ผู้เฒ่าอมตะออกจากหุบเหวไร้ก้นบึ้ง
เขาสามารถเรียกญาณศาสตราของดาบมารให้มาหาเขาที่นี่ได้
แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
เขากล่าวไปแล้วว่าต้องการจะมอบของขวัญการพบหน้าให้กับดาบมารอมตะ และตอนนี้เขาก็กำลังจะเตรียมของขวัญสำหรับดาบมารอมตะ
เพียงหนึ่งก้าวก็เคลื่อนผ่านหลายแสนลี้ เขาเดินทางด้วยความเร็วที่มากเสียยิ่งกว่าแสง มาถึงบริเวณที่สัมผัสได้ว่ามีผู้แข็งแกร่งอยู่จำนวนมากมาย
“อ๊ะ ใช่แล้ว หลังจากที่ดาบมารมาแล้ว ข้าจะให้มันได้ดื่มเลือดของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเหล่านี้...”
ผู้เฒ่าอมตะยิ้มออกมา นี่จะเป็นของขวัญที่เขาเตรียมไว้ให้กับดาบมารอมตะเมื่อพบหน้า
“เจ้าเป็นใคร? รีบออกไปจากดินแดนของพวกข้าเสีย!”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงคนดังตวาดมาจากด้านล่าง ในน้ำเสียงมีความโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร!?
ในฐานะตระกูลจักรพรรดิโบราณ เขาจะสามารถปล่อยใครก็ไม่รู้มาหยุดอยู่เหนือดินแดนของพวกเขาได้อย่างไร?
นี่นับเป็นการยั่วยุพวกเขาครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
“รนหาที่ตาย เจ้ากล้าจะหยุดอยู่เหนือดินแดนของตระกูลจักรพรรดิโบราณตามใจชอบอย่างนั้นหรือ!?”
คนผู้นั้นกล่าวออกมาเสียงเย็นเยียบ ร่างกายของเขาขยับไหว พริบตาเดียวก็โผล่ไปอยู่บนฟ้า เผชิญหน้ากับผู้เฒ่าอมตะด้วยจิตสังหารในแววตา
“มีที่ใดในอาณาจักรแห่งนี้ที่ข้าจะไม่สามารถหยุดอยู่ด้านบนได้กัน?”
ผู้เฒ่าอมตะหัวเราะเบา ๆ พร้อมส่ายหน้า ความเหยียดหยามปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
แตกต่างไปจากวันวาน ในตอนนี้เขายังจะไปที่แห่งใดไม่ได้อีก?
เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาได้บรรลุขอบเขตเทียนตี้นานแล้ว ทั้งยังเหนือยิ่งกว่าเทียนตี้ทั่วไปอย่างมาก
ทว่าบนร่างของเขาตอนนี้ไม่มีปราณของเทียนตี้อยู่ มีเพียงปราณในขอบเขตจักรพรรดิทั่วไปเท่านั้น
ตัวของเขานั้นไปเปลี่ยนไปแล้ว เขากลายเป็นคนของอาณาจักรม่อเยวียนอย่างสมบูรณ์ ไม่นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ เป็นสิ่งมีชีวิตภายนอกไปแล้ว
หากเขาปลดปล่อยลมปราณของตัวเองออกมาอย่างเต็มที เขาจะถูกเจตจำนงฟ้าดินของอาณาจักรแห่งนี้โจมตี
เขาไม่ได้กลัว แต่รู้สึกว่ามันจะต้องยุ่งยากไม่น้อย ดังนั้นเขาถึงระงับปราณของตัวเองลงไปบางส่วน ไม่ปล่อยออกมาอย่างเต็มที่
“เหอะ เจ้าช่างอวดโอ้เสียจริง!”
คนผู้นั้นยิ้มเย้ย “เจ้าคิดหรือว่าหลังจากกลายเป็นจักรพรรดิแล้วจะสามารถทำสิ่งใดก็ได้ตามต้องการอย่างนั้นหรือ? ทั้งแก่และโง่งมเสียจริง หากเป็นสถานที่อื่นเจ้าคงทำเช่นนี้ได้ แต่ทว่าเจ้ามาผิดที่แล้ว นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จักรพรรดิตัวน้อยอย่างเจ้าจะสามารถทำสิ่งใดก็ได้!”
เขาเริ่มลงมือ พลังของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังมหาศาล เปี่ยมด้วยลมปราณของจักรพรรดิ เขาเป็นถึงตี้หวงผู้หนึ่ง!
แต่ทว่าต่อหน้าผู้เฒ่าอมตะ เขานับว่าอ่อนแอจนไม่มีค่าอันใดให้เอ่ยถึงได้เลย
ผู้เฒ่าอมตะยื่นมือข้างหนึ่งออกมา พลังอันแข็งแกร่งถูกส่งออกมาพุ่งตรงเข้าคว้าจับคอของคนผู้นั้นเอาไว้แน่น ก่อนจะลากเขาไปด้านหน้าทันที
มารดามันเถอะ!
นี่...นี่ชายผู้นี้น่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ!?
คนผู้นั้นตกใจกลัว ภายในใจร่ำร้องว่าเหตุใดตนเองถึงโชคร้ายนัก วันดี ๆ ของเขายังผ่านมาไม่ถึงสองวันเสียด้วยซ้ำ เหตุใดจึงต้องมาพบกับผู้ที่แข็งแกร่งน่ากลัวถึงเพียงนี้ด้วย?
มารดามันเถอะ หากรู้ตั้งแต่แรก เขาคงไม่ออกมาทำอะไรเช่นนี้ หากต้องการจะมาหยุดอยู่เหนือดินแดนของตระกูลเขาก็เชิญ เขาจะไม่มาทำอะไรเช่นนี้แน่!
เขาจวนเจียนจะร้องไห้ออกมา ภายในใจยังกล่าวว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับจงใจระงับขอบเขตตนเองเอาไว้ ทำให้เขาเข้าใจความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคนผู้นี้ผิดไป...
บัดซบ!
นี่เป็นหลุมขนาดใหญ่!
ภายในใจของเขาคล้ายเต็มไปด้วยรสขม เขายังมีวันดี ๆ ไม่ถึงสองวันเสียด้วยซ้ำ!
เดี๋ยวนะ...
หลี่จิ่วเต้าเป็นคนส่งคนผู้นี้มาใช่หรือไม่?
อยู่ ๆ จะมีตัวตนอันทรงพลังและน่าหวาดเกรงเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาได้อย่างไร เขานึกถึงหลี่จิ่วเต้าขึ้นมาในทันที
เขาขัดแย้งกับหลี่จิ่วเต้าทีไรก็ไม่เคยได้รับสิ่งดี ๆ กลับมา แม้กระทั่งกองกำลังฮวงเฉวียนก็ยังไม่ได้รับอะไรดี ๆ กลับมา มีแต่จะยิ่งเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ
ถูกต้องแล้ว เขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบรรพชนตระกูลหาน!
นี่คือดินแดนแห่งใหม่ของตระกูลหาน
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องพูดถึงกองกำลังฮวงเฉวียนที่แสนจะหน้าเลือด
เขาตามหากองกำลังฮวงเฉวียนเพื่อจ้างวานสังหารหลี่จิ่วเต้า ผลที่ออกมาคือไม่อาจแตะต้องผมสักเส้นของหลี่จิ่วเต้าได้ แต่เขากลับถูกกองกำลังฮวงเฉวียนบีบให้ขายตระกูลหานทั้งตระกูลให้กับพวกมัน ต้องกลายเป็นทาสรับใช้กองกำลังฮวงเฉวียนไปตลอดกาล!
ประเด็นสำคัญคือ หัวหน้าตำหนักย่อยของกองกำลังฮวงเฉวียนกลับบอกว่าตระกูลหานมีคนมากเกินไป หากอยู่ในตำหนักสาขาก็ง่ายต่อการถูกเปิดเผย จึงไม่ให้พวกเขาอยู่ในตำหนักสาขา แต่บอกให้พวกเขาออกไปอยู่ด้านนอกแทน!
นี่มันอะไรกัน!
ด้านนอกอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่ากองกำลังฮวงเฉวียนไม่ใส่กับความเป็นตายของพวกเขา!
ตำหนักย่อยแห่งนั้นของกองกำลังฮวงเฉวียนซ่อนเร้นอย่างลึกลับ ยากที่จะหาพบ กระทั่งพวกเขาเองยังไม่รู้ถึงสถานที่ตั้งของตำหนักย่อยกองกำลังฮวงเฉวียนอย่างเจาะจงเลยด้วยซ้ำ!
