“เจ้า!”
หลิงอินโกรธจัดจนหน้าแดง ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน คำพูดของจักรพรรดิบุปผาทำให้นางขุ่นเคืองใจอย่างยิ่ง เจตนาฆ่าของนางเหลือล้น!
จะมีคนไร้ยางอายเลือดเย็นโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้อย่างไร!?
“แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วหรือ?”
จักรพรรดิบุปผาหัวเราะ ไม่สนใจกลิ่นอายสังหารบนร่างของหลิงอิน
นี่เพราะนางมั่นใจว่ามีอำนาจและพละกำลังอย่างแท้จริง
ในสมัยโบราณนางเดินทางข้ามอาณาจักร แม้แต่มหาจักรพรรดิก็ยังห่างชั้นจะเป็นคู่ต่อกรกับนาง ยากจะหยุดยั้งฝ่ามือของนาง นางจึงมั่นใจมาก
“อย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าจำเหตุการณ์นี้ได้ดีเชียว มาสิ ให้เจ้ามาดูข้ารำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยกัน”
บนใบหน้าแก่ชราเผยรอยยิ้มน่าสะพรึงชวนให้คนมองหนังศีรษะชา จิตวิญญาณสั่นสะท้าน
สีหน้าของนางอึมครึมอย่างน่ากลัวไม่ได้เห็นหลิงอินอยู่ในสายตา เมื่อเห็นสีหน้าหลิงอินเจ็บปวด นางอยากจะโรยเกลือลงบนแผลสด ใช้พลังอภินิหารสร้างฉากในเวลานั้นขึ้นมาใหม่!
ประกายแสงวูบวาบในอากาศ ในที่สุดก็ปรากฏภาพขนาดย่อส่วน
เป็นจักรพรรดิบุปผากับเสี่ยวหยาปรากฏตัวบนภาพ!
ในเวลานั้นจักรพรรดิบุปผายังอายุไม่มากนัก หลังฝึกตนมาร้อยปีก็คล้ายคนอายุเพียงยี่สิบถึงสามสิบปีเท่านั้น
นางกำลังใช้มีดขุดกระดูกของเสี่ยวหยา!
มันเป็นอย่างนางเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ นางวิปริตซะไม่มี เพื่อจะรักษาสติของเสี่ยวหยาถึงกับใช้พลัง
ป้องกันไม่ให้เสี่ยวหยาหมดสติ ให้เสี่ยวหยามองนางขุดกระดูกของตนเอง!
“เสี่ยวหยา!!!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ทั่วร่างหลิงอินก็ปะทุไปด้วยเพลิงโทสะ นางกำมือแน่น เล็บของนางจิกเข้าไปในเนื้อ เลือดไหลหยดลงมา!
แต่นางไม่ได้ลงมือทันที
บนภาพเสี่ยวหยาอ้าปากจะพูดบางอย่าง นางอยากได้ยินว่าเสี่ยวหยาพูดอะไร
“เจ้า...เอาศพของข้าไปด้วยได้หรือไม่ อย่าทิ้งไว้ที่นี่... ข้าเกรงว่าพี่ชายของข้ากลับมาจะรับไม่ได้...”
เสี่ยวหยาบอกเสียงขาดเป็นช่วง ๆ
“วางใจเถอะ ข้ารับปากเจ้า ข้าจะไม่เอาศพเจ้าไปด้วยเด็ดขาด ข้ายังจะเย็บแผลให้เจ้าด้วย เตรียมเอาไว้เผื่อพี่ชายจำเจ้าไม่ได้”
จักรพรรดิบุปผาในภาพกำลังหัวเราะ โหดเหี้ยมไร้ความเมตตาและไร้ความเป็นคน
นางโหดเหี้ยมเกินไป ฆ่าคนแล้วต้องทรมานจิตใจ จงใจเอ่ยเช่นนั้น
“อ๊า!! เหตุใดเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย!”
หลิงอินคล้ายจะเสียสติ ฆ่าคนได้ในพริบตา จักรพรรดิบุปผาจงใจทรมานเสี่ยวหยา ใช้กำลังรักษาสติ เพื่อไม่ให้เสี่ยวหยาหมดสติ ซ้ำยังให้นางมองกระดูกที่กำลังถูกขุดออกไปด้วยตาตนเอง เจ็บปวดทรมานจากการถูกขุดออกมา!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจักรพรรดิบุปผาเอ่ยคำพูดบีบคั้นหัวใจ!
นางจงใจฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ไม่เคยรู้สึกอยากฆ่าใครมากถึงเพียงนี้มาก่อน!
“เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้?”
จักรพรรดิบุปผาในใบหน้าชราเหี่ยวย่นเผยรอยยิ้มพลางกล่าว “บางทีอาจเป็นรอยยิ้มของนางสดใสเกินไป ดวงตาของนางใสซื่อมาก รอยยิ้มสดใสกับดวงตาใสซื่อทำร้ายจิตใจของข้า”
นางแสดงสีหน้ารำลึกความหลังแล้วพลางกล่าวว่า “เหตุใดผู้คนถึงต่างกันมากถึงเพียงนี้? นางสามารถเกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิ แต่ข้ากลับมีคุณสมบัติปานกลาง ไม่มีพรสวรรค์! ข้าไม่ยอมรับ ยิ่งเห็นคนสมบูรณ์แบบเช่นนี้ เส้นทางสวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม หากเป็นเช่นนั้นข้าจะทำลายลูกรักสวรรค์ของมันเสีย!”
หุบเขาคงหลิงตั้งอยู่บนยอดเมฆ มีมรดกตกทอดโบราณ นางเกิดในหุบเขาคงหลิงแห่งนี้ มีคุณสมบัติปานกลาง ร้อยปีผ่านมาชีวิตของนางไม่ได้ดีเสียเท่าไร จิตใจของนางย่อมวิปริต!
หลังนางเห็นคนสมบูรณ์แบบเช่นเสี่ยวหยา นางก็ยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเองมากมากขึ้น
นางเกลียดสวรรค์ที่ไม่ยุติธรรม เหตุใดเสี่ยวหยาถึงสมบูรณ์แบบได้ถึงเพียงนี้!
“เจ้า...เจ้า...เจ้า! ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หุบเขาคงหลิงของพวกเราจะถือว่าไม่มีคนอย่างเจ้าอีก!”
จ้าวหุบเขาคงหลิงเห็นทุกอย่างด้วยตาของนางเองจึงโกรธมาก แม้ว่านางจะเหลือพลังชีวิตเพียงครึ่งเดียว แต่นางก็ใช้กำลังพยุงตัวเองมาหยุดอยู่ใกล้ร่างจักรพรรดิบุปผา
จ้าวหุบเขาคงหลิงคนปัจจุบันจดจ้องจักรพรรดิบุปผาด้วยความโกรธ ร่างกายของนางสั่นเทา นางคาดไม่ถึงว่าจักรพรรดิบุปผาบุคคลในตำนานของหุบเขาคงหลิง จะเป็นคนโหดเหี้ยมวิปริตถึงเพียงนี้!
เพียงเพราะรอยยิ้มของเสี่ยวหยานั้นสดใสไร้เดียงสา จักรพรรดิบุปผาถึงกับกระทำต่อเสี่ยวหยาเช่นนี้!?
นี่มันไม่ใช่คนแล้ว กระทั่งสัตว์เดรัจฉานยังไม่ทำเช่นนี้!
สัตว์เดรัจฉานยังทำเรื่องวิปริตโหดเหี้ยมเช่นนี้ออกมาไม่ได้เลย!
“เจ้าเป็นใคร?”
จักรพรรดิบุปผาเหลือบมองจ้าวหุบเขาคงหลิงเอ่ยถามอย่างสงสัย “กระดูกของเจ้าอยู่ที่ใด?”
นางเห็นสภาพของจ้าวหุบเขาคงหลิง ทั่วทั้งร่างไม่มีร่างกระดูก เหลือเพียงหนังกับกายเนื้อเท่านั้น
“ข้าคือจ้าวหุบเขาคงหลิงคนปัจจุบัน!”
