วิญญาณของตงฟางเวิ่นสลายเป็นจุณ ล่วงลับตายจาก อสุรกายหัวกิเลนมิได้ใส่ใจมากนัก
สำหรับมันแล้ว นี่เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่แทรกขึ้นมา เหตุการณ์เล็ก ๆ ที่มีค่าเท่าฝุ่นธุลี ต่อให้ตงฟางเวิ่นเกี่ยวข้องกับหลิงอิน มันก็ไม่ยี่หระ
เมื่อระดับพลังมาถึงขอบเขตของมัน ไม่มีสิ่งใดต้องยี่หระมากนัก เข้าบดขยี้ทุกอย่างด้วยกำลังเป็นพอ
นี่คือความมั่นใจของผู้ที่มีพลังแกร่งกล้ามหาศาล ไม่มีสิ่งใดต้องเกรงกลัว
ทว่าขณะที่มันกำลังจะเคลื่อนไหวต่อ ดวงตาของมันก็ตั้งเบิก
“หืม!?”
ประกายตื่นกลัวพุ่งออกจากแววตาของมันขณะจ้องตรงไปด้านหน้า ที่นั่นคือจุดที่ตงฟางเวิ่นจบชีวิตลง ทว่าบัดนี้กลับมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น
ที่นั่นมีประกายจุดหนึ่งส่องสว่าง ก่อนจะขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เปล่งแสงเจิดจ้าไร้ใดเปรียบ เฉิดฉายยิ่งกว่าดวงอาทิตย์บนผืนฟ้า!
“แดนลับเนื้อกายเทียนตี้!”
มันส่งเสียงอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ หน้าตาตกตะลึง ทำใจเชื่อไม่ลง
ตงฟางเวิ่นตายไปแล้ว ร่างกายถูกทำลายราบคาบ เหตุไฉนแดนลับเนื้อกายเทียนตี้ถึงยังอยู่
แดนลับเนื้อกายเทียนตี้ คือแดนลับที่อุบัติหลังเนื้อกายเข้าสู่ขั้นเทียนตี้ เป็นมิติพิเศษ ปกติแล้วใช้บรรจุของสำคัญ
แดนลับเนื้อกายเยี่ยงนี้ผู้อื่นไม่สามารถค้นพบ ซ้ำคนนอกยังยากจะเปิดออก สิ่งที่เก็บรักษาในแดนลับเนื้อกายปลอดภัยแน่นอน
นอกเสียจากเทียนตี้สมัครใจ มิฉะนั้นไม่มีทางได้ของที่อยู่ในแดนลับเนื้อกายได้เลย
ตามปกติ ตงฟางเวิ่นตายไปแล้ว แดนลับเนื้อกายเช่นนี้ก็จะหายไปอย่างสิ้นเชิง ไฉนบัดนี้แดนลับเนื้อกายเทียนตี้ของตงฟางเวิ่นไม่เพียงแต่ยังไม่หายไป กลับเผยออกมาเสียอย่างนั้น!?
ทุกอย่างผิดปกติเกินไป!
ท่ามกลางประกายเจิดจ้ามหาศาล แดนลับเนื้อกายเทียนตี้ของตงฟางเวิ่นแง้มออกช้า ๆ สิ่งหนึ่งลอยออกมา จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียนอยู่ทั่ว กฎแห่งสวรรค์และโลกมากมายว่ายวนอยู่รอบ ๆ ขณะลอยละล่องออกมา
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
สิ่งนั้นเหินขึ้นไปบนท้องฟ้า รุ้งมงคลนับร้อยล้านจรดลงมา เนื้อกายและวิญญาณของตงฟางเวิ่นที่สลายไปแล้วหล่อหลอมกลับมาทีละนิด!
ผ่านไปไม่นาน แทบจะเพียงชั่วครู่ ร่างกายของตงฟางเวิ่นก่อตัวอีกครั้ง
วิญญาณของเขาก็ปั้นรูปขึ้นมาใหม่เช่นเดียวกัน กลายเป็นลำแสงพุ่งทะลุเข้าไปในร่างกาย
วิญญาณโบยบินสู่กายเนื้อ ตาที่หลับสนิทของเขาเบิกโพลง
“นี่ข้าตายแล้วหรือ ที่นี่คือโลกหลังความตายใช่หรือไม่”
สายตาของเขาล่องลอยสับสน พึมพำกับตัวเองเสียงเบา เขาคิดว่าเขาตายไปแล้ว
“บ้าจริง เจ้าก็ตายแล้วหรือ คิดแล้วก็คงใช่ เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
เมื่อเขาเห็นอสุรกายหัวกิเลนก็สะดุ้งตกใจ ก่อนจะสงบใจลง เขาคิดว่าอสุรกายหัวกิเลนตายไปแล้วเหมือนกัน
เป็นดั่งที่เขาว่า อสุรกายหัวกิเลนไฉนเลยจะยังมีชีวิตอยู่ได้
ท่านเซียนประทับในเมืองชิงซาน ไฉนเลยจะปล่อยให้อสุรกายหัวกิเลนทำตามอำเภอใจ
คิดแล้วคงเป็นท่านเซียนที่ลงมือปลิดชีพอสุรกายหัวกิเลน อสุรกายหัวกิเลนตายแล้วเหมือนกัน และมาที่โลกหลังความตายเหมือนกับเขา
“ข้าบอกแล้วว่าโอหังมีราคาที่ต้องจ่าย เฮ้อ ไม่เดินตามหลังข้า หมาย่อมกัด”
ตงฟางเวิ่นสั่นศีรษะไปมา เอ่ยแช่มช้า “ดูก็รู้ว่าเจ้าไม่ค่อยมีปัญญา ไร้สมอง เอาเถิด ๆ เห็นแก่ที่เจ้ามาอยู่โลกหลังความตายพร้อมกับข้า ข้าจะคอยดูแลเจ้าแล้วกัน เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ แล้วข้าจะรับเจ้าเป็นลูกน้อง ให้เจ้าไม่ต้องเจอเรื่องลำบากมากในโลกหลังความตายนี้”
เรียกพี่ใหญ่?
เป็นลูกน้อง?
อสุรกายหัวกิเลนกราดเกรี้ยวเหลือทน ตงฟางเวิ่นกำลังดูหมิ่นเขาอยู่หรือ
โฮก!
มันแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า เสียงคำรามดังสะท้อนนภา ร่างมังกรอันน่าพรั่นพรึงว่ายเวียน พุ่งไปกัดตงฟางเวิ่น
“เราตายแล้วทั้งคู่ เจ้าคิดจะขู่ผู้ใดกัน ข้าต้องกลัวเจ้ากับผีสิ! ตายแล้วยังตายอีกได้หรือ? จริง ๆ เลย!”
ตงฟางเวิ่นไม่กลัวแม้แต่น้อย เขาเข้าใจว่าตัวเองตายแล้ว
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เวลานั้น สิ่งที่อยู่เหนือหัวตงฟางเวิ่นเปล่งแสง ถักทอทับซ้อนเป็นพลังชวนผวา
จากนั้น แสงเจิดจ้ามากมายพวยพุ่ง หลอมรวมกันเป็นกระดานหมากล้อม บดบังผืนฟ้า น่ากลัวเหลือคณา!
กฎแห่งวิถีหมากล้อมแหวกกระโจนออกมา สูงส่งเหนือชั้นเป็นที่สุด มีพลังจากกระดานหมากล้อมโถมทับใส่อสุรกายหัวกิเลน!
อสุรกายหัวกิเลนสยดสยองเป็นที่สุด แม้กระทั่งม่านน้ำตกอสนีบาตยังทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย ประหนึ่งกำลังอาบน้ำให้มัน ทว่าเมื่อเผชิญกับพลังที่ถล่มลงจากกระดานหมากล้อม มันอ่อนแอเสียจนต้านไม่ได้เลยสักการโจมตี!
พรวด! พรวด! พรวด!
โลหิตสีดำน่าพิศวงสาดกระจาย ร่างของมันทะลุเป็นรูใหญ่รูแล้วรูเล่า นี่คือร่างมังกรอย่างแท้จริง แข็งแกร่งดุจหินผา กระนั้นยังไม่ไหว เปราะบางราวกับแผ่นกระดาษ
“คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อม!”
ตงฟางเวิ่นเพิ่งได้เห็นสิ่งที่ลอยอยู่เหนือหัวของเขา ซึ่งเป็นคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมที่ท่านเซียนมอบให้ ท่านเซียนเขียนให้ด้วยตัวเอง มิหนำซ้ำด้านในยังประกอบด้วยข้อคิดด้านหมากล้อมของท่านเซียน
“ข้า…ยังไม่ตาย! ฮ่า ๆ ข้ายังไม่ตาย!”