ด้านนอกแตกต่างออกไป
เมื่ออยู่ด้านนอก หากหลี่จิ่วเต้าต้องการจะตามหาพวกเขา หลี่จิ่วเต้าเพียงแค่ให้กองกำลังจักรพรรดิโบราณอื่น ๆ ออกตามหา จะต้องพบตัวพวกเขาอย่างแน่นอน
ไม่ว่าพวกเขาจะปกปิดซ่อนเร้นอย่างไรก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่าพวกเขาจะรอดพ้นจากการค้นหาของกองกำลังจักรพรรดิโบราณเหล่านี้
กองกำลังฮวงเฉวียนให้พวกเขาอยู่ด้านนอก แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการจะดูแลอะไรพวกเขานัก ทั้งยังไม่ต้องการจะข้องเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้าอีก จึงตั้งใจส่งพวกเขาให้หลี่จิ่วเต้าเพื่อขจัดความโกรธของหลี่จิ่วเต้าให้หยุดลงที่นี่
สิ่งที่เลวร้ายและหน้าเลือดที่สุดก็คือกองกำลังฮวงเฉวียนเลือกจะเก็บรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถของตระกูลหานไว้ในตำหนักสาขา เท่ากับเป็นการยึดรากฐานตระกูลหาน!
หากไม่มีรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถ ตระกูลหานของเขาก็ตายลงไปแล้วหลงเหลือเพียงชื่อเท่านั้น!
หัวหน้าตำหนักย่อยฉลาดเฉลียวเป็นอย่างมาก นี่เป็นการฆ่านกสองตัวด้วยก้อนหินก้อนเดียว เนื่องจากการทำเช่นนี้สามารถทำให้ความโกรธของหลี่จิ่วเต้าสงบลงได้!
ทว่าเวลาล่วงผ่านมานาน หลี่จิ่วเต้ากับกองกำลังจักรพรรดิโบราณกลับยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ทำให้เขาเข้าใจว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงแล้ว หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ต้องการจะตามล่าสังหารพวกเขาจนถึงที่สุด
แต่ผู้ใดจะทราบว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงการเข้าใจผิดเอง!
คนของหลี่จิ่วเต้าพบตัวพวกเขาแล้ว!
“หลี่จิ่วเต้า ให้โอกาสพวกเราอีกสักครั้งได้หรือไม่!”
จักรพรรดิหานกล่าวออกมาทั้งน้ำตา
“อะไรคือหลี่จิ่วเต้า หลี่จิ่วเต้าคือผู้ใด?”
ผู้เฒ่าอมตะขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จักหลี่จิ่วเต้า ไม่เคยได้ยินชื่อของคนผู้นี้เสียด้วยซ้ำ
“เอ๊ะ?”
จักรพรรดิหานงงงวย คนผู้นี้ไม่รู้จักหลี่จิ่วเต้าอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้นเขาก็ดีใจอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่คนที่หลี่จิ่วเต้าส่งมาก็นับว่าเป็นเรื่องง่ายแล้ว!
“น้องชาย เจ้า...รู้จักกองกำลังฮวงเฉวียนหรือไม่? ข้าจะบอกความจริงให้ เบื้องหลังของพวกเราคือกองกำลังฮวงเฉวียน ถ้าหากเจ้าหยุดเพียงเท่านี้ ข้าก็จะสามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้! พวกเราเพียงแค่แยกย้ายไปตามทางของตนเอง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ความพิโรธของกองกำลังฮวงเฉวียนไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะแบกรับได้!”
ภายในใจของจักรพรรดิหานผ่อนคลายลง ทั้งยังเรียกขานผู้เฒ่าอมตะว่าเป็นน้องชาย
กองกำลังฮวงเฉวียนมีชื่อเสียงเลื่องลือ ผู้เฒ่าอมตะเองก็ทรงพลังน่าหวาดเกรงเป็นอย่างมาก จะต้องไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในยุคปัจจุบันอย่างแน่นอน อีกฝ่ายน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของกองกำลังฮวงเฉวียนมาก่อน
เขาไม่เชื่อว่าผู้เฒ่าอมตะจะไม่เกรงกลัว อย่างไรเสียกองกำลังฮวงเฉวียนก็น่าสะพรึงกลัวเกินไป ผู้ใดตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังฮวงเฉวียนล้วนไม่สามารถหลบหนีได้
อ๊ะ แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น
ข้อยกเว้นนั่นคือหลี่จิ่วเต้า!
แต่ไม่จำเป็นต้องกังวล ผู้เฒ่าอมตะไม่รู้จักกับหลี่จิ่วเต้า อีกทั้งกองกำลังฮวงเฉวียนก็น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ!
พอจะพูดได้ว่า การเข้าร่วมกองกำลังฮวงเฉวียนก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
จักรพรรดิหานลอบยิ้มในใจ กล่าวกับตัวเองว่าคราวนี้มีโอกาสเกินครึ่งที่จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!
“น้องชาย?”
เมื่อได้ยินจักรพรรดิหานเรียกเขาเช่นนั้น ทั้งยังกล่าวถึงกองกำลังฮวงเฉวียน ใบหน้าของผู้เฒ่าอมตะก็แปรเปลี่ยน
เขาย่อมรู้จักกองกำลังฮวงเฉวียน ทั้งยังรู้จักอย่างลึกซึ้งอีกด้วย!
ครั้งหนึ่งเมื่อเขายังอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ เขาได้สังหารผู้คนไปไม่น้อย ทำให้ผูกความแค้นกับคนจำนวนมาก จึงมีผู้จ้างวานกองกำลังฮวงเฉวียนมาเพื่อตามล่าสังหารเขา
เขาต้องดิ้นรนออกไปภายนอกอาณาจักร ถึงเช่นนั้นก็ยังคงถูกกองกำลังฮวงเฉวียนส่วนหนึ่งไล่สังหาร
กองกำลังฮวงเฉวียนนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง เขาเกือบจะตายลงหลายครั้ง จึงไร้ซึ่งทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกจากอาณาจักรแห่งนี้ไปดิ้นรนภายนอก
“กองกำลังฮวงเฉวียนอย่างนั้นหรือ?”
ผู้เฒ่าอมตะมองไปยังจักรพรรดิหานด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
จักรพรรดิหานช่างทำในสิ่งที่ไม่สมควรทำเสียจริง เขาเกลียดชังคับแค้นกองกำลังฮวงเฉวียนเป็นอย่างยิ่ง แต่จักรพรรดิหานผู้นี้ถึงกลับหยิบเอากองกำลังฮวงเฉวียนมาข่มขู่เขา!
เหอะเหอะ ถึงก่อนหน้านี้เขาจะเกรงกลัวกองกำลังฮวงเฉวียน ทว่าตอนนี้...เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย!
ตอนนี้ขอบเขตของเขาไม่เพียงแต่จะสูงเป็นอย่างมาก เบื้องหลังของเขาก็ยังมีอาณาจักรม่อเยวียน เขาต้องกลัวสิ่งใด!
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเบื้องหลังของกองกำลังฮวงเฉวียนอย่างอาณาจักรฮวงเฉวียนจะทรงพลังเป็นอย่างมาก เขาก็ยังไม่กลัว
อาณาจักรม่อเยวียนเองก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอาณาจักรฮวงเฉวียน!
“เฮ้ น้องชาย ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักกองกำลังฮวงเฉวียน”
จักรพรรดิหานหัวเราะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อรู้จักกองกำลังฮวงเฉวียน เหตุใดจึงยังไม่ปล่อยอุ้งเท้าสุนัขของเจ้าอีก! เจ้าคิดว่าชีวิตของตนเองยืนยาวเกินไปหรืออย่างไร?”
เขาเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของผู้เฒ่าอมตะ จึงคิดไปว่าผู้เฒ่าอมตะเกรงกลัวต่อกองกำลังฮวงเฉวียน
เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว ผู้ที่รู้จักกองกำลังฮวงเฉวียน ไม่เกิดความรู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไร
ตอนนั้นเอง ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีท่าทียอมประนีประนอมอีกต่อไป ทั้งยังผยองเป็นอย่างยิ่ง
‘เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกดีที่ได้เข้าร่วมกองกำลังฮวงเฉวียน!’
จักรพรรดิหานคิดขึ้นมาอย่างดีใจสุดชีวิต
บทที่ 482
การมีคนหนุนหลังมันแตกต่างเช่นนี้เอง!
แม้ว่าความหน้าเลือดของกองกำลังฮวงเฉวียนจะทำให้ผู้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง!
เมื่อจักรพรรดิหานเห็นใบหน้าของผู้เฒ่าอมตะแปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิม ภายในใจก็ยิ่งหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
‘ฮ่าฮ่า เขากลัวแล้ว เขากลัวแล้ว กลัวจนใกล้จะร้องไห้แล้ว!’
ภายในใจของจักรพรรดิหานหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาคิดดูอีกทีแล้ว เขาไม่สามารถปล่อยผู้เฒ่าอมตะไปอย่างง่ายดาย
อีกฝ่ายจับและบีบคอเขาไว้ เรื่องนี้จะยอมปล่อยไปโดยง่ายได้อย่างไร?
ไม่มีทาง!
