นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 756ถึง 760
พญางูปาถูกโค่นลง ทำให้สถานการณ์ในที่แห่งนี้แปรเปลี่ยนไปในทันที
เผ่าอื่น ๆ ที่ก่อนหน้าเคยขี่เผ่ามนุษย์มาก่อน ตอนนี้ต่างมีเผ่ามนุษย์อยู่บนหลังของตนเอง เริ่มทำหน้าที่เป็นสัตว์ขี่ให้เผ่ามนุษย์!
น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
หนึ่งกระบี่... ทั้งยังใช้เพียงใบหญ้า ภายในใจของพวกมันล้วนถูกข่มขวัญด้วยความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเต็มหัวใจ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้คือใครกันแน่!?
พวกเขาล้วนประจักษ์ในความแข็งแกร่งของพญางูปาที่ทรงพลังเกินขอบเขตความรู้ความเข้าใจของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง ทว่าเมื่อมาอยู่ต่อหน้าคนผู้นี้ กลับดูเหมือนเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง สวรรค์! คนผู้นี้จะต้องแข็งแกร่งถึงเพียงใดกัน!?
ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ต่างพากันดีใจจนกระโดดโลดเต้น ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับกอบกู้แล้ว ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีสุนัขสีดำย่างกรายมายังเมืองจักรพรรดิไป๋แห่งนี้ และกำราบผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ทุกคนลง ก่อนจะตั้งกฎขึ้นมาให้เผ่าอื่นเป็นนาย ส่วนเผ่ามนุษย์เป็นทาส!
สุนัขสีดำ!
นี่น่าจะเป็นราชันสุนัขผู้นั้นจากแดนบรรพโกลาหลใช่หรือไม่!
กิเลนไฟได้ยินเสียงโห่ร้องดีใจของผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ มันก็สะกิดใจเรื่องสุนัขสีดำที่ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์เอ่ยถึง
เดิมทีมันคิดว่าพญางูปาเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงจนเป็นเช่นนี้
แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของผู้ฝึกตนเหล่านี้แล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น มีผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยเอ่ยถึงสุนัขสีดำ!
แม้พญางูปาจะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังคงอยู่เบื้องล่างสุนัขสีดำ สุนัขสีดำตัวนั้นนับว่าแข็งแกร่งที่สุดในสถานที่แห่งนี้ เป็นผู้ที่กำหนดกฎขึ้นมา!
มันนึกถึงราชันสุนัขที่ดุร้ายและทรงพลังเป็นอย่างมากในแดนบรรพโกลาหลทันที!
ราชันสุนัขผู้นี้มีนิสัยแปลกประหลาดยิ่ง ความแข็งแกร่งนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจ้าวดินแดนต่าง ๆ ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าอยู่เล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ ครั้งนี้เคยเกิดการต่อสู้ระหว่างจ้าวดินแดนผู้หนึ่งกับราชันสุนัข ผลออกมาคือราชันสุนัขเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ
นอกเหนือจากนี้ ประสบการณ์ชีวิตของราชันสุนัขก็กลายเป็นตำนานเล่าขาน เดิมทีแล้วมันเป็นเพียงแค่สุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง สายเลือดไม่ได้แข็งแกร่งแต่อย่างใด ท่ามกลางแดนบรรพโกลาหลที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมาย สายเลือดของราชันสุนัขอ่อนแอยิ่งนัก
ด้วยอิทธิพลของสายเลือด ความสำเร็จที่ราชันสุนัขสามารถบรรลุได้นั้นถูกจำกัดเอาไว้ ขอบเขตสูงสุดที่ก้าวไปถึงถูกข้อจำกัดของสายเลือดกำหนดเอาไว้
แต่ทว่าก็เกิดสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด ราชันสุนัขทลายข้อกำจัดทางสายเลือด ก้าวสูงขึ้นไปทีละขั้น ทิ้งห่างเหล่าสิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดแข็งแกร่งกว่ามันออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเทียบเคียงกับจ้าวดินแดนได้!
นี่เป็นตำนานอย่างแท้จริง มีสิ่งมีชีวิตน้อยนักที่จะสามารถเทียบเท่าได้!
การทลายข้อจำกัดของสายเลือดตนเองเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง กล่าวตามตรงแล้ว การที่จ้าวดินแดนประสบความสำเร็จก้าวขึ้นมายังขอบเขตสูงเช่นนี้ได้ สายเลือดภายในร่างนับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก
หากสายเลือดของจ้าวดินแดนไม่ได้แข็งแกร่งเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วจะสามารถเดินมาได้ถึงขั้นนี้หรือเปล่าก็ไม่อาจแน่ใจได้
‘น่าจะเป็นราชันสุนัข!’
กิเลนไฟเอ่ยขึ้นมาในใจ
ราชันสุนัขมีความชิงชังต่อเผ่านมนุษย์เป็นอย่างมากตั้งแต่ครั้งอยู่ในแดนบรรพโกลาหล ถึงกับมีสัตว์เลี้ยงมนุษย์จำนวนมาก ร่ำลือกันว่าเมื่อยังเยาว์วัย ราชันสุนัขเคยถูกมนุษย์รับเลี้ยง ทว่าถูกปฏิบัติด้วยความโหดร้าย เป็นเหตุให้ราชันสุนัขชิงชังเผ่ามนุษย์มาก
ข่าวนี้ก็ฟังดูแล้วน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งกิเลนไฟก็ยังคิดว่าความจริงน่าจะเป็นเช่นนั้น
ขอบเขตของราชันสุนัขสูงเป็นอย่างยิ่ง บนร่างกายไม่ควรจะมีตำหนิใด ขอเพียงแค่ราชันสุนัขคิด ร่างกายก็สามารถกลับมาสมบูรณ์แบบได้อย่างง่ายดาย
ทว่าร่างกายของราชันสุนัขกลับเต็มไปด้วยบาดแผล เต็มไปด้วยร่องรอยการถูกทารุณ
แม้ว่าราชันสุนัขจะกลายมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ สามารถเทียบเคียงกับจ้าวดินแดนได้ แต่รูปลักษณ์ของราชันสุนัขที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าสิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลนั้นยังคงเดิม
ราชันสุนัขมีหางเพียงแค่ครึ่งเดียว หูเองก็แหว่ง สภาพดูราวกับถูกไฟคลอกอย่างแรง ในสี่ขามีอยู่ข้างหนึ่งที่เป๋ทำให้เดินกะเผลก
ดังนั้น สิ่งมีขีวิตจำนวนมากในแดนบรรพโกลาหล รวมถึงตัวกิเลนไฟจึงเชื่อข่าวลือดังกล่าว วัยเด็กของราชันสุนัขไม่ได้งดงาม ต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง
‘นี่เป็นตัวปัญหาอย่างแท้จริง!’
กิเลนไฟเอ่ยในใจด้วยความจริงจัง
ราชันสุนัขนั้นไม่ธรรมดา ซ้ำยังเกลียดชังเผ่ามนุษย์ มองกองกำลังมนุษย์แทบทั้งหมดในแดนบรรพโกลาหลเป็นศัตรู อีกทั้งภายใต้สถานการณ์ย่ำแย่ ราชันสุนัขยังสามารถเติบโตขึ้นทีละก้าวทีละก้าวจนแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถทำได้!
‘แต่หากเป็นราชันสุนัขจริง เหตุใดราชันสุนัขจึงปล่อยปละให้ท้ายพญางูปาถึงเพียงนี้?’
มันเกิดความไม่เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย
แม้ว่าราชันสุนัขจะเกลียดชังเผ่ามนุษย์ ทั้งยังมีสัตว์เลี้ยงมนุษย์จำนวนมาก แต่ราชันสุนัขก็ไม่ได้กระทำการเหี้ยมโหดแต่อย่างใด เพียงแค่กำราบผู้ฝึกตนมนุษย์ให้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยง จากนั้นก็เพียงสั่งแค่ให้มารับใช้ตน ไม่ได้มีการทำร้ายหรือทรมานแต่อย่างใด
มีอสูรจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเอาใจ เพื่อจะได้ติดตามข้างกายราชันสุนัข จึงก่อเหตุฆ่าล้างผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ ทว่าสุดท้ายอสูรเหล่านั้นก็ถูกราชันสุนัขสังหารทิ้งทีละตัว!
ราชันสุนัขมีวิถีของตนเอง กำราบก็เพียงแค่กำราบ ไม่กลายเป็นตัวตนอันชั่วร้าย
ทว่าพญางูปานั้นเลวทรามเป็นอย่างยิ่ง กระทำความชั่วทุกหนแห่ง!
กล่าวกันตามเหตุผลแล้ว ราชันสุนัขจะต้องไม่มีทางปล่อยพญางูปาไว้แน่!
“ขอบคุณ!”
“ท่านคือผู้มีพระคุณของพวกเรา!”
เด็กสาวเหล่านั้นต่างคุกเข่าคำนับหลี่จิ่วเต้า
“อย่าได้ทำเช่นนั้น!”
หลี่จิ่วเต้ารีบขี่กิเลนไฟตรงเข้าไปเพื่อพยุงร่างของเด็กสาวทั้งหมดขึ้นมา
เขากล่าว “พานพบความอยุติธรรม จำต้องชักดาบออกมาช่วยเหลือ นี่คือสิ่งที่ผู้มีคุณธรรมสมควรกระทำ!”
พญางูปาทำเกินไปแล้ว บนร่างของเด็กสาวทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยรอยแผลน่าสยดสยอง บางแผลยังไม่หายดีมีเลือดไหลออกมาเสียด้วยซ้ำ สิ่งนี้ทำให้ผู้มองเกิดความทุกข์ใจขึ้นมา
ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดอันใดมากมาย ก็สามารถมองออกได้ว่าเด็กสาวเหล่านี้ต้องผ่านความทุกข์ทรมานมากมายเพียงใดมาก่อน!
“พวกเจ้ารับสมุนไพรเหล่านี้ไปเถิด มันสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเจ้าได้!”
หลี่จิ่วเต้าหยิบสมุนไพรออกมาแล้วยื่นให้
สมุนไพรนี้มีสีเขียวพร่างพราว เมื่อถูกนำออกมา ขุมปราณชีวิตจำนวนมหาศาลก็แผ่กระจายทันที
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดตกตะลึง ยังไม่ทันได้กินพลังทั้งหมดในร่างก็เดือดพล่านขึ้นมาแล้ว ราวกับกำลังพัฒนาขึ้น!
นี่มันสมุนไพรอันใดกัน!
แค่นำออกมา แก่นแท้ชีวิตที่แผ่ออกมาก็น่าหวาดหวั่นและสามารถมอบประโยชน์ให้พวกเขาได้ถึงเพียงนี้ ภายในใจของพวกเขาต่างตกตะลึงอย่างถึงที่สุด!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่จะต้องเป็นสมุนไพรอันเหนือชั้นยิ่ง ประสิทธิภาพถึงขั้นสะท้านฟ้า!