เขาหัวเราะลั่น เมื่อได้เห็นคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมก็เข้าใจทุกอย่าง
คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมปรากฏ ซ้ำยังมีพลังเหนือจินตนาการหลั่งไหลออกมา เขาจะไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมช่วยเขาไว้ เขายังไม่ตาย!
“บททดสอบ นี่คือบททดสอบจริง ๆ!”
เขาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขามิได้คิดผิด นี่คือบททดสอบเขาจากท่านเซียนจริง ๆ
ถ้าเขาหนีหรือยอมถอย เขาก็จะตายไปจริง ๆ
ยังดีที่เขายืนหยัดมาได้ ไม่หนีและไม่ถอย ผ่านบททดสอบของท่านเซียน!
เขาเข้าใจแล้ว เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง!
ท่านเซียนชี้แนะวิถีหมากล้อมแก่เขา ซ้ำยังมอบคัมภีร์กลยุทธ์แก่เขา ต่อมา ได้สั่งให้เขามาจัดการอสุรกายหัวกิเลนที่นี่ นี่คือการทดสอบ ดูว่าเขามีสิทธิ์รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หรือไม่!
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”
อีกด้าน อสุรกายหัวกิเลนมีสีหวาดหวั่น ในใจสะท้านเหลือคณา มันถึงกับได้กลิ่นแห่งความตาย!
เป็นเรื่องที่มันไม่อยากจะเชื่อ แข็งแกร่งสยดสยองระดับเขา จะได้รับอันตรายถึงตายได้อย่างไร!?
ทว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ มันได้กลิ่นแห่งความตายจริง ๆ ซ้ำร้ายยังรุนแรงมากอีกด้วย!
กระดานหมากล้อมที่สำแดงออกมา ปลิดชีพเขาได้จริง ๆ!
โฮก!
มันคำรามเสียงถี่ มิกล้าสู้ต่ออีกและรีบเปิดมิติหนีไปอย่างรวดเร็ว
อนิจจา ทั้งหมดนี้ล้วนไร้ประโยชน์
พลังตาเดินจตุรงค์เล็งเป้าเขาไว้แล้ว มันไม่ทันได้แหวกมิติ พลังตาเดินจตุรงค์ก็ถล่มลงมา
พลังในครั้งนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งขึ้น ศีรษะกิเลน ร่างมังกร ปีกวิหคเพลิง รวมถึงวิญญาณของมัน ถูกทำลายในเสี้ยววินาที!
มันไม่มีกำลังพอจะตอบโต้ด้วยซ้ำ ต้องตายลงอย่างสิ้นเชิง ณ ที่นี่!
ก่อนตาย อย่าให้พูดเลย่วามันเจ็บใจเพียงใด มันมาเพื่อหลิงอิน ผลสุดท้ายนอกจากยังไม่ได้พบหลิงอินมันก็ตายลงเสียก่อน ตกลงสตรีนางนี้มีความลับอันใดกันแน่!
“นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ตงฟางเวิ่นหดหัว กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
ลำพังให้ฆ่าเทียนตี้ยังยากยิ่งสำหรับเขา อสุรกายหัวกิเลนผู้นี้ไม่รู้แข็งแกร่งกว่าเทียนตี้ธรรมดาตั้งกี่เท่า ทว่า หลังจากคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมสำแดงพลังตาเดินจตุรงค์ออกมา มันกลับไม่มีแม้แต่แรงจะต้านทาน น่ากลัวจนจินตนาการไม่ออก!
ลำพังคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมเล่มเดียวยังน่ากลัวปานนี้ หากท่านเซียนลงมือด้วยตนเอง จะสยดสยองขนาดไหนเชียว!?
ตงฟางเวิ่นชาไปทั้งศีรษะ ไม่กล้าแม้แต่จะคิด
บทที่ 437
อสุรกายหัวกิเลนแสนสยดสยองตายไปทั้งอย่างนี้ เนิ่นนานตงฟางเวิ่นก็ยังไม่ได้สติ
เขารู้ดีถึงความเก่งกาจของท่านเซียน แต่คิดไม่ถึงว่าท่านเซียนจะฉกาจปานนี้!
‘นี่หรือคือพลังแห่งเซียน ผู้ที่อยู่ใต้เซียนล้วนเป็นเพียงมดปลวก!’
เขาสะท้อนใจออกมาอย่างอดไม่ได้
ผ่านไปไม่นาน รอยยิ้มชื่นมื่นปรากฏอยู่บนใบหน้า เขายินดีปรีดาสุดขีด
เขาได้รับการยอมรับจากท่านเซียน นับจากนี้ไป เขาจะกลายเป็นคนของท่านเซียนจริง ๆ อนาคตของเขาต้องสว่างสดใสอย่างแน่นอน!
รุ้งมงคลจางหายจาก คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมค่อย ๆ จรดลงมา ตงฟางเวิ่นเก็บคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมกลับเข้าไปในแดนลับเนื้อกายของเขาอีกครั้ง
“กลับเลยดีกว่า!”
เขาหัวเราะร่า สะกดพลังปราณ แล้วทอดกายลงจากภูเขาลี่
‘นี่คือพลังที่คอยปกป้องทุกสิ่งเป็นของท่านเซียนหรือ’
หลังลงมาอยู่บนภูเขาลี่ เขาก็เอ่ยในใจอย่างอดไม่ได้
พลังที่อสุรกายหัวกิเลนเปล่งออกมาอย่าให้พูดเลยว่าน่าพรั่นพรึงเพียงใด ทว่าด้านภูเขาลี่กลับไม่มีแม้แต่ใบไม้ร่วงหล่น เห็นได้ชัดว่ามีพลังคอยคุ้มกันอยู่
มิฉะนั้น ไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่
และพลังที่คุ้มกันอยู่นี้ ทั้งเขาและอสุรกายหัวกิเลนล้วนไม่ทันรู้ตัว พลังปกป้องนี้คงน่ากลัวเหลือแสนอย่างไม่ต้องสงสัยถึงได้เป็นเช่นนี้
ผู้ใดกันที่มีพลังน่าหวาดหวั่นขนาดนี้?
เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือท่านเซียน
‘ท่านเซียนคอยจับตาดูเหตุการณ์ด้านนี้อยู่ตลอด ยังดีที่ข้ายืนหยัดผ่านมาได้ มิได้ยอมถอย มิฉะนั้น น่ากลัวว่าท่านเซียนคงละทิ้งข้าไปแล้ว!’
เขาเอ่ยในใจอย่างนึกโชคดี
ภูเขาลี่ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย และคนในภูเขาลี่ก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน พวกเขาไม่รู้เลยสักนิดว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
พลังของต้นหลิวสกัดกั้นทุกสิ่ง
“อย่างที่คิด นี่คือบททดสอบของเขาจากท่านเซียน”
ณ ริมน้ำ ก้อนหินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะท้อนใจ
“ใช่แล้ว ว่ากันไปตามเนื้อผ้า เขาไม่เลวจริง ๆ…”
ต้นหลิวเอ่ยอย่างยอมรับตงฟางเวิ่น
...
ภายในมหาสมุทรสีดำอันมองไม่เห็นที่สิ้นสุด
“ท่านบูรพาจารย์…ตายแล้ว!”
จ้าวสมุทรทะเลต้องห้ามเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
ก่อนท่านบูรพาจารย์ออกเดินทาง ได้ทิ้งศาสตราชิ้นหนึ่งไว้ให้ ซึ่งเชื่อมโยงกับชีวิตของท่านบูรพาจารย์โดยตรง สะดวกแก่การติดต่อท่านบูรพาจารย์ได้ทุกเมื่อ
ยามนี้ ยุคสมัยกำลังวุ่นวาย ท่านบูรพาจารย์กลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงตั้งใจเหลือศาสตราที่เชื่อมโยงกับชีวิตของตน มิได้เหลือศาสตราสื่อสารทั่วไป
ศาสตราสื่อสารทั่วไปมีโอกาสถูกพลังภายนอกแทรกแซงจนไม่อาจใช้งานได้
ทว่าศาสตราที่เชื่อมโยงกับชีวิตไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ไม่มีทางถูกพลังภายนอกแทรกแซง ตราบใดที่ท่านบูรพาจารย์ยังไม่ตาย การเชื่อมต่อก็อยู่ตรงนั้นเสมอ ปลอดภัยถึงขีดสุด
ทว่าจ้าวสมุทรคิดไม่ถึงเลย ศาสตราที่เดิมใช้เพื่อการติดต่อ บัดนี้กลับกลายเป็นศาสตราที่ใช้เพื่อยืนยันความเป็นความตายของท่านบูรพาจารย์…
“หลิงอินต้องสยดสยองปานใดกัน!”
เขาเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ สั่นระริกไปทั้งตัว สันหลังเย็นวาบ
ท่านบูรพาจารย์ทรงพลังขนาดนั้น แต่ก็ยังตาย เขาไม่อาจเชื่อได้ลงจริง ๆ!
“ข้าต้องอธิบายต่อเบื้องบนอย่างไรดี!”
อย่าให้พูดเลยว่าเขาทรมานใจเพียงใด
ท่านบูรพาจารย์มีสถานะสูงส่ง บัดนี้ตายไปทั้งอย่างนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะอธิบายให้เบื้องบนฟังอย่างไรดี
“อธิบายไม่ได้ก็ต้องอธิบาย!”
เรื่องนี้สำคัญนัก เขาไม่อาจปิดบังไม่ยอมรายงาน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเรียนขึ้นไป
...
หลายวันผ่านไป เสี่ยวหยายังคงฝึกฝนลำนำฉินต่อเนื่อง พรสวรรค์ของนางเลิศล้ำอย่างแท้จริง บวกกับท่านเซียนมอบกระดาษเนื้อเพลงไว้ให้นาง ด้านในมีคำกำกับและข้อคิดของท่านเซียน นางจึงมีการพัฒนาด้านฉินที่รวดเร็ว
และพลานุภาพฉินปี้เทียนชางไห่ที่นางสำแดงออกมาได้ก็ทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ!
การเชื่อมต่อระหว่างนางและพี่ชายก็ชิดเชื้อขึ้นเรื่อย ๆ!
“พี่ชายถูกผู้อื่นจับไปขังไว้!”
หลังบรรเลงจบหนึ่งบทเพลง เสี่ยวหยาน้ำตานองหน้า นางเห็นสภาพของพี่ชายในตอนนี้ผ่านเสียงฉิน
น่าเวทนายิ่ง!
น่าเวทนาสุด ๆ!
ที่นั่นเป็นสถานที่มืดสนิทไร้แสงสว่าง พิศวงน่ากลัวจนขนลุก พี่ชายของนางกลายเป็นยักษ์ มีขนสีแดงน่ากลัวงอกเต็มตัวไปหมด ดูไม่เหมือนทั้งคนทั้งผี
ทว่านางไม่เพียงแต่ได้เห็นพี่ชายเท่านั้น นางยังได้เห็นยักษ์อีกหลายตนซึ่งมีสภาพเดียวกับพี่ชายนาง มีขนสีแดงน่ากลัวงอกเต็มตัวเช่นกัน ทั้งหมดถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เหล็กเส้นใหญ่ บ้างดูคล้ายตายไปแล้ว บ้างส่งเสียงคำรามเสมือนอสูร
“เสี่ยวหยาอย่าร้องไห้!”
หลิงอินซึ่งอยู่ข้าง ๆ ถามเสี่ยวหยา “ตกลงเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่”
เสี่ยวหยาเล่าทุกอย่างที่นางเห็นให้หลิงอินฟัง
ครั้งนี้การเชื่อมต่อของนางและพี่ชายชิดเชื้อมากขึ้น ราวกับนางได้กลายเป็นพี่ชาย สัมผัสถึงความเจ็บปวดทั้งหมดที่พี่ชายของนางแบกรับในขณะนี้
น้ำตาของนางรินไหลอย่างหยุดไม่อยู่ ความเจ็บปวดขนาดนี้ นางเพิ่งได้ลิ้มรสก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว แทบเสียสติ แล้วพี่ชายของนางแบกรับความเจ็บปวดขนาดนี้มานานเท่าไรแล้ว
นางไม่กล้าคิดต่อเลยว่าหลายปีมานี้พี่ชายของนางทนมาได้อย่างไร!
“สติสัมปชัญญะของพี่ชายอ่อนบางมาก ราวกับมีของบางอย่างกำลังกัดกินจิตสำนักของพี่ชายอยู่ ไม่ว่าข้าเรียกหาพี่ชายอย่างไรก็ไม่เป็นผล!”
เสี่ยวหยาบอกเสียงสะอื้น “พี่หญิงหลิงอิน เราจะทำอย่างไรกันดี สติสัมปชัญญะของพี่ชายอ่อนบางยิ่ง น่ากลัวว่าทนต่อไปได้อีกไม่นานก็จะถูกกลืนสนิท!”
การเชื่อมต่อชิดเชื้อเยี่ยงนี้ ที่จริงนางควรคุยกับพี่ชายได้จนสร้างการเชื่อมโยง ทว่าบัดนี้สติสัมปชัญญะพี่ชายของนางเบาบางเกินไป เหลืออยู่เพียงน้อยนิด นางไม่สามารถพูดกับพี่ชายได้
“ร้ายแรงปานนี้เชียว?”
หลิงอินขมวดคิ้ว นางเดาได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าสถานการณ์ของพี่ชายเสี่ยวหยาอาจมิสู้ดีนัก แต่คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะคับขันเยี่ยงนี้ ตามที่เสี่ยวหยากล่าวมา เป็นไปได้สูงว่าสติสัมปชัญญะของพี่ชายเสี่ยวหยาหายไปได้ทุกเมื่อ
“พวกเราไปกันเถิด!”
นางมิได้ลังเล พาเสี่ยวหยาไปจากที่นี่ นางต้องไปช่วยพี่ชายของเสี่ยวหยา ไม่อาจปล่อยให้สติสัมปชัญญะพี่ชายของเสี่ยวหยาหายไปทั้งแบบนี้
ด้วยพลังของฉินปี้เทียนชางไห่ เสี่ยวหย่ารู้ตำแหน่งพี่ชายของนาง เป็นระยะห่างที่ไกลแสนไกล มิได้อยู่ในโลกนี้ จำต้องเดินทางข้ามจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
หากพวกนางไปกันแบบนี้ ไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะถึง
และหลิงอินในฐานะจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาลตระหนักถึงข้อนี้ดี นางมิได้พาเสี่ยงหยาออกจากโลกนี้โดยตรง หากแต่พาเสี่ยวหยามุ่งหน้าไปที่ทะเลต้องห้าม
นางต้องการ ‘ยืม’ ของวิเศษจากทะเลต้องห้าม!
ทุกแดนต้องห้ามล้วนผ่านกาลเวลามายาวนาน รากฐานลึกล้ำเกินหยั่ง เทียบกับกองกำลังทั้งปวงในโลกนี้แล้ว มีรากฐานอุดมสมบูรณ์กว่ามากนัก
ทะเลต้องห้ามเป็นหนึ่งในเก้าแดนต้องห้าม ย่อมเป็นเช่นนี้ด้วย
และเพราะเหตุนี้ นางถึงพาเสี่ยวหยามุ่งหน้าไปยังทะเลต้องห้าม นางตั้งใจ ‘ยืม’ ศาสตราของทะเลต้องห้ามที่สามารถเดินทางอย่างรวดเร็วในจักรวาลอันกว้างไกลได้!
เมื่อมีศาสตราที่สามารถเดินทางในจักรวาลด้วยความเร็วสูง พวกนางก็จะไปถึงโลกที่พี่ชายของเสี่ยวหยาอยู่ได้ไวยิ่งขึ้น
ทะเลต้องห้ามตั้งอยู่ในดินแดนฮวง หลิงอินใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของหุบเขาคงหลิง พาเสี่ยวหยามาที่หุบเขาคงหลิงในดินแดนฮวงก่อน
หุบเขาคงหลิงห่างจากทะเลต้องห้ามไกลพอสมควร หลังจ้าวหุบเขาทราบเรื่องราว รับรู้ความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้ ก็หยิบศาสตราปริภูมิชิ้นหนึ่งออกมายื่นให้หลิงอิน
ศาสตราปริภูมิชิ้นนี้ทรงพลังมาก สามารถเดินทางข้ามมิติ ลดหย่อนระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางได้มหาศาล
“ขอบคุณ!”
