เยี่ยม!
ช่างน่ารำคาญจริง ๆ!
สามเณรน้อยจ้องมองต้าเต๋อพลันรู้สึกคับข้องใจ
ฟ้าดินไร้ปรานียึดถือสรรพชีวิตเฉกเช่นสุนัขฟาง*[1]
ในโลกนี้มีคนกลุ่มหนึ่งมักจะร้องตะโกนท้าทายฟ้า พิชิตสวรรค์ และเหยียบย่ำสวรรค์ไว้ใต้เท้า
หากเขากล่าวเช่นนั้นก็แล้วไปเถอะ!
ประเด็นคือเขาไม่ได้ทำ!
เขาไม่เคยคิดท้าทายสวรรค์ พิชิตสวรรค์ เหยียบย่ำสวรรค์ เขาเพียงต้องการเป็นเซียน และเพียงอยากมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์
แต่ทุกอย่างกลับเลวร้ายเสียอย่างนั้น!
พวกที่ร้องตะโกนท้าทายสวรรค์ พิชิตสวรรค์ เหยียบย่ำสวรรค์ แต่ละคนกลับมีชีวิตดีเลิศยิ่ง เขากล่าวเช่นนี้ ไม่ได้ให้ร้ายสวรรค์ว่าไม่ดี ทว่าเป็นการชี้ให้เห็นถึงความทุกข์ที่ตนได้ประสบ!
“ท่านกำลังรังแกข้าชัด ๆ!”
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ยิ่งโกรธ กู่ฝอละทิ้งอารมณ์ เขาโกรธมากจนตะโกนสาปแช่ง
สวรรค์คิดว่าตัวเขาเป็นลูกพลับนิ่มหรือ?
มารดามันเถอะ!
เขากระทืบเท้าด้วยความโกรธ!
“จากนี้ไป เป้าหมายของข้าเปลี่ยนไปแล้ว เป้าหมายของข้าคือพิชิตสวรรค์ เหยียบย่ำสวรรค์ไว้ใต้เท้า!”
เขาร้องตะโกนอย่างชั่วร้าย เพราะรู้สึกโมโหเป็นอย่างยิ่ง
บอกพิชิตสวรรค์นั้นไม่เป็นไร แต่เขาไม่อาจพูดจาให้ร้ายสวรรค์ได้ ไม่เช่นนั้นย่อมประสบกับหายนะแน่นอน...
นี่มันอะไรกัน!
ตู้ม!
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นพร้อมกับสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องนภา รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ โจมตีลงบนร่างของสามเณรน้อย
“เจ้า...มารดามันเถอะ!”
กายเนื้อของสามเณรน้อยถูกฟ้าผ่าเสียจนเนื้อเปิด ซ้ำยังมีควันสีดำลอยขึ้นมาจากร่าง
สวรรค์มุ่งเป้ามาที่เขา!
มารดามันเถอะ นี่มันกำหนดเป้าหมายไว้แล้วนี่!
ต้าเต๋อเห็นฉากนี้ก็ยิ้มกว้างถึงหูพลางกล่าวว่า “อย่าตะลึงเกินไป ข้าคือผู้ได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ หากเจ้าสู้กับข้า ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ? เหตุใดเจ้าไม่รีบรนหาที่ตายเสียเล่า ข้าจะได้รีบส่งเจ้าไปที่ชอบ ๆ!”
เขาชำเลืองมองสามเณรน้อยแล้วกล่าวต่อไปว่า “ข้าไม่อยากหลอมรวมกับเจ้า มันจะกลายเป็นมลทินกับข้าเสียเปล่า ๆ! แม้ว่าเจ้ากับข้าจะมีต้นกำเนิดที่เดียวกัน แต่หลังแยกร่างมาจุติหลายภพหลายชาติแล้ว ข้าถือว่าตนเองกลายเป็นอิสระแล้ว ข้าก็คือข้า ไม่เหมือนกับดอกไม้ไฟ*[2]!”
ความปรารถนาของตัวเองไม่ได้ซับซ้อน เขาคือเขาเอง ไม่เคยเป็นของใครทั้งสิ้น!
แม้เขาจะเข้าใจหลังหลอมรวมกับสามเณรน้อย ทว่าตัวเขาก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย
แต่เขาก็ไม่อยากทำเช่นนั้น
หลังหลอมรวมกับสามเณรน้อยแล้วยังจะเป็นตัวของตัวเองได้อยู่อีกหรือไม่?
ความทรงจำของสามเณรน้อยเหล่านั้นจะส่งผลต่อเขาหรือไม่?
เขาแค่อยากเป็นตัวของตัวเอง!
สำหรับความแข็งแกร่ง...ขออภัย เขาไม่สนใจ!
ต้าเต๋อผู้นี้จะรับใช้ท่านเซียนให้ดี จากนี้เขายังต้องสนด้วยหรือว่าจะแข็งแกร่งหรือไม่แข็งแกร่ง?
“เจ้าคือเจ้า ไม่เหมือนดอกไม้ไฟ?”
เมื่อสามเณรน้อยได้ยินคำกล่าวของต้าเต๋อ ก็กัดฟันกรอดด้วยความโมโห “เจ้าคือเจ้า ถึงจุดหนึ่งก็จะระเบิดกลายเป็นดอกไม้ มอดสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน!”
“???”
ต้าเต๋อมีเครื่องหมายคำถามทั่วใบหน้า
นี่เป็นกู่ฝอจริงหรือ?
อีกฝ่ายด่าเขากลับเสียด้วย!?
ช่างไม่เหมือนภาพลักษณ์กู่ฝอเอาเสียเลย!
“ต่อให้ไม่มีเจ้า ข้าก็สามารถบรรลุจุดสูงสุดได้!”
สามเณรน้อยมองต้าเต๋อด้วยความโกรธ ยิ่งมองยิ่งโมโห ต้าเต๋อได้รับการคุ้มครองจากวิถีแห่งสวรรค์ ชาตินี้เกรงว่าคงยากจะหลอมรวมจิตแยกกลับมาเสียแล้ว
เว้นแต่เขาจะสามารถเหนือกว่าวิถีแห่งสวรรค์
เพียงนึกอยากจะก้าวข้ามวิถีแห่งสวรรค์...หากนึกดูก็พอเป็นไปได้ เพราะถ้าเขากลายเป็นผู้ก้าวข้ามวิถีสวรรค์ เขาจะน่าเกรงขามเพียงใด!
“ไป!”
ใบหน้าของเขาอึมครึมเตรียมจะออกที่นี่ ตอนนี้ยากจะลงมือกับต้าเต๋อแล้ว
พระสังฆราชกับพระเวทโพธิสัตว์ไม่เห็นด้วยกับเขา เขาจึงไม่สามารถอยู่กับศาสนาพุทธแห่งนี้ได้อีก
“อยากออกไปหรือ? ไฉนเลยจะง่ายขนาดนั้น!”
ต้าเต๋อยิ้มเยาะ ไม่ได้คิดจะปล่อยสามเณรน้อยไป
พลังวิญญาณของเขาออกมาปะทะหมายจะสังหารสามเณรน้อย
พลังแห่งวิถีสวรรค์ลงมาเพื่อปกป้องเขา แต่นั่นเพียงปกป้องเขาเท่านั้น ตัวเขาไม่สามารถใช้พลังแห่งวิถีสวรรค์ได้ตามใจชอบ หากอยากสังหารสามเณรน้อยก็ทำได้เพียงพึ่งพาตนเองเท่านั้น
และหากเขาอยากสังหารสามเณรน้อย เขาก็ต้องอาศัยพลังวิญญาณของตนเอง
จิตวิญญาณของเขาอยู่ขั้นสูงสุดแล้ว สามารถสังหารสามเณรน้อยได้!
แม้กายเนื้อเทียบได้กับจ้าวสูงสุด ทว่านั่นเป็นเพียงความแข็งแกร่งของกายเนื้อเท่านั้น ความแข็งแกร่งในด้านอื่นยังนับว่าห่างชั้นนัก
เขาสามารถพึ่งความแข็งแกร่งของกายเนื้อต่อสู้ แต่หากสามเณรน้อยต้องการหลบหนี เขาก็ไม่มีวิธีหยุดสามเณรน้อย
ส่วนพลังวิญญาณนั้นแตกต่างกัน
นี่เป็นวิญญาณสูงสุดอย่างแท้จริงและสามารถจัดการเณรน้อยได้!
