316-320

บทที่ 316
จ้าวหุบเขาออกโรง ค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณในหุบเขาคงหลิงก็ปล่อยพลังอย่างเต็มกำลัง!


ชั่วพริบตานั้น ทั้งหุบเขาคงหลิงส่องแสงเจิดจ้าประดุจกลางวัน ประกายเจิดจรัสทาบทับออกไปไกลหลายหมื่นลี้ วงแหวนค่ายกลปรากฏออกมาวงแล้ววงเล่า คลื่นพลังอันน่าสยดสยองกระเพื่อมไหว ปกคลุมทั้งหุบเขาคงหลิงเอาไว้!


ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!


ร่างอันทรงพลังมากมายเหินออกจากส่วนลึกของหุบเขาคงหลิง ทั้งหมดนี้คือยอดฝีมือผู้อาวุโสที่ยังอยู่ในหุบเขา แสงเทวะในตัวแต่ละคนเจิดจ้าแยงตาถึงขีดสุด ขอบเขตต่ำที่สุดคือจ้าวเทวา ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในขอบเขตราชันเทวา และขอบเขตยอดเทวา!


ค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณในหุบเขาคงหลิงเปล่งพลังเต็มกำลัง พวกเขาต่างรู้ตัวได้ในทันที ตระหนักได้ว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเป็นแน่ จึงรีบร้อนรุดหน้ามาที่นี่!


“นี่ตั้งใจชิงฉินของข้าด้วยหรือ?”


หลิงอินมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสนอกสนใจ ทว่ามิได้แตกตื่นแม้แต่น้อย


มีฉินเฟิ่งหมิงที่ท่านเซียนประทานให้ นางไม่มีสิ่งใดต้องตื่นตระหนก


“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”


จ้าวหุบเขามีสีหน้าเย็นชา มหาเต๋าทองอร่ามปรากฏใต้เท้า นางย่ำบนมหาเต๋าสีทองจนไต่ขึ้นนภา มองหลิงอินอย่างผู้เหนือกว่า


ก่อนนี้นางต้องไว้หน้าหลิงอิน


ทว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่จำเป็นต้องไว้หน้าหลิงอินอีกต่อไป!


บนท้องนภา นางก้มมองหลิงอินอย่างผู้สูงส่ง “ช่วงเวลาพิเศษ ย่อมรับมือด้วยวิธีการพิเศษ! หากมิใช่ช่วงนี้ ต่อให้เบื้องหลังเจ้าไม่มียอดนิกายคอยสนับสนุนอยู่ ข้าก็มิกล้าหมายหัวเจ้าสุ่มสี่สุ่มห้า! แต่กาลนี้ต่างออกไป! ในกาลนี้ ต่อให้ข้ายึดไว้ทั้งตัวเจ้าและฉินของเจ้าก็ไม่มีทางเกิดปัญหา!”


นางสมกับตำแหน่งจ้าวหุบเขา กล้าหาญทว่าไม่บุ่มบ่าม พินิจไตร่ตรองได้ครบถ้วนทุกด้านโดยไม่ขาดตกบกพร่อง!


นางต้องการชิงฉินมา กระนั้นก็มิได้มีความคิดสังหารหลิงอิน


มิใช่เพราะนางใจดีเมตตาแต่อย่างใด…


ไม่ฆ่าหลิงอิน รั้งหลิงอินไว้ที่นี่ ถึงครานั้นต่อให้ยอดนิกายบุกมาถึง นางก็ไม่เป็นไร


หากรับมือไม่ได้จริง ๆ ยังสามารถคืนทั้งหลิงอินและฉินวิเศษให้


ภัยพิบัติครั้งใหญ่ใกล้มายังยุคนี้แล้ว สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจ้องตาเป็นมัน แต่เดิมอาณาจักรของพวกเขาอ่อนด้วยพลังอยู่แล้ว ไม่สามารถสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้


จ้าวหุบเขาเล็งเห็นจุดนี้ถึงได้กล้าหมายตาหลิงอิน


หุบเขาคงหลิงเป็นถึงกลุ่มอำนาจขั้นสูงสุด ต่อให้ยอดนิกายมาหาถึงที่ก็คงไม่เอาความหุบเขาคงหลิงของพวกนาง


แต่ถ้าฆ่าหลิงอินคงไม่ง่ายเช่นนั้นแล้ว…


เพราะฉะนั้น นางไม่ฆ่าหลิงอิน เพียงแต่จะกักขังหลิงอินไว้ในหุบเขาคงหลิงของพวกนาง


“ไม่เป็นไรหรือ?”


หลิงอินหัวเราะเสียงเย็นยะเยือก “พวกเจ้าคิดเช่นนี้ยิ่งดี ข้าอยากลงไม้ลงมือมานานแล้ว!”


“โอหังยิ่งนัก!”


จ้าวหุบเขาตวาดเสียงเย็น สองมือประสานอินอย่างรวดเร็ว สร้างการเชื่อมต่อกับมหาค่ายกลในหุบเขา


“สะกด!”


นางประสานอินเสร็จ พลังจากมหาค่ายกลปะทุ คลื่นริ้วค่ายกลวูบไหวรุนแรง วงแหวนแสงมากมายถล่มไปหาหลิงอิน!


นี่คือพลังของ ‘สะกด’!


นางต้องการยืมพลังจากมหาค่ายกลในการสะกดหลิงอิน!


หลิงอินเยือกเย็นสุขุม ไม่มีทีท่าตระหนกแม้แต่น้อย นางสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดหวั่นของมหาค่ายกล แม้กระทั่งจ้าวสูงสุดในยุคนี้ก็ไม่แน่ว่าจะต้านทานได้ไหว


ทว่ามีฉินเฟิ่งหมิงอยู่ในมือ นางแข็งแกร่งยิ่งกว่าจ้าวสูงสุดในยุคนี้เสียอีก…


หญิงสาววางมือเรียวบนฉิน ดีดบรรเลงสายฉินแผ่วเบาด้วยท่าทีสงบ


ญาณฉินวิหคเพลิงร่ายรำไปตามเสียงฉิน เปลวเพลิงที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวดุดันเป็นทวีคูณ มันโผทะยานขึ้นไปด้านบนด้วยบารมีไร้เทียมทาน พลังสุดกล้าแกร่งพวยพุ่งกวาดล้าง วงแหวนแสงซึ่งเป็นพลังคลื่นริ้วค่ายกลที่ถล่มมาหาหลิงอินถูกทำลายลงจนสิ้น!


“อะไรกัน!”


สีหน้าจ้าวหุบเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าหลิงอินสามารถรีดเร้นพลังที่แข็งแกร่งถึงปานนี้ได้!


พลังค่ายกลเปล่งออก แม้กระทั่งจ้าวสูงสุดในยุคนี้ยังไม่อาจต้านทาน หลิงอินดีดสายฉินเบา ๆ กลับต้านไว้ได้ จะมิให้นางตะลึงได้อย่างไร!?


“นางทำได้อย่างไร!”


“สวรรค์!”


บรรดาผู้อาวุโสหุบเขาคงหลิงในที่นี้ต่างศีรษะชาหนึบกันถ้วนหน้า


หลิงอินเป็นเพียงราชันเทวา กลับแสดงแสนยานุภาพของฉินวิเศษได้ถึงเพียงนี้ พลิกโลกทัศน์พวกนางไปอย่างมาก ยากที่พวกนางจะทำใจเชื่อได้ลง!


“แม้เป็นเช่นนั้น เจ้ากับฉินของเจ้าก็ยังต้องถูกจองจำไว้ในหุบเขาคงหลิงแห่งนี้!”


จ้าวหุบเขากัดฟัน ไม่อาจถอดใจไปแบบนี้


นางมิได้ลังเล แต่ควบคุมพลังค่ายกลโบราณ สำแดงอานุภาพทั้งหมดที่ค่ายกลโบราณมีออกมา!


นี่คือค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณอันสมบูรณ์แบบ หลังจากนั้นผ่านการเสริมพลังจากมหาจักรพรรดิแต่ละรุ่นแห่งหุบเขาคงหลิงของพวกนาง แม้แต่มหาจักรพรรดิเมื่อติดอยู่ในค่ายกลแห่งนี้ยังต้องสิ้นชีพลง!