“นี่..นี่มันล้ำค่าเกินไป!”
“พวกเราไม่สามารถรับเอาไว้ได้!”
เหล่าเด็กสาวรีบพากันปฏิเสธออกมาทันที พวกนางอยู่ใกล้เป็นอย่างมาก ทำให้สามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษไม่ธรรมดาของสมุนไพรเสียยิ่งกว่า
ไม่ต้องพูดถึงการทานเข้าไปเพื่อใช้ฝึกฝน เพียงแค่อยู่ใกล้ชิดสมุนไพร อาการบาดเจ็บของพวกนางก็สามารถฟื้นฟูให้หายดีได้ภายในระยะเวลาอันสั้น!
กระทั่งขุมปราณชีวิตของพวกนางเองก็จะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก!
“ล้ำค่าหรือ? สิ่งนี้ไม่นับว่าล้ำค่าแต่อย่างใด พวกเจ้ารับไว้เถิด” หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
นี่เป็นสมุนไพรที่ปลูกขึ้นมาจากดินโกลาหลที่เขาทำการแลกเปลี่ยนมา สำหรับเขาแล้ว สิ่งนี้ไม่ได้นับว่าล้ำค่าอันใดจริง ๆ บนตัวเขายังมีสมุนไพรเหลืออีกจำนวนมาก อีกทั้งยังสามารถปลูกขึ้นมาใหม่ได้ทุกเมื่อ
สิ่งนี้ไม่นับว่าล้ำค่า!?
สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบด้านพลันเกิดคลื่นลมโหมกระหน่ำในใจ
สวรรค์! สมุนไพรนี้จะต้องเป็นโอสถระดับสะท้านฟ้าอย่างแน่นอน เกรงว่าโอสถเซียนก็ยังไม่อาจเทียบเคียงได้ แต่คนผู้นี้กลับพูดออกมาอย่างสบาย ๆ ว่าสิ่งนี้ไม่นับว่าล้ำค่าแต่อย่างใด คนผู้นี้คือใครกัน? มีภูมิหลังความเป็นมาเช่นไร?
จะยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน! ทว่าพวกเราไม่อาจรับเอาไว้ได้จริง ๆ”
“สมุนไพรทั้งต้นมีค่ามากเกินไปสำหรับพวกเรา หากท่านต้องการจะช่วยพวกเราจริง ๆ เพียงแค่มอบใบไม้ให้พวกเรา! เพียงแค่นั้นก็พอที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเราได้!”
เหล่าเด็กสาวพากันกล่าวออกมา
พวกนางไม่ได้ถูกความโลภต่อโอสถระดับสะท้านฟ้ากลืนกินตัวตนไป ล้วนรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจในตัวหลี่จิ่วเต้าเป็นอย่างมาก จึงไม่ต้องการให้เขาสิ้นเปลืองเพื่อพวกนาง
แม้หลี่จิ่วเต้าจะเอ่ยออกมาว่าสิ่งนี้ไม่นับว่าล้ำค่าก็ตาม...
“ตกลง”
เหล่าเด็กสาวยืนกรานปฏิเสธ หลี่จิ่วเต้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเด็ดใบไม้แล้วส่งมอบให้กับเหล่าเด็กสาว
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
พวกนางเอ่ยขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า
“ท่านต้องการจะไปเมืองจักรพรรดิไป๋อย่างนั้นหรือ?”
เด็กสาวผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมา “ทางที่ดีท่านอย่าไปเลยจะดีกว่า เมืองจักรพรรดิไป๋เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้มีสุนัขสีดำตนหนึ่งยึดครองเมืองจักรพรรดิไป๋ ซ้ำยังไม่เป็นมิตรอย่างมากกับผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์!”
พวกนางเล่าว่า เดิมทีคนส่วนใหญ่ในหมู่พวกนางเคยอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิไป๋มาก่อน จากนั้นก็ถูกพญางูปาบังคับให้ติดตามข้างกาย
อีกส่วนหนึ่งเป็นเด็กสาวที่ถูกพญางูปาจับมาจากภายนอก
“ไม่เป็นไร ข้างจะเข้าไปดูสุนัขสีดำด้านในเสียหน่อย” หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
หลังจากนั้น เขาก็ขี่กิเลนไฟตรงไปทางรถม้า แล้วบอกกับพวกลั่วสุ่ย “ไปเถิด พวกเราลองไปดูด้านในเมืองจักรพรรดิไป๋กัน”
เขาขี่กิเลนไฟออกนำหน้า
อสูรทั้งเก้าลากรถม้าตามหลังเขาไปทันที มุ่งตรงสู่เมืองจักรพรรดิไป๋
เมืองจักรพรรดิไป๋นั้นงดงามตระการตา ทั่วทั้งกำแพงเมืองเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลาที่ผันผ่านมาอย่างยาวนาน ประตูเมืองสูงลิบหลายสิบจั้ง สมควรแก่การเป็นมหานครแห่งนี้
ระหว่างทาง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างพากันมองไปที่หลี่จิ่วเต้าด้วยความยำเกรงอย่างถึงที่สุด
พวกมันล้วนได้เห็นการต่อสู้เมื่อครู่ อีกทั้งยังกลายเป็นเงาขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ภายในใจของพวกมัน!
พวกหลี่จิ่วเต้าเข้าสู่เมืองจักรพรรดิไป๋
ทว่าสถานการณ์ภายในเมืองจักรพรรดิไป๋นั้นแตกต่างออกไป สิ่งมีชีวิตภายในเมืองไป๋มองไปที่หลี่จิ่วเต้าอย่างปราศจากความเกรงกลัว ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้เห็นการต่อสู้ระหว่างหลี่จิ่วเต้าและพญางูปา สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเท่านั้น!
กล่าวตามหลักเหตุผลแล้วก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้
แม้การต่อสู้ระหว่างหลี่จิ่วเต้าและพญางูปาจะอยู่ห่างออกไปจากเมืองจักรพรรดิไป๋พอสมควร แต่ระยะห่างเพียงแค่นั้นก็ไม่ไกลเกินที่สิ่งมีชีวิตในเมืองจะสามารถสัมผัสหรือสังเกตเห็นการต่อสู้ได้
ทว่าเมื่อดูจากสายตาที่มองมาของสิ่งมีชีวิตภายในเมืองแล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตภายในเมืองจะไม่เห็นการต่อสู้นั้นจริง ๆ
ในเมืองแห่งนี้ สามารถเห็นการกดขี่เผ่ามนุษย์ได้ทุกแห่ง ส่วนเผ่าอื่นนั้นเป็นใหญ่ เมื่อหลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟเข้าไปในเมืองเช่นนี้ ย่อมกระตุ้นสายตาแปลกประหลาดให้มองมา
“สุนัขดำตัวนี้มีความเป็นมาเช่นใดกันแน่!?”
ลั่วสุ่ยอยู่ด้านหน้ารถม้า คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
นางเข้าใจว่าเหตุใดสิ่งมีชีวิตในเมืองถึงมองมาที่คุณชายด้วยแววตาแปลกประหลาด
ด้านในเมืองแห่งนี้ มีระลอกคลื่นพลังบางอย่างแผ่ปกคลุมไปทั่วเมือง เป็นเพราะพลังนี้ ทำให้สิ่งมีชีวิตในเมืองไม่เห็นการต่อสู้ระหว่างคุณชายกับพญางูปา กระทั่งไม่อาจสัมผัสได้เลยแม้แต่น้อย
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งมีชีวิตในเมืองนี้ ต่อให้เป็นนางเอง เมื่อเข้ามาด้านในเมืองแห่งนี้แล้ว สัมผัสการรับรู้ที่มีต่อโลกภายนอกก็ยังเลือนหาย ไม่อาจรับรู้สถานการณ์ภายนอกได้
เห็นได้ชัดว่าพลังนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับสุนัขสีดำตัวนั้น
สุนัขสีดำตัวนี้ไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่งจะต้องน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก!
แน่นอนว่า คำว่าน่าสะพรึงกลัวนี้ก็เพียงแค่ต่อหน้าพวกนางเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชายแล้ว สุนัขสีดำตัวนี้ย่อมไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้
‘นี่คือผู้ใดกัน!’
‘เฮ้อ จะต้องเผชิญเคราะห์ร้ายเสียแล้ว!’
ผู้ฝึกตนมนุษย์รำพึงให้กับหลี่จิ่วเต้าภายในใจ
ในเมืองจักรพรรดิไป๋ เผ่ามนุษย์ถูกลดลำดับลงให้ต่ำกว่าเผ่าอื่น ๆ นับได้ว่าต่ำต้อยเป็นอย่างมาก ทว่าหลี่จิ่วเต้ากลับขี่อสูรเข้ามาในเมืองเช่นนี้ จะต้องเผชิญกับจุดจบไม่ดีอย่างแน่นอน
ผลก็ออกมาเช่นนั้น ยังไม่ทันที่พวกหลี่จิ่วเต้าจะเดินไปได้ไกล ก็มีอสูรจำนวนมากตรงเข้าใส่
“บังอาจ!”
“ยังไม่รีบลงมาอีก!”
อสูรเหล่านั้นคำรามออกมาอย่างดุร้าย แววตาไม่เป็นมิตร
“ปล่อยให้เจ้าจัดการ จะมีปัญหาอันใดหรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ใส่ใจอสูรเหล่านี้ เขาลูบหัวกิเลนไฟแล้วเอ่ยออกมา
“ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด!”
กิเลนไฟตอบกลับ จะมีปัญหาได้อย่างไร ในหมู่อสูรเหล่านี้ไม่มีตนใดบรรลุระดับเซียนเลย
มันแหงนหัวกู่ร้องคำราม ความกดดันแผ่กระจาย เหล่าอสูรไม่สามารถทนรับแรงกดดันนี้ได้ ทรุดลงไปบนพื้นทีละตัวทีละตัว ร่างกายสั่นเทิ้ม สะท้านถึงวิญญาณ!
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เหล่าอสูรตัวอื่น ๆ ภายในเมืองก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงไปกับพื้นทีละตัว หวาดกลัวจนไม่อาจคุมตัวเองได้!
นี่คือพลังกดดันจากสายเลือด กิเลนไฟไม่ได้ปลดปล่อยพลังอื่นออกมาแต่อย่างใด
“โฮ่ง!”
ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงร้องของสุนัขดังขึ้น กลบเสียงของกิเลนไฟทิ้งในทันที ปัดเป่าความกดดันทั้งหมดที่แผ่ออกมาจากมัน
กิเลนไฟสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดกลัวที่อยู่ภายในเสียงสุนัขเห่า หากไม่ใช่เพราะคุณชายนั่งอยู่บนตัวมัน มันคงจะต้องได้รับผลกระทบจากเสียงนี้แน่!
