“สวรรค์ มีกองกำลังมากมายถึงเพียงนี้!”
ผู้อาวุโสสูงสุดที่มาพร้อมกับสมบัติล้ำค่าตกใจกลัวทันทีที่เห็นกองกำลังมืดฟ้ามัวดิน ขาของเขาเหมือนจะอ่อนลงฉับพลัน
บัดซบ! นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ราวกับกองกำลังจักรพรรดิโบราณเกือบทั่วทั้งดินแดนฮวงมารวมตัวกัน!
“มัวทำสิ่งใดอยู่ ยังไม่รีบมาอีก!”
จักรพรรดิหานจ้องเขม็งไปทางผู้อาวุโสสูงสุดอย่างดุดัน จนผู้อาวุโสสูงสุดต้องรีบวิ่งตรงไปหา
หลังจากนั้นจักรพรรดิหานก็ส่งสัญญาณให้ผู้อาวุโสสูงสุดเอาสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่เขานำมาด้วยออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดไม่กล้าแม้แต่จะลังเล รีบนำสมบัติล้ำค่าทั้งหมดออกมา
“ทุกท่าน ข้าไร้หนทางแก้ไขกับมารภายในใจจิตใจ โปรดให้อภัยสำหรับปัญหาที่ข้าก่อขึ้นมา!”
จักรพรรดิหานขออภัยด้วยรอยยิ้ม “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของขวัญแทนคำของโทษของข้า”
ผู้อาวุโสสูงสุดไม่กล้าตระหนี่ แม้ว่าเขาจะทุกข์ใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังฟังคำของจักรพรรดิหานส่งมอบสมบัติล้ำค่าทั้งหมดจากคลังสมบัติออกไป
“เพียงเอ่ยอ้างมารภายในใจจิตใจก็สามารถลบล้างเรื่องก่อนหน้าได้แล้วอย่างนั้นหรือ!?”
“ของเล็กน้อยแค่นี้จะเพียงพออันใด? เจ้าถึงกับบังคับให้พวกเรานำชาจักรพรรดิมาให้ดื่ม!”
“บ่อน้ำนำโชคของพวกเขา ที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยสมบัติล้ำค่ามากมายมาตลอดตั้งแต่อดีตกาล เพียงหยดเดียวก็เรียกได้ว่าเป็นสมบัติขั้นสูงสุด กลับถูกเจ้าใช้อาบน้ำ! ทำให้บ่อน้ำนำโชคทั้งหมดแปดเปื้อน! นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่หลวง พวกเราจะสามารถใช้มันอีกในอนาคตได้อย่างไร!”
กองกำลังต่าง ๆ ล้วนไม่เต็มใจจะปล่อยผ่าน พวกเขาต่างก็เอ่ยเรื่องความผิดที่จักรพรรดิหานทำกับพวกเขาออกมา
พวกเขาจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร?
แม้ว่าสมบัติล้ำค่าที่จักรพรรดิหานนำออกมานั้นมีค่าและหายากเป็นอย่างยิ่ง แต่พวกมันก็มีปริมาณน้อยนิด ไม่เพียงพอแบ่งให้กองกำลังละหนึ่งชิ้นเสียด้วยซ้ำ!
สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่อาจชดเชยความเสียหายที่จักรพรรดิหานก่อนเอาไว้ได้!
สวรรค์!
ผู้อาวุโสสูงสุดได้ยินแล้วก็ตกตะลึง ท่านบรรพชนมากความสามารถเกินไปแล้ว!
มองจากกองกำลังและตระกูลโบราณต่าง ๆ...นี่นับว่าก่อเรื่องทั่วทั้งแดนฮวงแล้ว!
ดื่มชาจักรพรรดิ อาบน้ำในบ่อน้ำนำโชค...
ท่านบรรพชนช่าง...กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!
ช่างก่อเรื่องชวนสาปแช่งใหญ่โตมากมายถึงเพียงนี้!
ตอนนี้เขาจึงเพิ่งเข้าใจ เข้าใจว่าเหตุใดท่านบรรพชนจึงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าพวกเซี่ยเหยียนไม่ได้มาจากยอดนิกาย
จะไม่โกรธได้อย่างไร?
บรรพชนคิดว่าทุกสิ่งล้วนจบสิ้นแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปทำทุกสิ่งตามใจอยาก ขอเพียงแค่ให้เขารู้สึกสำราญ!
ทว่าใครจะคาดคิด ว่าสิ่งที่พวกเขาเข้าใจนั้นผิดไปทั้งหมด ตระกูลหานเองก็ยังไม่ถึงจุดจบ!
หากเป็นตัวเขาเอง เขาก็คงโกรธจนแทบบ้า!
“เจ้าทำอะไรกัน? ข้าบอกให้เจ้านำสมบัติล้ำค่าทั้งหมดในคลังออกมาไม่ใช่หรือ?”
จักรพรรดิหานตบผู้อาวุโสสูงสุดจนกระเด็นไปอีกทาง จากนั้นจึงหันกลับมากล่าวด้วยรอยยิ้มกับกองกำลังต่าง ๆ “ข้ายอมรับว่าทั้งหมดเป็นข้าที่ทำผิด แม้จะเป็นเพราะมารในจิตใจก็ตาม ข้าต้องขออภัยทุกท่านจากใจจริง เอาเป็นเช่นนี้ ทุกท่านสามารถเข้าไปยังคลังสมบัติของตระกูหาน หากต้องการสิ่งใดก็ล้วนสามารถหยิบไปได้“
ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างมาก
ท่านบรรพชนบอกตอนใดว่าให้ข้านำสมบัติล้ำค่าทั้งหมดออกมาจากในคลังกัน!?
นี่มันใช้เขาเป็นตัวรับผิดชัด ๆ!
หลังจากจักรพรรดิหานกล่าวจบ เขาก็พาคนจากกองกำลังต่าง ๆ ไปยังคลังสมบัติตระกูลหาน
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นถึงมหาจักรพรรดิผู้หนึ่ง เมื่อยอมรับความผิดพลาดด้วยใจจริง ทั้งยังเปิดคลังสมบัติปล่อยให้พวกเขาเข้ามาได้ เสมือนเป็นการไว้หน้าพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่มีความคิดจะสู้ตายกับจักรพรรดิหานอีกต่อไป
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่คิดเกรงใจ กวาดสมบัติทุกอย่างจากคลังตระกูลหานทั้งหมดไป!
พวกเขาไม่คิดเกรงใจสักนิด!
อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังนับว่าเสียเปรียบ ความเสียหายที่จักรพรรดิหานได้สร้างเอาไว้ร้ายแรงมากเกินไป!
ผู้อาวุโสที่ได้เห็นฉากนี้เจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง
ภูมิหลังของตระกูลหานล้วนอยู่ด้านในคลังสมบัติ ตอนนี้มันว่างเปล่าเสียแล้ว ในวันข้างหน้าเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับตระกูลหานที่จะฝึกฝนหล่อเลี้ยงคนรุ่นเยาว์!
เขากล่าวขึ้นมาในใจว่าจักรพรรดิหานช่างยอดเยี่ยมเสียจริง หากเป็นเขาเกรงว่าต่อให้ใกล้ตายก็ไม่สามารถปล่อยให้ตนเองล่องลอยไปตามใจปรารถนา*[1] ได้
ตอนนี้เป็นเช่นไร ทั้งตระกูลหานถูกลากเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยอย่างมาก!
ทว่าเขาก็กล้าเพียงจะเอ่ยออกมาในใจ ไม่กล้าจะพูดออกมาจริง
หากเขาพูดออกมาจริง ๆ เกรงว่าจักรพรรดิหานจะตีเขาจนตายเป็นแน่!
“เรื่องในครั้งนี้จะจบลงเพียงแค่นี้!”
“เห็นแก่ความจริงใจของจักรพรรดิหาน พวกเราจะไม่เอาความอีกต่อไป!”
กองกำลังต่าง ๆ พากันออกจากตระกูลหานไปทีละคน ในที่ทุกเรื่องราวครั้งนี้ก็ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์
“ดูสิ่งที่พวกเจ้าทำเสีย! หากไม่ใช่เพราะคำพูดของพวกเจ้า ข้าจะต้องมาทำตัวนอบน้อมและมอบสมบัติทั้งหมดออกไปหรือ?”
