801-805

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 801ถึง 805

“คนผู้นั้นเป็นใครกัน ดุดันยิ่งนัก!”


“ฝ่ายพวกเรายังมีตัวตนระดับนี้อยู่ด้วยหรือ”


สิ่งมีชีวิตในเมืองเก่าแก่หัวใจเต้น ‘โครมคราม’ รู้สึกเหลือเชื่อ ความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้าเกินขอบเขตการรับรู้ของพวกตนไปไกล!


พวกมันไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายหกตนนั้นอยู่ในระดับใด แต่พวกเขารู้ดีว่า ลำพังขนเส้นเดียวที่ร่วงหล่นจากสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายสักตนในหกตนนี้ ก็เพียงพอจะทำลายจักรวาลโกลาหลทั้งผืนจนพินาศ!


ทว่า สิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายแสนน่ากลัวปานนั้น กลับกระจิริดประดุจลูกแกะเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า ไม่อาจต้านทานได้เลย น่าตกใจจริง ๆ!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เวลานั้นเอง ฟ้าดินพลันมืดมน ดวงอาทิตย์สิ้นแสง ดวงดาราหม่นหมอง พลังปราณพิศวงอันน่าครั่นคร้ามคืบคลานเข้ามา สิ่งมีชีวิตแต่ละตนล้วนระส่ำระส่ายราวกับตกอยู่ในความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด!


พวกมันใกล้แตกสลายเต็มที กดดันเหลือคณา คล้ายความตายจุติลงมาหาพวกมันแล้ว พวกมันล้มลงไปทีละตน ตัวสั่นระริก หัวใจใกล้หยุดเต้น!


สุนัขดำก็เช่นกัน ลมหายใจหนักอึ้งขึ้นมา ร่างทั้งร่างเอนลงไปอย่างอดไม่ได้ ผวาขึ้นมาในใจอย่างกลั้นไม่อยู่!


สสารพิศวงลางร้ายที่โลดแล่นออกจากเส้นทางเปล่งประกายพิศวง ในสภาพแวดล้อมมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งใดเช่นนี้ อย่าให้เอ่ยเลยว่าน่าสะพรึงเพียงใด!


พริบตาต่อมา สิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งก้าวออกจากที่นั่น


พวกมันมากันทั้งหมดแปดตน นิยามเผ่าพันธุ์ไม่ได้ ขนยาวพิศวงบนตัวประหนึ่งเปลวเพลิงลุกโชน พลิ้วไสวในความมืดมิด น่ากลัวเหลือคณา!


หลังพวกมันก้าวออกมา ทั่วทั้งจักรวาลเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ดวงดาราล่มสลายแหลกลาญดวงแล้วดวงเล่า กลายเป็นเศษประกายดารากระจัดกระจายไปทั่วอวกาศ!


ลมปราณของพวกมันน่าประหวั่นพรั่นพรึง ซ้ำร้ายนั่นยังไม่ใช่การตั้งใจ หากแต่เป็นเพียงลมปราณที่ไหลเวียนออกมาตามปกติเท่านั้น ยังเป็นผลให้สิ่งมีชีวิตในเมืองเก่าแก่รู้สึกเหมือนถูกบีบคอ ขาข้างหนึ่งก้าวสู่ปรโลกแล้ว!


พิธีบรรพชาที่เกิดขึ้นกับพวกมันในครั้งนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ โลงกระดูกจุติ ประทานกำลังรบสุดกล้าแกร่งแก่พวกมัน จนพวกมันแทบทัดเทียมขอบเขตนิรันดร์ขั้นหกแล้ว!


ขอบเขตนิรันดร์!


ต้องเป็นขอบเขตสูงส่งเพียงใดกัน แม้แต่ในเบื้องบนเทวโลกยังมีกำลังรบระดับนี้อยู่เพียงหยิบมือ!


และกำลังรบขั้นหกเช่นนี้ยิ่งมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย!


หลังโลงกระดูกจุติ ถึงกับช่วยให้ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายแปดตนมีกำลังรบระดับนี้ได้ ต้องเป็นโลงเช่นไรกัน ไม่ต้องคิดให้มากความก็รับรู้ได้ถึงความน่าครั่นคร้ามของโลงศพนั้น!


“ฆ่า!”


หลังพวกมันปรากฏตัว ก็ไม่คิดรีรอให้เสียเวลา แต่ละตนต่างมีอาวุธพิศวงทรงพลังในมือ พร้อมตวัดไปหาหลี่จิ่วเต้า!


ไม่มีสิ่งใดต้องพูดกันอีก พวกมันมาแล้ว กำราบหลี่จิ่วเต้าให้ได้เป็นพอ!


“ยังจะมาอีกหรือ เช่นนั้นข้าขอยืดเส้นยืดสายหน่อยแล้วกัน…”


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ ก้าวเท้าออกไปอย่างทะมัดทะแมง ทะลุขีดจำกัดความเร็ว ปราดเข้ามาอยู่ตรงหน้าต้นบรรพจารย์ตนหนึ่งในพริบตา พลังแกร่งกล้าปะทุออกจากกำปั้น ถล่มใส่ศีรษะของต้นบรรพจารย์ตนนั้น


ทว่า เรื่องที่เหนือความคาดหมายคือ ต้นบรรพจารย์ตนนี้กลับอันตรธานไปจากเบื้องหน้าของตน หมัดของเขาพลาดเป้า!


“เจ้านี่ไม่ไหวจริง ๆ ด้วย…”


ต้นบรรพจารย์ตนนั้นหัวเราะเสียงเย็น ปรากฏออกมาในอีกมุมหนึ่ง มันจับร่องรอยหลี่จิ่วเต้าได้ล่วงหน้า และทำการหลบหลีกได้ทันท่วงที


ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ทรงพลังถึงเพียงนั้น มิฉะนั้น มันไม่มีทางตรวจจับร่องรอยหลี่จิ่วเต้าได้ก่อนจนหลบการโจมตีนี้ได้


คิดแล้วก็ใช่ นี่เป็นเพียงร่างจำแลงของหลี่จิ่วเต้า จะแข็งแกร่งสักสักเพียงใด!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ต้นบรรพจารย์ตนอื่นบุกเข้ามา อาวุธพิศวงในมือเปล่งพลังน่าพรั่นพรึง หมายจะกำราบร่างจำแลงของหลี่จิ่วเต้า และกระชากตัวจริงออกมาผ่านร่างจำแลง!


“อ๋อ พลังด้อยไปหน่อยหรือ เช่นนั้นข้าเพิ่มความแข็งแกร่งอีกนิดก็แล้วกัน”


หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เปล่งแสงทั่วร่างขจัดความมืดมิดออกไป ส่องสว่างไปทั่วทั้งอวกาศ!


ทรงพลังเกินไปก็ไม่สนุกสิ เมื่อครู่ยามเขาต่อสู้กับพวกสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้าย คิดเพียงต้องการมีพลังที่ต่อกรกับสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายได้ก็พอ


แต่บัดนี้ดูแล้ว พลังระดับนี้ไม่อาจต่อกรกับต้นบรรพจารย์ทั้งแปดได้


ทว่าไม่เป็นไร โลกนี้เป็นไปตามที่เขาบงการ เขาอยากมีพลังแข็งแกร่งเท่าใด ก็มีพลังแข็งแกร่งเท่านั้น!


หลังเสริมกำลังหนนี้ เขาจักมีพลังพอให้สู้กับต้นบรรพจารย์ทั้งหลาย!


ตึง! ตึง! ตึง!


เขาเสริมความแข็งแกร่ง ดุดันเหลือแสน หมัดสองข้างทนทานยิ่งกว่าศาสตราทั้งปวง ยามปะทะกับอาวุธพิศวงที่จู่โจมเข้ามา อาวุธพิศวงเหล่านั้นยังสั่นสะท้าน บ้างยังเกิดรอยบิ่น!


สีหน้าต้นบรรพจารย์ทั้งแปดเปลี่ยนสีฉับพลัน พลังที่แข็งแกร่งขึ้นได้ตามใจ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ไม่อาจคาดการณ์ด้วยหลักการทั่วไปจริง ๆ!


“กรงขังทมิฬ!”


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายตนหนึ่งตวาด สำแดงวิชาลับออกมา นี่คือวิชาลับที่มันได้มาในพิธีบรรพชาจากโลงกระดูก พลานุภาพน่ากลัวยิ่ง!


หลังมันสำแดงวิชาลับนี้ออกไป รอบ ๆ หลี่จิ่วเต้าพลันปรากฏกรงขัง จองจำตัวคนไว้ ทั้งยังมองเห็นเงาดำมากมายในกรงขังบุกเข้าไปกัดหลี่จิ่วเต้าอีกด้วย


ตู้ม!


หลี่จิ่วเต้าเปล่งแสงทั่วร่าง ฝ่าออกจากกรงขังทมิฬได้ในเสี้ยวลมหายใจ เงาดำมากมายถูกบดขยี้จนพินาศ!


“เพลิงบาปทมิฬ!”


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายอีกตนหนึ่งตวาดเสียงเย็น เรียกเพลิงบาปทมิฬออกมา นี่คือเปลวเพลิงที่ร่วงหล่นจากโลงกระดูก สามารถจุดประกายความมืดมนในจิตใจของสิ่งมีชีวิต และแผดเผาทุกอย่างให้สิ้นซาก!


ทว่า พริบตาต่อมามันก็ต้องอึ้งงัน หลังเพลิงบาปทมิฬถาโถมเข้าไป กลับกระโจนผ่านไปราวกับสายลมพัดผ่าน!


นี่มันหมายความว่าอย่างไร หลี่จิ่วเต้าไม่มีความมืดมนในใจหรือ?


“ฆ่า!”


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายเรียกโลหิตสีดำออกมาหนึ่งหยด นี่คือเลือดที่หยดลงจากกระดูกในโลง พลังที่แฝงอยู่ในนั้นสยดสยองถึงขีดสุด!


ซ่า!


