ซีนั้นงดงามไร้ที่ติ งดงามจนสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกตกอยู่ในห้วงภวังค์ได้ ราวกับแยกออกจากโลกนี้ ประหนึ่งความฝัน งดงามสมบูรณ์แบบจนเกินไป!
สหาย?
หรือว่านี่จะเป็นผู้ร่วมทางของคุณชาย?
หยวนอีอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้ เพียงแค่มองภาพเหมือนของซี นางก็รู้สึกได้ว่าซีนั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก อาจเป็นผู้ร่วมทางของคุณชาย
“เวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว ซีอาจเพียงแค่แวะอยู่ที่ชิงโจวไม่นาน ไม่ได้ทิ้งร่อยรอยอะไรไว้มากนัก หากแม่นางหยวนอีหาไม่พบก็ไม่เป็นอะไร”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับหยวนอี
ซีเคยบอกไว้ว่าจะแวะอยู่ที่ชิงโจวเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ได้อยู่นานนัก แถมระยะเวลาเองก็ผ่านมานานแล้ว หากต้องการจะตามหาร่องรอยของซีย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
เขาเองก็ไม่คาดหวังว่าหยวนอีจะสามารถหาที่อยู่ของซีได้อย่างแน่นนอน อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการงมเข็มในมหาสมุทร หากคิดมั่นใจว่าจะต้องตามหาพบอย่างแน่นอน ก็ดูจะเพ้อฝันเกินไปบ้าง
ยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
หลังจากฟังคุณชายพูดเช่นนี้ ภายในใจของหยวนอีก็หนักอึ้งเป็นอย่างมาก
การตามหาร่องรอยของซีดูเหมือนจะยากเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่คุณชายเองก็ไม่คิดว่างานนี้จะไม่มีทางไม่ล้มเหลว
คุณชายเก่งกาจถึงปานนี้ แต่กลับไม่มีความมั่นใจ เรื่องราวที่เกี่ยวพันอยู่เบื้องหลังซีจะต้องน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากแน่นอน!
ซี...ไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด อาจเป็นตัวตนที่เดินร่วมทางกับคุณชายจริง ๆ!
“ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน!”
หยวนอีพยักหน้าอย่างจริงจัง ไม่ว่าเรื่องนี้จะยากเย็นถึงเพียงใด มีเรื่องอะไรเกี่ยวพันมากมาย นางก็จะไม่ถอย นางจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำงานที่คุณชายมอบหมายให้สำเร็จ!
“เช่นนั้นก็ขอบคุณเจ้ามาก!”
ขณะที่หลี่จิ่วเต้าพูด เขาก็หยิบของชิ้นหนึ่งออกมา
มันคือกล่องไม้ที่ถูกแกะสลักออกมาอย่างประณีต ดูแล้วสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มเปิดกล่องไม้ออก ด้านในเป็นเครื่องประดับครบชุด ประกอบด้วยปิ่นหยกหนึ่งอัน ต่างหูหยกหนึ่งคู่ และจี้หยกหนึ่งเส้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นปิ่นหยก ต่างหูหยก หรือกระทั่งจี้หยกก็ถูกแกะสลักออกมาด้วยรูปแบบเหมือนกัน พวกมันทั้งหมดล้วนมีรูปลักษณ์เป็นกระบี่!
นี่คือเครื่องประดับกระบี่หยกสี่ชิ้น!
“ข้าทราบว่าแม่นางหยวนอีชอบเครื่องประดับหยก นี่คือชุดเครื่องประดับที่ข้าแกะสลักขึ้นมาเอง แม่นางหยวนอีรับไว้เถิด ไม่ว่าเรื่องในครั้งนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้แม่นางหยวนอียุ่งโดยเปล่า”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ครั้งก่อนหน้าที่หยวนอีเลือกหยิบกระบี่หยก เขาก็จดจำมันเอาไว้ในใจ
เขาคิดอยากจะให้หยวนอีช่วยตามหาที่อยู่ของซี ดังนั้นเขาจังตั้งใจแกะสลักเครื่องประดับหยกชุดหนึ่งให้หยวนอีเพื่อเป็นของขวัญสำหรับการช่วยเหลือ
รูปลักษณ์ของเครื่องประดับกระบี่หยกทั้งสี่ เขาแกะสลักขึ้นมาตามลักษณะของสี่กระบี่ประหารเซียนในสถาปนาเทวดา
ปิ่นหยกคือกระบี่สังหารเซียน ต่างหูข้างหนึ่งคือกระบี่ผนึกเซียน อีกข้างเป็นกระบี่พรางเซียน ส่วนจี้หยกคือกระบี่สะบั้นเซียน
หลังจากกล่องไม้ถูกเปิดออก ลั่วสุ่ยกับหยวนอีก็ต่างตกตะลึง
เครื่องประดับทั้งสี่ชิ้น แต่ละชิ้นไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด เปี่ยมด้วยสัมผัสแห่งเต๋าอันไม่อาจจินตนาการถึง ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกนางตื่นตะลึงยิ่งกว่าก็คือ เมื่อนำเครื่องประดับทั้งสี่ชิ้นมาไว้ด้วยกัน เต๋าในแต่ละชิ้นต่างไหลเวียนสอดคล้อง ช่วยเติมเต็มกันและกัน จนดูราวกับประกอบกันกลายเป็นค่ายกลเซียน!
ค่ายกลเซียน!
พวกนางไม่เคยเห็นค่ายกลเซียนมาก่อน!
แต่พวกนางก็นึกถึงค่ายกลเซียนขึ้นมาจริง ๆ!
นี่เป็นเพราะพลังที่แฝงอยู่ในค่ายกลเหนือล้ำเกินกว่าจะจินตนาการถึง เหนือล้ำยิ่งกว่าทุกสิ่ง!
“สถาปนาเทวดา! ปรมาจารย์สวรรค์ (ทงเทียนเจี้ยวจู่)! สี่กระบี่ประหารเซียน! ค่ายกลประหารเซียน!”
ลั่วสุ่ยรู้สึกคุ้นเคยกับเครื่องประดับกระบี่หยกทั้งสี่ตั้งแต่แรกเห็น หลังจากคิดย้อนก็นึกขึ้นมาได้ นี่ไม่ใช่สี่กระบี่ประหารเซียนของปรมาจารย์สวรรค์ในเรื่องสถาปนาเทวดาที่คุณชายเคยเล่าให้ฟังอย่างนั้นหรือ!?
ในเรื่องราวสถาปนาเทวดาที่คุณชายเล่า ค่ายกลประหารเซียนที่ก่อขึ้นมาจากกระบี่ประหารเซียนทั้งสี่เล่ม ตามความเชื่อแล้วถือว่าเป็นค่ายกลสังหารค่ายกลแรก พลังน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!
สวรรค์!
คุณชายมอบสี่กระบี่ประหารเซียนให้กับหยวนอี การตามหาร่องรอยของซีนับว่าอันตรายมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ค่ายกลประหารเซียนที่ก่อตัวจากสี่กระบี่ประหารเซียน ลั่วสุ่ยไม่สงสัยเลยว่ามันจะต้องสามารถสังหารเซียนได้อย่างแน่นอน!
นางอยู่ข้างกายคุณชายมานานแล้ว สามารถเข้าใจได้ว่านี่ไม่ใช่รางวัลที่คุณชายจะมอบให้หยวนอี แต่เป็นสิ่งที่คุณชายมอบให้หยวนอีเพื่อใช้ในการสืบหา
หรือว่าระหว่างการสืบหา หยวนอีอาจจะต้องเผชิญหน้ากับเซียน!?
หัวใจของนางเต้นระรัว นอกจากคุณายแล้ว บนโลกนี้ยังมีเซียนผู้อื่นอยู่หรือไม่?
ปลามังกรตัวนั้นเรียกขานตัวมันเองว่าเป็นเซียนมัจฉา แต่นางรู้สึกว่าปลามังกรตัวนั้นไม่ใช่เซียนมัจฉาที่แท้จริง นางไม่อาจรับรู้ได้ถึงความเป็นนิรันดร์บนร่างของปลามังกร
ปลามังกรอาจใกล้เคียงกับเซียนเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซียน ทว่าไม่ใช่เซียนที่แท้จริงอย่างแน่นอน
ในตอนนี้หยวนอีจะต้องเผชิญหน้ากับเซียนที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ?
คุณชายถึงกับมอบสี่กระบี่ประหารเซียนทั้งหมดให้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่หยวนอีจะต้องเผชิญหน้านั้น จะต้องน่ากลัวกว่าปลามังกรเป็นแน่แท้!
หากไม่ได้เป็นเช่นนั้น คุณชายคงไม่มอบสี่กระบี่ประหารเซียนทั้งหมดให้!
สี่กระบี่ประหารเซียนประกอบกันเป็นค่ายกลสังหารเซียน พลังสังหารสามารถฆ่าปลามังกรตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่หยวนอีจะต้องเผชิญหน้าต้องเหนือกว่าปลามังกรตัวนั้นอย่างแน่นอน!
นางคิดขึ้นมาทันทีว่าหยวนอีมีโอกาสอย่างมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับเซียนที่แท้จริง!
“!!!”
ภายในใจของนางเกิดความสั่นไหวอย่างถึงที่สุด ซี...มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ระหว่างการสืบหาจึงมีเซียนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!
นี่...นี่มันน่าหวาดเกรงเกินไปแล้ว!
ขณะเดียวกัน ความสั่นไหวในใจหยวนอีเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน!