ทว่าขณะที่เขากำลังคิดวิธีการจะนำมาลงโทษผู้เฒ่าอมตะ ก็เกิดเสียงดังโพละขึ้นมา ผู้เฒ่าอมตะบีบขยี้ศีรษะของเขาจนระเบิดออก!
นี่มันอะไรกัน!
ไม่ใช่ว่าผู้เฒ่าอมตะเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวหรอกหรือ?
กล้าลงมือกับเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?
วิญญาณของจักรพรรดิหานที่โดนผู้เฒ่าอมตะกักขังเอาไว้สั่นสะท้าน ไม่อาจขยับได้แม้แต่น้อย
“ข้าแทบจะอดใจจัดการคนจากกองกำลังฮวงเฉวียนไม่ไหว แต่เจ้ากลับนำกองกำลังฮวงเฉวียนมาข่มขู่ข้าอย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาของผู้เฒ่าอมตะเปล่งประกายอย่างดุร้าย จิตสังหารของเขาแผ่ซ่าน
หากไม่ใช่เพราะอาณาจักรฮวงเฉวียนที่อยู่เบื้องหลังกองกำลังฮวงเฉวียน ตอนนี้เขาคงตรงไปที่ตำหนักของกองกำลังฮวงเฉวียน และกวาดล้างพวกมันให้หมดสิ้น!
จักรพรรดิหานถึงกับกล้านำกองกำลังฮวงเฉวียนมาข่มขู่เขา เกรงว่าจักรพรรดิหานจะไม่ชื่นชอบการมีชีวิตยืนยาวเสียแล้ว!
“เอ๊ะ?”
สีหน้าจักรพรรดิหานเปลี่ยนเป็นโง่งมทันที
ไปยั่วยุอีกฝ่ายเข้าแล้ว!
ผู้เฒ่าอมตะคนนี้มีความคับแค้นกับกองกำลังฮวงเฉวียน!
สถานการณ์ของเขาย่ำแย่ถึงขั้นสุด!
กาน้ำไหนไม่เดือด เขาก็เลือกหยิบกานั้น*[1]!
เขาร้องไห้ออกมา โอดครวญสุดชีวิต
หากก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พูดถึงกองกำลังฮวงเฉวียนขึ้นมา บางทียังอาจพอจะมีทางรอดอยู่บ้าง
ทว่าในตอนนี้เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ผู้เฒ่าอมตะคนนี้อาฆาตกองกำลังฮวงเฉวียน!
กองกำลังฮวงเฉวียนสารเลว!
ทั้งหน้าเลือด ทั้งเต็มไปด้วยหลุม แถมยังมีศัตรูทุกหนแห่ง!
ยามนี้เขาต้องมาติดร่างแหไปด้วย!
จักรพรรดิหานสาปแช่งครั้งแล้วครั้งเล่าภายในใจ ลืมเลือนไปเสียสนิทว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งดีอกดีใจที่ได้เข้าร่วมกองกำลังฮวงเฉวียน
“พี่ชาย พี่ใหญ่ เมื่อครู่ข้าพูดผิดไปแล้ว ความจริงข้าถูกกองกำลังฮวงเฉวียนบังคับให้เข้าร่วม! กองกำลังฮวงเฉวียนกับข้าไม่มีสิ่งใดกันจริง ๆ!”
จักรพรรดิหานมองผู้เฒ่าอมตะอย่างน่าเวทนา เสียงที่กล่าวออกมาอย่างละล่ำละลัก “ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะเชื่อในสิ่งที่ข้ากล่าวออกมาตอนนี้หรือไม่?”
“เจ้าพูดพล่ามอะไร?”
ผู้เฒ่าอมตะยิ้มเหยียด ก่อนจะลงมือสังหารวิญญาณของจักรพรรดิหาน
เดิมทีเขาต้องการจะเก็บจักรพรรดิหานเอาไว้ เมื่อดาบมารมาถึงแล้ว เขาก็จะให้ดาบมารสังหารและดื่มเลือดของจักรพรรดิหาน
ทว่าจักรพรรดิหานกลับยั่วยุเขาเป็นอย่างมาก ถึงกลับหยิบกองกำลังฮวงเฉวียนมาข่มขู่ เขาจะอดทนได้อย่างไร เขาไม่สามารถรอให้ดาบมารมาลงมือสังหารจักรพรรดิหานทิ้งโดยตรง
หลังจากนั้นเขาก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้า เข้าสู่ดินแดนของตระกูลหาน
เขาใช้พลังปราบปรามสมาชิกทั้งหมดของตระกูลหานเอาไว้ ปล่อยให้ดาบมารได้สังหารชีวิตเหล่านี้หลังจากมาถึง
“ฮ่าฮ่า ลูกเอ๋ย รีบกลับมาเร็วเข้า!”
เขาหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะใช้วิชาลับเรียกให้ดาบมารมายังที่แห่งนี้
ในใจของเขา ดาบมารเป็นเสมือนลูก ดาบมารเองก็คิดเช่นเดียวกัน จึงมักเรียกเขาว่าท่านพ่อ
…
ณ เมืองชิงซาน
ลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
“ลูก!?”
จอบเซียนที่พิงอยู่กับกำแพงได้ยินเสียงประโยคหนึ่งดังขึ้นมาในใจ มันถึงกับระเบิดโทสะออกมา!
ไอ้สารเลวตัวไหนกล้าเรียกมันเช่นนี้?
บังอาจมาเรียกมันว่า ‘ลูก’ ได้อย่างไร?
“หากข้าไม่สามารถทำให้เจ้าคุกเข่าและเรียกข้าว่าปู่ได้ ต่อจากนี้ไปไม่ต้องเรียกข้าว่าจอบเซียน!”
มันสบถสาปแช่งในใจ โกรธจนอยากจะไปทุบตีไอ้สารเลวที่มาเรียกมันว่า ‘ลูก’
ทว่าตอนนี้คุณชายยังอยู่ มันไม่กล้าฝ่าฝืนข้อห้าม แสดงอิทธิฤทธิ์ใดต่อหน้าคุณชาย
ในสายตาของคุณชายแล้ว มันเป็นเพียงแค่จอบ ‘ธรรมดา’
“ลูกเอ๋ย เจ้าลืมพ่อไปแล้วหรือ? เหตุใดจึงยังไม่มา?”
“ลูกเอ๋ย เวลาล่วงผ่านไปนานถึงเพียงนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อคิดเจ้ามากแค่ไหน?”
“ลูกเอ๋ย รีบมาเร็ว ๆ เถิด พ่อเตรียมของขวัญการพบหน้าเอาไว้ให้เจ้าแล้ว!”
…
เสียงนั้นดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้จอบเซียนกราดเกรี้ยวจนอยากจะสังหารคน
ผู้ที่เรียกหามันประหนึ่งจะไม่สามารถพูดได้หากไม่มีคำว่า ‘ลูก’ จึงต้องเอ่ยขึ้นมาทุกประโยค!
ในตอนนั้นเองคุณชายเดินออกไปพร้อมกระดานหมากล้อม เหมือนจะไปหาตงฟางเวิ่นเพื่อเล่นหมากล้อมด้วยกัน
“ข้าเป็นพ่อของเจ้า! ไม่สิ ข้าเป็นปู่ของเจ้า!”
จอบเซียนด่ากลับไปหนึ่งประโยค ก่อนจะกลายเป็นเส้นแสงจากสถานที่แห่งนี้ไปชำระความกับคนที่เอาแต่เรียกหามัน
อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าอมตะที่เห็นว่าดาบมารไม่มีการตอบสนองหลังจากเขาเรียกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เตรียมจะใช้วิชาเพื่อค้นหาดาบมาร
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้หาดาบมาร ก็มีการตอบกลับมาจากดาบมาร
“โอ้ ลูกข้า ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องได้รับความทุกข์หรือถูกผู้อื่นหลอกลวงเป็นแน่ ไม่เป็นไร มาหาพ่อเถิด พ่อจะช่วยเจ้าจัดการทุกอย่าง!”
ผู้เฒ่าอมตะไม่โกรธเมื่อได้ยินดาบมารด่าตนเอง เขารู้ดีว่าหากดาบมารดั้งเดิมไม่มีท่าด่าเขาเช่นนี้ ตอนนี้อาจมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่เปลี่ยนแปลงดาบมารไป
เขาจึงตอบดาบมารกลับไปเช่นนั้น บอกให้ดาบมารมาพบเขา
“หลานชาย รอปู่เจ้าไปก่อนเถอะ!”
จอบเซียนตอบกลับ ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้น ตอนนี้มันแทบรอไม่ไหวที่จะทำให้คนที่เรียกหาคุกเข่าลงและเรียกมันว่าปู่!
จะให้มันยอมได้อย่างไร ตอนนี้มันเป็นถึงจอบเซียน!