อนิจจา ภัยพิบัติครั้งใหญ่ในยุคโบราณนั้น มีสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนบุกมาถึงหุบเขาคงหลิงของพวกนาง


ถึงแม้พวกนางใช้พลังจากค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณนี้ต้านการรุกรานของสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนไว้ได้ ภายในหุบเขามิได้รับผลกระทบ กระนั้นพวกนางก็สิ้นเปลืองพลังไปมหาศาล!


การรักษาพลังของค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณระดับนี้ให้ทำงานต่อเนื่อง เป็นการสิ้นเปลืองพลังระดับที่จินตนาการไม่ออก!


แต่เพราะรากฐานหุบเขาคงหลิงของพวกนางมีกำลังมากพอ ถึงทนอัตราสิ้นเปลืองระดับนี้ได้ไหว ต้านทานการรุกรานของสิ่งมีชีวิตอาณาจักรเทียนหยวนได้


ทว่าหลังจากศึกใหญ่ครานั้น รากฐานของพวกนางเสียหายอย่างมาก รากฐานที่เหลืออยู่ในยุคนี้ไม่พอให้เปล่งพลังทั้งหมดของค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณออกมา


แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่อาจสบประมาทพวกนางได้


เฉกเช่นตอนนี้


พลังที่ค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณสำแดงอยู่ในยามนี้ ต่อให้เป็นว่าที่จักรพรรดิที่แตะขอบเขตจักรพรรดิแล้วก็ไม่อาจต้านทานได้ไหว!


จ้าวหุบเขาไม่เชื่อว่าหลิงอินจะยังต้านทานได้อีก!


ถึงแม้หลังจากครั้งนี้ คงเป็นการยากที่พวกนางจะสามารถใช้พลังจากค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณได้อีก พวกนางไม่มีทรัพยากรมากกว่านี้ให้ค้ำจุ้นค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณนี้


กระนั้นจ้าวหุบเขาไม่เสียใจ


ขอเพียงจับกุมหลิงอินไว้ได้ และได้มาซึ่งฉินวิเศษในมือหลิงอิน ทุกอย่างที่ได้ทุ่มเทลงไปล้วนคุ้มค่า!


“เจ้าคิดว่าลำพังฉินวิเศษของเจ้าก็สามารถเอาชนะหุบเขาคงหลิงของเราได้หรือ! ขออภัย เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว!”


จ้าวหุบเขาเอ่ยพร้อมหัวเราะเสียงเย็น


โฮก โฮก โฮก!


เสียงอสูรคำรามสะท้านเยื่อหูดังขึ้น ค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณสำแดงฤทธิ์เดชรุนแรงยิ่งขึ้น คลื่นริ้วค่ายกลจำนวนนับไม่ถ้วนกระเพื่อมสั่นไหว ก่อนจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นอสูรร้ายตัวมโหฬาร พุ่งเข้าไปหาหลิงอิน!


อสูรร้ายน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง คลื่นลมปราณที่แผ่ซ่านออกมาชวนให้อกสั่นขวัญผวา สั่นเทิ้มไปทั้งดวงวิญญาณ!


ทว่าหลิงอินยังคงมีท่าทีสงบ ไม่แตกตื่นแม้เพียงเล็กน้อย


“เจ้าคิดจริงหรือว่าด้วยพลังค่ายกลโบราณแห่งนี้จะสยบข้าได้ ขออภัย ผู้ที่คิดมากเกินไปคือเจ้า…”


หลิงอินบรรเลงเพลงฉิน ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ที่ท่านเซียนเรียบเรียงใหม่นั่นเอง!


‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ คือเพลงฉินที่นางประพันธ์เมื่อครั้งบรรลุจ้าวสูงสุดในยุคโบราณ ครานั้น นางองอาจเปี่ยมความทะเยอทะยาน หาญกล้าแม้แต่เรื่องบรรลุเซียน!


อนิจจา ความเป็นจริงนั้นโหดร้าย อย่าว่าแต่เป็นเซียนเลย นางไม่สามารถแตะขอบเขตจักรพรรดิด้วยซ้ำ!


ท้ายที่สุด นางจำต้องเลือกเสี่ยงบนเส้นทางสังสารวัฏด้วยความจนใจ!


เสียงเพลงฉินไพเราะเสนาะหูดังขึ้น จังหวะเริ่มแรกเนิบนาบ ทว่าตอนหลังค่อย ๆ เร็วขึ้น พาให้ผู้ฟังเลือดลมพลุ่งพล่าน ฮึกเหิมเหลือคณา!


คลื่นสีทองมากมายซัดสาดออกมา หลิงอินตั้งอกตั้งใจ ดื่มด่ำอยู่ในภวังค์เพลงฉิน จังหวะแห่งเต๋าแสนพิเศษสูงส่งหลั่งไหลออกมา เสียงฉินปกคลุมทั่วทั้งหุบเขาคงหลิง!


ญาณฉินวิหคเพลิงแหงนหน้ากู่ร้อง เปลวเพลิงซึ่งโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงส่ายไปมา มันเหินกลับเข้าไปในฉินเฟิ่งหมิงเพื่อเสริมพลัง!


“บทเพียง ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ เรียกเซียนเหนือสวรรค์ ฆ่าฟันศัตรูได้หมดใต้หล้า!”


หลิงอินเอ่ยเสียงแผ่ว จังหวะเพลงฉินเร็วขึ้นอีกครา คลื่นฉินแสนสยดสยองค่อย ๆ คืบคลานออกมา!


มิติทลายลงมาก พลังโกลาหลของมิติทะลักหลั่ง เสียงฟ้าร้องดั่งอยู่ในหุบเขาคงหลิงไม่หยุดหย่อน ราวกับกาลอวสานได้เดินทางมาถึง!


พลังประหลาดบางอย่างกำลังหลอมรวมอยู่ในเพลงฉิน คล้ายว่าต้องการก่อร่างให้เห็นลักษณะบางอย่าง

บทที่ 317

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!


ประกายเจิดจ้าส่องสว่างประดุจแสงแห่งเซียน น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไป


พลังประหลาดที่หลั่งไหลออกจากเพลงฉินกำลังหลอมรวมร่างเค้าโครงบางอย่าง มันค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้น จวบจนกลายเป็นเงามนุษย์ซึ่งดูคล้ายนางเซียนท่านหนึ่ง!


แววตาจ้าวหุบเขาสั่นไหว กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้


นางเคยได้ยินเพลงฉินบทนี้มาก่อน เป็นเพลงฉินที่ประพันธ์โดยจ้าวสูงสุดหญิงในยุคโบราณ นามว่า ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ เป็นที่แพร่หลายอย่างมากในยุคโบราณ


ถึงแม้ ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ที่หลิงอินบรรเลงนั้นจะมีการปรับเปลี่ยน กระนั้นนางยังฟังออกว่านี่คือบทเพลง ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’!


“คงมิใช่ว่ามีเซียนเหนือสวรรค์มาจริงกระมัง!”


นางมองเงานางเซียนนั้นด้วยหน้าตาหวาดหวั่น


เงาประดุจนางเซียนนั้นเพิ่งก่อเป็นรูปร่างก็มีพลังปราณแสนน่ากลัวคืบคลานออกมา แม้กระทั่งบารมีอสูรร้ายที่หลอมรวมจากพลังในค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณยังถูกสะกดข่ม!


ยามนี้นางสำนึกเสียใจเป็นที่สุด หากรู้อย่างนี้แต่แรก ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ควรเกิดความคิดละโมบ!


เงาคล้ายนางเซียนหลอมรวมออกมา นางรู้สึกว่าค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณคงไม่อาจแผ้วพานหลิงอินแล้ว…


โฮก โฮก โฮก!


อสูรร้ายที่หลอมรวมจากพลังของค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณคล้ายมีจิตสำนึก สัมผัสได้ว่าเงาคล้ายนางเซียนอันตรายอย่างมหันต์ มันเปล่งบารมีดุดันยิ่งขึ้นขณะพุ่งเข้าไปหาเงานางเซียน!


อนิจจา เพลงฉินบทนี้มิได้มีแค่นั้น


เสียงฉินซัดสาด อสูรร้ายลดความเร็วจนเชื่องช้าประดุจหอยทาก และมิใช่เพียงแค่นั้น พลังในทุก ๆ ด้านของอสูรร้ายกำลังลดฮวบเช่นกัน!


“แย่แล้ว!”


หน้าตาจ้าวหุบเขาซีดเผือด สิ่งที่คิดเมื่อครู่กลายเป็นจริง


ค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณแผ้วพานหลิงอินไม่ได้จริง ๆ!