เสียงคล้ายสายน้ำดังขึ้นในนภา ร่างน่าสะพรึงร่างหนึ่งบุกออกจากโลหิตสีดำ มันดูเหมือนขุนศึกผู้หนึ่ง สวมชุดเกราะและมือถือหอก ทันทีที่โผล่ออกมาก็ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดตระการตา เสียงกู่ร้องเข่นฆ่าดั่งกึกก้องอยู่ในอวกาศ ทหารมากมายนับไม่ถ้วนบุกออกไปข้างหน้าตามหลังขุนศึกผู้นี้ จนรู้สึกคล้ายว่าได้มาอยู่ในสมรภูมิดุเดือดเลือดสาด!


“ข้าคือหลี่จิ่วเต้า จักกำราบศัตรูทั้งปวง!”


หลี่จิ่วเต้านึกประโยคอหังการชื่อดังในดาวเคราะห์สีฟ้าขึ้นมา และบุกออกไปข้างหน้า!


เขาบดขยี้สมรภูมิดุเดือดจนแหลกลาญ เผยให้เห็นถึงความไร้เทียมทานอย่างแท้จริง โลหิตสีดำถูกเล่นงานจนระเบิด ไม่อาจหยุดยั้งหมัดของเขาได้!


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดอึ้งงัน เหตุใดหลี่จิ่วเต้าถึงดุดันปานนี้?!


แม้แต่วิชาลับและโลหิตสีดำที่พวกมันได้จากโลงกระดูกก็ยังสู้ไม่ได้!


ตึง!


เวลานั้นเอง อวกาศนอกอาณาจักรสั่นไหวรุนแรง โลงศพโลงหนึ่งลอยออกมาจากเส้นทาง!


โลงศพนี้ก็คือโลงกระดูกที่ว่า สร้างขึ้นโดยท่อนกระดูกมากมาย แต่ละท่อนล้วนน่าประหวั่นพรั่นพรึง ม่านหมอกมืดมิดล้อมรอบ ราวกับมาเพื่อจัดงานศพให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในใต้หล้า!


“นี่หรือคือสาเหตุที่คุณชายออกโรง?!”


หลังสุนัขดำได้เห็นโลงกระดูก หัวใจของมันแทบหยุดเต้น ขนสุนัขลุกชัน นิยามด้วยคำว่าหวาดผวายังไม่พอ!


เมื่ออยู่ต่อหน้าโลงกระดูกนี้ ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายก็ไม่อาจเทียบได้ เทียบไม่ได้แม้แต่กับท่อนกระดูกที่อ่อนพลังที่สุดในนั้นด้วยซ้ำ!


…..


นอกเมืองชิงซาน ริมลำธาร


“โลงอะไรนี่ ความรู้สึกน่ากลัวกว่ากระโปรงสีขาวแห่งความตายและดาบโลหิตอีก!”


เสียงของต้นหลิวเคร่งเครียด มันคอยจับตาดูเหตุการณ์ด้านนี้อยู่เช่นกัน และมันแน่ใจว่าโลงกระดูกนี้ไม่ใช่ภาพสะท้อน หากแต่เป็นโลงศพจริง ๆ เป็นโลงศพที่มาจากความมืดมิดเฉกเช่นกระโปรงสีขาวแห่งความตาย!


อนาคตข้างหน้าจะเกิดสิ่งใดกันแน่?!


เริ่มจากกระโปรงสีขาวแห่งความตาย ต่อมาเป็นโลงกระดูกนี้ ความมืดมิดนี้มีต้นกำเนิดจากที่ใดกัน?!


มิน่า คุณชายถึงต้องออกโรง หากเป็นมันที่ไป ไม่แน่ว่าอาจจัดการไม่ไหว โลงกระดูกนั้นน่าพรั่นพรึงเหลือคณา น่ากลัวว่ามีสิ่งมีชีวิตที่สยดสยองยิ่งกว่าดำรงอยู่ภายใน!


…..


อวกาศนอกอาณาจักร


“นี่เขาตื่นกลัวจนนิ่งไปเลยหรือไร”


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายตนหนึ่งหัวเราะเยาะ หลังโลงกระดูกปรากฏ หลี่จิ่วเต้าก็ไม่ขยับอีก ‘นิ่ง’ อยู่ที่เดิม


ตึง!


มีเสียงดังออกจากโลงกระดูกอีกครั้ง ภาพร่างหลี่จิ่วเต้าระเบิดแหลกลาญ หายไปอย่างสิ้นเชิง!


“นี่น่ะหรือ ข้าคือหลี่จิ่วเต้า จักกำราบศัตรูทั้งปวง! ถุย ต้านการโจมตีเพียงครั้งเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ!”


“ไร้น้ำยาสิ้นดี!”


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหลายหัวเราะร่วน อย่าให้เอ่ยเลยว่าอารมณ์ชื่นบานเพียงใด!


เปราะบางยิ่งนัก!

“เอ่ยวาจาโอหัง สมควรต้องถูกถล่มเช่นนี้! นี่หรือ หลี่จิ่วเต้า!”


“อวดเบ่งไม่ดูสถานที่เอาเสียเลย! เมื่ออยู่เบื้องหน้าโลงกระดูก เจ้าไม่มีสิทธิ์อวดดี!”


ต้นบรรพจารย์ทั้งแปดใช้วาจาโอหังเป็นที่สุด สะใจกันยิ่งนัก


โลงกระดูกบุกมา สังหารได้ในพริบตา!


นี่แหละคือความเก่งกาจของโลงกระดูก!


“หา ไม่จริงกระมัง!”


“ห่างชั้นกันมากเพียงนั้นเลยหรือ”


สิ่งมีชีวิตในเมืองบรรพกาลไม่อาจรับได้ สีหน้าย่ำแย่กันถ้วนหน้า หากหลี่จิ่วเต้ายังสู้ไม่ไหว ผู้ใดเล่าจะยับยั้งโลงกระดูกได้


แย่แน่ พลังพิศวงลางร้ายจักบุกมาเต็มกำลัง ท้ายที่สุด พวกเขาก็ต้องถูกความพิศวงลางร้ายกลืนกิน กลายเป็นสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้าย!


“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”


สุนัขดำมีสีหน้าแปลกไป มันเชื่อไม่ลง แม้ว่านี่เป็นเพียงร่างจำแลงของคุณชาย ทว่าในใจ คุณชายย่อมแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ไม่มีทางถูกโลงกระดูกกำจัดไปได้ง่าย ๆ!


ต่อให้พลังที่โลงกระดูกสำแดงออกมาจะสยดสยองมากก็ตาม มันก็ไม่เชื่อ!


ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างนั้นแน่!


นอกเมืองชิงซาน ริมลำธาร


“ข้าศึกษาศาสตร์แห่งคุณชายจนบัดนี้ ยังอีกไกลกว่าจะถึงขั้นสมบูรณ์ กระนั้นยามนี้ก็ทรงพลังมากแล้ว ร่างจำแลงที่มีจิตสำนึกคุณชายอยู่ด้วยมีหรือจะอ่อนแอปานนั้น! เป็นไปไม่ได้เลย!”


แม้แต่ต้นหลิวก็ไม่เชื่อ


…..

ภายในเมืองชิงซาน


หลี่จิ่วเต้าส่งป้าหวังข้างบ้านกลับไปแล้ว ป้าหวังข้างบ้านนำพุทราหวานมาให้ เอ่ยว่าเป็นของดีประจำถิ่นจากทางไกลที่บุตรสาวนำกลับมาให้ รสชาติดีเยี่ยม ขอให้เขารับไว้ชิมดู


เขากัดไปคำหนึ่ง รสชาติหวานมากจริง ๆ จึงหยิบอีกสองสามลูกให้ลั่วสุ่ย ส่วนตัวเขาเอนกายบนเก้าอี้โยก หยิบแท็บเล็ตขึ้นมา


ทว่า เขาได้ยินวาจาอะไรนี่


เขาได้ยินว่าต้นบรรพจารย์ทั้งแปดตนนั้นเย้ยหยันถากถางอย่างไร หาว่าเขาไร้น้ำยา มีปัญญาแค่คุยโวอวดเบ่งเท่านั้น!


“ไร้น้ำยาหรือ”


เขาหัวเราะ ตั้งจิตออกไป ร่างพลันปรากฏขึ้นที่นั่นอีกครั้ง


“ข้าเพียงไปส่งแขกเพียงชั่วครู่ พวกเจ้าต้องยินดีเนื้อเต้นกันเพียงนี้เชียวหรือ?”


เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้!”


หมายความว่าอย่างไร?


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยว่าเพราะมีแขกมาเยือน ร่างแยกจึงสูญเสียจิตสำนึกและถูกกำจัดอย่างนั้นหรือ


เหอะ ๆ มีเพียงคนโง่ที่เชื่อถ้อยคำของหลี่จิ่วเต้า!


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดไม่เชื่อแม้แต่น้อย มองว่าหลี่จิ่วเต้าแค่ต้องการรักษาหน้าไปอย่างนั้น!


ภายในเมืองบรรพกาล หลังสุนัขดำได้ยินคำกล่าวของคุณชายก็ถึงบางอ้อ


“อย่างนี้นี่เอง!”


มันคลี่ยิ้ม เข้าใจแล้วทุกอย่าง


คุณชายกำลังเล่นแท็บเล็ตอยู่กระมัง ต่อมา มีแขกมาหาคุณชาย คุณชายจึงต้องวางแท็บเล็ต เป็นผลให้ร่างแยกนี้สูญเสียพลัง ถึงได้ถูกโลงกระดูกกำจัด


“เช่นนี้จึงจะถูก!”


มันก็ว่า ด้วยพลังขอบเขตของคุณชาย ต่อให้เป็นเพียงร่างแยก ก็ไม่มีทางถูกกำจัดได้ง่าย ๆ บัดนี้ มันได้คำตอบแล้ว


“หาข้ออ้างก็ควรให้แนบเนียนหน่อย! ที่เจ้าว่ามานั้น ผู้ใดจะเชื่อ!”


