นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 746ถึง 750
ความทรงจำที่ถูกผนึกล้วนเป็นความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้า ในที่สุดซีก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางถึงต้องผนึกความทรงจำซึ่งเกี่ยวข้องกับเขา
ช่วงเวลาที่นางได้ใช้ชีวิตกับหลี่จิ่วเต้านั้นมิได้นาน แต่เขากลับเข้ามาอยู่ในใจนางได้ และมีความสำคัญต่อใจนางอย่างยิ่งยวด!
เวลานั้นที่นางได้อยู่กับหลี่จิ่วเต้า นางถึงขั้นรู้สึกว่าไม่อยากไปล้างแค้นอีก เพียงอยากอยู่กับเขาตลอดไปเท่านั้น
สุดท้าย นางตัดใจบอกลาเขาไปตามหากล่องสี่เหลี่ยมอย่างยากลำบาก
และระหว่างที่ตามหากล่องสี่เหลี่ยม นางก็คิดถึงเขาอยู่เสมอ ความถวิลหาที่มีต่ออีกฝ่ายเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน!
นางรู้ดีว่าไม่ควรปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อ มิฉะนั้น นางจะไม่สำเร็จสิ่งใดสักสิ่ง จึงกลั้นใจ ผนึกความทรงจำช่วงนั้น
“เขายัง…จำข้าได้อยู่หรือไม่” ซีพึมพำกับตัวเอง
ยามจากหลี่จิ่วเต้ามา นางใช้วาจาเด็ดเดี่ยว เอ่ยว่าพวกเขาไม่มีวันได้พบเจอกันอีก นางขอให้เขาลืมนางไปเสีย ถือว่านางเป็นเพียงคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคนหนึ่งเท่านั้น
ถึงอย่างไรในเวลานั้น ตระกูลเซียวก็ถือเป็นสิ่งที่ใหญ่เกินตัวนาง เป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อกรด้วยได้เลย นางคิดแก้แค้นตระกูลเซียว ก็เตรียมใจไว้แล้วว่าอาจมิได้กลับมา
เพราะอย่างนั้น นางถึงได้เด็ดเดี่ยวปานนั้น คิดตัดทุกความรู้สึกความหวังที่หลี่จิ่วเต้ามีต่อนาง ให้เขาเลิกรอนาง…
การรอคอยนั้นไม่มีทางมีผลงอกเงย หลี่จิ่วเต้ารังแต่จะยิ่งเสียใจมากขึ้น
ทว่าบัดนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
นางได้แก้แค้น ได้สังหารสมาชิกตระกูลเซียวทุกคนที่มีส่วนร่วม
นางในตอนนี้ที่คลายผนึกแล้ว อยากไปพบหลี่จิ่วเต้าเหลือเกิน!
ถึงจะยังไม่สามารถอยู่ครองคู่กับหลี่จิ่วเต้าไปชั่วกัลปาวสานได้ และต้องออกเดินทางไกล แต่นางก็ยังอยากไปพบเขา
ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน
ก่อนนี้ นางตั้งมั่นแล้วว่าต้องสละชีพ คิดว่าการที่ตัวนางไปล้างแค้นตระกูลเซียวคงมิได้กลับมาอีก จะต้องตายอยู่ที่ตระกูลเซียวแน่แท้
ในสถานการณ์เช่นนั้น ไม่ว่านางเป็นฝ่ายคิดถึงหลี่จิ่วเต้า หรือหลี่จิ่วเต้าเป็นฝ่ายคิดถึงนางต่างเป็นเรื่องน่าปวดใจทั้งสิ้น
ครานั้น นางอยากลบความทรงจำช่วงที่มีเขาอยู่ด้วยซ้ำ
แต่ท้ายที่สุดนางก็หักใจไม่ลง ได้แต่ผนึกความทรงจำนี้ไว้เท่านั้น หากวันหน้านางแก้แค้นสำเร็จและไม่ตาย นางจะได้คลายผนึกความทรงจำแล้วไปหาหลี่จิ่วเต้า
แม้ว่าคราวนี้นางต้องเผชิญหน้ากับพลังมืดมิด ภัยร้ายที่อันตรายยิ่งกว่าตระกูลเซียว
แต่นางมีความมั่นใจว่าต่อให้อันตรายเพียงใด นางก็รอดกลับมาได้!
แน่นอนว่าความมั่นใจนี้มิได้เกิดจากตัวนางเอง หากแต่มาจากท่านผู้นั้น!
นางเชื่อใจท่านผู้นั้น!
มีพลังจากท่านผู้นั้นคอยคุ้มครองนาง ต่อให้พลังมืดมิดสยดสยองปานใด นางก็ต่อกรด้วยไหว!
และตัวนางเองก็แตกต่างจากเก่าก่อนมาก ต่อให้ถวิลหาหลี่จิ่วเต้าปานใด ก็ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อการฝึกตนของนาง
นางจะไม่ผนึกความทรงจำช่วงนั้นอีก
ก่อนไป นางอยากไปหาหลี่จิ่วเต้า อยากรู้ว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นอย่างไรบ้าง
“หากเขายังไม่ลืมข้า ยังจำข้าได้ ข้าจะไปพบเขา!” ซีเอ่ยพลางอมยิ้ม
“และหากเขายินดีรอข้า ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดการฝึกตนแก่เขา ให้เขาอยู่รอวันที่ข้ากลับมา!”
นางคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้งขณะเอื้อนเอ่ย งดงามยิ่งกว่าบุปผาบานสะพรั่ง
นี่เป็นรอยยิ้มสดใสที่สุดที่นางมีในระยะเวลาที่ผ่านมา หากจะถามถึงสาเหตุ นั่นเป็นเพราะนางกำลังจะได้พบหลี่จิ่วเต้าแล้ว
‘ครานั้น เขายังเป็นเพียงปุถุชน ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นได้ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้วหรือไม่ แต่คิดแล้ว ต่อให้เขาได้ก้าวสู่เส้นทางฝึกตน ความสำเร็จของเขาก็มีจำกัด’ ซีคิด
สิ่งแวดล้อมในอาณาจักรนี้ย่ำแย่เกินไป ต่อให้หลี่จิ่วเต้าอุตสาหะฝึกฝนเพียงใดก็ยากจะบรรลุถึงขอบเขตสูงส่ง นางคิดไปว่า ถ้าเขายินดีรอนางกลับมา นางจะชี้แนะเขาเป็นอย่างดีเพื่อให้เขาได้ก้าวสู่ขอบเขตสูงขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ถูกกาลเวลากัดกร่อนอายุขัยอีก
“ไม่รู้ว่าหลังเจ้าได้พบข้าจะเป็นอย่างไร จะดีใจมากเช่นกันหรือไม่!”
ซีเหยียดยิ้มอ่อนหวาน ยิ่งขับให้มีเสน่ห์มากขึ้น
นางตระหนักถึงความรู้สึกที่หลี่จิ่วเต้ามีต่อนางดี มิได้ด้อยไปกว่าความรู้สึกที่นางมีต่อเขาเลย นางมั่นใจว่าชายผู้นี้ไม่มีทางลืมนาง แม้ว่าวาจาที่นางได้กล่าวในอดีตจะเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก
สายใยระหว่างนางและหลี่จิ่วเต้าไม่มีทางสะบั้นเพราะวาจาไม่กี่ประโยค!
“ขอข้าดูหน่อยเถิดว่าเจ้าอยู่ที่ใดในยามนี้ ยังหล่อเหลาดั่งเก่าหรือเปล่า…”
ซีเอ่ยไปยิ้มไปอีกครั้ง ก่อนจะแผ่พลังออกไปเพื่อพยากรณ์ตำแหน่งของหลี่จิ่วเต้า
ด้วยขอบเขตพลังของนางในตอนนี้ การพยากรณ์ตำแหน่งของเขาย่อมง่ายดาย หาได้กดดันไม่
ทว่าพริบตาต่อมาสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป!
“ไม่สำเร็จหรือ!”
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ล้มเหลวได้อย่างไรกัน ตามหลักแล้วควรเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนพลิกมือมิใช่หรือ!
“เพราะเหตุใดกัน?!”
นางคิดไม่ตก พยากรณ์ต่อไป ทว่าไม่อาจพยากรณ์ถึงเรื่องราวใดที่เกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้าได้เลย ต้องล้มเหลวลงทั้งหมด
“แม้แต่ข้ายังล้มเหลว ดูท่าตัวเจ้าเองก็มีความลับใหญ่หลวงอยู่กระมัง!”
ซีหัวเราะเบา ๆ มิได้ไม่พอใจแต่อย่างใด กลับยินดีปรีดายิ่งขึ้น
ผลพยากรณ์ล้มเหลว นั่นหมายความว่าหลี่จิ่วเต้านั้นไม่ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย นางดีใจแทนเขา
ส่วนที่ว่าเหตุใดในอดีตหลี่จิ่วเต้าถึงไม่บอกนาง นางก็มิได้ขุ่นใจ
น่ากลัวว่าแม้แต่เขาเองก็ไม่ตระหนักถึงความลับใหญ่หลวงในตัวกระมัง!
อย่างเช่นนาง ตัวนางก็มีความลับใหญ่หลวงบางอย่างอยู่ แต่นางกลับมิเคยรับรู้
“ข้าว่าแล้วว่าเจ้าไม่มีทางเป็นปุถุชน วันหน้าต้องประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่แน่ บุรุษที่ข้าหมายตาไฉนเลยจะธรรมดา!”
นางเอ่ยยิ้ม ๆ อีกครั้ง
แม้แต่พลังระดับบรรพจารย์เซียนของนางพยากรณ์สิ่งใดไม่ออก หลี่จิ่วเต้าย่อมมีภูมิหลังไม่ธรรมดา มิใช่ตัวละครต่ำต้อย
“เจ้าจะเป็นยอดฝีมือในแดนบรรพโกลาหลที่ตกลงมายังอาณาจักรนี้เพราะอุบัติเหตุบางอย่างหรือไม่”
ซีคิดไป รู้สึกว่าฐานะของหลี่จิ่วเต้าน่าจะเป็นดั่งที่นางคิด
“หากเป็นเช่นนี้ เจ้าบุรุษตัวน้อย เจ้าต้องพยายามให้เป็นเท่าตัวนะ มิฉะนั้น วันหน้าเจ้าไล่ตามแม้แต่เงาข้าไม่ทันด้วยซ้ำ!”
นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มสะพรั่ง
ถึงแม้นางในตอนนี้จะเป็นเพียงบรรพจารย์เซียน ทว่าก็มีศักยภาพล้นหลามไร้ขอบเขต ก้าวหน้าได้รวดเร็วเหลือแสน การจะเหนือชั้นกว่าขอบเขตโกลาหลในวันหน้ามิใช่เรื่องยาก นางบรรลุสู่ขอบเขตที่สูงกว่านี้ได้ง่ายดาย
หากบุรุษตัวน้อยเป็นเพียงยอดฝีมือจากแดนบรรพโกลาหล วันหน้าคิดจะไล่ตามขอบเขตของนางให้ทันคงยาก
“วางใจเถิดบุรุษตัวน้อย ต่อให้เจ้าไล่ตามขอบเขตพี่สาวไม่ทัน พี่สาวก็ไม่รังเกียจเจ้าหรอก!”
ซีเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ถึงเวลานั้น พี่สาวจะให้เจ้านอนในอ้อมอกพี่สาว เป็นนกน้อยคอยรัก พี่สาวจะปกป้องเจ้าเอง! ผู้ใดกล้ารังแกเจ้า พี่สาวจะอัดพวกเขาให้แหลกเลย!”
เวลานั้น ซีนึกบางอย่างขึ้นได้
“ถ้าหากบุรุษตัวน้อยมีภูมิหลังแกร่งกล้ากว่า เป็นยอดฝีมือนอกจักรวาลโกลาหลผืนนี้ ทรงพลังยิ่งกว่า ขอบเขตเดิมสูงกว่าเล่า!”
เรื่องนั้นใช่ว่าเป็นไปไม่ได้!
ถึงอย่างไรจักรวาลโกลาหลผืนนี้ก็มิใช่การดำรงอยู่เพียงหนึ่งเดียว
“เฮอะ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ต่อให้ภายหน้าเจ้าบุรุษตัวน้อยแข็งแกร่งกว่าพี่สาว พี่สาวก็ไม่กลัวเจ้า! ริอ่านทำให้พี่สาวไม่พอใจ! พี่สาวจะหยิกหูเจ้าขึ้นมาโบยแน่!”
ซีชูกำปั้นราวกับภาพนั้นอยู่ตรงหน้า
ขอบเขตพลังสูงกว่าแล้วคิดจะให้นางกลัวหรือ เป็นไปมิได้!
“ไปล่ะ เก็บวันที่เราได้พบกันไว้หลังข้ากลับมา! ถึงครานั้น บุรุษตัวน้อย หากเจ้าบังอาจลืมข้า ข้าจะต่อยเจ้าด้วยหมัดรัว ๆ ให้เจ้าได้กระจ่างว่าความแดงฉานของบุปผามาจากไหน!”
ซียิ้มสดใส กับบุรุษตัวน้อย นางองอาจเกรียงไกรเช่นนี้แหละ!
จากนั้น นางไปจากที่นี่ มุ่งหน้าต่อไป
แต่ที่ซีไม่ทราบคือ นี่ก็เพราะเป็นซี หากเป็นผู้อื่นริอ่านทำการพยากรณ์ถึงหลี่จิ่วเต้า ซ้ำยังเรียกเขาว่าบุรุษตัวน้อย แล้วยังเอ่ยว่าจะหยิกหูขึ้นมาโบย ย่อมต้องถูกกำจัดไปในพริบตา!
ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ได้!
ในจักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล การที่สิ่งมีชีวิตที่ต้องการออกจากจักรวาลโกลาหลของตนเป็นเรื่องแสนยากเข็ญ นอกเสียจากสิ่งมีชีวิตที่ก้าวพ้นขอบเขตโกลาหลไปแล้ว ถึงไปจากจักรวาลโกลาหลได้ง่ายดาย
มิฉะนั้น แทบไม่มีทางออกจากจักรวาลโกลาหลได้เลย
นี่ก็เป็นเหตุผลที่สิ่งมีชีวิตซึ่งดำรงตนอยู่ในจักรวาลโกลาหลไม่รู้ว่าข้างนอกยังมีจักรวาลโกลาหลอื่นอยู่
ส่วนเรื่องที่สิ่งมีชีวิตระดับบรรพจารย์เซียนอยากไปจากจักรวาลโกลาหลยิ่งเป็นไปไม่ได้ ไม่มีวันพบทางออก
ทว่าซีไม่เหมือนกัน
ภาพสะท้อนฉายให้เห็นเส้นทางที่ออกจากจักรวาลโกลาหลผืนนี้ ซีเพียงแต่ตามเส้นทางนั้นไปก็ออกจากจักรวาลโกลาหลผืนนี้ได้
เพียงแต่ต้องใช้เวลานานกว่าหน่อย
“บุรุษตัวน้อย รอพี่สาวกลับมาเมื่อใด พี่สาวจะประคบประหงมเจ้าเป็นอย่างดี!”
อาภรณ์สีขาวของซีพลิ้วไหว มุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วในอวกาศประดุจแสงดาวตก
...
ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้ากำลังทะลุทะลวงหมู่เมฆตามใจนึกบนหลังกิเลนไฟ เคลิบเคลิ้มไปกับความสุขที่ได้ ‘โบยบิน’
ทันใดนั้น เขาชะงักกึก เอ่ยเสียงแผ่วเบา “เหมือนมีคนกำลังนินทาข้าอยู่เลย”
เขาไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกเช่นนี้ในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แต่กลับคิดไม่ตกว่าผู้ใดจะนินทาเขา จึงขี่กิเลนไฟ ‘โบยบิน’ ไปบนพื้นเมฆต่อ
ส่วนพวกลั่วสุ่ยนั่งอยู่ในรถลาก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ล่วงเลยไปกว่าปีแล้ว
พวกหลี่จิ่วเต้าใกล้จะพ้นจากอาณาเขตดินแดนหยิน
และเรื่องที่หลี่จิ่วเต้ารู้สึกเสียดายคือ เดินทางมาตั้งนาน ก็ยังไม่พบซีเสียที!
“ยิ่งไม่อยากพบยิ่งพานพบ ยิ่งไม่อยากพบยิ่งพานพบจริง ๆ!”
เวลานั้นเอง ภายในภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ใครบางคนได้เห็นหลี่จิ่วเต้าผู้โบยบินอยู่ท่ามกลางผืนเมฆ เขาพลันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมา ตาลุกเป็นไฟ
เขาไม่พอใจอย่างมาก เดิมเคยคิดว่าจะรีดไถเงินจากพวกหลี่จิ่วเต้าได้ก้อนใหญ่ สุดท้ายเขาก็ขาดทุนย่อยยับ!
ใช่แล้ว เขาก็คือชายชราผู้ขาย ‘ของวิเศษที่ปุถุชนยังใช้ได้’ ให้กับหลี่จิ่วเต้า
เขาช่ำชองด้านเล่ห์หลอก ปลอมแปลงสิ่งของได้เก่งยิ่ง เปลี่ยนวัตถุมีญาณอันไร้ค่าเป็น ‘ของวิเศษ’ ได้เสมอ แล้วค่อยขายออกด้วยราคาสูง
แต่เขากลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้หลี่จิ่วเต้า!
‘ของสวะ’ ที่เขานึกเอาเองว่าไร้ค่าเมื่อได้อยู่ในมือหลี่จิ่วเต้า กลับกลายเป็นยอดศาสตราสะท้านโลกา เขาเสียหายหนักหนา!
ครานั้น เขาอยากบุกกลับไปชิงของวิเศษเหล่านั้นกลับมา
ทว่าต่อมา จิตใต้สำนึกของเขาตื่นขึ้นและหยุดเขาไว้ บอกเขาว่าด้วยฝีมือที่เขามีในตอนนั้นไม่มีทางสร้างยอดศาสตราเช่นนั้นขึ้นได้ ที่ ‘ของสวะ’ พวกนั้นกลายเป็นยอดศาสตรา เป็นผลมาจากหลี่จิ่วเต้าเสียส่วนใหญ่
หลี่จิ่วเต้าเปลี่ยน ‘ของสวะ’ เหล่านั้นเป็นยอดศาสตรา!
เขาคิดดูแล้วก็เห็นด้วย ด้วยขอบเขตพลังของเขาในครานั้น อาวุธอภินิหารสักชิ้นยังสร้างขึ้นมิได้ แล้วจะสร้างยอดศาสตราสะท้านโลกาเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร
ต่อมา ด้วยการชักนำของจิตใต้สำนึก เขาได้ไปยังสถานที่แล้วสถานที่เล่า เพื่อทำการ…ขุดศพ!
เฮ้อ อย่าให้เอ่ยถึงช่วงเวลาในตอนนั้นเลย น่าคลื่นเหียนเป็นที่สุด
เขาต้องขุดศพทุกวี่วัน ขุดศพหลากหลายประเภท แล้วเริ่มดูดกลืนพลังจากศพเหล่านั้นเพื่อเพิ่มพูนพลังตัวเอง
ศพเหล่านี้ล้วนมิใช่ศพธรรมดา ต่างเป็นศพระดับเซียนขึ้นไป กระนั้นเขาก็ยังสะอิดสะเอียด ระคายใจนักหนา ก่อนดูดกลืนหลอมรวมพลังทุกครั้ง เขาต้องอาเจียนยกใหญ่ แล้วถึงเริ่มการดูดกลืนพลังได้จริง ๆ
ขอบเขตพลังของตัวเขาก็ยกระดับขึ้นทีละขั้นเพราะเหตุนี้ จนจิตสำนึกที่แท้จริงค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา
เขาคือบรรพจารย์ฝู หนึ่งในเก้ายอดบรรพจารย์เซียน!
เขามิได้ตายจากสงครามปะทะความพิศวงลางร้ายในครานั้นจริง ๆ มีจิตสำนึกบางส่วนหลงเหลือไว้ หลังได้ดูดกลืนพลังจากศพเซียนจำนวนมาก ในที่สุดความทรงจำเมื่อครั้งเป็นบรรพจารย์เซียนก็ตื่นขึ้น
“น่าคลื่นไส้นัก ข้าถูกจิตใต้สำนึกของข้าหลอกเอาหรือนี่!”
