471-475

บทที่ 471

หยิ่งผยอง บ้าอำนาจ ยโสจนเกินเยียวยา ปลามังกรตัวนี้ไม่รู้ว่าเอาความใจกล้าขนาดนี้มาจากที่ใด!


ปลาในถังน้ำถูกท่านเซียนจับมาและเลี้ยงเอาไว้เพื่อเป็นอาหารให้พี่สาวลั่วสุ่ย แม้ว่าตอนนี้พี่สาวลั่วสุ่ยจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ปลามังกรจะสามารถกินปลาตัวอื่นได้อย่างไร?


ปลามังกรได้รับอนุญาตจากท่านเซียนหรือไม่?


ปลามังกรกินปลาตัวอื่นเข้าไปนับว่าเป็นการกระทำเกินเลยไป!


มัจฉาสัตมายาแม้เบื้อหน้าจะยิ้มและยกยอปลามังกร แต่ภายในใจกลับหัวเราะเย้ยหยัน


ปลามังกรอาจคิดว่าตนเองเป็นเซียนมัจฉา ท่านเซียนจึงเห็นความสำคัญ กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานอย่างถึงที่สุด...


ถึงในความเป็นจริงเซียนมัจฉาจะทรงพลังยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก


แต่สำหรับคุณชายแล้ว คุณชายจะสนใจความทรงพลังของเซียนมัจฉาอย่างนั้นหรือ?


เหอะ เหอะ...


อย่างไรเสียปลามังกรก็เพิ่งจะมาที่นี่ ยังคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับท่านเซียนมากนัก!


กระทั่งสมบัติกาลเวลาอันล้ำค่าอย่างถึงที่สุด สามารถควบคุมเวลาได้ตามต้องการ ล้ำค่าเสียจนไม่รู้ว่ามีมูลค่ามากเพียงใด เหนือเสียยิ่งกว่าศาสตราเซียน แต่คุณชายเคยสนใจสิ่งนั้นด้วยหรือ?


คุณชายไม่ได้สนใจมัน ทั้งยังใช้มันเป็นเพียง ‘ตู้เย็น’ เพื่อเก็บอาหาร...


ปลามังกรยโสโอหัง กระทำตามอำเภอใจ มันไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีจุดจบที่ดี


คุณชายอาจเพียงคิดว่าปลามังกรดูแล้วเพลินตา จึงต้องการเลี้ยงไว้เป็นปลาสวยงาม ทว่าปลามังกรกลับถือว่าตนมีผู้หนุนหลัง จึงกำเริบเสิบสาน ไม่คิดกังวลสิ่งใด ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!


ต่อหน้าคุณชาย ปลามังกรอาจเป็นเพียงปลาธรรมดาตัวหนึ่งที่ดูแล้วเพลินตา...


ปลามังกรไม่ได้ระวังทั้งคำพูดและการกระทำ ทั้งยังปล่อยตัวเป็นอย่างยิ่ง ปลามังกรประเมินตนเองสูงเกินไปจริง ๆ!


‘สรรพสิ่งยังหมุนเวียนเปลี่ยนผัน วันเวลายังอีกยาวไกล หยิ่งผยองไปเถอะ ทำตนเช่นนี้ต่อไป ถึงเวลานั้นเจ้าก็ได้แต่ร้องไห้…’


มัจฉาสัตมายากล่าวขึ้นมาในใจ


...


บนเส้นทางยาวแห่งหนึ่งในจักรวาลหมื่นดารา ภายในมีชายชราผู้หนึ่งกำลังก้าวเดินอย่างแช่มช้า


“ดาบมาร ข้ากลับมาแล้ว แถมยังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย พวกเราจะได้ต่อสู้สังหารศัตรูทั้งหมดร่วมกันอีกครั้ง!”


เขารำพึงกับตนเอง บนสีหน้ามีความรอคอยปรากฏออกมาเล็กน้อย


เวลาล่วงผ่านมาอย่างยาวนาน เขาคิดถึงดาบมารเป็นอย่างมาก นั่นเป็นดาบที่เขาทำขึ้นมาเองกับมือ คุณภาพของมันเหนือยิ่งกว่าทุกสิ่ง จนแม้แต่ญาณศาตรายังถือกำเนิดขึ้นมา!


นี่เป็นเรื่องชวนตื่นตะลึงมากอย่างไม่ต้องสงสัย ในช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีญาณศาสตราถือกำเนิดขึ้นมาน้อยนิดจนน่าเวทนา สามารถใช้นิ้วนับจำนวนทั้งหมดได้เสียด้วยซ้ำ


เขากับดาบมารต่อสู้ด้วยกันมานานจนไม่รู้เวียนไปกี่วสันต์สารท ไม่รู้ร่วมเป็นตายกันมามากมายเท่าไร นับว่าเขากับดาบมารเต็มไปด้วยความผูกพันลึกซึ้ง


ทว่าอายุขัยของเขาก็ใกล้จะหมดลงแล้ว จึงจำต้องไปเสี่ยงชะตาดูว่าจะสามารถคว้าโอกาสต่อชีวิตตนเองได้หรือไม่


การทำเช่นนี้นับได้ว่าอันตรายมากอย่างไม่ต้องสงสัย โอกาสที่เขาจะประสบความสำเร็จต่ำเป็นอย่างยิ่ง มีโอกาสมากมายที่เขาจะตายตกอยู่ภายนอก


เขาอดทนฝืนใจไม่นำดาบมารไปด้วย เลือกจะปิดผนึกมันเอาไว้ อย่างไรเสียโอกาสที่เขาจะสามารถรอดชีวิตกลับมานั้นมีอยู่น้อยเกินไป สถานที่ที่จะไปก็อันตรายเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ต้องการให้เกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้นกับดาบมาร จึงไม่ต้องการให้ดาบมารตามออกไปด้านนอก ทั้งยังคิดจะพัฒนาความแข็งแกร่งของดาบมารให้มากยิ่งขึ้น


“ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นเช่นไรบ้าง พลังที่ข้าผนึกเจ้าเอาไว้น่าจะสลายไปนานแล้วใช่หรือไม่?”


ชายชราเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าตนเองจะทำสำเร็จ เขาได้รับโอกาสให้รอดชีวิต ขอบเขตพัฒนายิ่งขึ้น อายุขัยเองก็ยืนยาวขึ้น


เขามีอายุยืนยาวยิ่งขึ้นจนสามารถดำรงอยู่ถึงยุคปัจจุบัน


แน่นอนว่าเวลาส่วนใหญ่เขาก็ล้วนนิทรา มีชีวิตอยู่ได้ด้วยพลังพิเศษบางอย่างค้ำจุน


หากไม่ใช่เช่นนี้ เขาคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน


เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว พลังของเขาที่ใช้ผนึกดาบมารน่าจะสลายไปเรียบร้อย และดาบมารเองก็ควรจะเป็นอิสระนานแล้ว


เขากับดาบมารยังคงมีการเชื่อมโยงกันอยู่ แสดงให้เห็นว่าดาบมารยังคงอยู่ไม่ดับสลายไป


ดาบมารที่ให้กำเนิดญาณศาสตรา มีศักยภาพแฝงอยู่มหาศาล เขารู้สึกว่าตอนนี้ดาบมารจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากเป็นแน่แท้


“ข้าอยากกลับไปหาเจ้านานแล้ว เพียงแต่ทุกอย่างข้าล้วนไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจได้ด้วยตนเอง...”


ชายชราพึมพำเสียงเบากับตน “ทว่าข้าเองก็คาดไม่ถึง ว่าอาณาจักรของพวกเรานั้นน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับเก็บซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่เอาไว้ ข้าจึงถูกส่งกลับไป!”


เขาดิ้นรนอย่างหนักจนสามาถมีชีวิตรอดและทำลายขีดจำกัดได้ เพียงแต่เขาไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นด้วยตนเอง แต่เขาถูกกองกำลังต่างอาณาจักรจับตัวและพาเขาไป


พลังจากกองกำลังนั่นเองทำให้เขามีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้


ทว่ากองกำลังแห่งนั้นกำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่อาณาจักรแห่งนี้ เขาจึงได้กลับมาที่นี่!