จักรพรรดิหานตวาดออกมาด้วยโทสะ
หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดได้ฟังแล้ว เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก
เขากำลังคิดว่าตนเองเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร? ท่านเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดด้วยตนเองไม่ใช่หรือ?”
ถ้าหากท่านไม่ไปก่อเรื่องกับกองกำลังต่าง ๆ มีหรือจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา
ที่สำคัญคือ พวกเขาไม่ได้กล่าวกับจักรพรรดิหานสักคำว่าตระกูลหานจบสิ้นแล้ว เป็นท่านเองต่างหากที่กล่าวออกมาเองว่าตระกูลหานจบสิ้นแล้ว ทุกสิ่งล้วนสายเกินไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขสิ่งใดได้!
แม้ว่าข้อมูลข่าวสารในตอนแรกของพวกเขาจะผิดพลาด แต่พวกเขาก็ไม่ได้บอกให้ท่านบรรพชนไปก่อเรื่องที่กองกำลังต่าง ๆ!
“ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ตระกูลหานเชื่อถือคำพูดของพวกเจ้า จึงต้องพบกับจุดจบ!”
จักรพรรดิหานสบถด่า “ไปเสีย ไปปลุกหานเถาขึ้นมา บอกเขาให้มาพบข้า”
หานเถา คือจักรพรรดิผู้หนึ่งที่มีชีวิตอยู่รอดมาจากสมัยโบราณ เหตุใดจักรพรรดิหานถึงต้องตามตัวจักรพรรดิหานเถามาพบกัน?
ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกงงงวย ทว่าเขาก็ไม่กล้าจะขัดคำสั่งของจักรพรรดิหานรีบไปปลุกจักรพรรดิหานเถา
เพียงไม่นานจักรพรรดิหานเถาก็ตื่นขึ้นมา ก่อนจะมาพบจักรพรรดิหานพร้อมผู้อาวุโสสูงสุด
แม้ว่าจักรพรรดิหานเถาเองก็ต้องเผชิญหน้ากับอายุขัยที่ใกล้สิ้นสุด แต่สภาพของเขาก็ดีกว่ามหาจักรพรรดิหานเป็นอย่างมาก เพราะเขาหลับลึกไม่เคยตื่นขึ้นมาก่อน
“คลังสมบัติของพวกเราว่างเปล่าแล้ว ทว่าเราไม่สามารถปล่อยให้มันว่างเปล่าเช่นนี้ได้ ในเมื่อคนเหล่านั้นไม่มีมีภูมิหลังใด เจ้าก็ไปแย่งชิงสมบัติทั้งหมดของพวกเขามาเสียเถอะ!”
จักรพรรดิหานออกคำสั่ง “อย่าได้ประมาทไป ผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยจากตระกูลเราจบสิ้นภายใต้เงื้อมมือของพวกเขา เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก!”
เพื่อความปลอดภัยแล้ว เขาอยากเป็นผู้ลงมือด้วยตัวเองมากกว่า
ทว่าน่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เขาใช้พลังมากเกินไป หากเขายังลงมือด้วยตัวเองอีก เกรงว่าเขาจะสามารถตายลงได้ทุกเมื่อ
แน่นอนว่าคนเหล่านั้นที่เขาพูดถึงก็คือพวกเซี่ยเหยียน
ความแข็งแกร่งของพวกเซี่ยเหยียนล้วนมาจากสมบัติต่าง ๆ ที่พวกเขาครอบครอง เขาจึงเกิดความคิดแย่งชิงสมบัติเหล่านั้น
“จำเอาไว้ให้ดี เจ้าจะต้องซ่อนตัวตนของตัวเองเอาไว้เมื่อลงมือ อย่าเปิดเผยตัวตนโดยเด็ดขาด!”
จักรพรรดิหานยังคงกล่าวต่อ “หากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป เกรงว่าจะมีกองกำลังจำนวนมากมุ่งเป้าไปที่พวกเซี่ยเหยียน ทว่ากองกำลังเหล่านั้นแทบจะไม่มีทางเอาชนะพวกเซี่ยเหยียนได้ อย่างไรเสียยอดฝีมือระดับสูงของตระกูลเราหลายคนก็ถูกพวกเซี่ยเหยียนจัดการลงไปได้”
ดวงตาของเขาทอประกายขณะกล่าว “ข้ากังวลเพียงว่ายอดนิกายเองก็อาจมีความคิดมุ่งเป้าไปที่พวกเซี่ยเหยียน อย่างไรเสียสมบัติในมือของพวกเซี่ยเหยียนก็ชวนให้ตื่นตะลึง! เจ้าจำเป็นต้องรีบลงมือก่อนที่พวกยอดนิกายจะลงมือ เข้าใจหรือไม่?”
เมื่อยอดนิกายลงมือแล้ว พวกเขาคงไม่มีทางทำสำเร็จ
อย่างไรเสียพวกเขาก็ด้อยกว่ายอดนิกายเป็นอย่างมาก
“ทราบแล้ว!”
จักรพรรดิหานเถารับคำสั่ง ก่อนจะให้ผู้อาวุโสสูงสุดบอกทุกรายละเอียดเกี่ยวกับพวกเซี่ยเหยียน
หลังจากรับรู้เรื่องราวทั้งหมด เขาก็เดินทางออกจากตระกูลหาน เริ่มทำการเคลื่อนไหว!
[1] ล่องลอยไปตามใจปรารถนา (放飞自我) มีความหมายว่า ปล่อยตัวเองไปทำตามความฝัน ไปทำสิ่งที่ต้องการ
บทที่ 372
จักรพรรดิหานเถารับคำก่อนมุ่งตรงยังแดนบูรพาของเหยียนโจวในดินแดนหยิน
เขาไม่กล้าโอ้เอ้ให้เสียเวลา ทุกอย่างที่พวกเซี่ยเหยียนแสดงออกมาชวนให้คนตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจะต้องสามารถดึงดูดความสนใจของยอดนิกายได้อย่างแน่นอน
แม้ว่ายอดนิกายจะไม่ได้มีเจตนาร้ายหรือหวังสมบัติของพวกเซี่ยเหยียน แต่ก็จะไม่เมินเฉยย่างแน่นนอน พวกเขาจะต้องเข้าไปติดต่อกับพวกเซี่ยเหยียนแน่
หลังจากพวกเซี่ยเหยียนติดต่อกับยอดนิกายแล้ว จะต้องเป็นการยากสำหรับตระกูลหานที่จะดำเนินการทำสิ่งใดอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นเขาจึงต้องรีบมุ่งไปยังแดนบูรพาทิศของเหยียนโจวในดินแดนหยิน ต้องการจะกำจัดพวกเซี่ยเหยียนทิ้งก่อนที่จะได้ติดต่อกับยอดนิกาย
“ไปจัดการเด็กพวกนั้นก่อน!”