เขาด่ากราดอย่างทนมิไหว รู้สึกแย่จากใจจริง
บรรพจารย์เซียนมีฐานะสูงส่งปานใด ใช่ว่าจะเป็นกันได้ด้วยการฝึกฝน บรรพจารย์เซียนทั้งเก้าอย่างพวกเขาเป็นบรรพจารย์เซียนแต่กำเนิด เมื่อคราวพลังโกลาหลวิวัฒนาสรรพสิ่งออกมา พวกเขาได้รับผลดีอย่างมาก
หากมิใช่เช่นนั้น น่ากลัวว่าพวกเขาคงมิได้เป็นถึงบรรพจารย์เซียน
และพวกเขาผู้เป็นถึงบรรพจารย์เซียนทะนงปานใด ไฉนเลยจะทำเรื่องดูดกลืนพลังจากศพได้ ไม่มีทางเลย!
สำหรับพวกเขา เรื่องเช่นนี้ถือเป็นความอัปยศสูงสุด!
ก่อนนี้จิตสำนึกบรรพจารย์เซียนของบรรพจารย์ฝูยังไม่ตื่นขึ้น หากได้ฟื้นฟูขึ้นมาก่อน เขาไม่มีทางดูดพลังจากศพแน่!
ศพเซียนเหล่านี้ล้วนเป็นกำลังรบเหนือขั้นเซียนผู้ตายในสงครามปะทะความพิศวงลางร้าย จวบจนบัดนี้ยังมีศพเซียนเหลืออยู่คณานับ
และนั่นก็สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องนี้ เรื่องที่บรรพจารย์เซียนตนอื่นมิได้ดูดกลืนพลังจากศพเหล่านี้!
หากบรรพจารย์เซียนตนอื่นดูดพลังจากศพเหล่านี้ไปแล้ว ไม่มีทางที่จะยังเหลือศพอยู่มากมายเช่นนี้!
เห็นได้ชัดว่าบรรพจารย์เซียนตนอื่นยอมฟื้นตัวช้าหน่อย ยังดีกว่าต้องกระทำการน่าคลื่นเหียนเช่นนี้
มีเพียงเขาที่ละทิ้งฐานะบรรพจารย์เซียน กระทำการไร้ยางอายแบบนี้!
‘อ๊ากกกก!’
เขาคำรามในใจ ยิ่งคิดยิ่งโมโห
ครานั้น เพราะเขากำลังจะพบอันตรายถึงชีวิต จิตใต้สำนึกจึงถูกบีบคั้นออกมา ต่อมา จิตใต้สำนึกพาเขาก้าวสู่เส้นทางฟื้นคืน
จิตใต้สำนึกเพียงต้องการให้เขาฟื้นพลังโดยไว เรื่องอื่นนั้นมิได้แยแสแม้แต่น้อย และเพื่อป้องกันมิให้เขาหยุดดูดกลืนพลังจากศพเหล่านี้หลังจิตสำนึกบรรพจารย์เซียนตื่นขึ้น ยังระงับจิตสำนึกบรรพจารย์เซียนของเขาเรื่อยมา ไม่ยอมให้เขาได้ตื่นขึ้นก่อน!
สวรรค์! ระหว่างนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าดูดกลืนพลังไปตั้งกี่ศพ ขุดไปตั้งกี่หลุม!
สิ่งมีชีวิตที่ตายในสงครามใหญ่นั้นมากเสียยิ่งกว่ามาก มีทุกระดับขั้น ขั้นจักรพรรดิเซียนก็มีไม่น้อย
ในสถานการณ์ที่เขาได้ดูดกลืนพลังอย่างบ้าคลั่ง จึงฟื้นพลังได้ว่องไวยิ่งยวด!
สุดท้าย เขาคืนสภาพโดยสมบูรณ์ จิตสำนึกบรรพจารย์เซียนตื่นขึ้น มีกำลังรบระดับบรรพจารย์เซียนอีกครั้ง!
เขาโมโหแทบบ้า!
ขุดหลุมเอาศพเพื่อดูดกลืนพลังถือเป็นจุดด่างพร้อยใหญ่หลวง ต่อให้จิตสำนึกบรรพจารย์เซียนของเขาฟื้นขึ้นมาแล้วก็ทนมิไหว!
ทว่าโมโหส่วนโมโห เขาก็ทำอะไรมิได้
จะให้เขาขจัดจิตใต้สำนึกตนเองหรืออย่างไร!
เช่นนั้นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็ยังเป็นตัวเขาเอง!
“ช่างเถิด เลิกคิดเรื่องพวกนี้เสีย บัดนี้ข้าต้องการแก้แค้นที่ถูกพวกเขาลวงเอาก่อน!”
บรรพจารย์ฝูเอ่ยเสียงเคียดแค้น
เปลี่ยน ‘ของสวะ’ จำนวนหนึ่งเป็นยอดศาสตราได้ดื้อ ๆ ต่อให้เป็นเขาในตอนนี้ก็ทำมิได้
เขาใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้ว คิดว่าของเหล่านั้นหาใช่ ‘ของสวะ’ อย่างน้อยวัตถุดิบก็ไม่ธรรมดา!
มิฉะนั้น เหตุใดพวกหลี่จิ่วเต้าต้องซื้อ ‘ของสวะ’ เหล่านั้นจากมือเขาด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลี่จิ่วเต้าดูออกว่า ‘ของสวะ’ เหล่านี้ทำจากวัตถุดิบไม่ธรรมดา ถึงได้ยอมซื้อไว้!
“ข้าต้องทวงสิ่งที่ข้าขาดทุนไปคืนมาให้หมด!”
ดวงตาของเขาเป็นประกาย ตัดสินใจเปิดร้าน ‘แลกของ’ เพื่อแลกของที่เขาขายขาดทุนไปกลับมา
“ด้วยขอบเขตของข้าในตอนนี้ นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” เขาคลี่ยิ้ม
จากนั้น เขาคว้าดินขึ้นจากพื้นกำหนึ่งแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “นี่คือดินโกลาหล ก่อกำเนิดได้ทุกสิ่ง เมล็ดพันธุ์ธรรมดาเมื่อโปรยลงก็กลายเป็นโอสถวิเศษสะท้านโลกาได้!”
ระหว่างที่เขาเปล่งวาจา ดินในมือเขาก็เริ่มแวววาวขึ้น ดูอัศจรรย์อย่างมาก!
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพมายา
เขาต้องการใช้สิ่งที่โหลยโท่ยที่สุดแลกวัตถุดิบสะท้านโลกาเหล่านั้นของเขากลับมา!
“วางใจเถิด ต่อให้เป็นของที่ย่ำแย่ที่สุด พวกเขาก็ไม่มีทางรู้ตัว”
บรรพจารย์ฝูยิ้มอย่างมั่นใจ
เขาปลอมแปลงด้วยพลังระดับบรรพจารย์เซียน พวกหลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะรู้ตัว
เป็นไปไม่ได้เลย!
บรรพจารย์ฝูเริ่มปฏิบัติการ เขาตวงน้ำขึ้นจากลำธารใกล้ ๆ จำนวนหนึ่ง พร้อมกล่าวยิ้ม ๆ ว่านี่คือน้ำพิสุทธิ์ไร้ราก หลอมรวมจากสสารบริสุทธิ์ในฟ้าดิน หมื่นล้านปีได้เพียงหนึ่งหยด
เขาหักกิ่งไม้มาอีกกิ่ง เอ่ยยิ้ม ๆ ว่านี่คือต้นวิเศษสัตตะ ไม่มีสิ่งใดกลบรัศมีได้ ไม่ว่าของวิเศษใด เมื่ออยู่ต่อหน้าต้นวิเศษสัตตะจะสูญสิ้นรัศมีและพลานุภาพทั้งหมด นี่คือของวิเศษที่ธรรมชาติประทานให้
จากนั้น เขาเก็บก้อนหินเล็ก ๆ บนพื้นขึ้นมา เอ่ยว่านี่คือหินห้าประภา โจมตีใบหน้ามนุษย์โดยเฉพาะ มิเคยพลาดเป้า ไม่ว่าอีกฝ่ายมีขอบเขตสูงเพียงใดก็เท่านั้น ต้องถูกโจมตีโดนอย่างแน่นอน
เขาเด็ดใบหญ้าลงมาหนึ่งใบ เอ่ยว่านี่คือกระบี่ฟ้า เป็นหนึ่งกระบี่ที่เบิกสวรรค์ ขจัดมาร ประหารเซียนได้!
และระหว่างที่เขาพูดจา สิ่งที่เดิมเป็นเพียงของดาษดื่นต่างกลายเป็นของวิเศษล้ำค่า ดูน่าทึ่งสะท้านโลกาไปเสียทุกอย่าง!
แน่นอนว่าทุกอย่างล้วนเป็นภาพมายา เขายังไม่อยู่ในระดับที่เปลี่ยนสรรพสิ่งเป็นยอดศาสตราได้ด้วยวาจาเดียว และพูดได้ว่าห่างชั้นอีกไกลโข
หากอยากทำให้ได้ถึงขั้นนั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นถึงบรรพจารย์เต๋าโกลาหล
บรรพจารย์เต๋าโกลาหลเป็นระดับสูงสุดในขอบเขตโกลาหล สามารถเนรมิตทุกสิ่งได้ตามอำเภอใจด้วยวาจาในจักรวาลโกลาหลผืนที่ตัวเองอยู่
บรรพจารย์ฝูรวบรวมสิ่งของไว้กองพะเนิน ซึ่งเป็นของไร้ประโยชน์ทั้งหมด เขานึกในใจว่าอย่างไรคราวนี้ก็คงไม่เหมือนคราวก่อนที่ถูกผู้อื่นเอาเปรียบเพราะมองของวิเศษสะท้านโลกาผิดเป็นของไร้ประโยชน์!
หลังเสร็จสิ้นทุกอย่าง เขามาอยู่บนยอดเขาไกล ๆ ลูกหนึ่ง
ตั้งวางทุกอย่างไว้บนพื้น ส่วนตัวเองนั้นนั่งสมาธิอยู่กลางอากาศ แสงสีทองสาดส่องออกไปนับล้าน บดบังแม้แต่พระอาทิตย์บนผืนนภา
“ข้าบำเพ็ญตนมานับล้านปี รู้แจ้งในปรมัตถ์ของปฐพี ตระหนักในวิชาหมื่นวิถี บัดนี้จุติลงมาอยู่ที่นี่เป็นการฝึกตนในฆราวาส แลกสิ่งของด้วยสิ่งของ แลกของวิเศษด้วยของวิเศษ ถือเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!”