“ปากแข็งไปก็ไม่มีประโยชน์!”


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดเอ่ยเสียงเย้ยหยัน


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ คร้านจะอธิบาย มีอันใดต้องอธิบายอีก ต่อจากนี้ ถล่มโลงกระดูกนี้ให้ราบคาบก็พอ


ตึง!


เวลานั้น มีเสียงดังออกจากโลงกระดูกอีกครั้ง คลื่นพลังสยดสยองแผ่ซ่านออกมา หมายจะบดขยี้ภาพร่างหลี่จิ่วเต้าอีกครั้ง


ทว่าครั้งนี้ มันทำไม่สำเร็จ เมื่อคลื่นพลังสยดสยองโถมทับไปถึงหลี่จิ่วเต้า กลับถูกลบล้างทั้งหมด ไม่อาจประชิดตัวชายหนุ่มได้เลย


หลี่จิ่วเต้ารู้ดีว่าโลงกระดูกนี้ทรงพลังยิ่ง มิฉะนั้น ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดคงไม่กล้าโลดเต้นกันเช่นนี้ เขาเพิ่มพลังของตนขึ้นไปอีก


สีหน้าต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดเปลี่ยนไป เหตุใดหลี่จิ่วเต้าถึงไม่เป็นอะไรเลย? หรือว่าคำกล่าวเมื่อครู่จะเป็นความจริง?!


ตึง! ตึง! ตึง!


ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตในโลงกระดูกเริ่มมีน้ำโห ทั้งโลงศพสั่นสะท้านรุนแรง และมีเสียงดังออกมา คลื่นพลังน่าพรั่นพรึงซัดสาดดั่งเกลียวคลื่น สสารมืดมิดบางอย่างพวยพุ่ง ปรี่เข้าไปทำร้ายศัตรู


หลี่จิ่วเต้ามีสีหน้าราบเรียบ ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป ลบล้างพลังทั้งหมดได้ในพริบตา!


ตู้ม!


เวลานั้น กระดูกท่อนหนึ่งร่วงหล่นจากโลง นี่คือกระดูกแขนซึ่งไม่ใหญ่นัก ทว่าพลังที่แฝงไว้นั้นน่ากลัวถึงขีดสุด!


มันบุกตรงเข้ามา บดขยี้ทุกอย่างจนแหลกลาญ กระดูกแขนท่อนนั้นดุดันยิ่งกว่าอาวุธชิ้นไหน ๆ จิตสังหารทะยานขึ้นฟ้า!


อวกาศนอกอาณาจักรแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับล้าน ลำธารแห่งกาลเวลาอันยาวนานขาดสะบั้น ศึกนี้น่าครั่นคร้ามเหลือเกิน สิ่งมีชีวิตในเมืองบรรพกาลไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง หัวใจแทบหยุดเต้น!


เสียงดังฟึ่บ กระดูกแขนบุกเข้ามาด้วยพละกำลังรุนแรงพร้อมบ่อนทำลายสรรพสิ่ง มีเสียงระเบิดดังสนั่นตามหลังมันมา ทุกสิ่งทุกอย่างพังพินาศ!


หลี่จิ่วเต้าตาลุกวาว จับร่องรอยกระดูกแขนท่อนนี้ได้ในอึดใจเดียว ขณะที่กระดูกแขนท่อนนี้กำลังจะทะลุศีรษะของตน เขาก็คว้ากระดูกแขนท่อนนั้นไว้ฉับพลัน


มีพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นไหลเวียนออกจากกระดูกแขน หมายจะฝ่าออกจากมือของหลี่จิ่วเต้า


ทว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเปล่าประโยชน์!


มือข้างนั้นของหลี่จิ่วเต้ากำราบพลังทั้งหมดของกระดูกแขนไว้!


นอกจากนี้ หลี่จิ่วเต้ารีดเร้นกำลังบดขยี้กระดูกแขนท่อนนั้นจนแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี กลายเป็นผุยผง กระจายออกไปตามฝ่ามือของหลี่จิ่วเต้าที่ผายออก


“น่ากลัว!”


“พลังระดับใดกันนี่!”


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ร่างกายหนาวสะท้าน นั่นคือกระดูกจากโลงกระดูกเชียวนะ แต่กลับถูกบดขยี้เป็นผุยผงง่าย ๆ เยี่ยงนี้ ทั้งหมดนี้เกินความคาดหมายของพวกมันไปมาก!


ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!


เวลานั้น กระดูกอีกจำนวนมากร่วงหล่นลงจากโลง ประสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสิ่งมีชีวิตโครงกระดูก บุกเข้าไปหมายสังหารหลี่จิ่วเต้า


หลี่จิ่วเต้าต่อสู้ประชิดตัวกับสิ่งมีชีวิตโครงกระดูกด้วยวิชาการต่อสู้ของตน สิ่งมีชีวิตโครงกระดูกนี้สามารถจู่โจมด้วยกระดูกทุกท่อนในร่าง ยากจะป้องกันยิ่งนัก


ทว่า หลี่จิ่วเต้านั้นเชี่ยวชาญทั้งรุกทั้งรับ ไม่มีช่องโหว่สักนิด เรียกได้ว่าต่อสู้ได้ในระดับไร้ที่ติ ไม่นานนักสิ่งมีชีวิตโครงกระดูกก็ถูกกำราบ ตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่!


ตึง! ตึง! ตึง!


หลี่จิ่วเต้าใช้ทั้งมือทั้งเท้า รุนแรงเปี่ยมกำลัง อัดสิ่งมีชีวิตโครงกระดูกจนแตกสลายกลายเป็นผง ไม่มีโอกาสก่อร่างขึ้นใหม่!


เขาบุกออกไปข้างหน้า หมายจะอัดโลงกระดูกนี้ให้แหลกลาญ นี่คือแหล่งกำเนิดพลังเหล่านั้น หลังทำลายโลงกระดูกนี้ได้ ทุกอย่างจักยุติลง!


ทว่า เวลานั้นเอง วังวนประหลาดปรากฏก่อนจะโถมทับเข้าใส่หลี่จิ่วเต้า พาหลี่จิ่วเต้าไปยังดินแดนอีกแห่ง


“แดนลุ่มหลง หลังเข้าไปแล้วจะไม่สามารถออกมาได้อีก ดื่มด่ำกับชีวิตข้างในนั้นเถิด!”


เสียงชราดังออกจากโลงกระดูก มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอาศัยอยู่ในโลงกระดูกจริง ๆ บัดนี้กำลังส่งเสียงหัวเราะเย็นยะเยือก

แดนลุ่มหลงนั้นสำแดงภาพคนหรือสิ่งที่ผู้เข้าไปอาลัยอาวรณ์ที่สุด จนผู้ที่อยู่ข้างในถลำลึกลงไปทีละน้อย จนไม่อาจตั้งสติได้ ออกมาไม่ได้อีก


ไม่ว่าผู้ใด ล้วนมีคนหรือสิ่งที่อาลัยอาวรณ์ในใจ นี่คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุด ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดทลายออกมาได้เลย


“ความมืดมิดหวนคืน ไม่ควรถูกปราบปรามขับไล่ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น จากนี้ไป ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกมหาศาลที่จะตื่นขึ้นจากความมืดมิด…”


มันกล่าวต่อ ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดเคยได้ยินภาษานี้มาก่อน ทว่ากลับเข้าใจความหมายของวาจานี้ทั้งหมด


ความหมายของวาจาเหล่านี้ถูกส่งเข้าไปถึงส่วนลึกของวิญญาณทุกคน


“ความมืดมิดทยอยตื่นขึ้นแล้ว ทั้งหมดจักต้องผันแปร นั่นคืออารยธรรมมืดมิดอันรุ่งโรจน์ที่สุด พวกเจ้าล้วนเป็นสักขีพยาน จะได้เห็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่นี้!”


มีเสียงดังออกจากโลงกระดูกอีกครั้ง คล้ายว่ากำลังประกาศศักดา สิ่งมีชีวิตในเมืองบรรพกาลต่างเงียบงัน อนาคตจะเป็นอย่างไร? ดูท่าจะไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก!


“พวกข้ารู้สึกซาบซึ้ง และรู้สึกเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้เป็นผู้ติดตามก่อนกาล พวกเราช่างโชคดียิ่งนัก!”


“อารยธรรมมืดมิดจงเจริญ สร้างความรุ่งโรจน์สูงสุดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!”


ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายกู่ร้อง ตอบสนองกับถ้อยคำที่ดังออกจากโลงกระดูก


ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้ามาถึงอีกดินแดนหนึ่ง


“แดนลุ่มหลง? เจ้าเรียกที่นี่ว่าแดนลุ่มหลงหรือ?! ผู้ใดจะลุ่มหลงจนสูญเสียความเป็นตัวเองในดินแดนเยี่ยงนี้กัน!”


หลี่จิ่วเต้าปากกระตุก พูดสิ่งใดไม่ออกจากใจจริง ก่อนมา เขาได้ยินเสียงที่ดังออกจากโลงกระดูกแล้ว และรู้ว่าที่นี่ถูกเรียกว่าแดนลุ่มหลง


โดยปกติ สถานที่ที่ถูกขนานนามว่าแดนลุ่มหลงควรเต็มไปด้วยความรื่นรมย์อันชวนให้อาวรณ์จนทำใจจากไปไหนไม่ได้มิใช่หรือ?


ทว่า ที่นี่กลับเต็มไปด้วยความอัปลักษณ์ มีสิ่งมีชีวิตน่าขยะแขยงคลานไปทั่ว มองปราดเดียวก็รู้สึกพะอืดพะอม มีเพียงผู้ที่วิกลจริตเท่านั้นถึงสูญเสียตนเองเพราะลุ่มหลงในสถานที่เยี่ยงนี้!


นี่มันได้ผลตรงกันข้าม ยิ่งทำให้รู้สึกอยากหนีไปจากที่นี่ต่างหาก!


