จ้าวสมุทรอยากฆ่าตัวเองเสีย
แต่เดิมหลิงอินมิได้ประสงค์ร้าย มาเพื่อยืมของวิเศษเท่านั้น เขากลับคิดไปไกล ทึกทักเอาเองว่านางมาเพื่อคิดบัญชีกับพวกเขาทะเลต้องห้าม หยุดยั้งสุดชีวิต จนพาสมาชิกทุกตนในทะเลต้องห้ามไปตายทั้งหมด!
โธ่เว้ย…อย่าให้พูดเลยว่าเขาทรมานใจปานใด!
‘ข้าควรรายงานท่านบรรพชนหรือไม่ว่าไม่ต้องมาแล้ว’
เขาคิดเงียบ ๆ ในใจ
สถานที่แห่งนี้สำคัญยิ่งจะปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันเป็นฐานทัพหลักในอาณาจักรแห่งนี้ของพวกเขาทะเลต้องห้าม แล้วยังเป็นฐานทัพที่พวกเขาตั้งเพื่อทำศึกแย่งชิงกับดินแดนนั้นอีกด้วย
หลังท่านบูรพาจารย์ตายไป เขาจึงรายงานขึ้นไปทันที อาณาจักรซึ่งอยู่เบื้องหลังตัดสินใจทันทีว่าจะส่งบรรพชนคนหนึ่งมาพิทักษ์แดนนี้ ป้องกันมิให้เกิดเรื่อง
ทว่าเพื่อล้างบางแดนสังสารวัฏ บรรพชนทั้งหลายล้วนมุ่งหน้าไปที่สนามรบ ไม่อาจจุติลงมาในทันที
เบื้องบนสั่งให้เขาไม่ว่าอย่างไรต้องคุ้มกันที่นี่จนกว่าท่านบรรพชนมาถึง
ก่อนหน้านี้ที่หลิงอินยังไม่เข้ามาที่เกาะ เขาหวังอย่างยิ่งว่าท่านบรรพชนจะรีบจุติลงมา เพื่อสกัดกั้นนาง
ทว่าบัดนี้…เขาหวังให้ท่านบรรพชนไม่ต้องมาแล้ว
นี่ถ้า…ท่านบรรพชนรู้ความจริงเข้า คงได้ตบเขาตายในฝ่ามือเดียว
ทั้งที่ควรไม่เป็นไร เขากลับพาสมาชิกทุกตนในทะเลต้องห้ามไปตาย…
เขาอยากรายงานท่านบรรพชนว่าไม่ต้องมาแล้ว ทว่าเขาทำได้แค่คิดเท่านั้น ไฉนเลยจะกล้าบอกให้ท่านบรรพชนไม่ต้องมาจริง ๆ
แล้วจะใช้ข้ออ้างใดมิให้ท่านบรรพชนมา
ไม่มีเลย!
“ศาสตราที่ใช้เดินทางข้ามจักรวาลหรือ มีสิ ข้าจะไปหยิบให้เจ้าเดี๋ยวนี้!”
จ้าวสมุทรมิกล้าชักช้า รีบนำศาสตราที่เดินทางข้ามจักรวาลได้ออกมา
นี่คือสำเภามหึมา มีจังหวะแห่งจักรพรรดิไหลเวียนอยู่ทั่ว ขอบเขตสูงส่งเหนืออาวุธมหาจักรพรรดิ ดูวิเศษวิโสอย่างยิ่ง
อาณาจักรเบื้องหลังทะเลต้องห้ามมิใช่อาณาจักรเล็ก ๆ พวกเขาเดินทางข้ามจักรวาลอยู่บ่อยครั้ง ศาสตราเดินทางประเภทนี้จึงมีไม่น้อย
เขาอยากให้หลินอินรีบไปจากที่นี่ ไม่อยากให้หลิงอินปะหน้ากับท่านบรรพชน เช่นนี้เขาก็จะได้ปิดบังความจริง ลดทอนความผิดของตนลงไป
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ มาจากที่ใด”
หญิงสาวหันมองจ้าวสมุทร ดวงตาวาวโรจน์ด้วยประกายบีบคั้น
ยามนี้ทะเลต้องห้ามเหลือจ้าวสมุทรเพียงคนเดียว นางต้องการฆ่าจ้าวสมุทรเพื่อยุติภยันตรายทุกประการ
ทว่าลองทบทวนอย่างละเอียดแล้ว เรื่องนี้มิได้ง่ายเช่นนั้น
น่ากลัวว่าเบื้องหลังทะเลต้องห้ามยังมีกองกำลังอยู่ มิใช่แค่เท่าที่นางเห็น
อย่างเช่นบูรพาจารย์ที่นางไม่เคยได้พบ
บูรพาจารย์ผู้นั้นกล้าบุกไปฆ่านาง ย่อมต้องมีพลังแข็งแกร่งน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย มิฉะนั้นไฉนถึงกล้าไปฆ่านาง
อีกอย่าง กำลังด้านต่าง ๆ ของทะเลต้องห้ามแกร่งกล้ากว่าที่นางเคยมาครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด เกรงว่ามีความเกี่ยวข้องกับบูรพาจารย์ผู้นั้นด้วย
ทว่าเมื่อคราวนางมาเยือนทะเลต้องห้ามครั้งก่อน ไยบูรพาจารย์ผู้นี้ถึงไม่ปรากฏกาย
หากคิดดูดี ๆ บางทีบูรพาจารย์ผู้นี้อาจมาจากโลกภายนอกหลังนางไปแล้ว
เบื้องหลังทะเลต้องห้ามมีรากฐานที่ลึกล้ำยิ่งกว่านี้!
ไม่แน่ว่าจ้าวสมุทรก็มิใช่ผู้กำกับที่แท้จริง อาจเป็นเพียงผู้กำกับฉากหน้า
ต่อให้นางปลิดชีพจ้าวสมุทร ก็ไม่อาจหยุดยั้งภยันตรายใดได้ทั้งนั้น
อย่างที่คิด เป็นตามที่นางคาด จ้าวสมุทรยอมสารภาพความจริง กำลังที่แท้จริงของทะเลต้องห้ามมิได้มีเท่าที่เห็นในอาณาจักรนี้ พวกเขามีกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น!
“ทุกเรื่องล้วนคุยกันได้ ตราบใดที่เจ้าไม่ทำเกินไป หนี้แค้นระหว่างเรามีโอกาสคลี่คลายทั้งนั้น!”
จ้าวสมุทรกล่าว
เขายอมบอกภูมิหลังที่แท้จริงของทะเลต้องห้ามแต่โดยดี ก็เพื่อให้หลิงอินยำเกรง กลัวนางจะทำลายทุกอย่างให้ราบคาบจากการนี้
ส่วนลึกนั้นสำคัญยิ่ง ขอเพียงไม่เกิดเรื่องกับส่วนลึก สิ่งมีชีวิตในทะเลต้องห้ามที่ตายไปก็มิใช่เรื่องใหญ่ พวกเขายังเริ่มใหม่ได้
แต่หากส่วนลึกถูกทำลาย แผนการนับแต่ยุคโบราณของพวกเขาเป็นต้องสูญเปล่า หลังศึกแย่งชิงในดินแดนนั้นเริ่มขึ้น พวกเขาคงถูกเหยียบลงไป ไม่อาจแย่งชิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลิงอินปรายตามองจ้าวสมุทร “วันนี้ข้าไม่ฆ่าเจ้า ไว้ชีวิตเจ้าเพื่อให้เจ้าส่งข้อความไปให้พวกที่อยู่เบื้องหลัง อย่าได้ผลีผลามวางแผนร้ายใดอีก มิฉะนั้น ข้าจะบุกไปถึงรังของพวกเจ้า ทำลายรังของพวกเจ้าให้ราบคาบ!”
พูดจบ นางก็พาเสี่ยวหยาขึ้นสำเภา แล่นออกจากสถานที่นี้
นางมิได้เอาชีวิตจ้าวสมุทร เหลือเขาไว้เพื่อส่งต่อคำพูดของนาง
แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตเบื้องหลังทะเลต้องห้ามไม่แน่ว่าจะเกรงกลัวในวาจาของนาง
แต่บัดนี้นางไม่มีเวลามากนัก นางกับเสี่ยวหยาต้องไปช่วยพี่ชายของเสี่ยวหยา
หากมิใช่เช่นนี้ นางไม่มีทางเก็บจ้าวสมุทรไว้ส่งข่าว นางจะบุกไปที่รังของทะเลต้องห้าม เพื่อจบสิ้นภัยแฝงทั้งปวง
“อะไรกัน! ศึกแย่งชิงในดินแดนนั้นยังไม่เริ่มขึ้น ก็เสียหายร้ายแรงเพียงนี้แล้ว!”