เส้นแสงสีดำพุ่งออกมา ฟ้าดินมืดมนลง สุนัขสีดำตัวหนึ่งทะยานตรงออกมาจากส่วนลึกของเมืองจักรพรรดิไป๋ ยืนอยู่กลางอากาศ
ขนบนร่างของมันเรียบรื่นประหนึ่งไม่ใช่ขน แต่เป็นผ้าแพรชั้นยอดผืนหนึ่ง ยืนตระหง่านกลางฟ้าสูงเปี่ยมสง่า ลมหายใจรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วฟ้า สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งมหาศาลได้อย่างง่ายดาย!
“นี่คือราชันสุนัขผู้นั้นหรือ!?”
กิเลนไฟมองไปยังสุนัขสีดำด้วยความไม่แน่ใจ
เหตุผลเป็นเพราะร่างกายของสุนัขสีดำตัวนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ว่าหู หาง หรือขาทั้งสี่ข้างก็ไม่มีจุดตำหนิหรือความพิการแต่อย่างใด
ทว่ารูปลักษณ์ของสุนัขสีดำตัวนี้เหมือนกับราชันสุนัข
เกิดอันใดขึ้น?
หรือว่าสุนัขสีดำตัวนี้จะเป็นราชันสุนัขจริง ๆ เพียงแต่นิสัยเกิดการเปลี่ยงแปลง ทั้งยังฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์?
ทว่านิสัยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายปานนั้นเลยหรือ?
ราชันสุนัขเมื่ออยู่ในแดนบรรพโกลาหลไม่เคยปิดบังอำพรางสิ่งใด ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนบรรพโกลาหลก็ยังแสดงรูปร่างที่ไม่สมบูรณ์!
นอกจากนี้ ยังมีการปล่อยปละให้พญางูปาทำเรื่องราวเลวร้ายเหล่านั้นได้ ทำให้มันยิ่งไม่แน่ใจมากไปกว่าเดิม
ราชันสุนัขนั้นได้รับความเคารพเลื่อมใสจากสิ่งมีชีวิตจำนวนมากในแดนบรรพโกลาหล ไม่เคยทำเรื่องไร้มโนธรรม ทั้งยังไม่เคยให้ท้ายสิ่งมีชีวิตอื่นในการก่อกรรมทำชั่ว
เมื่อใดก็ตามที่ราชันสุนัขทราบว่ามีสิ่งมีชีวิตใดก่อกรรมทำชั่ว มันจะไม่มีวันปล่อยไปโดยง่าย ล้วนสังหารทิ้งเสียหมด
ครั้งหนึ่งเคยมีสมาชิกเฝยอี๋ตนหนึ่งก่อการสังหารไม่เลือกหน้าในแดนบรรพโกลาหล กระทั่งจ้าวดินแดนต่าง ๆ ก็ยังไม่กล้าจะไปจัดการมันโดยไม่คิดสิ่งใด ทว่าหลังจากราชันสุนัขรู้เรื่องนี้เข้า ก็ตรงไปสังหารเฝยอี๋ตัวนี้ทันทีโดยไม่เอ่ยวาจาใดสักคำ
นี่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งในแดนบรรพโกลาหล เผ่าเฝยอี๋นั้นเป็นมหาตระกูล บรรพจารย์ของเผ่านั้นบรรลุขั้นที่เก้าขอบเขตโกลาหลเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งสายเลือดยังมีความแข็งแกร่งสะท้านฟ้า ทำให้การกำเนิดทายาทเป็นเรื่องยากยิ่ง สมาชิกในเผ่ามีอยู่น้อยนิด
เป็นผลให้เมื่อบรรพจารย์เผ่าเฝยอี๋รู้เรื่องนี้เข้า ก็ถอนตัวออกจากเมืองบรรพกาลอันเป็นสมรภูมิรบกับความพิศวง และเปิดฉากไล่สังหารราชันสุนัขทันที!
นับเป็นช่วงเวลาเลวร้ายสำหรับราชันสุนัข มันต้องหลบซ่อนตัวแทบทุกวัน หลีกเลี่ยงการตามล่าสังหารจากบรรพจารย์เผ่าเฝยอี๋
ทุกคนไม่ได้มองสถานการณ์ของราชันสุนัขในแง่ดีเท่าใดนัก อย่างไรเสียบรรพจารย์ตระกูลเฝยอี๋ก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนต่างคิดว่าราชันสุนัขจะต้องสิ้นชีพลงในมือบรรพจารย์เฝยอี๋อย่างแน่นอน
ทว่าผลที่ออกมาทำให้ทุกคนต้องคาดไม่ถึง ราชันสุนัขไม่ได้ถูกสังหาร สามารถหนีรอดจากเงื้อมมือของบรรพจารย์เฝยอี๋ได้หลายครั้ง
ต่อมาทางด้านสมรภูมิกับความพิศวงเกิดความตึงเครียดขึ้น ทำให้บรรพจารย์เฝยอี๋ถูกเรียกตัวกลับไป เรื่องนี้จึงถูกยุติลงเอาไว้ชั่วคราว
และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่า ราชันสุนัขเป็นผู้ที่เกลียดชังความชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นพญางูปาเองก็ไม่ควรไม่ทราบ ทั้งยังต้องตระหนักได้เป็นอย่างดี
แต่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าราชันสุนัขเกลียดชังความชั่วร้าย พญางูปายังกล้าทำเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ อีกทั้งยังกระทำภายใต้จมูกของราชันสุนัข พญางูปากลัวว่าตนเองจะมีชีวิตยืนยาวเกินไปอย่างนั้นหรือ!?
ไม่มีทางเป็นไปได้!
พญางูปาจะต้องได้รับคำยินยอมจากราชันสุนัขแน่นอน ไม่เช่นนั้นต่อให้มีความหาญกล้าเพียงใด มันก็ไม่กล้ากระทำเช่นนี้!
นอกจากนี้ ทุกหนแห่งในเมืองยังสามารถเห็นภาพเผ่าอื่นหยามหมิ่นเผ่ามนุษย์ สุนัขสีดำตัวนี้ใช่ราชันสุนัขจริงหรือ?
มันเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก!
หากนี่เป็นราชันสุนัขจริง ภายในเมืองคงไม่ปรากฏภาพเช่นนี้!
แม้จะมีการสยบ แต่ไม่มีทางที่การปฏิบัติอย่างโหดร้ายจะปรากฏอยู่ทุกที่
‘หากไม่ใช่ราชันสุนัขแล้ว สุนัขสีดำตนนี้คือผู้ใด? มีที่มาเช่นไรกันแน่!?’
กิเลนไฟคิดขึ้นมาในใจ
รูปร่างหน้าตาเหมือนราชันสุนัข ทว่านิสัยกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก น่าแปลกใจ ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก!
“มนุษย์จากที่ใดกัน ถึงกล้ามากำเริบเสิบสานต่อหน้าข้าเช่นนี้!”
สุนัขสีดำขนาดยักษ์จับจ้องไปทางหลี่จิ่วเต้าด้วยความดุร้าย มันเอ่ยออกมาเสียงเย็นชา “ข้าดูแล้วเจ้าไม่เลวเลย สามารถเก็บมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ หวังว่าเจ้าจะรู้ความไม่ปฏิเสธเกียรตินี้!”
“!!!”
สุนัขนี่นับเป็นสิ่งใดได้กัน ถึงกับกล้าเอ่ยปากให้คุณชายไปเป็นสัตว์เลี้ยง!
สุนัขสีดำตนนี้เสียสติไปแล้วหรือ!?
บนร่างของพวกลั่วสุ่ยเปี่ยมไปด้วยโทสะล้นฟ้า ต้องการจะลงมือเสียแล้ว!
“เจ้านับเป็นสิ่งใดกัน เชื่อหรือไม่เพียงแค่ข้าเตะครั้งเดียวก็สามารถฆ่าเจ้าได้แล้ว?”
อสูรตนหนึ่งในบรรดาอสูรทั้งเก้าทนไม่ไหว ตะโกนออกมาใส่สุนัขสีดำ
“ก่อนหน้านี้พวกเราเพิ่งจะทานหม้อไฟเนื้อสุนัขไปอย่างเอร็ดอร่อย วันนี้กลับมีสุนัขสีดำกระโดดออกมาหาถึงที่ อันใดกัน เจ้าอยากจะกระโดดลงหม้อด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ!”
มันตะโกนต่อ
“เจ้าพูดอันใดออกมากัน!?”
สุนัขสีดำมองอสูรตนนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ ทำให้อสูรที่ตกเป็นเป้าสายตาขนลุกขนชันขึ้นมาทันที!
กลัวอันใดกัน?
คุณชายก็อยู่ตรงนี้!
อสูรตนนั้นคิดขึ้นมา ก่อนจะไม่หวาดกลัวอีกต่อไป
มันยืดหลังตรง เชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส ดวงตาหรี่ลงครึ่งหนึ่งมองไปทางสุนัขสีดำ แววตาสามส่วนคือเยาะเย้ย อีกสามส่วนเย็นชา และอีกสี่ส่วนไม่แยแส
“หูสุนัขทั้งสองข้างของเจ้ามีประดับอย่างนั้นหรือ? จึงฟังสิ่งที่ข้าพูดไม่ออก?”
มันเอ่ยต่อ “ข้าจะพูดอีกครั้ง สำหรับสุนัขอย่างเจ้า เพียงแค่ข้าเตะครั้งเดียวก็สามารถฆ่าเจ้าได้แล้ว!”
หลี่จิ่วเต้าได้ยินเช่นนั้นแล้ว ภายในใจพลันอดหัวเราะไม่ได้
ฟังแล้วอสูรตนนี้ช่างดูห้าวหาญ...
“เช่นนั้นเจ้าก็ออกมาเสีย แสดงให้ข้าดูว่าเจ้าจะสังหารข้าด้วยการเตะครั้งเดียวได้อย่างไร”
สุนัขสีดำมองไปยังอสูรตนนั้นแล้วเอ่ยออกมา
“ไปเสีย แสดงให้สุนัขสีดำได้ดูว่าเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”
หลี่จิ่วเต้าพูดกับอสูรตนนั้นด้วยรอยยิ้ม
“เอ๋?”
อสูรตนนั้นตกตะลึงจนโง่งมไปโดยพลัน คุณชายจะปล่อยให้มันไปสู้จริง ๆ หรือ?
ไม่นะ!