เครื่องประดับกระบี่หยกทั้งสี่ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหนก็ยังห่างไกลจากจี้กระบี่หยกที่นางเคยได้รับมาก่อนหน้า
แต่เมื่อเครื่องประดับหยกทั้งสี่ประสานเข้าด้วยกัน ก็สามารถบดขยี้จี้หยกกระบี่ทิ้งได้!
นางไม่เคยได้ยินเรื่องสถาปนาเทวดามาก่อน ไม่รู้ว่ากระบี่หยกทั้งสี่คือสิ่งใด หากแต่นางมั่นใจได้ว่ากระบี่หยกสี่เล่มน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจสามารถต่อกรกับเซียนได้!
ใช่แล้ว ใช่แล้ว ซีที่คุณชายต้องการให้สืบหา จะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาด!
ไม่อย่างนั้นแล้วคุณชายจะมอบกระบี่หยกทั้งสี่เล่มให้นางด้วยเหตุใด!
สิ่งที่อยู่ด้านในโลงศพสีชาดน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง อาจจะเป็นถึงเซียนผู้หนึ่งจริง ๆ คุณชายมอบกระบี่หยกทั้งสี่ให้กับนางเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเพื่อให้นางมีความสามารถมากพอจะจัดการสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาด!
ตอนนี้นางไร้ซึ่งข้อสงสัยใดแล้ว ทุกอย่างได้รับการยืนยันเรียบร้อย ซีจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดเป็นแน่ การสืบหาของนางจะต้องเริ่มที่โลงศพสีชาด!
“ขอบคุณคุณชาย!”
หยวนอีปิดกล่องไม้ลงแล้วเก็บมันไป
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มพร้อมกล่าวออกมา “นี่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว อยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกันก่อนเถอะ”
“ตกลง!”
หยวนอีพยักหน้าตอบรับ
...
ณ ชิงโจว ด้านในโพรงมังกร
โลงศพสีชาดเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็เกิดเพลิงสีม่วงแปลกประหลาดลุกโชนรอบด้าน ฉากที่เห็นชวนน่าขนลุกทำให้ผู้คนอดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
มีเสียงดังขึ้นมาจากโลงศพสีชาด ราวกับมีบางอย่างกำลังทุบลงฝาโลงศพ มังกรดำที่อยู่ด้านข้างตัวสั่นระริก ภายในใจรู้สึกกระสับกระส่ายเป็นอย่างยิ่ง!
มันรู้ได้ว่านายท่านกำลังจะออกมาในไม่ช้า!
บทที่ 492
หลังรับมื้อเที่ยงเสร็จ หยวนอีบอกลาคุณชาย ออกจากลานเล็ก
“ลาก่อนผู้อาวุโสทั้งสอง!”
หยวนอีมีมารยาทยิ่ง หลังออกจากเมืองชิงซาน ยังไปบอกลาต้นหลิวและก้อนหินอีกด้วย
“เดินทางดี ๆ!”
“มาคราวหน้ามาสนทนากับพวกเราบ้างก็ได้”
ต้นหลิวและก้อนหินมีภาพจำอันดีงามต่อหยวนอี นางเป็นเด็กสาวมารยาทงามอย่างแท้จริง
พวกมันตั้งตารอการสนทนากับหยวนอีอย่างยิ่ง
“ได้!”
หยวนอีเดินจากไปด้วยรอยยิ้มร่า
“ไปหาพี่หญิงเซี่ยเหยียนก่อน!”
นางมิได้ตรงกลับไป หากแต่เหินไปยังสำนักไท่หัว หมายจะไปเยี่ยมเยียนเซี่ยเหยียน
อย่างไรเสียนานครั้งนางจะมาที ไม่ไปเยี่ยมพี่หญิงเซี่ยเหยียนได้อย่างไร
“เจ้ามาได้อย่างไร”
เซี่ยเหยียนแปลกใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นหยวนอี คิดไม่ถีงว่าอีกฝ่ายจะมาเยี่ยมนาง
นางรู้ว่าหยวนอีเคยรับใช้คุณชาย คุณชายเคยเล่าให้นางฟัง ซ้ำยังบอกนางว่าหากมีโอกาสช่วยดูแลหยวนอีบ้าง
“ข้าไปหาคุณชายมา”
หยวนอีตอบ เล่าทุกอย่างให้ฟัง มิได้คิดปิดบังเซี่ยเหยียน
นางรู้ดีว่าสถานะของเซี่ยเหยียนสำหรับคุณชายสูงส่งกว่านางมาก
“เครื่องประดับกระบี่หยกหนึ่งชุด ด้านในมีกระบี่หยกสี่เล่ม คล้ายว่ามีค่ายกลเซียนแฝงอยู่อย่างนั้นหรือ”
เซี่ยเหยียนฟังจบแล้วสีหน้าประหลาดไปเล็กน้อย นางนึกถึงเรื่องหนึ่ง
“ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”
นางถามหยวนอี
“ได้สิ!”
หยวนอีหยิบกล่องไม้ออกมา พร้อมเปิดออก
เซี่ยเหยียนพินิจเครื่องประดับของกระบี่ทั้งสี่เล่มอย่างละเอียดซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายแล้วต้องสูดปาก ก่อนจะเอ่ย “อย่างที่คิด นี่คือสี่กระบี่ประหารเซียน มีค่ายกลประหารเซียนแฝงอยู่ภายใน!”
ยามได้ฟังคำอธิบายของหยวนอี นางก็รู้สึกว่าชุดเครื่องประดับกระบี่หยกที่คุณชายยกให้หยวนอีอาจเป็นสี่กระบี่ประหารเซียนในตำนานสถาปนาเทวดา
หลังจากนางตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแน่ใจ นางก็หมดข้อกังขา นี่คือสี่กระบี่ประหารเซียนในตำนานสถาปนาเทวดา!
“คิดไม่ถึงว่าคุณชายจะประทานสี่กระบี่ประหารเซียนแก่เจ้า!”
เซี่ยเหยียนมองหยวนอีด้วยสีหน้าประหลาดพลางกล่าว “เจ้าอาจไม่รู้ นี่คือศาสตราร้ายกาจสุดยอดชิ้นหนึ่งในตำนานสถาปนาเทวดาที่คุณชายเคยเล่า!”
นางอธิบายอย่างละเอียด “สงครามสถาปนาเทวดาที่คุณชายเล่า แท้จริงแล้วอาจเป็นสงครามสถาปนาเซียนในภพเซียน! ซึ่งประกอบด้วยสามฝ่ายใหญ่ ๆ อันได้แก่ ฝ่ายมนุษย์ ฝ่ายฉ่านเจี้ยว และฝ่ายเจี๋ยเจี้ยว บูรพาจารย์ของฝ่ายมนุษย์คือไท้เสียงเหล่ากุง เจ้านิกายฝ่ายเจี๋ยนเจี้ยวคือหยวนสื่อเทียนจุน เจ้านิกายฝ่ายเจี๋ยเจี้ยวคือทงเทียนเจี้ยวจู่!”
จากนั้น นางเล่าตำนานสถาปนาเทวดาที่ได้ฟังจากคุณชายให้หยวนอีฟัง
“ศึกสุดท้าย ทงเทียนเจี้ยวจู่ตั้งค่ายกลประหารเซียน สู้กับจตุนักบุญอริยะแบบหนึ่งต่อสี่! ค่ายกลประหารเซียนสมเป็นค่ายกลพิฆาตอันดับหนึ่ง สยดสยองยิ่งนัก!”
เซี่ยเหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึม “จตุนักบุญอริยะ! นี่มิใช่ขอบเขตนักบุญเหมือนในอาณาจักรของเรา ในความคิดของข้า สี่ท่านนี้คือจักรพรรดิเซียน! จักรพรรดิในหมู่เซียน!”
“ร้ายกาจเพียงนี้เชียว!”
หยวนอีตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าของประดับที่ท่านเซียนประทานให้นางจะมีที่มายิ่งใหญ่ปานนี้!
หลังนางได้ฟังเรื่องราวสงครามสถาปนาเทวดาจากเซี่ยเหยียน ไฉนเลยจะไม่รู้ซึ้งของความน่าพรั่นพรึงของจตุนักบุญอริยะ
นักบุญนั้นผ่านด่านเคราะห์มานับหมื่นมิมีแตกดับ ล่วงรู้เรื่องราวทั้งปวงในโลก มองเห็นทั้งกาลอดีต กาลปัจจุบัน กาลอนาคต ซ้ำยังสำแดงมิติเวลา การกำเนิดและการแตกดับ สังสารวัฏได้ในฝ่ามือ!
จิตตานุภาพแผลงฤทธิ์ วิถีสวรรค์ย่อมเปลี่ยนผัน ไม่แตกไม่ดับ ก้าวพ้นมิติเวลา ไร้มลทินจากบ่วงกรรม ดำรงอยู่เป็นนิรันดร!
ขอบเขตเยี่ยงนี้ จะเหมือนขอบเขตนักบุญในอาณาจักรพวกนางได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้เลย!
ขอบเขตใต้นักบุญ ล้วนเป็นมดปลวก!
เซี่ยเหยียนพูดไม่ผิด นักบุญในตำนานสถาปนาเทวดาเทียบชั้นจักรพรรดิเซียน ถือเป็นการดำรงอยู่ขอบเขตจักรพรรดิในหมู่เซียน!
หลังได้ทราบที่มาของเครื่องประดับชุดนี้ หยวนอีสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
สวรรค์!
