ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 791ถึง 795
เสียงปี่สั่วน่าดังขึ้น ดุเดือดเลือดพล่านไปทั้งพื้นที่!
นี่มันเครื่องดนตรีประเภทใดกัน น่ากลัวเกินไปแล้ว เสียงที่ถูกเป่าออกมาทิ่มแทงตรงเข้าไปในวิญญาณ!
เสียงของขลุ่ยชะงักงัน เขาไม่อาจบรรเลงต่อ ยากจะตั้งสมาธิ
อีกด้าน กระดิ่งสัมฤทธิ์ในมือบรรพจารย์อวิ๋นหยุดส่งเสียงในพริบตานั้น รอยร้าวเล็ก ๆ ปรากฏ ก่อนจะคลี่แผ่ออกไปประดุจใยแมงมุม เห็นได้ชัดว่าเสียงปี่สั่วน่านั้นมิได้มีเพื่อจู่โจมวิญญาณเพียงอย่างเดียว
บรรพจารย์โม่ บรรพจารย์เถื่อนต่างผวาในใจ พยัคฆ์ขาว นกฉงหมิง มังกรฟ้าห้าขาขนลุกขนชันไปทั้งตัว เสียงของปี่สั่วน่าทะลุทะลวงได้น่าพรั่นพรึงยิ่งนัก!
“มีลูกไม้เช่นนี้ด้วยหรือ?!”
สีหน้าต้นหลิวเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน มันคิดไม่ถึงเลย เสียงของปี่สั่วน่าเป็นเอกลักษณ์ยิ่งนัก น่าสะท้านใจเป็นที่สุด!
ก้อนหินเป่าต่อไปด้วยความดื่มด่ำ ลำนำส่งวิญญาณค่อย ๆ ดังออกมาด้วยการบรรเลงจากมัน
“ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้! ฆ่า!”
พยัคฆ์ขาวคำราม ไม่มีทางตายง่าย ๆ เยี่ยงนี้ หัวเสือที่ถูกบั่นขาดงอกขึ้นใหม่
มันกระโจนขึ้นสูง บุกเข้าไปตนแรก เสียงปี่สั่วน่าสยดสยองตั้งแต่เพิ่งเริ่มบรรเลง จะปล่อยให้ก้อนหินเป่าต่อไปได้อย่างไร!
ขืนเป็นเช่นนั้นต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่!
“ฆ่า!”
นกฉงหมิง มังกรฟ้าห้าขา บรรพจารย์โม่ บรรพจารย์อวิ๋น บรรพจารย์เถื่อน และบรรพจารย์ขลุ่ยตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขารีบตามเข้าไป บุกสังหารไปข้างหน้า
“ลุยด้วยกันเลย!”
สายตาผู้นำตระกูลเทียนทอประกายเหี้ยมเกรียม รับรู้ถึงภัยคุกคามใหญ่หลวงจากลำนำส่งวิญญาณของก้อนหิน เขาและผู้เป็นนิรันดร์อีกห้าตนบุกเข้าไปเช่นกัน
จะเห็นได้ว่า พวกเขาไม่เหมือนกับกำลังรบระดับผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่น ตามตัวพวกเขามีหมอกดำรายล้อม พลังมืดมิดอันน่ากลัวคลี่แผ่ ต้นหลิวเห็นดังนั้นชักหนักอึ้งในใจ
“เกิด… อะไรขึ้น!”
“ยกโลงศพมานี่ได้จริง ๆ หรือ?!”
สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก คล้อยตามลำนำส่งวิญญาณที่ดังออกไป ฟ้าดินพลันมืดมัว บรรยากาศโศกาขจรขจาย ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นภาพแล้วภาพเล่า
กระดาษเงินกระดาษทองโปรยปรายลงจากท้องฟ้า แยกไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือภาพมายา โลงศพมากมายปรากฏ แต่ละโลงล้วนมีเงาดำสี่ร่างคอยยก ราวกับข้ามผ่านกาลเวลาอันยาวนานเพื่อมาฌาปนกิจศพให้พวกตน!
เส้นขนพากันตั้งชัน ก้อนหินผู้นี้มีภูมิหลังเช่นไร เหตุใดถึงน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้?!
เทียบกับคราวก่อน ก้อนหินในเวลานี้น่ากลัวขึ้นตั้งไม่รู้กี่เท่า
ตู้มตู้มตู้ม!
พวกเขาระเบิดพลัง ไม่มีทางยอมจำนนง่าย ๆ ต่างคนต่างสำแดงฤทธิ์เดช บุกตรงเข้าไปหมายสลายปรากฏการณ์เงาดำยกโลงนี้ และกำราบก้อนหิน!
หนึ่งโลงมีเงาดำยกอยู่สี่ร่าง กำลังก้าวไปหากำลังรบระดับผู้เป็นนิรันดร์เหล่านั้น
“ไสหัวไปเสีย!”
พยัคฆ์ขาวคำรามกราดเกรี้ยว พลังในกายปะทุออกมาเต็มพิกัด กรงเล็บข้างหนึ่งตวัดออกไป ฟ้าดินสั่นสะท้านตอบรับ กฎระเบียบต่าง ๆ แหลกสลายไปตาม ๆ กัน!
ทว่า เงาดำทั้งสี่ผู้ยกโลงโจมตีออกไป กำราบพยัคฆ์ขาวได้ในพริบตา ซ้ำยังโยนพยัคฆ์ขาวเข้าไปในโลงศพพร้อมปิดฝา
นกฉงหมิงกระพือทะเลเพลิงขึ้นท่วมท้นนภา ลำพังสะเก็ดไฟเล็ก ๆ ก็สามารถแผดเผาท้องฟ้าจนสิ้นซาก ทว่า ทั้งหมดนั่นล้วนสูญเปล่า เงาดำทั้งสี่ผู้ยกโลงประชิดตัวนกฉงหมิง โยนนกฉงหมิงเข้าไปในโลงศพ
ตู้ม!
มังกรฟ้าห้าขาว่ายเวียนไปตามชั้นเมฆา อ้าปากพ่นอสนีบาต ผสานกันเป็นตาข่ายสายฟ้า ถล่มใส่โลงศพที่เข้ามาใกล้มัน
แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์ เงาดำยกโลงเข้ามาใกล้ ตั้งรับอสนีบาตที่ถล่มลงมาและปรี่ไปหามังกรฟ้าห้าขา
มังกรฟ้าห้าขาหันหลังคิดหนี สุดท้ายกลับถูกจับได้และโยนลงไปในโลงศพประหนึ่งไส้เดือนตัวหนึ่ง!
บรรพจารย์โม่ บรรพจารย์อวิ๋น บรรพจารย์เถื่อน บรรพจารย์ขลุ่ย และกำลังรบระดับผู้เป็นนิรันดร์ทั้งหกจากตระกูลเทียนก็ประสบพบเจอกับเหตุการณ์เดียวกัน
พวกเขาสำแดงมหาวิชามากมาย อีกทั้งเรียกยอดศาสตราออกมาหลายชิ้น ทว่าก็เปล่าประโยชน์ ทั้งหมดล้วนถูกโยนลงไปในโลงศพ!
“อะไรกัน!”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?!”
สิ่งมีชีวิตในชั้นเก้าต่างผวาเกินบรรยาย พวกเขาคอยจับตาดูสถานการณ์ด้านนี้กันทั้งหมด หลังได้เห็นผลลัพธ์เช่นนี้ พวกเขาตกใจแทบตาย!
กำลับรบระดับผู้เป็นนิรันดร์สิบสามตนเชียวนะ ถูกกำราบด้วยลำนำเพียงบทเดียวหรือ?!
ยากจะเชื่อ รู้สึกว่าเป็นเพียงเรื่องเหลวไหล กำลังรบผู้เป็นนิรันดร์แต่ละตนล้วนไร้เทียมทานในใต้หล้า กวาดล้างได้ทุกสิ่ง แต่กลับเปราะบางสู้ลำนำบทเดียวไม่ได้ ถูกโยนเข้าไปในโลงศพได้อย่างง่ายดายเชียวหรือ?!
ความศรัทธาในใจพังครืน รู้สึกกดดันเหลือแสน เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ระดับผู้เป็นนิรันดร์ตกอยู่ในสภาพอนาถาเยี่ยงนี้ได้ด้วยหรือ?!
มีเสียงดังออกจากโลงศพเหล่านั้น กำลังรบระดับผู้เป็นนิรันดร์ดีดดิ้นไปมาสุดชีวิตอยู่ด้านใน หมายจะทลายโลงศพออกมา
ทว่า สุ้มเสียงนั้นหายไปในไม่ช้า
แต่ละโลงต่างมีกฎระเบียบเวียนวน พลังสูงส่งโถมทับปราบปรามพวกเขา จนไม่อาจขัดขืน
“ไม่มีประโยชน์ ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ส่งผลอันใด พวกเราก้าวสู่ขอบเขตนิรันดร์แล้ว ไม่แตกไม่ดับ พวกเจ้าทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก!”
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวของผู้นำตระกูลเทียนดังออกจากโลงศพหนึ่ง ขอบเขตนิรันดร์ เป็นขอบเขตซึ่งไร้เทียมทาน ต่อให้โลกาวินาศ พวกเขาก็ไม่มีวันตาย
ทว่าไม่นาน เขาก็ต้องตกตะลึง ผู้เป็นนิรันดร์ก็ถูกปลิดชีพได้เหมือนกัน!
เสียงโหยหวนดังออกจากโลงศพข้างเคียง ภายในนั้นมีการเข่นฆ่าเกิดขึ้น กฎระเบียบบางอย่างซัดสาดออกจากลำนำส่งวิญญาณ แทรกซึมเข้าไปในโลง ผู้เป็นนิรันดร์หรือ ไม่แตกไม่ดับหรือ ล้วนถูกบดขยี้จนพินาศในพริบตา!
กฎระเบียบนั้นสะท้านโลกันตร์ เหนือชั้นกว่าขอบเขตความเข้าใจไปมาก ผู้เป็นนิรันดร์ไม่แตกไม่ดับก็จริง ทว่า เมื่ออยู่ภายใต้กฎระเบียบนี้ แม้แต่ผู้เป็นนิรันดร์ในโลงก็ต้องถูกสังหาร ตายไปอย่างสมบูรณ์!
เงียบสงัด!
สถานที่แห่งนั้นเงียบสงัด ไม่เหลือสุ้มเสียงอื่นใด!
ในโลงศพที่เหลือก็ไร้เสียงอื่นใด ผู้นำตระกูลเทียนหุบปากทันควัน ผู้เป็นนิรันดร์ที่ถูกฆ่าเป็นคนของพวกเขาตระกูลเทียน คนผู้นั้นไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย ราวกับไม่เคยปรากฏตัวในใต้หล้านี้มาก่อน!
แม้กระทั่งความทรงจำเกี่ยวกับผู้เป็นนิรันดร์คนนั้นก็ค่อย ๆ หายไปจากสมองของเขา!
นี่คือการตายอย่างแท้จริง ไม่เหลือความหวังฟื้นขึ้นมาอีก!
ผู้เป็นนิรันดร์ทั้งหมดล้วนตกตะลึง ว่าง่ายขึ้นมาถ้วนหน้า เดิมคิดว่าพวกตนไม่มีวันตาย บัดนี้ความจองหองไม่หลงเหลือ พวกเขาตายได้ ก้อนหินมีพลังพอจะฆ่าพวกเขา!
“คนของตระกูลเทียน ฆ่าให้หมด…”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา
“อย่านะ! ขอโอกาสพวกเราสักครั้งเถิด!”
“ขอร้องล่ะ!”
หลังผู้เป็นนิรันดร์ตระกูลเทียนได้ยินเสียงของต้นหลิวก็รีบร่ำไห้ร้องขอความเมตตา พวกเขาไม่อยากตาย มิฉะนั้น พวกเขาก็คงไม่เข้าร่วมกับความมืดมิด
“เป็นไปไม่ได้!”