มันอยากจะร้องไห้ออกมา มันจะเอาความกล้าจากที่ใดไปสู้กับสุนัขสีดำ สุนัขสีดำน่ากลัวเกินไป เกรงว่าเพียงแค่สุนัขสีดำจามออกมาก็สามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดายแล้ว
แม้ว่ามันจะบรรลุขอบเขตเซียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่นั่นก็ยิ่งทำให้มันสามารถสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสุนัขสีดำมากกว่าเดิม สุนัขสีดำไม่ใช่ตัวตนที่มันสามารถต่อกรได้ด้วยแต่อย่างใด
ไม่ไกลกัน ต้าเต๋อและพวกอ้ายฉานเห็นแล้วอดปิดปากหัวเราะไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าอสูรตนนี้เพียงแค่กำลังข่มขวัญ มันจะแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ทันทีที่คุณชายบอกให้อสูรตนนี้ลงมือจัดการจริง ๆ มันก็พลันตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที
“เอาล่ะ ข้าจะไปเอง”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา เขาเองก็มองออกว่าอสูรตนนี้เพียงแค่ข่มขวัญ การที่เขาบอกให้มันออกไปสู้ ก็เป็นเพียงแค่การล้อเล่น เขาไม่คิดจะให้อสูรตนนี้ออกไปสู้จริงแต่อย่างใด
เขาก้าวออกไปด้านหน้า มองไปทางสุนัขสีดำแล้วเอ่ยออกมา “ข้าเองก็เห็นว่าเจ้าไม่เลวเช่นกัน เจ้าสามารถอยู่กับข้าเพื่อช่วยเฝ้าบ้านได้ สุนัขพื้นเมืองดูแล้วน่าจะช่วยเฝ้าบ้านได้ดีที่สุด หวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธเกียรตินี้!”
การมีสุนัขมาคอยเฝ้าบ้านให้เป็นเรื่องที่ดี ตัวเขานั้นได้วางแผนที่จะเลี้ยงสุนัขมานานแล้ว
สุนัขขาวรอบที่แล้วใช้การไม่ได้ มันดูดุร้ายจนเกินไป หากเขานำมันกลับไปยังลานเล็กจริง ก็เกรงว่าจะทำให้เพื่อนบ้านตื่นตกใจได้
ทว่าสุนัขสีดำตัวนี้ไม่เลวเลย มันเป็นสุนัขพื้นเมือง แม้ว่าท่าทางที่แสดงออกมาในตอนนี้จะดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อมองภาพลักษณ์โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ดูดุร้ายแต่อย่างใด อีกทั้งยังดูมีการศึกษาได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี หากเขานำมันกลับไปด้วย ก็รู้สึกได้ว่าไม่เพียงแต่จะทำให้เพื่อนบ้านไม่ตื่นตกใจ ทว่ายังดึงดูดความสนใจของเหล่าเพื่อนบ้านได้เสียด้วยซ้ำ
“โฮ่ง!”
สุนัขสีดำเห่าออกมา ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก พุ่งกระโจนเข้าใส่หลี่จิ่วเต้าโดยพลัน!
เฝ้าบ้าน!
คำนี้กระตุ้นมันอย่างรุนแรง ทำให้ประสบการณ์ครั้งเยาว์วัยปรากฏขึ้นมาในหัวของมัน!
ข่าวลือเกี่ยวกับมันในแดนบรรพโกลาหลนั้นเป็นเรื่องจริง
ครั้งยังเยาว์มันถูกเผ่านมนุษย์รับเลี้ยงไว้ ทว่าน่าเสียดายที่ครอบครัวมนุษย์นั้นไม่ใช่ครอบครัวที่ดีแต่อย่างใด ทุกคนล้วนชั่วร้ายอำมหิตเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะบุตรชายคนเล็กของบ้านที่มีจิตใจเหี้ยมโหดกว่าผู้ใด
ครอบครัวมนุษย์ส่งมันไปให้บุตรชายคนเล็กเล่น
บุตรชายคนเล็กผู้นั้นใช้ไฟเผามัน ใช้ไม้ตีมัน นอกจากนี้ยังถึงกับตัดหางมันออกครึ่งหนึ่งเพื่อดูว่ามันจะสามารถงอกหางกลับขึ้นมาใหม่ได้หรือไม่
ไม่ง่ายเลยกว่าที่มันจะสามารถหนีรอดออกมาได้
หากช้ากว่านี้อีกสักนิด มันคงจะถูกบุตรชายคนเล็กผู้นั้นทรมานจนตายเสียแล้ว!
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่มันชิงชังเผ่ามนุษย์!
ใช่แล้ว มันคือราชันสุนัข ราชันสุนัขผู้เลื่องชื่อระบือนามในแดนบรรพโกลาหล!
แม้ว่าประสบการณ์ในครั้งเยาว์วัยจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ก็ทำให้มันเติบโตขึ้นจนแข็งแกร่งได้
หลังจากที่มันก้าวเดินบนเส้นทางแห่งการฝึกฝนแล้ว มันก็มีความสามารถมากพอจะฟื้นฟูความเสียหายบนร่างของมันให้กลับมาสมบูรณ์เช่นเดิม ทว่ามันก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
มันเก็บรอยแผลเป็นเหล่านี้เอาไว้ เพื่อคอยใช้เตือนใจตนเอง ไม่ให้หลงลืมประสบการณ์อันเจ็บปวด และจะต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ
วิธีการนี้ได้ผลเป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่มันเผชิญอุปสรรคที่พยายามครั้งเล่าครั้งเล่าก็ไม่อาจผ่านไปได้ มันจะหันมามองร่องรอยแผลบนตัวเพื่อตักเตือนตนเอง หากยังไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ มันก็จะเป็นแค่เพียงสุนัขตัวน้อย ๆ เหมือนเมื่อวันวาน พร้อมจะถูกทรมานและดูแคลน!
ด้วยแรงกระตุ้นเช่นนี้ ในที่สุดมันก็สามารถทลายขีดจำกัดขึ้นไปได้ทีละขั้นทีละขั้น ก้าวขึ้นไปยังขอบเขตที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเทียบเคียงกับจ้าวดินแดนได้ในที่สุด
“โง่เขลาเบาปัญหายิ่งนัก ฝึกฝนจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้ว แต่กลับไม่ได้ลงมือสังหารคนในครอบครัวนั้นให้สิ้น ทำเพียงแค่สั่งสอนบทเรียน!”
สุนัขสีดำเอ่ยออกมาด้วยความรังเกียจ ดูแคลนตนเองในอดีต หากเป็นตอนนี้ มันจะทำเพียงแค่ลงมือสั่งสอนบทเรียนได้อย่างไร?
ไม่มีทาง!
มันจะต้องทำให้คนในครอบครัวนี้เผชิญหน้ากับการอยู่ไม่สู้ตาย ต้องมีชีวิตอย่างเจ็บปวดไปตลอดกาล!
ทว่าตอนนี้ กลับมีมนุษย์ผู้หนึ่งกล้าเอ่ยว่า ‘เฝ้าบ้าน’ ต่อหน้ามัน ทำให้มันทนไม่ได้ ต้องการจะมอบบทเรียนให้มนุษย์ผู้นี้ได้รับ สิ่งที่ไม่ได้ทำกับมนุษย์ครอบครัวนั้นในครั้งอดีต มันจะเอามาทำกับมนุษย์ผู้นี้แทน!
สุนัขสีดำไม่ได้ดูแคลนมนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้า กลับกันมันจริงจังเป็นอย่างมาก มันไม่อาจมองสิ่งใดจากมนุษย์ผู้นี้ออก ทำให้รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง มนุษย์ผู้นี้ไม่ได้สามัญธรรมดาแต่อย่างใด!
แสงดีดำปกคลุมทั่วฟ้าดิน ลมหายใจอันน่าสยดสยองแผ่กระจาย สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเมืองพากันตัวสั่นเทา นี่มันพลังขั้นใดกัน? พวกเขาต่างไม่รู้!
รู้เพียงแค่ว่า หากพลังนี้ตกใส่ร่างของพวกเขา แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียว วิญาณของพวกเขาก็จะแตกสลาย ตายตกลงอย่างสมบูรณ์!
อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของหลี่จิ่วเต้ายังคงสงบนิ่ง
เขาหยิบเอาหินก้อนเล็กออกมา ก่อนรำพึงกับตนเองว่า “หินห้าประภา โยนใส่หน้าคน อย่างไรเสียก็โดน ไม่รู้ว่าหากเป็นหน้าสุนัขจะได้ผลหรือไม่?”
นี่คือถ้อยคำแนะนำหินห้าสีของบรรพจารย์ฝู
เขารู้สึกว่ามันควรจะโยนใส่หน้าสุนัขได้ ไม่จำกัดเพียงหน้าของมนุษย์เท่านั้น จึงขว้างหินก้อนเล็กนั้นออกไป
เพียงแต่ว่าวิถีที่ขว้างออกไปดูจะ...ห่างไกลเกินไปเสียหน่อย
“เจ้า...ตาบอดหรืออย่างไร!”
สุนัขสีดำส่งเสียง ‘พรืด’ อดส่งเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาไม่ได้
อันใดกัน มนุษย์ผู้นี้หวาดกลัวความแข็งแกร่งที่มันสำแดงออกมาจนโง่งมแล้วหรือ หากไม่ใช่เพราะขาดกลัวจนมือสั่น เช่นนั้นแล้วจะพลาดเป้าไปได้มากขนาดนี้ได้เช่นไร?
มันพุ่งเข้าใส่ด้วยร่างกายใหญ่โตอย่างถึงที่สุด ทว่าทิศทางที่ก้อนหินถูกขว้างนั้นห่างออกไปไกลลิบ จนสามารถกล่าวได้ว่าคนละทิศกันเลยทีเดียว!
นี่จะต้องเป็นเพราะหวาดกลัวมันอย่างแน่นอน ภายในหัวใจเกิดความขลาดเขลาขึ้นมา หมดความคิดที่จะต่อกร!
คิดดูแล้วก็น่าจะใช่
ยอดฝีมือเช่นนั้นจะปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้มันอาจจะคิดมากไปเอง มนุษย์ผู้นี้ไม่ได้แข็งแกร่งดั่งที่มันคิด
ทว่าในตอนนั้นเอง พลันมีเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ก่อนที่มันจะร่วงลงไปบนพื้น เพราะถูกบางสิ่งกระแทกเข้าที่หน้า!
‘เหมือนกับที่ข้าคิดเอาไว้เลย’
หลี่จิ่วเต้ายิ้มจาง ๆ พร้อมกับคิดขึ้นมาในใจ
เขาขว้างหินเช่นนี้ด้วยความตั้งใจ เพียงแค่ต้องการจะดูว่าหินห้าประภาจะแม่นยำไม่พลาดเป้าจริง ๆ
แม่นยำไม่พลาดเป้า หมายความว่าไม่ว่าเขาจะขว้างออกไปเช่นไรก็ล้วนเข้าเป้า
ชายหนุ่มพึงพอใจกับผลการทดสอบเป็นอย่างมาก แม่นยำไม่พลาดเป้าอย่างแท้จริง แม้ว่าเขาจะขว้างไปอีกทาง แต่ขอเพียงแค่กำหนดเป้าหมายเอาไว้ในใจ หินห้าประภาก็สามารถขว้างโดนได้
“ยอดเยี่ยม”
เขาโบกมือ หินห้าประภาก็ลอยกลับไปในมือของเขาทันที ความคิดที่จะเรียกใบหญ้าออกมาสลายหายไปทันที
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยใช้หินห้าประภามาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของหินห้าประภา และเกิดความไม่มั่นใจว่า หินห้าประภาจะสามารถขว้างใส่หน้าสุนัขสีดำได้หรือไม่
ดังนั้น เขาจึงได้ลอบเตรียมตัว หากหินห้าประภาไม่ได้ผล เขาก็จะใช้ใบหญ้า
“โฮ่ง!”