ค่ายกลประหารเซียนนี้สังหารได้กระทั่งจักรพรรดิในหมู่เซียน!
สำหรับนาง เซียนถือเป็นการดำรงอยู่ที่มองเห็น แต่ไม่มีวันเอื้อมถึง บัดนี้ในมือนางกลับมีค่ายกลพิฆาตที่สังหารจักรพรรดิในหมู่เซียน จะมิให้นางตกใจได้อย่างไร มือที่หอบกล่องไม้สั่นระริก แทบประคองไว้ไม่อยู่!
เซี่ยเหยียนเห็นท่าทีเช่นนี้ของหยวนอี จึงรู้ว่าหยวนอีคงเข้าใจผิด หยวนอีอาจคิดว่าของประดับชุดนี้เป็นสี่กระบี่ประหารเซียนของจริง
นางเอ่ยขึ้น “คุณชายคงมิได้ประทานสี่กระบี่ประหารเซียนให้เจ้าจริง ๆ คิดแล้วนี่คงเป็นสิ่งที่คุณชายรังสรรค์ขึ้นโดยมีเค้าโครงจากสี่กระบี่ประหารเซียน ทว่า ต่อให้สร้างลอกเลียนสี่กระบี่ประหารเซียนเท่านั้น ข้าก็เชื่อว่าสังหารเซียนได้แน่นอน!”
หยวนอีเต็มตื้นเหลือคณา หลังได้ฟังคำกล่าวของเซี่ยเหยียนก็ชะงักไป
จริงสิ สี่กระบี่ประหารเซียนสังหารจักรพรรดิเซียนได้ คุณชายไฉนเลยจะประทานสี่กระบี่ประหารเซียนของจริงให้นาง นางคิดมากไปจริง ๆ!
ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็ไม่อาจสงบใจได้ไหว
ชุดเครื่องประดับในมือนางสังหารเซียนได้ ให้นางสงบใจได้เยี่ยงไร?
“ซีเก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ”
เซี่ยเหยียนสะท้อนใจอย่างอดมิได้ “เพื่อสืบเสาะร่องรอยของซี คุณชายถึงกับประทานศาสตราประหารเซียนให้แก่เจ้า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังซีน่าสะพรึงยิ่งนัก!”
“ใช่แล้ว!”
หยวนอีสะท้อนใจเหลือแสนเช่นกัน สิ่งที่อยู่เบื้องหลังซียิ่งใหญ่เหลือเกิน
นางบอกลาเซี่ยเหยียน หมายจะออกปฏิบัติภารกิจที่คุณชายมอบหมาย
“ได้ ระวังตัวด้วย!”
เซี่ยเหยียนบอกลาหยวนอียิ้ม ๆ
“ฮิฮิ จริงสิ ข้าขอถามสักประโยค บัดนี้ลั่วสุ่ยเป็นผู้หญิงของคุณชายแล้วหรือ”
หยวนอีถามอย่างประหลาดใจ ใคร่รู้ในความสัมพันธ์ระหว่างลั่วสุ่ยและคุณชายมาก
“หืม? ไยจึงพูดเช่นนี้” เซี่ยเหยียนตะลึงเล็กน้อย
“ข้าเห็นลั่วสุ่ยออกจากห้องคุณชาย เมื่อคืนลั่วสุ่ยคงนอนในห้องคุณชาย หูย ร่างมนุษย์ของนางงามพิลาศเป็นที่สุด นอนถึงเที่ยงกว่าจะตื่น ดูท่าเมื่อคืนคง…เหนื่อยน่าดู!”
หยวนอีหัวเราะคิกคัก
“!!!”
หลังเซี่ยเหยียนได้ฟัง สีหน้าเปลี่ยนไปรวดเร็วฉับไว!
นางในตอนนี้อยากสบถคำหยาบเหลือเกิน
เวรเอ๊ย!
มิน่าลั่วสุ่ยถึงไม่ยอมให้นางตามกลับไปด้วย ที่แท้ลั่วสุ่ยมีแผนอยู่แล้ว!
นางได้เสียกับคุณชายอย่างนั้นหรือ!!!
หืม มิใช่สิ คุณชายได้เสียกับลั่วสุ่ย!
เอ่ยเช่นนี้ยังมิค่อยจะถูกนัก ควรบอกว่า ลั่วสุ่ยถูกคุณชายทำมิดีมิร้ายอย่างนั้นหรือ!
“แยบคาย แยบคายยิ่ง!”
เซี่ยเหยียนร้องไห้ “ข้าควรคิดได้ตั้งนานแล้ว ลั่วสุ่ยนั่นดูก็รู้ว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์ ครานั้นข้าควรร่วมเดินทางไปกับนาง!”
นางถูกวางกับดัก!
นางถูกลั่วสุ่ยวางกับดัก!
“พี่หญิงเซี่ยเหยียนไม่รู้หรอกหรือ เอ่อ ถือเสียว่าข้ามิได้พูด ถือเสียว่าข้ามิได้พูด!”
แต่เดิมหยวนอีคิดว่าเซี่ยเหยียนรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายกับลั่วสุ่ยนานแล้ว ทว่าบัดนี้ดูจากท่าทางเซี่ยเหยียน เห็นได้ชัดว่าไม่ทราบ!
อย่าให้พูดเลยว่านางหวั่นใจเพียงใด รีบเอ่ยขึ้น “ข้าไปก่อนนะพี่หญิงเซี่ยเหยียน ไม่ต้องไปส่ง!”
พูดจบก็วิ่งหนีไป
ส่งรึ?
เซี่ยเหยียนคิดไปส่งหยวนอีที่ไหน
นางในตอนนี้ทุกข์ตรมอย่างยิ่ง
สะเพร่า!
นางสะเพร่าเกินไป!
นางเอาแต่ระแวงหลิงอิน ไม่คิดเลยว่า กลับถูกลั่วสุ่ยชิงตัดหน้าไปเสียได้!
...
ณ อาณาจักรอวี้ซวี เมืองนภา
ที่นี่ถือเป็นนครขนาดใหญ่ ลอยอยู่กลางอากาศ กำแพงหลากหลายสีสันและสิ่งปลูกสร้างในเมืองล้วนสะท้อนให้เห็นถึงกลิ่นอายแห่งกาลเวลาอันยาวนานจนประเมินมิได้
สิ่งมีชีวิตสัญจรไปมาอยู่ในเมือง ทุกตนล้วนไม่ธรรมดา สูงส่งเหนือชั้น!
เมืองอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอวี้ซวี!
ที่นี่สมคำร่ำลือ!
ตำหนักเก้าชั้นสูงตระหง่านขึ้นไปถึงหมู่เมฆ ประกายศักดิ์สิทธิ์วาววามอยู่ทั่วทุกแห่ง กระแสแห่งความโบราณเหนือชั้นกว่าที่ใด ที่นี่คือโรงจำนำอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอวี้ซวี!
หลิงอินและเสี่ยวหยาอยู่ที่นี่!
บทที่ 493
หลิงอินและเสี่ยวหยามาอยู่ที่เมืองนภาด้วยค่ายกลเคลื่อนย้าย
พวกนางมาไม่เสียเที่ยว
โรงประมูลในเมืองนภามีศาสตราที่ใช้เดินทางในจักรวาลได้จริง ๆ
บัดนี้พวกนางกำลังรอการประมูลศาสตราเดินอากาศชิ้นนั้น
นี่คือนาวาล่องนภา แล่นทะลุอวกาศได้อย่างรวดเร็ว ลือกันว่าเป็นนาวาอันดับหนึ่งในการเดินทางข้ามจักรวาล คุณภาพน่าทึ่งยิ่ง สร้างโดยวัสดุระดับเทียนตี้ทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นศาสตราขั้นเทียนตี้อย่างแท้จริง ราคาสูงลิ่ว
และนาวาล่องนภาลำนี้มิได้ปรากฏครั้งแรกในโรงประมูลนี้ นาวาล่องนภาลำนี้อยู่ที่โรงประมูลมานานแล้ว และเคยถูกขายทอดอยู่หลายต่อหลายครั้ง ทว่าแทบทุกครั้งต้องจบด้วยการตกประมูล ไม่เคยซื้อขายสำเร็จ
เหตุผลนั้นมิใช่อย่างอื่น เพราะราคาของนาวาล่องนภาลำนี้สูงเกินไป อีกทั้งมีคุณสมบัติน้อย ทำได้เพียงเดินทางแล่นไปในอวกาศ ทุกคนจึงรู้สึกว่าการที่ต้องประมูลนาวาล่องนภาด้วยเงินมหาศาลนั้นมิสู้จะคุ้มเท่าใด
หลิงอินและเสี่ยวหยาโชคดีมาก นาวาล่องนภาลำนี้ไม่ถูกนำออกมาขายทอดนานแล้ว และพวกนางมาได้พอดีกับวันที่นาวาล่องนภาลำนี้ถูกยกขึ้นแท่นประมูลอีกครั้ง
ทว่า แม้จะบอกว่าโชคดีก็ยังไม่นับว่าโชคดีเท่าไร
เพราะสิ่งมีชีวิตที่มาเยือนโรงประมูลนี้ ส่วนใหญ่ล้วนหมายตานาวาล่องนภาลำนี้อยู่!
มีข่าวลือแพร่สะพัดในอาณาจักรอวี้ซวี ว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏตัวในอาณาจักรแห่งหนึ่ง!