จ้าวหุบเขาคงหลิงกล่าวกับจักรพรรดิบุปผา ขณะที่ดวงตาของนางแฝงประกายโทสะ “หลังจากวันนี้ ข้าจะประกาศการกระทำชั่วร้ายของเจ้าให้ศิษย์ทุกคนในหุบเขาคงหลิงรับรู้ เจ้าจะไม่ใช่ผู้อาวุโสในหุบเขาคงหลิงของข้าอีกต่อไป”
นางไม่อาจให้อภัยพฤติกรรมของจักรพรรดิบุปผาต่ำต้อยยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานไม่ได้ แม้ระดับการบำเพ็ญของจักรพรรดิบุปผาจะลึกล้ำปานใด เหนือกว่ามหาจักรพรรดิไปมากแค่ไหน นางก็จะให้หุบเขาคงหลิงตัดสัมพันธ์กับจักรพรรดิบุปผาอยู่ดี!
“ไม่เลว!”
“ท่านจ้าวหุบเขาคงหลิง พวกเราสนับสนุนท่าน!”
พลันผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งเหาะเหินเข้ามา ทุกคนโกรธเป็นอย่างมาก คนวิปริตผิดมนุษย์เช่นนี้ยังเป็นคนได้อยู่หรือ?
หากให้พวกนางอยู่กับจักรพรรดิบุปผาต่อย่อมรู้สึกละอายไม่น้อย!
“กระทำชั่วร้าย?”
จักรพรรดิบุปผาเย้ยหยันพลางกล่าวว่า “อันใดคือกระทำชั่วร้าย อันใดคือกระทำดี? หุบเขาคงหลิงไม่รู้หรือว่ากระดูกจักรพรรดิของข้าไปขุดจากผู้อื่นมา? ไม่ใช่ว่าใช้อย่างสบายใจหรอกหรือ ถึงทุกวันนี้ยังสืบทอดต่อรุ่นต่อรุ่น!”
นางมองจ้าวหุบเขาคงหลิงเอ่ยอย่างประชดประชัน “เอาล่ะ อย่าแสร้งร่ำไห้ทำเป็นคนมีเมตตาไปหน่อยเลย อวดตัวเป็นคนดี เจ้าก็ไม่ต่างจากข้าหรอก โลภมาก ไร้ยางอาย!"
“เจ้า!”
จ้าวหุบเขาคงหลิงขบกราม แต่ไม่พูดอะไร
ปราชญ์แห่งหุบเขาคงหลิงรู้ว่าจักรพรรดิบุปผาขุดกระดูกของคนอื่น ตอนนั้นไม่ได้ลงโทษจักรพรรดิบุปผา กลับกลายเป็นสนับสนุนจักรพรรดิบุปผาเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งยังช่วยเก็บเรื่องขุดกระดูกอีกด้วย น้อยคนนักที่จะรู้ความจริง
รุ่นแล้วรุ่นเล่า มีคนรู้ความจริงน้อยลงกลับกลายเป็นว่ายิ่งได้รับความเคารพความศรัทธาจากศิษย์ในหุบเขาคงหลิงมากขึ้นกลายเป็นบุคคลในตำนานของหุบเขาคงหลิง!
รวมทั้งนางด้วยนี่เป็นความจริง
แม้นางจะรู้ความจริง แต่ในตอนนั้นนางก็ยังยอมรับกระดูกจักรพรรดิอยู่ดี ซ้ำยังรู้สึกภาคภูมิใจเป็นพิเศษที่ได้รับกระดูกจักรพรรดิ
จักรพรรดิบุปผากล่าวถูกต้อง พวกนางโลภและไร้ยางอายพอ ๆ กัน!
"ความทรงจำจบลงแล้ว น่าจะถึงเวลาทวงหนี้แล้วกระมัง"
จักรพรรดิบุปผามองหลิงอิน ใบหน้าเหี่ยวย่นปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน “เด็กน้อย ข้าไม่สนว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับฟ่านหยาเหยียนจะเป็นอย่างไร แต่วันนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาข้า นี่ถือเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่สุดของเจ้า!”
นางมองหลิงอินด้วยท่าทางดูแคลนกล่าว “ทำลายสุสานของข้า เปิดโลงศพของข้า เจ้ายังพยายามจะเฆี่ยนศพของข้าหรือ? เหอะ...ข้าแข็งแกร่งเกินกว่าที่เจ้าจินตนาการ เจ้าคิดว่าต่อให้มีฉินวิเศษชิ้นหนึ่งจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?”
นางก็ส่ายหัวกล่าวว่า "ไม่ เจ้าผิดแล้ว ผิดมากเสียด้วย เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีพลังท้าทายสวรรค์น่าเกรงขามเพียงใด!”
จากนั้นร่างของจักรพรรดิบุปผาก็ซวนเซ ก่อนจะมีแสงสว่างเจิดจ้าสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากร่างของนาง ส่องสว่างไปทั่วท้องนภายามค่ำคืน!
รูปลักษณ์ของนางเริ่มเปลี่ยนไป เดิมทีนางมีหลังโค้งงอแต่ตอนนี้กลับค่อย ๆ ยืดขึ้นทีละน้อย!
นอกจากนี้ร่างกายแก่เฒ่าก็เริ่มย้อนคืนวัยเยาว์ ผิวหนังเหี่ยวย่นเริ่มจะกลมเกลี้ยงเรียบเนียน นางอ่อนเยาว์กว่าเดิม ไม่ใช่หญิงชราอีกต่อไป ลมหายใจแห่งชีวิตพรั่งพรูออกมาขยายเป็นวงกว้าง!
นางช่างท้าทายสวรรค์จริง ๆ!
ไม่ต้องพูดถึงช่วงชีวิตตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน นางได้เป็นกลายเป็นหญิงชราไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นหญิงอ่อนเยาว์!
นี่มัน...เรื่องอะไรกันแน่!
จ้าวหุบเขากับผู้อาวุโสต่างตกตะลึง
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของจักรพรรดิบุปผาเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ นับว่าขัดต่อความรู้ความเข้าใจของพวกนางอย่างสิ้นเชิง!
บทที่ 322
“ตอนนี้เจ้ารับรู้หรือยังว่าตนเองโง่เขลาแต่เพียงใด?”
จักรพรรดิบุปผาลอยสูงบนนภา ร่างกายเปล่งประกายพร่างพราวสว่างไสวจนไม่อาจหาผู้เทียบ ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี ร่างกายของนางสุกสกาวยิ่งกว่าสิ่งใด
นางก้มลงมองหลิงอินด้วยสีหน้าไม่แยแส ทำตัวประหนึ่งตนเองเป็นผู้ปกครอง ส่วนหลิงอินก็เป็นเพียงมดแมลงตัวเล็ก ๆ อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของนาง
หากมองในแง่ขอบเขตอย่างเดียวแล้ว ขั้นราชันเทวาอย่างหลิงอินนั้นย่อมไม่อาจเทียบนางได้ ช่องว่างระหว่างกันกว้างประหนึ่งโลกและสวรรค์
ทว่าน่าเสียดาย ที่ตัวของหลิงอินนั้นไม่อาจเอาขอบเขตขั้นมาวัดได้!
“ข้ามีความสุขมาก มีความสุขมาก ๆ เลย!”
รอยยิ้มเจิดจ้าวาดขึ้นมาเต็มใบหน้าของหลิงอิน
นางระงับความโกรธภายในใจ พยายามสงบสติอารมณ์ตนเอง
นางกลัวว่าตนเองจะโมโหเกินไปแล้วพลั้งมือสังหารจักรพรรดิบุปผา!
นั่นนับว่ายังไม่สาสมสำหรับจักรพรรดิบุปผา!
นางต้องการจะทำให้จักรพรรดิบุปผารู้สึกอยู่ไม่สู้ตาย ต้องการให้จักรพรรดิบุปผาได้สัมผัสสิ่งเดียวกันกับที่เสี่ยวหยาต้องประสบ!
ไม่ใช่นั้นแล้วนางคงไม่อาจดับความแค้นภายในใจได้!
สถานการณ์ของจักรพรรดิบุปผานั้นพิเศษเป็นอย่างมาก นางหวนกลับจากวัยชราสู่จุดรุ่งโรจน์ที่สุด ลมปราณที่แผ่ออกมานั้นน่ากลัวยิ่งกว่ามหาจักรพรรดิเสียอีก!
ทว่านางก็ยังคงไร้ซึ่งความกลัวเกรง ซ้ำยังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ก่อนหน้านี้ จ้าวหุบเขาเปิดค่ายกลโบราณขึ้นมาเพื่อจัดการกับนาง เพียงนางใช้ฉินเฟิ่งหมิงเล่นเพลงเซียนโบยบินในห้วงนภาก็สามารถทำลายการโจมตีของค่ายกลของมหาจักรพรรดิยุคโบราณการได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้น นางยังสามารถทำลายค่ายกลมหาจักรพรรดิยุคโบราณกาลได้โดยตรง!
