486-490

บทที่ 486

ตึง ตึง ตึง!


ผู้เฒ่าอมตะโขกศีรษะด้วยความอัปยศเหลือคณา กัดฟันแน่นจนฟันแทบแตก


เขายิ่งใหญ่แข็งกร้าวมาเนิ่นนาน ไม่เคยอดสูเช่นนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่เรียกพ่อทูนหัว ซ้ำยังคุกเข่าโขกศีรษะ…


ที่น่าทุกข์ระทมที่สุดคือ พลังของเขาในยามนี้อยู่เหนือเทียนตี้ขึ้นไปอีก!


พลังเหนือเทียนตี้ ต้องเป็นกำลังรบกล้าแกร่งเพียงใดเชียว มีชื่อติดอันดับในอาณาจักรทั้งปวงนี้!


ในอดีต พลังของเขาอ่อนด้อยเพียงนั้นยังมิเคยอัปยศเท่านี้มาก่อน บัดนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ จนอยู่เหนือเทียนตี้แล้ว กลับต้องอเนจอนาถเช่นนี้ ชวนให้ทุกข์ระทมใจยิ่งนัก อย่าให้พูดเลยว่าทรมานใจปานใด!


ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้


เขาไม่คุกเข่าคงมิได้


จอบเซียนแข็งแกร่งกว่าเขามาก ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย หากเขาไม่ยอม ไม่คุกเข่า สิ่งที่รอเขาอยู่มีเพียงความตาย


พรวด!


โลหิตสาดกระจาย สิ่งที่ผู้เฒ่าอมตะคิดไม่ถึงคือ จอบเซียนทำการหวดอีกครั้ง!


เขาถูกเหวี่ยงกระเด็นไปอีกด้านทันที เลือดพุ่งราวกับไม่มีค่าใด!


“เจ้า!”


เขาเดือดดาล โมโหจนอวัยวะภายในแทบระเบิด


เรียกพ่อทูนหัวก็แล้ว โขกศีรษะก็แล้ว เหตุไฉนถึงยังหวดเขาอยู่อีก?


มีสัจจะบ้างได้หรือไม่!


“ไม่ได้เรียกพ่อทูนหัว”


จอบเซียนเอ่ยเสียงเรียบ


“!!!”


หลังได้ฟังวาจาของจอบเซียน ผู้เฒ่าอมตะกลั้นไม่ไหว กระอักเลือดออกมา!


ไปตายซะไอ้เวรตะไล!


ต้องเรียกพ่อทูนหัวพร้อมกับโขกศีรษะด้วยหรือ!?


ไอ้ระยำ ก่อนนี้เขาเรียกพ่อทูนหัวไปแล้ว นึกว่าแค่โขกศีรษะเสริมเป็นพอ ไม่คิดเลยว่าต้องทำพร้อมกันด้วย!


“พ่อทูนหัว!”


เขาคุกเข่าโขกศีรษะอีกครั้ง ทั้งยังเรียกพ่อทูนหัว คิดในใจว่าครั้งนี้คงหมดปัญหาแล้วกระมัง


ตึง!


หารู้ไม่ จอบเซียนหวดลงมาอีกครั้ง!


ใบหน้าชราของเขาโดนกระแทกจนเนื้อหนังถลอกปอกเปิก เลือดเนื้อละเลงรวมกัน ชีวิตเกือบหาไม่!


จอบเล่มนี้ปั่นหัวเขาเล่นหรือ!?


เรียกพ่อทูนหัวและโขกศีรษะพร้อมกันก็แล้ว ยังไม่พออีกหรือ


เขาร่ำไห้ ร่ำไห้ด้วยความปวดร้าว เขาอยากฆ่าตัวเองนัก ว่างนักหรือถึงต้องเรียกไอ้นี่มา!!!


“เสียงเรียกไม่สนิทสนมพอ”


เวลานั้น จอบเซียนเอ่ยขึ้น


“!!!”


หลังจอบเซียนพูดจบ ผู้เฒ่าอมตะทรมานใจเหลือแสน


เสียงเรียกไม่สนิทสนมพออย่างนั้นหรือ!!!


บัดซบ!


ตั้งใจจะให้เขาเรียกด้วยเสียงเหมือนเรียกพ่อทูนหัวจริง ๆ หรือ!?


เชือดคนเฉือนใจ เชือดคนเฉือนใจ!


จอบเล่มนี้ไร้มนุษยธรรมยิ่งนัก!


ถุย จอบเล่มนี้มิใช่มนุษย์อยู่แล้ว!


“พ่อทูนหัว พ่อทูนหัว!”


ผู้เฒ่าอมตะส่งเสียงเรียกต่อ ซ้ำยังโขกศีรษะไม่หยุด รุนแรงกว่าทุกครั้งก่อนหน้า และสนิทสนมขึ้นมากตามที่จอบเซียนสั่ง


‘ลูก’ กลายเป็นพ่อทูนหัว!


ผู้เฒ่าอมตะทรมานใจอย่างที่สุด!


ตึง!


หารู้ไม่ จอบหวดเข้ามาอีกครั้ง ผู้เฒ่าอมตะล้มตึงกับพื้นในบัดดล


เวรเอ๊ย!


ครั้งนี้เพราะสาเหตุอะไรอีก???


“เสียงเรียกสนิทสนมเกินไป จนข้าสับสนไปแวบหนึ่งว่ามีลูกหลานอย่างเจ้าจริง ๆ ข้าไม่มีลูกหลานน่าขายหน้าเช่นเจ้า!” จอบเซียนกล่าว


มีเหตุผลบ้างหรือไม่!


ไม่มีเหตุผลสักนิดเลยหรือ!


เรียกสนิทสนมไม่พอก็ไม่ได้ เรียกสนิทสนมเกินไปก็ไม่ได้!


“เจ้าฆ่าข้าเถิด!”


ผู้เฒ่าอมตะหมดแรงอยู่กับพื้น ไม่โขกศีรษะเรียกพ่อทูนหัวอีกแล้ว


เขาดูออกแล้วว่าจอบเซียนเล่มนี้ปั่นหัวเขาเล่นเท่านั้น!


“บัดนี้เจ้าคงเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ ข้าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองในอดีต อย่าได้มายุ่งกับข้าอีก รู้หรือไม่”


จอบเซียนเอ่ยเสียงเย็น มันปั่นหัวผู้เฒ่าอมตะเล่นจริง ๆ


มันจำผู้เฒ่าอมตะได้ตั้งแต่แรก รู้ว่าผู้เฒ่าอมตะคือผู้ใด


จากนั้น มันแหวกทะลุมิติไปจากที่นี่


“รู้อย่างนี้ข้าไม่น่าทำให้ดาบมารมีญาณศัสตราอุบัติขึ้นเลย!”


ผู้เฒ่าอมตะเอ่ยเสียงร่ำไห้


เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าวันหนึ่งเขาจะถูกศัสตราที่สลักเสลาด้วยตนเองข่มเหงย่ำยีเช่นนี้!


ผ่านไปไม่นาน จอบเซียนเหินกลับมาที่ลานเล็ก


“พี่จอบ ในที่สุดท่านก็กลับมา ท่านไม่รู้ว่าหลังจากท่านไปแล้ว ปลามังกรตัวนั้นจองหองพองขนอย่างยิ่ง…”

เมื่อลูกวัวน้อยเห็นจอบเซียนกลับมา ก็รีบเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดหลังจอบเซียนไปแล้วให้ฟัง


“หืม!?”


จอบเซียนโมโหแทบแย่ ปลามังกรตัวนั้นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงถึงเพียงนั้นเชียวรึ?


มันปรี่เข้าไปที่โอ่ง จับตัวปลามังกรขึ้นมา หวดไปอีกยกใหญ่!


‘เจ้าพวกไร้มนุษยธรรม! ถุย พวกเจ้าไม่มีผู้ใดเป็นมนุษย์จริง ๆ!’


ปลามังกรร้องไห้ครวญครางในใจ


ก่อนหน้านี้มันถูกพวกยอดศาสตราอย่างมีดอีโต้เล่นงานยกใหญ่ สภาพจิตใจอุตส่าห์ฟื้นฟูแล้ว สุดท้ายกลับถูกอัดอีกครั้งหลังจากเพิ่งฟื้นสภาพจิตใจได้!


‘รอให้ถึงวันหน้า รอให้ถึงวันหน้าก่อน!’


มันเอ่ยในใจด้วยความแค้นเคือง


มันเชื่อว่าในภายหน้า มันต้องทรงพลังกว่าทุกสิ่งในลานเล็กแห่งนี้ และมีสถานะสูงกว่าด้วย!


หลังจากมันแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มันจักเอาคืนเป็นเท่าตัว!


...