เส้นทางที่เขาใช้อยู่ในตอนนี้ก็ถูกสร้างขึ้นจากกองกำลังเบื้องหลังเขา ถูกใช้เป็นเส้นทางนำเข้าไปยังอาณาจักรแห่งนั้นมาอย่างช้านาน


“ฮ่าฮ่า ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็กำลังจะได้กลับไปแล้ว อีกทั้งยังจะได้พบเจ้าในอีกไม่ช้า!”


ชายชราหัวเราะเสียงดังอย่างอดไม่ได้ เขารู้สึกสบายอกสบายใจเป็นอย่างมาก


“เจ้าชอบดื่มเลือดคนเป็นที่สุด ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งชื่นชอบ หลังจากข้ากลับไปคราวนี้ ข้าจะทำให้เจ้าได้ดื่มเลือดของผู้แข็งแกร่งอย่างเต็มอิ่ม


ดวงตาของเขาปรากฏแววตาชั่วร้าย รอยยิ้มชวนขนลุกแต่งแต้มมุมปาก ชั่วชีวิตเขาสังหารคนมานับไม่ถ้วนจนถูกสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนั้นขนานนามว่าจอมมาร ขณะนี้จอมมารจะกลับมาก่อการฆ่าล้างทั่วอาณาจักรแห่งนั้นอีกครั้ง!


“เมื่อถึงยามนั้นข้าจะกลายเป็นฝันร้ายของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน มากเสียยิ่งกว่าตอนนั้น!”


เขาหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย หลังจากนั้นจึงใช้ลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก ดูแล้วน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง


ใช่แล้ว เขาคือผู้เฒ่าอมตะ ดาบมารที่เขาพูดถึงก็คือดาบมารอมตะ


ดาบมารอมตะที่เขาสร้างขึ้นมาเองกับมือ!


...


ณ เมืองชิงซาน


ภายในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า


‘เมื่อเร็ว ๆ นี้มีบางสิ่งเกิดขึ้นหรือไม่?’


จอบเซียนที่พิงผนังอยู่กล่าวขึ้นมาในใจ


มันเกิดความรู้สึกผิดปกติมานานแล้ว ตอนนี้ยิ่งรู้สึกมากขึ้นทำให้มันตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น


‘จะเกิดเรื่องอะไรกัน?’


มันรำพึงขึ้นมาในใจ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่อาจอธิบายได้ ยิ่งมันครุ่นคิดก็ยิ่งไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้น


“มารดามันเถอะ ผู้ใดบังอาจกล้าวางแผนการกับข้า ข้าจะต้องใช้จอบตีมันให้ตาย!”


มันกล่าวออกมาอย่างขุ่นเคืองใจ ก่อนจะสลัดความหงุดหงิดภายในใจทิ้งไป ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว พลังแข็งแกร่งกว่าเดิมไม่รู้ตั้งเท่าไร จะถูกใครก็ไม่รู้วางแผนใส่ได้อย่างไร มันจะทำให้คนผู้นั้นต้องชดใช้!


...


ณ แดนหยิน ชิงโจว


ส่วนลึกของโพรงมังกร ด้านในมีโลงศพสีชาดขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ


โลงศพสีชาดขนาดใหญ่ทำจากวัสดุที่ไม่รู้จัก ทั้งสี่ด้านถูกวาดด้วยอักขระโบราณสีดำอันสลับซับซ้อน ดูแล้วแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง


ขณะนี้ โลงศพสีชาดยิ่งดูแปลกประหลาดกว่าเดิมด้วยเปลวเพลิงวิญญาณสีม่วงที่ลุกโชน ทำให้ทั่วทั้งโลงศพสว่างไสว


ในตอนนั้นเอง โลงศพสีชาดก็สั่นอย่างรุนแรง ราวกับผู้ที่อยู่ในโลงศพกำลังจะพุ่งออกมา!


“นายท่าน...กำลังจะตื่นขึ้นมาแล้วหรือ!?”


ด้านข้างโลงศพสีชาด มีมังกรดำตัวใหญ่เกาะอยู่ เมื่อมันเห็นการเคลื่อนไหวของโลงศพ มันก็เอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น


“นายท่านตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว! เมื่อนายท่านตื่นขึ้นแล้วจะได้สามารถสังหารหญิงสาวเผ่ามนุษย์ที่แสนรนหาที่ตายนั่น!”


มันกัดฟันกล่าวออกมาด้วยความเกลียดชัง


หญิงสาวเผ่ามนุษย์ผู้นั้นมาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง หวังจะเปิดโลงศพดูสิ่งที่อยู่ภายใน


ทว่าหยวนอีก็ไม่เคยทำสำเร็จ โลงศพถูกปกป้องด้วยพลังอันแข็งแกร่ง แม้ว่าหยวนอีจะมีสมบัติล้ำค่าอย่างกระบี่หยกก็ยังคงทำไม่สำเร็จ


“มันจะสำเร็จได้อย่างไร! นายท่านเป็นถึงเซียนผู้หนึ่ง! เป็นถึงเซียนที่แท้จริงผู้หนึ่ง!”


มันหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาหลายครั้ง เมื่อนายท่านตื่นขึ้นมา มันจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้ฟังอย่างแน่นอน หลังจากนั้นก็จะร้องขอให้นายท่านสังหารหยวนอี


คนที่รนหาที่ตายก็สมควรจะตายไปเสีย!

บทที่ 472

ณ แดนหยิน ชิงโจว


อาณาเขตตระกูลหยวน


“ข้าประเมินสิ่งที่อยู่ด้านในโลงศพต่ำเกินไป!”


หยวนอีถอนหายใจ เดิมทีนางคิดว่าหลังจากขอบเขตของตนเองพัฒนาขึ้นแล้ว นางจะสามารถเปิดฝาโลงศพดูสิ่งที่อยู่ภายในได้


แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าสิ่งที่อยู่ภายในโลงศพน่าตื่นตะลึงเกินไป แม้ว่าขอบเขตของนางจะพัฒนาขึ้นหลายครั้ง ก็ยังไม่สามารถเปิดฝาโลงศพได้


‘ด้านในเป็นเซียนจริง ๆ หรือ?’


นางอดคิดขึ้นมาไม่ได้ ทั้งหัวใจและวิญญาณสั่นสะท้านเล็กน้อย


แม้นางจะมีจี้กระบี่หยกที่คุณชายมอบให้ช่วยให้นางระเบิดพลังมหาศาลออกมาได้ สุดท้ายกลับไม่สามารถสะเทือนโลงศพสีชาดได้ เช่นนั้นแล้วผู้ที่นอนอยู่ภายในโลงศพสีชาดจะเป็นเซียนจริงดังเช่นที่มังกรดำกล่าวหรือ?


นางกำลังตั้งตนเป็นศัตรูกับเซียนอยู่หรือ?


“คุณชายจะสามารถจัดการสิ่งที่อยู่ในโลกศพได้หรือไม่?”


นางพึมพำกับตัวเอง รู้สึกเหมือนตนกำลังร่วงหล่นลงไปในพายุลูกใหญ่อาจต้องพลีชีพดับสลายไปเมื่อใดก็ได้


ทว่านางกลับไม่เสียใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม นางยังรู้สึกภาคภูมิใจเสียด้วยซ้ำ


สิ่งที่อยู่ภายในโลงศพสีชาดนั้น ไม่ต้องคิดอะไรมากมายก็รู้ว่าไม่ใช่ของดีอะไร เมื่อสิ่งที่อยู่ด้านในออกมาจะต้องสังหารชีวิตจำนวนมาก โลหิตหลั่งรินเป็นสายน้ำอย่างแน่นอน


ในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา มังกรดำตัวนั้นพยายามทำทุกหนทางเพื่อล่อสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งเข้ามาด้านในโพรงมังกร จากนั้นก็สังหารผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นทิ้ง แล้วถ่ายเลือดเข้าไปในโลงศพสีชาด


สิ่งที่อยู่ด้านในโลงศพสีชาดจะต้องชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะเป็นเซียนจริง ก็ต้องเป็นเซียนที่แสนจะชั่วร้าย


ถ้าเซียนที่ชั่วร้ายเช่นนี้ออกมาภายนอก สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน ทั้งอาณาจักรจะต้องหลั่งรินด้วยเลือดเป็นแน่


คุณชายทนเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้ จึงมอบกระบี่หยกให้นางมาจัดการกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพ นางรู้สึกภาคภูมิใจในหน้าที่นี้อย่างถึงที่สุด


น่าเสียดายที่ตอนนี้นางยังไม่อาจทำหน้าที่ที่คุณชายมอบหมายมาได้สำเร็จ นางยังคงไม่สามารถจัดการกับโลงศพสีชาดได้


ไม่ต้องพูดถึงการทำลายโลงศพสีชาดเลย นางยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในนั้น


รู้เพียงแค่สิ่งที่อยู่ด้านในโลงศพสีชาดน่าหวาดกลัวและน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง


“ข้าคงต้องไปรบกวนคุณชาย!”


