ยังคงเป็นเพียงสาวน้อยอยู่จริง ๆ ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ากำลังกลายเป็นเนื้อเข้าปากเสือ!
ทั้งยังมาขอบคุณเขาอีก?
ถูกขายแล้วยังไปช่วยเขานับเงินอีก*[1]
ลุงเก๋อคิดขึ้นมาภายในใจ เขามาตรวจสอบแบบไม่ได้คาดหวังทว่ากลับได้ผลลัพธ์กลับมาด้วย มันช่วยลดความยุ่งยากให้เขาได้ไม่น้อย!
ในยามนี้นาวาล่องนภามีความสำคัญเป็นอย่างมาก อีกทั้งหลิงอินยังเป็นผู้ที่นำแร่ทองเงินกัลป์สองพันชั่งออกมา ไม่ว่าหลิงอินจะมีภูมิหลังหรือไม่มีภูมิหลัง ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่นางจะสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัย
เขาเองก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทรงพลังผู้อื่น ต่างก็เพ่งเล็งไปที่หลิงอินตั้งแต่แรก และรายงานเรื่องราวทั้งหมดผ่านทางศาสตราวิเศษกลับไปยังกองกำลังของตน เรียกให้ผู้แข็งแกร่งของกองกำลังตัวเองรีบเดินทางมาสนับสนุน
การที่หลิงอินไม่มีภูมิหลังอะไรย่อมเป็นเรื่องดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย มันช่วยลดความยุ่งยากให้พวกเขาได้มากจริง ๆ ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมาหลังจากลงมือกับพวกหลิงอิน
“ผู้อาวุโสจะสามารถทำได้หรือ?”
หลิงอินมองไปยังเหล่าสิ่งมีชีวิตที่จับจ้องพวกนาง ก่อนแสร้งทำเป็นพูดออกมา “พวกเขามีจำนวนมากมาย ผู้อาวุโสจะสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หรือไม่ ผู้อาวุโสเป็นคนดี ข้าไม่อยากให้ท่านมามีส่วนเกี่ยวพันเพราะพวกเรา ถ้าหากท่านไม่สามารถทำได้จริง ๆ ก็ปล่อยให้พวกเราไปกันเองเถิด”
นี่เป็นการแสร้งปล่อยเพื่อจับ นางมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าลุงเก๋อจะไม่ปล่อยพวกนางไป
และก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ลุงเก๋อรีบเอ่ยขึ้นมาในทันที “เจ้าพูดอะไรออกมากัน! ในเมื่อข้ารับปากพวกเจ้าแล้ว ย่อมต้องช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”
เขาหยุดพูดไปช่วงหนึ่ง บนใบหน้าแสดงความหยิ่งผยองออกมา จากนั้นจึงกล่าวต่อ “พวกเจ้ายังเด็กเกินไป สิ่งที่รู้เกี่ยวกับโลกใบนี้มีน้อยนัก ไม่รู้ว่าตระกูลเก๋อของพวกข้านั้นแข็งแกร่งเพียงใด! ตระกูลเก๋อนั้นยิ่งใหญ่เป็นถึงหนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด! มีพวกข้าตระกูลเก๋ออยู่ ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเจ้า”
เมื่อครู่ลุงเก๋อสามารถนำหินเทวะจำนวนมากขนาดนั้นมาประมูลได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่ากองกำลังเบื้องหลังของพวกเขานั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
หากไม่ทรงพลังเพียงพอก็คงไม่อาจนำหินเทวะออกมาได้มากถึงเพียงนั้น
ครั้งนี้ลุงเก๋อไม่ได้คุยโม้เกินเลยแต่อย่างใด
ตระกูลเก๋อเป็นหนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริง รากฐานลึกล้ำมั่นคงอย่างถึงที่สุด สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เก่าแก่จนไม่อาจสืบย้อนกลับ ตระกูลที่สามารถเทียบเคียงได้นั้นมีอยู่เพียงไม่มาก
ไม่เช่นนั้นเขาจะกล้ามีความคิดกับหลิงอินและเสี่ยวหยาได้อย่างไร
กองกำลังจำนวนมากกำลังจับตามองหลิงอินและเสี่ยวหยา หากตระกูลเก๋อไม่แข็งแกร่งเพียงพอดังว่า ลุงเก๋อจะกล้าลงมาในแอ่งน้ำโคลนได้อย่างไร นี่จะกลายเป็นว่าไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย
“ตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด? แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ใบหน้าของหลิงอินเต็มไปด้วยความประหลาดใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก
นางมีความสุขมากถึงขนาดกระโจนไปทางเสี่ยวหยาพร้อมรอยยิ้มสดใส “เสี่ยวหยา พวกเราได้พบกับผู้สูงศักดิ์เข้าจริง ๆ แล้ว มีผู้อาวุโสท่านนี้ช่วยเหลือ ครั้งนี้ย่อมไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเรา!”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลิงอิน ในใจเสี่ยวหยาถึงกลับกล่าวออกมาว่าพี่หลิงอินช่างมีความสามารถด้านการแสดงละครจริง ๆ!
แสดงละครได้เก่งกาจเกินไปแล้ว!
หากนางไม่รู้ว่าหลิงอินคิดสิ่งใดอยู่ นางเองก็คงเข้าใจว่าหลิงอินดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะพบผู้ให้พึ่งพิง!
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว บนโลกนี้ยังมีคนดีอยู่อีกมาก!”
นางให้ความร่วมมือกับหลิงอิน แสร้งทำเป็นกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก
ช่างเป็นสาวน้อยที่แสนโง่เขลา!
ทั้งยังกล่าวว่าบนโลกนี้ยังมีคนดีอยู่อีกมาก!
โง่งม!
เห็นท่าทางของหลิงอินและเสี่ยวหยา ภายในใจของลุงเก๋อกล่าวออกมาด้วยความขบขันเป็นอย่างมาก
“แม่นางทั้งสอง พวกเจ้า...”
จิ้งจอกสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังทนเห็นหลิงอินและเสี่ยวหยาตกลงไปในกำมือของลุงเก๋อแบบนี้ไม่ได้ นางจึงรีบกล่าวขึ้นมา ต้องการจะเตือนหลิงอินและเสี่ยวหยา
แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ นางก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวกดทับลงบนวิญญาณของนาง ทำให้ไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดได้อีก
ขอบเขตของลุงเก๋อไม่ได้ต่ำเลย เขาเป็นถึงตี้หวง เมื่อเขารับรู้ได้ว่าจิ้งจอกสวรรค์ตนนี้ต้องการจะเตือนหลิงอินและเสี่ยวหยา จึงแอบใช้พลังของตนเองปราบปรามนางลงไปในทันที ไม่ปล่อยให้จิ้งจอกสวรรค์สามารถเตือนหลิงอินและเสี่ยวหยาได้
มารดานางเถอะ! ช่างเป็นของเล่นชั้นต่ำอะไรเช่นนี้!
กระทั่งตนเองยังเอาตัวไม่รอด ยังคิดจะช่วยเหลือผู้อื่นอีก!
ลุงเก๋อก่นด่าในใจ รอเขากลับไปก่อนเถอะ เขาจะไม่ปล่อยจิ้งจอกสวรรค์นี่ไปง่าย ๆ!
เขาต้องสิ้นเปลืองหินเทวะไปจำนวนมากเพื่อซื้อนาง!
เขาจะต้องให้จิ้งจอกสวรรค์ตนนี้ชดเชยราคาที่จ่ายไปกลับมา!
“หือ? มีเรื่องอะไรหรือ?”
หลิงอินมองไปที่จิ้งจอกสวรรค์แล้วถามออกมา
“ไม่มีเรื่องอันใด ข้าเพียงแค่อยากจะกล่าวว่าแม่นางทั้งสองงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”
วิญญาณของจิ้งจอกสวรรค์ถูกลุงเก๋อควบคุมเอาไว้ นางถูกลุงเก๋อบังคับให้กล่าวออกมาเช่นนั้น
เขาคิดว่าหลิงอินเป็นเพียงขั้นบัญญัติสูงสุดผู้หนึ่ง จึงไม่อาจสังเกตเห็นการกระทำเหล่านี้ของเขา
ทว่าในความเป็นจริงหลิงอินนั้นสามารถล่วงรู้ทุกสิ่งได้!
คนเราตัดสินกันด้วยภายนอกไม่ได้ จิ้งจอกสวรรค์ตนนี้ดูแล้วไม่น่าใช่คนดีอะไร
แต่จิ้งจอกสวรรค์ที่แม้ตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้กลับยังคิดจะเตือนพวกนาง นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จิตใจจะต้องมีความดีงามเป็นอย่างมาก
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
หลิงอินตอบกลับด้วยรอยยิ้มสุภาพ
จากนั้นนางก็มองไปที่ลุงเก๋อแล้วกล่าวออกมา “ผู้อาวุโส พวกเราจะไปกันเลยหรือไม่?”