…
ณ เหยียนโจว บูรพาทิศ
สำนักไท่หัว
“ข้าจะกลับไปพบคุณชายแล้ว”
ลั่วสุ่ยหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะแปลงเป็นร่างมนุษย์ นางช่างงดงามเกินกว่าจะบรรยายได้
รูปร่างของนางสูงสะโอดสะองไร้ส่วนเกิน ผิวเนียนขาวราวกับหิมะ นัยน์ตาทรงเสน่ห์ราวกับภูต ทว่าไร้การยั่วยวน เครื่องหน้าทั้งห้าละเอียดละอ่อนงดงาม
เส้นผมสีดำของนางทอดตัวลงมาคลอเคลียอยู่บนไหล่ราวกับม่านน้ำตก อาภรณ์สีขาวยิ่งทำให้นางงดงามประหนึ่งเซียน ทว่าบนร่างมีบรรยายกาศบางอย่างทำให้รู้สึกคล้ายสาวน้อยข้างบ้าน ไม่เย็นชาห่างเหินเหมือนเซียน
“ระวังดวงตาด้วย เจ้าจะไม่ให้ข้าไปด้วยจริง ๆ ใช่หรือไม่”
เซี่ยเหยียนเอ่ยเสียงอ่อน นางเคยกล่าวกับลั่วสุ่ยว่าจะไปหาคุณชายเป็นเพื่อนด้วย แต่ลั่วสุ่ยไม่ยอม บอกว่าอยากจะกลับไปคนเดียว
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะได้พบคุณชายด้วยร่างมนุษย์ เหตุใดจึงจะต้องให้ท่านไปเป็นตัวเกะกะด้วย ใช่หรือไม่พี่เซี่ยเหยียน!”
ลั่วสุ่ยแลบสิ้นใส่เซี่ยเหยียนด้วยความขี้เล่น ท่าทางนั้นน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
นางไม่รอให้เซี่ยเหยียนได้พูดสิ่งใดอีก รีบมุ่งหน้าออกเดินจากทางสำนักไท่หัว
นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้พบคุณชายในร่างมนุษย์ นางไม่ต้องการให้เซี่ยเหยียนอยู่ด้วย นางต้องการจะอยู่กับคุณชายเพียงลำพัง
…
เมืองชิงซาน
ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
บุ๋ง บุ๋ง!
ในที่สุด ไอ้จอบไร้ค่านั้นก็ไปแล้ว!
ในถังน้ำ ปลามังกรเอ่ยสบถออกมา
“ไม่ยอมให้ข้าออกไป ทั้งยังไม่ยอมให้ข้าได้กินหญ้า! ไอ้บัดซบ ข้าจะออกไปด้านนอก ข้าจะออกไปกินหญ้า! ให้ข้าดูเถอะว่าจอบผุพังอย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้หลังจากกลับมา!”
ปลามังกรก่นด่า “ไอ้พวกวัวนั่นด้วย ตอนที่ข้าโดนจอบหักตี กล้าดีอย่างไรมาหัวเราะเยาะข้า ข้าจะให้เจ้าหัวเราะหลังจากถูกข้าทุบตี! จอบผุพังนั่นไปแล้ว มาดูกันว่าจะมีผู้ใดสามารถปกป้องพวกเจ้าได้!”
หลังจากนั้นมันก็สั่งให้ปลาตัวอื่นในถังน้ำส่งมันออกไป
เมื่อเห็นว่าปลามังกรอารมณ์เสียถึงเพียงนี้ ปลาตัวอื่นในถังน้ำก็ไม่กล้าขัด หากไม่ยอมเกรงกว่าคงจะต้องตายเป็นแน่!
ด้วยเหตุนี้ ปลามังกรจึงสามารถออกไปจากโอ่งน้ำได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง
[1] กาน้ำไหนไม่เดือด เขาก็เลือกหยิบกานั้น (哪壶不开提哪壶) หมายถึง ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ หรือพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด
บทที่ 483
ปลามังกรออกมา จิตสังหารดุดันพลุ่งพล่าน
มันกลั้นโทสะไว้เต็มกระบุง จนบัดนี้ในที่สุดก็มีโอกาส จะให้มันปล่อยไปได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้!
ไอ้พวกเฮงซวย! มันเป็นถึงมัจฉาเซียน เคยต้องอัปยศเยี่ยงนี้ที่ไหน!
แม้ว่าจอบเซียนเล่มนั้นท่านบรรพจารย์เซียนจะเป็นผู้ทำขึ้นมา ทว่าจอบเล่มนั้นไฉนเลยจะเทียบกับมันได้
จอบเล่มนั้นทำประโยชน์มากที่สุดได้แค่พรวนดิน จะมีประโยชน์อื่นใดอีก
ท่านบรรพจารย์เซียนคงไม่สามารถพกจอบไปทำศึกกระมัง
จะเป็นไปได้อย่างไร เช่นนั้นมิเสียภาพพจน์ท่านบรรพจารย์เซียนเอาหรือ!
สถานะของจอบเล่มนี้อย่างไรก็ได้แค่นี้สำหรับท่านบรรพจารย์เซียน!
บัดนี้มันเพิ่งมาถึง สถานะยังไม่สูงสำหรับท่านบรรพจารย์เซียน ทว่ารอให้ผ่านไปอีกระยะ มันย่อมต้องมีสถานะสูงส่งกว่าจอบเล่มนั้นแน่!
“ไอ้จอบเส็งเคร็ง รอให้ข้ามีสถานะสูงขึ้นเมื่อใด ข้าจะแยกร่างเจ้าให้ไม่เหลือซาก!”
มันเอ่ยเสียงเคียดแค้น ไม่กลัวจอบนั่นสักนิด
จอบเล่มนั้นแข็งแกร่งกว่ามันแล้วอย่างไร
ทั้งหมดนี้ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น!
วันหน้า มันย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าจอบ!
ต่อมา มันก็มาอยู่ที่ลานเล็กด้านข้าง
อสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวเห็นปลามังกรเข้ามา สีหน้าพลันเปลี่ยนกันหมด
จอบเซียนเพิ่งออกไป ปลามังกรก็มาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าปลามังกรไม่หวังดี!
“เหอะ เจ้าพวกวัวโง่เง่าทั้งหลาย ครั้งนี้ข้าจะรอดูว่าผู้ใดปกป้องพวกเจ้าได้อีก!”
ปลามังกรยิ้มเย็น เนตรปลาทอประกายดุดันขณะจ้องมองอสูรฟ้าชิงหนิว
“เจ้าปลาตัวนี้ เจ้าเป็นที่โปรดปรานของคุณชาย ได้เข้ามาอยู่ในลานเล็กของคุณชาย ถือเป็นวาสนาสูงสุดของเจ้า เจ้าควรทะนุถนอมโอกาสนี้ให้ดีถึงจะถูก เหตุใดถึงไม่รู้จักสงบเสงี่ยม เอาแต่ก่อเรื่องอยู่เรื่อย!”
อสูรฟ้าชิงหนิวเฒ่ากล่าว
ปลามังกรตัวนี้บ้าบิ่นเกินไปแล้ว ขนาดอยู่ในลานเล็กคุณชายยังหาญกล้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้ ปลามังกรไม่กลัวทำให้คุณชายไม่พอใจเลยหรือ
“ไม่รู้จักสงบเสงี่ยม เอาแต่ก่อเรื่องอย่างนั้นรึ พูดจาสุนัขไม่รับประทานกระไรของเจ้า!”
ปลามังกรเอ่ยเสียงเย็น “ข้าแค่ต้องการกินหญ้าของพวกเจ้าเพียงไม่กี่เส้น หาใช่เรื่องใหญ่ที่ไหน พวกเจ้ายกหญ้าให้ข้าก็จบแล้ว หากจะบอกว่าไม่รู้จักสงบเสงี่ยม เอาแต่ก่อเรื่อง นั่นก็เป็นพวกเจ้า! แค่หญ้าไม่กี่เส้นกลับทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต พวกเจ้านี่เหลือเกิน!”
มอ มอ มอ!
ลูกวัวน้อยโมโหแทบบ้า เนตรวัวแดงก่ำ อยากโหม่งปลาตัวนี้ให้ตายไปเสีย
กลายเป็นความผิดของพวกมันเสียได้?
ปลามังกรตัวนี้เข้าใจยอกย้อนโบ้ยความผิดจริง!
“หญ้านี้คุณชายให้พวกเรามา เจ้ามีสิทธิ์อะไรมากิน? ได้รับอนุญาตจากคุณชายแล้วหรือ”
ลูกวัวน้อยเอ่ยด้วยท่าทางโมโห “เจ้าเพียงเห็นว่าพวกเรารังแกได้ง่าย ถึงได้คิดมาแย่งหญ้าของเราไปกิน เก่งจริงเจ้าไปกินผักหรือผลไม้ในไร่สิ!”
“ยังกล้าแข็งข้อกับข้าอีกหรือ!”
ปลามังกรแค่นเสียงเย็น “วันนี้ข้าต้องกินหญ้านี้ให้ได้ ข้าจะดูซิว่าผู้ใดไม่ยอมให้ข้ากิน!”
