“ข้าไม่สามารถทำมันด้วยตนเองได้!”
เมิ่งจีถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
เขารู้จักประมาณตนเองดี แม้ว่าเขาสามารถอาศัยพู่กันปลดปล่อยพลังอันกล้าแกร่ง จนสังหารเหลิงเจี้ยนได้โดยตรง หากทว่าให้เขาไปเผชิญหน้ากับเก้าแดนต้องห้าม ในใจของเขาคิดภาพนั้นไม่ออกจริง ๆ
เขาจะสามารถคิดออกได้อย่างไร?
ไป๋มู่กล่าวออกมาชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่าบรรพชนของเขายังไม่อาจทำสิ่งใดกับเก้าแดนต้องห้ามได้ เพราะความต่างชั้นมีอยู่มากเกินไป เช่นนั้นแล้ว เขาในตอนนี้จะสามารถทำสิ่งใดกับเก้าแดนต้องห้ามได้กัน?
ไม่ต้องพูดถึงเก้าแดนต้องห้าม เพียงแค่แดนต้องห้ามแห่งเดียวเขาก็ไม่สามารถจัดการได้!
บรรพชนของยอดนิกายและยอดเผ่าเป็นตัวตนที่อยู่เหนือยิ่งกว่าเทียนตี้ทั่วไปมาก!
เขาในตอนนี้อย่างมากสุดเขาก็สามารถใช้พู่กันต่อกรกับครึ่งก้าวเทียนตี้ได้ หากแต่เมื่อเผชิญหน้ากับขั้นเทียนตี้ที่แท้จริง แม้กระทั่งเทียนตี้ระดับทั่วไป เขาก็ไม่สามารถต่อกรได้ ทั้งยังห่างชั้นไปไกลลิบ
การไปยืมสมบัติยังเก้าแดนต้องห้าม จะต้องไม่เป็นไปอย่างสงบสุขและราบรื่น หากไม่มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ อย่าพูดถึงการยืมสมบัติเลย กระทั่งมีชีวิตรอดกลับมายังยาก!
เก้าแดนต้องห้ามนั้นโหดร้ายเต็มไปด้วยคาวเลือด มีโอกาสเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกเก้าแดนต้องห้ามสังหาร
แต่หากเขาไม่ไปที่เก้าแดนต้องห้าม ก็เป็นเรื่องยากยิ่งที่จะสามารถรวบรวมพลังมาพอจะซ่อมแซมรอยร้าว...
เมิ่งจียิ่งคิดยิ่งรู้สึกถึงความยากลำบาก เขาต้องการจะกลับไปเมืองชิงซาน กลับไปขอร้องให้ท่านเซียนลงมือซ่อมแซมรอยร้าวและเสริมการป้องกันอาณาจักรแห่งนี้ให้สิ่งมีชีวิตภายนอกไม่สามารถเข้ามาด้านในได้อีก
เขาอยากจะขอร้องให้ท่านเซียนช่วยลงมือทำลายเก้าแดนต้องห้าม เพื่อตัดปัญหาในอนาคตเสียด้วยซ้ำ
เขาเชื่อว่าหากท่านเซียนต้องการจะลงมือ เพียงแค่หนึ่งความคิดก็สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เสร็จสิ้น
แต่เขาเองก็รู้ดีว่า ท่านเซียนมีเหตุผลที่ทำให้ท่านเซียนไม่ลงมือโดยตรง
‘ท่านเซียนอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างออกไป สิ่งที่มองเห็นและความคิดย่อมแตกต่างออกไปเช่นเดียวกัน ท่านเซียนอยู่สูงกว่า ย่อมมองและคิดกว้างไกลยิ่งกว่า!’
เมิ่งจีคิดขึ้นมาในใจ รู้แจ้งดีว่าเขาไม่อาจขอให้ท่านเซียนลงมือช่วยเหลือได้โดยตรง
การกระทำและสิ่งที่ท่านเซียนคิดจะต้องมีความหมายลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถทำให้แผนการของท่านเซียนยุ่งเหยิงได้!
แต่เขามั่นใจว่าตนเองทำไม่ได้!
เขา...ไม่สามารถทำได้จริง ๆ!
เขากังวลเป็นอย่างมาก
‘นี่คือยิ่งมีพลังมากยิ่งต้องรับผิดมากอย่างนั้นหรือ? ท่านเซียนชี้แนะข้ามากที่สุด ดังนั้นข้าจึงมีภาระหนักสุดอยู่บนบ่า…’
เมิ่งจีคิดขึ้นมาอย่างเศร้าใจระคนกลัดกลุ้ม “ถ้าหากข้าสามารถเปลี่ยนร่างเป็นแมวขาวได้ก็คงจะดี ข้าเองก็อยากเป็นเพียงแมวขาวตัวน้อยคอยอยู่ข้างกายท่านเซียน”
แม้ว่าจะกลัดกลุ้มมากเท่าใด แต่สิ่งใดที่สมควรทำก็ยังคงต้องทำ
เขาเมิ่งจีจะไม่หลีกเลี่ยงเพียงเพราะความยากลำบากอย่างแน่นอน เขาไม่สามารถปัดแผนการที่ท่านเซียนตระเตรียมไว้ให้ได้
แผนการของท่านเซียน นับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญเสียยิ่งกว่าชีวิตของเขา!
นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าท่านเซียนจะต้องเตรียมการเผื่อเอาไว้แล้ว เขาไม่น่าจะได้รับมอบหมายหน้าที่ที่ตนเองไม่อาจทำสำเร็จได้
“สหาย พวกเราไปพูดคุยกับเก้าแดนต้องห้ามกันเถิด อาณาจักรเทียนหยวนมาเพื่อสังหาร แดนมรณาเองก็กำลังตามเข้ามา เกรงว่ากระทั่งเก้าแดนต้องห้ามก็ยากจะสามารถปกป้องตัวเองเอาไว้ได้!”
เมิ่งจีกล่าวขึ้นมา
“ตกลง!”
ไป๋มู่พยักหน้า “สิ่งที่สหายกล่าวมาตรงกับที่ข้าคิด เก้าแดนต้องห้ามนั้นไม่แยแสสิ่งมมีชีวิตอื่น ทว่าพวกมันจะไม่สนใจตนเองได้อย่างไร?”
เขากล่าวต่อ “หากมีเพียงอาณาจักรเทียนหยวนมาเข่นฆ่าสังหาร เก้าแดนต้องห้ามอาจไม่หวาดเกรง ทว่าคราวนี้ไม่ได้มีเพียงแต่อาณาจักรเทียนหยวน เบื้องหลังยังมีแดนมรณาที่จะบุกเข้ามาอีก ข้าไม่เชื่อว่าเก้าแดนต้องห้ามจะไม่เกิดความหวาดกลัว!”
เขายังคงกล่าวต่อไป “จุดประสงค์ที่ข้าบอกข้อมูลเกี่ยวกับเก้าแดนต้องห้ามกับสหาย ก็เพื่อให้สหายมีเวลาได้เตรียมใจ หากสามารถพูดคุยกันได้ก็ดีไป แต่หากพูดคุยกันไม่ได้....หลังจากนั้นคงจะจบไม่สวยเท่าไรนัก”
“ข้าเข้าใจ”
เมิ่งจีพยักหน้า เข้าใจความหมายของคำพูดไป๋มู่
เก้าแดนต้องห้ามโหดร้ายเต็มไปด้วยคาวเลือด หากไม่สามารถพูดคุยได้ พวกเขาคงไม่อาจก้าวออกมาอย่างมีชีวิตโดยง่ายดาย
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้มีเวลาไม่มากแต่ก็ไม่อาจเร่งรีบ ข้าจำเป็นต้องเตรียมการและติดต่อกับยอดนิกายและยอดเผ่าอื่น ๆ จากนั้นค่อยไปออกเดินทางไปเก้าแดนต้องห้าม!” ไป๋มู่กล่าว
“ตกลง ทว่าพวกเราสมควรหาแดนต้องห้ามที่อ่อนแอง่ายต่อการพูดคุยก่อนจะดีกว่า อย่าพึ่งไปหาแดนต้องห้ามที่แข็งแกร่งก่อน” เมิ่งจีพูด
“แน่นอน! ความแข็งแกร่งของเก้าแดนต้องห้ามไม่ห่างไกลกันมากนัก ทว่าก็ยังมีความแตกต่างอยู่ดี ตามข้อมูลความเข้าใจของพวกเราแล้ว ทะเลต้องห้ามเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ความแข็งแกร่งนับว่าอ่อนแอในหมู่แดนต้องห้าม ข้าคิดว่าพวกเราควรจะไปทะเลต้องห้ามเป็นลำดับแรก”
ไป๋มู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา
“ตกลง เช่นนั้นพวกเราเตรียมตัวให้พร้อมก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยไปยังทะเลต้องห้าม”
เมิ่งจีพยักหน้า ก่อนจากไปพร้อมไป๋มู่
...