เขาปริปาก เสียงนั้นดังกังวานไปหลายหมื่นลี้ สะท้อนอยู่ในใจสิ่งมีชีวิตทุกตน
ชั่วขณะนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายตกตะลึงกันหมด เสียงนี้เสมือนเสียงจากสวรรค์ แฝงไว้ด้วยความลึกล้ำแห่งการฝึกฝน จนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเดือดพล่านขึ้นมา!
“มีผู้ยิ่งใหญ่อย่างหาที่สุดมิได้ปรากฏตัวออกมาแล้วหรือ?!”
“ไปเถิด ไปดูกันหน่อย!”
สิ่งมีชีวิตนับคณาเหินไปยังยอดเขาที่บรรพจารย์ฝูประทับอยู่อย่างบ้าคลั่ง
สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในอาณาจักรทั้งปวงต่างมาอยู่ในอาณาจักรนี้ เป็นผลให้สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้เพิ่มพูนตั้งไม่รู้กี่เท่า ลำพังสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในแถบนี้ก็เยอะจนนับไม่ไหว ตอนนี้ทุกตนต่างเหินไปยังยอดเขานั้นอย่างพร้อมหน้า ภาพการณ์นั้นนิยามว่าชวนสะท้านใจคงยังไม่พอ!
บนฟ้า ใต้ดิน มีหมดทุกตารางนิ้ว แดนบรรพโกลาหลใกล้จะปรากฏออกมา แม้แต่ตัวตนสูงส่งที่เร้นกายมิให้ผู้ใดพบตัวยังโผล่ออกมาแล้วหรือ
พวกเขาตื่นเต้นเป็นที่สุด เบียดกันเข้าไปอย่างไม่ยอมกันด้วยกลัวจะล่าช้า หลังไปถึงที่นั่น พวกเขาก็นิ่งอึ้งกันหมด ในใจไม่รู้ว่าทึ่งสักเพียงใด มีตัวตนสูงส่งอย่างหามิได้ปรากฏตัวออกมาจริงหรือนี่!
บรรพจารย์ฝูนั่งขัดสมาธิอยู่บนนภา แสงสีทองเจิดจรัสล้อมรอบตัว กฎแห่งสวรรค์และโลกโลดแล่นรอบกายเขา ซ้ำยังมีเสียงมหาเต๋าแสนศักดิ์สิทธิ์ดังอยู่เนือง ๆ ม่านแสงมงคลสาดส่องลงมาม่านแล้วม่านเล่า!
ขณะเดียวกัน ด้านหลังของเขามีปรากฏการณ์ประหลาดสุดขีดสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ มีทั้งจักรวาลไพศาล ทั้งจวนเซียน แคว้นเซียน และภาพมหัศจรรย์อื่น ๆ!
“สุดยอดเกินไปแล้ว! นั่นมันขอบเขตอันใดกัน?!”
มีสิ่งมีชีวิตคุกเข่าอยู่บนพื้น โขกศีรษะให้บรรพจารย์ฝูเสียงดังไม่หยุด พร้อมกล่าวอย่างเลื่อมใส “วันนี้ได้พบท่านอาวุโสถือเป็นบุญวาสนาที่ข้าสั่งสมมาสามภพสามชาติ!”
“นี่คือยอดฝีมือจากแดนเซียน ลือกันว่ามีกำลังรบระดับยอดเซียน!”
ใครบางคนอุทานเสียงหลงหลังจำสิ่งมีชีวิตที่คุกเข่ากับพื้นได้ ว่าเขาผู้นั้นมาจากแดนเซียน ทั้งยังมีพลังแกร่งกล้ามากอีกด้วย
ตึง! ตึง! ตึง!
จากนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายพากันคุกเข่าลงพื้นเรื่อย ๆ คำนับกราบกรานบรรพจารย์ฝูด้วยความศรัทธา
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนมีขอบเขตสูงส่ง อย่างต่ำที่สุดก็เหนือขอบเขตจักรพรรดิขึ้นไป และยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขอบเขตสูงเท่าใด ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของบรรพจารย์ฝู!
บรรพจารย์ฝูเปล่งพลังปราณออกไปเต็มที่ นี่คือพลังปราณระดับบรรพจารย์เซียน อย่าว่าแต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เลย ต่อให้จักรพรรดิเซียนมาด้วยตนเอง ก็จักรู้สึกต้อยต่ำ สำเหนียกตนว่ามิอาจเทียบเทียม!
ขั้นสูงสุดในขอบเขตเซียนหาใช่เล่น ๆ จักรพรรดิเซียนยังห่างชั้นไกลโข บรรพจารย์เซียนสังหารจักรพรรดิเซียนได้ด้วยการยกมือเท่านั้น
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น”
บรรพจารย์ฝูหัวเราะเบา ๆ แสงนุ่มนวลทาบทับลงบนตัวสิ่งมีชีวิตมากมาย ประคองสิ่งมีชีวิตที่คุกเข่าอยู่ให้ลุกขึ้น
เขากล่าว “ข้ามานี่ก็เพื่อฝึกตน การฝึกตนในปฐพีนี้ไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับพวกเจ้าแล้ว นี่คือวาสนาการเปลี่ยนแปลง สำหรับข้า นี่ก็คือวาสนาการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน! ข้าจะจัดกิจกรรมแลกสิ่งของด้วยสิ่งของ ขอแลกเปลี่ยนกับทุกท่านด้วยวัตถุเหล่านี้”
จากนั้น เขากล่าวต่อ “ศาสตราทุกชิ้นต่างเป็นตัวแทนของชีวิตช่วงหนึ่ง ลิ้มรสชีวิตอันมีหลากหลายสีสัน ตรัสรู้ด้วยปัจจัยฆราวาส นี่แหละ คือการฝึกตนของข้า!”
ทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ?!
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายอึ้งกันหมด
พวกเขาทอดมอง ‘ของวิเศษ’ ที่เรียงรายที่พื้น แต่ละชิ้นล้วนสะท้านโลกา เกินกว่าขอบเขตความนึกรู้ของพวกเขาไปไกล และตัวตนสูงส่งอย่างหาที่สุดมิได้ผู้นี้ต้องการแลกเปลี่ยน ‘ของวิเศษ’ เหล่านี้กับพวกเขาหรือ?!
สวรรค์! นี่มันเรื่องอะไร?
พวกเขาคิดไม่ตกเลย!
ถึงอย่างไร ต่อให้รวมสมบัติของสิ่งมีชีวิตทุกตนเข้าด้วยกัน ก็ยังเทียบ ‘ของวิเศษ’ เหล่านั้นมิได้สักเสี้ยว!
นั่นคือระยะห่างที่ไม่สามารถเหนือขึ้นไป ต่างกันถึงแก่น!
อย่างที่คิด ความคิดความอ่านของบุคคลสูงส่งอย่างหามิได้เหล่านี้มิใช่สิ่งที่ตัวละครต่ำต้อยเฉกเช่นพวกเขาจะคาดเดาได้!
พวกเขาต่างสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด ความคิดความอ่านของบุคคลสูงส่งอย่างหามิได้เช่นนี้ อยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
ทว่าต่อมา พวกเขาก็ยิ่งเต็มตื้นขึ้นไปอีก
ไม่ว่าอย่างไร สำหรับพวกเขาแล้ว นี่ก็เป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
ถึงอย่างไร ‘ของวิเศษ’ เหล่านั้นก็สะท้านโลกาเป็นที่สุด ไม่ว่าพวกเขาจะแลกด้วยสิ่งใดก็ไม่เสียเปรียบ และตรงกันข้าม พวกเขาจะได้เปรียบอย่างมาก!
“ถูกแล้วที่มา ถูกแล้วที่มา!”
“ไม่เสียแรงที่พวกเราข้ามผ่านอวกาศไกลแสนไกลเพื่อมายังอาณาจักรนี้จริง ๆ!”
พวกเขาคิดในใจ อย่าให้เอ่ยเลยว่าแช่มชื่นปานใด
เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง ต่อให้พวกเขาไม่ได้อะไรจากแดนบรรพโกลาหล แต่ขอเพียงได้แลกวัตถุสักชิ้นจากที่นี่ พวกเขาก็มาไม่เสียเที่ยว ได้ประโยชน์มหาศาลแล้ว!
“คึกคักจริงเชียว พวกเราไปดูที่นั่นกันหน่อยดีหรือไม่”
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าบนหลังกิเลนไฟถามพวกลั่วสุ่ยในรถลาก
“ตามที่คุณชายว่า!”
“คุณชายว่าอย่างไรก็ตามนั้น!”
พวกลั่วสุ่ยตอบยิ้ม ๆ
“เช่นนั้นพวกเราเข้าไปดูกันหน่อยเถิด”
หลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟมุ่งหน้าไปยังที่นั่น
อสูรทั้งเก้าลากรถตามหลังหลี่จิ่วเต้าไปยังที่นั่นด้วย
อนิจจา ที่นั่นมีผู้คนอยู่เนืองแน่น สิ่งมีชีวิตแออัดไปทั่วทุกระเบียดนิ้ว พวกเขาจำต้องจอดทั้งที่อยู่ห่างกันไกลโข
และจากตรงนี้ พวกเขามองเห็นเพียงบรรพจารย์ฝูผู้ประทับกลางอากาศ ไม่เห็นสิ่งอื่นใดเลย
“ขอเสียมารยาทถามท่านสักคำ ที่นี่เกิดเหตุการณ์ใดขึ้นหรือ”
หลี่จิ่วเต้ากระโดดลงจากหลังกิเลนไฟ เอ่ยถามผู้ฝึกตนมนุษย์ผู้หนึ่งด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
แน่นอนว่าบัดนี้กิเลนไฟอยู่ในรูปลักษณ์ม้ามังกร มิใช่ร่างกิเลนเดิมของตน หากบัดนี้สิ่งที่เผยให้เห็นอยู่คือร่างกิเลนเดิมของตน ย่อมต้องเป็นที่ฮือฮาแน่นอน
กิเลนเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน ทรงพลังอย่างยิ่งยวด เป็นถึงราชันแห่งสัตว์เดินดิน หากสิ่งมีชีวิตระดับนี้ปรากฏออกมา แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากแดนเซียนก็ต้องตกตะลึง!