จ้าวสมุทรรู้สึกแย่เหลือคณา
เพราะหลิงอินเพียงคนเดียว รากฐานของพวกเขาในอาณาจักรนี้ถึงถูกทำลายราบคาบ การพลิกผันเยี่ยงนี้เหนือความคาดหมายของเขาเสียอีก
ไม่แน่ว่าแม้แต่บรรพชนของพวกเขาก็คงคาดไม่ถึง…
“อย่าต่อกรกับนางอีกจะดีกว่า…”
เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ปอดแหกขึ้นมาจริง ๆ รู้สึกว่าขืนยังต่อกรกับหลิงอินต่อไปเรื่อย ๆ ทะเลต้องห้ามของพวกเขาคงยิ่งอเนจอนาถไปมากกว่านี้…
ต่อให้มีบรรพชนจุติก็ใช่ว่าจะแน่…
ฝีมือและพลังที่หลิงอินสำแดงออกมาน่าหวาดหวั่นเกินไป!
อีกด้าน หลิงอินขับเคลื่อนสำเภาไต่ขึ้นนภา ข้ามพ้นหมู่เมฆ ล่วงเลยจุดสูงสุดของผืนฟ้า มาอยู่นอกอาณาจักรแห่งนี้
“หากไม่ได้หยกคุ้มภัยที่ท่านเซียนประทาน ข้ามิกล้าออกไปง่าย ๆ จริง ๆ…”
นางหันกลับไปมอง แล้วเอ่ยในใจ
ออกไปนั้นง่าย กลับมานั้นยาก
นางมองเห็นกฎแห่งสวรรค์และโลกที่คลี่ปกคลุมอาณาจักรแห่งนี้อย่างชัดเจน ปกป้องคุ้มครองอาณาจักรนี้ไว้
การออกมาจากด้านในไม่ได้รับผลกระทบ ทว่าหากคิดจะเข้าไปจากด้านนอก ลำบากยากเข็ญ ต้องเผชิญกับแรงยับยั้งจากกฎแห่งสวรรค์และโลกมากมาย
ยังดีที่นางมีหยกคุ้มภัยที่ท่านเซียนประทานติดตัว คิดแล้วขากลับคงไม่ยากเท่าใด
ในอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาล ดาวเคราะห์ดวงใหญ่มากมายตั้งตระหง่าน ยิ่งใหญ่องอาจ สำเภาแล่นด้วยความเร็วสูง ข้ามผ่านดาราดวงแล้วดวงเล่า
เสี่ยวหยาบรรเลงฉิน จับสัมผัสตำแหน่งของพี่ชายพร้อมบอกทาง
การเดินทางข้ามจักรวาลมิใช่เรื่องง่ายที่เป็นไปอย่างราบรื่น แม้กระทั่งเทียนตี้ยังได้รับผลกระทบ ยังดีที่พวกหลิงอินได้สำเภามา มิฉะนั้น พวกนางไม่รู้จริง ๆ ว่าเมื่อใดจะไปถึงจุดที่พี่ชายของเสี่ยวหยาอยู่
นี่คือสำเภาที่อาณาจักรเบื้องหลังทะเลต้องห้ามสร้างขึ้นด้วยวัตถุดิบวิเศษหายากมากมาย ป้องกันแรงกดดันระหว่างการเดินทางข้ามจักรวาลได้
...
ณ เมืองชิงซาน
หลายวันมานี้อย่าให้พูดเลยว่าชีวิตของตงฟางเวิ่นน่าอภิรมย์เพียงใด
เขาได้ไปเล่นหมากกับท่านเซียนอยู่บ่อย ๆ ซ้ำยังได้ดื่มกับท่านเซียนอีกด้วย พลังขอบเขตของตนก็พุ่งพรวด
และหลายวันมานี้ เขาคุ้นชินกับชีวิตอย่างปุถุชนแล้ว ในวันปกติเขาสะกดพลังปราณทั้งหมด ไม่ใช้พลังผู้ฝึกตน เป็นเพียงตาเฒ่าธรรมดาคนหนึ่ง
“ไปตกปลาดีกว่า!”
วันนี้เขานึกคึกอยากตกปลา
จึงไปซื้อเครื่องมือตกปลาชุดหนึ่งจากในเมือง แล้วนำออกมานอกเมือง
ริมลำธาร ทัศนียภาพวิจิตร สายน้ำใสสกาว เห็นหมู่ปลาในนั้นได้อย่างชัดเจน
ริมฝั่งสองด้านมีคนมาตกปลามากมาย ตงฟางเวิ่นสอดส่ายสายตา เผยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ฮ่า ๆ เยี่ยม! ที่ตรงนี้ยังไม่มีผู้ใดยึดไป!”
เขาเอ่ยยิ้ม ๆ ท่าทางดีใจสุด ๆ
นั่นคือที่ที่เขาสังเกตเห็นยามเดินผ่านริมลำธารตั้งแต่มาเมืองชิงซานครั้งแรก
มีต้นหลิวสูงใหญ่ต้นหนึ่ง กิ่งก้านเจริญงอกงาม เขียวชอุ่มมีชีวิตชีวา ก้านหลิวลู่ลง พลิ้วไสวตามลม
ด้านข้างต้นหลิวมีก้อนหินรูปร่างพิลึกก้อนหนึ่ง หากนั่งตกปลาบนนี้คงกำลังดี
คราที่เขาเห็นที่ตรงนี้ก็รู้ว่าเป็นสถานที่เหมาะสมแก่การตกปลา!
ต้นหลิวและก้อนหินเห็นตงฟางเวิ่นเช่นกัน
พวกมันเห็นตงฟางเวิ่นจ้องมองพวกมันอยู่ตลอด นึกฉงนในใจ ฉงนว่าเหตุใดตงฟางเวิ่นถึงเอาแต่มองพวกมันอยู่อย่างนี้
นึกถึงเมื่อครั้งตงฟางเวิ่นเพิ่งมาถึง ก็เคยจ้องพวกมันเขม็งเช่นกัน
บัดซบ!
เขาคงมิได้คิดจะตกปลาที่นี่กระมัง!?
เมื่อต้นหลิวกับก้อนหินเห็นชุดอุปกรณ์ตกปลาบนหลังตงฟางเวิ่น ก็พอเดาออกแล้วว่าตงฟางเวิ่นต้องการสิ่งใด
ที่ตกปลาของท่านเซียน ตงฟางเวิ่นยังบังอาจยึดไปหรือ?
ไอ้เวร…เอ๊ย มิใช่ว่าหมอนี่คิดจะนั่งบนตัวข้านะ!
ก้อนหินก่นด่าในใจ
บทที่ 442
ตงฟางเวิ่นเดินมาพร้อมรอยยิ้ม
ครั้งล่าสุดที่เขาเดิมพันด้วยชีวิต ทำให้เขาได้รับอนาคตอันสดใสงดงาม ตอนนี้เขาจึงใช้ชีวิตทุกวันอย่างเบิกบานถึงที่สุด
ในตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
สามารถก้าวหน้าขึ้นไปหนึ่งก้าวบนขั้นตี้จวิน อยู่ห่างจากขั้นเทียนตี้เพียงเส้นบาง ๆ
สิ่งนี้ทำให้ในใจของเขาเกิดความตื่นเต้นจนบรรยายออกมาไม่ได้
เขาเพิ่งจะมาติดตามท่านเซียนเพียงไม่กี่วัน ความก้าวหน้ากลับรวดเร็วถึงเพียงนี้ หากเป็นก่อนหน้า เขาคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝัน!
เทียนตี้!
นี่คือจุดสูงสุดของขอบเขตมหาจักรพรรดิ จุดสูงสุดของการฝึกตนบนโลกมนุษย์
เมื่อก่อนตอนที่เขากลายเป็นตี้หวง เขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าตนเองจะสามารถกลายเป็นเทียนตี้ได้
ขั้นเทียนตี้นั้นยากที่จะบรรลุได้ นั่นเป็นจุดสูงสุดที่แท้จริง แม้ว่าเขาจะกลายเป็นตี้หวง ฟังดูแล้วอยู่ห่างจากเทียบตี้เพียงแค่สองขั้น ทว่าสองขั้นยากนักจะก้าวข้าม ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตเขาก็ไม่อาจก้าวข้ามไปได้
แต่ตอนนี้ล่ะ?
เขาในตอนนี้อยู่ห่างจากขั้นเทียนตี้เพียงหนึ่งก้าว สามารถบรรลุขั้นเทียนตี้ได้ตลอดเวลา สามารถถูกเรียกขานว่าเป็นครึ่งก้าวเทียนตี้ เขาจะไม่รู้สึกสะเทือนใจอย่างมากได้เช่นไร?