เพราะเหตุนี้ โรงประมูลถึงนำนาวาล่องนภาออกมาขายทอดใหม่
และสิ่งมีชีวิตมากมายหมายใจอยากประมูลนาวาล่องนภามาให้ได้ เพื่อใช้ในการเดินทางข้ามอวกาศ ไปถึงอาณาจักรซึ่งเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหล
พวกเขาต่างรู้ดีว่าแดนบรรพโกลาหลหมายความถึงสิ่งใด หากเก็บเกี่ยวบางอย่างได้จากที่นั่น พวกเขามีโอกาสบรรลุเซียนสูงมาก และดำรงอยู่เป็นนิรันดร์!
เพราะอย่างนั้นถึงได้บอกว่าหลิงอินและเสี่ยวหยาโชคดีและโชคไม่ดี
โชคดีคือพวกนางมาทันพอดี
และที่โชคไม่ดีคือทุกคนต่างหมายตานาวาล่องนภา การประมูลย่อมเป็นไปอย่างดุเดือด คู่แข่งของพวกนางมากเกินไป
“แดนบรรพโกลาหลหรือ”
หลิงอินพึมพำเสียงแผ่ว นางทราบข่าวนี้เช่นกัน และอาณาจักรที่ลือกันกว่ากำลังจะมีแดนบรรพโกลาหลปรากฏออกมานั้น คืออาณาจักรที่พวกนางอยู่!
นางย่อมรู้ดีว่าแดนบรรพโกลาหลนั้นสูงส่งมหัศจรรย์เพียงใด ยามได้ยินข่าวลือนี้ นางออกจะเชื่อไม่ลงอยู่สักหน่อย แต่ก็รู้สึกว่าควรเป็นเช่นนั้น
ถึงอย่างไรอาณาจักรที่พวกนางอยู่แสนจะไม่ธรรมดา ห้วงน้ำลึกยิ่ง การที่แดนบรรพโกลาหลปรากฏในอาณาจักรที่พวกนางอยู่ถือเป็นเรื่องปกติ
“เก้าแดนต้องห้ามอย่างทะเลต้องห้าม รวมถึงอาณาจักรเทียนหยวน ล้วนวางแผนเพื่อเข้าสู่แดนบรรพโกลาหลหรือ”
นางนึกถึงแดนต้องห้ามอย่างทะเลต้องห้าม และอาณาจักรเทียนหยวน รู้สึกว่ากองกำลังเหล่านี้คงพุ่งเป้าไปที่แดนบรรพโกลาหล
สิ่งมีชีวิตมากมายมาเพื่อนาวาล่องนภา โรงประมูลจึงจัดให้นาวาล่องนภาขายทอดเป็นลำดับสุดท้าย สิ่งที่ประมูลอยู่บนเวทีในตอนนี้คือนารีจิ้งจอกสวรรค์
บนเวทีมีนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดเก้าตน ล้วนแต่งามวิไลเย้ายวน ทุกรอยยิ้ม ทุกอิริยาบถช่างยวนตายวนใจ ราวกับเกิดมาพร้อมกับความวาบหวาม ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ในใจเกินทน หลงใหลหัวปักหัวปำ!
“พวกเรามิใช่คนชั่ว พวกเราเพียงต้องการหาบ้านให้กับนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนนี้!”
พิธีกรประมูลบนเวทีท่าทางฮึกเหิม ยามเอ่ยวาจากระตุ้นให้รู้สึกตามไปด้วย
“นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้เป็นฝ่ายมาหาเรา เผ่าพันธุ์ของพวกนางพบเจอความลำบาก ต้องการของวิเศษจำนวนมากไปเจือจุน เพราะเหตุนี้ พวกนางจึงมาหาพวกเรา พวกนางเต็มใจสละตนเอง เพื่อแลกมาซึ่งความช่วยเหลือต่อเผ่า!”
พิธีกรประมูลกล่าวต่อ “พวกนางไม่มีข้อเรียกร้องอื่น เพียงแต่พวกนางเก้าตนพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว หวังว่าจะได้อยู่ด้วยกัน! เพราะอย่างนั้น ครั้งนี้เราจะประมูลเก้าตนในคราเดียว!”
นารีจิ้งจอกสวรรค์ถึงเก้าตน อย่าให้พูดเลยว่าล่อตาล่อใจเพียงใด พวกนางให้ความร่วมมือกับพิธีกรงานประมูลเป็นอย่างดี ยามพิธีกรงานประมูลสาธยาย พวกนางต่างเช็ดน้ำตาอย่างอดไม่ได้ ชวนให้นึกสงสารและเอ็นดูขึ้นไปอีก จนอดเจ็บปวดใจแทนพวกนางมิได้
สิ่งมีชีวิตเพศชายในที่นี้ตาลุกวาวกันหมด เนื้อเต้นยิ่งกว่าเห็นของวิเศษเลอค่าเสียอีก พวกเขาหลงเสน่ห์นารีจิ้งจอกสวรรค์อย่างสิ้นเชิง แต่ละคนล้วนปรารถนาได้นารีจิ้งจอกสวรรค์มาในครอบครอง
ไม่ต้องคิดให้มากก็รู้ว่าทันทีที่เปิดขายทอด การประมูลต้องเป็นไปอย่างดุเดือดแน่นอน!
“นารีจิ้งจอกสวรรค์เชียวนะ ทุกคนต่างรู้ดีว่าพวกนางแตกฉานด้านบำเพ็ญคู่หยินหยาง ครอบครองเพียงหนึ่งตนก็เป็นเรื่องที่…สุขีสุดยอด! หากได้ครบทั้งเก้าตน ความรู้สึกนั้นคง อื้อหือ…ข้ามิกล้าจะคิด! กลัวทุกคนจะสุขสมจนถึงแก่ชีวิต!”
พิธีกรงานประมูลตะโกนลั่น “ความสุขสมเก้าเท่า ทุกคนลงมือได้เลย! เปิดประมูลอย่างเป็นทางการ เปิดประมูลที่ราคาหนึ่งแสนหินเทวะ!”
หินเทวะถือเป็นวัตถุบำเพ็ญขั้นสูง ราคาหนึ่งแสนหินเทวะนั้นมิใช่น้อย ๆ นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ขอบเขตพลังไม่สูงนัก หากว่ากันตามปกติ หนึ่งแสนหินเทวะนับว่าไม่คุ้มเท่าใด หนึ่งแสนหินเทวะซื้อสิ่งมีชีวิตขอบเขตพลังสูงกว่านารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ได้แน่นอน
ทว่า มูลค่าของนารีจิ้งจอกสวรรค์มิได้อยู่ที่ขอบเขตพลัง…
สิ้นสุดคำว่าเปิดประมูลอย่างเป็นทางการ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายพากันบิดประมูลไม่หยุดหย่อน สิ่งมีชีวิตเพศชายมากมายมีสภาพคล้ายคลุ้มคลั่ง ราคาประมูลสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานนักก็เกินหนึ่งล้านหินเทวะ!
ความสุขสมเก้าเท่า ความเปรมปรีดิ์เก้าเท่า พวกเขาอยากลองลิ้มรสดู!
“สองล้าน!”
เวลานั้น เด็กหนุ่มมนุษย์คนหนึ่งตะโกน บิดราคาได้น่าทึ่ง เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ราคาประมูลไปถึงสองล้าน!
สองล้านถือเป็นราคาสูงยิ่ง เวลานั้น ภายในสถานที่พลันเงียบเชียบ มิมีผู้ใดกล้าบิดราคาอีก
ถึงแม้นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ล้ำเลิศ กระนั้นราคาสองล้านถือว่าเกินกว่าขอบเขตที่พวกเขารับได้ไปมาก พวกเขาได้แต่ยอมแพ้
“ของข้า ของข้าทั้งหมด!”
เด็กหนุ่มตาเป็นประกาย ตื้นตันเหลือคณา แม้ว่าเสียค่าใช้จ่ายไปถึงสองล้านหินเทวะ ทว่าขอเพียงได้นารีจิ้งจอกสวรรค์มาในครอบครอง เขาก็รู้สึกคุ้มค่าอย่างยิ่ง!
เพียงแต่ ขณะที่เขากำลังตื้นตัน ผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินดุ่ม ๆ มาอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มอย่างกราดเกรี้ยว
“เจ้าเด็กจอมถลุง ราคาตั้งสองล้านเจ้ายังกล้าบิดอีกหรือ”
ผู้เฒ่าเอ่ยกับเด็กหนุ่มอย่างโมโห
“ลุงเก๋อ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าผู้นี้อยู่ในโรงประมูลด้วย
“หากข้าไม่อยู่ที่นี่ ข้าคงไม่รู้ว่าเจ้าทำเรื่องเหลวไหลเยี่ยงนี้ลงไปได้!”
ลุงเก๋อถอนหายใจ เอ่ยอย่างเป็นห่วง “กังจื่อ อย่าหาว่าลุงเก๋อพูดจาตรงนักเลย สตรีนั้นเปรียบเสมือนความวิบัติ ล่องลอยเสมือนหมู่เมฆ ล้วนแล้วแต่ไม่จีรัง ทันทีที่เจ้าดื่มด่ำไปกับมันจะไม่สามารถถอนตัวได้อีก! เด็กเอ๋ย เจ้ายังเยาว์นัก ไม่เข้าใจคุณและโทษของสิ่งต่าง ๆ ฟังลุงสักคำเถิด เจ้าคุมไม่อยู่!”
“ลุงเก๋อ ข้า…”
ลุงเก๋อคือผู้ที่เขาเคารพนับถือที่สุด ได้ยินลุงเก๋อสั่งสอนเขาด้วยความหวังดีเยี่ยงนี้ กังจื่ออยากจะร่ำไห้นัก “ลุงเก๋อ ข้าสำนึกผิดแล้ว จากนี้ไปข้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว!”