สีหน้าของหยวนอีจริงจัง ครั้งที่นางไปโพรงมังกรเมื่อไม่นานมานี้ นางพบว่าสิ่งที่อยู่ด้านในโลงศพสีชาดเริ่มแสดงสัญญาณของการฟื้นตัว


อีกทั้งนางไม่สามารถหยุดยั้งมันได้


แม้ว่าพลังที่นางสามารถเรียกใช้จากจี้กระบี่หยกจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยังคงไม่สามารถสั่นคลอนโลงศพสีชาดได้


นางต้องการจะไปพบคุณชาย เพื่อดูว่าคุณชายจะมีความคิดเห็นและคำสั่งอย่างไร


“ควรพูดหรือไม่ ตอนนี้อาณาจักรแห่งนี้ก็กำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก!”


นางถอนหายใจออกมา นางเองก็ได้ข่าวว่าสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนกำลังเข้ามาก่อการฆ่าฟัน


ตระกูลหยวนได้รับการแจ้งเตือนเช่นเดียวกัน


สิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดกำลังจะฟื้นขึ้นมา สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเองก็กำลังจะมาเช่นกัน ทุกสิ่งอย่างล้วนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง!


หัวใจของนางหนักอี้งเป็นอย่างมาก จนรู้สึกตัดสินใจลำบากยิ่ง


ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาด หรือจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากโลกเทียนหยวน ก็ไม่มีทางใดสามารถจัดการได้โดยง่าย หากล้มเหลวสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรแห่งนี้จะต้องดับสูญ หยาดเลือดหลั่งรินเป็นสายธาร


‘ยังดีที่มีคุณชายอยู่!’


นางคิดถึงคุณชาย ภายในใจถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลังจากเห็นฝีมือและความแข็งแกร่งของคุณชายแล้ว นางก็รู้ว่าคุณชายแข็งแกร่งเป็นที่สุด


หากไม่ใช่เพราะที่แห่งนี้มีคุณชาย เกรงว่าสิ่งมีชีวิตบนอาณาจักรแห่งนี้จะไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความหวัง!


นางคิดดูแล้ว บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่คุณชายปรากฏตัวขึ้นมายังอาณาจักรแห่งนี้?


คุณชายรู้ว่าอาณาจักรแห่งนี้จะต้องเผชิญความวุ่นวายและหายนะที่ไม่อาจหยุดยั้ง ดังนั้นจึงปรากฏตัวขึ้นมายังอาณาจักรแห่งนี้เพื่อกำจัดความวุ่นวายและหายนะ


สิ่งนี้ทำให้นางอดชื่นชมคุณชายไม่ได้ เกิดความรู้สึกเลื่อมใส่จากก้นบึ้งของหัวใจ!


อย่างไรเสียตัวตนเช่นคุณชายก็สามารถคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ กาลเวลาไม่อาจสั่นคลอน ความสามารถทั้งหมดล้วนอยู่ระดับสะท้านฟ้าเหนือยิ่งกว่าจินตนาการ


ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยตัวตนของคุณชายแล้ว สิ่งมีชีวิตภายในอาณาจักรอย่างพวกเขาอาจเทียบไม่ได้แม้กระทั่งฝุ่นธุลี ไม่มีสิ่งใดควรค่าแก่การสนใจ


ทว่าคุณชายกลับไม่เป็นเช่นนั้น


คุณชายไม่ได้คิดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังต้องการจะหยุดยั้งการนองเลือดและความวุ่นวายของสิ่งมีชีวิตที่อาจเทียบไม่ได้แม้กระทั่งฝุ่นธุลี นี่คือผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ควรค่าแก่การเคารพศรัทธา!


“นอกจากนี้ท่านเซียนยังคงไม่สนใจในชื่อเสียงและโชคลาภ มักจะอยู่เบื้องหลังเสมอ ไม่ออกหน้าให้คนทั่วไปรับรู้ จิตใจเช่นนี้ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก!”


หยวนอีถอนหายใจกล่าวออกมา


คุณชายวางแผนการเผื่อจะยับยั้งการนองเลือดและความวุ่นวายของอาณาจักรแห่งนี้ บุญคุณยิ่งใหญ่เพียงนี้ คุณชายกลับไม่เคยคิดจะทิ้งชื่อตนเอาไว้ ช่างน่าเลื่อมใสเหลือเกิน!


ได้ทำงานให้กับคุณชายเช่นนี้ นางรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก!


นับเป็นเกียรติยศอันสูงสุด!


“ข้ายอมสละกระทั่งชีวิตเพื่อทำงานให้คุณชาย”


นางกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่นและแววตาแน่วแน่


หลังจากนั้น หญิงสาวก็ออกจากตระกูลหยวน มุ่งตรงไปยังเมืองชิงซาน


...


ภายในจักรวาลหมื่นดาราอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเรือเดินสมุทรลำหนึ่งแล่นผ่านอย่างรวดเร็ว


“ใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ แล้ว!”


ประกายตาของเสี่ยวหยาสดใส นางยิ้มออกมาเผยให้เห็นลักยิ้ม ดูแล้วน่ารักเป็นอย่างยิ่ง


นางเพิ่งบรรเลงบทเพลงคะนึงหาเสร็จ ด้วยท่วงทำนองเพลงทำให้นางสัมผัสได้ว่าระยะห่างระหว่างพี่ชายกับนางขยับใกล้เข้ามามากขึ้น


นอกจากนี้ นางยังสามารถพึ่งพาการบรรเลงบทเพลง ส่งพลังไปให้พี่ชายได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้นางรับรู้ได้ว่าสติของพี่ชายมั่นคงมากยิ่งขึ้น ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมาจากสภาพอ่อนแอ


นางมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง มีความสุขอย่างถึงที่สุด พี่ชายคือผู้ที่สำคัญที่สุดในใจของนาง


“ยอดเยี่ยม!”


หลิงอินเองก็ยิ้มเช่นนั้น นางร่วมมีความสุขไปกับเสี่ยวหยา ในที่สุด ความเสียใจในอดีตก็ถูกชดเชย นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง


ทว่าในตอนนั้นเอง เรือเดินสมุทรก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ราวกับมันชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


หลิงอินกับเสี่ยวหยามองหน้ากันก่อนรีบตรงมายังดาดฟ้าเรือ เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น


เรือเดินสมุทรชนเข้ากับอะไรบางอย่างจริง ๆ บางอย่างที่ว่าก็คือศีรษะที่ใหญ่เท่าดวงดาว!?


หลิงอินและเสี่ยวหยามองดู มันเป็นศีรษะจริง ๆ ศีรษะที่ลักษณะเหมือนเผ่ามนุษย์เพศชาย ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีดำยาว ขนาดใหญ่เท่าดวงดาว


จักรวาลหมื่นดาราถึงกับมีศีรษะขนาดเท่าดวงดาวลอยอยู่ นับเป็นภาพที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก!


ศีรษะนั่นแข็งเป็นอย่างมาก ถึงกับชนเรือจนสะเทือนไปหมดได้ สิ่งนี้ทำให้หลิงอินรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง


เรือเดินสมุทรลำนี้เป็นเรือโบราณที่ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุที่พิเศษเป็นอย่างมาก หลิงอินเคยทำการประเมินครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นขั้นเทียนตี้ก็ไม่อาจทำลายเรือลำนี้ลงได้อย่างง่ายดาย จะต้องใช้พลังทั้งหมดจึงจะสามารถทำลายเรือลำนี้ลงได้


ทว่าศีรษะนี่กลับสามารถกระแทกเรือจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่ จะไม่ให้นางแปลกใจได้อย่างไร?


นี่มันศีรษะของอะไรกันแน่!


“มัน...กะพริบตาได้ด้วย!”


ทันใดนั้นเอง เสี่ยวหยาก็ตะโกนออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด นางเห็นศีรษะเบื้องหน้ากะพริบตาจริง ๆ!


นางตกใจกลัวจนรีบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังหลิงอิน มือเล็ก ๆ คว้ากำเสื้อของหลิงอินเอาไว้แน่น ร่างบอบบางของนางสั่นสะท้านจนน่าเวทนา


นางเคยเห็นภาพแปลกประหลาดน่าตกใจกลัวที่ไหนกัน นางเป็นเพียงสาวน้อยธรรดาในหมู่บ้านยุคโบราณ แม้ว่าหลิงอินจะสอนนางเล่นฉิน นำพานางเข้าสู่หนทางการฝึกตน นางก็ยังไม่เคยออกไปเจอโลก เฝ้ารออยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ รอคอยการกลับมาของพี่ชาย


ทว่าหลังจากนั้นเองไม่นานนางก็ได้พบกับจักรพรรดิบุปผา ก่อนจะถูกจักรพรรดิบุปผาสังหาร


แม้นางจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นางก็ยังคงมีประสบการณ์เพียงน้อยนิด หัวใจของนางเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง


หลิงอินเองก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงพาเสี่ยวหยาไปด้วยทุกหนแห่ง ด้านหนึ่งก็เพื่อให้เสี่ยวหยาได้รับประสบการณ์มากขึ้น อีกด้านหนึ่งก็เพื่อฝึกฝนจิตใจของเสี่ยวหยา


อย่างเช่นตอนที่ไปยังเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิว หรือตอนที่ไปยังทะเลต้องห้าม


เมื่อไปทะเลต้องห้ามที่แปลกประหลาดน่ากลัวไม่ต่างกัน จิตใจของเสี่ยวหยาก็เหมือนจะพัฒนามากยิ่งขึ้น ทว่าภาพที่เห็นตอนนี้แปลกประหลาดและน่ากลัวยิ่งกว่าทะเลต้องห้าม!


สาเหตุหลังคือความไม่คาดคิดและความกะทันหันเกินไป


ศีรษะของศพโบราณที่ล่องลอยอยู่ในจักรวาลหมื่นดาราจู่ ๆ ก็กะพริบตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไม่ต้องพูดถึงเสี่ยวหยาเลย กระทั่งหลิงอินเองยังตกใจ


ทว่าหลิงอินก็ไม่ใช่คนธรรมดา นางเคยผ่านประสบการณ์แปลกประหลาดและอันตรายมากมาย เพียงแค่ชั่วพริบตานางก็สงบใจลงได้ในทันที


“ไม่ต้องกลัว!”


นางอยู่เบื้องหน้าพลางปลอบโยนเสี่ยวหยา

บทที่ 473

ศีรษะของศพโบราณขนาดยักษ์กะพริบตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ภาพดังกล่าวแปลกประหลาดและชวนน่าขนลุกเกินไป!


ไม่ว่าใครก็ตามที่มาพบเห็นฉากดังกล่าวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ล้วนต้องตกใจ!


“ฆ่า...ฆ่า...ฆ่า...”


ปากของศีรษะศพโบราณเปิดออก เผยให้เห็นฟันเก่า ๆ สีเหลืองสองแถว ภาษาโบราณบางอย่างถูกเอ่ยออกมา ทว่ากลับไร้ซึ่งอารมณ์ใดในน้ำเสียง ราวกับว่าหลงเหลือเพียงจิตสำนึกในการฆ่าฟัน


หลิงอินลงมือเรียกคันศรออกมา จากนั้นก็รั้งสายคันศรอย่างรวดเร็ว ส่งลูกศรแสงพุ่งตรงไปยังศีรษะของศพโบราณ


ทว่านางกลับต้องประหลาดใจ ศีรษะศพโบราณอ้าปากของมันรับลูกศรแสงโดยตรงก่อนจะบดขยี้จนเกิดเสียง ‘แกรก แกรก’


แข็งแกร่งมาก!


หลิงอินรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่แปลกใจเลยที่ศีรษะศพโบราณสามารถกระแทกเรือเดินสมุทรลำนี้ให้เป็นรูขนาดใหญ่ได้ หัวของศพน่ากลัวมากจริง ๆ!


ระหว่างทางนางไม่เคยหยุดฝึกฝน ขอบเขตของนางได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก ตอนนี้ลูกศรที่หลิงอินยิงออกไป เกรงว่าแม้แต่ตี้จวินก็ไม่สามารถเมินเฉยได้ จำเป็นต้องรับมืออย่างจริงจัง


ทว่ากลับไม่อาจทำอะไรศีรษะศพโบราณได้ เพียงแค่ศีรษะศพโบราณกัดไม่กี่ครั้งก็สลายไป


“พี่หลิงอิน ข้าจะช่วยท่านเอง!”


ในตอนนั้นเอง เสี่ยวหยาก็ก้าวออกมา บนร่างของนางเรืองรองด้วยแสงนักบุญ นางบรรลุขอบเขตนักบุญแล้ว!


ด้านมรรคาแห่งทำนองกู่ฉินของนางน่าตื่นตะลึงยิ่งกว่า พลังที่นางสามารถเรียกใช้จากฉินปี้เทียนชางไห่นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง


ความก้าวหน้าที่มากขึ้นเช่นนี้ หลิงอินมองแล้วถึงกับอดตกตะลึงไม่ได้


ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณชายกล่าวว่าเสี่ยวหยามีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก นี่ช่างน่าทึ่งอย่างถึงที่สุด


นางเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน เสี่ยวหยาก็จะสามารถไล่ตามนางทัน พรสวรรค์ของเสี่ยวหยาแข็งแกร่งเกินไป!


เสียงฉินอันไพเราะดังขึ้น มือเรียวของเสี่ยวหยาบรรเลงลงฉินปี้เทียนชางไห่ เส้นผมยาวสะบัดไหวไปตามสายลม ใบหน้าของนางงดงามเป็นอย่างยิ่ง ราวกับนางเซียนจากสวรรค์ลงมาบรรเลงฉิน


แสงนุ่มนวลสายหนึ่งกระเพื่อมออกมาจากฉินปี้เทียนชางไห่ มันสามารถเสริมความแข็งแกร่งของฝ่ายตนเองได้ทุกด้าน ขณะเดียวกันก็ลดความแข็งแกร่งทุกด้านของศัตรูลง


สามารถสังเกตได้ว่าในตอนนี้ศรแสงที่ถูกหลิงอินยิงออกไปอีกครั้งทรงพลังและน่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น


ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังคงไร้ประโยชน์


ศีรษะของศพโบราณแข็งแกร่งเกินไป ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงฉินที่สามารถลดความแข็งแกร่งและศรแสงที่ทรงพลังมากกว่าเดิม มันยังคงอ้าปากเคี้ยวศรแสงทิ้งได้ภายในไม่กี่ครั้ง


หลินอินขมวดคิด ดูเหมือนว่านางจะไม่มีทางใช้คันศรจัดการกับศีรษะศพโบราณได้


ถึงแม้นางจะเรียกฉินเฟิ่งหมิงออกมาช่วย แต่ก็ยังไม่อาจทำอะไรศีรษะศพโบราณนี้ได้ ช่องว่างที่มีนั้นใหญ่เกินไป


พรึ่บ!


แสงสว่างสาดประกายเจิดจ้า นางหยิบหยกคุ้มภัยที่ห้อยไว้ตรงคอออกมา วิถีแห่งเต๋านับไม่ถ้วนรายล้อมร่างของนาง กลายเป็นเสื้อคลุมปกป้องทั่วทั้งร่างของหญิงสาว


นางหยุดยิ่งลูกศร กระโดดสูงขึ้นไปจากดาดฟ้าเรือ เหวี่ยงคันศรทุบไปยังศีระศพโบราณ


ทว่าศีรษะศพโบราณก็หายไปอย่างกะทันหันโดยไม่มีใครได้ทันคาดคิด


“หืม?”


คิ้วของหลิงอินขมวดแน่น นางไม่อาจสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของศีรษะศพโบราณ ราวกับมันสูญสลายหายไป


ตู้ม!


ในตอนนั้นเอง หางเรือเดินสมุทรก็เกิดเสียงระเบิดดั่งสนัน ศีรษะของศพโบราณทำการโจมตีเรือ แม้ว่าเรือเดินสมุทรจะสามารถต้านทานการโจมตีของเทียนตี้ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน กลับถูกศีรษะของศพโบราณทำลายลงอย่างสมบูรณ์ แตกออกเป็นชิ้น ๆ ทันที!