หลิงอินกล่าวขอบคุณจ้าวหุบเขา แล้วจึงพาเสี่ยวหยาเดินทางโดยใช้ศาสตราปริภูมิชิ้นนี้เพื่อมุ่งหน้าไปยังทะเลต้องห้าม
บทที่ 438
ท่ามกลางมหาสมุทรสีดำอันไร้ที่สิ้นสุด พิศวงน่าขนลุก น้ำทะเลเหนียวหนืดดำทะมึนยิ่งกว่าน้ำหมึก สายลมพัดผ่าน สิ่งที่โชยชายออกมาล้วนเป็นกลิ่นเหม็นคาวน่าคลื่นไส้ กลิ่นแรงเหลือคณา
มีอสูรสินธุกระโจนขึ้นจากน้ำทะเลสีดำเป็นครั้งคราว ไม่มีตัวใดเป็นสัตว์ทะเลปกติ ล้วนแล้วเป็นซากศพอสูรซึ่งมีเศษเนื้อเปื่อยติดอยู่
หลิงอินกับเสี่ยวหยามาถึงทะเลต้องห้าม
ศาสตราปริภูมิที่จ้าวหุบเขาให้มาช่วยพวกนางไว้มาก เวลาการเดินทางของพวกนางร่นระยะลงมหาศาล
ทั้งสองมาถึงที่นี่ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน
“ที่นี่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมอีก…”
หลิงอินหรี่ตาเล็กน้อย รู้สึกถึงความเปลี่ยนของทะเลต้องห้ามในตอนนี้ ทะเลต้องห้ามในตอนนี้น่าพรั่นพรึงขึ้นจากที่นางมาครั้งก่อน
อย่างเช่นผนึกที่ไหลไปตามน้ำทะเลสีดำ เทียบกับที่นางมาคราวก่อนยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ทะเลต้องห้ามเข้ายากกว่าเดิมแล้ว…
ทว่าสำหรับนางทั้งหมดนี้มิได้สลักสำคัญ
ผนึกบนท้องทะเลสีดำแข็งแกร่งขึ้นปานใด น่ากลัวขึ้นปานใดก็ขวางนางไม่ได้
ขณะเดียวกัน จ้าวสมุทรรับรู้การมาของหลิงอินในทันที
“มาแล้ว ในที่สุดก็มาแล้ว!”
จ้าวสมุทรร้อนรนเหมือนมดบนหม้อร้อน เดินไปเดินมาไม่หยุด
หลิงอินเคยพูดกับพวกเขาไว้ตั้งแต่คราวก่อนว่าอย่าสร้างเรื่องอีก มิฉะนั้นจะไม่ปรานีต่อทะเลต้องห้าม และจะมาเยือนทะเลต้องห้ามของพวกเขาอีกครั้ง
ครั้นเมื่อท่านบูรพาจารย์มาถึง เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังผนึกในทะเลต้องห้าม แล้วจึงออกเดินทางไปสังหารหลิงอิน
ผลสุดท้ายท่านบูรพาจารย์ฆ่าหลิงอินไม่ได้ กลับตายเสียเอง…
ตั้งแต่ท่านบูรพาจารย์ตายไป เขาก็อกสั่นขวัญแขวนอยู่ทุกวี่วัน วิตกกังวลว่าหลิงอินจะมาเยือนถึงที่
และบัดนี้ หลิงอินมาหาถึงที่แล้วจริง ๆ!
“ระดมกำลังทั้งหมดในทะเลต้องห้าม ห้ามปล่อยนางเข้ามาเด็ดขาด ยอดฝีมือจากอาณาจักรเราใกล้มาถึงแล้ว ต้องประวิงเวลาออกไปจนกว่ายอดฝีมือในอาณาจักรเราจะมาถึง!”
จ้าวสมุทรตวาดลั่นคล้ายจะขาดใจ มีคำสั่งลงไปให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเลต้องห้ามเคลื่อนไหว ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามปล่อยหลิงอินเข้ามาเด็ดขาด
ให้ตายสิ ขืนปล่อยให้หลิงอินเข้ามา เกรงว่าทะเลต้องห้ามของพวกเขาคงถูกทำลายพังพินาศ!
สิ่งที่อยู่ในส่วนลึกสำคัญเกินไป เขาไม่มีทางปล่อยให้หลิงอินเข้ามาในทะเลต้องห้ามของพวกเขาเด็ดขาด
“รับบัญชา!”
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเลต้องห้ามที่ตื่นได้ล้วนตื่นขึ้นมา รุดหน้าไปสกัดหลิงอิน
“คงพอยับยั้งได้กระมัง! ต่อให้ยับยั้งไม่ได้ แต่ประวิงเวลาต่อไปสักหน่อยก็น่าจะไหว!”
จ้าวสมุทรพึมพำเสียงเบากับตัวเอง
ทะเลต้องห้ามผ่านการเสริมพลังจากท่านบูรพาจารย์ ต่อให้ต้องเผชิญกับการบุกโจมตีของกลุ่มเทียนตี้ยังไม่เป็นปัญหา ป้องกันไว้ได้แน่นอน
ทว่ายามเขาเอ่ยวาจานี้ กลับมิได้มั่นใจมากนัก…
จะให้เขามั่นใจได้เยี่ยงไร!
หลิงอินเป็นตัวตนที่น่าเหลือเชื่อเกินไป แม้แต่ท่านบูรพาจารย์ยังสูญสิ้นในมือนาง เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายน่ากลัวได้ถึงปานใด แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรกัน ภายในใจหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เพียงพริบตาเดียว สิ่งมีชีวิตในทะเลต้องห้ามจำนวนมากก็มาถึงชายขอบมหาสมุทรสีดำ ประจันหน้ากับหลิงอิน
หลิงอินเห็นดังนั้นก็ฉงนนิดหน่อย ทะเลต้องห้ามตื่นตูมกันเพียงนี้เชียวหรือ
ถึงแม้คราวก่อนนางจะอาละวาดในทะเลต้องห้ามไปยกใหญ่ จนทั้งทะเลต้องห้ามหวาดผวาเหลือคณา
กระนั้นตอนนี้นางยังมิได้ทำสิ่งใด ทะเลต้องห้ามจำเป็นต้องตึงเครียดถึงขั้นนี้เลยหรือ
สิ่งมีชีวิตจากทะเลต้องห้ามเรียงรายยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ราวกับจะทำศึกเต็มกำลัง
“ทุกท่าน ไม่ต้องเครียด ข้ามาที่นี้มิได้มีเจตนาร้ายอันใด เพียงต้องการเจรจากับจ้าวสมุทรของพวกเจ้า ขอยืมอะไรสักหน่อย”
หลิงอินกล่าว
นางเดินทางมาครังนี้เพื่อ ‘ยืม’ ของวิเศษ ไม่ได้คิดลงไม้ลงมือในทะเลต้องห้ามแต่อย่างใด
อีกด้าน เบื้องหน้าจ้าวสมุทรมีม่านแสงมโหฬารปรากฏ ภายในม่านแสงสามารถมองเห็นหลิงอินและเสี่ยวหยาได้อย่างชัดเจน ซ้ำยังได้ยินคำพูดของหลิงอินอีกด้วย
สิ่งนี้คือศาสตราทรงพลัง ช่วยให้เขาได้เห็นภาพการณ์ตรงนั้นจากที่แห่งนี้ได้
“บัดซบ! เจ้าฆ่าท่านบูรพาจารย์ไปแล้ว ยังกล่าวว่าไม่มีเจตนาร้ายอีกหรือ! หลอกเด็กสามขวบหรือไร!”
จ้าวสมุทรเอ่ยอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
มีแต่คนโง่เท่านั้นถึงเชื่อคำกล่าวของนาง!
เขามิได้โง่!
หลิงอินไฉนเลยจะไม่ประสงค์ร้าย หากไม่ประสงค์ร้ายจริง ก็คงไม่ปลิดชีพท่านบูรพาจารย์ของพวกเขา
ที่หลินอินเดินทางมาครานี้ เห็นได้ชัดว่ามาคิดบัญชีกับพวกเขา!
เขาไม่มีทางปล่อยให้นางเข้ามาเด็ดขาด ขืนปล่อยเข้ามาก็เท่ากับชักศึกเข้าบ้าน!
“อย่าไปฟังวาจาเหลวไหลของนาง ป้องกันไว้ให้ดี ต่อให้ตายก็ห้ามปล่อยนางเข้ามาเด็ดขาด!”
เขาออกคำสั่ง
อีกด้าน สิ่งมีชีวิตตามชายขอบทะเลต้องห้ามได้รับคำสั่ง จึงพากันเรียกศาสตราของตนออกมา อีกทั้งโคจรกำลังภายในตัวจนอยู่ในระดับสูงสุด เตรียมพร้อมเข้าห้ำหั่นด้วยชีวิตทุกเมื่อ!
…
หลิงอินเห็นภาพนี้แล้วระอาใจยิ่งขึ้น
ทะเลต้องห้ามอ่อนไหวเกินไปแล้วกระมัง
นางบอกไปแล้วว่ามิได้มีเจตนาร้าย ทะเลต้องห้ามยังต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ
“ทุกท่าน ข้าไม่ต้องการลงไม้ลงมือ เพียงแต่ต้องการหารือกับจ้าวสมุทรของพวกเจ้าเพื่อขอยืมสิ่งของ”
นางเอ่ยอีกครั้ง แสดงจุดยืน
ทว่าท่าทางตึงเครียดเพียงนี้ของทะเลต้องห้ามก็สร้างความแคลงใจให้นางไม่น้อย
ทะเลต้องห้ามทำอะไรไว้หรือ?
มิฉะนั้น ไยต้องกลัวนางปานนี้?