ต้นหลิวเอ่ยด้วยสุ้มเสียงเย็นชา “หากคราวก่อนพวกเจ้ารู้จักรามือ บางทีข้าอาจปล่อยพวกเจ้าไป แต่พวกเจ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น! วันนี้ ตระกูลเทียนจักไม่เหลือแม้แต่ชื่อ!”
ลำนำส่งวิญญาณปะทุ กฎระเบียบสูงส่งปรากฏขึ้นในโลงศพอีกห้าโลง ปลิดชีพผู้เป็นนิรันดร์ตระกูลเทียนในนั้น
พยัคฆ์ขาวและผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นเงียบไม่พูดจา กลัวภัยจะถึงตัว ถูกสังหารไปด้วย
ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง ดาบโลหิตเล่มใหญ่เหินเข้ามาจากฟากฟ้า ฟันเข้าใส่ก้อนหิน
พลังของลำนำส่งวิญญาณถูกดาบเล่มนี้ทลาย หมอกดำห้อมล้อมแผ่ขยายออกไปในใต้หล้า ความมืดมิดกลายเป็นเฉดสีหลักเพียงหนึ่งเดียว!
ก้อนหินตกตะลึง รีบเอี้ยวตัวหลบ มันระแวงขึ้นมาในใจ รู้ว่าไม่มีทางต้านทานดาบเล่มนี้ได้!
มันตอบสนองได้ไวยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจหลบพ้นทั้งหมด ครึ่งร่างถูกฟันขาด ซ้ำยังมีพลังมืดมิดแผ่ขยายออกไปตามตัวอย่างรวดเร็ว หมายจะดูดกลืนมันเข้าไป!
ต้นหลิวลงมือ ก้านหลิวหนึ่งพลิ้วไหวอาบไปด้วยแสงสีเขียวเข้มข้น ทาบทับลงบนตัวก้อนหิน ขับไล่พลังมืดมิดออกไป พร้อมช่วยฟื้นสภาพให้มัน
“ฮ่า ๆ ข้าว่าแล้วว่าพวกเจ้าคือฝูงตั๊กแตนหลังสารทฤดู โลดเต้นได้ไม่นานหรอก! คราวนี้ข้าจะคอยดูว่าพวกเจ้าจะตายหรือไม่!”
ผู้นำตระกูลเทียนหัวเราะลั่น ทลายฝาโลงเหินออกมา
พลังจากลำนำส่งวิญญาณถูกลบล้าง โลงศพจึงสิ้นอำนาจ พวกพยัคฆ์ขาวก็ทลายโลงศพออกมาตาม ๆ กัน
“โอหังนักหรือ! ท่านผู้ยิ่งใหญ่ออกโรงแล้ว พวกเจ้าลองโอหังดูอีกสิ!”
“ฌาปนกิจศพให้เราหรือ! พวกเราต่างหากต้องเป็นฝ่ายฌาปนกิจศพพวกเจ้า!”
ผู้เป็นนิรันดร์ตระกูลเทียนอีกสี่ตนที่เหลือเอ่ยด้วยท่าทางเหี้ยมเกรียม
สายลมหมุนเวียนผลัดเปลี่ยน ก่อนนี้ชะตาของพวกเขายังอยู่ในกำมือของก้อนหินและต้นหลิว บัดนี้กลับตรงกันข้าม ชะตาของก้อนหินและต้นหลิวอยู่ในมือพวกเขา!
ดาบโลหิตออกโรงแล้ว ไม่เห็นหรือว่าก้อนหินยังถูกตัดจนขาดเป็นสองท่อนในดาบเดียว นี่คือความห่างชั้นที่ไม่อาจก้าวข้าม!
อีกด้าน พยัคฆ์ขาวและผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นไม่พูดจา
พวกมันไม่กล้าพูดจาบุ่มบ่าม ยามนี้ ผู้เป็นนิรันดร์ยังถูกสังหารได้ทุกเมื่อ พวกมันไม่เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ในระดับนี้เป็นการดีกว่า
หากเป็นไปได้ พวกมันอยากหนีไปจากที่นี่มากกว่า ที่นี่สยองเกินไป ไม่รู้เลยว่าอาจจบชีวิตลงเมื่อใด
“บอกให้เจ้านายของพวกเจ้าออกมาเสีย!”
เสียงเยียบเย็นของดาบโลหิตดังออกมา มันไม่ได้เก็บต้นหลิวและก้อนหินมาใส่ใจนัก มันให้ความสำคัญกับหลี่จิ่วเต้าผู้อยู่เบื้องหลังต้นหลิวและก้อนหินมากกว่า
สองครั้งแล้ว ที่มันเสียท่าให้กับหลี่จิ่วเต้า มันทนให้เกิดเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ หากไม่ใช่ว่ายามนี้ยังไม่ถึงเวลา ร่างจริงของมันคงบุกมาฆ่าหลี่จิ่วเต้านานแล้ว
บัดนี้ ดาบโลหิตมีเพียงเสี้ยวจิตของมันเท่านั้น
“เจ้าไม่มีสิทธิ์!”
ต้นหลิวแค่นเสียงเย็น ลงมือทันที ดาบโลหิตและกระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นเป็นพวกเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีอันใดต้องพูดกันอีก ทั้งคู่ล้วนเป็นศัตรู!
มันลืมชั่วขณะที่กระโปรงสีขาวแห่งความตายปรากฏออกมาไม่ได้ มันพุ่งเป้าเจาะจงมาที่คุณชาย กล่าวว่าคุณชายคือตัวแปรผิดแผก ต้องถูกกำจัด นี่คือศัตรูที่ไม่ตายไม่ยอมเลิกราแน่นอน!
เวลานั้น มันลอบสาบานกับตนเองว่าจะพัฒนาขึ้นโดยเร็ว เพื่อกำจัดเหล่าศัตรูให้คุณชาย นี่เป็นแรงกระตุ้นให้มันพากเพียรฝึกฝน
“ปากกล้าไม่เบา เช่นนั้นขอข้าวัดหน่อยว่าเจ้ามีปัญญาเพียงใด!”
ดาบโลหิตบุกเข้า ปราศจากความดูแคลน มันสัมผัสได้ว่าต้นหลิวในตอนนี้ไม่เหมือนอดีต ไม่ใช่ตัวตนต่ำต้อยไร้น้ำยาอีกแล้ว
“ไปสู้กันนอกอาณาจักร”
ต้นหลิวหายตัวไปจากที่นี่ ไม่ได้ต่อสู้กับดาบ
มันไม่ได้ไม่สนสิ่งใดเหมือนอย่างดาบโลหิต ทันทีที่การต่อสู้ระหว่างพวกมันปะทุ ย่อมต้องเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงไปทั่ว ถึงครานั้น แม้แต่ชั้นเก้านี้ก็อาจถูกถล่มจนพินาศ ต้องมีสิ่งมีชีวิตสังเวยไปตั้งไม่รู้เท่าใด
เสียงดังฟึ่บ ดาบโลหิตไล่ตามไป สำหรับมันนั้น สมรภูมิอยู่ที่ไหนก็ไม่สำคัญ!
“ไม่นะพี่ใหญ่!”
ผู้นำตระกูลเทียนหน้าเขียวในบัดดล ดาบโลหิตไปง่าย ๆ เช่นนี้ แล้วพวกเขาเล่า?!
ก้อนหินยังอยู่ที่นี่!
“อ้อ จะฌาปนกิจศพพวกเราหรือ”
ก้อนหินหัวเราะ ชักดาบหินเล่มหนึ่งออกมาพร้อมบุกไปหาผู้นำตระกูลเทียน
การจะสังหารพวกผู้นำตระกูลเทียน มันทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีลำนำส่งวิญญาณ
พยัคฆ์ขาวและผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นรีบหลบไปอยู่อีกด้านด้วยกลัวจะติดร่างแห นอกจากนี้ พวกมันยังนึกโชคดีไม่น้อย ยังดีที่พวกมันไม่ได้ซี้ซั้วเอ่ยอันใดออกไป!
มิฉะนั้น พวกมันต้องถูกเชือดไปด้วยแน่!
“แยกย้ายกันหนี!”
ผู้นำตระกูลเทียนตะโกนลั่น ทั้งตนทั้งผู้เป็นนิรันดร์อีกสี่ตนแยกย้ายกันหนีไปคนละทาง หากให้สู้ย่อมไม่ไหวแน่ ที่ทำได้มีเพียงการหนีเพื่อประวิงเวลา
ทันทีที่ท่านดาบโลหิตจัดการต้นหลิวได้แล้ว พวกเขาจักได้รับความช่วยเหลือ ขอเพียงพวกเขาไม่ถูกก้อนหินไล่ตามมาทันก็พอ
“คิดอันใดอยู่!”
ก้อนหินยิ้มเย็น แผ่จิตออกไปผนึกพื้นที่นี้ไว้ ผู้นำตระกูลเทียนและผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นไม่มีทางประวิงเวลาจากมันได้
มันปรากฏกายข้างผู้เป็นนิรันดร์ตนหนึ่งอย่างฉับพลัน ออกแรงผ่าผู้เป็นนิรันดร์ตนนั้นเป็นสองท่อน กฎระเบียบประหลาดบางอย่างไหลเวียนออกมา ลบล้างทุกสิ่งของผู้เป็นนิรันดร์ตนนั้นทิ้งจนสิ้น ปลิดชีพเขาโดยสมบูรณ์!
ต่อมา มันปรากฏตัวข้างกายผู้เป็นนิรันดร์อีกตนอย่างรวดเร็ว และฆ่าเขาด้วยวิธีการเดียวกัน!
กฎระเบียบที่มันมีนั้นน่ากลัวเกินไป ความไม่แตกไม่ดับของผู้เป็นนิรันดร์ไม่มีผลเลยเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน พยัคฆ์ขาวและผู้เป็นนิรันดร์ที่เหลือเคร่งเครียดขึ้นมา นี่คือกฎระเบียบใดกันแน่ ถึงสังหารผู้เป็นนิรันดร์ได้ง่ายดายราวกับหั่นแตงโม!
“ท่านดาบโลหิตช่วยด้วย ท่านกระโปรงช่วยด้วย!”
ผู้นำตระกูลเทียนร่ำไห้โหวกเหวก เพียงครู่เดียว ผู้เป็นนิรันดร์อีกสองตนก็ถูกสังหารลงอย่างสมบูรณ์ ต่อไปถึงตาเขาแล้ว!
เขาอยากเรียกดาบโลหิตหรือกระโปรงสีขาวแห่งความตายมาช่วย อนิจจา ไม่มีผู้ใดแยแสตน ดาบโลหิตไม่เคยมา กระโปรงสีขาวแห่งความตายไม่เคยปรากฏตัว
พรวด! พรวด! พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น พลานุภาพของก้อนหินดุดันไร้เทียมทาน มันสังหารผู้เป็นนิรันดร์ไปอีกสองตน ที่เหลือมีเพียงผู้นำตระกูลเทียนเท่านั้น
“ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!”
ผู้นำตระกูลเทียนคำรามกราดเกรี้ยว รีดเร้นพลังสุดชีวิต หมายจะลากก้อนหินให้ตายตกไปด้วยกัน
“เจ้ามีคุณสมบัติอันใดมาสู้ตายกับข้า!”
ก้อนหินฟันดาบออกไป ไม่ว่าผู้นำตระกูลเทียนเร่งกำลังอย่างไรก็ไม่อาจต้านทาน กฎระเบียบพิเศษอันน่าพรั่นพรึงห้อมล้อมตัวดาบ ลบล้างได้ทุกสิ่ง และสังหารผู้นำตระกูลเทียนได้
นอกอาณาจักรยังคงต่อสู้กันหนักหน่วง ดุเดือดเลือดพล่าน ภาพการณ์น่าสะพรึงจนจินตนาการไม่ออก ก้อนหินเงยหน้ามอง นึกในใจว่าพี่หลิวก็คือพี่หลิว เทียบกับมันแล้ว ต้นหลิวแข็งแกร่งกว่ามากจนมันเทียบไม่ติด
“นี่หรือคือความห่างชั้น?!”