ณ เมืองชิงซาน


ภายในลานเล็กของตงฟางเวิ่น


“สายแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน”


หลี่จิ่วเต้าบอกลาตงฟางเวิ่น ออกจากลานเล็กของตงฟางเวิ่น


เห็นอย่างนี้ ตงฟางเวิ่นก้าวหน้าได้เร็วยิ่ง การเล่นหมากกับตงฟางเวิ่นก็สร้างความสนุกให้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ


“สวัสดีคุณชายหลี่!”


“สวัสดีคุณชาย!”


ยามเดินอยู่ตามถนนหนทาง มีคนคอยกล่าวทักทายหลี่จิ่วเต้าเป็นระยะ หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าตอบรับทุกคนด้วยรอยยิ้ม จนกระทั่งกลับถึงลานเล็กของเขา


“คุณชาย!”


ทันทีที่เข้าไปถึง เขาก็ได้เห็นหญิงสาวโฉมสะคราญร่างสะโอดสะองคนหนึ่ง กำลังทักทายทำความเคารพเขาอยู่ที่หน้าประตูด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม


“เจ้าคือ?”


หลี่จิ่วเต้าถามด้วยความแปลกใจ เขาไม่รู้จักหญิงสาวผู้นี้ และไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวผู้นี้มาจากที่ใดกัน?


“ข้าคือ…เสี่ยวไป๋อย่างไร!”


ลั่วสุ่ยคลี่ยิ้ม รู้ว่านี่คือวิสัยคุณชาย ทั้งที่คุณชายรู้ทุกอย่าง กลับไม่เคยเอ่ยออกมาซึ่งหน้า


คุณชายไฉนเลยจะไม่รู้ว่านางเป็นใคร!


“เสี่ยวไป๋? ฮ่า ๆ ข้าบอกแล้วว่าเจ้าทำได้ มีโอกาสก้าวสู่เส้นทางฝึกตน!”


หลี่จิ่วเต้าตาเป็นประกาย ปีศาจน่าหลงใหลเป็นที่สุดอย่างที่เขาว่าจริง ๆ ตั้งแต่แมวน้อยสีขาวกลายร่างเป็นมนุษย์ ก็งดงามจับตายิ่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก!


สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือเขาไม่สามารถลูบแมวเล่นอย่างก่อนได้แล้ว…


จะให้ลูบต่อได้เยี่ยงไร


ก่อนหน้านี้เสี่ยวไป๋เป็นแมว เขากอดไว้ในอ้อมอก ลูบอย่างไรก็ได้ ทว่าบัดนี้ไม่ได้อีกแล้ว เสี่ยวไป๋กลายเป็นสาวงาม…


ทว่าสิ่งที่ควรพูดยังต้องพูด หากได้กอดเสี่ยวไป๋ในตอนนี้ไว้ในอ้อมอก คงสุดยอดกว่ายามกอดแมวน้อยมากโขกระมัง!


หุ่นอันวาบหวาม นูนทั้งหน้าทั้งหลัง ผิวที่ดูอย่างไรก็ผุดผ่องนวลเนียน หากได้กอดไว้ในอ้อมอก… อย่าให้พูดเลยว่าเยี่ยมยอดปานใด ลำพังได้กอดแมวสักตัวไฉนเลยจะเทียบได้!


‘ถุย คิดเพ้อเจ้ออันใดอยู่! บาปกรรมนัก!’


หลี่จิ่วเต้าสบถในใจ เขาช่างพร่ำเพ้อเก่งจริง ๆ!


ทว่า เมื่อต้องเผชิญกับเสี่ยวไป๋ผู้งดงามน่าหลงใหลเช่นนี้ ชายใดบ้างจะไม่คิดฟุ้งซ่านเล่า!


“ไปเถิด ข้าจะเก็บห้องให้เจ้า ตอนนี้เจ้าไม่อาจอยู่ร่วมห้องเดียวกับข้าได้อีกแล้ว”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ


ก่อนหน้านี้ เสี่ยวไป๋นอนในห้องเขามาตลอด ทว่าบัดนี้ไม่เหมือนกัน เสี่ยวไป๋กลายเป็นหญิงงาม ไม่สามารถนอนในห้องเดียวกันได้อีกแล้ว


จากนั้น เขากับลั่วสุ่ยมาอยู่ในห้องข้าง ๆ


“ฮ่า ๆ จากนี้ไปที่นี่คือห้องนอนของเจ้า”


ห้องนี้มิได้สกปรก หลี่จิ่วเต้าเก็บกวาดนิดหน่อยก็ใช้ได้ เขาเอ่ยบอกลั่วสุ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“ขอบคุณคุณชาย!”


ลั่วสุ่ยกล่าวขอบคุณคุณชายด้วยท่วงท่าสง่างาม


“ไม่ได้กินปลาฝีมือคุณชายมาหลายวันแล้วใช่หรือไม่ เจ้ารอก่อน คุณชายจะไปตุ๋นปลาให้เจ้ากินเดี๋ยวนี้!”


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ ท่าทางปีติ


เขาเดินออกจากห้อง จนมาอยู่หน้าโอ่งในลาน


“ฮ่า ๆ ท่านบรรพจารย์เซียนโปรดข้าที่สุดจริงด้วย! เจ้าดูเอาเถิด ท่านบรรพจารย์เซียนเพิ่งกลับจากข้างนอกก็มาหาข้าเลย!”


เมื่อปลามังกรเห็นท่านบรรพจารย์เซียนก้าวเข้ามา ก็ดี๊ด๊าเหลือแสน!

บทที่ 487

ปลามังกรตื่นเต้นดีอกดีใจ คิดว่าท่านบรรพจารย์เซียนมาเพื่อดูมันเป็นพิเศษ


แม้ว่าลั่วสุ่ยจะแปลงเป็นมนุษย์ ทั้งยังงดงามเหนือล้ำ เปี่ยมด้วยเสน่ห์อันบริสุทธิ์ สามารถพิฆาตบุรุษได้อย่างแท้จริง


แต่คุณชายเป็นใครกัน?


คุณชายเป็นถึงท่านบรรพจารย์เซียน จะโดนความงามล่อลวงได้อย่างไร?


นอกจากนี้ ท่านบรรพจารย์เซียนยังละทิ้งลั่วสุ่ยเพื่อมาดูมัน!


ตำแหน่งของมันในใจท่านบรรพจารย์เซียนจะต้องสูงอย่างมาก!


บุ๋ง!


หลี่จิ่วเต้าเอื้อมมือเข้าไปในถังน้ำแล้วหยิบปลามังกรขึ้นมา


หืม!?


ท่านบรรพจารย์เซียนจับมันขึ้นมาทำสิ่งใด?


ปลามังกรงุนงงเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ


แต่พริบตาต่อมันก็นึกออก!


ฮ่าฮ่า ท่านบรรพจารย์เซียนกล่าวไว้ว่าต้องการจะเลี้ยงมันไว้เป็นปลาดูเล่น นี่คงเป็นการเปลี่ยนที่อยู่ของมันแยกออกจากปลาชั้นต่ำเหล่านี้!


“พวกเจ้าปลาเหม็นเน่า รอความตายเสียเถอะ!”


มันมองปลาตัวอื่นในถังน้ำด้วยความเหยียดหยาม พร้อมเอ่ยขึ้นมาในใจ


บุ๋ง บุ๋ง!


ปลาในถังน้ำเห็นแววตาเหยียดหยามของปลามังกรต่างพากันรู้สึกเหมือนโดนตี


ปลามังกรกำเริบเสิบสานถึงเพียงนั้น คุณชายยังต้องการจะเลี้ยงปลามังกรต่อไปอีกหรือ!


พวกมันเองก็คิดว่าคุณชายต้องการจะเปลี่ยนสถานที่สำหรับเลี้ยงปลามังกร


“เปลี่ยนที่หรือ? เปลี่ยนไปอยู่ในหม้อนะสิ...”


มัจฉาสัตมายาหัวเราะ “พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าคุณชายพาปลามังกรนั่นไปที่ไหน? ไปที่ห้องครัวอย่างไรล่ะ!”


ปลาตัวอื่นพากันกระโดดขึ้นมาดูทันที


หลังจากนั้นพวกมันก็เปลี่ยนเป็นมีความสุขกันอย่างมาก


ฮ่าฮ่า เข้าไปในครัวจริง ๆ!


สมควร!


สมควรแล้ว!


พวกมันหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คราวนี้ปลามังกรจบสิ้นแล้ว


อีกด้านหนึ่ง ปลามังกรเองก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเช่นเดียวกัน


มันพบว่าท่านเซียนนำมันเข้าไปในครัว!


อะไรกัน!


เข้ามาทำสิ่งใดในครัว!?


มันตกใจกลัวจนตัวสั่น ภายในหัวเกิดความคิดเลวร้ายมากมายขึ้นมา


ท่านบรรพจารย์เซียน...ท่านบรรพจารย์เซียนคงจะไม่ตุ๋นมันใช่หรือไม่!