วิญญาณของเขาพุ่งออกไปและพลังวิญญาณที่ทรงพลังก็พุ่งเข้าใส่สามเณรน้อยโดยตรง
สามเณรน้อยได้รับแรงโจมตีจากพลังวิญญาณแข็งแกร่ง ส่งผลกระทบอย่างยิ่ง พลังโจมตีจิตวิญญาณเขาโดยตรง เขาไม่อาจเหินผ่านอากาศหลบหนีไปได้
วิญญาณของเขาทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงพุ่งออกไปต่อสู้อย่างดุเดือดกับวิญญาณของต้าเต๋อ
เขาจะปล่อยให้วิญญาณของต้าเต๋อพุ่งโจมตีแต่วิญญาณของเขาไม่ได้
แม้วิญญาณของเขาจะแข็งแกร่ง ยิ่งปะทุออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่งถึงขนาดสร้างความกดดันมากมายให้กับต้าเต๋อได้ด้วย
แต่คลื่นพลังวิถีแห่งสวรรค์ไหลเวียนไปทางวิญญาณของต้าเต๋อ เขาไม่สามารถทำอะไรต้าเต๋อได้เลย ต่อสู้ด้วยจิตวิญญาณของเขารังแต่จะนำอันตรายมาสู่ตัวตนเอง สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสูญเสียมากกว่าได้
“ดูอานุภาพมังกรฟ้ากับหมัดพุทธะของข้าเสียให้ดี!”
วิญญาณต้าเต๋อดุร้ายเป็ยอย่างยิ่ง เขาทุบตีพลางร้องตะโกนราวกับโจรตัวน้อยก็มิปาน
วิญญาณของสามเณรน้อยมีพลังความศรัทธา ก่อนหน้านี้ต้าเต๋อทำอะไรสามเณรน้อยไม่ได้ ด้วยเหตุผลนี้เองเขาจึงแพ้พ่ายไปก่อน
แข่งขันเรื่องพลังวิญญาณบริสุทธิ์ ต้าเต๋อไม่ด้อยกว่าสามเณรน้อย
แต่ตอนนี้ทุกอย่างแตกต่างออกไป
คลื่นพลังแห่งวิถีสวรรค์ไหลผ่านทั่วร่างวิญญาณต้าเต๋อ เขากับสามเณรน้อยไล่ต้อนกันไปมา พลังความศรัทธาบนร่างวิญญาณของสามเณรน้อยจะต้องพ่ายแพ้ในทันที!
และการโจมตีของวิญญาณสามเณรน้อยทั้งหมดจะถูกพลังแห่งวิถีสวรรค์ของวิญญาณต้าเต๋อยับยั้งเอาไว้!
นี่ยิ่งทำให้สามเณรน้อยโมโหจนหน้ายู่ ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดแล้ว
พลังโจมตีของเขาไม่มีผลกับต้าเต๋อ แต่พลังโจมตีของต้าเต๋อมีผลกับเขา!
นอกจากนี้เขายังรู้สึกตกใจมากด้วย
นี่คือความน่าเกรงขามของพลังแห่งวิถีสวรรค์งั้นหรือ?
วิญญาณต้าเต๋อพึ่งพาพลังแห่งวิถีสวรรค์ ต้าเต๋อไม่รู้วิธีจัดการเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อโจมตีออกมาพลังความศรัทธาของเขากลับถูกกดดันจนต้องถอยหนี!
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
โลหิตวิญญาณกระเซ็นไปทั่วสารทิศ คราวนี้เป็นวิญญาณของสามเณรน้อยที่กระอักเลือดออกมา ส่วนวิญญาณของต้าเต๋อกำลังทุบตีวิญญาณสามเณรน้อยอย่างดุร้าย!
นี่ทำให้สามเณรน้อยแทบกลั้นความขุ่นเคืองเอาไว้ไม่ได้!
เยี่ยมไปเลย!
เขาถูกจิตชั่วร้ายโจมตีอย่างกับหมาบ้าแล้ว!
นี่เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงมาก่อน!
เขาเป็นร่างหลักเลยนะ!
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าตอนนี้เขารู้สึกทุกข์ทรมานใจมากแค่ไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร่างวิญญาณของต้าเต๋อนั้นถูกพลังแห่งวิถีสวรรค์ห่อหุ้มเอาไว้ เป็นผลร้ายแรงต่อเขายิ่ง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป วิญญาณของเขาย่อมต้องแตกสลายและถูกทำลายในที่สุด!
มารดามันเถอะ ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน!
เดิมทีเขาต้องการหลอมต้าเต๋อเพื่อฟื้นฟูร่างกายทั้งหมดของเขา
ตอนนี้ช่างดีนัก ตัวเขากลับถูกต้าเต๋อจัดการ!
“ภิกษุอาวุโสภายนอกน่าเลื่อมใสแต่ภายในน่าขยะแขยงอย่างเจ้าต้องถูกสังหาร!”
ต้าเต๋อเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร พลังของเขาระเบิดออกอย่างต้องการสังหารสามเณรน้อยที่นี่!
[1] ฟ้าดินไร้ปรานียึดถือสรรพชีวิตเฉกเช่นสุนัขฟาง คำกล่าวนี้มาจากสุนัขหุ่นฟางถูกวางบนแท่นบูชาเทพเจ้าด้วยความเคารพ แต่เมื่อหมดความจำเป็นก็ถูกโยนทิ้ง ฟ้าดินมิได้รักใคร่สุนัขหุ่นฟางบนแท่นบูชา ไม่ได้เกลียดชังสุนัขหุ่นฟางที่ถูกโยนทิ้ง มนุษย์ก็ไม่ต่างจากมัน
[2] ไม่เหมือนกับดอกไม้ไฟ (不一样的烟火) คือ เปรียบกับดอกไม้ไฟที่มีแสงส่องประกายในช่วงเวลาแสนสั้น ไม่ผูกมัดกับใครแม้แต่จะเอาชีวิตแลกก็ตาม
บทที่ 342
วิญญาณของต้าเต๋อลงมืออย่าดุร้าย ไม่ปล่อยให้วิญญาณของสามเณรน้อยได้โต้ตอบ ทุบตีจนวิญญาณของสามเณรน้อยแหลกละเอียดโลหิตวิญญาณจำนวนมากหลั่งไหลออกมา
วิถีสวรรค์ที่ห่อหุ้มวิญญาณของต้าเต๋อเอาไว้น่าหวาดกลัวเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถต่อกรกับต้าเต๋อได้อย่างเต็มที่ ไม่อาจแม้กระทั่งจะต่อต้านเสียด้วยซ้ำ
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องถูกต้าเต๋อสังหารลงภายในไม่ช้าแน่นอน!
เขาไม่กล้ารีรออีกต่อไป จิตวิญญาณที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ รีบพุ่งกลับเข้าร่างอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกก!”
