไอ้เวร ไปตายซะ!”


เขาบันดาลโทสะ ปลุกผนึกในพื้นที่แห่งนี้ ควันเขียววงแล้ววงเล่าผุดออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโถมเข้าใส่ตงฟางเวิ่นในพริบตา


ควันเขียวแผ่ขยายออกไปอย่างว่องไว แทบจะไปถึงพวกตงฟางเวิ่นในเสี้ยวอึดใจ นี่คือควันพิษชนิดหนึ่ง กองกำลังฮวงเฉวียนของพวกเขาทุ่มเทกายใจอย่างหนักกว่าจะคิดค้นสำเร็จ ต่อให้เป็นเทียนตี้ก็ต้านทานไม่ไหว!


ฟึ่บ!


ตงฟางเวิ่นอ้าปาก ดูไม่วิตกกับควันพิษนี้สักนิด สูดควันพิษทั้งหมดเข้าไปในปากของเขา


“เจ้า???”


นายตำหนักย่อยตะลึง ตงฟางเวิ่นมาจากกองกำลังฮวงเฉวียน ไม่มีทางไม่รู้ในความรุนแรงของพิษนี้ แล้วเหตุใดตงฟางเวิ่นถึงสูดควันพิษทั้งหมดเข้าไปในกาย


ควันพิษมากมายขนาดนี้เข้าไปในตัว แม้กระทั่งเทียนตี้ตัวจริงก็ต้องถูกพิษตายในบัดดล ไม่มีทางกลายเป็นอื่น


“อ๊าก…พิษร้ายนัก! ข้าตายซะแล้ว!”


อีกด้าน ตงฟางเวิ่นล้ม ‘ตึง’ กับพื้น น้ำลายฟูมปาก ก่อนจะขาแข็ง เสมือนว่าตายไปแล้วจริง ๆ


เขาก็นึกว่าตงฟางเวิ่นเก่งกล้าสามารถปานใด


ที่แท้เท่านี้เองหรือ!


นายตำหนักย่อยคิดในใจ เมื่อครู่เขาโดนตงฟางเวิ่นหลอกเอาเสียแล้ว ทึกทักไปว่าอีกฝ่ายมีฝีมือฉกาจ มิจำเป็นต้องแยแสความร้ายแรงของควันพิษจริง ๆ


“ไอ้โง่!”


เขาด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ ที่แท้เขาวิตกกังวลไปเอง ตงฟางเวิ่นผู้นี้ดักดานราวกับไร้ซึ่งสมอง


หืม!?


อะไรกันนี่!?


อีกด้าน พวกเมิ่งจีก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น


พวกเขามีสีหน้าประหลาด ตงฟางเวิ่นคงมิใช่ว่าอวดอ้างตนเกินไปจนทำให้ตัวเองถึงแก่กรรมกระมัง!