อสูรร้ายเกิดจากพลังของค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณ บัดนี้สภาพของอสูรร้ายน่าสังเวชเยี่ยงนี้ บ่งบอกว่าหลิงอินมีพลังเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย!


ฟึ่บ!


เงาคล้ายนางเซียนก่อรูปก่อร่างเสร็จสมบูรณ์ ยกนิ้วหนึ่งขึ้นเบา ๆ ทอประกายวาววามไร้สิ่งใดเทียม แสงลำหนึ่งพุ่งออกไปกระแทกใส่อสูรร้าย เสียงดังตึง อสูรร้ายระเบิดแหลกไปทั้งร่าง ละเอียดเป็นผุยผงกระจายเกลื่อนกลาด!


“จบแล้ว!”


จ้าวหุบเขาใกล้ร้องไห้เต็มที เหตุใดหลิงอินถึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้


ค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณยังทำอะไรหลิงอินไม่ได้ ซ้ำยังต้านทานไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว!


อสูรร้ายที่หลอมรวมออกมาด้วยพลังสูงสุด ดับสูญไปในนิ้วเดียว ต้องเป็นพลังระดับไหนกัน!?


“หา!?”


“ไม่หรอกกระมัง!”


บรรดาผู้อาวุโสในหุบเขาคงหลิงอึ้งกันหมด สั่นเทิ้มไปทั้งตัว หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก


น่ากลัว น่ากลัวมากจริง ๆ!


อสูรร้ายที่หลอมรวมขึ้นด้วยพลังสูงสุดแห่งค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณ แม้กระทั่งว่าที่จักรพรรดิยังต้านทานไม่ไหว เงาเซียนที่ก่อรูปร่างจากเพลงฉินของหลิงอินกลับกำจัดได้ในนิ้วเดียว!


นี่มัน…ห่างชั้นกันเกินไปแล้ว!


“ข้าขุ่นเคืองยิ่ง…!”


หลิงอินคำรามเสียงต่ำ ไม่หยุดบรรเลง เพลงฉินดำเนินต่อไป


การตายของเสี่ยวหยาสร้างความโศกาอาดูรแก่นางอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นเป็นไปได้ว่าจักรพรรดิบุปผาสังหารเสี่ยวหยาด้วยวิธีการอำมหิตเหลือคณา ความขุ่นเคืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเกิดขึ้นในใจนาง!


บัดนี้ จ้าวหุบเขายังหมายตาฉินของนาง หมายจะยึดครองทั้งนางและฉินของนางไว้ในหุบเขาคงหลิง ความขุ่นเคืองในใจนางยิ่งทวีคูณ!


หญิงสาวเพ่งสมาธิบรรเลงเพลงฉินทั้งกายใจ โทสะของนางผสานไปกับเพลงฉิน


คล้อยตามการบรรเลงเพลงฉินอย่างต่อเนื่อง พลังที่สยดสยองยิ่งกว่านั้นหลอมรวม สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในหุบเขาคงหลิงรวมทั้งจ้าวหุบเขาต่างตื่นกลัวจนหมอบอยู่กับพื้น ดวงวิญญาณสั่นสะท้านไม่หยุด!


“นาง…นางคิดจะทำสิ่งใด!?”


“นางคิดจะทำลายทั้งหุบเขาคงหลิงของเราหรือ!?”


บรรดาผู้อาวุโสเอ่ยละล่ำละลักด้วยจิตใจหวาดผวา


พลังที่หลอมรวมจากเพลงฉินน่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไป พวกนางตื่นกลัวเหลือแสน อกสั่นขวัญแขวน ราวกับวันสิ้นโลกใกล้เกิดขึ้นกับพวกนางแล้ว!


“ไยจึงเป็นเช่นนี้!?”


จ้าวหุบเขาคำราม คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ หัวใจของนางเย็นวาบ กิเลสความละโมบไม่ควรมียิ่ง


หากมิใช่ความละโมบของนาง หุบเขาคงหลิงไฉนเลยจะตกที่นั่งลำบากขนาดที่ต้องถูกล้างบางอย่างสมบูรณ์!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังออกมาจากส่วนลึกของหุบเขาคงหลิงหลายต่อหลายครั้ง เงาโบราณมากมายเหาะเหินออกมา


พวกนางแต่ละคนผอมหนังติดกระดูก เบ้าตาลึกโบ๋ ผิวพรรณปราศจากความกระจ่างใส เต็มไปด้วยริ้วรอยแก่ชราจนดูแทบไม่ได้ เหมือนเป็นซากดึกดำบรรพ์เสียมากกว่า


พลังสุดสยดสยองหลอมรวมอยู่ภายในหุบเขาคงหลิง พวกนางล้วนสะดุ้งตื่นจากการหลับใหล ตระหนักได้ว่าหุบเขาคงหลิงคงประสบวิกฤตอย่างหนัก


พวกนางล้วนอยู่รอดมาจากยุคโบราณ แต่ละคนต่างอยู่ในขอบเขตจ้าวสูงสุด


“ผู้ใดบังอาจกำเริบเสิบสานที่หุบเขาคงหลิง!?”


“พวกเจ้าจะบังอาจเกินไปแล้ว!”


พวกนางตวาดเสียงเย็น ลมปราณจ้าวสูงสุดแผ่คลี่คลุม หมายจะปลิดชีพศัตรูผู้มาเยือน บารมีของหุบเขาคงหลิงมิยอมให้ถูกหยามเหยียด!


“...”


จ้าวหุบเขาเห็นจ้าวสูงสุดเฒ่าทั้งหลายตื่นจากการหลับใหลแล้วไม่รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย กลับกัน น้ำตาของนางรินไหลลงมาจริง ๆ


บรรพจารย์ทั้งหลาย ไยพวกท่านถึงออกมา?


พวกท่านรีบกลับไปเถิด!


คนผู้นี้พวกท่านสู้ด้วยไม่ไหวหรอก!


นางอยากส่งเสียงตะโกนเตือนจ้าวสูงสุดเฒ่าเหล่านี้ ทว่ากลับปริปากไม่ได้เลย


พลังที่แผ่ซ่านอยู่ในเพลงฉินน่ากลัวขึ้นไปอีก กดดันเสียจนนางหายใจไม่ออก อ้าปากยังไม่ได้ด้วยซ้ำ!


บรรดาจ้าวสูงสุดเฒ่าทำท่าจะพุ่งไปฆ่าหลิงอิน ทว่าพวกนางออกไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น พลังที่แผ่ซ่านอยู่ในเพลงฉินก็เล่นงานพวกนางจนกระเด็นไปอีกด้าน!


“...”


“แล้วแต่เถิด ข้ากลับก่อน!”


พวกนางหนีหัวซุกหัวซุน รีบกลับไปยังสถานที่เก็บตัวบำเพ็ญของพวกตน ผนึกสถานบำเพ็ญไว้สนิท


ความห่างชั้นนี้มิใช่น้อย ๆ!


พวกนางไม่อาจสู้ได้เลย!


หากมิใช่ว่าทั้งหุบเขาคงหลิงปกคลุมไปด้วยเสียงฉิน พวกนางคงแหวกมิติหนีไปนานแล้ว ไม่มีทางกลับไปที่สถานบำเพ็ญ


กลับสถานบำเพ็ญก็ใช่ว่าจะปลอดภัย!


กระนั้นก็ยังปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก


“ข้า…!”


จ้าวหุบเขาได้เห็นภาพนี้แล้ว ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามาในใจ รู้สึกแย่ไปหมด


กลับไปทั้งอย่างนี้เลยหรือ!?


คำปฏิญาณว่าขอร่วมเป็นร่วมตายกับหุบเขาคงหลิงเล่า!!!


หลิงอินยังคงบรรเลงเพลงฉินต่อไป เงาคล้ายนางเซียนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง พลังสยดสยองที่หลั่งไหลออกจากเพลงฉินยังคงหลอมรวมเรื่อย ๆ เค้าโครงกระบี่ยาวเล่มหนึ่งปรากฏในมือของเงาคล้ายนางเซียน


คล้อยตามการบรรเลงเพลงฉิน เค้าโครงกระบี่ยาวก่อรูปก่อร่าง ลำแสงประดุจแสงแห่งเซียนทิ่มแทงออกมา ประกายเยือกเย็นที่ส่องสะท้อนอยู่ตามกระบี่ยาวเล่มนี้น่ากลัวเหลือคณา!