สามเณรน้อยจับจ้องไปทางต้าเต๋อด้วยดวงตาแดงก่ำ ดึงพลังจากพระธาตุภายในร่างกายของเขาออกมาอย่างไม่เต็มใจ
นี่เป็นพระธาตุของเขาเอง และด้านในมีเต๋าของกู่ฝอซึ่งเป็นชาติก่อนของเขาอยู่
ก่อนที่เขาจะนิพพานและกลับชาติมาเกิดใหม่ เขาได้บรรจุพลังหลอมรวมเข้ากับพระธาตุ จากนั้นก็นำพระธาตุไปเกิดใหม่ด้วย
สิ่งที่เรียกว่านิพพานคือการเริ่มต้นใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตล้วนไม่มีอยู่อีกต่อไป
เขาบีบอัดหลอมหลวมพลังให้กลายเป็นพระธาตุก่อนจะนำมันติดกายไปด้วยหลังนิพพาน หลังจากนั้นเขาก็สามารถพึ่งพาพระธาตุเพื่อฟื้นฟูขอบเขตของกู่ฝอกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ที่เขาสามารถหวนคืนสู่ขอบเขตสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว ก็เป็นเพราะพระธาตุที่อยู่ภายในร่างกาย
หากไม่มีพระธาตุ เขาคงไม่สามารถกลับคืนสู่ขอบเขตสูงสุดได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
แต่พระธาตุก็เป็นเพียงมรดกที่ตกทอดมา อย่างไรเสียเขาในตอนนี้ก็เป็นร่างใหม่ ไม่ใช่กู่ฝอคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
มิหนำซ้ำนอกจากนี้ เขายังมีความคิดแยกตัวออกไป แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อเขาอย่างใหญ่หลวง ขัดขวางไม่ให้เขาสามารถสืบทอดเต๋าของกู่ฝอโดยตรง
ในตอนนี้เพื่อรักษาชีวิตตนเองเอาไว้ เขาจึงฝืนดึงพลังออกจากพระธาตุมาใช้ ทำให้สภาพของเขาแย่ลงอย่างไม่ต้องสงสัย
การฝืนดึงพลังที่อยู่ในสภาวะหลอมรวมอย่างผิดปกติ จะส่งผลให้เต๋าในพระธาตุพร่องไป และทำให้เขาไม่อาจใช้พระธาตุเพื่อฟื้นคืนกลับไปยังขอบเขตของกู่ฝอได้
อีกทั้งยังมีความคิดส่วนหนึ่งแยกตัวออกไป ทำให้ตัวตนไม่สมบูรณ์ ไม่ต้องพูดถึงการฟื้นกลับสู่ขอบเขตกู่ฝอในชาติก่อนเลย กระทั่งการใช้พระธาตุฟื้นฟูขอบเขตมหาจักรพรรดิกลับมายังยากยิ่ง!
สิ่งนี้ทำให้เขาไม่ยินยอมเป็นอย่างยิ่ง!
จะให้เขายินยอมได้อย่างไร?
เพื่อนิพพานและกลับชาติมาเกิดใหม่ เขาได้ก้าวเดินไปยังเส้นทางต้องห้าม ฝ่าฝืนบัญญัติที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าได้กำหนดเอาไว้ เปลี่ยนพลังความศรัทธาให้ตนเองได้รับผลประโยชน์แต่ฝ่ายเดียว ส่วนผู้ที่ศรัทธาในตัวเขานั้นก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์จากพลังความศรัทธาอีกต่อไป
การที่เขาได้รับผลประโยชน์จากพลังความศรัทธาเพียงผู้เดียว ทำให้เขาได้ลิ้มรสความหอมหวานและรับรู้ว่าพลังความศรัทธาน่าหวาดหวั่นและน่าทึ่งเพียงใด!
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถนิพพานและเกิดใหม่ได้ เขารู้สึกว่าตนเองยังมีพลังความศรัทธาไม่มากพอ!
ตัวเขาต้องการจะเพิ่มพูนพลังความศรัทธา จึงต้องการให้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากมาศรัทธาในตัวเขาเพิ่ม
ทว่าภายใต้สถานการณ์ปกติ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้รับพลังความศรัทธาจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ
ในตอนนั้นเขาจึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
เขาได้ลักพาตัวสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังจำนวนมาก และเปลี่ยนพวกมันให้กลายมาเป็นหุ่นเชิดที่เชื่อฟังเพียงคำสั่งของเขาเท่านั้น
หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้หุ่นเชิดเหล่านี้ออกไปสร้างหายนะทั่วทุกหนแห่ง สังหารผู้คนไปมากมาย ก่อภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า
ตามบันทึกโบราณต่าง ๆ กล่าวว่า ยุคโบราณกาลวุ่นวายอลม่านยิ่งกว่ายุคใด ๆ เกิดภัยพิบัติขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติหรือคนสร้างก็ตาม
มีชีวิตต้องสูญสิ้นไปนับไม่ถ้วน ทุกคืนวันต่างต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว
และต้นตอของเรื่องราวทั้งหมดก็มีเขาเป็นผู้ริเริ่ม
ท่ามกลางภัยพิบัติ สิ่งมีชีวิตล้วนแล้วแต่ต้องการสิ่งศรัทธายึดเหนี่ยว
นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการให้เกิดขึ้น!
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มปรากฏตัวบ่อยครั้ง ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกหนแห่ง สังหารหุ่นเชิดที่ก่อให้เกิดหายนะ
แผนการของเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง เขาได้รับความศรัทธาจำนวนมาก ทำให้ในยามนั้นไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงเขาได้
ขณะเดียวกันพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น ความเมตตาของศาสนาพุทธได้ซึมซาบเข้าสู่จิตใจของสรรพชีวิตจำนวนมาก
เขาจึงได้รับชื่อว่าเป็นกู่ฝอที่เป็นรองเพียงพระอมิตาภะพุทธเจ้า!
เขามาถึงจุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
จำนวนผู้ที่ศรัทธาในตัวเขามีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ผู้ใดก็ไม่อาจเทียบได้ พลังศรัทธาที่เขามีอยู่ก็มาถึงระดับมหาศาลจนเกินกว่าจะจินตาการถึง!
สุดท้ายเมื่อเขารู้สึกว่าตนสามารถทำได้แล้วก็เริ่มการนิพพาน แล้วใช้พลังความศรัทธาชักนำให้กลับชาติมาเกิดใหม่
แต่มันก็มีสิ่งที่เขาไม่คาดคิดเกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการนิพพานและกลับชาติมาเกิด ทว่ากลับมีจิตส่วนหนึ่งแยกตัวออกไป ทำให้พลังส่วนหนึ่งของเขาหายไปด้วย ส่งผลให้สภาพของเขาไม่สมบูรณ์
สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงยิ่งกว่านั่นก็คือ ตัวเขานั้นได้พ่ายแพ้ให้กับจิตที่แยกตัวออกไป ไม่ต้องพูดถึงการบรรลุขอบเขตที่สูงขึ้นเลย เขาไม่อาจทำได้กระทั่งฟื้นคืนกลับไปยังจุดเดิมด้วยซ้ำ!
“ข้าไม่เชื่อว่าวิถีสวรรค์จะปกป้องเจ้าไปได้ตลอด! หากวิถีสวรรค์เปิดช่องว่างเมื่อใด เมื่อนั้นจะเป็นเวลาตายของเจ้า!”
เขามองไปทางต้าเต๋อด้วยความคับแค้นอย่างถึงที่สุด จนถึงขนาดได้ยินเสียงกัดฟันกรอด
ครั้งนี้เขาน่าเวทนาจริง ๆ ถึงกับพ่ายแพ้ยับเยิน!
พลังจากพระธาตุพร่องไป ทำให้เขาไม่มีสิ่งเกื้อหนุนให้ไปยังขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น หลังจากนี้ทำได้เพียงแต่พึ่งพาตนเองเท่านั้นแล้ว
ในท้ายที่สุดเขาฉีกมิติออกแล้วหนีจากที่นี่ไป
ต้าเต๋อต้องการจะหยุดสามเณรน้อยเอาไว้ แต่ก็ล้มเหลว เณรน้อยดึงพลังจากพระธาตุของกู่ฝอมาใช้ ทำให้พลังทะลวงผ่านขั้นสูงสุด ขึ้นไปอยู่เหนือยิ่งกว่านภาสูงสุด จนไม่สามารถรั้งตัวเอาไว้ได้
เหนือขึ้นไปจากขั้นสูงสุดเป็นขั้นนภาสูงสุด เหนือจากขั้นนภาสูงสุดก็ยังมีขั้นวิถีสูงสุด
หลังจากทะลวงผ่านขั้นวิถีสูงสุดแล้วก็จะไปถึงขอบเขตจักรพรรดิ กลายเป็นกึ่งจักรพรรดิ
“สมกับเป็นกู่ฝอ!”