มันถอนหายใจ ต้นหลิวไม่ใช่ผู้ที่มันไล่ตามได้ไหว เกรงว่าภายภาคหน้ามันก็ต้องเป็นลูกสมุนของต้นหลิวไปตลอดกาล ฝันที่ต้องการกำราบต้นหลิวคงไม่มีวันเป็นจริง
นอกเสียจาก… นอกเสียจากมันมีภูมิหลังยิ่งใหญ่กว่านั้น!
“ข้าเชื่อว่าข้ามี!”
มันเอ่ยเสียงแน่วแน่ สะกดจิตตนเองอีกครั้งว่าตัวมันมีปูมหลังยิ่งใหญ่ ชาติก่อนเคยรุ่งโรจน์เจิดจรัสถึงขีดสุด!
แน่นอนว่ามันต้องการเพียงแค่นั้น เรื่องอื่นไม่จำเป็น
อย่างเช่นเรื่องที่มีหนี้แค้นใหญ่หลวงอันน่าสังเวช…
ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่นอกอาณาจักร ดวงดาวแตกออกติดต่อกัน ปรากฏการณ์ประหลาดเผยให้เห็นคณานับ นี่ถือเป็นการต่อสู้สะท้านโลกันตร์อย่างแท้จริง พยัคฆ์ขาวและผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นที่ได้เห็นต่างชาวาบไปทั้งหนังศีรษะ ดวงวิญญาณสั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน
ไม่นึกเคลือบแคลงเลยว่า หากพวกตนไปยังที่นั่น เกรงว่าต้องถูกกำจัดไปในพริบตาและตายสนิท
“นี่มันพลังอะไรนี่!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
พวกเขาถอนหายใจ พลังเช่นนี้ถือเป็นพลังที่ไม่รู้จักสำหรับพวกตน เบื้องบนของผู้เป็นนิรันดร์คือสิ่งใด? พวกเขาต้องกลับมาทบทวนเรื่องนี้ใหม่อีกครา
ก่อนนี้ เมื่อคราวร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าต่อสู้กับกระโปรงสีขาวแห่งความตาย พวกเขาก็ใคร่ครวญถึงปัญหานี้ พลังระดับนั้นเหนือชั้นกว่าขอบเขตนิรันดร์อย่างสิ้นเชิง
ความมืดมิดเปิดฉากแล้ว และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น แล้วพลังมืดมิดนี้กำเนิดขึ้นจากที่ใด?!
ข้อข้องใจมากมายเหลือเกิน จิตใจพวกเขาหนักอึ้ง เคยคิดว่าพวกตนยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งการฝึกตน ทว่าทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ตื้นเขินอย่างที่พวกเขาคิด ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ไม่เคยทราบ และพลังอีกนับคณาที่ไม่เคยสัมผัส…
…..
เทวโลกชั้นหนึ่ง
หนานฉงเปื้อนเลือดทั้งตัว บาดแผลชวนขนลุกเต็มกาย สภาพสะบักสะบอมดูไม่ได้
เขาหอบหายใจ วิ่งมานานเท่าใดไม่รู้จนตัวเหม็นไปหมด
“พี่หลิว ท่านลืมข้าไปแล้วหรือ?!”
เขาเงยหน้ามองนอกอาณาจักร ร่ำไห้น้ำหูน้ำตาไหล เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนพี่หลิวลืมตนไปแล้วอย่างนั้น เขาอยู่ชั้นแรกมานานมากทีเดียว!
อันที่จริง ต้นหลิวลืมหนานฉงไปแล้วจริง ๆ มิฉะนั้น ก่อนมันกลับไปย่อมต้องพาหนานฉงไปด้วย
และในช่วงที่ผ่านมา อย่าให้เอ่ยเลยว่าหนานฉงอนาถเพียงใด แม้ที่นี่จะเป็นเทวโลกชั้นหนึ่ง ทว่ากลับสยดสยองสุดขีด ชีวิตแต่ละวันอยู่ท่ามกลางภยันตราย ถูกสิ่งมีชีวิตที่นี่ไล่ฆ่าทุกวี่วัน
พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็โมโหนัก เรื่องบ้าอะไรกันนี่ เขาเพียงเดินผ่านสถานที่หนึ่งแล้วเผลอเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังพลอดรัก ก็ถูกไล่ล่าอย่างน่าเวทนา ซ้ำชายหญิงคู่นั้นยังออกคำสั่งให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นตามจับเขาด้วย
“ชายโฉดหญิงชั่ว ประพฤติผิดในประเวณี คบชู้กันเปิดเผยเยี่ยงนี้!”
เขาสบถไม่หยุด รู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคร้ายจริง ๆ เดิมไม่รู้ว่าเหตุใดชายหญิงคู่นั้นต้องไล่ล่าไม่ยอมเลิกรา อีกทั้งป้ายสีว่าตนเป็นโจรขโมยเครื่องแต่งกาย จ้องลักเฉพาะอาภรณ์ชั้นในของสตรี!
ถึงอย่างไร การพลอดรักระหว่างชายหญิงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด
ต่อมา เมื่อถูกไล่ล่าถึงได้รู้ว่าสัมพันธ์ของชายหญิงคู่นั้นเลวร้าย ให้ผู้ใดล่วงรู้ไม่ได้!
ชายผู้นั้นเป็นศิษย์เอกของนิกายหนึ่ง ส่วนสตรีนางนั้นเป็นภรรยาของเจ้านิกาย หรือก็คืออาจารย์แม่ของบุรุษผู้นั้น!
ความสัมพันธ์เยี่ยงนี้ถูกคนพบเห็นเข้า ชายหญิงคู่นั้นย่อมต้องไล่ล่าอย่างไม่ยอมเลิกรา
“ให้ผู้ใดรู้ไม่ได้แต่พวกเจ้ายังกระทำการออกนอกหน้าปานนี้เชียวหรือ ไม่รู้จักอำพรางตนบ้างเลย ‘พลอดรักสำราญ’ กันบนยอดเขาขนาดนั้น! พวกเจ้าไม่รู้จักลักลอบสำราญกันในที่ลับหรืออย่างไร?!”
เขาเอ่ยเสียงเคียดแค้น “เพียงเพื่อรสนิยมพิเศษแบบนั้น พวกเจ้าสร้างความลำบากให้ผู้อื่นไม่น้อยเลย!”
เห็นได้ชัดว่าที่ชายหญิงคู่นั้น ‘พลอดรักสำราญ’ กันบนยอดเขาก็เพื่อความตื่นเต้นเร้าใจ
“พวกเจ้าหาข้ออ้างไล่ฆ่าข้าก็ได้อยู่หรอก แต่ความผิดที่โบ้ยมาให้นั่นมันเรื่องบ้าอันใด?! โจรขโมยเครื่องแต่งกายหรือ ซ้ำยังเป็นประเภทอาภรณ์ชั้นในอีกด้วย อีกทั้งยังเอ่ยว่าข้าขโมยแม้แต่ถุงเท้า ซ้ำร้ายยังเป็นสิ่งที่โปรดปรานที่สุด!”
หนานฉงเดือดดาลยิ่งนัก ยิ่งคิดยิ่งขยะแขยง เขาก่นด่าต่อไป “ถุย ผู้ใดพิศวาสถุงเท้าเหม็นหึ่งของเจ้ากัน?! น่าคลื่นเหียน น่าคลื่นเหียนจริง ๆ!”
พูดมาถึงตรงนี้ ฉับพลันนั้น เขานึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าประหลาดขึ้นมา
“เอ่ยเช่นนี้ก็ไม่ถูก มีผู้พิศวาสของเช่นนี้อยู่จริง! บางคนที่คอยไล่ล่าข้าก็หวังถุงเท้าเหม็นหึ่งที่ว่านั่น ซ้ำยังเคยกล่าวว่าหากยอมยกให้ จะช่วยคุ้มครองข้าอีกด้วย!”
หนานฉงสะดุ้ง ในใต้หล้านี้มีคนอยู่ทุกประเภทจริง ๆ มีคนโปรดปรานถุงเท้าเหม็นหึ่งด้วย เขาได้เปิดโลกแล้ว
ทว่า หนานฉงนั้นดูจะโลกแคบไปหน่อย สุนัขขาวที่ถูกหลี่จิ่วเต้าฆ่าก็ประกอบอาชีพนี้ คอยลักขโมยอาภรณ์ชั้นในของผู้ฝึกตนหญิงมาขาย ซ้ำยังขายดิบขายดี โดยเฉพาะถุงเท้าของผู้ฝึกตนหญิง ยิ่งขายดีเข้าไปใหญ่ สิ่งมีชีวิตที่มาขอซื้อจากสุนัขขาวคับคั่งเป็นอย่างมาก
“ไปล่ะ หาที่ซ่อนตัวก่อน หวังว่าพี่หลิวจะไม่ได้ลืมข้าจริง ๆ!”
เขารีบไปจากที่นี่ เพื่อหาที่ปลอดภัย
ศึกนอกอาณาจักรระหว่างพี่หลิวและดาบโลหิตเอิกเกริกยิ่งนัก บรรดาสิ่งมีชีวิตที่คอยไล่ล่าเขาถูกการต่อสู้นอกอาณาจักรดึงดูด จึงหยุดตามเขาชั่วคราว
…..
ศึกนอกอาณาจักรรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนอยู่ในจุดเดือดแล้ว ดาบโลหิตอึ้งงัน คิดไม่ถึงเลยว่าต้นหลิวจะต่อกรด้วยยากถึงเพียงนี้!
นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่ทันไร ต้นหลิวก็ก้าวหน้าจนอยู่ในระดับนี้แล้วหรือ?!
ตัวแปรผิดแผกสมเป็นตัวแปรผิดแผก ไม่อาจคาดการณ์ด้วยหลักการทั่วไป!
มันไม่คิดว่าต้นหลิวบำเพ็ญมาถึงขั้นนี้ได้ด้วยตนเอง เรื่องนี้ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับตัวแปรผิดแผกอย่างหลี่จิ่วเต้า ไม่เช่นนั้น ต่อให้หลี่จิ่วเต้าสะท้านโลกันตร์เพียงใด ก็ไม่มีทางยกระดับถึงขั้นนี้ได้ในระยะอันสั้น
อันที่จริง ดาบโลหิตคิดถูกแล้ว
แม้ว่าต้นหลิวจะยกระดับขึ้นมาภายใต้การเคี่ยวกรำจากความเป็นความตาย กระนั้นพลังที่มีก็มาจากวิชาที่ได้เล่าเรียนจากหลี่จิ่วเต้าเสียมากกว่า
วิชานี้อัศจรรย์ยิ่งนัก ที่ต้นหลิวเสี่ยงชีวิตเคี่ยวกรำตนเองก็เพื่อรีดเร้นศักยภาพของมันออกมา เร่งความเร็วในการฝึกวิชาเหล่านี้
หากไม่มีวิชาเหล่านี้ ต่อให้ต้นหลิวเคี่ยวกรำตนเองด้วยการเสี่ยงชีวิตอีกนับหมื่นปี ก็ไม่มีทางสำเร็จได้อย่างวันนี้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เวลานี้ ต้นหลิวกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว มันสำแดงวิชามวยไทเก๊ก ผสานทั้งความแข็งแกร่งและความนุ่มนวล สู้จนดาบโลหิตสะท้านเหลือแสน เริ่มต้านทานไม่อยู่
“สมควรตายนัก ต้องถูกตัวตนต่ำต้อยเยี่ยงเจ้ากำราบหรือนี่!”
ดาบโลหิตส่งเสียงกราดเกรี้ยว
สิ่งสำคัญคือร่างจริงของมันไม่ได้อยู่ที่นี่ หากเป็นร่างจริงของมัน มีหรือที่สถานการณ์การต่อสู้จะเป็นเช่นนี้ ไม่มีทาง!
หากมีร่างจริงของมันต่อสู้ด้วยดาบโลหิตเล่มนี้ จักสังหารต้นหลิวได้ในดาบเดียว!
น่าเสียดาย ด้วยเหตุผลบางอย่าง ร่างจริงไม่สามารถมาที่นี่
“ท้ายสุดตัวละครต่ำต้อยก็จะกลายเป็นตัวละครยิ่งใหญ่ที่เจ้าไม่อาจเทียบเทียม!”