ณ เมืองชิงซาน
ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
แสงแดดกำลังพอดี ส่วนอุณหภูมินั้นถูกลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์ควบคุมเอาไว้ให้ไม่ร้อนไม่หนาว หลี่จิ่วเต้าจึงนอนสบายใจอยู่บนเก้าอี้โยกพลางกินโยเกิร์ต
โยเกิร์ตที่เขาทำออกมายอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเพิ่มรสชาติต่าง ๆ เข้าไป มีทั้งองุ่น แอปเปิ้ล และสาลี่
ที่เขากำลังกินอยู่ในตอนนี้คือรสองุ่น
นมจากวัวที่หลิงอินและเสี่ยวหยานำมานั้นมีคุณภาพดียิ่ง ทั้งบริสุทธิ์และอร่อย
องุ่น แอปเปิ้ล และสาลี่ที่เซี่ยเหยียนนำกลับมาด้วยก็อร่อยเป็นอย่างมาก ดีกว่าที่ขายตามท้องถนนไม่รู้เท่าไร
โยเกิร์ตที่เขาทำขึ้นมาจากการผสมองุ่น แอปเปิ้ล และสาลี่ลงไปมีรสชาติดียิ่งกว่าโยเกิร์ตที่ดาวเคราะห์สีฟ้าเป็นอย่างมาก
เขายังทำเค้กผลไม้ชิ้นเล็ก ๆ เก็บเอาไว้ด้านในตู้เย็นพร้อมกับโยเกิร์ต
“เซี่ยเหยียนติดต่อกับพวกอ้ายฉานแล้ว อีกไม่นานพวกเด็ก ๆ ก็น่าจะมาถึง...”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม ขณะที่ลงมือทำโยเกิร์ตและเค้ก เขาก็นึกถึงพวกอ้ายฉาน
ผ่านมาสักพักแล้วที่ไม่ได้เจอหน้า ชายหนุ่มจึงคิดถึงพวกเด็ก ๆ ไม่น้อย
เขาบอกให้เซี่ยเหยียนช่วยติดต่อพวกอ้ายฉาน เพื่อถามว่าพวกเด็ก ๆ มีเวลาหรือไม่ หากไม่ยุ่ง พอจะมีเวลาอยู่บ้าง ก็จะได้มากินเค้กกับโยเกิร์ตที่บ้านของเขาได้
พวกอ้ายฉานกล่าวตามตรงว่าไม่ยุ่งและมีเวลามา ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง
เดิมที เขาเองก็ต้องการให้หลิงอินและเสี่ยวหยามากินด้วย แต่พวกนางไม่อยู่บ้าน ออกไปที่ไหนสักแห่ง
“ไม่เป็นไร ปล่อยให้พวกนางออกเดินทางเถอะ”
หลี่จิ่วเต้าทำเค้กชิ้นเล็กและโยเกิร์ตจำนวนมากเก็บเอาไว้ในตู้เย็น มันย่อมไม่เสีย สามารถรอจนกระทั่งหลิงอินและเสี่ยวหยากลับมาค่อยกินก็ได้
“โลกเสมือนนี้เล่นสนุกเสียจริง!”
หลี่จิ่วเต้านอนบนเก้าอี้โยก มือหนึ่งถือแท็บแลต อีกมือเลื่อนภาพในกระจก
ตั้งแต่ได้เล่นโลกเสมือนในกำมือ เขาก็สนุกสนานเพลิดเพลินกับการเล่นจนถึงตอนนี้
มันสนุกยิ่งกว่าเกมของดาวเคราะห์สีฟ้าเป็นอย่างมาก โลกเสมือนภายในกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ทั้งยังสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่ ทำทุกสิ่งได้ตามปรารถนา ชวนเพลิดเพลินอย่างถึงที่สุด
“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?”
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของชายหนุ่มก็พลันแปรเปลี่ยน อารมณ์ที่ดีอยู่ก่อนหน้าสลายหายไปหมด เมื่อได้เห็นฉากหนึ่งในแท็บเล็ตที่ทำให้เขาอึดอัดใจเป็นอย่างมาก!
บทที่ 452
เลือดไหลนองทุกหนแห่ง ศพกระจายเกลื่อนกลาด บ้านเรือนพังทลาย ที่แห่งนี้เพิ่งเกิดการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ขึ้นหรือไม่?
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาชอบดูหนังสยองขวัญ เคยดูหนังแนวนี้มามากตอนอยู่บนดาวเคราะห์สีฟ้าจนมีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ เขาคงจะอาเจียนออกมาเมื่อเห็นฉากนองเลือดเช่นนี้
‘ยังดีที่ไม่ใช่โลกแห่งความจริง!’
หลี่จิ่วเต้าอดกล่าวขึ้นมาในใจไม่ได้
เขาเล่นแท็บเล็ตมาหลายวัน ได้รู้ว่าแม้โลกในแท็บเล็ตจะเป็นโลกเสมือน แต่ก็มีความสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก ทุกอย่างล้วนคล้ายคลึงกับโลกแห่งความเป็นจริง ด้านในมีสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อาศัยอยู่
มีทั้งปุถุชน ผู้ฝึกตน และอสูร เป็นต้น
แม้เขาจะรู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ตายไปเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องสมมติ ไม่ใช่เรื่องจริง ทว่าภายในใจกลับยังทนไม่ได้อยู่ดี
“โปรยพิรุณคืนชีพ ทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
นี่คือโลกเสมือนในฝ่ามือของเขา เขาเป็นผู้ที่มีอำนาจทุกอย่าง ปรารถนาสิ่งใดก็ทำได้ตามต้องการ จะพลิกน้ำคว่ำสมุทร เคลื่อนดวงดารา คืนชีพผู้ที่ตายไปแล้ว เพียงแค่เขาคิดทุกอย่างล้วนทำได้
แปะ แปะ...
สิ้นคำพูดนั้น เสียงฝนก็ดังออกมาจากแท็บเล็ต นี่ไม่ใช่ฝนธรรมดา แต่ละหยดที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าล้วนเปล่งประกายด้วยความศักดิ์สิทธิ์
เห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อหยาดพิรุณโปรยปรายลงมา เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วก็เริ่มค่อย ๆ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาทีละคนทีละคน ซากปรักหักพังก็เริ่มค่อย ๆ ฟื้นสภาพกลับคืนทีละน้อย!
เมี้ยว!
ลั่วสุ่ยที่อยู่ด้านข้างถึงกับร้องออกมาด้วยความตื่นตะลึงอย่างแท้จริงเมื่อได้เห็นฉากดังกล่าว
สวรรค์! นะ...นี่มันอะไรกัน?
นางอยู่ข้างกายท่านเซียนมานานมากแล้ว ชินชากับวิธีการและความสามารถอันน่าทึ่งทุกประเภทของท่านเซียนไปแล้ว ทว่าเมื่อนางได้เห็นฉากดังกล่าว ก็ยังคงตกใจเป็นอย่างมากจนหัวใจแทบจะกระเด็นกระดอนออกมาจากร่าง!
ท่านเซียนเพียงเอ่ยออกมาแผ่วเบา ที่แห่งนั้นกลับปรากฏสายฝนตกกระหน่ำ หยาดพิรุณแต่ละหยดแฝงไว้ด้วยพลังเหนือจินตนาการ สิ่งมีชีวิตที่ตายไปทั้งหมดต่างฟื้นคืนชีพ บ้านเรือนที่พังทลายก็ได้รับการฟื้นฟูทั้งหมด!