อันที่จริง แต่เดิมที่นี่ควรฉายภาพคนหรือสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าอาลัยอาวรณ์ที่สุด จนหลี่จิ่วเต้าแยกแยะจริงเท็จไม่ออก ถลำลึกลงไปจนไม่ได้สติ ไม่อยากออกมาอีก


นอกจากนี้ ก่อนเข้ามา หลี่จิ่วเต้าไม่ควรได้ยินเสียงจากโลงกระดูกด้วยซ้ำ


ทว่า หลี่จิ่วเต้านั้นเป็นตัวตนระดับใดกัน มีหรือที่จะเผยภาพความคิดในใจออกมาง่าย ๆ


เป็นไปไม่ได้เลย!


เขายังคงได้ยินเสียงของโลงกระดูกอย่างแจ่มแจ้ง


มิหนำซ้ำ แดนลุ่มหลงแห่งนี้ยังเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า ในเมื่อแดนลุ่มหลงไม่สามารถฉายภาพคนหรือสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าอาลัยอาวรณ์ในใจ จึงเผย ‘ภาพมายา’ ต่าง ๆ ออกมาให้หลี่จิ่วเต้าเห็น หมายจะใช้ ‘ภาพมายา’ นี้รั้งหลี่จิ่วเต้าไว้


น่าเสียดาย สิ่งนี้ไม่อาจตบตาหลี่จิ่วเต้าได้ ภาพที่หลี่จิ่วเต้าเห็นคือโฉมหน้าดั้งเดิมของแดนลุ่มหลง!


แดนลุ่มหลงแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยพลังมืดมิด ย่อมอัปลักษณ์อยู่แล้ว!


“ไปล่ะ!”


หลี่จิ่วเต้าไม่ต้องการอยู่ที่นี่ต่อแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ เนื้อตัวส่องแสงสว่างไสว ทะลวงออกจากที่แห่งนี้


“ทำได้เพียงอวดดีเท่านั้น! หาได้มีความสามารถแท้จริงไม่!”


“ใช่แล้ว! ลำพังเขาน่ะหรือคิดขัดขวางพวกเรา ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวเอาเสียเลย!”


ด้านนอก ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดพากันถากถางหลี่จิ่วเต้าอีกแล้ว สิ่งสำคัญคือพวกมันต้องการเอาใจโลงกระดูก สะท้อนให้เห็นถึงความทรงพลังของโลงกระดูก!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เวลานั้นเอง หลี่จิ่วเต้าทะลวงออกจากแดนลุ่มหลง ฝ่าออกจากด้านใน


“น่ารำคาญจริง ข้าจักจับพวกเจ้ามัดกระสอบคนละใบเพื่อปิดปากพวกเจ้าเสีย!”


หลังหลี่จิ่วเต้าออกมาได้ ก็ได้ยินวาจาเย้ยหยันของต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดพอดี เขาขมวดคิ้ว ไม่สบอารมณ์นัก


จากนั้น เขาโบกมือไปมา กระสอบแปดใบปรากฏฉับพลัน ครอบต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดเข้าไปพร้อมสรรพ


เมื่อโบกมืออีกครั้ง ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งแปดกระเด็นไปอีกด้าน หายลับไปทันที!


“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”


เสียงผิดคาดดังออกจากโลงกระดูก คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่จิ่วเต้าจะฝ่าออกจากแดนลุ่มหลงได้!


“ไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้! ข้าจักบดขยี้โลงศพของเจ้าเอง!”


หลี่จิ่วเต้าบุกออกไปข้างหน้า!

ตู้ม!


โลงกระดูกสั่นสะเทือน พลังมืดมิดโถมทับ สิ่งมีชีวิตในนั้นเร่งกำลัง ไม่ยอมให้หลี่จิ่วเต้าเข้าใกล้


ตอนนี้สภาวะของมันยังไม่ดีเท่าใด ไม่สามารถออกจากโลงกระดูกได้ ขืนปล่อยให้หลี่จิ่วเต้าเข้าใกล้จนเปิดฝาโลงกระดูกได้ มันย่อมต้องได้รับผลกระทบใหญ่หลวง และเป็นผลกระทบชนิดที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไข


อสนีบาตสีดำท่วมท้นนภาผ่าลงมา แต่ละสายล้วนมีขนาดใหญ่เท่าเทือกเขา ดังกังวานไปทั่วหล้า สะท้านกลับไปถึงโบราณกาล!


ร่างกายของหลี่จิ่วเต้าส่องแสง ผมยาวสยายตามลม ขณะที่อสนีบาตสีดำซึ่งปกคลุมอยู่ทั่วอวกาศนอกอาณาจักรผ่าลงมา ตัวเขาช่างดูสูงส่งไร้มลทินยิ่งนัก


อาภรณ์ของเขาสะบัดดังพึบพับขณะก้าวออกไปด้วยฝีเท้าอันเปี่ยมพลัง อสนีบาตสีดำผ่าลงมามากมาย แต่กลับยากจะแตะต้องแม้ปลายเส้นผม ทุกก้าวต่างสยดสยองถึงขีดสุด พลังน่าครั่นคร้ามปะทุ อสนีบาตสีดำบนนภาแตกร้าวฉับพลัน ไม่อาจผ่าลงมาได้เลย


“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?!”


สิ่งมีชีวิตในโลงกระดูกส่งเสียงคำราม ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดนอกจากดินแดนที่พวกมันอยู่ จะยังมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างหลี่จิ่วเต้าถือกำเนิดขึ้นได้อีก


“เขาคือตัวแปรผิดแผกนั่นหรือ”


จิตใจมันเริ่มหนักอึ้งเมื่อนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้


ในดินแดนที่มันอยู่ มีตัวตนระดับสูงเคยทำนายว่าจะมีตัวแปรผิดแผกปรากฏ และส่งผลกระทบต่อพวกมัน อนิจจา ตัวมันในดินแดนนั้นมีฐานะไม่สูงนัก จึงไม่รู้เรื่องตัวแปรผิดแผกนี่เท่าใดนัก


“ไป!”

มันไม่กล้ารีรอ หมอกดำม้วนขึ้นจากโลงกระดูก ห้วงมิติถูกแหวกออก มันจะไปจากที่นี่!


มันในยามนี้ยังไม่อาจต่อสู้เต็มกำลัง จึงไม่ต้องการพัวพันกับหลี่จิ่วเต้ามากนัก ด้วยกลัวจะเกิดเรื่อง


ตึง!


ทว่า มันเพิ่งเข้าไปในห้วงมิติก็มีพลังมหาศาลจู่โจมเข้ามา จนโลงกระดูกถูกกระแทกอย่างหนัก ร่วงหล่นลงจากนภา!


“เจ้ากำลังหาเรื่องตายอยู่! การจุติของอาณาจักรมืดมิดไม่อาจหยุดยั้ง ต่อให้เจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็เปล่าประโยชน์! หลังยอดฝีมือมืดมิดนับคณาตื่นขึ้น ความมืดมิดจักปกคลุมไปทุกกระเบียดนิ้ว! จุดจบนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว!”


มันส่งเสียงคำราม เอ่ยถึงอาณาจักรมืดมิดอีกครั้ง ประกาศกร้าวถึงอนาคต


“เจ้ากำลังขู่ข้าอยู่หรือ ขออภัย เปล่าประโยชน์!”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยเสียงแผ่ว ย่างเท้าออกไปอีกครั้งด้วยความเร็วทะลุขีดจำกัด ปรี่มาถึงตรงหน้าโลงกระดูกในอึดใจเดียว


เขายกโลงกระดูกขึ้นหมายจะเปิดฝาโลง และสังหารสิ่งมีชีวิตในนั้น


เขาไม่ต้องการแทรกแซงอาณาจักรนี้มากนัก แต่ในเมื่อบัดนี้เขาออกโรงแล้ว ก็ช่วยถ่วงเวลาให้อาณาจักรนี้มากขึ้นหน่อยแล้วกัน…


บนโลงกระดูกมีกฎแห่งความมืดมิดโลดแล่นพร้อมบุกออกไปหาหลี่จิ่วเต้า กฎแห่งความมืดมิดนี้คล้ายว่ามีชีวิตจิตใจ ทำท่าจะกลืนกินหลี่จิ่วเต้า


ทว่า ทั้งหมดนี้ก็ยังเปล่าประโยชน์


กฎแห่งความมืดมิดนี้ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ระเบิดแหลกลาญ สลายไปอย่างสมบูรณ์!


“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ตายไม่ยอมเลิกรา ดี! ต่อให้วันนี้ข้าต้องบาดเจ็บร้ายแรง ก็ขอสังหารเจ้าลงที่นี่!”


สิ่งมีชีวิตในโลงกระดูกคำรามกราดเกรี้ยว ตั้งใจจะเอาชีวิตเข้าแลก


มันไม่เหลือทางถอยแล้ว หากไม่ฆ่าหลี่จิ่วเต้า มันก็ไม่อาจไปจากที่นี่!


เสียงดังตู้ม โลงกระดูกแตกออก สิ่งมีชีวิตภายในพุ่งออกจากโลงกระดูก


ร่างกายของมันยังคงมีโลหิตหลั่งริน เป็นศพเน่าเปื่อยของเผ่ามนุษย์ กลิ่นอายเหม็นเน่ารุนแรง เศษเนื้อเกาะอยู่เต็มไปหมด น่าขยะแขยงเหลือแสน


ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!


หลังมันบุกออกมาแล้ว กระดูกต่าง ๆ บนโลงลอยไปอยู่ติดตัวมันอย่างรวดเร็ว รวมกันเป็นเกราะกระดูกและดาบกระดูก


“ฆ่า!”


มันตวัดดาบกระดูกฟาดฟัน ตัดได้แม้กระทั่งปริภูมิเวลา บดขยี้ได้ทุกสิ่ง!


“น่ากลัวเหลือเกิน!”


