336-340

บทที่ 336
ภายในวิหารต้าสยง สามเณรน้อยนั่งอยู่บนอาสนะ ท่าทางน่าเกรงขาม เขามีลักษณะผ่องแผ้วบริสุทธิ์ คล้ายกับพระอรหันต์รูปหนึ่งได้นั่งอยู่ตรงนั้นจริง ๆ


“อมิตาภพุทธ”


เขาท่องพระนาม ความเป็นพุทธะไหลเวียนอยู่รอบตัว ไม่ธรรมดาจริง ๆ อายุแค่เจ็ดแปดขวบก็มีความเป็นอรหันต์เสียแล้ว


“ข้าคือพระเก้าประทีปพุทธเจ้าแห่งยุคโบราณ”


เขาปริปากบอก


“พระเก้าประทีปพุทธเจ้ารึ? เจ้าปากกล้ายิ่งกว่าข้าเสียอีก!”


ต้าเต๋อมุมปากกระตุก “หากเจ้าใช้วจีเช่นนี้ ข้าบอกว่าข้าเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังได้!”


เขาได้รับขนานนามว่าเป็นพุทธบุตรกลับชาติมาเกิด กระนั้นเขายังมิกล้าบอกว่าตนคือ พระเก้าประทีปพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด


ให้ตายสิ พระเก้าประทีปพุทธเจ้าคือพระโบราณองค์หนึ่งที่รุ่งเรืองเจิดจรัสที่สุดในพุทธศาสนา ความบรรลุธรรมด้อยกว่าเพียงพระอมิตาภะพุทธเจ้าเท่านั้น!


สามเณรน้อยหัวเราะเบา ๆ “ใช่ว่าเจ้าไม่อาจเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้าเสียหน่อย”


“หมายความว่าอย่างไร”


ต้าเต๋อขมวดคิ้วเป็นปม สามเณรน้อยผู้นี้แฝงความพิลึกไปทั้งตัว


โดยเฉพาะวาจาที่เอื้อนเอ่ยชวนขนลุกขนพอง จนเขาอดผวามิได้


“เจ้ากับข้าเป็นหนึ่งเดียว เราสองรวมร่างเมื่อใด ข้าจักกลับมามีร่างสมบูรณ์อีกครั้ง ถึงครานั้น ข้าจักเจิดจรัส ฟื้นฟูความรุ่งเรืองขึ้นได้ใหม่”


สามเณรน้อยหัวเราะเบา ๆ “ข้าจักกลายเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้าแห่งยุคนี้ หรืออาจเป็นตัวตนที่เหนือพระอมิตาภะพุทธเจ้าขึ้นไปอีก”


“หมายความว่าอย่างไรที่ว่าเราสองรวมร่าง เจ้าพูดมาให้ชัด!”


ต้าเต๋อจ้องสามเณรน้อยเขม็ง ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจ


“พุทธศาสนาของเรายึดถือเรื่องโลกหน้า เหตุแห่งการกระทำในโลกนี้ คือผลของการกระทำในโลกหน้า”


สามเณรน้อยกล่าว “ทว่าโลกหน้าที่ว่าเคยปรากฏออกมาหรือ โลกหน้าเป็นเพียงความเพ้อฝันของเราเท่านั้น เป็นเป้าหมายให้เราต่อสู้เพื่อมัน”


เขากล่าวต่อ “หนทางบรรลุเซียนลำเค็ญ นิรันดรยากรั้ง หากมีโลกหน้าจริง พวกเราก็สามารถฝึกฝนบำเพ็ญต่อไปภพแล้วภพเล่าอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงมีคำล่าวว่าหนทางบรรลุเซียนลำเค็ญ นิรันดรยากรั้ง…”


หลังได้ยินวาจาของสามเณรน้อย สีหน้าต้าเต๋อพิลึกขึ้นไปอีก


เขาจ้องสามเณรน้อยขณะเอ่ย “เจ้าเล่นตลกกระไร เจ้าคิดจะล้มล้างสัจธรรมของพระอมิตาภะพุทธเจ้าหรือ เจ้านี่ไม่ได้เรื่องยิ่งกว่าข้าจริงด้วย!”


เหตุในโลกนี้ ผลในโลกหน้า


นี่คือหลักธรรมของพระอมิตาภะพุทธเจ้า


พุทธศาสนาเชื่อมั่นแน่วแน่ว่าโลกหน้ามีจริง


เพียงแต่ผลในโลกหน้ายังไม่เบ่งบานเท่านั้น


ต่อให้เขาไม่รักษาศีลของศาสนาปานใด แต่ในข้อนี้ เขามิกล้าสามหาว นั่นถือเป็นการลบหลู่พระอมิตาภะพุทธเจ้า!


“ล้มล้างสัจธรรมหรือ?”


สามเณรกล่าว “หามิได้ ข้าเพียงแต่บอกเล่าข้อเท็จจริงเท่านั้น โลกหน้าคือปณิธานที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าตั้งไว้ เขาหวังให้สรรพชีวิตในโลกนี้มีโลกหน้ากันหมด และสานต่อเหตุในโลกนี้ต่อไป”


จากนั้น เขาเอ่ยขึ้นอีก “พระอมิตาภะพุทธเจ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคอย่างแท้จริง ที่พุทธศาสนายิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ ล้วนเป็นเพราะพระอมิตาภะพุทธเจ้า”


เขามองต้าเต๋อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดพุทธศาสนาถึงสมัครสมาน ปรองดองเป็นเอกภาพเยี่ยงนี้ ในใต้หล้าผืนนี้มีสำนักฝึกตนใดทำได้ดั่งพุทธศาสนาบ้าง บนดินแดนแห่งนี้ ทุกชีวิตล้วนศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่มีผู้ใดบำเพ็ญวิถีอื่น”


ต้าเต๋อมิได้พูดจา ฟังสามเณรน้อยเล่าต่อไป


เห็นเขาอยู่ในพุทธศาสนามาตั้งแต่เล็กแบบนี้ ซ้ำยังมีสถานะสูงส่ง กระนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดพุทธศาสนาถึงเป็นเอกภาพได้ถึงเพียงนี้ ทั่วทั้งดินแดนฝอล้วนบำเพ็ญธรรม มิมีผู้ใดฝึกตนในวิถีอื่น


“นั่นเพราะบำเพ็ญธรรมต่างจากการฝึกตนในวิถีอื่น”


สามเณรน้อยกล่าว “การบำเพ็ญธรรม สร้างประโยชน์แก่คนทั้งปวง ต่อให้เป็นปุถุชนผู้ไร้พรสวรรค์ฝึกฝน เมื่อศรัทธาในพุทธศาสนาแล้วยังได้รับประโยชน์ใหญ่หลวง ช่วยให้ชีวิตยืนยาว สุขภาพแข็งแรง เพิ่มวาสนา ลดทุกข์ภัย”


ต้าเต๋อใคร่ครวญดูแล้ว เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง


ภายในดินแดนฝอนี้น้อยนักจะเกิดเภทภัย สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนร่มเย็นเป็นสุข เทียบกับดินแดนฮวงและดินแดนหยินแล้ว ดินแดนฝอเหมือนเป็นแดนสุขาวดี


“นี่คือความยิ่งใหญ่และความเหนือชั้นของพระอมิตาภะพุทธเจ้า!”


สามเณรน้อยมีสายตานับถือ “พระอมิตาภะพุทธเจ้าสร้างพลังความศรัทธาขึ้นมา ผู้ใดเลื่อมใสในพุทธศาสนา จักก่อกำเนิดพลังความศรัทธา พลังความศรัทธานั้นเป็นการให้และรับทั้งสองฝ่าย ผู้ศรัทธาจักได้ประโยชน์มหาศาลจากพลังนี้เช่นกัน”


“พลังความศรัทธา?”


ต้าเต๋อขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้ยินคำนี้


“ปุถุชนยังได้รับประโยชน์มหาศาลจากพลังความศรัทธา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตน ประโยชน์ที่เกิดแก่ผู้ฝึกคนนั้นใหญ่หลวงยิ่งกว่า ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝน ช่วยยกระดับความสามารถในการตื่นรู้ เมื่อบรรลุไปจนถึงขอบเขตสูงขึ้น กลายเป็นผู้ที่มีสาวกศรัทธาแล้ว ข้อดียิ่งมีมากขึ้นไปอีก!”