“จบแล้ว!”


“หลังจากวันนี้ไป ใต้หล้าจะไร้ซึ่งหุบเขาคงหลิงอีก!”


เหล่าผู้อาวุโสเอ่ยด้วยสีหน้าซีดเผือด ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหุบเขาคงหลิงของพวกนางจะได้พบกับจอมพิฆาตเฉกเช่นหลิงอิน!


พวกนางเจ็บใจเหลือแสน การสืบสานที่ตระหง่านมิรู้วายมาทุกยุคทุกสมัย หุบเขาคงหลิงซึ่งอยู่เหนือสรรพสิ่ง วันนี้ต้องจบลงในมือเด็กสาวอย่างหลิงอินหรือ?


ทว่าต่อให้พวกนางเจ็บใจปานใดก็เท่านั้น พวกนางไม่มีพลังพอจะเข้าต้านทาน!


เพลงฉินฮึกเหิมบรรเลงมาถึงจุดเดือด เงาคล้ายนางเซียนยกกระบี่ยาวในมือขึ้นช้า ๆ!


จากนั้น มันหันกระบี่ใส่ทิศด้านล่างแล้วแทงลงไปอย่างแรง!


บรรดาผู้อาวุโสและจ้าวหุบเขาต่างหลับตาอย่างสิ้นหวัง กาลอวสานเกิดขึ้นกับพวกนางแล้วจริง ๆ!


หลังจากกระบี่นี้แทงลงไป หุบเขาคงหลิงจักไม่มีอยู่อีก!

บทที่ 318

ตู้ม!


กระบี่ยาวแทงลงมา เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา ทว่าไม่มีพลังใดเล็ดลอดออกไป กระบี่นี้ทำลายค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณลงอย่างสิ้นเชิง!


หลิงอินขุ่นเคืองส่วนขุ่นเคือง กระนั้นยังมีสติอยู่ มิได้หน้ามืดตามัวเพราะความโมโห


นางมิได้เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นเสียยกใหญ่ในที่นี้


แม้ว่านางทำได้ก็ตาม แต่นี่มิใช่วิสัยของนาง


หุบเขาคงหลิงเต็มไปด้วยคนบริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนรู้เห็น นางไม่มีทางเข่นฆ่าผู้ไม่เกี่ยวข้อง


นางควบคุมพลังให้ทำลายแต่เพียงค่ายกลมหาจักรพรรดิโบราณเท่านั้น เพื่อระบายความเดือดดาลในใจ ทว่ามิได้ทำลายสิ่งอื่น


ความตายที่คาดการณ์ไว้มิได้เกิดกับพวกนาง จ้าวหุบเขารวมถึงผู้อาวุโสทั้งหลาย และผู้ฝึกตนทั้งปวงในหุบเขาคงหลิงต่างยินดีปรีดาเป็นอย่างมาก


ไม่มีผู้ใดอยากตาย ทุกคนล้วนอยากมีชีวิต!


สีหน้าหลิงอินเย็นชาขณะเข้ามาอยู่ตรงหน้าจ้าวหุบเขา “เอากระดูกในกายเจ้าออกมา!”


ยามนี้จ้าวหุบเขากล้าขัดขืนที่ไหน นางรีบเปิดเผยกระดูกในกายออกมาทั้งหมด แสดงอยู่เบื้องหน้าหลิงอิน


สมเป็นกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิด มีลวดลายจักรพรรดิเนรมิตสลักอยู่บนกระดูก จังหวะจักรพรรดิสูงส่งพิเศษไหลเวียน น่าทึ่งเหลือคณา


โครงกระดูกทั้งหมดปรากฏอยู่เบื้องหน้าหลิงอิน นางลังเลขึ้นมานิดหน่อย คล้ายไม่อยากใช้ประสาทสัมผัสจ้าวสูงสุดของนางตรวจจับ…


นางไม่อยากให้เสี่ยวหยาต้องพบความตายอย่างน่าอนาถ…


ทว่าท้ายที่สุด นางก็ยังใช้ประสาทสัมผัสจ้าวสูงสุดของตน


เรื่องราวทั้งหมดต้องมีข้อพิสูจน์!


นางเคร่งเครียดเหลือแสน หัวใจจุกขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ กลัวเหลือเกินว่ากระดูกนี้เป็นของเสี่ยวหยา


ประสาทสัมผัสจ้าวสูงสุดสถิตเข้าไปในโครงกระดูกนี้ สืบเสาะทีละชั้น ไล่ไปถึงแก่นกำเนิด ไม่ยอมปล่อยผ่านพลังปราณใด


พลังปราณอันรุนแรงที่สุดเห็นทีจะเป็นพลังปราณของจ้าวหุบเขา โครงกระดูกนี้อยู่ในกายของจ้าวหุบเขามาโดยตลอด


พลังปราณหลังจากนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทว่าส่วนใหญ่ล้วนเบาบาง


ยิ่งถัดเข้าไปยิ่งเบาบาง มีเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น


หลิงอินรู้ดีว่าพลังปราณเหล่านี้เป็นของผู้ครอบครองกระดูกจักรพรรดินี้ในอดีต แข็งแกร่งขึ้นโดยยืมพลังจากกระดูกจักรพรรดิ จนหลงเหลือพลังปราณทิ้งไว้บนกระดูกจักรพรรดิ


“ได้เวลาพิสูจน์แล้วว่าใช่หรือไม่…!”


นางสูดหายใจเข้าลึก สีหน้าตึงเครียดขึ้นไปอีกระดับ


ประสาทสัมผัสจ้าวสูงสุดของนางมาถึงส่วนลึกสุดของกระดูกจักรพรรดิแล้ว นางรับรู้ได้ถึงพลังปราณอันเป็นแก่นกำเนิดดั้งเดิมที่สุดจากที่นั่น!


“เสี่ยวหยา…”


นางตะลึงงันอยู่ตรงนั้น น้ำตารินไหลโดยไม่รู้ตัว


ไม่ผิดแน่ นี่คือ…กระดูกจักรพรรดิของเสี่ยวหยา!


นางสัมผัสได้ถึงพลังปราณของเสี่ยวหยาจากส่วนลึกที่สุดในกระดูกจักรพรรดิ!


ชั่วขณะนั้น หัวใจของนางเจ็บปวดราวกับถูกบดขยี้จนนางหายใจไม่ออก


เสี่ยวหยาผู้มีจิตใจบริสุทธิ์เปี่ยมเมตตาถึงเพียงนั้น แม้ชีวิตลำเค็ญปานใดก็ไม่เคยหมดหวัง แววตาทอประกายแสงสว่างอยู่เสมอ นางถูกขุดกระดูกจักรพรรดิออกไปจริง ๆ…


นางไม่อาจจินตนาการออกเลยว่า เสี่ยวหยาในตอนนั้นจะทรมานและสิ้นหวังเพียงใด!


ไฉนถึงได้มีคนใจคอโหดเหี้ยมขนาดที่ลงมือกับเสี่ยวหยาได้ลง!


ชั่วพริบตานั้น จิตสังหารของนางท่วมท้นซัดสาดดุจมหาสมุทร ดวงตาแดงก่ำไร้ใดเปรียบ ท่าทางราวกับกลายร่างเป็นมาร!


จ้าวหุบเขาด้านข้างกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง หัวใจราวกับขึ้นมาอยู่ที่คอ


จิตสังหารจากตัวหลิงอินรุนแรงเกินไป นางหวั่นใจเหลือเกินว่าหลิงอินจะบรรเลงเพลงฉินอีกครั้ง แล้วล้างบางทั้งหุบเขาคงหลิงจนสิ้นซาก!


ภายในใจของนางขมขื่นเหลือคณา ที่แท้สิ่งที่หลิงอินกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความจริง


กระดูกจักรพรรดินี้เป็นกระดูกของสหายหลิงอินจริง ๆ!


มิฉะนั้นหลิงอินคงไม่มีจิตสังหารรุนแรงเยี่ยงนี้!


“เสี่ยวหยา แค้นนี้ข้าจะชำระให้เจ้าแน่ ถึงแม้ไม่อาจสังหารผู้ที่ฆ่าเจ้า แต่ข้าสลายร่างนางให้เป็นจุณได้!”