“เจ้าไปกินขี้เถอะ!”
“ไม่มีทาง!”
อสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวขวางอยู่เบื้องหน้ากองหญ้า อย่างไรก็ไม่ยอมให้ปลามังกรได้กินหญ้าของพวกมันง่าย ๆ
“เยี่ยม!”
ปลามังกรหัวเราะร่วน เอ่ยด้วยน้ำเสียงอึมครึม “ตอนจอบนั่นอัดข้า พวกเจ้าหัวเราะสะใจเป็นที่หนึ่ง วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้ลิ้มรสการถูกอัดเสียบ้าง!”
มันจองหองพองขนถึงขีดสุดขณะเอ่ยต่อ “เจ้าพวกวัวโง่ วัวงี่เง่า เดรัจฉานชั้นต่ำ สายเลือดเลวทราม อย่างพวกเจ้าบังอาจทำตัวเป็นปรปักษ์กับข้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย!”
มันทำท่าจะลงมือในทันที หมายจะอัดอสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวนี้ให้หนัก
“เจ้าสามหาวมาก!”
เวลานั้นเอง ลั่วสุ่ยกลับมาถึง คิ้วเรียวคล้ายใบหลิวของนางขมวดมุ่น เมื่อได้ยินวาจาที่ปลามังกรกล่าว
ทั้งวัวโง่ วัวงี่เง่า เดรัจฉานชั้นต่ำ สายเลือดเลวทราม…
ปลามังกรตัวนี้พูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย!
บุ๋ง บุ๋ง!
พี่ลั่วสุ่ยกลับมาแล้ว พี่น้องเอ๋ย ส่งข้าออกไปเร็ว!
ภายในโอ่ง มัจฉาสัตมายาตะโกนด้วยความเต็มตื้น สั่งให้ปลาตัวอื่นส่งมันออกไป
ได้เลย!
ปลาตัวอื่นพากันลงมือ ส่งตัวมัจฉาสัตมายาออกไป
“พี่ลั่วสุ่ย ในที่สุดท่านก็กลับมา!”
มัจฉาสัตมายาร้องไห้คร่ำครวญ อย่าให้พูดเลยว่าสะเทือนใจปานใด ช่วงที่ผ่านมา มันคิดถึงพี่ลั่วสุ่ยเหลือเกิน!
บัดนี้ลั่วสุ่ยอยู่ในร่างมนุษย์ กระนั้นมันยังจำลั่วสุ่ยได้ในปราดเดียว มันจำเสียงลั่วสุ่ยได้!
“เจ้าออกมาได้อย่างไร คุณชายไม่อยู่บ้านหรือ”
ลั่วสุ่ยถาม
“ใช่แล้ว คุณชายไม่อยู่บ้าน เห็นว่าหยิบกระดานหมากออกไปด้วย เหมือนว่าจะไปเล่นหมากกับตงฟางเวิ่น”
มัจฉาสัตมายาเหินไปอยู่ข้างกายลั่วสุ่ย “ไม่เช่นนั้น ปลามังกรตัวนี้มีหรือจะกำเริบเสิบสานได้เพียงนี้! เฮ้อ พี่ลั่วสุ่ย ท่านไม่รู้เลยว่าหลายวันที่ผ่านมาข้าต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน คุณชายยังไม่เคยปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้เลย!”
มันร้องไห้หงุงหงิง น้อยอกน้อยใจเป็นที่สุด สาธยายความชั่วของปลามังกร
ระหว่างที่ลั่วสุ่ยฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
นางโมโหมาก คิดไม่ถึงเลยว่าปลามังกรตัวนี้จะสร้างเรื่องเก่งเยี่ยงนี้!
“เจ้ากล้าดีอย่างไร ไม่กลัวคุณชายรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้หรือ”
นางหันมองปลามังกร คิ้วขมวดเป็นปม ปลามังกรตัวนี้น่าชิงชังยิ่งนัก ข่มเหงเสี่ยวชี แล้วยังข่มเหงอสูรฟ้าชิงหนิวอีก
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของข้า เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร!?”
ปลามังกรยิ้มเย็น ไม่เกรงกลัวลั่วสุ่ยแม้แต่น้อย “หากเจ้ามองสถานการณ์เป็นก็ไสหัวไปให้ไกล ๆ มิฉะนั้น ข้าจะอัดเจ้าด้วย!”
ทุกอย่างในลานแห่งนี้ล้วนเป็น ‘สิ่งของธรรมดา’ สำหรับท่านบรรพจารย์เซียน มันไม่กลัวลั่วสุ่ยไปฟ้องเช่นกัน
ลั่วสุ่ยมิได้โง่ปานนั้น ไม่กล้าฝ่าฝืนท่านบรรพจารย์เซียนเช่นกัน
มันหันไปมองมัจฉาสัตมายา เอ่ยอย่างดูแคลน “ปลาต่ำต้อยที่ท่านบรรพจารย์เซียนเลี้ยงไว้เป็นอาหารแมวบังอาจว่าร้ายข้าถึงเพียงนี้ อีกเดี๋ยวข้าจะกินเจ้าด้วย!”
“ว่าร้ายรึ!?”
มัจฉาสัตมายาสบถก่นด่า “เจ้าช่างกล้าพูดจริงเชียว ประโยคไหนของข้าไม่จริงกัน เจ้ายังกล้าทำร้ายพี่ลั่วสุ่ยอีกหรือ ความโปรดปรานที่พี่ลั่วสุ่ยได้จากท่านเซียนเจ้าหรือจะเทียบได้! เจ้าลองแตะต้องพี่ลั่วสุ่ยดูสิ รอดูว่าคุณชายจะปล่อยเจ้าไปหรือไม่!”
“ในอดีตอาจใช่ แต่หลังจากนี้ไม่ใช่อีกแล้ว! ข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ผู้ที่ท่านบรรพจารย์เซียนโปรดปรานที่สุดย่อมต้องเป็นข้า! สิ่งมีชีวิตสายเลือดต่ำต้อยอย่างพวกเจ้าไฉนเลยจะทัดเทียมข้าได้!”
ปลามังกรเอ่ย ไม่มีความเกรงกลัวเช่นเดิม
มันหัวเราะจากใจจริง ไม่ว่าจะเป็นอสูรฟ้าชิงหนิว หรือปลาตัวอื่นในโอ่ง หรือแม้กระทั่งลั่วสุ่ย ล้วนทาบเขาไม่ติด ห่างกันไกลโข!
นอกจากมีชีวิตเป็นนิรันดร์ มันไม่ต่างจากมัจฉาเซียนจริง ๆ เลย พวกลั่วสุ่ยมีหรือจะเทียบกับมันได้!?
เป็นไปไม่ได้เลย!
มันเชื่อว่ามันคือผู้ที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในลานเล็กนี้!
“เจ้าจองหองเกินไปแล้ว คุณชายไม่ชอบนิสัยเช่นเจ้าที่สุด!”
ลั่วสุ่ยทอดมองปลามังกร “เจ้าต้องขอขมาในทุกการกระทำก่อนหน้าของเจ้า ขอโทษเสี่ยวชี ขอโทษอสูรฟ้าชิงหนิว!”
“ข้าอยากจะขำให้ตาย! เจ้ามีสิทธิ์ใดสั่งสอนข้า ให้ข้าขอโทษอย่างนั้นหรือ! เจ้าอยู่ในชนชั้นไหน ไม่สำเหนียกบ้างเลยรึ”
ปลามังกรเอ่ยยิ้ม ๆ
มันดูออกว่าลั่วสุ่ยแข็งแกร่งมาก ทว่าลั่วสุ่ยยังมิได้ก้าวสู่ขั้นเซียน ตัวมันนั้นมีร่างเซียน ลั่วสุ่ยย่อมทำอะไรมันไม่ได้
“เจ้าปลาตัวนี้ช่าง…ยโสโอหัง น่าสังเวชนัก!”
ลั่วสุ่ยสั่นศีรษะ ปลามังกรตัวนี้สำคัญตัวเองเกินไปแล้ว
ที่นี่คือที่ใด?
ที่นี่คือลานเล็กของคุณชาย!
ปลามังกรคิดจริงหรือว่านางทำอะไรปลามังกรมิได้
“มัววางมาดใส่ข้าอยู่ได้! วันนี้ข้าจะอัดเจ้าก่อนเป็นคนแรก!”
สายตาปลามังกรมุ่งร้าย มั่นใจในร่างเซียนของตน หมายจะอัดลั่วสุ่ยก่อน
มันมาถึงที่นี่แล้ว ต่อจากนี้ไป มันคือพี่ใหญ่ของที่นี่!
ผู้ใดก็ไม่สามารถข่มมันได้!
บทที่ 484
“เจ้าลองแตะต้องพี่ลั่วสุ่ยดูสิ! ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!”