‘ท่านเซียนอาจไม่ใช่เซียนทั่วไป จะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าเซียนธรรมดาอย่างแน่นอน! เหนือเซียนขึ้นไปแล้วยังมีขอบเขตใดอีกหรือไม่?’
เขาคิดขึ้นมาในใจ รู้สึกคำว่า ‘เซียน’ ไม่เพียงพอจะนำมาเรียกขานคุณชาย
น่าเสียดาย ที่เขาไม่รู้ว่ามีขอบเขตอื่นเหนือขึ้นไปหรือไม่ เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะเรียกคุณชายด้วยคำใด
ขนาดคำว่าเซียนสำหรับพวกเขายังดูเลื่อนลอยและลึกลับ ไม่ต้องพูดถึงขอบเขตที่อยู่เหนือเซียนขึ้นไปเลย
‘ข้าจะสามารถกลายเป็นเซียนได้หรือไม่?’
ยิ่งเขาคิด ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
วิถีหมากล้อมที่คุณชายแสดงให้เขาเห็น ทำให้แม้ระยะห่างกับขั้นเทียนตี้จะแสนไกล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะบรรลุขั้นเทียนตี้ หากเขาสามารถทะลวงผ่านจุดสูงสุดของการฝึนตนของโลกมนุษย์ จะกลายเป็นเซียนใช่หรือไม่?
“ฮ่าฮ่า!”
เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง รู้สึกว่าอนาคตของตนเองช่างสดใสจริง ๆ มีกระทั่งโอกาสได้กลายเป็นเซียน!
“ตกปลา ตกปลา...”
หลังจากตื่นเต้นเขาก็สงบจิตสงบใจลง ก่อนเดินไปด้านข้างเจ้าก้อนหิน แล้ววางอุปกรณ์เตรียมตัวเริ่มตกปลา
เขาทิ้งตัวลงนั่งแบบไม่คิดอะไรมาก ตั้งใจจะนั่งลงบนก้อนหินแล้วเริ่มตกปลา
ทว่าก้นของเขากลับนั่งลงบนอากาศ จนล้มทิ่มลงพื้น
“อ๊ะ!”
เขาอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ
ก้อนหินมีขาวิ่งหนีได้หรือ?
เห็นได้ชัดเจนว่ามันอยู่ตรงนี้ แต่พอเขานั่งลงกลับเป็นความว่างเปล่า
“เจ้าจะทำอะไร!”
เจ้าก้อนหินตวาดออกมาด้วยความโกรธ ก่อนหน้านี้มันคิดถูกจริง ๆ ตาเฒ่านี้อยากจะนั่งบนตัวมัน!
มันจะทนได้อย่างไร?
นอกจากท่านเซียนแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถนั่งบนตัวมันได้!
“ที่แท้ก้อนหินนี้ก็มีจิตวิญญาณแล้ว”
ตงฟางเวิ่นตบดินที่ก้นออก เขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด
ตอนนี้เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ไม่เกิดความรู้สึกโกรธขึ้นมาได้โดยง่าย
“ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครมาตกปลาที่นี่ เกรงว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพราะก้อนหินอย่างเจ้าก่อเรื่องสินะ!”
ตงฟางเวิ่นมองไปที่เจ้าก้อนหิน เขาคิดว่าเจ้าก้อนหินเป็นเพียงหินธรรมดาที่เกิดจิตวิญญาณขึ้นมา แต่เผอิญรู้จักตัวตนของคุณชาย จึงมาอยู่ที่นี่โดยหวังว่าจะได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลง
เขาค่อนข้างจะเข้าอกเข้าใจเจ้าก้อนหิน
อย่างไรเสียคุณชายก็เก่งกาจถึงขนาดนี้ เพียงแค่ได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็มาพอจะสร้างประโยชน์มหาศาลต่อเจ้าก้อนหินแล้ว
ส่วนความเป็นไปได้ที่เจ้าก้อนหินจะได้รับการสั่งสอนจากคุณชาย เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย
หากเจ้าก้อนหินได้รับการสั่งสอนจากคุณชายจริง มันก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ในตอนนี้ แต่ควรจะอยู่ในลานเล็ก ๆ ของบ้านคุณชาย
นอกจากนี้ เขายังสัมผัสพลังอันแข็งแกร่งของเจ้าก้อนหินไม่ได้
แม้ว่าจะไม่ได้เปิดใช้ประสาทสัมผัสจักรพรรดิ แต่ประสาทสัมผัสจักรพรรดิของเขาก็มาถึงขั้นเทียนตี้นานแล้ว สามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้แบบไม่ละเอียดมาก เจ้าก้อนหินไม่ได้ทรงพลังมากนัก จนไม่นับว่าเป็นภัยคุกคามต่อเขา มันจึงเกือบกลายเป็นเพียงหินธรรมดาต่อหน้าเขา
เพราะเช่นนั้น ก่อนหน้านี้ประสาทสัมผัสของเขาจึงไม่ตอบสนอง
หากขอบเขตของเจ้าก้อนหินสูงจริง ประสามสัมผัสเทียนตี้ของเขาจะต้องเกิดการตอบสนอง
แต่เนื่องจากขอบเขตของเจ้าก้อนหินต่ำเกินไปจนไม่มีความสามารถพอใจประสาทสัมผัสของเขาตอบสนอง ดังนั้นเขาจึงนั่งลงบนอากาศล้มทิ่มพื้น
“ก่อเรื่อง? ก่อเรื่องอะไร?”
เจ้าก้อนหินถามกลับ
ที่ไม่มีใครมาตกปลาตรงนี้ นั่นก็เพราะทุกคนล้วนรู้ว่าที่นี่เป็นจุดตกปลาของคุณชาย บารมีของคุณชายนั้นสูงยิ่ง ทุกคนต่างก็เคารพคุณชาย เป็นเหตุให้ไม่มีใครมาตกปลาตรงจุดนี้
“แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าที่ก่อเรื่องเพราะต้องการขับไล่คนที่ต้องการจะมาตกปลาตรงนี้”
ตงฟางเวิ่นเอามือไพล่หลังแล้วส่ายหัว จากนั้นก็เอ่ยอบรมเจ้าก้อนหิน “คาดว่าเจ้าเองก็รู้ตัวตนของคุณชาย จึงมายังที่แห่งนี้ แต่ในเมื่อเจ้ารู้ตัวตนของคุณชายแล้ว เหตุใดจึงกล้าดีมาทำตัวเช่นนี้? คุณชายปฏิบัติต่อปุถุชนโดยไร้การวางท่าแม้สักนิด เจ้ากลับกล้าแกล้งปุถุชนตามอำเภอใจ!”
เขาถอนหายใจก่อนพูดต่อ “เจ้าทำตัวเช่นนี้แล้วยังหวังว่าจะได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร! คุณชายจะต้องไม่มอบมันให้กับเจ้าอย่างแน่นอน”
“...”
หลังจากได้ยินที่ตกฟางเวิ่นพูด เจ้าก้อนหินก็ถึงกับพูดไม่ออก
มันอยากจะพูดออกมาจริงว่า พี่ใหญ่ เจ้าค่อยพูดหลังจากเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างกระจ่างแล้วดีหรือไม่?
มันจะกล้าแกล้งปุถุชนตามอำเภอใจได้อย่างไร!
อยู่ดี ๆ ก็มาโยนความผิดใส่หัวของมัน!
มารดาเจ้าเถอะ อารมณ์โกรธของมันถูกจุดขึ้นมาทันที!
“ได้พบข้าไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้ข้าอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง เอาเถอะ ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง”
ตงฟางเวิ่นกล่าว “หากอยากได้วาสนาการเปลี่ยนจากคุณชาย อย่างเจ้าก็อย่าคิดฝันเลย คุณชายไม่มอบให้กับคน...ไม่สิ หินที่ทำตัวไม่ดีอย่างเจ้าหรอก”
พูดแล้วเขาก็หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยืดหลังตรง “แต่ข้าเองก็พอจะชี้แนะเจ้าได้บ้างอย่างไม่มีปัญหา ข้าคือคนที่อยู่ข้างกายคุณชาย ขอบเขตบรรลุระดับที่เจ้าไม่อาจจินตนาการถึง! สามารถได้รับคำชี้แนะจากข้า นับว่าเป็นโชคทั้งชีวิตของเจ้าแล้ว!”
ทำตัวไม่ดี!?
มารดาเจ้าเถอะ!
ไอ้หมอนี่ ยิ่งพูดยิ่งไม่น่าฟัง!
ยังบอกจะชี้แนะมัน?
มันยังต้องการคำชี้แนะจากคนผู้นี้อีกหรือ?