เสี่ยวหยาเองก็กระเด็นออกมา ยังดีที่มีพลังจากฉินปี้เทียนชางไห่สกัดกั้นการโจมตีให้ ไม่เช่นนั้นเสี่ยวหยาจะต้องสิ้นชีพลงภายใต้การโจมตีครั้งนี้อย่างแน่นอน!


“ฆ่า...ฆ่า...ฆ่า...”


ศีรษะศพโบราณกล่าวออกมาอีกครั้งด้วยจิตสำนึก ฟันเก่า ๆ สีเหลืองขบไปมาก่อนจะพุ่งไปทางเสี่ยวหยา


“ไปให้พ้น!”


หลิงอินลงมือหมายสังหารมันในทันที นางเหวี่ยงคันศรออกไปทุบใส่ศีรษะศพโบราณ ทว่าศีรษะศพโบราณก็หายวับไปในอากาศอีกครั้ง!


หญิงสาวไม่กล้ารีรอ กลัวว่าศีรษะศพโบราณจะโจมตีเสี่ยวหยาอีกครั้ง นางจึงรีบตรงไปด้านข้างก่อนจะพาเสี่ยวหยาออกไปจากแถวบริเวณแห่งนี้


เห็นได้อย่างชัดเจนว่าศีรษะของศพโบราณไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มันสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของหยกคุ้มภัย ดังนั้นจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลิงอิน


“เกิดอะไรขึ้นกับบริเวณแถบนี้กัน!”


หลิงอินพาเสี่ยวหยาทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว พวกนางยังเห็นศีรษะศพโบราณขนาดใหญ่อีกหลายหัว มีทั้งศีรษะบุรุษและสตรี


นอกจากนี้ พวกนางยังเห็นศพที่ไม่สมบูรณ์อีกจำนวนมาก บ้างไม่มีหัว บ้างไม่มีขา ทั้งหมดล้วนแต่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะพบร่างที่เหมือนเผ่ามนุษย์เท่านั้น ยังมีร่างของเผ่าต่าง ๆ อีกนับไม่ถ้วน


แปลกประหลาดและพิลึกเป็นอย่างยิ่ง!


ศพเหล่านี้มีที่มาจากไหนกัน?


“ขน...สีแดง!”


เสี่ยวหยาเบิกตากว้าง นางชี้ไปที่ศพแล้วกล่าวออกมา


นางเห็นขนสีแดงแปลกประหลาดบนร่างศพ!


“เกี่ยวข้องกับพี่ชายเจ้าหรือไม่?”


หลินอินมองตามไป นางเองก็ได้เห็นขนสีแดงแปลกประหลาดนั่น!


“ตอนที่ข้าเคยเห็นสถานการณ์ของพี่ชายผ่านทางเสียงฉิน ร่างกายของพี่ชายก็ถูกปกคลุมไปด้วยขนสีแดงแปลกประหลาด!”


เสี่ยวหยากล่าวตอบ “ที่นั้นยังมีคนที่ตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับพี่ชายอีกหลายคน พวกเขาเหล่านั้นต่างมีขนสีแดงแปลกประหลาดปกคลุมทั่วร่าง!”


หลิงอินขมวดคิ้ว เกิดความสับสนขึ้นมาเล็กน้อย ศพไม่สมประกอบที่ล่องลอยอยู่แถวนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ชายของเสี่ยวหยา?


“ไปกันเถอะ”


หลิงอินกล่าวกับเสี่ยวหยา ก่อนจะไปจากบริเวณนี้


ศพไม่สมประกอบเหล่านี้สูญเสียสตินึกคิด ไม่สามารถสื่อสารอะไรได้ แทนที่พวกนางจะมาพัวพันอยู่ที่นี่ สู้ไปตามหาพี่ชายของเสี่ยวหยาให้เร็วที่สุดจะดีกว่า


น่าเสียดายที่เรือโบราณถูกทำลายลงไปแล้ว แม้พวกนางจะอยู่ไม่ไกลจากที่อยู่ของพี่ชายเสี่ยวหยา แต่ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าใดจึงจะสามารถเดินทางไปถึง


ภายในจักรวาลหมื่นดารา แม้ว่าจะใกล้แค่ไหนก็ยังห่างไกลเป็นอย่างยิ่ง หากไม่มีศาสตราวิเศษที่สามารถเดินทางในห้วงอวกาศได้ พวงนางก็ไม่อาจทราบได้ว่าจะถึงสถานที่แห่งนั้นเมื่อใด


“ไปกันเถอะ ลองไปดูยังอาณาจักรใกล้ ๆ”


หลิงอินพาเสี่ยวหยาไปยังอาณาจักรที่ใกล้ที่สุด หวังจะลองดูว่าพวกเขาจะสามารถหาศาสตราวิเศษที่สามารถเดินทางผ่านจักรวาลได้หรือไม่ พวกนางไม่สามารถเดินทางไปเช่นนี้ได้ เนื่องจากมันจะใช้เวลานานเกินไป


โชคดีที่หลิงอินและเสี่ยวหยาต่างก็มีสมบัติที่คุณชายมอบให้อยู่กับตัว ไม่เช่นนั้นพวกนางคงไม่สามารถเดินทางไปในอวกาศได้


ไม่ต้องพูดถึงหลิงอินที่มีสมบัติอยู่มากมาย แม้แต่เสี่ยวหยาที่มีเพียงฉินปี้เทียนชางไห่ก็สามารถระงับแรงกดดันของจักรวาลหมื่นดาราได้


พวกนางเดินทางบนจักรวาลหมื่นดาราราวกับกำลังเดินอยู่บนพื้นดิน ความเร็วของพวกนางไม่นับว่าช้าเกินไปนัก


แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับเรือโบราณที่พวกนางนั่งมาก่อนหน้า ก็ถือว่าช้าเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถเทียบได้แม้แต่น้อย


หลังจากนั้นไม่นานมากนัก ทั้งสองมาถึงยังดวงดาวที่อยู่ใกล้เคียง มันเป็นดวงดาวที่พังทลาย สถานการณ์ด้านในน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง มีซากศพและโลหิตไหลรินไปทั่วทุกหนแห่ง


หลิงอินถอนหายใจ สภาพอันน่าสังเวชของดาราดวงนี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับซากศพแปลกประหลาดเหล่านั้น


นางรู้สึกอับจนหนทาง มีเพียงดาวดวงนี้เท่านั้น ไม่มีดาวดวงอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เมื่อคิดดูอีกทีแล้วดาวดวงอื่นก็อาจถูกซากศพแปลกประหลาดเหล่านั้นทำลายไปแล้ว


“หวังว่าจะหาศาสตราวิเศษที่สามารถเดินทางไปในจักรวาลได้!”


หลิงอินและเสี่ยวหยาต่างพากันค้นหาดาวที่พังทลายดวงนี้ หวังว่าจะพบศาสตราวิเศษดังกล่าว

บทที่ 474

บนดวงดาวทรุดโทรมที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง เลือดและเศษกระดูกเกลื่อนกลาด ที่น่าสังเวชอย่างยิ่งคือ ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตสักตนเดียว


หลิงอินและเสี่ยวหยาต่างขนลุกขนชันกับภาพที่เห็น สิ่งมีชีวิตทั้งดาวตายไปทั้งอย่างนี้ ไม่ว่าผู้ใดมาเห็นภาพเช่นนี้คงยากจะรักษาความเยือกเย็นไว้ได้


“ปล่อยให้พวกมันมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว!”


หลิงอินเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “หลังจากช่วยพี่ชายของเจ้าได้แล้ว เราต้องหาทางกำจัดศพวิกลโบราณเหล่านี้! ขืนปล่อยให้พวกมันล่องลอยเช่นนี้ต่อไป ไม่รู้ว่าต้องมีอาณาจักรในอีกกี่ดวงดาวต้องล่มสลายเพราะพวกมัน!”


“ได้!”