หลิงอินเอ่ยเสียงอาดูร


จักรพรรดิบุปผาสิ้นชีพไปนานแล้ว นางไม่อาจฆ่าจักรพรรดิบุปผาได้


ทว่าศพของจักรพรรดิบุปผายังอยู่!


จักรพรรดิบุปผามีพลังในระดับสูงส่ง แข็งแกร่งกว่ามหาจักรพรรดิทั่วไปมาก บวกกับหุบเขาคงหลิงให้ความสำคัญกับศพของจักรพรรดิบุปผาเป็นนักหนา ผนึกรักษาศพของจักรพรรดิบุปผาด้วยสิ่งล้ำค่านานาชนิดในใต้หล้านี้


นางคิดว่าศพของจักรพรรดิบุปผายังมิสลายอย่างสมบูรณ์!


จากนั้น นางดีดสายฉินเบา ๆ ดาบเหมันต์เล่มหนึ่งพวยพุ่งขึ้นจากฉินเฟิ่งหมิง ตัดการเชื่อมต่อระหว่างกายเนื้อจ้าวหุบเขาและกระดูกจักรพรรดิ!


พรวด พรวด พรวด!


จ้าวหุบเขากระอักเลือดไม่หยุด ร่างทั้งร่างร่วงกองกับพื้น ประหนึ่งโคลนเหลวกองหนึ่ง


เมื่อการเชื่อมต่อกับกระดูกจักรพรรดิถูกตัดขาด นางก็ไม่เหลือพลังค้ำจุนในกาย ถึงแม้นางไม่ตาย กระนั้นก็บาดเจ็บสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัย ชีวิตที่มีคงเหลือเพียงครึ่งเดียว!


“เสี่ยวหยา ข้าจะนำเจ้าไปฝังให้ดี ทว่าก่อนหน้านั้น ข้าจะชะล้างกระดูกจักรพรรดิให้สะอาด มิให้มีพลังปราณของผู้อื่นหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย!”


หลิงอิงเอ่ยเสียงจริงจัง


นางเคยคิดขอความช่วยเหลือจากท่านเซียน


ทว่า…สำเร็จได้หรือ?


ท่านเซียนลึกล้ำเกินหยั่ง ไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้ก็จริง ทว่าเสี่ยวหยาตายไปตั้งแต่ยุคโบราณ วิญญาณสลายไปนานนม กระดูกกลายเป็นสิ่งไร้ชีวิต ไฉนเลยจะคืนชีพได้


หมดหนทางแล้ว…


กาลเวลาที่ผ่านพ้นไปยาวนานเกินไป!


นางเชื่อใจท่านเซียนมาก เชื่อในฝีมือและความสามารถของท่านเซียน แต่การขอให้ท่านเซียนคืนชีพเสี่ยวหยาที่ตายไปตั้งแต่ยุคโบราณนับว่าฝืนฟ้าเกินไป…


นางเก็บกระดูกจักรพรรดิของเสี่ยวหยา เป็นดั่งที่นางว่า นางจะให้กระดูกของเสี่ยวหยาถูกฝังด้วยสภาพสะอาด ลบล้างพลังปราณของผู้อื่นออกจากกระดูก


“พาข้าไปที่สุสานของจักรพรรดิบุปผา!”


นางหันมองจ้าวหุบเขา หมายจะสลายร่างของจักรพรรดิบุปผาให้แหลกเป็นจุณ!


จ้าวหุบเขาบาดเจ็บสาหัส กระนั้นยังพอฝืนรีดเร้นพลังค้ำจุนร่างกายขึ้นมาได้บ้าง นางพาหลิงอินไปยังสุสานของจักรพรรดิบุปผา


ถึงอย่างไรนางก็ก้าวสู่ขอบเขตนักบุญแล้ว ซ้ำยังเป็นนักบุญได้ในยุคนี้ ไม่มีทางตายตกง่าย ๆ


สุสานของจักรพรรดิบุปผาตั้งอยู่ในส่วนลึกสุดของหุบเขาคงหลิง


ที่นั่นคือสุสานที่ใช้ฝังบรรพชนของหุบเขาคงหลิงผู้สร้างคุณูปการไว้


ทว่าภายในนั้นมีหลุมฝังศพอยู่ไม่มาก ต่อให้มีหลุม ส่วนใหญ่ก็เป็นหลุมว่างเปล่า ภายในนั้นปราศจากร่าง เป็นเพียงหลุมศพอาภรณ์


บรรพชนมากมายไม่ยอมนอนรอความตาย เลือกเข้าไปเสี่ยงดวงในแดนอันตรายบางแห่งก่อนตาย หรือไปค้นหาทางรอดอื่นเพื่อมีชีวิตต่อ น้อยนักจักมีบรรพชนที่ยังอยู่ในหุบเขายามจากโลกนี้ไป


เพราะเหตุนี้ หลุมศพส่วนใหญ่ในนี้จึงเป็นเพียงหลุมศพอาภรณ์


ทว่าจักรพรรดิบุปผานั้นต่างออกไป


จักรพรรดิบุปผาไม่เหมือนกับบรรพชนอื่น ๆ ก่อนอายุขัยของนางสิ้นสุด นางกลับมาอยู่ในหุบเขา มิได้ออกไปเสี่ยงหาทางรอดข้างนอกเหมือนอย่างบรรพชนท่านอื่น


พวกนางฝังศพอันสมบูรณ์ของจักรพรรดิบุปผาไว้ในหลุม


“หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ศพจะยังอยู่!”


หลิงอินมาถึง สายตาเย็นเยียบเป็นพิเศษ


เป็นดั่งที่นางว่า ยามนี้ สิ่งที่นางหวังเป็นที่สุดคือศพของจักรพรรดิบุปผายังอยู่ ยิ่งถูกเก็บรักษาไว้สมบูรณ์เท่าไรยิ่งดี!


นี่คือหลุมฝังศพขนาดใหญ่ หลุมศพมีการบูรณะก่อสร้างเทียบเทียมตำหนักหลังหนึ่ง กลิ่นอายโบราณท่วมท้น ร่องรอยกาลเวลาล้นหลาม


หน้าหลุมศพใหญ่มีศิลาก้อนหนึ่ง จารึกประวัติของจักรพรรดิบุปผา


หลิงอินทอดสายตา


ทว่าหลังนางอ่านจบ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยว


“‘คิดคำนึง’ คือเพลงฉินที่เจ้าประพันธ์งั้นหรือ!?”


นางชี้นิ้วออกไป พลังแกร่งกล้าพวยพุ่ง ทลายศิลาก้อนนี้ลงในบัดดล!


จักรพรรดิบุปผาผู้นี้หน้าไม่อายถึงขีดสุด!


‘คิดคำนึง’ เป็นเพลงฉินที่เสี่ยวหยาประพันธ์ด้วยตนเอง แต่งด้วยความคิดถึงพี่ชายของนาง!


เมื่อครั้งนางได้ยินยังตกตะลึงงัน


พรสวรรค์ในวิถีแห่งฉินของเสี่ยวหยาเหนือจินตนาการ ‘คิดคำนึง’ ที่นางประพันธ์นี้แม้แต่หลิงอินยังต้องอุทานว่าสู้ไม่ได้ ไม่อาจเทียบได้เลย!


หารู้ไม่ จักรพรรดิบุปผาผู้นี้ยึดครองลำนำ ‘คิดคำนึง’ นี้ไปเป็นของตน อ้างว่าประพันธ์ด้วยตนเอง ซ้ำยังบันทึกไว้ในข้อแรก!


“อย่าทำให้ข้าผิดหวังเชียว!”


สายตาของนางเย็นยะเยือกเป็นพิเศษ กัดฟันดังกรอด ไฟโทสะในใจลุกช่วงถึงขีดสุด!


นางหวังว่าเมื่อหลุมศพนี้เปิดออกจักได้เห็นศพของจักรพรรดิบุปผา!!!

บทที่ 319

ภาพตรงหน้าคือสุสานโบราณอันหรูหรางดงาม และกลางสุสานแห่งนี้กว้างใหญ่กว่าสุสานตรงอื่น


เห็นได้ชัดสุสานโบราณแห่งนี้เก่ามาก ทั้งยังมีร่องรอยตามกาลเวลา


หากมองดี ๆ ย่อมรู้ว่า สุสานโบราณแห่งนี้มิใช่สุสานโบราณธรรมดา


อีกอย่าง สุสานโบราณแห่งนี้ยังมีจังหวะแห่งเต๋าที่อธิบายไม่ได้ วัสดุที่ใช้สร้างสุสานโบราณแห่งนี้ก็ผิดปกติอย่างยิ่ง


ไม่เช่นนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่จะยังคงเหลือจังหวะแห่งเต๋าเช่นนี้อยู่


แม้จักรพรรดิบุปผาจะไร้ยางอาย แต่ที่ต้องยอมรับก็คือจักรพรรดิบุปผานั้นน่าทึ่ง ไม่ธรรมดาจริง ๆ ประสบความสำเร็จมากมายเหนือกว่ามหาจักรพรรดิคนอื่นในสมัยโบราณยิ่ง


นับว่าเก่งฉกาจมิน้อย!