สิ่งมีชีวิตในเมืองบรรพกาลต่างสูดปาก ร่างกายเย็นวาบไปหมด สิ่งมีชีวิตตนนี้อยู่ในระดับใดกันแน่ น่ากลัวเกินไปแล้ว! ลำพังดาบนี้ก็เพียงพอให้รู้สึกสิ้นหวัง ไม่เห็นแสงสว่างสักนิด!


…..


นอกเมืองชิงซาน ริมลำธาร


“อย่างที่คิด!”


ต้นหลิวสะท้านใจ ดาบนี้น่ากลัวอย่างแท้จริง แม้แต่มันยังไม่แน่ใจว่าจะปัดป้องได้ นี่หรือความสะพรึงของสิ่งมีชีวิตมืดมิด?


ตามคาด ผู้ที่จุติเข้ามาจริง ๆ ทรงพลังกว่าผู้ที่เป็นเพียงภาพสะท้อนมากนัก!


“เจ้าของกระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นต้องน่าพรั่นพรึงปานใดกัน?!”


มันเอ่ยกับตัวเองเสียงแผ่ว


สิ่งมีชีวิตในโลงกระดูกแข็งแกร่งกว่ากระโปรงสีขาวแห่งความตายและดาบโลหิตเล็กน้อย ทว่า กระโปรงสีขาวแห่งความตายเป็นเพียงพลังอันเกิดจากภาพสะท้อนเท่านั้น มิใช่ร่างสมบูรณ์ เช่นนั้น พลังแท้จริงของร่างต้นย่อมต้องสยดสยองถึงขีดสุด!


…..


อวกาศนอกอาณาจักร


สิ่งมีชีวิตโลงกระดูกตวัดดาบกระดูกบุกเข้ามา หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วน้อย ๆ เขาเริ่มไม่อยากสู้แล้ว เพราะสิ่งมีชีวิตตนนี้น่าคลื่นเหียนเกินไป เขากลัวว่าของเหลวน่าสะอิดสะเอียนนั่นจะกระเด็นเปื้อนตน


“เจ้ากลับเข้าไปในโลงอีกครั้งเถิด!”


เขาชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้น โลงศพปรากฏ รับสิ่งมีชีวิตในโลงกระดูกเข้าไป จากนั้นฝาโลงประทับปิดสนิท


สิ่งมีชีวิตจากโลงกระดูกคำรามกราดเกรี้ยว หมายจะบุกออกจากโลงนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ว่ามันจะระเบิดพลังอย่างไรก็ไร้ผล ไม่อาจแผ้วพานโลงศพนั้นได้เลย!


“ไม่!”


มันสิ้นหวังระคนคาดไม่ถึง โลงศพที่หลี่จิ่วเต้าสร้างขึ้นด้วยการชี้นิ้วเพียงหนึ่งครั้งก็สะกดมันไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จะไม่ให้มันสิ้นหวังได้อย่างไร ความห่างชั้นนี้ใหญ่หลวงนัก มันกับหลี่จิ่วเต้าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!


“ตัวแปรผิดแผกน่าประหวั่นพรั่นพรึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”


มันตกใจเหลือคณา มิน่า แม้แต่ตัวตนระดับสูงสุดในดินแดนที่มันอยู่ยังให้ความสำคัญกับตัวแปรผิดแผกนี้อย่างยิ่งยวด กล่าวว่าตัวแปรผิดแผกนี้จักส่งผลกระทบใหญ่หลวง!


เวลานี้ อย่าให้เอ่ยเลยว่ามันสำนึกเสียใจเพียงใด ช่วงเวลาแห่งความมืดมิดยังมาไม่ถึง ต้องรอต่อไปอีกหน่อย แต่มันกลับไม่อาจสงบใจไว้ได้ บุกออกมา เป็นผลให้มันตกอยู่ในสภาพนี้!


หากมันไม่ร้อนใจ ยอมมาจุติพร้อมกับกองทัพมืดมิด ไหนเลยจะตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ ไม่มีทางเลย!


“ดับสิ้นเสียเถิด…”


หลี่จิ่วเต้าโบกมือ เสียงระเบิดดังออกจากโลง สิ่งมีชีวิตจากโลงกระดูกระเบิดแหลกลาญ เนื้อเปื่อยยุ่ยและกระดูกล้วนกลายเป็นผุยผง!


หลังสิ่งมีชีวิตจากโลงกระดูกระเบิด สสารสีดำชวนขนลุกไหลเวียนกระแทกกระทั้นโลงศพ หมายจะฝ่าออกมาให้ได้


ทว่า พริบตาต่อมา พลังบางอย่างปรากฏขึ้นในโลง ขจัดสสารสีดำชวนขนลุกไปทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่ซาก


ต่อมา โลงศพนั้นก็หายไป ทุกอย่างคืนสู่ความสงบ ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น


“ไปล่ะ”


หลี่จิ่วเต้าก้าวเท้า ไม่รอช้า เดินทางท่องอวกาศต่อ เพื่อวาดทั้งจักรวาลนี้ออกมา


สิ่งมีชีวิตในเมืองบรรพกาลอึ้งงันกันหมด เนิ่นนานเปล่งเสียงใดไม่ออก สิ่งมีชีวิตจากโลงกระดูกน่ากลัวเพียงนั้น กลับถูกหลี่จิ่วเต้ากำจัดไปได้อย่างง่ายดาย


น่าทึ่งเกินไปแล้ว!


ขณะที่พวกมันรู้สึกทึ่ง ยังรู้สึกโชคดีมหันต์ โชคดีที่มีตัวตนสูงส่งระดับหลี่จิ่วเต้าอยู่ มิฉะนั้น พวกมันคงต้องถูกความมืดมิดกลืนกินกันหมดแน่!


“โฮ่ง นี่แหละคือคุณชาย!”


สุนัขดำตื้นตันใจมากหลังได้ประจักษณ์ถึงความแกร่งกล้าของคุณชายอีกครั้ง เป็นเกียรติของมันอย่างแท้จริงที่ได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย นี่คือความโชคดีสูงสุดของมัน!


สุดท้าย มันก็ไปจากที่นี่ กลับไปยังริมลำธารนอกเมืองชิงซาน หมอบอยู่ข้างต้นหลิวและก้อนหินพร้อมสนทนาตามเดิม


…..


ในเวลาสองเดือน ในที่สุดบรรพจารย์เหยียนก็พาเจ้าหลวงมาถึงอาณาจักรนี้


อันที่จริง พวกเขาควรมาถึงนานแล้ว ด้วยพลังระดับบรรพจารย์เหยียน การรุดหน้ามายังอาณาจักรนี้ไม่ควรใช้เวลานานนัก


ทว่า เพื่อความปลอดภัย บรรพจารย์เหยียนไม่ได้ตรงไปยังอาณาจักรนี้ อีกไม่นานแดนบรรพโกลาหลก็จะปรากฏออกสู่ใต้หล้าแล้ว มันกลัวจะถูกสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลพบตัวอีกครั้ง


ระหว่างทาง มันพาเจ้าหลวงกวาดล้างนครพิศวงไปอีกคณานับ ดูดกลืนพลังพิศวงในนครพิศวงเหล่านั้น และฟื้นพลังได้อย่างสมบูรณ์!


ก่อนเข้ามาถึงอาณาจักรนี้ มันก็สัมผัสได้ว่าในอาณาจักรนี้มีสสารระดับสูงแสนมหัศจรรย์พวยพุ่ง ตัวมันเองยังอึ้งงัน สสารระดับสูงแสนมหัศจรรย์เช่นนี้มาจากที่ใดกัน!


มันนำศาสตราพิศวงออกมาหนึ่งชิ้นซึ่งได้จากมหานครพิศวงบางแห่ง ด้วยศาสตราพิศวงชิ้นนี้ มันสามารถติดต่อกับหน่วยแยก ณ สถานที่นั้นได้


“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นในอาณาจักรนี้”


มันเอ่ยถามออกไป ทว่าไม่ได้รับการตอบกลับ แม้ว่าจะแสดงฐานะแล้วว่ามันคือบรรพจารย์เหยียน ก็ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด


“เกิดอันใดขึ้น”


มันขมวดคิ้วมุ่น ระส่ำระสายเป็นอย่างมาก คงไม่ใช่ว่าหน่วยแยกประสบปัญหาเข้าหรอกนะ?!


“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”


เพียงครู่เดียวมันก็ส่ายหัว ปัดความคิดนี้ตกไป


ไม่มีทางที่หน่วยแยกจะประสบปัญหา เบื้องหลังพวกมันมีแดนกำเนิดพิศวงลางร้ายหนุนอยู่!


ในจักรวาลโกลาหลระดับนี้ ไม่มีทางต่อกรกับแดนกำเนิดของพวกมันได้ไหว!


“ท่านพ่อบุญธรรมเป็นอันใดไป?”


เจ้าหลวงถามขึ้น “หรือว่าจะเกิดเรื่องบางอย่าง”


“ข้าไม่รู้”


บรรพจารย์เหยียนส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ทราบสถานการณ์”


“อาณาจักรนี้ผิดปกติเกินไป ท่านพ่อบุญธรรม พวกเรา… รีบไปดีหรือไม่”


เจ้าหลวงเอ่ยอย่างเป็นกังวล กลัวจากใจจริงว่าต้องสูญเสียบิดาบุญธรรมอย่างบรรพจารย์เหยียนไปอีก เขาเพียงต้องการใช้ชีวิตไปอย่างสงบสุขกับบรรพจารย์เหยียนไปเรื่อย ๆ เท่านั้น


“กลัวอันใด! บัดนี้พ่อฟื้นคืนพลังสมบูรณ์แล้ว ขอเพียงตาเฒ่าในแดนบรรพโกลาหลไม่มากันพร้อมหน้า พ่อไม่มีทางเป็นอันใด!”


บรรพจารย์เหยียนกล่าว


“ก็จริง! ท่านพ่อบุญธรรมเป็นถึงบรรพจารย์อาวุโสเชียวนะ!”


เจ้าหลวงคลี่ยิ้ม เขากังวลเกินจำเป็นไปจริง ๆ บัดนี้ ท่านพ่อบุญธรรมคืนพลังสมบูรณ์แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอันใดอีก!