เสี่ยวหยาพยักหน้า ศพวิกลโบราณเหล่านี้อันตรายเกินไป เก็บไว้ไม่ได้จริง ๆ ไม่เช่นนั้น ย่อมต้องเกิดหายนะขึ้นอีกมาก


ญาณสัมผัสของหลิงอินแกร่งกล้า ยามนี้ไม่ด้อยไปกว่าญาณสัมผัสของเทียนตี้ หรืออาจเหนือชั้นกว่าด้วยซ้ำ นางเองก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว


ถึงอย่างไรนางก็ติดตามคุณชายมานาน ได้รับผลประโยชน์มหาศาล


หญิงสาวปล่อยญาณสัมผัสออกไป ปกคลุมเศษซากดวงดาวนี้ในพริบตา ไม่เหลือจุดอับสักจุด


แล้วนางก็ได้บางอย่างกลับมา ในที่สุดก็ค้นพบศาสตราที่ใช้เดินทางในจักรวาล


มันเป็นรถรบโบราณคันหนึ่ง มีอักขระมิติสลักอยู่เต็มไปหมด หลิงอินหามันพบ


แต่น่าเสียดาย รถรบคันนี้เสียหายเช่นกัน มิใช่รถรบโบราณสมบูรณ์


“ยังพอได้อยู่ ใช้มันเดินทางไปก่อน!”


หลิงอินตรวจสอบรถรบโบราณ


แม้ว่ารถรบโบราณคันนี้เสียหาย ทว่ามิได้หนักหนา ยังแล่นต่อไปในจักรวาลได้


“ได้!”


พวกนางก้าวขึ้นไปบนรถรบโบราณ ออกจากอาณาจักรบนดวงดาวนี้ มุ่งหน้าต่อไป


...


ณ เมืองชิงซาน


ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า


ปลามังกรในยามนี้สดชื่นเป็นอย่างมาก มันกลายเป็นพี่ใหญ่ของปลาทุกตัวในโอ่ง ปลาทุกตัวล้วนพะเน้าพะนอเอาใจมัน ชีวิตของมันอยู่ดีกินดี


“ข้าอยากออกไปเดินเล่นเสียหน่อย!”


ปลามังกรออกคำสั่งใส่ปลาตัวอื่น ให้ปลาเหล่านี้ช่วยมันออกไป


มันในตอนนี้ไม่พอใจกับการอยู่ในน้ำ ท่านบรรพจารย์เซียนไม่อยู่ มันอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกโอ่ง


ปลาตัวอื่นไฉนเลยจะกล้าไม่ปฏิบัติตาม ต่างพากันเข้าไปช่วยเหลือปลามังกร


ปลามังกรโหดเหี้ยมเกินไป และไร้ข้อกังวล คิดจะกินปลาตัวอื่นก็กิน พวกมันต่างเกรงกลัวปลามังกรมาก


ด้วยความช่วยเหลือจากปลาเหล่านี้ ปลามังกรออกจากโอ่งได้อย่างง่ายดาย


ทว่าพลังของมันยังไม่กลับคืน พลังจากเบ็ดตกปลายังอยู่ สะกดความสามารถทั้งหมดของมันไว้


ปลาจำนวนมากตั้งตารอ อยากเห็นภาพปลามังกรถูกเชือด ถึงอย่างไรก็เคยมีกรณีมัจฉาหยินหยางตัวหนึ่งออกจากโอ่ง และถูกคุณชายสังหารด้วยมีดอีโต้


ปลามังกรมิใช่ปลานิสัยดีนัก พวกมันอยากให้ปลามังกรตายใจแทบขาด


อนิจจา ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน หลังจากปลามังกรออกไป มิได้พบเจอเรื่องไม่คาดคิด


“พวกเราจินตนาการเก่งเกินไปแล้ว…”


“ท่านเซียนกล่าวว่าจะเลี้ยงมันไว้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดเรื่องกับมัน”


ปลาเหล่านี้พากันส่งเสียงบุ๋งบุ๋ง รู้ว่าพวกมันคิดเยอะเกินไป


อย่างไรปลามังกรก็ต่างจากพวกมัน นี่คือปลาที่ท่านเซียนเอ่ยจากปากว่าต้องการเลี้ยง ต่อให้ออกจากโอ่งน้ำก็ไม่น่าจะเกิดปัญหา


“ข้างนอกนี่ดีจริงน่า!”


หลังปลามังกรออกมาได้แล้ว สีหน้าพลันเปรมปรีดิ์เหลือคณา


ไม่ให้มันเปรมปรีดิ์ได้อย่างไร ทุกลมหายใจเต็มไปด้วยขุมปราณชีวิตเข้มข้นเกินจินตนาการ อย่าให้พูดเลยว่าความรู้สึกเช่นนี้สาแก่ใจเพียงใด


“นี่คือภพเซียนอย่างแท้จริง!”


มันเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้


ลานเล็กแห่งนี้ทรงพลังกว่าอาณาจักรที่มันอยู่มากนัก เทียบไม่ติดเลย มันสัมผัสถึงลมปราณแห่งนิจนิรันดร์จากลานเล็กแห่งนี้ ได้เห็นปราณเซียนอย่างแท้จริง สูงส่งเลิศล้ำยิ่ง!


“ฮ่า ๆ ข้ากลับไปเมื่อใด ดูซิว่าผู้ใดบังอาจดูถูกข้าอีก!”


ปลามังกรหัวเราะไม่หยุด “ยายเฟิ่งหนี่ว์นั่น ข้าบอกว่าจะแต่งงานด้วยแท้ ๆ เจ้ากลับไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ปฏิเสธข้า! ข้ากลับไปแล้วจะจับเจ้ามาเป็นสาวใช้อุ่นเตียง ไม่สิ เจ้าไม่มีสิทธิ์อุ่นเตียงด้วยซ้ำ คอยล้างเท้าให้ข้าแล้วกัน!”


มันนึกถึงเฟิ่งหนี่ว์ หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักร มันขอแต่งงานอยู่หลายคราทว่าถูกปฏิเสธทุกครั้ง สร้างความสะเทือนใจให้มันอย่างมาก


“เอ๊ะ ข้าไม่มีเท้านี่ บัดซบ ไม่มีเท้าก็ล้างหางให้ข้าแล้วกัน!”


มันหัวเราะเสียงผยอง สีหน้าวิตถารสุด ๆ


มันที่เข้าตาบรรพจารย์เซียนท่านหนึ่ง ย่อมมีอนาคตยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ หลังจากมันกลับไป เฟิ่งหนี่ว์อะไรนั่นมันไม่เห็นในสายตาด้วยซ้ำ!


“เอาเข้าจริง แม่ของเฟิ่งหนี่ว์ก็ไม่เลว…”


เนตรปลาของมันวาวโรจน์ยามนึกถึงแม่ของเฟิ่งหนี่ว์ นับเป็นการดำรงอยู่ระดับสูงเป็นผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง และเป็นหนึ่งในกำลังรบสูงสุดแห่งอาณาจักรที่มันอยู่


“ใช้ได้นี่ ลูกล้างเท้า ถุย ขัดหาง แม่อุ่นเตียง!”


ยิ่งคิดมันก็ยิ่งแช่มชื่น เฝ้ารอจากใจจริงว่าจะได้กลับไปไว ๆ


อืม แน่นอนว่ากลับไปในสภาพนี้ไม่ได้


มันต้องกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้าก่อนแล้วค่อยกลับไป


“เมื่อได้อยู่ที่นี่ การกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้าหาใช่เรื่องยาก!”


มันสอดส่ายสายตาไปทั่วลานด้วยสายตาไม่หวังดี


“อย่าเอาแต่มองสิ ลงมือได้แล้ว!”


ภายในโอ่ง ปลาตัวอื่นคอยจับตาดูปลามังกรอยู่ตลอด เมื่อได้เห็นสายตาปลามังกร ก็รู้ในทันทีว่าปลามังกรเริ่มวางแผนบางอย่างแล้ว พวกมันต่างคิดในใจ


หากปลามังกรก่อความวุ่นวายในลานจริง ๆ หึหึ เช่นนั้นมันก็เข้าใกล้ความตายขึ้นอีกหนึ่งก้าว!


อย่าไรเสียมันก็ไม่คิดว่าปลามังกรจะพบจุดจบที่ดี ปลามังกรโอหังเกินไป ไร้ความยำเกรงเกินไป อำมหิตเกินไป


“นี่คือ…ผลงานของจักรพรรดินีผู้นั้นหรือ!?”