ดวงตาของเขาทอประกายเย็นเยียบ เขาวางแผนขึ้นมาในใจ โดยเริ่มลงมือจากผู้ที่อ่อนแอที่สุดไล่ไปทีละคน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเซี่ยเหยียนน่าจะต้องได้รับโอกาสวาสนาครั้งใหญ่มา มิเช่นนั้นเหล่าเด็ก ๆ คงไม่มีพลังที่แข็งแกร่งน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้
สำหรับหลี่จิ่วเต้าเองก็ไม่ธรรมดาสามัญ ไม่มีทางเป็นปุถุชนอะไรอย่างแน่นอน
เมื่อหานอู่หยากลับมาปลุกผู้อาวุโสสูงสุดที่เผ่าหาน ได้เล่าว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ใช่ปุถุชนธรรมดา ทั้งยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ผู้นำตระกูลเองก็จบชีวิตลงในเงื้อมมือของหลี่จิ่วเต้า
ด้วยเหตุนี้หานอู่หยาจึงส่งร่างอวตารกลับมาปลูกผู้อาวุโสสูงสุดผู้อื่นให้ออกมาช่วยเหลือ
หลังจากนั้นหานอู่หยาและผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่น ๆ ก็เสียชีวิตลงและหายไปตัวตลอดกาล เกรงว่าพวกเขาคงจะถูกหลี่จิ่วเต้าสังหารไปแล้ว
หลี่จิ่วเต้าอาจเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม
นอกจากนี้คนอีกผู้หนึ่งอย่างหลิงอิน เกรงว่านางเองก็ไม่ใช่ปุถุชน อาจมีความแข็งแกร่งอย่างมากเก็บซ่อนอยู่
เขาออกมาในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อคันศรล้ำค่าในมือของเซี่ยเหยียน แต่เพื่อจัดการพวกเซี่ยเหยียนทั้งกลุ่มไล่ไปทีละคนทีละคน
อย่าไรเสียคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ก็ได้รับโอกาสวาสนาการเปลี่ยนแปลง
ถึงเขาจะกลายเป็นจักรพรรดิ ความแข็งแกร่งลึกล้ำไม่อาจหยั่งได้ แต่นิสัยของเขาก็ยังคงระมัดระวังอย่างถึงที่สุด ไม่ประมาทเลินเล่อเพราะพลังของตนเอง
ความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้าไม่ปรากฏชัด เขาจึงไม่สามารถลงมืออย่างผลีผลาม การเริ่มลงมือจากผู้ที่อ่อนแอสุดเป็นทางเลือกดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแต่จะไม่เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน ยังมีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก
อีกทั้งเขายังสามารถรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้าได้
นอกจากนี้ เขาเองก็ใกล้มาถึงขีดจำกัดแล้ว ตอนนี้เพียงแค่มีชีวิตอยู่ก็เต็มกลืน การลงมือใช้พลังมาก ๆ รังแต่จะเร่งรัดความตายเข้ามา
หากไม่ถึงยามจำเป็นจริง ๆ เขาเองก็ไม่ต้องการที่จะต่อสู้
“ไปเถอะ”
ร่างของเขาเลือนหายไปจากจุดที่เคยอยู่ เมื่อเขาปรากฏกายขึ้นอีกครั้งก็มาถีงพรรคจื่อเสียแล้ว
ตระกูลหานได้ตรวจสอบพวกหลี่จิ่วเต้ามานานแล้ว เขาจึงรู้ว่าพวกอ้ายฉานกำลังฝึกฝนอยู่ในพรรคจื่อเสีย
เขาก้าวออกไปเพียงหนึ่งก้าวด็ตรงเข้ายังพรรคจื่อเสียได้อย่างเงียบเชียบ ไม่มีสมาชิกพรรคจื่อเสียคนใดพบตัวเขา
แม้ว่าจะมีสมาชิกพรรคจื่อเสียเดินผ่านเขาในระยะประชิด ก็ไม่มีผู้ใดค้นพบตัวตนของเขา ราวกับว่าตัวเขาโปร่งใสไม่มีตัวตนอยู่จริง
นี่คือความน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นของเขา แม้อยู่เบื้องหน้าแต่กลับทำให้ผู้คนไม่อาจรับรู้ได้
“อยู่กันไม่ครบ...”
ดวงตาของเขาเหลือบมอง ขณะที่แผ่ความคิดปกคลุมทั่วพรรคจื่อเสียทั้งหมด ทำให้ทุกสิ่งในพรรคจื่อเสียปรากฏขึ้นในหัวของเขา
พวกอ้ายฉานมีทั้งหมดแปดคน แต่ตอนนี้มีเพียงสามคนเท่านั้นที่อยู่ในพรรคจื่อเสีย เด็กคนอื่น ๆ ไม่อยู่
“ไม่เป็นไร จัดการเด็กสามคนนี้ไปก่อน หลังจากนั้นค่อยไปตามหาเด็กคนอื่น”
เขาก้าวไปด้านหน้า ก่อนจะถึงข้าง ๆ เด็กสามคนนั้นทันที ในยามนี้เด็กทั้งสามกำลังนั่งฟังบรรพชนพรรคจื่อเสียเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ฝึกฝนของตนเอง
เด็กทั้งสามต่างมีความก้าวหน้ารวดเร็วเป็นอย่างมาก ขอบเขตปัจจุบันของพวกเขาสูงกว่าบรรพชนพรรคจื่อเสียไปไกลโข แต่อย่างไรเสียบรรพชนพรรคจื่อเสียก็มีชีวิตและช่วงเวลาฝึกฝนยาวนานกว่าพวกเด็ก ๆ ประสบการณ์ของเขาจะสามารถช่วยเหลือเด็กทั้งสามคนได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น ก็ไม่ได้อยู่สภาพพรางตัวอีกต่อไป บรรพชนพรรคจื่อเสียที่เห็นเขาก็ผุดลุกขึ้นยืนจากเบาะนั่งทันทีด้วยสีหน้าตึงเครียด
“เจ้าเป็นผู้ใด!?”
บรรพชนพรรคจื่อเสียจับจ้องจักรพรรดิหานเถาด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความระแวดระวัง
“ข้าไม่ได้มาหาเจ้า เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
จักรพรรดิหานเถาลงมืออย่างไร้สุ้มเสียง ทันใดนั้นหนึ่งลำแสงก็พุ่งออกมาใส่บรรพชนพรรคจื่อเสีย
บรรพชนพรรคจื่อเสียต้องการจะขยับก็ขยับไม่ได้ ต้องการจะพูดก็ไม่อาจเอ่ยวาจาใด
เหลือเพียงเด็กสามคนอย่างจู้จื่อ ฉวี่เทา และชุยข่าน
“เจ้าจะทำอะไร!?”
จู้จื่อตะโกนใส่จักพรรดิหานเถาอย่างกราดเกรี้ยว “รีบปล่อยท่านบรรพชนเดี๋ยวนี้!”
จักรพรรดิหานเถาไม่ได้ให้ความสนใจจู้จื่อ
เขากำลังมองดูกระถางต้นไม้*[1] เบื้องหน้าเขาด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
“สรุปแล้วพวกเขาล้วนดูเหมือนจะได้รับโอกาสวาสนามาทั้งหมด!”
จักรพรรดิหานเถาพ่นลมหายใจออกมาด้วยความตกใจจนพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นกระถางต้นไม้เช่นนี้มาก่อน!
นี่คือกระถางต้นไม้แบบใดกัน?
ทั้งกระถางเปี่ยมด้วยเต๋าสูงสุดไหลเวียนอยู่ ต่อหน้ากระถางใบนี้ กระทั่งอาวุธมหาจักรพรรดิก็ไม่อาจเทียบได้อย่างแน่นอน แตกต่างกันอย่างลิบลับประหนึ่งหิ่งห้อยประชันกับสุริยันจันทรา!
กระถางต้นไม้คือสุริยันจันทรา ส่วนอาวุธมหาจักรพรรดิเป็นได้เพียงหิ่งห้อย!
ต้นไม้สีเหลืองทองที่ถูกปลูกเอาไว้ ทุกใบล้วนเปล่งแสงระยับ เปี่ยมด้วยลมปราณแห่งชีวิตแผ่ออกมา
อย่างน้อย ๆ ต้นไม้ต้นนี้ก็เป็นโอสถจักรพรรดิระดับสูงสุด!
แม้กระทั่งดินในกระถางเองก็ไม่ธรรมน่าตื่นตะลึง ด้านในประกอบด้วยแก่นกำเนิดทุกชนิดบนโลก นับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าหายากถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
ได้เติบโตขึ้นมาบนดินเช่นนี้ เกรงว่ากระทั่งต้นหญ้าธรรมดาก็สามารถกลายเป็นโอสถล้ำค่ามอบผลชวนตะลึงสะท้านฟ้า!
ใช่แล้ว
ต้นไม้กระถางนี้เป็นสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าได้มอบให้กับอันหลานเสวี่ย นางได้ทิ้งมันไว้ที่พรรคจื่อเสีย เพื่อให้พวกอ้ายฉานได้ฝึนตนใต้ข้างกระถางต้นไม้
ไม่ว่าจะเป็นกระถาง ต้นไม้สีทองเล็ก ๆ หรือกระทั่งดินข้างใน ล้วนเป็นของที่สามารถสะท้านฟ้าได้ การฝึกตนอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ได้รับอานิสงส์เพิ่มผลการฝึนตนได้มากกว่าครึ่ง
“มาในครั้งนี้ นับว่าไม่เสียเที่ยว!”
หัวใจของจักรพรรดิหานเถาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงด้วยตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
แม้ว่าเขาจะนำกระถางต้นไม้กลับไปเพียงอย่างเดียว ก็นับได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
มูลค่าของกระถางต้นไม้ใบนี้มีมากกว่าสมบัติทั้งหมดในคลังของตระกูลหานหลายเท่า!
ถึงจะย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ตระกูลหานรุ่งโรจน์ถึงจุดสูงสุด พวกเขาก็ไม่เคยครอบครองของเช่นนี้มาก่อน!
ตระกูลหานเคยได้รับโอสถจักรพรรดิมาก่อน แต่นั้นก็เป็นเพียงโอสถจัรพรรดิ ไม่ใช่โอสถมหาจักรพรรดิ เทียบแล้วห่างไกลไม่รู้เท่าไหร่กับต้นไม้สีทองต้นนี้!
เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้สึกได้ว่าเพียงใบไม้สีทองหนึ่งใบ ก็เกรงว่าจะสามารถเพิ่มอายุขัยของเขาขึ้นอย่างมาก ทั้งยังทำให้เขากลับคืนสู่จุดสูงสุด
แก่นกำเนิดชีวิตที่ไหลเวียนอยู่ในต้นไม้สีทองขนาดเล็กช่างมากมายมหาศาล!
“ฮ่าฮ่า สวรรค์ประทานพรให้ตระกูลหานแล้ว! ผู้แข็งแกร่งที่เหลือรอดจากยุคโบราณกาลล้วนจะไม่ต้องตายอีกต่อไป!”
ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะหัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่ได้ ต้นไม้สีทองต้นนี้สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งตระกูลหานที่มีชีวิตอยู่รอดมาจากยุคโบราณกาลสามารถกลับคืนสู่สภาวะสูงสุดได้!
กระทั่งมหาจักรพรรดิหานเองก็สามารถช่วยเหลือได้!
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าสิ่งนี้สามารถทำให้เขาตื่นเต้นได้มากเพียงใด!
[1] กระถางต้นไม้ (盆景) เป็นการจัดหรือย่อภูมิทัศน์ลงในภาชนะหรือถาด (บอนไซ)
บทที่ 373
จักรพรรดิหานเถาตื่นเต้นจนไม่อาจระงับประกายตายามมองไปทางกระถางต้นไม้ได้
ทว่าในตอนนั้นเอง เขาก็ถูกขัดจังหวะการจับจ้อง
“เพ้ย ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าได้ยินหรือไม่? รีบปล่อยท่านบรรพชนเดี๋ยวนี้!”
จู้จื่อชูกำปั้นขึ้นด้านหน้าขวางการมองกระถางต้นไม้ พร้อมกล่าวขึ้นมากับจักรพรรดิหานเถา
“อย่าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งแล้วจะทำอะไรก็ได้ต่อหน้าพวกเราทั้งสามคนนะ!”
เจ้าอ้วนฉวี่เอ่ยออกมาอย่างดุดัน
ทว่าเขากลับไม่ได้ดูดุร้ายเลย ด้วยรูปร่างอวบอ้วนยิ่งเสริมให้เขาดูน่ารักยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ
“พี่จู้จื่อกับพี่ฉวี่พูดถูกต้อง หากเจ้าไม่อยากโดนทุบตี ก็รีบปล่อยท่านบรรพชนเสีย!”
ชุยช่านพูดเสริม
เอาความกล้ามากจากไหนกัน...
คนหนึ่งชูกำปั้นใส่เขา คนหนึ่งพูดว่าเขาทำอะไรไม่ได้ คนหนึ่งพูดว่าเขาจะถูกทุบตี...
จักรพรรดิหานเถาหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ เด็กสุดท้ายก็ยังเป็นแค่เด็ก ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตัวเองมีดีอยู่บ้างก็คิดหลงตนเอง...
กล่าวตามจริงแล้ว เด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบสามารถฝึกตนมาถึงขอบเขตสูงเช่นนี้ได้ นับว่าไม่ธรรมดา เพียงพอต่อการเป็นที่ภาคภูมิใจของคนรอบตัว
แต่หากต้องการจะมาอวดอ้างต่อหน้าเขา ก็เหมือนมดแดงคิดเขย่าต้นไม้*[1] เอาไข่มาตีหิน
เขาคร้านจะพูดจาอะไรให้มากความกับเด็กอายุไม่กี่ขวบ จึงทำเพียงโบกมือเบา ๆ ปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกไปปกคลุมร่างของจู้จื่อ เจ้าอ้วนฉวี่ และชุยช่าน
“แสดงให้ข้าดูว่าพวกเจ้าจะยังสามารถทำอะไรได้บ้าง!”
เขาเอ่ยออกมา
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน
“หืม!?”
เขามวดคิ้วแสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา ด้วยพลังที่เขาใช้กลับไม่สามารถกักขังเหล่าเด็ก ๆ เอาไว้ได้!
เดิมทีเขาต้องการจะจับพวกจู้จื่อเอาไว้ หลังจากนั้นก็ใช้การค้นวิญญาณเพื่อสืบเสาะเรื่องราวที่เขาต้องการจะรู้
ทว่าร่างกายของเด็ก ๆ กลับเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด พลังที่เขาส่งออกไปไม่มีผลใด ๆ เพียงแค่เข้าใกล้ตัวพวกจู้จื่อก็สลายไปอย่างไร้คำอธิบาย!
เขาหันมามอง “บนตัวพวกเจ้าคงจะยังมีของดีอยู่ไม่น้อย!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องมีสมบัติอยู่บนตัวของเด็ก ๆ ไม่เช่นนั้นพลังของเขาคงจะไม่สลายไปอย่างไร้คำอธิบายได้!
และความจริงก็เป็นเช่นนี้
บนตัวของจู้จื่อ เจ้าอ้วนฉวี่ และชุยช่านมีของดีอยู่ไม่น้อยจริง ๆ
นอกจากหยกคุ้มภัยแล้ว ก่อนหน้านี้หลี่จิ่วเต้าก็ยังได้มอบภาพวาดกับตุ๊กตาตัวละครจากเรื่องไซอิ๋วและสถาปนาเทวดาให้กับเด็ก ๆ ทุกคน
สาเหตุที่ทำให้พวกจู้จื่อสามารถครอบครองพลังสะท้านฟ้าได้ก็เนื่องจากภาพวาดตัวละครในเรื่องไซอิ๋วและสถาปนาเทวดา
ไม่ว่าจะเป็นหยกคุ้มภัย ภาพวาดตัวละคร หรือตุ๊กตาก็ล้วนมีพลังเหนือกว่าจินตนาการ ห่างชั้นเกินกว่าจักรพรรดิหานเถาจะทำสิ่งใดได้!
“เช่นนั้นก็แสดงให้ข้าดูเสียว่าพวกเจ้ามีของดีอะไรบ้าง!”
จักรพรรดิหานเถาลงมือสุดแรง ไม่มียั้งเอาไว้แม้แต่น้อย พลังทั้งหมดถูกใช้ออกมา
ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าตนเองจพใช้พลังสูญเปล่ามากเกินไป จึงไม่กล้าลงมือมากนัก
แต่บัดนี้เขาไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ไม่ต้องค่อยพะวงกับปัญหาการใช้พลังมากเกินไปแล้ว
ขอเพียงแค่เขานำต้นไม้สีทองไปได้ ไม่ว่าจะต้องใช้พลังมากเพียงใด เขาก็ตั้งมั่นว่าจะต้องได้ต้นไม้สีทองต้นนี้!