ต้องน่าหวาดเกรงเพียงใดจึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้!
...
ณ แดนหยิน จวินโจว
เมิ่งจีและไป๋มู่กำลังลอยอยู่บนอากาศ เตรียมกลับไปยังตระกูลไป๋เพื่อเตรียมการสำหรับการมาเยือนทะเลต้องห้าม
แต่ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็พลันสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ต่างพากันหยุดนิ่งหันกลับไปมองด้านหลัง
“อะไรกัน!”
“นี่...นี่...นี่!”
พวกเขาทั้งสองคนต่างอ้าปากกว้างจนกรามแทบจะแตะลงพื้น!
มองจากระยะไกลจะเห็นสถานที่ตั้งของอาณาจักรโบราณปรากฏเมฆก้อนใหญ่ด้านบนท้องฟ้า มีหยาดฝนเปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันไม่อาจจินตนาการถึงการโปรยปรายลงมา!
พวกเขาเห็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกเหลิงเจี้ยนสังหารอย่างโหดเหี้ยมกำลังค่อย ๆ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาทีละคน บ้านเรือนที่ถูกทำลายก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม
“คุณชาย!”
“คุณชาย!”
พวกเขาหันมาสบตาแล้วตะโกนออกมาพร้อมกัน
ด้วยวิธีการเช่นนี้ ความสามารถเช่นนี้ ทรงพลังถึงเพียงนี้ นอกจากท่านเซียนแล้ว ยังจะมีผู้ใดสามารถทำได้อีก?
ทั้งสองคนมองตากันด้วยความตกตะลึง ภายในใจราวกับมีคลื่นนับหมื่นเข้าซัด ตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด
ความสามารถในการฟื้นคืนชีพสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนจากระยะไกล แม้จะเป็นความฝัน พวกเขาก็ไม่กล้าคิดถึง!
“เจ้ากับข้าล้วนโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับตัวตนเช่นนี้!”
เมิ่งจีกล่าวกับไป๋มู่ด้วยถ้อยคำจากใจ
คุณชาย...เป็นเพียงเซียนท่านหนึ่งหรือ?
เซียนก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้!
คุณชายเกรงว่าจะเป็นจักรพรรดิในหมู่เซียน เป็นบรรพจารย์ของเหล่าเซียน!
ย้อนคิดไปถึงครั้งที่เขาบอกว่าจะรับคุณชายเป็นศิษย์ ใบหน้าพลันแดงปื้นขึ้นมา
ช่างไม่ประมาณตนเหลือเกิน ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!
“ใช่แล้ว!”
อารมณ์ของไป๋มู่ลึกล้ำเป็นอย่างมาก สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรงต่อท่านเซียน!
“ไปกันเถอะ! พวกเรากลับไปเตรียมตัวให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นจะได้ออกเดินทางไปยังทะเลต้องห้าม!”
เมิ่งจีกล่าว “พวกแดนต้องห้าม หวังว่าจะรู้ความอยู่บ้าง หากไม่รู้ความ แม้กระทั่งเถ้าธุลีก็คงไม่มีเหลือ!”
เมื่อเห็นท่านเซียนได้ฟื้นคืนชีพสิ่งมีชีวิตที่ตายไปของอาณาจักรโบราณ เขาก็พลันฮึกเหิมขึ้นมาทันใด
นี่แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาคิดก่อนหน้านี้ถูกต้อง
หัวใจของท่านเซียนเปี่ยมด้วยความเมตตาโอบอ้อมอารี ทนเห็นการนองเลือดอันโหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงลงมือชุบชีวิตผู้ที่สิ้นชีพลงไปแล้วของอาณาจักรโบราณ
นี่ยังแสดงให้เห็นว่าท่านเซียนจะต้องเตรียมแผนการอื่นเอาไว้แล้ว ไม่ปล่อยให้ไฟสงครามลุกลามเข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้
หากไฟสงครามลุกลามเข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะต้องทนทุกข์ทรมารอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเพียงใด
หลังจากแน่ใจว่าท่านเซียนยังคงมีแผนการอื่น เมิ่งจีก็รู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น
“ถูกแล้ว!
ไป๋มู่พยักหน้า เขาเองก็รู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
พวกเขาจะไม่มั่นใจได้อย่างไร?
ท่านเซียนผู้มีความสามารถเหนือจินตนาการ มีจิตใจเมตตาต่ออาณาจักรแห่งนี้ ถึงขนาดทนเห็นภาพนองเลือดไม่ได้ เช่นนั้นแล้วจะปล่อยให้อาณาจักรแห่งนี้เกิดประสบเรื่องร้ายได้อย่างใด?
แม้ว่าพลังของแดนมรณาที่อยู่เบื้องหลังอาณาจักรเทียนหยวนจะล้ำลึก แต่เขาเชื่อว่าพวกมันไม่อาจก่อการฆ่าล้างในอาณาจักรแห่งนี้ต่อหน้าท่านเซียนได้
ส่วนเก้าแดนต้องห้าม ยังจะมีค่าอะไรให้พูดถึงอีกกัน
“หวังว่าแดนต้องห้ามเหล่านี้จะรู้ความ!” เขากล่าวเสริม
...
ณ เมืองชิงซาน
ด้านในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
“ไม่เลว ไม่เลว! ค่อยดีขึ้นหน่อย...”
เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วในแท็บเล็ตค่อย ๆ ฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมา บนใบหน้าของหลี่จิ่วเต้าก็ปรากฏรอยยิ้มบาง
เขากวาดนิ้วไปบนแท็บเล็ตอีกครั้ง ภาพภายในแท็บเล็ตเปลี่ยนกลายเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาราสุกสกาวมากมาย
“ลองสัมผัสประสบการณ์เดินเล่นในอวกาศสักครั้ง”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นร่างที่เหมือนกับเขาทุกประการก็ปรากฏขึ้นด้านในแท็บเล็ต
นี่คือร่างของเขาในโลกเสมือน
ตราบเท่าที่เขาต้องการ เขาสามารถย่อส่วนตัวเองลงไปอยู่ในโลกเสมือน
ท่องไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ชมดวงดาราสุกสกาวทีละดวง หลี่จิ่วเต้าถึงกับกล่าวออกมาในใจว่าแท็บเล็ตนี้ช่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว
ไม่เช่นนั้นเขาจะสามารถเดินท่องไปในอวกาศอันเต็มไปด้วยดวงดาราได้อย่างไร ทั้งยังสามารถสัมผัสใกล้ชิดกับหมู่ดาวที่สุกสว่างเช่นนี้
แม้จะเป็นเพียงโลกเสมือน แต่ก็สมจริงเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มรู้สึกประหนึ่งตนเองได้ท่องไปบนห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยหมู่ดาวจริง ๆ
ตู้ม!
ในตอนนั้นเอง พลันมีบางสิ่งตกลงไปยังพื้นที่แห่งหนึ่งส่งเสียงดังสนั่นจนทำให้หลี่จิ่วเต้าตกใจ
“นั้นมันอะไรกัน?”
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้ว จ้องมองไปยังสถานที่แห่งนั้น
เขาเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลสิ่งใดกันที่สามารถทำเกิดเรื่องเช่นนี้ได้?
“นี่...มันอะไรกัน!?”
หลังจากหลี่จิ่วเต้าเห็นสิ่งนั้นอย่างชัดเจน คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นยิ่งขึ้น
เขาไม่เคยเห็น ‘สิ่ง’ แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน น่าสยดสยองเสียยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดในหนังไซไฟในดาวเคราะห์สีฟ้าที่เขาเคยดูมา
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นยากจะพรรณนาออกมาครู่หนึ่ง
ดีที่สภาพจิตใจของเขานับว่าแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นเขาคงอาเจียนออกมาแล้ว...
บทที่ 453
นี่มัน ‘สิ่งมีชีวิต‘ อะไรกัน?
น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!