หากมิใช่ว่าทะเลต้องห้ามมีชนักติดหลัง ย่อมไม่มีทางอ่อนไหวตื่นกลัวเยี่ยงนี้
“อย่าชะล่าใจ ห้ามประมาทเด็ดขาด หากนางบังอาจเหยียบย่ำเข้ามาในทะเลต้องห้ามหนึ่งก้าว พวกเจ้าเริ่มโจมตีทันที เอาให้ถึงตาย!”
จ้าวสมุทรบงการทุกอย่าง ออกคำสั่งลงไป
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงชายขอบทะเลต้องห้ามได้รับคำสั่งแล้วมิกล้าชะล่าใจแม้แต่น้อย มือกำอาวุธแน่นขึ้นไปอีกขณะเล็งไปที่หลิงอิน
หลิงอินได้เห็นภาพนี้แล้วยิ่งแคลงใจมากขึ้น
ดูท่าทะเลต้องห้ามทำอะไรไว้จริง ๆ ถึงได้เกรงกลัวนางเยี่ยงนี้
แต่จะเป็นเรื่องใดกันนั้น...
ช่วงนี้นางมิได้ข้องแวะกับสิ่งมีชีวิตจากทะเลต้องห้าม และมิได้พบเจอเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด…
‘คงยังไม่ได้ลงมือ แค่กำลังวางแผน ยามนี้เห็นข้าบุกมาถึงที่ คงคิดว่าแผนรั่วไหลออกไปจนข้าล่วงรู้…’
หลิงอินวิเคราะห์ในใจ
นางไม่รู้เรื่องที่อสุรกายหัวกิเลน บูรพาจารย์แห่งทะเลต้องห้ามเคยไปหานาง เพราะพลังของต้นหลิวปิดกั้นทุกสิ่งอย่าง
‘ข้าแค่มา ‘ยืม’ ของวิเศษเท่านั้น แต่กลับจับพลัดจับผลูทำให้พวกเขาแผนแตกได้พอดีหรือ’
หลิงอินคิดอย่างนึกขันในใจ
ทว่าตอนนี้นางไม่มีเวลาต่อความยาวสาวความยืดกับทะเลต้องห้าม พี่ชายของเสี่ยวหยาอยู่ในสถานการณ์คับขัน ไม่อาจเสียเวลาได้แม้แต่น้อย รอให้นางกลับมาเมื่อใดค่อยคิดบัญชีกับทะเลต้องห้ามยังไม่สาย
“ข้าไม่อยากลงมือ หลีกไป!”
นางเอ่ยเสียงดังฟังชัด ก้าวออกไปหนึ่งก้าว
สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเห็นหลิงอินเคลื่อนไหว พวกเขาจู่โจมหญิงสาวทันทีตามคำสั่งของจ้าวสมุทร
สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามยั้วเยี้ยเต็มนภา จำนวนสิ่งมีชีวิตจากทะเลต้องห้ามมีมากเกินไป เวลานี้พากันจู่โจมพร้อมเพรียง อาวุธมากมายปะทุพลังแสนน่ากลัว อย่าให้พูดเลยว่าภาพการณ์นั้นน่าหวาดหวั่นปานใด!
ครืน!
ปฐพีสั่นไหว เสียงระเบิดอันน่าพรั่นพรึงดังไม่หยุดหย่อน สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเหล่านี้ล้วนไม่ปิดบังฝีมือ จู่โจมด้วยพลังสูงสุดของตน
น้ำทะเลสีดำเดือดพล่าน ซากศพอสูรเน่าเปื่อยชวนขนลุกในนั้นต่างพุ่งขึ้นมา กลิ่นเหม็นคาวแผ่ซ่านอยู่ในฟ้าดิน แทบไม่อาจหายใจ
พวกมันน่ากลัวมากเช่นกัน พลังที่มีนั้นสยดสยอง เทียบกับสิ่งมีชีวิตในทะเลต้องห้ามมีแต่จะยิ่งแข็งแกร่งกว่า!
ภาพนี้น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่ากาลอวสานของโลกมาถึงเสียอีก!
บทที่ 439
อยากเอาชีวิตนางปานนั้นเชียว?
หลิงอินคิดในใจไปว่าทะเลต้องห้ามอำมหิตยิ่ง มาถึงก็ปล่อยวิชาพิฆาตมากมาย หมายจะสังหารนางให้ได้
การโจมตีนานัปการถาโถมเข้ามา คลื่นพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงแผ่ขยายท่วมท้นฟ้าดิน ทั้งดินแดนฮวงโกลาหลไปหมด สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนต่างทอดสายตามา ใคร่รู้ในใจเหลือแสนว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับฟากทะเลต้องห้าม
การโจมตีระดับนี้ ต่อให้เป็นเทียนตี้ยังไม่อาจทำใจสงบ รับมือด้วยความนิ่งเฉย ทว่าหลิงอินกลับสุขุมอย่างยิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนไปสักนิด
นางก้าวออกไปหนึ่งก้าว ดีดตัวขึ้นจากพื้นดิน กระโปรงสีขาวพิสุทธิ์พลิ้วไหวตามลม งดงามไร้มลทิน เมื่ออยู่กลางทะเลต้องห้ามอันมืดทะมึนดั่งน้ำหมึก พิศวงดุจอเวจีจิ่วโยว นางเปรียบเสมือนท่านเซียนจากโลกมนุษย์ เจิดจ้าแยงตาเกินไป
ครืน!
พลังอันน่าหวาดหวั่นซัดสาดเข้ามา ราวกับพร้อมทำลายผืนฟ้าแผ่นดินแห่งนี้ไปด้วย สยดสยองชวนขนลุก ทว่าหญิงสาวกลับพุ่งรับการโจมตี ปราศจากความเกรงกลัว!
ร่างกายของนางเปล่งแสงแวววาว กฎแห่งมหาเต๋ามากมายล้อมรอบเป็นคลื่นอยู่รอบตัว ก่อนจะสมานร่างเป็นม่านแสงปกป้องอยู่ตามเนื้อกาย นางสวมอาภรณ์กฎแห่งมหาเต๋าอีกครั้ง สูงส่งศักดิ์สิทธิ์เหลือแสน!
การโจมตีท่วมท้นนภาถล่มลงมา นางไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ การโจมตีทั้งหมดแม้แต่จะเข้าใกล้นางยังทำไม่ได้ ถูกลบล้างออกไปในชั่วพริบตา!
ซ่า!
น้ำทะเลสีดำซัดสาดเป็นเกลียวคลื่นสูงนับหมื่นจั้ง ซากศพเปื่อยอสูรสินธุชวนขนลุกจู่โจมเข้ามาตัวแล้วตัวเล่า น่าพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง!
พวกมันมิใช่สิ่งมีชีวิตปกติ ถูกสร้างขึ้นและควบคุมโดยวิชาลับบางอย่างของทะเลต้องห้าม ต่อมาได้รับการเพิ่มพลังจากอสุรกายหัวกิเลน พวกมันบุกเข้าไปพร้อมเพรียง คร่าชีวิตได้แม้แต่เทียนตี้!
พลังน่าพิศวงออกอาละวาด นี่คือพลังที่ลึกลับที่สุดในทะเลต้องห้าม มาจากพลังของอาณาจักรซึ่งอยู่เบื้องหลัง
จักรพรรดิบุปผาอยู่รอดมาตั้งแต่ยุคโบราณถึงยุคปัจจุบัน ซ้ำยังคืนสภาพในช่วงเปี่ยมพลังที่สุดได้ ก็เป็นเพราะพลังพิศวงที่ได้รับการประทานทั้งสิ้น
อนิจจา ซากศพเปื่อยอสูรสินธุเหล่านี้แม้นสยดสยองสุดขีด กระนั้นเมื่ออยู่เบื้องหน้าหยกคุ้มกายก็อ่อนพลังไม่ควรค่าแก่การพูดถึง!
หยกคุ้มกายหลอมร่างอาภรณ์กฎวิถีมหาเต๋าออกมา สวมใส่บนตัวหลิงอิน ขณะที่เหล่าซากศพอสูรสินธุพุ่งมาหานางก็เปล่งแสนยานุภาพ ปล่องพลังใส่ซากศพอสูรสินธุจนทั้งหมดกระเด็นไปอีกทาง
ซากศพอสูรสินธุส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างอ่อนพลังลงก็ถูกระเบิดแหลกเหลวเพราะพลังนี้ เหลือเพียงเศษซาก!