“ไม่ต้องรีบร้อน ยอดฝีมือจากตระกูลของข้ายังมาไม่ถึง พวกเราจะรอจนกว่าพวกเขาจะมาจึงค่อยออกเดินทาง เช่นนี้พวกเราก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”
ลุงเก๋อถาม
ไปตอนนี้?
คิดสิ่งใดอยู่กัน!
แม้ว่าตระกูลเก๋อจะเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด แต่หากไม่มียอดฝีมือในตระกูลอยู่ด้วย ความยิ่งใหญ่อะไรนั่น ก็ไม่สามารถใช้ยับยั้งสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งอื่น ๆ ได้เลย
“อ้อ เช่นนั้นเอง!”
หลิงอินพยักหน้า ก่อนกล่าวออกมา “ภายในเมืองนภาห้ามลงไม้ลงมือใช้กำลัง เช่นนั้นพวกเราไปเดินเล่นรอบ ๆ เมืองนภากันก่อนดีหรือไม่? รอจนกระทั่งยอดฝีมือในตระกูลของผู้อาวุโสมาค่อยจากไป อย่างไรเสียก็เป็นถึงเมืองอันดับหนึ่ง โอกาสที่ข้ากับเสี่ยวหยาจะได้มายังเมืองแห่งนี้ไม่ง่ายเลย คงจะน่าเสียดายหากพวกเราไม่ได้เดินเที่ยวไปรอบ ๆ”
นี่มันเวลาอะไรกัน ยังคิดจะไปเดินเที่ยวอีก?
ลุงเก๋อฟังแล้วถึงกับพูดไม่ออก
เขาไม่อยากไปด้วยเป็นอย่างมาก
แต่เขาก็กลัวว่าผู้ทรงอำนาจคนอื่น ๆ จะหาตัวพวกหลิงอินพบเช่นนั้น
ยิ่งหลิงอินกับเสี่ยวหยาไร้เดียงสาเพียงนี้ ยิ่งกลัวว่าจะถูกผู้ทรงอำนาจจากกองกำลังอื่นหลอกได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ!
เขาจะต้องจับตาดูพวกหลิงอินเอาไว้!
“ตกลง เช่นนั้นพวกเราไปเดินเที่ยวชมรอบ ๆ กันเถอะ”
สุดท้ายลุงเก๋อก็ตอบรับออกมา
ยอดฝีมือจากตระกูลน่าจะมาถึงในไม่ช้า เดินเที่ยวเองก็คงไม่กินเวลามากนัก ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันเดินออกจากโรงประมูล
ด้านนอกมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกำลังเฝ้ารอคอย ยิ่งด้านนอกเมืองนภายิ่งมียอดฝีมืออันน่าสะพรึงกลัวยืนตระหง่านอยู่
พวกเขาล้วนต่างเฝ้ารอให้หลิงอินออกมา
“ทุกท่าน โปรดเห็นแก่หน้าตระกูลเก๋อของพวกเราด้วย หยุดเรื่องนี้ไว้เพียงแค่นี้เถิด พวกนางทั้งสองคนเป็นสหายกับตระกูลเก๋อของพวกเรา”
หลังจากออกมา ลุงเก๋อก็กล่าวกับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่เฝ้าจับจ้องมาอยู่
ความหมายของเขาชัดเจนเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่าตระกูลเก๋อของพวกเขาคว้าได้ก่อนแล้ว กองกำลังอื่นก็ควรจะหยุดความคิดแผนการต่าง ๆ
“ใช่แล้ว สารเลวเช่นพวกเจ้าจงไสหัวไปเสีย! เบื้องหลังของผู้อาวุโสเก๋อคือตระกูลเก๋อ! พวกเจ้ารู้จักตระกูลเก๋อหรือไม่? หนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด! หากพวกเจ้ายังไม่ไสหัวออกไป รั้งรอจนกระทั่งยอดฝีมือตระกูลเก๋อมาถึง ยามนั้นแม้พวกเจ้าจะอยากจากไปก็ไม่สามารถทำได้แล้ว!”
หลิงอินพูดกับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่จับจ้องมาด้วยความเกลียดชัง
“!!!”
ลุงเก๋อที่ได้ยินหลิงอินกล่าวออกมาเช่นนี้ เขาก็ตกใจแทบตาย!
แม้ตระกูลเก๋อของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถหยิ่งผยองดูหมิ่นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้!
เหล่าสิ่งมีชีวิตที่กล้ามาเฝ้ารอที่นี่ ไม่มีผู้ใดธรรมดาสามัญ กองกำลังเบื้องหลังล้วนแต่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ไม่ใช่กองกำลังเล็ก ๆ
“ใจเย็นก่อน ใจเย็น”
เขารีบกล่าวขึ้นมากับหลิงอิน
“ลุงเก๋อ พวกเราแข็งแกร่งแล้วยังจำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีก? ตระกูลเก๋อเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด ยังจำเป็นต้องกลัวพวกกุ้งฝอยนี้อีกหรือ? พวกเราจะต้องไม่ยอมพวกเขาจนติดเป็นนิสัย!”
หลิงอินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาล้วนเป็นพวกสารเลว ไม่มีดีเลยสักตัว เหตุใดพวกเราจึงต้องสุภาพกับพวกเขาด้วย!”
หลังจากนั้นนางก็มองไปยังสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกุ้งตัวใหญ่ จากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา
“เป็นกุ้งฝอยจริง ๆ ด้วย”
นางกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะไม่หยุด
มารดามันเถอะ!
เมื่อเห็นหลิงอินหัวเราะใส่สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเหมือนกุ้งยักษ์ ลุงเก๋อก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวนกว่าเดิม
กุ้งยักษ์ตนนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป!
แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด!
[1] ถูกขายแล้วยังไปช่วยเขานับเงินอีก (真是被人卖了还在帮人数钱) หมายถึง ถูกเอาเปรียบแต่ยังไปขอบคุณผู้ที่มาเอาเปรียบ
บทที่ 497
“เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ!?”
เมื่อกุ้งยักษ์ได้ยินหลิงอินกล่าวหัวเราะเยาะ มันก็พลันเดือดเป็นไฟขึ้นมาทันที ไม่ต้องกล่าวเลยว่ามันโมโหถึงเพียงใด
เดิมทีหลังจากได้ยินเก๋อไห่กล่าวออกมา มันก็ตั้งใจจะถอนตัวออกไป
แม้ว่านาวาล่องนภาจะสำคัญ แต่ตอนนี้ดินแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏขึ้น การรักษากำลังเอาไว้ใช้สำหรับการเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลมีความสำคัญกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เพื่อนาวาล่องนภาหนึ่งลำ ไม่มีความจำเป็นจะต้องต่อสู้ฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงถึงเพียงนั้น
มีกองกำลังมากมายเฝ้ารอคอยอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังคงไม่วุ่นวายจนเกินไป หากมีกองกำลังใดได้นาวาล่องนภาไป กองกำลังอื่น ๆ ก็จะถอนตัว และจะไม่เกิดการแย่งชิงอันไม่จบไม่สิ้น
แต่หลิงอินทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้ ทั้งยังหัวเราะเยาะมัน มันไม่สามารถอดทนได้!
“เอ๋ กุ้งฝอยไม่มีหูหรอกหรือ? ไยจึงไม่เข้าใจที่ข้าพูดกัน?”
หลิงอินพูดพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจ
หลังจากนั้นนางก็กล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจังเป็นอย่างยิ่ง “ข้ารู้สึกเวทนาเจ้าเหลือเกิน เจ้าไม่มีหูแต่กลับต้องเห็นคนอื่น ๆ ได้ยินสิ่งต่าง ๆ กระทั่งหนอนแมลงยังสามารถได้ยิน ฮ่าฮ่าฮ่า การที่เจ้าไม่มีหูช่างน่าเวทนาเสียจริง”
“เจ้าเรียกผู้ใดว่าหนอนแมลงกัน!?”
อีกด้านหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้า ‘หนอนแมลง’ ที่เดิมทีรู้สึกขบขันเป็นอย่างมากนิ่งค้างไปในทันที บนร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
เรียกมันว่าเป็นหนอนแมลง!?
มันเป็นถึงแมลงสวรรค์อินทนิล สายเลือดของมันได้รับการเคารพอย่างถึงที่สุด เบื้องหลังของมันก็คือเผ่าแมลงสวรรค์อินทนิลที่เป็นหนึ่งในเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดเช่นเดียวกัน กำลังรบของพวกมันมีกระทั่งขั้นเทียนตี้นั่งรักษาการณ์อยู่!
ทว่าหลิงอินกลับกล้าเรียกมันว่าหนอนแมลง มันจะทนได้อย่างไร!?
ไม่เคยมีผู้ใดกล้าฉีกหน้าเผ่าของมันเช่นนี้มาก่อน!