พลังของจ้าวหุบเขานั้นไม่สามารถเรียกใช้พลังที่แท้จริงของค่ายกลโบราณได้ การโจมตีของจ้าวหุบเขาถูกนางทำลายลงไม่สามารถบ่งชี้สิ่งใดได้
ทว่านางยังสามารถทำลายค่ายกลของมหาจักรพรรดิยุคโบราณกาลได้โดยตรง เป็นการบ่งบอกถึงความสามารถของนางเป็นอย่างดี!
ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากบรรพชนขอบเขตมหาจักรพรรดิท่านหนึ่งของหุบเขาคงหลิง ก่อนจะได้รับการเสริมพลังมานับไม่ถ้วนผ่านมหาจักรพรรดิรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ค่ายกลมหาจักรพรรดิยุคโบราณกาลนั้นน่ากลัวและทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจถูกผู้อื่นทำลายลงง่าย ๆ อย่างแน่นอน
เกรงว่าแม้กระทั่งมหาจักรพรรดิบางคนยังไม่อาจทำลายค่ายกลนี้ลงได้
ทว่าหลิงอินกลับสามารถทำลายมันได้โดยตรง
นอกจากนี้พลังที่หลิงอินใช้ออกมายังห่างไกลจากพลังทั้งหมดของบทเพลงเซียนโบยบินในห้วงนภาอยู่มาก
หากบทเพลงเซียนโบยบินในห้วงนภาถูกปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ กระทั่งหลิงอินเองก็ยังไม่ทราบว่ามันจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
แต่สิ่งที่นางแน่ใจได้ก็คือ พลังอันยิ่งใหญ่ของมหาจักรพรรดิยังนับว่าอ่อนแอต่อหน้าเพลงฉินบทนี้ ทั้งยังสามารถถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ นางยังมีคันศรที่ท่านเซียนมอบให้ เมื่อมียอดศัสตราล้ำค่าจนไม่อาจประเมินได้ทั้งสองชิ้นอยู่ในมือนางแล้ว ไม่ว่าจักรพรรดิมวลบุปผาจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ยังไม่อาจทำสิ่งใดได้!
ท่านเซียนยังเคยสอนให้นางยิงธนู ทำให้ทักษะการยิงธนูของนางสูงเป็นอย่างมาก พลังของคันศรที่นางสามารถใช้ออกมาได้ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน!
นางเต็มไปด้วยความมั่นใจ วันนี้จักรพรรดิบุปผาจะต้องล้างเลือดด้วยเลือด!
“นี่...เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”
จักรพรรดิบุปผาที่เห็นว่าหลินอิงยังคงยิ้มกว้างได้ ก็พลันรู้สึกว่าหลิงอินเสียสติไปแล้ว ไม่อย่างนั้นหลิงอินจะยังสามารถหัวเราะออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร!
“ไม่ได้บ้า ข้าแค่มีความสุขมา เจ้าชอบฉินของข้าหรือไม่?”
หลิงอินมองไปทางจักรพรรดิบุปผาด้วยความสงบนิ่ง
จักรพรรดิบุปผาหัวเราะแล้วกล่าวออกมา “เจ้าต้องการใช้ฉินแลกชีวิตของเจ้างั้นหรือ? อย่าแม้แต่จะคิด วันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องมอดม้วย!”
“ไม่ ไม่ ไม่”
หลิงอินส่ายหัว “ข้าหมายความว่า หากเจ้าชอบฉินของข้า ข้าก็มีสมบัติล้ำค่าและพิเศษพอ ๆ กับฉินมาแสดงให้เจ้าได้เห็น...”
“ยังมีอะไรอีก!?”
จักรพรรดิบุปผาขมวดคิ้ว ความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยก่อตัวขึ้นมา
ฉินในมือของหลิงอินนั้นน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง แต่หลิงอินยังกล่าวออกมาอีกว่ายังมียอดศัสตราน่าตื่นตะลึงไม่ธรรมดาอีกหนึ่งชิ้น
นี่นับเป็นเรื่องที่นางคาดไม่ถึง
นางเริ่มให้ความสนใจกับหลินอินมากยิ่งขึ้น!
หลิงอินอาจจะไม่ธรรมดาสามัญอย่างที่นางคิด!
“เจ้าลองดูสิว่าเจ้าชอบมันหรือเปล่า!”
หลิงอินยิ้มน้อย ๆ แล้วแบมือออก พลันคันศรขนาดใหญ่ปรากฏออกมาท่ามกลางแสงเจิดจ้าในฝ่ามือของนาง!
“มีจริงหรือ?”
จักรพรรดิบุปผาถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาสองข้างจับจ้องไปทางหลิงอินไม่วางตา “เจ้าเป็นใครกันแน่!?”
คันศรขนาดใหญ่ไม่ต่างอะไรไปจากฉิน เปี่ยมด้วยพลังของเต๋าสูงสุดที่ไม่อาจจินตนาการถึงไหลเวียนอยู่ แม้แต่ตัวนางเทียบกับเต๋าสูงสุดในนั้นแล้วก็ยังห่างไกลไม่เห็นฝุ่น!
นางตื่นตะลึง หลิงอินนั้นมีเบื้องหลังและความเป็นมาอย่างไรถึงสามารถครอบครองยอดศัสตราล้ำค่าจนหาที่เปรียบไม่ได้ถึงสองชิ้น!?
“เจ้าสุขสมกับความทรงจำในตอนนั้นไม่ใช่หรือ? มาสิ มาให้ข้าช่วยระลึกความทรงจำนั้น ทว่าพวกเราแค่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งกัน ให้ข้าเป็นคนขุดเลาะกระดูก ส่วนเจ้าเป็นคนถูกขุดกระดูกออกมา!”
หลิงอินขึ้นสายเกาทัณฑ์ แสงรวมตัวกันกลายเป็นศรอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิงเข้าใส่จักรพรรดิบุปผา
“ผยองยิ่งนัก! เจ้ากล้าดีอย่างไร!”
จักรพรรดิบุปผากล่าวออกมาเสียงดัง นางตบฝ่ามือออกไป พลังอันน่าหวาดเกรงมหาศาลราวกับห้วงสมุทรระเบิดอากาศออกจากกัน ฟ้าดินสะเทือนลั่น!
ทว่าพลังศรของหลิงอินนั้นแข็งแกร่งเกินความคาดหมายของนางโดยสิ้นเชิง!
ฝ่ามือของนางสามารถบดบังดวงตะวันบนฟ้า เปี่ยมด้วยพลังไร้ขอบเขต แต่ไม่สามารถสกัดศรเอาไว้ได้ ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บ!
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
ใบหน้าของนางอึมครึม แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ราชันเทวาตัวจ้อย กลับสามารถยิงศรที่ทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร!?
ฝ่ามือของนางถูกเจาะทะลุ โลหิตไหลอาบลงมาไม่หยุด
แต่ด้วยความแข็งแกร่งของนางที่เหนือกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิไปแล้ว เพียงพริบตาเดียวฝ่ามือก็ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ ไม่ทิ้งรอยแผลไว้แม้แต่น้อย
หลิงอินอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ศรที่นางยิงออกไปไม่ใช่ศรธรรมดา มันเปี่ยมด้วยเต๋าแห่งธนูอันทรงพลัง หลังจากเจาะฝ่ามือของจักรพรรดิบุปผาแล้ว เต๋าแห่งธนูก็ยังคงถูกทิ้งเอาไว้ในบาดแผลของจักรพรรดิบุปผา
ด้วยเต๋าแห่งธนูนี้ ย่อมทำให้จักรพรรดิบุปผาไม่อาจฟื้นตัวได้โดยง่าย
แต่จักรพรรดิบุปผากลับสามารถฟื้นฟูและรักษาบาดแผลได้ในทันที นับว่าจักรพรรดิบุปผานั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ การที่สามารถอยู่ยืนยงได้ในสมัยโบราณกาล คงไม่ใช่เพียงเรื่องเยินยอเกินจริง!
“ช่างเป็นคันศรที่ล้ำค่าเสียจริง!”
จักรพรรดิบุปผาจับจ้องถูกในมือหลิงอิงด้วยประกายตาวับวาว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่หลิงอินสามารถยิงศรอันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวออกมาได้ ก็เพราะคันศรที่อยู่ในมือของนาง
คันศรนี้ไม่ธรรมดา ไม่เหมือนอาวุธวิเศษชิ้นอื่น ๆ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ต้องการระดับความแข็งแกร่งในการใช้งานความสามารถอันทรงพลัง
หัวใจของนางเต็มไปด้วยความร้อนลุ่ม ความโลภเริ่มครอบงำจิตใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางก็ต้องการจะได้รับคันศรนั่นมา!