กิเลนไฟในยามนี้หาใช่ระดับที่ตนเองในอดีตเทียบเทียมด้วยได้ แม้แต่ตัวมันเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่า มันได้ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหล ซ้ำยังเหนือขึ้นไปถึงขั้นที่สองแล้ว
เป็นความเร็วที่สุดยอดอย่างยิ่ง ต่อให้มันได้ฝึกตนในแดนแกนกลางสุดของแดนบรรพโกลาหลก็ไม่มีทางก้าวหน้าได้รวดเร็วปานนี้!
คุณชายก็คือคุณชาย เก่งกาจยิ่งนัก!
มันนี่โชคดีอย่างถ่องแท้ที่ได้เป็นสัตว์ขี่ของคุณชาย เป็นความโชคดีระดับที่สุสานบรรพบุรุษมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วงนำพามาให้ และเป็นเกียรติยศที่มันสร้างให้แก่บรรพชนทั้งหลาย!
พวกลั่วสุ่ยก็พากันเดินลงจากรถลาก
พวกเขาในยามนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เหนือชั้นกว่าเก่านัก!
ขอบเขตลั่วสุ่ยยังคงก้าวหน้าที่สุด แต่เดิมสายเลือดและกายาของนางมิได้กล้าแกร่งเท่าใด ไม่ถือว่าโดดเด่น ทว่า นางได้อยู่กับหลี่จิ่วเต้าทุกวัน ทั้งยังเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งของหลี่จิ่วเต้า เรื่องนี้เกินกว่าผู้ใดจะเทียบได้
สายเลือดและกายาของนางอยู่ในระดับสะท้านโลกาแล้ว นางได้ก้าวสู่ขั้นบรรพจารย์เซียน ซึ่งเป็นขอบเขตที่มิอาจบรรลุด้วยการฝึกฝนเท่านั้น!
กิเลนไฟยังไม่อาจบรรลุขั้นบรรพจารย์เซียน หากแต่บรรลุจากขั้นจักรพรรดิเซียนไปถึงขอบเขตโกลาหลโดยตรง
หลิงอินก็น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ไม่ธรรมดาเลยสักนิด นางอยู่ในจุดสูงสุดแห่งขั้นจักรพรรดิเซียนตอนปลาย ซ้ำยังได้สัมผัสกับขั้นบรรพจารย์เซียนแล้ว นางเองก็มีหวังบรรลุขั้นบรรพจารย์เซียนเช่นกัน นางในยามนี้ เรียกเป็นว่าที่บรรพจารย์เซียนได้เลย
เซี่ยเหยียนก็ว่องไวไม่แพ้กัน ถือเป็นหนึ่งในชั้นยอด นางได้สัมผัสกับขั้นจักรพรรดิเซียน บัดนี้เป็นว่าที่จักรพรรดิเซียนตนหนึ่ง!
เสี่ยวหยาก็เก่งกาจเป็นที่สุด พรสวรรค์นั้นไม่ต้องพูดถึง นางบำเพ็ญจนอยู่ในขั้นราชันแห่งเซียน ส่วนพี่ชายของนางนั้นด้อยกว่าหน่อย อยู่ในขั้นจ้าวแห่งเซียนซึ่งเป็นรองจากขั้นราชันแห่งเซียน
พวกต้าเต๋อ อ้ายฉานแม้จะยังเยาว์ ทว่าพวกเขาต่างได้รับคำอวยพรจากหลี่จิ่วเต้า กายาเปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกผัน อยู่เหนือขั้นจ้าวแห่งเซียนกันหมด โดยเฉพาะต้าเต๋อและอ้ายฉานที่กล้าแกร่งจนบรรลุขั้นราชันแห่งเซียนได้
อันหลานเสวี่ยก็บรรลุเซียนแล้วเช่นกัน ซ้ำยังอยู่เหนือขอบเขตเซียนขึ้นไป มาถึงขั้นเซียนสมบูรณ์
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวเย็นชาสองตัว ตัวหนึ่งอยู่ในขั้นเทียนตี้ อีกตัวอยู่ในขอบเขตเซียน!
ส่วนอสูรทั้งเก้าผู้ลากรถก็เป็นอสูรเทียนตี้กันถ้วนหน้าแล้ว!
แม้กระทั่งฉินหวายเฟิงยังบรรลุขอบเขตจักรพรรดิหลังติดตามมาตลอดทาง กลายเป็นจักรพรรดิตนหนึ่ง!
เป็นผลให้เขาสะท้านใจอย่างยิ่งยวด!
เวลาเพียงปีกว่า เขาก็เปลี่ยนจากผู้ฝึกตนเล็ก ๆ มาเป็นจักรพรรดิ ช่างเป็นเรื่องที่เหมือนฝันยิ่งกว่าฝันเสียอีก จนเขาแทบไม่อยากเชื่อ!
“ปุถุชนผู้หนึ่งหรือ?”
ผู้ฝึกตนที่หลี่จิ่วเต้าเอ่ยถามขมวดคิ้วน้อย ๆ สายตาทอแววรังเกียจราง ๆ เหตุใดแม้แต่ปุถุชนยังเดินทางมายังที่นี่ด้วย!
เขาหันกลับไปทันที ไม่สนใจหลี่จิ่วเต้าอีก
สนทนากับปุถุชนเช่นนี้ เขารู้สึกไม่สมฐานะ เป็นการลดตัว!
กิเลนไฟทนดูไม่ไหว คนผู้นี้เป็นอะไรของเขา เจ้าตาสุนัขขี้ดูถูก!
พวกลั่วสุ่ยยิ่งทนดูไม่ไหว อย่าว่าแต่คุณชายมิใช่ปุถุชนเลย ต่อให้คุณชายเป็นปุถุชน แล้วผู้ฝึกตนจะหยิ่งผยองดูแคลนปุถุชนได้ตามใจชอบหรือ
การฝึกฝนนั้นฝึกที่จิตใจ ใช่ว่ากล้าแกร่งแล้วจะดูถูกผู้อื่นได้!
การฝึกฝนเช่นนี้เป็นการผิดต่อจุดประสงค์เดิมของการฝึกอย่างสิ้นเชิง!
“โอ๊ย ท่านอาผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนหรือ ข้ายังมิเคยเห็นผู้ฝึกตนมาก่อนเลย! ข้าขอขี่หลังท่านอาหน่อย!”
ต้าเต๋อคลี่ยิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันขาวเรียงราย ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังของผู้ฝึกตนคนนั้น
จากนั้น เขาก็พันแข้งพันขาอยู่กับผู้ฝึกตนคนนั้น
นี่มันอันใดกัน!
ผู้ฝึกตนผู้นั้นใบหน้าดำคล้ำลงเสียยิ่งกว่าก้นหม้อ!
บัดซบ
เขาถึงกับถูกเด็กคนหนึ่งขี่จริง ๆ!
อัปยศ!
ช่างน่าอัปยศอย่างถึงที่สุด!
“เจ้าลงไปเสีย!”
เขาโกรธจนไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้ บนร่างเปล่งแสงออกมาด้วยความหมายมาดจะจัดการต้าเต๋อ
ทว่าเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะเขากลับทำไม่สำเร็จ!
ต้าเต๋อเกาะอยู่บนร่างของเขาแน่นราวกับกอเอี๊ยะหนังสุนัขที่ทำเช่นไรก็ไม่อาจสลัดออกได้!
เป็นไปได้อย่างไร!?
ถึงแม้เขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตของหมื่นอาณาจักร ขอบเขตก็ไม่นับว่าต่ำ อยู่ในขอบเขตนักบุญ เช่นนั้นแล้วไยจึงไม่สามารถจัดการกับเด็กธรรมดาได้!?
ไม่ผิด ต้าเต๋อนั้นเก็บซ่อนลมหายใจของตนเอง ทำให้ดูแล้วเหมือนเด็กธรรมดาผู้หนึ่ง
พวกลุ่ยสั่นเองก็เหมือนกัน ต่างเก็บซ่อนลมหายใจ ดูไปไม่ต่างอันใดจากปุถุชนธรรมดาทั่วไป
“อ๊าก! หนัก!”
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของผู้ฝึกตนผู้นั้นก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก เหงื่อพลันพรั่งพรูออกมาราวกับสายฝน เขารู้สึกราวกับตนเองกำลังแบกทั้งผืนนภาเอาไว้บนแผ่นหลัง จนไม่อาจทานทนได้!
เสียงโครมดังขึ้น พร้อมกับร่างของเขาที่ถูกกดจนล้มลงไปกับพื้น!
“ไอหยา ท่านลุงเป็นผู้ฝึกตนจริงหรือ? เหตุใดเพียงแค่แบกเด็กคนหนึ่งเช่นข้ายังทำไม่ได้! ท่านลุงร่างกายอ่อนแอเกินไปแล้ว! ข้าแนะนำว่าท่านลุงอย่าได้มุ่งแต่ฝึกตนเลย ควรเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายให้มากขึ้นด้วย ข้าได้ยินมาว่ามียาบำรุงชื่อยาลูกกลอนไห่โก่ว ท่านลุงสามารถลองไปซื้อมากินได้”
ต้าเต๋อแสยะยิ้มเอ่ยออกมา “ยานี้ทรงประสิทธิภาพนัก ได้ยินว่ามีคุณชาย ‘เฉียน’*[1] ท่านหนึ่งกินมันเข้าไป ทำให้คุณชาย ‘เฉียน’ ผู้นั้นมีความมั่นใจเปี่ยมล้น เมื่อพบหน้าผู้ใดก็ต้องพูดว่า ‘ของข้าใหญ่มาก เจ้าต้องอดทน!’”
เขาเอ่ยต่อ “นอกจากคุณชาย ‘เฉียน’ แล้วก็ยังมีคุณชาย ‘ซวี’*[2] ที่ไม่ต่างกัน ทั้งสองคนสามารถเรียกรวมกันได้ว่า ‘คุณชายเฉียนซวี’*[3] ช่างเป็นหัวข้อเรื่องสนทนาที่น่าสนใจยิ่งนัก!”
“ยอดเยี่ยม!”
“ตลกยิ่งนัก!”
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ต้าเต๋อช่างจิกกัดคนได้แสบสันจริง ๆ
“!!!”
ใบหน้าของผู้ฝึกตนที่โดนทับกลายเป็นสีแดงก่ำ ต้าเต๋อกำลังพูดเรื่องไร้สาระอันใดอยู่กัน!
เขาอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นต่อหน้าผู้คนจำนวนมากถึงเพียงนี้!
เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ต้องการจะสังหารต้าเต๋อทิ้งในทันที!
ทว่าในไม่ช้าเขาก็ต้องตะลึงพรึงเพริดขึ้นมา พลังทั้งหมดที่เขาระเบิดออกมา ล้วนไม่มีผลใด ๆ แม้แต่น้อย!
นี่จะต้องไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปแน่นอน!
เขาตระหนักขึ้นมาได้ในพริบตา ขอบเขตการฝึกฝนของต้าเต๋อจะต้องเหนือยิ่งกว่าเขามาก ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถทำเช่นนี้ได้!
เขาอ้าปากค้าง ตระหนักได้ว่าเขาไปยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุเสียแล้ว หลี่จิ่วเต้าเองก็ต้องไม่ใช่ปุถุชนทั่วไปอย่างแน่นอน!
“ท่านลุง ตอนนี้ท่านจะตอบคำถามที่คุณชายถามได้หรือยัง?”
ต้าเต๋อกระโดดลงจากร่างของผู้ฝึกตนคนนั้น ก่อนจะนั่งยองลงไป มองผู้ฝึกตนคนนั้นด้วยสีหน้าใสซื่อ
“ได้แล้ว ได้แล้ว!”
ผู้ฝึกตนคนนั้นไม่กล้าแสร้งวางท่าใหญ่โตอีก รีบพูดออกมาทันทีว่า “มีผู้ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ท่านหนึ่งมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อฝึกฝนตน! ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นนำสมบัติล้ำค่าเหนือชั้นออกมาจำนวนมาก ต้องการจะแลกเปลี่ยนสิ่งของกับพวกเราเพื่อนำไปฝึกฝน!”
เขาเล่าทุกอย่างออกมาอย่างละเอียด ไม่มีขาดตกบกพร่องจุดใด
“โอ้ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
ดวงตาของหลี่จิ่วเต้าเปล่งประกาย เกิดความสนใจขึ้นมา
บรรพจารย์ฝูผู้นี้ดูแล้วเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งผู้คนจำนวนมากล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุด หากต้องการแลกเปลี่ยนสิ่งของจริง ๆ ก็นับเป็นเรื่องที่ไม่เลวอย่างมาก!
อย่างไรเสียสมบัติล้ำค่าที่ผู้ยิ่งใหญ่นำออกมาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เขาต้องการเห็นมัน และหากเป็นไปได้ เขาก็ต้องการแลกเปลี่ยนมันมา
“คุณชายต้องการไปดูหรือไม่?”
เซี่ยเหยียนที่อยู่ด้านข้างหลี่จิ่วเต้ามองออกว่า คุณชายต้องการจะลองไปดู นางจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากลองเข้าไปดูด้านหน้าเสียหน่อย” หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
พวกเขาอยู่ขอบวงนอกสุดห่างไกลจากพื้นที่ตรงนั้นเกินไป ด้านในเนืองแน่นไปด้วยสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่ถ้วน แม้ต้องการจะเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ตกลงคุณชาย!”
เซี่ยเหยียนหัวเราะ “เช่นนั้นพวกเราเข้าไปกันเถิด”
นางเดินนำพร้อมเอ่ยออกมาเสียงเรียบเฉย “รบกวนหลีกทางด้วย”
ด้านหน้าสุดคือจุดที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่สามารถมองเห็นสมบัติทุกชิ้นได้ ประเด็นสำคัญสุดอยู่ที่ได้ใกล้คิดกับบรรพจารย์ฝู ทำให้ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการอยู่แถวหน้าสุด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดยินยอมหลีกทางให้
ทว่าทันทีที่เซี่ยเหยียนปลดปล่อยลมหายใจตนเองออกมาเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตจำนวนมากก็พากันหลีกทางออกในพริบตา
พวกเขาต่างมองไปทางเซี่ยเหยียนด้วยดวงตายำเกรง!
จะไม่ให้ยำเกรงได้เช่นไร!
ตอนนี้เซี่ยเหยียนเป็นถึงกึ่งจักรพรรดิเซียน ลมหายใจที่นางปลดปล่อยออกมาเพียงเล็กน้อยก็ยังน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจทนรับได้ เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะเอาความกล้าจากที่ใดมาขวางทาง?
ไม่มีทางอย่างแน่นอน!
กระทั่งสิ่งมีชีวิตจากแดนเซียนก็ยังไม่กล้าขวาง
พวกเขาเป็นเพียงแค่เซียนเทียม ความแข็งแกร่งเหล่านั้นกระทั่งสิ่งมีชีวิตจากภพเซียนก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงได้ นับประสาอันใดกับการเปรียบเทียบเซี่ยเหยียน
พลังที่อยู่ในร่างของเซี่ยเหยียนนั้นแข็งเกร่งเหนือกว่าพลังโกลาหลหลายชั้น!
ผลที่อยู่ในร่างส่งผลแตกต่างเป็นอย่างมาก ยิ่งอยู่ในขอบเขตเดียวกันยิ่งสามารถเห็นได้ชัดเจน
ดังเช่น เมื่อซีต่อกรกับเหล่าจักรพรรดิเซียนของภพเซียน
การต่อสู้ในครั้งนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงช่องว่างความแตกต่างระหว่างพลังภายในร่าง
สิ่งมีชีวิตในภพเซียนฝึกตนด้วยพลังเซียน แต่ซีที่ฝึกฝนในแดนบรรพโกลาหล ย่อมฝึกฝนด้วยพลังโกลาหล พลังเซียนเองก็วิวัฒน์ขึ้นมาจากพลังโกลาหล ดังนั้นย่อมมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก หากจะกล่าวว่าไม่อาจเปรียบเทียบกันได้เลยก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
ความแตกต่างด้านคุณภาพ ไม่อาจชดเชยอย่างสมบูรณ์ได้ด้วยจำนวน
ยิ่งไปกว่านั้นวิชาที่ซีสำแดงออกมา ล้วนเป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบรรพโกลาหล อีกทั้งร่างกายของนางยังได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในทุกด้าน
รวมแล้วไกลเกินกว่าจักรพรรดิเซียนเหล่านั้นในภพเซียนจะสามารถเปรียบเทียบได้
ยามนั้นแม้จะเพิ่มพลังให้กับเหล่าจักรพรรดิเซียนอีกเท่าตัวก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ซีนั้นไม่อาจเทียบได้ ถึงขั้นอยู่คนละชั้นกันอย่างแท้จริง!
เซี่ยเหยียนนำหน้าเปิดทาง ส่วนพวกหลี่จิ่วเต้าเดินตามหลัง
‘ทรงพลังยิ่งนัก…’
หลี่จิ่วเต้าอดถอนหายใจภายในใจไม่ได้
เซี่ยเหยียนยังคงแข็งแกร่งและทรงพลังเหมือนเคย เหล่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหน้าต่างพากันหลีกทางให้เซี่ยเหยียนโดยไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ
ทว่าก็ยังมีคนไม่ยอมไว้หน้า
ขณะที่พวกเขาเดินมาจนใกล้ถึงด้านหน้าแล้ว ก็มีอสูรตนหนึ่งขวางอยู่ไม่ยอมหลีกทาง
อสูรตนนั้นอยู่ในขั้นจักรพรรดิเซียน มาจากแดนเซียน นับเป็นหนึ่งในสิบยอดฝีมือของภพเซียนเทียม
มันอยู่ในแถวแรก ได้ใกล้ชิดกับบรรพจารย์ฝูเป็นอย่างยิ่ง เช่นนั้นแล้วมันจะยอมหลีกให้ได้อย่างไร
เมื่อเซี่ยเหยียนเอ่ยวาจาให้หลีกทาง มันก็หันกลับมาจ้องเซี่ยเหยียน หากไม่ใช่เพราะมันไม่ต้องการจะใช้กำลังในสถานที่แห่งนี้ เพราะไม่อยากสร้างความประทับใจอันเลวร้ายต่อหน้าบรรพจารย์ฝู มันจะต้องตรงเข้าไปฉีกเซี่ยเหยียนออกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน!
มันเป็นถึงหนึ่งในสิบยอดฝีมือแห่งแดนเซียน ไฉนจะต้องหลีกทางให้ผู้อื่นโดยง่ายด้วย?
คิดอันใดอยู่กัน!
ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!
ทว่าเมื่อสายตาของมันสบเข้ากับดวงตาของเซี่ยเหยียน มันก็พลันสั่นสะท้านจนแทบจะทรุดร่างลงกับพื้น!
แววตานั่นคืออันใดกัน?
ประหนึ่งสามารถเจาะลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของมันได้!
มันไม่เคยพบเห็นแววตาที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน ราวกับว่าขอเพียงเซี่ยเหยียนต้องการ เพียงแค่จ้องมองก็สามารถสังหารมันจนสิ้นได้!
เช่นนั้นแล้ว มันยังจะเอาความกล้าจากที่ใดมาขัดขวาง?
รีบหลีกทางออกไปด้วยความหงอย
‘แข็งแกร่งยิ่งนัก เป็นที่พึ่งอันแสนมั่นคงและปลอดภัย!’
หลี่จิ่วเต้าอดชื่นชมในใจไม่ได้ ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของเขา ทุกเรื่องราวคลี่คลายได้เพราะเซี่ยเหยียนมีความแข็งแกร่งเพียงพอ!
พวกเขาเดินไปถึงด้านหน้าสุด และได้เห็นเหล่า ‘สมบัติ’ ที่ถูกวางไว้บนพื้น
‘ดีจริง ๆ! รู้สึกว่าพวกมันทรงพลังเสียยิ่งกว่าสมบัติที่อยู่ในมือของข้า!’