“อืม แบบนี้สิถึงจะถูก กังจื่อเจ้ายังเยาว์วัย ควรจดจ่ออยู่กับการฝึกตน ไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับอิสตรี”
ลุงเก๋อพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“สองล้านหนึ่งแสน!”
เวลานั้น ในที่สุดก็มีคนทนแรงยั่วยวนจากนารีจิ้งจอกสวรรค์ไม่ไหว บวกราคาขึ้นไปอีก
“ลุงเก๋อ ข้าถอนตัว ข้าไม่บิดแล้ว!”
กังจื่อเอ่ยเสียงสะอึกสะอื้น เก็บถ้อยคำสั่งสอนเมื่อครู่ของลุงเก๋อไปใส่ใจ
หารู้ไม่ ลุงเก๋อมิได้สนใจกังจื่อ เขาตะโกนขึ้น “สองล้านสองแสน!”
“ลุงเก๋อ นี่ท่าน…?”
กังจื่อสับสน เมื่อครู่ลุงเก๋อยังเกลี้ยกล่อมเขาอยู่เลยมิใช่หรือ
ไฉนลุงเก๋อถึงบิดราคาเสียเอง
“สองล้านสามแสน!”
คนผู้นั้นไม่ยอมแพ้ บิดราคาต่อ
“สองล้านห้าแสน!”
ลุงเก๋อเพิ่มราคาขึ้นไปอีก!
“สามล้าน!”
คนผู้นั้นมีภูมิหลังไม่ธรรมดา รากฐานหนาแน่น คล้ายว่ามาด้วยความแน่วแน่ต้องครอบครองนารีจิ้งจอกสวรรค์ให้ได้ บวกขึ้นไปอีกห้าแสนหินเทวะ หมายจะข่มลุงเก๋อให้อยู่ ประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์มาจนได้
“สามล้านหนึ่งแสน!”
หารู้ไม่ ลุงเก๋อไม่คิดยอมแพ้เช่นกัน บวกราคาขึ้นไปอีก
“สามล้านห้าแสน!”
“สี่ล้าน!”
...
ทั้งคู่ไม่มีผู้ใดคิดถอนตัว บวกราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ราคาบิดพุ่งไปถึงหกล้านหินเทวะอย่างรวดเร็ว!
กังจื่อนิ่งค้าง คนรอบ ๆ กังจื่อก็นิ่งค้าง
พวกเขาต่างได้ยินวาจาที่ลุงเก๋อสั่งสอนกังจื่อเมื่อครู่ ลุงเก๋อกล่อมให้กังจื่อยอมรามือ แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าลุงเก๋อบิดราคาได้ดุเดือดยิ่งกว่ากังจื่อเสียอีก พับผ่าสิ!
“กังจื่อ เกลี้ยกล่อมลุงเก๋อของเจ้าเร็วเข้า!”
“ใช่แล้วกังจื่อ ราคาใกล้เฉียดแปดล้านหินเทวะแล้ว!”
ผู้คนรอบ ๆ ขอให้กังจื่อช่วยกล่อมลุงเก๋อ
ราคาจากหกล้านจนพุ่งไปเกือบถึงแปดล้านแล้ว
“ลุงเก๋อ เลิกบิดเถิด ราคาสูงเกินไปแล้ว!”
กังจื่อรีบเข้าไปกล่อมลุงเก๋อ
ทว่า ลุงเก๋อผลักกังจื่อไปอีกด้าน ไม่แยแสกังจื่อแม้แต่น้อย บิดราคาสู้กับคนผู้นั้นต่อ
คนรอบข้างขอให้กังจื่อเกลี้ยกล่อมลุงเก๋อต่อ ถึงอย่างไรราคาตอนนี้ก็สูงเกินไป ใกล้จะถึงสิบล้านหินเทวะแล้ว
กังจื่อเข้าไปกล่อมอีก ผลคือถูกลุงเก๋อผลักออกไปอีกครั้ง ซ้ำร้ายลุงเก๋อยังถลึงตาใส่กังจื่อ ทำเอากังจื่อตกใจแทบแย่!
“พวกท่านหยุดบอกให้ข้าไปกล่อมเสียที ข้ากล่อมไม่ได้จริง ๆ ข้าบงการผู้ใดมิได้ทั้งนั้น ข้าบงการได้เพียงตัวเอง…”
กังจื่อเอ่ยเสียงร่ำไห้
หลังภาพนี้เกิดขึ้น คนอีกมากนิ่งค้างไป
สุดยอดเลย!
ลุงเก๋อกลายร่างเป็นกังจื่อ กังจื่อกลายร่างเป็นลุงเก๋ออย่างนั้นหรือ
ลุงเก๋อกลายเป็นเก๋อจื่อ กังจื่อกลายเป็นลุงกัง?
ผู้เกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จกลับกลายเป็นสิ่งที่ตนกล่อมเสียเอง???
นักรบปราบมังกรย่อมกลายเป็นมังกรร้ายในที่สุด???
ท้ายที่สุด คนผู้นั้นก็บิดสู้ลุงเก๋อไม่ไหว ลุงเก๋อปิดประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์ในราคาสิบห้าล้าน
“ไหนลุงเก๋อบอกว่าสตรีนั้นเสมือนความวิบัติ ล้วนไม่จีรัง คุมไม่อยู่อย่างไรเล่า?”
กังจื่อร้องไห้ขณะกล่าว
“กังจื่อ เจ้ายังเยาว์ เจ้าคุมไม่อยู่ ลุงเก๋อของเจ้าไม่เหมือนกัน ลุงเก๋อของเจ้าอยู่มานาน คุมได้อยู่! สตรีนั้นคือความวิบัติ ทว่าลุงเก๋อของเจ้าไม่กลัว ลุงเก๋อของเจ้าคือมหาสมุทร ไม่กลัวว่าจะจมดิ่งไปกับมัน!”
ลุงเก๋อเอ่ย ชื่อเต็มของเขาคือเก๋อไห่
“ฮะ…คือ…คือ…”
หลังกังจื่อได้ฟังวาจาของลุงเก๋อ งงเสียยิ่งกว่างง
แบบนี้ก็ได้หรือ?
“เฮ้อ เจ้าอย่าโกรธลุงเก๋อเลย ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นารีจิ้งจอกสวรรค์ยวนตายวนใจปานฉะนี้ ซ้ำยังมีถึงเก้าตนด้วยกัน! ลุงเก๋ออยากลิ้มรสความสุขีเก้าเท่าบ้าง!”
ลุงเก๋อถอนหายใจพลางกล่าว
บทที่ 494
แบบนี้ก็ได้หรือ?
หลิงอินคิดในใจว่าลุงเก๋อผู้นี้ไม่เบาทีเดียว ก่อนหน้านี้เกลี้ยกล่อมกังจื่อยกใหญ่ สุดท้ายตัวเองกลับเป็นหนักยิ่งกว่ากังจื่อเสียอีก!
นี่เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น กระนั้นก็สะท้อนให้เห็นว่ารากฐานของสิ่งมีชีวิตผู้มายังโรงประมูลแห่งนี้ล้ำลึกเพียงใด สินค้าราคาสิบล้านหินเทวะยังขายทอดสำเร็จ การประมูลนาวาล่องนภาในตอนท้ายที่สุดคงไม่ง่ายดายเป็นแน่
ทว่าหลิงอินไม่กังวลนัก นางได้หินเทวะจากซากดาวดวงนั้นมามหาศาล ราคาสูงเพียงใดนางก็จ่ายไหว!
การประมูลดำเนินต่อไป จนกระทั่งมาถึงชิ้นท้ายสุด นาวาเล็กลำไม่ใหญ่มาก ทว่าดูแล้ววิจิตรประณีตเป็นที่สุดถูกยกขึ้นมา
พิธีกรงานประมูลอธิบาย นี่คือนาวาล่องนภา ปรับขนาดได้ทั้งใหญ่และเล็ก ไม่ต้องกลัวแรงดันใด ๆ ในอวกาศ และยังแล่นทะลุในจักรวาลได้อย่างรวดเร็ว!
ราคาของนาวาล่องนภาแพงอย่างแท้จริง ราคาเปิดประมูลอยู่ที่หนึ่งพันล้านหินเทวะ!
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ผู้ร่วมประมูลยังมีมาไม่ขาดสาย
ตระกูลเก่าแก่รากฐานมั่นคงมากมายเดินทางมาเช่นกัน สิบล้านหินเทวะมิใช่เรื่องใหญ่ ราคาคูณทวีต่อเนื่อง ไม่นานนักก็ไต่มาถึงหมื่นล้านหินเทวะ
และนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
หลังราคาเลยหมื่นล้านหินเทวะไปแล้ว ไม่มีผู้ใดบิดราคาหินเทวะอีก แต่ยกของวิเศษล้ำค่ามากหน้าหลายตาออกมาบวกทับเข้าไป
หากเป็นในอดีต ซื้อขายด้วยหินเทวะก็พอ
แต่ในช่วงเวลาเฉกเช่นตอนนี้ คิดจะปิดประมูลนาวาล่องนภาด้วยหินเทวะนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อการประมูลดำเนินไปถึงช่วงท้ายสุด ย่อมกลายเป็นการกดดับราคากันด้วยของวิเศษล้ำค่าหายากในใต้หล้านี้แทน
โรงประมูลตระหนักถึงเรื่องนี้ดี ราคาเปิดประมูลพันล้านหินเทวะนั้นเป็นการยิงปืนหลอกเท่านั้น หาได้ใกล้กับความจริงเลยสักกระผีก
แดนบรรพโกลาหลมหัศจรรย์เกินไป มีโอกาสอันดีให้บรรลุเป็นเซียน ดำรงอยู่ได้นิรันดร ไม่มีผู้ใดยอมปล่อยให้หลุดมือง่าย ๆ
และศึกช่วงชิงในแดนบรรพโกลาหล ย่อมโหดร้ายถึงที่สุด เวลานั้น ประโยชน์ของนาวาล่องนภาจะเด่นชัดอย่างยิ่ง
ที่ว่างภายในนาวาล่องนภากว้างใหญ่ไพศาล จุสิ่งมีชีวิตได้ถึงสิบล้านตน ผู้ใดได้ครอบครองนาวาล่องนภา ต่อไปจะยกตระกูลไปยังอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหลได้ด้วยนาวาล่องนภา มีชัยเหนือกว่าอย่างยิ่งยวด!