ตอนนั้นเอง ลั่วสุ่ยก็เดินเข้าไปในครัวด้วยเช่นเดียวกัน


“เสี่ยวไป๋ ปลาตัวนี้ไม่เลวเลยใช่หรือไม่? เจ้าดูสิว่ามันตัวใหญ่แค่ไหน วันนี้คุณชายจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้กับเจ้า ทั้งปลาน้ำแดง ปลานึ่งซีอิ๊ว ส่วนหัวกับก้างปลาก็จะนำมาทำซุปให้เจ้า


หลี่จิ่วเต้ายิ้มกว้าง ปลาตัวนี้ตัวใหญ่เป็นอย่างมาก ใช้ทำอาหารเพียงอย่างเดียวคงเสียเปล่า เขาเลยคิดแบ่งปลาทำอาหารหลายอย่าง


ส่วนหนึ่งนำไปทำเป็นปลาน้ำแดง อีกส่วนเป็นปลานึ่งซีอิ๊ว หัวกับกระดูกของปลาตัวใหญ่ก็สามารถนำมาทำซุป!


“!!!”


ได้ยินท่านบรรพจารย์เซียนกล่าวเช่นนี้แล้ว ปลามังกรถึงกับตกใจจนแทบจะสิ้นสติ!


ปลาหนึ่งตัวทำอาหารสามอย่าง!


สวรรค์! ท่านบรรพจารย์เซียนโหดร้ายกับมันถึงเพียงนี้!


มันเข้าใจได้ในพริบตา ภายในใจของท่านบรรพจารย์เซียน ลั่วสุ่ยมีตำแหน่งสูงเกิดกว่ามันจะเปรียบเทียบได้!


ตอนนี้มันรู้สึกเสียใจภายในอย่างสุดซึ้ง


ท่านบรรพจารย์เซียนรู้ว่ามันหาเรื่องลั่วสุ่ย จึงต้องการจะสังหารมัน ทั้งยังนำมันมาทำเป็นอาหารสามอย่าง!


มันร้องไห้ ภายในใจของมันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย


เดิมทีมันคิดว่าตัวเองมีตำแหน่งสูงเป็นอย่างมากในใจของท่านบรรพจารย์เซียน แต่มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะไม่อาจเทียบลั่วสุ่ยได้เลยแม้แต่น้อย!


ก่อนหน้านี้มันเพิ่งหาเรื่องลั่วสุ่ยไป ตอนนี้ท่านบรรพจารย์เซียนต้องการจะสังหารมัน แถมยังคิดทำมันเป็นอาหารสามอย่าง!


เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าท่านบรรพจารย์เซียนกำลังระบายความคับแค้นให้กับลั่วสุ่ย!


ผู้กล้ายากฝ่าด่านหญิงงาม!


บัดซบ!


ดูเหมือนว่าท่านบรรพจารย์เสียเองก็ยากจะผ่านด่านหญิงงามได้! อ่า ไม่สิ ต้องเป็นด่านแมวงาม!


“ท่านบรรพจารย์เซียน ท่านบรรพจารย์เซียน ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกครั้ง ข้าจะไม่กล้าทำเช่นนี้อีกแล้ว! ข้าจะไม่ไปหาเรื่องพี่ลั่วสุ่ยอีก!”


ปลามังกรตะโกนออกมา


แต่ทว่าพลังของมันยังคงถูกระงับไว้อยู่ เสียงของมันจึงเป็นเพียงเสียงพะงาบ ๆ ของปลา หลี่จิ่วเต้าจึงไม่อาจรู้ได้ว่ามันกำลังพูดอะไรอยู่


ปัง!


ชายหนุ่มหยิบมีดทำครัวที่อยู่ด้านข้างมาสับ เพียงแค่ครั้งเดียวหัวของปลามังกรก็ขาดออก เขาเตรียมนำหัวปลากับกระดูกไปทำซุป


เขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ปลามังกรพูดได้ แต่ลั่วสุ่ยสามารถฟังเข้าใจได้อย่างชัดเจน


“คุณชาย!”


นางรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าคุณชายกำลังระบายความคับแค้นให้ตนเอง


ในโอ่งน้ำมีปลาอยู่ตั้งมากมาย แต่เหตุใดคุณชายจึงเลือกปลามังกรมาให้นางกิน?


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแต่เดิมคุณชายตั้งใจจะเลี้ยงปลามังกรเอาไว้ดูเล่น!


คุณชายล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดไม่รับรู้ เกรงว่าแม้ตัวจะไม่อยู่แต่ก็ล่วงรู้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในลานเล็ก ๆ คุณชายจะต้องรู้ว่าปลามังกรหาเรื่องนางอย่างแน่นอน!


‘คุณชายโกรธเป็นอย่างมากเพราะปลามังกรมาหาเรื่องข้าอย่างนั้นหรือ?’


ลั่วสุ่ยคิดขึ้นมาในใจ


ไม่เช่นนั้น คุณชายจะไม่ให้โอกาสปลามังกรแม้แต่น้อย สับหัวมันขาดลงไปในทันทีด้วยเหตุใดกัน!


นางรู้สึกตื้นตันใจ รู้สึกได้ว่าคุณชายให้ความสำคัญกับนางเป็นอย่างมาก!


“ที่นี่มีควันมากมาย ระวังจะสำลัก เจ้ากลับไปรอด้านในบ้านเถอะ”


หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับลั่วสุ่ยด้วยรอยยิ้ม


ตอนนี้ลั่วสุ่ยไม่เหมือนเมื่อก่อน นางไม่ใช่แมวขาวตัวน้อยอีกต่อไป แต่เป็นหญิงงามเปี่ยมเสน่ห์ ไม่อาจให้ควันและน้ำมันเหล่านี้ทำร้ายผิวได้


“เจ้าค่ะ คุณชาย!”


ลั่วสุ่ยพยักหน้าก่อนออกจากห้องครัวไป ภายในใจคิดว่าคุณชายช่างอ่อนโยนเหลือเกิน


ทักษะการทำอาหารของหลี่จิ่วเต้านั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพียงไม่นาน เขาก็ทำอาหารสามอย่างเสร็จ มีทั้งปลาน้ำแดง ปลานึ่งซีอิ๊ว และซุปกระดูกปลา


“ดื่มสุราหรือไม่?”


หลี่จิ่วเต้าถามออกมา เขาต้องการจะดื่มสุราเนื่องจากวันนี้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก


“ดื่ม!”


ลั่วสุ่ยตอบกลับด้วยความสุข นางอยากลองดื่มสุราเซียนที่คุณชายหมักเองมานานแล้ว


ก่อนหน้านี้ยามที่ท่านเซียนดื่มสุรากับคนอื่น ๆ นางได้แต่มองอยู่ด้านข้างด้วยความอิจฉา ยามนั้นนางอยากลองลิ้มรสดูจริง ๆ


ตอนนี้เมื่อมีโอกาสมาถึงที่ นางย่อมไม่ยอมพลาดมันไป ต้องการจะลิ้มลองรสชาติ!


“ดี!”


หลี่จิ่วเต้าลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องครัว ก่อนกลับมาพร้อมสุราหนึ่งไห เทให้เขาและลั่วสุ่ยคนละจอก


“มา วันนี้เป็นวันดี พวกเรามาดื่มกันเถอะ!”


หลี่จิ่วเต้าดื่มสุราจอกนั้นเข้าไปพร้อมกับลั่วสุ่ย สุราที่เขานำออกมาไม่ใช่สุราแรง แต่เป็นเหล้าข้าวเหนียวที่แรงน้อยกว่า ประการแรกเขากลัวว่าลั่วสุ่ยจะไม่คุ้นชินกับสุราแรง ๆ ประการที่สองคือเขากลัวว่าลั่วสุ่ยจะเมามายหลังจากดื่มสุราแรง!


เหล้าข้าวเหนียวมีรสอ่อน ทั้งยังไม่ได้มีฤทธิ์แรงมาก ลั่วสุ่ยกระดกดื่มหมดจอกในคราวเดียว รสชาติของมันอร่อยอย่างถึงที่สุด


ทว่าภายในใจของนางรู้สึกสูญเสียอยู่บ้าง


นางรู้ว่ามันคือเหล้าข้าวเหนียว ไม่ใช่สุราฤทธิ์แรง สิ่งที่นางเฝ้ารอคอยก็คือสุราแรงอันนั้น!


หากเป็นสุราฤทธิ์แรงเหมือนครั้งนั้น หลังจากที่ดื่มนางและคุณชายก็คงจะเมามายทั้งคู่....เอ๊ะ ไม่ใช่ว่าหลังจากนั้นอาจเกิดเรื่องวุ่นวายหรือ?


นางยังจำครั้งล่าสุดที่หลิงอินเมามายได้!


ครั้งสุดท้ายที่หลิงอินเมาก็เอาเปรียบคุณชายไปไม่น้อย!


หลิงอินถึงกับคิดว่าตนเองได้กลายเป็นผู้หญิงของคุณชาย!