เวลานี้ ต่อให้พวกเขาต้องเจอะเจอกับเหล่าของวิเศษและต้นหลิว พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องกลัว!


ท่านพ่อบุญธรรมบรรพจารย์เหยียนผู้ฟื้นพลังกลับมาสมบูรณ์เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาลโกลาหลผืนนี้ มีกำลังรบระดับโกลาหลขั้นเก้า มีหรือจะเกิดเรื่องง่าย ๆ!


เป็นไปไม่ได้เลย!


“ไปเถิด พวกเราไปดูข้างในกันหน่อย…”


บรรพจารย์เหยียนกล่าว พาเจ้าหลวงเข้าไปยังอาณาจักรนั้น


พวกมันรอบคอบมาก ต่างเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกและสงวนพลังพิศวงลางร้ายไว้ แม้ว่าบรรพจารย์เหยียนนั้นมั่นใจว่าจะไม่เป็นอันใด แต่ถึงอย่างไรแดนบรรพโกลาหลก็เชื่อมต่อกับอาณาจักรนี้แล้ว มิหนำซ้ำ อาณาจักรนี้ยังเปลี่ยนไปอย่างอัศจรรย์ มันไม่อาจชะล่าใจแม้แต่น้อย


“พวกเราไปสืบกันก่อนว่าเกิดอันใดขึ้นกับอาณาจักรนี้!”


บรรพจารย์เหยียนเอ่ย ไม่กล้าคลี่แผ่ญาณสัมผัสเพื่อตรวจสอบ จึงตัดสินใจจับสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งมาไต่สวน


“เรื่องเล็กแค่นี้ไยต้องให้ท่านพ่อบุญธรรมออกโรง ข้าจัดการเอง!”


เจ้าหลวงตบหน้าอกรับประกัน “ข้าติดตามอยู่ข้างกายท่านพ่อบุญธรรมมา ยกระดับพลังขึ้นไม่น้อย ข้าจัดการเรื่องพวกนี้ได้ไม่มีปัญหา!”


บรรพจารย์เหยียนใคร่ครวญแล้วเห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง บัดนี้ เจ้าหลวงนั้นกล้าแกร่งมาก ครั้นจะจับตัวสิ่งมีชีวิตย่อมไม่เป็นปัญหา


“อืม เจ้าไปเถิด แต่จงจำไว้ว่าต้องระวังตัวด้วย อย่าได้โอหังและประมาทเด็ดขาด! ยามนี้ สถานการณ์ในอาณาจักรนี้ยังไม่แน่ชัด ทั้งยังเชื่อมต่อกับแดนบรรพโกลาหลแล้ว พวกเราจักต้องไม่ทำตัวโดดเด่น”


มันกำชับเจ้าหลวง


“ข้าทราบแล้วท่านพ่อบุญธรรม ข้าจักระมัดระวังเป็นทวีคูณ ไม่สร้างความเอิกเกริกแน่นอน!”


เจ้าหลวงรับประกันอีกครั้ง ก่อนจะไปจากที่นี่


ส่วนบรรพจารย์เหยียนนั้นรอคอยการกลับมาของเจ้าหลวงอยู่ที่นี่

เจ้าหลวงไปแล้ว และกระทำการรัดกุมเป็นอย่างยิ่ง เขาในยามนี้มีระดับพลังไม่ธรรมดา มีกำลังรบที่ทัดเทียมจักรพรรดิเซียน


หากเป็นเขาในอดีต ไหนเลยจะทำตัวแนบเนียนไปกับฝูงชนเช่นนี้ ไม่มีทางเลย กำลังรบระดับจักรพรรดิเซียนพอให้เขาทะนงโอหัง ไม่เหลือความเกรงกลัวใด ๆ


ทว่า เขาประสบกับเรื่องสะเทือนใจมากเกินไป ไม่กล้ากระโตกกระตากอีก ประกอบกับแดนบรรพโกลาหลเชื่อมต่อกับอาณาจักรนี้แล้ว เขายิ่งไม่กล้าเอิกเกริก สงวนพลังปราณในตัว ไม่เปิดเผยออกไปแม้แต่น้อย!


ไม่นานนัก เขาก็พบเจอกับสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งและจับไว้ได้ง่ายดาย น่าเสียดาย สิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ขอบเขตพลังต่ำเกินไป ไม่รู้เรื่องรู้ราว ถึงคุมตัวกลับไปก็เปล่าประโยชน์


ทว่าเขายังได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาบ้าง


ในจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล มีสถานศึกษาเทียนตี้อยู่แห่งหนึ่ง ก่อตั้งโดยกลุ่มอำนาจเก่าแก่ที่สุดในอาณาจักรนี้ และเป็นสถานศึกษาใหญ่โตที่สุดในอาณาจักรนี้ เรียกได้ว่ามียอดฝีมืออยู่ในนั้นนับไม่ถ้วน!


“เช่นนี้นับว่าเหมาะ…”


เจ้าหลวงหรี่ตา รุดหน้าไปยังสถานศึกษาเทียนตี้


หากเขาจับตัวยอดฝีมือในสถานศึกษาใหญ่โตที่สุดในอาณาจักรนี้ได้ ย่อมได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์อีกมหาศาล


พริบตาต่อมา เขาก็มาถึงสถานศึกษาเทียนตี้ มือใหญ่โบกสะบัด คนจำนวนมากถูกม้วนเอาไปด้วย และคนทั้งหมดยังเป็นยอดฝีมือของสถานศึกษาแห่งนี้


ระหว่างนี้ เขาไม่ได้ก่อความอึกทึกครึกโครมแต่อย่างใด


พลังระดับจักรพรรดิเซียนเพียงพอให้เขาทำเช่นนี้ได้


“กลุ่มสิ่งมีชีวิตเหนือขอบเขตเซียนขึ้นไป นับเป็นสถานศึกษาใหญ่โตที่สุดได้จริง ๆ”


เขาพึงพอใจมาก รีบพาสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้กลับไป


“ท่านพ่อบุญธรรม ข้ากลับมาแล้ว!”


เพียงไม่นาน เขาก็กลับมาหาบิดาบุญธรรมของตนพร้อมสะบัดมือ มีพลังไหลเวียนออกมา บรรดายอดฝีมือในสถานศึกษาที่เขาพามาด้วยต่างปรากฏกาย ณ ที่นี่


“เกิดอันใดขึ้น”


“ที่นี่ที่ไหน”


แม้ว่าเหล่ายอดฝีมือจากสถานศึกษาจะงุนงงเป็นอย่างมาก อีกทั้งตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น เพียงรู้สึกถูกพลังบางอย่างม้วนตัวไปในชั่วพริบตา จากนั้น ก็มาปรากฏกายที่นี่!


ทว่า ในบรรดายอดฝีมือจากสถานศึกษา มีผู้เฒ่าชราท่าทางกระปรี้กระเปร่าท่านหนึ่งแสร้งทำทีเป็นวิตก แท้จริงแล้วหาได้เกรงกลัวไม่


เขาคือเมิ่งจี เคยติดตามข้างกายคุณชายมาระยะหนึ่ง แล้วยังเคยพำนักในลานเล็กของคุณชายด้วย ต่อมา เมื่อคราวต่อกรกับแดนต้องห้ามทั้งหลาย เขาเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่ง


นับแต่นั้นมา เขาก็พำนักต่อในสถานศึกษา คอยชี้แนะปลูกฝังกองกำลังรุ่นใหม่


เมื่อครั้งเจ้าหลวงปรากฏกายที่สถานศึกษา เขาก็รู้ตัวแล้ว ทั้งยังตระหนักถึงฐานะของเจ้าหลวงอีกด้วย รู้ว่าเจ้าหลวงคือสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้าย


แม้ว่าเจ้าหลวงจะเป็นจักรพรรดิเซียน ทว่าขอบเขตของเขาสูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เขาอยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นเก้า เจ้าหลวงอำพรางตนได้อย่างแนบเนียน ไม่เผยพลังปราณออกมาสักนิด แต่ขอบเขตของตนสูงกว่าเจ้าหลวงมากโข จึงสืบเสาะข้อมูลทุกอย่างของเจ้าหลวงได้อย่างง่ายดาย


เขาไม่ได้ลงมือทันที เพราะอยากดูว่าเจ้าหลวงคิดทำการใด


ขณะที่เจ้าหลวงใช้พลังม้วนเอายอดฝีมือในสถานศึกษาไป เขาจึงตามมาด้วย


ด้วยพลังของเขา เจ้าหลวงย่อมไม่อาจรับรู้


“ทำได้ไม่เลว!”


บรรพจารย์เหยียนเอ่ยชมเจ้าหลวง กำลังรบระดับจักรพรรดิเซียนไม่ถือว่าสูงส่งนัก กระนั้นก็มิได้ต่ำต้อย เมื่อพามาที่นี่จึงไม่เป็นที่เอิกเกริก และได้รู้เรื่องที่เขาอยากรู้ด้วย


“พวกเจ้าต้องการสิ่งใด”


เมิ่งจีเอ่ยพลางแสร้งทำทีเป็นผวา


“เปล่า แค่อยากรู้บางอย่างเท่านั้น”


บรรพจารย์เหยียนเอ่ยเสียงเบา


หลังเจ้าหลวงจากไป มันได้วางกำลังในสถานที่แห่งนี้โดยปิดผนึกพื้นที่ทั้งหมด มันไม่ต้องกังวลว่าจะเปิดเผยตัวตน เพียงคลี่แผ่พลังจิตออกไปก็ค้นวิญญาณเมิ่งจีได้เลย!


ทันใดนั้น สายตาเมิ่งจีเลื่อนลอยต่างจากเดิม


“ขอข้าดูหน่อยเถิดว่าเกิดเรื่องใดในอาณาจักรนี้บ้าง!”