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เวลานั้น มีลำแสงสีดำสยดสยองมากมายพุ่งออกจากมหาสมุทรสีดำ ผนึกบนมหาสมุทรสีดำเดินหน้าเต็มกำลัง ยันต์อักขระน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากมายเด้งขึ้นลง พลังแสนน่ากลัวคืบคลานออกมา จนสั่นสะท้านไปทั้งดวงวิญญาณและร่างกาย
หลิงอินยังคงไม่มีทีท่าหวาดกลัว มีหยกคุ้มกายที่ท่านเซียนประทาน นางกล้าไปทุกที่ ไม่เกรงกลัวผนึกใด ๆ
นางย่างกรายไปด้านหน้า ผมยาวสยายตามลม นางสวมใส่อาภรณ์กฎวิถีมหาเต๋า กลายเป็นเหมือนนางเซียนสูงส่งไร้มลทินนางหนึ่งจริง ๆ!
ครืน!
คล้อยตามการเยื้องย่างของนาง ผนึกบนมหาสมุทรสีดำระเบิดแหลกลาญในบัดดล พลังระดับนี้มิได้อยู่ในขั้นเดียวกัน ผนึกบนมหาสมุทรสีดำเปราะบางเสียจนเหมือนทำจากแก้ว เพียงแตะเบา ๆ ก็แตกสลาย
“อะไรกัน!”
อีกด้าน อย่าให้พูดเลยว่าจ้าวสมุทรหน้าม่านแสงสีหน้าย่ำแย่ปานใด
หลิงอินฆ่าท่านบูรพาจารย์ได้ บ่งบอกว่าพลังของนางน่ากลัวอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย เขามิได้ประเมินนางต่ำ แต่จินตนาการถึงหญิงสาวในระดับที่สูงมาก
ทว่าบัดนี้ดูแล้ว เขาก็ยังประเมินอีกฝ่ายต่ำไป นางน่าพรั่นพรึงกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากนัก!
ท่านบูรพาจารย์เคยกล่าวว่า ผนึกบนมหาสมุทรสีดำแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อาจทลายได้โดยง่าย
แต่เมื่อเผชิญกับอาภรณ์กฎวิถีมหาเต๋าที่หลิงอินสวมใส่ ผนึกบนมหาสมุทรสีดำอ่อนแอเหลือคณา แผ้วพานนางไม่ได้เลย
“กลับมา กลับมาให้หมด!”
เขาคำรามเสียงต่ำ สั่งให้สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามทุกตนที่ประจำอยู่ชายขอบทะเลต้องห้ามถอยกลับมา
จากนั้น สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามทุกคนจึงล่าถอยกลับไปที่เกาะ
ยอมแพ้แล้วหรือ?
หลิงอินเห็นว่าสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามทุกตนยอมถอย จึงเข้าใจว่าทะเลต้องห้ามถอดใจแล้ว
“ไปเถิดเสี่ยวหยา”
มหาสมุทรสีดำปราศจากผนึก เสี่ยวหยาเข้ามาได้อย่างปลอดภัย หลิงอินบอกให้เสี่ยวหยาเข้าไปในทะเลต้องห้ามกับนาง
“ได้!”
เสี่ยวหยาเหินเข้ามา เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลิงอิน เหาะเข้าไปยังส่วนลึกของทะเลต้องห้าม
บนมหาสมุทรสีดำมีผนึกทรงพลัง ซ้ำยังมีผนึกที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่านั้น
เกาะนี่คือรากฐานของทะเลต้องห้ามในอาณาจักรนี้ ส่วนลึกของเกาะมีความลับใหญ่หลวงซ่อนอยู่ อสุรกายหัวกิเลนตั้งใจวางผนึกบนมากเกาะกว่าปกติ
มันนำวัตถุดิบหายากจากอาณาจักรเบื้องหลังมามากมาย และใช้ไปกับเกาะเกือบทั้งหมด การวางผนึกที่นี่มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันภัยร้ายจากการปรากฏของดินแดนนั้น ไม่ต้องพูดเลยว่าการวางผนึกบนเกาะน่าพรั่นพรึงเพียงใด!
ท่านบูรพาจารย์เคยกล่าวว่า แม้แต่กำลังรบระดับเขายังทลายไม่ได้ หากฝืนบุกเข้าไป ย่อมต้องเลือดกระจาย ตายลงในที่สุด!
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น จ้าวสมุทรก็มิได้มั่นใจนัก พลานุภาพจากหยกคุ้มกายที่หลิงอินสวมใส่น่าหวาดหวั่นเกินไป!
“ฟังคำสั่งจากข้า สมาชิกทะเลต้องห้ามทุกคนเผาผลาญตนเอง สละพลังทั้งหมด เสริมความแข็งแกร่งให้กับผนึกของเกาะ!”
จ้าวสมุทรออกคำสั่งอย่างอำมหิตออกมาแล้วจริง ๆ เขาหมายใจสละสมาชิกทุกตนในทะเลต้องห้าม
จะเกิดอะไรกับเกาะนี้ไม่ได้เด็ดขาด รากฐานของพวกเขาทะเลต้องห้ามในกาลเวลาอันยาวนานอยู่บนเกาะนี้ทั้งหมด เขาปล่อยให้หลิงอินไปที่เกาะไม่ได้เด็ดขาด!
ต่อให้ต้องสละชีวิตสมาชิกทั้งหมดในทะเลต้องห้ามก็ยอม!
หลังเขาออกคำสั่ง สมาชิกทุกตนในทะเลต้องห้ามพลันมีเปลวเพลิงลุกโชติออกมา พลังนับพันนับหมื่นหลอมรวมเข้าด้วยกัน เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผนึกบนเกาะ
ชั่วขณะนั้น คลื่นพลังแสนสยดสยองหลั่งไหลออกจากเกาะ
“โหดเหี้ยม…ถึงเพียงนี้เชียว!?”
หลิงอินเห็นแล้วตาโตอ้าปากค้างทันที
นางนึกในใจว่านางแค่มาขอยืมศาสตราที่ใช้เดินทางในจักรวาล อีกฝ่ายต้องทำถึงขั้นนี้เชียวหรือ?
ทว่าความกังขาในใจนางทวีความรุนแรง อาจกล่าวได้ว่านางแน่ใจแล้ว
ทะเลต้องห้ามทำเรื่องชั่วช้าบางอย่างไว้แน่นอน ซ้ำยังเกี่ยวข้องกับนาง เพราะอย่างนั้นหลังได้เห็นนางถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเยี่ยงนี้ กลัวนางขนาดนี้!
‘ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าพวกเจ้าทำเรื่องใดไว้ หรือกำลังวางแผนใดกันอยู่!’
สายตานางเย็นเยียบลงเรื่อย ๆ
ทะเลต้องห้ามยอมสละชีวิตของสมาชิกทุกตนเพื่อขัดขวางนาง เรื่องนี้ต้องมิใช่เรื่องเล็กแน่ ๆ อาจใหญ่หลวงรุนแรงเหลือแสน!
เดิมนางคิดจะกลับมาสืบใหม่ แต่บัดนี้ดูแล้วคงทำเช่นนั้นมิได้ นางจำต้องสืบให้รู้ความแล้วค่อยว่ากัน เพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องไม่คาดคิด!
ตัวนางเองไม่กลัวเท่าใด แต่เพียงกลัวจะเกิดเรื่องกับคนที่ตนรู้จัก นางกลัวว่าทะเลต้องห้ามวางแผนทำร้ายคนที่ตนเองรู้จัก
นางไม่เป็นห่วงครอบครัวในเมืองชิงซาน เมืองชิงซานมีท่านเซียนคอยพิทักษ์ ไม่ว่าทะเลต้องห้ามมีแผนใดก็ไม่มีทางสำเร็จ
ทว่านอกเมืองชิงซานก็มีคนที่นางรู้จักอยู่ อย่างเช่นหุบเขาคงหลิง…
คราวก่อนนางสังหารจักรพรรดิบุปผาที่หุบเขาคงหลิง ผูกความแค้นกับทะเลต้องห้าม พลอยทำให้หุบเขาคงหลิงเคราะห์ร้ายไปด้วย เพื่อปกป้องนาง ไม่ว่าอย่างไรจ้าวหุบเขาก็ไม่ยอมติดต่อนาง ส่งผลให้คนในหุบเขาคงหลิงมากมายตายตกตามกัน
ครานั้นนางได้ประกาศว่าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก นางไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องต้องโดนหางเลขอีก
หนนี้นางจักสืบให้รู้แจ้ง ยุติแผนการของทะเลต้องห้ามโดยสมบูรณ์ ไม่ปล่อยให้ผู้อื่นต้องพลอยลำบากเพราะนาง
“ฆ่า!”
จ้าวสมุทรคำรามเสียงต่ำอยู่บนเกาะ ควบคุมพลังผนึกถล่มเข้าใส่หลิงอิน
เขาสละชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกตนในทะเลต้องห้าม เพื่อเพิ่มอานุภาพผนึก เขาไม่เพียงต้องการหยุดยั้งนาง แต่ยังต้องการสังหารนาง ณ ที่นี้ด้วย!