เขาสำแดงเคล็ดวิชา พลังอันน่าหวาดกลัวเพิ่มมาขึ้นเรื่อย ๆ จนฟ้าดินถึงขั้นเปลี่ยนสี ดาบขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาราวกับมาจากสวรรค์ ฟาดลงมาจากบนท้องนภา
เมื่อครู่พลังของเขาพึ่งถูกสลายไปอย่างไม่อาจอธิบายได้ ทำให้เขารู้ว่าสมบัติบนตัวพวกจู้จื่อไม่ธรรม ดังนั้นเขาจึงไม่คิดประมาท ลงมือเต็มกำลัง
นี่คือเคล็ดวิชาประจำตระกูลหานนามว่าตัดนภา ย้อนกลับไปครั้งสมัยโบราณการ เขาเคยใช้เคล็ดวิชาตัดนภาในการสังหารขอบเขตจักรพรรดิของอาณาจักรเทียนหยวนไปจำนวนมาก
“พวกเรามีของดีมากมาย แต่ว่าเจ้าเอาไปไม่ได้หรอก!”
“ใช่แล้ว!”
พวกจู้จื่อไร้ซึ่งความหวาดเกรง พวกเขาต่างพากันหยิบตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ออกมา
ยามก่อนที่พวกเขาจะได้ก้าวสู่เส้นทางการฝึกตน พวกเขาไม่รู้ว่าตุ๊กตาเหล่านี้น่าตื่นตะลึงมากเพียงใด
หลังจากที่พวกเขาเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนแล้ว พวกเขาก็ถึงตระหนักได้ว่าตุ๊กตาเหล่านี้ล้วนมีพลังน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะจินตนาการได้!
จู้จื่อชอบนาจาจากสถาปนาเทวดา คุณชายจึงมอบภาพและตุ๊กตานาจาให้แก่เขา
นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้เคล็ดวิชาสามเศียรหกกรจากภาพวาดนาจาอีกด้วย
เจ้าอ้วนฉวี่ชอบตือโป๊ยก่ายจากเรื่องไซอิ๋ว คุณชายจึงมอบภาพวาดและตุ๊กตาตือโป๊ยก่ายให้
เขาได้เรียนรู้เคล็ดวิชาสามสิบหกผกผันจากภาพเหมือนตือโป๊ยก่าย
ชุยช่านเองก็ชอบตัวละครจากเรื่องไซอิ๋ว นั่นก็คือม้ามังกรขาว คุณชายจึงมอบภาพวาดและตุ๊กตาของม้ามังกรขาวให้
เขาก็เรียนรู้เคล็ดวิชาคุมวารีจากภาพเหมือนม้ามังกรขาว ใช้เพียงหนึ่งมือก็สามารถควบคุมน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แสงเจิดจ้าเปล่งอย่างถึงขีดสุดเปล่งออกมาจากตํกตานาจา ตือโป๊ยก่าย และม้ามังกรขาว บนตัวพวกมันเปี่ยมด้วยกฎแห่งเต๋าสูงสุดอยู่เหนือทุกสิ่งอย่างไม่อาจจินตนาการถึง
ทันทีหลังจากนั้น ตุ๊กตานาจา ตือโป๊ยก่าย และม้ามังกรขาวก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นทันที ก่อนพุ่งกระโจนไปสังหารผู้ที่อยู่เบื้องหน้าราวกับพวกมันมีชีวิตขึ้นมา!
นาจาเหยียบอยู่บนกงล้อวายุเพลิง สวมผ้าแพรป่วนฟ้า ในมือถือทวนอัคคี รูปลักษณ์ชวนให้ผู้คนหวาดเกรง เพียงลงมือหนึ่งครั้งดาบที่ก่อตัวขึ้นจากเคล็ดวิชาตัดนภาก็ระเบิดออกทันที!
ตือโป๊ยก่ายฟาดคาดเก้าซี่ลงบนอากาศเกิดเป็นเสียงดัง ราวกับท้องฟ้าถูกไถ่ออก!
สีหน้าของจักรพรรดิหานเถาเปลี่ยนสี เขารีบเรียกอาวุธจักรพรรดิที่มีออกมา
นี่คือโล่จักรพรรดิโบราณ พลังป้องกันของมันน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดเคยต้านทานการโจมตีของมหาจักรพรรดิโดยไม่ได้รับความเสียหายมาแล้ว
ทว่าต่อหน้าคราดเก้าซี่ของตือโป๊ยก่าย โล่จักรพรรดิโบราณกลับดูเหมือนทำจากกระดาษ รับการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็โดนทุบแหลกเป็นชิ้น ๆ!
โฮก!
เสียงคำรามของมังกรดังกึงก้องนภา ม้ามังกรสีขาวบริสุทธิ์ร่างกายใหญ่โตยิ่งกว่าภูเขา เสียงคำรามของมันพุ่งเข้าโจมตีด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว จักรพรรดิหานเถาไม่ทันแม้แต่จะได้ตอบโต้เสียด้วยซ้ำ ทั้งร่างก็ถูกระเบิดออก เลือดและเนื้อกระเซ็นไปทั่ว!
แม้กระทั่งจิตวิญญาณของเขายังถูกเสียงคำรามกระแทกจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ!
จวบจนสิ้นชีพ เขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีสมบัติที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่กับพวกจู้จื่อ เขาในฐานะจักรพรรดิ กลับไม่สามารถแม้กระทั่งจะต่อต้าน ถูกสังหารลงให้ทันที!
ถ้าหากเขารู้เรื่องนี้มาก่อนละก็ ตีให้ตายอย่างไรเขาก็จะไม่มา!
เริ่มลงมือจากคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน...
แผนการไร้ประโยชน์สิ้นดี กระทั่งผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังสามารถฆ่าเขาได้!
น่าเวทนา ทุกสิ่งไม่มีทางย้อนกลับไปได้ ไร้ประโยชน์ที่เขาจะมาเสียใจภายหลัง ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเขาถูกทำลายเป็นเสี่ยง ๆ ดับสลายลงไปอย่างสมบูรณ์
“สายตาช่างคับแคบนัก คิดว่าจะหาเรื่องใครก็ล้วนทำได้อย่างนั้นหรือ?”
บรรพชนพรรคจื่อเสียกล่าวออกมาหลังจากได้รับอิสระ เมื่อจักรพรรดิหานเถาสิ้นชีพลง พลังที่กักขังเขาเอาไว้ก็สลายตามไปด้วย
เขาไม่ได้รู้สึกกังวลแม้แต่น้องระหว่างเกิดเรื่องราวทั้งหมด เขารู้ดีว่าสิ่งที่พวกจู้จื่อครอบครองอยู่น่ากลัวแต่เพียงใด ผู้ที่โชคร้ายย่อมต้องเป็นฝ่ายจักรพรรดิหานเถาอย่างแน่นอน
และผลที่ออกมาก็เป็นดั่งที่เขาคิดทุกประการ
[1] มดแดงคิดเขย่าต้นไม้ (蚍蜉撼树) เป็นคำอุปมา มีความหมายว่า ไม่เจียมตัว
บทที่ 374
แดนฮวง
ภายในตระกูลหาน
“แย่แล้ว ท่านบรรพชน!”
ผู้อาวุโสใหญ่วิ่งโซซัดโซเซไปหามหาจักรพรรดิหาน ก่อนจะเอ่ยรายงานว่า ตะเกียงวิญญาณของจักรพรรดิหานเถาได้มอดดับลงไปแล้ว!
“หืม!?“
หลังจากจักรพรรดิหานได้ยิน สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนทันที
นี่...มันอะไรกัน!
จักรพรรดิหานเถาเพิ่งจะออกไปได้ไม่นานก็สิ้นชีพเสียแล้ว นับว่าน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
ชั่วขณะหนึ่ง หัวสมองของเขาถึงกับคิดอะไรไม่ออก
“ไป ไป ไป! เก็บของแล้วรีบหนี!”
เขากล่าวออกมาตรง ๆ
ตระกูลหานไม่สามารถรั้งรอได้อีกต่อไป หากพวกหลี่จิ่วเต้าต้องการจะมาสังหารตระกูลหาน พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้
สภาพของเขาในตอนนี้ย่ำแย่ พลังที่ใช้ได้มีจำกัดเป็นอย่างยิ่ง หากยังไม่หนีแล้วพวกหลี่จิ่วเต้าตามมาฆ่าคน เกรงว่าทั้งตระกูลหานคงจบสิ้น!
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ฉีกอากาศออกจากที่นี่ไปในทันที
“ไร้ความรับผิดชอบอะไรเช่นนี้!”