หากคันศรนี้อยู่ในมือของนาง นางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย การครอบครองใต้หล้าก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
“ความผิดพลาดในอดีต ไม่สามารถสลายไปได้ด้วยกาลเวลา!”
ในตอนนั้นเอง จ้าวหุบเขาก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “แม่นางหลิงอิน หุบเขาคงหลิงเคยทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ วันนี้ให้พวกเราได้ชดใช้ความผิดพลาดนั้นด้วยเถอะ!”
แล้วนางก็หันไปมองจักรพรรดิบุปผา ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงดัง “นางคือปลาเน่าของหุบเขาคงหลิง พวกเราในฐานะคนของหุบเขาคงหลิงมีหน้าที่ในการกำจัดนาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหุบเขาคงหลิง พวกเราก็จะต่อสู้กับนางอย่างถึงที่สุด!”
หลังจากนั้นนางก็มองไปทางเหล่าผู้อาวุโส
“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ทุกคนในหุบเขาคงหลิง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขอเพียงมีความสามารถในการต่อสู้ ต้องมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการต่อสู้กับปลาเน่าไร้ซึ่งมนุษยธรรมนี่!”
หุบเขาคงหลิงเคยทำผิดพลาดมาก่อน แต่ในวันนี้นางไม่ต้องการจะทำเรื่องผิดพลาดอีกครั้ง ทั้งยังต้องการจะชดเชยความผิดพลาดดังก่าว!
แม้นางจะรู้ดีว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างนางกับจักรพรรดินีบุปผา แต่นางก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย!
บทที่ 323
“รับทราบ!”
ผู้อาวุโสทุกคนพยักหน้า เลือดลมในกายพุ่งพล่าน พวกนางต่างชิงชังจักรพรรดิบุปผาเช่นเดียวกัน
พวกเขาไม่อาจยอมรับสิ่งที่จักรพรรดิบุปผากระทำลงไปได้ ทั้งยังเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง!
ตึง ตึง ตึง!
ผู้อาวุโสคนหนึ่งตีกลองสงครามใบใหญ่ด้วยความหนักแน่นเป็นจังหวะ เสียงกลองดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขาคงหลิง
“กลองสงครามเป็นตาย!”
ในส่วนลึกของหุบเขาคงหลิง ผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลท่านหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงกลอง
นี่คือเสียงกลองสงครามเป็นตาย หากมันดังขึ้น สมาชิกของหุบเขาคงหลิงจะต้องรวมตัวกันต่อสู้กับศัตรูแบบไม่ตายไม่เลิกรา!
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!?”
นางเป็นกังวลขึ้นมา รู้สึกว่ามีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้นแล้ว!
ก่อนหน้านี้ ตอนที่หลิงอินกำลังบรรเลงฉิน นางก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจนต้องตื่นขึ้นมาจากการหลับลึก หมายจะหยุดยั้งหลิงอิน
ทว่าทันทีที่นางออกไปก็ถูกกระแทกกระเด็น ไม่อาจต่อกรได้เลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงได้แต่หนีกลับมายังสถานที่ที่เคยใช้ปิดด่านกักตน
ผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลท่านอื่นก็ทำเช่นเดียวกันกับนาง
นางรับรู้ได้ว่าหุบเขาไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้น
แม้ว่าหลิงอินจะเปี่ยมด้วยจิตสังหาร ทว่านางเองก็ผ่านโลกมามากแล้ว สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่แรกว่าหลิงอินไม่ใช่คนประเภทฆ่าฟันไม่เลือกหน้า ซ้ำยังไม่มีเจตนาจะทำลายล้างหุบเขาคงหลิง
ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยพลังของเพลงฉินที่หลินอินบรรเลงออกมา พวกนางที่อยู่ในหุบเขาคงหลิงจะยังปลอดภัยได้อย่างไร หากหลิงอินต้องการจะทำจริงพวกนางคงถูกกวาดล้างไปนานแล้ว!
พลังของเพลงฉินปกคลุมทั่วหุบเขาคงหลิง ทว่าไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ กับหุบเขาคงหลิง เห็นได้ชัดว่าหลิงอินนั้นตั้งใจควบคุมพลังของเพลงฉินเอาไว้
หลิงอินไม่ได้มีความคิดที่จะเปิดฉากฆ่าฟันครั้งใหญ่
ดังนั้น นางจึงไม่ยืนกรานจะต่อต้านหลิงอิน แล้วหนีกลับไปปิดด่านต่อ
ทว่าตอนนี้กลับแตกต่างออกไป!
กลองสงครามเป็นตายถูกตีขึ้นมา นับว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!
หรือนางจะมองผิดและตัดสินใจพลาด? แท้จริงแล้ว หลิงอินนั้นต้องการจะทำลายล้างทั้งหุบเขาคงหลิง!?
นางคิดในใจขณะทะยานออกไปจากสถานที่ปิดด่าน รีบตรงไปทางที่เสียงของกลองสงครามเป็นตายกำลังดังอยู่
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างแต่ละร่างทะยานออกมาจากทั่วบริเวณหุบเขาคงหลิง พวกนางทุกคนล้วนได้ยินเสียงกลองสงครามเป็นตาย ทั้งยังเข้าใจความสำคัญของเหตุการณ์ที่ต้องตีกลองสงครามเป็นตายด้วย!
พวกนางรีบตรงมายังที่แห่งนี้โดยไม่รั้งรอ!
นอกจากนางแล้ว ผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลท่านอื่นเองก็ตอบสนองและมาตามเสียงของกลองสงครามเป็นตายเช่นกัน!
พวกนางไม่ได้หวาดกลัวการเผชิญหน้ากับความตาย เพียงเป็นห่วงว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับหุบเขาคงหลิง
ยามที่เสียงกลองสงครามเป็นตายดังขึ้น พวกนางจึงรีบมุ่งหน้าตรงมาในทันที!
“จักรพรรดินี...จักรพรรดิบุปผา”
“ท่านยังมีชีวิตอยู่!?”
หลังจากที่ได้มาถึงที่แห่งนี้และเห็นจักรพรรดิบุปผาแล้ว สมาชิกทุกคนรวมกระทั่งผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลของหุบเขาคงหลิงต่างพากันแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!
พวกนางจะไม่รู้สึกเหลือเชื่อได้อย่างไร?
จักรพรรดิบุปผาที่ตายไปตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณกาล กลับปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาในยามนี้ ทั้งยังดูเยาว์วัยเป็นอย่างยิ่ง พวกนางจะไม่รู้สึกเหลือเชื่อได้อย่างไร?
ดวงตาของพวกนางทุกคนเบิกกว้าง ภายในใจเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“กลองสงครามเป็นตาย เจ้าต้องการจะสู้กับข้าแบบไม่ตายไม่เลิกราจริง ๆ หรือ...”
จักรพรรดิบุปผามองจ้าวหุบเขาด้วยสายตาเย็นชา ในฐานะของสมาชิกหุบเขาคงหลิงผู้หนึ่ง นางย่อมเข้าใจความหมายของกลองสงครามเป็นตาย
เพียงแต่นางก็คาดไม่ถึงว่าจ้าวหุบเขาจะตีกลองสงครามเป็นตายเพื่อจัดการกับนาง!
“เหล่าบรรพบุรุษเป็นฝ่ายผิด พวกเราเองก็นับว่ามีความผิด แม้ว่าผลประโยชน์จะเป็นเรื่องสำคัญ แต่พวกเราก็ต้องมีบรรทัดฐานที่ไม่อาจล่วงล้ำ!”
จ้าวหุบเขามองไปทางจักรพรรดิบุปผาแล้วกล่าวอย่างเน้นย้ำทุกคำพูด “พวกเราไม่ล่วงรู้ถึงรายละเอียดในเหตุการณ์ครั้งนั้น ข้าเชื่อว่าเหล่าบรรพบุรุษเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าเลือดเย็นและโหดร้ายถึงเพียงนี้ หากเหล่าบรรพบุรุษล่วงรู้ละก็ข้าเชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางจะยอมรับเจ้า!”