ต้าเต๋อหรี่ตาลง ในสถานการณ์เช่นนี้ สามเณรน้อยยังสามารถหนีไปได้ กู่ฝอนพประทีปเป็นรองเพียงพระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่อาจดูแคลนได้จริง ๆ
แต่เขาก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าสามเณรน้อยจะต้องจ่ายราคามหาศาลในการหลบหนีไปครั้งนี้
ถ้าไม่ต้องจ่ายราคามหาศาล สามเณรน้อยคงจะเลือกหนีไปนานแล้ว ไม่ใช่พึ่งมาหนีหลังจากถูกเขาทุบตีอย่างหนักจนบาดเจ็บสาหัส
เห็นได้ชัดเจนว่า การหลบหนีครั้งนี้มีราคาต้องแลกมาสูงมากจนสามเณรน้อยไม่กล้าใช้ออกมา เว้นแต่จะไร้ทางเลือก
“ข้าจะรอให้เจ้ากลับมาหาข้า!”
ต้าเต๋อไร้ซึ่งความหวาดกลัว หนทางในอนาคตของเขาช่างสดใส หากสามเณรน้อยกลับมาก็ไม่ต่างจากมาถวายหัวให้เขา!
หลังจากนั้น จิตวิญญาณของต้าเต๋อก็กลับเข้าร่างเดิม พลังวิถีสวรรค์ค่อย ๆ สลายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบสงบ
“อู้เต๋อ...”
“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”
พวกพระสังฆราชเเละเหล่าพระเวทโพธิสัตว์รีบเข้ามาทันที
พลังที่ปะทุขึ้นมาจากที่นี่สับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน
พวกเขารู้เพียงว่ามีพลังของวิถีสวรรค์ลงมา หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบ
หลังจากสถานการณ์สงบลงแล้ว ร่างแยกของสามเณรน้อยที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็หายไปในทันที ทำให้พวกเขาสามารถเข้ามาด้านในได้
ต้าเต๋อเปิดปากออกต้องการจะพูด แต่ยังไม่ทันจะได้กล่าวอะไรออกมา พระสังฆราชก็ชิงเปิดปากพูดก่อน
“หรือว่าเจ้าจะทำสำเร็จแล้ว”
หยาดน้ำตาปรากฏขึ้นในดวงตาของพระสังฆราชขณะจับจ้องต้าเต๋อ “เจ้า...เจ้าไม่คู่ควรกับชื่อฝอ! อู้เต๋อก็เป็นคนผู้หนึ่งที่มีเลือดเนื้อ เจ้ากลับสังหารอู้เต๋อลงไปเช่นนี้ได้อย่างไร!?
“กู่ฝอ ครั้งนี้เจ้าทำเรื่องผิดไปแล้ว!”
“อมิตาภพุทธ นับตั้งแต่นี้ไป พระพุทธศาสนาจะไม่นับถือเจ้าเป็นฝออีกต่อไป”
เหล่าพระโพธิสัตว์กล่าวออกมา
ที่นี่เหลือต้าเต๋ออยู่เพียงผู้เดียว พวกเขาจึงคิดว่าสามเณรน้อยทำให้ทั้งสองคนรวมกันได้สำเร็จแล้ว
บทที่ 343
เดิมทีแล้วต้าเต๋อต้องการจะบอกว่าเขาสบายดี ส่วนสามเณรน้อยถูกทุบตีจนหนีไปแล้ว
แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เบื้องหน้าก็เข้าใจได้ในทันที
พระสังฆราชและพวกพระเวทโพธิสัตว์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมน่าเลื่อมใสโดยพลัน “อย่างไรกัน พวกเจ้าต้องการจะประกาศสงครามกับข้างั้นหรือ?“
“พุทธศาสนาเปี่ยมเมตตา ทว่าใจของเจ้าไร้ซึ่งเมตตา นับตั้งแต่นี้ศาสนาพุทธจะไม่มีนามของเจ้าอีกต่อไป”
“อมิตาภพุทธ พวกเราจะไม่ยอมรับเจ้าในฐานะกู่ฝออีกต่อไป เชิญเจ้าออกไปเถิด!”
พระสังฆราชและพวกพระเวทโพธิสัตว์กล่าวออกมา
ประกาศสงคราม?
จะให้สู้อย่างไรกัน...
พวกเขาไม่อาจเอาชนะได้กระทั่งร่างอวตารของสามเณรน้อย
แต่พวกเขาจะไม่มียอมด้วยเหตุผลนี้ ทั้งยังจะถึงขั้นแตกหักกับสามเณรน้อยอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาจะไม่มีทางยอมปล่อยผ่านเรื่องเลวร้ายของสามเณรน้อยไป
หากสามเณรน้อยไม่ยอมจากไป พวกเขาก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด สิ่งที่สามเณรน้อยกระทำลงไปทำให้พวกเขาผิดหวังเป็นอย่างมาก หัวใจของสามเณรน้อยเปลี่ยนไปจนทำให้สูญเสียหัวใจของกู่ฝอไปแล้ว
“เฮ้อ ผู้ใดกันจะสามารถเข้าใจความทุกข์ของข้าได้? ทั้งหมดที่ข้าทำก็ล้วนเพื่อประโยชน์ของพระพุทธศาสนา”
ต้าเต๋อส่ายหัว “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมรับ ก็ช่างมันไปเสียเถอะ แต่ก่อนจะจากไปพวกเจ้าต้องตอบรับคำขอของข้าหนึ่งอย่าง”
“คำขอใด?”
พวกพระสังฆราชขมวดคิ้ว
“มันไม่ใช่คำขอที่ยิ่งใหญ่ ข้าคิดดูแล้ว ก็พบว่าภายในเขาหลิงซานเต็มไปด้วยสุราชั้นดีมากมาย พวกเจ้าเพียงนำสุราเหล่านั้นมาให้ข้า จากนั้นข้าก็จะจากไป”
ต้าเต๋อกล่าวออกมา
“???”
บนใบหน้าพวกพระสังฆราชเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ต่างพากันพูดไม่ออก
หลังจากที่สามเณรน้อยหลอมรวมต้าเต๋อเข้าไปแล้ว เขาก็ได้รับอิทธิพลจากต้าเต๋อ จนชอบดื่มสุราด้วยหรือ?
ยอดเยี่ยมไปเลย ขนาดสามเณรน้อยยังได้รับอิทธิพลจากต้าเต๋อ!
พวกเขาทั้งหมดคิดขึ้นมาในใจ
การมอบสุราให้ไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ดื่มอยู่แล้ว เก็บเอาไว้ก็เสียเปล่า
เดิมทีสุราเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของพวกเขาแต่แรกอยู่แล้ว พวกมันล้วนได้รับมายามที่พวกเขาออกกำจัดภัยพาล เหตุที่ยังเก็บเอาไว้อยู่ก็เพราะสุราเหล่านี้ไม่ใช่สุราธรรมดา จะทิ้งไปก็เสียดาย
พระสังฆราชจึงออกคำสั่งให้นำสุราทั้งหมดในเขาหลิงซานออกมา
หลังจากต้าเต๋อได้เห็นสุรา เขาก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป หยิบสุราไหหนึ่งขึ้นมากระดกดื่มอึกใหญ่
“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก!”
ต้าเต๋อยิ้มกว้างจนตาหยี เขาคะนึงหาสุราเหล่านี้มานานแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้ดื่มมันเข้าปาก
ทว่าสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาพบว่าพวกพระสังฆราชต่างพากันมองมาที่เขาด้วยใบหน้าดุดัน!
แย่แล้ว เรื่องที่หลอกอีกฝ่ายถูกเปิดเผยแล้ว!
เขารีบเก็บเก็บสุราทั้งหมด ก่อนจะกล่าวออกมาพร้อมยิ้มเจื่อน “ข้าจะไปแล้ว!”
“จะไปไหน!”
“มาให้ข้าตีเสีย!”
พวกพระสังฆราชต่างก็มองออกแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่ใช่สามเณรน้อย
แต่เป็นต้าเต๋อ!
แม้สามเณรน้อยจะได้รับอิทธิพลจากต้าเต๋ออย่างไร ก็ไม่อาจเหมือนต้าเต๋อได้ประหนึ่งคนเดียวกัน!
ท่าทางการดื่มสุราเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นต้าเต๋อ!
และยังเห็นได้ชัดว่าต้าเต๋อหลอกพวกเขา!
พวกเขาจึงล้อมวงเข้าทุบตีต้าเต๋อในทันที
“ไร้เหตุผล ไร้เหตุผลกันเกินไปแล้ว พวกท่านคือพระสังฆราชกับพระโพธิสัตว์เชียวนะ! อ๊ะ จะตีก็ตีได้ แต่อย่าตีหน้าข้านะ หากหน้าข้าพังขึ้นมาจะทำเช่นไร!”