ปลามังกรกลอกตาไปมา และเห็นกระถางที่มีดอกไม้เจริญงอกงามอยู่ มันสะกิดใจ สัมผัสถึงจังหวะแห่งเต๋าอันคุ้นเคยจากกระถางดอกไม้นี้


เผ่าของมันเคยมีกระถางดอกไม้เช่นเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นฝีมือของจักรพรรดินีผู้นั้น พวกมันต้องจ่ายราคาสูงลิ่วกว่าจะได้มา


มันไม่รู้ว่าจักรพรรดินีผู้นั้นมีนามว่าอะไร


จักรพรรดินีผู้นั้นลึกลับอย่างยิ่ง ไม่เคยทิ้งชื่อไว้เลย อาณาจักรที่มันอยู่เป็นเพียงทางผ่าน นางมิได้ค้างอยู่ที่นั่นนาน


ทว่า แม้เป็นการพักพิงชั่วคราวสั้น ๆ จักรพรรดินีผู้นั้นก็ทิ้งกิตติศัพท์ยิ่งใหญ่ไว้ในใจจักรพรรดิของมัน!


นางแกร่งกล้าเกินไป แกร่งกล้าจนจินตนาการไม่ถึง แม้กระทั่งยอดฝีมือกำลังรบชั้นยอดในอาณาจักรของมันยังเทียบมิได้ ห่างกันไกลโข พ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว


“ที่นี่มิใช่ภพเซียนอย่างแท้จริง ข้าต้องการไปยังภพเซียนที่แท้จริง”


นั่นเป็นถ้อยคำเดียวที่จักรพรรดินีผู้นั้นเคยกล่าวในอาณาจักรของมัน วาจานั้นแฝงไว้ด้วยบารมี จักรพรรดินีผู้นั้นบุกไปยังภพเซียนที่แท้จริง


‘กระถางดอกไม้ของจักรพรรดินีผู้นั้นมาอยู่ในลานของท่านบรรพจารย์เซียน หรือว่าจักรพรรดินีผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับท่านบรรพจารย์เซียน หากเป็นเช่นนั้นจริง ทุกอย่างอธิบายได้หมดแล้ว จักรพรรดินีผู้นั้นสยดสยองทรงพลังเช่นนั้นจริง ๆ!’


ปลามังกรกล่าวอย่างใช้ความคิด


จักรพรรดินีผู้นั้นเก่งกาจเหนือชั้น พวกมันไม่รู้เลยว่าจักรพรรดินีผู้นั้นทำได้เยี่ยงไร ดูเหมือนบัดนี้มันรู้คำตอบแล้ว


กระถางดอกไม้ของจักรพรรดินีปรากฏในลานเล็กท่านบรรพจารย์เซียน ซ้ำยังมากมายขนาดนี้ เป็นไปได้ว่าจักรพรรดินีได้รับการชี้แนะจากท่านบรรพจารย์เซียน ถึงได้ทรงพลังแกร่งกล้าเหนือผู้อื่นปานนั้น!


“หึหึ ข้าจะเป็นการดำรงอยู่แกร่งกล้าเหนือผู้อื่น ตนต่อไป!”


มันยิ้มอย่างลำพอง ราวกับได้เห็นภาพที่มันไร้เทียมทานในใต้หล้าแล้ว


“อย่าผลีผลามทำอะไรลงไปดีกว่า แต่หญ้าที่วัวพวกนั้นกิน ข้ากินเสียหน่อยคงไม่เป็นไร”


มันกลอกตาไปมา หมายตาหญ้าที่อสูรฟ้าชิงหนิวในลานด้านข้างกินอยู่

บทที่ 475

ถึงแม้ปลามังกรจะเหิมเกริม ทว่ามันยังรู้จักขอบเขต ไม่ได้โอหังถึงขั้นไม่สนสิ่งใด


อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่มันใช้บารมีข่มมัจฉาสัตมายา มันมิได้ลงมือกับมัจฉาสัตมายา แต่กินปลาตัวอื่นเพื่อทำให้มัจฉาสัตมายากลัว


อย่างไรมัจฉาสัตมายาก็มีความเกี่ยวข้องกับลั่วสุ่ย และลั่วสุ่ยอยู่ในลานท่านบรรพจารย์เซียนมานาน แม้ว่าในใจมันจะดูแคลนอีกฝ่าย กระนั้นยังมิกล้าบาดหมางกับแมวนั่นจนเกินไปนัก


ถึงอย่างไรมันก็เพิ่งมา ทุกอย่างยังไม่มั่นคง รอให้สถานะของมันมั่นคงเมื่อใด ก็ไม่ต้องสนใจลั่วสุ่ยอีก


มันในฐานะมัจฉาเซียน ย่อมเป็นที่ชื่นชมของท่านบรรพจารย์เซียนมากกว่า!


พลังของมันถูกผนึก ทว่าความแข็งแกร่งของเนื้อกายยังอยู่ มันฟาดหางปลากับพื้น เด้งตัวขึ้น ไม่นานก็มาถึงลานเล็กด้านข้าง มาอยู่ฝั่งอสูรฟ้าชิงหนิว


“หมอนี่หัวใสดีนี่!”


ภายในโอ่ง หลังมัจฉาสัตมายาเห็นปลามังกรไปหาพวกอสูรฟ้าชิงหนิวก็คิดในใจ


เดิมมันคิดว่าปลามังกรโอหังถึงขั้นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ ไร้ความเกรงกลัว แต่บัดนี้ดูแล้ว ปลามังกรยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังมีความเกรงกลัวอยู่


ปลามังกรฉลาดมาก มิได้หมายตาสิ่งอื่นในลาน หากแต่หมายตาหญ้าที่เป็นอาหารพวกอสูรฟ้าชิงหนิว


หัวแหลมมาก ขืนหมายตาสิ่งอื่น ไม่รู้ว่าปลามังกรต้องมีจุดจบเช่นไร แต่หากไปยุ่งกับหญ้าที่พวกอสูรฟ้าชิงหนิวกิน ปลามังกรย่อมสบายตัวกว่ามาก ปัญหาไม่ร้ายแรงเท่าการแตะต้องสิ่งอื่น


“นี่ เจ้าวัวโง่…วันหน้าข้าจะเป็นพี่ใหญ่ของที่นี่ รู้หรือไม่”


ปลามังกรมาอยู่ฝั่งอสูรฟ้าชิงหนิว เนตรปลาของมันเปี่ยมไปด้วยความดูถูก ก่อนจะเอ่ยต่อ “คิดไม่ตกจริง ๆ ว่าเหตุใดท่านบรรพจารย์เซียนถึงต้องเลี้ยงอสูรวัวสายเลือดชั้นต่ำอย่างพวกเจ้า”


มันพูดด้วยเสียง ‘บุ๋งบุ๋ง’ ทว่า ขอบเขตพลังของอสูรฟ้าชิงหนิวไม่ต่ำ พอฟังวาจาของปลามังกรรู้เรื่อง


สายเลือดอสูรฟ้าชิงหนิวแสนน่าทึ่ง มิได้ด้อยไปกว่าสิบอสูรร้ายแห่งบรรพกาลนัก ทว่าสายเลือดปลามังกรน่าตะลึงยิ่งกว่า ปลามังกรจึงไม่เห็นอสูรฟ้าชิงหนิวอยู่ในสายตา


“เจ้าปลาตัวนี้ไยจึงพูดจาเช่นนี้!”


ลูกวัวน้อยเอ่ยอย่างไม่พอใจ


มันเข้าใจในทุกถ้อยคำของอสูรฟ้าชิงหนิว เป็นเพราะหญ้าที่มันกินสูงส่งเลิศล้ำเกินไป มิฉะนั้น มันคงฟังเสียง ‘บุ๋งบุ๋ง’ ของปลามังกรไม่ออก


“ที่ว่าวัวโง่หมายความว่าอย่างไร เจ้าปลาตัวนี้พูดจาไม่รื่นหูเสียเลย ขืนเจ้ายังปากพล่อยเช่นนี้ ข้าจะเรียกเจ้าว่าปลาโง่!”


ลูกวัวน้อยเอ่ยเสียงเคียดแค้น วาจาของปลามังกรน่าโมโหนัก


“เจ้าว่ากระไร!?”