นางไม่รู้เรื่องราวในยามนั้น เหล่าบรรพบุรุษเองก็คงไม่ล่วงรู้ เนื่องจากรายละเอียดไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้
นางเชื่อว่าบรรพบุรุษไม่ได้ไร้ศีลธรรมถึงปานนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าจักรพรรดิบุปผาได้รับกระดูกจักรพรรดิมาด้วยวิธีการโหดร้ายและเลือดเย็นปานใด
สถานการณ์เช่นนี้เหมือนกับตัวนาง
แม้นางจะรู้ว่ากระดูกจักรพรรดิไม่ใช่กระดูกของจักรพรรดิบุปผาเอง แต่นางก็ไม่รู้ว่าจักรพรรดิบุปผาใช้วิธีการใดในการได้มันมา หากนางรู้เรื่องราวทั้งหมด คงไม่มีทางรับกระดูกจักรพรรดิมาด้วยความภาคภูมิใจ ซ้ำยังไม่มีทางจะยอมรับสืบทอดมันด้วย
ยามที่นางกล่าวคำเหล่านี้ออกมา หยาดเลือดก็ไหลออกจากมุมปากอย่างต่อเนื่อง
เดิมทีนางก็ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว แต่หลังจากเห็นจักรพรรดิบุปผาลงมือกับเสี่ยวหยาด้วยความโหดร้าย นางก็โกรธจัดจนฝืนร่างตัวเองก้าวไปทางจักรพรรดิบุปผาเพื่อประณามความไร้มนุษยธรรม ทั้งยังต้องการจะเปิดเผยโฉมหน้าอันแสนอัปลักษณ์ของจักรพรรดิบุปผาให้ทุกคนในหุบเขาคงหลิงได้รับรู้
การกระทำเช่นนี้ส่งผลให้อาการบาดเจ็บของนางแย่ลงอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่อารมณ์ในตอนนี้ของนางรุนแรงจนไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป แม้ชีวิตริบหรี่ลงก็ไม่อาจรั้งเอาไว้ได้!
“เจ้าไม่คิดว่าตัวเองกำลังทำเรื่องน่าหัวร่อหรือ?”
จักรพรรดิบุปผามองไปที่จ้าวหุบเขาแล้วยิ้มออกมา “กระดูกของเจ้าถูกนางเอาไปแล้ว เจ้ายังต้องการจะช่วยนางอีก?”
ร่างของจ้าวหุบเขาเหลือเพียงเนื้อและหนัง ไร้ซึ่งกระดูกสักชิ้น นางไม่คิดก็รู้ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนหน้า
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจ้าวหุบเขาที่ได้รับสืบทอดกระดูกจักรพรรดิ แต่ถูกหลิงอินนำมันออกไป
“นั่นไม่ใช่กระดูกของข้า!”
จ้าวหุบเขาตะโกนออกมาสุดเสียง
หลังจากตะโกน นางก็กระอักเลือดก้อนโตออกมา ทั่วทั้งร่างของนางกลายเป็นอัมพาตล้มลงไป ไม่สามารถพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นไปอีก!
“จ้าวหุบเขา!”
ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งรีบตรงเข้าไปหาเจ้าหุบเขาพร้อมความเจ็บปวดใจ ก่อนจะถ่ายทอดพลังในตัวไปยังร่างของจ้าวหุบเขาเพื่อช่วยพยุงอาการบาดเจ็บ
“โง่เกินเยียวยา!”
จักรพรรดิบุปผาเย้ยหยัน แววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?“
“ศัตรูที่พวกเราจะต้องจัดการคือจักรพรรดิบุปผาหรือ!?”
สมาชิกของหุบเขาคงหลิงส่วนใหญ่ที่ยังคงไม่รู้เรื่องราวต่างพากันไม่อยากจะเชื่อ
จักรพรรดิบุปผาคือความภาคภูมิใจของหุบเขาคงหลิง เป็นดั่งตัวแทนของตำนานเล่าขาน พวกนางต่างล้วนชื่นชมจักรพรรดิบุปผาเป็นอย่างมาก แต่ในตอนนี้พวกนางกับต้องมาเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย?
“ใช่แล้ว! ศัตรูคือนาง นางเป็นคนโกหกหลอกลวงและภาพมายาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหุบเขาคงหลิง!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความโกรธ นางอยู่ที่นี่มาโดยตลอดจึงรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง
“อะไรนะ!”
“มันกลายเป็นเช่นนี้เอง!”
หลังจากได้รับรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว สมาชิกหุบเขาคงหลิงต่างสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่คาดคิดว่าผู้ที่พวกเขาภาคภูมิใจและชื่มชมจนถึงที่สุดอย่างจักรพรรดิบุปผา แท้จริงแล้วกลับโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างยิ่ง!
“จักรพรรดิบุปผา เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือ?”
ดรุณีผู้หนึ่งถามจักรพรรดิบุปผาออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หัวใจของนางกำลังจะแตกสลาย เนื่องจากความจริงที่เข้ามากระแทกนั้นรุนแรงเกินไป
“ฮ่า ๆ! แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นเรื่องจริง”
จักรพรรดิบุปผาเงยหน้าหัวเราะ ทั้งยังตอบรับออกมาทันทีอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อความแข็งแกร่งมาถึงระดับที่นางอยู่แล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องอะไรมากมาย
“เรื่องจริง...ปรากฏว่ามันเป็นเรื่องจริง!”
“ท่าน...ท่านโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ได้อย่างไร!?”
ความศรัทธาของเหล่าสมาชิกหุบเขาคงหลิงจำนวนมากพังทลายลงกลายเป็นความเกลียดชังในทันที!
“แล้วเหตุใดข้าถึงไม่สามารถโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนั้นได้ ข้าจำเป็นต้องให้พวกเจ้าชี้นิ้วบอกด้วยงั้นหรือ?”
จักรพรรดิบุปผาหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม
ในสายตาของนาง สมาชิกหุบเขาคงหลิงเหล่านี้เป็นเพียงมดปลวก นางไม่จำเป็นต้องใส่ใจความเห็นของมดปลวกเหล่านี้
ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงสิ่งที่เสกสรรขึ้น พลังอำนาจเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง
และนางก็มีพลังดังกล่าว!
ผู้แข็งแกร่งอย่างไรเสียย่อมถูกสรรเสริญ มีเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้นที่ต้องสนใจว่าผู้อื่นคิดเห็นเช่นไร
บทที่ 324
ความจริงอันเจ็บปวดถูกเปิดเผยออกมา สมาชิกของหุบเขาคงหลิงต่างได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก
พวกนางไม่เคยคาดคิดเลยว่าจักรพรรดิบุปผาที่พวกนางรู้จักเป็นเพียงคำลวง จักรพรรดิบุปผาที่แท้จริงแล้วกลับเลือดเย็นและโหดร้ายจนทำให้ผู้คนเดือดดาล!
“สู้!”
จ้าวหุบเขาพยุงร่างตัวเองขึ้นก่อนจะตะโกนออกมา ผู้อาวุโสถ่ายพลังมาให้นาง สติของนางจึงยังคงแจ่มชัด
ความผิดพลาดจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข นางไม่ใช่คนที่จะปล่อยผ่านยามรับรู้ความผิดพลาดของตนเอง และนางก็เชื่อว่าสมาชิกหุบเขาคงหลิงเองก็เป็นเช่นเดียวกับนางที่ยินดีจะแก้ไขความผิดพลาด
“สู้!”
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนดังก้องทั่วหุบเขาคงหลิง จ้าวหุบเขาคิดถูกแล้ว เหล่าสมาชิกของหุบเขาคงหลิงต่างเต็มใจพร้อมจะร่วมมือกับนางเพื่อแก้ไขความผิดพลาด!
เหล่าผู้อาวุโสจากยุคโบราณกาลพุ่งไปด้านหน้า ศัสตราวุธชั้นยอดถูกพวกนางเรียกออกมาทีละชิ้น ต่างพากันลงมืออย่างเต็มที่!
นี่แสดงให้เห็นว่าพวกนางต้องการจะต่อสู้จริง ๆ พวกนางมีความรู้สึกผูกพันกับหุบเขาคงหลิงอย่างลึกซึ้ง แม้ต้องหลั่งเลือดกระทั่งหยดสุดท้ายเพื่อหุบเขาคงหลิงก็เต็มใจ
“พวกเจ้าทุกคน...ดีมาก!”
จ้าวหุบเขาแย้มยิ้ม ความพึงพอใจฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้า นางได้รับรู้แล้วว่าจิตใจของสมาชิกหุบเขาคงหลิงไม่ได้เลวร้าย พวกเขาไม่ได้สูญเสียมโนธรรมเพราะความกลัวตาย ซ้ำยังกล้าที่จะต่อสู้กับคนที่ไร้มนุษยธรรมเช่นจักรพรรดิบุปผา!