ขืนไม่ฆ่าหลิงอิน คงยากจะชดใช้การสูญเสียมหาศาลเยี่ยงนี้!
แสงทะมึนมากมายพวยพุ่งขึ้นฟ้าจากบนเกาะ ราวกับทะลุจากดินไปสู่ฟ้า ฟ้าแลบฟ้าร้องไม่หยุด ก่อร่างเป็นอักขระยักษ์ใหญ่ พลังสยดสยองไร้ที่สิ้นสุดซัดสาดดุจคลื่นทะเล จ้าวสมุทรเร่งกำลังอานุภาพผนึกบนเกาะเต็มสูบ โจมตีเอาชีวิตหลิงอิน!
“สวรรค์! จะทำลายทั้งดินแดนฮวงไปด้วยหรืออย่างไร!?”
“ทะเลต้องห้ามคิดจะทำสิ่งใดกันแน่!”
สิ่งมีชีวิตในดินแดนฮวงผวาเหลือคณา เสาแสงทะมึนมากมายที่พุ่งขึ้นฟ้าล้วนน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุด แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ห่างกันแสนไกลยังรู้สึกถึงความน่ากลัวของเสาแสงทะมึนมากมายที่ทะยานขึ้นฟ้า
พวกเขาตื่นกลัวแทบแย่ ถึงขนาดรู้สึกว่าความตายคลี่ปกคลุมอยู่เหนือหัวพวกเขา!
การโจมตีนี้น่ากลัวอย่างแท้จริง แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่มีกำลังรบสูงกว่าอสุรกายหัวกิเลนยังต้านทานไม่ไหว สยองเกินไปแล้ว สยองจนจินตนาการไม่ออก!
“ครั้งนี้ข้าจะเอาชีวิตเจ้าให้ได้!”
จ้าวสมุทรคำรามโหดเหี้ยม ทุ่มเททุกอย่าง ฆ่าหลิงอินไม่ได้เขาไม่ยอมเลิกรา!
บทที่ 440
ราคาสูงเกินไป หากกำจัดหลิงอินไม่ได้ จ้าวสมุทรคงเจ็บใจน่าดู!
เสาแสงทะมึนมากมายทะยานขึ้นฟ้า ก่อร่างเป็นอักขระยักษ์ใหญ่ นี่คืออักขระที่เก่าแก่พิศวงอย่างยิ่ง มิใช่ของอาณาจักรนี้ ถือกำเนิดจากอาณาจักรซึ่งอยู่เบื้องหลังทะเลต้องห้าม
อักขระนี้มีพลังทำลายล้างมหาศาลไร้ที่สิ้นสุด หลังปรากฏออกมา ก็พุ่งถล่มใส่หลิงอินทันที
หญิงสาวมีสีหน้าราบเรียบ ดูไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
มิใช่ว่านางมั่นใจในตัวเอง แต่นางมั่นใจในตัวท่านเซียน ท่านเซียนถือเป็นตัวตนไร้เทียมทานในใจนาง ไม่มีสิ่งใดทัดเทียมเขาได้!
นางเชื่อว่าหยกคุ้มภัยที่ท่านเซียนประทานสามารถช่วยปกป้องนางให้พ้นภัย
ต่อให้อักขระนี้น่ากลัวสุดแสนก็ตาม
หลิงอินก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เข้าปะทะอักขระ ระหว่างนี้นางไม่แม้แต่จะกะพริบตา
อาภรณ์กฎวิถีมหาเต๋าที่ถักทอด้วยหยกคุ้มภัยทอแสงรุ้งมงคล มีคลื่นพลังน่าหวาดหวั่นแผ่ซ่าน ท่านเซียนไร้เทียมทาน หยกคุ้มภัยสำแดงอานุภาพสยดสยองอีกครั้ง อักขระใหญ่ยักษ์นี่ไม่สามารถเข้าใกล้นางเช่นกัน หลังจากปะทะกับพลังที่ซัดสาดออกจากอาภรณ์กฎวิถีมหาเต๋า อักขระใหญ่ยักษ์ทลายแหลกลาญในพริบตา บอบบางจนต้านไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว!
“อะไรกัน!”
บนเกาะ หลังจ้าวสมุทรได้เห็นภาพนี้ก็ถึงกับทนไม่ไหว กระอักเลือดออกมา
เป็นไปได้อย่างไร!?
แต่เดิมพลังผนึกก็น่าพรั่นพรึงถึงขีดสุดอยู่แล้ว บวกกับสิ่งมีชีวิตทุกตนในทะเลต้องห้ามสละชีพมอบพลังของตนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผนึก พลังโจมตีที่ผนึกเปล่งออกมาได้นั้นจึงอยู่ในระดับที่ไม่อาจหยั่งถึง!
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ภายใต้พลังหยกคุ้มภัยที่หลิงอินพกติดตัว พลังผนึกก็ยังไม่อาจต่อกรด้วยได้ อ่อนแอเปราะบาง…
จะให้เขาเชื่อลงได้อย่างไร!?
หยกคุ้มภัยที่นางสวมใส่เป็นของวิเศษปานใดกันนี่!
แล้วคนระดับใดถึงสร้างหยกคุ้มภัยน่าประหวั่นพรั่นพรึงขนาดนี้ได้!
เขาสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าดูชราลงไปมากในพริบตาเดียว
สละชีพของสิ่งมีชีวิตทุกตนในทะเลต้องห้ามแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถปลิดชีพหลิงอิน ไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้นางด้วยซ้ำ…
อย่าให้พูดเลยว่าเขาทุกข์ระทมใจเพียงใด
หากรู้อย่างนี้แต่แรก ไยเขาต้องขัดขืนสกัดกั้น ถึงอย่างไรก็มิใช่คู่ต่อสู้ของหลิงอิน เขาก็ไม่จำเป็นต้องสละชีวิตของสมาชิกทุกตนในทะเลต้องห้าม…
“บัด…ซบ เพียงเพราะสมาชิกหน่วยอุบัติกาลคนเดียว ข้านำพาหายนะสู่ทะเลต้องห้ามตั้งเท่าไร!”
จ้าวสมุทรอยากร่ำไห้ เขาสำนึกเสียใจเหลือแสน
นึกถึงคราวนั้น หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง ทะเลต้องห้ามไฉนเลยจะกลายเป็นแบบนี้
เขาเสียใจ เทียบกับความเสียหายในตอนนี้ของทะเลต้องห้าม จักรพรรดิบุปผาตายไปคนเดียวหาได้สลักสำคัญไม่ เขาไม่ควรไปยุ่งกับหลิงอินเลย!
อนิจจา โมงยามนี้พูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ไม่อาจย้อนกลับไป
หญิงสาวเยื้องย่าง อาภรณ์กฎวิถีมหาเต๋าทอแสงรุ้งมงคล ประดุจนางสวรรค์จุติลงมายังเกาะ
หลังจากนางก้าวเท้าขึ้นไปบนเกาะ ผนึกบนเกาะก็พังครืนในบัดดล พลังที่เกิดจากการระเบิดน่ากลัวเป็นที่สุด ทั่วทั้งเกาะพรุนไปหมด สิ่งปลูกสร้างล่มสลายแห่งแล้วแห่งเล่า กลายเป็นซากปรักหักพัง
นี่คือพลังจากหยกคุ้มภัย ภายใต้พลังของหยกคุ้มภัย ไม่มีผนึกใดสำแดงฤทธิ์เดชได้
เสี่ยวหยาเหินตามหลังมา ดวงหน้างามพิลาสเช่นเดียวกัน นางดูไม่แปลกใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นสักนิด
เหอะ ๆ ลำนำของท่านเซียนเชื่อมตรงถึงยุคโบราณ ประสานวิญญาณในกาลปัจจุบัน ช่วยสร้างเลือดเนื้อของนางขึ้นมาใหม่ จนได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ต้องร้ายกาจปานใดถึงทำได้?
ท่านเซียนคือตัวตนที่ดำรงอยู่อันไร้เทียมทาน!
จ้าวสมุทรเดินออกมาด้วยท่าทางห่อเหี่ยว ดูไม่มีชีวิตชีวาสักนิด
หนนี้ทะเลต้องห้ามเจอตอเข้าแล้วจริง ๆ ยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่ง หลิงอินน่าพรั่นพรึงเกินไป!
ฝ่ายหลิงอินเห็นจ้าวสมุทรก้าวออกมา ก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “ว่าไปไยเจ้าต้องทำขนาดนี้ ข้าเพียงต้องการเดินทางไปอาณาจักรอื่น แต่จนปัญญาไม่มีศาสตราที่เดินทางข้ามจักรวาล จึงคิดจะเข้ามายืมศาสตราประเภทนี้กับเจ้าเท่านั้น”
“เจ้ากำลังหลอกคนโง่อยู่รึ!”