ต้าเต๋อร้องโหยหวนออกมาราวกับผีสาง
...
ณ แดนหยิน เหยียนโจว ภาคกลาง
พวกหลี่จิ่วเต้าเดินทางไปทั่ว เที่ยวชมเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของภูเขาอันเลื่องชื่อลูกแล้วลูกเล่า
ขณะเดียวกัน ผู้นำตระกูลหานพร้อมกับผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานและบรรพชนเผ่าฉงฉีก็เฝ้าแอบติดตามอย่างใกล้ชิด
พวกเขากำลังมองหาโอกาสยามที่หลี่จิ่วเต้าอยู่คนเดียว
แต่ไม่ว่าจะไปที่ใด หลี่จิ่วเต้าและคนอื่น ๆ ก็อยู่รวมกัน จนพวกเขาไม่มีโอกาสได้ลงมือ
ทว่าพวกเขาก็ยังคงอดทนเป็นอย่างมาก ไม่รีบร้อน
เป็นไปไม่ได้ที่พวกเซี่ยเหยียนจะอยู่กับหลี่จิ่วเต้าที่เป็นปุถุชนตลอดเวลา สุดท้ายแล้วพวกเขาจะต้องมีโอกาสในการลงมือ
หลังจากติดตามมาหลายวัน ในที่สุดพวกเขาก็สบโอกาส!
พวกหลี่จิ่วเต้าเดินทางมาถึงส่วนลึกของภูเขาแห่งหนึ่ง
พวกเขาต้องการที่จะล่าสัตว์
“ล่าสัตว์ในชิงซานจนเบื่อแล้ว วันนี้มาล่าสัตว์ในภาคกลางกัน”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ตอนนี้ข้าฝึกยิงธนูจนเก่งแล้ว คุณชายคอยดูให้ดี คราวนี้ข้าจะต้องล่าเหยื่อได้เยอะมากแน่ ๆ!”
เซี่ยเหยียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“แล้วคุณชายผู้นี้จะรอชม”
หลี่จิ่วเต้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบธนูคันยาวออกมา แล้วแยกย้ายกันไปทั่วส่วนลึกของภูเขาแห่งนี้
นี่นับเป็นเกมเล็ก ๆ ที่พวกเขาแข็งขันกันว่าใครจะสามารถล่าเหยื่อได้มากกว่า
คันธนูที่หลี่จิ่วเต้าถืออยู่นั้นไม่ใช่คันธนูของเขา
เขาไม่ได้พกคันธนูติดตัวมาด้วย นี่เป็นคันธนูที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมอบให้เขา
พวกเด็ก ๆ อย่างอ้ายฉานเองก็ไม่มีคันธนูของตัวเอง ทั้งหมดล้วนมาจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนผู้มีของสะสมมากมาย
เขาไม่ได้พาเจ้าแมวสีขาวตัวน้อยมาด้วย ถึงแม้การนำเจ้าแมวขาวตัวน้อยมาด้วยจะไม่สร้างปัญหา แต่ก็ส่งผลกระทบกับการล่าของเขาไม่มากก็น้อย
อย่างไรเสียเขาก็ไม่สามารถล่าเหยื่อแบบไม่สนใจเจ้าแมวขาวได้
เขาจึงทิ้งเจ้าแมวขาวตัวน้อยไว้ด้านในรถม้า
“ให้ข้าดูหน่อยว่าเหยื่อในภาคกลางจะมีสิ่งใดแตกต่าง”
เขายิ้มแล้วเดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ ภายในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังในการล่าครั้งนี้
นี่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาล่าสัตว์นอกชิงซาน
เขาชื่นชอบการล่าสัตว์เป็นอย่างมาก เมื่อตอนที่อยู่เมืองชิงซานเขาก็มักจะออกไปล่าสัตว์อยู่บ่อย ๆ
ภูเขาแห่งนี้เป็นเพียงภูเขาธรรมดา ไม่มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ มีแต่สัตว์ธรรมดาทั่วไป
ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่เสนอความคิดให้ล่าสัตว์ตอนที่มาถึงภูเขาแห่งนี้
...
บนเนินเขาไกลออกไป
“หลังจากติดตามมาหลายวัน ในที่สุดโอกาสก็มาถึงเสียที!”
ผู้นำตระกูลหานกล่าวออกมาด้วยดวงตาเป็นประกาย
ในที่สุดหลี่จิ่วเต้าก็แยกตัวออกมาจากพวกเซี่ยเหยียน สบโอกาสให้พวกเขาได้ลงมือแล้ว!
แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทันทีที่เขาพูดจบก็ถูกผู้อาวุโสสูงสุดตบจนล้มลงกับพื้นราวกับสุนัขตัวหนึ่ง
“!!!”
เขาทำอะไรถึงโดนตบอีกแล้ว?
ผู้นำตระกูลหานรู้สึกหดหู่ใจ ถ้าหากรู้ก่อนหน้านี้ เขาจะไม่เลือกเชิญผู้อาวุโสสูงสุดท่านนี้ออกมา!
เขาจะเลือกเชิญผู้อาวุโสสูงสุดท่านอื่นในตระกูลหานออกมา!
ไม่เชิญผู้อาวุสูงสุดที่มีนิสัยชอบตบคนอื่น!
“ก็รู้ดีว่าโอกาสมาถึงแล้วยังไม่ลงมืออีก หรือต้องการให้พวกข้าสองคนเป็นผู้ลงมือกัน?”
ผู้อาวุโสสูงสุดจ้องผู้นำตระกูลหานพลางคิดในใจว่าทำไมผู้นำตระกูลรุ่นนี้ถึงตาบอดเช่นนี้ แค่ปุถุชนคนเดียวจำเป็นต้องให้เขาหรือบรรพชนเผ่าฉงฉีออกโรง?
ตบเขาเพราะสาเหตุนี้?
ผู้นำตระกูลหานคับแค้นใจเป็นอย่างมาก
เขารำพึงออกมาในใจว่าไม่ได้ต้องการให้ท่านทั้งสองออกโรงเสียหน่อย แค่ปุถุชนเพียงผู้เดียว เขาสามารถจัดการเองได้
คราวหน้า...คราวหน้าเขาจะไม่มีทางออกมาทำสิ่งใดกับผู้อาวุโสสูงสุดท่านนี้อีกแล้ว!
เขาใกล้จะถูกผู้อาวุโสสูงสุดตีจนตายแล้ว!
เขากล่าวออกมาในใจด้วยความระทม ได้ออกมากับผู้อาวุโสสูงสุดท่านนี้ในครั้งนี้ เขาราวกับโชคร้ายยิ่ง
แต่แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา
“ข้าไป ข้าไปแล้ว! ข้าจะพาปุถุชนผู้นั้นมา!”
เขาเร่งรีบเอ่ยตอบรับ
“วางใจเจ้าได้ใช่หรือไม่?”
บรรพชนเผ่าฉงฉีมองไปทางผู้นำตระกูลหานที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “อย่าได้ทำพลาดในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้!”
เขายังจำค่ายกลอันไม่สามารถพึ่งพาของผู้อาวุโสสูงสุดได้ ในช่วงที่สำคัญกลับใช้งานไม่ได้ มาใช้งานได้อีกทียามที่ไม่จำเป็นต้องใช้!
แค่คิดขึ้นมาก็โทสะแล่นพล่านแล้ว!
“วางใจได้ จัดการกับปุถุชนผู้หนึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า!”
ผู้นำตระกูลเอ่ยขึ้นมาพร้อมตบอกด้วยความมั่นใจ
เขายังพูดเสริมขึ้นมาในใจอีกว่า ข้านั้นสามารถไว้ใจได้มากกว่าผู้อาวุโสสูงสุด!
บทที่ 344
ผู้นำตระกูลหานเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทว่าเขากลับถูกผู้อาวุโสสูงสุดตบอีกครั้งทันทีที่พูดจบ
“จัดการปุถุชนผู้นั้นย่อมไม่มีปัญหา แต่สหายเต๋าบอกให้เจ้าระวังไม่ให้ถูกพวกเซี่ยเหยียนพบตัวต่างหาก!”