เฉกเช่นที่สตรีในชุดพระราชวังว่าไว้ในตอนนั้น จักรพรรดิบุปผาอยากทะลวงขอบเขตเหนือมหาจักรพรรดิไปอีก แต่ทว่าถูกกระดูกจักรพรรดิของเสี่ยวหยาพันธนาการเอาไว้ สุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกหนีมันได้


ท้ายที่สุด จักรพรรดิบุปผาขุดกระดูกจักรพรรดิของเสี่ยวหยาออกจากร่างกายตนเองทั้งเป็นและทิ้งไว้ในหุบเขาคงหลิง


หลังจากจักรพรรดิบุปผาขุดกระดูกจักรพรรดิเสี่ยวหยาออกแล้วก็ออกเดินทาง เป็นไปได้ว่าน่าจะก้าวผ่านขอบเขตมหาจักรพรรดิไปแล้ว!


ช่วงเวลานั้นเป็นยุครุ่งโรจน์ครั้งที่สองของจักรพรรดิบุปผารุ่งโรจน์เสียยิ่งกว่าตอนที่เขามีกระดูกจักรพรรดิเสียอีก!


จักรพรรดิบุปผาเคยกล่าวไว้ว่าแม้นางไม่มีกระดูกจักรพรรดิ แต่นางก็ยังคงเป็นคนสำคัญของโลกใบนี้ นางสามารถอยู่เหนือผู้คน แสวงหาความเป็นเซียนชั่วนิรันดร์!


ในเวลานั้น จักรพรรดิบุปผาไม่มีใครเทียบได้และเหนือกว่าปราชญ์คนก่อน ๆ ในหุบเขาคงหลิง ผู้ฝึกตนทุกคนต่างเชื่อว่าจักรพรรดิบุปผาจะสามารถบรรลุเป็นเซียนได้!


เพียงแต่จักรพรรดิบุปผาในตอนนั้นยัง 'อ่อนเยาว์' มาก มีอายุขัยยืนยาว


ต่อมา จักรพรรดิบุปผาก็ทำให้ผู้คนตกตะลึง ทะลวงขอบเขตสูงเหนือกว่ามหาจักรพรรดิในระดับเดียวกันนั้นไร้คู่ต่อกรยากจะหยุดพลังนาง



จักรพรรดิบุปผายิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นว่า จะกลายเป็นเซียนในภายภาคหน้า


ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปจักรพรรดิบุปผาค่อย ๆ สูญเสียความสามารถและความเปล่งประกาย ไม่สามารถกลายเป็นเซียน พอใกล้สิ้นอายุขัยก็กลับมาที่หุบเขาคงหลิง


ในปีต่อมาจักรพรรดิบุปผาสูญเสียความเชื่อและความทะเยอทะยานทั้งหมด ไม่ทำอะไรเลย อยู่แต่ในหุบเขาคงหลิงเพื่อรอวันตาย


ปราชญ์แห่งหุบเขาคงหลิงเคยชวนให้จักรพรรดิบุปผาลองวางวงจรของสังสารวัฏ แต่จักรพรรดิบุปผาปฏิเสธ นางบอกว่าตนไม่ต้องการทำสิ่งใด เพียงต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในหุบเขาคงหลิงเท่านั้น


ในท้ายที่สุด จักรพรรดิบุปผามอดม้วย ปราชญ์แห่งหุบเขาคงหลิงได้ฝังศพจักรพรรดิบุปผาอย่างทรงเกียรติ และสร้างสุสานอันงดงามหรูหราให้กับจักรพรรดิบุปผาที่พวกนางชื่นชม ทั้งยังเคารพจักรพรรดิบุปผาเป็นอย่างยิ่ง


“นางสมควรได้รับคำชื่นชม ได้รับความเคารพอย่างนั้นหรือ? นางเป็นแค่หัวขโมย ไม่ว่าในภายหลังนางจะเก่งกาจเพียงใด มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่านางเป็นหัวขโมยได้ ทุกอย่างที่นางได้มาล้วนแต่ขโมยมาจากคนอื่นทั้งสิ้น!”


ดวงตาของหลิงอินแฝงความเย็นชา คลื่นพลังทั่วสารทิศโหมกระหน่ำ นางอยากจะทำลายสุสานโบราณแห่งนี้!


อย่างที่นางกล่าวไป จักรพรรดิบุปผาเป็นหัวขโมย ทุกอย่างที่ได้มา ล้วนมาจากการทำร้ายเสี่ยวหยา!


หากเสี่ยวหยาไม่ถูกจักรพรรดิบุปผาทรมานบีบคั้น เสี่ยวหยาจะไม่แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิบุปผาหรือ?


ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ!


ด้านหลัง จ้าวหุบเขากับผู้อาวุโสทุกคนไม่กล้าพูด ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุด


ผู้ใดจะกล้าหยุด?


หากไปหยุด นั่นแสดงว่าจะต้องเผชิญกับความตายอย่างมิต้องสงสัย!


ตู้ม ตู้ม ตู้ม!


สุสานโบราณเปิดออกเผยให้เห็นโลงศพที่อยู่ภายใน


มันเป็นโลงศพขนาดใหญ่ สีน้ำเงินจนเกือบดำ ทำจากวัสดุล้ำค่า ซ้ำยังดูโบราณเก่าแก่ สัมผัสวิญญาณสูงสุดของหลิงอินถูกปิดกั้น ไม่สามารถตรวจสอบข้างในได้


ตามที่สตรีชุดพระราชวังกล่าวไว้ นี่เป็นโลงศพที่จักรพรรดิบุปผานำกลับมาเอง ไม่ใช่โลงศพที่หุบเขาคงหลิงเตรียมให้จักรพรรดิบุปผา


หลิงอินขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกถึงความผันผวนของพลังอันน่าสะพรึงกลัวบนโลงศพ คนนอกยากจะเปิดโลงศพได้


แต่ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับนาง


นางเรียกฉินเฟิ่งหมิงออกมา ดีดสายฉินหยิบยืมพลังฉินเฟิ่งหมิงมาเปิดโลงศพ


พลังในโลงศพนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง หากนางไม่มีฉินเฟิ่งหมิงอยู่ในมือ นางคงไม่สามารถเปิดโลงศพได้


จากการคาดเดาของนาง อย่างน้อยต้องใช้มหาจักรพรรดิสักคนถึงจะสามารถเปิดโลงศพได้


ฝาโลงศพถูกเปิดออก หลิงอินมองเข้าไปข้างใน


จ้าวหุบเขากับผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งก็ชะเง้อศีรษะเข้าไปมองข้างในเช่นกัน


“นี่มันอะไร!”


“นี่มัน...!”


จ้าวหุบเขากับผู้อาวุโสที่ชะเง้อเข้าไปมองด้านใน จู่ ๆ หนังศีรษะของพวกนางก็ชาหนึบในบัดดล ใบหน้าเต็มไปด้วยความขยะแขยง ก่อนจะรีบปิดจมูกทันที


กลิ่นเหม็นและน่าขยะแขยงลอยออกมาจากโลงศพ เหม็นจนทำให้ผู้คนรีบปิดปากรีบปิดจมูกแทบไม่ทัน!


แม้จะปิดจมูกก็ไม่ได้ผล กลิ่นเหม็นอันน่าขยะแขยงนี้กระทบกับวิญญาณ จ้าวหุบเขากับผู้อาวุโสทุกคนทนไม่ไหว อาเจียนกันออกมาอย่างหนัก


หลิงอินขมวดคิ้วมุ่น แม้นางจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบเหมือนจ้าวหุบเขากับผู้อาวุโส


วิญญาณกับหัวใจเต๋าของนางแข็งแกร่งมาก กลิ่นเหม็นอันน่าขยะแขยงนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางมากนัก


ภายในโลงศพเต็มไปด้วยน้ำสีดำสกปรกแปลกประหลาด ซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นอันน่าขยะแขยง!