“เจ้าของโรงประมูลหัวใสจริง จงใจแพร่ข่าวการปรากฏของแดนบรรพโกลาหล ส่งผลให้นาวาล่องนภาที่เคยกระจอก บัดนี้กลายเป็นของวิเศษประเมินค่ามิได้!
ภายในห้องลับแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวกับผู้เฒ่าคนหนึ่งด้วยความนับถือ
“ความลับของแดนบรรพโกลาหลไม่มีทางปิดมิด หากปรากฏออกมาจริง ๆ อาณาจักรทั้งปวงย่อมต้องรับรู้กันถ้วนหน้า”
ผู้เฒ่าคือเจ้าของโรงประมูล “แดนบรรพโกลาหลมิใช่สถานที่ธรรมดา ผู้มาถึงก่อนมิได้หมายความว่าได้เปรียบเหนือผู้อื่น เช่นนี้มิสู้แพร่ข่าวของแดนบรรพโกลาหลออกไป ให้นาวาล่องนภาขายออกไปในราคาดี ๆ
อาณาจักรอวี้ซวีเป็นถึงหนึ่งในเก้าอาณาจักรตอนบน ดำรงอยู่มาอย่างช้านาน ทว่าเรื่องของแดนบรรพโกลาหลนั้นมีสิ่งมีชีวิตรู้อยู่ไม่เท่าไร มีสิ่งมีชีวิตเพียงส่วนเดียวที่สัมผัสถึงบางอย่าง รู้ว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏ
เจ้าของโรงประมูลคือสิ่งมีชีวิตหนึ่งในนั้น
เขารู้ดึว่าศึกช่วงชิงในแดนบรรพโกลาหลมิได้ง่าย หลังเขาล่วงรู้ว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏ ก็คิดหาทางทำกำไรสูงสุดจากข่าวนี้
สุดท้าย เขานึกถึงนาวาล่องนภาที่ตกการประมูลมาตลอดในโรงประมูลของเขา!
หลังจากเผยแพร่ข่าวของแดนบรรพโกลาหลออกไป มูลค่าของนาวาล่องนภาย่อมทวีคูณ และสถานการณ์ก็เป็นไปตามการคาดการณ์ของเขา นาวาล่องนภากลายเป็นของยอดนิยม กองกำลังรากฐานมั่นคงทั้งหลายล้วนไม่อยากพลาด
การบิดราคามิได้สู้กันด้วยหินเทวะอีกต่อไป หลังจากสู้ราคากันด้วยของวิเศษล้ำค่ามากหน้าหลายตา การประมูลยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด
หลิงอินมิได้รีบร้อนสู้ราคา
นางไม่เพียงแต่มีหินเทวะเป็นจำนวนมาก ของวิเศษอย่างอื่นที่มีเยอะมากเช่นกัน นางไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด
“ก้อนทองวัชระหนึ่งพันชั่ง!”
ใครบางคนบิดราคา น่าทึ่งจริง ๆ เขายอมจ่ายด้วยวัสดุขั้นเทียนตี้ถึงหนึ่งพันชั่ง
หลังสู้กันถึงราคานี้ เสียงตะโกนขอบิดก็น้อยลงไปมาก วัสดุขั้นเทียนตี้หาได้ยากยิ่ง ต้องรู้ว่าวัสดุขั้นเทียนตี้หนึ่งพันชั่ง แม้แต่ตระกูลโบราณผู้มีรากฐานมั่นคงยังแทบรับไม่ไหว ไม่มีสิ่งใดสูงค่ากว่านั้นให้ใช้
“แร่ทองเงินกัลป์สองพันชั่ง!”
หลิงอินบิดราคา นางรู้ว่ามาถึงช่วงสุดท้ายของการประมูลแล้ว ไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว
นางต้องได้นาวาล่องนภาลำนี้มาในครอบครองให้ได้
เพราะพวกนางไม่เพียงแต่ต้องหวังพึ่งนาวาล่องนภาลำนี้ไปยังอาณาจักรที่พี่ชายของเสี่ยวหยาอยู่ พวกนางยังต้องให้นาวาล่องนภาลำนี้พาพวกนางกลับอีกด้วย
แร่ทองเงินกัลป์ เป็นวัสดุขั้นเทียนตี้เหมือนกัน หลังหลิงอินสู้ราคา ก็เป็นที่จับจ้องจากสายตาทุกคนในที่นี้
“นางเป็นใครกัน?”
“โหดเกินไปแล้ว!”
“ต่อให้ตระกูลโบราณเทกระจาดรากฐานทั้งหมดยังมิได้วัสดุขั้นเทียนตี้มากเท่านี้เลยกระมัง!?”
เสียงอุทานตื่นตกใจดังไม่หยุดหย่อน ต่างตะลึงกับราคาบิดของหลิงอิน
แร่ทองสองพันชั่ง มหาศาลอย่างยิ่ง ตระกูลเก่าแก่ที่สุดยังมีไม่มากเท่านี้เลย!
“นางเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ใดหรือ ไฉนข้าถึงจำไม่ได้เลยสักนิด”
ภายในห้องลับ เจ้าของโรงประมูลขมวดคิ้วมุ่น เขามองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในลานประมูลจากที่นี่
โรงประมูลมีการค้าขายหลายรูปแบบ ข่าวสารก็เป็นหนึ่งในแขนงของพวกเขา ผู้ที่บิดราคาได้ถึงแร่ทองสองพันชั่ง ไม่มีทางที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จำไม่ได้สักนิด ไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย
ทว่าความจริงแล้ว เขาไม่เคยพบหลิงอินจริง ๆ และไม่รู้เรื่องของนางเลยสักนิด
แร่ทองสองพันชั่งเป็นราคาที่สูงเกินไป ข่มทุกคนในที่นี้ลง ต่อให้ตระกูลเก่าแก่ทั้งหลายเจ็บใจเพียงใด ก็ไม่มีกำลังบิดสูงกว่านี้แล้ว
ท้ายที่สุด การซื้อขายเสร็จสิ้น
สมาชิกโรงประมูลมาอยู่ข้างกายหลิงอินและเสี่ยวหยา บอกให้หลิงอินและเสี่ยวหยาไปปิดการซื้อขายด้านหลัง
“ได้”
หลิงอินและเสี่ยวหยามาอยู่ที่ด้านหลังของลานประมูล เพื่อปิดการซื้อขาย
นางฉะฉานยิ่ง มิได้อิดออดยืดเยื้อแม้แต่น้อย หยิบแร่ทองเงินกัลป์ออกมาสองพันชั่งเพื่อแลกกับนาวาล่องนภาทันที
สำหรับนาง แร่ทองเงินกัลป์แค่นี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่
ในตัวนางตอนนี้ยังเหลืออยู่อีกมาก
นางนำของวิเศษจากซากดาวดวงนั้นมาเกือบทั้งหมด รากฐานที่นางมีในตอนนี้ หนาแน่นยิ่งกว่าตระกูลโบราณทั้งหลายรวมกันเสียอีก!
“ขอถามได้หรือไม่ว่าแม่นางทั้งสองมาจากตระกูลใด”
เจ้าของโรงประมูลปิดการขายด้วยตัวเอง หลังซื้อขายเสร็จสิ้น เขาเอ่ยถามหลิงอินและเสี่ยวหยา
“เรื่องนั้นไม่สะดวกบอกเท่าใด”
หลิงอินมิได้ตอบคำถามเจ้าของโรงประมูล
“เข้าใจแล้ว”
เจ้าของโรงประมูลมิได้คาดคั้นต่อ เขาเอ่ยขึ้น “ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านต้องการบริการคุ้มครองด้วยหรือไม่ ทั้งสองท่านประมูลนาวาล่องนภาไป น่ากลัวว่ามีผู้ไม่หวังดีเพ่งเล็งแม่นางทั้งสองอยู่มาก!”