หมอนี่ยังจัดการกับอสุรกายหัวกิเลนตนนั้นไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ห่างชั้นกันไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ยังจะกล้ามาชี้แนะมัน?
คิดอะไรอยู่กัน!
หากมันลงมือ เพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถระเบิดอสุรกายหัวกิเลนทิ้งได้!
ไอ้หมอนี่กลับมาพูดจาใหญ่โตต่อหน้ามัน!
เจ้าก้อนหินโมโหหนักขึ้น
ทว่ามันก็ไม่ได้ลงมือจู่โจม
“อย่างนั้นหรือ?”
มันกล่าว “ถ้าเป็นตามที่เจ้าว่ามา ก็หมายความว่าเจ้าควรจะแข็งแกร่งมากใช่หรือไม่? ช่วยแสดงให้ข้าเห็นทีได้หรือไม่?”
“คนข้างกายคุณชาย ย่อมต้องแข็งแกร่งมาก!”
ต้นหลิวที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยออกมาด้วย “ไม่ใช่แค่เจ้าที่อยากเห็น ข้าเองก็อยากเห็นด้วย!”
“โอ้ ที่นี่ยังมีต้นหลิวที่มีจิตวิญญาณอยู่ด้วยหรือ?”
ตงฟางเวิ่นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะหนึ่งหรือสองก็ชี้แนะได้เหมือนกัน ไม่มีปัญหาอันใด ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นว่าข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง”
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นโบก ทันใดนั้นก็เกิดเป็นมิติพิเศษขึ้นมาทันที
ทั้งสองฝั่งแม่น้ำยังมีปุถุชนจำนวนมากกำลังตกปลาอยู่ เขาต้องการจะสำแดงพลังการฝึกตน เขาย่อมไม่สามารถแสดงให้ปุถุชนเห็นได้
“เพียงแค่โบกมือก็สร้างพื้นที่ว่างขึ้นมาได้! แข็งแกร่งมาก! นี่คือความสามารถของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงสินะ!”
เจ้าก้อนหินแสร้งถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา “แต่ข้ายังต้องการจะปะมือกับเจ้า สัมผัสความแข็งแกร่งของเจ้าด้วยตัวเอง”
“ข้าด้วย!”
ต้นหลิวที่อยู่ด้านข้างเอ่ยสนับสนุน “ข้าเองก็อยากจะสัมผัสความแข็งแกร่งของผู้แข็งแกร่งด้วยตนเอง!”
“เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด”
ตงฟางเวิ่นแย้มยิ้มสดใจ เอามือสองข้างไพล่หลัง “พวกเจ้าลงมือเต็มที่ ข้ายับยั้งขอบเขตพลังทั้งหมดของข้าไปแล้ว หากพวกเจ้าสามารถแตะต้องผมข้าได้แม้สักเส้น ก็นับว่าข้าแพ้”
นี่คือความมั่นใจในตนเอง!
มั่นใจอย่างถึงที่สุด!
แม้ว่าเขาจะเอามือไพล่หลัง ทั้งยังยับยั้งขอบเขตพลังทั้งหมดของตนเอง เขาก็ยังเหนือกว่า!
“ยอดเซียน หนึ่งในใต้หล้า มีข้าตงฟางเวิ่นจึงมีฟ้า!”
“เซียนไร้เทียมทาน!”
“ราชันไร้พ่าย!”
“เอ่ยนามของข้า ฟ้าดินล้วนนบนอบ!”
“นี่คือความแข็งแกร่งของข้า!”
ตงฟางเวิ่นตะโกนเสียงดังเปี่ยมด้วยพลัง
ไม่ต้องกล่าวออกมาเลยว่ามันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแค่ไหน!
บทที่ 443
เวรเอ๊ย!
ตาแก่ผู้นี้คุยโวเกินไปแล้ว!
ยอดเซียน หนึ่งในใต้หล้า มีข้าตงฟางเวิ่นจึงมีฟ้า!
ยังมีเซียนไร้เทียมทาน!
ไหนจะราชันไร้พ่าย!
สิ่งที่แปลกประหลาดน่าขบขันที่สุดก็คือ เอ่ยนามของข้า ฟ้าดินล้วนนอบน้อม!
ตาแก่นี่จะอวดดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!
สั่งสอน!
แบบนี้ต้องสั่งสอนตาแก่ให้ดีแล้ว!
ทั้งต้นหลิวและเจ้าหินกล่าวขึ้นมาในใจ
“เก่งกาจยิ่ง ข้าสัมผัสได้ถึงรัศมีเต่า*[1]จากวาจาเหล่านี้ นี่เป็นลักษณะของยอดฝีมือไร้เทียมทานอย่างนั้นหรือ?”
เจ้าก้อนหินกล่าว
“อืม นี่คือลักษะของยอดฝีมือไร้เทียมทาน”
ตงฟางเวิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม
ทว่าเขาก็ตอบสนองกับถ้อยคำก่อนหน้าอย่างรวดเร็ว จ้องมองไปทางเจ้าก้อนหินอย่างดุดัน “เจ้าพูดอะไรนะ? อะไรคือรัศมีเต่า?”
“อ๊ะ นี่...ข้าพูดผิดไปแล้ว รัศมีราชา ไม่ใช่รัศมีเต่า!”
เจ้าก้อนหินรีบเอ่ยออกไป
“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นนะ”
ตงฟางเวิ่นยืนนิ่งเอามือไพล่หลัง “มาเลย ข้ากดขอบเขตและพลังทั้งหมดลงไว้แล้ว”
“ได้!”
เจ้าก้อนหินกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ เกิดบาดเจ็บขึ้นมาจริง ๆ เจ้าก็อย่าโกรธนะ”
“พูดอะไรกัน เจ้าจะทำข้าบาดเจ็บได้อย่างไร ลงมือได้เต็มที่เลย!”
ตงฟางเวิ่นพูดออกมาอย่างผยอง
เจ้าก้อนหินนี้พูดอะไรไม่รู้เรื่อง เขาจะได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?
คิดเลอะเทอะเกินไปแล้...
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเข้าไปแล้ว!”
เจ้าก้อนหินลอยขึ้นสูงแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง “ลองดูนี้เสีย อุกกาบาตจากฟากฟ้า”
มันพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเข้าใส่ตงฟางเวิ่น
ตงฟางเวิ่นหัวเราะ นี่มันอะไรกัน?
อุกกาบาตจากฟากฟ้า!
ไม่ต้องกล่าวถึงเจ้าก้อนหินธรรมดา ๆ นี้เลย กระทั่งอุกกาบาตของจริงยังไม่สามารถทำร้ายเขาได้
มาแล้ว!
เข้ามาใกล้!
มาจนถึงระยะประชิด!
ตงฟางเวิ่นคิดในใจว่าเจ้าก้อนหินไม่ได้เรื่องจริง ๆ ขนาดเข้ามาใกล้ขนาดนี้เขายังไม่สามารถสัมผัสพลังอะไรได้
เช่นนี้ยังคิดว่าจะสามารถทำร้ายเขาได้อีกหรือ?
“เบา ๆ หน่อย อย่าทำตัวเองแหลกเป็นชิ้น ๆ เสียเล่า”
เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
เวรเอ๊ย!
ตาแก่นี่เสแสร้งเก่งจริง!
เจ้าก้อนหินกล่าวขึ้นมาในใจ วันนี้มาลองดูว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน!
เสียงตู้มดังขึ้นมา มันกระแทกเข้าใส่ร่างของตงฟางเวิ่นอย่างจัง
อะไรกัน!
ในตอนนั้นเองตงฟางเวิ่นก็ต้องตกตะลึง
บัดซบ...อ๊า!
การโจมตีครั้งนี้รุนแรงเสียยิ่งกว่าโดนค้อนยักษ์ทุบร่างเสียอีก!
เขาถูกกระแทกจนปลิวกระเด็นออกไป เลือดไหลออกมาไม่หยุด กระดูกทั้งหมดในร่างกายดูเหมือนจะแตกหัก ความเจ็บปวดทำให้เขาต้องกัดฟันแล้วร้องออกมาหลายครั้ง
“เอ๋ ยอดฝีมือไร้เทียมทานก็ไม่เห็นจะเท่าไรนี่นา ข้ายังไม่ได้ใช้พลังของข้าเลย!”
เจ้าก้อนหินกล่าว
“เจ้าก้อนหิน เจ้าไม่รู้อะไรสักนิด! ยอดฝีมือไร้เทียมทานกำลังรักษาหน้าเจ้าอยู่ เพราะกลัวว่าเจ้าจะอับอาย ไม่เช่นนั้น เจ้าคิดหรือว่าตนเองจะทำร้ายผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานได้!?”