อาหารทั้งสามอย่างที่ทำจากปลาหนึ่งตัวทำขึ้นมาด้วยฝีมือของคุณชาย มันอร่อยจนแทบจะระเบิดออกมา โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเนื้อของปลามังกรที่น่ารังเกียจ ลั่วสุ่ยยิ่งกินแล้วรู้สึกเอร็ดอร่อยขึ้นไปอีก


นางดื่มสุราไปไม่น้อย แต่ก็ยังคงไม่รู้สึกเมามาย ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ ยิ่งนางดื่มยิ่งรู้สึกสติแจ่มชัด ไม่เมามายแม้แต่น้อย


“อย่าดื่มมากเกินไปนัก เหล้าข้าวเหนียวเองก็แรงไม่น้อย หากดื่มมากไปก็สามารถเมาได้อย่างง่ายดาย”


เมื่อหลี่จิ่วเต้าเห็นว่าลั่วสุ่ยเริ่มดื่มมากเกินไปจึงรีบห้ามปรามขึ้นมา


เขาเองก็ดื่มลงไปไม่น้อย ตอนนี้เขาเริ่มจะเมาขึ้นมาบ้างแล้ว


หลังจากที่คุณชายกล่าวออกมา ลั่วสุ่ยก็ไม่กล้าจะดื่มเพิ่มอีก


เป็นจริงดังที่คุณชายกล่าว ในตอนแรกนางไม่รู้สึกอะไร ทั้งยังรู้สึกยิ่งดื่มยิ่งสติแจ่มชัดด้วยซ้ำ แต่ทว่าตอนนี้นางรู้สึกมึนหัว เมามายอย่างหนัก!


“ดึกมากแล้ว พวกเราไปนอนเถอะ!”


หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับลั่วสุ่ย เขาเองก็เมาขึ้นมาบ้างแล้ว หากยังดื่มต่อไปก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้!


ลั่วสุ่ยที่ทั้งบริสุทธิ์และเปี่ยมเสน่ห์เช่นนี้ ตอนที่เขาไม่เมายังรู้สึกอดทนไม่ไหวอยู่บ้าง ไม่ต้องกล่าวถึงยามเขาเมาเลย เกรงว่าเขาอาจไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้จนเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เขาจึงรีบเสนอให้ต่างคนต่างกลับไปนอนคนละห้อง!


หลังจากนั้น เขากับลั่วสุ่ยก็ต่างกลับไปยังห้องของตนแล้วหลับไป


ทว่าฤทธิ์ของเหล้าข้าวเหนียวอยู่นานเป็นอย่างมาก ครึ่งคืนผ่านไป ลั่วสุ่ยก็เมามายมากยิ่งขึ้น!


สุดท้ายนางก็ออกจากห้องของตนเองตรงเข้าไปยังห้องของหลี่จิ่วเต้า จากนั้นก็มุดเข้าไปในผ้าห่มของหลี่จิ่วเต้า


“หอมจัง...”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยพึมพำออกมาขณะหลับอยู่


เขาได้กลิ่นหอมเป็นอย่างมาก จึงอดพลิกตัวกลับมากอดร่างของลั่วสุ่ย


“ข้ากำลังฝันหวานอยู่หรือ?”


หลี่จิ่วเต้ายังคงสับสน รู้สึกราวกับได้กอดหญิงงามเอาไว้ เขาจึงคิดว่าตนเองกำลังฝัน


“เป็นฝันที่ดี...”


ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างกึ่งหลับกึ่งตื่น สัมผัสในอ้อมแขนช่างนุ่มนิ่มเป็นอย่างมาก...


เขากอดลั่วสุ่ยแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

บทที่ 488

ยามรุ่งอรุณ แสงแดนอันอบอุ่นลอดผ่านหน้าต่างลงไปบนร่างของหลี่จิ่วเต้า


“เมื่อคืนนอนเต็มอิ่มมาก โดยเฉพาะความฝันนั่น...”


หลี่จิ่วเต้าบิดขี้เกียจ ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล


เขานึกถึงเมื่อคืน ความฝันนั่นสมจริงเกินไปหรือเปล่านะ?


เก็บกลางวันไปฝันกลางคืน...เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะเห็นรูปลักษณ์อันทรงเสน่ห์ของเสี่ยวไป๋ในตอนกลางวัน จึงเก็บไปฝันหวานตอนกลางคืน?


ชายหนุ่มอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้


น่าเสียดาย ถึงแม้ความฝันจะสมจริงมาก แต่ส่วนใหญ่เขาก็ไม่สามารถจำได้ชัดเจนนัก เหมือนจะจำได้เพียงตอนแรกของความฝันอย่างเลือนรางว่ามีหญิงงามเข้ามาในอ้อมแขน ส่วนความฝันหลังจากนั้นเขากลับจำไม่ได้แม้แต่น้อย


ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าหญิงงามในความฝันเป็นผู้ใด...


นี่ทำให้เขารู้สึกเสียดายปนหงุดหงิดเล็กน้อย หายากนักที่จะฝันหวานเช่นนี้สักครั้ง แต่เขากลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคนผู้นั้นเป็นใคร...


โดยเฉพาะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากนั้นเขาก็จำไม่ได้!


“หืม!?”


พลันตอนนั้นเองหลี่จิ่วเต้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เขารู้สึกหลายใจลำบากราวกับมีบางสิ่งทับบนตัวเขาเอาไว้


“เดี๋ยวก่อน!”


สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปทันที หัวใจเต้นกระหน่ำไม่หยุด


เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเรื่องจริง!?


หลี่จิ่วเต้ายกผ้าห่มออกจากตัว


“!!!”


เป็นเรื่องจริง!


เมื่อคืนเขาไม่ได้ฝัน แต่เขากอดผู้หญิงคนหนึ่งจริง ๆ!


ตอนนี้หญิงคนนั้นก็ยังคงนอนอยู่บนตัวของเขา!


เสี่ยวไป๋!


ผู้หญิงคนนั้นคือเสี่ยวไป๋!


“ยังดี ยังดี!”


เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าที่เสี่ยวไป๋สวมใส่ยังอยู่ในสภาพดี เสื้อผ้าของเขาเองก็ยังคงอยู่ครบสมบูรณ์ ดูเหมือนเมื่อคืนเขากับเสี่ยวไป๋จะไม่ได้เกิดเรื่องอย่างว่าขึ้น


เสี่ยวไป๋ตอนนอนหลับดูน่ารักอ่อนหวานเป็นอย่างมาก กระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังคงนอนหลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา


ครุ่นคิดก่อนจะเข้าใจขึ้นมา เขาเข้าใจว่าเหตุใดเสี่ยวไป๋จึงมาปรากฏตัวบนเตียงของเขา


แต่ก่อนตอนที่เสี่ยวไป๋ยังเป็นแมวสีขาวตัวน้อย เขาปล่อยให้เสี่ยวไป๋ขึ้นมานอนบนเตียงกับเขาบ่อย ๆ เมื่อคืนที่ผ่านมาเสี่ยวไป๋เมามายจนอาจเผลอหลับไปบนเตียงเขาอย่างไม่รู้ตัว ลืมว่าตนเองแปลงเป็นมนุษย์แล้ว


“หลังจากนี้ไปต้องฝึกให้เปลี่ยนนิสัยนี้แล้ว...”


หลี่จิ่วเต้ากล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเจื่อน


ตอนนี้ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ เสี่ยวไป๋ไม่ใช่แมวน้อย แล้วไม่สามารถนอนกับเขาได้อีกต่อไป


ชายหนุ่มขยับเสี่ยวไป๋ออกจากตัวเขาอย่างแผ่วเบา ระหว่างที่ทำเช่นนี้หัวใจเขาก็เต้นเร็วและเสียสมาธิไปชั่วขณะ


เขาไม่เคยแตะต้องผู้หญิงมากขนาดนี้มาก่อน จมูกของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเสี่ยวไป๋ มือก็สัมผัสได้ถึงความนิ่มเรียบเนียน จะให้เขาหัวใจไม่เต้นแรงได้อย่างไร!


โดยเฉพาะเมื่อเสี่ยวไป๋สวมใส่เสื้อผ้าบางเป็นอย่างมาก บนร่างมีเพียงเสื้อตัวในเท่านั้น ทำให้เขายิ่งฟุ้งซ่านมากขึ้น!


แต่สุดท้ายหลี่จิ่วเต้าก็สามารถยับยั้งเอาไว้ได้


ถึงแม้ว่าในอนาคตพวกเขาจะอยู่ร่วมกัน เขาก็ไม่สามารถคิดสับสนเช่นนี้กับเสี่ยวไป๋ได้ นี่นับเป็นการดูหมิ่นเสี่ยวไป๋


จะทำเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด!


“ปล่อยให้มันดำเนินไปตามธรรมชาติ!”