สามเณรน้อยเอ่ย “นี่เห็นเหตุผลที่ผู้ฝึกตนวิถีอื่นมากมายเต็มใจผันตัวมาบำเพ็ญธรรม”


เขาว่าต่อ “ธรรมมะปราศจากความเห็นแก่ตัว ร่วมปันผลประโยชน์ เพื่อให้ได้กลายเป็นผู้ได้รับความศรัทธา เมื่อได้รับพลังความศรัทธาแล้วจักได้รับประโยชน์มากขึ้น มิหนำซ้ำคนเหล่านี้ยังทำบุญทำทานอยู่บ่อย ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความศรัทธาจากผู้อื่น จนกลายเป็นวัฏจักรอันดี ช่วยให้พุทธศาสนาเป็นเอกภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีสาวกมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย”


เป็นเช่นนี้นี่เอง!


หลังได้ยินสิ่งที่สามเณรน้อยบอกแล้ว ต้าเต๋อถึงเข้าใจว่าเหตุใดพุทธศาสนาถึงสมัครสมานถึงเพียงนี้


พลังความศรัทธาสร้างผลประโยชน์ให้ทั้งสองฝ่าย นับเป็นวัฏจักรอันดีงามจริง ๆ พระอมิตาภะพุทธเจ้าคือคนยิ่งใหญ่แห่งยุคที่แท้จริง สมควรแก่การเคารพนับถือ


ทว่าเรื่องเหล่านี้เกี่ยวอันใดกับเขา?


“เจ้าพูดเรื่องโลกหน้า แล้วยังพูดเรื่องพลังความศรัทธา เจ้าต้องการบอกสิ่งใดแก่ข้ากันแน่”


ต้าเต๋อมองสามเณรน้อยขณะเอ่ย


“สิ่งที่ข้าต้องการบอกเจ้าคือ ข้าทำสำเร็จ ตรัสรู้ถึงความประเสริฐของพลังความศรัทธา นิพพานได้อย่างแท้จริง เวียนว่ายตายเกิดภพแล้วภพเล่า และได้เกิดในโลกหน้า!”


สามเณรน้อยมองต้าเต๋อพลางกล่าว “เจ้ากับข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นผลในโลกหน้า!”


“เวียนว่ายตายเกิดภพแล้วภพเล่าตั้งแต่ยุคโบราณมาจนถึงยุคนี้หรือ!?”


ต้าเต๋อสูดปาก หากเป็นเรื่องจริง สามเณรน้อยตรงหน้าก็สะท้านโลกันตร์ยิ่ง!


ยุคโบราณผ่านมาแล้วนานปานใด ห่างกันถึงสองยุคสมัยเต็ม ๆ!


ยุคสมัยถัดจากยุคโบราณคือยุคบรรพกาล และยุคอนันตกาล!


นอกจากนี้ หากสามเณรน้อยผู้นี้คือพระเก้าประทีปพุทธเจ้าจริง ๆ ก็มิใช่แค่สองยุคสมัยแล้ว!


พระเก้าประทีปพุทธเจ้าคือตัวตนในช่วงต้นของยุคโบราณ


เท่านี้นับว่าอยู่มาแล้วสามยุคสมัย!


สามยุคสมัย!


เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด!


หนึ่งยุคสมัยเป็นเวลานานเพียงใด!?


ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิชั้นยอดที่ได้กินโอสถจักรพรรดิทั้งสิบในตำนาน ยืดอายุขัยออกไปอีกหกชาติ ก็มีชีวิตเป็นเวลาเพียงหนึ่งในสามของยุคสมัย!


นี่หรือคือความน่าพรั่นพรึงของพลังความศรัทธา?


เขาชาหนึบไปทั้งศีรษะ!


“อนิจจา พลังความศรัทธาลึกล้ำยิ่งใหญ่เกินไป แม้นข้านิพพานจนได้เกิดใหม่ กระนั้นยังมีจุดด่างพร้อยอยู่มาก ในระหว่างการเวียนว่ายตายเกิดภพแล้วภพเล่า ข้ามิได้ตื่นรู้ในความทรงจำของชาติก่อน มิได้ผสานเป็นหนึ่งอย่างแท้จริง”


สามเณรน้อยมองต้าเต๋อ “จวบจนชาตินี้ ข้าถึงสามารถผสานเป็นหนึ่งได้อย่างแท้จริง ประสบการณ์ในชาติก่อนพรั่งพรูกลับมา จนเกิดการตื่นรู้”


เขาเอ่ยต่อ “หลังกลับมาแล้วข้าพบว่าท้ายที่สุดก็เกิดปัญหาจนได้ หนึ่งในดวงจิตของข้าแยกจากข้า เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า! นั่นคือดวงจิตมุ่งร้ายหนึ่งในใจข้า”


“หมายความว่าอย่างไร ข้าคือดวงจิตนั้นของเจ้าหรือ?”


ต้าเต๋อไม่อยากเชื่อ เขามิใช่ตัวเขาเอง หากแต่เป็น…ผู้อื่น?


ซ้ำยังเป็นดวงจิตมุ่งร้ายอีกด้วย???


“คนทุกผู้ล้วนมีสองด้าน ด้านหนึ่งดี ด้านหนึ่งร้าย ข้าไม่เคยคิดว่าดวงจิตสองฝ่ายนี้ของข้าจะแยกจากกันระหว่างนิพพานเวียนว่ายตายเกิด”


สามเณรน้อยเอ่ย “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุและแผล ล้วนเป็นการแฝงนัยยะบางอย่าง ที่เจ้ากับข้าปรากฏตัวในพุทธศาสนายุคนี้พร้อมกันคือนัยนั้น นัยที่บอกว่าข้าจักได้ผสานเป็นหนึ่งอย่างแท้จริง!”


จากนั้น แสงพุทธะเพิ่มพูนเจิดจ้าออกจากตัวเขา นิมิตพุทธภูมิปรากฏขึ้นด้านหลังอีกครั้ง


“แม้เจ้าคือจิตมุ่งร้ายของข้า กระนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของข้าที่ไม่อาจตัด บัดนี้ทุกอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว กลับมาเสีย!”


เขาตวาดลั่น หมายจะให้ต้าเต๋อหวนคืน

บทที่ 337
สามเณรน้อยเคร่งขรึม ประกายพุทธะล้อมรอบทั้งตัว ตัวเขานั้นเจิดจ้าเกินไป บารมีน่าเกรงขาม


ด้านหลังของเขา นิมิตพุทธภูมิปรากฏ สิ่งมีชีวิตภายในนั้นท่องบทสวดมนต์ไม่หยุด พลังมวลแล้วมวลเล่าพวยพุ่งออกจากนิมิตพุทธภูมิ ผสานเข้ากับร่างของสามเณรน้อย


เขาแลดูน่าทึ่งขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายว่าเป็นพระเถระรูปใหญ่รูปหนึ่ง


“หวนคืน?”


ต้าเต๋อสีหน้าประหลาด สายตามองสามเณร มิเกรงกลัวบารมีพุทธะแกร่งกล้าที่สามเณรน้อยเเปล่งออกมา


หากผสานเป็นหนึ่งแล้ว เขายังเป็นตัวเขาอยู่หรือ


จิตสำนึกของเขากับสามเณรน้อยอยู่ร่วมกัน หรือจิตสำนึกของเขาต้องหายไป?


“เดิมเจ้าคือดวงจิตของข้า ย่อมต้องหวนคืน!”


สามเณรน้อยตะคอกเสียงเบา ประกายพุทธะตามตัวเจิดจรัสขึ้นเรื่อย ๆ


เขานึกประหลาดใจ เหตุใดบารมีพุทธะของเขาไม่ส่งผลกับต้าเต๋อ


เหตุใดต้าเต๋อถึงไม่เป็นอะไรเลย?


“ไปตายให้หนอนไชไป๊!”


ต้าเต๋อก่นด่าอย่างไม่พอใจ “เจ้าว่าใช่ก็ใช่รึ ข้าอยากบอกว่าเจ้าคือจิตของข้าเหมือนกัน ข้าคือฝ่ายดี เจ้าคือฝ่ายชั่วเหมือนกัน!”


เขารู้สึกว่าถ้าได้ผสานกันแล้ว เขาคง…หายไปจากโลกนี้!


ไฉนเลยเขาจะยอมตกลง!


ต่อให้สามเณรน้อยมีเหตุผลทุกถ้อยคำก็ตาม


“ล่วงรู้ความจริงของอดีตชาติที่ผ่านมาแล้ว เจ้ายังดื้อรั้นไม่ยอมฟังอยู่อีกหรือ!?”


สามเณรน้อยตวาด ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา กลายเป็นพระเถระรูปใหญ่อย่างแท้จริง ดุดันประดุจพระอจลนาถวิทยราชา บารมีพวยพุ่ง


“เจ้าขู่ข้าไม่ได้หรอก!”