สิ่งมีชีวิตที่ถูกเย็บปะขึ้นมาหรือ?
มุมปากของหลี่จิ่วเต้ากระตุกระหว่างมองดู อารมณ์แต่เดิมที่กำลังดีจากการได้เที่ยวชมดาวสุกสกาวอย่างใกล้ชิดถูกทำลายลงหมดสิ้นจากสิ่งมีชีวิตที่ถูกเย็บปะติดปะต่อขึ้นมาจนน่าขยะแขยง
สิ่งที่น่าขยะแขยงนี้เป็นสิ่งมีชีวิตอะไรกัน?
มันมีลำตัวคล้ายกิ้งก่า ทว่าตัวใหญ่กว่ากิ้งก่าปกติไปมาก มันยาวถึงสิบกว่าเมตร ด้านหลังปกคลุมไปด้วยขนสีขาวที่ไม่ใช่เพียงขนสีขาวธรรมดา แต่กลับเหมือนหนอนสีขาวดิ้นไปมาเรียงกันหนาแน่นชวนให้รู้สึกขนลุก
หัวอสูรของมันเน่าเปื่อยไปกว่าครึ่ง เขาไม่รู้ว่ามันเป็นหัวของอสูรเผ่าใด เนื้อสีดำของมันแบะออกมีเลือดดำหยดลงมาเป็นครั้งคราวพร้อมกลิ่นเหม็นเน่าโชย
สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดคือ มือและเท้าของมันคือมือเท้าของเด็กเผ่ามนุษย์!
เป็นสิ่งมีชีวิตที่มั่วซั่ว ยิ่งดูยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดและน่าขยะแขยง!
โฮก!
อีกด้านหนึ่งอสูรกายตนนั้นคำรามออกมา ดวงตาสีแดงเลือดจับจ้องไปทางหลี่จิ่วเต้า
“รนหาที่ตาย กล้าดีอย่างไรถึงมาลอบโจมตีข้า!”
มันแสดงท่าทางเป็นปรปักษ์อย่างมาก ลมปราณอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงดาวขนาดใหญ่ถึงกับระเบิดพังทลายภายใต้พลังอันมหาศาลของมัน กลายเป็นเพียงเศษดาวล่องลอยอยู่กลางอวกาศ
มันโกรธจัดและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ในฐานะบรรพชนของทะเลต้องห้าม มันยืนอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน กระทั่งเทียนตี้ในสายตาของมันแล้วก็เป็นเพียงแค่มดปลวกที่สามารถฆ่าล้างได้ภายในอึดใจเดียว ทว่าตอนนี้มันกลับถูกลอบโจมตี คล้ายเป็นการยั่วยุมันอย่างร้ายแรง จะไม่ให้มันเกิดโทสะได้อย่างไร?
ใช่แล้ว มันคือบรรพชนที่ถอนตัวออกจากสมรภูมิฝั่งที่กำลังสู้รบกับแดนสังสารวัฏ มันกำลังมุ่งหน้าไปยังทะเลต้องห้าม เตรียมตัวจะคอยอยู่ปกป้องไม่ให้ฐานที่มั่นของทะเลต้องห้ามถูกทำลาย
พลังฟ้าดินโอบล้อมสร้างม่านแสงคุ้มกันทั้งอาณาจักร ทำให้สิ่งมีชีวิตจากภายนอกยากลุกล้ำ
อาณาจักรเทียนหยวนเองก็ถูกม่านแสงนี้ปิดกั้นเอาไว้
แต่ทว่ามันก็มีข้อยกเว้น
เมื่อเนิ่นหน้ามาแล้ว ทะเลต้องห้ามของพวกมันได้มาถึงยังอาณาจักรแห่งนั้นและจัดเตรียมแผนการต่าง ๆ เอาไว้ด้านใน พวกมันสร้างเส้นทางขึ้นมาในจักรวาลหมื่นดารา เชื่อมตรงกับอาณาจักรของพวกมัน
เป็นระยะเวลานานที่พวกมันเสริมสร้างความมั่นคงของเส้นทางแห่งนี้ เนื่องจากเส้นทางแห่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
เมื่อสถานที่แห่งนั้นปรากฏขึ้น กองกำลังของพวกมันจะสามารถใช้เส้นทางแห่งนี้เพื่อให้สามารถมาถึงอย่างรวดเร็ว
แม้พลังฟ้าดินของอาณาจักรแห่งนี้จะสร้างม่านแสร้งป้องกัน แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นเส้นทางของพวกมันทิ้งได้
ครั้งก่อนอสุรกายหัวกิเลนก็ได้เดินทางผ่านเส้นทางนี้
หากไม่มีเส้นทางแห่งนี้ กระทั่งอสุรกายหัวกิเลนเองก็จะถูกปิดกั้นเอาไว้ภายนอกไม่สามารถเข้ามาภายในอาณาจักรแห่งนี้ได้
ไม่เพียงแค่ทะเลต้องห้ามที่มีเส้นทางเช่นนี้ อีกแปดแดนต้องห้ามเองก็มีเส้นทางเช่นนี้เหมือนกัน
ในกาลเวลาอันยาวนานไม่รู้จบ พวกมันได้เสริมความมั่นคงของเส้นทางแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง
เดิมทีแล้ว บรรพชนผู้นี้กำลังเดินทางผ่านเส้นทางแห่งนั้น ทว่ากลับถูกพลังลึกลับบางอย่างจู่โจมใส่จนหลุดออกจากเส้นทาง ทำให้มันโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ลอบโจมตี? เหตุใดต้องลอบโจมตีด้วย เจ้าประเมินตนเองสูงไปหรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้าพูดไม่ออก
เหตุใดเขาต้องลอบโจมตีอสุรกายตนนี้ด้วย? เพื่อปล่อยให้มันมาทำให้เขารู้สึกขยะแขยงเช่นนั้นหรือ?
อย่ามาล้อเล่นเลย
“บังอาจมาลอบโจมตีข้า ทั้งยังกล้ากำแหงต่อหน้าข้า ให้ข้าดูเสียเถอะว่าเจ้าเป็นใคร มาจากที่แห่งใด!”
สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการเย็บปะยิ้มเย้ย ก่อนลงมือแผ่พลังมหาศาลโจมตีชายหนุ่มทันที
แม้ว่ามันจะโกรธเป็นอย่างมาก ทว่ามันก็ไม่ได้สูญเสียเหตุผล
หลี่จิ่วเต้ากล้าที่จะลอบโจมตีมัน เบื้องหลังจะต้องมีผู้สมรู้รวมคิดอยู่ อีกทั้งความแข็งแกร่งของเจ้าตัวจะต้องไม่อ่อนแออย่างแน่นอน มันตระหนักได้ถึงจุดนี้ จึงไม่ประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย ลงมือโจมตีด้วยพลังทั้งหมดที่มี!
ตู้ม!
อากาศระเบิดออก ดวงดาวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ลำแสงอันน่าหวาดกลัวพุ่งทำลายดวงดาวทั้งหมดที่เป็นทางผ่าน!
มันทรงพลังน่าหวาดหวั่นอย่างมาก ในจักรวาลหมื่นดาราพลังของมันไม่ได้ถูกสะกดข่มเอาไว้เหมือนด้านในอาณาจักร
“…”
หลี่จิ่วเตาถึงกับพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม
เขากล่าวขึ้นมาในใจว่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกปะติดปะต่อดูน่าแขยงก็แล้วไปเถอะ แต่เหตุใดจึงดูไม่เป็นมิตรถึงเพียงนี้
อย่าล้อเล่นน่า นี่ไม่ใช่โลกความจริงเสียหน่อย แต่เป็นโลกเสมือนที่อยู่ในกำมือของเขา ตัวเขานับได้ว่าเป็นผู้ชี้ขาดอย่างแท้จริง
“เฮ้อ ดวงดาวก็สวยถึงเพียงนั้น เหตุใดเจ้าจึงต้องทำลายมันทิ้งด้วย!”