หลี่จิ่วเต้ามอง ‘สมบัติ’ ที่ถูกวางบนพื้นด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก หากมีโอกาสสามารถแลกเปลี่ยนได้ เขาก็ต้องการจะแลกเปลี่ยนพวกมันมา
ชายหนุ่มอดลอบถอนหายใจไม่ได้ บรรพจารย์ฝูสมแล้วที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน การกระทำของเขาเองก็ล้ำลึกจนผู้คนไม่อาจคาดเดาได้โดยง่าย
การนำสมบัติเหล่านี้ออกมาแลกสิ่งของที่ธรรมดากว่า มีเพียงแค่ผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานเช่นบรรพจารย์ฝูเท่านั้นที่สามารถทำได้
ผู้ฝึกตนคนอื่นไม่อาจทำเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของบรรพจารย์ฝูทางอ้อมอีกด้วย
‘สมบัติ’ บนพื้นล้วนดูเหนือชั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าดวงตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแทบจะลุกเป็นไฟ แต่ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าออกมาแย่งชิง ‘สมบัติ’ เหล่านี้
สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บรรพจารย์ฝูนั้นแข็งแกร่งมากเพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม
ขณะเดียวกัน นี่ก็ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในความแข็งแกร่งของ ‘สมบัติ’ เหล่านี้มากยิ่งขึ้น เขาจึงต้องการจะแลกเปลี่ยนมัน
‘ที่แท้ก็เป็นเขา!’
ลั่วสุ่ยคิดกับตัวเอง มองออกมาว่าบรรพจารย์ฝูคือผู้ใด
ที่แท้ก็เป็นชายชราผู้นั้นที่มาหลอกหลวงพวกเขา
รูปลักษณ์โฉมหน้าของบรรพจารย์ฝูในตอนนี้ ไม่เหมือนกับชายชราในยามนั้นแม้แต่น้อย แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ทว่าแม้รูปลักษณ์หน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่ลมหายใจไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ นางเพียงได้พบบรรพจารย์ฝูครู่เดียว ก็สามารถสัมผัสได้ว่าลมหายใจของบรรพจารย์ฝูนั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ตอนนี้นางสามารถจดจำได้แล้ว
นางกลายเป็นบรรพจารย์เซียนเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นเดียวกับบรรพจารย์ฝู ทว่าบรรพจารย์ฝูนั้นไม่อาจเทียบกับนางได้แม้แต่น้อย ความแตกต่างที่มีนั้นมากเกินไป
บรรพจารย์เซียนแต่กำเนิดนั้นไม่อาจเทียบได้กับผู้ที่ก้าวสู่ขั้นบรรพจารย์เซียนได้ด้วยตนเอง อีกทั้งพลังที่ใช้ฝึกฝนในร่างของลั่วสุ่ยนั้นอยู่เหนือชั้นยิ่งกว่าพลังในร่างกายของบรรพจารย์ฝูหลายขั้น ยิ่งทำให้บรรพจารย์ฝูไม่อาจเปรียบเทียบได้มากกว่าเดิม
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า หากลั่วสุ่ยและบรรพจารย์ฝูต่อสู้กัน ลั่วสุ่ยจะสามารถสังหารบรรพจารย์ฝูได้อย่างง่ายดายโดยการโบกมือเพียงครั้งเดียว ความแตกต่างนั้นห่างชั้นกันถึงปานนี้!
‘นี่เป็นหลุมพรางที่สร้างขึ้นมาเพื่อพวกเราโดยเฉพาะ!’
ลั่วสุ่ยมองเหล่า ‘สมบัติ’ บนพื้นออกอย่างรวดเร็ว พวกมันล้วนแล้วแต่ไร้ค่าไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
เมื่อนึกถึงเรื่องแลกเปลี่ยนสิ่งของขึ้นมาแล้ว นางก็เข้าใจได้ในทันทีว่า บรรพจารย์ฝูต้องการแลกศาสตราเหล่านั้นกลับไป!
‘คิดอันใดอยู่! กล้าเล่นลูกไม้ต่อหน้าคุณชายอย่างนั้นหรือ!’
ลั่วสุ่ยอดรู้สึกขบขันขึ้นมาไม่ได้ แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดบรรพจารย์ฝูจึงแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่การที่บรรพจารย์ฝูคิดว่าจะสามารถเล่นลูกไม้เช่นนี้กับพวกนางได้ นับเป็นเรื่องน่าขันยิ่ง
ในที่สุดก็มาแล้ว!
หลังจากที่บรรพจารย์ฝูเห็นพวกหลี่จิ่วเต้าเดินมาถึงด้านหน้า ภายในใจก็คิดว่าพวกหลี่จิ่วเต้าช่างโลภในของราคาถูกเสียจริง!
‘ดีมาก! ข้ายังกลัวว่าพวกเจ้าจะไม่คิดโลภของราคาถูกจนไม่มาเสียแล้ว! ตอนนี้พวกเจ้ามาแล้วก็เตรียมตัวตกหลุมพลางของข้าได้เลย!’
คิดในใจอย่างมั่นใจ เขาฟื้นฟูพลังของบรรพจารย์เซียนกลับมาแล้ว ยังจะต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีก?
ย่อมไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด!
‘เริ่มการแสดงของข้าได้!’
บรรพจารย์ฝูกล่าวกับตนเอง เตรียมพร้อมเริ่มการแสดง
เขาต้องการทำให้พวกหลี่จิ่วเต้าทุกคนร่ำไห้ออกมา!
[1] คุณชายเฉียน (签公子) หมายถึง ดาราชายคนหนึ่งที่โดนคดีล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์
[2] คุณชายซวี (虚公子) หมายถึง ดาราชายอีกคนที่โดนประเด็นเรื่องผิดศีลธรรมและไม่ให้เกียรติผู้หญิง [3] คุณชายเฉียนซวี คือ การนำชื่อของทั้งสองมารวมกัน มีความหมายล้อเลียนเชิงว่า ไร้น้ำยา จอมปลอม
บรรพจารย์ฝูเปล่งแสงเจิดจ้า ยิ่งดูเหนือชั้นมากกว่าเดิม พลังบรรพจารย์เซียนแผ่กระเพื่อม ราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งในใต้หล้า สามารถบงการทุกสรรพสิ่ง!
เพียงแค่เขาเปิดปากเอ่ยออกมาอย่างเรียบง่าย ภายในเสียงก็มีเต๋าแฝงอยู่ ประหนึ่งว่าตัวเขาเองนั้นคือมหาเต๋า ทุกวาจาราวกับเป็นกฎเกณฑ์
“ข้ามาตามบัญชาสวรรค์เพื่อมอบโชคชะตาให้! สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ไม่แบ่งแยกสูงหรือต่ำ มีเพียงผู้เดียวที่จะสามารถก้าวไปยังเส้นทางใหม่ของหนทางแห่งการฝึกฝน!”
เขากล่าวอธิบายออกมา สิ่งมีชีวิตที่มารวมตัวกันมีจำนวนมากเกินไป เขาไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับทุกคนได้ อย่างไรเสีย ‘สมบัติ’ ก็มีอยู่อย่างจำกัด
“มาดูกันเถิด ว่าผู้ใดคือผู้ที่ถูกลิขิตเอาไว้!”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม ปากพูดพึมพำออกมา ราวกับกำลังพยากรณ์อยู่
เสียงฟิ้วดังขึ้น มีแสงเจิดจ้าสว่างวาบขึ้นบนท้องนภา อักขระที่ดูลึกล้ำซับซ้อนปรากฏขึ้นก่อนตัวเป็นเส้นแสง พุ่งลงไปเบื้องหน้าสิ่งมีชีวิตตนหนึ่ง
“เจ้ากับข้านับว่ามีวาสนา ในเมื่อถูกสวรรค์เลือกโดยการส่งลำแสงลงมา ครั้งนี้เจ้าก็มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนกับข้า โปรดก้าวมาเบื้องหน้าเพื่อทำการแลกเปลี่ยน”
บรรพจารย์ฝูแสดงท่วงท่าสง่างาม เคร่งขึมราวกับอยู่เหนือโลกหล้า สว่างพร่างพรายเกินไปจนน่าตื่นตะลึง ทุกคนต่างอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ นี่คือท่วงท่าของผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน!
ทว่ากิเลนเพลิงกลับอดมองด้วยความเหยียดยามไม่ได้ ต้องการจะขึ้นไปถีบบรรพจารย์ฝูสักครา
มันอยู่ในขั้นที่สองของขอบเขตโกลาหล ลูกไม้ของบรรพจารย์ฝูเมื่ออยู่ต่อหน้ามันล้วนไม่อาจปกปิดได้ ถูกมองออกอย่างรวดเร็ว ผู้ถูกสวรรค์เลือกอันใดกันไร้สาระ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นกลโกงของบรรพจารย์ฝู
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
สิ่งมีชีวิตที่ถูกลำแสงเลือกกู่ร้องด้วยความดีใจ อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
เขามาจากแดนเซียน ทั้งยังแข็งแกร่งไม่น้อย เป็นถึงขั้นยอดเซียน แต่ก็ยังคงอดดีใจอย่างถึงที่สุดไม่ได้เมื่อถูกรับเลือก ‘สมบัติ’ เหล่านั้นที่อยู่บนพื้น ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างถึงที่สุดสำหรับเขา หากได้รับมันมาจะต้องมอบผลประโยชน์อันไม่อาจจินตนาการได้ให้กับตนอย่างแน่นอน!
สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ต่างอดมองด้วยความอิจฉาไม่ได้ ภายในใจต่างหวังว่าจะเป็นผู้ที่ถูกเลือกในครั้งต่อไป
ยอดเซียนผู้นั้นก้าวออกไปเบื้องหน้า ไม่กล้าจะเล่นเล่ห์แต่อย่างใด แม้ว่าบรรพจารย์ฝูจะไม่ได้กล่าวว่าต้องใช้ศาสตราที่ดีที่สุดของเขามาแลกเปลี่ยน แต่เขาก็ไม่กล้าทำเรื่องจกตา หยิบเอาศาสตราที่แข็งแกร่งที่สุดในตัวออกมาทำการแลกเปลี่ยน
“ให้ข้าอธิบายความสามารถของ ‘สมบัติ’ เสียก่อน หลังจากนั้น เจ้าค่อยตัดสินใจว่าจะทำการแลกเปลี่ยนหรือไม่”
บรรพจารย์ฝูอธิบายความสามารถของ ‘สมบัติ’ ทั้งหมดออกมา ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างก็ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น นี่นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าถึงที่สุดอย่างแท้จริง ทุกอย่างล้วนมีความสามารถสะท้านฟ้า!
อย่างเช่นดินโกลาหล สามารถให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง กระทั่งเมล็ดหญ้าธรรมดายังสามารถเติบโตกลายเป็นโอสถล้ำค่าสะท้านฟ้าได้
อีกหนึ่งตัวอย่างคือ น้ำพิสุทธิ์ไร้ราก ควบแน่นขึ้นจากแก่นแท้ฟ้าดิน ใช้เวลาร้อยล้านปีในการกลั่นออกมาสักหยด สามารถเพิ่มขอบเขตการฝึกฝนได้อย่างมาก ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตที่สูงขึ้น!