หลังจากย้ายเสี่ยวไป๋ออกไปได้ เขาก็ห่มผ้าให้นาง แล้วลุกจากเตียงไปพร้อมคิดขึ้นมาในใจอย่างเงียบงัน


พูดตามตรงแล้ว เขาไม่ได้ไม่ชอบเสี่ยวไป๋ กลับกัน เขาชอบเสี่ยวไป๋มากเสียด้วยซ้ำ


แต่โดยรวมแล้วเขายังรู้สึกว่าระหว่างตนเองและเสี่ยวไป๋ยังขาดอะไรบางอย่าง กล่าวได้ว่ายังไม่ถึงขึ้นที่จะอยู่ร่วมกันได้


ในลานเล็ก ๆ ญาณศาสตราของสมบัติทุกชนิดต่างระเบิดออกมา


คำว่า ‘นายหญิง‘ ปรากฏขึ้นมาหลายครั้งในบทสนทนาของเหล่าสมบัติ!


ลั่วสุ่ย!


นายหญิงของลานแห่งนี้!


พวกมันต่างรู้ว่าลั่วสุ่ยเข้าไปในห้องของคุณชายเมื่อคืนนี้!


บุ๋ง บุ๋ง!


ปลาในถังน้ำเองก็พูดถึงเรื่องนี้ไม่หยุด


ปลามังกรตัวนั้นกล้าหาเรื่องนายหญิงของลานแห่งนี้ คุณชายจึงตุ๋นมัน!


ปลาหนึ่งตัวทำอาหารสามอย่าง!


ปลาหนึ่งตัวทำอาหารกินหมดทุกส่วน!


‘จะกล่าวถึงผู้ที่เฉลียวฉลาดเป็นอย่างมากก็ต้องมองที่ข้า ข้านั้นมองได้อย่างเฉียบขาด ได้พี่สาวที่ดี!’


ภายในใจของมัจฉาสัตมายามีความสุขยิ่งนัก


พี่ลั่วสุ่ยกลายเป็นผู้หญิงของคุณชาย กลายเป็นนายหญิงของลานแห่งนี้ มันยังจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยอีกหรือไม่?


วันข้างหน้าของมันจะต้องสดใสไร้ที่สิ้นสุด!


มอ มอ มอ!


อสูรฟ้าชิงหนิวทั้งสี่ตนเองก็กำลังสนทนากัน ก่อนหน้านี้พวกมันคิดว่าลั่วสุ่ยอาจกลายเป็นนายหญิงของที่นี่ ตอนนี้ดูเหมือนมาพวกมันจะคิดถูก!


เวลาล่วงผ่านไปจนกระทั่งเที่ยงวันแล้ว ลั่วสุ่ยจึงค่อนตื่นขึ้นมา


ฤทธิ์ของเหล้าข้าวเหนียวแรงเป็นอย่างมากจริง ๆ มันทำให้นางเมามายเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนางคงไม่มาตื่นเอาปานนี้


“หลับสบายจริง!”


ลั่วสุ่ยบิดตัวด้วยรอยยิ้ม แม้ว่านางจะเมา แต่นางก็ไม่ได้รู้่สึกอึดอัดแม้แต่น้อย ทั้งยังรู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก


เหล้าข้าวเหนียวไม่ใช่สุราธรรมดาทั่วไป มันหล่อเลี้ยงร่างกายนางในทุกด้าน


“ความฝันเมื่อคืน!”


ใบหน้าของหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย นางนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนฝันว่าตนเองได้นอนบนเตียงคุณชาย ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกคุณชายกอดเอาไว้...


น่าเสียดาย ที่นางไม่อาจจำได้อย่างชัดเจนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากนั้น


“ไม่...ไม่ใช่ความฝัน!”


ห้องและเตียงที่คุ้นชินทำให้ลั่วสุ่ยตื่นขึ้นมาเต็มตาทันที เมื่อคืนนางไม่ได้ฝัน แต่นางเผลอหลับบนเตียงคุณชายจริง ๆ


ไม่...ไม่นะ!


นางพึ่งจะแปลงเป็นมนุษย์วันแรก นางพาคุณชายมาร่วมหลับนอนแล้วหรือ?


เอ่อ จะบอกว่านางพาคุณชายมาร่วมหลับนอนได้อย่างไร ต้องควรพูดว่าคุณชายพานางมาร่วมหลับนอนหรือเปล่า?


ไม่ พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง ความหมายดูแปลกไปบ้าง ราวกับคุณชายบังคับให้นางร่วมหลับนอนด้วย


โอ๊ย จะใครพาใครนอนก็ไม่สำคัญ ประเด็นหลักคือร่วมหลับนอน!


ทั้งตัวลั่วสุ่ยกลายเป็นสีแดงไปหมด นางยังบริสุทธิ์ นี่เป็นครั้งแรกของนาง!


“นี่เป็นครั้งแรก น่าเสียดายที่ข้าจำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย...”


ลั่วสุ่ยกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ


ทว่านางก็นึกอะไรบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว มือรีบเปิดผ้าห่มออกดูทันที


ครั้งแรกของหญิงบริสุทธิ์จะมีเลือดพรหมจรรย์ แต่ทว่าบนเตียงกลับสะอาดสะอ้านไม่มีสีแดงแม้แต่น้อย


“ครั้งก่อน ข้ากล่าวว่าหลิงอินคิดเพ้อเจ้อ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นข้าเองที่คิดเพ้อเจ้อ!”


นางอดหัวเราะออกมาไม่ได้


เมื่อทบทวนความจริงให้ดี ๆ แล้ว เรื่องทั้งหมดจะเป็นไปได้อย่างไร


นางเข้าใจคุณชายเป็นอย่างดี คุณชายไม่เคยเป็นคนประเภทชอบเอาเปรียบผู้อื่น เช่นนั้นจะสามารถทำเรื่องอย่างว่ากับนางที่กำลังเมามายได้อย่างไร...


‘แสดงว่าคุณชายยังคงดื่มไม่มาก จึงยังไม่เมามาย ถ้าหากคุณชายเมาก็คงจะดี…’


นางอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้ นางรู้สึกว่าตนเองควรฝึกฝนการตื่น เผื่อวันหนึ่งหากสามารถอยู่ได้จนถึงตอนที่คุณชายดื่มจนเมาอย่างนัก เรื่องบางอย่างอาจสามารถเกิดขึ้นมาได้!


‘ไม่ ไม่ ไม่ ข้ามีความคิดเช่นนี้กับคุณชายได้อย่างไร!’


นางร้องออกมาในใจหลายครั้ง รู้สึกว่าตนเองกล้าหาญเกินไปแล้ว ถึงกับวางแผนอยากให้คุณชายเมาเพื่อเรื่องอย่างว่า!




ห่างไกลจากอาณาจักรออกไป ณ พื้นที่ส่วนหนึ่งไร้ซึ่งแสงตะวัน ภาพฉากหลังล้วนเต็มไปด้วยสีดำ


เคร้ง!


ณ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงโซ่ตรวนดังไม่หยุด เมื่อมองเพียงแวบแรกก็สามารถทำให้หัวใจรู้สึกเย็นเยือก เปี่ยมด้วยความหวาดกลัวอย่างไร้ที่สิ้นสุด


มียักษ์นับร้อยถูกพันธนาการเอาไว้ ร่างกายของพวกมันล้วนแล้วแต่ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยขนสีแดงแปลกประหลาด กระทั่งใบหน้าเองก็ไม่เว้น เป็นฉากที่ชวนให้ผู้คนตกใจกลัวยิ่งกว่าเดิม!


“ตามที่คาดไว้ไม่ผิด คนที่นายท่านนำกลับมาด้วยตนเองยอดเยี่ยมจริง ๆ จนกระทั่งถึงตอนนี้จิตสำนึกก็ยังคงไม่หายไป”


สิ่งมีชีวิตที่ร่างปกคลุมไปด้วยหมอกสีแดงแปลกประหลาดยืนอยู่หน้ายักษ์ขนแดงตนหนึ่งเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี


เวลาผ่านมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ จิตสำนึกของยักษ์ขนแดงตนนี้ก็น่าจะถูกกลืนกินไปนานแล้ว


แต่ในความเป็นจริงคือจิตสำนึกของยักษ์ขนแดงกลับยังคงอยู่ไม่ถูกกลืนหายไป


นี่แสดงให้เห็นว่ายักษ์ขนแดงแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่ายักษ์ตัวอื่น ๆ ทั้งหมด!