ต้นหลิวที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมา
รักษาหน้าอะไร!
กลัวอับอายอะไร!
ตงฟางเวิ่นร่ำไห้ ร่ำไห้ออกมาสุดชีวิตอย่างควบคุมไม่ได้!
นี่เขา...ถูกเจ้าก้อนหินหลอกลวงครั้งใหญ่!
หลอกหลวงจนถึงขั้นสามารถตายได้!
เขามีร่างกายระดับเทียนตี้ แต่กลับยังถูกทำลายทิ้ง เจ้าก้อนหินนี้จะเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาได้อย่างไร?
ความแข็งแกร่งของเจ้าก้อนหินจะต้องล้ำลึกเกินหยั่งถึงแน่นอน!
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ข้าเข้าใจแล้ว! ยอดฝีมือไร้เทียมทานยอดเยี่ยมยิ่งนัก! จิตใจดีงาม ไม่ต้องการให้ข้าอับอายขายหน้า!”
เจ้าก้อนหินกล่าว “ยอดฝีมือไร้เทียมทานไม่ต้องแสดงละครแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้บาดเจ็บเลย กระอักเลือดออกมาก็แสร้งทำเช่นกัน! เพื่อแสดงความเคารพต่อยอดฝีมือไร้เทียมทาน ข้าตัดสินใจ...จะลงมืออย่างสุดกำลัง!”
หลังจากนั้น มันก็ทะยานขึ้นไปสูงลิ่ว ครั้งนี้มันลอยขึ้นไปสูงจนไม่อาจมองเห็นร่างของมันได้
“อย่า!!”
ตงฟางเวิ่นจนใจจนแทบจะสิ้นสติ เขารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
ทว่าเขากลับพบเรื่องน่าสลด เห็นได้ชัดว่านี่คือมิติพิเศษที่เขาเป็นผู้สร้างขึ้น ทว่าเขากลับเปิดหรือสลายมันไปไม่ได้!
อะไรกันเนี่ย!
เหตุใดเขาต้องไปยั่วยุเจ้าก้อนหินนี่ด้วย!
ต้องมาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เพียงนี้!
ตู้ม!
ในตอนนั้นเองก้อนหินก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ไม่ว่าตงฟางเวิ่นจะพยายามหลบอย่างไรก็ไร้ผล เจ้าก้อนหินสะกัดเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์!
เขาถูกกระแทกอีกครั้ง ร่างกายของเขาบิดเบี้ยวไปทั้งตัว กระดูกทั้งหมดคล้ายแตกหักไปหมด เลือดทะลักออกจากปากอย่างบ้าคลั่ง
“ยอดเยี่ยมมาก! ยอดฝีมือไร้เทียมทานสมกับเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทาน! หากเป็นผู้อื่น ข้าสามารถทุบร่างของเขาให้แหลกออกเป็นชิ้น ๆ ได้ แต่ร่างของยอดฝีมือไร้เทียมทานนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แม้รูปร่างจะผิดรูปไปแต่ก็ไม่แหลกสักนิด ชื่นชม ชื่นชม!”
เจ้าก้อนหินกล่าวชื่นชม
ยอดเยี่ยมบ้าอะไรกัน!
ถึงร่างของเขาจะไม่แหลก แต่กระดูกภายในร่างทั้งหมดก็หักไปแล้ว!
อ๊า! เจ็บจนแทบอยากตาย!
ตงฟางเวิ่นร้องไห้ออกมาด้วยความเก็บปวด
“ยอดเยี่ยมจริง ๆ ต่อไปเป็นตาข้าบ้าง”
ต้นหลิวกล่าว
“อย่า! ข้า...”
หน้าของตงฟางเวิ่นเปลี่ยนสีทันที เขาตะโกนยอมแพ้ออกมา แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจนจบ กิ่งของต้นหลิ่วก็ฟาดลงมาแล้ว
เจ้าก้อนหินแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แล้วต้นหลิวจะธรรมดาสามัญได้อย่างไร
ตงฟางเวิ่นไม่สนใจสิ่งที่เขาเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว เขารีบปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกอย่างรวดเร็วเพื่อต้านทานการโจมตีจากต้นหลิว!
เขามาถึงจุดสูงสุดของขั้นตี้จวินแล้ว อยู่ห่างจากขั้นเทียนตี้เพียงหนึ่งก้าว สามารถขนานนามตนเองว่าเป็นครึ่งก้าวเทียนตี้ได้แล้ว!
แต่ถึงกระนั้น เขาไม่ก็สามารถต้านทานการโจมตีของต้นหลิวได้ เขาลอยกระเด็นออกไปทันที ร่างกายโดนฟาดจนรู้สึกประหนึ่งร่างจะขาดออกจากกัน
“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากเป็นผู้อื่นคงแหลกไปนานแล้ว ยอดฝีมือไร้เทียมทานสุดยอดจริง ๆ ให้ข้าได้สู้กับยอดฝีมือไร้เทียมทานอีกครั้ง!”
ต้นหลิวกล่าวขณะใช้กิ่งอีกหลายกิ่งฟาดไปมาใส่ตงฟางเวิ่น ทำประหนึ่งอีกฝ่ายเป็นลูกบอลที่ถูกตีไปมาบนอากาศ!
ผู้ยิ่งใหญ่ หยุดเล่นกับข้าเถอะ!
ตงฟางเวิ่นร้องไห้อย่างขมขื่น เขาทำไม่ได้กระทั่งเปล่งเสียงออกมา ช่างน่าสังเวชเหลือเกิน!
ฟ้าคลั่งย่อมต้องฝน คนคลั่ง...ย่อมต้องโดนทุบตี*[2]!
เขาอยู่ในเมืองแต่แรกก็ดีแล้ว เหตุใดต้องอยากออกมาตกปลาด้วย!
ตกปลาก็แล้วไปเถอะ แต่เหตุใดเขาต้องอยากนั่งบนเจ้าก้อนหินด้วย!
นี่เรียกว่าโชคร้าย!
เมื่อคิดว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เกรงว่าตรงนี้จะเป็นที่ตกปลาของท่านเซียน!
...
ณ เมืองชิงซาน
ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
“ยอดเยี่ยม สิ่งนี้มันยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
หลี่จิ่วเต้านอนบนเก้าอี้โยก ในมือถือกระจกที่เขาเรียกมันว่า ‘แท็บแล็ต’ เล่นอย่างเพลิดเพลิน
โลกเสมือนจริงที่อยู่ภายในกว้างใหญ่ไพศาล เขาสามารถดลบันดาลทุกสิ่งได้ตามใจต้องการ สองวันที่ผ่านมานี้เขาสนุกสนานกับการเล่นเป็นอย่างมาก
โลกเสมือนจริงนี้ถูกควบคุมโดยเขา เพียงหนึ่งความคิดก็สามารถทำได้ทุกสิ่ง อยากให้สิ่งใดเกิดขึ้นมันก็จะเกิดขึ้น
ด้านในกระจก พลันปรากฏร่างที่ดูเหมือนหลี่จิ่วเต้าทุกประการขึ้น!
ไม่ผิด!
ร่างที่ปรากฏขึ้นด้านในกระจกนั้นเหมือนกับหลี่จิ่วเต้าทุกประการ!
เขาเล่นกับกระจกนี่มาหลายวันแล้ว พบว่าแม้ในกระจกจะเป็นเพียงโลกเสมือน แต่ก็ค่อนข้างดูสมจริงไม่ต่างอะไรไปจากโลกจริง มีทั้งสิ่งสร้าง มนุษย์ และเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ อาศัยอยู่ด้านในนั้น!
เขาคิดในใจว่าคงจะดีไม่น้อยหากสามารถเข้าไปด้านในได้
ปรากฏว่าเขาทำได้จริง ๆ!
เขาพิจารณาร่างของตนเองในกระจกที่กำลังเดินอยู่ในโลกเสมือนจริง
สิ่งนี้ให้ความรู้สึกราวกับเขากำลังเล่น ‘เกม’ ที่ดาวเคราะห์สีฟ้า!
เขารำพึงออกมาในใจว่าผู้ฝึกตนช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ จะทำสิ่งใดก็ล้วนทำได้ ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!