“ไม่เห็นต้องโวยวาย ที่นี่ยังจะมีหนอนแมลงตัวอื่นอีกหรือ? อ๊ะ ด้านนอกก็มีเพียงแค่หนอนแมลงแก่ ๆ อย่างเจ้าอยู่ แต่ว่าระยะทางคงไกลเกินไป เจ้าคงได้ยินที่ข้าพูดไม่ชัด! แน่นอนว่าหนอนแมลงย่อมหมายถึงเจ้า”
หลิงอินมองไปที่แมลงสวรรค์อินทนิลแล้วเอ่ยออกมา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ท้องฟ้าด้านนอกเมือง ‘หนอนแมลงแก่ ๆ’ ตัวนั้นเต้นเร่า ๆ ด้วยความโกรธจัด พลังอันน่าสะพรึงกลัวสั่นสะเทือนฟ้าดิน ความว่างเปล่าระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง กระแทกเข้ากับภูเขาลูกหนึ่งจนถล่มลงมา ก้อนหินกลิ้งกระดอนไปทั่ว!
มันเป็นถึงตี้จวินผู้หนึ่ง!
กลับถูกหลิงอินเรียกว่า ‘หนอนแมลงแก่ ๆ’!
นี่เป็นการสบประมาทมันอย่างถึงที่สุด!
ในตอนนั้นเอง มันต้องการจะสังหารคนเป็นอย่างมาก ต้องการจะฉีกหลิงอินออกเป็นชิ้น ๆ!
แต่เมืองนภาไม่ใช่เมืองธรรมดาทั่วไป ไม่กล้าลงมือตามใจ
“เจ้าหัวเราะอะไร? มีสิ่งใดให้เจ้าหัวเราะกัน เจ้าก็เป็นเพียงหินก้อนหนึ่งที่เต็มไปด้วยรูพรุน เลวร้ายเสียยิ่งกว่าหนอนแมลงนั่น!”
หลิงอินมองไปที่ก้อนหินก้อนหนึ่งแล้วพูดขึ้นมา
หลังจากที่ได้ยินหลิงอินกล่าว หินก้อนนั้นก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที!
มันคือศิลาสวรรค์เก้าหลุม!
หนึ่งในศิลาที่หาได้ยากที่สุดในโลก!
เผ่าศิลาสวรรค์เก้าหลุมที่อยู่เบื้องหลังมันก็เป็นหนึ่งในเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดในอาณาจักรอวี้ซวี!
“อย่า...อย่าทำเช่นนี้!”
ลุงเก๋อหวาดกลัวจนแทบจะสิ้นสติ
เหล่าสิ่งมีชีวิตที่หลิงอินยั่วยุล้วนมาจากเผ่าเรืองอำนาจสูงสุด ความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าตระกูลเก๋อของพวกเขา!
ขนาดตัวของผู้นำตระกูลพวกเขาเองยังไม่กล้ายั่วยุอีกฝ่ายตามอำเภอใจเช่นนี้!
“ผู้อาวุโสหวาดกลัวสิ่งใดกัน? พวกเขาล้วนแล้วแต่น่าเกลียดอัปลักษณ์ ดูแล้วล้วนมาจากเผ่าเล็ก ๆ ทั้งสิ้น ไม่อาจเทียบตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดอย่างพวกเราได้!”
หลิงอินพูดต่อ “เหตุใดพวกเราจึงต้องสุภาพกับพวกเขาด้วย หากทำเช่นนี้ต่อไป พวกเราจะต้องสูญเสียสง่าราศีของตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นยังอาจทำให้พวกอัปลักษณ์พวกนี้ได้ใจจนหยิ่งยโส!”
“บัดซบ!”
“เจ้ากำลังพูดถึงผู้ใดกัน!?”
ทันใดนั้นเหล่าผู้ที่จับจ้องมาต่างก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร
พวกอัปลักษณ์!?
หลิงอินถึงกับกล้ากล่าวออกมาเช่นนี้!
“ก็พูดถึงพวกเจ้าอย่างไรเล่า!”
หลิงอินกล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล “ผู้อาวุโสเก๋อพูดว่าตระกูลเก๋อเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด ใต้หล้านี้มิมีกองกำลังใดที่สามารถเทียบเคียงได้! ถ้าพวกเจ้ารู้แล้วก็รีบไสหัวออกไปเสีย! ไม่เช่นนั้นหลังจากที่ยอดฝีมือของตระกูลเก๋อมา แม้พวกเจ้าต้องการจะไปก็ไม่สามารถไปได้ พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตายอยู่ที่นี่!”
ลุงเก๋อต้องการความสุขไม่ใช่หรือ?
ดีเลย
นางจะมอบ ‘ความสุข’ ให้ลุงเก๋อเอง!
นี่ยังเป็น ‘ความสุข’ เพียงส่วนหนึ่ง!
หลิงอินผู้นี้โง่จริงหรือโง่ปลอมกันแน่!
คิดว่าตระกูลเก๋อไร้พ่ายอย่างนั้นหรือ?
ลุงเก๋อจวนเจียนจะร้องไห้ นึกสงสัยว่าเมื่อครู่ตนเองอวดโอ้ตระกูลเก๋อมากเกินไปหรือไม่? ทำให้หลิงอินเกิดความคิดว่าตระกูลของพวกเขาไร้พ่าย?
“มะ...ไม่ได้แข็งแกร่งถึงปานนั้น”
เขารีบกล่าวกับหลิงอิน
“ถ่อมตัว! ถ่อมตัวเป็นอย่างยิ่ง! พวกเจ้าเห็นหรือไม่? นี่คือความถ่อมตัวของตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด ไม่มีเหมือนพวกเจ้าที่แสร้งอวดโอ้!”
หลิงอินพูดขึ้นมาเสียงดัง
หมายถึงใครกันที่แสร้งอวดโอ้!
หลังจากที่ได้ยินหลิงอินกล่าวเช่นนั้น ผู้ที่มาจากตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดต่างโกรธเป็นอย่างมาก
บัดซบ!
สารเลวเก๋อไห่นั่นคุยโวเกี่ยวกับตระกูลเก๋อให้หลิงอินฟังเช่นไรบ้าง
ถึงกลับทำให้หลิงอินผยองดูหมิ่นทุกสิ่งได้ถึงเพียงนี้!
เผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเก๋อ!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ในตอนนั้นเอง ความว่างเปล่าภายนอกเมืองนภาก็เกิดการบิดเบี้ยว ก่อนจะปรากฏร่างยอดฝีมือจากตระกูลเก๋อออกมา
“สวัสดีสหายทุกท่าน!”
ยอดฝีมือจากตระกูลเก๋อยิ้มพร้อมกล่าวทักทาย
“สวัสดี...สวัสดีมารดาเจ้าเถอะ!”
ไม่ทันให้ยอดฝีมือตระกูลเก๋อได้ตั้งตัว ทันทีหลังจากพวกเขาปรากฏออกมา ก็ถูกแววตาแดงก่ำจับจ้องมาราวกับกำลังมองศัตรู
พวกเขาก่นด่าออกมา หลังจากนั้นก็รุมทึ้งยอดฝีมือตระกูลเก๋ออย่างดุร้าย!
พวกเขาจะไม่คับแค้นได้อย่างไร?
หลิงอินตกอยู่ภายใต้คำคุยโวของเก๋อไห่ ดูหมิ่นพวกเขาด้วยความโอหัง วันนี้พวกเขาจะต้องทำให้หลิงอินได้รับรู้ถึงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!
ตระกูลเก๋อบัดซบนั่นไม่อาจช่วยเหลืออะไรหลิงอินได้!
“บังอาจ! เจ้าพวกอัปลักษณ์รนหาที่ตาย ถึงกลับกล้าโจมตียอดฝีมือตระกูลเก๋อ หรือคิดว่าชีวิตของตนเองยืนยาวเกินไปจริง ๆ!”
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหลิงอินนอกจากจะไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับตะโกนเข้าใส่ผู้แข็งแกร่งจากเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดเหล่านั้นด้วย
หลังจากนั้นนางก็หันไปมองเหล่ายอดฝีมือจากตระกูลเก๋อ “เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเก๋อ แม้ว่าพวกเราจะเปี่ยมด้วยคุณธรรม แต่ด้วยความภาคภูมิของตระกูลเก๋อก็ไม่อนุญาตให้พวกอัปลักษณ์เหล่านี้มายั่วยุตามใจชอบ! ผู้อาวุโสตระกูลเก๋อโปรดอย่ายั้งมือ จัดการเหล่าพวกอัปลักษณ์รนหาที่ตาย ให้พวกเขาได้รับรู้ถึงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
“ใช่แล้ว! พวกเราไม่รู้จักตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด! วันนี้ให้พวกเราได้เห็นว่าตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดทรงพลังเพียงใด!”
“ตระกูลเก๋อของเจ้าช่างคุยโว! ฟ้าดินกว้างใหญ่แต่ตระกูลเก๋อของพวกเจ้าใหญ่กว่า! ตระกูลเก๋อใต้หล้าล้วนไร้พ่าย!”