ไม่เช่นนั้น ยักษ์ขนแดงตนนี้คงจะถูกกลืนกินไปนานแล้วเหมือนยักษ์ตนอื่น ๆ

บทที่ 489
ณ เมืองชิงซาน


หญิงงามผู้หนึ่งกำลังเดินบนถนนเส้นหลักที่มุ่งเข้าสู่เมืองชิงซาน บรรยากาศรอบตัวของนางสูงส่งไม่ธรรมดา ดูแล้วไม่เหมือนปุถุชนทั่วไป


นางคือหยวนอี


เร็ว ๆ นี้โลงศพสีชาดขนาดใหญ่ในโพรงมังกรส่งสัญญาณออกมาให้เห็นบ่อย ๆ นางรับรู้ได้ว่าสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดใกล้จะออกมาแล้ว


มังกรดำหลอกล่อผู้แข็งแกร่งเข้าไปในโพรงมังกร จากนั้นก็ถ่ายเลือดของผู้แข็งแกร่งเข้าไปในโลงศพสีชาด เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดจะต้องไม่ใช่สิ่งดีงาม เมื่อออกมาภายนอกแล้ว เกรงว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรดี ๆ


แม้ว่ากระบี่หยกที่คุณชายมอบให้นางจะทำให้สามารถระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้ แต่โลงศพสีชาดก็ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก แม้นางจะพยายามหลายครั้งก็ไม่สามารถจัดการกับโลงศพสีชาดได้


“เฮ้อ เป็นความผิดของข้า!”


นางถอนหายใจออกมา เดิมทีนางคิดว่าเมื่อได้รับกระบี่หยกและชาดำจากคุณชาย นางก็สมควรที่จะจัดการกับสิ่งที่อยู่ด้านในโลงศพสีชาดได้


แต่ในความจริงแล้ว ปรากฏว่านางคิดผิด


คุณชายเคยให้ชาดำกับนาง ชาดำเหล่านี้ไม่ใช่ของธรรมดา ประสิทธิภาพของมันน่าตื่นตะลึงอย่างมาก นางสามารถพัฒนาขอบเขตของตนเองได้อย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือจากชาดำเหล่านี้


ทว่าสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดน่ากลัวกว่าที่นางคาดไว้


ไม่ว่านางจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วแค่ไหน ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความต่างชั้นอย่างชัดเจน นางไม่สามารถกระทั่งสั่นคลอนโลงศพสีชาดได้


“คุณชายบอกว่าให้ข้าไปหาบ่อย ๆ แต่ข้ากลับลืมเสียสนิท...”


หยวนอีโทษตัวเองด้วยความเสียใจที่ทำผิดพลาด


นางเข้าใจว่าคุณชายให้ชาดำกับนางก็เพื่อให้นางสามารถจัดการกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดได้


แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น


ที่คุณชายมอบชาดำให้กับนาง บางทีอาจเป็นรางวัลที่นางนำกระถางดอกไม้กลับมา ไม่ใช่เพื่อให้นางไปจัดการกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาด


ก่อนจากไปครั้งล่าสุด คุณชายเคยกล่าวกับนางว่าสามารถมาได้บ่อย ๆ หากไม่มีอะไรทำ


นางคิดเพียงว่ามันเป็นคำพูดธรรมดาของคุณชาย ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย แต่ตอนนี้นางรู้แล้ว ในยามนั้นคุณชายไม่ได้พูดเปล่า แต่มีความหมายลึกซึ้งแฝงอยู่ด้านในนั้น


เห็นได้ชัดว่าคุณชายรู้ว่านางไม่สามารถจัดการกับสิ่งที่อยู่ด้านในโลงศพสีชาดได้ ดังนั้นจึงบอกให้นางมาบ่อย ๆ


คุณชายต้องการจะชี้แนะนางให้มากขึ้น!


แต่นางกลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย อีกทั้งยังเข้าใจไปเองว่าตัวนางสามารถจัดการกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดได้ หลังจากที่นางกลับไปในครั้งนั้น นางก็ไม่ได้มาหาคุณชายอีกเลย


จนถึงตอนนี้ที่สัญญาณของโลกศพสีชาดปรากฏออกมาบ่อย ๆ โดยที่นางไม่อาจหยุดยั้งได้ นางจึงค่อยคิดสิ่งคำพูดของคุณชายที่ให้นางมาหาบ่อย ๆ ได้


นางควรจะเข้าใจตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แล้วมาหาคุณชายให้เร็วกว่านี้!


สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกโทษตนเองด้วยความเสียใจที่ทำผิดพลาด


ถ้าหากนางสามารถเข้าใจความหมายในคำพูดของคุณชายได้เร็วกว่านี้ ปัญหาเกี่ยวกับโลงศพสีชาดก็สมควรได้รับการแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว!


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว นางก็รีบเร่งฝีเท้าเดินทางไปยังเมืองชิงซาน


“สวัสดีผู้อาวุโสทั้งสอง!”


เมื่อเดินมาถึงด้านข้างแม่น้ำสายเล็ก หยวนอีก็กล่าวทักทายต้นหลิวและเจ้าก้อนหินด้วยความสุภาพ


นางรู้สึกความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน ทั้งคู่ต่างก็ได้รับการชี้แนะจากคุณชาย


“สวัสดี!”


“จะไปหาคุณชายหรือ?”


ต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินตอบกลับอย่างอารมณ์ดี ความประทับใจที่พวกมันมีต่อหยวนอีคือเป็นหญิงสาวที่สุภาพมาก ครั้งสุดท้ายที่นางพบพวกเขาก็มีท่าทางสุภาพเป็นอย่างยิ่ง


“ใช่แล้ว”


หยวนอีพยักหน้า จากนั้นก็อำลาต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน เดินเข้าสู่เมืองชิงซาน


นางเดินผ่านถนนที่คึกคักจอแจจนมาถึงร้านของคุณชาย


“คุณชายอยู่หรือไม่?”


นางเคาะประตูร้านคุณชายแล้วยืนรอคำตอบรับ ไม่กล้าเข้าไปเองโดยไม่ได้อนุญาต


“หืม เป็นเจ้านี่เอง”


หลี่จิ่วเต้าที่เดินออกมารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหยวนอี เขายิ้มออกมาก่อนพูดหยอกล้อ “ไม่ได้มานานถึงเพียงนี้ ข้านึกว่าเจ้าจะลืมข้าไปเสียแล้ว”


เขาย่อมจำหยวนอีได้


หยวนอีมาจากชิงโจว และซีก็เคยกล่าวว่าตัวเองจะไปชิงโจว


ในยามนั้นเมื่อเขาได้ยินว่าหยวนอีมาจากชิงโจว ความปรารถนาจะพบซีที่ถูกกดเอาไว้ในใจของเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา


เป็นเช่นนั้นจริง!


คำพูดว่าให้มาบ่อย ๆ ของคุณชายไม่ใช่เพียงคำพูดทั่วไป


หลังจากหยวนอีได้ยินคุณชายพูดเช่นนี้ ในใจของนางก็ยิ่งรู้สึกผิด


นางโง่งมเกินไป ขอบเขตของคุณชายสูงลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง เช่นนั้นทุกคำพูดและการกระทำจะเกิดขึ้นส่ง ๆ ได้อย่างไร?


ทุกคำพูดและการกระทำของคุณชายล้วนมีความหมายลึกซึ้ง!


“เป็นความผิดของข้า ข้าลืมคำพูดที่คุณชายเคยกล่าวไว้ ข้าควรจะมาหาคุณชายบ่อย ๆ”


หยวนอีกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิดอย่างยิ่ง


“ฮ่าฮ่า ข้าเพียงแค่หยอกเล่น เหตุใดจึงต้องจริงจังเพียงนี้? เข้ามาด้านในเร็ว”


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ ไม่คาดว่าหยวนอีจะจริงจังกับคำหยอกเล่นของเขา


เขารำพึงขึ้นมาในใจว่าการเป็นผู้ฝึกตนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดูอย่างเช่นหยวนอีที่เกรงว่าจะทำเรื่องผิดใจกับเซี่ยเหยียน


เมื่อหยวนอีมาพบเขาเป็นครั้งแรก ก็เพราะต้องการจะประจบเอาใจเซี่ยเหยียนผ่านตัวของเขา เขาไม่คิดว่าตนเองจะมีอะไรมากพอให้หยวนอีปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง ที่หยวนอีเป็นเช่นนี้คงเพราะเกรงกลัวเซี่ยเหยียน


ไม่ว่าอย่างไรความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซี่ยเหยียนก็ดีเกินไป


“ขอบคุณคุณชาย!”


หยวนอีกล่าวขอบคุณออกมาจากใจจริง


เดิมทีนางคิดว่าการที่ตนเองไม่สามารถเข้าใจความหมายในคำพูดของคุณชายจะทำให้คุณชายไม่พอใจ หากนางสามารถเข้าใจความหมายในคำพูดของคุณชายได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ปัญหาเรื่องโลงศพสีชาดอาจได้รับการแก้ไขแล้ว


แต่คุณชายกลับไม่คิดตำหนินาง เพียงบอกว่าเป็นการหยอกล้อเท่านั้น ภายในใจของนางรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก คุณชายช่างใจกว้างยิ่งนัก!


นางเดินตามหลังคุณชายเข้าไปยังลานเล็ก ๆ


“คุณชายมีแขกมาหรือ?”