เขาค้าขายเก่งยิ่ง ต้องการเสนอบริการคุ้มครองแก่หลิงอินและเสี่ยวหยา
แน่นอนว่ามิใช่การบริการจิตอาสา ซ้ำยังมีราคาสูงลิ่ว
ถึงอย่างไรก็เป็นจริงดั่งที่เขาว่า ต้องมีสิ่งมีชีวิตมากมายเพ่งเล็งหลิงอินและเสี่ยวหยา บริการคุ้มครองมิใช่งานง่าย ๆ
“พวกท่านคุ้มครองไหวหรือ”
หลิงอินส่ายหัว “ช่างเถิด ข้าไม่ต้องการพาผู้บริสุทธิ์ลำบากไปด้วย”
นางเป็นถึงจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล มีชีวิตอยู่มาช้านาน ย่อมรู้ว่าต้องมีสิ่งมีชีวิตเพ่งเล็งพวกนาง
บอกตามตรง นางหวั่นไหวนิดหน่อย อยากให้โรงประมูลคุ้มครองพวกนางไปจากที่นี่
ราคามิใช่ปัญหา นางจ่ายไหวแน่นอน
และหากมีการคุ้มครองจากโรงประมูล พวกนางเลี่ยงปัญหาไปได้อีกมาก
เพียงแต่ นางรู้ดีว่าการคุ้มครองระดับนี้ยากเย็นปานใด ไม่แน่ว่าโรงประมูลจะคุ้มครองพวกนางได้จริง กลับกัน อาจเป็นโรงประมูลที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ
นางไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์พลอยลำบากไปด้วย ไม่อยากเห็นโรงประมูลเสียเลือดเสียเนื้อ สุดท้ายนางก็ปฏิเสธเจ้าของโรงประมูล
เจ้าของโรงประมูลเข้าใจความหมายของหลิงอิน
เขาถอนหายใจ รู้สึกตัวเองสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ ไฉนถึงอยากหาเงินด้วยวิธีการนี้
หากรับงานนี้ไว้จริง โรงประมูลต้องหลั่งเลือดไม่ว่า และอาจทำภารกิจไม่สำเร็จ คุ้มครองหลิงอินและเสี่ยวหยาไว้ไม่ได้
“ในโรงประมูลมีค่ายกลเคลื่อนย้าย สะดวกแก่การส่งลูกค้า ป้องกันปัญหาต่าง ๆ ของลูกค้า ทว่า สถานการณ์ครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ เกรงว่าต่อให้ทั้งสองท่านเดินทางด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายยังไม่ปลอดภัยเท่าใด!”
เจ้าของโรงประมูลกล่าว “หนนี้เป็นไปได้ว่ามีการดำรงอยู่เหนือชั้นหมายหัวทั้งสองท่านอยู่”
ฝนคาวเลือดคละคลุ้งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ทันทีที่หลิงอินและเสี่ยวหยาออกจากโรงประมูล ย่อมมีสิ่งมีชีวิตมากมายลงมือกับหลิงอินและเสี่ยวหยา
บ่อยครั้งที่สินค้าที่ประมูลมาสำเร็จท้ายที่สุดก็มิได้เป็นของตน…
โลกแห่งการฝึกตนอันธพาลยิ่ง เรื่องฆ่าชิงทรัพย์เกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
เจ้าของโรงประมูลเห็นเหตุการณ์แบบนี้มามาก
สิ่งมีชีวิตมากมายที่ประมูลสินค้าจากโรงประมูลสำเร็จ หลังออกจากที่นี่ก็ถูกฆ่าชิงของวิเศษที่ชนะประมูลจากโรงประมูล
เทียบกับโลกที่ปุถุชนอาศัย โลกแห่งการฝึกตนอันตรายกว่ามาก!
บทที่ 495
“ขอบคุณเจ้าของโรงประมูลที่เตือน!”
หลิงอินผงกหัวให้เจ้าของโรงประมูล นางรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าของโรงประมูลได้กล่าวไม่ผิดเพี้ยน หากไปจากที่นี่ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายมิสู้จะดีเท่าใด
ค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นการเดินทางผ่านห้วงมิติ และครั้งนี้ย่อมต้องมียอดฝีมือชั้นเลิศออกโรง เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือชั้นเลิศ วิธีการนี้ไม่มีทางสำเร็จ
ยอดฝีมือชั้นเลิศเหล่านั้นสามารถสะกดห้วงมิติได้ตามใจนึก ซ้ำยังลบล้างปริภูมิทั้งผืนได้ คิดจะไปจากที่นี่ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายดูเป็นไปไม่ได้เท่าไร
ทว่า ต่อให้เดินทางด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ นางก็ไม่คิดไปโดยค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่แล้ว
นางมีธุระอื่นต้องทำ
ท้ายที่สุด พวกนางออกจากหลังเวที มาอยู่ที่ด้านหน้าของลานประมูล
“แม่นางทั้งสอง ขอคุยด้วยหน่อยได้หรือไม่”
มีคนดักรอพวกนางที่ด้านหน้าลานประมูลจริง ๆ ทันทีที่พวกนางก้าวออกมา คนผู้นั้นก็เดินมาหาทันที
“มีธุระอันใด”
หลิงอินคลี่ยิ้ม ถามอย่างมีมารยาท
นางนึกในใจว่านางไม่ทันไปหาคนผู้นี้ คนผู้นี้กลับเป็นฝ่ายมาหานางเสียเอง
คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น เขาคือลุงเก๋อ ผู้ปิดประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนสำเร็จนั่นเอง
ส่วนกังจื่อคนเมื่อครู่ตามหลังลุงเก๋อมา
นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนั้นอยู่ที่นี่ด้วย คิดแล้วลุงเก๋อคงปิดการขายกับโรงประมูลเรียบร้อย
ใช่แล้ว นางไม่คิดเดินทางด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายเพราะมีธุระต้องทำ นั่นก็คือไปหาลุงเก๋อผู้นี้
เสี่ยวหยาใจดีมีเมตตา ทนเห็นนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ตกอยู่ในมือลุงเก๋อมิได้
ลุงเก๋อผู้นี้ดูก็รู้ว่ามิใช่คนดี หน้าไหว้หลังหลอก หลอกได้แม้กระทั่งหลานชายของตน หากนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ตกอยู่ในมือลุงเก๋อ น่ากลัวว่าคงจบไม่สวยนัก
ยิ่งกว่านั้น นารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนเลือกสละตนเพื่อเผ่าของตัวเอง น่านับถือยิ่ง เสี่ยวหยาจึงยิ่งไม่ต้องการให้พวกนางตกอยู่ในมือลุงเก๋อ
คราวลุงเก๋อบิดราคาจนถึงช่วงท้ายสุด เสี่ยวหยาคิดสู้ราคา กดทับลุงเก๋อลงไป ปิดประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตน แล้วค่อยปล่อยให้นารีจิ้งจอกสวรรค์เป็นอิสระ
ทว่า หลิงอินหยุดเสี่ยวหยาไว้ ไม่ให้เสี่ยวหยาบิดราคาสู้
มิใช่ว่าหลิงอินไม่ต้องการช่วยนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้า
แต่ตรงกันข้าม นางคิดเช่นเดียวกับเสี่ยวหยา อยากช่วยนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าไว้ตั้งแต่ต้น
เมื่อครั้งนารีจิ้งจอกสวรรค์เพิ่งก้าวขึ้นเวทีให้ประมูล สิ่งมีชีวิตล่างเวทีก็พากันวิพากษ์วิจารณ์นารีจิ้งจอกสวรรค์ไม่หยุด
และนางถึงได้ทราบสถานการณ์บางส่วนของเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์จากเสียงซุบซิบเหล่านี้ และได้รู้ว่าเหตุใดนารีจิ้งจอกสวรรค์ถึงเต็มใจสละตนเอง ยอมให้โรงประมูลเปิดประมูลพวกนาง
ว่าไปแล้ว เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์น่าสงสารอย่างยิ่ง
เผ่านี้เกิดมาพร้อมกับความเย้ายวน ตรึงตาตรึงใจเป็นที่สุด มีแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้ามตั้งไม่รู้เท่าไร
ทว่า แม้นพวกนางเย้ายวน กระนั่นไม่เคยมั่วโลกีย์ พวกนางมีศักดิ์ศรีของพวกนาง ไม่เคยยอมศิโรราบให้ผู้ใดง่าย ๆ
และความเย้ายวนของพวกนาง แต่ไหนแต่ไรมีไว้ให้คนที่พวกนางรักเท่านั้น
สิ่งมีชีวิตมากมายจากเผ่าอื่นปรารถนาในตัวพวกนางแต่ไม่อาจได้มา ไม่ต้องสงสัยว่าสร้างปัญหาให้พวกนางเท่าไร
ปัญหาไม่เคยหมดไปจากเผ่าของพวกนาง มักถูกยอดฝีมือเผ่าอื่นหมายตาอยู่เสมอ และเกิดเหตุการณ์สมาชิกในเผ่าถูกลักพาตัวไปบ่อยครั้ง
ซ้ำร้ายยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากตั้งใจจับสมาชิกเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ของพวกนางไปขายโดยเฉพาะ
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น พวกนางก็ไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยศิโรราบต่อเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งและเรียกหาการคุ้มกันจากเผ่าพันธุ์แข็งแกร่ง
พวกนางต้องพบเจอปัญหาไม่หยุดหย่อน จึงยากจะมีการพัฒนาที่ดี ความสามารถในเผ่าพันธุ์ของพวกนางจึงด้อยลงไปเรื่อย ๆ
เท่าที่ฟังจากสิ่งมีชีวิตล่างเวที เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ต้องหลีกหนีการจับตัวจากยอดฝีมือเผ่าอื่น ด้วยการระหกระเหินหัวซุกหัวซุน ไม่กล้าโผล่หน้ามาแม้แต่น้อย
ระหกระเหินกันเยี่ยงนี้ไปทุกรุ่น ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หัว เกรงว่ารากฐานเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์คงถูกผลาญจนสิ้นแล้วกระมัง
ที่นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้เต็มใจนำตัวเองไปขายที่โรงประมูลน่ากลัวว่าเพราะเหตุนี้ คิดว่าหลังประมูลตัวเองออกไปแล้ว จะแลกหินเทวะไปให้เผ่าพันธุ์ของพวกนางได้จำนวนหนึ่ง ช่วยให้เผ่าพันธุ์ของพวกนางดำรงต่อไปได้
หลิงอินและเสี่ยวหยาล่วงรู้เรื่องนี้แล้ว ยิ่งอยากช่วยนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ให้ได้
ที่หลิงอินไม่ให้เสี่ยวหยาบิดราคาข่มลุงเก๋อ หนึ่งเพราะหลังปิดประมูลสำเร็จ หินเทวะเหล่านี้มิได้อยู่ในมือนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้หมด โรงประมูลจะเก็บค่าตอบแทนในการดำเนินการอีกมาก
อีกด้านเพราะนางไม่ชอบลุงเก๋อผู้นี้เอาเสียเลย
ลุงเก๋อคนนี้วิตถารน่ารังเกียจ ชวนสะอิดสะเอียดเป็นที่สุด ก่อนหน้านี้วางมาดสั่งสอนหลานชายของตนอย่างมีคุณธรรม สุดท้ายพริบตาเดียวก็โยนทุกอย่างทิ้ง บิดราคาประมูลได้ดุดันยิ่งกว่าหลานชายเสียอีก
บอกตามตรง ลุงเก๋อผู้นี้สมควรได้รับบทเรียนด้วย!