ผู้อาวุโสสูงสุดจ้องไปทางผู้นำตระกูลแล้วกล่าวออกมา
ผู้นำตระกูลโกรธจนอึดอัดไปทั้งร่าง ทำไมเขาถึงเลือกเชิญผู้อาวุโสสูงสุดท่านนี้มาก เขา...แทบจะทนไม่ไหวแล้ว!
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าต้องระวังพวกเซี่ยเหยียนรู้ตัว!
เขาจากที่ตรงนั้นไปโดยไม่ได้พูดจาอะไรออกมาสักคำ
เขาเก็บซ่อนลมปราณไม่ให้รั่วไหลออกมา เนื่องจากเกรงว่าพวกเซี่ยเหยียนจะรับรู้ได้
“หวังว่าคนในตระกูลจะพึ่งพาได้ไม่เหมือนกับเจ้า หากกระทั่งจัดการปุถุชนผู้หนึ่งก็ยังมีปัญหา หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาพูดถึงความร่วมมือใด ๆ กับข้าอีกเลย!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีกล่าวกับผู้อาวุโสสูงสุดอย่างไม่อ้อมค้อม
“วางใจได้ วางใจได้ นี่เป็นถึงผู้นำของตระกูลพวกข้า ท่านรอคอยเขานำปุถุชนผู้นั้นมาให้ได้เลย”
ผู้อาวุโสสูงสุดพูดด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรเสีย เรื่องความผิดพลาดของค่ายกลสังหารก็ทำให้เขารู้สึกมีชนักติดหลัง ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพชนเผ่าฉงฉีเขาจึงไม่กล้าจะทำตัวแข็งกร้าว
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้แล้ว เขาคงไม่เอาแต่ตบผู้นำตระกูลเพื่อปกปิดอาการกินปูนร้อนท้อง
ผู้นำตระกูลไม่ได้ล่วงรู้ความคิดของผู้อาวุโสสูงสุด หากเขารู้ก็คงต้องการจะกล่าวออกมาว่า การตบเขาจะสามารถลบชนักติดหลังของท่านได้หรือ?
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น...”
บรรพชนเผ่าฉงฉีไม่ได้กล่าวอะไรขึ้นมาอีก
อีกด้านหนึ่ง ผู้นำตระกูลเข้าไปถึงยังส่วนลึกของภูเขาอย่างรวดเร็ว เขาเดินผ่านป่าแมกไม้จนมาถึงตำแหน่งที่หลี่จิ่วเต้าอยู่
“มากับข้า!”
เขามองไปที่หลี่จิ่วเต้า แล้วหยิบน้ำเต้าทองคำม่วงออกมาเปิดจุก
นี่เป็นอาวุธวิเศษณ์ที่ทรงพลังและมีระดับสูงเป็นอย่างมาก สามารถกักเก็บทุกสิ่งบนโลกได้!
เขาต้องการจะใช้น้ำเต้าทองคำม่วงเพื่อนำตัวหลี่จิ่วเต้าไปหาผู้อาวุโสสูงสุดและบรรพชนเผ่าฉงฉี
“หืม?”
หลี่จิ่วเต้าหันกลับมา ก็เห็นใครบางคนกำลังถือน้ำเต้าทองคำม่วงชี้มาทางเขา
“เจ้าพูดกับข้าอย่างงั้นหรือ?”
เขามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบผู้ใด ดูเหมือนว่าคนเบื้องหน้าจะกำลังพูดกับเขาอยู่
ผู้นำตระกูลคร้านจะพูดให้มากความกับปุถุชนจึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก
“เก็บ!”
เขากล่าวออกมาพร้อมกับชี้น้ำเต้าทองคำม่วงใส่หลี่จิ่วเต้า
ทว่าพริบตาต่อมาก็ต้อตะลึงงัน
???
สถานการณ์นี้มันอะไรกัน!
น้ำเต้าทองคำม่วงไม่มีการตอบสนอง?
“เก็บมาให้ข้า!”
เขาตะโกนออกมาอีกครั้ง พร้อมส่งพลังเข้าไปยังน้ำเต้าทองคำม่วง
ทว่าน้ำเต้าทองคำม่วงก็ยังคงไม่ตอบสนอง
ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียวคล้ำ
ให้ตายเถอะ! คำพูดของบรรพชนเผ่าฉงฉีเป็นลางจริง ๆ เขาเองก็ไม่สามารถพึ่งพาได้งั้นหรือ?
อ๊ะ ไม่สิ เป็นน้ำเต้าทองคำม่วงนี้ที่ไม่อาจพึ่งพาได้!
“สหาย ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่!?”
เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่จิ่วเต้าก็อดหัวเราะออกมาแบบหยุดไม่ได้
“เจ้าพยายามจะจับข้าใส่น้ำเต้างั้นหรือ ถ้าใช่ เจ้าก็ควรจะกล่าวว่า ‘ข้าเรียกเจ้า แล้วเจ้ากล้าตอบรับหรือไม่?’*[1]”
เขานึกถึงเรื่องไซอิ๋วที่เคยอ่านที่ดาวเคราะห์สีฟ้าขึ้นมา ด้านในนั้นมีฉากที่ราชาปีศาจเขาเงินใช้น้ำเต้าดูดซุนหงอคงเข้าไป
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ยิ่งขบขัน เขาหัวเราะออกมาจนตัวงอ
ข้า...!
ผู้นำตระกูลเห็นหลี่จิ่วเต้าหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ใบหน้าของเขาก็ดำคล้ำเสียยิ่งกว่าถ่าน
ข้า...ข้าถึงกับถูกปุถุชนผู้หนึ่งดูหมิ่น!!!
หัวใจกับปอดของเขาร้อนขึ้นจนแทบจะระเบิด!
เขาเป็นถึงผู้นำตระกูลเก่าแก่จากยุคโบราณกาล แม้กระทั่งนักบุญสมับโบราณยังไม่กล้าอวดดีต่อหน้าเขา ทว่าตอนนี้เขากลับถูกปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้าหัวเราะเยาะ เขาโกรธจนต้องการจะระเบิดออกมา!
“เก็บมาให้ข้า!”
เขาตะโกนออกมา แล้วกระตุ้นให้น้ำเต้าทองคำม่วงทำงานอีกครั้ง
หากน้ำเต้าทองคำม่วงยังไม่อาจพึ่งพาได้อีกรอบ เขาก็จะทุบมันทิ้ง!
ทว่าก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้น ก็มีเสียงดังปัง พร้อมน้ำเต้าทองคำม่วงที่ระเบิดออกทันที
น้ำเต้าทองคำม่วงไม่มีสติปัญญา จึงไม่อาจพูดได้ หากมันพูดได้แล้วล่ะก็…มันก็อยากจะกล่าวกับผู้นำตระกูลหานเสียจริง ว่าสุนัขเช่นเจ้ากลับสั่งให้ข้าไปจับท่านเซียน!!!
ผู้นำตระกูลหานถึงกับแสดงสีหน้าโง่งม สถานการณ์เช่นนี้มันคืออะไรกัน?
น้ำเต้าทองคำม่วงได้ยินเสียงในใจของข้าอย่างนั้นหรือ?
มันได้ยินเขากล่าวว่าน้ำเต้าทองคำม่วงพึ่งพาไม่ได้ แล้วก็พาลโกรธจนทำลายตัวเองหรือ?
“สหายท่านนี้ไม่จำเป็นต้องโกรธถึงขนาดนั้น ท่านทำน้ำเต้าระเบิดออกมาแล้ว”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะคิดมาอีกครั้ง ในใจคิดว่าคนคนนี้มาจากที่ใดกัน เหตุใดจึงน่าตลกถึงเพียงนี้!
“เจ้า เจ้า เจ้า!”
ผู้นำตระกูลกระทืบเท้าด้วยโทสะ เขาถูกปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้าหัวเราะเยาะอีกครั้งแล้ว!
“มาหัวเราะข้า เดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นดีแน่!”