หลังจากได้ยินที่หลิงอินพูดเหล่ายอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดก็ยิ่งโกรธมากขึ้น การลงมือต่อยอดฝีมือตระกูลเก๋อก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น!
บัดซบ!
นี่มันอะไรกัน!
ยอดฝีมือตระกูลเก๋อร้องไห้ออกมาอย่างไร้น้ำตา ตระกูลเก๋อของพวกเขาไปทำอะไรไว้! เหตุใดจึงตกเป็นเป้าหมายของฝูงชน กลายเป็นเสมือนเป้าโจมตี?
ในไม่ช้าพวกเขาก็ถูกตึงเอาไว้ทุบตี สภาพย่ำแย่ไปทีละคนทีละคน
ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดจำนวนมากเข้ามาลงมือพร้อมกัน พวกเขาจะสามารถต้านรับได้อย่างไร?
นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้!
“นี่หรือคือตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดไร้พ่ายตามคำพูดของเจ้า? ไม่เห็นจะมีอะไรเลย!”
“ยังจะหยิ่งผยองอยู่อีกหรือไม่?”
ด้านในเมืองนภา สมาชิกของเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจต่างพากันเยาะเย้ยหลิงอิน
“พวกจะพูดสิ่งใดก็พูดไป หากยังไม่ถึงลมหายใจสุดท้ายของการต่อสู้ อะไรก็ล้วนเกิดขึ้นได้! เพิ่งจะได้เปรียบเล็กน้อยก็อย่าทำเป็นวางท่าไป!”
หลิงอินกล่าวอย่างเหยียดหยาม
หลังจากที่เหล่ายอดฝีมือนอกเมืองนภาได้ยิน พวกเขาก็พากันโกรธมากขึ้น!
พวกเขาลงมือแรงยิ่งขึ้น ทุบตีจนเหล่ายอดฝีมือตระกูลเก๋อร่ำไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
บทที่ 498
หลิงอินเป็นผู้เยาะเย้ยทำให้พวกเจ้าขายหน้า ไยพวกเจ้าจึงไม่ไปตีนาง แต่กลับลงมือกับพวกข้าเล่า!?
ยอดฝีมือตระกูลเก๋อร่ำร้องขึ้นมาในใจ นี่กล่าวได้ว่าพวกเขารับเคราะห์ที่ตนเองไม่ได้ก่อเข้าไปเต็ม ๆ!
เผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดต่างพากันรุมทุบตีโดยที่พวกเขาไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย สภาพน่าสังเวชเกินพรรณา!
จะต้านทานได้อย่างไร?
แทบทั้งหมดในที่แห่งนี้ต่างก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกับพวกเขา ทั้งยังมีจำนวนมากกว่าหลายเท่า แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างสุดชีวิตก็ไม่อาจสู้ได้!
บัดซบ!
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง!
พวกเขาเพิ่งจะมาถึง ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจสถานการณ์ก็ถูกรุมทุบตีเสียแล้ว พวกเขาจะไม่อัดอั้นตันใจได้อย่างไร!
“แม่สาวน้อย ดูเสียให้ดี อย่างเชื่อทุกอย่างที่คนอื่นพูด!”
ยอดฝีมือเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดเหยียดยิ้มกล่าว
“จะแสร้งทำไม? พวกเจ้ามีดีก็แค่จำนวนมากกว่าเท่านั้น!”
หลิงอินตะโกนออกมาเสียงดัง “ข้ารู้สึกตลกเหลือเกิน สุดท้ายพวกเจ้าก็ยังเกรงกลัวตระกูลเก๋อของพวกข้าอยู่ดีไม่ใช่หรือ? พวกเจ้ากล้าที่จะลงมือสังหารยอดฝีมือตระกูลเก๋อของพวกข้าหรือไม่? ถ้ากล้าพวกเจ้าก็ลองฆ่ายอดฝีมือจากตระกูลเก๋อของพวกข้าให้ดูสักคนสิ!”
ตระกูลเก๋อ...ของพวกข้า!?
บัดซบ!
ผู้ใดกันยอมรับให้เจ้าเป็นสมาชิกของตระกูลเก๋อ!
หลังจากยอดฝีมือตระกูลเก๋อได้ยินสิ่งที่หลิงอินพูดก็หลั่งน้ำตาออกมาในทันที นี่เป็นหลุมพรางขุดให้พวกเขาตกลงไป!?
“ดื้อดึงยิ่งนัก! คิดว่าตระกูลเก๋อจะสามารถปกป้องเจ้าได้จริง ๆ หรือ!?”
“เจ้าจะต้องจบสิ้นลงในวันนี้แล้ว! ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้! พวกเราจะแสดงให้เห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งถึงเพียงใด! ตระกูลเก๋ออะไรนั่นอ่อนแอสิ้นดี!”
ยอดฝีมือเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนลงมือสังหารยอดฝีมือของตระกูลเก๋อลงไปทันที!
หากพวกเขาอยู่ที่นี่เพียงลำพังคงไม่กล้า แต่พวกเขามีกองกำลังเรืองอำนาจสูงสุดมากมาย ณ ที่แห่งนี้ แม้จะสังหารยอดฝีมือของตระกูลเก๋อไปก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงไม่กลัวตระกูลเก๋อของพวกเรา?”
หลิงอินหันไปกล่าวกับลุงเก๋อด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “อาวุโสเก๋อ ตระกูลเก๋อของพวกเราเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดจริงหรือไม่? เหตุใดพวกเขาจึง…”
“มารดาเจ้าเถอะ!”
ลุงเก๋อตวาดออกมาเสียงดัง “ใครนับเจ้าเป็นพวกเดียวกับพวกข้า? ยอดฝีมือตระกูลเก๋อถูกเจ้าขุดหลุมพลางใส่จนตายไปหมดแล้ว!”
เขาจับจ้องหลิงอินอย่างคับแค้นด้วยดวงตาแดงก่ำ “เจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงต้องขุดหลุมพรางใส่ตระกูลเก๋อด้วย?”
น่าชิงชังยิ่งนัก!
เขาคิดว่าตนเองฉลาดมาทั้งชีวิต แต่สุดท้ายกลับเลอะเลือนอยู่ชั่วครู่ จนถูกเด็กน้อยอย่างหลิงอินหลอกเข้าให้!
ตอนนี้หากเขายังมองไม่ออกว่าหลิงอินจงใจขุดหลุมพรางใส่ตระกูลเก๋อ เขาคงจะกลายเป็นคนโง่งมไปจริง ๆ แล้ว!
เดิมทียอดฝีมือตระกูลเก๋อเหล่านั้นจะไม่ตาย แม้ว่าเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดจะลงมืออย่างโหดเหี้ยม แต่ก็ยังมีการยับยั้ง ไม่ถึงขั้นลงมือสังหาร
แต่เมื่อหลิงอินสอดมือเข้าไปวุ่นวาย ยอดฝีมือตระกูลเก๋อทั้งหมดก็ถูกสังหาร!
ไม่ว่าหลิงอินจะขาดประสบการณ์เกี่ยวกับโลก หรือไร้เดียงสาเพียงใด ก็ไม่อาจโง่งมถึงเพียงนี้!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาถูกหลอกให้เต้นเล่นบนฝ่ามือของหลิงอินอยู่ตลอดเวลา
“เพิ่งรู้ตัวหรือตาแก่?”
หลิงอินส่งเสียงหัวเราะออกมาหนึ่งคำ ไม่เสแสร้งแสดงละครอีกต่อไป เนื่องจากมันไม่จำเป็นอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าลุงเก๋อไม่ไว้ใจนางอีกต่อไป
“เจ้าไม่ได้ต้องการ ‘ความสุข’ หรอกหรือ? ข้าก็แค่ส่องมอบ ‘ความสุข’ ให้แก่เจ้า!”
นางมองไปที่ลุงเก๋อพร้อมแย้มยิ้มหวานให้ “เป็นอย่างไรเล่า ผู้อาวุโสเก๋อมีความสุขหรือไม่!”
เสียงกระอักเลือดดังออกมา ลุงเก๋อไม่สามารถอัดอั้นเอาไว้ได้ พ่นเลือดออกมาคำโต
เขาถูกหลอกจริง ๆ!
เขาถูกเด็กสาวตัวน้อยจูงจมูกเดินไปมาอย่างโง่เขลา!
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เขาโกรธเป็นอย่างมากจนระเบิดพลังอันกล้าแกร่งออกมา ก่อนจะยื่นฝ่ามือพุ่งตรงไปทางหลิงอิน
ทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีหอกสาวพุ่งตรงออกมาจากระยะไกลตรงเข้าใส่หน้าอกของลุงเก๋อ ทั้งยังพาร่างของลุงเก๋อลอยตามแรงไปปักคาไว้บนเขานอกเมืองนภา
“ภายในเมืองนภายังกล้าลงมือ เจ้ากำลังรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ!?”