ลั่วสุ่ยที่ตื่นขึ้นมานานแล้ว ส่วมเสื้อแล้วเดินออกจากห้องของหลี่จิ่วเต้า เมื่อเห็นหยวนอีนางก็เอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม


นี่คือแมวน้อยสีขาวตัวนั้นหรือ?


หยวนอีคิดขึ้นมาในใจ นางสัมผัสได้ถึงปราณของแมวสีขาวตัวน้อยบนร่างของลั่วสุ่ย


เปลี่ยนสถานะแล้วอย่างนั้นหรือ?


เมื่อเห็นลั่วสุ่ยออกมาจากห้องของคุณชาย หยวนอีก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ บางทีลั่วสุ่ยอาจกลายเป็นผู้หญิงของคุณชาย กลายเป็นนายหญิงของที่แห่งนี้ไปแล้ว


นางรีบเอ่ยทักทายลั่วสุ่ยอย่างเร่งรีบด้วยความสุภาพ “สวัสดีท่าน...”


“ไม่ต้องสุภาพถึงเพียงนี้!”


ลั่วสุ่ยยิ้ม นางเองก็เคยพบหยวนอี รู้ว่าหยวนอีกำลังทำเรื่องบางอย่างให้กับคุณชาย


ท่าน?


หลี่จิ่วเต้าที่ได้ยินหยวนอีเรียกลั่วสุ่ยด้วยความเคารพก็คิดขึ้นมาในใจทันที หยวนอีน่าจะกำลังเข้าใจผิดไปหลังจากเห็นเสี่ยวไป๋เดินออกมาจากห้องของเขา...


เขาต้องการจะอธิบาย แต่ก็เกรงว่ายิ่งอธิบายเขาจะยิ่งดูเลวร้าย


จะต้องอธิบายอะไรอีก?


อย่างไรเสียเขากับเสี่ยวไป๋ก็นอนด้วยกันไปหนึ่งคืนจริง ๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรกันเลยจริง ๆ แต่เมื่อพูดเรื่องนี้ออกไป...ผู้ใดกันจึงจะเชื่อ!


เสี่ยวไป๋งดงามเปี่ยมเสน่ห์ถึงเพียงนี้ หากพูดออกไปว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ถ้าเป็นตัวเขาเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!


ในเมื่ออธิบายไปก็ไม่ทำให้ดีขึ้น ทั้งยังทำให้แย่ลงไปอีก ก็ช่างมันเถอะ


อย่างไรเสียหยวนอีก็ไม่ได้มาที่นี่บ่อย อธิบายหรือไม่อธิบายก็ไม่ต่างกันมากนัก


“พวกเจ้าคุยกันไปก่อน ข้าจะไปเอาชานมมาให้ดื่ม”


หลี่จิ่วเต้ายิ้มขณะพูดกับหยวนอี “ครั้งที่แล้วข้าให้เจ้าดื่มชาดำ ครั้งนี้จะให้เจ้าลองดื่มชานมที่อร่อยกว่าดู”


“คุณชาย ให้ข้าไปเถอะ ก่อนหน้านี้ข้าเป็นแมวไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้เสี่ยวไป๋ทำเรื่องต่าง ๆ ได้แล้ว ต่อจากนี้ไปก็ให้เสี่ยวไป๋มีหน้าที่ในการยกชาและเครื่องดื่มเถิด”


ลั่วสุ่ยกล่าว


ใส่ใจยิ่ง!


หลี่จิ่วเต้าพอใจกับลั่วสุ่ยเป็นอย่างมาก “ดี เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ ชานมอยู่ด้านในตู้เย็น เจ้าเอาก้อนน้ำแข็งด้านในตู้เย็นเติมเข้าไปในชานมสักเล็กน้อยด้วย”


“เจ้าค่ะ”


ลั่วสุ่ยพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะถาม “แล้วคุณชายต้องการจะดื่มสิ่งใด?”


“ข้าเองก็จะดื่มชานมด้วย”


หลี่จิ่วเต้าตอบกลับ


“ทราบแล้ว!”


ลั่วสุ่ยเดินเข้าไปในครัว จากนั้นก็เปิดตู้เย็นหยิบชานมออกมาเทใส่แก้วสองใบ ก่อนจะเติมน้ำแข็งลงไป


ระหว่างนี้นางก็ได้ยินเสียงสมบัติมากมายทักทายเข้ามา


พวกมันถึงกับเรียกนางว่านายหญิง!


“อย่าเอ็ดไป! เมื่อคืนข้ากับคุณชายไม่ได้ทำสิ่งใดกัน”


ลั่วสุ่ยรีบส่งเสียงตอบกลับไป


“เขินเช่นนั้นหรือ? ข้าเข้าใจแล้ว!”


“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พวกเราล้วนเข้าใจ!”


เหล่าสมบัติต่างพากันส่งเสียงหยอกล้อไปหาลั่วสุ่ย


หากเป็นเมื่อตอนอยู่ในร่างแมวก็แล้วไป แต่นี่เป็นร่างมนุษย์แล้วยังนอนอยู่ในห้องของคุณชาย พวกมันจึงไม่เชื่อสิ่งที่ลั่วสุ่ยกล่าวว่าไม่ได้ทำอะไรกันเลย


ภายในใจของพวกมันนับว่าลั่วสุ่ยเป็นนายหญิงไปแล้ว

บทที่ 490

ภายใต้ชายคาเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมา


หลี่จิ่วเต้ากับหยวนอีนั่งลงที่ตรงนั้น


ลั่วสุ่ยรีบยกชานมออกมาให้ หยวนอีรับชานมมาพร้อมกล่าวขอบคุณลั่วสุ่ยอย่างสุภาพ


“เหตุใดจึงมีเพียงของพวกข้า ไม่มีส่วนของเจ้า?”


เมื่อหลี่จิ่วเต้าเห็นลั่วสุ่ยนำชานมออกมาเพียงสองแก้ว เขาก็กล่าวกับลั่วสุ่ย “ตอนนี้เจ้าไม่ใช่แมวอีกต่อไปแล้ว ไปเทมันใส่แก้วให้ตัวเองเสีย จะได้ลองดื่มชานมดู”


“ตกลง!”


ลั่วสุ่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้มมีความสุข คุณชายคำนึงถึงนางเป็นอย่างมาก


นี่ยังจะไม่ใช่นายหญิงอีกหรือ?


สมบัติทั้งหลายยิ่งไม่เชื่อสิ่งที่ลั่วสุ่ยกล่าวมากกว่าเดิม ดูสิ คุณชายดีกับลั่วสุ่ยมากเพียงใด


ลั่วสุ่ยรินชานมให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตามมานั่งที่ใต้ชายคา


“ลองชิมดูสิว่ารสชาติเป็นเช่นไร”


หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับลั่วสุ่ยและหยวนอี


หยวนอีตื่นเต้นจนไม่อาจบรรยายออกมาได้


คุณชายไม่เพียงแต่ไม่ตำหนินาง แต่ยังมอบชานมให้นางได้ดื่ม นางตื้นตันใจมากจนพูดไม่ออก ภายในใจเกิดความรู้สึกมุ่งมั่นในการติดตามทำงานให้คุณชายมากขึ้น


คุณชายใจดีกับนางเป็นอย่างมาก!


นางจิบชานมเย้น ๆ เข้าไป ความอร่อยระเบิดออกมาทันทีที่เข้าปาก นางยังสามารถรับรู้ได้ถึงพลังน้ำแข็งในกายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!


“อร่อยมาก!”


นางเอ่ยชมออกมาจากใจจริง


ฝีมือของคุณชายช่างชวนตื่นตะลึง ไม่นับผลประโยชน์ที่นางได้รับจากชานม เพียงแค่รสชาติอย่างเดียวก็สามารถเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุดในโลก เหนือยิ่งกว่ารสชาติของเครื่องดื่มอื่น ๆ ทุกชนิด


“อร่อยก็ดื่มอีก”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “กล่าวตามตรง ช่วงนี้ข้าเองก็นึกถึงเจ้า กำลังรอให้เจ้ามาอยู่”


เป็นไปตามที่นางคาด!


หยวนอียิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น นางสาบานว่าวันข้างหน้าจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้อีก นางจะคิดทบทวนทุกคำพูดและการกระทำของคุณชายอย่างถี่ถ้วน นางจะไตร่ตรองจนกว่าจะเข้าใจมัน!


“อย่าได้เข้าใจผิดไป!”


หลี่จิ่วเต้ารู้สึกว่าคำพูดของตนเองง่ายแก่การเข้าใจผิดและไม่ชัดเจน


อะไรคือการที่เขาบอกว่าคิดถึงหยวนอี กำลังรอให้หยวนอีมา!


ก่อนที่หยวนอีจะทันได้เอ่ยอะไร เขาก็รีบพูดขึ้นมาก่อน “อันที่จริง ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องการไหว้วานให้แม่นางหยวนอีช่วยเหลือ...”