ผู้อาวุโสใหญ่ถึงกับหมดคำจะพูด ทว่าเขาก็ไม่กล้ารอช้า รีบเรียกรวมผู้แข็งแกร่งของตระกูลมารวมตัวกัน ก่อนจะให้คนเหล่านี้ไปแจ้งเรื่องการอพยพอย่างเร่งด่วนกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูล
“ไม่เก็บกวาดข้าวของไปหรือ?”
มีคนผู้หนึ่งถามออกมา สงสัยว่าจะให้พวกตนอพยพหนีตัวเปล่าเช่นนี้หรือ?
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับการเก็บข้าวของไปด้วยแม้แต่น้อย
“คลังก็ว่างเปล่าไปแล้ว ยังจะมีอะไรให้เก็บอีก? รีบอพยพได้แล้ว!”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวออกมาอย่างกราดเกรี้ยว
คลังสมบัติตระกูลหานถูกจักรพรรดิหานทำให้ว่างเปล่าไปนานแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็ไปปลุกเหล่ายอดฝีมือจากยุคโบราณกาลทั้งหมดที่เหลือ ก่อนจะเล่าสถานการณ์และบอกให้พวกเขารีบหนีไปทันที
ในเวลาเพียงไม่นาน ทั่วทั้งตระกูลหานก็รกร้าง ผู้คนทั้งหมดล้วนอพยพอย่างเร่งรีบ ออกจากดินแดนที่ตระกูลปักหลักอยู่มาอย่างช้านาน
...
อาณาจักรเหนืออาณาจักร แดนสังสารวัฏ
ณ ห้องโถงใหญ่
“กำลังอยู่ระหว่างทาง จะมาถึงในอีกไม่ช้าแล้ว...หรือว่าควรจะสังหารผู้ตรวจการผู้นี้ดี?”
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล
ผู้ตรวจการกำลังดำเนินการตรวจสอบแต่ละตำหนัก ส่วนเขาก็ยังคงครุ่นคิดวิธีที่จะหลอกลวงอีกฝ่ายไม่ออก...
ตอนนี้ผู้ตรวจการได้ตรวจสอบตำหนักอื่นเรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ระหว่างทางมาตรวจตำหนักของเขา
ระหว่างที่เขากำลังยังคงครุ่นคิดด้วยความกังวลว่าควรจะทำเช่นไร ผู้ตรวจการก็มาถึงตำหนักของเขาเสียแล้ว
เฮ้อ ไม่มีทางเลือกแล้ว ทำได้แต่เพียงเอาตัวรอดเฉพาะหน้าไป หากไม่ได้ผลก็แค่เสี่ยงชิงลงมือสังหารผู้ตรวจการไปเสีย
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงคิดขึ้นมาในใจ ขณะเตรียมกระดานหมากรุกให้พร้อม เตรียมจะลงมือโจมตีอย่างแรงได้ทุกเมื่อ
เขาในตอนนี้ไม่นับว่าอ่อนแอ สามารถสัมผัสขั้นตี้จวินได้ราง ๆ ขอเพียงหนึ่งก้าวก็สามารถบรรลุได้แล้ว
เดิมทีเขาถูกจำกัดไว้ด้วยตนเอง ทำให้ฝึกฝนต่อไม่ได้ เป็นได้เพียงแค่มหาจักรพรรดิผู้หนึ่ง
หลังจากท่านเซียนชี้แนะวิถีหมากรุกให้เขาแล้ว นับว่าเขาได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่เขาจะก้าวพ้นข้อจำกัดของตนเอง ยังสามารถได้รับโอกาสในการก้าวข้ามขั้นมหาจักรพรรดิไปสู่ขั้นตี้หวงได้อีกด้วย
ใช้เวลาอีกเพียงไม่นาน เขาก็จะสามารถทะลวงผ่านขั้นตี้หวงเข้าสู่ขั้นตี้จวินแล้ว
ทั้งหมดเกิดขึ้นจากคำชี้แนะวีถีหมากรุกของท่านเซียน ทำให้เขาได้รับอานิสงส์ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ หากไม่มีท่านเซียนชี้แนะ ไม่ต้องกล่าวถึงว่าใช้เวลามากน้อยเพียงใดจึงจะสามารถเข้าสู่ขั้นตี้จวินได้ กระทั่งขั้นตี้หวง เกรงว่าให้เขาฝึกฝนอีกหลายหมื่นปีก็ไม่อาจเอื้อมถึง!
ขั้นแต่ละขั้นในขอบเขตจักรพรรดินั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายในการก้าวข้าม
นี่ทำให้เขารู้สึกชื่นชมท่านเซียนมากยิ่งขึ้น ท่านเซียนก็คือท่านเซียน เพียงแค่ชี้แนะตามใจชอบก็สามารถทำให้เขาก้าวหน้าได้ราวกับทะยานบิน!
เมื่อผู้ตรวจการมาถึง เขาก็เดินเข้าไปต้อนรับเป็นการส่วนตัว เขารู้จักเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ตรวจการคนนี้น้อยมาก
ตอนที่เขาสังหารจ้าวตำหนัก แต่เดิมเขาต้องการจะค้นวิญญาณของจ้าวตำหนักเพื่อดูความทรงจำทั้งหมดก่อนหน้านี้
ทว่าตอนนั้นเขากลับทำไม่สำเร็จ จึงได้รับมาเพียงแค่ความทรงจำส่วนหนึ่งของจ้าวตำหนักเท่านั้น
ซึ่งในความทรงจำส่วนนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ตรวจการเพียงน้อยนิด
“ไม่ได้พบกันนานจ้าวตำหนักเซียว”
ผู้ตรวจการแสดงท่าทางเป็นกันเองอย่างมาก ยิ้มพลางกล่าวขึ้นมากับจักรพรรดิหมากรุกหวงหลง
บัดซบ!
หัวของใจจักรพรรดิหมากรุกหวงหลงเต้นไม่เป็นจังหวะ ดูจากท่าทางของผู้ตรวจการแล้ว เกรงว่าคนผู้นี้จะมีความสัมพันธ์อันดีกับจ้าวตำหนัก ทั้งยังมีมิตรภาพต่อกันอยู่บ้าง
สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะต้องทำเช่นไรต่อ
หากทั้งสองคนไม่มีไมตรีต่อกัน เขายังสามารถหลบเลี่ยงได้ แต่หากมีไมตรีต่อกันเขาจะไม่สามารถหลบเลี่ยงได้!
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องลงมือ ในช่วงที่ผู้ตรวจการยังคงไม่ได้ระแวดระวัง เขาสามารถลงมือลอบโจมตีอีกฝ่ายได้!
ทว่าในขณะที่เขากำลังจะลงมือ กลับมีเสียงแตรทุ้มต่ำดังขึ้น
ทันทีที่ผู้ตรวจการได้ยินเสียงแตร สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นอย่างมาก
“มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!”
นี่คือเสียงแตรที่จะดังขึ้นเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องใหญ่ มันจะดังก้องไปทั่วทุกหนแห่งบนแดนสังสารวัฏ
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
จักรพรรดิหมารุกหวงหลงเองก็รู้ถึงความหมายของเสียงแตร เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เสียงแตรดังขึ้น
พึงรู้ไว้ว่า ในช่วงประวัติศาสตร์ทั้งหมดของแดนสังสารวัฏ เสียงแตรนี้เคยดังขึ้นเพียงครั้งเดียว นั่นคือยามที่ถูกบุกโจมตีโดยศัตรูที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
หรือว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งบุกมาโจมตีในยามนี้?
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
บังเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ตำหนักสั่นสะเทือนไม่หยุด ไม่ต้องคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่ามีศัตรูอันแข็งแกร่งบุกโจมตีแดนสังสารวัฏเป็นแน่แท้
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง แดนสังสารวัฏเชื่อมต่อกับโลกนับหมื่น ทั้งลึกลับและน่าหวาดเกรง ผู้ใดกันที่หาญกล้ามาโจมตีแดนสังสารวัฏ?