ปลามังกรมองลูกวัวน้อยตาขวาง ลูกวัวน้อยตัวนี้บังอาจพูดจาเช่นนี้กับมันเชียวหรือ


อสูรฟ้าชิงหนิวผู้เฒ่าได้ยินวาจาของลูกวัวน้อยแล้วตกตะลึง รีบออกมาขวางอยู่ข้างหน้าลูกวัวน้อย เอ่ยกับปลามังกรด้วยรอยยิ้มเอาใจ “พี่ใหญ่อย่าโมโหไปเลย มันยังเล็ก ไม่รู้ความ พวกเราเต็มใจนับถือท่านเป็นพี่ใหญ่”


มันสัมผัสถึงความทรงพลังของสายเลือดปลามังกรได้ว่าเหนือกว่าพวกมันมาก มันมิกล้าล่วงเกินปลามังกร และเคยได้ยินว่าท่านเซียนให้ความสำคัญกับปลามังกรมาก ทั้งยังเอ่ยชมปลามังกรว่าไม่เลว


ประกอบกับมันไม่ต้องการมีเรื่อง ให้นับถือเป็นพี่ใหญ่ก็นับถือเถิด มิใช่เรื่องใหญ่


“แค่คำว่าไม่รู้ความแล้วจะจบง่าย ๆ หรือ”


ปลามังกรยิ้มเย็น “ง่ายดายขนาดนั้นเสียเมื่อไร เจ้าต้องคุกเข่าขอขมาข้า!”


“เจ้าปลาตัวนี้ไยจึงมีนิสัยเช่นนี้!”


ลูกวัวน้อยไม่สน มันเอ่ยด้วยความโมโห “เจ้าเข้ามาหาเรื่อง แล้วยังให้ข้าขอขมาเจ้าอีก เจ้ามีเหตุผลบ้างหรือไม่!”


“หยุดพูดได้แล้ว!”


อสูรฟ้าชิงหนิวเฒ่าสุขุมพอ ไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ ขืนทะเลาะกันต่อไป ไม่ว่าผู้ใดก็จบไม่สวย


“พี่ปลา เราทั้งหมดล้วนอาศัยในลานเล็กท่านเซียน ไม่จำเป็นต้องบาดหมางจนเข้าหน้าไม่ติดกระมัง หากเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ เราคงลำบากกันทั้งหมด!”


มันบอกกับปลามังกร


หลังปลามังกรได้ยินคำกล่าวนี้ ก็ลดความโอหังลงมานิดหน่อย


จริงอย่างที่ว่า หากกลายเป็นเรื่องใหญ่ ต้องลำบากกันทั้งหมด


วัวพวกนี้ต่างจากปลาในโอ่ง ท่านบรรพจารย์เซียนเลี้ยงปลาพวกนั้นไว้ให้ลั่วสุ่ยกิน แต่วัวพวกนี้ต่างออกไป


บอกตามตรง มันมิกล้าทำอะไรวัวพวกนี้นัก


“คราวนี้แล้วไป หากยังมีคราวหน้า ข้าไม่อภัยให้แน่!”


มันแค่นเสียงเย็น


“ขอบคุณพี่ปลา”


อสูรฟ้าชิงหนิวกล่าวขอบคุณปลามังกร


ลูกวัวน้อยยังอยากพูดอะไรอีกหน่อย แต่ถูกแม่วัวปรามไว้


มีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย ปลามังกรอยากโอหังก็ปล่อยมันโอหังไป พวกมันไม่จำเป็นต้องถือสาเอาความกับปลามังกร


หากมีเรื่องกันจนสุดท้ายสร้างความไม่พอใจให้ท่านเซียน บาปนี้คงมหันต์


“ถอยไป ข้าขอกินหญ้าหน่อย”


ปลามังกรเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ


คราวนี้ลูกวัวน้อยทนไม่ไหวอีกต่อไป มันวิ่งพรวดออกจากด้านหลัง บอกกับปลามังกรว่า “นี่คือหญ้าที่คุณชายให้เป็นอาหารของเรา เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาขอกิน!”


แค่ด่ากันยังพอทน นี่ยังจะกินหญ้าของพวกมันอีกหรือ ลูกวัวน้อยทนไม่ได้จริง ๆ


ปลามังกรตัวนี้ทำเกินไปแล้ว!


“ไสหัวไป เจ้าไม่มีปากมีเสียงที่นี่!”


ปลามังกรตวาด อยากจะใช้หางปลาฟาดลูกวัวน้อยให้ตาย


แต่สุดท้ายมันก็ทนไว้ได้ มิได้ลงมือ ขืนฆ่าลูกวัวน้อยจริง ๆ ถึงตอนนั้นต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่


“ข้าไม่สน! เจ้าห้ามกินหญ้าของเรา! นี่คือหญ้าที่ท่านเซียนให้เรา! ถ้าเจ้าอยากกิน เจ้าต้องไปขออนุญาตจากคุณชายก่อน หากคุณชายให้เจ้ากิน เจ้ากินได้ตามสบาย!”


ลูกวัวน้อยขวางอยู่เบื้องหน้าปลามังกร ให้ตายก็ไม่ยอมให้ปลามังกรกินหญ้า


“ใช่แล้ว นี่คือสิ่งที่ท่านเซียนประทานให้เรา พวกเรามิกล้าตัดสินใจโดยพลการ”


อสูรฟ้าชิงหนิวเฒ่ากล่าว ครั้งนี้มิได้ยอมถอย


เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ มันไม่กล้าตัดสินใจพลการ อนุญาตให้ปลามังกรกินหญ้าเหล่านี้จริง ๆ


“บัด…ซบ แค่ขอกินหญ้าสักเส้นสองเส้น ไยจึงยุ่งยากปานนี้”


ปลามังกรสบถอย่างไม่พอใจ สายตาทอประกายดุดัน “ข้าขอบอกพวกเจ้า อย่าบังคับให้ข้าลงมือแก่งแย่ง!”


แม้ว่าพลังของมันถูกผนึก กระนั้นมันก็ยังเป็นมัจฉาเซียน พลังเนื้อกายแกร่งกล้าเป็นพิเศษ จัดการอสูรฟ้าชิงหนิวพวกนี้ได้สบาย


มิฉะนั้น มันคงไม่กำแหงเพียงนี้


“หากเจ้ากล้าลงมือแย่ง ข้าจะ…ข้าจะไปฟ้องคุณชาย!”


ลูกวัวน้อยเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้


“ฟ้องคุณชายรึ”


ปลามังกรหัวเราะ “รีบไปสิ อย่าเอาแต่กลั้นไว้ ข้าขอร้องล่ะ เจ้าช่วยรีบไปฟ้องทีได้หรือไม่”


มันไม่กลัวหรอก


ระหว่างที่พำนักอยู่ในลานเล็ก มันตระหนักแล้วว่าข้อห้ามของท่านบรรพจารย์เซียนคือสิ่งใด หากลูกวัวน้อยไปฟ้องท่านบรรพจารย์เซียนจริง เช่นนั้นลูกวัวน้อยย่อมต้องฝ่าฝืนข้อห้ามของท่านบรรพจารย์เซียน ถึงครานั้น ลูกวัวน้อยรังแต่จะอนาถากว่านี้


มันไม่เชื่อว่าลูกวัวน้อยจะกล้าไปฟ้อง


และมันเล็งเห็นข้อนี้ ถึงคิดมากินหญ้าที่นี่ ถึงอย่างไรต่อให้มันแย่งหญ้าของอสูรฟ้าชิงหนิวมากิน อสูรฟ้าชิงหนิวก็ได้แต่ยอมเป็นใบ้ พูดความทุกข์ใจนี้ให้ผู้ใดฟังไม่ได้


บวกกับมันมีขอบเขต แย่งไม่เยอะ กินแค่ไม่กี่เส้น ยิ่งไม่มีทางเกิดเรื่อง


“เจ้า ๆๆ…!”


ลูกวัวน้อยโมโหจนร้องไห้ออกมา


มันย่อมทราบในข้อห้ามของท่านเซียน ที่มันเอ่ยไว้ก่อนหน้าเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น มันไฉนเลยจะกล้าฟ้องคุณชาย ฝ่าฝืนข้อห้ามท่านเซียน!


พี่ลั่วสุ่ยยังมิกล้า ไม่ได้รับอนุญาตจากท่านเซียน พี่ลั่วสุ่ยไม่กล้าแม้แต่จะพูดภาษามนุษย์ด้วยซ้ำ ต้องรักษาร่างแมวไว้ตลอด


เจ้า…เจ้าปลามังกรตัวนี้เกินไปแล้ว!