“ได้เดิน ได้ชม ได้เล่นไปทั่วโลกเสมือนจริง ช่างดียิ่งนัก!”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มด้วยความสุขอย่างมาก
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าสักวันจะสามารถเล่น ‘เกม’ ในต่างโลกแห่งนี้ได้
[1] รัศมีเต่า (王者霸气) หมายถึงบุคคลที่มีรัศมีอันแข็งแกร่งทำให้ผู้อื่นรู้สึกยอมจำนน 王八气概 มักถูกนำมาใช้แซะหรือถากถางนิยายที่ตัวละครมีรัศมีตัวเอก ทำให้ผู้อื่นยอมอย่างไร้เหตุผล และคำว่า เต่า (王八) เป็นคำที่ใช้บริภาษสามีของหญิงโสเภณีหรือชายที่ถูกสวมเขา
[2] ฟ้าคลั่งย่อมต้องฝน คนคลั่งย่อมต้องโดนทุบตี หมายความว่า คนที่หยิ่งผยองย่อมพบความเดือดร้อนไม่ช้าก็เร็ว
บทที่ 444
ณ แดนหยิน จวินโจว
นี่คือแคว้นที่ใหญ่ที่สุดของแดนหยิน ทั้งยังเป็นแคว้นที่ทรงพลังมากที่สุด ทิ้งห่างจากแคว้นอื่น ๆ ในแดนหยิน
ในตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า ที่แห่งนี้เป็นแคว้นที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ยอดนิกายอย่างตระกูลไป๋ปรากฏตัวที่จวินโจวร่วมมือกับกองกำลังจากยุคโบราณก่อตั้งสถานศึกษาเทียนตี้ รวบรวมกำลังรบระดับสูงเกือบทั่วทั้งโลกมายังสถานที่แห่งนี้
เจตจำนงฟ้าดินได้ส่งคำเตือนว่าสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจะมาเยือนอีกครั้ง พวกเขาคำนวณกันว่าจวินโจวอาจจะเป็นสถานที่แรกที่ถูกทะลวงเข้ามา กลายเป็นปากทางเข้าของสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน
ดังนั้น พวกเขาจึงสร้างสถานศึกษาเทียนตี้ขึ้นที่จวินโจว เพื่อรับสมัครผู้มีความสามารถจากทั่วทุกมุมโลก รวบรวมเหล่าผู้แข็งแกร่งเอาไว้ที่เดียวกัน ดำเนินการป้องกันและฝึกฝนให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนในสมรภูมิครั้งแรกได้
เวลาสำคัญเป็นอย่างมาก
เมื่อสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด หากปล่อยให้สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนทั้งหมดสามารถเข้ามาได้อย่างสมบูรณ์ สงครามจะต้องยากลำบากอย่างถึงที่สุด
วิธีที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดคือ การขับไล่สิ่งมีชีวิตจากอาณาเทียนหยวนออกไปตั้งแต่ครั้งแรก ปิดกั้นไม่ให้สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเข้ามาได้
ทว่าเรื่องนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ยากจะทำ
จวินโจวนั้นกว้างใหญ่ไพศาล พวกเขาไม่รู้ตำแหน่งจุดที่อาณาจักรเทียนหยวนจะบุกเข้ามาอย่างแน่นอน
นอกจากนี้สภาพฟ้าดินยังเลวร้ายเกินไป ทำให้พวกเขาขาดแคลนกำลังรบระดับสูงอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะพบจุดที่สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจะบุกเข้ามา แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะต่อกรอีกฝ่ายได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร พวกเขาก็จะไม่ยอมแพ้ สู้จนถึงที่สุด!
พวกเขาไม่มีทางทอดทิ้งโลกที่เติบโตขึ้นมา หากต้องกลายไปเป็นทาสของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักร พวกเขายอมตายในสนามเพื่อปกป้องโลกยังจะดีกว่า!
ตู้ม!
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในจวินโจว พลันเกิดการระเบิดขึ้นกลางความว่างเปล่า
สิ่งมีชีวิตที่ร่างกายมีแสงลอยวนเวียนเดินออกมาจากความว่างเปล่าที่ถูกระเบิด
คนผู้นั้นเป็นเผ่ามนุษย์วัยกลางคน สีหน้าเฉยเมย ในมือถือเคียวสีดำ ทันทีที่ลืมตาก็ปล่อยลำแสงน่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับสามารถทะลุทะลวงฟ้าดินได้!
ปราณอันน่าหวาดหวั่นแผ่ซ่าน เขาทรงพลังและน่ากลัวเกินไป ประหนึ่งจักรพรรดิผู้ครอบครองโลกหล้า ยืนอยู่ตำแหน่งสูงเทียมฟ้า ทอดสายตามองลงมาด้วยความไร้อารมณ์
ราวจักรพรรดิในหมู่จักรพรรดิ!
เพราะเขาเป็นถึงตี้จวินผู้หนึ่ง!
ทั้งยังอยู่จุดสูงสุดของตี้จวินที่ตี้จวินธรรมดาไม่อาจเปรียบเทียบได้!
ในตอนนั้นเองกฎแห่งสวรรค์และโลกก็ปรากฏออกมาด้านบนเหนือศีรษะชายวัยกลางคน เมฆดำควบแน่นพร้อมประกายอสนีบาตอย่างรวดเร็ว บดบังท้องฟ้าดวงตะวัน
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
อสนีบาตอันน่าสะพรึงกลัวฟาดลงมาจากเมฆดำเส้นแล้วเส้นเล่าด้วยพลังของกฎเกณฑ์ อสนีบาตทุกสายล้วนมีพลังมากพอจะทำลายโลก!
“ไร้ประโยชน์!”
เมฆปรากฏ สายฟ้าโจมตี ชายวัยกลางคนไม่แปลกใจที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้
สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไร้ซึ่งความหวาดกลัว เขาโบกเคียวสีดำในมือ หมอกทมิฬแผ่กระจายสะกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดจากสายฟ้า!
“พลังของเจ้าไม่ได้อยู่ข้างใน แต่อยู่ข้างนอก เช่นนั้นแล้วจะสามารถข่มข้าได้อย่างไร!?”
สีหน้าของชายวัยกลางคนไม่แยแส เขากระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อถึงเมฆสายฟ้าเขาก็ลงมือทำลายเมฆที่เกิดขึ้นจากพลังฟ้าดินให้สลายไป!
เขาเป็นผู้มาจากภายนอก
ย่อมถูกเจตจำนงฟ้าดินโจมตีทันทีที่ย่างกรายเข้ามา
ทว่ามันก็เป็นไปตามที่เขาพูด พลังส่วนใหญ่ของเจตจำนงฟ้าดินอยู่ภายนอกโลก ไม่ใช่ภายใน มันจึงไม่อาจทำอะไรเขาได้
เมื่อเมฆสายฟ้าถูกทำลาย กฎแห่งสวรรค์และโลกก็สลาย ชายวัยกลางคนยืนตระหง่านกลางทองฟ้า ลมปราณของเขายิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ในที่สุด...ก็มาถึงแล้ว!”
เขากล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา “เช่นนั้นให้ข้าเป็นทัพหน้า เป็นผู้แรกที่เป่าแตรเริ่มการสังหารในอาณาจักรแห่งนี้!”
ใช่แล้ว
เขาเป็นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน
แม้ว่าการป้องกันที่ถูกสร้างขึ้นจากเจตจำนงฟ้าดินจะยังไม่ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ แต่พวกเขาก็สามารถสร้างรอยร้าวขึ้นมาได้
เขาเข้ามาผ่านรอยแยกนั้น
และนี่ก็หมายความว่าเวลาที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรเทียนหยวนจะเข้ามาได้อยู่อีกไม่ไกล!
“ฆ่า!”
เขาถือเคียวในมือพุ่งตรงไปทีเดียวก็ถึงอาณาจักรโบราณแห่งหนึ่ง
ที่แห่งนี้รุ่งเรืองเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นอาณาจักรเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งมากมาย กระทั่งมหาจักรพรรดิก็ยังมี
หลังจากที่เขามาถึง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรโบราณก็ตื่นตระหนก จิตวิญญาณสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวอันไร้ขอบเขตเกาะกุมเต็มหัวใจ
ภายใต้บารมีจักรพรรดิอันแข็งแกร่งของเขา ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถต้านทานได้
“เจ้า...เจ้าเป็นใคร!?”
มหาจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโบราณตื่นจากการหลับใหลทันที เขาอายุมากแล้ว ปราณที่มีริบหรี่ดั่งเปลวเทียน
เขาเป็นมหาจักรพรรดิที่รอดชีวิตมาโดยบังเอิญตั้งแต่สมัยโบราณกาล เคยเข้าร่วมสมรภูมิครั้งใหญ่ แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลงเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย สภาพอาการของเขานับว่าย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง
“เป็นคนที่ฆ่าเจ้า!”
ชายวัยกลางคนนาม ‘เหลิงเจี้ยน’ กล่าวออกมาสั้น ๆ ขณะเหวี่ยงเคียวในมือตัดหัวมหาจักรพรรดิชราผู้นั้นทิ้ง
เขามาเพื่อฆ่า ทำให้โลหิตนองไปทั่วทุกหนแห่งบนอาณาจักรแห่งนี้!