มัจฉาสัตมายาเดือดดาล พอเห็นว่าปลามังกรจะลงไม้ลงมือกับลั่วสุ่ย มันพุ่งเข้าไปตัวแรก
อนิจจา เมื่อเทียบกับปลามังกร มันยังห่างชั้นอยู่มาก ปลามังกรสะบัดหางปลาเบา ๆ มันก็ถูกเหวี่ยงจนกระเด็นไปอีกทาง
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
ปลามังกรยิ้มเย็น ไม่แยแสมัจฉาสัตมายา สำหรับมันแล้ว มัจฉาสัตมายาเป็นเพียงปลาอันต่ำต้อย อีกเดี๋ยวค่อยจัดการยังไม่สาย
ตอนนี้มันต้องการเพียงอัดลั่วสุ่ยให้หนัก!
สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำตัวหนึ่งบังอาจชี้นิ้วสั่งมัน เทศนาไม่หยุด หากมิใช่ว่าคำนึงถึงท่านบรรพจารย์เซียน มันคงไม่ใช่แค่อัดลั่วสุ่ยให้หนำใจ มันคงฉีกนางเป็นชิ้น ๆ!
“เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการลงมือกับข้า”
ลั่วสุ่ยมองปลามังกรอย่างนึกขัน
นับดูแล้ว นางอยู่ในลานเล็กท่านเซียนมานานที่สุด และนางมิได้อาศัยในลานเล็กท่านเซียนอย่างเปล่า ๆ ปลี้ ๆ…
ท่าทางขบขันของลั่วสุ่ยยิ่งเป็นชนวนให้ปลามังกรโมโหขึ้นไปอีก มันบันดาลโทสะ “วันนี้ผู้ใดก็ปกป้องเจ้ามิได้ ข้าจะอัดเจ้าให้ได้!”
มันเด้งตัวขึ้นสูง เหวี่ยงหางปลาใส่ลั่วสุ่ยอย่างแรง!
“ผู้ใดก็ปกป้องมิได้หรือ?”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”
“สมองเป็นของดี หวังว่าเจ้าจะมีไว้สักอัน!”
...
เสียงตวาดเย็น ๆ ดังติดต่อกัน จากนั้น ประกายเจิดจรัสส่องสะท้อนไม่หยุด ยอดศาสตราชิ้นแล้วชิ้นเล่าเหินเข้ามา!
ชุดเครื่องครัวอย่างอีโต้ เขียง กระทะ ตะหลิวที่หลี่จิ่วเต้าใช้พุ่งเข้ามาอย่างพร้อมหน้า!
รวมถึงฉิน พู่กัน คันศร กาน้ำชา สากตอกยา เครื่องมือแกะสลัก และของใช้ต่าง ๆ ก็เหินเข้ามาด้วย ลอยอยู่รอบ ๆ ลั่วสุ่ย
“หา?”
ปลามังกรตกตะลึง หล่น ‘แหมะ’ ลงบนพื้น
วัตถุทั้งหลายที่พุ่งเข้ามา ไม่ว่าชิ้นไหนต่างมีระดับสูงส่งเหนือจินตนาการของมัน ไม่ว่าชิ้นไหนล้วนสามารถเข่นฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย!
วิญญาณของมันสั่นสะท้าน ร่างปลาสั่นระริก สวรรค์! วัตถุเหล่านี้ทรงพลังกว่าจอบเซียนมาก!
แม่จ๋า ข้าอยากกลับบ้าน!!!
มันร้องไห้ ร้องด้วยความชอกช้ำ!
จะมิให้มันเสียใจชอกช้ำได้อย่างไร
สถานะของลั่วสุ่ยสูงกว่าที่มันคิดไว้มาก!
มียอดศาสตรามากมายขนาดนี้คอยอารักขาลั่วสุ่ย ลั่วสุ่ยคือคนโปรดของทุกคนในลานนี้!
ตอนนี้ อย่าให้พูดเลยว่ามันสำนึกเสียใจเพียงใด สำนึกเสียใจจนอยากตาย
มันอยากตบหน้าตัวเองหลาย ๆ ฉาด ยุ่งกับใครไม่ยุ่ง ไยต้องไปยุ่งลั่วสุ่ยด้วย เหยียบย่ำผู้ใดก็ได้ แต่ดันไปเหยียบย่ำลั่วสุ่ย!
ลั่วสุ่ยมิใช่ผู้ที่มันยุ่งได้ หรือเหยียบย่ำได้!
“พี่สาว พี่สาวบังเกิดเกล้า ข้าผิดไปแล้ว!”
มันร้องไห้ขอความเมตตาจากลั่วสุ่ย
“แต่เดิมข้าคร้านจะสนใจเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าบังอาจหมายหัวลั่วสุ่ย! ผู้ใดถือหางเจ้าถึงขั้นนั้นกัน!” มีดอีโต้สบถ
“เหล่าพี่ชายน้องชาย พวกเราลงมือสั่งสอนหมอนี่พร้อมกันเถิด!”
มันตะโกน
ยอดศาสตราทั้งหมดลงมือ เข้าจัดการกับปลามังกร
“เหล่าพี่ชายน้องชายรึ? เจ้าอีโต้เส็งเคร็งกีดกันไม่ยอมนับรวมข้ารึ เหอะ!”
ฉินอี๋อินแค่นเสียง ส่งเสียงสตรีไพเราะเสนาะหูออกมา
“พี่ฉิน ข้าผิดไปแล้ว ข้าไฉนเลยจะกล้ากีดกันไม่ยอมนับรวมท่าน!” มีดอีโต้ยิ้มร่าเอาใจ
“ช่างเถิด พวกเจ้าลงมือกันตามสบาย ไม่ต้องกังวลว่าจะทำมันตาย มีข้าอยู่ มันตายมิได้!” ฉินอี๋อินกล่าว
“มีประโยคนี้จากพี่ฉินพวกเราก็สบายใจ! มิฉะนั้นพวกเราต้องคอยระวังมิให้พลั้งมือฆ่ามันอีก!”
“พี่น้องเอ๋ย วางใจลงมือได้เลย มีวิชาใดกระหน่ำใส่ปลาตัวนี้ให้หมด!”
บรรดายอดศาสตราอย่างมีดอีโต้พากันกล่าว ไม่เหลือความกังวลใดในใจอีกต่อไป
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นปลาที่คุณชายพากลับมา พวกมันมิกล้าสุ่มสี่สุ่มห้าฆ่าปลาตัวนี้
“สุดยอด สุดยอด! ยิ่งใหญ่สมกับเกียรติของพี่ลั่วสุ่ยของข้า!” มัจฉาสัตมายาหัวเราะร่วน
ยอดศาสตราทั้งหมดในลานคุณชายออกโรงปกป้องลั่วสุ่ยพร้อมกัน เป็นขบวนการที่ยิ่งใหญ่เพียงใด!
ปลามังกรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย!
บุ๋ง บุ๋ง!
พี่ลั่วสุ่ยคือพี่ใหญ่ตลอดกาล!
เจ๋งสุด ๆ!
ปลาทุกตัวในโอ่งล้วนฮือฮาระเบิดระเบ้อ พวกมันเคยประสบพบเห็นความยิ่งใหญ่ขนาดนี้ที่ไหน ลั่วสุ่ยสุดยอดจริง ๆ!
มอ มอ มอ!
อสูรฟ้าชิงหนิวทั้งสี่ตัวก็ตาค้างเบิกกว้างด้วยความคิดไม่ถึงเช่นกัน
ยอดศาสตราออกโรงพร้อมกันเพื่อปกป้องลั่วสุ่ย ไม่แน่ว่าอนาคตลั่วสุ่ยอาจได้เป็นนายหญิงของลานเล็กแห่งนี้
พวกมันคิดอย่างอดไม่ได้ รู้สึกจากใจจริงว่าลั่วสุ่ยมีโอกาสกลายเป็นนายหญิงของลานเล็กแห่งนี้!
“บอกเจ้าแล้วว่าอย่ายุ่งกับข้า…”
ลั่วสุ่ยหัวเราะเบา ๆ รู้อยู่แล้วว่าภาพนี้ต้องเกิดขึ้น
นางพำนักในลานเล็กท่านเซียนมานาน ช่วงเวลานี้ ก็ผูกมิตรภาพไว้มาก
เหล่ายอดศาสตราที่คุณชายใช้ แต่เดิมไม่มีญาณศัสตราอยู่ภายใน ต่อให้คุณชายประทานญาณศัสตราลงไป ยามนางอยู่ในลานเล็ก มักสนทนากับบรรดาญาณศัสตราเสมอ สนิทสนมกันดี!
พรวด พรวด พรวด!