ต้าเต๋อแค่นเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้ากล่าวหาว่าข้าชั่ว ข้าจักชั่วให้เจ้าดู วันนี้ ข้าขอขจัดความดีเช่นเจ้าให้สิ้นซาก!”


เขาลงมือทันที ฟาดฝ่ามือใส่สามเณรน้อยกลางอากาศ


น่าเสียดาย พลังของทั้งสองห่างชั้นกันมาก ฝ่ามือของสามเณรน้อยจุติลงมาราวกับผืนฟ้าใกล้ถล่ม พลังที่ต้าเต๋อปะทุออกมาถูกทำลายราบคาบในพริบตา ตัวเขาก็ถูกกดแนบกับพื้นด้วย


ต้าเต๋อดิ้นรน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลุดออกจากฝ่ามือของสามเณรน้อย


“พลังปราณระดับจ้าวสูงสุด!”


ต้าเต๋อสั่นสะท้าน อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าสามเณรน้อยจะน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ เป็นถึงจ้าวสูงสุดเลยหรือนี่!


มิน่า เขาถึงมิใช่คู่ต่อสู้


เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ได้เยี่ยงไร?


เขาเพิ่งอยู่ขอบเขตพรตเต๋าเท่านั้น!


ห่างจากขอบเขตจ้าวสูงสุดมากโข!


“อมิตาภพุทธ!”


สามเณรน้อยท่องพระนาม ปางของเขาเคร่งขรึมน่ายำเกรงถึงขีดสุด “ข้าบรรลุอรหันต์ได้นานแล้ว สามารถตัดกิเลสตัณหาความชั่วร้ายทั้งปวงในใจ คิดไม่ถึงว่าระหว่างนิพพานกลับชาติมาเกิดกลับมีจิตแห่งความชั่วกำเนิดขึ้นอีกครั้ง นี่ก็คือจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ของวิชานิพพาน”


เขากล่าวต่อ “กลับมาเสีย ข้าจักชะล้างตัวเจ้า กลับสู่ร่างสมบูรณ์ แล้วสำแดงวิชานิพพานใหม่อีกครั้ง ให้ปวงชนได้มีโลกหน้ากันทั้งหมด!”


ปึง!


เวลานั้นเอง พระสังฆราชพุ่งเข้ามา


“กู่ฝอ*[1]โปรดหยุดแล้วฟังอาตมาก่อน!”


พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเล่าทุกเรื่องราวให้เขาฟังหมดแล้ว ก่อนนี้เขาส่งนักรบพระโพธิสัตว์ไปพาตัวต้าเต๋อกลับมาก็เพราะได้รับคำสั่งจากพระเก้าประทีปพุทธเจ้า


ต้าเต๋อมีแสงพุทธะปกคลุมรอบตัวตั้งแต่เล็ก เดิมเขาคิดว่าต้าเต๋อคือพุทธบุตรกลับชาติมาเกิด


ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนภายหลังกลับทำลายคำพยากรณ์ของเขา


ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ร่างกลับชาติมาเกิดของพระเก้าประทีปพุทธเจ้า สามเณรน้อยระลึกอดีตชาติได้กะทันหัน เข้ามาหาเขาพร้อมทั้งแสดงหลักธรรมของตนต่อเขาเพื่อพิสูจน์ตัวตน และยังบอกอีกว่าต้าเต๋อมิใช่พุทธบุตรกลับชาติมาเกิด แท้จริงแล้วเป็นการแปลงกายจากจิตมุ่งร้าย


ถึงแม้จะเป็นจิตมุ่งร้าย กระนั้นก็เกี่ยวพันใกล้ชิดกับเขา พระเก้าประทีปพุทธเจ้าจึงเอ่ยว่าต้องการดึงจิตมุ่งร้ายกลับคืนร่างสมบูรณ์อย่างแท้จริง


ทว่าพระเก้าประทีปพุทธเจ้าเพิ่งตื่นรู้ ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว


แต่เพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดอื่นใด พระเก้าประทีปพุทธเจ้าจึงสั่งให้เขาพาตัวต้าเต๋อกลับมาที่เขาญาณก่อน


แม้เขาไม่อยากเชื่อว่าต้าเต๋อนั้นแปลงกายจากจิตมุ่งร้าย แต่ถึงอย่างไรท่านนี้ก็คือพระเก้าประทีปพุทธเจ้า เป็นตัวตนที่ด้อยกว่าเพียงพระอมิตาภะพุทธเจ้าในพุทธศาสนา ไฉนเลยเขาจะหาญกล้ามิทำตาม


เขาส่งนักรบพระโพธิสัตว์ออกไปนำตัวต้าเต๋อกลับมายังเขาญาณ กักขังไว้บนยอดเขาจิ่วฉง


ต้องยอมรับว่า พระเก้าประทีปพุทธเจ้านั้นน่าทึ่งอย่างยิ่งยวด ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ฟื้นพลังได้จนถึงขอบเขตจ้าวสูงสุด!


และในเวลานั้นเอง พระเก้าประทีปพุทธเจ้าบอกว่าสามารถปราบจิตมุ่งร้ายได้แล้ว


เขาจึงพาต้าเต๋อจากยอดเขาจิ่วฉงมาที่นี่ตามเจตนารมณ์ของพระเก้าประทีปพุทธเจ้า


ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจชนะใจตน ขัดพระพุทธโองการของพระเก้าประทีบพุทธเจ้า บุกรุกเข้ามาในวิหารต้าสยง


เขาไม่อยากให้ต้าเต๋อต้องหายไปแบบนี้!


“เจ้ามีเรื่องใดที่อยากบอกหรือ”


สามเณรน้อยมองพระสังฆราช


“ข้าพระพุทธมีเมตตา โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ แม้อู้เต๋อเป็นร่างแปลงจากจิตมุ่งร้าย กระนั้นในการเวียนว่ายตายเกิดภพแล้วภพเล่าที่ผ่านมา เขาก็มีจิตสำนึกของตนเองก่อเกิด”


พระสังฆราชกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิได้หมายความว่าต้าเต๋อคือชีวิตหนึ่งที่ดำรงอยู่จริง ๆ หรือ กู่ฝอดึงจิตมุ่งร้ายกลับ ลบล้างจิตสำนึกของต้าเต๋อ มิเท่ากับการคร่าชีวิตของคนคนหนึ่งไปหรือ?”


เขามองจ้องสามเณรน้อย “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่าควรมีจิตเมตตากรุณา อาตมาขอบังอาจร้องขอให้กู่ฝอยั้งมือ ไว้ชีวิตต้าเต๋อด้วยเถิด”


“พระสังฆราช…”


ดวงตาต้าเต๋อวาววามด้วยน้ำตา


เขาไม่เคยคิดว่าพระสังฆราชจะมาช่วยเขา


ส่งผลให้เขาซาบซึ้งอย่างมาก ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในทุกอณูของหัวใจ


พระสังฆราชไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ ยังเป็นพระสังฆราชผู้ที่ให้ความเอ็นดูเขา!


“อมิตาภพุทธ”


สามเณรน้อยสีหน้าไม่เปลี่ยน “เขาคือความชั่วบริสุทธิ์ หาใช่ชีวิตไม่ เลือดเนื้อและจิตสำนึกของเขาเป็นเพียงความว่างเปล่า ที่เขาหวนคืนสู่ร่างข้า มิได้เป็นการหายไป หากแต่เป็นการได้รับการชะล้าง ได้บรรลุขึ้นไปในขั้นที่ดีกว่า”


“แต่…แต่เขาในใจอาตมาก็คือคนคนหนึ่ง!”


พระสังฆราชกัดฟันเอ่ย


“ความชั่วร้ายถนัดในการเสแสร้ง เชี่ยวชาญในด้านสะกดจิตให้หลงเชื่อ เจ้ามองไม่ทะลุปรุโปร่งถึงภายในจิตใจของเขา สะท้อนให้เห็นว่าเจ้ายังบำเพ็ญไม่พอ”


สามเณรน้อยเอ่ย “เจ้าออกไปเถิด เจ้าต้องบำเพ็ญอีกครั้ง หัวใจธรรมของเจ้าไม่แน่วแน่ พัวพันเข้ากับความชั่วร้าย นี่มิใช่เรื่องดี เจ้าจำไว้ว่าต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อย่าให้ความชั่วร้ายลวงหลอกหัวใจธรรมของเจ้า ทำลายการบำเพ็ญของเจ้า”


“เทียบกับกู่ฝอแล้ว หัวใจธรรมของอาตมาไม่อาจสู้ได้เลย ทว่าหัวใจธรรมของอาตมาถูกความชั่วร้ายลวงหลอกจริงหรือ”


พระสังฆราชหันมองต้าเต๋อ “อาตมาไม่เห็นความชั่วร้ายจากเขาสักนิด…”


“รอจนเจ้าได้เห็นความชั่วของเขาก็สายเกินไปแล้ว บัดนี้เขายังมิได้ตื่นขึ้นสมบูรณ์ เมื่อใดที่เขาตื่นขึ้นสมบูรณ์ เขาจักนำพาหายนะเข้ามาไม่สิ้นสุด”


สามเณรน้อยตวาด “อย่าได้ยึดติดจนถูกพันธนาการด้วยความชั่ว ออกไปเสีย!”