สุนัขสีดำส่งเสียงร้องออกมาอย่างกราดเกรี้ยว ใบหน้าเป็นรอยบุ๋มลงไปด้วยหินห้าประภา มันถูกต้อนจนอยู่ในสภาพจนมุมเช่นนี้ได้อย่างไร? มันไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย!
เมื่อหินห้าประภาปะทะเข้ากับใบหน้าของมัน มันไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ถึงขั้นไม่อาจสัมผัสได้เสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้กับมันที่เดินมาถึงขอบเขตสูงล้ำเช่นนี้
เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น!
มันตระหนักขึ้นมาได้โดยพลันว่ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้า แข็งแกร่งกว่าที่มันคิดเอาไว้มาก
ไม่เช่นนั้นคงจะทำเช่นนี้ไม่ได้!
“เจ้าจะต้องตาย! ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเจ้าได้!”
ดวงตาของมันกลายเป็นสีแดงก่ำ เสียงที่เปล่งออกมาผิดเพี้ยนเป็นอย่างมาก บนร่างของมันมีขนพิศวงงอกออกมาอย่างรวดเร็ว ปกคลุมขนสุนัขสีดำดั้งเดิมของมัน
ลมหายใจอันน่าสยดสยองแผ่กระจายออกไป ราวกับว่าวันโลกาวินาศได้มาถึง ม่านหมอกแห่งความตายปกคลุมจิตใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเมือง อารมณ์ด้านลบทุกอย่างระเบิดออกมา มีทั้งเศร้า เจ็บปวด หม่นหมอง และโทสะเป็นต้น
‘พลังพิศวง!’
ดวงตาของกิเลนไฟเบิกกว้างจนแถบจะถลนออกมา มันตะโกนเสียงดังภายในใจ
ถึงตอนนี้มันไม่สงสัยอีกต่อไป มั่นใจแล้วว่าสุนัขสีดำที่อยู่เบื้องหน้าคือราชันสุนัขจากแดนบรรพโกลาหล!
ส่วนสาเหตุที่ราชันสุนัขมีนิสัยเปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนนี้มันเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว!
ที่แท้ราชันสุนัขก็ติดเชื้อจากพลังพิศวง!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่นิสัยของราชันสุนัขจะแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ถึงกับให้ท้ายส่งเสริมพญางูปา ไม่สนใจการกดขี่ข่มเหงที่สามารถพบได้ทุกหนแห่งในเมือง!
หลังจากติดเชื้อพลังพิศวงแล้ว ความดำมืดภายในจิตใจจะถูกดึงดูดออกมา จากนั้นก็จะค่อย ๆ ถูกกัดกินจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตพิศวง ไม่ใช่ตัวตนเดิมอย่างสิ้นเชิง
‘ราชันสุนัขต้องไปสมรภูมิมาอย่างแน่นอน!’
มันคิดขึ้นในใจ ไม่เชื่อสักนิดว่าราชันสุนัขจะแปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งความพิศวง จะต้องเป็นราชันสุนัขที่เข้าสู่สมรภูมิและทำการต่อสู้กับความพิศวงจนติดเชื้ออย่างแน่นอน!
ความจริงแล้ว สิ่งที่มันคิดไม่ได้ผิด ในช่วงที่ผ่านมา สิ่งมีชีวิตพิศวงเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้การสู้รบดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด ยอดฝีมือจำนวนมากในแดนบรรพโกลาหลถูกเรียกตัวเข้าไปยังสมรภูมิ
ราชันสุนัขเองก็ไปที่นั่น ทั้งยังยืนหยัดต่อสู้ในแนวหน้า มุ่งสังหารสิ่งมีชีวิตพิศวง
มันดุดันเป็นอย่างยิ่ง สังหารยอดฝีมือฝั่งความพิศวงไปมากมาย จนดึงดูดความสนใจจากฝั่งความพิศวงเข้า
ด้วยเหตุนี้ บรรพจารย์ความพิศวงจึงได้ลงมือกับราชันสุนัขเป็นการส่วนตัว ทำให้ราชันสุนัขถูกความพิศวงแพร่เข้าใส่
เดิมทีจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับราชันสุนัข
เมื่อบรรพจารย์พิศวงผู้นั้นพุ่งตรงเข้ามาหามัน มันก็เลือกที่จะล่าถอย อย่างไรเสียความแตกต่างของพลังก็มีมากเกินไป มันไม่สามารถต่อกรกับบรรพจารย์พิศวงได้
ทว่าขณะที่มันกำลังล่าถอย กลับถูกลอบแว้งกัด!
บรรพจารย์เฝยอี๋ลงมือบังคับส่งมันไปหาบรรพจารย์พิศวง!
มันเกือบจะตาย แต่ยังดีที่บรรพจารย์ก่วงหลิงลงมือช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันเวลา ทำให้มันไม่ต้องตายตกลงในน้ำมือของบรรพจารย์พิศวง
ทว่ามันก็ยังติดเชื้อพลังพิศวงจำนวนไม่น้อยมาจากอาการบาดเจ็บ
มันถึงถอนตัวออกจากสมรภูมิ กลับไปยังแดนบรรพโกลาหล เดิมทีมันต้องการจะหาสถานที่เพื่อกำจัดพลังพิศวงในร่างกายทิ้งเสีย
แต่ผู้ใดจะคาดคิดกันว่า มันจะบังเอิญพบเข้ากับรอยแยก ก่อนตกลงมายังอาณาจักรแห่งนี้
อีกทั้งมันยังประเมินพลังพิศวงต่ำเกินไป มันไม่สามารถกำจัดพลังพิศวงเหล่านี้ออกไปได้ นิสัยจึงแปรเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะพลังพิศวงเหล่านี้
ยามนี้มันถูกหลี่จิ่วเต้าทำให้โกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด ภายในใจเต็มไปด้วยจิตสังหาร มันได้ละทิ้งจิตใจที่ต่อต้านไปอย่างสิ้นเชิง เปิดรับพลังพิศวงเข้ามาอย่างเต็มที่!
“ฆ่า!”
ราชันสุนัขกู่ร้องออกมา ตัวมันในตอนนี้ไม่ใช่มันอีกต่อไป ความคิดเดียวที่มีอยู่คือการฆ่าเท่านั้น!
พลังพิศวงลางร้ายในตัวสุนัขดำปะทุเต็มที่ พลังปราณของมันเปลี่ยนไปฉับพลัน ดุดันขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว!
นี่มิใช่พลังพิศวงลางร้ายธรรมดา มิฉะนั้นด้วยพลังของมัน ไม่มีทางที่จะไม่สามารถขับไล่ออกไปได้ หลังจากมันยอมรับพลังพิศวงลางร้ายในตัวเต็มที่แล้ว พลังที่มันมีในตอนนี้ก็เพิ่มพูนทวีคูณ!
มันบุกไปหาหลี่จิ่วเต้าอีกครั้ง ไม่เหลือสติในแววตา ราวกับมันกลายเป็นอาวุธสังหารอย่างสิ้นเชิง เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต คล้ายว่าจะสังหารสิ่งมีชีวิตในใต้หล้านี้ให้สิ้นซาก
“เจ้าทำเช่นนี้ดูไม่ดีเท่าใด…”
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วเบา ๆ จู่ ๆ ตัวสุนัขดำก็เต็มไปด้วยอารมณ์มุ่งร้ายด้านมืด ไม่เหลือแม้แต่สติสัมปชัญญะ นี่มันเรื่องอะไรกัน สุนัขดำถูกพลังชั่วร้ายบางอย่างเข้าสิงหรือ
เขาเก็บหินห้าประภา ไม่ได้ใช้มันจัดการสุนัขดำอีกต่อไป หากแต่หยิบกิ่งไม้ออกมาท่อนหนึ่ง
บรรพจารย์ฝูเคยบอกว่ากิ่งไม้ท่อนนี้คือต้นวิเศษสัตตะ สะบัดแสงเจ็ดสีออกมาได้ ไม่มีสิ่งใดที่มันลบล้างมิได้ และไม่ว่าพลังอันใดก็สามารถลบล้างได้หมด
เขาโบกกิ่งไม้ ก็มีแสงเจ็ดสีปรากฏออกมาจริง ๆ แสงนั้นสาดกระทบบนตัวสุนัขดำ
ชั่วขณะนั้น สุนัขดำสูญเสียพลังทั้งหมด ล้มตึงลงกับพื้นจนเกิดหลุมใหญ่ เศษหินดินทรายปลิวว่อน!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ท่านผู้นี้เป็นใครกันแน่!?
สิ่งมีชีวิตทุกตนในดินแดนนี้ต่างตะลึงกับฝีมือของหลี่จิ่วเต้า
สุนัขดำสยดสยองขึ้นถึงปานนั้นในเวลาต่อมา พวกเขามิได้กังขาเลยว่า หากสุนัขดำต้องการ ย่อมทำลายทั้งอาณาจักรนี้ได้ในพริบตา ให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงในอาณาจักรนี้ต้องดับสูญตามไปด้วย!
ทว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้เล่า หยิบกิ่งไม้ออกมาเพียงท่อนเดียวเท่านั้นก็ลบล้างพลังทั้งหมดของสุนัขดำได้ จะมิให้พวกเขาตะลึงได้อย่างไร!
พวกเขาสะท้านใจเป็นหนักหนา สงสัยจากใจจริงว่าตาฝาดไปหรือไม่ ในใต้หล้านี้ยังมีตัวตนน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานนี้อยู่อีกหรือ!?
“โฮ่ง!”
สุนัขดำแยกเขี้ยว ต่อให้ไม่มีพลังแล้วก็ยังตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้นด้วยดวงตาแดงก่ำ ปรี่เข้าไปหมายจะกัดหลี่จิ่วเต้า
มันถูกพลังพิศวงลางร้ายเปลี่ยนจิตใจไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก มันแทบไม่มีทางกลับเป็นเช่นเดิมอีกเลย
และนี่ก็คือจุดที่น่ากลัวของความพิศวงลางร้าย!
สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายอยู่เนือง ๆ จึงมิอาจหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่สิ่งมีชีวิตบางตนจะถูกพลังพิศวงลางร้ายแทรกแซง หากกำจัดพลังพิศวงลางร้ายได้ก่อนจะส่งผลกระทบถึงจิตใจก็ยังดี
แต่หากจิตใจถูกพลังพิศวงลางร้ายกระทบแล้ว ต่อให้กำจัดพลังพิศวงลางร้ายออกไปได้จนไม่เหลือแม้เศษเสี้ยวก็ไม่อาจหวนคืนกลับไปได้ดังเดิมอีกแล้ว ไม่มีทางมีสติสัมปชัญญะหลงเหลืออยู่อีก
“สะกด!”