ต้นหลิวมีสีหน้าเย็นชา เมื่อมีความมั่นใจในระดับนี้ มันยิ่งรู้สึกว่าภายภาคหน้าจักต้องเกิดการจลาจล เจ้าพวกที่เพ่งเล็งคุณชายสุดท้ายก็ต้องโผล่ออกมา
และมันจักเป็นมือซ้ายขวาของคุณชาย ช่วยคุณชายขจัดศัตรูทั้งปวง!
“เจ้าเป็นเพียงคนเพ้อพกผู้หนึ่งเท่านั้น! ไม่สิ ต้นไม้เพ้อพกต่างหาก!”
จิตสังหารของดาบโลหิตพลุ่งพล่าน แม้จะถูกปราบปรามลงแล้ว กระนั้นทั้งหมดยังอีกไกลกว่าจะยุติ!
เวลานั้น ความมืดมิดจู่โจมเข้ามา กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นปรากฏ ดาบโลหิตเหินไปหากระโปรงสีขาวแห่งความตาย
ภาพพิศวงปรากฏ กระโปรงสีขาวแห่งความตายมีกายเนื้องอกออกมา ผิวพรรณนุ่มลื่น รูปร่างอรชร ทว่าไม่มีศีรษะ
“ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี บัดนี้ พลังสะท้อนก็แกร่งกล้าขึ้นจนสะท้อนร่างของข้าออกมาได้แล้ว!”
เสียงหนึ่งดังออกจากกระโปรงสีขาวแห่งความตายคล้ายรำพึงรำพัน
ร่างที่สะท้อนออกมาช่วยให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย น่าเสียดายที่คราวก่อนมันไม่อาจสะท้อนกายเนื้อออกมาได้ มิฉะนั้น มันกำราบร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าได้แน่นอน และสืบเสาะตื้นลึกหนาบางของร่างภาพฉายหลี่จิ่วเต้าได้ด้วย!
“คนคุ้นเคยหรือ อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าเป็นใคร!”
คล้ายว่ามันกำลังพูดกับตัวเอง ความรู้สึกคุ้นเคยที่เคยสัมผัสได้จากภาพฉายหลี่จิ่วเต้านั้น บางทีอาจเป็นคนคุ้นเคยของมัน
“ตอนนี้ยังไม่สาย!”
มันส่งเสียงหัวเราะ ยกดาบโลหิตขึ้นเล็งไปที่ต้นหลิว “ข้าคิดว่า ถึงคราวเจ้าใกล้ตาย เขาคงต้องปรากฏตัวกระมัง!? ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าเขาเป็นใคร!”
คราวนี้กายเนื้อของมันถูกสะท้อนออกมาด้วย ซ้ำยังมีดาบโลหิตในมือ มันมั่นใจว่าบงการได้ทุกสิ่ง!
“ตัวบ้าอะไร บังอาจหมายหัวคุณชาย คราวนี้ ข้าจักบดขยี้เจ้าให้แหลกลาญ!”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเย็น พลังในตัวรีดเร้นจนถึงขีดสุด ไม่นึกกลัวเกรงสิ่งใด!
นับแต่นาทีนี้ จักต้องเริ่มช่วยคุณชายกวาดล้างศัตรูแล้ว!
มันคิดในใจ ความต้องการรบพลุ่งพล่าน!
ฟึ่บ!
ประกายโลหิตทะยานฟ้า กระโปรงสีขาวแห่งความตายตวัดดาบโลหิตบุกเข้าไป พลังที่ปะทุจากดาบโลหิตในยามนี้แกร่งกล้ากว่าก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ต้นหลิวไม่หวั่นเกรง พุ่งออกไปข้างหน้าขณะสองมือร่ายรำมวยไทเก๊ก ภาพไทเก๊กปรากฏออกมาอย่างยิ่งใหญ่ หยินและหยาง ความแข็งแกร่งและความนุ่มนวล ต่างสำแดงปรมัตถ์แห่งมวยไทเก๊กจนถึงขีดสุด!
พลังดาบโลหิตถูกลบล้าง ต้นหลิวสะท้อนพลังนั้นกลับ แต่ถูกกระโปรงสีขาวแห่งความตายปัดป้องออกไปได้ มันเตะกวาดขา ม่านหมอกสีดำห้อมล้อม คลื่นพลังน่าพรั่นพรึงแผ่ขยาย พลังบางอย่างปะทุจนต้นหลิวต้องยอมถอย
“วิชามวยนี้ก็สร้างความรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก ราวกับข้าเคยฝึกมาก่อน…”
กระโปรงสีขาวแห่งความตายพึมพำ “เป็นวิชามวยจากอาณาจักรนั้นหรือ”
มันตวัดดาบโลหิตอีกครั้ง ท่าทางพิลึกพิลั่นอย่างมาก
แม้ไม่มีศีรษะ ทว่าจากร่างกายพอดูออกว่าเป็นสตรีโฉมสะคราญนางหนึ่ง เรือนร่างนั้นงดงามไร้ที่ติยิ่ง!
แต่มันกลับมิได้อ้อนแอ้นแม้แต่น้อย ยามบุกออกไปพร้อมดาบโลหิตดูองอาจยิ่งกว่าขุนศึกผู้ผ่านการรบมานับไม่ถ้วนเสียอีก เกรียงไกรเป็นที่สุด
ต้นหลิวจำแลงกายเป็นมนุษย์แล้ว ผมสีเขียวพลิ้วไสว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นก้านหลิวของมัน
มันชักดาบเล่มหนึ่งซึ่งหลอมรวมจากพลังไทเก๊กออกมา เข้าปะทะกับกระโปรงสีขาวแห่งความตาย ดารานอกอาณาจักรดับสูญ ระเหยหายไป
ที่นั่นมีอักขระถักทอประสาน กฎระเบียบปะทะกันและกัน แสงสีเขียวพัวพันรัดฟันกับแสงสีดำ แม้แต่ตัวตนเก่าแก่ที่เบื้องบนเทวโลกยังมิอาจมองทะลุรายละเอียดในการต่อสู้ครั้งนี้!
“มาอีกแล้ว! นี่เป็นการปรากฏตัวครั้งที่สองแล้ว!”
“นับแต่ก่อนกาลเวลาอันยาวนาน เคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในเทวโลก วันนั้น ไม่สามารถรีดเร้นวิถีและวิชาต่าง ๆ ได้เลย ฟ้าดินเงียบสงัด ผู้ทรงภูมิหลายท่านพยายามพยากรณ์สุดชีวิต จนได้คำทำนายน่าสะพรึงออกมา บัดนี้จักกลายเป็นจริงหมดแล้วหรือ?!”
ผู้คนในเบื้องบนเทวโลกหวาดผวา
นี่เป็นครั้งที่สองที่กระโปรงสีขาวแห่งความตายปรากฏตัว พวกเขาคิดว่ากระโปรงสีขาวแห่งความตายถูกทำลายไปแล้ว ทว่าบัดนี้ เห็นได้ชัดว่ายัง!
พลังมืดมิดสยดสยองจริง ๆ!
“ต้องใช้พลังนั้นแล้วหรือ”
ตัวตนเก่าแก่บางตนถามเสียงเบา
พวกเขาเคยวางหมากเอาไว้ต่อกรกับความมืดมิดโดยเฉพาะ บัดนี้ กระโปรงสีขาวแห่งความตายปรากฏตัวอีกครั้ง พวกเขาไม่สบายใจอย่างมาก คิดใช้พลังนั้นเพื่อกำจัดกระโปรงสีขาวแห่งความตายให้สิ้นซาก
“นั่นเป็นเพียงภาพสะท้อน ช่างมันเถิด! นั่นคือพลังสุดท้ายของเราแล้ว!”
ตัวตนเก่าแก่ตนหนึ่งถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน
เมื่ออยู่ในเบื้องบนเทวโลก เท่ากับพวกเขาอยู่บนจุดสูงสุดแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ควรต้องไม่มีภยันตรายใดคุกคามได้ถึงจะถูก ทว่า ทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ภัยคุกคามยังคงอยู่ ซ้ำยังน่ากลัวมากด้วย!
การต่อสู้นอกอาณาจักรยิ่งทวีความประหวั่นพรั่นพรึง กระโปรงสีขาวแห่งความตายและต้นหลิวปะทะห้ำหั่นไม่หยุดหย่อน ภาพการณ์ต่าง ๆ เลือนรางไปหมด ไม่มีสสารและพลังใดดำรงอยู่ในการต่อสู้ระดับนี้ของพวกมันได้
กระโปรงสีขาวแห่งความตายอึ้งอยู่เล็กน้อย ไม่เคยคิดเลยว่าต้นหลิวจะพัฒนาถึงขั้นนี้ แม้แต่กายเนื้อที่สะท้อนออกมาของนางตวัดดาบโลหิตใส่ต้นหลิวยังไม่อาจแผ้วพานมันได้
“ฆ่า!”
ดาบโลหิตระเบิดพลัง ประกายนับล้านส่องแสงออกมาจากดาบ ไม่ว่าลำไหนล้วนแยกฟ้าและดินออกจากกันได้ มันสำแดงวิชาอีกครั้ง ผิวพรรณตามตัวมีปราณดำหลั่งไหลออกมาอย่างรวดเร็ว บารมีความดุดันทวีคูณ!
เสียงดังตึง ดาบจากพลังไทเก๊กของต้นหลิวแตกสลาย แม้แต่มือของต้นหลิวที่กุมดาบใหญ่เล่มนั้นยังสั่นระรัว
กระโปรงสีขาวแห่งความตายบุกเข้ามาด้วยความเร็วสูงขนาดที่จินตนาการไม่ออก ตวัดดาบเพื่อตัดศีรษะต้นหลิว
เส้นผมก้านหลิวบนหัวต้นหลิวร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง เลื้อยขึ้นไปตามดาบโลหิตจนดาบนั้นมิอาจฟาดฟันลงมาได้!
ปราณดำไหลไปตามแขนของกระโปรงสีขาวแห่งความตายเข้าไปในดาบโลหิต เสียงดังพรวด เส้นผมก้านหลิวที่รัดพันดาบโลหิตอยู่ถูกตัดขาด!
ดาบโลหิตถือโอกาสนี้ฟาดฟันลงไปที่หน้าอกของต้นหลิว ของเหลวสีเขียวหลั่งริน นั่นคือเลือดของต้นหลิว
ต้นหลิวตอบสนองได้ว่องไว ถอยกลับไปทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์ ไม่ได้ปล่อยให้ดาบโลหิตแทงลงไปลึกกว่านี้ ไม่อย่างนั้น ดาบโลหิตจะบั่นร่างมันขาดเป็นครึ่งท่อนแน่!
มันไม่ได้ลังเล รีบเขียนอักษรใหญ่ตัวหนึ่ง… ผนึก!
ทันใดนั้น พลังล้นเหลือจุติลงมายังนอกอาณาจักร กลายเป็นคุกกฎระเบียบ กักขังกระโปรงสีขาวแห่งความตายไว้
ตู้ม!
กระโปรงสีขาวแห่งความตายดุดันสะท้านนภา ดาบโลหิตเปล่งประกายไม่แรงกล้า พริบตาเดียวก็ทลายคุกกฎระเบียบออกมาได้!
ทว่า ทันทีที่มันบุกออกมาก็ตกลงไปในฟ้าดินของภาพ!
อักษร ‘ผนึก’ เมื่อครู่ของต้นหลิวร่างภาพไว้ในพริบตาที่สะกดกระโปรงแห่งความตายไว้ได้ ทั้งยังปล่อยภาพออกไป!
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ต้นหลิววาดภาพไม่หยุด กลายเป็นภาพซ้อนภาพทับถมกัน จนกระโปรงสีขาวแห่งความตายไม่อาจฝ่าออกจากภาพฟ้าดิน
กระโปรงสีขาวแห่งความตายกลัดกลุ้มเหลือแสน เหตุใดถึงบุกออกไปไม่ได้ ชั้นแล้วชั้นเล่า ไม่มีจบสิ้น!