จ้าวสมุทรจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาขุ่นเคือง “เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ”
“เรื่องนี้…เกรงว่าจะใช่”
เสี่ยวหยาเอ่ยเสียงจริงจังจากด้านข้าง “บอกตามตรง พวกเรามาเพื่อยืมศาสตราจริง ๆ ผู้ใดจะรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเจ้าจะรุนแรงปานนี้…”
“ใช่แล้ว”
หลิงอินพยักหน้า
จ้าวสมุทรมองหลิงอิน แล้วหันไปมองเสี่ยวหยา
เขาคิดในใจว่าทั้งหมดนี้คงมิใช่เรื่องจริงกระมัง
ดูจากท่าทางของทั้งสองแล้วไม่เหมือนกับโกหก…
เวร!
ถ้าเป็นเรื่องจริง เขาคงต้องตายด้วยความอัดอั้นตันใจ!
ไอ้บ้าเอ๊ย ศาสตราที่ใช้เดินทางข้ามจักรวาลนั้นใช่เรื่องใหญ่ที่ไหน หลิงอินอยากได้ เขายกให้นางสิบชิ้นยังได้!
ยี่สิบชิ้นก็ยังได้!
แต่เขากลับสละชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกตนในทะเลต้องห้ามเพื่อการนี้…
ระยำ…เอ๊ย ถ้าเป็นความจริง เขาไม่สมองตื้นเขินเกินไปหน่อยหรือ!
ประเดี๋ยวก่อน!
จะเป็นความจริงได้อย่างไร
ท่านบูรพาจารย์ตายในมือหลิงอินจริง ๆ!
“ข้าไม่จำเป็นต้องหลอกเจ้า ที่มาครั้งนี้เพื่อขอยืมศาสตราจากเจ้าจริง ๆ ทว่า ดูจากปฏิกิริยารุนแรงเกินเหตุเยี่ยงนี้ของพวกเจ้า ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่!”
หลิงอินมองจ้าวสมุทร “ว่ามา เจ้ามีลับลมคมในกระไร!”
“เจ้าฆ่าท่านบูรพาจารย์ ยังมาถามข้าอีกหรือว่ามีลับลมคมในกระไร”
จ้าวสมุทรอัปยศเหลือแสน ถูกฆ่าก็แค่ศีรษะหลุดจากบ่าเท่านั้น นางฆ่าท่านบูรพาจารย์ แล้วยังแสร้งถามเขาเช่นนี้ จะเกินไปแล้ว!
“ข้าหรือฆ่าท่านบูรพาจารย์ของพวกเจ้า?”
หลิงอินผงะ นางไปฆ่าเมื่อใดกัน เหตุใดตัวเองถึงไม่รู้
“อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย! ท่านบูรพาจารย์ไปหาเจ้า หมายจะฆ่าเจ้า ผลสุดท้ายท่านบูรพาจารย์กลับสิ้นชีพ มิใช่ฝีมือเจ้าแล้วเป็นฝีมือผู้ใด”
จ้าวสมุทรตาแดงก่ำ “จะฆ่าจะแกงแล้วแต่เจ้า อย่ามาหมิ่นเกียรติข้าเช่นนี้!”
เขาเองก็มีความเลือดร้อน มีศักดิ์ศรี เข้าใจหรือไม่!
นางวางท่าจอมปลอมเยี่ยงนี้ต่อหน้าเขา เขาทนมิได้จริง ๆ รู้สึกโมโหจนอกจะแตก!
“ไปหาข้า? ไปที่เมืองชิงซานน่ะหรือ”
หญิงสาวฟังมาถึงนี่ก็ถึงบางอ้อ
เมืองชิงซานใช่สถานที่ที่ทะเล่อทะล่าเข้าไปได้เสียที่ไหน
หลิงอินหัวเราะออกมา รนหาที่ตายยังไม่ต้องทำถึงขั้นนี้เลย!
ไม่ต้องกล่าวถึงท่านเซียน ลำพังต้นหลิวและก้อนหินที่คอยอารักขาเมืองชิงซาน ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องตายทั้งสิ้น!
นางรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของต้นหลิวและก้อนหิน แข็งแกร่งจนเกินจะจินตนาการออก ขอบเขตพลังลึกล้ำเกินหยั่ง!
บูรพาจารย์แห่งทะเลต้องห้ามหาญกล้าไปเมืองชิงซาน ก็สมควรตายแล้ว!
มิน่า ทะเลต้องห้ามถึงมีปฏิกิริยารุนแรงปานนี้ บูรพาจารย์แห่งทะเลต้องห้ามบุกไปฆ่านาง สุดท้ายกลับสิ้นชีพลง ทว่าต่อมา นางมาที่ทะเลต้องห้าม ทะเลต้องห้ามย่อมต้องคิดว่านางมาเพื่อเอาเรื่อง
แต่นางไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยสักนิด
นางตั้งใจมา ‘ยืม’ ศาสตราที่นี่จริง ๆ มิได้คิดล้างแค้นทะเลต้องห้าม…
แต่ก็ถือว่าจับพลัดจับผลู!
คราวก่อนนางได้เตือนจ้าวสมุทรไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าทะเลต้องห้ามยังกล้าหมายหัวนางอีก หนนี้ทะเลต้องห้ามสมควรแล้ว!
“นี่หรือที่เขาเรียกว่ากรรมตามสนอง”
เสี่ยวหยาเอ่ยจากด้านข้างอย่างอดไม่ได้ “พวกเราต่างไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ที่มาก็เพราะตั้งใจจะยืมศาสตรา คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ บังเอิญจริง!”
หลิงอินพยักหน้า “แน่นอนว่าเป็นเพราะกรรมตามสนอง! หากมิใช่ว่าเราคิดมายืมศาสตราที่นี่ พวกเราก็คงไม่รู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย!”
นางหันมองจ้าวสมุทร “พวกเจ้าบังอาจนัก! คราวก่อนข้าเตือนพวกเจ้าไว้แล้วแท้ ๆ พวกเจ้ากลับไม่ยอมจำให้ขึ้นใจ ยังหาญกล้าเพ่งเล็งข้า ทั้งหมดนี้สาสมกับความผิดที่เจ้าก่อแล้ว!”
ไม่หรอกกระมัง ไม่หรอกกระมัง ทั้งหมดนี้คงมิใช่ว่าเขาคิดมากไปจริง ๆ กระมัง!
จ้าวสมุทรทนไม่ไหว กระอักเลือดพรวด
เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลิงอินกับเสี่ยวหยาไม่จำเป็นต้องเล่นละครต่อหน้าเขา
อีกอย่าง ด้วยฝีมือน่าประหวั่นพรั่นพรึงขนาดนี้ของอีกฝ่าย นางเดินเหินในทะเลต้องห้ามได้อย่างไร้อุปสรรค มองข้ามผนึกทั้งปวง
ก่อนหน้านี้หลิงอินก็ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้าง หลอกเขาว่ามาขอยืมศาสตราแล้วเนียนเข้ามา…
ลองทบทวนดี ๆ แล้ว น่ากลัวว่าทั้งหมดนี่จะเป็นเพียง…ความบังเอิญ!
หลิงอินไม่เคยพบท่านบูรพาจารย์จริง ๆ และมิได้ฆ่าท่านบูรพาจารย์ ที่มานี่ก็เพื่อขอยืมศาสตรา เพราะอย่างนั้นก่อนหน้านี้เมื่อคราวนางเพิ่งมาถึงทะเลต้องห้าม ถึงได้มีท่าทีเกรงอกเกรงใจ ปราศจากความไม่หวังดี…
แล้วเขาเล่า?
มาถึงก็ชิงตั้งสมมติฐาน ทึกทักว่าท่านบูรพาจารย์ตายด้วยน้ำมือหลิงอิน ที่อีกฝ่ายเดินทางมาก็เพื่อคิดบัญชีกับพวกเขา เห็นความเกรงใจของนางเป็นคำหลอกลวง เข้าใจว่าสตรีผู้นี้คิดจะใช้เป็นข้ออ้างเนียนเข้ามาในทะเลต้องห้ามของพวกเขา…
หลิงอินไม่จำเป็นต้องใช้ข้ออ้างเนียนเข้ามาสักนิด!
“ข้า…ข้า…ข้า…!”
หลังจ้าวสมุทรตกผลึก ก็แทบหายใจไม่ทันด้วยความอัดอั้น
ที่แท้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดมากของเขาเท่านั้นหรือ!
เขาร้องไห้ ร้องไห้ออกมาจริง ๆ ร้องจนใจแทบสลาย อย่าให้พูดเลยว่าระทมเพียงใด
มิให้ระทมได้เยี่ยงไร
เป็นเพราะความคิดมากของเขา สิ่งมีชีวิตทุกตนในทะเลต้องห้ามถึงต้องตาย!