หลี่จิ่วเต้าทอดถอนใจ “หยุดมือซะ เจ้าทำให้ข้าหมดอารมณ์เพลิดเพลินเป็นอย่างมาก”
สิ้นเสียงของเขา พลังที่สิ่งมีชีวิตเย็บปะโจมตีออกมาก็ถูกลบล้างไปจนสิ้นในพริบตา
ขณะเดียวกัน ดวงดาวที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ กลับมารวมตัวเข้าตัวกันทีละน้อย ก่อนจะกลายเป็นดวงดาวสว่างไสวในจักรวาลเช่นเดิมในท้ายที่สุด
ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม!
มารดามันเถอะ!
นี่มันความสามารถอะไรกัน!?
ข้าไปยุแหย่ผู้ใดกัน!
สิ่งมีชีวิตเย็บปะรู้สึกหวาดกลัวจนถึงกระดูก กระทั่งจิตวิญญาณก็ยังสั่นสะท้านไม่หยุด
ตัวมันเองก็นับได้ว่าเป็นยอดฝืมือในขั้นเทียนตี้ ครอบครองพลังอันล้ำลึกไม่อาจหยั่งถึง
แต่เมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว มันไม่อาจนับว่าเป็นสิ่งใดได้!
ลบล้างพลังทั้งหมดเพียงพริบตา ทั้งยังฟื้นคืนดวงดาวที่ถูกทำลายกลับคืนสู่สภาพเดิม!
สวรรค์ ต้องมีพลังมากเพียงใดจึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย!?
“หนี!”
มันตื่นตระหนกขวัญผวา ไม่กล้ารั้งรออีกต่อไป นี่คือตัวตนบนจุดสูงสุดที่สามารถสังหารมันได้สบาย ๆ!
“อย่าวิ่งมั่วซั่ว เจ้าที่เป็นเช่นนี้ทำให้คนอื่นหวาดกลัวได้ง่ายดาย ข้าจะช่วยเจ้าเปลี่ยนให้น่ารักขึ้นเล็กน้อย”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ ทันใดนั้น สิ่งมีชีวิตเย็บปะที่หนีไปไกลลิบก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งดึงกลับมาอยู่ด้านหน้าของเขาในทันที มันไม่สามารถขยับได้ กระทั่งเอ่ยวาจาใดก็ยังไม่อาจทำได้!
ช่วยเปลี่ยนมัน?
ทำให้มันน่ารักขึ้นอีกหน่อย!?
อย่าทำเช่นนั้น!
สิ่งมีชีวิตเย็บปะร้องไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา
การรวบรวมชิ้นส่วนมาจากผู้แข็งแกร่งที่สุดประกอบเป็นร่างใหญ่โตเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ในตอนนี้มันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หากรู้ตั้งแต่แรกว่าจะต้องประสบชะตาเช่นนี้ มันไม่น่าวิ่งหนีเลย!
“อย่าร้องไห้ไป ฝีมือของข้าดีมาก รับรองว่าหลังจากที่เปลี่ยนให้เจ้าแล้ว จะต้องน่ารักอย่างแน่นอน ผู้ใดพบก็เอ็นดู”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มลงมือ
แน่นอนว่า ลงมือทำของเขานั้น ไม่ได้หมายถึงการใช้มือค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเย็บปะจริง ๆ
สิ่งมีชีวิตเย็บปะมีเลือดหนองสีดำไหลออกมาเป็นครั้งคราว น่าขยะแขยงอย่างถึงที่สุด เขาไม่มีทางแตะต้องสิ่งมีชีวิตเย็บปะด้วยมือของเขาอย่างแน่นอน
เขานึกถึงรูปลักษ์ของสิ่งมีชีวิตเย็บปะที่ต้องการปรับเปลี่ยน หลังจากนั้นมีลำแสงสาดทอลงมาจากเบื้องบนลงใส่สิ่งมีชีวิตเย็บปะเส้นแล้วเส้นเล่า
ร่างกายของสิ่งมีชีวิตเย็บปะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทีละน้อย
บทที่ 454
เมื่อลำแสงส่องผ่าน สิ่งมีชีวิตเย็บปะก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมาก มันดูไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่มีร่องรอยของการเย็บปะติดปะต่อ กลายเป็นอสูรตัวน้อยอย่างสมบูรณ์
หูใบใหญ่ลู่ขึ้น ดวงตาสองข้างกลมโต ขนสั้นสีขาวสว่างเรียบเนียน หางเล็กกลมฟูฟ่อง กลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักตนหนึ่ง!
มันกลายเป็นกระต่ายขาวตัวน้อย!
“กระต่ายขาวตัวน้อย น่ารักเป็นอย่างมาก ดูดีกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างยิ่ง!”
หลี่จิ่วเต้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก กระต่ายสีขาวตัวน้อยทำให้ผู้คนชื่นชอบได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง ดีกว่าสิ่งมีชีวิตเย็บปะก่อนหน้าเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้สิ่งมีชีวิตเย็บปะมีเลือดหนองสีดำปกคลุมร่าง บนหลังเองก็มีสิ่งคล้ายหนอนสีขาวดิ้นไปมาบนหลัง แม้กระทั่งส่วนหัวเองก็มีเพียงแค่ครึ่งเดียวไม่สมบูรณ์ ยิ่งดูยิ่งรู้สึกน่าหวาดกลัวและน่าขยะแขยง!
ตอนนี้มันน่ารักขึ้นมา ประหนึ่งสัตว์เลี้ยงแสนน่าเอ็นดู
ทว่าหลี่จิ่วเต้าไม่มีความคิดที่จะนำเอามันมาเป็นสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด
รูปลักษ์น่าเกลียดน่ากลัวก่อนหน้านี้ของมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ในตอนนี้แม้ว่ามันจะน่ารักเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถลืมรูปลักษณ์ก่อนหน้าของมันได้ ยิ่งไม่มีทางยอมรับมันเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างแน่นอน
“เจ้าดุร้ายไม่เป็นมิตรอย่างมาก คิดจะสังหารผู้ใดก็ลงมือตามใจ เกรงว่าก่อนหน้านี้เรื่องเลวร้ายอันใดเจ้าก็ล้วนเคยทำมาแล้ว”
หลี่จิ่วเต้ามองไปที่มัน “วันนี้ข้าไม่สังหารเจ้า จะปล่อยเจ้าไปสักครา หากแต่ข้าคงต้องเอาพลังของเจ้าไป ไม่อาจปล่อยให้เจ้ามีพลังเช่นนี้อีก”
สิ่งมีชีวิตเย็บปะเน่าเฟะมองแล้วไม่มีสิ่งใดดีตั้งแต่แวบแรกที่เห็น
นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตเย็บปะยังต้องการจะสังหารเขา ความเป็นปรปักษ์รุนแรงอย่างถึงที่สุด หากยังปล่อยให้สิ่งมีชีวิตเย็บปะครอบครองพลังนั้นต่อไป จะต้องเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับสรรพสัตว์ในโลกเสมือนแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
เขาต้องการจะเอาพลังของสิ่งมีชีวิตเย็บปะออกไป เพื่อที่มันจะได้ไม่สามารถทำเรื่องเลวร้ายได้อีกต่อไป
หลังจากเขาพูดจบ เต๋าสูงสุดก็ปรากกฏขึ้นมาจากห้วงความว่างเปล่า ค่อย ๆ หลั่งไหลเข้าไปในร่างของสิ่งมีชีวิตเย็บปะ กำจัดพลังทั้งหมดของมันออกไปสิ้น!
ระหว่างที่ทุกอย่างกำลังดำเนินอยู่ สิ่งมีชีวิตเย็บปะก็พยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ ทว่ามันก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
“ข้า...กลายเป็นกระต่ายขาวตัวน้อย ทั้งยังถูกริบพลังไป!”
สิ่งมีชีวิตเย็บปะร้องไห้ออกมาด้วยความสิ้นหวัง
มันช่างน่าเวทนาเหลือเกิน!
มันดำรงอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน ขั้นการฝึกฝนมาถึงระดับสูงสุด เป็นถึงบรรพชนผู้หนึ่งของอาณาจักรทะเลต้องห้าม!