ตะหลิวลงมือคนแรก มันตักปลามังกรไปไว้บนเขียง จากนั้นมีดอีโต้ลงมือ สับช้งเช้งไม่หยุด
ระหว่างนี้ อย่าให้พูดเลยว่าปลามังกรเจ็บปวดเพียงใด ร่างเซียนของมันไร้น้ำยาเมื่อเผชิญกับมีดอีโต้ มีดอีโต้สามารถทลายเกราะป้องกันร่างเซียนของมันได้ง่ายดาย
เพียงไม่นานมันก็ถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ที่สำคัญคือ มันไม่อาจแม้แต่จะสลบหรือตายให้จบ ๆ ฉินอี๋อินบรรเลงบทเพลง ทำให้มันไม่สามารถหมดสติหรือตาย!
มิหนำซ้ำ พลังเพลงฉินยังเพิ่มทวีประสาทสัมผัสของมัน ความเจ็บปวดของมันรุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัว!
มันเจ็บปวดทรมานเหลือแสน!
ตอนนี้ มันมีเพียงความคิดเดียว นั่นคือปล่อยให้มันตายเถิด แบบนี้ทุกข์ระทมเกินไปแล้ว!
“ตั้งกระทะ ทอดน้ำมัน เตรียมทอดปลามังกร!”
กระทะออกโรง มีน้ำมันเมล็ดพันธุ์ผักอยู่เต็มข้างใน ซ้ำร้ายน้ำมันยังอยู่ในความร้อนสูง สยดสยองยิ่งกว่าลาวา ควันดำลอยโขมงด้วยการเผาไหม้
“แม่เจ้า พี่ใหญ่ทั้งหลาย ปล่อยข้าไปเถิด!”
ปลามังกรร้องไห้คร่ำครวญคลุ้มคลั่ง ทันทีที่มีดอีโต้หยุดชะงัก ร่างปลาที่ถูกสับเป็นชิ้น ๆ ของมันก็สมานกลับมาได้ในบัดดล มันต้องลงกระทะน้ำมันและถูกทอดหรือ
มันไม่เอานะ!
ทว่ามันไม่อาจทำอะไรได้ ตะหลิวตักมันลงไปในกระทะน้ำมัน มันถูกทอดจนสุกไปถึงข้างในในชั่วพริบตา อย่าให้พูดเลยว่าสยิวกิ้วเพียงใด!
เท่านี้ยังไม่พอ ปลามังกรผู้เพิ่งถูกจับทอดคืนสภาพดังเดิมอีกครั้งด้วยเสียงฉินหลิงอิน
จากนั้น พวกสากตอกยาลงมือ สลับกันทรมานปลามังกรจนครบ
“ปล่อยข้ากลับบ้านเถิด! ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว!”
ปลามังกรถูกทรมานจนเสียสติ ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด มันถูกทำร้ายจนพินาศ!
นาทีนี้ มันคิดถึงแม่ มันอยากกลับบ้าน!
ที่นี่…ที่นี่น่ากลัวกว่าอเวจีเสียอีก!
สุดท้าย ปลามังกรถูกโยนกลับเข้าไปในโอ่ง ภายนอกดูไร้รอยขีดข่วน แต่แท้จริงแล้วถูกทำร้ายจนช้ำชอก ทรมานเหลือคณา!
“ข้ายังมีท่านบรรพจารย์เซียนอยู่! ท่านบรรพจารย์เซียนโปรดปรานข้า! รอให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นเมื่อใด ข้าจะแยกร่างพวกเจ้าให้หมด!”
อย่าให้พูดเลยว่ามันเจ็บแค้นเพียงใด มันคิดไปในใจอย่างเคียดแค้น มันเชื่อว่าท่านบรรพจารย์เซียนโปรดมัน ในภายหน้า มันจักแข็งแกร่งยิ่งกว่าลั่วสุ่ยเสียอีก!
...
เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของตงฟางเวิ่น
หลี่จิ่วเต้ากำลังเดินหมากกับตงฟางเวิ่น
หลังจากจบไปหนึ่งกระดาน เขาก็นึกถึงลั่วสุ่ยขึ้นมา
‘ปลาใหญ่ตัวนั้นไม่เลวทีเดียว รอให้ลั่วสุ่ยกลับมาเมื่อใด ค่อยตุ๋นให้นางกิน!’
เขาคิดในใจ
เขาค่อนข้างชอบปลาใหญ่ตัวนั้น เดิมคิดจะเก็บไว้ดูเล่น ทว่า เขาชอบลั่วสุ่ยมากกว่า
ลั่วสุ่ยคงยังมิเคยกินปลาตัวใหญ่เท่านี้มาก่อนกระมัง
‘ไม่รู้ว่าลั่วสุ่ยก้าวสู่เส้นทางฝึกตนหรือยัง!’
เขาคิดในใจอีกครั้ง
...
“ไอ้เวรตะไล รอให้ข้าไปถึงก่อน อย่าเพิ่งหนีเชียว!”
ขณะเดียวกัน จอบเซียนกำลังรุดหน้าไปหาผู้ที่เรียกหามันด้วยความเร็วสูง
บทที่ 485
เอาแต่เรียกว่า ‘ลูก’ อยู่ได้ จอบเซียนโมโหแทบบ้า!
มันอยากเห็นว่าพวกไม่กลัวตายคนใดบังอาจสุ่มสี่สุ่มห้าเรียกมันว่า ‘ลูก’!
“รอให้ข้าไปถึงก่อน ข้าจะเคาะหัวไอ้เวรนี่ให้ตายไปเลย!”
มันเดือดดาลมาก ทะลุข้ามมิติไปอย่างรวดเร็ว ไวยิ่งกว่าแสงเสียอีก!
...
ภายในดินแดนตระกูลหานแห่งใหม่
ผู้เฒ่าอมตะเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกตัวหนึ่งอย่างสบายอุรา รอคอยการมาของดาบมารอมตะ
มียอดฝีมือหญิงตระกูลหานคอยนวดขานวดไหล่ ทั้งยังมียอดฝีมือหญิงยกน้ำชาให้เขา
“มิได้ผ่อนคลายเช่นนี้มานานมากแล้ว…”
เขารับถ้วยชามาดื่ม อย่าให้พูดเลยว่าสดชื่นปานใด
ทว่ายอดฝีมือหญิงตระกูลหานที่คอยปรนนิบัตินวดขานวดไหล่ให้เขาต่างอกสั่นขวัญแขวน หวาดหวั่นเหลือคณา
พวกนางได้เห็นท่านบรรพชนตระกูลหานของพวกนางถูกผู้เฒ่าอมตะสังหารในพริบตา ผู้เฒ่าอมตะสยดสยองอย่างยิ่งยวด!
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้า ข้าต้องเก็บพวกเจ้าไว้ให้ดาบมารอมตะ”
ผู้เฒ่าอมตะหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าว
“!!!”
ยอดฝีมือหญิงตระกูลหานอิดหนาระอาใจ ผู้เฒ่าอมตะเอื้อนเอ่ยเยี่ยงนี้ต่างจากปิดปากเงียบตรงไหน ดูท่าพวกนางคงยากจะหนีรอดจากความตายแล้ว…
“ฮ่า ๆ ไม่รู้ว่ามิได้พบดาบมารอมตะมากี่หมื่นปีแล้ว บัดนี้ใกล้จะได้พบดาบมารอมตะแล้ว พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าปีติยินดีเพียงใด”
รอยยิ้มของผู้เฒ่าอมตะดูมีความสุขมาก เอ่ยด้วยสายตาระลึกถึงว่า “พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่า ดาบมารคือผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของข้า มันทั้งมีรูปร่างพิถีพิถัน หล่อเหลาเอาการ ทุกรายละเอียดในตัวดาบล้วนสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ…”
เขาสาธยายความดีของดาบมาร ทว่าเขายังพูดไม่ทันจบ ก็นิ่งค้างไป
แสงลำหนึ่งพุ่งเข้ามากลางอากาศ จอบเซียนมาแล้ว!
เขาเห็นจอบเซียน!
นี่คงมิใช่ดาบมารกระมัง!
นี่ต้องมิใช่ดาบมารอย่างแน่นอน!
ดาบมารสมบูรณ์แบบถึงเพียงนั้น บริสุทธิ์ผุดผ่องถึงเพียงนั้น หล่อเหลาถึงเพียงนั้น ไฉนเลยจะกลายเป็นจอบเล่มหนึ่งไปได้!?
เป็นไปไม่ได้!
เขาพร่ำบอกตัวเองในใจไม่หยุด ไม่เชื่อว่าจอบที่เดินทางเข้ามานี้คือดาบมารที่เขาตั้งตารอ
“ไอ้บ้าเอ๊ย สารเลวตัวไหนเรียกหาข้ากัน?”
หลังจากจอบเซียนออกมาจากมิติแล้วสบถไม่หยุด มันเก็บความโมโหมาเต็มกระบุง อยากจะลากคอคนที่เรียกหามันมาเสียเดี๋ยวนี้!
“ ‘ลูก’ ข้า?”
ผู้เฒ่าอมตะมิได้พูดจา แต่เรียกหาดาบมารด้วยวิชาลับ
เขาไม่อาจเชื่อได้ลงว่าจอบตรงหน้านี้คือดาบมารที่เขาเฝ้าคะนึงหา!