บรรพจารย์เหยียนตาเป็นประกาย ไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยถาม หากแต่ค้นวิญญาณโดยตรงได้เลย ทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่รวดเร็ว แต่ยังช่วยเลี่ยงคำโป้ปดได้ด้วย


ทว่าในไม่เช้า สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปอย่างมาก


มันเข้าไปถึงวิญญาณของเมิ่งจีได้ในการตั้งจิตเพียงครั้งเดียว เดิมต้องการสืบค้นว่าเกิดเรื่องใดในอาณาจักรนี้ ทว่ามันทำไม่สำเร็จ


หลังมันเข้าไป ก็ได้ยินเสียงก่นด่ามากมาย ร่างย่อวิญญาณของเมิ่งจีกำลังชี้หน้าด่ามัน!


“อ๊าก!”


มันส่งเสียงครวญคราง หน้าตาซีดเผือด เสี้ยวจิตที่เข้าไปในส่วนวิญญาณของเมิ่งจีถูกลบล้างไปอย่างน่าอนาถ


ยังดีที่มันมีปฏิภาณไหวพริบ ซ้ำยังเด็ดขาดฉะฉาน ตัดการเชื่อมต่อกับเสี้ยวจิตนั้นในทันที มิฉะนั้น มันคงบาดเจ็บหนักกว่านี้


“ท่านพ่อบุญธรรม ท่านเป็นอันใดไป!?”


เจ้าหลวงตกตะลึง รีบเข้าไปประคองบรรพจารย์เหยียน


“ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าท่านพ่อบุญธรรม! ไอ้เวรนี่… เจ้าพาพ่อทูนหัวมาให้ข้าชัด ๆ!”


บรรพจารย์เหยียนโมโหจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตบเจ้าหลวงกระเด็นไปอีกด้าน


“ท้ายที่สุดข้าก็ไม่อาจต้านเจ้าได้ สุดท้ายก็ถูกเจ้าข่มดวงจนได้!”


อย่าให้เอ่ยเลยว่าบรรพจารย์เหยียนสำนึกเสียใจเพียงใด มันอวดดีเกินไป ทึกทักเอาเองว่าตนนั้นไม่ธรรมดา คิดว่ามันไม่มีทางถูกเจ้าหลวงข่มดวง


แต่ดูจากสถานการณ์ในยามนี้ มันพ่ายแพ้ให้กับเจ้าหลวงเสียแล้ว ต้องถูกเจ้าหลวงข่มดวงในที่สุด!


เมิ่งจีย่อมไม่ธรรมดา ต่อกรด้วยยากยิ่ง มันต้องจบเห่เพราะเจ้าหลวง!


“อ๊าก ๆๆ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”


ปากของเจ้าหลวงเต็มไปด้วยโลหิต ฝ่ามือของบรรพจารย์เหยียนเมื่อครู่เกือบตบเขาตายคาที่


ทว่าเทียบกับเรื่องนั้น สิ่งที่เขาชอกช้ำใจยิ่งกว่าคือเหตุใดเขาถึงโชคร้ายเยี่ยงนี้ ทั้งที่ระมัดระวังพอแล้วแท้ ๆ ไยจึงเกิดเรื่องได้อีก


หรือว่าเขาเป็นผู้ข่มดวงอย่างไม่อาจเลี่ยงจริง ๆ


ผู้ที่ใกล้ชิดกับเขาต้องถูกเขาข่มดวงทั้งหมด?!


“ถูกลิขิตให้โดดเดี่ยวจนถึงวันสุดท้ายอย่างนั้นหรือ”


เขาขบฟันด้วยความคับแค้น สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย นี่คิดจะให้เขาต้องอยู่อย่างเดียวดายไปตลอดชีวิตเลยหรือ


“ได้ ข้ายอมแล้ว หากวันนี้ข้ารอดออกไปได้ วันหน้าข้าจักเป็นคนไร้ความรู้สึก!”


เขาลอบสาบานในใจ จากนี้ไป ไม่ขอตามหาบิดาบุญธรรมอีก เขายอมรับชะตากรรมแล้ว ต่อไป เขาจักอยู่ตัวคนเดียวจนถึงวันสุดท้าย


ตู้ม!


บรรพจารย์เหยียนเด็ดขาดมาก มิได้พูดพร่ำทำเพลงหรือเคลื่อนไหวให้มากความ ตรงดิ่งหมายจะไปจากที่นี่


เมิ่งจีต่อกรด้วยยากยิ่ง ซ้ำในอาณาจักรนี้ยังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหันต์ มันกลัวจะเกิดเรื่อง!


ส่วนเจ้าหลวงนั้น มันไม่แม้แต่จะแยแส!


มันเสียใจเหลือเกิน หากรู้แต่แรกว่าเจ้าหลวงดวงแข็งเยี่ยงนี้ มันควรต้องรีบฆ่าเจ้าหลวงไปเสียถึงจะถูก!


“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”


เมิ่งจีตาลุกวาว ยกมือเรียกพู่กันออกมาหนึ่งด้าม เขียนอักษรสะกดอย่างรวดเร็วเพื่อปิดผนึกพื้นที่นี้


บรรพจารย์เหยียนสีหน้าเคร่งเครียด เมิ่งจีผู้นี้ไม่ธรรมดาตามคาด พู่กันในมือเขาเป็นภัยคุกคามต่อมันอย่างมาก


“พวกเราไม่จำเป็นต้องมุ่งมั่นเอาชีวิตกันเช่นนี้! เรื่องวันนี้เป็นเพียงการเข้าใจผิด ข้ามิได้คิดทำการใดต่อพวกเจ้า!”


มันมองเมิ่งจีพลางกล่าว “หากวันนี้เจ้ายอมให้โอกาสข้าหนี วันหน้า ข้าจักให้โอกาสเช่นนี้กับเจ้าเหมือนกัน ยอมให้เจ้าหนี!”


จากนั้น มันกล่าวต่อ “ข้าบอกเจ้าได้อย่างชัดเจนเลยว่า ความพิศวงลางร้ายในอาณาจักรนี้เป็นเพียงหน่วยย่อย มิใช่แดนกำเนิดอันแท้จริง! ลำพังหน่วยย่อยพวกเจ้ายังรับมือด้วยความลำบาก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงแดนกำเนิดของเรา!”


ยามกล่าวมาถึงนี่ มันมีท่าทีภาคภูมิ


“บัดนี้เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ วันนี้เจ้าปล่อยข้าไป วันหน้า ข้าจะยอมปล่อยเจ้า!”


มันมองเมิ่งจีพลางกล่าว


“ยังคาดหวังในแดนกำเนิดของพวกเจ้าอีกหรือ พลังซึ่งอยู่เหนือต้นบรรพจารย์ของพวกเจ้าถูกเล่นงานไปหมดแล้ว!”


เมิ่งจีหัวเราะ


ดูท่า บรรพจารย์เหยียนผู้นี้จะไม่รู้เรื่องอันใดเลย…


“เจ้าพูดจาไร้สาระอันใด?!”


บรรพจารย์เหยียนตวาดออกมา เมิ่งจีผู้นี้ถึงกลับกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา!


มันไม่เชื่อในสิ่งที่เมิ่งจีเอ่ยออกมาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแทบทำให้มันหัวเราะจนตาย กล่าวออกมาได้เช่นไรว่าพลังต้นกำเนิดเบื้องหลังพวกมันถูกกวาดล้างไปแล้ว


จะเป็นไปได้อย่างไร!


แม้ว่ามันจะไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับพลังที่อยู่เบื้องหลังของพวกมันมากนัก แต่รู้ว่าเป็นเพราะพลังนี้ทำให้พวกมันกระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลเดิมได้ เช่นนี้แล้วจะเป็นพลังที่สามารถทำลายได้โดยง่ายตามใจชอบอย่างนั้นหรือ?


คิดอันใดอยู่!


จักรวาลโกลาหลแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตที่สามารถกระโดดออกไปได้ที่ไหนกัน?


มีพลังไม่ถึงแม้กระทั่งเศษเสี้ยวต้นกำเนิดของพวกมัน กลับกล้าพูดจาโอหังเช่นนี้!


มันไม่รู้จริง ๆ ว่าเมิ่งจีกล้าพูดออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร!


“เจ้าไม่รู้ก็ไม่แปลก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะกล้ามาวิ่งเต้นก่อเรื่องวุ่นวายในอาณาจักรแห่งนี้ได้อย่างไร!”


เมิ่งจียิ้มออกมา บรรพจารย์เหยียนไม่รู้อันใดจริง ๆ หากบรรพจารย์เหยียนรู้ ต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้สักหมื่นเท่า ก็คงไม่กล้าเหยียบย่างเข้ามาภายในอาณาจักรแห่งนี้แน่


“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่ให้โอกาสข้า?!”


บรรพจารย์เหยียนมองไปทางเมิ่งจี ไม่ได้โต้เถียงอันใดอีก เนื่องจากมันไม่มีเรื่องอันใดให้โต้แย้ง มันรู้ดีว่าพลังเบื้องหลังพวกมันน่ากลัวเพียงใด ไม่มีทางเกิดเรื่องอย่างที่เมิ่งจีกล่าวอย่างแน่นอน


มันย้อนกลับไปยังคำถามก่อนหน้า


“แน่นอน... ย่อมเป็นไปไม่ได้!”


เมิ่งจีจรดปลายพู่กันเขียนคำว่า ‘ฆ่า’ ลงบนอากาศ ก่อนส่งมันออกไป


นี่คือพู่กันที่คุณชายมอบให้ อักษรที่เขียนออกมาย่อมทรงพลังอย่างยิ่งยวด


“เช่นนั้นข้าก็จะสู้กับเจ้าจนถึงที่สุด!”


บรรพจารย์เหยียนไม่คำนึงถึงสิ่งใดแล้ว วาจาก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอันใดอีก ดึงเดือยกระดูกออกมาทันทีพร้อมพุ่งไปด้านหน้า!