สมัยโบราณ สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเคยมายังอาณาจักรแห่งนี้แล้วก่อสงครามครั้งใหญ่
ในยามนั้นสิ่งมีชีวิตบนอาณาจักรแห่งนี้ต่างคิดว่าอาณาจักรเทียนหยวนต้องการจะปกครองและเหยียบย่ำอาณาจักรแห่งนี้เอาไว้ใต้เท้าพวกมัน
แต่ความจริงแล้ว...สิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวนไม่ได้มาเพื่อปกครองที่แห่งนี้
พวกเขามาเพื่อฆ่าเท่านั้น!
พวกเขาต้องการจะสังหารทุกชีวิตบนอาณาจักรแห่งนี้ และย้อมทุกหนแห่งด้วยเลือด!
ควับ ควับ ควับ!
เขากวัดแกว่งเคียวสีดำในมือไปมาด้วยสีหน้าเฉยเมย สังหารสิ่งมีชีวิตไปจำนวนมากจนเลือดหลั่งรินรวมกันกลายเป็นธารโลหิตทั่วทุกมุมของอาณาจักรโบราณ
“ได้โปรด ปล่อยลูกของข้าไปเถิด! เขา...เขาเพิ่งจะเกิด ยังไม่ทันจะลืมตาดูโลกเสียด้วยซ้ำ!”
หญิงสาววัยกลางคุกเข่าลงบนพื้นขณะตระกองกอดทารก นางก้มหัวให้เหลิงเจี้ยนอ้อนวอนขอความเมตตา หวังว่าเหลิงเจี้ยนจะยอมปล่อยทารกในอ้อมแขนของนางไป
“ไม่มีอะไรให้ลืมตาดูแล้ว”
เหลิงเจี้ยนตวัดเคียวในมือตัดหัวปลิดชีพหญิงวัยกลางคนและทารกในอ้อมแขน
“ที่แห่งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการนองเลือด!”
เขากล่าวออกมาอย่างเย็นชา ก่อนเริ่มออกไปฆ่าสังหารภายนอก!
...
“อะไรกัน! มาเร็วกว่าที่คาดไว้มาก!”
“สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเข้ามาแล้ว!”
ในตอนนั้นเอง ยอดฝีมือจากทุกหนแห่งก็รับรู้ถึงการแจ้งเตือนจากเจตจำนงฟ้าดินได้ มีสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้แล้ว!
พวกเขาต่างตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย คาดไม่ถึงว่าสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจะมาเร็วถึงเพียงนี้!
ก่อนหน้านี้ เมื่อเจตจำนงฟ้าดินได้แจ้งเตือนเป็นครั้งแรก พวกเขารู้สึกว่ายังมีเวลาเตรียมตัวอีกสักพักใหญ่ พลังจากฟ้าดินสามารถสะกัดกั้นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนได้ช่วงหนึ่ง
ทว่าสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งเกินว่าที่คาด พวกเขาใช้เวลาเข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้รวดเร็วกว่าที่คิดเอาไว้มาก
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาล้วนแต่กระสับกระส่าย
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนในอาณาจักรแห่งนี้เกิดความตื่นตระหนัก ในตอนนี้พวกเขาจึงยังไม่ได้เผยแพร่เรื่องราวของอาณาจักรเทียนหยวนให้ทุกคนทราบกัน
เดิมทีพวกเขาวางแผนจะค่อย ๆ แง้มเรื่องราวออกมาทีละน้อย เพื่อให้สิ่งมีชีวิตบนอาณาจักรแห่งนี้ได้เตรียมตัวพร้อม
ทว่าในตอนนี้จะเตรียมตัวอะไรก็ไม่ทันแล้ว!
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนได้มาถึงแล้ว!
บทที่ 445
โลหิตหลั่งผืนดินไม่หยุด เพียงแค่พริบตาเดียวก็เต็มไปด้วยศพนอนกองบนแอ่งเลือด
อาณาจักรโบราณอันรุ่งโรจน์ สืบทอดกันมาอย่างยาวนานจนเกินจะนับ บัดนี้กลับถูกทำลายสิ้น ตึกรามบ้านช่องพังทลาย กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง
อาณาจักรโบราณแห่งหนึ่งล่มสลายสิ้น
เหลิงเจี้ยนร่อนลงมาจากบนฟ้า เท้าเหยียบลงแอ่งเลือดเกิดเป็นเสียงเฉอะแฉะดังต่อเนื่อง
สีหน้าของเขาเฉยเมย นอกจากจะไม่สนใจเลือดนองเต็มพื้น ยังมีความรู้สึกเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก
เขาก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ทิ้งรอยเท้าเปื้อนเลือดเอาไว้เป็นทาง
ยังมีคนรอดชีวิตหลงเหลืออยู่ในอาณาจักรโบราณ
“ข้า...ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งพุ่งออกมาจากซากปรักหักพัง ในมือของเขาถือดาบน้ำ บนใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลิงเจี้ยนแต่ก็ยังยกดาบขึ้นสู้สุดชีวิต
อ๊าาา!
หัวใจของเขาโศกเศร้าปนอาฆาต เดิมทีทั้งครอบครัวของเขากำลังร่วมทานข้าวกันอย่างมีความสุข แต่กลับเกิดภัยร้ายขึ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวทำลายทุกสิ่ง พ่อแม่ของเขา น้องชายของเขา พี่สาวของเขา ทุกคนล้วนตายหมดสิ้นไม่เหลือกระทั่งร่างไร้วิญญาณ!
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เขาตะโกนออกมาทั้งน้ำตา พุ่งเข้าฟันเหลิงเจี้ยนด้วยดาบยาว
“เจ้าอาศัยสิ่งใดมาสังหารข้ากัน!?”
เหลิงเจี้ยนเหวี่ยงเคียวสีดำในมือตัดร่างครึ่งร่างของเขา เด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นเช่นเดียวกับดาบในมือที่ร่วงหล่น
“เจ้ามันไม่ใช่คน เจ้าจะต้องถูกกรรมตามสนอง! อ๊าาา!”
หญิงสาวผู้หนึ่งที่ร่างกายครึ่งหนึ่งถูกทำลายจนล้มลงบนพื้นกล่าวออกมา ใบหน้าที่แต่เดิมงดงามเต็มไปด้วยเลือด ขาของนางก็ขาดหายไป
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น นางก็ยังคงคลานไปจับดาบยาวบนพื้น กระเสือกกระสนพาร่างตนเองคลานไปหาเหลิงเจี้ยนทีละน้อย ก่อนจะพยายามเหวี่ยงดาบยาวหมายสั่งหารเหลิงเจี้ยน
โพละ!
โลหิตสาดกระเซ็น เหลิงเจี้ยนใช้เท้าเหยียบหัวของหญิงสาวผู้นั้นอย่างไร้ความปรานี
“ผลกรรมจะมาจากที่ใดกัน? สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนอาณาจักรของพวกเจ้าล้วนจะต้องตาย เลือดจะต้องอาบย้อมทั่วทั้งแผ่นดิน นี่คือชะตากรรมของพวกเจ้า!”
เหลิงเจี้ยนก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่ปล่อยให้แม้สักชีวิตหลุดรอด
ภายใต้ประสาทสัมผัสมหาจักรพรรดิอันทรงพลังของเขา ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถหลุดรอดออกไปได้ เคียวสีดำของเขาตวัดปลิดชีพผู้ที่ยังเหลือรอด จนหยาดเลือดสาดกระเซ็น
“ยังมีเด็กเหลืออีกหนึ่ง หลังจากฆ่าเสร็จก็ย้ายสถานที่ได้”
ดวงตาของเขาทอประกายเหี้ยมโหด ด้านในซากปรักหักพังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมีเด็กน้อยอายุเพียงไม่กี่ขวบขดตัวหลบอยู่
นี่คือผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น ซากปรักหักพังก็ระเบิดออกเผยให้เห็นเด็กน้อยที่กำลังขดตัวอยู่ภายใน
“ตายเสียเถอะ”
เหลิงเจี้ยนไร้ความเมตตา ยกเคียวในมือที่กวัดไปมาเต็มไปด้วยเจตนาสังหารเด็กน้อยผู้นี้
“เดรัจฉาน!”
“อ๊ากกก! ถูกสับออกเป็นหมื่น ๆ ชิ้นก็ยังไม่สาสมกับความผิดของเจ้า!”