หลังจากฟังคำอธิบายความสามารถของสมบัติเหล่านี้แล้ว ยอดเซียนผู้นั้นก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมา เขาอยากได้พวกมันทั้งหมด ทว่าน่าเสียดายที่มีโอกาสแลกเปลี่ยนได้เพียงแค่ครั้งเดียว
ในที่สุด เขาก็เลือกดินโกลาหล
กระทั่งเมล็ดหญ้าธรรมดายังสามารถเติบโตเป็นโอสถระดับสะท้านฟ้า เขาคิดว่าดินโกลาหลนี้ดีกว่าสิ่งของอย่างยิ่ง ด้วยดินโกลาหลจะทำให้เขาสามารถปลูกโอสถล้ำค่าจำนวนมากได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด มอบผลประโยชน์ในระยะเวลายืนยาว
“เจ้าสามารถทดลองดูได้ ให้ทุกคนเป็นพยานพิสูจน์ว่า คำพูดของข้าเป็นความจริง”
บรรพจารย์ฝูแย้มยิ้มแผ่วบาง
“ข้าเชื่อท่านผู้อาวุโส ไม่จำเป็นต้องทดลองแต่อย่างใด!” ยอดเซียนผู้นั้นเอ่ยออกมา
ดินโกลาหลเหล่านี้ เปล่งแสงโปร่งใส สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอันอุดมสมบูรณ์กว้างใหญ่ไพศาลด้านในดินโกลาหลเหล่านี้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ของปลอม!
“ลองดูเถิด”
บรรพจารย์ฝูยืนกราน หลังจากนั้นก็หักกิ่งไม้จากต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียงออกมาปลูกลงบนดินโกลาหล
พรึ่บ!
แสงส่องสว่างเรืองรองออกมา กิ่งไม้แตกหนออย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่ถึงอึดใจมันก็เติบใหญ่กลายเป็นต้นไม้สูงตระหง่าน เต็มไปด้วยใบไม้สีเขียวขจี ขุมปราณชีวิตนั้นแข็งแกร่งจนแทบจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“เจ้าสามารถให้คนอื่นก้าวขึ้นมาทดลองดูว่า ต้นไม้นี่กลายเป็นโอสถล้ำค่าจริงหรือไม่!”
บรรพจารย์ฝูหัวเราะออกมา ก่อนให้ยอดเซียนผู้นั้นเลือกใบไม้มาทำการทดสอบ
ยังต้องทดสอบอีกหรือ?
ยอดเซียนผู้นั้นคิดว่า สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องทดสอบแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าต้นไม้ใหญ่กลายเป็นโอสถล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เขาก็เข้าใจความต้องการของบรรพจารย์ฝู อีกฝ่ายต้องการจะพิสูจน์ความจริงของ ‘สมบัติ’ เหล่านี้
เขาทำได้แต่เพียงข่มกลั้นเด็ดใบไม้ส่วนหนึ่งออกมาอย่างไม่เต็มใจ ก่อนแจกจ่ายให้กับสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อย
หลังจากที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นได้รับใบไม้ไปแล้ว ต่างก็พากันนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น กินใบไม้ลงไปพร้อมกลั่นพลังทันที
ร่างกายของพวกเขามีแสงเปล่งประกายออกมา ขณะเดียวกันภายในร่างก็ได้ยินเสียงแตกดังขึ้น ฝูงชนต่างสัมผัสได้ว่าพลังของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
“ทะลวงแล้ว! ขั้นมหาจักรพรรดิ ตอนนี้ถึงกับก้าวเข้าสู่ขั้นตี้หวง!”
“มีคนตรงนั้นอีก? กลายเป็นเซียนแล้วอย่างนั้นหรือ? ข้าสัมผัสได้ว่าบนร่างของเขาเหมือนกำลังเปล่งพลังเซียนออกมา!”
เสียงอุทานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานที่แห่งนี้พลันเดือดพล่าน เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ได้กินใบไม้เข้าไปต่างเกิดความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งล้วนแล้วแต่เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง!
สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทอประกายร้อนแรงมากยิ่งขึ้น สมบัติทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องจริง จริงจนไม่มีทางที่จะจริงไปมากกว่านี้ พวกเขาต่างเต็มไปด้วยความคาดหวังปรารถนา
หลี่จิ่วเต้าเองก็อดประหลาดใจไม่ได้ ช่างสมกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่เสียจริง มาเพื่อมอบโชควาสนาการเปลี่ยนแปลงโดยแท้!
เขาเริ่มเกิดความอยากได้ขึ้นมาแล้ว หวังว่าตนจะได้รับโอกาสทำการแลกเปลี่ยนบ้าง
จะดินโกลาหล หรือจะน้ำพิสุทธิ์ไร้รากก็ดี ทำให้หัวใจที่ปลดปลงเรื่องการฝึกตนมาอย่างยาวนานเริ่มสั่นคลอน เขาสามารถใช้สิ่งของเหล่านี้ก้าวเดินไปบนเส้นทางการฝึกตนได้หรือไม่?
“มาเริ่มต่อเถิด”
บรรพจารย์ฝูเริ่มอีกครั้ง ลำแสงสาดส่องลงมายังยอดฝีมือเผ่ามนุษย์คนหนึ่ง อีกทั้งยังมีถึงลำแสงถึงสามเส้น
“ลำแสงสามเส้น โอกาสสามครั้ง ข้าหวังว่าเจ้าจะเลือกให้ดี”
เขาหัวเราะออกมา
ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ผู้นั้นไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบก้าวออกมาทำการแลกเปลี่ยน เขาคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องการจะแลกเปลี่ยนสิ่งใดบ้าง
หลังจากนั้นบรรพจารย์ฝูก็ดำเนินการต่อ เลือกสิ่งมีชีวิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ให้ก้าวมาด้านหน้าเพื่อแลกเปลี่ยน
ครั้งนี้เขาเตรียมสิ่งของมาเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะแลกเปลี่ยนออกไปแล้วไม่น้อย แต่ก็ยังเหลืออีกมากมาย
ส่วนสิ่งมีชีวิตที่ได้รับโอกาสแลกเปลี่ยน ทั้งหมดต่างตื่นเต้นถึงขีดสุด ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของตนทำบุญสั่งสมมากี่รุ่นจึงได้รับโชควาสนาครั้งใหญ่เช่นนี้!
สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ พากันมองด้วยความอิจฉา นี่เป็นวาสนาที่ถึงขั้นสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาได้!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อได้รับ ‘สมบัติ’ เหล่านี้แล้ว พลังของตัวพวกเขาเองจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อแดนบรรพโกลาหลปรากฏขึ้นก็จะสามารถช่วงชิงโอกาสได้มากกว่าเดิม
‘ตื่นเต้นอันใดไร้สาระ! พวกเจ้าทั้งหมดกำลังถูกหลอกแล้ว!’
กิเลนเพลิงมองออกทุกสิ่งตั้งแต่ต้น เมื่อได้เห็นท่าทางตื่นเต้นของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้แล้ว มันก็เค้นเสียงออกจมูก หากไม่ใช่เพราะคุณชายยังอยู่ตรงนี้มันจึงไม่กล้าก่อเรื่อง มันคงตรงเข้าไปถีบหน้าบรรพจารย์ฝูด้วยกีบเท้าของมันนานแล้ว
เห็นบรรพจารย์ฝูแสร้งวางท่าใหญ่โตเช่นนี้แล้ว มันก็นึกรังเกลียดเป็นอย่างยิ่ง เกิดความรู้สึกอยากจะเหยียบหน้าของบรรพจารย์ฝูอย่างแรงกล้า
นอกจากนี้ มันเองก็ยังไม่เข้าใจอยู่บ้าง
กระทั่งมันยังสามารถมองลูกไม้เหล่านี้ของบรรพจารย์ฝูได้ ไม่ต้องกล่าวถึงคุณชายเลย
ทว่าคุณชายกลับมองดูด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้มันรู้สึกไม่เข้าใจจริง ๆ
‘ความคิดของคุณชายไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถคาดการณ์ได้!’
แม้มันจะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าก่อเรื่องวุ่นวาย คุณชายต้องมีความคิดของตนเองอยู่แล้ว มันไม่กล้าก้าวก่ายแต่อย่างใด
“ผู้ที่ถูกสวรรค์เลือกในครั้งนี้ ถือว่ามีโชควาสนากับข้าอย่างใหญ่หลวง คนผู้นั้นสามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างไม่จำกัดจำนวน จะแลกเปลี่ยน ‘สมบัติ’ ทั้งหมดไปก็ย่อมได้ ไม่รู้ว่าผู้ใดกันที่มีมหาวาสนากับข้า!”
บรรพจารย์ฝูกล่าวออกมา
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มดำเนินการต่อทันที บนท้องฟ้าสูงปรากฏแสงสว่างไสวเจิดจ้ากว่าก่อนหน้าเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทำคนตาพร่าไม่อาจมองได้!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ลำแสงเจิดจ้าเส้นแล้วเส้นเล่าตกลงมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ตกลงบนร่างของหลี่จิ่วเต้า
ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดของบรรพจารย์ฝู สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็สามารถเข้าใจได้ว่าหลี่จิ่วเต้าคือผู้ที่มีมหาวาสนา!
“น่าอิจฉายิ่งนัก!”
“ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!”
สายตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจับจ้องไปทางหลี่จิ่วเต้า สามารถแลกเปลี่ยน ‘สมบัติ’ ทั้งหมดได้ หลี่จิ่วเต้านับว่าโชคดีเกินไปจริง ๆ!
‘เป็นอย่างที่คาดไว้จริง ๆ’
ลั่วสุ่ยเอ่ยอย่างเย้ยหยันขึ้นมาในใจ สุดท้ายบรรพจารย์ฝูก็เผยหางออกมาแล้ว ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเพียงแค่การปูบทเข้าจุดสำคัญเท่านั้น
เป็นเขาหรือ?
หลี่จิ่วเต้ารู้สึกเกินคาดอยู่บ้าง
“มาแลกเปลี่ยนกันเถิด สหายของข้า ระหว่างพวกเรานั้นมีมหาวาสนาอยู่!”
บรรพจารย์ฝูกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