สิ้นเสียงเขา คลื่นพลังยิ่งใหญ่ซัดสาด พระสังฆราชกระเด็นออกจากวิหารต้าสยงทันที


จากนั้น ประกายพุทธะหลั่งไหลออกจากตัวเขา ผนึกทั้งวิหารต้าสยงนี้ไว้


“เจ้ากู่ฝอมีเมตตาจอมปลอม เถียงสู้พระสังฆราชไม่ได้ก็ลงมือกันเลยหรือ!”


ต้าเต๋อบันดาลโทสะ “ต่อให้เจ้าโน้มน้าวเก่งเพียงใด ข้าก็ยังเป็นข้า! ลำพังคำว่าชั่วร้ายของเจ้าไม่อาจนิยามตัวข้าได้! ข้าจะชั่วจะดี มิใช่กงการให้เจ้ามาตัดสิน!”


“อมิตาภพุทธ”


สามเณรน้อยไม่สะทกสะท้าน เขาท่องพระนาม มือข้างที่กดต้าเต๋อเปล่งแสง


จากนั้น พลังมหาศาลปรากฏบนมือข้างนั้น ต้าเต๋อรู้สึกคล้ายตัวเองกำลังถูกหลอมละลาย พระเก้าประทีปพุทธเจ้าตั้งใจละลายเขาหรือนี่!


พลังนี้น่ากลัวเกินไป ต่อให้เขาขัดขืนเพียงใดก็เปล่าประโยชน์ ไม่อาจต่อกรได้เลย ความห่างชั้นมากเกินไป


นอกวิหาร พระสังฆราชปลดปล่อยพลังถล่มประตูวิหารไม่หยุดหย่อน หมายจะพุ่งเข้าไปอีกครั้ง


ทว่าพลังของเขานั้นไม่พอ


พลังที่ผนึกวิหารต้าสยงคือพลังระดับจ้าวสูงสุด


“กู่ฝอ ท่านกำลังคร่าชีวิตหนึ่งอยู่!”


เขาร้องตะโกน



[1] กู่ฝอ (古佛) ในที่นี้เป็นสรรพนามเรียกแทนสามเณรน้อย มาจากคำว่า ฝอ (佛) ที่หมายถึง พระอรหันต์ (แต่ในที่นี้หมายถึงพระที่สูงกว่าพระโพธิสัตว์) กู่ฝอ จึงหมายถึง ฝอในยุคโบราณ

บทที่ 338

นอกวิหาร พระสังฆราชตะเบ็งเสียง อยากจะพุ่งเข้าไปช่วยต้าเต๋อ


ทว่าเขากลับทำไม่ได้ เขาเพิ่งบรรลุขอบเขตนักบุญเท่านั้น ไม่อาจต่อกรกับพลังระดับจ้าวสูงสุดได้เลย


“อาตมาจะไปขอให้พระโพธิสัตว์ออกโรงช่วย!”


เขาไปจากที่แห่งนี้เพื่ออัญเชิญพระโพธิสัตว์ในเขาญาณที่อยู่รอดมาตั้งแต่ยุคโบราณออกหน้าช่วยเหลือ


เขามีจิตสงสาร ไม่อาจทนดูต้าเต๋อหายไปทั้งอย่างนี้จริง ๆ


พระโพธิสัตว์ที่อยู่รอดมาตั้งแต่ยุคโบราณล้วนเป็นจ้าวสูงสุดเฒ่ากันทั้งหมด หากพวกท่านยอมออกหน้า น่าจะช่วยต้าเต๋อไว้ได้


ภายในวิหาร


สามเณรน้อยขมวดคิ้ว เรื่องราวเกินความคาดหมายของเขาไปนิดหน่อย เขาดันพบแรงต่อต้าน!


“ร่างจ้าวสูงสุดหมื่นอมตะ!”


เขามิใคร่อยากเชื่อนัก ต้าเต๋อผู้อยู่ขอบเขตพรตเต๋าไยจึงมีกายเนื้อล้ำหน้าเยี่ยงนี้ ได้ครอบครองกายาที่เทียบชั้นขอบเขตจ้าวสูงสุดเลยหรือ?


มันเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยากสำหรับเขา เขาจำต้องใช้เวลามากกว่านี้


ภายใต้มือใหญ่ข้างนั้น ต้าเต๋อยังกระเสือกกระสนดิ้นรนสุดชีวิต แต่ไม่ว่าเขาจะปล่อยพลังออกไปเท่าใดก็ไม่ได้ผล มือใหญ่ข้างนั้นพันธนาการเขาไว้อย่างแน่นหนา


เห็นได้ชัดว่าสามเณรน้อยผู้นี้น่ากลัวเป็นที่สุด พลังเหนือกว่าจ้าวสูงสุดตนอื่นมาก


หากมิใช่เช่นนี้ ต้าเต๋อผู้มีร่างหมื่นอมตะไม่มีทางต้านทานไม่ได้แม้แต่น้อย!


รู้หรือไม่ ร่างหมื่นอมตะคือขอบเขตกายาที่อยู่คู่กับขอบเขตจ้าวสูงสุด เขาสามารถทานการโจมตีของจ้าวสูงสุดได้โดยไม่เป็นอันใด ทว่าบัดนี้เขากลับไม่มีกำลังพอจะต่อต้านแม้แต่น้อย พลังของสามเณรน้อยเหนือกว่าจ้าวสูงสุดตนอื่นเห็น ๆ


“กู่ฝอ!”


“โปรดไว้ชีวิตเขาด้วย!”


มีเสียงดังมาจากด้านนอกวิหาร พระสังฆราชทำสำเร็จ อัญเชิญพระโพธิสัตว์จากยุคโบราณมาได้


พระเวทโพธิสัตว์ พระอากาศครรภมหาโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์อีกแปดรูปจากยุคโบราณล้วนเดินทางมายังที่นี่


“ยุ่งยากปานนี้เลยหรือ?”


สามเณรน้อยขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะเจอแรงต้านมากมายขนาดนี้


เขาแสดงตัวตนไปชัดเจนแล้ว ซ้ำต้าเต๋อยังก่อเรื่องสร้างความในพุทธศาสนาตามอำเภอใจ ไม่รักษาศีล เหตุใดถึงยังมีคนมากมายต้องการปกป้องต้าเต๋อ?


“พวกเจ้าต้องการสิ่งใด!”


เขาตะคอกเสียง แยกร่างแปลงหนึ่งร่างออกมานอกวิหาร


“อาตมาทั้งหลายประจักษ์ในทุกอย่างที่ต้าเต๋อเป็น แม้นเขาจะเกเร กระนั้นพื้นเพจิตใจมิได้เลวร้าย”


พระเวทโพธิสัตว์ก้าวออกไปด้านหน้า รูปร่างสูงใหญ่ ประกายพุทธะครอบคลุมทั่วร่าง


พลังปราณของเขามิได้อ่อนแรงลงแม้แต่น้อย ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตตนอื่นที่มีชีวิตรอดจากยุคโบราณ แต่ละตนล้วนใกล้สิ้นอายุขัย พลังชีวิตเบาบาง เหลือเพียงกลิ่นอายเป็นส่วนมาก


พระโพธิสัตว์อีกเจ็ดรูปก็เป็นเช่นเดียวกับพระเวทโพธิสัตว์ มิได้ชราภาพ พลังที่ยังเหลืออยู่ต่างรุนแรงแกร่งกล้า


นี่คือความแตกต่างระหว่างหลักธรรมและพลังอื่น


และเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความอัศจรรย์ของพลังความศรัทธา


พวกเขาล้วนมีพลังความศรัทธาอย่างล้นหลามอยู่ในดินแดนฝอ พลังความศรัทธาระดับนี้ช่วยให้พวกเขาได้ประโยชน์มากขึ้น จนยืดชีวิตออกไปได้อีก


“อมิตาภพุทธ”


พระอากาศครรภมหาโพธิสัตว์ก้าวออกมาด้านหน้าหนึ่งก้าว พลางกล่าว “พระพุทธของเราเน้นย้ำความเมตตา ต่อให้อู้เต๋อเป็นดวงจิตมุ่งร้าย ทว่ามุ่งร้ายก็ต้องหมดโอกาสด้วยหรือ ขอกู่ฝอโปรดให้โอกาสอู้เต๋อสักครั้ง”


ต้าเต๋อเคยขโมยสุราจากเขาไปหนึ่งไห ทว่านี่คือหลักฐานบ่งบอกว่าเขาเอ็นดูต้าเต๋อ


หากเขามิเต็มใจ ต้าเต๋อย่อมไม่มีทางขโมยสุราไปจากเขาได้


“พวกเจ้ากำลังสนับสนุนการก่อกรรมทำเข็ญ!”