มีผู้แข็งแกร่งตรงมายังที่แห่งนี้
พวกเขาต่างอยู่ใกล้กับอาณาจักรโบราณ หลังจากเกิดเหตุขึ้น พวกเขาก็รีบตรงมาทันที ทว่ามันยังสายเกินไป เมื่อพวกเขามาถึง อาณาจักรแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยซากศพ หยาดโลหิตเจิ่งนองไปทั่วทุกหนแห่ง!
ดวงตาของพวกเขาเคียดแค้นจนเป็นสีแดงก่ำ ภายในใจเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ อาณาจักรโบราณกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ มีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ กลับถูกเหลิงเจี้ยนสังหารสิ้น หลงเหลือเพียงเด็กน้อยหนึ่งคนเท่านั้น!
“ฆ่า!”
“เจ้าจะต้องไม่ตายดี!”
พวกเขาต่างพากันชูอาวุธขึ้น ขอบเขตแต่ละคนเองก็ไม่ธรรมดา มีตั้งแต่ขอบเขตนักบุญจนถึงขอบเขตสูงสุด มีไม่น้อยที่เป็นคนจากยุคโบราณ!
“หนวกหู!”
เหลิงเจี้ยนตวาดอย่างเย็นชา เคียวในมือวาดออก แสงสีดำแปลกประหลาดถูกปล่อยออกมาตามแนวตัด
ฉับ! ฉับ! ฉับ!
ทุกคนไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นนักบุญหรือขั้นสูงสุด ผู้มาจากยุคสมัยโบราณหรือปัจจุบันล้วนถูกสังหารทิ้งโดยไม่สามารถแม้กระทั่งจะต่อต้าน ช่องว่างที่มีนั้นห่างชั้นจนเกินไป!
“จำเป็นต้องยกกองทัพมาด้วยหรือ? เพียงแค่ข้าคนเดียวก็สามารถทำลายทุกสิ่งได้!”
เหลิงเจี้ยนแสดงสีหน้าไม่แยแส หลังจากเขามาถึงอาณาจักรแห่งนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าอาณาจักรแห่งนี้ไม่อาจต้านทานได้ สภาพแวดล้อมของฟ้าดินเลวร้ายเกินไป ยากที่จะให้กำเนิดขอบเขตระดับสูง
และสถานการณ์ก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากที่เขาคิดมากนัก
ยอดฝีมือระดับสูงที่เขาพบนั้นแทบทั้งหมดล้วนชราแก่จนหง่อม เห็นได้ชัดว่าล้วนมีชีวิตรอดมาจากสมัยโบราณ ไม่ใช่คนจากยุคปัจจุบัน
ต้องการจะหยุดยั่งอาณาจักรเทียนหยวนของพวกเขาอย่างนั้นหรือ?
คิดอะไรอยู่!
เขาเพียงแค่คนเดียวก็สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนอาณาจักรแห่งนี้ได้!
แปร้น!
เสียงคำรามดังขึ้น พลังมหาศาลปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับยอดอสูรร้าย พุ่งเข้าใส่หมายสังหารเหลิงเจี้ยน
มันคือช้างยักษ์ตัวหนึ่งที่มีสีขาวทั้งตัวราวกับหยก สายเลือดกล้าแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าสิบอสูรร้ายบรรพกาล
มันพุ่งไปด้านหน้า ช้างยักษ์ตัวใหญ่เสียยิ่งกว่าภูเขาวิ่งเข้าใส่ ผืนดินถึงกับสั่นสะเทือนไม่หยุด!
“เผ่าของเจ้าสังหารยอดฝีมือจากอาณาจักรเทียนหยวนไปไม่น้อยในสมัยโบราณ นับว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง ทว่าด้วยสภาพฟ้าดินอันเลวร้ายเกินไป แม้ว่าพวกเจ้าจะมีสายเลือดแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไร้ค่า ก็เป็นเรื่องยากยิ่งที่จะก้าวสู่ขอบเขตขั้นสูง!”
เหลิงเจี้ยนพูด “เจ้ามาที่นี่ก็เป็นเพียงการส่งตัวเองมาตายเท่านั้น!”
เขากระโดดขึ้น หมอกสีดำลอยเวียนรอบตัว เคียวในมือถูกกวัดแกว่งเข้าปะทะกับช้างสีขาวหยก!
สายเลือดของยอดอสูรร้ายน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นถึงอสูรขั้นตี้หวงตนหนึ่ง ทั้งยังไม่เป็นอสูรแก่ชราจนหง่อม แต่เต็มไปด้วยพลัง อยู่ในสภาวะดีเป็นอย่างมาก
สายเลือดของมันทรงพลังและน่ากลัว สามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้อย่างสมบูรณ์ ขั้นตี้หวงอย่างมันสามารถต่อกรกับตี้จวินได้!
น่าเสียดายที่เหลิงเจี้ยนเองก็ไม่ใช่ตี้จวินธรรมดา เหนือยิ่งกว่าตี้จวินทั่วไปเป็นอย่างมาก
แปร้น!
คชสารหยกขาวร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด เหลิงเจี้ยนน่ากลัวเกินไป มันไม่สามารถหยุดยั้งเคียวสีดำที่ฟันลงมาได้แม้แต่น้อย จึงโดนตัดขาข้างหนึ่งไปในทันที!
“ฆ่า!”
ร่างของมันเปล่งแสงสีขาวพิสุทธิ์ พลังสายเลือดระเบิดออกมาอย่างสุดกำลังทำให้ร่างมหึมาของมันขยายขนาดขึ้นอีก คล้ายกับจะทำให้ฟ้าดินปริแตก!
“ไร้ค่า!”
เคียวสีดำในมือเหลิงเจี้ยนถูกยกขึ้นอีกครั้ง มันเองก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นก่อนจะถูกสับลงมา
พลังอันน่าสะพรึงกลัวของตี้จวินไหลเวียนทำลายการโจมตีของคชสารหยกขาวลงไปอย่างสมบูรณ์ หัวของมันถูกตัดออก จนตัวขนาดมหึมาล้มลงพื้นเสียงดังสนั่น
พลังขอบเขตมหาจักรพรรดินั้นยากยิ่งนักจึงจะสามารถสังหารลงได้ ทว่าเคียวสีดำในมืองของเหลิงเจี้ยนนั้นไม่ใช่อาวุธธรรมดา มีพลังแปลกประหลาดน่าสะพรึงกลัว อสูรขั้นตี้หวงอย่างคชสารหยกขาวยังถูกสังหารตายไปอย่างสมบูรณ์!
“หลังจากแยกส่วนแล้วเลือดจะไหลได้ไวยิ่งขึ้น”
เหลิงเจี้ยนลงมือแกว่งเคียวสีดำสับร่างของคชสารหยกขาวออกเป็นชิ้น ๆ ทำให้เลือดของคชสารหยกขาวไหลลงสู่พื้นดินรวดเร็วยิ่งขึ้น
“อ๊ากกก!”
“ผู้ใดจะฆ่าเขาได้!”
เหล่าผู้มายังที่แห่งนี้ร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง
ยอดนิกายและยอดเผ่าเป็นที่พึ่งอันยิ่งใหญ่สุดของพวกเขา อสูรขั้นตี้หวงอย่างคชสารหยกขาว ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของเหลิงเจี้ยน ถูกสังหารลงไปเพียงไม่กี่กระบวนท่า
นี่...นี่เป็นเพียงคนผู้เดียวจากอาณาจักรเทียนหยวน!
ถ้าหากกองทัพของอาณาจักรเทียนหยวนมาถึง พวกเขาจะใช้สิ่งใดมาหยุดยั้ง?
อาณาจักรแห่งนี้กำลังจะสูญสิ้นจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
...
“อาณาจักรเทียนหยวนต้องการให้เลือดหลั่งรินไปทั้งแผ่นดิน เพราะกำลังจะพยายามปลุกสิ่งใดขึ้นมาหรือไม่?”
มีเสียงรำพึงดังขึ้นมา พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตจากแดนต้องห้ามที่อยู่ใกล้กับจวินโจว จึงได้เห็นภาพการฆ่าสังหารหมู่ครั้งใหญ่ของเหลิงเจี้ยน ก็พลันเกิดความคิดนี้ขึ้นมา
“ถ่ายทอดคำสั่งไป ห้ามสมาชิกทุกคนออกไปด้านนอกในช่วงเวลานี้อย่างเด็ดขาด!”
จ้าวแห่งแดนต้องห้ามออกคำสั่ง เกรงว่าเบื้องหลังของอาณาจักรเทียนหยวนจะมีอาณาจักรอันทรงพลังสนับสนุนอยู่
แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งทั้งยังมีอาณาจักรอันทรงพลังอยู่เบื้องหลัง พวกมันก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัว
อาณาจักรที่อยู่เบื้องหลังเทียนหยวนอาจเหนือยิ่งกว่าพวกมัน!