เห็นสุนัขดำบุกมากัดเขาเช่นนี้ หลี่จิ่วเต้าหยิบลูกแก้ววาววามผ่องใสออกมาลูกหนึ่งพลางร้องตะโกน สุนัขดำถูกสะกดนิ่งในบัดดล
นี่คือลูกแก้วสะกดกาย บรรพจารย์ฝูเก็บหินผลึกขึ้นมาก้อนหนึ่ง ทั้งขัดทั้งฝนจนเป็นลูกแก้ว และกล่าวว่านี่คือสมบัติล้ำค่าตั้งแต่เมื่อครั้งเบิกนภา สะกดสรรพสิ่งได้ทั้งปวง
‘ช่างเป็นสุนัขที่น่าสงสารเหลือเกิน…’
หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจเบา ๆ ขณะเอ่ยในใจ
เขาดูออกแล้วว่าสุนัขดำตัวนี้ถูกพลังด้านมืดบางอย่างเข้าสิงถึงได้กลายเป็นแบบนี้ สุนัขดำก็เป็นเหยื่อเหมือน ๆ กัน…
“ลองใช้ก้านหลิวชะล้างดูแล้วกัน!”
เขาหยิบก้านหลิวออกมาท่อนหนึ่ง บรรพจารย์ฝูเคยเอ่ยว่าก้านหลิวก้านนี้สามารถชะล้างพลังมืดมิดทั้งหมดในใต้หล้า เมื่อมีมันในมือ ก็ไม่ต้องเกรงกลัวพลังมืดมิดอันใดอีก
จากนั้น เขาก้าวออกไป ตวัดก้านหลิวผ่านร่างสุนัขดำเบา ๆ
ชั่วพริบตาเดียว ความแดงก่ำในแววตาสุนัขดำเริ่มถอยกลับไป สติสัมปชัญญะกลับมาอีกครั้ง
ร่างสุนัขของมันก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน เดิมเพราะผลกระทบที่พลังพิศวงลางร้ายมีต่อจิตใจ มันเคียดแค้นร่างพิการของตน จึงใช้พลังซ่อมแซมร่างกายให้สมบูรณ์ดังเดิม
บัดนี้ พลังพิศวงลางร้ายหายไปหมดแล้ว มันจึงกลับมาอยู่ในร่างสุนัขพิการอีกครั้ง
“เก่งกาจยิ่งนัก!”
กิเลนไฟเห็นแล้วสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด ไม่มีเรื่องใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคุณชาย!
กรณีอย่างราชันสุนัขผู้ถูกพลังพิศวงลางร้ายเปลี่ยนแปลงจิตใจไปอย่างสิ้นเชิง แต่เดิมไม่มีทางฟื้นคืนกลับมาได้ ทว่าเมื่อคุณชายลงมือ ราชันสุนัขก็คืนสภาพเหมือนปกติ!
ไม่ใช่แค่พลังพิศวงลางร้ายที่ถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น แต่สติสัมปชัญญะทั้งหมดของราชันสุนัขก็หวนคืนมาจนหมด!
น่าทึ่งเกินไปแล้ว!
ฝีมือคุณชายเกินความคาดหมายจริง ๆ ทรงพลังสุดยอด!
หลี่จิ่วเต้าเห็นสายตาสุนัขดำกลับมาปกติแล้ว จึงรู้ว่าก้านหลิวชะล้างได้ผล พลังด้านมืดอันชั่วร้ายในตัวสุนัขดำถูกชะล้างออกไปแล้ว
เขาคลายพลังที่สะกดสุนัขดำอยู่
“นี่คือรูปโฉมเดิมของเจ้าหรือ”
เขาแปลกใจนิดหน่อย เนื้อตัวสุนัขดำเต็มไปด้วยบาดแผลบุบแหว่ง ตามหลักแล้วไม่ควรเป็นเช่นนั้น สุนัขดำที่ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้วไฉนเลยจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ การจะมีร่างกายอันสมบูรณ์ไม่น่าเป็นปัญหา
“อืม”
สุนัขดำพยักหน้า หลากหลายอารมณ์ประเดประดัง
มันคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะยังกลับมาเป็นปกติได้!
มันคิดว่า หลังมันยอมรับพลังพิศวงลางร้ายเต็มรูปแบบแล้ว ก็จะไม่มีทางให้ย้อนกลับอีก ภายหน้าต้องกลายเป็นสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายอย่างสมบูรณ์
แต่ผลสุดท้ายกลับเหนือความคาดหมาย
หลังมันยอมรับพลังพิศวงลางร้ายเต็มรูปแบบแล้ว จิตสำนึกของมันถูกลบล้าง ไม่มีความทรงจำในช่วงเวลานี้ ถึงแม้มันไม่รู้ว่าหลี่จิ่วเต้าทำได้อย่างไร กระนั้นอีกฝ่ายได้กำจัดพลังพิศวงลางร้ายในตัวมันออกไปแล้วจริง ๆ ซ้ำยังช่วยให้มันได้สติสัมปชัญญะทั้งหมดคืนมา!
ต้องเป็นพลังฝีมือระดับใดกัน เกินขอบเขตความเข้าใจของมันไปแล้ว!
ต้องรู้ว่า ต่อให้อยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นเก้า ขอบเขตระดับเดียวกับบรรพจารย์แห่งแต่ละดินแดนก็ไม่มีทางทำได้ขนาดนี้!
หรือว่ามันได้พบกับขอบเขตในตำนาน บรรพจารย์เต๋าโกลาหลท่านหนึ่ง!!!
มีเพียงบรรพจารย์เต๋าโกลาหลเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้!
‘ซ้ำยังเป็นรูปโฉมดั้งเดิม…’
หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ นึกไม่ถึงจริง ๆ
ดูท่าจะเป็นสุนัขดำที่มีเรื่องเล่ามากมาย มิฉะนั้น เหตุใดสุนัขดำถึงยังอยู่ในร่างพิการเช่นนี้ คงคืนร่างสมบูรณ์ไปนานแล้ว
“ช่วยเล่าเรื่องราวของบาดแผลตามตัวพวกเจ้าให้ข้าฟังทีได้หรือไม่”
หลี่จิ่วเต้ามองสุนัขดำพลางถาม
วาสนา!
นี่คือวาสนาสูงสุด!
กิเลนไฟคิดในใจ ตื้นตันเป็นที่สุด และดีใจแทนราชันสุนัขมาก
มันเคารพนับถือราชันสุนัข และอยากให้ราชันสุนัขได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย
บัดนี้ คุณชายกำลังมอบโอกาสนี้ให้ราชันสุนัขอย่างเห็นได้ชัด!
ยังมีเรื่องอันใดที่ปิดบังคุณชายได้อีกหรือ
จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!
คุณชายรับรู้ถึงอดีตของราชันสุนัขได้ในจิตเดียว กระนั้นคุณชายยังให้ราชันสุนัขเป็นฝ่ายเล่าเอง เห็นได้ชัดว่าคุณชายกำลังให้โอกาสราชันสุนัขได้ติดตาม
หากมิใช่เช่นนั้น ไยคุณชายต้องเอ่ยถามแบบนั้นด้วย เมินราชันสุนัขไปก็จบ
คุณชายคิดจะรับราชันสุนัขไว้ใต้บัญชา
“ได้”
ถึงอย่างไรราชันสุนัขก็ไม่ธรรมดา สมกับเป็นตำนานที่ทลายขีดจำกัดต่าง ๆ ลงได้ ไม่นานนักมันก็สงบใจลงจากความตะลึง กลับมาอยู่ในอารมณ์ราบเรียบ
มันอธิบายสาเหตุความพิการของตัวเองให้ฟังโดยปราศจากอารมณ์โกรธแค้น ประสบการณ์ทุกข์ทรมานที่ครอบครัวนั้นนำมาได้ผ่านไปนานแล้ว
และที่มันรักษาความพิการนี้ไว้ก็เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจตัวเองว่า หากไม่แข็งแกร่งขึ้นก็ต้องถูกโบย มันต้องพัฒนาต่อไปไม่หยุดหย่อนจึงจะถูก
มิใช่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเพราะความเคียดแค้น
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…”
หลังหลี่จิ่วเต้าฟังจบก็เข้าใจอย่างสมบูรณ์
สุนัขตัวนี้น่าสงสารจริง ๆ เคยถูกทรมานในวัยเยาว์ จึงมิใคร่จะชอบเผ่ามนุษย์เท่าไหร่ ต่อมาประสบกับการรุกรานจากพลังด้านมืดอันชั่วร้าย ถูกขยายความไม่ชอบนั้นออกมา สุนัขดำถึงได้เปลี่ยนเมืองนี้เป็นสภาพอย่างวันนี้กระมัง
“ตามข้าไปเถิด”
เขามองสุนัขดำ นึกอยากรับสุนัขดำตัวนี้มาเลี้ยง
อดีตอันน่าสังเวชของสุนัขดำชวนให้เขาเจ็บปวดใจ นอกจากนี้ เขาก็อยากให้สุนัขดำได้อยู่ข้างกายเขาด้วย ใช่ว่าเขาต้องการให้สุนัขดำเฝ้าบ้านเขา เพียงแต่กลัวว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก
ถึงแม้พลังด้านมืดอันชั่วร้ายจะถูกชะล้างไปแล้ว กระนั้นเขาก็ยังกังวลว่าผลกระทบจากพลังด้านมืดอันชั่วร้ายยังไม่ถูกลบออกจากตัวสุนัขดำอย่างสิ้นเชิง
หากเป็นเช่นนี้ จะเกิดเรื่องกับสุนัขดำได้ง่าย เป็นไปได้ว่าจิตใจอาจเริ่มเบี่ยงไปทางด้านลบ ค่อย ๆ ก้าวสู่ด้านมืด ถึงครานั้น ความเจ็บปวดเมื่อครั้งเยาว์วัยที่เคยถูกทรมานคงถูกนำมาขยายความอีกครั้ง และก่อการฆ่าฟันครั้งใหญ่
เขาอยากเลี้ยงสุนัขดำไว้ข้างกาย อย่างน้อยก็เลี้ยงไว้สักระยะหนึ่งให้สุนัขดำได้สงบจิตใจ ลบล้างประสบการณ์ที่ถูกพลังด้านมืดอันชั่วร้ายแทรกแซงออกไปได้จริง ๆ
ส่วนประสบการณ์เจ็บปวดที่เคยถูกทรมานเมื่อครั้งเยาว์วัยนั้น เขามิได้เป็นห่วงเท่าใด ระหว่างที่สุนัขดำเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟัง เขาดูออกว่าสุนัขดำมิได้ฝังใจกับประสบการณ์เมื่อคราวนั้น
สิ่งที่เขากังวลจริง ๆ คือประสบการณ์ที่ถูกพลังด้านมืดอันชั่วร้ายแทรกแซง ประสบการณ์เช่นนี้ต่างหากที่ร้ายแรง ไม่ทันระวัง สุนัขดำอาจก้าวสู่ด้านมืดจริง ๆ
นี่มิใช่สิ่งที่เขาอยากเห็น
“ได้!”