ร่างแปลงของสามเณรน้อยตวาด “ก่อนข้านิพพานกลับชาติมาเกิด ข้าได้ตัดความชั่วร้ายทั้งปวงออกจากใจไปแล้ว ทว่ายามข้าได้นิพพานเวียนว่าย กลับมีดวงจิตมุ่งร้ายกำเนิดขึ้นมา นี่คือจิตมุ่งร้ายที่แยกตัวจากจิตด้านดีของข้า เสี้ยวหนึ่งของจิงชี่เสิน*[1]ของข้าติดไปด้วย จิตมุ่งร้ายนี้จำต้องถูกเรียกคืน มิฉะนั้น ข้าไม่อาจคืนร่างสมบูรณ์ได้”


“ขอบเขตพลังของกู่ฝอย่อมลึกล้ำกว่าอาตมาทั้งหลายมาก ทว่าอาตมาขอบังอาจเอ่ยสักประโยค”


พระเวทโพธิสัตว์เอ่ย “ก่อนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ปรินิพพานเคยตัดเนื้อของตนเป็นอาหารเหยี่ยว ข้าไม่ลงนรกแล้วใครลงนรก กู่ฝอให้โอกาสอู้เต๋อสักครั้งมิได้หรือ?”


“แต่เดิมเขาคือเสี้ยวหนึ่งของดวงจิตข้าอยู่แล้ว ไยพวกเจ้าถึงต้องวุ่นวาย!”


ร่างแปลงสามเณรน้อยตวาดลั่น “พวกเจ้ามาที่แห่งนี้เพื่อการใดกันแน่ คิดจะลงมือกับข้าหรือ!?”


“หากถึงคราวจำเป็น เหลือเพียงต้องลงมือเท่านั้น”


“อมิตาภพุทธ กู่ฝอผิดแล้ว กู่ฝอโปรดกลับตัวขึ้นฝั่งเถิด!”


พระเวทโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์รูปอื่นพากันกล่าวขึ้น


“กลับตัวขึ้นฝั่ง? ข้าต้องให้พวกเจ้ามาสั่งสอนข้าด้วยหรือ!”


ร่างแปลงสามเณรน้อยตะโกน แสงพุทธะเจิดจรัสออกมา ฝ่ามือฟาดลงมาเสียงดังครืนคราน แม้แต่มิติยังเกิดการระเบิด


เขานั้นน่ากลัวยิ่ง แม้ว่านี่เป็นเพียงร่างแปลงหนึ่งของเขา แต่ยังครอบครองพลังล้นฟ้า สยดสยองเป็นที่สุด!


พระเวทโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์รูปอื่นลงมือ ใช้เคล็ดวิชายิ่งใหญ่ในพุทธศาสนาออกมามากมาย ประกายพุทธะทะยานสู่นภา กระนั้นยังยากจะต้านทานพลังจากร่างแปลงของสามเณรน้อย!


“พลังความศรัทธาที่แท้จริงมีกำลังเพียงเท่านี้ที่ไหน? พวกเจ้าได้สัมผัสเพียงผิวเผินเท่านั้น!”


ร่างแปลงสามเณรน้อยตวาด พลังธรรมะซัดสาด เข้าห้ำหั่นกับพระเวทโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์รูปอื่น หมายจะกำราบพระเวทโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์รูปอื่นลง


เห็นได้ชัดว่ายังมีพลังอื่นไหลเวียนอยู่ในตัวเขา มิใช่เพียงพลังธรรมะ พระเวทโพธิสัตว์ได้เห็นพลังเยี่ยงนี้ก็ต้องสะท้านใจ


นี่คือพลังความศรัทธา!


ช่างเป็นพลังความศรัทธาที่ทรงพลังยิ่ง!


เขาสูดปาก มิน่า…ลำพังร่างแปลงยังน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ ร่างแปลงของสามเณรน้อยมีพลังความศรัทธาไหลเวียนมากกว่าพวกเขาเป็นหลายเท่าตัว!


นี่หรือคือตัวตนกู่ฝอที่เป็นรองเพียงพระอมิตาภะพุทธเจ้า?


จากพลังความศรัทธามากล้นเกินหยั่งเช่นนี้พอจินตนาการออกได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ศรัทธาในพระเก้าประทีปพุทธเจ้านั้นมีมากปานใด!


ภายในวิหาร


“ไปตายเสีย วันนี้ท่านภิกษุน้อยผู้นี้ขอกำจัดเจ้าให้สิ้นซาก!”


ต้าเต๋อคำราม ลำแสงหนึ่งพวยพุ่งออกจากหน้าผาก ทิ่มแทงไปหาสามเณรน้อยอย่างรวดเร็ว


สามเณรน้อยแยกร่างแปลงออกมาร่างหนึ่งเพื่อออกไปต่อสู้ด้านนอก ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!


“วิญญาณจ้าวสูงสุด?”

สามเณรน้อยเปลี่ยนสีหน้าไป ก่อนหน้านี้ต้าเต๋อประสบอะไรมาบ้าง


นอกจากมีร่างจ้าวสูงสุดหมื่นอมตะซึ่งอยู่คู่กับขอบเขตจ้าวสูงสุดมาแล้ว ยังครอบครองวิญญาณจ้าวสูงสุดที่อยู่คู่กับขอบเขตจ้าวสูงสุดมาอีก!


เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของเขาอย่างมาก!


แต่ไม่นานเขาก็ได้สติ ตอนนี้มิใช่เวลามาใคร่ครวญเรื่องเหล่านี้


หน้าผากของเขาเปล่งแสง มีลำแสงพวยพุ่งออกมาเช่นกัน


พลังวิญญาณจำต้องหักล้างด้วยพลังวิญญาณ วิธีการอื่นไม่เป็นผล


หากเป็นพลังวิญญาณธรรมดายังสามารถต่อกรด้วยวิธีอื่น


ทว่าพลังวิญญาณของต้าเต๋อเห็นได้ชัดว่ามิใช่พลังวิญญาณธรรมดา


ตู้ม ตู้ม ตู้ม!


ลำแสงวิญญาณสองลำปะทะ ประกายเจิดจ้ารุนแรงปะทุออกมา สามเณรน้อยขมวดคิ้ว วิญญาณจ้าวสูงสุดของต้าเต๋อทรงพลังอย่างยิ่ง เหนือกว่าจ้าวสูงสุดตนอื่นมาก


การปะทะในครานี้ เขามิได้เป็นฝ่ายได้เปรียบ


“ฆ่า!”


ลำแสงวิญญาณอีกลำพวยพุ่งออกจากหน้าผากต้าเต๋อ ทว่าหนนี้ต่างจากหนก่อน ภายในลำแสงวิญญาณนั้นห่อหุ้มร่างย่อวิญญาณของเขาไว้ คราวนี้เขาสู้สุดชีวิต จักเข้าปะทะด้วยกำลังทั้งหมดที่มี!


“ความพิเศษในตัวเจ้ามีไม่น้อยทีเดียว ทว่าเช่นนี้กำลังดี ช่วยให้ร่างสมบูรณ์ของข้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”


สามเณรน้อยตะคอกเสียงเบา ร่างย่อวิญญาณของเขาบุกออกจากวิญญาณด้วย เข้าห้ำหั่นกับร่างย่อวิญญาณของต้าเต๋อ


แต่เห็นได้ชัดว่าร่างย่อวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่า การต่อสู้มิได้ดำเนินไปนานเท่าใด ร่างย่อวิญญาณของต้าเต๋อก็โดนเขากำราบ กระอักเลือดวิญญาณออกมามากมาย


“ถึงแม้วิญญาณของข้าฟื้นพลังได้ถึงขอบเขตจ้าวสูงสุดเท่านั้น ทว่าข้ามิได้มีพลังเพียงเท่านี้”


สามเณรน้อยกล่าว


บนร่างย่อวิญญาณของเขามีพลังพิเศษปกคลุมอยู่เช่นกัน และพลังพิเศษนี้เองที่เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ร่างย่อวิญญาณของเขา จนกำราบร่างย่อวิญญาณของต้าเต๋อลงได้


หากพระเวทโพธิสัตว์ยังอยู่ที่นี่ พระเวทโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์รูปอื่นย่อมดูพลังพิเศษนี้ออก


พลังพิเศษนี้ก็คือพลังความศรัทธา!