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
ต้นหลิวเขียนคำว่า ‘ฆ่า’ สามตัวติด อัดลงไปในภาพฟ้าดิน อักษร ‘ฆ่า’ ทั้งสามตัวแฝงไว้ด้วยจิตสังหารมหาศาล ถล่มกระโปรงสีขาวแห่งความตายไม่หยุด!
อีกด้าน มันสำแดงฝีมืออีกครั้ง เรียกกระดานหมากล้อมออกมา แล้วอัดลงไปในภาพ
“ทิวทัศน์ในภาพนั้นงดงามยิ่งนัก ข้าจะปล่อยให้เสียของได้อย่างไร มิสู้ปล่อยตัวตามสบาย ฟังข้าบรรเลงให้เจ้าสักบทเพลง แล้วร่ายรำไปตามทำนองท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามในภาพนี้!”
ต้นหลิวนั่งขัดสมาธิ ฉินเล่มหนึ่งปรากฏบนหน้าตัก มันดีดบรรเลงลำนำ เสียงฉินดังเข้าไปในภาพฟ้าดิน
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวิถีแห่งคุณชาย หลักวิถีเหล่านี้น่าพรั่นพรึงยิ่งนัก ที่ต้นหลิวมีความสำเร็จอย่างวันนี้ เป็นเพราะบรรลุวิถีเหล่านี้ ยกระดับได้อย่างมากมาย!
“มีวิชามากมายปานนี้เชียว?!”
กระโปรงสีขาวแห่งความตายส่งเสียงคำราม หลักวิถีทั้งหมดของต้นหลิวล้วนสะท้านโลกันตร์ มันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าต้นหลิวจะแตกฉานไปเสียทุกทาง มีวิถีสะท้านโลกันตร์มากมายเพียงนี้!
สรรพสิ่งในภาพ ‘มีชีวิต’ ขึ้นมา บุกมาหามันอย่างพร้อมเพรียง
อักษร ‘ฆ่า’ ทั้งสามตัวดุดันองอาจไร้ใดเปรียบ เข้าจู่โจมมันจากสารทิศ กระดานหมากบนฟ้ารีดเร้นพลังไม่หยุด ส่งผลให้มันรู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบท่ามกลางโลหิตและเปลวเพลิง!
โดยเฉพาะยามเสียงฉินดังมาถึงที่นี่ ทั้งร่างของมันอยากร่ายรำไปตามทำนองฉินอย่างอดไม่ไหว เสียงฉินนั้นน่าครั่นคร้ามยิ่งนัก!
“ไสหัวไปเสีย!”
มันคำรามเสียงกริ้ว ฟาดฟันดาบโลหิตในมือออกไปเรื่อย ๆ หมายทำลายสถานการณ์เป็นฝ่ายเสียเปรียบเยี่ยงนี้!
ทว่า เวลานั้นเอง จู่ ๆ เอ็นเส้นหนึ่งร่วงหล่นลงจากนภา ดาบโลหิตในมือถูก ‘ตก’ ไป!
ต้นหลิวแยกร่างออกไปร่างหนึ่ง นั่งอยู่บนภาพฟ้าดิน มือถือไม้ตกปลาอยู่ตรงนั้น!
ในบรรดาวิถีมากมายที่ต้นหลิวแตกฉาน วิถีตกปลาคือวิถีที่ทรงพลังที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่คุณชายทำบ่อยที่สุดที่ริมลำธารก็คือตกปลา ความรู้แจ้งในวิถีตกปลาของมันสูงกว่าวิถีอื่น ๆ มากนัก!
ตู้ม!
กระโปรงสีขาวแห่งความตายระเบิดพลัง ผิวพรรณทั่วตัวดำคล้ำลง พลังมืดมิดถูกรีดเร้นออกมาเต็มกำลัง!
มันสำแดงวิชามวยบางอย่าง แสงสีดำปะทุออกมาไม่หยุดหย่อน ทรงพลังกล้าแกร่ง พริบตาเดียวก็ทำลายสิ่งของในภาพไปมากมาย!
ซ้ำมันยังทลายอักษร ‘ฆ่า’ ไปได้หนึ่งตัว!
พลังจากกระดานหมากบนฟ้าจุติ กระโปรงสีขาวแห่งความตายเข้ารับพลังกระดานหมากขึ้นไป ทันใดนั้น หมากหลายตัวระเบิดแหลกลาญ!
มันผู้มีผิวกายทะมึนแทบจะไร้เทียมทาน!
มันระเบิดพลังเรื่อย ๆ สกัดได้แม้แต่เพลงฉิน ทลายภาพวาดชั้นแล้วชั้นเล่า ใกล้จะฝ่าออกจากภาพวาดเต็มที!
“ท้ายที่สุด เจ้าก็เป็นเพียงภาพสะท้อน รวมถึงพลังมืดมิดของเจ้าก็ด้วย! พลังสะท้อนห่างชั้นจากพลังอันแท้จริงไกลโข!”
ต้นหลิวเปล่งพลัง สำแดงวิถีตกปลาอีกครั้ง มันจักตกพลังมืดมิดในตัวกระโปรงสีขาวแห่งความตายขึ้นมา!
นี่คือระดับของมันในวิถีตกปลา!
มันอยู่ในขั้นที่ตกได้ทุกสิ่งอย่างแท้จริง!
ทว่า กระโปรงสีขาวแห่งความตายนั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง การตกปลาของต้นหลิวถูกกีดขวาง ไม่สามารถตกพลังมืดมิดออกไปได้ทันที
“ไม่เป็นไร!”
ต้นหลิวไม่ได้ใส่ใจตกพลังมืดมิดของกระโปรงสีขาวแห่งความตายไม่ได้ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็จำกัดกระโปรงสีขาวแห่งความตายได้มาแล้ว!
มันระเบิดพลังวิถีอื่นเต็มกำลัง กำราบกระโปรงสีขาวแห่งความตายโดยพร้อมเพรียง!
กระโปรงสีขาวแห่งความตายกดดันอย่างยิ่งยวด พลังมืดมิดถูกวิถีตกปลาจำกัด ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าส่งผลกระทบต่อมันอย่างมาก เมื่อประสบกับการโจมตีจากวิถีอื่น ๆ ของต้นหลิว มันจึงเริ่มทุลักทุเล!
“อย่างไรเสียก็ยังไม่ถึงเวลา อิทธิพลของข้ายังไม่ใหญ่หลวงเท่าใด มิฉะนั้น ไฉนเลยจะปล่อยแมลงต่ำต้อยเยี่ยงเจ้าโลดเต้นอยู่ที่นี่!”
มันตวาดเสียงกราดเกรี้ยว พลังสะท้อนไม่อาจสำแดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้
หากถึงเวลาเมื่อใด อิทธิพลของมันยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด ด้วยร่างสะท้อนเช่นนี้ มันก็สามารถสังหารต้นหลิวได้อย่างสมบูรณ์!
“นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปเราต้องได้พบกันอีก พวกเจ้าเป็นเพียงแพที่แล่นอยู่ในพายุฝน จักต้องคว่ำในสักวันหนึ่ง!”
มันเริ่มสงบลง แพ้ชนะชั่วครั้งชั่วคราวไม่ใช่เรื่องใหญ่ ภายภาคหน้าต่างหากคือช่วงที่มันได้สำแดงพลังอย่างแท้จริง ใต้หล้าคือของมัน!
จากนั้น ร่างของมันเริ่มสูญสลาย เดิมทีนี่ก็เป็นเพียงร่างสะท้อนอยู่แล้ว
ต่อมา ดาบโลหิตก็ทำท่าจะเหินออกไป ต้นหลิวรีดเร้นกำลัง ก้านหลิวร่ายรำหมายหยุดยั้งดาบโลหิตไว้
พลังมืดมิดปรากฏออกมาฉับพลัน จุติลงบนดาบโลหิต ดาบโลหิตทลายผนึกของก้านหลิว เหินไปจากที่นี่ หายไปอย่างรวดเร็ว
“ยังต้องเดินทางกันอีกไกล…”
ดวงตาของต้นหลิววาวโรจน์ ตระหนักถึงความอ่อนด้อยของตนเองอีกครั้ง ลำพังร่างสะท้อนร่างหนึ่ง มันยังต้องลำบากถึงเพียงนี้ จำต้องสำแดงฤทธิ์เดชทั้งหมดถึงสู้ไหว
หากต้องเผชิญกับร่างจริงของกระโปรงสีขาวแห่งความตาย มันจะเป็นคู่มือได้อย่างไร?
ไม่ได้เลย!
มันโรยตัวลงจากนอกอาณาจักร กลับไปยังชั้นเก้า บัดนี้ทุกอย่างถูกพิพากษาแล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดคิดอีก
มันเดินเข้าไปในตระกูลเทียน สังหารยอดฝีมือตระกูลเทียนทันที และช่วยสมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์ออกมา
“นับแต่นี้ไป จักไม่มีตระกูลเทียนอีก!”
มันประกาศเสียงดัง ลบล้างตระกูลเทียน จากนี้ไปที่นี่คือดินแดนของเผ่าหลิวสวรรค์ เผ่าหลิวสวรรค์จักรับสืบทอดทุกอย่างในตระกูลเทียน
สมาชิกตระกูลเทียนที่เหลือจักกลายเป็นบริวารของเผ่าหลิวสวรรค์ อยู่ใต้บัญชาของสมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์
สมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์บาดเจ็บสาหัส ตระกูลเทียนมิได้หยุดยั้งการทดลองไร้มนุษยธรรมเหล่านั้น ทว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับต้นหลิวในตอนนี้
ต้นหลิวช่วยขจัดปัญหาทางร่างกายของเหล่าสมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์ ช่วยฟื้นสภาพให้กับสมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์ และช่วยให้สมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์ทั้งหลายแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“ท่านจ้าว ท่านไม่อยู่ที่นี่กับเราหรือ”
ต้นหลิวสวรรค์แก่ต้นหนึ่งถามต้นหลิว อยากให้ต้นหลิวอยู่ที่นี่ต่อ เผ่าหลิวสวรรค์ของพวกมันพบเจอความทุกข์ทนมามาก พวกมันไม่อยากแยกจากกับต้นหลิวอีกแล้ว
“ข้าต้องไป ทว่า ข้าทิ้งจิตเสี้ยวหนึ่งไว้ที่นี่ วันหน้า พวกเจ้าจะไม่เป็นอันใดอีก”
ต้นหลิวกล่าว มันต้องกลับไปหาคุณชาย ไม่อาจอยู่เป็นจ้าวในเผ่าหลิวสวรรค์ได้
จากนั้น มันกับก้อนหินจึงจากไป
…..
“ศึกใหญ่จบไปได้พักใหญ่แล้ว เหตุใดพี่หลิวถึงยังไม่มา?!”
ณ เทวโลกชั้นหนึ่ง หนานฉงซ่อนตัวในสถานที่ลับตาแห่งหนึ่ง จ้องมองท้องฟ้าด้วยความระทม หวังให้ต้นหลิวมาหา อย่าได้ลืมตนเลย
เขาไม่สามารถอยู่ที่ชั้นนี้ต่อแล้ว
หญิงโฉดชายชั่วคู่นั้นหมายใจจะฆ่าเขาให้ได้ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วได้เกิดเรื่องกับเขาแน่!
“พี่หลิว โปรดนึกถึงข้าทีเถิด!”
เขาร่ำไห้ภาวนา
หนานฉงรอแล้วรอเล่า จนจะรอไม่ไหวอีกแล้ว เขาปรารถนาให้ต้นหลิวจำมันได้ และพามันไปจากที่นี่
การตั้งตารอของเขาดันได้ผลจริง ๆ
ต้นหลิวและก้อนหินเตรียมตัวกลับจากชั้นเก้า เวลานั้นเอง ต้นหลิวหยุดชะงัก
“ผู้ใดบ่นถึงข้าอยู่ได้”
ต้นหลิวพึมพำ ขอบเขตระดับมันจับสัมผัสนิมิตได้ และมันสัมผัสได้ว่าใครบางคนเหมือนกำลัง ‘นึกถึง’ มันอยู่
ผู้ใดกัน เป็นมิตรหรือศัตรู
“ใช่คนรักของพี่หลิวหรือไม่ พี่หลิวลองตรองดูดี ๆ เคยทอดทิ้งเด็กสาวคนใดไว้หรือไม่ ไม่แน่ว่าเด็กสาวผู้นั้นกำลังสาปแช่งพี่หลิวอยู่ก็ได้!”