ฉากนี้ราวกับย้อนกลับไปยังครั้งสมัยโบราณกาล
ครั้งสมัยโบราณกาล สิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวนได้รุกล้ำเข้ามา สงครามครั้งใหญ่ลุกลามไปทั่วทั้งฟ้าดิน
บางคนเลือกที่จะคุกเข่าลงยอมจำนนต่อสิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวน บางคนหดหัวซ่อนตัวไม่ต้องการจะเข้าร่วมสมรภูมิเข่นฆ่าศัตรู บางคนถึงกับสังหารผู้แข็งแกร่งของฝ่ายตัวเองลงเพื่อประจบเอาใจสิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวน...
แต่หุบเขาคงหลิงของพวกนางยืนหยัดต่อต้าน ไม่ยอมคุกเข่า ไม่ซ่อนตัวจากสงคราม และไม่ได้สังหารผู้แข็งแกร่งของฝ่ายตนเองเพื่อประจบเอาใจสิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวน
พวกนางทำในสิ่งตรงกันข้าม ใช้ทรัพยากรทั้งหมดเท่าที่มี นำกองกำลังเข้าสู่สนามรบเข้าต่อสู้กับแดนเทียนหยวนโดยไม่สนเป็นตาย ห้าวหาญในแนวหน้า!
“บังอาจ!”
จักรพรรดิบุปผาตะโกนออกมาเสียงดัง บารมีมหาจักรพรรดิอันน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมากแผ่กระจายออกมาเป็นระลอกคลื่น
นางกวาดตามองสมาชิกทั้งหมดของหุบเขาคงหลิง ด้วยดวงตาเรืองแสงวาววาบสะท้านวิญญาณ
“พวกเจ้าอยากตายกันนักหรืออย่างไร? กล้าดีอย่างไรมาโจมตีข้า?”
น้ำเสียงของนางเย็นยะเยือก ชวนให้ผู้คนหนาวเหน็บ จักรพรรดิบุปผาเพียงกวาดตามอง สมาชิกทั้งหมดของหุบเขาคงหลิงก็ตัวสั่นสะท้าน วิญญาณแทบแหลกสลาย
นี่คือผู้ที่อยู่เหนือกว่ามหาจักรพรรดิขึ้นไป ช่องว่างของพวกนางนั้นกว้างใหญเกินกว่าจะจินตนาการถึง
สมาชิกของหุบเขาคงหลิงไม่กล้าจะเคลื่อนไหวอีก ไม่กล้าแม้จะเดินไปด้านหน้า
“เจ้า...เจ้ามันคนเลว!”
เด็กหญิงผู้หนึ่งเปล่งเสียงเล็ก ๆ ออกมา นางพยายามอย่างสุดความสามารถในการยิงลูกไฟใส่จักรพรรดิบุปผา
เด็กหญิงไม่อาจต้านทานบารมีจักรพรรดิเอาไว้ได้ ทั่วทั้งร่างเกิดแผลปริแตกขึ้นอย่างรวดเร็ว เลือดหลั่งรินออกมาไม่หยุด ทว่านางก็ยังคงเรียกลูกไฟออกมา
ลูกไฟนี้ไม่สามารถคุกคามจักรพรรดิบุปผาได้แม้แต้น้อย มันมีขนาดเล็กจนน่าเวทนา มันเล็กเสียยิ่งกว่าหนึ่งกำปั้น ทั้งยังดับสลายไปก่อนจะพุ่งถึงตัวจักรพรรดิบุปผาเสียอีก
ทว่าลูกไฟน้อย ๆ นี่กลับทำให้ใบหน้าของจักรพรรดิบุปผาบิดเบี้ยวน่าเกลียดเป็นอย่างมาก
“รนหาที่ตาย!”
นางไม่สามารถยับยั้งโทสะเอาไว้ได้ กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ ยังกล้าที่จะโจมตีนาง?
นางตบมือลงทำให้อากาศระเบิดออก นางโกรธจนสามารถบันดาลโทสะกวาดล้างฟ้าดิน!
ตู้ม!
ศรแสงพุ่งออกไป เปล่งประกายด้วยพลังอันไร้ขอบเขตขัดขวางการตบของจักรพรรดิบุปผา!
“ช่างน่าสมเพช ทุกคนล้วนโกรธแค้นเจ้า แม้กระทั่งเด็กหญิงตัวน้อยจากสำนักเดียวกับเจ้ายังคิดจะสังหารเจ้า!”
หลิงอินถือคันศรไว้ในมือ ลูกศรถูกยิงออกไปติดต่อกันอีกหลายครั้ง หมายจัดการจักรพรรดิบุปผา
“ฆ่า!”
“ล้างความอัปยศของหุบเขาคงหลิง แก้ไขความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่บรรพชนของเราได้ทำไว้!”
สมาชิกของหุบเขาคงหลิงกู่ร้องออกมา ดวงตากลายเป็นสีแดงกำ ไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว กระทั่งเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในหุบเขาคงหลิงยังกล้าที่จะต่อสู้กับจักรพรรดิบุปผา แล้วทำไมพวกนางจะไม่กล้า?
“ข้าจักรพรรดิบุปผาผู้ยิ่งใหญ่แห่งสมัยโบราณกาล แม้แต่มหาจักรพรรดิล้วนต้องสยบใต้เท้าเจ้า! มดปลวกอย่างพวกอาศัยความกล้ามากจากไหน! วันนี้ข้าจะบดขยี้หุบเขาคงหลิง สังหารพวกเจ้าทั้งหมด!”
จักรพรรดิบุปผาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร เต็มไปด้วยโทสะกราดเกรี้ยว
นางเรียกลำแสงออกมาสะกัดกั้นศรของหลิงอินไว้ได้ในพริบตา
ด้วยโทสะของนาง ทำให้พลังไม่ถูกออมไว้อีกต่อไป ศรของหลิงอินจึงถูกเบี่ยงออกไปโดยไม่อาจทำอะไรได้
ทว่าหลินอินไม่หวาดกลัว ในมือของนางไม่ได้มีแค่คันศร
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างของนางสั่นไหว ก่อนแยกร่างออกมานั่งขัดสมาธิกลางอากาศ บรรเลงฉินเฟิ่งหมิง!
ฉินเฟิ่งหมิงและคันศรที่ท่านเซียนมอบให้นั้นแตกต่างจากศัสตราวิเศษทั่วไป พวกมันไม่ต้องการพลัง แต่ใช้เต๋าที่เกี่ยวข้องในการเปิดใช้งาน
ยิ่งขอบเขตของเต๋าที่เกี่ยวข้องสูงเท่าไหร่ พลังที่สามารถใช้งานได้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
เสียงฉินดังขึ้น ท่วงทำนองแห่งเต๋าขั้นสูงสุดไหลเวียน เพลงเซียนโบยบินในห้วงนภาค่อย ๆ ถูกบรรเลงขึ้น
“ช่างน่าทึ่งนัก!”
จักรพรรดิบุปผาขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างมาก
เมื่อเสียงเพลงเริ่มบรรเลง ขอบเขตการฝึกตนของนางก็ถูกระงับ ความแข็งแกร่งของนางได้รับผลกระทบอย่างมากจนทำให้ยากจะสามารถต่อสู้โดยใช้พลังสูงสุดของตัวนาง
นางไม่อยากจะเชื่อ!
นางผู้อยู่เหนือกว่ามหาจักรพรรดิ จะถูกปราบปรามลงได้อย่างไร?
แต่ไม่ว่านางจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม ความจริงก็ปรากฏอยู่ต่อหน้านาง นางถูกปราบปรามลง พลังการต่อสู้เองก็ลดลงเป็นอย่างมาก!
สิ่งที่ทำให้นางไม่อยากจะเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ผู้ที่บรรเลงบทเพลงฉินอันน่าสะพรึงกลัวกลับเป็นเพียงร่างอวตารของหลิงอินเท่านั้น!
สิ่งนี้ทำลายสามัญสำนึกอย่างไม่ต้องสงสัย มันเหนือยิ่งกว่าขอบเขตความรู้ของนาง!
ระดับของฉินนี่สูงเท่าไหร่กัน?
ผู้ที่สร้างฉินขึ้นมาจะต้องน่ากลัวเพียงใด!?