ทว่าตอนนี้มันกลายเป็นเพียงกระต่ายสีขาวตัวน้อยที่ต่ำต้อยที่สุด ไม่มีแม้แต่เรื่ยวแรงใด ๆ...
มันอยากตาย อยากตายจริง ๆ นี่มันยากจะรับได้ยิ่งกว่าการสังหารมันทิ้งเสียอีก!
นอกจากนี้ภายในใจของมันยังตกใจอย่างถึงที่สุด
คนผู้นี้เป็นตัวตนใดกันแน่?
เพียงแค่เอ่ยปาก เต๋าสูงสุดก็ปรากฏออกมาจัดการพลังทั้งหมดในร่างของมัน นี่นับว่าน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า มันเล็กจ้อยไม่อาจเป็นได้กระทั่งเศษธุลี...
“ตอนนี้เจ้าไม่มีพลังทำสิ่งใดบนจักรวาลหมื่นดาราแล้ว กลับไปเสียเถอะ”
หลึ่จิ่วเต้าโบกมือ ส่งมันกลับเข้าไปในช่องทางที่มันกระเด็นออกมา
“จำเอาไว้ ต่อจากนี้ก็เป็นคน อ่า ไม่สิ เป็นกระต่ายที่ดี”
แล้วร่างของชายหนุ่มก็อันตธานหายไปจากสถานที่แห่งนี้
“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังคงมีความหวัง! ข้ายังไม่ตายย่อมยังมีโอกาส เลวร้ายสุดก็แค่เริ่มฝึกฝนใหม่ตั้งแต่ต้น!”
ด้านในเส้นทางมิติ สิ่งมีชีวิตเย็บปะเอ่ยปลอบใจตนเอง
แม้ว่ามันจะน่าเวทนาไปบ้าง แต่มันก็ยังคงมีชีวิต ยังมีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่
“ไม่ดีแล้ว ข้าไม่สามารถกลับไปยังอาณาจักรตอนนี้ได้!”
สีหน้าของสิ่งมีชีวิตเย็บปะแปรเปลี่ยน
ด้วยสภาพในตอนนี้ มันไม่ต้องการไปที่ทะเลต้องห้ามแม้แต่น้อย เพราะในร่างไม่หลงเหลือพลังอยู่เลย ไม่สามารถนั่งแท่นรักษาการณ์สถานที่แห่งนั้นได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้มันต้องการจะกลับไปยังอาณาจักรของมัน และเริ่มฝึกฝนใหม่อีกครั้ง
ทว่ามันไม่สามารถกลับไปได้
อย่างน้อยก็กลับไปตอนนี้ไม่ได้
เบื้องหน้าของเขามีพลังมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาด้านในเส้นทาง แม้ว่าเส้นทางจะไม่ถูกทำลาย แต่ก็ยังคงได้รับผลกระทบ ปรากฏรอยแตกเล็ก ๆ ขึ้น
รอยแตกขนาดเล็กไม่นับเป็นปัญหาอันใดกับตัวมันในตอนก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย
ทว่าในตอนนี้แล้ว นับเป็นปัญหาใหญ่ยิ่ง
พลังทั้งหมดของมันถูกกำจัดออกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิถีเต๋าหรือพละกำลัง ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่กระต่ายขาวตัวน้อยธรรมดา ๆ
มีรอยแตกเกิดขึ้นบนเส้นทาง แม้ว่าจะเป็นเพียงรอยแตกที่เล็กมาก บางจนราวกับเส้นผม ทว่ามันในตอนนี้ก็ไม่อาจทนรับพลังมหาศาลจากภายนอกที่หลั่งไหลเข้ามาผ่านรอยแตกได้
ถ้าหากมันยังคงฝืนข้ามไปเช่นนี้ มันจะต้องถูกพลังที่หลั่งไหลเข้ามากำจัดทิ้งในทันทีอย่างแน่นอน
“มีเพียงแต่ต้องไปทะเลต้องห้าม!”
มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องไปยังทะเลต้องห้าม
“ไปที่นั่นก่อนก็ได้ อย่างไรเสียก็ใกล้ถึงปลายเส้นทางแล้ว หากข้ากลับไปยังอาณาจักรด้วยสภาพเช่นนี้จริง ๆ เกรงว่าข้าจะอดตายกลางทางเสียก่อน”
สิ่งมีชีวิตเย็บปะไม่ลังเลอีกต่อไป หันหลังกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้มันเป็นเพียงกระต่ายธรรมดา ระยะทางที่ต้องเดินทางนับว่าไกลลิบ และหากมันไม่มีอะไรกิน จะต้องอดตายแน่นอน
...
ณ ทะเลต้องห้าม
จ้าวสมุทรกำลังยุ่งอยู่กับการเก็บกวาด
ทะเลต้องห้ามที่แต่เดิมไม่สมบูรณ์ ถูกเขาจัดการฟื้นสภาพไปมากแล้ว
แม้ว่าจะไม่ได้ฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็ฟื้นฟูไปถึงหกหรือเจ็ดส่วนแล้ว
ทว่าด้านบนของทะเลต้องห้ามยังไม่ได้รับการฟื้นฟูแม้แต่น้อย สาเหตุหลักเป็นเพราะมีเขาอยู่เพียงผู้เดียว พลังจึงมีไม่เพียงพอ
เกาะแห่งนี้มีความสำคัญมากกว่า ดังนั้นเขาจึงจัดการฟื้นฟูที่แห่งนี้ก่อน
“ตามปกติท่านบรรพชนควรจะมาถึงได้แล้ว...เหตุใดยังมาไม่ถึงกัน?”
จ้าวสมุทรรำพึงกับตนเองด้วยความงุนงงเล็กน้อย
“ช่างมันเถอะ ไม่มาก็ดีแล้ว!”
เขาสายหัว ก่อนจะหยุดคิดเรื่องนี้
กล่าวตามตรงแล้ว ใจจริงเขาไม่อยากให้ท่านบรรพชนมาเสียด้วยซ้ำ
เหตุใดเขาจึงคิดเช่นนั้นหรือ
เพราะก่อนหน้านี้หลิงอินและเสี่ยวหยามาเพื่อจะหยิบยืมอาวุธวิเศษที่ใช้เดินทางข้ามจักรวาล เป็นเขาที่คิดมากไปเองว่าทั้งสองมาเพื่อชำระความกับทะเลต้องห้าม
เขาสังเวยสมาชิกทั้งหมดของทะเลต้องห้ามเพื่อเปิดผนึกทั้งหมดที่สามารถใช้ได้...
ทว่าหยกพกบนร่างของหลินอินนั้นน่ากลัวเกินไป ทุกสิ่งล้วนไร้ผล เขาไม่สามารถสังหารหลิงอินและเสี่ยวหยาได้
หากท่านบรรพชนล่วงรู้เรื่องทั้งหมด เกรงว่าท่านบรรพชนจะทุบตีเขาจนตาย!
จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้รายงานเรื่องราวทุกอย่างให้ท่านบรรพชนฟัง
อีกทั้งเขายังหวังว่าท่านบรรพชนจะไม่มาที่นี่!
...
ณ แดนหยิน แดนบูรพาทิศของเหยียนโจว
เณรน้อยหัวล้านกำลังขี่หมูป่าตนหนึ่งบินผ่านทองฟ้าอย่างรวดเร็ว
“อามิ...ต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา เจ้าหมูรีบวิ่งให้เร็วกว่านี้ ข้ารอที่จะได้พบคุณชายไม่ไหวแล้ว!”
เณรน้อยหัวโล้นบ่นออกมาซ้ำ ๆ
เขาคือต้าเต๋อ ผู้เดินทางออกจากแดนฝอ ตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนหลี่จิ่วเต้า
เขายังเด็กนัก เป็นเพียงเณรน้อยอายุไม่กี่ขวบปี ทว่าในมือกลับถือไหสุราที่ใหญ่กว่าหัวของเขา ไม่รู้ว่าระหว่างการเดินทางได้ดื่มไปมากน้องเพียงใด ใบหน้าเล็ก ๆ จึงแดงก่ำ
พี่ชาย!
ให้นกบินส่งท่านแทนมันดีหรือไม่?