เพราะเหตุนี้ นางจึงไม่คิดบิดประมูลด้วยวิธีการปกติ แต่รอให้ลุงเก๋อปิดประมูลสำเร็จ ค่อยชิงตัวนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนมาจากลุงเก๋อ แล้วค่อยปล่อยนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าไป
เช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้นารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้ามีหินเทวะมากขึ้น ซ้ำยังให้บทเรียนกับลุงเก๋อได้ด้วย
ทว่าสิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ นางไม่ทันเข้าไปหาลุงเก๋อ ลุงเก๋อผู้นี้กลับมาหานางเสียเอง!
ถึงแม้นางไม่รู้ว่าเหตุใดลุงเก๋อถึงมาหานาง กระนั้นนางเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็พอรู้ว่าลุงเก๋อมิได้หวังดี
“ราษฎรเดิมไร้ความผิด ผิดที่มีสมบัติในครอบครอง แม่นางเอ๋ย พวกเจ้าทำตัวโดดเด่นเกินไปในโรงประมูล!”
ลุงเก๋อสอดส่ายสายตาไปมา ก่อนจะเอ่ย “เห็นหรือไม่ มีคนมากมายหมายหัวพวกเจ้าอยู่”
หลิงอินมองตามสายตาลุงเก๋อ พบว่ามีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกำลังเพ่งเล็งมาทางพวกนางจริง ๆ
นางแสร้งทำเป็นเอ่ยด้วยเสียงหวาดกลัว “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี”
ท่าทางหวาดกลัวของหลิงอินเป็นเรื่องที่ลุงเก๋อคิดไม่ถึง
ผู้ที่จ่ายแร่ทองเงินกัลป์ได้ย่อมมีภูมิหลังไม่ธรรมดา ที่เขามานี่ก็เพื่อหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางของหลิงอินและเสี่ยวหยา ดูว่าหลิงอินและเสี่ยวหยามีภูมิหลังเช่นไร
แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือ หลังหลิงอินรู้ว่าถูกสิ่งมีชีวิตมากมายหมายหัว กลับแสดงท่าทีหวั่นใจเยี่ยงนี้!
บ่งบอกว่าเบื้องหลังพวกหลิงอินมิได้น่าพรั่นพรึงเท่าใด
มิฉะนั้นหลิงอินคงไม่ต้องกลัวขนาดนี้
เขาหัวเราะในใจ ไม่มีภูมิหลังยิ่งดี!
เช่นนี้นาวาล่องนภาจักต้องเป็นของตระกูลเขา!
‘แหะ ๆ แม่นางทั้งสองคนนี้ก็กลายเป็นของข้าเช่นกัน! นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนบวกกับสตรีรูปงามเยาว์วัยอีกสอง ฮ่า ๆ ข้าได้ความสุขสมเป็นสิบเอ็ดเท่าแล้ว!’
เขาหัวเราะในใจไม่หยุด หมายตาหลิงอินและเสี่ยวหยาไปด้วย คิดว่าจะได้ครอบครองหลิงอินและเสี่ยวหยาสองคน
ทว่าเขารอบคอบมาก มิได้แสดงความคิดเช่นนี้ออกมาแม้แต่น้อย
ปากเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าไม่มีผู้ใดพอช่วยได้เลยหรือ”
อย่างไรเขาก็รู้สึกว่า ผู้ที่มีแร่ทองเงินกัลป์ถึงสองพันชั่งไม่ธรรมดา ต้องหยั่งเชิงกันอีกหน่อย
“พวกเรามีที่ไหนกัน! ถ้ามี ข้าคงไม่ต้องกลัวขนาดนี้!”
หลิงอินแสร้งทำตัวน่าสงสารขณะกล่าว “พวกเราบังเอิญเข้าไปในแดนลับโบราณแห่งหนึ่ง ค้นพบแร่ทองเงินกัลป์จากที่นั่น ต่อมาได้ข่าวเรื่องแดนบรรพโกลาหลปรากฏ ที่นี่เปิดประมูลนาวาล่องนภา พวกเราจึงคิดจะประมูลเรือวิเศษนี้ไว้ แล้วค่อยไปที่แดนบรรพโกลาหล”
นางมีน้ำตาคลอหน่วย เสียงเจือแววสะอื้น “ข้าไฉนเลยจะรู้ว่าการประมูลนาวาล่องนภาจะกลายเป็นที่หมายหัวของคนมากมายเยี่ยงนี้! รู้อย่างนี้อย่างไรข้าก็คงไม่ปิดประมูลนาวาล่องนภาลำนี้!”
จากนั้น นางมองลุงเก๋อด้วยท่าทางน่าสงสาร “ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี อาวุโสท่านนี้ช่วยพวกเราหน่อยได้หรือไม่! ท่านอาจเห็นว่าขอบเขตพลังพวกเรามิได้ต่ำต้อย ทว่าความจริงนี่เป็นการออกเดินทางครั้งแรกของเรา ก่อนนี้พวกเราบำเพ็ญตนในซากปรักหักพังโบราณแห่งนั้นมาตลอด…”
นางรู้ดีว่าลุงเก๋อกังขาเรื่องใด จึงจงใจพูดไปอย่างนั้น เพื่อคลายความคลางแคลงที่ลุงเก๋อมีต่อพวกนาง
พลังปราณชีวิตของนางและเสี่ยวหยาต่างเยาว์วัยเป็นอย่างมาก ถือเป็นหลักฐานบ่งชี้ที่ดีที่สุด บ่งบอกว่านางและเสี่ยวหยาเป็น ‘เด็กสาว’ ผู้ไม่คุ้นชินกับโลกภายนอกนัก
อย่างที่คิด หลังได้เห็นท่าทางตื่นตระหนกลนลานของหลิงอิน และได้ฟังคำกล่าวเหล่านี้ของหลิงอิน ความแคลงใจของลุงเก๋อหายไปมาก
พลังปราณชีวิตของหลิงอินและเสี่ยวหยาเยาว์วัยมากจริง ๆ ในสถานการณ์ปกติ เสี่ยวหยาไม่เท่าไร แต่หลิงอินไม่มีทางอยู่ในขั้นบัญญัติสูงสุด
ขอบเขตพลังของเขาไม่ต่ำนัก จับสัมผัสของเขตพลังของหลิงอินและเสี่ยวหยาได้
หลิงอินและเสี่ยวหยาคงฝึกฝนอยู่ในซากปรักหักพังโบราณแห่งนั้นจริง ๆ ยังไม่คุ้นชินกับโลกภายนอกนัก
หากได้ออกเดินทางบ่อย ๆ เด็กสาวเยาว์วัยอย่างหลิงอินไม่มีทางบำเพ็ญจนมีขอบเขตพลังสูงส่งเยี่ยงนี้
ต่อให้พรสวรรค์น่าทึ่งเพียงใดก็ตาม
ขั้นบัญญัติสูงสุดเชียวนะ เป็นขอบเขตที่สูงยิ่ง ไม่มีทางบรรลุได้ในวัยเยาว์เช่นนี้ แม้กระทั่งบุตรแห่งสวรรค์อันน่าทึ่งในอาณาจักรอวี้ซวีก็ทำไม่ได้
“ข้ามีใจโอบอ้อม ทนเห็นท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ไม่ได้เป็นที่สุด เอาเถิด ข้าจะช่วยพวกเจ้าแล้วกัน!”
ลุงเก๋อแสร้งทำเป็นส่ายหน้าพลางกล่าว
“ขอบคุณผู้อาวุโส!”
หลิงอินยิ้มออกทันที “ผู้อาวุโสเป็นคนดีเหลือเกิน!”
ลุงเก๋อผู้นี้สารเลวจริง บังอาจหมายตานางและเสี่ยวหยา
เช่นนั้นนางขอเล่นสนุก…เป็นเพื่อนลุงเก๋อผู้นี้หน่อยแล้วกัน
นางคิดในใจ ตัดสินใจให้ลุงเก๋อได้ลิ้มรสความ ‘สุข’ อย่างลึกซึ้งถึงทรวง!