ผิดแล้ว ผิดแล้ว!
อย่าใช่เลย!
เขาภาวนาในใจ ภาวนาให้จอบตรงหน้านี้บังเอิญผ่านมา มิใช่ดาบมารที่เขารอคอย
“เจ้าเองหรือ!”
เสียงของผู้เฒ่าอมตะปรากฏในใจจอบเซียน มันถึงหันมาเห็นผู้เฒ่าอมตะ
เมื่อครู่ตอนที่มันพุ่งออกจากมิติ มันไม่ทันสังเกตเห็นผู้เฒ่าอมตะ
มันปรี่เข้าไปทันทีด้วยความพิโรธ!
“ระยำ ใช่จอบเส็งเคร็งอย่างเจ้าจริงด้วย!”
ใบหน้าชราของผู้เฒ่าอมตะอึมครึมมืดมน
เวรเอ๊ย!
เมื่อครู่เขาเพิ่งสาธยายกับบรรดายอดฝีมือหญิงว่าดาบมารเล่มนี้ล้ำเลิศเพียงใด หล่อเหลาวิจิตรเพียงใด สุดท้ายยามดาบมารมาถึงกลับกลายเป็นจอบ เขารู้สึกขายหน้าอย่างแท้จริง!
ยอดฝีมือหญิงตระกูลหานด้านข้างต่างพยายามกลั้นขำ
ตลกเกินไปแล้ว!
ดาบมารบ้าบออันใด นี่มันจอบมิใช่หรือ
แค่จอบเล่มหนึ่งยังโม้ได้ขนาดนี้เชียวหรือ
พวกนางคิดในใจว่าตาเฒ่าผู้นี้ช่างหน้าไม่อาย ขี้โม้จริง ๆ!
“ ‘ลูก’ ข้า ไยเจ้าจึงกลายเป็นแบบนี้ ไอ้ชั่วคนใดทำให้เจ้าเป็นแบบนี้ เจ้าบอกพ่อมา พ่อจะจับเจ้านั่นมาแยกร่างให้ได้!”
ผู้เฒ่าอมตะสบถ พูดไม่ทันจบ จอบเซียนก็พุ่งเข้ามา หวดหัวจอบใส่!
เสียงดังตึง ผู้เฒ่าอมตะถูกหวดจนกระเด็นไปอีกด้าน หัวโนเป็นลูก!
“โอ๊ย!”
ผู้เฒ่าอมตะร้องโหยหวน เจ็บปวดเหลือคณา ความรู้สึกคล้ายว่าสมองถูกเคาะจนใกล้ระเบิดเต็มที!
นี่จอบเซียนยั้งมือบ้างแล้ว มิได้ใช้กำลังทั้งหมด มิฉะนั้น ผู้เฒ่าอมตะมิใช่แค่รู้สึกถูกเคาะจนหัวใกล้ระเบิด แต่จะถูกเคาะจนหัวระเบิดจริง ๆ!
เรียกมันว่า ‘ลูก’ ตั้งหลายคำ เอาเปรียบมันไปตั้งมาก จอบเซียนไม่คิดจะปลิดชีพผู้เฒ่าอมตะในครั้งเดียว!
อย่างน้อยมันต้องให้ผู้เฒ่าอมตะคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของมัน โขกศีรษะเรียกมันว่าพ่อทูนหัว เอาคืนที่ตนเคยถูกเอาเปรียบให้สาสม!
“ลูกข้า เจ้าจำพ่อมิได้หรือ ข้าคือผู้เฒ่าอมตะ!”
ผู้เฒ่าอมตะส่งเสียงตะโกน
“ยังจะเรียกอีกรึ? ข้าต้องสนหรือว่าเจ้าเป็นใคร! คุกเข่าโขกศีรษะเรียกข้าว่าพ่อทูนหัวก่อน คืนสิ่งที่เอารัดเอาเปรียบข้าไปกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
จอบเซียนกำลังพิโรธ ไฉนเลยจะสน มันปรี่เข้าไปหาผู้เฒ่าอมตะอีกครั้ง
ผู้เฒ่าอมตะมิกล้าประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย รีบรีดเร้นพลังออกมาจนถึงขีดสุด ซ้ำยังเรียกอาวุธเทียนตี้แสนทรงพลังออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า ปัดป้องการโจมตีของจอบเซียน
เขาจะกล้าประมาทได้อย่างไร!
การโจมตีเมื่อครู่ของจอบเซียนเกือบตีหัวเขาจนระเบิด!
อนิจจา นี่คือจอบเซียนที่หลี่จิ่วเต้าหลอมขึ้นใหม่ด้วยตนเอง มิใช่อาวุธเดิมในวันวานอีกแล้ว ต่อให้ผู้เฒ่าอมตะมีขอบเขตพลังสูงส่ง เหนือกว่าเทียนตี้ธรรมดาไปมาก ซ้ำยังมีอาวุธเทียนตี้มากมายคอยเกื้อหนุน ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของจอบเซียน!
จอบเซียนพุ่งเข้าไป กล้าแกร่งไร้เทียมทาน ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ อาวุธเทียนตี้แต่ละชิ้นพากันพ่ายแพ้ลงในชั่วพริบตา กระทั่งผู้เฒ่าอมตะยังตีลังกากระแทกพื้นด้วยแรงโจมตีจากจอบเซียนท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน
“ลูกข้า ข้าคือบิดาของเจ้า ผู้เฒ่า…”
ผู้เฒ่าอมตะตะโกนขณะหมอบอยู่กับพื้น หวังจะเรียกความทรงจำของดาบมารกลับคืนมา ทว่าเขายังไม่ทันพูดจบ จอบเซียนก็หวดเข้ามาอีกครั้ง!
พรวด!
จอบเซียนกระแทกใส่ใบหน้าของเขา จนเขากระเด็นออกไปทันที ปากกระอักเลือดไม่หยุด ฟันร่วงเกือบทุกซี่ ใบหน้าชราบิดเบี้ยวไม่เหลือรูปเดิม!
“ลูกย่าแกสิ! ข้าคือพ่อทูนหัวของเจ้า!”
จอบเซียนสบถ ตาเฒ่าผู้นี้สมควรตายนัก จนป่านนี้แล้วยังเอาเปรียบมันอยู่อีก!
พูดจบก็หวดใส่ผู้เฒ่าอมตะอีกครั้ง!
“อย่า!”
ผู้เฒ่าอมตะกลัวแทบแย่ รีบร้องขึ้น “พ่อทูนหัว…ของข้า!”
จอบเซียนน่ากลัวเกินไป เขาไม่อาจต่อกรด้วยได้เลย เขามิกล้าแข็งข้อ กลัวว่าจอบเซียนจะฆ่าเขาลง ณ ที่นี้
นอกจากนี้ เขาสะท้านใจอย่างยิ่งยวด ไม่อาจทำใจเชื่อได้เลย ดาบมารเล่มนี้ผ่านสิ่งใดมา เหตุใดบัดนี้ถึงสยดสยองปานนี้ ดุดันทรงพลังยิ่งกว่าเขาเสียอีก!?
เขาห่างชั้นอยู่มากโข!
ตู้ม!
เวลานั้นเอง ภาพจอบเซียนหยุดยั้งที่ผู้เฒ่าอมตะคิดไว้มิได้เกิดขึ้น จอบเซียนหวดใส่เขาตามเดิม เขากระเด็นออกไปทันที โลหิตสาดกระจายราวกับมิมีค่าใด
“เจ้าไม่มีสัจจะ ข้าเรียกแล้วเจ้ายังทำร้ายข้าอีก!?”
ผู้เฒ่าอมตะร่ำไห้ด้วยความเจ็บใจ
เขาเรียกจอบเซียนว่าพ่อทูนหัวแล้วแท้ ๆ จอบเซียนยังจะทำร้ายเขาอีก ไม่มีสัจจะเอาเสียเลย!
“เรียกแค่พ่อทูนหัวแล้วจะจบหรือ เมื่อครู่ข้าบอกเจ้าเช่นนี้รึ?”
จอบเซียนเอ่ยเสียงเย็น
หลังผู้เฒ่าอมตะได้ฟังคำกล่าวของจอบเซียน ก็ทุกข์ใจอย่างที่สุด!
คุกเข่าโขกศีรษะเรียกพ่อทูนหัว!
นี่คือข้อเรียกร้องของจอบเซียนก่อนหน้า!
เมื่อครู่เขาแค่เรียกว่าพ่อทูนหัว แต่มิได้คุกเข่าโขกศีรษะต่อจอบเซียน!
เวลานี้ เขาร้องไห้ด้วยความเจ็บใจยิ่งขึ้น น้ำตาไหลพราก
เขาเรียกหามันอยู่นาน กลับเรียกเอาพ่อทูนหัวมาหรือนี่?
สวรรค์! ต้องกลั่นแกล้งเขาปานนี้เลยหรือ!