เหตุใดท่านต้องมาวุ่นวายให้มันพามาด้วย!
ข้าเป็นเพียงแค่หมูตัวหนึ่ง ด้านการบินจะเอาสิ่งใดไปสู้พวกนกได้!
หมูป่าร้องไห้ออกมาอย่างไร้น้ำตา ภายในใจของมันระทมเป็นอย่างยิ่ง
เดิมทีมันกำลังงีบหลับอยู่บนภูเขาอย่างมีความสุข ทว่าจู่ ๆ ต้าเต๋าก็โผล่มา จากนั้นก็ใช้แรงงานมันเป็นพาหนะพาเขาบินมาตลอดทาง
“เนื้อหมูน่ากินยิ่ง หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดง หมูสองไฟ ขาหมูอบซอส ลำไส้หมูผัดหอม...”
ต้าเต๋อเมาจนพึมพำกับตนเอง กระทั่งมุมปากยังมีน้ำลายไหลออกมาหยดลงกระทบหลังของหมูป่า
บัดซบ!
หมูป่าตกใจกลัว หรือนี่คือเหตุผลที่เณรน้อยเลือกมันกัน?
เพราะว่า...มันน่าอร่อย?
นี่เป็นเณรประสาอะไรกัน!
เจ้าหมูป่าร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่ามันเศร้าโศกถึงเพียงใด
บทที่ 455
ท่ามกลางจักรวาลและดวงดารา มีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่กำลังแล่นไปข้างหน้า บนลำเรือมีคลื่นแสงกระเพื่อมออกมา แลดูศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้
บนเรือมีเสียงฉินอันไพเราะเสนาะหูดังขึ้นมา ซ้ำยังนำพาซึ่งอารมณ์ความคะนึงหา ทำให้ผู้ฟังอดเกิดความหวนเฝ้าคิดถึงไม่ได้
เสี่ยวหยาสวมเสื้อสีคราม ท่าทางสูงส่งงดงาม ผิวขาวเนียนดั่งหยกมันแพะ ใบหน้าพิลาสล้ำชวนตะลึง นิ้วเรียวจรดเล่นบรรเลงฉินปี้เทียนชางไห่
ในอีกด้านหนึ่ง หลิงอินกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝน บนร่างของนางมีแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า
หลังจากบรรเลงเพลงจบแล้ว รอยยิ้มหวานงดงามก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสี่ยวหยา ดวงตาของนางสดใสจนกล่าวได้เลยว่านางเบิกบานใจแค่ไหน
ในตอนนั้นเอง หลินอินก็เสร็จสิ้นการฝึกฝน นางเปิดดวงตากระจ่างใสของตนขึ้น
“พี่หลินอิน ข้ามีข่าวดีจะบอกท่าน วิถีกู่ฉินของข้ามีความก้าวหน้ามากขึ้น ตอนนี้ข้าสามารถใช้เสียงฉินช่วยเหลือพี่ชายของข้าได้แล้ว!”
เมื่อเสี่ยวหยาเห็นว่าหลิงอินฝึกเสร็จแล้ว จึงรีบวิ่งไปกล่าวกับหลิงอินด้วยรอยยิ้ม
“แม้ว่าพลังของข้าจะมีอยู่อย่างจำกัด แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยชะลอการถูกกัดกร่อนจิตใจของพี่ชายได้บ้าง!”
นางพูดกล่าวด้วยความสุขอย่างมาก
“ดียิ่ง!”
หลิงอินเองก็ดีใจมากเช่นกัน นี่หมายความว่าพี่ชายของเสี่ยวหยาสามารถอดทนต่อได้นานขึ้น เพื่อที่พวกนางจะได้มีโอกาสช่วยเหลือพี่ชายของเสี่ยวหยามากขึ้น
...
ด้านนอกหมื่นอาณาจักร ณ แดนสังสารวัฏ
สมรภูมิครั้งใหญ่ยังคงปะทุ ทั้งยังรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
แดนสังสารวัฏเชื่อมโยงเป็นเส้นทางเวียนว่ายของอาณาจักรนับหมื่น เบื้องหลังย่อมล้ำลึกอย่างถึงที่สุด แม้ว่าอาณาจักรแดนต้องห้ามต้องการจะฆ่าล้างทำลายแดนสังสารวัฏ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่แห่งนี้ยังเป็นอาณาเขตของแดนสังสารวัฏ นับเป็นข้อได้เปรียบ ทำให้อาณาจักรแดนต้องห้ามยากลำบากยิ่งกว่าเดิมในการจะทำลายแดนสังสารวัฏ
สมรภูมิครั้งนี้ไม่มีทางจบลงได้อย่างง่ายดาย เว้นแต่อาณาจักรแดนต้องห้ามจะถอนทัพกลับไป
ทว่าในตอนนี้สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรแดนต้องห้ามต่างกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่มีแผนการถอนทัพกลับไปในเร็ววัน
พวกมันจะถอนทัพได้อย่างไร!
พวกมันใช้กองกำลังแทบทั้งหมดยกทัพมาอย่างยิ่งใหญ่ หากต้องถอนทัพกลับไป พวกมันคงไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
การต่อสู้เกิดขึ้นทุกหนแห่ง โลหิตเปรอะเปื้อนแต่งแต้มสีแดงบนจักรวาลหมื่นดารา สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนสิ้นชีพลงที่นี่ ดาวดวงแล้วดวงเล่าถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่องในการปะทะ
“ผิด ผิดแล้ว ความคิดของข้านั้นผิด!”
ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาก่อนกล่าวในใจ
เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ในบริเวณสมรภูมิแห่งนี้ เขาแทบไม่มีคู่ต่อกร ขอบเขตของเขาอยู่เหนือยิ่งกว่าศัตรูทั้งหมด
ทว่าเขาไม่ได้สำแดงขอบเขตที่แท้จริงออกมา แต่กำลัง ‘แอบอู้งาน’ อยู่
เขากลายเป็นคนของท่านเซียนไปนานแล้ว ไม่ได้ทำงานให้กับแดนสังสารวัฏอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องต่อสู้อย่างสุดชีวิต เพียงแค่ต่อสู้บ้างก็พอแล้ว
และระหว่างกำลังต่อสู้ เขาก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีการทำสิ่งต่าง ๆ ให้ท่านเซียนมากยิ่งขึ้น
เขาสังหารผู้ตรวจการไปแล้ว ทำให้ตัวตนจ้าวตำหนักยังไม่ถูกเปิดเผย
แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะทำหน้าที่แทนจ้าวตำหนักย่อยผู้นี้ เขาต้องการจะเข้าไปด้านในตำหนักหลัก
หลังจากสามารถเข้าไปในตำหนักหลักแล้ว ทั้งอำนาจและตำแหน่งของเขาจะต้องสูงกว่าเดิมอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นตัวเขาก็จะสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ให้ท่านเซียนได้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้เขาคิดจะใช้ตัวตนของ ‘จ้าวตำหนัก’ ผู้นี้ปีนป่ายเข้าไปในตำหนักหลัก
ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่เขาจะสังหารผู้ตรวจการ เขาจึงทำการค้นวิญญาณของผู้ตรวจการเพื่อเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับจ้าวตำหนักผู้นี้เพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย
ทว่าหลังจากเขาได้ขบคิด ก็พบว่าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
หากเขาไม่เข้าไปในตำหนักหลักก็แล้วไป ตัวตนของเขามีโอกาสเกินครึ่งที่จะไม่ถูกเปิดเผย แต่หากเขาวางแผนจะเข้าไปในตำหนักหลัก เขาจะต้องละทิ้งตัวตน ‘จ้าวตำหนัก’ ผู้นี้
ตำหนักหลักนั้นไม่ธรรมดาสามัญ ที่แห่งนั้นมีผู้ปกครองที่แท้จริงของดินแดนสังสารวัฏอยู่ ขอบเขตความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งถึง
ต่อหน้าตัวตนเช่นนั้น ไม่ว่าเขาจะสามารถปลอมตัวได้ดีแค่ไหน ก็มีโอกาสเกินครึ่งที่ไม่อาจหลุดรอดไปได้ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะถูกเปิดโปง
ดังนั้นเขาจึงต้องละทิ้งตัวตนของ ‘จ้าวตำหนัก’ ผู้นี้ไป
‘ยังดีที่ข้าสามารถตระหนักได้ไว ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดแล้วหรือ? ปล่อยให้ ‘จ้าวตำหนัก’ ผู้นี้ตายลงไปในการต่อสู้ ก่อนจะใช้โอกาสนี้ ให้ตัวตนที่แท้จริงของข้าได้รับตำแหน่งนี้’
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคิด ในใจของเขาปรากฏแผนการขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
การสู้รบเกิดขึ้นทั่วทุกหนแห่ง ทั้งยังเกิดการตายขึ้นทุกที่ การที่ ‘จ้าวตำหนัก’ จะสิ้นชีพลงเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งไม่ใช่หรือ?