“ต้องการให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใด คุณชายโปรดสั่งมา!”


หยวนอีรีบตอบกลับไปในทันที


นี่เป็นงานใหม่ที่คุณชายจะมอบให้นาง หรือว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับโลงศพสีชาด?


นางคิดขึ้นมาในใจ


“แม่นางหยวนอีไม่ต้องสุภาพเกินไป นี่ไม่ใช่คำสั่ง”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ย “ข้ามีสหายผู้หนึ่งเคยไปยังชิงโจว ตอนนี้อาจจะไม่ได้อยู่ที่ชิงโจวแล้ว แต่ข้าก็ยังอยากจะรบกวนให้แม่นางหยวนอีช่วยสืบหาที่อยู่ของสหายผู้นี้”


ใช่แล้ว สหายที่เขากล่าวถึงก็คือซี


หลังจากอำลากันในครั้งนั้น เวลาก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ภายในใจของเขายังคงคิดถึงซีเป็นอย่างมาก ต้องการจะพบซีอีกสักครั้ง


หยวนอีมาจากชิงโจว และสถานที่สุดท้ายที่เขารู้ตำแหน่งของซีก็คือชิงโจว


ดังนั้นเขาจึงต้องการให้หยวนอีช่วยสืบหา


นั่นเป็นสาเหตุที่เขาต้องการให้หยวนอีมาหาเขาบ่อย ๆ


สืบหาที่อยู่ของสหายผู้หนึ่ง?


ด้วยความสามารถของคุณชาย นางยังจำเป็นต้องสืบหาอีกหรือ?


เพียงแค่คุณชายต้องการก็สามารถล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง!


หยวนอีกล่าวขึ้นมาในใจ รู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างแน่นอน


บางทีสหายที่คุณชายต้องการจะตามหาอาจมีเรื่องราวยิ่งใหญ่บางอย่างเกี่ยวพัน ทำให้คุณชายไม่สะดวกลงมือเอง


แต่เหตุใดคุณชายจึงต้องการให้นางเป็นผู้สืบหา?


เพราะสหายของคุณชายเคยไปที่ชิงโจว ส่วนนางเองก็มาจากชิงโจวอย่างนั้นหรือ?


จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร...


นางปัดความคิดดังกล่าวทิ้งไปอย่างรวดเร็ว


คนข้างกายของคุณชาย ไม่ต้องพูดถึงผู้อื่น เพียงแค่เซี่ยเหยียนคนเดียวก็แข็งแกร่งยิ่งกว่านางหลายเท่า แม้ว่าเซี่ยเหยียนจะไม่ได้มาจากชิงโจว แต่ก็สามารถไปงานสืบหาที่ชิงโจวได้เป็นอย่างดี


เรื่องที่นางมาจากชิงโจวไม่เป็นประโยชน์ใดแม้แต่น้อย คุณชายไม่มีทางวางใจมอบหมายหน้าที่นี้ให้นางเพียงเพราะตัวนางมาจากชิงโจว...


นางขบคิดอย่างถี่ถ้วนว่าตนเองมีสิ่งใดต่างจากผู้อื่น คุณชายจึงมอบหมายงานนี้ให้แก่นาง


รู้แล้ว!


เข้าใจแล้ว!


นางนึกถึงโลงศพสีชาดในโพรงมังกรขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


หากจะกล่าวว่านางมีสิ่งใดดีไปกว่าพวกเซี่ยเหยียน ก็คือการที่นางเคยไปยังโพรงมังกรและมีความเข้าใจโลงศพสีชาดอยู่บ้าง!


พวกเซี่ยเหยียนไม่เคยไปที่โพรงมังกร และก็ไม่เคยรู้เกี่ยวกับโลงศพสีชาด!


คุณชายมอบหมายงานนี้ให้นางเพราะนางเป็นผู้เดียวที่เคยไปยังโพรงมังกรมาแล้ว!


สหายที่คุณชายตามหามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาด!


ถ้าหากคิดเช่นนี้แล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็ล้วนจะสมเหตุสมผล


เห็นได้ชัดว่าโลงศพสีชาดนั้นไม่ธรรมดา อาจมีเซียนอยู่ภายใน หากสหายที่คุณชายต้องการจะตามหาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดจะต้องเกี่ยวพันกับเรื่องใหญ่มากมาย ผลกระทบที่ตามมาอาจน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาด เป็นเหตุให้คุณชายไม่สะดวกที่จะลงมือเอง!


ก่อนหน้านี้คุณชายก็เคยให้นางไปนำกระถางดอกไม้มา นับเป็นสิ่งที่ทำให้นางไปยังโพรงมังกรเพื่อทำงานที่มอบหมายได้


เมื่อครู่คุณชายกล่าวว่าคิดถึงและรอนางอยู่ แสดงว่าคุณชายกำลังรอนางมาเพื่อมอบหมายงานนี้ให้


ทว่านางกลับไม่สามารถเข้าใจความหมายในคำพูดของคุณชายได้เร็วกว่านี้ จนนางเพิ่งจะมาหาคุณชายเอาปานนี้!


‘ข้าสมควรตายเสียจริง!’


นางคิดขึ้นมาอย่างคับแค้นใจ นางคับแค้นใจตนเองจริง ๆ เหตุใดนางจึงโง่งมถึงเพียงนี้ ไม่สามารถเข้าใจความหมายในคำพูดของคุณชายได้ทันกาล!


หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว นางก็รีบกล่าวขึ้นมา “สหายที่คุณชายต้องการจะตามหาคือผู้ใด? เมื่อข้ากลับที่ชิงโจวข้าจะได้ช่วยท่านตามหา”


“รอประเดี๋ยว”


หลี่จิ่วเต้าลุกขึ้นยืน เขาเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับม้วนภาพเหมือน


“นางชื่อซี นางเป็นสหายที่ข้ากำลังตามหา ทว่านอกจากนั้นข้าก็ไม่มีอะไรมากนัก”


หลี่จิ่วเต้าเปิดม้วนภาพเหมือนออก ด้านในเป็นสภาพของสตรีผู้งดงามคนหนึ่ง


นี่คือภาพเหมือนของซีที่เขาวาดเตรียมเอาไว้นานแล้ว และกำลังรอให้หยวนอีกลับมาอีกครั้งเพื่อดูมัน น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้หยวนอีไม่เคยมาหาเขาเลย


ในตอนแรกเขาไม่กล้าตามหาร่องรอยของซี ซีดูไม่ใช่ปุถุชนธรรมดาแม้แต่น้อย เป็นไปได้อย่างมากว่านางเองก็เป็นผู้ที่อยู่บนเส้นทางการฝึกตนคนหนึ่ง เขาและซีราวกับอยู่คนละเส้นทาง เสมือนไม่ได้อยู่บนโลกเดียวกัน


แต่ซีเป็นคนแรกที่เขาได้พบพานในโลกแห่งการฝึกฝน ทั้งยังได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างยาวนาน ทำให้ความรู้สึกที่เขามีต่อซีพิเศษเป็นอย่างมาก ภายในใจเขาคิดถึงซีอยู่เสมอ


ท้ายที่สุด เขาก็ยังตัดสินใจจะตามหาร่องรอยของซี ลองดูว่าเขาจะสามารถพบหน้าซีอีกสักครั้งได้หรือไม่


เขาไม่กล้าเรียกร้องมากเกินไป ขอเพียงแค่ได้พบหน้าซีสักครั้งก็ยังดี!


เพียงแค่นั้นเขาก็พึงพอใจเป็นอย่างมากแล้ว


“สวยยิ่งนัก!”


“งดงามเหลือเกิน!”


ภาพเหมือนเปิดมา เผยให้เห็นใบหน้างดงามเกินผู้ใดเทียบเคียงของซีปรากฏขึ้นสู่สายตาของลั่วสุ่ยและหยวนอี พวกนางต่างตกตะลึง ก่อนรำพึงออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ


ทักษะการวาดภาพของคุณชายนั้นไม่ธรรมดา ซีดูราวกับมีชีวิตอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา ซีงดงามเป็นอย่างยิ่ง ไร้ซึ่งจุดตำหนิใด พวกนางไม่เคยเห็นผู้ที่งดงามสมบูรณ์แบบเช่นนี้มาก่อน ซีราวกับเป็นผลงานชิ้นเอกที่สวรรค์บรรจงสร้างขึ้นมา!


นี่คือเซียนจากสรวงสวรรค์ใช่หรือไม่?


พวกนางอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้ ซีราวกับเป็นนางเซียนผู้หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นพวกนางยังรู้สึกว่าบางทีซีอาจงดงามยิ่งกว่าเซียนเสียด้วยซ้ำ!


นี่คือ...ผู้งดงามสมบูรณ์แบบไม่มีใครเทียบเคียงได้อย่างแท้จริง!