[1] จิงชี่เสิน (精气神) ประกอบด้วยแก่น ชี่ และวิญญาณ

บทที่ 339

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!


ข้างนอกห้องโถงใหญ่มีเลือดกระเซ็นไปทั่วสารทิศ กลุ่มพระเวทโพธิสัตว์ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย

ร่างแปลงของสามเณรน้อยโออ่าเปี่ยมด้วยพลังศรัทธา เขาจัดการผู้คนทั้งหมด!

"นี่...เป็นไปได้อย่างไร!?"

"แข็งแกร่งปานนี้เลยหรือ!"

บนใบหน้าพระเวทโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์รูปอื่นแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ

สามเณรน้อยยังไม่ได้ฟื้นพลังมากนัก ปัจจุบันอยู่เพียงขอบเขตสูงสุดเท่านั้น

พวกเขายังไม่ใช่คนแก่ยังไม่ถึงวัยชรา พลังความแข็งแกร่งไม่กระจอก แต่เมื่อเทียบกับร่างแปลงของสามเณรน้อยแล้วนั้นยังห่างชั้นอยู่มาก เช่นนี้แล้วจะให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไร?

"นี่บอกถึงวิชาอภินิหารและพลังความศรัทธา!"

สามเณรน้อยเอ่ยปากกล่าว “จากนี้ข้าจะสอนอภินิหารและพลังความศรัทธาให้กับพวกเจ้า นำทางพุทธศาสนาไปสู่หนทางแห่งความรุ่งโรจน์สูงสุดอย่างแท้จริง!"

ภายในห้องโถง

วิญญาณเณรน้อยต้าเต๋อกับวิญญาณของสามเณรน้อยยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด

ทั่วร่างเปี่ยมด้วยพลังความศรัทธา แต่ตำแหน่งสามเณรน้อยยังไร้วี่แววแพ้พ่าย ไม่ว่าวิญญาณเณรน้อยต้าเต๋อจะโจมตีอย่างไร เขาก็ไม่อาจทำร้ายวิญญาณสามเณรน้อยได้

และทุกครั้งที่ถูกวิญญาณสามเณรน้อยโจมตี วิญญาณเณรน้อยต้าเต๋อจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทุกครั้ง!

เลือดวิญญาณสาดกระเด็นทั่วสารทิศ เลือดที่หลั่งอออกมาจากร่างวิญญาณเณรน้อยต้าเต๋อทั้งหมดกลายเป็นจิงชี่เสิน ทุกหยาดหยดเลือดในวิญญาณถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่

"ช่างหัวรั้นยิ่งนัก!"

สามเณรน้อยตะโกนเสียงดังว่า “ข้าฝึกบำเพ็ญพุทธะมาหลายปี กำจัดความชั่วร้ายในใจได้แล้ว เจ้าเป็นเพียงส่วนชั่วร้ายของข้า เช่นนั้นแล้วเจ้าจะมาต่อสู้กับข้าได้อย่างไร?"

เขากล่าวต่อไปว่า “นี่เป็นความแตกต่างระหว่างเจ้ากับข้า ข้าเป็นนาย ส่วนเจ้าเป็นบ่าว

เพียงข้าตื่นขึ้นก็สะเทือนสวรรค์ ส่วนเจ้ายังต้องใช้เวลาสั่งสมอยู่อีกนานโข!"

เสียงดังโครมคราม วิญญาณของเขาออกฝ่ามือซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณแข็งแกร่งตบวิญญาณเณรน้อยต้าเต๋อลอยกระเด็นออกไป!

วิญญาณเณรน้อยต้าเต๋อกระอักเลือดออกมาหลายคำ ร่างวิญญาณหดเล็กลงหลายครั้ง เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ลมหายใจของต้าเต๋อพลันเริ่มรวยริน

จำต้องรู้ว่า พลังความศรัทธานั้นช่างน่าสะพรึงยิ่ง ไม่เพียงส่งผลกับกฎแห่งเต๋าและกายเนื้อเท่านั้น ทว่ายังส่งผลกับวิญญาณด้วย ช่างฝืนฟ้าท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก!

ด้วยพลังความศรัทธานี้ สามเณรน้อยเปิดฉากโจมตีทุกสารทิศ ภายในวิหาร วิญญาณสามเณรน้อยกดดันวิญญาณเณรน้อยต้าเต๋อ ขณะที่นอกวิหารกลุ่มพระเวทโพธิสัตว์ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น!

"กลับมารวมกัน!"

สามเณรน้อยเอ่ยเสียงเบา พลันด้ายวิญญาณพันรอบวิญญาณของต้าเต๋อ ก่อนจะหลอมรวมวิญญาณของต้าเต๋อ!

อีกด้านหนึ่ง มือของเขาที่จับร่างของต้าเต๋อไว้ก็เริ่มดูดกลืน หลอมรวมกายเนื้อของต้าเต๋อเช่นกัน!

"อ๊ากกก!"

ต้าเต๋อกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายได้ ทั้งกายเนื้อและวิญญาณของเขาราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เจ็บปวดจนเกือบสิ้นสติ

"เหตุใดต้องทนทุกข์เช่นนี้ด้วย เจ้ากับข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ตราบใดที่เจ้าเลิกต่อต้าน ความเจ็บปวดทั้งหมดของเจ้าจะหายไป"

สามเณรน้อยกล่าวอย่างเฉยชา

"ไปโลงศพยายเจ้าน่ะสิ!"

ต้าเต๋อกัดฟันพลางสาปแช่ง “ไอ้สารเลว ท่านภิกษุน้อยจะไม่ปล่อยสารเลวอย่างเจ้าไปแน่!"

เขายังคงต่อต้าน แม้ว่ามันจะเจ็บปวดอย่างยิ่ง ทว่าดวงตาของเขากลับไม่มีวี่แววยอมจำนน

“หากเจ้ายังคงดื้อรั้น เช่นนั้นก็หายไปพร้อมกับความเจ็บปวดเถิด" สามเณรน้อยกล่าว

หลังจากนั้น เขาเพิ่มกำลังและเร่งความเร็วของการดูดกลืนหลอมรวม พลันกายเนื้อกับจิตวิญญาณของต้าเต๋อเริ่มสลาย หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ต้าเต๋อย่อมอยู่ได้อีกไม่นาน

พลังความศรัทธาช่างน่ากลัวนัก!

หากไม่มีพลังความศรัทธา ต้าเต๋อคงไม่พ่ายแพ้เร็วเช่นนี้ อย่างน้อยเขาก็ยังทนอยู่สู้ได้อีกนาน จิตวิญญาณสูงสุดกับกายเนื้อสูงสุดนั้นไม่ง่ายจะถูกดูดกลืน!

"อ๊ากกก!"

ต้าเต๋อยังคงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่นานนัก เสียงของต้าเต๋อก็ค่อย ๆ หายไป

กายเนื้อกับวิญญาณของเขาสลายไปทีละน้อย ก่อนจะกลายเป็นผุยผง

เห็นดังนั้น บนใบหน้าของสามเณรน้อยฉายรอยยิ้มสดใส

กายเนื้อกับวิญญาณของต้าเต๋อสลายไปทีละน้อยกลายเป็นฝุ่นผง ทำให้เขาสามารถดูดกลืนและหลอมรวมต้าเต๋อได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นร่างกายของเขาย่อมฟื้นคืน ถึงตอนนั้นเขาจะกลายผู้สมบูรณ์เพรียบพร้อม สามารถก้าวไปสู่ขอบเขตที่สูงกว่านี้ได้!

"ชีวิตนี้ของข้าช่างเจิดจ้ายิ่งนัก!"

เขาหัวเราะไม่หยุด ทั้งตื่นเต้นและดีใจยิ่ง วิธีการกลับชาติมาเกิดแห่งนิพพานประสบความสำเร็จ นี่หมายความว่าชีวิตใหม่ของเขามีอนาคตอันรุ่งโรจน์รออยู่!

"พระอมิตาภะพุทธเจ้าตายแล้วหรือ ข้าว่าไม่..."

เขาหรี่ตาพลางนึกถึงพระอมิตาภะพุทธเจ้า

พระอมิตาภะพุทธเจ้าเป็นผู้ก่อตั้งพลังความศรัทธา และพลังความศรัทธาที่เขาครอบครองนั้นก็อยู่เหนือจินตนาการไปแล้ว

แม้เขาจะถูกคนศาสนาพุทธมองเป็นที่สอง รองพระอมิตาภะพุทธเจ้า แต่เมื่อเทียบกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าแล้ว เขายังคงห่างชั้นกันเกินไป!