ก้อนหินคลี่ยิ้มกว้างขณะเอ่ย
ต้นหลิวมองก้อนหินตาขวาง พูดเหลวไหลอันใดอยู่!
เคยเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นที่ไหน มันใจจดใจจ่อกับการฝึกฝน ไม่เคยข้องแวะกับผู้ใดในเชิงชู้สาว
“ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว!”
หลังก้อนหินโดนต้นหลิวถลึงตาใส่ก็รีบกลับคำ “คงเป็นเด็กสาวที่แอบรักพี่หลิว บัดนี้กำลังถวิลหา จนพี่หลิวรับรู้ได้!”
เสียงเพียะดังก้อง ก้อนหินโดนต้นหลิวหวดจนร้องโหยหวน ไม่หวดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่รู้จักทำตัวดี ๆ บ้าง
“เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าก็ว่าผู้ใด คิดแล้วช่วงที่ผ่านมาชีวิตเขาคงขมขื่นน่าดูกระมัง”
ต้นหลิวหัวเราะ ตั้งจิตครั้งเดียวก็ได้ทราบความจริง หนานฉงผู้ถูกลืมกำลังบ่นถึงมันอยู่
คิดแล้วมันก็รู้สึกผิดอยู่นิดหน่อย ทั้งที่เคยเอ่ยว่าจะพาหนานฉงไปจากที่นี่ สุดท้ายกลับลืมเสียสิ้น
“ไปกันเถิด”
มันกับก้อนหินไปจากที่นี่ รุดหน้าไปยังเทวโลกชั้นหนึ่ง
…..
ครืน!
สายฟ้าแลบแปลบ ที่ซ่อนตัวของหนานฉงถูกพบ ตาเฒ่าบุกมาฆ่าหนานฉงด้วยตัวเอง
ชายหญิงคู่นั้นตื่นตระหนก เจ้านิกายกำลังจะจบการฝึกแล้ว พวกเขากลัวจะเกิดเรื่อง คิดกำจัดหนานฉงให้ได้เสียก่อน เพื่อไม่ให้เจ้านิกายรู้เรื่องระหว่างพวกเขา
ตาเฒ่าผู้นี้เป็นผู้อาวุโสในนิกาย ภรรยาเจ้านิกายเดินทางไปเชิญด้วยตนเอง ลำพังพวกเขา คงยากจะสังหารหนานฉงได้ในเวลาอันสั้น
หนานฉงพุ่งปราดออกมาทั้งที่โลหิตเต็มกาย เขาไม่รู้สึกถึงอสนีบาตที่ถล่มลงมาเมื่อครู่เลย จึงถูกผ่าเข้าอย่างจัง เกือบสิ้นชีพไปแล้ว
“ต้นหลิวที่ทำศึกอยู่ด้านนอกอาณาจักรคือพี่ใหญ่ของข้า หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า พี่ใหญ่ต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”
หนานฉงคำรามเลือดเต็มปาก สภาพน่าอนาถยิ่งนัก ทั้งเนื้อทั้งตัวถูกฟ้าผ่าจนสะบักสะบอม เลือดเนื้อปลิดปลิ้น เผยให้เห็นกระดูกสีขาวด้านใน
“ต้นหลิวคือพี่ใหญ่ของเจ้าหรือ หน้าไม่อาย กล้าพูดได้ทุกอย่างเลยหรือ!”
ภรรยาเจ้านิกายมาถึง หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน นางไหนเลยจะเชื่อวาจาของหนานฉง ต้นหลิวสูงส่งออกปานนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีความเกี่ยวข้องกับคนตัวเล็ก ๆ เยี่ยงหนานฉง
“โอ๊ย ข้าพูดผิดไป ข้าเข้าใจเจ้าผิด เดิมเจ้าไร้ยางอายอยู่แล้ว ไยต้องเอ่ยถึงหน้าตาด้วยว่าอายเป็นหรือไม่ หาไม่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงต่ำช้าขโมยอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้าของข้า!”
นางต่อว่า หมายใจให้หนานฉงรับความผิดนี้ไปจนตัวตาย
“เหลวไหล! ผู้ใดจะพิศวาสอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้าของป้าแก่อย่างเจ้า!”
หนานฉงเอ่ยด้วยสีหน้าขยะแขยง “แถมให้ข้า ข้ายังสะอิดสะเอียนเลย!”
ตู้ม!
ผู้อาวุโสผู้นั้นเคลื่อนไหว ฝ่ามือเปล่งแสง สายฟ้าพวยพุ่งออกมาไม่หยุด ระดับของคนผู้นี้สูงส่ง อยู่ในขอบเขตลอยชายขั้นเจ็ด สูงกว่าหนานฉงมากนัก!
“อย่าบอกว่าเจ้าทิ้งของเหล่านั้นไปหมดแล้ว?!”
ผู้อาวุโสอารามร้อนใจ นี่เขาเป็นอันใดไป อย่าบอกนะว่าหมายตาอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้าของภรรยาเจ้านิกาย?!
แต่เพียงไม่นานเขาก็ได้สติ ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นแดงเถือก รีบเอ่ยแก้ “สิ่งที่เป็นของท่านภรรยาเจ้านิกายจะทิ้งขว้างตามอำเภอใจได้อย่างไร! ทำเช่นนี้ถือเป็นการหมิ่นเกียรติของท่านภรรยาเจ้านิกาย!”
ระดับขอบเขตต่างกันเกินไป บัดนี้หนานฉงเพิ่งจะอยู่ในขอบเขตลอยชายขั้นสาม ต่อให้หลบหลีก ก็ยังถูกพลังอสนีบาตกระแทกใส่จนระเบิดไปครึ่งร่าง!
เขาเจ็บจนใบหน้าเหยเก ทว่า หลังได้ยินคำกล่าวของผู้อาวุโสก็หลุดขำออกมา ผู้อาวุโสผู้นี้อธิบายอันใดอยู่ หมายตาอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้าของภรรยาเจ้านิกายเห็น ๆ!
ภรรยาเจ้านิกายก็มีสีหน้าแปลกประหลาด มิน่าเล่า คราวนางเรียกตัวผู้อาวุโสตนนี้ออกโรงช่วยนางจัดการหนานฉง เขาถึงออกมาโดยไม่อิดออด
ครานั้น นางคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นปานนี้ ถึงอย่างไรผู้อาวุโสตนนี้ก็เลื่องชื่อในนิกายด้านจดจ่อกับการฝึกฝน แม้แต่สามีของนาง ผู้เป็นประมุขแห่งนิกาย บางครั้งยังสั่งเขาไม่ได้เลย!
ที่แท้ผู้อาวุโสมีความชอบพิเศษเช่นนี้เองหรือ!
ใบหน้าของผู้อาวุโสแดงก่ำ เขาเห็นหนานฉงพูดด้วยท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ จึงกลัวว่าหนานฉงจะทิ้งอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้าไปจริง ๆ ถึงได้เอ่ยวาจาเยี่ยงนั้นออกไป
“ผู้อาวุโสไม่ต้องกลัว ทิ้งไปแล้วก็ไม่เป็นไร ผู้อาวุโสชอบอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้าใช่หรือไม่ ข้ายกชุดใหม่ให้ผู้อาวุโสได้”
ภรรยาเจ้านิกายเอ่ยยิ้ม ๆ ด้วยท่าทางเข้าอกเข้าใจ นึกไปว่าผู้อาวุโสเพียงแต่ชื่นชอบการแต่งกายข้ามเพศเท่านั้น จึงเอ่ยว่าจะยกอาภรณ์ชั้นในและถุงเท้าชุดใหม่ให้
ที่นี่มีเพียงนางและผู้อาวุโส จึงไม่ได้กังวลแต่อย่างใด คิดจะใช้เรื่องนี้ซื้อใจผู้อาวุโส
“ข้าหาใช่คนเยี่ยงนั้นไม่! ท่านภรรยาเจ้านิกายอย่าได้ทำเช่นนี้อีก!”
ผู้อาวุโสเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขาชอบ… ของใหม่ที่ไหน
ของใหม่นั้น หาจากที่ใดก็ได้ จำเป็นต้องวิตกเช่นนี้หรือ
ภรรยาเจ้านิกายหัวเราะเบา ๆ นึกว่าผู้อาวุโสหน้าบางไม่กล้ายอมรับ “ผู้อาวุโสวางใจได้ จักไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้ ข้าจะลอบนำชุดใหม่ไปให้เอง”
“หากท่านภรรยาเจ้านิกายยังเอ่ยเช่นนี้อีก ข้าคงต้องขอตัว!”
สีหน้าผู้อาวุโสมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด
นี่มันเรื่องอะไรกัน?!
ภรรยาเจ้านิกายดูออกว่าผู้อาวุโสไม่ได้ล้อเล่น เหมือนไม่อภิรมย์จริง ๆ นางผิดคาดเล็กน้อย หากผู้อาวุโสไม่ชอบ แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้ถึงทำสีหน้ากังวลปานนั้น?!
หรือว่า ผู้อาวุโสชอบชุดที่นางเคยสวมใส่?
นางคลี่ยิ้ม ในที่สุดก็เข้าใจ
เช่นนี้เองหรือ…
ถ้าอย่างนั้นก็ง่าย!
นางเดินไปอยู่ข้างกายผู้อาวุโสด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพราวเสน่ห์ “ฆ่าหมอนี่เสีย แล้วข้าจักมอบให้ผู้อาวุโสอีกชุดหนึ่ง… ที่ข้าสวมใส่อยู่ตอนนี้!”
ตามคาด ผู้อาวุโสตาเป็นประกาย ตัวสั่นเทิ้มเล็กน้อยขณะเอ่ยถามภรรยาเจ้านิกาย “จริงหรือ”
“แน่นอน! ฆ่าหมอนี่เสีย แล้วข้าจะถอดให้ผู้อาวุโสตรงนี้เลย…”
ภรรยาเจ้านิกายประชิดตัวผู้อาวุโส กระซิบข้างหูเสียงหวาน
ตู้ม!
ผุ้อาวุโสพุ่งออกไปทันที จู่โจมดุดันยิ่งกว่าเมื่อครู่ หมายจะฆ่าหนานฉงให้ได้ในคราเดียว
หนานฉงนิ่งอึ้ง มีตาเฒ่าลามกรสนิยมเยี่ยงนี้ด้วยหรือ?!
“จบแล้ว!”
ใบหน้าเขาซีดเผือด หนนี้จบเห่แล้วจริง ๆ ผู้อาวุโสตนนี้ราวกับคลุ้มคลั่ง ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา จนเขาหลีกหนีไม่พ้น
ผู้อาวุโสเล็งเป้าเขาไว้แล้ว เขาไม่อาจหนีไปที่ไหนได้อีก หากถูกการโจมตีนี้ เขาจักตายไร้ที่ฝัง!
“น่าคลื่นไส้!”
เวลานั้น ต้นหลิวและก้อนหินมาถึง ก้อนหินสบถ มันได้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นทั้งหมด รู้สึกว่าผู้อาวุโสตนนี้ช่างสัปดนยิ่งนัก!
มันแค่นเสียงเย็น ทันใดนั้น พลังแกร่งกล้าพลันกระแทกใส่ผู้อาวุโสจนกระเด็นไปอีกฟากฝั่งหนึ่ง!
ผู้อาวุโสกระอักเลือด สะบักสะบอมไปทั้งตัว หมอบอยู่กับพื้น
“มี… มีความเกี่ยวข้องกันจริงหรือนี่?!”