พลังพิศวงนั้นไม่ธรรมดา แข็งแกร่งกว่าพลังอื่น ๆ ภายใต้สถานการณ์ปกติแล้ว หากเมิ่งจีใช้พู่กันที่คุณชายมอบให้เขียนคำว่าฆ่า การปราบปรามผู้ที่อยู่ในขั้นเดียวกันย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย


แต่กลับบรรพจารย์เหยียนไม่ได้เป็นเช่นนั้น


บรรพจารย์เหยียนนั้นไม่ธรรมดา คู่ควรกับการเป็นบรรพจารย์ของดินแดนแห่งนั้น ตัวมันที่ออกมาจากดินแดนต้นกำเนิด ดุร้ายเสียยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตพิศวงตนอื่น ๆ!


เดือยกระดูกในมือของมันเองก็ไม่ธรรมดา ของสิ่งนี้มาจากแดนต้นกำเนิดเช่นเดียวกัน เคยถือครองโดยบรรพจารย์ผู้หนึ่ง ก่อนจะถูกสงครามครั้งใหญ่ทำให้ตกลงมายังโลกเห่งนี้ หลังจากนั้นเมื่อมันตระเวรไปทั่วนครพิศวง จึงได้รับเดือยกระดูกนี้มา


“ฆ่า!”


มันระเบิดพลังออกมาอีกครั้งโดยใช้พลังทั้งหมด บังคับให้อักษร ‘ฆ่า’ ต้องถอยรนกลับ!


“โอ้?”


เมิ่งจีเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาทอประกายแปลกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตพิศวง รับรู้ได้ทันทีว่าพลังพิศวงนั้นไม่ธรรมดา ทั้งยังแข็งแกร่งอย่างมาก ห่างชั้นไกลเกินกว่าพลังปกติทั่วไป


ทว่าเขาก็ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เพราะเขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมา!


“ฆ่า!”


บรรพจารย์เหยียนตะโกนออกมา พลังถูกผลักดันไปจนถึงขีดสุด พลังพิศวงแผ่กระจายออกจากร่างควบแน่นกลายเป็นรูปแบบแทบทุกประเภทมุ่งตรงไปหมายสังหารเมิ่งจี!


พลังที่ควบแน่นเหล่านั้นมีทั้งอยู่ในรูปของสัตว์ร้ายและอาวุธหลากหลายประเภท แต่ละอันล้วนมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง!


นี่เป็นวิชาลับอันน่าสะพรึงกลัวที่มาจากดินแดนต้นกำเนิด บรรพจารย์เหยียนนับว่าทุ่มทุกอย่างออกมาจริง ๆ กระทั่งมหาวิชาสังหารใต้ก้นหีบยังถูกนำออกมาใช้


“ทลาย!”


เมิ่งจีใช้พู่กันเขียนอักษร ‘ทลาย’ ออกมาอย่างรวดเร็ว พลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งใส่พลังที่ควบแน่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ทำลายพลังที่ควบแน่นอย่างรวดเร็ว!


“ระเบิดเสีย!”


บรรพจารย์เหยียนกัดฟัน เรียกศาสตราพิศวงออกมาหลายชิ้น ก่อนกระตุ้นพลังพิศวงที่อยู่ภายในให้พวกมันทั้งหมดระเบิดออกมาสังหารเมิ่งจี!


ช่วงที่มันทำลายนครพิศวงต่าง ๆ อยู่นั้น มันก็ปล้นชิงของทั้งหมดในนครพิศวงเหล่านั้นมาด้วย ทำให้ได้รับของดีมาจำนวนไม่น้อย


ในสงครามครั้งนั้น พวกมันสามารถบุกมาได้จนถึงแดนบรรพโกลาหลในอาณาจักรแห่งนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย ยามนั้นจะต้องมียอดฝีมือจำนวนมากเข้าร่วมในการต่อสู้ ไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะบุกเข้าไปถึงแดนบรรพโกลาหลได้


และเหตุนี้เองทำให้มีศาสตราพิศวงมากมายหลงเหลือเอาไว้


บรรพจารย์เหยียนนำศาสตราพิศวงจำนวนมากออกมาเพื่อสังหารเมิ่งจีอย่างไม่ตระหนี่แม้แต่น้อย


สิ่งนี้ย่อมต้องส่งผลต่อเมิ่งจี


อย่างไรเสียศาสตราพิศวงเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป


อีกด้านหนึ่ง เจ้าหลวงเองก็กำลังถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ มองหาโอกาสหลบหนีจากไป


เขาตระหนักได้เป็นอย่างดี สุดท้ายไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เขาก็ล้วนจบไม่ดีอย่างแน่นอน


บรรพจารย์เหยียนก็มองการประจบประแจงของเขาออกแล้ว ย่อมต้องไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน


ไม่ต้องพูดถึงเมิ่งจีเลย ย่อมต้องสังหารเขาทิ้งจนสิ้น


เขาไม่อาจไม่วิ่งหนีได้!


“ช่างชวนโมโหยิ่งนัก! อ๊ากกก!”


บรรพจารย์เหยียนมองเห็นถึงการเคลื่อนไหวของเจ้าหลวง หัวใจและปอดโกรธจนแทบระเบิดออกมา


มันกำลังตกที่นั่งลำบากโดยที่เจ้าหลวงมีส่วนเอี่ยว ตอนนี้มันกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ด้านหน้า แต่เจ้าหลวงกลับใช้โอกาสนี้หนีไปเงียบ ๆ!


นี่มันน่าคับแค้นเกินไปแล้ว!


ทว่ามันก็ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีทางจะปลีกตัวออกไปจัดการกับเจ้าหลวงได้


เมิ่งจีมุ่งเป้ามาที่มัน การโจมตีล้วนดุดันเป็นอย่างยิ่ง แม้มันนำศาสตราพิศวงออกมาต้านทาน ก็แทบไม่อาจป้องกันไหว แทบไร้พลังโดยสิ้นเชิง


อัก!


ในตอนนั้นเอง มันพลันถูกโจมตีเข้าอย่างจัง จนต้องกระอักเลือด ทั่วทั้งร่างใกล้จวนจะระเบิดออก!


มันรีบดึงสมาธิกลับมา ไม่กล้าใจลอยอีกต่อไป เพียงแค่แบ่งสมาธิไปดูสถานการณ์ทางฝั่งเจ้าหลวง ก็ถึงกับถูกโจมตีเข้าอย่างหนัก!


“แม้ว่าข้าจะต้องตาย ก็จะไม่ปล่อยให้เจ้ามีจุดจบที่ดี!”


มันกู่ร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว พยายามดึงเอาพลังทั้งหมดในร่างออกมาอย่างสุดชีวิต ก่อนเริ่มต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง!


เมิ่งจีไม่ได้มอบทางเหลือรอดให้กับมัน ดังนั้นมันจะสามารถรอดได้ด้วยการสังหารเมิ่งจีเท่านั้น!


การระเบิดพลังออกมาครั้งนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง สามารถกดดันเมิ่งจีกลับได้ เจ้าหลวงที่รอโอกาสนี้อยู่ รีบพุ่งตัวหนีออกไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!


“ตาย ตาย ตาย!”


ดวงตาของบรรพจารย์เหยียนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำระหว่างต่อสู้อย่างสุดชีวิต ครั้งนี้ไม่เมิ่งจีตายก็เป็นมันที่ตาย!


แม้เมิ่งจีจะถูกกดดัน แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น


“ตาย!”


เมิ่งจีใช้พู่กันเขียนคำว่า ‘ตาย’ ให้ระเบิดพลังออกมา ให้ที่สุดคำว่า ‘ตาย’ ก็สังหารบรรพจารย์เหยียนลงได้


เขาหอบหายใจ การต่อสู้ครั้งนี้กินแรงไปมากจริง ๆ


สิ่งมีชีวิตพิศวงยากจะจัดการลงได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะสามารถเป็นภัยคุกคามใหญ่ได้ถึงเพียงนี้!


ส่วนเรื่องที่เจ้าหลวงหนีไปแล้ว เขาไม่กังวลแม้แต่น้อย


“สภาพแวดล้อมของอาณาจักรแห่งนี้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก ใช้เวลาอีกเพียงไม่นาน ความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างรวดเร็ว มันผู้นั้นก็จะไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามแต่อย่างใด...”


เมิ่งจีเอ่ย จากนั้นเขากับยอดฝีมือจากสถานศึกษาก็ออกจากที่นี่ กลับไปด้านในสถาบันเพื่อพักผ่อนและพักฟื้น


เขาใช้พลังไปจำนวนมาก จำเป็นต้องพักฟื้น ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาขึ้นได้


...


ภายในเมืองชิงซาน


หลี่จิ่วเต้าถือพู่กัน วาดภาพจักรวาลอันเปี่ยมไปด้วยดวงดาราที่ได้เห็นจากโลกในแท็บเล็ตออกมาจำนวนมาก


แน่นอน ภาพวาดเหล่านี้ไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาต้องการจะวาด เขายังไม่ได้เดินชมให้ทั่วทั้งจักรวาลของโลกในแท็บเล็ตเลย


“คราวนี้ไม่เพียงแต่สภาพแวดล้อมของอาณาจักรแห่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทว่าสภาพแวดล้อมของทั้งจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน!”


ลั่วสุ่ยที่กำลังฝนหมึกให้หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาในใจพร้อมด้วยความรู้สึกมากมาย


ภาพสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณชายวาด นำพาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่ทั้งอาณาจักร และตอนนี้คุณชายก็ได้วาดจักรวาลหมื่นดาราขึ้นมา คาดเดาได้เลยว่า หลังจากที่คุณชายวาดภาพจักรวาลหมื่นดาราเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั่วทั้งจักรวาลโกลาหลจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!


“คุณชายกำลังทำการจัดเตรียมใช่หรือไม่?”


นางคิดขึ้นมาในใจ รู้สึกว่านี่อาจเป็นการเตรียมการล่วงหน้าของคุณชาย


อนาคต… ดูแล้วน่าจะหนักหนาอย่างแท้จริง!

ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