“นี่มันเป็นน้ำสีดำประหลาดอันใดกัน น่ารังเกียจยิ่งนัก!”


รูม่านตาของหลิงอินหดตัว บนใบหน้าแสดงอาการตกใจ


น้ำสีดำนั้นมีสีดำราวกับหมึก ทำให้ไม่สามารถมองทะลุถึงสิ่งที่อยู่ภายในได้ แม้หลิงอินจะใช้ดวงตาทิพย์ แต่นางก็ไม่สามารถมองผ่านน้ำสีดำได้


นางเปิดสัมผัสสัมผัสวิญญาณสูงสุด หยิบยืมสัมผัสวิญญาณสูงสุดมาสำรวจสิ่งที่อยู่ในน้ำสีดำ


เพียงแต่เมื่อเปิดสัมผัสสัมผัสวิญญาณสูงสุด นางกลับรู้สึกได้ถึงพลังอันแปลกประหลาดซึ่งน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง หากนางตอบสนองช้าเล็กน้อย ถอนสัมผัสสัมผัสวิญญาณสูงสุดไม่ทัน สัมผัสวิญญาณสูงสุดของนางจะต้องถูกพลังอันแปลกประหลาดน่าสะพรึงกลัวนี้ครอบงำและดูดกลืนพลังอย่างแน่นอน!


จนถึงตอนนี้นางยังตื่นตระหนก นางไม่เคยเจอพลังประหลาดน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน!


โครม! โครม!


ตอนนี้เอง โลงศพพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง น้ำสีดำภายในเดือดราวกับน้ำต้มก่อนจะทะลักออกมาทั่วสารทิศ!


“เอ๊ะ!?”


“ไม่น่าจะใช่ศพแล้ว!”


จ้าวหุบเขากับผู้อาวุโสตกตะลึงกับฉากตรงหน้า แผ่นหลังของพวกนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบเย็นตั้งแต่เท้าจรดศีรษะ!


ร่างกายของพวกนางสั่นสะท้าน อดไม่ได้ที่จะถอยหลังกลับไป


หากศพเกิดเปลี่ยนแปลงขึ้นมาจริง นี่จะต้องเป็นหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!


จักรพรรดิบุปผามีพลังเหนือกว่ามหาจักรพรรดิทั่วไปอยู่มาก หากนางกลายเป็นผีดิบจริง ๆ ผู้ใดจะสามารถหยุดยั้งจักรพรรดิบุปผาได้กัน!?


พวกนางหวาดกลัว ภาวนาขออย่าให้ศพของจักรพรรดิบุปผากลายเป็นผีดิบเลย!


ไม่เช่นนั้น ไม่เพียงแต่หุบเขาคงหลิงเท่านั้นที่จะยากลำบาก แต่ทั้งอาณาจักรคงจะต้องลำบากไปด้วยกันแล้ว!


“ไสหัวออกไป ให้ข้าดูว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!”


หลิงอินตะโกนอย่างเย็นชา ไร้ความหวั่นกลัวแม้แต่น้อย


นางหวังว่านี่เป็นศพของจักรพรรดิบุปผา ไม่ใช่คนอื่น!


มีฉินเฟิ่งหมิงอยู่ในมือ นางไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!


สิ่งที่นางอยากเห็นที่สุดคือ ศพของจักรพรรดิบุปผา!


โครม!


โลงศพสั่นสะเทือนมากยิ่งขึ้น น้ำสีดำข้นคลั่กที่อยู่ภายในก็ยิ่งเดือดพล่านมากขึ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวของบางอย่างเคลื่อนไหวออกมาจากโลงศพ แม้แต่ฟ้าดินยังแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึม เมฆหมอกทมิฬ

ปกคลุมดารา ผืนพสุธาเริ่มมืดมนก่อนจะกลายเป็นมืดสลัวแทบมองอะไรไม่เห็น!


ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังจะออกมาจากโลงศพจริง ๆ!

บทที่ 320

โลงศพสั่นสะเทือนรุนแรงมากขึ้น น้ำสีดำภายในก็ล้นทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง!


น้ำสีดำนี้ช่างแปลกประหลาด น่าขยะแขยงไม่พอยังมีฤทธิ์กัดกร่อนอีกด้วย หากกระเด็นลงพื้นก็จะกัดกร่อนจนเป็นหลุมใหญ่ กวาดล้างทุกสิ่งชีวิตในระยะเวลาอันสั้น!


จ้าวหุบเขากับกลุ่มผู้อาวุโสตกใจกลัว พวกนางรู้สึกว่าหากน้ำสีดำเช่นนี้โดนพวกนาง พวกนางคงทนไม่ไหว ชีวิตของพวกนางจะต้องถูกกัดกร่อนเช่นกันเป็นแน่!


ตู้ม!


ในตอนนั้นเองก็มีบางอย่างผุดขึ้นมาในโลงศพ!


“มารดามันเถอะ!”


“เป็นผีดิบไปแล้ว!”


จ้าวหุบเขากับผู้อาวุโสต่างหวาดกลัว ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด!


ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!


ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที ไม่กล้าอยู่ต่อแม้แต่ครู่เดียว!


“ข้า...ข้า!”


จ้าวหุบเขาเผยท่าทางโมโห


ผู้อาวุโสพวกนี้แต่ละคนวิ่งเร็วเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่มีใครสนใจนางเลย!


นางตัดการเชื่อมต่อกับกระดูกจักรพรรดิ ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ตอนนี้นางทำได้เพียงใช้กำลังพยุงตนเองเอาไว้เท่านั้น


นับประสาอะไรกับการวิ่ง ต่อให้นางเดินเร็วก็เสียกำลังเปล่าประโยชน์ล้มลงกับพื้นอยู่ดี


“อ๊ะ ข้าลืมจ้าวหุบเขา!”


“ข้ามาแล้ว ท่านจ้าวหุบเขา!”


ผ่านไปครึ่งทางผู้อาวุโสหลายคนก็นึกถึงจ้าวหุบเขาขึ้นมาได้ เห็นสีหน้าของจ้าวหุบเขานั้นดำยิ่งกว่าหม้อ


พวกนางรีบกลับมาพาจ้าวหุบเขาออกไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว


“ผีดิบ? ไม่มีหรอก!”


หลิงอินหัวเราะเยาะ มองจักรพรรดิบุปผาที่กำลังลุกขึ้นออกจากโลงศพ


นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิตจากตัวจักรพรรดิบุปผา เช่นนี้แล้วอีกฝ่ายจะเป็นผีดิบได้อย่างไร?


จะมีผีดิบที่ใดกันมีลมหายใจแห่งชีวิต นี่คือคน จักรพรรดิบุปผายังมีชีวิตอยู่!


“ผู้ใดมารบกวนข้าที่นี่!?” เสียงเย็นยะเยียบดังขึ้น


จักรพรรดิบุปผาเป็นคนเอ่ย นางดูเหมือนผีดิบมาก ผิวหนังของนางเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น หมองคล้ำไร้สีเลือด แต่จริง ๆ แล้วนางยังไม่ตาย ดวงตาคู่นี้ยังฉายความน่าประหวั่นพรั่นพรึงอยู่!


จักรพรรดิบุปผาเหินออกจากโลงศพ นางเป็นหญิงชราผมสั้น ผมบนหัวสีขาวราวกับดอกเลา


เพียงแต่นางน่ากลัวมาก ร่างกายหดสั้นแฝงความน่าสะพรึงอย่างยิ่ง ลมปราณแผ่ซานกดดันสวรรค์และโลก!


“จักรพรรดิบุปผายังไม่ตาย!”


“นี่เป็นไปได้อย่างไร!?”


ระหว่างทางหนี ผู้อาวุโสคนหนึ่งหันศีรษะไปมองเห็นจักรพรรดิบุปผาเหินออกมาจากโลงศพ


พวกนางยังรับรู้ได้ถึงถึงลมหายใจแห่งชีวิตจากร่างของจักรพรรดิบุปผา นี่ไม่ใช่ศพ จักรพรรดิบุปผายังไม่ตาย นางมีชีวิตอยู่ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงปัจจุบัน!


นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!?


เวลาในอดีตจนถึงปัจจุบันเนิ่นนานเพียงใด ไม่ว่าจักรพรรดิบุปผาจะน่าทึ่งเพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอายุอยู่มานานถึงเพียงนี้!