หลังภรรยาเจ้านิกายเห็นต้นหลิวและก้อนหินมาที่นี่ ก็ตกตะลึงจนทรุดลงกับพื้น นางได้เห็นศึกนอกอาณาจักรเช่นกัน ต้นหลิวทรงพลังอย่างยิ่งยวด คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหนานฉงจะมีความเกี่ยวข้องกับต้นหลิวจริง ๆ!
“พี่หลิว!”
หนานฉงเอ่ยทั้งน้ำหูน้ำตาไหลพราก “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่หลิวยังไม่ลืมข้า!”
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้ลืมเจ้า ทั้งหมดนี้เป็นการเคี่ยวกรำเจ้าเท่านั้น”
ต้นหลิวกล่าว
“จอมปลอมจริงเชียว!”
ก้อนหินบ่นอุบในใจ ต้นหลิวโกหกหน้าตายไม่นึกหวั่นไหวเลยจริง ๆ มันรู้ดีว่าต้นหลิวลืมหนานฉงไปแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อครู่นี่เอง
“พี่หลิว ข้าถูกปรักปรำ!”
หนานฉงร่ำไห้เอ่ยฟ้อง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง “ข้าต้องแบกรับชื่อเสียงสัปดนเช่นนั้น ข้าช่างอัปยศยิ่งนัก!”
“หน้าไม่อาย!”
ก้อนหินถลึงตา ภรรยาเจ้านิกายผู้นี้ต่ำช้ายิ่งนัก หน้าด้านจริงเชียว ทำได้ทุกอย่างเพื่อความเร้าใจ!
ในสถานการณ์ที่ผู้ฝึกตนเหินกันเต็มฟ้า ยังกล้าพลอดรักบนยอดเขา เช่นนี้ไม่ต่างจากการพลอดรักต่อหน้าธารกำนัลเลยสักนิด!
“น้องชาย จะจบเรื่องนี้ง่าย ๆ ไม่ได้ พี่หินจะแก้แค้นแทนเจ้าเอง!”
ก้อนหินบอกกับหนานฉง
“ขอบคุณพี่หิน!” หนานฉงกล่าวขอบคุณ
“ชอบความเร้าใจหรือ?”
ก้อนหินหันมองภรรยาเจ้านิกายพลางเอ่ยยิ้ม ๆ “เช่นนั้น ข้าจักให้พวกเจ้าเร้าใจให้พอ!”
มันแผ่จิตออกไป รับรู้ตำแหน่งของนิกายนี้ได้ในพริบตา ก่อนจะส่งตัวภรรยาเจ้านิกายกลับไป
ขณะเดียวกัน มันยังจับตำแหน่งศิษย์เอกผู้คบชู้กับภรรยาเจ้านิกายได้แล้วด้วย พร้อมใช้พลังส่งเขากลับไปเช่นกัน
“คราวนี้คงเร้าใจพอแล้วกระมัง”
ก้อนหินเอ่ยยิ้ม ๆ พอใจในผลงานของตนมาก
มันย้อมผมของภรรยาเจ้านิกายและผมของศิษย์เอกผู้นั้นเป็นสีเขียวทั้งหมด!
จากนั้น มัน ต้นหลิว และหนานฉงจึงไปจากที่นี่
เริ่มแรก ภรรยาเจ้านิกายและศิษย์เอกผู้นั้นยังไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น ทว่า เมื่อพวกเขาเห็นว่าสมาชิกอื่น ๆ ในนิกายจ้องมองตนด้วยสายตาพิลึกพิลั่นถึงที่สุด ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอันใดขึ้น!
“อ๊าก ๆๆ!”
ภรรยาเจ้านิกายแทบคลุ้มคลั่ง ผมเขียวเต็มศีรษะเช่นนี้ ซ้ำร้ายศิษย์เอกคนนั้นก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เขียวชอุ่มไปทั้งหนังศีรษะ หากเจ้านิกายได้เห็น ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงเป็นที่ประจักษ์อย่างไม่ต้องสงสัย!
นางไม่ลังเล รีดเร้นพลังทั้งหมดหมายจะตัดผมออกไม่ให้เหลือแม้แต่เส้นเดียว
ศิษย์เอกคนนั้นก็เช่นกัน ตั้งใจจะตัดผมทั้งหมดในรวดเดียว
ทว่า พวกเขาทำไม่สำเร็จ
ก้อนหินฝังพลังไว้บนศีรษะของพวกเขา จึงแตะต้องเส้นผมตนเองไม่ได้แม้แต่เส้นเดียว!
“ไปกันเถิด!”
ความคิดต่อมาของพวกเขาคือต้องไปจากที่นี่ จะอยู่ต่อได้อย่างไร อยู่ที่นี่มีแต่ต้องตายเท่านั้น
“ไปไหน!”
ผู้อาวุโสตนหนึ่งเหินออกมา สกัดภรรยาเจ้านิกายและศิษย์เอกผู้นั้นไว้ ศีรษะทั้งคู่เขียวขจี เขาเข้าใจทันทีว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ย่อมไม่มีทางปล่อยภรรยาเจ้านิกายและศิษย์คนนี้ไปง่าย ๆ แน่
“จบสิ้นแล้ว!”
ภรรยาเจ้านิกายและศิษย์ผู้นั้นตื่นกลัวถึงขีดสุด คราวนี้จบเห่แล้วจริง ๆ!
…..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ล่วงไปแล้วสองเดือน
ระหว่างนี้ หลี่จิ่วเต้าวาดภาพมาโดยตลอด และในที่สุด ก็วาดภาพสุดท้ายเสร็จ!
“ไม่เลว ไม่เลว…”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะน้อย ๆ พอใจในภาพวาดเหล่านี้มาก ทั้งหมดนี้คือภาพทิวทัศน์ตระการตาในสถานที่ต่าง ๆ คุ้มค่าแก่การบันทึก
“วาดมาตั้งหลายวัน ในที่สุดก็เสร็จสิ้น ข้าปวดหลังไม่น้อย ต้องไปพักผ่อนเสียหน่อย!”
หลี่จิ่วเต้าวางพู่กันลง ก่อนจะเข้ามาในลาน เอนกายบนเก้าอี้โยก หลับตาลงด้วยความสบายกาย
ในตอนนั้นเอง ประกายประหลาดแวบผ่านภาพวาดทิวทัศน์ตระการตาเหล่านั้น!
จากนั้น ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ ของอาณาจักรนี้!
ฟ้าดินกำลังจะพลิกผัน!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
นอกเมืองชิงซาน มีม่านแสงเจิดจ้าทอประกายอยู่ทุกที่ในอาณาจักร จรัสแยงตา กฎระเบียบประหลาดบางอย่างไหลเวียน ขุนเขาลำน้ำและผืนพสุธาต่างเกิดการเปลี่ยนแปลง!
เริ่มแรก สสารระดับสูงปรากฏออกมาในฟ้าดิน แต่เดิมนั้นมีเพียงหยิบมือ กระจัดกระจายออกจากจุดที่มีม่านแสง
แต่เพียงพริบตาเดียว สสารระดับสูงเหล่านั้นก็หลั่งไหลออกมาอย่างบ้าคลั่งประดุจน้ำป่า แทบไม่ถึงเสี้ยวลมหายใจ อาณาจักรทั้งผืนนี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยสสารระดับสูงนี้!
อาณาจักรนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหันต์ สสารระดับสูงเหล่านั้นมหัศจรรย์เกินไป แม้กระทั่งต้นหญ้าเล็ก ๆ ธรรมดายังวิวัฒนาการเป็นต้นหญ้าศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว ทั้งยังค่อย ๆ ยกระดับให้สูงขึ้นกว่าเดิมด้วย!
“สวรรค์ สสารอะไรกันนี่?!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว! วิเศษกว่าสสารโกลาหลอีก!”
สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลที่ยังอยู่ในอาณาจักรนี้สะท้อนใจในบัดดล พวกเขาเกิดในแดนบรรพโกลาหล รู้จักสสารโกลาหลเป็นอย่างดี
และบัดนี้ สสารระดับสูงที่ปรากฏในอาณาจักรแห่งนี้เหนือชั้นกว่าสสารโกลาหลในแดนบรรพโกลาหลอย่างไม่ต้องสงสัย ซ้ำยังเหนือกว่าหลายเท่าตัว!
เอ่ยโดยไม่เกินจริง แทบไม่อาจเทียบกันได้เลย!
ว่ากันง่าย ๆ สถานการณ์ของอาณาจักรนี้และแดนบรรพโกลาหลพลิกกลับ!
ห่างชั้นกันเกินไป!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
แต่ละสถานที่ยังคงส่องแสงต่อเนื่อง สสารระดับสูงไหลทะลัก การวิวัฒนาดำเนินอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้รับผลกระทบจากสสารระดับสูงเช่นนี้ กฎแห่งสวรรค์และโลกในอาณาจักรนี้ก็ยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว!
แต่เดิมกฎแห่งสวรรค์และโลกในอาณาจักรนี้จำกัดเซียนไม่ได้ด้วยซ้ำ หลังเซียนมาถึงสถานที่แห่งนี้ สามารถเพิกเฉยต่อกฎแห่งสวรรค์และโลกทั้งปวงในอาณาจักรนี้
ทว่า บัดนี้กฎแห่งสวรรค์และโลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
อย่าว่าแต่เซียนเลย แม้แต่จักรพรรดิเซียนก็มิอาจก่อกรรมทำเข็ญอันใดได้หลังจากนี้ จักต้องถูกกฎของสถานที่นี้จำกัด!
มิหนำซ้ำ นี่เป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น กฎระเบียบในปฐพีผืนนี้ยังคงยกระดับอย่างบ้าคลั่ง อีกไม่นาน แม้แต่สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนขอบเขตโกลาหลก็ต้องถูกกฎระเบียบนี้จำกัดเช่นกัน!
“เกิดอันใดขึ้นกันแน่?!”
“ยุคทองแห่งการฝึกฝนอันเรืองรองที่สุดในประวัติศาสตร์อุบัติขึ้นแล้ว!”
สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้มึนงงกันหมด ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
แต่ไม่ว่าเรื่องใด ก็มีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ นั่นคือทุกอย่างพัฒนาไปในทางที่ดี ซ้ำยังดีมากอีกด้วย!
ยุคทองแห่งการฝึกฝนอันเรืองนามมาถึงแล้วจริง ๆ!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ภายใต้การปกคลุมของสสารระดับสูงเช่นนี้ อารยธรรมฝึกฝนทั่วทั้งอาณาจักรจะยกระดับขึ้นมหาศาล เหนือกว่าทุกยุคสมัย เป็นระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้!
การบรรลุเซียนไม่ใช่การเพ้อเจ้ออีกต่อไป นิรันดร์กาลก็ไม่ใช่ภาพฝัน ทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือ!
ฟ้าดินยังคงเปลี่ยนแปลงต่อไปอย่างมหันต์ อาณาจักรนี้ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ใหญ่ขึ้นจากเดิมหลายเท่า!
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอื่น ๆ ทั้งปวงพากันหลั่งไหลเข้ามายังอาณาจักรนี้ไม่หยุดหย่อน จนเริ่มแน่นขนัด
แต่ตอนนี้ ต่อให้มาเพิ่มจากเดิมอีกเท่าตัวก็ไม่มีทางทำให้อาณาจักรนี้เบียดเสียดอีกแล้ว ทั้งเหลือพื้นที่ว่างมากอีกด้วย!
นอกจากนี้ การขยายพื้นที่ของอาณาจักรนี้ดำเนินอย่างต่อเนื่อง ปฐพีกว้างไกลเกินหยั่ง อาณาจักรใกล้ ๆ ถูกกลืนกินทั้งหมด ผสานเป็นหนึ่งกับอาณาจักรนี้
แต่เดิมอาณาจักรเหล่านั้นก็กว้างใหญ่ไพศาล ทว่า หลังหลอมรวมเป็นหนึ่งกลับหมดสิ้นความยิ่งใหญ่ และยังถูกสสารระดับสูงปกคลุมไปด้วย จนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกลับตาลปัตร!
“วาสนาจุติจากสวรรค์! ฮ่า ๆ น่ายินดีเกินไปแล้ว!”