ทว่าในขณะเดียวกัน เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ศัตรูอันแข็งแกร่งโจมตีได้ถูกเวลายิ่งนัก การที่แตรถูกเป่าออกมา แสดงให้เห็นว่าศัตรูในครั้งนี้ไม่ธรรมดา แดนสังสารวัฏอาจต้องเผชิญกับศึกครั้งใหญ่ สถานการณ์จะต้องวุ่นวายขึ้นมาอย่างถึงที่สุด!
สิ่งนี้นับว่าเป็นการช่วยเหลือเขาอย่างมาก จังหวะการตรวจการถูกขัดทำให้ตัวตนของเขาไม่ถูกเปิดเผยออกมา
เขาคิดขณะทะยานออกไปด้านนอกพร้อมกับผู้ตรวจการ
ระหว่างนี้เขาไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา ทั้งยังเก็บซ่อนไม่เปิดเผยลมปราณ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตรวจการณ์สังเกตถึงสิ่งผิดปกติ
ด้านในแดนสังสารวัฏอันกว้างใหญ่ไพศาล มีผู้ทรงพลังกำลังปกป้องแดนสังสารวัฏ ส่วนด้านนอกมีสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังจำนวนมากกำลังโจมตีเข้ามา!
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงเห็นว่าไม่เพียงแต่ตำหนักของเขาที่โดนโจมตี ตำหนักอื่น ๆ เองก็ถูกโจมตีด้วยเหมือนกัน!
นับได้ว่าเป็นการโจมตีครั้งใหญ่อย่างถึงที่สุด!
“เก้าแดนต้องห้าม!”
หลังจากเห็นสิ่งมีชีวิตด้านนอกที่ลงมือโจมตี จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงก็รู้สึกตกตะลึงเมื่อทราบว่าผู้โจมตีเป็นใคร
เขาเคยไปยังเก้าแดนต้องห้ามและได้เห็นสิ่งมีชีวิตด้านในนั้น มันเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังโจมตีดินแดนสังสารวัฏไม่มีผิด เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตที่โจมตีแดนสังสารวัฏนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเก้าแดนต้องห้าม!
“สวรรค์...หรือว่าทั้งหมดนี้จะเป็นฝีมือของท่านเซียน!?”
หัวใจของจักรพรรดิหมากรุกหวงหลงเต้นกระหน่ำ ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา
สิ่งมีชีวิตจากเก้าแดนต้องห้ามโจมตีแดนสังสารวัฏขณะที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร?
เขาพลันคิดถึงท่านเซียนขึ้นมาทันที!
เกรงว่านี่จะเป็นเพราะท่านเซียนรู้ว่าตัวตนของเขากำลังจะถูกเปิดเผย ทั้งตัวเขาเองยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงได้ลงมือกระทำบางอย่างให้สิ่งมีชีวิตในเก้าแดนต้องห้ามโจมตีแดนสังสารวัฏเพื่อช่วยเหลือเขา!
กระทั่งเก้าแดนต้องห้ามยังอยู่ในเงื้อมมือของท่านเซียน!
‘...สุดยอดเกินไปแล้ว!’
เขากล่าวขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้ ระดับความชื่นชมที่มีต่อท่านเซียนอยู่ในจุดสูงสุดจนไม่อาจเพิ่มมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว!
บทที่ 375
เก้าแดนต้องห้ามกรีธาทัพเข้ามายังแดนสังสารวัฏ
เสียงแตรดังกึกก้องไปทั่วแดน นี่คือเสียงแตรประกาศศึก บ่งบอกว่าสงครามใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว
สมาชิกภายในตำหนักสังสารวัฏทั้งหลายเตรียมตัวสู้ศึกอย่างรวดเร็ว พวกเขากำลังรอคำสั่งจากนายตำหนักต่าง ๆ เตรียมพร้อมบุกไปรบรากับสิ่งมีชีวิตจากเก้าแดนต้องห้าม
พวกเขาไม่อาจอยู่แต่ในแดนสังสารวัฏไปตลอด แล้วไม่สนใจในการจู่โจมของสิ่งมีชีวิตจากเก้าแดนต้องห้าม ขืนเป็นเช่นนั้นพลังป้องกันของแดนสังสารวัฏย่อมต้องพังทลาย และเปลวเพลิงแห่งศึกสงครามจักคืบคลานเข้ามาถึงภายในแดนสังสารวัฏ!
หากเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาชนะหรือพ่ายแพ้ ก็ต้องพบเจอกับความสูญเสียมหาศาลอยู่ดี
พวกเขาจำต้องออกไปต่อสู้ กีดขวางสิ่งมีชีวิตจากเก้าแดนต้องห้ามไว้ให้อยู่นอกแดนสังสารวัฏ มิให้เปลวเพลิงแห่งศึกสงครามคืบคลานเข้ามาด้านในได้
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงหรี่ตาลง ทว่าในใจกลับตกตะลึงยิ่ง
เขาเคยเข้าไปในเก้าแดนต้องห้าม รู้ว่าเก้าแดนต้องห้ามไม่ธรรมดาอย่างมาก เบื้องหลังนั้นคือสายน้ำลึก ทว่าบัดนี้ได้เห็นเก้าแดนต้องห้ามเดินทัพเข้ามาเต็มรูปแบบ เขาก็ยังตะลึงอยู่
ความลึกล้ำของสายน้ำซึ่งอยู่เบื้องหลังเก้าแดนต้องห้ามเหนือกว่าการคาดหมายของเขาเสียอีก!
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตจากแดนต้องห้ามใด ล้วนทรงพลังอย่างยิ่งยวด กำลังรบระดับมหาจักรพรรดิมีมากมายนับไม่ถ้วน กำลังรบระดับตี้หวงเห็นอยู่เกลื่อนกลาด แต่ละคนล้วนมีพลังปราณท่วมท้นนภา อยู่ในช่วงรุ่งเรืองพลังที่สุดเสมือนโมงยามที่พระอาทิตย์เจิดจ้าที่สุด!
หากสงครามเช่นนี้ดำเนินต่อไปเต็มกำลัง ย่อมต้องกลายเป็นศึกบันลือโลก สยดสยองเกินจินตนาการ
“ในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา พวกเราอยู่ร่วมกับเก้าแดนต้องห้ามอย่างสันติสุข ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดพวกมันถึงกรีธาทัพเข้ามาเต็มรูปแบบเช่นนี้?”
ผู้ตรวจการเอ่ยเสียงทุ้ม “ดูจากท่าทางพวกเขา เห็นได้ชัดว่าไม่อาจจบด้วยดีได้แล้ว น่ากลัวว่าศึกนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง!”
เหตุใดถึงมา?
มาเพราะข้าอย่างไรเล่า!
คิดไม่ถึงใช่หรือไม่!
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงคิดในใจ
ฮ่า ๆ คิดเช่นนี้หลงตัวเองเกินไปหรือไม่
เขาคิดขึ้นมาอีก
‘คงมิใช่เพราะข้าทั้งหมด ท่านเซียนทำเช่นนี้เกรงว่าจะมีความหมายลึกล้ำอื่นแฝงอยู่ บางทีนี่อาจเป็นหมากอีกก้าวของท่านเซียน!’
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงคิด
เก้าแดนต้องห้ามยกทัพเข้ามาเต็มกำลัง ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามเป็นหนักหนา เขาไม่คิดว่าท่านเซียนจะเอิกเกริกเช่นนี้เพียงเพราะเขา
ในความคิดของเขา นี่คือหมากก้าวหนึ่งของท่านเซียน อาจเป็นเพราะเขา หมากก้าวนี้จึงต้องเดินล่วงหน้า และก้าวนี้ยังแฝงไว้ด้วยความนัยที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น!
‘ใช้ได้ ใช้ได้!’