เขาพูดขึ้นมาอย่างดุดัน แล้วเดินไปหาหลี่จิ่วเต้า
เขาไม่กล้าใช้พลังในร่างกายตนเอง เนื่องจากกลัวว่าพวกเซี่ยเหยียนจะสามารถสัมผัสได้
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้เขาต้องการจะใช้น้ำเต้าทองคำม่วงเพื่อจับหลี่จิ่วเต้า
น้ำเต้าทองคำม่วงนั้นพิเศษเป็นอย่างมาก มันไม่ทำให้เกิดความผันผวนของพลังใด ๆ เมื่อใช้งาน ทั้งยังดูผิวเผินแล้วดูไม่เหมือนเป็นอาวุธวิเศษอันทรงพลัง
นี่นับว่าเป็นไพ่ตายขึ้นหนึ่งของเขาก็ว่าได้ มันเคยช่วยเขาจัดการกับผู้แข็งแกร่งมาไม่น้อย
ผู้ที่สร้างน้ำเต้าทองคำม่วงขึ้นมาต้องการทำให้มันเป็นอาวุธลับ สามารถหลอกจับคนใส่เข้าไปในน้ำเต้าได้โดยไม่ทันตั้งตัว
ตอนที่ตระกูลหานได้รับน้ำเต้าทองคำม่วงมาก็เกือบจะพลาดมันไป น้ำเต้าทองคำม่วงในยามนั้นถูกวางสุ่ม ๆ ไว้บนแผงลอยบนถนน และถูกขายราวกับเป็นสมบัติไร้ค้าชิ้นหนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะบรรพชนตระกูลหานมีดวงตาเทพมารบรรพกาล และได้ฝึกฝนเนตรเทพเจ้าจนมองออกถึงความพิเศษของน้ำเต้าทองคำม่วง คงจะพลาดไปครั้งใหญ่
ทว่าสิ่งที่ผู้นำตระกูลไม่ได้คาดคิดก็คือ น้ำเต้าทองคำม่วงกลับไม่อาจพึ่งพาได้ในเวลาเช่นนี้ ทำให้สุดท้ายแล้วเขาต้องเป็นฝ่ายลงมือด้วยตัวเอง!
เป็นไปได้หรือไม่ว่า น้ำเต้าทองคำม่วงจะอยู่มานานเกินไป ด้านในผุพังไปหมดแล้ว จึงได้ระเบิดออกมาทันทีที่ใช้?
ช่างมันเถอะ ตอนนี้เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ
สิ่งเดียวที่ต้องทำมีแค่จัดการปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้า!
เพื่อจัดการกับหลี่จิ่วเต้าที่เป็นปุถุชน เกรงว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องใช้พลังออกมาเสียด้วยซ้ำ!
แม้ว่าเขาจะยังไม่กลายเป็นนักบุญ แต่ก็อยู่ห่างออกไปเพียงแค่เก้าเดียว ถือได้ว่าเป็นกึ่งนักบุญ!
ด้วยความแข็งแกร่งของสังขาร เขาสามารถสังหารได้กระทั่งขั้นจ้าวเทวา นับประสาอะไรกับปุถุชนผู้หนึ่งเช่นหลี่จิ่วเต้า!
“สหายต้องการจะทำสิ่งใด?”
หลี่จิ่วเต้าหุบรอยยิ้ม มองผู้นำตระกูลด้วยความระมัดระวัง “เจ้าอย่ามาหาเรื่อง ข้าเองก็แข็งแกร่งมาก!”
อย่ามองว่าเขาสุภาพและมีมารยาทเหมือนบัณฑิตแสนอ่อนแอ ร่างกายของเขานั้นแข็งแรงมาก!
เขาฝึกฝนทักษะการต่อสู้มาอย่างเต็มที่ สามารถเผชิญหน้ากับชายฉกรรจ์กว่าสิบคนได้อย่างง่ายดายโดยปราศจากแรงกดดัน
แข็งแกร่ง?
แข็งแกร่งบ้านเจ้าสิ!
เจ้าเป็นแค่ปุถุชนจะสามารถแข็งแกร่งกว่ากึ่งนักบุญอย่างข้าได้อย่างไร?
ผู้นำตระกูลหานเหยียดหยาม หากไม่ใช่เพราะหลี่จิ่วเต้าไปมีส่วนข้องเกี่ยวกับพวกเซี่ยเหยียน เขาจะมาข้องแวะกับหลี่จิ่วเต้าทำไม?
ต่อหน้ากึ่งนักบุญเช่นเขา ปุถุชนไม่อาจเป็นได้กระทั่งมดปลวก!
“ข้าจะบดขยี้แขนขาอันบอบบางของเจ้าเสีย!”
ผู้นำตระกูลหัวเราะเยาะเย้ย
[1] ข้าเรียกเจ้า แล้วเจ้ากล้าตอบรับหรือไม่? (我叫你一声,你敢答应吗?) มาจากเรื่องไซอิ๋ว ที่ได้กล่าวถึงน้ำเต้าไว้ว่าเป็นอาวุธวิเศษชนิดหนึ่งที่สามารถดูดเอาคนที่ขานรับคำเรียกเข้าไปขังไว้ได้
บทที่ 345
ผู้นำตระกูลก้าวไปหาหลี่จิ่วเต้าทีละก้าว เขาหักข้อนิ้วเสียงดัง ‘กร๊อบ’
เขานึกขันตัวเองด้วยซ้ำที่วันหนึ่งต้องลงไม้ลงมือกับปุถุชน…
“ข้าขอเตือนเจ้า อย่าเข้ามา มิฉะนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเอง!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยต่อผู้นำตระกูลด้วยท่าทางเคร่งขรึม ฝ่ามือข้างหนึ่งผายออก
รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเองอย่างนั้นหรือ?
รับผิดชอบกับผีน่ะสิ!
ถึงแม้ผู้นำตระกูลจะหัวเราะในใจไม่หยุดจวบจนบัดนี้ หลี่จิ่วเต้าที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้เผชิญหน้ากับคนระดับใด ถึงกับบอกเขาว่ารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเอง…
น่าขัน น่าขันยิ่ง!
เขาขี้เกียจพูดอะไรไปมากกว่านี้ ฝ่ามือข้างหนึ่งคว้าออกไปหาหลี่จิ่วเต้า
ทว่าเรื่องที่เขาไม่คิดไม่ฝันคือ หลี่จิ่วเต้าปราดเปรียวจนน่ากลัว พริบตาเดียวก็ใช้มือข้างหนึ่งจับข้อมือเขาไว้ จากนั้น เขารู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ถ่ายเทเข้ามา ตัวเขาถูกหลี่จิ่วเต้ากระชากไปทั้งอย่างนั้น!
ตึง!
หลี่จิ่วเต้าลงมือฉับไว พริบตาที่ลากผู้นำตระกูลเข้ามา มืออีกข้างของเขากำหมัดแน่น กระหน่ำใส่ตัวผู้นำตระกูลจนแทบหาไม่
ลมหายใจถัดมา ร่างของผู้นำตระกูลปลิวออกไป ปากกระอักเลือดไม่หยุด แล้วร่างก็กระแทกลงอีกด้านอย่างแรง
ผู้นำตระกูลงุนงงไปหมด สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ไฉนเขาถึง…แข็งแกร่งปานนี้!?
พลังกายเนื้อแกร่งกล้าของเขาราวกับไม่มีอยู่จริงเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า พลังของหลี่จิ่วเต้าเหนือกว่าเขาไม่รู้กี่เท่าตัว!
“ข้าเตือนเจ้าแล้ว ข้าทรงพลังมาก คนเราอย่าดูเพียงเปลือกนอก ขอตัว…”
หลี่จิ่วเต้าสะบัดมือไล่เศษฝุ่น ก่อนจะหมุนกายไปจากที่นี่
บนพื้น ผู้นำตระกูลหวาดผวาเหลือแสน
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความตาย!
ภายในกายของเขา มีพลังสุดสยองกำลังหลอมรวม เขาใกล้จะถูกพลังนี้คร่าชีวิตไป
ช่างเป็นพลังอันน่าหวาดหวั่นเสียนี่กระไร
เขาไม่รู้ว่าต้องอธิบายด้วยถ้อยคำใด!
ต่อให้เป็นพลังของผู้อาวุโสสูงสุดในตระกูลเขา เมื่อเผชิญกับพลังน่าหวาดหวั่นนี้ก็เทียบไม่ได้เลย ไม่ถึงหนึ่งในพันในหมื่นด้วยซ้ำ!