นางไม่กล้าจะจินตนาการถึง มันน่าหวาดกลัวจนเกินไป!
หลิงอินรั้งสาย ยิ่งศรออกมาหลายดอกต่อเนื่อง ศรแต่ละดอกน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับสามารถทำลายดวงดาวหนึ่งดวงลงได้อย่างง่ายดาย
สีหน้าของจักรพรรดิบุปผาจริงจังอย่างถึงที่สุด ไม่กล้าจะประมาทเลินเล่อ นางสัมผัสได้ว่าศรแสงเหล่านี้ได้รับการเสริมพลังจากเพลงฉินจนแข็งแกร่งกว่าเดิมไปมากโข!
อีกอย่างตัวนางเองยังถูกเสียงฉินปราบปรามลง จนไม่สามารถสำแดงพลังสูงสุดได้ เช่นนั้นแล้วนางจะกล้าประมาทได้อย่างไร!
ช่าง...น่าคลื่นไส้เสียจริง!
ภายในใจของจักรพรรดิบุปผารู้สึกขมฝาด ไม่คาดคิดว่าตนเองจะถูกราชันเทวาตัวน้อยคุกคาม!
นางไม่กล้าลังเล รีบใช้วิชาระดับสูงเพื่อตอบโต้ศรแสงที่ยิงมา
วิชานี้นับว่าทรงพลังและน่ากลัวเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งนางเคยใช้มันเพื่อสังหารยอดฝีมือขอบเขตมหาจักรพรรดิมานับไม่ถ้วน
ลำแสงสีแดงเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาย้อมฟ้าดินให้กลายเป็นสีชาด นี่คือด้ายนพโลหิต ยิ่งใช้ด้ายมากขึ้นยิ่งทวีความน่ากลัว มหาจักรพรรดิทั่วไปสามารถทนรับได้เพียงสามเส้น ส่วนมหาจักรพรรดิแนวหน้าสามารถต้านทานได้เพียงหกเส้นเท่านั้น
ส่วนเส้นที่เก้า เส้นสุดท้ายนั้น นางยังไม่เคยใช้ออกมา
เนื่องจากนางยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถมากพอให้นางใช้ด้ายเส้นที่เก้าได้!
ทว่าในตอนนี้นางเริ่มเอาจริงเป็นพิเศษ ด้ายหกเส้นปรากฏขึ้นในทันที ทำให้อากาศถูกตัดออกจากกัน พื้นดินแยกออกกลายเป็นฉากอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด!
“ยอดศัสตราทั้งสองชิ้นนั้นต้องตกเป็นของข้า!”
จักรพรรดิบุปผาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้พลังของนางจะถูกกดเอาไว้ทำให้ยากแก่การใช้พลังสูงสุด แต่นางก็ยังคงเชื่อมั่นและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“ใต้หล้าฟ้าดินข้านั้นยิ่งใหญ่ที่สุด ส่วนเจ้านั้นก็เพียงได้แต่ฝันกลางวัน! จงรับผลของการประเมินตนเองสูงเกินไปเสียเถอะ!”
หลินอิงตอบกลับเสียดัง “เจ้ามันก็แค่ตัวตลกที่ออกมากระโดดโลดเต้น วันนี้เจ้าจะต้องรับผลกรรมที่ทำเอาไว้!”
บทที่ 325
บทเพลง ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ เรียกเซียนเหนือสวรรค์มาได้จริง ๆ!
ทำนองบรรเลงถึงจุดเดือด เงาคล้ายนางเซียนก่อรูปก่อร่าง กระบี่ยาวเย็นเยียบกำอยู่ในมือ บุกไปหาจักรพรรดิบุปผา!
จักรพรรดิบุปผาหวาดหวั่นเหลือคณา ไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ฟาดฟันด้ายนพโลหิตออกไปรัวถึงด้ายที่เก้า!
พลังด้ายทั้งเก้าปะทุ น่าประหวั่นพรั่นพรึงเหนือหกด้ายที่ฟาดฟันออกมาก่อนหน้านี้มาก!
ก่อนหน้านี้ เงาเซียนสามารถทลายค่ายกลโบราณในหุบเขาคงหลิงด้วยกระบี่เดียว พลังที่แฝงอยู่ในนั้นสยดสยองถึงขีดสุด ทว่าบัดนี้ มันกลับถูกต้านไว้ได้ ไม่อาจเข้าใกล้จักรพรรดิบุปผาไปมากกว่านี้
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ศรทะลวงมิติ หลิงอินดึงคันยิงศร เสริมกำลังแก่เงาเซียนในการโจมตีจักรพรรดิบุปผา
จักรพรรดิบุปผาไม่ธรรมดาจริง ๆ น่ากลัวเป็นนักหนา ฉินเฟิ่งหมิงและคันศรใหญ่ออกโรงพร้อมกันยังไม่อาจสยบจักรพรรดิบุปผาได้ทันที พลังของจักรพรรดิบุปผาน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งยวด
ทว่านางมิได้กังวล
จัดการยากส่วนจัดการยาก แต่ท้ายที่สุดจักรพรรดิบุปผาจะปราชัยต่อนางอยู่ดี!
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เสียงระเบิดสุดสยองดังไม่หยุดหย่อน การต่อสู้ระหว่างหลิงอินกับจักรพรรดิบุปผาน่ากลัวเกินไป หุบเขาคงหลิงพังครืนเป็นแถบ ไม่อาจต้านทานคลื่นหลงพลังการต่อสู้ระดับนี้ได้เลย
“นี่หรือคือพลังที่อยู่เหนือมหาจักรพรรดิ!?”
“พวกเรา…แค่เข้าใกล้ยังทำไม่ได้เลย!”
สมาชิกในหุบเขาคงหลิงต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความห่างชั้นของพลังมากมายจนเกินหยั่ง อย่าว่าแต่เข้าไปต่อสู้ร่วมกับจักรพรรดิบุปผาเลย ลำพังคลื่นหลงพลังที่ปะทุจากการต่อสู้พวกนางยังต้านทานไม่ไหว!
พวกนางถอยออกไปอยู่ที่ไกล ๆ ไม่ถอยไม่ได้ ขืนพวกนางไม่ถอย พวกนางจะตายด้วยคลื่นหลงพลังการต่อสู้เยี่ยงนี้ในชั่วพริบตา
รวมถึงบรรดาจ้าวสูงสุดในยุคโบราณก็ด้วย ใต้การต่อสู้ระดับนี้ พวกนางเองก็อ่อนแอเสียจนต้านไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว ไม่มีสิทธิ์ร่วมการต่อสู้ด้วยซ้ำ
“นางเป็นใครกันแน่!”
“เก่งกาจยิ่งนัก!”
เหล่าสมาชิกในหุบเขาคงหลิงทอดมองหลิงอิน สายตาเปี่ยมได้วยความนับถือระคนตะลึง
หลิงอินน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว ถึงขั้นต่อสู้กับจักรพรรดิบุปผาได้ถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งจักรพรรดิบุปผายังไม่อาจแผ้วพานหลิงอิน!
เรื่องนี้เกินความคาดหมายของนางอย่างไม่ต้องสงสัย!
รู้หรือไม่ จักรพรรดิบุปผาคือตัวตนที่อยู่เหนือมหาจักรพรรดิ แม้แต่กำลังรบระดับมหาจักรพรรดินางยังสังหารได้ในเสี้ยวลมหายใจ
“ข้า…ข้าบังอาจทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไร!”
จ้าวหุบเขาเอ่ยละล่ำละลัก นึกถึงยามนางเกิดใจละโมบหมายตาฉินวิเศษของหลิงอิน ใช้พลังค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณในการต่อกรกับหลิงอิน
หากมิใช่ว่าหลิงอินไม่ถือสาหาความ เกรงว่านางตายก่อนได้รู้ว่าตนเองตายได้อย่างไรด้วยซ้ำ!
อีกด้าน สีหน้าจักรพรรดิบุปผาค่อย ๆ ย่ำแย่
เดิมนางมั่นใจเหลือล้น เชื่อมั่นเต็มร้อย ทว่าหลังจากนางใช้สุดยอดวิชาไปมากมาย หรือแม้กระทั่งยามนางเรียกศัสตราทรงพลังทั้งหลายออกมาแล้วยังทำอะไรหลิงอินไม่ได้ นางเริ่มตื่นตระหนก ความมั่นใจที่เคยเปี่ยมล้นก่อนหน้าค่อย ๆ หายไป
นี่เป็นฉินและคันศรเช่นไรกัน!