ชายวัยกลางคนในชุดเกราะก้าวเดินตามถนนด้วยสีหน้าเฉยชา
เขาคือทหารผู้ปกป้องเมืองนภา ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมาก่อเรื่องในเมืองนภา
เมืองนภาทุกยุคทุกสมัยล้วนมีทหารคอยปกป้อง เพราะเช่นนี้เมืองนภาจึงสามารถดำรงอยู่ได้ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นเมืองอันดับหนึ่งในอาณาจักรอวี้ซวี!
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น หอกที่ตอกร่างของลุงเก๋อไว้กับภูเขานอกเมืองนภาก็ลอยกลับเข้ามาในมือของเขา ลุงเก๋อล้มลงกับพื้นในทันที เลือดไหลพุ่งออกมาเป็นสาย
“ผู้อาวุโสเก๋อ ตอนนี้ท่านมีความสุขมากแล้วหรือยัง!?”
หลิงอินลอยขึ้นสูง ก่อนจะถามไปทางลุงเก๋อด้วยเสียงอันดัง
พรวด!
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิงอิน ลุกเก๋อก็โกรธมากยิ่งขึ้นจนกระอักเลือดจากปากออกมาอีกรอบ เขาไม่อาจอดทนได้!
เขาถูกหลิงอินหลอกอีกครั้ง!
หลิงอินจงใจยั่วยุเขา ชักนำให้ทหารของเมืองนภาลงมือกับเขา!
เขาโกรธเกินไปจนลืมเลือนเรื่องทหารของเมืองนภา จบลงด้วยการถูกหลิงอินหลอกอีกครั้ง!
“อ๊ากกก!”
เขาโกรธเป็นอย่างมากจนใบหน้าแก่ชราบิดเบี้ยวผิดรูป เขาตะโกนใส่หลิงอินด้วยความเกลียดชัง “วันนี้เจ้าจะต้องตาย ต้องตายอย่างแน่นอน!”
เขาถูกหลิงอินเล่นงานจนตกหลุมพรางครั้งแล้วครั้งเล่า สติของเขาแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เอ่ยตั้งมั่นว่าจะสังหารหลิงอิน ฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ !
“เจ้าโง่เองจะโทษผู้ใดได้”
หลิงอินหัวเราะ ตั้งแต่นางมาถึงเมืองนภาก็รู้ได้ว่ามีทหารคอยคุ้มกันเมืองอยู่ การกระทำใด ๆ ที่อาจสร้างความเสียหายให้แก่เมืองนภาจะถูกทหารของเมืองหยุดเอาไว้
ก่อนหน้านี้นางตั้งใจยั่วยุลุงเก๋อ ชักจูงให้ลุงเก๋อลงมือใส่นาง
พรึ่บ!
ในตอนนั้นเอง ด้านนอกเมืองนภาก็ปรากฏร่างของผู้แข็งแกร่งน่าหวาดเกรงออกมา
ประมุขตระกูลเก๋อมาถึงแล้ว!
ปราณบนร่างของเขาน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง น่ากลัวเสียยิ่งกว่ายอดฝีมือตนอื่น ณ ที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก เขาก้าวเข้าไปยังขั้นเทียนตี้แล้ว แม้จะก้าวเข้าไปเพียงเท้าข้างเดียวไม่ใช่ทั้งตัว แต่ก็เป็นถึงกึ่งเทียนตี้!
เดิมทีเขาไม่ได้ต้องการจะมาที่นี่
เพียงแค่นาวาล่องนภาลำเดียว การแย่งชิงมีเพียงคนระดับล่างเข้าร่วม ไม่จำเป็นต้องให้เขามาด้วยตัวเอง แต่ยอดฝืมือของตระกูลเขากลับตายตกไปเสียหมด!
สิ่งนี้ทำให้เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้และตรงมาที่นี่ในทันที
“ท่านประมุข! ทั้งหมดล้วนเกิดจากแม่นางน้อยคนนั้น!”
เมื่อลุงเก๋อเห็นประมุขตระกูลมาถึง เขาก็รีบวิ่งไปหาทันที จากนั้นก็ร้องไห้พร้อมรายงานเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“ท่านประมุข พวกเราจะต้องไม่ปล่อยนางไป!”
เขากล่าวออกมาทั้งน้ำตา
ทว่ากลับถูกประมุขตระกูลตบเขาจนกระเด็นออกไปอย่างไม่ทันได้คาดคิด!
“การกระทำไร้สมองของเจ้า ทำให้ตระกูลเก๋อขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง!”
ใบหน้าของประมุขตระกูลเต็มไปด้วยความโกรธ เขาโกรธเป็นอย่างมาก เก๋อไห่น่าอับอายขายน่าเหลือเกิน ถึงกับถูกเด็กสาวตัววน้อยอย่างหลิงอินจูงจมูกเดินไปมาได้!
“ทุกท่านไม่ทราบว่า...”
เขามองไปยังยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดคนอื่น ๆ จากนั้นดวงตาก็ทอประกายเย็นเยียบ เห็นได้ชัดว่าพวกเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดเหล่านี้กำลังใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายเพื่อลดทอนความแข็งแกร่งของตระกูลเก๋อ
ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดมีขอบเขตสูงเพียงใด จะสามารถถูกหลิงอินยั่วยุจนสังหารยอดฝีมือตระกูลเก๋ออย่างง่ายดายได้อย่างไร?
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาเหล่านี้เพียงแค่ต้องการสังหารยอดฝีมือตระกูลเก๋อด้วยความตั้งใจของตนเอง การยั่วยุของหลิงอินเป็นเพียงแค่ข้ออ้างให้พวกเขา
เหล่าเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจต่างไม่พูดอะไร พวกเขารู้ดีว่าประมุขตระกูลเก๋อสามารถตระหนักได้ถึงความตั้งใจที่แท้จริงของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด
ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว ครั้งนี้ตระกูลเก๋อทำได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน ไม่อาจร้องทุกข์อะไรออกมาได้
ตระกูลเก๋อจะเอาความกล้าและพลังมาจากที่ใดเพื่อชำระบัญชีกับกองกำลังจำนวนมากเช่นนี้!
“หลิงอินใช่หรือไม่? ออกมาเสีย ไม่เช่นนั้นข้ารับรองว่าเจ้าจะต้องตายอย่างเจ็บปวดทรมาน!”
ประมุขตระกูลเก๋อมองไปทางหลิงอินแล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ยอมออกมาอย่างว่าง่ายเสียเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะยังคงเหลือศพเอาไว้ให้เจ้า! มิเช่นนั้นหลังจากข้าเข้าไปในเมืองแล้ว เจ้าจะไม่มีแม้แต่ศพให้ฝัง!”
ห้ามลงไม้ลงมือใช้พลังในเมืองนภา
นี่ก็เพียงเพื่อป้องกันไม่ให้ใครทำลายเมืองนภา
ทว่าตัวเขามีพลังมากพอจะจัดการหลิงอินโดยไม่กระทบต่อเมืองนภา!
บทที่ 499
ประมุขตระกูลเก๋อปรายตามองลงมาที่หลิงอิน ประกายแสงเย็นเยียบแล่นวาบในตาของเขา ทั่วร่างเปี่ยมด้วยจิตสังหาร
ความภาคภูมิของตระกูลเก๋อถูกเด็กสาวตัวน้อยอย่างหลิงอินทำลายทิ้งไปจนสิ้น ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องสังหารหลิงอินลงที่นี่ให้ได้
“ไม่จำเป็นต้องเข้ามา ข้าจะออกไปมอบ ‘ความสุข’ ครั้งสุดท้ายให้กับผู้อาวุโสเก๋อด้วยตนเอง!”
หลิงอินแย้มยิ้มออกมาอย่างสดใสโดยปราศจากความหวาดกลัว จากนั้นนางก็เดินออกจากเมืองนภาจริง ๆ
“หืม!?”
“จริงหรือนี้!”
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านนอกเมืองนภาต่างตกตะลึง เกิดความสงสัยอย่างจริงจังว่าตนเองมองผิดไป
หลิงอินแข็งแกร่งถึงปานนั้นเชียวหรือ?
เดิมทีพวกเขาต่างก็คิดว่าหลิงอินจะซ่อนตัวอยู่ในเมืองนภาไม่ยอมออกมา คาดไม่ถึงว่านางจะเดินออกมาด้านนอกเมืองนภาด้วยตนเอง
นี่มันเกินกว่าความคาดหมายของพวกเขาจริง ๆ
“ความสุข!? ความสุขของข้าคือได้ฆ่าเจ้า!”
ลุงเก๋อกัดฟันแน่น เขาโกรธเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำว่า ‘ความสุข’ จากปากของหลิงอิน!
ในตอนนี้เขาไม่อาจทนฟังคำว่า ‘ความสุข’ ได้!
เสียงตู้มดังขึ้นมา เขาพุ่งจากจุดเดิมตรงเข้าใส่หมายสังหารหลิงอิน
เขาเกลียดนางเป็นอย่างมากจนอยากจะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ!
“ใจร้อนอยากได้ ‘ความสุข’ ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้าจะมอบให้เจ้าเอง!”
หลิงอินยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นเรียกคันศรออกมารั้งสาย จากนั้นก็ยิงศรแสงตรงไปทางลุงเก๋อ!
ลูกศรดอกนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก มันพุ่งถึงตัวลุงเก๋อภายในพริบตา หลังจากนั้นลุงเก๋อก็ถูกขุมพลังอันกล้าแกร่งพัดกระเด็นกระแทกพื้นอย่างแรง!
“อ๊ากกก!”
ลุงเก๋อกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้าเขียวคล้ำมีเส้นเลือดปูดโปน มือทั้งสองข้างกุมหว่างขาที่มีบางสิ่งบางอย่างถูกทำลายไปจนมีเลือดไหลทะลักออกมา!
“ความสุขของข้า!”
ลุงเก๋อร้องไห้ ใบหน้าชราซีดเซียวราวกับทั้งชีวิตถูกทำลายลงไป!
เขาพยายามฟื้นฟูส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ แต่กลับไร้ผลใด เนื่องจากตรงจุดนั้นยังมีพลังจากลูกศรหลงเหลือเอาไว้อยู่ ทำให้มีพลังของกฎบางอย่างดำรงอยู่ หากเขาต้องการจะฟื้นฟูส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ พลังของเขาจำเป็นต้องเหนือยิ่งกว่ากฎนั่น!
ทว่าพลังของกฎนั่นน่าสะพรึงกลัวเกินไป เขารู้สึกว่าตัวเขาไม่สามารถเหนือกว่ามันได้เลย กระทั่งเทียนตี้เองยังไม่สามารถอยู่เหนือกว่ามันได้!
ถ้าหากไม่สามารถเหนือกว่ามันได้ ตลอดชีวิตที่เหลือของเขาก็เป็นได้เพียงแค่...ขันที!
“ข้าไม่ต้องการ!”
เขาร้องไห้ออกมาอย่างสุดชีวิต มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นี่คือแหล่งความสุขของเขา!
“ตอนนี้ความสุขของเจ้าได้จบลงแล้ว!”
หลิงอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นางรู้แจ้งว่าลูกศรดอกนั้นของตนเองทรงพลังเพียงใด กระทั่งเทียนตี้ก็ไม่อาจลบล้างพลังของลูกศรที่ถูกทิ้งเอาไว้บนร่างของลุงเก๋อได้
อีกกว่าครึ่งชีวิตที่เหลือลุงเก๋อจะต้องอยู่ต่อไปในฐานะขันที
“อะไรกัน!”
“คันศรนั่นมันอะไรกัน!”
ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจอื่นต่างตกตะลึง พวกเขาล้วนถูกคันศรในมือหลิงอินทำให้แตกตื่น
เต๋าที่ไหลเวียนอยู่บนคันศรนั้นเหนือชั้นจนเกินไป คันศรนี่อยู่ในขั้นไหนกันแน่?
พวกเขาแตกตื่นเนื่องจากสัมผัสได้ว่าอาวุธเทียนตี้ในกองกำลังของพวกเขาต่างไม่อาจเทียบได้กับคันศรนั่น!
อีกด้านหนึ่ง ม่านตาของประมุขตระกูลเก๋อหดเล็กลง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลิงอินจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้!
ลูกศรที่หลิงอินยิงออกมาเมื่อครู่รวดเร็วเสียจนเขาไม่ทันได้ตอบสนอง!
นี่มันเกินความคาดหมายของเขา!
จะเป็นไปได้อย่างไร!?
เขาคือกึ่งเทียนตี้ หลิงอินเป็นเพียงขั้นบัญญัติสูงสุดผู้หนึ่ง เขาจะไม่ทันตอบสนองลูกศรที่ถูกยิงออกมาได้อย่างไร!?
ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังคันศรในมือของหลิงอิน ทั้งหมดจะต้องเป็นเพราะคันศรในมือของหลิงอินอย่างแน่นอน!
ตู้ม!
เขาลงมือ พลังของกึ่งเทียนตี้ปะทุออกมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เขาไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ เขาต้องการรู้ว่าคันศรในมือของหลิงอินแข็งแกร่งเพียงใด!
หลิงอินรั้งคันศร จากนั้นก็ยิงลูกศรออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตาเดียวมันก็ทะลวงผ่านพลังทั้งหมดของประมุขตระกูลเก๋อ พุ่งปักใส่ร่างของประมุขตระกูลเก๋อ!
โลหิตสาดกระเซ็น ประมุขตระกูลเก๋อถูกกระแทกลงพื้นจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้นดิน ประหนึ่งเกิดเป็นหุบเหวแห่งหนึ่งขึ้นมา!
หา!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้อ้าปากค้าง ความหวาดผวาทำให้ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้ ภายในใจต่างตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก!
กึ่งเทียนตี้ถูกโจมตีลงกับพื้นด้วยศรเพียงดอกเดียว พลังระดับนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ช่างเป็นคันศรที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง!
สามารถทำให้ขั้นบัญญัติสูงสุดผู้หนึ่งสำแดงพลังออกมาได้น่ากลัวถึงเพียงนี้!
พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรออกมา คันศรนี่ล้ำค่าเกินความรู้ความเข้าใจของพวกเขา!
อีกด้านหนึ่ง หลิงอินไม่ได้สนใจกับความตื่นตระหนกของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ นางเพียงทะยานกลับเข้าไปในเมืองนภา
นางเรียกนาวาล่องนภาออกมา จากนั้นก็เชื้อเชิญหญิงสาวจิ้งจอกสวรรค์ให้ขึ้นไปด้วยกัน ต้องการจะพาจิ้งจอกสวรรค์ออกไปจากที่แห่งนี้
หากนางไม่พาจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนไปด้วย พวกจิ้งจอกสวรรค์คงยากยิ่งที่จะออกจากเมืองนภาได้
ถึงอย่างไรก็มีผู้จับจ้องหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์มากเกินไป
“ขอบคุณท่าน!”
จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าขอบคุณหลิงอินไม่หยุดด้วยความซาบซึ้ง พวกนางรู้ว่าหลิงอินกำลังช่วยเหลือพวกนาง
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
หลิงอินยิ้มก่อนจะให้จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าเดินขึ้นไปยังนาวาล่องนภา
ระหว่างนั้น กังจื่อได้แต่ยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างโง่งม เขาไม่มีความกล้าที่จะหยุดยั้ง ไม่กล้ากระทั่งจะหายใจแรง ๆ
ไม่เห็นลุงเก๋อที่เสียแหล่งความสุขไปแล้วหรือ? ไม่เห็นประมุขตระกูลถูกยิงด้วยศรจนกระแทกพื้นเป็นหลุมหรอกหรือ?
เขาจะเอาความกล้าจากที่ใดมาหยุดยั้ง!
เขายังไม่อยากสูญเสียแหล่งความสุขไปอย่างลุงเก๋อ!
หลังจากที่เหล่าจิ้งจอกสวรรค์ขึ้นไปบนนาวาล่องนภาแล้ว เสี่ยวหยาก็เดินตามขึ้นไป
“หยุดคิดวางแผนอะไรได้แล้ว เข้าใจใช่หรือไม่?”
หลิงอินมองไปยังยอดฝีมือของเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดคนอื่น ๆ จากนั้นก็เอ่ยเตือนขึ้นมา
เสร็จแล้วนางก็ขึ้นมาภายในนาวาล่องนภา ก่อนจะจากเมืองนภาไป
ภายในนาวาล่องนภา หลิงอินสนทนากับจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้า
ผลเป็นตามที่คาดเอาไว้ จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าประมูลตนเองก็เพราะสถานการณ์ปัจจุบันของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ย่ำแย่เป็นอย่างมาก!
หลังจากผ่านการดิ้นรนมายุคแล้วยุคเล่า เผ่าของพวกนางก็ตกต่ำ ไม่กล้าโผล่ออกมาให้เห็นโดยง่าย ตอนนี้พวกนางไม่มีแม้แต่ทรัพยากรจะให้คนในเผ่าใช้ฝึกฝน
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เผ่าของพวกนางมีโอกาสอย่างมากที่จะถูกตัดขาดออกจากเส้นทางแห่งการฝึกฝน
ดังนั้นพวกนางจึงตั้งใจไปที่โรงประมูลด้วยตนเองโดยไม่บอกหัวหน้าเผ่า หวังว่าจะสามารถหาหินเทวะมาช่วยเหลือเผ่าของพวกตนให้ผ่านพ้นจากความยากลำบากไปได้
“เฮ้อ”
หลิงอินถอนหายใจออกมา นี่คือโลกแห่งการฝึกตน ผู้อ่อนแอย่อมกลายเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ทุกสิ่งตัดสินกันด้วยพลัง หากไร้ซึ่งพลัง ก็ได้แต่ทนทุกข์อยู่ในโลกแห่งการฝึกตน
“ด้านในนี้มีหินเทวะอยู่เกือบแสนล้าน พวกเจ้าเอาไปเถอะ”
หลิงอินหยิบศาสตราบรรจุของที่เก็บหิวเทวะเอาไว้ออกมา ก่อนจะมอบให้กับจิ้งจอกสวรรค์
นี่คือหินเทวะทั้งหมดที่นางได้มาจากดาวที่ดับสูญ นางส่งมอบพวกมันทั้งหมดออกไป
แต่ทว่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าไม่ได้รับศาสตราบรรจุของ
พวกนางต่างพากันคุกเข่าลงบนพื้นแล้วกล่าวว่า “ท่านเป็นคนดี ท่านสามารถช่วยเหลือพวกเราได้หรือไม่? ภายในนาวาล่องนภานั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังสามารถเดินทางภายในจักรวาลหมื่นดาราได้ ท่านช่วยพาเผ่าของพวกเราไปจากอาณาจักรอวี้ซวีได้หรือไม่?”