สุนัขดำมิได้ลังเล ตอบตกลงทันที
มันปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นมาตลอด ไฉนเลยจะไม่เต็มใจ ไฉนเลยจะลังเล
ไม่มีทางเลย
“ดี”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม “ต่อจากนี้ไป ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวเฮย”
เขามิได้ไปจากเมืองโบราณแห่งนี้ทันที หากแต่เดินชมเมืองโบราณแห่งนี้ต่อ เขาสนอกสนใจในวัตถุโบราณมาก ก่อนนี้ยังมิได้ตั้งใจเชยชมเลยสักครั้ง
...
“แหวะ…”
อีกด้าน ในช่วงเวลาครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา บรรพจารย์ฝูดูดกลืนพลังจากศพไปแล้วตั้งไม่รู้กี่ร่าง เขาคลื่นไส้จนทนแทบไม่ไหว เดินไม่กี่ก้าวก็นึกอยากอาเจียน
ทว่าการดูดพลังเช่นนี้ได้ผลชัดเจนอย่างยิ่งสำหรับเขา พลังของเขาเพิ่มเป็นทวีคูณ!
ก่อนช่วงเวลาอันยาวนานเริ่มต้นขึ้น อาณาจักรผืนนี้เจิดจรัสเหลือแสน กำลังรบเหนือขอบเขตเซียนมีอยู่คณานับ เอ่ยอย่างไม่เกินจริงเลยว่า สิ่งมีชีวิตกำลังรบระดับเซียนยุคปัจจุบันในภพเซียนเทียบไม่ได้เลยกับยุคสมัยนั้น!
เมื่อครั้งความพิศวงลางร้ายปะทุ กำลังรบระดับเซียนขึ้นไปในอาณาจักรนี้ตายไปมหาศาล และศพของกำลังรบระดับเซียนขึ้นไปเหล่านี้ถูกเขาขุดออกมาจนหมด และดูดกลืนพลังไป!
“ใช้ได้แล้ว!”
นัยน์ตาของเขาเย็นเยียบ จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในตัว เขาจ่ายด้วยราคาอันแพง ครึ่งปีที่ผ่านมาต้องขุดศพดูดกลืนพลังไม่หยุด จุดมุ่งหมายเดียวคือไปล้างแค้นหลี่จิ่วเต้า ชิงสิ่งที่ควรเป็นของเขากลับมา!
“คราวนี้จะไม่มีลูกไม้ใด ๆ ข้าจะบุกไปหาเจ้าโดยตรง ให้เจ้าต้องยอมคายทุกอย่างออกมา!”
เขาเอ่ยเสียงเย็น มั่นใจในความสามารถของตนในตอนนี้มาก หลังเขาไปถึงที่นั่น ย่อมกำราบหลี่จิ่วเต้าลงได้แน่!
บรรพจารย์ฝูมีความมั่นใจอย่างมาก จะมิให้เขามั่นใจได้อย่างไร เขาได้ดูดกลืนพลังจากศพมหาศาล จนตัวแทบระเบิดอยู่แล้ว!
เขาบรรลุขีดจำกัดของตัวเองอย่างแท้จริง หากดูดกลืนพลังจากศพเพิ่มอีกแม้เพียงศพเดียว น่ากลัวว่าเขาคงได้ตัวระเบิด และรับไว้ไม่ไหวแน่
อนิจจา ต่อให้พลังในตัวเขามากมายปานนี้ ก็ยังมิอาจบรรลุขึ้นไปจากขั้นบรรพจารย์เซียนได้
บรรพจารย์โกลาหลถือเป็นมหาขอบเขตที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ก่อนนี้เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผู้คนในอดีตก็มิเคยบันทึกเรื่องราวด้านนี้ไว้ เขาคิดจะบรรลุขึ้นจากขั้นบรรพจารย์เซียนและก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลถือเป็นเรื่องแสนลำบาก จำต้องบุกเบิกเส้นทางใหม่ด้วยตัวเองจึงจะบรรลุขอบเขตโกลาหลได้
ทว่าเขาในยามนี้ไม่มีเบาะแสเลยสักนิด มิได้รู้แจ้งถึงขอบเขตโกลาหล หากเขาคิดจะก้าวสู่ขอบเขตโกลาหล ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องรอถึงเมื่อไรจึงจะสำเร็จ
“การรู้แจ้งนี้ยากเกินไป หากมิได้เข้าไปในแดนบรรพโกลาหล เกรงว่าชีวิตนี้ข้าก็คงไม่อาจรู้แจ้งถึงมันได้”
บรรพจารย์ฝูส่ายหน้า รู้ตัวเป็นอย่างดี
มหาขอบเขตที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงถึงแก่น ไฉนเลยจะบรรลุได้ง่าย ๆ เป็นไปไม่ได้เลย!
เขาหยิบต้นหญ้าต้นหนึ่งออกมาอย่างระมัดระวัง จ้องมองอยู่นานด้วยสีหน้าสะท้อนใจ
“หากมิได้ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหล ข้าก็ไม่อาจมองปรมัตถ์ของหญ้าต้นนี้ออกหรือ!?”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ การเปรียบเทียบรังแต่จะสร้างความโมโห ทำให้เกิดการคัดทิ้ง!
เขาในยามนี้แข็งแกร่งขึ้นตั้งไม่รู้กี่เท่า กระนั้นก็ยังไม่รู้ถึงปรมัตถ์ของหญ้าต้นนี้ ไม่ว่าเขาจะศึกษาหญ้าต้นนี้เพียงใด ก็ได้กลับมาแค่ข้อสรุปเดียว นั่นคือหญ้าต้นนี้เป็นหญ้าธรรมดา
แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!
เขาเห็นกับตาว่าใบหญ้าใบหนึ่งจากต้นนี้สำแดงพลานุภาพสะท้านโลกาออกมาในมือหลี่จิ่วเต้า นี่ต้องเป็นหญ้าที่ผ่านการชะล้างจากพลังโกลาหลเป็นแน่!
หรือแม้กระทั่งว่าหญ้าต้นนี้อาจร่วงหล่นออกจากแดนบรรพโกลาหลก็เป็นได้!
หญ้าต้นนี้ไม่มีทางเป็นเพียงหญ้าธรรมดา!
ในความคิดของเขา นี่คงเกี่ยวข้องกับขอบเขตของเขา หากเขายังมิได้บรรลุขอบเขตโกลาหล ก็ไม่อาจเข้าใจในพลังโกลาหล และไม่อาจมองปรมัตถ์ของหญ้าต้นนี้ออก
“เหตุใดหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นถึงโชคดีขนาดนี้!”
เขาเจ็บใจเป็นที่สุด อิจฉาริษยาชายผู้นั้นเหลือแสน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อีกฝ่ายก็คงได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหลมาแล้ว ถึงได้บรรลุขอบเขตบรรพจารย์เซียนขึ้นไปได้ และมองเห็นถึงความไม่ธรรมดาของใบหญ้าใบนั้น!
เขารู้สึกเดือดดาล เหตุใดหลี่จิ่วเต้าได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหลแต่เขาไม่ได้
บรรพจารย์เซียนแต่กำเนิดเชียวนะ นั่นบ่งบอกว่าเขาโชคดีมากพอ ยามพลังโกลาหลวิวัฒนาการสรรพสิ่งออกมา เขาได้รับพลังมากที่สุด
“หรือเพราะก่อนหน้านี้ข้าโชคดีเกินไป จนความโชคดีเหล่านั้นถูกผลาญไปหมดแล้ว”
เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เจ็บใจเป็นที่สุด หากเลือกได้ เขาไม่ต้องการเป็นบรรพจารย์เซียนแต่กำเนิด ทว่าต้องการการชะล้างจากพลังโกลาหลและก้าวสู่ขั้นบรรพจารย์เซียนในภายหลังมากกว่า
“ไม่เป็นไร ทุกสิ่งที่ข้าควรได้ ข้าจะช่วงชิงมาด้วยตนเอง!”
นัยน์ตาของเขาวาวโรจน์ สงบจิตใจลง หลี่จิ่วเต้าโชคดีพอแล้วอย่างไร เขามีความอุตสาหะมากพอ ซ้ำยังยอมวางทิฐิลง ขุดศพดูดกลืนพลัง เขาเชื่อว่าเขาทำได้ และมีสิทธิ์อันชอบธรรมแย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงของตัวหลี่จิ่วเต้าด้วย!
หลี่จิ่วเต้าได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหล หากเขาได้รับพลังโกลาหลจากตัวอีกฝ่าย ย่อมเป็นผลดีต่อเขามหาศาล!
เขาจะใช้พลังนั้นตรัสรู้ถึงปรมัตถ์ในหญ้าต้นนี้ แล้วลองบรรลุขอบเขตโกลาหลด้วยหญ้าต้นนี้ดู!
ส่วนหลี่จิ่วเต้าฝึกฝนจนอยู่เหนือขอบเขตโกลาหลไปแล้วหรือไม่นั้น เขาไม่เคยคิด
เพราะเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้!
ขอบเขตโกลาหลสูงส่งปานใด ลำพังได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหลแล้วจะบรรลุได้เชียวหรือ?
คิดอะไรอยู่!
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ
หากหลี่จิ่วเต้าอยู่เหนือขอบเขตโกลาหลจริง ๆ เขาไฉนเลยจะมีสิทธิ์ได้รับหญ้าต้นนี้
น่ากลัวว่าหลี่จิ่วเต้าคงเด็ดต้นหญ้าต้นนี้ไปนานแล้ว!
อีกฝ่ายได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหล แต่คิดแล้วคงมิใช่การชะล้างที่ทรงพลังเท่าใด เป็นไปได้ว่าอาจเป็นการชะล้างจากพลังโกลาหลอันน้อยนิด
ด้วยเหตุนี้ หลี่จิ่วเต้ามีแต่ต้องเข้าใกล้วัตถุโกลาหล หรือสิ่งที่ถูกพลังโกลาหลชะล้างแล้วในระยะอันใกล้เท่านั้น จึงจะสัมผัสถึงพลังโกลาหลในวัตถุเหล่านี้
หากห่างกันไกล เขาคงสัมผัสมิได้
และเพราะหญ้าต้นนี้ห่างจากหลี่จิ่วเต้าไกล เขาถึงไม่อาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของหญ้าต้นนี้ และมิได้เด็ดไป
“ไปหาเขาดีกว่า!”
บรรพจารย์ฝูเก็บต้นหญ้าในมืออย่างบรรจง แล้วเริ่มปฏิบัติการ
เขาหลับตาลง พลันนั้น ญาณสัมผัสคลี่แผ่ปกคลุมทั้งอาณาจักร ค้นหาร่องรอยและตำแหน่งของหลี่จิ่วเต้า
การค้นหาด้วยญาณสัมผัสเช่นนี้อาจเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น และทำให้หลี่จิ่วเต้าระแคะระคายได้
แต่เขาหาได้สนใจไม่ เพราะมั่นใจในพลังของตนมาก คิดว่าการค้นหาด้วยญาณสัมผัสเช่นนี้ย่อมไม่ถูกหลี่จิ่วเต้าจับได้แน่
ต่อให้หลี่จิ่วเต้าจับได้ก็ไม่เป็นไร เขาดีใจเสียอีก เช่นนี้เขาจะได้ไล่ล่าอีกฝ่ายเหมือนแมวไล่จับหนู สำราญไปกับความสะใจของการไล่ล่า
“เมืองจักรพรรดิไป๋!”