เมื่อ ‘จ้าวตำหนัก’ ตายแล้ว ขอเพียงแค่เขามีผลงานในการต่อสู้ครั้งใหญ่ เขายังจะต้องกังวลว่าจะไม่สามารถรับตำแหน่งแทนอีกหรือ?
‘เพื่อความมั่นใจอีกหน่อย จะต้องใช้โอกาสนี้ส่งจ้าวสังสารวัฏทั้งหมดไปตาย!’
เขากล่าวขึ้นมาในใจอีกครั้ง
ในหนึ่งตำหนักจะมีจ้าวสังสารวัฏอยู่จำนวนมาก เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ตัวตนที่เป็นรองเพียงจ้าวตำหนัก ทั้งยังมีโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจ้าวตำหนักคนใหม่
“เหล่าพี่น้องทั้งหลาย ทุกคนตามข้าบุกตะลุยไป พวกบัดซบนี่บังอาจบุกมาหมายทำลายแดนสังสารวัฏ พวกเราจะยอมทนได้อย่างไร? แม้ต้องต่อสู้หลั่งเลือดจนตายก็ต้องปกป้องแดนสังสารวัฏของพวกเราเอาไว้ให้ได้!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความฮึกเหิม เรียกให้จ้าวสังสารวัฏคนอื่นบุกตะลุยไปพร้อมกับเขา
“จ้าวตำหนักกล่าวถูกแล้ว!”
“ฆ่าพวกมัน!”
“ข้ามาแล้ว!”
เลือดลมภายในใจของจ้าวสังสารวัฏถูกจุดขึ้นมา พวกเขาต่างตามจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงบุกตะลุยขึ้นไปทันที
“ดีมาก วันนี้ไม่เราก็พวกมันที่ต้องตาย! ฆ่า!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนเสียงดัง ก่อนจะนำจ้าวสังสารวัฏบุกลุยเข้าไปข้างหน้า
ผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรต้องห้ามต่างพากันตกตะลึง
สถานการณ์นี้มันอะไรกัน?
เหตุใดคนผู้นี้จึงเปลี่ยนเป็นห้าวหาญ เลือดร้อนขนาดนี้?
ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เห็นจะห้าวหาญ เลือดร้อนเช่นนี้!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่อง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงนำจ้าวสังสารวัฏหลายคนพุ่งบุกไปด้านหน้า พวกเขายิ่งสังหารยิ่งเข้าไปลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนด้านหลังพวกเขาแทบจะไม่มีสมาชิกของแดนสังสารวัฏอยู่เบื้องหลัง รอบตัวล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเก้าแดนต้องห้าม
“ท่านจ้าวตำหนัก พวกเราบุกสังหารมาลึกเกินไปแล้วหรือไม่?”
มีจ้าวสังสารวัฏผู้หนึ่งกล่าวออกมา ภายในใจของเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก พวกเขาเข้ามาลึกเกินไปแล้ว หากมีสิ่งใดผิดพลาดพวกเขาจะต้องตายลงที่นี่อย่างแน่นอน
“ลึกเกินไป? จะสังหารแม่ทัพของศัตรูได้อย่างไรหากไม่เข้าไปลึก ๆ?”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนออกมาเสียงดัง “อย่าได้เกรงกลัว อย่าได้ขลาดเขลา พวกเราเป็นคนของแดนสังสารวัฏ หากตายเป็นเป็นผีของแดนสังสารวัฏ! วันนี้พวกเราจะสู้จนถึงที่สุดเพื่อแดนสังสารวัฏ!”
“จ้าวตำหนักยังไม่หวาดกลัว แล้วเหตุใดพวกเราจึงต้องกลัวด้วย?”
“ใช่แล้ว!”
“ฆ่า!”
“พวกเรายินดีจะติดตามจ้าวตำหนักไปสังหารศัตรู!”
เลือดลมในใจของจ้าวสังสารวัฏถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาพุ่งเข้าไปบุกฆ่าสังหารกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงลึกเข้าไปยิ่งขึ้น
“ดีมาก แดนสังสารวัฏจะไม่มีวันลืมพวกเจ้า พวกเจ้าทุกคนล้วนจะกลายเป็นวีรชนแห่งแดนสังสารวัฏ!”
จักรพรรดิหวงหลงบุกลุยเข้าไปอย่างห้าวหาญพร้อมพูดเสียงดังกับจ้าวสังสารวัฏ
หลังจากนั้นเขาก็มองไปทางผู้แข็งแกร่งของอาณาจักรต้องห้ามคนหนึ่ง แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เจ้าเป็นเพียงแค่มดปลวก กลับกล้าคิดจะทำลายแดนสังสารวัฏหรือ? วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าแดนของพวกเราทรงพลังมากเพียงใด เจ้าจะต้องถูกสังหารลงที่นี่!”
“หืม?”
ผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรต้องห้ามผู้นั้นสังหารคู่ต่อสู้ของเขาจนตายด้วยการลงมือครั้งเดียว สายตาจับจ้องไปทางจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงด้วยสีหน้าแปลกประหลาดเล็กน้อย
“มองอะไร ไม่ว่าอย่างไรหัวสุนัขของเจ้าก็จะถูกตัดลงในวันนี้!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนออกมาเสียงดัง
ไม่ใช่แล้ว!
จ้าวตำหนักฮึกเหิมเกินไปแล้วหรือเปล่า!?
ด้านหลังจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง จ้าวสังสารวัฏพากันหวาดกลัวจนแข้งขาสั่น
พวกเขาจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร!
ผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรต้องห้ามผู้นั้นที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนใส่ โคจรลมปราณออกมาอย่างไม่ปิดบัง ดูเหมือนว่าจะเป็นถึงขั้นตี้จวิน!
“เอาความกล้ามาจากที่ใดกัน! จ้าวตำหนักเองก็เป็นเพียงแค่ตี้หวงผู้หนึ่งเท่านั้น!”
จ้าวสังสารวัฏทั้งหลายร้องไห้ออกมาอย่างไร้น้ำตา ภายในใจต่างร่ำร้องออกมา
ขอบเขตของพวกเขาต่ำกว่า เป็นเพียงแค่ขั้นตี้หวง!
ไปยั่วยุตี้จวินผู้หนึ่งเช่นนี้ นับเป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“พี่น้องทั้งหลายสู้ไปพร้อมกับข้า สับไอ้สารเลวผู้นี้ให้ตาย!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงราวกับไม่รับรู้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรต้องห้ามผู้นั้น จึงตะโกนให้จ้าวสังสารวัฏทั้งหลายมาร่วมต่อสู้กับเขา
ทุกคนต่างพากันร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
พวกเขาต้องการจะกล่าวออกมาเป็นอย่างมากว่า จ้าวตำหนัก ท่านอยากตายก็อย่ารนหาที่ตายเช่นนี้เลย!
พวกเขาช่างโชคร้ายเสียจริง เหตุใดจึงต้องมีคนผู้นี้เป็นจ้าวตำหนัก?
จะเลือดร้อน*[1]เกินไปแล้ว!
[1] เลือดร้อน (打过) ในที่นี้ หมายถึง เล่นหมากล้อมแล้วบุกเข้าไปลึกหรือเร็วเกินไปแล้ว