ต่อสู้กันมานานขนาดนี้ พลานุภาพไม่ลดถอยลงเลย!
นางก่นด่าในใจ พลานุภาพของฉินและคันศรไม่ลด พลังของนางกลับลดทอนลงมาก ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป นางต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
นางไม่อยากต่อสู้แล้ว อยากออกไปจากที่นี่ ทว่านางไปไหนมิได้ พลังจากฉินและคันศรเล็งนางไว้ นางไม่อาจหนีไปไหนได้เลย!
“ไว้หน้าผู้อื่น วันหน้าจะได้ไม่ตะขิดตะขวง วันนี้เราจบกันเท่านี้เป็นอย่างไร”
นางเสนอสงบศึกกับหลิงอิน แม้เจ็บใจและไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่นางไร้หนทางอื่น นางกดดันใหญ่หลวง หากเป็นแบบนี้ต่อ นางคงทนต่อไปได้อีกไม่นาน
พลานุภาพของฉินและคันศรไม่ลด ซ้ำร้ายยังเป็นพลังแกร่งกล้าสยดสยองถึงปานนั้น นางต้องอยู่ในสภาวะต่อสู้เต็มกำลังอยู่ตลอด หากไม่ทันระวังเพียงนิดหน่อยจักได้รับบาดเจ็บสาหัส นางกดดันมากจริง ๆ!
“วันหน้าจะได้ไม่ตะขิดตะขวง? เจ้าคิดอันใดอยู่! เจ้าอยู่ไม่เกินวันนี้แล้ว!”
เสียงของหลิงอินเย็นยะเยือก นางไม่เคยอยากฆ่าผู้ใดเท่านี้มาก่อน วันนี้จักรพรรดิบุปผาจะต้องชีวาวาย ไม่ว่าผู้ใดมาช่วยก็เปล่าประโยชน์!
การดำรงอยู่เหนือชั้นมหาจักรพรรดิต่อกรด้วยยากจริงเชียว หากมิใช่ว่าฉินเฟิ่งหมิงและคันศรใหญ่น่าทึ่งมากพอ พลังไร้ขีดจำกัด ซ้ำยังไม่ผลาญพลังของตัวนางเอง วันนี้นางไม่อาจกำราบจักรพรรดิบุปผาได้จริง ๆ
พลังของฉินเฟิ่งหมิงและคันศรใหญ่ไม่พอให้สยบจักรพรรดิบุปผา
นางได้แต่ผลาญพลังจักรพรรดิบุปผาไปเรื่อย ๆ รอให้จักรพรรดิบุปผาสิ้นเรี่ยวแรงแล้วค่อยกำราบนางในคราเดียว
“เจ้าตั้งใจไม่ตายไม่เลิกราจริงหรือ!?”
จักรพรรดิบุปผาคำรามกราดเกรี้ยว “เจ้าไม่รู้ว่าเบื้องหลังของข้าคือสิ่งใด! ข้าขอบอกเจ้า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังข้าเกินกว่าที่เจ้าจินตนาการได้! หากวันนี้ข้าตายอยู่ที่นี่ เจ้าเองก็จบไม่ดีแน่!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
หลิงอินไม่พูดจา แสดงจุดยืนของนางด้วยการกระทำ ไม่ว่าเบื้องหลังของจักรพรรดิบุปผามีสิ่งใดอยู่ วันนี้นางไม่มีทางปล่อยจักรพรรดิบุปผาไป!
นางยิงศรออกไปอีกหลายครา แต่ละศรทวีความน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ามิได้ยิงเข้าจุดสำคัญของจักรพรรดิบุปผา นางไม่ต้องการปลิดชีพจักรพรรดิบุปผาง่าย ๆ เยี่ยงนั้น เช่นนั้นจักรพรรดิบุปผาจะสบายเกินไป!
จักรรพรรดินีมวลบุปผาใช้วิชาอภินิหารทั้งหลายสุดกำลัง ล้วนแต่เป็นวิชาระดับมหาจักรพรรดิสุดสยดสยอง พลังอันน่ากลัวถาโถมสู่นภา!
นอกจากนี้ นางยังรีดเร้นพลังศัสตราทั้งหมดที่นางมีในครอบครองถึงระดับสูงสุด หมายจะปะทุพลังแล้วฝ่าออกไปด้วยการนี้
ศัสตราเหล่านี้ล้วนมีระดับสูงส่ง มิหนำซ้ำมีอาวุธมหาจักรพรรดิชิ้นหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังไม่ไหว นางถูกพันธนาการอยู่ที่นี่ ไม่อาจหนีออกไปได้เลย!
นางจนปัญญาสนิท ได้แต่ประกาศไปว่ากองกำลังใดอยู่เบื้องหลังของนาง
“เบื้องหลังของข้าคือทะเลต้องห้าม!”
นางตวาด “หากเจ้าฆ่าข้า ทะเลต้องห้ามย่อมไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ข้ามีภารกิจที่ทะเลต้องห้ามมอบหมายให้!”
ทะเลต้องห้าม!
นัยน์ตาหลิงอินสั่นไหว สีหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง
นางคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิบุปผาจักมีความเกี่ยวข้องกับทะเลต้องห้าม!
ทะเลต้องห้ามเป็นดั่งชื่อของมัน เป็นสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง ลึกลับน่าสยดสยองเป็นที่สุด!
ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดรู้ว่าทะเลต้องห้ามก่อกำเนิดได้อย่างไร และไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดรู้ว่าภายในทะเลต้องห้ามประกอบไปด้วยสิ่งใด
ผู้คนรู้แต่เพียงว่าห้ามเข้าไปในเขตทะเลต้องห้าม ผู้ใดเข้าไปล้วนต้องจบชีวิตลง!
อาณาจักรแห่งนี้มีแดนต้องห้ามทั้งหมดเก้าแห่ง แต่ละแห่งล้วนน่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด อันตรายกว่าสถานที่ใดในใต้หล้านี้
ในยุคโบราณ ราชวงศ์อวี่ฮว่ารุ่งเรืองทรงพลัง ไม่มีกองกำลังฝึกตนใดเทียบเทียม เป็นใหญ่ไปทั่วทั้งอาณาจักรในยุคโบราณ ปกครองทั้งใต้หล้า
ทว่าราชวงศ์อวี่ฮว่าที่รุ่งเรืองทรงพลังถึงเพียงนี้ ยังยำเกรงต่อทะเลต้องห้ามเหลือแสน มิกล้าเข้าใกล้เขตแดนของเก้าแดนต้องห้ามแม้แต่น้อย!
ทะเลต้องห้ามคือหนึ่งในเก้าแดนต้องห้าม!
จักรพรรดิบุปผาเห็นหลิงอินมีสีหน้าเปลี่ยนไป จึงรู้ว่าทะเลต้องห้ามสร้างความสะท้านต่อหลิงอินได้ระดับหนึ่ง
นางสบโอกาสนี้สำทับทันที “แม้ข้าอยู่เหนือมหาจักรพรรดิไปแล้ว กระนั้นยังอีกไกลกว่าจะบรรลุเป็นเซียน ยุคโบราณเป็นช่วงเวลาที่ผ่านมานานนม หากมิใช่ด้วยเหตุผลพิเศษบางประการ ไฉนเลยข้าจะมีชีวิตมาได้ถึงบัดนี้ ซ้ำพลังยังอยู่ในจุดสูงสุดดั่งในอดีตอีกด้วย”
นางกล่าวต่อ “ข้าเคยไปทะเลต้องห้าม และได้ทำข้อตกลงลับบางอย่างกับทะเลต้องห้าม นี่คือเหตุผลที่ข้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงยุคปัจจุบัน!”
จากนั้น นางชี้โลงศพหินด้านโน้นพลางกล่าว “โลงศพหินนี้เป็นของประทานจากทะเลต้องห้าม ของเหลวแบบพิเศษภายในก็เป็นของประทานจากทะเลต้องห้าม ข้าไม่รู้ว่าของเหลวนี้เป็นสิ่งใด แต่ที่ข้าอยู่มาได้ถึงยุคนี้ แม้กระทั่งที่พลังฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดได้ ล้วนเป็นเพราะของเหลวชนิดนี้!”
นางเล่าเรื่องราวทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ว่านางเกี่ยวข้องกับทะเลต้องห้ามจริง ๆ หวังพึ่งทะเลต้องห้ามเผื่อว่าหลิงอินจะยอมปล่อยนางไป
นี่คือวิธีเอาตัวรอดสุดท้ายของนางแล้ว!