หินเทวะเกือบแสนล้านก้อนเพียงพอให้เผ่าของนางใช้ฝึกฝนเป็นระยะเวลานาน
แต่นี่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของเผ่านาง
เผ่าของนางยังคงต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ถูกสิ่งมีชีวิตอื่นจ้องจับตัวไป!
สุดท้ายพวกนางก็ไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขได้เช่นเดิม
พวกนางต้องการหลบหนีออกจากอาณาจักรอวี้ซวี ตามหาอาณาจักรแห่งใหม่เพื่ออยู่อาศัย เช่นนั้นจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาของพวกพวกนางได้อย่างสิ้นเชิง
ด้านในนาวาล่องนภากว้างขวางเป็นอย่างมาก มันสามารถรองรับสมาชิกทั้งหมดในเผ่าของพวกนางได้ พวกนางจึงต้องการจะขอร้องให้หลิงอินพาพวกนางออกจากอาณาจักรอวี้ซวี
“เช่นนั้นเอง...”
หลิงอินเข้าใจความคิดของเหล่าจิ้งจอกสวรรค์
อันที่จริง เป็นนางที่คิดไม่รอบคอบเอง เกรงว่าแม้นางจะมอบหินเทวะให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์มาเพียงใด ก็ไม่มีทางแก้ไขปัญหาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้อย่างหมดจด
หากต้องการจะแก้ไขปัญหาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง ก็จำเป็นต้องหาสถานที่ปลอดภัยให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้อยู่อาศัย
“เอาล่ะ พวกเราไปที่เผ่าของพวกเจ้ากันก่อน แล้วค่อยพาพวกเจ้าทั้งหมดออกจากอาณาจักรอวี้ซวี”
หลิงอินกล่าว นางตัดสินใจพาเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กลับไปยังอาณาจักรที่นางอาศัยอยู่
ทำเช่นนี้จึงเป็นการรับรองความปลอดภัยของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์
เรื่องการพาไปยังอาณาจักรแห่งอื่นนั้นนางเองก็คิด แต่ก็ต้องปัดตกไปอย่างรวดเร็ว
จิ้งจอกสวรรค์นั้นมีความงดงามตั้งแต่เกิด ความสามารถในการดึงดูดใจนั้นมากเกินไป หากพาพวกนางไปยังอาณาจักรอื่น ผลที่ออกมาก็เกรงว่าจะไม่ต่างอะไรไปจากอาณาจักรอวี้ซวี
หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เป็นทางเลือกที่ดีกว่าหากนางพาจิ้งจอกสวรรค์เหล่านี้กลับไปด้วย
จากการดูแลช่วยเหลือของนาง เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะปลอดภัยกว่าเป็นอย่างมาก
บทที่ 500
นาวาล่องนภาเดินทางผ่านความว่างเปล่าไปภายใต้การนำทางของจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตน ก่อนพวกนางจะมาถึงที่ตั้งของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อย่างรวดเร็ว
“ไม่ฟังคำเตือนเลยสินะ!”
หลิงอินเหยียดยิ้ม ญาณสัมผัสของนางแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าญาณสัมผัสของเทียนตี้ทั่ว ๆ ไปเสียด้วยซ้ำ
ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดหลายคนดูเหมือนจะยังไม่ถอดใจ นางสัมผัสได้ว่ามีญาณสัมผัสของเทียนตี้จำนวนหลายคนเพ่งเล็งพวกนางเอาไว้
นางจึงสั่งให้นาวาล่องนภาหยุด ก่อนจะลอยออกไปด้านนอกเรือ จากนั้นก็เรียกคันศรออกมาน้าวยิ่ง เพียงชั่วพริบตา ศรแสงหลายดอกก็ถูกควบแน่นขึ้นบนคันศร
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
นางปล่อยสายคันศร ส่งลูกศรหลายดอกออกไป แต่ละดอกล้วนแฝงไว้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แยกย้ายพุ่งไปยังเทียนตี้ที่ใช้ญาณสัมผัสตามติดพวกนางเอาไว้
ศรพุ่งผ่านผืนฟ้า ราวกับเป็นเส้นแสงพุ่งมาจากที่ไกลโพ้น ทำให้สิ่งมีชีวิตภายในอาณาจักรอวี้ซวีต่างตกตะลึง!
ผ่านไปเพียงไม่นาน สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ยินเสียงระเบิดอันน่าหวาดกลัวจากทุกหนแห่ง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเทียนตี้คนแล้วคนเล่า
พวกเขาทั้งหมดต่างตกใจกลัว
ผู้ใดกันเป็นคนยิงลูกศรออกมา? ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
สิ่งนี้เหนือยิ่งกว่าความรู้ความเข้าใจของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง!
“ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”
หลิงอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางเก็บคันศรลงไปก่อนจะกลับเข้าไปในนาวาล่องนภา จากนั้นจึงล่องเรือต่อจนไปยังที่ตั้งของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์
ในตอนนี้ไม่มีเทียนตี้ผู้ใดกล้าสอดส่องพวกนางอีกต่อไป
นาวาล่องนภาเคลื่อนไปด้วยความเร็วสูงเป็นอย่างมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจพวกนางก็มาถึงดินแดนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์
หลังจากนั้นพวกนางก็พากันทะยานลงมาจากนาวาล่องนภา
หลิงอินกวาดตามองสภาพแวดล้อมโดยรอบ ดินแดนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ในปัจจุบันเลวร้ายเป็นอย่างมาก แทบจะไม่หลงเหลือร่องรอยของปราณเลย
เพื่อหลบหนีการถูกจับ เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จึงไม้กล้าจะอาศัยอยู่ในดินแดนที่มีปราณหนาแน่น กล้าเพียงจะอาศัยอยู่ในดินแดนที่มีปราณเบาบาง
“ท่านหัวหน้าเผ่า!”
จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนเดินนำหน้า ก่อนจะเข้าพบหัวหน้าเผ่าของตนเองเพื่อรายงานสถานการณ์ทุกอย่าง
“พวกท่านคือผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา!”
หัวหน้าเผ่ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก นำสมาชิกเผ่าทั้งหมดมาคุกเข่าคำนับหลิงอินและเสี่ยวหยา
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น!”
หลิงอินและเสี่ยวหยารีบเข้าไปพยุงหัวหน้าเผ่าอย่างรวดเร็ว ป้องกันไม่ให้หัวหน้าเผ่าต้องคุกเข่าลง
หลังจากนั้นเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดก็ขึ้นไปบนเรื่อล่องนภาแล้ว หลิงอินก็บังคับนาวาล่องนภาให้ออกไปจากที่แห่งนี้
พื้นที่ภายในนาวาล่องนภากว้างใหญ่เป็นอย่างมาก แม้ว่าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดจะเข้ามาก็ไม่แออัดแม้แต่น้อย ทั้งยังคงเหลือที่ว่างอีกเป็นจำนวนมาก!