นี่เป็นเรื่องจริง เขาไม่อาจเทียบกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าได้

พระอมิตาภะพุทธเจ้า!

ผู้คนศรัทธาในพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นใครล้วนแต่กล่าว “พระอมิตาภะพุทธเจ้า" จากปากของตนเองทั้งสิ้นและยังเป็นเป็นเช่นนี้เสมอมานับตั้งแต่ก่อตั้งพระพุทธศาสนาจนถึงปัจจุบัน


มีผู้คนศรัทธามากมายยาวนาน เขาไม่กล้านึกจินตนาการว่าพลังความศรัทธาที่พระอมิตาภะพุทธเจ้ามีอยู่จะมากเพียงใด


เขาครองครองพลังความศรัทธามหาศาล แต่เขาเชื่อว่าพลังความศรัทธาที่พระอมิตตาภะพุทธเจ้าครอบครองอยู่นั้นต้องมีมากกว่าของเขาหลายเท่าอย่างแน่นอน!

เขาได้สัมผัสกับพลังความศรัทธาอันเลิศล้ำ จึงรู้ดีว่าพลังศรัทธามีความอัศจรรย์เพียงใด พระอมิตาภะพุทธเจ้าย่อมมีพลังความศรัทธามหาศาลเหนือจินตนาการ ในความคิดของเขาแม้ว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าคิดจะตายก็ยังยากจะทำ!

"หรือกลายเป็นเซียนไปแล้ว?"

เขาพึมพำกับตัวเอง แอบรู้สึกได้ว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าจากโลกใบนี้ไป ก้าวสู่แดนสวรรค์และกลายเป็นเซียนโพธิสัตว์!

“วางใจเถอะ ขอเพียงข้ามีเวลาตรัสรู้ ชาตินี้ย่อมได้กลายเป็นเซียนอย่างแน่นอน!"


แววตาของเขาทอประกายแสงแห่งความทะเยอทะยาน

นิพพานหนึ่งครั้งทำให้เขามีชีวิตใหม่ และทำให้เขาสามารถเข้าใจถึงพลังอันล้ำเลิศแห่งศรัทธาได้มากขึ้น ในชาตินี้เขามั่นใจว่าตนเองสามารถกลายเป็นเซียน และก้าวเข้าสู่แดนสวรรค์ได้!

หลังเข้าสู่แดนเซียน เขาจะสามารถรู้ได้ว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าได้กลายเป็นเซียนจริง ๆ หรือไม่!

"ช่างโง่เขลานัก พลังศรัทธาเป็นสิ่งมหัศจรรย์และอยู่เหนือธรรมชาติ ทว่ากลับไม่อนุญาตให้แสดงพลังที่แท้จริงของมัน หากได้ใช้พลังความศรัทธาที่แท้จริงก่อนหน้านี้ เซียนจะเป็นแค่ตำนานได้อย่างไร? พระพุทธศาสนาไม่ได้บอกว่าสามารถสอนให้เป็นเซียนได้ แต่อย่างน้อยยังสามารถให้กำเนิดเซียนจำนวนมากได้!"

เขากล่าวต่อว่า เพราะคิดว่าแนวทางของพระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นใช้การไม่ได้ ไม่ยอมถ่ายทอดวิธีใช้พลังความศรัทธาที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นพระพุทธศาสนาคงยิ่งใหญ่เหนือทุกสรรพสิ่ง ในขณะเดียวกันก็กำเนิดเซียนได้มากมาย!

"ข้าเริ่มได้หนึ่งก้าวแล้ว ในชาตินี้ข้าจะข่มพระอมิตาภะพุทธเจ้า นำพระพุทธศาสนาไปสู่เส้นทางใหม่!"

ดวงตาของเขาเป็นประกาย นับแต่ได้ทำลายข้อห้ามลงไป เขาก็ไม่นับถือพระอมิตาภะพุทธเจ้าอีกต่อไป ในชาตินี้เขาจะเหนือกว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้า กลายเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใหม่ของศาสนาพุทธ

"ต่อไปผู้ศรัทธาในศาสนาพุทธจะท่อง 'พระเก้าประทีปพุทธเจ้า' สุดท้ายพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็จะกลายเป็นอดีต ถูกคนรุ่นหลังลืมเลือนไป!"

เขากล่าวอย่างมั่นใจ

เวลานี้ ร่างกายและวิญญาณของต้าเต๋อแตกสลายไปจนหมดสิ้นแล้ว และพวกมันทั้งหมดก็ถูกทำให้เล็กลงจนเหลือแต่อนุภาค

"มาเถอะ หลอมรวมเสีย!"

สามเณรน้อยหัวเราะเสียงดัง เรี่ยวแรงของเขาเพิ่มพูนและเขาก็เริ่มดูดกลืน

บทที่ 340

สามเณรน้อยยิ้มอย่างสดใส กายเนื้อกับวิญญาณของต้าเต๋อสลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย จากนี้เขาจะกลับคืนสู่ร่างที่แท้จริงและได้ร่างสมบูรณ์ในที่สุด!

พลันปรากฏแรงดูดมหาศาล ละอองกายเนื้อกับวิญญาณของต้าเต๋อพุ่งเข้าหาสามเณรน้อย

“ชีวิตใหม่กำลังมาแล้ว!”

เขายิ้มอย่างสดใสราวกับว่าได้เห็นอนาคตอันงดงาม

แต่ทันใดนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปฉับพลัน รอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้ากลายเป็นแข็งค้าง

“อะไรกัน...นี่มันหมายความว่าอย่างไร!”

เขาถึงกับเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ!

ตรงหน้าของเขา รุ้งมงคลนับพันพุ่งออกมา ปรากฏกฎแห่งมหาเต๋าตามลำดับ กายเนื้อและวิญญาณของต้าเต๋อที่สลายไปแล้ว กำลังรวมตัวภายใต้รัศมีของรุ้งมงคล!

ตู้ม!

เสียงระเบิดดังขึ้น พลังของสามเณรน้อยที่ปิดกั้นวิหารต้าสยงแตกสลายออกในทันใด จากนั้นหลังคาของวิหารต้าสยงพลันระเบิดเกิดเป็นรูขนาดใหญ่!

สามเณรน้อยเห็นแสงเป็นริ้ว ๆ ส่องลงมาจากฟ้า และสาดเข้าใส่ต้าเต๋อที่กำลังฟื้นตัว!

“พลัง...วิถีสวรรค์!!!”

ดวงตาของสามเณรน้อยเบิกกว้างราวกับเห็นภาพอันน่าสยดสยองที่สุดในโลก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง!

เขาถูกยกย่องว่าเป็นรองจากพระอมิตาภะพุทธเจ้า ดังนั้นขอบเขตของเขาย่อมสูงยิ่ง ซ้ำยังเผชิญกับอุปสรรคมาไม่น้อย

เพียงแต่...ไม่ว่าเขาจะเผชิญกับอุปสรรคมามากเพียงใด เขาก็ไม่เคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน!

พลังแห่งวิถีสวรรค์ตกลงมาจากฟากฟ้า ไม่ใช่เพื่อลงโทษ แต่เพื่อปกป้องคนคนหนึ่ง เขาเคยเห็นฉากเช่นนี้ที่ไหนกัน?

อย่าว่าแค่เคยเห็น แม้แต่ได้ยินก็ยังไม่เคย!

พลังแห่งวิถีสวรรค์ไม่ใช่ว่าไม่เคยปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้ หากมีสิ่งมีชีวิตใดสาบานต่อสวรรค์และไม่ปฏิบัติตาม พลังแห่งวิถีสวรรค์ก็จะปรากฏขึ้นเพื่อลงทัณฑ์สิ่งมีชีวิตนั้น

นอกจากนี้ในยุคโบราณกาล เมื่อสิ่งมีชีวิตทรงพลังทะลวงถึงขอบเขตสูงสุด พลังแห่งวิถีสวรรค์ก็จะปรากฏออกมากำจัดทิ้ง

สถานการณ์เช่นนี้เรียกว่า หายนะ!

ผู้ที่รอดชีวิตจากหายนะจะเกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลง พละกำลังพอกพูนขึ้นมหาศาล

แต่การรอดจากหายนะนั้นเป็นเรื่องยาก คนส่วนใหญ่ล้วนแต่จบชีวิตในหายนะ มีสิ่งมีชีวิตท้าทายสวรรค์น้อยมากสามารถอยู่รอดได้

แต่ไม่ว่าพลังแห่งวิถีสวรรค์จะปรากฏออกมาแบบไหนก็ไม่ใช่เรื่องดี ถือเป็นตัวแทนของหายนะ

ตอนนี้พลังแห่งวิถีสวรรค์ได้ทำลายความรู้ของสามเณรน้อยอย่างสมบูรณ์ นี่เป็นความรู้พื้นฐาน เขาจะเชื่อได้อย่างไร!