ไม่นานนักเขาก็ได้รู้ตำแหน่งของหลี่จิ่วเต้า แต่มิได้เจอด้วยญาณสัมผัส หากแต่ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสิ่งมีชีวิตในเมืองจักรพรรดิไป๋
ภายในเมืองจักรพรรดิไป๋กำลังเล่าขานกันอย่างออกรสว่าในเมืองพวกเขามีผู้ยิ่งใหญ่มาปรากฏกาย ดูแล้วอายุไม่มากเท่าใด ทว่ามีพลังน่าสะพรึง เกินกว่าขอบเขตการรับรู้ของพวกเขาไปไกล!
ยามนี้ยังอยู่ที่เมืองจักรพรรดิไป๋!
“หลี่จิ่วเต้า!”
จากเสียงถกกันอย่างดุเดือดในเมืองจักรพรรดิไป๋ เขาแน่ใจได้ทันทีว่านั่นคือหลี่จิ่วเต้า
ถ้อยคำที่ใช้พรรณนาเหมาะเจาะเกินไป ไม่มีทางเป็นผู้อื่น
“ดูท่าคงเป็นเพราะใบหญ้าใบนั้น…”
เขาพึมพำกับตัวเองเสียงเบา รู้สึกว่าที่เขาจับสัมผัสตำแหน่งของชายผู้นั้นมิได้คงเกี่ยวข้องกับใบหญ้าในตัวเขา
ใบหญ้านั้นถูกกระตุ้นพลังออกมาแล้ว จะขวางกั้นญาณสัมผัสของเขาได้ก็มิใช่เรื่องแปลก
“ไป!”
บรรพจารย์ฝูหัวเราะเย็น ๆ ก่อนจะไปจากที่นี่
เมื่อเขาเผยกายอีกครั้ง ก็มาอยู่นอกเมืองจักรพรรดิไป๋แล้ว
“ยังอยู่ในเมือง ดูท่าคงยังไม่รู้สึกตัว”
เขาหรี่ตาลงกึ่งหนึ่ง สีหน้าเย็นชา
หากอีกฝ่ายรู้ตัว ไม่น่ายังอยู่ในเมืองโบราณแห่งนี้ จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสิ่งมีชีวิตในเมืองที่เขาได้ยิน หลี่จิ่วเต้ากำลังเชยชมตำหนักโบราณบางแห่งในเมือง
เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้ายังไม่รับรู้อันใด
“ข้ามาโดยสำรวมพลังปราณ ใช่ว่าเขาสามารถจับสัมผัสได้ง่าย ๆ ที่ไหน ก่อนนี้ เขาก็คงไม่รับรู้เรื่องที่ข้าตามหาเขาด้วยญาณสัมผัส!”
เขาหัวเราะเสียงเย็น มั่นใจอย่างยิ่งยวด ใบหญ้าใบนั้นช่วยกีดขวางญาณสัมผัสของเขาได้ กระนั้นใช่ว่าจะช่วยให้หลี่จิ่วเต้ารับรู้ญาณสัมผัสของเขาได้
ทว่าเพื่อมิให้ผิดพลาด เขารู้สึกว่ารัดกุมหน่อยดีกว่า
เขามิได้บุกเข้าไปทันที หากแต่ตั้งมหาค่ายกลอยู่รอบ ๆ เมืองจักรพรรดิไป๋
ทำเช่นนี้ปลอดภัยกว่า และป้องกันมิให้หลี่จิ่วเต้าหนีได้ด้วย
และในขั้นตอนนี้ บรรพจารย์ฝูลงมืออย่างแนบเนียน มิได้เผลอเผยพลังปราณออกไปแม้สักเศษเสี้ยว จึงมิได้วิตกว่าจะถูกอีกฝ่ายจับได้
...
ภายในเมืองจักรพรรดิไป๋
หลี่จิ่วเต้ากำลังเดินชมตำหนักโบราณแห่งหนึ่งอย่างเพลิดเพลินและหลงใหล วัตถุทุกชิ้นในตำหนักล้วนเก่าแก่พิถีพิถัน เผยให้เห็นถึงร่องรอยแห่งกาลเวลาอันโชกโชน สร้างความสะท้านต่อจิตใจเขาอย่างมาก
เขาเดินเข้าไปถึงโถงในโดยไม่รู้ตัว
ที่นี่คือตำหนักจักรพรรดิไป๋ สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่สุดในเมืองจักรพรรดิไป๋ ลือกันว่าในอดีตที่นี่มิใช่เมือง เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตรุ่นหลังโดยสร้างให้อยู่รอบ ๆ ตำหนักจักรพรรดิไป๋
ส่วนจักรพรรดิไป๋คือผู้ใดนั้น ไม่พบเบาะแสอันใดอีก ยุคสมัยของจักรพรรดิไป๋เก่าแก่เกินไป
ทว่าเรื่องที่ไม่ต้องเคลือบแคลงเลยคือความแข็งแกร่งของจักรพรรดิไป๋ ภายในตำหนักจักรพรรดิไป๋มีวัตถุโบราณอยู่มาก และในนั้นมีอักขระกฎระเบียบทรงพลังหลงเหลืออยู่ เคยมียอดฝีมือมากมายหมายใจจะนำของในตำหนักจักรพรรดิไป๋ออกไป แต่ก็ทำไม่ได้
และเรื่องนี้เป็นผลให้ตำหนักจักรพรรดิไป๋แซ่ซ้องออกไปเรื่อย ๆ เมืองจักรพรรดิไป๋ก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งมีชีวิตมากมายดำรงชีพอยู่ในเมืองจักรพรรดิไป๋ หวังจะรู้แจ้งถึงบางอย่างจากวัตถุโบราณในตำหนักจักรพรรดิไป๋
แต่ผ่านไปแล้วเนิ่นนานก็ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดสำเร็จ สิ่งของในตำหนักจักรพรรดิไป๋สูงส่งเกินไป อักขระและจังหวะแห่งเต๋าเหล่านั้นเหนือจินตนาการของพวกเขาไปมาก!
แม้กระทั่งสุนัขดำยังตะลึงกับที่แห่งนี้อย่างยิ่งยวด
กระทั่งมันยังมองวัตถุในนี้ไม่ออก ไม่อาจทำความเข้าใจ!
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
ครานั้น แม้แต่มันยังสะท้านใจ และเพราะเหตุนี้ มันถึงตัดสินใจอยู่ในเมืองนี้ต่อ
ที่นี่เป็นเพียงอาณาจักรนอกแดนบรรพโกลาหล ต่อให้ก่อนกาลเวลาอันยาวนานเริ่มขึ้น ที่นี่เคยรุ่งเรืองเจิดจรัสไร้ใดเปรียบ กระนั้นก็มิอาจทัดเทียมแดนบรรพโกลาหล
ถึงอย่างไรก็วิวัฒนาออกจากแดนบรรพโกลาหล
ตัวมันเล่า?
ในแดนบรรพโกลาหล มันมีสถานะเทียบเทียมจ้าวแห่งดินแดนทั้งหลาย อยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นแปด เหตุใดนอกแดนบรรพโกลาหลถึงมีสิ่งที่มันมองไม่ออกอยู่ด้วย!?
ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย!
ทว่าความจริงคือ แม้แต่มันก็มองไม่ออก พินิจอยู่นานก็จับต้นชนปลายมิได้
จักรพรรดิไป๋ผู้นี้มิใช่พวกดาษดื่นแน่นอน!
ในความรู้สึกมัน จักรพรรดิไป๋ผู้นี้อาจแข็งแกร่งว่าบรรพจารย์แห่งดินแดนทั้งหลายที่อยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นเก้าเสียอีก!
มันรู้สึกทึ่ง อาณาจักรนอกแดนบรรพโกลาหลให้กำเนิดตัวตนระดับนี้ออกมาได้ด้วยหรือ เหนือความคาดหมายของมันยิ่งนัก!
เป็นไปได้ว่าจักรพรรดิไป๋ผู้นี้เป็นบรรพจารย์เต๋าโกลาหลตนหนึ่ง!
อีกด้าน พวกลั่วสุ่ยกำลังเดินชมอยู่ด้านนอก เดิมพวกเขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ ก่อนก้าวเข้ามาในตำหนักจักรพรรดิไป๋ พวกเขารู้สึกเพียงว่านี่คือการเดินชมแสนธรรมดา
แต่หลังได้เข้ามา พวกเขาก็ตะลึงกันหมด
ผ่านมาแล้วครึ่งปี ขอบเขตของพวกเขายกระดับขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ลั่วสุ่ย หลิงอิน และเซี่ยเหยียนก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลได้แล้วด้วยซ้ำ!
ก่อนเข้ามา พวกเขาไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าตำหนักโบราณแห่งนี้มีความชอบกลอยู่ ที่นี่เป็นเพียงตำหนักโบราณธรรมดาเท่านั้น ลั่วสุ่ย หลิงอิน และเซี่ยเหยียนสามคนต่างเคยได้ยินชื่อเสียงของตำหนักจักรพรรดิไป๋มาก่อน และรู้ว่าตำหนักจักรพรรดิไป๋นี้ไม่ธรรมดา
ทว่าความไม่ธรรมดาที่ว่าเป็นเพียงสำหรับพวกนางในอดีตเท่านั้น
ในสายตาพวกนาง บางทีจักรพรรดิไป๋อาจเป็นเพียงเทียนตี้มหากาฬตนหนึ่ง อย่างมากก็แค่ทลายกฎพื้นฐาน บรรลุถึงขอบเขตเซียน
เทียบกับขอบเขตพลังของพวกนางในยามนี้ จักรพรรดิไป๋มิได้ยิ่งใหญ่อันใด
แต่หลังเข้ามาที่นี่ พวกนางถึงตระหนักได้ว่าคิดผิดถนัด!
จักรพรรดิไป๋ผู้นี้ทรงพลังกว่าที่พวกนางจินตนาการไว้มากโข!
ไม่ว่าวัตถุชิ้นใดในโถงในแห่งนี้ล้วนเกินกว่าที่พวกนางคาดการณ์ไว้ พวกนางต่างก็มองไม่ออกเช่นกัน อยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของพวกนางไปแล้ว!
และขณะที่พวกเขากำลังตะลึง จู่ ๆ สุนัขดำก็ปริปากออกมา “มีใครบางคนกำลังกระทำการบางอย่างที่ข้างนอกนั่น พวกเจ้าเป็นเป้าหมายของมันใช่หรือไม่”
มันแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด ทุกสิ่งที่บรรพจารย์ฝูทำถูกมันตรวจจับได้หมด
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