เขาปลื้มปีติยิ่งยวด ภาคภูมิมากขึ้นไปอีก
หากเป็นเช่นนี้จริง ท่านเซียนให้ความสำคัญกับเขามาก มิฉะนั้นไยต้องเดินหมากก้าวนี้ล่วงหน้าเพื่อเขา
ส่วนเรื่องที่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความบังเอิญนั้น…เขาไม่คิดถึงเลยด้วยซ้ำ
ไฉนเลยจะมีเรื่องบังเอิญใหญ่หลวงปานนี้
เก้าแดนต้องห้ามวางอุบายในอาณาจักรที่ท่านเซียนประทับ และบัดนี้เก้าแดนต้องห้ามยังบุกมายังแดนสังสารวัฏอย่างไม่ทราบสาเหตุโดยไม่มีวี่แววมาก่อน
เห็นได้ชัดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับท่านเซียน
มิฉะนั้น ในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา เก้าแดนต้องห้ามกับแดนสังสารวัฏอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ไยจึงต้องยกทัพทั้งหมดจู่โจมแดนสังสารวัฏในโมงยามนี้ด้วย
“ทั้งหมดล้วนเป็นโชคชะตา ข้าเพื่อมาถึงตำหนักของพี่เซียว เก้าแดนต้องห้ามก็รุกรานเข้ามายังแดนสังสารวัฏของเรา ดูท่า โชคชะตาต้องการให้ข้าได้อยู่กับพี่เซียว ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้ง!”
ผู้ตรวจการหัวเราะ ใบหน้าทอประกายความรำลึก “ครานั้น เราสองพี่น้องร่วมฝ่าฟันไปทั่วทุกอาณาจักร หลังสิ้นอายุขัย พวกเรายังบุกเข้ามาในเส้นทางสังสารวัฏด้วยกัน แม้นมิสมหวัง ได้เวียนว่ายตายเกิดใหม่อีกครั้ง กระนั้นพวกเราก็มีชีวิตรอดมาได้!”
ยังมัวสะท้อนใจในโชคชะตาอยู่อีกรึ!?
โชคชะตาส่งเจ้าไปตาย!
จิตสังหารก่อเกิดในใจจักรพรรดิหมากรุกหวงหลง
เขาไม่ฆ่าผู้ตรวจการผู้นี้คงมิได้
เดิมทีหากผู้ตรวจการผู้นี้ยอมไปเสียก็คงไม่เป็นไร แต่ผู้ตรวจการผู้นี้ดันต้องการอยู่ต่อ ซ้ำยังต้องการรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ถ้าเขาไม่ฆ่าผู้ตรวจการผู้นี้ ย่อมต้องเปิดเผยตัวตนอย่างแน่นอน
จากวาจาของผู้ตรวจการ เขาพอจับใจความได้ว่าผู้ตรวจการผู้นี้มีสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับนายตำหนัก ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาต้องอยู่กับผู้ตรวจการเป็นเวลานานย่อมปิดบังต่อไปไม่ได้แน่
ท่านเซียนกำลังเดินหมากกระดานใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย เขาคือตัวหมากที่ท่านเซียนวางไว้ในแดนสังสารวัฏ จะเปิดเผยตัวเช่นนี้มิได้ มีหวังทำเสียแผนของท่านเซียน
เขาต้องอยู่ในแดนสังสารวัฏต่อไป รอคอยคำสั่งอื่นของท่านเซียน!
‘ข้าต้องเป็นหมากที่ดี และเป็นหมากที่ขยันขันแข็ง! ข้าไม่รู้ว่าท่านเซียนคิดทำสิ่งใด แต่ท่านเซียนสั่งให้ข้าอยู่ในแดนสังสารวัฏต่อ ย่อมมีความหมายของท่านเซียน!’
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงคิดในใจ ‘ข้าต้องเจริญก้าวหน้าอยู่ในแดนสังสารวัฏ พยายามเลื่อนตำแหน่งให้สูงที่สุด เช่นนี้ยามท่านเซียนต้องการใช้งานข้า ข้าก็ทำประโยชน์ได้มากขึ้น!’
“พี่เซียว ไยท่านไม่พูดจา? หรือท่านไม่อยากรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าหรือ”
ผู้ตรวจการเอ่ยกึ่งหยอกล้อ
“นี่เป็นเรื่องที่ข้ารอมานาน! หวังว่าศึกนี้จะรีบเปิดฉากโดยไว แล้วท่านกับข้าออกไปเข่นฆ่าศัตรูข้างนอกนั่น!”
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงเลียนเสียงนายตำหนัก
เขาเก็บงำพลังปราณไว้ภายใน ปล่อยให้พลังสังสารวัฏไหลเวียนอยู่นอกกาย ผู้ตรวจการไม่อาจจับสัมผัสพลังปราณเดิมของเขาได้ง่าย ๆ
“คงใกล้แล้ว ท่านดู มียอดฝีมือตำหนักหลักออกโรงแล้ว”
ผู้ตรวจการมิได้เคลือบแคลงใด ๆ
ที่สำคัญคือเขาคิดไม่ถึงว่านายแห่งตำหนักจะเกิดเรื่องอันใดได้ ถึงอย่างไรนายตำหนักถืออำนาจควบคุมทุกสิ่ง สิ่งมีชีวิตใต้บัญชาล้วนอยู่ในการควบคุมของนายตำหนัก
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงทอดสายตาไป เห็นว่ามียอดฝีมือก้าวออกจากตำหนักหลักจริง ๆ
เป็นมังกรกระดูกตัวมโหฬาร ร่างมังกรยาวเหยียดยิ่งกว่าภูเขาที่ตั้งเรียงราย ดวงตามังกรคู่นั้นมีเปลวเพลิงสีเขียวลุกโชติ ยามได้มองรู้สึกจมดิ่งไปทั้งวิญญาณ สติแตกในชั่วพริบตา!
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงรู้จักมังกรกระดูกตนนี้ เขาอยู่ในแดนสังสารวัฏมาแสนกว่าปี นี่คือมังกรกระดูกระดับเทียนตี้ มีตำแหน่งสูงส่งในแดนสังสารวัฏ
เขารู้ดีว่ามังกรกระดูกตนนี้ออกไปคงต้องการเจรจากับเก้าแดนต้องห้าม ต้องการรู้จุดประสงค์ในการมาของเก้าแดนต้องห้าม
อย่างที่คิด หลังจากมังกรกระดูกออกไป ฝ่ายเก้าแดนต้องห้ามก็มีร่างน่าสยดสยองเหินออกมาอยู่ข้างกายมังกรกระดูกเก้าร่าง
การสนทนาระหว่างพวกมันมิได้เก็บเป็นความลับ จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงมีขอบเขตพลังสูงส่ง แตะขั้นตี้จวินแล้ว ต่อให้ห่างกันไกลโข เขาก็ยังได้ยินบทสนทนาทางนั้นอยู่ดี
“ในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา พวกเราอยู่กันอย่างสันติ ไม่เคยบาดหมางต่อกัน ไยวันนี้พวกเจ้าถึงกรีธาทัพเข้ามายังแดนสังสารวัฏ”
มังกรกระดูกคำรามขณะส่งเสียงคาดคั้น เสียงของมันประดุจอัสนีบาต มิติทั้งผืนกระเทือนจนถล่มเป็นหย่อม ๆ
“อย่ามาแกล้งโง่อยู่เลย!”
ร่างน่ากลัวร่างหนึ่งตวาดเสียงเย็น “พวกเจ้าไปยังดินแดนนั้น ซ้ำยังเก็บเกี่ยวบางอย่างกลับไป แล้วยังคิดอวดอ้างบารมีข่มเหงแยกพวกเราออกจากกัน เพื่อให้พวกเจ้าได้ยึดครองดินแดนผืนนั้น!”
มันมาจากอาณาจักรเบื้องหลังทะเลต้องห้าม ได้รับการรายงานจากจ้าวสมุทรแห่งทะเลต้องห้าม
“อนิจจา พวกเจ้าคิดผิดแล้ว! พวกเรามิได้เติบโตมากับคำขู่! ต่อให้พวกเจ้าเก็บเกี่ยวบางสิ่งได้จากดินแดนนั้น พวกเราก็ขอปะทะกับพวกเจ้าดูสักครา!”
มันตะโกนต่อ “วันนี้พวกเจ้าจำต้องแบ่งปันสถานการณ์ในดินแดนนั้นออกมาให้เราทราบ!”
“???”
มังกรกระดูกฟังแล้วงุนงงไปหมด
นี่มันเรื่องกระไร?
เหตุใดมันถึงฟังไม่รู้เรื่องสักประโยค?
ดินแดนนั้นอย่าว่าแต่เข้าไปเลย พวกมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งอยู่ที่ใด!