จากนั้นพวกนางก็จากอาณาจักอวี้ซวีไปเช่นนี้
…
อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าเมิ่งจีกับพวกอ้ายฉานต่างก็ประสบความสำเร็จในการ ‘ยืม’ สมบัติล้ำค่าจากเก้าแดนต้องห้าม ทำให้พวกเขามีพลังมากพอจะซ่อมแซมรอยร้าวของเขตแดนอาณาจักร
ขณะเดียวกัน ผู้เฒ่าเมิ่งจีก็ได้ปิดผนึกเส้นทางในดินแดนต้องห้ามเหล่านี้ด้วย
“ยังคงมีเส้นทางเหลืออยู่อีกไม่น้อย!”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีถอนหายใจออกมา ในยามนี้เขารับรู้เรื่องราวมากมายที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อน มีสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรมากมายอยู่ด้านในอาณาจักรแห่งนี้ หาได้มีเพียงเก้าแดนต้องห้ามเท่านั้น
ยังมีสิ่งมีชีวิตภายนอกอาณาจักรหลบซ่อนอยู่ ด้านในของพวกมันเองก็มีเส้นทางอยู่ เขาต้องการจะปิดผนึกเส้นทางเหล่านั้นด้วย
แน่นอนว่าด้วยขอบเขตความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ย่อมไม่สามารถปิดผนึกเส้นทางเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ หากมสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเป็นอยากมากลงมือเข้าจริง ๆ ก็ยังคงสามารถทะลวงผ่านผนึกของเขาออกมาได้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องการจะปิดผนึกเส้นทางเหล่านี้
อย่าไรเสียการมีผนึกอยู่ หากมีสิ่งมีชีวิตภายนอกเข้ามา พวกเขาก็ยังสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวได้ในทันที
แต่ทว่านอกจากเก้าแดนต้องห้ามแล้ว พวกเขาก็รู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตภายนอกอื่น ๆ น้อยเป็นอย่างมาก เขารู้เพียงแค่มีสิ่งมีชีวิตภายนอกดำรงอยู่ภายในอาณาจักร
กระทั่งเก้าแดนต้องห้ามเองยังรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตภายนอกเหล่านั้นเพียงน้อยนิด ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของสิ่งมีชีวิตภายนอกเหล่านั้น
“อ้ายฉาน พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ในตอนนั้นเอง ศาสตราสื่อสารของอ้ายฉานก็สว่างขึ้น พร้อมกับมีเสียงดังออกมา
“พี่เซี่ยเหยียน พวกเราจัดการเก้าแดนต้องห้ามเรียบร้อยแล้ว ทว่าพวกเรายังคงมีปัญหาบางอย่าง...”
อ้ายฉานตอบกลับ
ใช่แล้ว เป็นเซี่ยเหยียนที่ติดต่ออ้ายฉานไปเพื่อดูว่าพวกอ้ายฉานลงมือกันไปถึงไหนแล้ว
“ปัญหาอันใด?”
คำถามของเซี่ยเหยียนส่งผ่านศาสตราสื่อสาร
อ้ายฉานไม่ได้ปิดบังสิ่งใด บอกเล่าปัญหาทั้งหมดที่พบให้กับเซี่ยเหยียน ทั้งยังบอกว่าพวกตนต้องการจะปิดผนึกเส้นทางของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรที่อื่น ๆ แต่กลับไม่รู้ตำแหน่งแน่นอนของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านี้...
“จำเป็นต้องทำเช่นนั้นจริง”
เซี่ยเหยียนกล่าว “ต้องทำเช่นนี้พวกเราจึงสามารถเคลื่อนไหวได้ทันกาล แต่การจะตามหาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากต่างอาณาจักไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ...”
ทว่าในตอนนั้นเอง เซี่ยเหยียนก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาจากศาสตราสื่อสาร
“ข้านึกถึงคนผู้หนึ่งที่จะสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้”
เซี่ยเหยียนพูดต่อ “ด้วยความช่วยเหลือจากเขา น่าจะทำให้พวกเราสามารถค้นหาตำแหน่งของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรทั้งหมดได้ ข้าจะลองไปถามเขาดูว่าสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้หรือไม่”
หลังจากนั้นนางก็ออกจากสำนักไท่หัว ตรงไปยังเมืองชิงซาน
เมืองชิงซาน?
ผู้ที่เซี่ยเหยียนเอ่ยถึงคือคุณชายอย่างนั้นหรือ?
แน่นอนว่าต้องไม่ใช่
คนที่เซี่ยเหยียนกล่าวถึงคือ ตงฟางเวิ่น
นางมักจะไปพบคุณชายอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้รู้จักกับตงฟางเวิ่นไม่น้อย นางรู้ที่มาของตงฟางเวิ่นเนื่องจากอีกฝ่ายเคยบอกเล่าให้ฟัง
ในฐานะสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้าของกองกำลังฮวงเฉวียน ตงฟางเวิ่นคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ตราบใดที่ตงฟางเวิ่นสามารถช่วยเหลือได้ การค้นหาสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านั้นไม่น่านับเป็นเรื่องยาก
แต่ทว่า นางเองก็ไม่รู้ว่าตงฟางเวิ่นจะสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่
อย่างไรเสียตงฟางเวิ่นก็เป็นคนที่อยู่ข้างกายคุณชาย อาจถูกเรียกใช้ให้ไปทำอะไรบางสิ่งอยู่
นางมาถึงเมืองชิงซานอย่างรวดเร็ว
นางแวะกล่าวทักทายต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน จากนั้นก้เข้าไปในเมืองชิงซาน
“ผู้เฒ่าเวิ่นอยู่หรือไม่?”
นางเคาะประตูหน้าลานเล็ก ๆ ของตงฟางเวิ่น
“ใครกัน?”
ตงฟางเวิ่นเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อพบว่าเป็นเซี่ยเหยียนก็รีบกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นแม่นางเซี่ยเหยียน เชิญเข้ามาด้านในก่อน!”
“ครั้งนี้ข้ามีเรื่องต้องการจะรบกวนผู้เฒ่าเวิ่น”
หลังจากเข้ามาในลานเล็ก ๆ แล้ว เซี่ยเหยียนก็เอ่ยจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ทันที ก่อนจะถามตงฟางเวิ่นว่าสามารถไปช่วยเหลือพวกผู้เฒ่าเมิ่งจีได้หรือไม่
“คุณชายมีใจเป็นห่วงใต้หล้าแห่งนี้จริง ๆ ไม่อาจทนเห็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ทนทุกข์ทรมาน!”
ตงฟางเวิ่นกล่าวออกมา
เขาคิดมานานแล้วว่าคุณชายจะไม่ทนเพิกเฉยต่อหายนะที่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้จะต้องเผชิญ คุณชายได้วางแผนการทั้งหมดเอานานแล้ว โดยให้เมิ่งจีและคนอื่น ๆ ออกไปทำเรื่องต่าง ๆ ภายนอก
อีกทั้งในแผนการของคุณชายก็ยังมีตัวเขาอยู่ด้วย!
“ไม่แปลกใจเลยที่คุณชายบอกกับข้าก่อนหน้านี้ว่าจะไม่มาเล่นหมากรุกด้วยสักพัก ปรากฏว่าคุณชายคาดการณ์เรื่องทั้งหมดเอาไว้แล้ว คุณชายต้องการจะให้ข้าออกไปช่วยเหลือพวกเมิ่งจี!”
ตงฟางเวิ่นพูด
ครั้งสุดท้ายที่คุณชายมาพบเขาเพื่อเล่นหมากรุก คุณชายเคยบอกกับเขาพร้อมรอยยิ้มว่าจะไม่มาเล่นหมากรุกกับเขาสักพัก แต่ก็ไม่ได้บอกเป็นเพราะเหตุใด
ในยามนั้นเขาไม่เข้าใจความหมายของคำพูดคุณชาย ทั้งยังไม่กล้าเอ่ยถามอะไร
แต่ตอนนี้เซี่ยเหยียนมาหาเขา และถามว่าเขาสามารถลงมือช่วยเหลือพวกเมิ่งจีได้หรือไม่ ทำให้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าคุณชายต้องการให้เขาออกไปช่วยเหลือพวกเมิ่งจี จึงบอกว่าจะไม่มาเล่นหมากรุกกับเขาสักระยะ
ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ตงฟางเวิ่นคิดนั้นผิดเป็นอย่างยิ่ง
หลี่จิ่วเต้าบอกว่าเขาจะไม่มาเล่นหมากรุกกับตงฟางเวิ่นสักระยะ ก็เป็นเพราะตัวของหลี่จิ่วเต้าเองกำลังยุ่งอยู่กับสิ่งอื่น
เขาต้องการจะขุดสระน้ำเล็ก ๆ เพื่อปลูกดอกบัวและเลี้ยงปลาไว้ดูเล่น
สิ่งเหล่านี้ทำให้เขายุ่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาไปเล่นหมากรุกกับตงฟางเวิ่น
เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับตงฟางเวิ่น ก็เพราะเกรงว่าตงฟางเวิ่นจะขอไปช่วยเขาทำ
ตงฟางเวิ่นเรียนหมากรุกจากเขา และเคารพเขาเป็นอย่างมาก
หากเขาบอกว่าตนเองต้องการจะขุดสระน้ำเล็ก ๆ ขึ้นมา ตงฟางเวิ่นย่อมต้องขอไปช่วยเขาอย่างแน่นอน
ตงฟางเวิ่นแก่ชรามากแล้ว ไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้แรงเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เอ่ยเรื่องนี้ออกมา
ถึงจะบอกว่า แม้ตงฟางเวิ่นจะขอไปช่วย เขาก็สามารถปฏิเสธตงฟางเวิ่นได้
แต่นี่ก็นับเป็นน้ำใจของตงฟางเวิ่น เขากลัวกว่าการปฏิเสธจะเป็นการทำร้ายจิตใจของตงฟางเวิ่น
คนแก่มักจะชอบคิดมาก
หากเขาไม่พูดถึงเรื่องนี้ ก็จะไม่มีเรื่องยุ่งยากอะไรตามมา
ดังนั้นเขาจึงไม่บอกอะไรกับตงฟางเวิ่น