“พวกเราช่างโชคดีสะท้านโลกันตร์จริง ๆ!”
สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรเหล่านี้โห่ร้องยินดี ปีติตื้นตันอย่างยิ่งยวด สภาพแวดล้อมในเวลานี้ทรงพลังขึ้นกว่าเก่าหลายร้อยเท่า จะไม่ให้พวกเขาตื้นตันได้อย่างไร?!
ความยินดีล้นอกจนแทบคุมตัวเองไม่อยู่!
…..
เมืองชิงซาน ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
“นี่แหละคือฝีมือของคุณชาย!”
ลั่วสุ่ยสะท้อนใจ นับถือคุณชายเป็นหนักหนา!
นางรู้ดีว่าที่อาณาจักรผืนนี้เปลี่ยนแปลงไปล้วนเป็นเพราะคุณชาย!
หลังคุณชายวาดภาพเสร็จสิ้น นางเห็นได้ชัดเจนว่ามีพลังบางอย่างหลั่งไหลออกจากภาพวาดเหล่านั้น ตอบสนองกับสถานที่จริงในภาพ จากนั้น สสารระดับสูงก็ทะลักออกจากสถานที่ในภาพวาด เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมในอาณาจักรนี้!
สวรรค์ เขาทำได้อย่างไรกัน!
ระดับพลังของนางในยามนี้สูงส่ง อยู่ในขอบเขตลอยชายแล้ว กระนั้นยังไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่าคุณชายทำได้อย่างไร!
สสารระดับสูงเหล่านั้นมาจากที่ใด ปรากฏออกมาดื้อ ๆ เลยหรือ?!
น่าทึ่งเกินไปแล้ว!
คุณชายเพียงวาดทิวทัศน์ของแต่ละสถานที่เท่านั้น ก็ส่งผลให้สถานที่เหล่านั้นมีสสารระดับสูงเช่นนั้นทะลักทลาย นางสะท้านใจเหลือแสน คุณชายอยู่ในระดับใดกันแน่?!
“เข้าใจแล้ว เหตุผลที่คุณชายวาดภาพทิวทัศน์ของสถานที่ต่าง ๆ เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
นางเข้าใจในบัดดล
ก่อนนี้ที่นางช่วยคุณชายฝนหมึกยังนึกแปลกใจ เหตุใดคุณชายต้องวาดภาพทิวทัศน์ของสถานที่ต่าง ๆ ด้วย
เพียงเพื่อใช้ระลึกถึงเท่านั้นหรือ?
ครานั้น นางก็รู้สึกได้ว่าความหมายไม่ได้มีแค่นั้น อย่างที่คิด เรื่องนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ คุณชายต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมทั้งหมดในอาณาจักรนี้!
“แล้วเพราะเหตุใดกัน?”
นางคิดในใจอีกครั้ง พอระลึกได้บ้างว่าที่คุณชายลงมือเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมในอาณาจักรนี้ย่อมต้องมีเหตุผลลึกซึ้งกว่านั้น!
“มีภัยร้ายรุนแรงกำลังจะมาเยือนหรือ?”
ลั่วสุ่ยคิด “เพราะภัยร้ายกำลังมาเยือน คุณชายถึงลงมือเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมในอาณาจักรนี้ ช่วยให้สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแข็งแกร่งขึ้น จนมีกำลังพอต้านทานภัยร้ายหรือ?”
หากเป็นดั่งที่คิดจริง เช่นนั้น ภัยร้ายรุนแรงที่จะมาในภายหน้าคงสยดสยองน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่งยวด ไม่เช่นนั้น เหตุใดคุณชายต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย!
เป็นภัยร้ายรุนแรงที่ต้องรับศึกกันทั้งอาณาจักรหรือ
ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่นใจ เรื่องดีและเรื่องร้ายมักมาคู่กัน สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่ธรรมดา ความดีความชั่วคงอยู่ข้างเคียง พวกเขาไม่สามารถมองเห็นแต่เพียงด้านดีได้
…..
หลังผ่านไประยะหนึ่ง การแผ่ขยายของอาณาจักรนี้ชะลอตัว แต่ไม่ได้หยุดยั้ง ยังคงดำเนินต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้รวดเร็วอย่างก่อน
สสารระดับสูงที่ทะลักออกมาจากสถานที่ต่าง ๆ ในอาณาจักรนี้ก็ค่อย ๆ เชื่องช้าลง นี่เพราะต้องใช้เวลาปรับตัวหรือ?
น่าจะเป็นเช่นนั้น ก่อนนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความรวดเร็ว จนอาณาจักรนี้ชัก ‘ตามไม่ทัน’ ยามนี้เริ่มก้าวหน้าได้อย่างมั่นคงแล้ว
ไม่ว่าเรื่องใดล้วนต้องมีช่วงปรับตัว ไม่อาจสำเร็จรวดเดียว ผืนฟ้าแผ่นดิน ภูผานที ต้นไม้ใบหญ้าในอาณาจักรนี้ล้วนยกระดับเร็วเกินไป ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งเพื่อรับการผลัดเปลี่ยน
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้บรรลุไปแล้วนับคณา ซ้ำยังบรรลุขอบเขตแบบก้าวกระโดด ก่อนนี้พวกเขาสั่งสมพลังมาพอแล้ว เพียงแต่ขาดการเจือจุนจากสสารระดับสูง จึงไม่อาจก้าวสู่ขอบเขตที่สูงขึ้นได้
อย่างเช่นสิ่งมีชีวิตในแดนเซียน
แต่เดิมในตัวพวกเขามีพลังเพียงพอ ทว่าก่อนนี้ไม่มีสสารระดับสูงคอยเจือจุน จึงไม่มีวิธีบรรลุเซียน หรือขอบเขตที่สูงกว่านั้น
พวกเขาถึงถูกเรียกว่าเซียนเทียม
บัดนี้ หลังสสารระดับสูงปกคลุมไปทั่วอาณาจักรนี้ พวกเขาจึงบรรลุในทันที กลายเป็นเซียนอย่างแท้จริง ทั้งยังบรรลุสูงขั้นกว่านี้ได้ด้วย!
รวมถึงบรรดาเทียนตี้อาวุโสทั้งหลาย
พวกเขาติดอยู่ในขั้นเทียนตี้มานานเกินไปแล้ว แต่ละด้านล้วนบำเพ็ญจนอยู่ในจุดสูงสุด เพียงแต่ยังไม่เคยได้สัมผัสกับสสารระดับสูง จึงไม่มีโอกาสบรรลุเซียนเสียที
หลังสสารระดับสูงปะทุ พวกเขาก็บรรลุในทันทีเช่นกัน ก้าวสู่ขอบเขตเซียนอย่างแท้จริง!
พวกเขารับรู้ถึงความเป็นนิรันดร์ กาลเวลายากจะทิ้งร่องรอยบนตัว พวกเขาก้าวพ้นแล้วจริง ๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะสิ้นอายุขัยอีกแล้ว
…..
แดนบรรพโกลาหล
“ด้านนอกนั่นเกิดอันใดขึ้น?!”
“สสารอันใดนี่!”
ที่นี่ก็เดือดพล่านโดยฉับพลัน
ช่วงนี้ ผนึกของพวกเขาหย่อนลงเรื่อย ๆ จนแทบมลายแล้ว แดนบรรพโกลาหลอยู่ในอาณาจักรนี้ จึงมีสสารระดับสูงหลั่งไหลเข้าไปอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
พวกเขาต่างตื่นตกใจกันถ้วนหน้า สสารที่หลั่งไหลเข้ามาในแดนบรรพโกลาหลเหนือจินตนาการไปมาก สูงส่งอัศจรรย์ยิ่งกว่าสสารโกลาหลในดินแดนของพวกเขาเสียอีก!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
ที่นี่ก็มีสิ่งมีชีวิตล้วนยกระดับกันมหาศาล บรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ และบรรดาสิ่งมีชีวิตในขอบเขตโกลาหลขั้นเก้าล้วนทลายขีดจำกัดระดับของตน ก้าวสู่ขอบเขตที่สูงกว่า นั่นคือขอบเขตลอยชาย!
พลังที่พวกเขาสั่งสมมาก็เพียงพอมานานแล้วเช่นกัน บัดนี้ ด้วยความเจือจุนจากสสารระดับสูง พวกเขาจึงบรรลุขอบเขตได้แล้ว!
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกเราจะบรรลุได้ด้วยวิธีนี้!”
“ผู้ใดว่าไม่ใช่เล่า!”
บรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ อุทานออกมาอย่างอดไม่ได้
ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า วันหนึ่ง การบรรลุของพวกเขาจะเกิดขึ้นเพราะอาณาจักรด้านนอกแดนบรรพโกลาหล!
ไหนเลยจะนึกถึง!
แดนบรรพโกลาหลคือแกนกลาง คือรากฐาน อาณาจักรด้านนอกล้วนเกิดขึ้นโดยแยกตัวไปจากแดนบรรพโกลาหล อาณาจักรด้านนอกควรเป็นฝ่ายต้องหวังพึ่งบารมีของพวกเขาแดนบรรพโกลาหลถึงจะถูก
ผลสุดท้าย กลับเป็นพวกเขาที่ได้พึ่งบารมีของอาณาจักรภายนอก!
“ด้านนอกนั่นเกิดอันใดขึ้นกันแน่?!”
“สสารระดับสูงเหล่านี้มีแหล่งกำเนิดจากที่ใด?!”
พวกเขาคิดไม่ตกเลยสักคน สถานการณ์เช่นนี้เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของพวกเขา!
“รีบทำเวลาฝึกฝนเข้าเถิด ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะที่สุด!”
“ใช่แล้ว!”
พวกเขาไม่ลังเล พากันฝึกฝนเพื่อบรรลุขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น รีบทำเวลาเปลี่ยนตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นถึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด!
นอกเมืองเก่าแก่นั้น ช่วงนี้ความพิศวงลางร้ายเคลื่อนไหวถี่ ได้ประมือบ่อยครั้ง ที่ผนึกในแดนบรรพโกลาหลหย่อนลงก็เกี่ยวข้องกับศึกสงครามที่ปะทุเช่นกัน
พวกเขาเหนื่อยจากการประมือกับฝ่ายพิศวงลางร้าย ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะเสริมความทนทานให้กับผนึกในแดนบรรพโกลาหล จึงส่งผลให้ผนึกของแดนบรรพโกลาหลหย่อนคลายยิ่งขึ้น
…..
อีกด้าน ในฐานทัพฝ่ายพิศวงลางร้าย
พวกมันถูกจำกัดไว้ด้านนอก สสารระดับสูงมาไม่ถึงพวกมัน กำแพงเมืองเก่าแก่สูงตระหง่านขวางกั้น พวกมันไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นในแดนบรรพโกลาหล
ร่างมากมายจุติมายังที่นี่ พลังปราณสยดสยองน่ากลัวเหลือแสน พวกมันผ่านพิธีบรรพชาจนได้ยกระดับ พลังที่มีในยามนี้เหนือกว่าขอบเขตลอยชาย!
“เริ่มลงมือได้!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายตนหนึ่งคลี่ยิ้มสดใส “‘สหายเก่าแก่’ พวกนั้นคิดไม่ถึงแน่ว่าพวกเราทรงพลังขึ้นปานนี้ ฮ่า ๆ ให้พวกเขาได้ตกใจกันหน่อย!”
‘สหายเก่าแก่’ ที่มันว่าคือบรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ ในแดนบรรพโกลาหล
“ใช่แล้ว! ฝ่ายเราเดินทางไปยังแดนกำเนิดถึงหกตน ผ่านพิธีบรรพชาและยกระดับขึ้นจนบรรลุขอบเขตโกลาหล คราวนี้ เรากวาดล้างแดนบรรพโกลาหลได้แน่!”
“กำลังรบระดับลอยชายหกตน พวกเขาได้ผวาแน่!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายคนอื่นพากันหัวเราะร่วน
พวกมันดีใจอย่างยิ่ง คู่ปรับในอดีตจักถูกพวกมันกำจัดหมดสิ้นในครานี้!
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