พลังแห่งวิถีสวรรค์ไม่ได้มาเพื่อการทำลายล้าง แต่มาเพื่อเป็นเกราะกำบังช่วยให้ต้าเต๋อฟื้นคืนกายเนื้อกับจิตวิญญาณของเขาใหม่อีกครั้ง...

นี่...ทำให้เขาตกใจอย่างอธิบายไม่ได้ เขาไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว!


ในร่างกายต้าเต๋อมีความลับอะไรกัน เหตุใดถึงสามารถดึงดูดพลังแห่งวิถีสวรรค์มาปกป้องเขาได้!?

สามเณรน้อยนึกไม่ออก ขณะที่ในใจรู้สึกขมขื่นยิ่ง


ต้าเต๋อไม่เพียงแต่เปลี่ยนความคิดของเขา ทว่ายังเปลี่ยนความรู้สึกความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ อีกด้วย ไฉนเทียบกับร่างของเขาถึงยอดเยี่ยมกว่าร่างหลักเล่า!

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

เมื่อมีพลังแห่งวิถีสวรรค์ค่อยช่วยปกป้อง กายเนื้อกับวิญญาณของต้าเต๋อจึงฟื้นคืนมาใหม่อีกครั้งได้ วิญญาณของเขากลับคืนสู่กายเนื้อ และแสงแห่งวิถีสวรรค์มากมายก็สาดส่องลงมา

ยามต้าเต๋อฟื้นคืนกลับก็ยากจะเข้าใจ เขาจ้องมองร่างกายตนเองด้วยความไม่เชื่อ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง


ไม่ใช่ว่าร่างของเขาสลายไปแล้วหรอกหรือ กระทั่งยังกลายเป็นพลังบริสุทธิ์ ทว่าตอนนี้เหตุใดยังสามารถฟื้นคืนกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งเล่า?

แล้ว… เหตุใดถึงมีคลื่นพลังวิถีสวรรค์บนร่างเขาได้กัน?


เขา... เขาได้รับการปกป้องจากสวรรค์หรือ?

วิถีสวรรค์ช่วยเขาคืนฟื้นชีวิต หลอมรวมขึ้นใหม่อีกครั้ง?

“ข้า... ภิกษุน้อยเช่นข้าช่างสุดยอดยิ่งนัก!”

ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เพราะไม่รู้จะกล่าวอะไรจริง ๆ สุดท้ายก็ทำได้เพียงเอ่ยประโยคนี้ออกมา

แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าอาจไม่ใช่เขาที่สุดยอด...

ท่านเซียน!

ทั้งหมดนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับท่านเซียน!

เขาไม่คิดว่าร่างของตนเองมีอะไรที่สามารถดึงพลังแห่งวิถีสวรรค์มาปกป้องเขาได้

อย่าเพิ่งดีใจไป ตัวตนกับภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือ พุทธบุตรกลับชาติมาเกิด ซ้ำยังเป็นกู่ฝอที่สามเณรน้อยผู้ไร้ยางอายยัดเยียดมาให้ด้วย

แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ดูไปแล้ว...เขาน่าจะมีความสัมพันธ์กับสามเณรน้อยจริง ๆ


ก่อนหน้านี้ ตอนเขากำลังสลายกลายเป็นละอองพลังบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ เขารู้สึกได้ถึงแหล่งกำเนิดเดียวกัน


ความรู้สึกนี้มาจากร่างของสามเณรน้อย!

เขาอาจจะเป็นร่างแยกของสามเณรน้อยจริง ๆ!

และร่างแยกของเขาอ่อนแอกว่าจริง ๆ พลังดั้งเดิมของสามเณรน้อยนั้นเหนือกว่าเขามาก!

นี่แสดงว่าสามเณรน้อยเป็นร่างหลัก...

ตัวหลักอยู่ที่นี่ แต่พลังแห่งวิถีสวรรค์กลับปกป้องชิ้นส่วนร่างแยกอย่างเขา?

คิดอะไรอยู่กัน!

เดิมทีนี่เป็นไปไม่ได้!

พลังแห่งวิถีสวรรค์ปกป้องเขาด้วยเหตุนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้!

สามารถส่งผลกระทบต่อวิถีแห่งสวรรค์ ให้วิถีแห่งสวรรค์ลงมาปกป้องเขา นี่ทำให้เขานึกถึงคุณชายหลี่...ท่านเซียน!

‘สุดยอด! นี่คือความแข็งแกร่งของเซียนหรือ? กล่าวกฎออกมา แม้แต่กฎแห่งสวรรค์ยังต้องเชื่อฟัง!!!’

เขากู่ร้องก้องอยู่ในใจอย่างตื่นเต้น

เขานึกถึงตอนเขากับท่านเซียนกินเนื้อ ดื่มสุราด้วยกัน ท่านเซียนเคยบอกเขาว่าเขามีคุณสมบัติ ศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นพระสังฆราชได้!

‘ท่านเซียนช่างไม่อาจจินตนาการได้จริง ๆ!’

เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชมท่านซียนในใจ ช่างสูงส่งเหนือจินตนาการยิ่งนัก

สุดยอดไปเลย!

เพียงประโยคเดียว แม้แต่วิถีแห่งสวรรค์ก็ต้องเชื่อฟัง ความแข็งแกร่งของท่านเซียนนั้นเหนือจินตนาการจริง ๆ!

‘ท่านเซียนรู้ว่าข้าจะต้องประสบกับหายนะครั้งนี้ ดังนั้นตอนอยู่เขาหยงหมิงเลยตามข้าไปกินเนื้อดื่มสุรา?’

ต้าเต๋อรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง นึกถึงตอนอยู่เขาหยงหมิง ท่านเซียนเป็นคนชวนเขามากินเนื้อกับดื่มสุรา

เห็นได้ชัดว่าท่านเซียนเป็นคนช่วยเขา ช่วยเขาหลุดพ้นเคราะห์ร้ายครั้งนี้!

‘ความเมตตาของท่านเซียน ต้าเต๋อจะจดจำไว้ในใจ จากนี้ข้าจะปฏิบัติรับใช้ข้างกายท่านเซียน และปฏิบัติตามคำสั่งของท่านเซียนตลอดไป!’

เขากล่าวในใจอย่างหนักแน่น

แม้เขาจะไม่รู้ว่าท่านเซียนเห็นส่วนดีอะไรของเขาก็ตาม แต่ความจริงก็คือท่านเซียนช่วยชีวิตเขาไว้ จากนี้ไม่ว่าท่านเซียนให้เขาทำอะไรเขาจะปฏิบัติเป็นอื่น!

ความคิดทั้งหมดปรากฏขึ้นในพริบตา ไม่นานเขาก็เลิกคิดไป

เขายกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย ขณะกล่าวกับสามเณรน้อย “เจ้ามีพลังศรัทธา ข้ามีพลังแห่งวิถีสวรรค์ ระหว่างเราผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน”

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!”

สามเณรน้อยคำรามใส่ท้องนภาด้วยความโกรธ ยามนี้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ไยสวรรค์ถึงอยากให้เจ้ากับข้าสู้กัน? ข้าใช้เวลานานกว่าจะมาถึงจุดนี้ กว่าจะได้ค้นพบอภินิหาร ได้พลังความศรัทธา กระทั่งได้นิพพานเกิดใหม่ แต่เจ้ากลับปกป้องจิตชั่วร้ายของข้า ขัดขวางไม่ให้ข้าประสบความสำเร็จ ไม่ให้ได้รับร่างสมบูรณ์คืนมา!?”

วีถีสวรรค์นั้นไร้มนุษยธรรม ไม่เคยสนใจชีวิตและความตายของสรรพสิ่ง

โลกจึงเต็มไปด้วยภัยพิบัติและหายนะ เห็นความลำบากทุกข์ตรมได้ทุกหนทุกแห่ง เพราะวิถีแห่งสวรรค์ไม่เคยแทรกแซงหรือปรากฏขึ้น

เหตุใดถึงต้องลงมาตอนนี้ด้วย?

วิถีสวรรค์ปกป้องจิตชั่วร้ายของเขา เพื่อไม่ให้เขาประสบความสำเร็จ!!!

เขาคับข้องใจยิ่ง ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ ใบหน้าบิดเบี้ยวจนกลายเป็นสีเขียว

ครานี้สวรรค์นับว่าไร้ความยุติธรรมจริง ๆ!