โดยเฉพาะช่วงเวลายุคสมัยโบราณของจักรพรรดิบุปผาสิ้นสุดแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน!


แท้จริงแล้ว นางใช้วิธีใดกัน!?


พวกนางเต็มไปด้วยความตกใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้พวกนางประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง


“ท่านคือจักรพรรดิบุปผา?”


หลิงอินมองจักรพรรดิบุปผา บนใบหน้าฉายรอยยิ้มที่สดใสเจิดจ้า งดงามเสียยิ่งกว่าหมู่ผกาบานสะพรั่ง


ตอนนี้ทุกอย่างดีกว่าที่นางคิดไว้!


นางหวังว่าร่างของจักรพรรดิบุปผาจะอยู่ที่นี้ แต่ตอนนี้จักรพรรดิบุปผายังไม่ตาย เรื่องนี้เกินความคาดหมายของนางอย่างยิ่ง แล้วนางจะไม่พอใจได้อย่างไร?


แก้แค้นให้เสี่ยวหยา สนองคืนอีกฝ่ายอย่างสาสม ช่างดียิ่งนัก!


สุสานถูกทำลาย โลงศพยังถูกเปิดออก นางถูกรบกวน เดิมทีจักรพรรดิบุปผาโมโหยิ่ง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของหลิงอิน นางก็รู้สึกสับสนขึ้นมา


รอยยิ้มสดใสบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความสุขมากที่เห็นนางยังมีชีวิตอยู่ นี่ไม่ใช่การแสดงออกของศัตรู


นางลากสายตามองหลิงอิน เป็นหญิงสาววัยแรกแย้ม


นี่มันอะไรกัน... ฉิน!


ทันใดนั้นสายตาของนางก็ชะงัก เพราะเห็นฉินเฟิ่งหมิงที่ลอยอยู่ข้างกายหลิงอิน นางตกใจทันที ภายในใจบังเกิดคล้ายเกิดคลื่นนับพันโหมกระหน่ำ!


นี่มันฉินวิเศษระดับใดกัน?


คลื่นจังหวะแห่งเต๋าขั้นสูงไหลเวียนอยู่รอบฉิน นางไม่เคยสัมผัสจังหวะแห่งเต๋าขั้นสูงเช่นนี้มาก่อนในชีวิตของนาง!


จักรพรรดิบุปผาหัวเราะอย่างมีความสุข


“ไม่เลว ๆ ข้าชื่อจักรพรรดิบุปผา บรรพบุรุษของพวกเจ้า ข้ายังไม่ตาย ข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเจ้าไม่ดีใจหรือ?”


นางกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มว่า “เห็นว่าบรรพบุรุษในตำนานยังมีชีวิตอยู่ เจ้าอยากพูดอะไรกับบรรพบุรุษหรือไม่?”


นางแสดงท่าทางพึงพอใจ และรอให้หลิงอินกล่าวยกยอ


สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานในส่วนลึกของหุบเขาคงหลิง คนนอกไม่อาจเข้ามาได้ หลิงอินเป็นเพียงหญิงสาวรุ่นเยาว์ไม่กี่สิบปี ข้างกายยังมีฉิน...


นางพอจะคาดเดาฐานะตัวตนของหลิงอินได้คร่าว ๆ


หุบเขาคงหลิงเป็นสถานฝึกตนด้านดนตรี หลิงอินปรากฏกายที่นี่พร้อมกับฉิน เห็นได้ชัดว่านางเป็นศิษย์ของหุบเขาคงหลิง ซ้ำยังมีฐานะสูงมาก ไม่เช่นนั้นหลิงอินคงมีฉินน่ากลัวเช่นนี้ไม่ได้!


ส่วนเรื่องสาเหตุที่สุสานของนางถูกทำลาย เหตุใดฝาโลงถึงถูกเปิด ตอนนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ไว้รอถามทีหลัง


หลังได้ยินจักรพรรดิบุปผายืนยันตัวตน หลิงอินยิ่งยิ้มสดใสเข้าไปใหญ่


“ตรวจกระดูก ทวงหนี้ ล้างแค้น!”


นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส แต่สิ่งที่นางพูดกลับทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน!


“ดี ๆๆ ไม่เลว... อ๊ะ ไม่ถูกต้อง เจ้าเป็นใคร!?”


จักรพรรดิบุปผาหุบยิ้มโดยไม่รู้ตัว เพิ่งจะรู้สึกว่าคำพูดนั้นไม่ถูกต้อง


คำพูดของหลิงอินไม่ใช่คำยกยอนาง!


สีหน้าภาคภูมิใจบนใบหน้าของนางแข็งทื่อก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง


เดิมทีนางคิดว่าหลิงอินจะเอ่ยยกยอนาง ดังนั้นนางจึงตอบกลับว่าดีสามคำโดยไม่รู้ตัว


ผลปรากฏว่า... ไม่ใช่!


คำพูดของหลิงอินคือ ตรวจกระดูก ทวงหนี้ ล้างแค้น!


ดวงตาเฒ่าของนางฉายแววอันตราย จักรพรรดิบุปผาจ้องหลิงอินเขม็ง ทั้งร่างปลดปล่อยปราณชั่วร้ายออกมา!


นี่คือ... ศัตรู!


ไม่ใช่ศิษย์ของหุบเขาคงหลิงอย่างที่นางคิด!


“ไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใคร สิ่งสำคัญคือเจ้าต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป!”


รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าหลิงอินหายไป สบสายตาจักรพรรดิบุปผาอย่างไม่เกรงกลัว


“น่าสนใจนี่”


จักรพรรดิบุปผาหัวเราะ ยังไม่รีบร้อนแสดงฝีมือ


ความแข็งแกร่งระดับนี้ของนาง ไม่จำเป็นต้องกังวล ต่อให้ในมือหลิงอินจะถือฉินแต่ก็ยังคงห่างไกลจากนางนัก


เป็นแค่ราชันเทวาตัวเล็ก ๆ ถือสมบัติวิเศษมีพลังมหาศาลแล้วอย่างไร?


ขอบเขตต่ำต้อยก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...


“ที่ผ่านมาข้าทำหลายสิ่งอย่าง ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน เจ้าต้องการทวงหนี้ จะแก้แค้นแบบไหนดีเล่า?”


สีหน้านางเฉยเมยไม่ยี่หระ


หลิงอินมองจักรพรรดิบุปผาพลางกล่าวทีละคำ “ฟ่านหยาเหยียน ในสมัยโบราณเป็นเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าผงาดได้มาถึงทุกวันนี้อย่างไรเล่า!”


เมื่อได้ยิน ชื่อฟ่านหยาเหยียน สีหน้าเฉยเมยของจักรพรรดิบุปผาก็หายไป รูม่านตาของนางหดเล็กลง


นางมีความทรงจำเกี่ยวกับชื่อนี้อย่างลึกซึ้ง!


“ทวงหนี้ให้นาง? เจ้ากับนางเป็นอะไรกันเล่า? พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ช่างน่าคิดถึงเด็กน้อยคนดี ตอนนั้นข้าเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งโดยบังเอิญ ตอนได้ยินเสียงนางดีดฉินทำเอาข้าประหลาดใจ คิดไม่ถึงในหมู่บ้านแสนธรรมดาเล็ก ๆ แห่งนี้จะมีคนดีดฉินได้เก่งกาจถึงเพียงนั้น!”


จักรพรรดิบุปผาแย้มยิ้มพลางกล่างว่า “นางมีน้ำใจนัก จริงใจกับข้าไม่น้อยเชียว ถามอะไรเกี่ยวกับฉินนางก็ตั้งใจตอบอย่างละเอียดหมด เป็นคนใจดีคนหนึ่ง”


พลันนางหยุดพูดชั่วคราว ลิ้นเลียริมฝีปากแห้งดำคล้ำของนางก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา


“เพื่อตอบแทนความไมตรีกับความใจดีของนาง ตอนข้าขุดกระดูกของนาง ข้าจงใจใช้พลังของข้าเพื่อรักษาสติของนาง ไม่ให้นางสลบ ให้นางเห็นข้าถลกหนังของนางช้า ๆ ค่อยขุดกระดูกของนางออกมา!”


นางกล่าวต่อไปอีกว่า “รสชาตินี้ ตอนนี้คิดถึงแล้วยังรู้สึกสดใหม่ยิ่งนัก!”