เขาชาไปทั้งหนังศีรษะ สายตาเจือแววสิ้นหวัง
ก่อนนี้เขายังหัวเราะเยาะปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้าว่าไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้ว่าตนเองได้เผชิญกับตัวตนน่าสยดสยองปานใด
ทว่าเขาต่างหากคือฝ่ายที่ไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้ว่าตนเองได้เผชิญกับตัวตนน่าสยดสยองปานใด!
หลี่จิ่วเต้าใช่ปุถุชนที่ไหน เขาคือผู้มีพลังสูงส่งเหนือจินตนาการต่างหาก เกรงว่าพลังในกายเขาเหนือกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิขึ้นไปอีก!
บัดนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเมื่อครู่เหตุใดน้ำเต้าทองคำม่วงถึงสิ้นฤทธิ์ ซ้ำยังระเบิดตนเองอีกด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหลี่จิ่วเต้า!
หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งจนเกินหยั่ง!
เวลานี้ เขานึกถึงค่ายกลสังหารที่สิ้นฤทธิ์ในนาทีสำคัญ
มิใช่ว่าผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้เรื่อง แต่หลี่จิ่วเต้านั้นน่ากลัวเกินไป!
ที่ค่ายกลสังหารสิ้นฤทธิ์ต้องเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้าแน่!
เขาหัวเราะฝืดเฝื่อน หนนี้พวกเขาพลาดจนเกินควร
พวกเขาเข้าใจว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นปุถุชน จัดการได้ง่ายที่สุด แท้จริงแล้วหลี่จิ่วเต้าต่างหากคือผู้ที่สยดสยองที่สุดในบรรดากลุ่มของเซี่ยเหยียน!
“ก้าวแรกผิดย่อมผิดทุกก้าว!”
เขาสำนึกเสียใจเหลือคณา หากรู้อย่างนี้แต่แรก เขาไม่ควรมีใจเป็นอื่นเลย
ตอนนี้สิดี เขาไม่เพียงแต่ต้องตาย ยังสร้างหายนะแก่ตระกูลหานอย่างที่จินตนาการไม่ถึง!
ทว่าบัดนี้พูดอะไรก็สายเกินไปแล้ว
เมื่อต้องเผชิญกับพลังในกายเขา เขาไม่มีความสามารถพอจะต้านทานสักนิด พลังในกายเขาระเบิด กายเนื้อของเขากลายเป็นหมอกโลหิตในบัดดล แม้กระทั่งดวงวิญญาณยังถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง!
เขาสิ้นชีพลงในที่แห่งนี้อย่างสมบูรณ์!
ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย หมอกโลหิตที่เกิดจากการระเบิดก็จางหาย
อีกด้าน ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานและบรรพชนแห่งเผ่าฉงฉีรอแล้วรอเล่า รอเท่าไรผู้นำตระกูลหานก็กลับไม่ถึงเสียที
“ตระกูลพวกเจ้าสืบสานกันมาได้อย่างไร แต่ละคนไม่ได้เรื่องเลย ผู้นำตระกูลก็เป็นคนไม่เข้าท่าเช่นนี้ด้วยรึ!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีหน้าดำคร่ำเครียดราวถ่าน ชี้หน้าด่าผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหาน
มันโมโหมาก โมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว
มีแต่คนอะไรกันนี่ ผ่านไปเนิ่นนานเพียงนี้ ยังจัดการปุถุชนคนหนึ่งไม่ได้หรือ!
มันรู้สึกว่าตนนั้นอับโชคถึงขีดสุด ถึงได้เลือกร่วมมือกับคนเยี่ยงนี้!
ต่อให้มันลุยเดี่ยว ป่านนี้ก็คงลุล่วงแล้วกระมัง!
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้นำตระกูลของพวกเราตระกูลหาน ช่วยมั่นใจกว่านี้หน่อยเถิด อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานปั้นหน้ายิ้ม
ทว่าในใจก่นด่าผู้นำตระกูลจนไม่เหลือชิ้นดี
คนอะไรกันนี่ เป็นถึงผู้นำของตระกูล จัดการแค่ปุถุชนคนหนึ่งยังชักช้าเยี่ยงนี้ ป่านนี้แล้วยังไม่สำเร็จอีก!
คนผู้นี้ไม่เข้าท่ากว่าเขาเสียอีก!
พวกเขาไม่รู้ว่าผู้นำตระกูลตายไปแล้ว
เพื่อความปลอดภัย พวกเขามิได้ใช้ประสาทสัมผัสจ้าวสูงสุดตรวจสอบสถานการณ์ในเขา ด้วยกลัวว่าพวกเซี่ยเหยียนจะรู้ตัว
“นี่หรือใกล้กลับมาแล้วที่เจ้าว่า?”
บรรพชนเผ่าฉงฉีหน้าเครียดกว่าเดิม พวกเขารอกันมาอีกพักหนึ่ง ทว่าผู้นำตระกูลหานกลับไม่โผล่มาแม้แต่เงา
“เผลอหลับไปกระมัง…”
“อะไรนะ!?”
บรรพชนเผ่าฉงฉีได้ยินคำตอบของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานแล้วพลันเดือดดาลจนเด้งตัวขึ้นมา
ยังมีกะจิตกะใจเล่นลิ้นกับมันอยู่หรือ!?
ดวงตาของมันจ้องผู้อาวุโสสูงสุดอย่างกราดเกรี้ยว สงสัยเหลือเกินว่าผู้อาวุโสสูงสุดปั่นหัวมันเล่น
“หามิได้ ข้าพูดผิดไป ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น!”
ผู้อาวุโสสูงสุดตอบด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“เหตุใดข้าถึงโชคร้ายเยี่ยงนี้ ต้องมาพานพบพวกเจ้าสองคน!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีโมโหเป็นหนักหนา ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้นำเผ่าตระกูลหานไม่ได้เรื่องเลยสักนิด!
มันอยากจะไปเสียเดี๋ยวนี้ ไม่สนเรื่องวุ่น ๆ นี้อีกต่อไป ทว่าเพื่ออนาคตของเผ่าฉงฉี มันยังไปมิได้
ท้ายที่สุด สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนก็ต้องลงมายังอาณาจักรแห่งนี้ รอจนสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนมาถึงแล้วพวกมันค่อยสวามิภักดิ์ไม่แน่ว่าสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจะยอมรับพวกเขาหรือไม่
“ไม่สำเร็จหรือ?”
ผู้อาวุโสสูงสุดชะงัก เพราะเห็นร่างของหลี่จิ่วเต้า ชายหนุ่มเดินออกจากหุบเขาลึกมาแล้ว และกลับไปถึงรถลากเรียบร้อย
จากนั้น พวกเซี่ยเหยียนก็ทยอยกลับมากันหมด
“เป็นไปได้อย่างไร”
เขาไม่อยากเชื่อ ผู้นำตระกูลจะห่วยปานใดก็ไม่มีทางจัดการปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้าไม่ได้!
“พลาดแล้ว เกรงว่าคนผู้นี้จะมิใช่ปุถุชน!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีหรี่ตา “เกรงว่าพลังของคนผู้นี้แข็งแกร่งเหลือแสน ผู้นำตระกูลคงประสบเคราะห์ร้ายไปแล้ว!”
เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้นำตระกูลไม่ยอมกลับมาเสียที
กลับมามองฝ่ายหลี่จิ่วเต้า ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้ามิใช่ปุถุชน เขาคงซ่อนพลังขอบเขตไว้ ผู้นำตระกูลคิดลงมือกับหลี่จิ่วเต้า แต่โดนชายหนุ่มเล่นงานกลับ
“ก่อนนี้ไม่มีวี่แววการต่อสู้ปรากฏ พลังของคนผู้นี้คงเหนือกว่าผู้นำตระกูลหลายเท่าตัว!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีมีสีหน้าเคร่งเครียด “แม้แต่พวกเราเองยังไม่อาจล่วงรู้ถึงพลังขอบเขตของเขา อย่างน้อย ๆ คนผู้นี้ต้องเป็นถึงจ้าวสูงสุด!”